The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-BOOK Anatomy นางสาวกานติมา หนูทอง ครั้งที่5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kantimamai098, 2021-10-25 14:44:55

E-BOOK Anatomy นางสาวกานติมา หนูทอง ครั้งที่5

E-BOOK Anatomy นางสาวกานติมา หนูทอง ครั้งที่5

48

กล้ามเนอื้ แขนสว่ นตน้

Biceps brachii เปน็ กล้ามเนอ้ื ด้านหน้าของตน้ แขน มีทเี่ กาะสว่ นบนแยก 2 ทาง คือ เกาะจาก

Coracoid process และSupraglenoid tubercle ไปยงั Tuberosity ของกระดกู ปลายแขนท่อนนอก
(Radius) ทำหน้าที่งอตน้ แขนและปลายแขน หมนุ แขนเขา้ และดึงออก

Brachialis เป็นกลา้ มเนอ้ื ต้นแขนท่อี ยตู่ รงกลางค่อนมาด้านลา่ ง เกาะจากกระดกู ต้นแขนไปยัง

Tuberosity ของกระดูกปลายแขนทอ่ นใน (Ulna) ทำหน้าทงี่ อขอ้ ศอก

Coracobrachialis เกาะจาก Coracoid process ของกระดกู สะบกั ไปยังก่ึงกลางของกระดกู ตน้

แขน ทำหนา้ ที่งอตน้ แขน

Triceps brachii เปน็ กลา้ มเน้ือดา้ นหลังของตน้ แขน ปลายบนแยก 3 ทางเกาะท่กี ระดกู สะบักหนึง่ ที่

และอีก 2 ทางเกาะท่ีกระดกู ตน้ แขน และมจี ดุ เกาะปลายท่ีกระดูกปลายแขนท่อนใน (Ulna) กลา้ มเนื้อมดั
น้ีจะทำหนา้ ทตี่ รงกันขา้ มกับกล้ามเน้อื Biceps brachii คอื ทำหนา้ ทเี่ หยียดปลายแขน

49

กล้ามเน้ือสว่ นปลายแขน

Flexor carpi radialis เป็นกล้ามเนื้อทอ่ี ย่ดู า้ นหน้าของปลายแขน มีจุดเกาะทกี่ ระดกู ต้นแขนแลว้

มาเกาะที่กระดกู ฝา่ มอื ชนิ้ ที่ 2 และ 3 ทำหน้าท่ีงอข้อมอื และกางมือ

Palmaris longus เป็นกล้ามเนื้อทอ่ี ยู่ทางดา้ นหน้าของแขน จดุ เกาะต้นเรมิ่ จากกระดูกต้นแขนไปยงั

กระดูกปลายแขน แล้วกลายเป็นเอ็น (Tendon) ไปเกาะทฝ่ี ่ามอื ทำหน้าทง่ี อข้อมอื

Flexor carpi radialis เปน็ กล้ามเนื้อท่ีอยูด่ า้ นหน้าของปลายแขน มีจดุ เกาะท่ีกระดกู ตน้ แขนแลว้

มาเกาะทีก่ ระดูกฝ่ามอื ช้นิ ท่ี 2 และ 3 ทำหน้าทง่ี อขอ้ มอื และกางมอื

Flexor carpi ulnaris เป็นกล้ามเนอ้ื ทอ่ี ยทู่ างดา้ นหลงั ของกระดูกปลายแขนทอ่ นใน (Ulna)ผา่ นมา

ทข่ี ้อมือ ทำหนา้ ทีง่ อข้อมือ

Extensor carpi radialis longus เปน็ กลา้ มเนือ้ ท่มี จี ุดเกาะตน้ จากกระดูกตน้ แขนแลว้ ไปเกาะที่

กระดกู ฝา่ มือทางด้านหลงั ทำหน้าที่กางและเหยยี ดขอ้ มือ

Extensor digitorum เปน็ กลา้ มเนอื้ ทมี่ จี ุดเกาะตน้ จากกระดูกตน้ แขน และมปี ลายเป็นเอ็น 4 อันไป

เกาะยงั กระดกู นิว้ มอื ท้ัง 4 นิว้ ทำหนา้ ท่เี หยียดนิว้ มือและข้อมอื

50

กล้ามเนอ้ื สว่ นมือและนว้ิ
Thenar eminence เปน็ กลา้ มเนื้อหัวแมม่ อื เกาะที่ฝา่ มือ โดยเฉพาะทไ่ี ดฐ้ านหัวแม่มอื จะเห็นเปน็

เนนิ ชัดเจน ทำหนา้ ท่งี อนว้ิ หัวแมม่ ือ

Hypothenar eminence เปน็ กล้ามเนือ้ ทอ่ี ยู่ใตน้ ว้ิ กอ้ ย มีรอยนนู เด่นชัด ทำหน้าท่ีงอนวิ้ ก้อย

Dorsal interosseus เป็นกลา้ มเนือ้ ทีก่ ระดกู ฝา่ มอื ช้นิ ที่ 1 และ 2 ผ่านมาเกาะทีน่ ิ้วชี้ ทำหน้าทกี่ าง

นวิ้ ช้แี ละหมุนหวั แม่มอื

Abductor pollicis เกาะอยู่ทฐ่ี านของน้ิวหวั แมม่ ือ ทำหน้าที่งอนิ้วหัวแมม่ ือ

51

กล้ามเนื้อส่วนสะโพกและขา Muscle of the lower limb

กลา้ มเนือ้ สว่ นสะโพกและก้นกบ
Gluteus maximus เป็นกล้ามเน้อื มัดใหญ่ และหนา้ ทส่ี ุดของส่วนสะโพก มจี ุดเกาะท่ี Ilium และ

Sacrum ของกระดูกเชิงกราน แลว้ ไปเกาะยงั กระดูกต้นขา ทำหน้าท่เี หยยี ดขา กางต้นขา หมนุ ต้นขา ไป
ทางดา้ นขา้ ง

Tensor fasciae latae เปน็ กลา้ มเนอ้ื ทางดา้ นขา้ งของสะโพก เกาะอยู่ทส่ี ว่ นหนา้ ของกระดูกเชิง

กรานทำหน้าท่ีกางและหมนุ ขาเขา้ ด้านใน

กลา้ มเนื้อสว่ นโคนขา

Biceps femoris เปน็ กล้ามเนอื้ ในกลา้ มเนื้อกลุ่มเอน็ หลังต้นขาดา้ นลา่ ง จุดเกาะเร่มิ จากกระดกู

Ischiumและกระดกู ตน้ ขาไปยังส่วนหวั ของกระดูกปลายขาท่อนเล็ก (Fibula)ทำหนา้ ท่ีเหยยี ดตน้ ขาและ
งอเข่า

Rectus femoris เป็นกล้ามเนอ้ื ในกลุ่มด้านหนา้ ของตน้ ขา (Anterior group)เป็นกล้ามเนือ้ มัดใหญ่

อยทู่ างด้านหน้าของตน้ ขา จดุ เกาะเร่ิมจากกระดกู lliumไปยังกระดกู ปลายขาท่อนใหญ่ (Tibia) ทำหนา้ ท่ี
งอตน้ ขาและเหยียดปลายขา

Sartorius เป็นกล้ามเน้ือในกลมุ่ ดา้ นหน้าของตน้ ขา มีลกั ษณะยาวแบนพาดเฉียงบนโคนขา จดุ เกาะเริม่

จาก Iliac spine ไปยงั ส่วนบนของกระดกู ปลายขาท่อนใหญ่ (Tibia)ทำหนา้ ทงี่ อตน้ ขา และปลายขา

52

กลา้ มเนอ้ื สว่ นปลายขา

Tibialis anticus เปน็ กล้ามเนอ้ื ในกล่มุ ด้านหนา้ ของปลายขา เกาะจากด้านขา้ งของกระดกู ปลายขา

ท่อนใหญ่ (Tibia) และจากผังผดื ซง่ึ ยึดระหว่างกระดกู ปลายขาทอ่ นใหญ่และทอ่ นเลก็ และเกาะทกี่ ระดูก
ฝ่าเทา้ ทำหนา้ ทก่ี ระดกขอ้ เท้า และบดิ ขอ้ เท้าเข้าดา้ นใน

Gastrocnemius เปน็ กลา้ มเนอ้ื ในกลุ่มดา้ นหลังของปลายขา เปน็ กลา้ มเนื้อนอ่ งเกาะจากส่วนปลาย

ของกระดูกตน้ ขาทง้ั สองดา้ น สว่ นปลายกลายเป็นเอน็ เกาะทีก่ ระดูกส้นเท้า (Achillis tendon) ทำหน้าที่
งอหลงั เท้าเหยยี ดนว้ิ เทา้ ถบี ฝ่าเท้าลงและช่วยงอเขา่ ดว้ ย

Soleus เป็นกลา้ มเนื้อใหญ่ รปู รา่ งคลา้ ยปลาอยใู่ น

Gastrocnemius ทำหน้าทีง่ อฝา่ เทา้

53

กลา้ มเน้ือส่วนเทา้

Flexor hallucis longus เกาะจากด้านหลังของกระดูกช่วงลา่ ง สว่ นปลายเปน็ เอ็นเกาะทกี่ ระดูก

หวั แมเ่ ทา้ ท่อนปลายทำหนา้ ท่ีงอปลายนว้ิ หัวแมเ่ ท้า ทำหน้าที่กระดกขอ้ เทา้ ลง และบิดเทา้ เข้าดา้ นใน

Extensor digitorum brevis เปน็ กล้ามเน้อื ดา้ นหลงั เทา้ ตรงปลายเปน็ เอ็นไปเกาะท่นี ิ้วเท้าท้งั 4

ยกเวน้ นิ้วหวั แม่เท้า ทำหน้าทเี่ หยียดขอ้ ของนิว้ เทา้ ท้งั 4

Adductor hallucis เป็นกลา้ มเน้อื ที่อยู่ลึกสดุ ทำหนา้ ท่เี หยยี ดหัวแม่เทา้

Flexor digitorum brevis เปน็ กลา้ มเนอ้ื บรเิ วณอุง้ เทา้ ทำหนา้ ท่ชี ว่ ยในการเคลื่อนไหว เป็น

กล้ามเนอ้ื ท่ีควบคมุ การเคล่ือนไหวของเทา้ เวลาเดนิ

54

SKELETAL SYSTEM

55

กระดกู Skeletal

หมายถึงระบบท่ีประกอบดว้ ยกระดูก bones
กระดูกอ่อน Cartilages
ขอ้ ตอ่ และเอน็ ยดึ กระดูก Joint and Ligament

หนา้ ทข่ี องกระดูก
- ปอ้ งกนั อวัยวะภายใน
- ค้ำจนุ รา่ งกาย ทำให้รา่ งกายเปน็ รปู ร่าง
- สามารถเคลอ่ื นไหวได้
- มกี ารสรา้ งเมด็ เลือด
- มีการเกบ็ สะสมแคลเซียม

56

การจำแนกกระดูก
กระดูกแบน Flat bone

ได้แก่ กระดูกกะโหลกศรี ษะ ทเ่ี รยี กว่า Diploe กระดกู ซ่โี ครง กระดูกสะบัก เป็นต้น มี 38 ช้ิน
1. เร่มิ จาก mesenchymal cell มาเรยี งตัวชิดกันเปน็ แผ่น และเซลลท์ ่รี ปู ร่างเปน็ Osteoblast
สร้าง bone matrix
2. ตอ่ มามกี ารนำเสนอแคลเซยี มจากเลือดมาตกผลึกท าให้ matrix แขง็ เปล่ียนเปน็ รปู รา่ งเป็น
osteocyte อยใู่ นช่อง lacunae และ osteoclast จะตกแต่งกระดูกใหม้ ี spongy bone ดา้ นในและ
compact bone ดา้ นนอก

กระดูกยาว long bone
จุดเริ่มต้น ท่ีตอนกลางกระดกู เจริญไปตามยาวทัง้ 2 ด้านน้ี เรียกวา่ Diaphysis
จดุ ตอ่ ไป ทป่ี ลายกระดกู ทง้ั 2ดา้ น เจรญิ เปน็ รศั มไี ปบรรจบกบั จดุ เรม่ิ ตน้
ท่ปี ลายกระดกู ทั้งสองดา้ น เรียกกระดูกนวี้ ่า Eppihysis ที่ปลายกระดูก ได้แก่กกระดกู ยาว กระดูกขา เป็น
ต้น มี 90 ชิ้น
1.กระดกู เด็ก ยงั แทนทกี่ ระดกู อ่อนไม่หมด ทำให้เด็กยงั สูงได้อีกและกระดกู อ่อนท่เี หลือเรยี กวา่
epiphyseal plate
2. กระดกู ผู้ใหญ่ การเจริญเตบิ โตเป็นกระดูกหมดแลว้ จะอยู่ทอ่ี ายปุ ระมาณ18-25ปี พบเรียงรอยตอ่
เรียกว่า epiphyseal line

57

กระดกู สนั้ Short bones
เปน็ กระดกู ท่อสั้นๆ หมุ้ ดว้ ยกระดกู ทบึ เปน็ กระดูกที่มีความกวา้ งและความยาวใกลเ้ คียงกนั รูปรา่ งเป็น
ก้อน ๆ ตัวอยา่ งเชน่ กระดูกข้อมือ กระดูกข้อเท้า เปน็ ตน้ มี 30 ชน้ิ

กระดกู รูปแปลก Irregular bones
เปน็ กระดกู รปู ร่างไมแ่ นน่ อน มลี ักษณะคลา้ ยกระดูกสน้ั ไดแ้ ก่ กระดูกสันหลงั กระดกู ขมบั เป็นตน้ 46 ชิ้น

58

ชนดิ ของกระดกู

1.กระดกู ยาว (Long bone)
-กระดูกตน้ แขน
-กระดูกต้นขา

2.กระดกู สนั้ (Short bone)
-กระดูกข้อมอื
-กระดูกข้อเทา้
-กระดกู สะบา้

3.กระดกู แบน (Flat bone)
-กระดกู หนา้ อก
-กระดูกกะโหลก

4.กระดกู รูปแปลก(Irregular bone)
-กระดกู สนั หลงั

59

มนุษยม์ กี ระดกู ท้ังหมด 206 ชนิ้ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื
❖ กระดกู แกนกลางของรา่ งกาย (Axial Skeleton ) มที งั้ หมด 80 ช้นิ ไดแ้ ก่

1.กะโหลก-skull มี28 ชนิ้
-Cranial bone กระดกู กะโหลกศรี ษะ 8 ชิ้น
-Facial bone กระดกู ใบหน้า 14 ช้ิน
-Bone of ear กระดูกหู 6 ชิ้น

2. กระดูกคอ-Hyoid bone ม1ี ชนิ้

3. กระดกู สันหลัง-Vertebrae 26 ชิน้ ในเดก็ มี 33 ชิน้
- กระดกู สนั หลงั สว่ นคอ (Cervical vertebrae) 7 ชิ้น
- กระดกู สันหลงั ส่วนอก (Thoracic vertebrae) 12 ชิ้น
- กระดูกสนั หลังส่วนเอว (Lumbar vertebrae) 5 ชิ้น
- กระดกู กระเบนเหน็บ (Sacrum vertebrae) 1 ชิน้
- กระดกู ก้นกบ (Coccyx vertebrae) 1 ชน้ิ

60

4.กระดูกโครงอก-Thoracic cage มี 25 ชิน้

กะโหลก-skull มี 28 ชนิ้

Cranial bone กระดกู กะโหลกศีรษะ 8 ช้นิ
- กระดกู หนา้ ผาก (Frontal bone) 1 ชนิ้
- กระดูกด้านข้างศรี ษะ (Parietal bone) 2 ชน้ิ
- กระดกู ขมับ (Temporal bone) 2 ชน้ิ
- กระดกู ท้ายทอย (Occipital bone) 1 ช้นิ
- กระดกู ขอื่ จมกู (Ethmoid bone) 1 ช้นิ
-กระดูกรปู ผเี ส้ือ (Sphenoid bone) 1 ชน้ิ

Facial bone กระดกู ใบหนา้ 14 ช้นิ
- กระดกู กนั้ ชอ่ งจมกู (Vomer) 1 ชน้ิ
- กระดกู ข้างในจมูก (Inferior nasal concha) 2 ชนิ้
- กระดกู จมกู (Nasal bone) 2 ชน้ิ
- กระดูกถุงน้ำตา (Lacrimal bone) 2 ชิ้น
- กระดกู โหนกแกม้ (Zygomatic bone) 2 ช้ิน
- กระดกู เพดานปาก (Palatine bone) 2 ช้ิน
- กระดกู ขากรรไกรบน (Maxillary) 2 ชนิ้
-กระดกู ขากรรไกรล่าง (Mandible) 1 ชน้ิ

Bone of ear กระดูกหู 6 ช้ิน
- กระดกู รูปคอ้ น (Malleus) 2 ช้ิน
- กระดกู รูปทง่ั (Incus) 2 ชิน้
- กระดกู รูปโกลน (Stapes) 2 ช้นิ

61

1. กระดูกคอ-Hyoid bone มี 1 ชิ้น

2. กระดกู สันหลงั (Vertebrae) 26 ชิ้น
- กระดกู สันหลงั ส่วนคอ (Cervical vertebrae) 7 ชิ้น
- กระดูกสันหลงั ส่วนอก (Thoracic vertebrae) 12 ชน้ิ
- กระดกู สันหลังส่วนเอว (Lumbar vertebrae) 5 ชนิ้
- กระดูกกระเบนเหน็บ (Sacrum vertebrae) 1 ชน้ิ
- กระดูกก้นกบ (Coccyx vertebrae) 1 ชน้ิ

62

4. กระดูกโครงอก-Thoracic cage มี 25 ชนิ้

กระดกู หนา้ อก (Sternum) 1 ชิ้น

กระดกู ซีโ่ ครง (Ribs) 24 ชน้ิ 12 คู่
1.กระดกู ซโี่ ครงคทู่ ่ี 1-7 เรียกว่า กระดกู ซีโ่ ครงแท้
(true ribs)
2.กระดูกซีโ่ ครงคู่ที่ 8-10 เรยี กว่า กระดูกซโ่ี ครงไมแ่ ท้
(false ribs)
3. สว่ นกระดกู ซ่ีโครงคู่ท่ี 11 และ 12 จะเปน็ ซสี่ น้ั ๆจึง
เรียกวา่ ซี่โครงลอย (floating ribs)

63

❖ กระดูกระยางค์ (Appendicular Skeleton) มที ง้ั หมด 126 ช้ิน ไดแ้ ก่
กระดกู แขน Upper extremities มที ้ังหมด 64 ชน้ิ ข้างละ 32 ชนิ้

กระดกู ไหปลาร้า Clavicle กระดูกสะบัก Scapula
-มที งั้ หมด 2 ชิน้ ข้างละ 1 ชน้ื -มที งั้ หมด 2 ชิ้น ข้างละ 1 ชื้น

64

กระดูกต้นแขน Humerus bone
มีท้งั หมด 2 ชน้ิ ข้างละ 1 ชน้ิ

กระดูกปลายแขน Radius bone กระดูกปลายแขน Ulna bone
-มีทงั้ หมด 2 ชิน้ ขา้ งละ 1 ชิน้ -มที ง้ั หมด 2 ช้นิ ข้างละ 1 ชนิ้

65

กระดกู ข้อมือ Carpal bone
-มที ั้งหมด 16 ช้ิน ข้างละ 8 ชน้ิ

กระดกู ฝา่ มือ metacarpal
-มที ้ังหมด 10 ชิ้น
ข้างละ 5 ช้นิ

กระดกู นว้ิ มอื Phalanges
-มีทง้ั หมด 28 ชิ้น
ข้างละ 14 ชนิ้

66

▪ กระดกู ขา Lower extremities มที ั้งหมด 62 ช้นิ ขา้ งละ 31 ช้นิ

กระดูกเชงิ กราน pelvic girdle
-มที ั้งหมด 2 ช้ิน
ข้างละ 1 ช้ิน

กระดกู ต้นขา femur
-มีท้ังหมด 2 ช้ิน
ข้างละ 1 ชิน้

67

กระดูกสะบา้ patella
-มที ั้งหมด 2 ชนิ้

กระดูกปลายขา tibia
-มที ั้งหมด 2 ชิ้น
ข้างละ 1 ชิ้น

กระดกู ปลายขา fibula
-มีทั้งหมด 2 ชิ้น
ข้างละ 1 ชน้ิ

กระดกู ขอ้ เทา้ tarsal
-มที ้งั หมด 14 ชิน้
ข้างละ 7 ช้นิ

68

กระดูกฝา่ เท้า metatarsal
-มีทั้งหมด 10 ช้นิ
ข้างละ 5 ช้นิ

กระดกู นิ้วเทา้ phalanx
-มีท้ังหมด 28 ชนิ้
ข้างละ 14 ชน้ิ

69

DIGESTIVE
SYSTEM

70

อวัยวะในระบบระบบย่อยอาหารประกอบด้วย
• ทอ่ ทางเดินอาหาร
(Alimentary Canal or Digestive tract)
• อวยั วะที่ช่วยในการย่อย
(Accessory digestive organs)

71

ทอ่ ทางเดินอาหาร
(DIGESTIVE TRACT หรือ ALIMENTARY CANAL)

มีลักษณะเปน็ ท่อยาว ประกอบด้วย
• ปาก (Mouth or Oral Cavity)
• หลอดคอ (Pharynx)
• หลอดอาหาร (Esophagus)
• กระเพาะอาหาร(Stomach)
• ลำไส้เลก็ (Small intestine)
• ลำไสใ้ หญ่(Large intestine)
• ทวารหนกั (Rectum)
• ท่อทวารหนกั (Anal Canal)

อวัยวะทช่ี ่วยในการย่อย
(ACCESSORY DIGESTIVE ORGANS)

• ลน้ิ (Tongue)
• ฟนั (Teeth)
• ตอ่ มนำ้ ลาย (Salivary glands)
• ตบั อ่อน (Pancreas)
• ตับ (liver)
• ถงุ น้ำดี (Gallbladder)

72

หนา้ ที่ของระบบยอ่ ยอาหาร
1. ผลกั ดนั อาหารใหเ้ คลื่อนท่ี
2. สรา้ งเอนไซมแ์ ละน้ำหลอ่ ลนื่
3. ย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหาร
4. ดดู ซมึ นำ้ และอเิ ลค็ โทรไลท์
5. กำจัดของเสียหรอื สารพิษ

ท่อทางเดินอาหาร (DIGESTIVE TRACT)
• เปน็ ทอ่ ทต่ี ดิ กนั ต้งั แตป่ ากจนถงึ ทวารหนกั
• มีเยื่อบุ 4 ชน้ั เรยี งจากชนั้ ในออกไปสูช่ น้ั นอก

Mucosa ทอี่ ยขู่ องต่อมต่าง ๆทขี่ บั นำ้ ยอ่ ย
Submucosa ทำดว้ ย Areolar tissue
เปน็ ทอี่ ยขู่ องเส้นเลอื ด เสน้ ประสาทและหลอดน้ำเหลอื ง
Muscularis กลา้ มเน้ือเรียงทบั กนั สองชัน้
ชั้นในเซลล์เรยี งเปน็ วงกลมโดยรอบ (Circular fold)
ชัน้ นอกเซลล์เรียงทอดตามแนวยาว (Longitudinal)
Serosa หรือ Adventitia
Fibrous coat และใตก้ ระบงั ลมคือ Peritoneum

73

โครงสรา้ งทอ่ ทางเดินอาหาร

74

1.ชอ่ งปาก (Mouth or oral cavity )

ชอ่ งปาก คือ ชอ่ งว่างด้านในของริมฝปี าก ประกอบด้วย
• รมิ ฝปี าก (Lips)
• ฟัน (Teeth)
• ลิน้ (Tongue)
• ต่อมนำ้ ลาย
ช่วยในการบดเค้ยี วให้อาหารละเอียดลงและย่อยง่ายขน้ึ

รมิ ฝีปาก (Lips)
• รมิ ฝีปากบนและล่างอยู่รอบๆชอ่ งปาก
• กล้ามเนือ้ เรยี บ Orbicularis oris และ Buccinator
• ดา้ นในเป็น Mucous membrane
• พ้นื ดา้ นหนา้ และดา้ นขา้ งประกอบดว้ ยรมิ ฝีปากและแก้ม
• พ้ืนดา้ นบนประกอบด้วยเพดานออ่ นและเพดานแขง็
• พื้นดา้ นลา่ งประกอบด้วยลนิ้
• Vestibule ดา้ นนอกฟัน
• Oral cavity proper ดา้ นในฟัน
• Uvula

ล้นิ (Tongue)
• อวัยวะรับรส ช่วยเคยี้ ว พดู กลนื
• ประกอบดว้ ยกล้ามเน้อื ลาย เรียงตัว 3 แนว ต้งั นอน เฉียง
• ดา้ นบนเปน็ Mucous membrane และ Receptor ที่รับรสตา่ ง ๆ เรยี กว่า Taste bud
• ด้านบนมปี ุ่มมากมายเรียกว่า Lingual papillae
• ใต้ลิน้ มี lingual frenulum ยึดใตโ้ คนลน้ิ ใหต้ ดิ กบั เพดานปาก

75

ตอ่ มน้ำลาย (Salivary gland)
• อยภู่ ายในปาก เปน็ ต่อมมที ่อ ช่วยสรา้ งนำ้ ลาย
• มี 3 คู่
• ต่อมนำ้ ลายใตห้ ู (Parotid gland) ใหญท่ ่ีสดุ
มที อ่ เรียกวา่ Stensen’s duct
• ต่อมนำ้ ลายใต้ขากรรไกร (Submaxillary or submandibular gland)
มีท่อเรยี กวา่ Wharton’s duct
• ตอ่ มนำ้ ลายใต้ลิน้ (Sublingual gland)

ฟนั (Teeth)
• ฝังอยบู่ รเิ วณ Alveolar process ของกระดูกขากรรไกรบนและลา่ ง
• ทำหน้าที่บดเคีย้ วอาหาร ชว่ ยออกเสียงพูด ทำให้แกม้ คงรูป
• ส่วนประกอบของฟนั
• รากฟัน (Root)
• ตัวฟัน (Crown)
• คอฟัน (Neck)
• สว่ นประกอบภายในฟัน
• เคลือบฟนั (Enamel)
• เน้ือฟนั (Dentine)
• โพรงฟนั (Pulp Cavity)
• Cement

หลอดคอ (Pharynx)
เป็นทอ่ รปู กรวย ปลายบนกวา้ ง ปลายลา่ งแคบ
• เรม่ิ จากทางดา้ นหลังของโพรงจมูกลงไปทางดา้ นหลังของช่องปากและกลอ่ งเสยี ง จนถงึ หลอดอาหาร
• ผนังคอหอยประกอบด้วยกล้ามเน้ือเรยี บช่วยในการกลนื อาหาร
• แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
• Nasopharynx
หลงั ช่องจมูกถงึ เพดานอ่อน

76

• Oropharynx
เพดานออ่ นถึงกระดกู โคนลิน้ (Hyoid bone)
• Laryngopharynx กระดูกโคนลน้ิ ถึงขอบล่างของกระดกู Cricoid

หน้าท่ี • ชว่ ยในการทำใหเ้ กดิ เสียง
• เปน็ ทางผ่านของอาหารจากปากไปสหู่ ลอดอาหาร เมอ่ื กลนื อาหารกล้ามเนอ้ื คอหอยจะดงึ กล่องเสยี งขึน้
และขยายออกเพอ่ื รบั อาหารหลังจากน้นั กลา้ มเน้อื คอหอยจะหยอ่ นตวั ทำให้อาหารเคลื่อนลงสูห่ ลอดอาหาร

หลอดอาหาร (Esophaous)

• เป็นทอ่ ประกอบด้วยกลา้ มเนอื้ ยาวประมาณ 10 นิ้ว ต่อจาก Pharynx
• วางตัวอยหู่ ลังหลอดลม(Trachea) และหน้าตอ่ กระดกู สนั หลงั
• ต่อมาจากสว่ นปลายของ laryngopharynx เขา้ สชู่ อ่ งอก (Thorasic cavity)
• ลอดผา่ นกระบงั ลมเขา้ สกู่ ระเพาะอาหาร ซ่ึงอย่ใู นชอ่ งท้อง (Abdominal Cavity)

หนา้ ทข่ี องหลอดอาหาร
• รับอาหารจากหลอดคอ เพื่อลงไปสู่กระเพาะอาหาร
• โดยการบบี รดั ตัวของผนงั กลา้ มเน้ือหลอดอาหาร
เรยี กวา่ Peristalsis movement
• สร้างสารเมอื กหล่อลน่ื อาหารใหเ้ คลอื่ นที่

77

กระเพาะอาหาร (Stomach)
- เป็นอวยั วะตงั้ อยใู่ นชอ่ งทอ้ งใต้กลา้ มเนื้อกระบงั ลม
- ทางชายโครงดา้ นซา้ ย (Left hypocondriac region)
- มีรูปร่างคลา้ ยตวั เจ
- ด้านบนต่อมาจากหลอดอาหาร
- ดา้ นลา่ งเปดิ ติดตอ่ กับลำไสเ้ ลก็ สว่ นตน้ (Duodenum)
- รูปร่างและขนาดเปลยี่ นแปลงได้ขนึ้ อยู่กบั จำนวนอาหารท่ีรับประทาน
- สามารถจุได้ 2-3 ลติ ร
- ภายในกระเพาะอาหารมี Gastric fluid และ Mucin หล่อลื่นตลอดเวลา

กระเพาะอาหารแบง่ เป็น 4 ส่วน คอื
1. Cardia เปน็ ส่วนท่ีอยรู่ อบรเู ปดิ ของหลอดอาหาร
2. Fundus เปน็ สว่ นกระพงุ้ กลมท่ีอย่ทู างซ้ายเหนือส่วนตอ่ cardia
3. Body เป็นสว่ นทีใ่ หญ่ทสี่ ุดอยู่ตรงสว่ นกลางของกระเพาะอาหาร
4. Pylorus เปน็ สว่ นท่แี คบทส่ี ุดอยู่บรเิ วณปลายล่างกระเพาะอาหารติดตอ่ กบั ลำไส้เลก็ ส่วน duodenum

หน้าท่ีกระเพาะอาหาร

1. เป็นที่พักและกักเกบ็ อาหารก่อนสง่ เขา้ ลำไส้
2. สรา้ งและหลง่ั นำ้ ย่อย ซ่ึงประกอบด้วย กรดเกลือ
สารเมือกและน้ำยอ่ ย
• Pepsin
• Renin
• Lipase
3. ทำหน้าทค่ี ลุกเคล้าอาหารใหผ้ สมกบั นำ้ ย่อย โดยการหดรดั ตัวของ
กลา้ มเนือ้ ทีผ่ นงั กระเพาะ เป็นผลให้อาหารอยู่ในรูปกง่ึ แข็งกงึ่ เหลว

78

ลำไสเ้ ล็ก (Small intestine)
• ส่วนท่ียาวทสี่ ดุ ของทอ่ ทางเดินอาหาร
• มีลักษณะเปน็ ทอ่ ทีข่ ดไปมายาว 4-5 เมตร
• เรม่ิ ต้งั แต่ Pyloric sphincter ของกระเพาะอาหารขดไปมาจนกระท่งั เปิดเขา้ สลู่ ำไสใ้ หญ่
• เป็นสว่ นท่มี กี ารย่อยและการดดู ซึมอาหารเขา้ สู่กระแสเลือดเป็นส่วนใหญ่ โดยอาศัยน้ำย่อยจากตบั อ่อน
น้ำดีจากตับ และนำ้ ยอ่ ยจากลำไสเ้ ล็ก

หนา้ ท่ีของลำไส้เลก็ (Small intestine)
• หลง่ั น้ำยอ่ ยออกมายอ่ ยอาหาร (Digestive function)
• Peptidase
• Lactase
• Sucrase
• Maltase
• Intestinal lipase
• การเคลื่อนไหว (Intestinal motility)
• Segmental contraction เคลือ่ นไหวหดตัวเพอ่ื คลกุ เคลา้ อาหารกับน้ำยอ่ ยชว่ ยใหด้ ูดซึมใหด้ ขี ึ้น
• Pendular movement การหดตวั แบบวงแหวนเพอ่ื เคลื่อนตวั ไปข้างหนา้ และถอยหลงั กลบั
• Peritalsis movement การเคลอื่ นแบบลูกคลน่ื ชว่ ยผลักไลอ่ าหาร

ลำไสใ้ หญ่ (Large intestine)
• เป็นส่วนที่ตอ่ จากลำไส้เล็ก มคี วามยาว1.5 เมตร
• เริ่มจากส่วนปลายของลำไสเ้ ล็กส่วนIlium ไปจนถึง anus
• ถกู ยดึ ติดกับผนงั ช่องท้องทางดา้ นหลังโดยเยอ่ื บชุ อ่ งทอ้ ง เรยี กว่า Mesocolon
• ทำหนา้ ท่ขี บั ถา่ ยกากเหลอื จากการยอ่ ยและผลผลติ ต่าง ๆ ทีเ่ กดิ จากขบวนการปฏกิ ิรยิ าต่าง ๆ
ในร่างกายออก

แบ่งเป็น 4 ส่วน คือ
1. Cecum
2. Colon
3. Rectum (ไสต้ รง)
4. Anal canal

79
เย่ือบผุ นงั ลำไสใ้ หญ่
1. Serosa: เยือ่ บุชอ่ งท้องทหี่ ้มุ
2. Muscularis: มี 2 ชั้น กล้ามเน้ือชั้นนอกจะมีการหนาตัวขึน้ เปน็ แถบตามยาว 3 แถบ เรยี กวา่ Taeniae
coli แรงตงึ ตวั ท าให้ลำไสใ้ หญ่มลี กั ษณะเป็นกระพงุ้ สลบั กบั รอยคอดเรยี กวา่ Sacculations
3. Submucosa:
4. Mucosa: บุด้วย Simple columna epithelium cells ไมม่ ี Villiไม่มีการดดู ซมึ หรือย่อยอาหาร ชว่ ย
ดดู น้ำและสารละลายบางอยา่ งกลับคนื เพอ่ื ให้เกิดความสมดลุ ระหว่างนำ้ และสารละลายภายในร่างกาย

ตบั (Liver)
• เปน็ ต่อมทีใ่ หญ่ท่สี ุดในร่างกาย
• อยบู่ นสุดซีกขวาของชอ่ งทอ้ ง ใตก้ ระบงั ลมและยาวยน่ื ผา่ นแนวกลางลำตวั ไปดา้ นซีกซ้าย
• มลี กั ษณะอ่อนนุม่
• มีรปู คลา้ ยสามเหลย่ี ม มสี ว่ นฐานอยทู่ างดา้ นขวา และส่วนยอดช้ไี ปทางด้านซ้าย
• เกอื บทุกส่วนของตบั จะมซี ่ีโครงปอ้ งกนั อยู่
• มี Falciform ligament แบ่งซ้าย ขวา

80

หน้าทขี่ องตบั
1. เป็นแหลง่ เกบ็ เลือด
2. ทำลายสง่ิ แปลกปลอมในกระแสเลอื ด Detoxification และ Phagocytosis
3. สร้างนำ้ ดไี ปชว่ ยย่อยอาหารไขมนั ในลำไสเ้ ลก็ ส่วน Duodenum
4. สร้างสารปอ้ งกันการแขง็ ตัวของเลือด (Coagulating factors) เชน่ Prothrombin และ Fibrinogen
5. เป็นแหลง่ สะสมวิตามินและแร่ธาตุตา่ ง ๆ เช่น A, D, B12, ธาตุเหล็กและทองแดง
6. ควบคมุ Metabolism ของคารโ์ บไฮเดรต ไขมัน และโปรตนี
7. สร้างเมด็ เลอื ด (เฉพาะในชว่ งที่เป็น Embryo)
8. สลายฮโี มโกลบนิ
9. ทำลายสง่ิ ทเี่ ปน็ พษิ ต่อรา่ งกาย และกำจดั แอมโมเนียในเลือด โดยเปลย่ี นเปน็ ยเู รีย ส่งไปท่ีไตเพือ่ กำจดั
ออกนอกร่างกาย

ตบั ออ่ น (Pancreas)
❖ วางตัวอย่ดู ้านหลงั ของช่องทอ้ งตรงกระดูกสันหลงั ระดบั เอว ท่ี 1-2
❖ ส่วนหวั ตดิ กบั โคง้ Duodenum
❖ ส่วนหางตดิ กบั มา้ ม
❖ ตรงกลางมที ่อเรยี กว่า Pancreatic duct
❖ ทำหน้าทส่ี รา้ งน้ำยอ่ ยเปิดเข้า Pancreatic duct

81

ตบั อ่อนแบง่ เปน็ 4 สว่ นคือ

❖ สว่ นหัว (Head) วางอยสู่ ว่ นโคง้ ของ duodenum
❖ สว่ นคอ (Neck)
❖ส่วนตวั (Body)
❖ ส่วนหาง (Tail) จะจรดกบั ม้าม

แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ตามการทำหนา้ ท่ี
1. Exocrine Part สร้างน้ำยอ่ ย (Pancreatic joice)
• Trypsin
• Amylase
• Lypase
• Polypeptidase
• Dipeptidase
2. Endocrine Part สร้างฮอร์โมนเรียกวา่ Islets of Langerhans สร้างอนิ ซลู ิน

ถงุ น้ำดี (Gall bladder)

• มลี กั ษณะคลา้ ยลูกแพร์ อยทู่ างดา้ นลา่ งของตบั ด้านหนา้
• แบง่ ออกเปน็ 3 ส่วน
1.Fundus เปน็ ส่วนปลายทมี่ ลี ักษณะกวา้ ง
2. Body เป็นบริเวณสว่ นใหญ่ของถงุ น้ำดี
3. Neck อยู่ใกล้กับ cystic duct

82

• หน้าทีเ่ ก็บนำ้ ดที ี่สรา้ งมาจากตบั และทำให้
น้ำดีมีความเขม้ ขน้ ขนึ้

เยอื่ บุถงุ นำ้ ดี
1. Mucosa: เป็น Mucous membrane เซลล์ชนดิ Simple columnar epithelium
2. Muscularis:
3. Serosa and adventitia: ซ่งึ มาจาก Peritoneum

หนา้ ท่ขี องนำ้ ดี
• ดูดซึมการยอ่ ยไขมัน
• ขบั สแี ละของเสียออกนอกรา่ งกาย
• ดูดซึมวิตามึน A และ K
• เปน็ Co-enzyme ของ Pancreatic lipase
• Bile ช่วยควบคมุ Cholesteral และยับย้ังการทำงานของThromboplastin

83

MALE
REPRODUCTIVE

AND
URINARY SYSTEM

84

ระบบทางเดินปัสสาวะและอวัยวะสืบพันธุเ์ พศชาย
male reproductive and urinary system

ไต Kidneys
เหมอื นเมด็ ถ่วั แดง
ด้านบนมีกอ้ นสามเหล่ยี มเรยี กว่า adrenal glands มหี ลอดเลอื ด
renal artery หลอดเลอื ดแดง
renal vein หลอดเลอื ดดำ

85

Kidneys (cut)
renal Capsule เยอื่ หุ้มไต
renal cortex เปลอื กไต
renal medulla ส่วนกลางห่อหุ้ม renal Pyramids อยู่
renal Pyramids ลกั ษณะเปน็ สามเหลย่ี มพีระมดิ
renal pelvis กรวยไต
ureter ทอ่ ไต

renal artery (หลอดเลอื ดแดงใหญ่)
มีแขนงเล็ก ๆ เกิดขนึ้ เป็นหลอดเลอื ดฝอยมตี ัว
กรองเปน็ ลา้ นๆ

renal vein (หลอดเลือดดำใหญ)่ นำเลอื ดทม่ี ี
ออกซิเจนต่ำ
สารอาหารสารท่ดี ูดกลับออกจากไต

nephron
หน่วยกรองมีเป็นล้านหนว่ ยอยูใ่ น renal
pyramids

86

ส่วนท่อท่ขี ดุ มกั อยูใ่ น renal Pyramids , renal medulla

ส่วนท่เี ป็นหนว่ ยกรองมกั อยูใ่ น renal cortex

องคป์ ระกอบของ Glomerulus
เลอื ดดเี ข้า Afferent arteriole
เลอื ดเสยี ออก Efferent arteriole

กระเพาะปัสสาวะ urinary bladder

ด้านหลงั
ท่อ ureter สอดท่ดี ้านหลังกระเพาะปสั สาวะทั้งสองขา้ ง
มีถุงเก็บอสุจิ seminal vesicle
ด้านลา่ งคอื ตอ่ มลูกหมาก Prostate grands

ดา้ นหน้า
urinary bladder ต่อกับทอ่ ปสั สาวะ urethra มีต่อมห่อหุม้ ท่อปัสสาวะเรยี กวา่ Prostate
grands มีหูรดู สามารถบังคบั ได้

87

น้ำปสั สาวะ urine
เหลือง/ใสขน้ึ อยู่กับปริมาณท่ที านและประเภทของอาหาร 1200 ถึง 1500 cc/วัน
สว่ นประกอบของน้ำปัสสาวะนำ้
ปัสสาวะ 95%
Solids 5%

สารอนิ ทรีย์ (organic matter)
Urea , creatinine , uric acid

สารอนนิ ทรีย์ (inorganic matter)
Na,K,Mg,NH3

การถา่ ยปสั สาวะ Micturition
-น้ำปสั สาวะลงผา่ น ureters
-เขา้ สู่ กระเพาะปสั สาวะ urinary bladder
-มีปรมิ าณ 250-300 cc แลว้ แตข่ นาดของคน
-ไปกระตนุ้ stimulate sensory nerve-ending

อยากถ่ายปัสสาวะ

กระเพาะปสั สาวะบบี ตัวเอาปัสสาวะออก
สารท่ีไมค่ วรออกมา Alb , Glucose , Acetone , ก้อนนว่ิ , หนอง , เลือด

88

ระบบสืบพนั ธุ์ Male reproductive System

penis องคชาต

หัวขององคชาต เรยี กวา่ glans penis

Testicle ลูกอณั ฑะ
เกย่ี วข้องกับการสร้างเซลลส์ ืบพนั ธ/ุ์ สเปริ ม์
Scrotum หอ่ หมุ้ อยู่

Epididymis กา้ นอณั ฑะ
อย่บู นหัวคอง testicle
ส่งผา่ นทอ่ divided vas deferens
ไปเก็บท่ี seminal vesicle ถุงพักอสุจิ

External sexual organs : ภายนอก
1. Penis อวัยวะเพศของเพศชายทใี่ ชส้ ืบพนั ธ์ุ
ทำหนา้ ทเี่ ปน็ ท่อปัสสาวะ

2. scrotum ควบคมุ อณุ หภมู ใิ หพ้ รอ้ มในการสรา้ งอสจุ ิคือ 34 องศา
Internal structures from continue tube : ภายใน

89

1. testicle/testis
สรา้ งเซลลส์ ืบพันธเ์ุ พศชาย

2. epididymis
เกบ็ ตัวอสจุ เิ พื่อใหแ้ ขง็ แรงมากขึ้น

3. vas deferens
ตอ่ จาก epididymis
ตอ่ ไปยังถุงเกบ็ อสจุ ิ (Seminal vesicle)
เป็นทางผ่านของตวั อสุจเิ ข้าสู่ท่อปสั สาวะ

4. ejaculatory duct
เปน็ ท่อที่ท าหน้าท่เี ชอ่ื มตอ่ ระหว่าง seminal vesicle กบั urethra

5. urethra in penis
สว่ นเดียวกันกบั สว่ นทอ่ี ย่ใู นระบบทางเดนิ ปสั สาวะ urethra

90

Accessory organs : อวัยวะเคร่ืองประดบั
1. seminal vesicle
อยดู่ ้านหลังกระเพาะปัสสาวะ
สรา้ งอาหารเพ่ือใช้หลอ่ เลยี้ งตวั อสจุ ิ

2. prostate gland
ตอ่ จากกระเพาะปสั สาวะ
หอ่ ห้มุ ทอ่ ปัสสาวะไว้
ผลิตน้ำเมือกและนำ้ หล่อเลี้ยงตัวอสุจิ

3. Cowper's gland
อยทู่ สี่ ่วนหลังด้านขา้ งของสว่ นทเี่ ป็นเย่อื บทุ ่อปัสสาวะ
สร้างสารหล่อลนื่ ท่อปสั สาวะในขณะเกิดการกระตุน้ ทางเพศ

91

Penis : องคชาต

ประกอบไปด้วยเนอ้ื เยื่อที่มีความยดื หย่นุ ลอ้ มรอบ urethra ไว้

มปี ลอ้ งเนอื้ 2 ส่วน
1. corpus cavernosa
มดี ้านบน 2 ชน้ิ Trabeculae , Cavemosal space
มรี เู หมือนฟองนำ้ เลือดสบู ฉดี เข้าไดม้ คี วามยดื หยนุ่ มีการกน้ั เปน็ ผังผดื เรยี กวา่ septum

2. corpus spongiosum
เปน็ ฟองน้ำหมุ้ urethra ไว้อยู่ตรงกลางตามแนวยาว

มผี ลทำใหก้ ารขยายตัวหรอื แข็งตวั โดยอวยั วะเพศโดยการเติมเลือด

Scrotum : เยอื่ หมุ้ อณั ฑะ
ชว่ ยปรบั อุณหภมู ิใหเ้ หมาะสมกบั การใชช้ ีวิตให้อยูร่ อดของสเปิร์ม
-อณุ หภมู ิต่ำ scrotum หดตวั ตงั้ ตรง
-อุณหภูมสิ ูง scrotum คลายตัว หนอ่ ยคล้อย

testicle : ลกู อณั ฑะ
1. สร้างสเปิรม์
2. สองขา้ งจะไม่เท่ากัน
Epididymis : กา้ นอณั ฑะ

92

1. ลกั ษณะเป็นวงรี
2. วางบน testicle
3. สรา้ งสเปิรม์

เมอื่ สมบรู ณ์ จะส่งผา่ นท่อ vas deferens ไปยัง seminal vesicle
Vas deferens : หลอดนำ้ อสุจิ
1. ทอ่ ลำเลยี งต่อจาก epididymis
2. ปลายทางคอื seminal vesicle
3. เป็นทอ่ กลวง

Ejaculatory duct : ทอ่ น้ำอสุจิ

1. เชอ่ื มต่อกบั vas deferens
2. เปน็ ท่อสนั้ ๆ
3. เชื่อมกับส่วนของ prostate grand
4. เช่ือมกับส่วนของ urethra
5. เปน็ สามแยก

urethra : ท่อปสั สาวะ

1. ทางผา่ นของอสุจิ
2. ทางผ่านของน้ำปสั สาวะ
seminal vesicle : ถงุ พกั อสุจิ

93

1. เปน็ คู่ 2 ขา้ งหลงั bladder
2. ขนาด 5 cm
3. สามารถสรา้ งสารคัดหล่งั เหลืองออ่ น fructose
4. มีสารอาหารของอสจุ ิ

Cowper's gland : ตอ่ มคาวเปอร์

1. กระตนุ้ เมือ่ มคี วามรู้สึกทางเพศ
2. หล่ังสารหลอ่ ลื่น
3. ทำให้ urethra มคี วามพรอ้ ม

Prostate gland : ต่อมลูกหมาก

1. เตมิ ของเหลวให้กบั ตวั อสุจิ
2. เปน็ แหล่งพลงั งานให้สเปิรม์ เข้าไปอยใู่ นถงุ
3. ลดความเปน็ กรดให้สภาพสเปริ ์มสืบพนั ธไ์ุ ด้

Semen : น้ำอสุจิ

1. สารคัดหลง่ั
2. ผสมอยู่ในอสจุ ิ เมือก
3. มีการหลัง่ สาร 3 cc
4. fluids จาก spermatic duct 30% prostate fluids 60%

สเปริ ม์ ท่ีสมบรู ณ์

94

95

RESPIRATOY
SYSTEM

96

การหายใจของคนประกอบด้วย 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ
1 การหายใจภายนอก External respiration เป็นการนำอากาศเขา้ สโู่ หมดการแลกเปลีย่ น
แกส๊ ระหวา่ งบทกบั เลือด
2 การหายใจภายใน Internal respiration การขนส่งแก๊สจากเลือดไปยังเซลลแ์ ละเนือ้ เยื่อ
ซ่ึงจะให้ได้พลงั งานในรปู ของความรอ้ นทำให้รา่ งกายอบอนุ่ และ ATP ทน่ี ำไปใชใ้ น
กิจกรรมตา่ ง ๆของเซลล์ซงึ่ เป็นจดุ ประสงคส์ ำคัญทส่ี ุดของการหายใจ

จมกู และปาก Notes and Mouse

97

ทง้ั จมูกและปากจะตอ่ ถึงคอหอยและหลอดลมคอได้อากาศเมอ่ื เขา้ ไปส่รู จู มูกแลว้ กจ็ ะเข้าส่โู พรง
จมกู
ทโี่ พรงจมกู จะมขี นเสน้ เลก็ ๆ และต่อมน้ำมันชว่ ยในการกรองและจับฝุ่นละอองไม่ให้ผา่ นลง
ปอด

คอหอย Pharynx

คอหอย เป็นบริเวณท่ีพบกันของชอ่ งอากาศจากจมูกและช่องอาหารจากตากอากาศจะผา่ นเข้า
ส่กู ลอ่ งเสยี ง
larynx ที่กล่องเสยี งจะมีอวยั วะทีท่ ำหนา้ ทใ่ี นการปดิ เปิดกล่องเสยี งและวา่ ฝาปิดกลอ่ งเสียง
ป้องกนั ไมใ่ หอ้ าหารตกลงสู่หลอดลม


Click to View FlipBook Version