๖๘
๖ - ๗ ปี ดูหนงั สือรว่ มกบั เด็กอีกคนหนึ่ง***
เข้ารว่ มในกลุ่มเดก็ เพ่ือดูภาพจากหนงั สือ***
เข้าร่วมเลน่ เกมท่ีมกี ารเคล่อื นไหวโดยผูใ้ หญค่ อยกระตุน้ ***
ปฏบิ ตั ติ ามกฎหรือกตกิ าการเล่นทีค่ รอู ธบิ ายดว้ ยวาจา***
เล่นเลยี นบทบาทของผ้ใู หญ*่ **
เลอื กของเลน่ ชนดิ ต่างๆ มาสมมุติเปน็ เหตุการณ์งา่ ยๆ***
รอใหถ้ ึงผลดั การเลน่ ของตนโดยผู้ใหญ่คอยกระตุ้น***
เขา้ ร่วมเล่นเกมที่มกี ารเคล่ือนไหวดว้ ยตนเอง***
เลน่ หรือแสดงบทบาทสมมตุ เิ ป็นเรื่องเปน็ ราว***
อธิบายกฎเกณฑ์ หรอื กตกิ าการเล่น หรือกิจกรรมให้เพื่อนฟัง
อายุ ตวั บง่ ชี้ ๘.๓ ปฏบิ ตั ติ นเบื้องต้นในการเป็นสมาชิกทด่ี ีของสังคม
๓ – ๔ ปี
๔ – ๕ ปี สภาพที่พึงประสงค์ /
พัฒนาการท่ีคาดหวงั
๕ – ๖ ปี
ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลง**
มีส่วนร่วมสรา้ งข้อตกลงและปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง **
ปฏิบตั ติ นเป็นผูน้ าและผู้ตามได้ด้วยตนเอง**
ประนีประนอมแก้ไขปัญหาโดยปราศจากการใช้ความรนุ แรง เมอ่ื มีผู้ ชี้แนะ
**
อยรู่ ่วมกับผู้อนื่ อยา่ งเหมาะสม******
ปฏบิ ตั ติ ามกติกาหรือมารยาททางสงั คมได้อย่างเหมาะสม******
ปฏิบตั ิตนเป็นผนู้ าและผู้ตาม**
ยอมรบั การประนีประนอมแก้ไขปัญหาเมื่อมผี ชู้ ีแ้ นะ**
มีส่วนรว่ มสรา้ งขอ้ ตกลงและปฏิบัติตามข้อตกลงดว้ ยตนเอง**
ปฏบิ ัตติ นเป็นผนู้ าและผตู้ ามได้เหมาะสมกับสถานการณ์**
ประนีประนอมแก้ไขปัญหาโดยปราศจากการใช้ความรุนแรงด้วยตนเอง**
๖๙
๔. พฒั นาการด้านสตปิ ญั ญา ประกอบด้วย ๔ มาตรฐาน คอื
มาตรฐานท่ี ๙ ใช้ภาษาส่ือสารไดเ้ หมาะสมตามศักยภาพ
ตัวบง่ ช้ี ๙.๑ รบั รูแ้ ละเข้าใจความหมายของภาษาได้
อายุ สภาพทพี่ ึงประสงค์ /
แรกเกดิ -๑เดอื น พฒั นาการที่คาดหวงั
แรกเกิด-๑เดือนครง่ึ
สะดุ้งหรอื เคล่ือนไหวร่างกายเมอ่ื ได้ยินระดับเสยี งพูดในปกติ***** / ****
แรกเกดิ -๒ หนั หน้าไปหาเสยี งดัง เช่น ตบมือ เขย่ากระด่ิง ***
เดอื น หนั ตามแหลง่ ทีม่ าของเสียงได้ ******
๒-๔ เดือน สามารถตอบสนองต่อคาพดู ของผ้อู ่นื ได้ ******
ตอบสนองตอ่ เสยี ง**
อายุ มองหนา้ ผู้พดู คุยได้นาน ๕ วินาที **** / *****
๓ เดือน หยุดฟงั เสียง และหันตามเสียงเคาะ**
๔-๖ เดอื น
๕ – ๖ เดอื น สภาพที่พงึ ประสงค์ /
พฒั นาการทค่ี าดหวัง
๖ เดือน
๖-๙ เดอื น ยม้ิ ตอบสนองเสียงพูดท่ีอ่อนโยนและใบหนา้ ยิ้มแย้ม ***
สามารถหันตามแหล่งทม่ี าของเสียงได้******
๗ เดอื น หันตามเสยี งจอ้ งมองปากคน**
๙ เดือน-๑ปี ๓.๑ สนใจฟังคนพดู และสามารถมองไปที่ของเลน่ ทผ่ี ู้ทดสอบเลน่ กับเด็ก
*****
๑๐ เดือน หันตามเสียงเรียก ****
๑ ปี หนั ตามแหลง่ ทีม่ าของเสียงได้******
ตอบสนองต่อคาสง่ั งา่ ยๆ**
ตอบสนองตอ่ คาพูดของคนอ่ืนได้******
หัวเราะหรือสง่ เสยี งดังแสดงว่าพอใจเม่ือมีคนพดู ด้วย***
แสดงสหี นา้ ท่าทางต่อสิ่งเรา้ ภายในไดเ้ หมาะสม******
แสดงสีหน้า ท่าทางต่อสิง่ เร้าภายนอกไดเ้ หมาะสม******
รับรู้ภาษาและแสดงสหี นา้ ท่าทาง**
ยนื่ แขนเขา้ หาผูใ้ หญท่ ี่เรยี กชื่อของตน***
ชอบฟงั คาพูดซา้ ๆ *
รู้วา่ คาแต่ละคามคี วามหมายต่างกนั อยา่ งนอ้ ย ๓-๕ คา**
ปฏบิ ตั ติ ามคาสั่งงา่ ยๆ โดยใชท้ ่าทางประกอบคา**
หยดุ กระทาเมื่อไดย้ ินเสยี งห้าม *
สา่ ยหน้าแทนคาพดู ว่า “ไม”่ หรอื ตอบปฏิเสธ***
พยักหนา้ แทนคาพูดวา่ “ใช่” หรือตอบรับได้***
๗๐
๑ ปี – ๑ ปี ๖เดอื น พดู หรือส่ือสารด้วยวิธีหรือส่อื สารด้วยวธิ ีเพ่อื แสดงการตอบรบั หรอื ปฏเิ สธ
๑ ปี ๖ เดอื น-๒ปี ได*้ *****
หนั หาเมื่อเรียกชื่อ**/****
หยิบหรอื ช้ตี ามคาบอก**
หยดุ การกระทาเม่อื ผู้ใหญ่พดู วา่ “ไม่ได้” “อย่านะ” ***
ชส้ี ว่ นของร่างกายได้ ๑ แหง่ ***
ปฏิบตั ติ ามคาส่ังได้ ทลี ะ ๑ คาสงั่
อายุ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ /
๒ ปี พฒั นาการทีค่ าดหวัง
๒ ปี ๑ เดอื น-๒ ปี ๕ หยดุ การกระทาเม่ือผู้ใหญ่พดู ห้าม เชน่ ไมไ่ ด้ อยา่ นะ ***
เดอื น ชีส้ ว่ นของร่างกายได้ ๓ แห่ง***
๒ ปี ๓ เดือน บอกสว่ นต่างๆของรา่ งกายและหน้าท่ี ของสว่ นต่างๆได้**
๒ ปี ๖ เดอื น พยายามทาตามคาส่ังงา่ ยๆ ที่มที า่ ทางประกอบ ***
ชอ้ี วัยวะ ๗ ส่วน****/*****
๒ ปี ๙ เดอื น
๒-๓ ปี พลกิ กระดาษบนหนงั สอื ทลี ะแผน่ ***
ตั้งใจฟังและทาตามคาสงั่ ทีม่ ี ๒-๓ คาแตไ่ ม่มีทา่ ทางประกอบ (เช่น น่งั ลง
๓ ปี ลกุ ขึน้ มาหาแม่ สง่ ให้พ่อ) ***
มองหารายละเอียดจากภาพในหนงั สือท่ีชอบ ***
๓ ปี ๙ เดอื น แสดงท่าทางประกอบเพลง**
๓-๔ ปี รอ้ งเพลงไดบ้ างคา และรอ้ งเพลงคลอตามทานอง *
แสดงสีหนา้ ทา่ ทางต่อสงิ่ เร้าภายในไดเ้ หมาะสม******
ชี้ส่วนต่างๆ ของร่างกายตามคาบอกอย่างน้อย ๗ ส่วน
ชี้สว่ นของร่างกายได้ ๖ – ๑๐ แห่ง***
ชร้ี ูปภาพที่ถูกต้องเมื่อเอ่ยช่อื หรอื คาต่อไปนี้ หมา แมว รถ พอ่ แม่ หนอน
สม้ เสือ้ ชอ้ น ตะกรา้ ***
ฟงั และสนใจดหู นงั สือนิทานภาพ**
ทาตามคาสง่ั ทบี่ อกเปน็ วลี ๓-๔ คา (เชน่ วางไวท้ นี่ ่ี ใส่ในตู้ เดนิ มาหาแม่
ไปหาพ่อซิ) ***
สนใจฟงั นทิ านง่ายๆ *
สนใจของจาลองหรอื รปู ภาพตามระยะเวลาทีค่ รูกาหนดไว้**
ชี้สว่ นของร่างกายได้ ๑๒ แห่ง เมื่อเอย่ ช่ือ ***
ช้รี ูปภาพทีถ่ ูกต้องเม่อื เอย่ ชอื่ หรอื คาต่อไปนี้ ถว้ ย เรอื นอ้ ง ตะปู ดินสอ
ปลา ไก่ ใบไม้ กางเกง ***
๗๑
๔-๕ ปี ชภ้ี าพทีถ่ กู ต้องจาก ๓ ตวั เลือก เม่อื บอกวา่ ใคร ทาอะไร น้องดทู ีวี พ่อ
อ่านหนังสือพิมพ์***
๕ ปี ชี้ภาพทถี่ กู ต้องจาก ๓ ตวั เลอื ก เม่ือบอกว่าเกดิ เหตุการณใ์ ด พีด่ ่มื นา้ หมด
แกว้ แม่ไปจา่ ยตลาดมาแลว้ พ่อจอดรถแล้ว***
อายุ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ /
๕ ปี ๖ เดอื น พฒั นาการท่คี าดหวงั
๖ ปี ชส้ี ่วนของรา่ งกายได้ ๑๕ แห่ง เมอ่ื เอ่ยชื่อ ***
ชี้หรอื บอกที่ตงั้ ของส่งิ ของได้******
อายุ ชห้ี รอื บอกชื่อสถานทต่ี ่างๆ ท่ีคนุ้ เคยได้******
แรกเกิด-๒ ชี้หรือบอกชื่อสีตา่ งๆ ได้ *******
เดอื น ชี้หรือบอกลักษณะของพืน้ ผิวได*้ *****
๒-๔เดือน เปรียบเทยี บพน้ื ผิวได*้ *****
๓-๔ เดอื น ชห้ี รอื บอกตาแหน่งและทศิ ทาง บน-ลา่ ง ซา้ ย-ขวา ข้างหน้า-ข้าง
๔ เดอื น หลงั *******
๔-๖ เดอื น จาแนกรูปเรขาคณติ วงกลม สามเหลย่ี ม ส่เี หลย่ี มได้******
ชห้ี รือบอกรปู ทรงเรขาคณติ ได้******
ช้ีภาพที่ถกู ต้อง เม่ือเอ่ยชอ่ื คาประสมต่อไปนี้ แกว้ นา้ รองเท้า จกั รยาน
เตาแกส๊ กลว้ ยไข่ ทุ่งนา ดอกไม้ ผา้ ห่ม หมอฟนั เรอื ใบ***
ชส้ี ว่ นตา่ งๆ ของร่างกายตามคาบอกอยา่ งน้อย ๑ สว่ น
ตวั บ่งช้ี ๙.๒ แสดงออกและ/หรือพูดเพอ่ื ส่ือความหมายได้
สภาพที่พึงประสงค์ /
พฒั นาการทีค่ าดหวงั
ส่งเสียงในคอ**
ส่งเสยี งในลาคอ (เสยี งอู อา หรอื อือ) อย่างชัดเจน **** /
*****
เปล่งเสียงไดไ้ ม่ใช่รอ้ งไห้ *****
สง่ เสียง ออ้ แอ้ โตต้ อบ**
ทาเสยี งสูงๆ ต่าๆ เพื่อแสดงความรู้สกึ ****
ทาเสยี งสงู ๆ ต่าๆ โตต้ อบเวลาพูดคยุ *****
สง่ เสียงในลาคอเลน่ โดยใช้พยัญชนะตน้ ***
สง่ เสยี งทไี่ ม่มคี วามหมาย**
๗๒
อายุ สภาพท่พี งึ ประสงค์ /
พฒั นาการทคี่ าดหวัง
๕–๖ เดือน
๖-๙ เดอื น สง่ เสยี งไดห้ ลายเสียง**
๗–๘ เดอื น สง่ เสยี งตามเสียงพูด*
๙ เดอื น-๑ปี ส่งเสียงไดห้ ลายเสยี ง*
เลียนแบบการเล่นทาเสยี งได้ ****/ *****
๑๐ – ๑๒ เดอื น พยายามเลยี นเสยี งตา่ งๆ**
๑ ปี ๑ เดอื น – ๑ ปี เลยี นเสียงพดู คยุ ****
๓ เดอื น ร้จู กั เช่ือมโยงคาพูดกับการกระทา เชน่ ไม่จะส่นั หัว**
๑ ปี ๕ เดอื น ออกเสยี งเสียงคาได้ถูกต้อง*******
ออกเสยี งคาที่มตี วั สะกดแม่กก แมก่ ง ได*้ *****
๑ ปี ๔ เดอื น – ๑ ปี ออกเสยี งคาท่ีมพี ยัญชนะตน้ (เสียงนา) ท ต ล จ พ ง ด
๖ เดือน ได้ ******
๑ ปี-๑ ปี ๖ เดือน ออกเสียงคาท่ีมตี วั สะกด แม่ กบ กด ได้ ******
๑ ปี ๑๐ เดอื น พดู คาพยางคเ์ ดียวได้อยา่ งน้อย ๒ คา**
๑ ปี ๖ เดอื น-๒ แสดงความต้องการโดยทาทา่ ทางหรอื เปล่งเสียง ****/*****
ปี พดู ได้ ๑ คาทเ่ี ป็นคาโดด *****
๑ ปี ๗ เดอื น-๒ปี
พดู เลยี นเสยี ง หรือคาอื่นๆ นอกจากคาว่า “พอ่ ” หรอื “แม”่ ***
๒ ปี ๑ เดอื น-๒ปี ๕ ทาเสยี งซา้ ๆ เช่น หม่า หม่า**
เดือน ตอบชื่อวัตถุได้ถูกต้อง *****
อายุ พดู คาพยางค์เดยี ว ท่ีมคี วามหมายได้อยา่ งน้อย ๒ คา **/****
๒ ปี ๖ เดอื น พูดหว้ นๆ หรอื เป็นข้อความส้ันๆ ***
พูดคาตามพยางค์ท้าย**
พดู ตอ่ คาต่อกนั เช่น ไปเทีย่ ว*
เลยี นคาพูดท่ีเป็นวลปี ระกอบดว้ ยคา ๒ คาขน้ึ ไป **** /*****
พูดเลียนแบบเสียงคาและประโยคได*้ *****
พดู ตอบรบั และปฏเิ สธได้ **** / *****
สภาพทีพ่ ึงประสงค์ /
พัฒนาการทคี่ าดหวัง
พดู ติดต่อกัน ๒ คาขน้ึ ไปอย่างมคี วามหมายโดยใชค้ ากรยิ าไดถ้ ูกต้อง
อยา่ งน้อย ๔ กรยิ า *****
พูดโดยใช้ข้อความท่ปี ระกอบด้วยคา ๒ คา (คานามและคุณศพั ท์ เชน่
๗๓
เส้อื สวย ขนมอร่อย) ***
๒ ปี ๙ เดือน พูดเป็นวลีประกอบด้วยคา ๓ คา เช่น จะหาแม่ ไปเทย่ี วกนั อาบน้า
หน่อย ***
มกั จะถามคาถาม “อะไร” และ “ทาไม”**/****
๒ ปี ๗ เดอื น-๓ ปี พูดตดิ ต่อกนั ๓-๔ คา ได้อยา่ งนอ้ ย ๔ ความหมาย **** ,
*****
๒ – ๓ ปี พดู เป็นวลีส้ันๆ เช่น ไปเทย่ี ว กินขา้ ว**
๓ ปี ๖ พดู ถึงเหตุการณ์ทเ่ี พ่ิงผา่ นไปใหมๆ่ ได้ *****
เดือน พดู “ขอ” หรอื “ขอบคุณ” หรือ “ให้” ได้เอง *****
๓ ปี ๗ เดอื น-๔ปี พดู เป็นประโยคได้ ๓ คาติดต่อกนั โดยมคี วามหมายและเหมาะสมกับ
โอกาสได้ **** / *****
๔ ปี ๑ เดือน – ๔ ปี ตอบคาถามได้ถูกต้องเมื่อถามวา่ “ถ้ารสู้ ึกร้อนไม่สบาย หวิ ” จะทา
๖ เดือน อยา่ งไร **** / *****
ผลัดกนั พูดคุยกบั เพ่อื นในกลุ่ม ****
๕ ปี – ๕ ปี ๖ เดือน อธบิ ายหนา้ ทห่ี รอื คุณสมบัตขิ องสิ่งของไดอ้ ย่างนอ้ ย ๖ ชนิด ****
๕ ปี ๗ เดือน – ๖ ปี บอกช่ือสิง่ ของได้ ๓ หมวด ได้แก่ สตั ว์ เส้อื ผา้ อาหาร ****
๖ ปี ๑ เดอื น – ๖ ปี คดิ เชงิ เหตุผลและอธบิ ายได้ ****
๖ เดอื น
ตัวบ่งชี้ ๙.๓ สนทนาโต้ตอบและเลา่ เรอ่ื งใหผ้ อู้ นื่ เข้าใจ
อายุ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ /
๒ ปี ๖ เดือน พฒั นาการท่คี าดหวัง
๓ ปี บอกชอ่ื เล่นหรือชอื่ จริงของตนเอง ***
บอกชื่อและนามสกลุ ของตนเอง ***/******
อายุ บอกกิจวตั รประจาวันได*้ *****
๓ ปี ๖ เดอื น สภาพทพ่ี ึงประสงค์ /
๓-๔ ปี พัฒนาการที่คาดหวัง
แยกเพศของบคุ คลได้ ******
๓-๔ ปี บอกอายแุ ละเพศของตนเอง ***/******
แสดงอาการรบั รูห้ รอื เข้าใจจากเรื่องท่ฟี งั **
ตอบคาถามง่ายๆ เกย่ี วกบั ตนเองได้**
ฟงั ผู้อน่ื พูดจนจบและพดู โตต้ อบเกีย่ วกับเรื่องท่ีฟัง*
ฟงั ผู้อน่ื พูดจนจบและสนทนาโตต้ อบสอดคลอ้ งกบั เร่ืองท่ีฟัง *
๗๔
๔ ปี เลา่ เรื่องเป็นประโยคอย่างตอ่ เน่อื ง *
๔ – ๕ ปี
๔ ปี ๑ เดือน – ๔ปี ตอบคาถามเกย่ี วกับเร่ืองรอบตวั **
๖ เดือน
บอกช่ือผัก และผลไม้ได้******
อายุ
บอกรสชาติตา่ งๆ ของอาหารได้******
๔ ปี ๗ เดอื น – ๕ ปี
๕ ปี บอกเวลา เชา้ กลางวันเยน็ และกลางคืนได*้ *****
๕-๖ ปี บอกอุณหภูมิร้อนหรือเย็นได้******
๕ ปี ๔ เดอื น บอกความแตกตา่ งของอณุ หภูมิ รอ้ น เยน็ ได้******
พูดถงึ เหตุการณ์ทเ่ี พ่ิงผา่ นไปใหมๆ่ ได้*****
พูด “ขอ” หรือ “ขอบคุณ” หรอื “ให้” ไดเ้ อง*****
พดู เป็นประโยค ๓ คา ติดตอ่ กัน โดยมคี วามหมายและเหมาะสมกับ
โอกาสได้ ****/*****
บอกชอ่ื พ่อ และแมข่ องตนเอง ***/******
บอกชอ่ื เลน่ ตนเองและของผู้อื่นได้******
บอกชอื่ หรือจานวนพ่นี ้องของตนเอง ***/******
แสดงอาการรับรู้หรอื เข้าใจและสนทนาโตต้ อบจากเร่ืองที่ฟงั **
ตอบคาถามได้ถูกต้องเมื่อถามว่า เมื่อรู้สึกรอ้ น ไมส่ บายหิว จะทา
อย่างไร****/*****
แสดงความต้องการพืน้ ฐาน เช่น หวิ ข้าว กระหายน้าต้องการเขา้ ห้องน้า
เป็นตน้ โดยใชท้ า่ ทาง เสียงหรือภาษาง่ายๆ และสอื่ ต่าง ๆ ได*้ *****
สภาพท่พี ึงประสงค์ /
พฒั นาการทค่ี าดหวงั
สามารถสอื่ สารดว้ ยเครื่องมือสอ่ื สารทางเลือกเช่น สือ่ สารด้วยรูปภาพ
กระดานส่ือสาร หนังสืออิเลคทรอนิกส์โปรแกรมการส่ือสาร
แอปพลิเคช่ันการสอื่ สาร
เป็นตน้ ******
ผลัดกนั พดู คยุ กบั เพื่อนในกลมุ่ ****/*****
เลา่ เรอื่ งจากภาพโดยใช้ประโยคที่ประกอบด้วยคา ๔ คา บอกชื่อวตั ถุ
และอากปั กริยา ***
บอกความตอ้ งการของตนเองได้**
ตอบคาถามเกี่ยวกับเรื่องเลา่ หรือนทิ าน**
เล่าเรือ่ งเปน็ ประโยคอย่างต่อเน่ือง**
บอกวันและเดือนทต่ี นเองเกดิ ***
๗๕
๕ ปี ๘ เดือน บอกชื่อเมอื งหรอื จังหวดั ที่ต้ังของบา้ น ***
๖ ปี
บอกชอื่ ถนนหรือหม่บู า้ นทีบ่ า้ นตัง้ อยู่ ***
๖ ปี ๔ เดือน
๖ ปี ๘ เดือน บอกท่ีอยขู่ องตนเองได้******
๗ ปี
เลา่ เหตกุ ารณ์ที่เกิดขนึ้ ในอดตี ของตนเอง เพอ่ื อธบิ ายเหตุผลของ
สถานการณ์ขณะนั้นโดยใชค้ าพดู อย่างนอ้ ย ๗ คา เช่น หนูทาแกว้ ตก
แตกเศษแก้วเลยบาดนวิ้ เมื่อวานเปยี กฝนวันนี้ก็เลยเป็นหวัด ***
ฟงั ผอู้ ่ืนพดู จนจบและสนทนาโต้ตอบอย่างตอ่ เนื่อง
เช่อื มโยงกบั เร่อื งท่ีฟัง*
เลา่ เป็นเร่อื งราวตอ่ เนื่องได้*
บอกหมายเลขโทรศัพท์ทบี่ ้านของตนเอง (ถ้ามี) ***
บอกวันเดือนปีเกดิ ของตนเอง ***
บอกท่ีตัง้ ของบ้าน – บา้ นเลขท่ี ถนน (หมบู่ ้าน) อาเภอ (เขต) จังหวัด ได้
ครบถว้ น ***
เลา่ เร่อื งดว้ ยประโยคส้ัน ๆ *
อายุ ตัวบ่งชี้ ๙.๔ อา่ น เขียนภาพและสญั ลกั ษณ์ได้
๒ ปี ๔ เดอื น สภาพที่พึงประสงค์ /
๒ ปี ๘ เดือน พฒั นาการท่ีคาดหวัง
๓ ปี เลยี นแบบวาดรปู วงกลม***
๓ ปี ๑ เดือน ลอกรูปวงกลมตามตวั แบบได้***
๓ ปี ๒ เดือน เขยี นรูปวงกลมตามที่ส่ัง (เช่น ผลสม้ ไขไ่ ก่ ลูกโปงุ )**
๓ ปี ๓ เดอื น เลียนแบบครูเขียนเสน้ ตรงในแนวตง้ั ( I )***
๓ ปี ๔ เดือน เลยี นแบบครูเขียนเสน้ ตรงในแนวนอน ( — )***
๓ ปี ๕ เดอื น ลอกเสน้ ตรงในแนวต้ังและแนวนอนตามตวั แบบ***
๓ ปี ๖ เดือน เลยี นแบบครเู ขยี นกากบาท ( + )***
๓ ปี ๘ เดอื น เลียนแบบครลู ากเส้นตามรอยประเป็น า และ เ ***
๓ ปี ๙ เดือน ลอกเขยี น า และ เ ตามตวั แบบโดยไมส่ อ่ื ความหมาย***
๓ ปี ๑๐ เดอื น เขียน า และ เ ตามท่ีส่งั ***
เขยี นเส้นทแยงมมุ ในกระดาษรปู จตั ุรสั ทีม่ ีดา้ นยาว 4 นิว้ ***
ลอกเส้นทแยงมมุ ( / และ \ ) ตามตวั แบบ***
๗๖
๓ - ๔ ปี อ่านภาพ และเข้าใจความหมายของภาพ**
๔ ปี อ่านภาพและพูดข้อความดว้ ยภาษาของตน *
๔ – ๕ ปี เขียนขีดเข่ีย อย่างอสิ ระ**
ขดี เขยี นอย่างมีทิศทาง *
จับดินสอได้ถูกต้อง******
เขยี นเสน้ ทแยงมุมตามท่ีส่งั (เชน่ บนม้าลาย หลงั คา)***
เขยี นคลา้ ยตวั อักษร
เขยี นตวั อกั ษรตามรอยปะ ** , ***
อา่ นภาพ สัญลักษณ์ คา พร้อมท้ังช้ีหรือกวาดตามอง
ขอ้ ความตามบรรทัด**
ลากเสน้ อสิ ระได*้ *****
อายุ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ /
พฒั นาการที่คาดหวัง
๕ – ๖ ปี
๖ ปี ๑ เดอื น – ๖ ลากเสน้ พืน้ ฐาน ๑๓ เสน้ ได*้ *****
ปี ๖ เดอื น เขยี นเส้นพนื้ ฐาน ๑๓ เส้น**
๖ ปี ๗ เดอื น
อ่านภาพสัญลักษณ์ คา ด้วยการชีห้ รือกวาดตามองจดุ เริ่มต้นและจดุ จบ
ของขอ้ ความ**
อา่ นหนงั สอื ทีม่ ภี าพอย่างต่อเนื่องจนจบ และเลา่ ไดว้ ่าเปน็ เร่ืองอะไร
****
การเขยี นชอื่ ของตนเองตามแบบ เขยี นข้อความดว้ ยวธิ ีท่ีคิดขึ้นเอง**
ลอกชื่อตนเองตามแบบ ***
ศกั ยภาพ มาตรฐานท่ี ๑๐ มคี วามสามารถในการคิดทเ่ี ปน็ พื้นฐานในการเรียนรตู้ าม
อายุ ตัวบง่ ช้ี ๑๐.๑ มีความสามารถในการคดิ รวบยอด
๓ – ๔ ปี
๓ ปี ๖ เดือน สภาพทพี่ ึงประสงค์ /
๔ ปี พฒั นาการที่คาดหวงั
๔ ปี ๓ บอกลกั ษณะของส่ิงต่าง ๆ จากการสงั เกตโดยใชป้ ระสาทสัมผัส**
จาแนกประเภทของเสื้อผา้ ***
จาแนกประเภทของอาหาร ***
จาแนกประเภทของของเลน่ ***
๗๗
เดอื น จาแนกส่งิ ของได้******
๔ ปี ๖ เดือน จับคู่สง่ิ ของ หรือรปู ภาพ ท่ีเหมือนกันได*้ *****
๔ ปี ๙ เดือน
๔ – ๕ ปี จับคสู่ ่ิงของ หรอื รูปภาพ ที่สัมพนั ธ์ได*้ *****
อายุ จัดหมวดหมูส่ ง่ิ ของได้******
๕ ปี จาแนกประเภทของเครื่องไม้ ***
๕ ปี ๑ เดือน จาแนกประเภทของดอกไม้ ***
๕ ปี ๒ เดอื น
๕ ปี ๓ เดอื น บอกลักษณะ และสว่ นประกอบของสิง่ ต่างๆ จากการสังเกตโดยใช้
๕ ปี ๔ เดอื น ประสาทสัมผสั **
สภาพทพี่ ึงประสงค์ /
พฒั นาการทีค่ าดหวงั
จับคู่และเปรียบเทยี บ ความแตกต่างหรือความเหมือนของสิ่งต่างๆ
โดยใชล้ ักษณะท่สี งั เกตพบเพียงลักษณะเดียว**
จาแนกและจบั กล่มุ สง่ิ ตา่ งๆ โดยใชอ้ ย่างน้อยหนึ่งลกั ษณะเป็น
เกณฑ์**
จาแนกบุคคลท่ีคนุ้ เคยได้ *******
บอกหรือแยกแยะบุคคลท่ีคนุ้ เคยได*้ *****
จัดหมวดหมู่บคุ คลได*้ ******
นับจานวน ๑- ๓ ได*้ *****
นบั จานวน ๑- ๕ ได*้ *****
นบั จานวน ๑- ๑๐ ได*้ *****
จาแนกประเภทของตัวเลข ***
เปรียบเทยี บจานวนได้******
เปรียบเทยี บน้าหนกั ของสงิ่ ของได*้ *****
เปรยี บเทยี บขนาดของวัตถทุ ี่มคี วามสั้น ยาว เลก็ -ใหญ่ กว้าง –
แคบ ได้******
บอกและเปรยี บเทียบระยะใกลไ้ กลได้******
บอกความแตกตา่ งของตาแหน่งทต่ี ้งั สงู และต่า ***
บอกความแตกต่างของปดิ และเปิด (ประต/ู ไฟฟูา) ***
บอกความแตกตา่ งของตาแหนง่ เร่มิ ตน้ และจบ ***
บอกความแตกต่างของตาแหนง่ ที่ต้งั ข้างบนและข้างล่าง ***
คดั แยกสิ่งต่าง ๆ ตามลกั ษณะหรอื หน้าท่ีการใชง้ าน**
จาแนกประเภทของพาหนะ ***
๗๘
๕-๖ เดอื น ชหี้ รอื บอกช่ือรปู ทรงวงกลมสีเ่ หลย่ี ม สามเหลีย่ ม *** ว ต
บอกลกั ษณะสว่ นประกอบ การเปลีย่ นแปลงหรอื ความสัมพันธข์ อง บง่ ชี้ ต
อายุ สงิ่ ต่างๆ โดยใชป้ ระสาทสัมผัส** ๑๐.
๒ มี
๕ ปี ๘ เดือน สภาพทพ่ี ึงประสงค์ / ควา
๖ ปี พฒั นาการทีค่ าดหวัง มสา
มาร
๖ –อา๗ยปุ ี จบั คูแ่ ละเปรียบเทียบ ความแตกตา่ ง และความเหมือนของส่ิงตา่ งๆ ถใน
๓ – ๔ ปี โดยใชล้ กั ษณะทส่ี งั เกตพบสองลักษณะขนึ้ ไป** การ
๔ – ๕ ปี จาแนกและจัดกลุ่มสิง่ ต่างๆ โดยใชต้ ง้ั แต่สองลักษณะข้นึ ไปเปน็ คิด
เกณฑ์** เชิง
๕ – ๖ ปี เรียงลาดบั ขนาดของสง่ิ ของอยา่ งน้อย ๔ ลาดบั ** เหตุ
อธบิ ายหนา้ ทห่ี รือคณุ สมบัติของส่งิ ของไดอ้ ยา่ งน้อย ๖ ชนิด **** ผล
อายุ จาแนกประเภทของอักษรไทย ***
บรจรจถะอาบั บแกคหนลุผูห่ นักกลรงัษปทอื สรณเี่เอืกปะะดิรเแภใียขกหทบึน้ ว้ญขเในทน่กอ้าียเวงหสบ*า่ ต*ีสแส*พ*ุกิ่ง*ลภาัฒต*ะรา/่านเณ*พงล*าๆท์ห็ก*ก*กพ่ีรโา*ดือวรงึ*ยา่กปทจใาี่ครชาระา้ลกกสดกัภรงหะษาคทวพณ์ ังา/วะ*ัตห*ถรุตือ่าหงนๆ้าเทชี่กน่ ากรกลา่อรงใช้ ว
๓ – ๔ ปี งราะนบเผุ พลียทงี่เลกักิดษขณึน้ ใะนเดเหียตวุก**ารณ์หรอื การกระทาเม่ือมผี ู้ชีแ้ นะ * บง่ ชี้
จระาบแนสุ กาเปหรตะุหเภรอืทผขลอทงผ่ีเกลดิ ไมข้ึน*ใ*น*/เห**ต*กุ**า*รณห์ รือการกระทา** ๑๐.
รจะาบแนสุ กาเปหรตะหุ เภรือทผขลอทงผเ่ี กักิด*ข*ึ้น*ในเหตุการณ์หรือการกระทาเมื่อมผี ู้ ๓ มี
จชัดแี้ หนะมว*ดหมพู่ ืชได*้ ***** ควา
จคาาแดนเดกาสหัตรวือไ์ คดา้*ด**ค*ะ*เ*นสิ่งที่อาจจะเกิดขน้ึ ** มสา
จคอจคดัาธวาแดิบาหมนเามดเยกวหาเปดหชน็ รหื่อรจะมอืมาเ่สูคภกโยัตาขทงดว้อขสค์ไมอดาะูลงเ้ เหแ*น**ตมส*ุแล*ง่ิ ล*งท*ะ่ีอ*ผ*าล*จทจีเ่ะกเกดิ ิดขนึ้ขน้ึในหเหรตอื ุกมาสี ร่วณนห์ร่วรมือใกนากรารลง มาร
จการแะทนกาดป้วรยะตเภนทเอขงอ*ง*ตน้ ไม้ *** ถใน
จคาแดนเดกาปหรระอื เคภาทดขคอะงเนคสร่งิือทงมเี่ กือิดใขนึ้นครหวั ร*ือ*ม*ีส่วนรว่ มในการลง การ
คจาวแามนเกหป็นรจะาเภกขท้อขมอลูงเ*ค*ร่ืองมือช่าง *** คิด
คจาาแดนเดกาปหรระือเคภาทดขคอะงเภนาสชิง่ นทะ่ีเก*ิด*ข*น้ึ หรอื มีส่วนร่วมในการลง แก้ปั
จคาวแามนเกหป็นรจะาเภกขท้อขมอลูงเอคยรา่ ่ืองงมดเี นหตตรผุ ีล**** ญห
จาแนกประเภทของเคร่ือสภงแาพต่ทงตพี่ วั งึ ป*ร*ะ*สงค์ / า
เรยี งลาดบั ขนาดของสิ่งขพอัฒง นอายก่าางรนทอ้่ีคยาด๓หวลงั าดบั ** และ
เตรียัดงสลินาใดจบัเรขอื่ นงางดา่ ยขๆอ*ง*สง่ิ ของ อย่างนอ้ ย ๔ ลาดบั * ตัดสิ
นใจ
๗๙
แกป้ ญั หาโดยลองผดิ ลองถูก** าตรฐ ม
๔ – ๕ ปี ตดั สนิ ใจในเรื่องงา่ ยๆ และเร่ิมเรียนรูผ้ ลทเี่ กิดขน้ึ ** านท่ี ตั
๑๑ ม
ระบปุ ญั หา และแกป้ ญั หาโดยลองผิดลองถูก** มี
๕ – ๖ ปี ตดั สินใจในเรอ่ื งงา่ ยๆ และยอมรบั ผลทีเ่ กดิ ขึน้ **
ระบปุ ัญหาสรา้ งทางเลือกและเลอื กวธิ แี ก้ปัญหา**
จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ตามศักยภาพ
ตวั บ่งช้ี ๑๑.๑ ทางานศลิ ปะตามจนิ ตนาการและความคดิ สร้างสรรค์
อายุ สภาพทพี่ ึงประสงค์ / วบ่งชี้
พัฒนาการท่คี าดหวัง ๑๑.๒
๓ – ๔ ปี แสดง
สร้างผลงานศลิ ปะเพื่อส่ือสารความคดิ อยา่ งอิสระ** ท่าทา
๔ – ๕ ปี ง/
๕ – ๖ ปี สรา้ งผลงานศิลปะเพ่อื ส่ือสารความคดิ ความรสู้ ึกของตนเอง * เคล่อื
สร้างผลงานศิลปะเพ่ือสื่อสารความคดิ ความร้สู ึกของตนเอง**
สรา้ งผลงานศลิ ปะเพือ่ ส่ือสารความคิด ความรู้สึกของตนเองโดยมี
การดดั แปลงแปลกใหม่จากเดิม**
นไหวตามจนิ ตนาการอย่างสร้างสรรค์
อายุ สภาพที่พงึ ประสงค์ / าตรฐ
พฒั นาการทีค่ าดหวัง านท่ี
๑๒
๓ – ๔ ปี เคลือ่ นไหวท่าทางเพ่ือส่ือสารความคิด ความรสู้ ึกของตนเอง** มเี จต
คติที่
๔ – ๕ ปี เคลื่อนไหวท่าทางเพือ่ สื่อสารความคดิ ความรู้สึกของตนเองอยา่ ง ดตี อ่
หลากหลายหรือแปลกใหม่**
๕ – ๖ ปี เคลอื่ นไหวท่าทางเพ่อื สื่อสารความคดิ ความรูส้ ึกของตนเองอย่าง
หลากหลายและแปลกใหม่**
การเรยี นรแู้ ละมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้ตามศักยภาพ
ตวั บง่ ชี้ ๑๒.๑ มเี จตคติที่ดตี อ่ การเรยี นรู้
อายุ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ /
พัฒนาการทีค่ าดหวัง
๓-๔ ปี กระตือรอื รน้ ในการเขา้ รว่ มกิจกรรม**
๘๐
สนใจฟงั ดว้ ยตนเอง**
อายุ สภาพท่ีพึงประสงค์ / วบง่ ชี้ ต
๔-๕ ปี พัฒนาการที่คาดหวงั ๑๒.๒ ๕
๕-๖ ปี มี
หาความรู้ กระตือรือรน้ ในการเข้าร่วมกิจกรรม** ความ
สนใจเก่ียวกบั สญั ลักษณ์ หรือตัวหนังสอื ที่พบเหน็ ** สามา
กระตือรอื รน้ ในการเข้ารว่ มกิจกรรมตง้ั แตต่ ้นจนจบ** รถใน
สนใจหยิบหนังสือมาอา่ นสื่อความคดิ ด้วยตนเอง** การ
แสวง
อายุ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ /
พัฒนาการทีค่ าดหวัง
๓-๔ ปี ใชป้ ระโยคคาถามว่า “ใคร” “อะไร” ในการค้นหาคาตอบ
ค้นหาคาตอบของข้อสงสัยต่าง ๆ ตามวิธีการเมอ่ื มผี ้ชู ้ีแนะ *
๔-๕ ปี ค้นหาคาตอบของข้อสงสัยต่าง ๆ ตามวธิ ีการของตนเอง*
ใชป้ ระโยคคาถามว่า “ที่ไหน” “ทาไม” ในการคน้ หาคาตอบ**
๕-๖ ปี คน้ หาคาตอบของข้อสงสัยตา่ ง ๆ ตามวิธกี ารของตนเอง**
ใช้ประโยคคาถามว่า “เม่ือไร” “อยา่ งไร” ในการคน้ หา**คาตอบ .
พัฒนาการด้านทักษะทจี่ าเป็นเฉพาะความพิการ ประกอบด้วย ๙ มาตรฐาน คอื
มาตรฐานที่ ๑๓ มกี ารพัฒนาทักษะจาเป็นเฉพาะความบกพร่องทางการเห็น
ตัวบ่งชี้ สภาพท่ีพึงประสงค์
๑. มคี วามสามารถในการบรู ณาการ ๑.๑ รับรู้ต่อการใชป้ ระสาทสัมผสั ทางการเหน็ ท่ีเหลืออยู่
ประสาทสัมผสั ทเ่ี หลอื อยใู่ นการ (สาหรบั บคุ คลสายตาเลือนราง) ในการมองสิ่งต่าง ๆ
ดารงชีวติ รอบตวั ได้
๑.๒ รับรู้ตอ่ การใชป้ ระสาทสมั ผสั ทางการได้ยนิ เสียงตา่ ง ๆ
ในสภาพแวดลอ้ มได้
๑.๓ รบั รู้ต่อการใช้ประสาทสมั ผสั ทางการดมกลนิ่ สงิ่ ตา่ ง ๆ
รอบตวั ได้
๑.๔ รับรู้ต่อการใช้ประสาทสมั ผสั ทางการชิมรสสง่ิ
๘๑
ตัวบ่งช้ี สภาพทพี่ ึงประสงค์
๒. มีความสามารถในการสร้าง ตา่ ง ๆในชวี ิตประจาวนั ได้
ความคนุ้ เคยกับสภาพแวดล้อม ๑.๕ รับรู้ต่อการ ใช้ประสาทสัมผัสทางผวิ กายสมั ผสั สิง่ ตา่ ง
และการเคล่อื นไหวของคนตาบอด
ๆ รอบตวั และในสภาพแวดลอ้ มได้
๓. มีการเตรยี มความพร้อมในการอ่าน ๑.๖ รับรู้ตอ่ การใชป้ ระสาทการรับร้กู ารทรงตวั ได้
อกั ษรเบรลล์ ๑.๗ รับรู้ตอ่ การใชป้ ระสาทการรบั ร้กู ารเคล่อื นไหวเอ็นและ
๔. มกี ารเตรยี มความพรอ้ มในการเขียน ขอ้ ต่อได้
อักษรเบรลล์ ๑.๘ การรับรตู้ อ่ การใชป้ ระสาทสมั ผัสในการรบั ประทาน
๕. มีความสามารถในการอา่ นอักษร อาหาร
เบรลล์พยญั ชนะไทยท่ีมีเซลเดียวและ ๒.๑ มีความคดิ รวบยอดทีเ่ ก่ียวข้องกับการสร้าง
ตวั เลข
ความคนุ้ เคยกับสภาพแวดลอ้ ม และการเคลอื่ นไหว
๖. มคี วามสามารถในการเขียนอกั ษร ของคนตาบอด
เบรลลพ์ ยญั ชนะไทยที่มเี ซลล์เดยี วและ ๒.๒ เดนิ ทางกบั ผนู้ าทางได้อยา่ ง เหมาะสมและปลอดภัย
ตวั เลข ๒.๓ เดินโดยอิสระในสถานที่คุ้นเคยไดอ้ ย่างอสิ ระและและ
ปลอดภยั
๗. มคี วามสามารถในการใชล้ กู คดิ ๓.๑ เคล่อื นทมี่ ือและนิ้วมือในการสมั ผัสจดุ นนู เสน้ นนู และ
๘. สามารถใช้เทคโนโลยสี ง่ิ อานวยความ ภาพนนู ได้ตามแบบ
สะดวก เคร่อื งชว่ ยในการเรียนรู้ ๔.๑ ใสแ่ ละเลอื่ นกระดาษในสเลส (Slate) ไดอ้ ย่าง
ถกู วิธี
๔.๒ จับสไตลสั (Stulus) ในการเขยี นจดุ นูนไดอ้ ยา่ ง
ถูกวิธี
๕.๑ การอ่านอักษรเบรลล์ไทยทเ่ี ปน็ พยญั ชนะเซลลเ์ ดียว
และตวั เลข
๖.๑ การเขยี นอักษรเบรลล์ทเ่ี ปน็ พยญั ชนะไทยเซลลเ์ ดียว
และตัวเลข
๗.๑ การใช้ลกู คดิ ในการบวกลบง่ายๆ
๘.๑ ใชอ้ ุปกรณช์ ว่ ยในการสือ่ สารทางเลือก
๘.๒. ใชอ้ ปุ กรณช์ ว่ ยในการเขา้ ถึงคอมพวิ เตอร์เพื่อกา
เรียนรู้
๘.๓ ใชโ้ ปรแกรมเสริมผ่านคอมพวิ เตอร์เพอื่ ชว่ ยในการ
เรยี นรู้
มาตรฐานที่ ๑๔ มีการพฒั นาทกั ษะจาเป็นเฉพาะความความบกพร่องทางการ
ได้ยิน
ตัวบ่งช้ี สภาพท่ีพึงประสงค์
๘๒
๑. สามารถใช้และดแู ลเครื่องช่วยฟังหรือ ๑.๑ บอกสว่ นต่างๆ ของเครอื่ งช่วยฟังหรือเคร่ือง
เครื่องประสาทหเู ทยี ม ประสาทหูเทยี ม *
๑.๒ ใช้เครอื่ งชว่ ยฟงั หรอื เคร่ืองประสาทหูเทยี มได้อย่าง
ถูกต้อง *
๑.๓ สามารถใสเ่ ครอื่ งช่วยฟงั ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง**
๑.๔ สามารถเปดิ ปิดเครือ่ งช่วยฟังได้ **
๑.๕ สามารถปรบั ระดบั เสยี งเครอื่ งช่วยฟังได้ **
๑.๖ สามารถบอกไดว้ า่ เคร่ืองชว่ ยฟังขดั ข้อง **
๑.๗ ดแู ลรกั ษาเครอ่ื งชว่ ยฟงั หรอื เครอ่ื งประสาทหเู ทยี ม
อยา่ งถูกวิธี */**
๑.๘ สามารถเปล่ยี นแบตเตอรี่เครื่องชว่ ยฟังได้ **
๑.๙ สามารถเกบ็ เครื่องช่วยฟังไวใ้ นที่เหมาะสม **
ตัวบง่ ชี้ สภาพที่พงึ ประสงค์
๒. สามารถใช้การได้ยนิ ท่หี ลงเหลอื อยู่ใน ๒.๑ รวู้ า่ มีเสียง/ไมม่ เี สยี ง */**
ชีวติ ประจาวัน
๒.๑ บอกเสียงทีไ่ ด้ยิน */**
๓. สามารถเปล่งเสยี งหรือพูดตามแบบ ๒.๓ บอกแหลง่ ทม่ี าของเสยี ง */**
๒.๔ สามารถแสดงออกได้ว่าเสยี งท่ีได้ยนิ มาจากทิศทาง
ใด**
๒.๕ สามารถจาแนกเสียงดงั และเสียงค่อย**
๒.๖ สามารถจาแนกเสยี งพูดบุคคลทีค่ ุ้นเคยได้ **
๒.๗ สามารถจาแนกเสยี งดนตรไี ด้**
๒.๘ สามารถจาแนกความแตกตา่ งของเสยี งสตั ว์ชนดิ
ตา่ ง ๆ ท่กี าหนดใหไ้ ด้**
๒.๙ สามารถจาแนกความแตกต่างของเสียงยานพาหนะ
ประเภทตา่ ง ๆ ท่ีกาหนดให้ได้ **
๒.๑๐ สามารถจาแนกเสียงทเ่ี กิดจากธรรมชาตไิ ด้ **
๒.๑๑ สามารถจาแนกระดบั ของเสยี งเบา-ดงั ได้ **
๓.๑ เปลง่ เสียงคาทไ่ี มม่ ีความหมายตามแบบ *
๓.๒ พดู คาง่ายๆ ทมี่ ีความหมายตามแบบ *
๓.๓ พูดเปน็ วลงี ่ายๆ ตามแบบ *
๓.๔ พดู เป็นประโยคงา่ ยๆตามแบบ *
๓.๕ สามารถเปลง่ เสยี งดัง /เปล่งเสียงเบา/ เปล่งเสยี ง
สงู /เปล่งเสยี งต่า ได้**
๘๓
๔. สามารถอา่ นริมฝีปาก ๓.๖ สามารถควบคุมการหายใจเข้า – ออก ไดถ้ กู วธิ ี**
๓.๗ สามารถกล้นั หรอื กักลมหายใจที่ถูกต้องได้**
ตวั บ่งช้ี ๓.๘ สามารถออกเสยี งพยญั ชนะที่เกิดจากเสียงนาสิก
ได้**
๕. สามารถใช้ภาษาทา่ ทางและภาษามือ ๓.๙ สามารถเปรียบเทยี บเสยี งพยัญชนะทเ่ี กิดจากเสียง
ในการสอื่ สาร นาสิกกบั พยัญชนะอืน่ ได้**
๔.๑ อ่านริมฝีปาก และเขา้ ใจความหมาย */**
๔.๒ ทารปู ปากเป็นคาท่ีมีความหมาย และผู้อ่ืนเขา้ ใจได้
*
สภาพทพ่ี งึ ประสงค์
๔.๓ ทารูปปากเป็นวลีง่ายๆได้ และผูอ้ ืน่ เข้าใจได้ *
๔.๔ ทารูปปากเปน็ ประโยคง่ายๆ และผู้อนื่ เข้าใจได้*
๕.๑ ใช้ภาษาทา่ ทางในการส่ือสาร *
๕.๒ ใช้ภาษามอื บอกชือ่ ส่งิ ต่าง ๆ รอบตวั *
๕.๓ สามารถใชภ้ าษามือเพื่อการสื่อสารเกี่ยวกับตนเอง
และครอบครวั ได้ **
๕.๔ สามารถใช้ภาษามอื เพอ่ื การส่อื สารเก่ยี วกับการ
แตง่ กายได้**
๕.๕ สามารถใชภ้ าษามือเพอ่ื การสอ่ื สารเกย่ี วกับสง่ิ ของ
เครอ่ื งใชท้ ่ีใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้**
๕.๖ สามารถใชภ้ าษามือเพอื่ การสื่อสารเกย่ี วกับอาหาร
ได้**
๕.๗ สามารถใช้ภาษามอื เพ่ือการสอ่ื สารเก่ยี วกับผัก
ผลไม้ได้**
๕.๘ สามารถใชภ้ าษามอื เพื่อการสอ่ื สารเกีย่ วกับสัตว์
ได้**
๕.๙ สามารถใช้ภาษามือเพื่อการสอื่ สารเกี่ยวกับสีได้**
๕.๑๐ สามารถใช้ภาษามือเพื่อการส่ือสารเกย่ี วกับ
รูปทรงเรขาคณิตได้**
๕.๑๑ สามารถใช้ภาษามอื เพื่อการสื่อสารเกีย่ วกบั การ
นบั จานวนได*้ *
๕.๑๒ สามารถใช้ภาษามือเพื่อการส่ือสารเก่ียวกับ
พยญั ชนะภาษามือได้ **
๕.๑๓ สามารถใชภ้ าษามือเพ่ือการสื่อสารเกี่ยวกับ
๘๔
ตัวบ่งชี้ สถานทต่ี า่ ง ๆ ในชมุ ชนได้**
๖. สามารถสะกดนิ้วมือ ๕.๑๔ สามารถใช้ภาษามือเพ่ือการสื่อสารเกย่ี วกบั
๗. สามารถใช้เทคโนโลยีสง่ิ อานวยความ ยานพาหนะได้**
สะดวก เครอื่ งช่วยในการเรียนรู้ ๕.๑๕ สามารถใช้ภาษามอื เพ่ือการส่ือสารเกี่ยวกับการ
เดนิ ทางได้**
สภาพท่พี งึ ประสงค์
๕.๑๖ ใชภ้ าษามอื เพื่อการสนทนา และสอื่ สาร *
๖.๑ สะกดนิ้วมอื พยัญชนะไทย *
๖.๒ สะกดนิ้วมือสระ และสระเปลีย่ นรูป *
๖.๓ สะกดนิว้ มอื วรรณยกุ ต์ *
๖.๔ สะกดนว้ิ มอื ชื่อตนเอง *
๖.๕ สะกดนิว้ มอื คางา่ ยๆ *
๖.๖ สะกดนิ้วมืออักษรภาษาอังกฤษ *
๗.๑ ใชอ้ ุปกรณ์ช่วยในการสอื่ สารทางเลอื ก *
๗.๒ ใช้อุปกรณช์ ่วยในการเขา้ ถงึ คอมพวิ เตอร์เพือ่ การ
เรยี นรู้ *
๗.๓ ใชโ้ ปรแกรมเสรมิ ผ่านคอมพวิ เตอร์เพ่ือชว่ ยในการ
เรียนรู้ *
มาตรฐานท่ี ๑๕ มีการพฒั นาทกั ษะจาเป็นเฉพาะความบกพร่องทางสติปญั ญา
ตัวบง่ ชี้ สภาพทพี่ งึ ประสงค์
๑. สามารถส่อื สารได้เหมาะสมกบั ๑.๑ สื่อสารได้เหมาะสมกับสถานการณ์
สถานการณ์
๒. สามารถดแู ลตนเองและความปลอดภัย ๒.๑ ดูแลตนเองและความปลอดภยั ในชวี ิตประจาวนั
ในชวี ติ ประจาวัน
๓. ทกั ษะการควบควบคุมตนเองใน ๓.๑ การควบคมุ ตนเองขณะอยทู่ บ่ี า้ น
สถานการณต์ ่าง ๆ การนับถอื ตนเอง และ ๓.๒ การควบคมุ ตนเองในห้องเรยี น
สานึกรู้ผิดชอบชว่ั ดี
๓.๓ การควบคมุ ตนเองในชุมชน/ที่สาธารณะ
๓.๔ การสานกึ รูผ้ ดิ ชอบช่ัวดีต่อการกระทาความดีที่
ตนเองกระทา
๔. มีปฏิสมั พนั ธ์ทางสังคมกบั ผ้อู นื่ อยา่ ง ๓.๑ มีปฏิสัมพันธท์ างสงั คมกับผู้อ่ืนอยา่ งเหมาะสม
เหมาะสม
๘๕
ตัวบ่งชี้ สภาพทพี่ ึงประสงค์
๕. ทักษะปฏิบตั ิตนตามตารางกิจวัตร ๕.๑ วันทาการ (วนั จันทร์-ศุกร์)
ประจาวนั และแกป้ ญั หาใน ๕.๑.๑ กจิ วตั รประจาวันก่อนไปโรงเรยี น
ชวี ติ ประจาวัน ๕.๑.๒ กจิ กรรมในโรงเรยี น
๕.๑.๓ กจิ วตั รประจาวันหลงั เลกิ เรยี น
๖. รจู้ กั ใชท้ รพั ยากรในชุมชน
๗. ทกั ษะการปฏิบัติตนตามกฎระเบยี บ ๕.๒ วันหยุด (วนั เสาร์ – วันอาทิตย์)
๕.๒.๑ กิจกรรมชว่ งเชา้
ปฏบิ ัติตามกฎหมาย และการร้จู กั การ
ไมล่ ะเมดิ สิทธิของผอู้ นื่ ๕.๒.๒ กจิ กรรมระหวา่ งวัน
๘. สามารถใชเ้ ทคโนโลยีสิง่ อานวยความ ๕.๒.๓ กิจกรรมประจาวนั ชว่ งเย็น
สะดวก เครือ่ งชว่ ยในการเรียนรู้
๕.๓ การตดั สนิ ใจ
๙. ทกั ษะการใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์
๔.๑ ใชส้ ่งิ ของสาธารณะอย่างเหมาะสม
ตัวบ่งชี้ ๗.๑ การปฏบิ ัตติ นตามกฎระเบยี บของสังคมใน
ชีวิตประจาวัน
๗.๒ การปฏบิ ัติตนตามกฎหมายที่เกีย่ วข้องกบั ตนเอง
ในการเป็นพลเมอื งดี
๗.๓ การไมล่ ะเมิดสิทธิของผ้อู ่ืน
๘.๑ ใชอ้ ุปกรณช์ ว่ ยในการสือ่ สารทางเลอื ก
๘.๒ ใชอ้ ปุ กรณช์ ่วยในการเขา้ ถงึ คอมพิวเตอรเ์ พือ่ การ
เรยี นรู้
๘.๓ ใช้โปรแกรมเสรมิ ผา่ นคอมพวิ เตอร์เพ่ือช่วยใน
การเรยี นรู้
๙.๑ ด้านดนตรี
๙.๑.๑ การเล่นเครอ่ื งดนตรี
๙.๑.๒ การร้องเพลง / การแสดงออกทางการ
เคล่ือนไหว
๙.๒ ด้านศลิ ปะ
๙.๓ ดา้ นกีฬาและนันทนาการ
๙.๓.๑ กจิ กรรมกีฬาอนชุ น YA (Young
Athletes)
สภาพท่ีพึงประสงค์
๙.๓.๒ กจิ กรรมกีฬา SpecialOlympics
๘๖
๑๐. ทกั ษะด้านการท่องเท่ยี ว การใช้ ๑๐.๑ การท่องเท่ยี ว
ยานพาหนะ และการดแู ลความ ๑๐.๒ การใชย้ านพาหนะสว่ นบุคคล
ปลอดภยั ของตนเองจากบุคคลหรือ ๑๐.๓ การปฏบิ ตั ิจากบคุ คลที่ไมป่ ลอดภัย
ส่ิงแวดลอ้ มท่ีไม่ปลอดภัย ๑๐.๔ การปฏิบัติตนจากส่งิ แวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย
๑๑. ทกั ษะการใช้ทรพั ยากรในชุมชนได้ ๑๑.๑ การรูจ้ กั วธิ รี ักษาห้องน้าสาธารณะ
อย่างเหมาะสม ๑๑.๒ การรู้จกั วธิ ีใชส้ วนสาธารณะ
๑๑.๓ การรูจ้ ักใช้สิ่งแวดลอ้ ม
มาตรฐานที่ ๑๖ มกี ารพัฒนาทกั ษะจาเป็นเฉพาะความบกพร่องทางร่างกาย
หรือการเคลื่อนไหว หรอื สุขภาพ
ตวั บง่ ช้ี สภาพทพี่ งึ ประสงค์
๑. ดูแลสุขอนามัยเพื่อปูองกัน ๑.๑ ปอู งกัน ดแู ลและ รักษาความสะอาดแผลกด
ภาวะแทรกซ้อน ทบั */**/***
๑.๒ บริหารกล้ามเน้อื และข้อต่อเพื่อคงสภาพได้*
๑.๓ จัดท่านอนในทา่ ทางที่ถูกต้อง*/***
๑.๔ จดั ทา่ น่ังในท่าทางท่ีถูกต้อง*/***
๑.๕ จดั ทา่ ยืนในทา่ ทางที่ถกู ต้อง
๑.๖ จดั ทา่ ทากิจกรรมต่างๆ ในทา่ ทางที่ถกู ต้อง*/***
๑.๗ ดแู ลอุปกรณเ์ คร่ืองช่วยสว่ นตัวได้ เช่น สายสวน
ปสั สาวะ ถงุ ขับถ่ายบรเิ วณหน้าทอ้ ง ท่ออาหาร
ฯลฯ*/**/***
๒. สามารถใช้และดูแลรักษาอุปกรณ์ ๒.๑ เคล่ือนยา้ ยตนเองในการใช้อุปกรณช์ ่วย เชน่
เครอ่ื งช่วยในการเคลื่อนยา้ ยตนเอง Walker
(Walker รถเขน็ ไม้เทา้ ไม้ค้ายัน ฯลฯ) เกา้ อี้รถเขน็ ไมเ้ ท้า ไมค้ ้ายนั */**/***
๒.๒ ทรงตวั อยใู่ นอปุ กรณเ์ ครื่องชว่ ยและปอู งกัน
ตนเองขณะเคล่ือนย้ายตนเองได้ เชน่ Walker
เกา้ อ้ีรถเขน็ ไม้ค้ายนั ไม้เท้า*/** /***
๒.๓ เคลือ่ นย้ายตนเองดว้ ยอุปกรณเ์ ครื่องช่วย เชน่
Walker เก้าอ้รี ถเข็น ไม้ค้ายนั ไม้เทา้ บนทาง
ราบ ทางลาดและทางตา่ งระดับได้*/**/***
๒.๔ เกบ็ รักษาและดแู ลอปุ กรณ์เครอื่ งชว่ ยในการ
เคลื่อนย้ายตนเองได้*
๓. สามารถใชแ้ ละดูแลรักษากาย ๓.๑ ถอดและใสก่ ายอปุ กรณเ์ สริม กายอุปกรณ์เทียม
๘๗
ตวั บ่งช้ี สภาพท่ีพึงประสงค์
อุปกรณ์เสริม กายอุปกรณ์เทียม อปุ กรณ์ดดั แปลง*/**/***
อุปกรณ์ดดั แปลง
๓.๒ ใช้กายอุปกรณเ์ สรมิ กายอุปกรณ์เทียม อุปกรณ์
๔. สามารถใช้เทคโนโลยีสงิ่ อานวยความ ดัดแปลงในการทากจิ กรรม*/**/***
สะดวก เครอ่ื งช่วยในการเรียนรู้
๓.๓ เกบ็ รักษาและดแู ลกายอุปกรณเ์ สริม กาย
๕. ควบคมุ อวยั วะที่ใช้ในการพูด การเคยี้ ว อปุ กรณ์เทียม อปุ กรณด์ ัดแปลง*
และการกลืน
๔.๑ ใชอ้ ปุ กรณช์ ่วยในการสอื่ สารทางเลือก*/**/***
๖. การดูแลสขุ ภาพของตนเอง
๔.๒ ใชอ้ ปุ กรณช์ ่วยในการเขา้ ถงึ คอมพวิ เตอรเ์ พอ่ื การ
๗. ความเข้าใจและรับรู้ทางภาษา เรยี นรู้*/**/***
๔.๓ ใชโ้ ปรแกรมเสริมผา่ นคอมพวิ เตอรเ์ พ่ือชว่ ยใน
การเรยี นรู้*
๕.๑ ควบคุมกลา้ มเน้ือรอบปากได้*
๕.๒ ควบคมุ การใชล้ ิ้นได้*/***
๕.๓ เปาุ และดูดได้*
๕.๔ เค้ียวและกลนื ได้*/***
๕.๕ ควบคมุ น้าลายได้*
๕.๖ รับประทานอาหารท่ีหลากหลาย***
๖.๑ รบั รโู้ รค/ สมรรถภาพทางร่างกายและ
ความสามารถของตนเอง***
๖.๒ ดแู ลสุขภาพของตนเองอยา่ งถกู ต้องเหมาะสม***
๖.๓ ฝึกและวางแผนและกา้ หนดกจิ กรรมการดา้ เนนิ
ชีวิตของตนเองได้อยา่ งเหมาะสม***
๗.๑ แสดงพฤติกรรมแบบไม่ต้ังใจในรูปแบบปฏกิ ิริยา
สะทอ้ นกลบั ***
๗.๒ แสดงพฤติกรรมส่ือสารอยา่ งต้ังใจ***
๗.๓ แสดงพฤติกรรมการส่ือสารทไี่ มเ่ ปน็ แบบแผน
กอ่ นสญั ลักษณ์***
๗.๔ ส่ือสารกอ่ นสัญลกั ษณท์ ีเ่ ปน็ แบบแผน***
๗.๕ สอื่ สารแบบใชส้ ญั ลักษณ์ท่เี ปน็ รูปธรรม***
๗.๖ ส่ือสารสัญลกั ษณเ์ ชงิ นามธรรม***
๗.๗ สอ่ื สารที่ใชส้ ัญลกั ษณท์ ีเ่ ป็นแบบ (ภาษา)***
๘๘
มาตรฐานที่ ๑๗ มกี ารพฒั นาทกั ษะจาเป็นเฉพาะความบกพร่องทางการเรียนรู้
ตัวบง่ ช้ี สภาพทพ่ี ึงประสงค์
๑. มคี วามสามารถในการรับรู้การได้ยนิ ๑.๑ จาเสียงจากสง่ิ ท่ีไดย้ นิ ในชวี ิตประจาวนั *
๑.๒ จาแนกเสียงท่ีแตกต่าง*
๑.๓ แยกเสียงท่กี าหนดให้ออกจากเสยี งอืน่ ๆ ได้*
๑.๔ บอกเสยี งทคี่ ้นุ เคยได้ เชน่ เสยี งสตั ว์ เสยี งรถยนต*์ *
๑.๕ จาแนกเสียงคาท่ีใกลเ้ คียงกนั ได*้ *
๒. มคี วามสามารถในการรบั รู้การเหน็ ๒.๑ การจาภาพทเี่ ห็นในชีวติ ประจาวนั *
๒.๒ การแยกวัตถุ ภาพ ตัวพยัญชนะทกี่ าหนดให้อยู่ใน
พ้นื ฉาก ท่ตี ่างกนั *
๒.๓ ตากบั มอื เคล่ือนไหวสัมพันธ์กัน*
๒.๔ การบอกส่วนที่หายไปของรูปภาพท่กี าหนด*
๒.๕ บอกความสัมพนั ธ์ของคุณลกั ษณะตาแหนง่
ลาดบั รปู รา่ งของสิง่ ท่อี ย่รู อบตัว*
๒.๖ บอกรายละเอียดจากสง่ิ ท่ีเห็นตามท่ีกาหนดให้
ได้**
๒.๗ ต่อเติมภาพถ่ายตามแบบให้เปน็ ภาพทสี่ มบรู ณ์ได้
ถกู ต้อง**
๒.๘ ตอ่ เตมิ ภาพวาดตามแบบใหเ้ ป็นภาพทสี่ มบูรณ์ได้
ถูกต้อง**
๒.๙ ตอ่ เตมิ รปู ทรงตามแบบท่ีกาหนดใหไ้ ดถ้ ูกต้อง**
๒.๑๐ ตอ่ เตมิ พยัญชนะ เปน็ ภาพตัวพยัญชนะที่
ถูกต้องสมบรู ณ์ได้**
๒.๑๐ เตมิ ตวั อกั ษรในคาท่ีหายไปไดถ้ ูกต้อง**
๒.๑๒ จาแนกภาพเต็มทีเ่ หน็ ได*้ *
๒.๑๓ ระบายสีรปู ภาพตามความแตกต่างของสีท่ี
กาหนดให้ โดยใช้หมายเลขแทนสไี ด้**
๒.๑๔ จาแนกภาพฉากหลงั ไดถ้ กู ต้อง**
๒.๑๕ จดั กลมุ่ พยัญชนะตวั ทก่ี าหนดได*้ *
๒.๑๖ จาแนกพยญั ชนะที่คลา้ ยกันได้**
๒.๑๗ จาแนกพยญั ชนะจากกลมุ่ ทกี่ าหนดใหไ้ ด้**
๒.๑๘ เรยี งลาดบั เหตกุ ารณก์ ่อน – หลังจากภาพท่ี
กาหนดได*้ *
๓. มีความสามารถในการจัดลาดบั ๓.๑ เรยี งลาดับเหตุการณ์ ขั้นตอนในการเลน่ หรอื การ
ความคิด ทากจิ กรรมได้*
๘๙
ตวั บง่ ช้ี สภาพทพ่ี งึ ประสงค์
๔. มคี วามสามารถในการจัดระเบียบ ๔.๑ จดั การตนเองได้*
ตนเอง ๔.๒ จัดลาดบั กิจกรรมตนเองได้*
๕. มคี วามสามารถในการบอกตาแหน่ง/ ๕.๑ บอกทิศทางหรอื ตาแหน่งของสิง่ ตา่ ง ๆ*
ทศิ ทาง ๖.๑ ใชอ้ ปุ กรณ์ชว่ ยในการสอื่ สารทางเลอื ก*
๖. สามารถใช้เทคโนโลยสี ง่ิ อานวยความ
๖.๒ ใช้อปุ กรณช์ ่วยในการเขา้ ถึงคอมพวิ เตอร์ เพ่ือการ
สะดวก เคร่อื งช่วยในการเรียนรู้ เรียนรู้*
๗. การอ่าน ๖.๓ ใชโ้ ปรแกรมเสรมิ ผ่านคอมพวิ เตอร์ เพ่อื ช่วยใน
การเรียนรู้*
๘. การเขยี น
๗.๑ การฟงั
๙. การคดิ คานวณ ๗.๒ การมอง
๗.๓ การแยกภาพกบั พืน้
๗.๔ การรบั รรู้ ูปแบบ
๗.๕ การอา่ น
๗.๖ ความเข้าใจในการอ่าน
๘.๑ การเตรยี มความพร้อมด้านการเขยี น
๘.๒ การจาจากการมอง
๘.๓ การแยกภาพกับพืน้
๘.๔ การรบั รู้รปู แบบ
๘.๕ การเขียนพยัญชนะไทย สระ วรรณยุกต์ และ
ตัวเลข
๘.๖ การเขียนคา
๘.๗ การเขยี นคาตามคาบอกได้
๙.๑ การจาแนกประเภท
๙.๒ การจัดหมวดหมู่
๙.๓ การเรียงลาดบั
๙.๔ การเปรยี บเทยี บ
๙.๕ รูปร่าง รปู ทรง
๙.๖ การวัด
๙.๗ การนบั
๙.๘ รู้จกั ตัวเลข
๙.๙ รู้จักความสมั พันธ์ระหว่างจานวนกับตัวเลข
๙๐
ตวั บง่ ชี้ สภาพท่พี งึ ประสงค์
๑๐. พฤติกรรมทว่ั ไป ๙.๑๐ เวลา
๙.๑๑ การเพิม่ และลดจานวน
๙.๑๒ การบวก การลบเลข
๙.๑๓ เงนิ
๑๐.๑ ดา้ นสมาธิ
๑๐.๒ ดา้ นการ ประสานสมั พันธร์ ะหว่างสายตากบั มือ
และการเคลื่อนไหว
มาตรฐานท่ี ๑๘ มีการพฒั นาทกั ษะจาเปน็ เฉพาะความบกพรอ่ งทางการพดู และ
ภาษา
ตัวบ่งชี้ สภาพทีพ่ ึงประสงค์
๑. สามารถควบคุมอวัยวะในการออกเสยี ง ๑.๑ สามารถควบคมุ อวยั วะในการพดู ตามคาส่งั ได้
ถูกต้อง
๒. สามารถออกเสยี งตามหน่วยเสียงได้ ๒.๑ สามารถออกเสยี งได้ชดั เจน
ชดั เจน
๒.๒ สามารถออกเสยี งคาทข่ี าดหายไปได้
๓. สามารถเปลง่ เสยี งใหเ้ หมาะสมกบั ๓.๑ สามารถเปลง่ เสียงใหเ้ หมาะสมกบั ธรรมชาติของ
ธรรมชาตขิ องแตล่ ะคน
แต่ละบุคคลทท่ี าใหบ้ คุ คลอ่นื ฟงั ได้
๔. สามารถควบคมุ จงั หวะการพูด ๓.๒ สามารถเปล่งเสียงพูดได้ดัง หรือใชเ้ คร่ืองขยาย
๕. สามารถใชเ้ ทคโนโลยสี ิ่งอานวยความ เสียงใหม้ คี วามดงั ในระดับทีฟ่ ังแล้วเข้าใจได้
สะดวก เครอื่ งชว่ ยในการเรยี นรู้ ๔.๑ สามารถควบคมุ จังหวะการพูดได้เป็นจงั หวะปกติ
(ข้นั ตา่ ๗๐ - ๑๐๐ คา ต่อนาที)
๔.๒ ลดความรนุ แรงของสภาวะตดิ อา่ งจนสามารถพูด
ได้คล่อง
๔.๓ สามารถเวน้ วรรคตอนได้ถูกต้อง
๔.๔ สามารถพดู ประโยคที่กาหนดไว้
๔.๕ สามารถฟังคาส่ังและปฏิบัตไิ ด้ถูกต้อง
๕.๑ สามารถใชส้ ง่ิ อานวยความสะดวก ส่อื บริการ
และความช่วยเหลืออนื่ ใดทางการศึกษาแทนการ
พูดได้
๕.๒ สามารถใช้สิง่ อานวยความสะดวก สือ่ บริการ
และความช่วยเหลอื อน่ื ใดทางการศึกษาแทนการ
รับและส่งสารได้
๙๑
มาตรฐานที่ ๑๙ มกี ารพฒั นาทักษะจาเปน็ เฉพาะความบกพรอ่ งทางพฤติกรรม
หรอื อารมณ์
ตัวบง่ ชี้ สภาพท่ีพงึ ประสงค์
๑. การรบั ร้อู ารมณ์โกรธ/หงดุ หงิด/ ๑.๑ การรับรอู้ ารมณ์กลวั
เครียด/วติ กกงั วล/อาย/กลัว/
หวาดระแวง
๑.๒ การรับรอู้ ารมณ์โกรธ
๑.๓ การรบั รูอ้ ารมณห์ งุดหงิด
๑.๔ การรับรู้อารมณ์วิตกกังวล
๑.๕ การรบั รูอ้ ารมณ์อาย
๑.๖ การรบั รู้อารมณ์หวาดระแวง
๒. การจัดการกับอารมณ์ของตนเอง ๒.๑ โกรธ/หงุดหงดิ /เครียด/วิตกกงั วล/อาย/กลัว/
หวาดระแวง**
๒.๒ แสดงออกทางอารมณ์ อย่างเหมาะสมตาม
สถานการณ์*
๒.๓ การแสดงออกทางกายเม่ือเกดิ อารมณ์โกรธ/
หงดุ หงิดเครียด/วิตกกังวล/อาย/กลัว/
หวาดระแวง (ท่าทาง สีหนา้ )**
๒.๔ การแสดงทางการพดู เม่ือเกดิ อารมณโ์ กรธ/
หงุดหงิด/เครียด/วิตกกังวล/อาย/กลวั /
หวาดระแวง**
๒.๕ ควบคุมความรสู้ ึกหรือ อารมณ์ของตนเองได้*
๒.๖ การแสดงออกทางพฤติกรรมไดอ้ ย่างเหมาะสม
เมือ่ เกิดอารมณ์
๓. การปรับตวั ในการอยู่ ร่วมกบั สงั คม ๓.๑ การปฏิบตั ติ ามกฎกตกิ าและมารยาททางสงั คมได้
อยา่ งเหมาะสม*
๔. การควบคมุ พฤติกรรมของตนเองได้ ๔.๑ การปฏบิ ัตติ ามกฎกติกาและมารยาททางสงั คมได้
อย่างเหมาะสม อยา่ งเหมาะสม*
๕. การใชเ้ ทคโนโลยีสิ่งอานวยความ ๕.๑ ใชอ้ ปุ กรณช์ ว่ ยในการส่อื สารทางเลือก*
สะดวก เคร่ืองช่วยในการเรยี นรู้
๙๒
ตัวบ่งช้ี สภาพท่ีพงึ ประสงค์
๕.๒ ใช้อุปกรณช์ ว่ ยในการเขา้ ถึงคอมพิวเตอรเ์ พอื่ การ
เรียนรู้*
๕.๓ ใชโ้ ปรแกรมเสริมผา่ นคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการ
เรยี นรู้*
มาตรฐานท่ี ๒๐ มกี ารพฒั นาทกั ษะจาเป็นเฉพาะบคุ คลออทสิ ตกิ
ตัวบง่ ชี้ สภาพที่พงึ ประสงค์
๑. ตอบสนองตอ่ สง่ิ เร้าจากประสาทสัมผัส ๑.๑ ความสนใจ ***
ได้เหมาะสม
๑.๒ การตอบสนองต่อสงิ่ เร้า**
๑.๓ การเลยี นแบบ**
๑.๔ การหลกี หนจี ากอันตราย **
๒. เขา้ ใจภาษาและแสดงออกทางภาษาได้ ๒.๑ การเข้าใจภาษา *
อย่างเหมาะสม
๒.๒ การแสดงออกทางภาษา*
๓. แสดงพฤตกิ รรมท่ีเหมาะสมตาม ๓.๑ การแสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก *
สถานการณ์
๓.๒ การลดพฤติกรรมท่ีไมพ่ ึงประสงค์**
๓.๓ การปฏิบตั ติ ามกติกาของสงั คม*
๓.๔ ทักษะการควบคมุ ตนเองในสถานการณต์ ่าง ๆ
การนับถือตนเอง และการสานึกร้ผู ดิ ชอบช่วั ดี **
๓.๕ ทักษะการจัดการอารมณ์ตนเองในสถานการณ์
ตา่ ง ๆ**
๓.๖ ทักษะการปฏบิ ัตติ นตามกฎระเบยี บและรูจ้ กั การ
ไม่ละเมดิ สทิ ธิของผ้อู ืน่ *
๓.๗ ทกั ษะการใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์***
๓.๘ ทกั ษะการจัดการอารมณ์ ตนเอง*
๔. สามารถใช้เทคโนโลยสี ิ่งอานวยความ ๔.๑ ใชเ้ ทคโนโลยสี ง่ิ อานวยความสะดวกเครื่องช่วยใน
สะดวก เครอ่ื งชว่ ยในการเรียนรู้ การเรียนรู้*
๔.๒ ทกั ษะด้านการท่องเทยี่ ว การใชย้ านพาหนะ และ
การดแู ลความปลอดภัยของตนเองจากบุคคล
หรอื สิง่ แวดลอ้ มที่ไม่ปลอดภัย***
๔.๓ ทักษะการใชท้ รพั ยากรในชมุ ชนไดอ้ ย่าง
เหมาะสม***
๙๓
มาตรฐานที่ ๒๑ มีการพฒั นาทักษะจาเปน็ เฉพาะบุคคลพิการซอ้ น
๒๑.๑ ทักษะการใชป้ ระสาทสัมผสั ท่ีเหลอื อยู่
ตัวบง่ ช้ี สภาพที่พึงประสงค์
๑. การมองเหน็ ๑.๑ การรับรรู้ า่ งกายตนเองแต่ละส่วนของบา้ น
๑.๒ การรับรู้บุคคลท่คี ้นุ เคย
๑.๓ การรับรสู้ ว่ นต่างๆ และส่ิงของที่ใช้ใน
๑.๔ การรบั รู้สภาพแวดล้อมในชุมชน
๑.๕ การรับรสู้ ถานทที่ ่ีคุน้ เคย
๒. การฟงั /การได้ยิน ๒.๑ การรบั ร้เู สียงในบา้ น
๒.๒ การรับรู้เสียงในสภาพแวดลอ้ มอนื่
๓. การสมั ผสั ๓.๑ การยอมรับการสมั ผสั จากบุคคล
๓.๒ การรบั รรู้ ะดับการสัมผัสจากบคุ คล
๓.๓ การรบั ร้กู ารสมั ผสั จากสภาพสิ่งแวดลอ้ ม
๓.๔ การสัมผัสบคุ คลที่คนุ้ เคย
๓.๕ การสัมผสั ส่วนต่าง ๆ และสงิ่ ของท่ใี ช้ในแตล่ ะ
ส่วนของบ้าน
๓.๖ การสัมผัสสภาพแวดลอ้ มในชุมชน
๓.๗ การสัมผัสสถานทท่ี ่ีคนุ้ เคย
๔. การรับกล่ิน ๔.๑ การรับรู้กล่ินต่าง ๆ ในชวี ติ ประจาวนั
๔.๒ การแยกแยะกลิ่นต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวัน
๕. การรบั รส ๕.๑ การรบั รรู้ สชาตติ ่าง ๆ ในชวี ติ ประจาวนั
๕.๒ การแยกแยะรสชาติตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจาวัน
๖. การทรงตวั ๖.๑ การจดั ทา่ ในการนอน นัง่ ยนื เดิน
๖.๒ การทรงท่าในการนอน นั่ง ยนื เดิน
๗. การรบั รู้ส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกายผ่าน ๖.๓ การเคล่อื นไหวในท่านอน นง่ั ยนื เดิน
กล้ามเนื้อ เอ็น และขอ้ ตอ่ ๗.๑ การรบั รู้การเคล่อื นไหวในท่าตา่ ง ๆ
๘. การบรู ณาการการใชป้ ระสาทสมั ผัส ๗.๒ การเลยี นแบบการเคลอื่ นไหวในทา่ ต่าง ๆ
๗.๓ การวางแผนการเคลือ่ นไหว
๗.๔ การควบคุมการเคลอื่ นไหว
๘.๑ การบูรณาการการใชป้ ระสาทสมั ผสั ใน
ชีวิตประจาวนั
๘.๒ การบรู ณาการการใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้
๙๔
๒๑.๒ ทกั ษะด้านภาษา
ตวั บ่งชี้ สภาพทพี่ งึ ประสงค์
๑. พฤติกรรมแบบไม่ต้งั ใจในรูปแบบ สามารถแสดงพฤติกรรมแบบไมต่ ั้งใจในรูปแบบ
ปฏิกิรยิ าสะท้อนกลับ ปฏิกิริยาสะท้อนกลบั
๒. พฤตกิ รรมสอ่ื สารอย่างตั้งใจ สามารถแสดงพฤติกรรมส่อื สารอยา่ งตง้ั ใจ
๓. พฤตกิ รรมการสอ่ื สารท่ีไม่เปน็ แบบแผน สามารถแสดงพฤติกรรมการสอื่ สารทไ่ี มเ่ ปน็ แบบแผน
ก่อนสัญลักษณ์ กอ่ นสญั ลักษณ์
๔. การสอื่ สารกอ่ นสัญลักษณ์ทีเ่ ปน็ แบบ สามารถแสดงการสือ่ สารก่อนสัญลักษณ์ท่เี ป็นแบบ
แผน แผน
๕. การสื่อสารแบบใช้สญั ลกั ษณ์ท่ีเปน็ สามารถแสดงการสอื่ สารแบบใช้สญั ลกั ษณท์ ่เี ป็น
รูปธรรม รปู ธรรม
๖. การสื่อสารสัญลักษณเ์ ชิงนามธรรม สามารถแสดงการสือ่ สารสญั ลักษณเ์ ชิงนามธรรม
๗. การสื่อสารท่ีใชส้ ญั ลกั ษณ์ท่ีเปน็ แบบ สามารถแสดงการสื่อสารท่ีใช้สญั ลักษณ์ทีเ่ ป็นแบบ
(ภาษา) (ภาษา)
๒๑.๓ ทกั ษะการส่ือสาร
ตัวบง่ ชี้ สภาพทพี่ ึงประสงค์
๑. ความสนใจ ๑.๑ ความสนใจตอ่ ตนเอง บุคคล สัตวเ์ ล้ยี งทรี่ ู้จกั
ส่ิงของในสถานการณ์การดาเนนิ ชีวิตประจาวนั ท่ีบา้ น
๑.๒ ความสนใจต่อตนเอง บุคคล สตั ว์เล้ียงทรี่ ู้จกั
ส่งิ ของในสถานการณ์การดาเนนิ ชีวิตประจาวันท่ี
บ้าน
๑.๓ ความสนใจต่อตนเอง บุคคล สัตว์เลย้ี งท่รี จู้ กั
สิง่ ของท่ศี นู ยฯ์ ความสนใจต่อตนเอง บคุ คล สัตว์
เลี้ยงท่ีรจู้ ัก สิง่ ของในสงั คมชมุ ชน (รา้ นคา้ รพ.
วัด สนามเดก็ เล่น ฯลฯ )
๒. การมปี ฏสิ ัมพนั ธ์ ๒.๑ การมีปฏสิ มั พนั ธแ์ บบผลัดเปล่ยี น (Take turns)
ตอ่ บคุ คล สัตว์เล้ยี งทีร่ จู้ ักในสถานการณ์การ
ดาเนินชีวติ ประจาวันท่ีบา้ น หรอื ใชเ้ ครือ่ งมือการ
ส่ือสารทางเลอื กได้
๒.๒ การมีปฏิสมั พันธ์แบบผลดั เปลย่ี น (Take turns)
ต่อบุคคล บคุ คล สัตวเ์ ลย้ี งท่รี ู้จักที่ศนู ยฯ์ หรือใช้
๙๕
ตวั บ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์
๓. การรับรทู้ างภาษา
เคร่ืองมือการสื่อสารทางเลือกได้
๔. การแสดงออกทางภาษา
๒.๓ การมปี ฏสิ มั พนั ธ์แบบผลดั เปลย่ี น (Take turns)
ตอ่ บคุ คล สตั วเ์ ลีย้ งทรี่ จู้ ักในสังคมชมุ ชน (ร้านค้า
รพ. วดั สนามเด็กเล่น ฯลฯ) หรือใชเ้ ครอื่ งมือ
การสอ่ื สารทางเลอื กได้
๓.๑ การรบั รู้ทางภาษาในสถานการณก์ ารดาเนิน
ชวี ิตประจาวนั ทบ่ี ้านหรือใชเ้ คร่ืองมือการสื่อ สาร
ทางเลือกได้
๓.๒ การรบั รู้ทางภาษาในสถานการณ์ การดาเนนิ
ชวี ิตประจาวนั ทศ่ี ูนย์ฯหรอื ใชเ้ คร่อื งมือการส่ือ
สารทางเลือกได้
๓.๓ การรับรู้ทางภาษาในสถานการณ์การดาเนินชวี ติ
ประจา
๓.๔ วนั ในสงั คมชมุ ชน (รา้ นค้า รพ. วดั สนามเดก็ เล่น
ฯลฯ) หรือใชเ้ คร่ืองมือการสื่อสารทางเลอื ก
๔.๑ การแสดงออกทางภาษาในสถานการณ์การดาเนิน
ชวี ติ ประจาวนั ทีบ่ ้าน หรอื ใชเ้ ครอ่ื งมือการ
ส่ือสารทางเลอื กได้
๔.๒ การแสดงออกทางภาษาในสถานการณก์ ารดาเนิน
ชีวิตประจา วนั ทศี่ ูนยฯ์ หรอื ใช้เครือ่ งมอื การส่ือ
สารทางเลอื กได้
๔.๓ การแสดงออกทางภาษาในสถานการณก์ ารดาเนนิ
ชีวติ ประจา วนั ในสังคมชมุ ชน (รา้ นค้า รพ. วัด
สนามเด็กเล่น ฯลฯ)หรือใช้เครอ่ื งมือการส่ือ สาร
ทางเลอื กได้
๒๑.๔ ทักษะการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
ตัวบง่ ช้ี สภาพทพ่ี ึงประสงค์
๑. การเลน่ ๑.๑ ยอมรับการมปี ฏสิ มั พนั ธ์กบั บคุ คลในครอบครวั
บคุ คลในสถานศึกษาส่งิ ของต่าง ๆ และบุคคลใน
ชมุ ชน
๑.๒ การเล่นของเลน่ ที่มีเสียง แสง สสี นั ผวิ สัมผัสท่ี
ต่างกนั เพือ่ ความเพลิดเพลนิ
๑.๓ การเล่นของเลน่ กับบุคคลอื่น และการเลน่ ทมี่ กี าร
ผลัดเปลย่ี น
๙๖
ตวั บง่ ชี้ สภาพท่ีพงึ ประสงค์
๒. การมีส่วนรว่ มทางสังคม
๑.๔ การเลน่ ทม่ี กี ตกิ า การเล่นตามลาดับและการ
๓. การปรับตัวใหเ้ หมาะสมกับการมี แบ่งปนั การเล่น
ปฏสิ ัมพันธ์ทางสงั คม
๒.๑ การร่วมกิจกรรมยามว่างและกิจกรรมนนั ทนาการ
๔. การสร้างและรักษาความ สมั พันธ์ ภายในครอบครวั
๒.๒ การรว่ มกจิ กรรมในห้องเรียนและนอกหอ้ งเรียน
๒.๓ การร่วมกจิ กรรมกบั ผู้อื่นกับบุคคลแปลกหน้าแต่มี
ความเกี่ยวข้องกนั
๒.๔ การรว่ มกจิ กรรมกบั สมาชิกในครอบครวั
๒.๕ การแสดงความคิดเหน็ หรือยอมรบั ความคิดเหน็
ของผู้อื่นหรอื บุคคลแปลกหน้า
๒.๖ การยอมรับคาตชิ มจากบุคคลในครอบครัว
สถานศกึ ษา บคุ คลทเี่ กีย่ วข้องและบุคคลอน่ื ใน
สงั คม
๒.๗ ทา/ตอบสนองต่อคาพูด/ทา่ ทางเมอ่ื พบเจอ และ
จากลา
๒.๘ การแสดงมารยาททเ่ี หมาะสมเมื่อผอู้ ื่นแนะนาตน
ให้ผเู้ รียนรจู้ กั และการแนะนาตนเองใหผ้ ู้อน่ื รจู้ ัก
๓.๑ การแสดงออกทางอารมณใ์ นสถานการณ์ร่วมกับ
ครอบครัว
๓.๒ ปรับตวั ในการร่วมกจิ กรรมการเรียนกบั เพื่อน ครู
และพเ่ี ล้ียง
๓.๓ การแสดงความเห็นใจต่อบุคคลในครอบครัว
สถานศกึ ษา บคุ คลทเี่ ก่ยี วข้องและบคุ คลอ่นื ใน
สังคม
๓.๔ เพกิ เฉยตอ่ พฤติกรรมทไี่ มพ่ งึ ประสงค์ของบุคคล
อนื่
๓.๕ ยอมรบั การปฏิบตั ติ ามกฎ ระเบยี บ ของ
หอ้ งเรียน ห้องอาหาร และนอกสถานที่
๓.๖ การเคารพความเป็นสว่ นตัวของบุคคลอ่นื
๔.๑ การมสี ัมพันธภาพทดี่ ีกับคนในครอบครัว
๔.๒ การมสี ัมพนั ธภาพทีด่ ีกบั เพื่อน ครู บุคคลอ่ืนใน
สถานศกึ ษา
๔.๓ การแสดงความเห็นใจต่อบคุ คลในครอบครัว
สถานศึกษา บุคคลท่เี กี่ยวข้องและบุคคลอน่ื ใน
สงั คม
๙๗
ตัวบ่งช้ี สภาพทพ่ี งึ ประสงค์
๔.๔ การรกั ษาความสัมพนั ธ์ที่ดกี ับผอู้ ่นื
๒๑.๕ ทักษะการจัดการและการควบคุมตนเอง
ตวั บง่ ชี้ สภาพที่พึงประสงค์
การจัดการและการควบคุมตนเอง ๑. ระบุความตอ้ งการการทากิจกรรม
๒. เลือกสง่ิ ที่ตอ้ งการและสามารถทาได้
๓. ปฏบิ ัตติ ามขน้ั ตอน/ตารางกจิ กรรม
๔. ปรับตัวในการรว่ มกิจกรรมใหม่
๕. การรว่ มทากจิ กรรมตั้งแตเ่ ร่มิ ตน้ จนจบ
๖. การเลอื กวธิ ีการแก้ปัญหา
๒๑.๖ ทักษะการจดั การอารมณ์ตนเองในสถานการณต์ ่างๆ
ตัวบ่งช้ี สภาพทพ่ี งึ ประสงค์
การจดั การอารมณต์ นเองในสถานการณ์ ๑. การจดั การอารมณต์ นเอง
ตา่ ง ๆ
๒. การจัดการอารมณ์เม่ือรู้สึกภาคภูมใิ จในตนเอง
๒๑.๗ การปฏิบัตติ นตามตารางกจิ วตั รประจาวนั และแก้ปัญหาใน
ชีวิตประจาวัน
ตวั บง่ ชี้ สภาพท่ีพงึ ประสงค์
๑. การจดั การอารมณ์ตนเองใน ๑.๑ กจิ วตั รประจาวนั กอ่ นไปโรงเรยี น
สถานการณ์ต่าง ๆ
๑.๒ กจิ กรรมในโรงเรียน
๑.๓ กจิ วตั รประจาวันหลังเลกิ เรยี น
๒. วนั หยุด (วันเสาร์ – วนั อาทิตย)์ ๒.๑ กิจกรรมชว่ งเช้า
๒.๒ กจิ กรรมระหวา่ งวนั
๒.๓ กจิ กรรมประจาวันชว่ งเย็น
๓. การปฏิบัติตนในชมุ ชน การปฏบิ ัติตนใหเ้ หมาะสมกบั สถานทีแ่ ละกาลเทศะ
๔. การตัดสนิ ใจ สามารถตดั สนิ ใจเลือกสิง่ ของ และ แก้ปัญหาใน
ชีวิตประจาวนั ของตนเองได้
๙๘
๒๑.๘ ทักษะการปฏิบัติตนตามกฎระเบยี บ และรู้จักการไม่ละเมิดสทิ ธขิ องผูอ้ นื่
ตวั บ่งชี้ สภาพท่ีพงึ ประสงค์
๑. การปฏบิ ตั ติ นตามกฎระเบียบของ สามารถปฏบิ ัติตนตามกฎระเบยี บของสังคมใน
สงั คมในชวี ติ ประจาวนั ชวี ติ ประจาวัน
๒. การปฏบิ ตั ิตนตามกฎหมายที่เก่ียวข้อง สามารถปฏิบตั ิตนตามกฎหมายท่ีเกีย่ วข้องกบั ตนเอง
กบั ตนเองในการเปน็ พลเมือง ในการเปน็ พลเมือง
๓. การไม่ละเมิดสิทธขิ องผ้อู นื่ ๓.๑ ไมล่ ะเมดิ สทิ ธิทางร่างกายของผู้อืน่
๓.๒ ไม่ละเมิดสิทธทิ างทรัพย์สินของผู้อ่นื
๒๑.๙ ทกั ษะการใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์
ตวั บ่งช้ี สภาพที่พึงประสงค์
๑. การเล่นเกม สามารถเล่นเกมตามกฎกติกางา่ ยๆ ได้
๒. ดา้ นดนตรี ๒.๑ การเล่นเคร่อื งดนตรี
๒.๒ การแสดงออกทางการเคลื่อนไหว
๓. ดา้ นศิลปะการสร้างสรรคผ์ ลงานตาม สามารถสร้างสรรคผ์ ลงานในเชิงศิลปะได้ตามความ
ความถนดั และความสนใจ ถนดั และความสนใจ
๔. ดา้ นกฬี าและนนั ทนาการ ๔.๑ กิจกรรมกีฬาอนุชน YA (Young Athletes)
๔.๒ กิจกรรมกฬี า Special Olympics
๒๑.๑๐ ทกั ษะการทอ่ งเท่ียว การใชย้ านพาหนะ และการดูแลความปลอดภัย
ของตนเองจากบุคคลหรือสิ่งแวดล้อมท่ไี มป่ ลอดภยั
ตัวบง่ ช้ี สภาพทีพ่ งึ ประสงค์
๑. การเดนิ ทางในบ้าน และบรเิ วณบา้ น ๑.๑ การเคล่ือนย้ายตนเองจากทห่ี นงึ่ ไปยังอีกทีห่ น่งึ
ของตนเอง (ใช้หรอื ไมใ่ ช้อุปกรณช์ ว่ ย, คนช่วย, ทาเอง)
๑.๒ รจู้ ักสถานท่ีตา่ ง ๆ ภายในบ้าน
๑.๓ รูจ้ ักการใช้ประโยชน์จากสถานทหี่ รืออปุ กรณ(์ ใช้
หรือไม่ใช้อุปกรณ์ช่วย)
๒. การเดนิ ทางในห้องเรยี น และบริเวณ ๒.๑ การเคลอ่ื นย้ายตนเองจากทหี่ นง่ึ ไปยังอีกทห่ี น่งึ
สถานศึกษาของตนเอง (ใชห้ รอื ไม่ใช้อุปกรณช์ ่วย, คนชว่ ย, ทาเอง)
๒.๒ รูจ้ กั สถานทต่ี ่าง ๆ ภายในหอ้ งเรยี น
๓. การใช้ยานพาหนะสว่ นบุคคล สามารถใช้ยานพาหนะไดอ้ ย่างปลอดภัย
๔. การปฏบิ ตั ิตนจากบคุ คลที่ไมป่ ลอดภัย สามารถแก้ปญั หา / หลกี เลี่ยงอนั ตรายจากบคุ คลได้
๕. การปฏิบัติตนจากสง่ิ แวดลอ้ มที่ไม่ สามารถแก้ปญั หา / หลีกเลี่ยงอนั ตรายจากสง่ิ แวดล้อม
ปลอดภัย ที่ไมป่ ลอดภัย
๙๙
๒๑.๑๑ ทกั ษะการใชท้ รัพยากรในชุมชนได้อยา่ งเหมาะสม
ตวั บ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์
๑. การรู้จักวธิ ีใชบ้ ริการห้องต่าง ๆ ใน สามารถบารุงรักษาห้องตา่ งๆ ในสถานศกึ ษา
สถานศึกษา
๒. การรู้จกั วธิ ีรักษาห้องนา้ สาธารณะ สามารถบารงุ รักษาห้องน้าสาธารณะได้
๓. การร้จู กั วิธใี ช้สวนสาธารณะ สามารถบารุงรักษาตน้ ไม้ อุปกรณ์เครื่องเลน่ ใน
สวนสาธารณะได้
๔. การสานกึ รูผ้ ิดชอบชว่ั ดตี ่อการกระทา ๔.๑ สามารถสานึกรผู้ ิดชอบชั่วดตี อ่ การกระทาความดี
ความดีทตี่ นเองกระทาได้ ทต่ี นเองกระทาได้
๔.๒ สามารถแบ่งปันส่งิ ของได้
๒๑.๑๒ ทักษะการกลืน และการปูอนอาหารในเด็กท่ีมีความบกพร่องทางดา้ น
รา่ งกาย
ตัวบง่ ชี้ สภาพที่พงึ ประสงค์
๑. การจัดทา่ ทางขณะปอู นอาหารหรือ สามารถอยู่ในท่าทาง ขณะปูอนอาหารหรือกระตุ้น
กระต้นุ กลนื กลืน
๒. การกระตนุ้ กลนื สามารถกลนื ได้
๓. การเคลอื่ นไหวของขากรรไกร รมิ ฝีปาก ๓.๑ สามารถเคลื่อนไหวขากรรไกร
และล้ิน
๓.๒ สามารถเคลื่อนไหวรมิ ฝีปาก
๓.๓ สามารถเคล่อื นไหวลิน้
๔. การรบั ประทานอาหารทห่ี ลากหลาย ๔.๑ สามารถรบั ประทานอาหารเหลว
๔.๒ สามารถรบั ประทานอาหารป่นั ขน้
๔.๓ สามารถรบั ประทานอาหารอ่อน
๔.๔ สามารถรบั ประทานอาหารปกติ
๔.๕ สามารถรับประทานขนมกรบุ กรอบ
๒๑.๑๓ ทักษะการเคลอ่ื นย้ายอย่างปลอดภยั โดยมีผชู้ ่วยเหลอื
ตัวบง่ ชี้ สภาพท่พี ึงประสงค์
๑. การอมุ้ สาหรบั เด็กท่ีมีอาการเกร็งขาท้งั สามารถอุ้มแบบหันหนา้ เข้า
๒ ข้างไขว้กนั หรือตวั อ่อนปวกเปียก
๒. การอมุ้ สาหรบั เดก็ ทมี่ ีอาการเกรง็ ขาทั้ง สามารถอุ้มแบบหันหน้าออก
๒ ขา้ งไขวก้ ันหรือเด็กทีม่ ีความตงึ ตัว
ของกลา้ มเน้ือไม่คงท่ี (Athetoid)
๓. การอุ้มเดก็ ทม่ี ีอาการเกร็งงอ สามารถอุ้มแบบนอนควา่ (จดั ทา่ กางแขนและขา
เหยยี ดออก)
๑๐๐
๒๑.๑๔ ทกั ษะการใช้อุปกรณ์เครอื่ งช่วยเดิน (walker รถเข็น ไมเ้ ท้า ไมค้ า้ ยัน)
ตัวบง่ ช้ี สภาพทพี่ ึงประสงค์
๑. การเข้าถึงอุปกรณเ์ ครื่องชว่ ยเดนิ ๑.๑ สามารถเคลอื่ นยา้ ยตัวจากท่ีหนึง่ เข้าไปอยู่ใน
walker ได้
๑.๒ สามารถเคล่ือนย้ายตัวจากท่ีหนง่ึ เข้าไปอยใู่ นเกา้ อี้
รถเข็นได้
๑.๓ สามารถเคลอ่ื นยา้ ยตัวจากท่ีหนึ่งเข้าไปอยู่ในไม้
ค้ายนั ได้
๑.๔ สามารถเคล่ือนยา้ ยตัวจากที่หนึ่งเข้าไปอยู่ในไม้
เท้าได้
๒. การทรงตวั อยูใ่ นอปุ กรณ์เคร่อื งช่วยเดิน ๒.๑ สามารถทรงตวั อยู่ใน walker ได้
๒.๒ สามารถทรงตวั อยู่ใน walker ได้
๒.๓ สามารถทรงตัวอยใู่ นไม้ค้ายันได้
๒.๔ สามารถทรงตวั อยูใ่ นไม้เท้าได้
๓. การทรงตัวอย่ใู นอุปกรณ์เครอ่ื งช่วยเดิน ๓.๑ สามารถทรงตวั อยใู่ น walker ได้เมื่อมีแรงตา้ น
ได้เม่ือมีแรงตา้ น
๓.๒ สามารถทรงตัวอยใู่ นเกา้ อร้ี ถเขน็ ได้เม่ือมีแรงตา้ น
๓.๓ สามารถทรงตัวอยู่ในไม้ค้ายนั ไดเ้ มื่อมแี รงตา้ น
๓.๔ สามารถทรงตัวอยใู่ นไม้เทา้ ได้ เมื่อมีแรงตา้ น
ตวั บง่ ช้ี สภาพท่พี งึ ประสงค์
๔. การทรงตวั อยใู่ นอปุ กรณ์เครื่องช่วยเดิน ๔.๑ สามารถทรงตัวอยู่ใน walker โดยมกี ารถ่าย
โดยมกี ารถ่ายน้าหนัก ไปในทิศทาง น้าหนกั ไปในทศิ ทางต่าง ๆ ได้
ตา่ ง ๆ ได้
๔.๒ สามารถทรงตัวอยใู่ นเกา้ อร้ี ถเขน็ โดยมีการถ่าย
นา้ หนักไปในทศิ ทางต่าง ๆ ได้
๔.๓ สามารถทรงตัวอยู่ในไม้ค้ายัน โดยมกี ารถา่ ย
น้าหนักไปในทศิ ทางต่าง ๆ ได้
๔.๔ สามารถทรงตัวอย่ใู นไมเ้ ทา้ โดยมีการถ่ายน้าหนกั
ไปในทิศทางต่าง ๆ ได้
๕. การเคลือ่ นยา้ ยตวั ด้วยอุปกรณ์ ๕.๑ สามารถเคล่ือนย้ายตัวเองไปด้านหน้าโดยใช้
เคร่อื งชว่ ยเดนิ บนทางราบและทาง Walker บนทางราบและทางลาดได้
ลาด
๕.๒ สามารถเคลอื่ นย้ายตัวเองไปด้านหน้า โดยใชเ้ กา้ อ้ี
๑๐๑
ตัวบง่ ชี้ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์
รถเข็นบนทางราบและทางลาดได้
๕.๓ สามารถเคล่ือนย้ายตัวเองไปด้านหนา้ โดยใชไ้ ม้
ค้ายนั บนทางราบและทางลาดได้
๕.๔ สามารถเคลอ่ื นย้ายตวั เองไปดา้ นหนา้ โดยใช้ไม้
เทา้ บนทางราบและทางลาดได้
๒๑.๑๕ ทกั ษะการใชก้ ายอปุ กรณ์เสริม (เบรสขาส้ันรองเท้าพเิ ศษ อปุ กรณด์ าม
ข้อ)
ตวั บง่ ชี้ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์
การใชก้ ายอุปกรณ์เสรมิ ๑. สามารถถอดและใสก่ ายอุปกรณเ์ สริมได้
๒. สามารถยืนด้วยกายอปุ กรณ์เสริมไดส้ ามารถเดิน
ดว้ ยกายอุปกรณไ์ ด้
๒๑.๑๖ ทักษะการใชก้ ายอุปกรณ์เทียมในการเคลือ่ นไหว
ตวั บง่ ชี้ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์
การใช้กายอุปกรณ์เทียมในการ ทา ๑. สามารถถอดและใสก่ ายอุปกรณ์เทยี มได้
กจิ กรรม ต่าง ๆ ในชีวิตประจาวนั
๒. สามารถใช้กายอุปกรณเ์ ทียมในการทากิจกรรม
ตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจาวนั ได้
๒๑.๑๗ การใชอ้ ุปกรณ์ดดั แปลง(ช้อนดัดแปลงเก้าอ้ดี ดั แปลง)
ตวั บง่ ช้ี สภาพทีพ่ งึ ประสงค์
การใช้อุปกรณ์ดัดแปลงในการช่วยเหลอื ๑. สามารถสวมใส่อุปกรณ์ดัดแปลงหรอื การ
ตนเองในชีวิตประจาวัน เคล่ือนยา้ ยตวั ไปยังอปุ กรณด์ ัดแปลงได้
๒. สามารถใช้อปุ กรณ์ดดั แปลงในการชว่ ยเหลือตนเอง
ในชวี ติ ประจาวนั ได้
๒๑.๑๘ การใช้อุปกรณด์ ัดแปลง(ช้อนดดั แปลงเก้าอีด้ ัดแปลง)
ตวั บ่งช้ี สภาพทพี่ ึงประสงค์
การใช้เทคโนโลยี สง่ิ อานวยความสะดวก ๑. สามารถใช้อปุ กรณ์ชว่ ยในการสอ่ื สาร
เพ่ือการศึกษา (Communication aids)
๒. สามารถใชอ้ ุปกรณช์ ่วยในการเขา้ ถงึ คอมพวิ เตอร์
๒๑.๑๙ ทักษะการดูแลสุขอนามัยของตนเอง เพ่ือปอู งกนั ภาวะแทรกซ้อน
๑๐๒
ตวั บง่ ช้ี สภาพทพี่ ึงประสงค์
๑. การปูองกันและการดแู ลแผลกดทับ สามารถปูองกันและดแู ลแผลกดทบั ได้
๒. การดูแลสายสวนปสั สาวะ สามารถดูแลสายสวนปัสสาวะได้
๓. การดแู ลช่องขบั ถ่ายบรเิ วณหน้าท้อง สามารถดูแลช่องขับถา่ ยบรเิ วณหน้าท้องได้
๒๑.๒๐ การดูแลสุขภาพของตนเองซ้อน
ตัวบ่งช้ี สภาพที่พึงประสงค์
๑. การรับรูโ้ รค/ สมรรถภาพ ทางรา่ งกาย สามารถรบั รู้โรค/ สมรรถภาพทางรา่ งกายและ
และความสามารถของตนเอง ความสามารถของตนเอง
๒. การรบั รู้และเขา้ ใจเกี่ยวกับการดูแล สามารถดแู ลสุขภาพของตนเองอยา่ งถกู ต้องเหมาะสม
สุขภาพของตนเองอย่างเหมาะสม
๓. การฝกึ และวางแผนและกาหนด สามารถฝกึ และวางแผนและกาหนดกจิ กรรมการ
กจิ กรรม การดาเนินชีวติ ของตนเองได้ ดาเนนิ ชวี ติ ของตนเองไดอ้ ย่างเหมาะสม
อย่างเหมาะสม
๑. กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นกิจกรรมเสริมเพื่อการพัฒนาศักยภาพเด็กพิการ
ครอบคลุมตามหลักสตู ร ซง่ึ หลกั สตู รสถานศกึ ษาการศกึ ษาปฐมวัย สาหรับเด็กท่มี คี วามต้องการจาเป็น
พิเศษของศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง พุทธศักราช ๒๕๖๓ ได้กาหนดให้มีการจัด
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามแนวทางการดาเนินงานของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตามโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาต้ังแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาข้ันพื้นฐาน
ปีงบประมาณ ๒๕๖๓ และการดาเนินงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา ๒๐๑๙ ( COVID-19) ดงั น้ี
๑) กิจกรรมวิชาการ เป็นกิจกรรมท่ีสถานศึกษาจัดเพิ่มเติม นอกเหนือจากการเรียน
ปกติในช้ันเรียนเพ่ือให้ผู้เรียนทุกคนได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีศักยภาพ
สูงขน้ึ และให้โอกาสผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กิจกรรมการออกกาลังกาย กิจกรรมพล
ศึกษา กิจกรรมเคลื่อนไหวเพ่ือการศึกษา ตามแนวทางการศึกษาแบบมนุษยปรัชญา (วอลดอร์ฟ)
กิจกรรมวิชาการเพือ่ การศึกษา กิจกรรมพาราชูต และกิจกรรมการละเล่นพ้ืนบ้าน เป็นต้น รวมถึงการ
จัดกิจกรรมเสริมทักษะท่ีมีเปูาหมายเพ่ือพัฒนาทักษะ ปูองกัน แก้ไข ฟื้นฟูความเสื่อมสภาพของ
ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ทางบวกเพ่ือลดพฤติกรรมไม่พึง
ประสงค์ เช่น กิจกรรมบาบัด กายภาพบาบัด จิตวิทยา ศิลปะบาบัด ดนตรีบาบัด ศิลปะการแสดง
กิจกรรมการนานักเรียนเข้าร่วมแข่งขันงานมหกรรมความสามารถทางศิลปหัตถกรรมวิชาการและ
เทคโนโลยีของนักเรียน กิจกรรมการแข่งขันกีฬา “สพฐ.เกมส์” กิจกรรมการแข่งขันกีฬาสเปเชียลโอ
ลมิ ปิค เป็นต้น
๒) กิจกรรมคุณธรรมและจริยธรรม เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณธรรม
จริยธรรม ค่านิยมที่ดีงาม และคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ โดยปลูกฝังค่านิยมและจิตสานึกการทา
ประโยชนต์ ่อตนเองและสังคม เห็นแกป่ ระโยชน์สว่ นรวม มจี ิตสาธาราณะ ปลกู ฝงั ความรกั ชาติ ศาสนา
๑๐๓
และพระมหากษัตริย์ ปลูกฝังความรักความภาคภูมิใจในความเป็นไทย เช่น การมาโรงเรียนทันเวลา
การทาความเคารพผู้ปกครองและครู กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การสวดมนต์ไหว้พระ น่ัง
สมาธิ นิทานคุณธรรม กิจกรรมทางสังคม กิจกรรมการรักษาธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม และกิจกรรม
ส่งเสริมให้ผูเ้ รยี นมีจิตสาธารณะ โดยการบาเพญ็ ประโยชน์ เป็นตน้
๓) กิจกรรมทัศนศึกษา เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้สภาพแวดล้อมของชุมชน
ท้องถ่ิน ชาติ และ/หรือทัศนศึกษาตามแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เพ่ือเสริมสร้างประสบการณ์ตรงให้กับ
ผูเ้ รยี นท่เี พ่มิ เติมจากท่รี ะบุไว้ในแผนการจดั การศกึ ษาเฉพาะบุคคล เช่น การเดนิ ทางไปทากิจกรรมต่าง
ๆ ในชุมชน การทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ในชุมชน กิจกรรมท่องสวนสัตว์ เป็นต้น โดยกาหนดให้
ดาเนนิ การกจิ กรรมดังกล่าวอยา่ งน้อยปลี ะ ๑ ครัง้
๔) กิจกรรมการบรกิ ารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เป็นกิจกรรมการ
ให้บริการแก่ผู้เรียน หรือผู้ปกครอง เช่น การให้บริการห้องสมุดอัจฉริยะ การให้บริการสืบค้นข้อมูล
ของศูนย์การศกึ ษาพเิ ศษประจาจังหวัดลาปางผ่านเว็บไซต์การเรยี นร้ผู ่านคอมพิวเตอร์และสื่อออนไลน์
บริการแท็บเล็ตเคลื่อนที่ การให้บริการส่ือ ส่ิงอานวยความสะดวก บริการอ่ืนใดทางการศึกษา บัญชี
ก. เป็นตน้
๕) กจิ กรรมการจัดการเรียนการสอนทางไกลในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID – ๑๙) เป็นกิจกรรมท่ีสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน
ทางไกลในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID – ๑๙) เช่น
การผลิตส่ือการเรียนการสอนผ่านช่องทาง Youtube แอพพลิเคช่ันไลน์ ใบงาน แบบฝึกหัด การ
ติดตามและเยย่ี มบา้ นผูเ้ รียน เป็นต้น
๒. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นเปูาหมายหลักในการพัฒนาศักยภาพเด็กพิการ
ตามหลกั สตู รกาหนด
หลักสูตรสถานศึกษาการศึกษาปฐมวัย สาหรับเด็กที่มีความต้องการจาเป็นพิเศษ
ของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจาจังหวัดลาปาง พุทธศักราช ๒๕๖๓ มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมือง
ไทยและพลโ ลก ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐ าน พุทธ ศักราช ๒๕๕๑
กระทรวงศึกษาธิการ (๒๕๕๑, หน้า ๗) มาวิเคราะห์เพื่อกาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สาหรับ
เด็กทมี่ ีความต้องการจาเป็นพิเศษของศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ ประจาจังหวดั ลาปางดงั น้ี
๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หมายถึง พฤติกรรมที่แสดงออกถึง ความรักชาติ ศาสน์
กษัตริย์ การเป็นพลเมืองดีของชาติแสดงความสนใจและหยุดกระทางานอื่นหรือยืนตรงเมื่อได้ยิน
เสียงเพลงชาติไทย หรือเห็นภาพในโทรทัศน์ ธารงไว้ซ่ึงความเป็น ชาติไทย รับรู้/รับชมรายการที่
ส่งเสริมความสามัคคีปรองดองในชาติ ศรัทธา ยึดม่ัน และปฏิบัติตนตามหลักของศาสนา แสดงความ
เคารพ หรือสงบนงิ่ หรอื แสดงกิรยิ าท่ีเหมาะสมเมื่อเห็นพระสงฆ์/พระพทุ ธรปู /ไดย้ นิ บทสวด
๒. ซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความซื่อสัตย์ สุจริต ประพฤติตรง
ตามความเป็นจริงต่อตนเองท้ังกาย วาจา ใจ แสดงออกทางสีหน้า ชี้หรือพูดบอกความต้องการของ
ตนเอง ประพฤติตรงตามความเป็นจริงตอ่ ผู้อ่ืนท้ังกาย วาจา ใจ ไม่แย่งของจากมือผู้อื่นหรือไม่เอาของ
ผ้อู ่นื มาเปน็ ของตน
๑๐๔
๓. มีวินัย หมายถึง พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความมีวินัย ปฏิบัติตามข้อตกลง ตาม
กฎเกณฑ์ ระเบียบ ของครอบครัว โรงเรียนและสังคม ได้แก่ รับรู้หรือปฏิบัติตามข้อตกลง ของ
ห้องเรียน ครอบครัว สถานศึกษา และ สังคม และการเข้าร่วมกิจกรรมหรือปฏิบัติกิจกรรมใน
ชวี ติ ประจาวันได้ตรงต่อเวลา
๔. ใฝุเรียนรู้ หมายถึง พฤติกรรมที่แสดงออกถึงการใฝุเรียนรู้ โดยการ ต้ังใจ เพียร
พยายามในการเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ ให้ความร่วมมือหรือต้ังใจในการทากิจกรรมได้
ตามศักยภาพ แสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง สนใจ หรือยกมือเสนอตัวเข้าร่วมกิจกรรมต่อการเข้าร่วม
กิจกรรมการเรยี นรูต้ า่ ง ๆ รูจ้ ักแสวงหาความรจู้ ากแหล่งเรยี นรู้ต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน
ด้วยการเลือกใช้สื่ออยา่ งเหมาะสมบนั ทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเปน็ องค์ความรู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ
นาไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้ โดยการแสดงออกทางสหี นา้ ชี้หรือพูดบอกเพื่อแลกเปล่ียนเรียนรู้การทา
กจิ กรรมจากแหลง่ เรยี นรทู้ ง้ั ภายในและภายนอกสถานศกึ ษา/บ้าน และนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั
๕. อยู่อยา่ งพอเพยี ง หมายถงึ พฤติกรรมทีแ่ สดงออกถึงความเป็นอยู่อย่างพอเพียง โดย
การดาเนินชีวิตอย่างพอประมาณมีเหตุผลรอบคอบ มีคุณธรรม ได้แก่รับประทานอาหารให้พออ่ิม ไม่
ทานมากจนเกินไปหรือเหลือท้ิง เก็บรักษา ดูแลส่ิงของ ของตนเอง ใช้และรักษาทรัพย์สินของ
สถานศึกษาหรือที่บ้าน โดยไม่ทาลายหรือทาชารุดเสียหายในระหว่างเรียนหรือทากิจกรรม เป็นต้น
รวมทงั้ มภี มู คิ ุ้มกนั ในตวั ทดี่ ี ปรับตวั เพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เช่น ร่าเริง แจ่มใส อารมณ์ดี มี
สมั พนั ธภาพท่ีดกี บั ผูอ้ ่ืน และไม่ทะเลาะกับผู้อน่ื ขณะทากิจกรรม เปน็ ต้น
๖. มุ่งม่ันในการทางาน หมายถึง พฤติกรรมท่ีแสดงออกถึงการ ต้ังใจและรับผิดชอบใน
การปฏบิ ตั ิหนา้ ทก่ี ารงาน โดยสนใจฟงั /มองดขู ณะทากิจกรรมต่าง ๆ ให้ความร่วมมือ หรือทากิจกรรม
ให้เสร็จตามเวลาที่กาหนด ทางานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพื่อให้งานสาเร็จตามเปูาหมาย
โดยให้ความร่วมมือ หรือตั้งใจทากิจกรรมให้สาเร็จตามเปูาหมายและไม่โวยวาย/ต่อต้านเมื่อให้ทา
กจิ กรรม
๗. รักความเป็นไทย หมายถึง พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความภาคภูมิใจใน
ขนบธรรมเนยี มประเพณศี ิลปะ วฒั นธรรมไทย และมคี วามกตญั ญูกตเวที ได้แก่ รับชมรายการหรือเข้า
ร่วมกิจกรรมทางประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย แต่งกายด้วยผ้าไทย หรือชุดพื้นเมือง ตามประเพณี
รบั ประทานอาหารไทยหรืออาหารท้องถ่นิ ของตนเอง ให้ความรว่ มมือในการแสดงความเคารพโดยการ
ไหว้ หรือ กราบ และให้ความร่วมมือในการยกมือไหว้แสดงการขอบคุณ/ขอโทษ หรือยกมือไหว้และ
พูดขอบคุณ/ขอโทษ เห็นคุณค่าและใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม รับรู้หรือ
เขา้ ใจเมื่อผูอ้ ่ืนส่อื สารด้วย ตอบสนองหรอื พดู สอื่ สารไดอ้ ยา่ งเหมาะสมเมื่อผู้อ่ืนสื่อสารด้วย รวมท้ังรู้จัก
อนรุ กั ษแ์ ละสบื ทอดภูมปิ ญั ญาไทย เล่นของเล่นหรอื การละเล่นพืน้ บ้าน และการรับชมรายการหรือเข้า
รว่ มกจิ กรรมตามประเพณที ้องถิ่น
๘. มีจิตสาธารณะ หมายถึง พฤติกรรมที่แสดงออกถึงการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ
และพึงพอใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ให้ความร่วมมือ/ไม่ขัดขวางการทางานของผู้อ่ืน หรือช่วยเหลือ
๑๐๕
ผอู้ น่ื ในการทากิจกรรม และการเข้าร่วมกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน ชุมชน และสังคม รับชม
รายการหรอื เข้าร่วมกิจกรรมท่ีเป็นประโยชนต์ อ่ สถานศึกษา ชุมชน และสังคม
เวลาเรยี น
หลักสูตรสถานศึกษาการศึกษาปฐมวัย สาหรับเด็กท่ีมีความต้องการจาเป็นพิเศษ
ของศนู ยก์ ารศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง พุทธศักราช ๒๕๖๓ กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียน
การใช้เวลาเรียนที่สอดคล้องกับอายุจริงของเด็กที่มีความต้องการจาเป็นพิเศษ คืออายุตั้งแต่แรกเกิด
จนถึง ๖ ปี โดยใน ๑ ปีการศึกษามีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า ๑๘๐ วันโดยประมาณ และในแต่ละวันไม่
น้อยกว่า ๕ ชั่วโมง ท้ังน้ีขึ้นอยู่กับอายุของเด็กท่ีเริ่มเข้าเรียนศูนย์การศึกษาพิเศษ เวลาเรียนจึงขึ้นอยู่
กับความพร้อม พัฒนาการและศักยภาพของเด็กพิการตามประเภทและสภาพความพิการของแต่ละ
บคุ คล
กลุม่ เป้าหมาย
กลุ่มเปูาหมายตามคู่มือหลักสูตรสถานศึกษาการศึกษาปฐมวัย สาหรับเด็กที่มีความ
บกพร่องทางการเห็น ของศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตาม
ประกาศกระทรวง ศกึ ษาธกิ าร เรือ่ ง กาหนดประเภทและหลักเกณฑ์ของคนพิการทางการศึกษา พ.ศ.
๒๕๕๒ ซง่ึ ใหค้ วามหมายสาหรับบุคคลทม่ี คี วามบกพรอ่ งทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ไว้ดังน้ี
๖) บุคคลท่ีมีความบกพร่องทางพฤติกรรมหรืออารมณ์ ได้แก่บุคคลท่ีมีพฤติกรรม
เบ่ยี งเบนไปจากปกติเป็นอย่างมาก และปัญหาทางพฤติกรรมนั้นเป็นไปอย่างต่อเน่ือง ซ่ึงเป็นผลจาก
ความบกพร่องหรือความผิดปกติทางจิตใจหรือสมองในส่วนของการรับรู้ อารมณ์หรือความคิด
เช่น โรคจิตเภท โรคซึมเศรา้ โรคสมองเส่ือม เปน็ ตน้
แยกตามรปู แบบในการรับบริการ ๕ รูปแบบ ได้แก่
๑) เด็กทร่ี ับบริการภายในศนู ย์การศกึ ษาพิเศษประจาจังหวดั ลาปาง
๒) เด็กทร่ี ับบรกิ ารทศี่ ูนย์การศกึ ษาพเิ ศษประจาจงั หวัดลาปาง หนว่ ยบริการประจาอาเภอ
๓) เด็กท่ีรับบรกิ ารที่บ้าน (โครงการปรับบา้ นเป็นห้องเรยี นเปล่ยี นพอ่ แม่เป็นครู)
๔) เดก็ ทรี่ ับบรกิ ารทศ่ี ูนยก์ ารเรยี นเฉพาะความพิการ
๕) เด็กทีร่ ับบริการท่ีหอ้ งเรยี นเด็กในโรงพยาบาล
๑๐๖
การจัดประสบการณ์
การจัดประสบการณ์ เป็นแนวทางในการนาไปจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
เพื่อให้เด็กที่มีความต้องการจาเป็นพิเศษได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตามศักยภาพ ตามแนว
การจัดประสบการณ์ ดังนี้
๑. จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการ คือเหมาะกับอายุ วุฒิภาวะ
และระดบั พฒั นาการเพ่ือให้ผู้เรยี นทกุ คนได้พัฒนาเตม็ ตามศักยภาพ
๒. จดั ประสบการณใ์ ห้สอดคล้องกับลกั ษณะธรรมชาติการเรยี นร้ขู องสมองของผู้เรียนวัย
น้คี ือ ผู้เรียนได้ลงมือกระทาเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสท้ัง ๕ ได้เคล่ือนไหว สารวจ เล่น สังเกต สืบค้น
ทดลอง และคดิ แกป้ ญั หาดว้ ยตนเอง
๓. จัดประสบการณ์ในรูปแบบบูรณาการ คือ บูรณาการท้ังมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึง
ประสงค์ ประสบการณ์สาคัญ สภาพท่ีพึงประสงค์ สาระท่ีควรเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และ
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
๔. จัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนได้ริเร่ิม คิด วางแผน ตัดสินใจ ลงมือกระทา และนาเสนอ
ความคิดโดยผ้สู อนเปน็ ผ้สู นับสนุน อานวยความสะดวก และเรียนรรู้ ่วมกับผเู้ รยี น
๕. จดั ประสบการณใ์ หผ้ ู้เรยี นมปี ฏิสัมพนั ธ์กับผูเ้ รยี นอนื่ กบั ผู้ใหญ่ ภายใตส้ ภาพแวดล้อม
ท่ีเอ้ือตอ่ การเรยี นรูใ้ นบรรยากาศที่อบอนุ่ มีความสุข และเรียนรู้การทากิจกรรมแบบร่วมมือในลักษณะ
ตา่ ง ๆกัน
๖. จัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายและ
อยูใ่ นวิถีชวี ติ ของผู้เรียน
๗. จดั ประสบการณ์ทส่ี ง่ เสริมลักษณะนิสัยท่ีดี และทักษะการใช้ชีวิตประจาวันตลอดจน
สอดแทรก คุณธรรมจรยิ ธรรม ให้เปน็ ส่วนหนงึ่ ของการจัดประสบการณ์การเรยี นอยา่ งต่อเนอ่ื ง
๘. จัดประสบการณ์ท้ังในลักษณะท่ีมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและแผนท่ีเกิดข้ึนในสภาพ
จรงิ โดยไมไ่ ด้คาดการณไ์ ว้
๙. ให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดประสบการณ์ ทั้งการวางแผน
การสนบั สนนุ สอื่ การสอน การเขา้ ร่วมกจิ กรรม และการประเมินพฒั นาการ
๑๐. จัดทาสารนิทัศน์ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของ
ผู้เรียนเป็นรายบุคคล นามาไตร่ตรองและใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาผู้เรียนและการวิจัยในชั้น
เรยี น
การจัดกิจกรรมประจาวนั
การจัดกิจกรรมประจาวันสาหรับเด็กที่มีความต้องการจาเป็นพิเศษ ของศูนย์การศึกษา
พิเศษประจาจังหวัดลาปาง ผู้เรียนจะได้รับการจัดกิจกรรมแบบบูรณาการ โดยผ่านการเรียนรู้
ตามมาตรฐานคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ แบง่ ออกเป็น ๓ กลุม่
๑. สาหรบั เดก็ ทรี่ ับบริการในศนู ยก์ ารศึกษาพเิ ศษประจาจงั หวดั ลาปาง
๑.๑ การจดั กิจกรรมประจาวัน ดงั นี้
๑๐๗
๑.๑.๑ กิจกรรมรบั นกั เรียน
๑.๑.๒ กิจกรรมหนา้ เสาธง
๑.๑.๓ กิจกรรมอสิ ระ
๑.๑.๔ กิจกรรมวงกลม
๑.๑.๕ กจิ กรรมเรยี นรู้ตามหนว่ ยการจัดประสบการณ์
๑.๑.๖ กิจกรรมการรับประทานอาหารว่าง
๑.๑.๗ กจิ กรรมการรับประทานอาหารกลางวนั
๑.๑.๘ กจิ กรรมหนูนอ้ ยเรียนรู้ชวี ิต
๑.๑.๙ กจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะ
๑.๑.๑๐ กจิ กรรมส่งผูเ้ รียน
๑.๒ การกาหนดเวลาแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัยของผู้เรียนและลักษณะของ
กิจกรรมเช่นกิจกรรมท่ีต้องใช้ความคิดทั้งกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ไม่ควรใช้เวลาต่อเนื่อง นานกว่า ๒๐
นาที กิจกรรมท่ผี เู้ รยี นมีอิสระเสรี ใช้เวลา ๒๐-๕๐ นาที
๑.๓ กิจกรรมควรมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมในห้องและนอกห้อง กิจกรรมที่ใช้
กล้ามเน้ือมัดใหญ่และกล้ามเน้ือมัดเล็ก กิจกรรมที่เป็นรายบุคคล กลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ กิจกรรมท่ี
ผเู้ รยี นเป็นผู้ริเรมิ่ และครูเป็นผรู้ ิเริม่
๑.๔ จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้พัฒนาท้ังกล้ามเนื้อมัดใหญ่ และกล้ามเนื้อมัดเล็ก
พัฒนาอารมณ์ จิตใจ ปลกู ฝงั คณุ ธรรมจริยธรรม พฒั นาสงั คมนสิ ยั การช่วยเหลือตนเอง พัฒนาการคิด
พัฒนาภาษา สง่ เสริมจินตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์
๒. สาหรับเด็กที่รับริการท่ีศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง หน่วยบริการ
ประจาอาเภอ
๒.๑ การจดั กจิ กรรมประจาวนั ดังนี้
๒.๑.๑ กิจกรรมรบั นกั เรยี น
๒.๑.๒ กิจกรรมหนา้ เสาธง
๒.๑.๓ กจิ กรรมอสิ ระ
๒.๑.๔ กจิ กรรมวงกลม
๒.๑.๕ กจิ กรรมเรยี นรตู้ ามหน่วยการจดั ประสบการณ์
๒.๑.๖ กิจกรรมการรบั ประทานอาหารวา่ ง
๒.๑.๗ กจิ กรรมการรับประทานอาหารกลางวนั
๒.๑.๘ กจิ กรรมหนนู ้อยเรียนรชู้ วี ิต
๒.๑.๙ กิจกรรมเสรมิ ทักษะ
๒.๑.๑๐ กจิ กรรมส่งนกั เรียน
๒.๒ การกาหนดเวลาแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัยของผู้เรียนและลักษณะของ
กิจกรรมเช่นกิจกรรมท่ีต้องใช้ความคิดทั้งกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ไม่ควรใช้เวลาต่อเนื่อง นานกว่า ๒๐
นาที กจิ กรรมทีผ่ เู้ รยี นมีอิสระเสรี ใชเ้ วลา ๒๐-๕๐ นาที
๑๐๘
๒.๓ กิจกรรมควรมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมในห้องและนอกห้อง กิจกรรมท่ีใช้
กล้ามเน้ือมัดใหญ่และกล้ามเนื้อมัดเล็ก กิจกรรมที่เป็นรายบุคคล กลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ กิจกรรมท่ี
ผเู้ รียนเป็นผ้รู ิเริม่ และครเู ปน็ ผรู้ เิ ริ่ม
๒.๔ จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้พัฒนาทั้งกล้ามเน้ือมัดใหญ่ และกล้ามเนื้อมัดเล็ก
พัฒนาอารมณ์ จิตใจ ปลูกฝังคุณธรรมจรยิ ธรรม พฒั นาสังคมนิสยั การช่วยเหลือตนเอง พัฒนาการคิด
พัฒนาภาษา ส่งเสรมิ จนิ ตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์
๓. สาหรับเดก็ ท่ีรบั บริการที่บ้าน (โครงการปรบั บ้านเป็นห้องเรยี นเปล่ียนพอ่ แมเ่ ป็นคร)ู
๓.๑ การจัดกจิ กรรมประจาวัน ดังนี้
๓.๑.๑ กจิ วตั รประจาวนั
๓.๑.๒ กิจกรรมทักษะการทางานบ้านและทักษะการดูแลสุขภาพและความ
ปลอดภัยในชีวิตประจาวัน
๓.๑.๓ กิจกรรมทกั ษะการมีส่วนรว่ มทางสังคมและทักษะการเดินทางในชุมชน
๓.๑.๔ กิจกรรมการเรยี นรตู้ ามกลุ่มทักษะ และกจิ กรรมเสริมทักษะ
๓.๑.๕ กิจกรรมทักษะการเข้าสังคม การทากิจกรรมนันทนาการ และการ
ทางานอดิเรก (กิจกรรมยามว่าง)
๓.๑.๖ กิจกรรมทักษะการดแู ลสุขภาพและความปลอดภัยในชวี ิตประจาวัน
๓.๑.๗ ทกั ษะการมสี ่วนรว่ มทางสังคม ทักษะการเดนิ ทางในชุมชน และทักษะ
การวางแผนการใช้เงนิ
๓.๑.๘ ทักษะการปรบั ตัวในสังคมและการใชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์
๓.๑.๙ กิจกรรมทกั ษะการดแู ลสขุ ภาพและความปลอดภยั ในชวี ิตประจาวัน
๓.๑.๑๐ กิจกรรมการเรียนรู้ตามหนว่ ยการจัดประสบการณ์
๓.๑.๑๑ กิจวัตรประจาวนั
๓.๒ การกาหนดเวลาแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียนและบริบท
ของครอบครัว โดยผปู้ กครองประยกุ ต์กจิ กรรมแบบบรู ณาการ
๓.๓ การจัดกิจกรรมแก่ผู้เรียนรับบริการที่บ้าน ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เกิด
การเรยี นร้ทู ้งั ในบ้านและชุมชน
๓.๔ จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้พัฒนาทั้งกล้ามเนื้อมัดใหญ่ และกล้ามเน้ือมัดเล็ก
พฒั นาอารมณ์ จติ ใจ ปลกู ฝงั คณุ ธรรมจรยิ ธรรม พฒั นาสงั คมนสิ ยั การช่วยเหลือตนเอง พัฒนาการคิด
พัฒนาภาษา สง่ เสรมิ จนิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์
๔. สาหรบั ผู้เรียนที่รบั บริการในศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ
๔.๑ การจดั กจิ กรรมประจาวัน ดงั น้ี
๔.๑.๑ กิจกรรมรับผู้เรียน
๔.๑.๒ กิจกรรมพฒั นาวินัย
๔.๑.๓ กิจกรรมงานพ้นื ฐาน
๔.๑.๔ กจิ กรรมเขา้ แถวเคารพธงชาติ
๔.๑.๕ กจิ กรรมวงกลม
๑๐๙
๔.๑.๖ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน
๔.๑.๗ กิจกรรมเรยี นร้ตู ามหนว่ ยการเรียนรู้
๔.๑.๘ กิจกรรมการรับประทานอาหาร
๔.๑.๙ กิจกรรมอิสระ
๔.๑.๑๐ กจิ กรรมเสริมทกั ษะ
๔.๑.๑๑ กิจกรรมสง่ ผู้เรียน
๔.๒ การกาหนดเวลาแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียนแต่ละบุคคล
โดยผูส้ อนประยุกต์กจิ กรรมแบบบูรณาการ
๔.๓ การจัดกิจกรรมแก่ผู้เรียนศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการ ควรเปิดโอกาสให้
ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน เช่น การจัดกิจกรรมในศูนย์การเรียนเฉพาะความ
พกิ าร การจัดกิจกรรมในแหล่งเรยี นรู้ชุมชน ฯลฯ
๔.๔ จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้พัฒนาทั้งกล้ามเน้ือมัดใหญ่ และกล้ามเน้ือมัดเล็ก
พฒั นาอารมณ์ จิตใจ ปลูกฝังคุณธรรมจรยิ ธรรม พัฒนาสังคมนิสัย การช่วยเหลือตนเอง พัฒนาการคิด
พัฒนาภาษา สง่ เสรมิ จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
๕. สาหรบั ผเู้ รยี นทร่ี ับบรกิ ารท่ีหอ้ งเรียนสาหรบั เด็กในโรงพยาบาล
๕.๑ การจัดกจิ กรรมประจาวนั ดังน้ี
๕.๑.๑ กิจกรรมเยีย่ มนักเรยี นข้างเตยี ง
๕.๑.๒ กิจกรรมการเรียนรูต้ ามกลมุ่ ทักษะ และกจิ กรรมเสริมทักษะ
๕.๑.๓ กจิ กรรมนันทนาการ
๕.๒ การกาหนดเวลาแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียนและบริบท
ของครอบครัว ตามประเภทและสภาพความพิการของผู้เรียน โดยผู้ปกครองประยุกต์กิจกรรมแบบ
บรู ณาการ
๕.๓ จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้พัฒนาท้ังกล้ามเน้ือมัดใหญ่ และกล้ามเน้ือมัดเล็ก
พฒั นาอารมณ์ จิตใจ ปลกู ฝังคุณธรรมจรยิ ธรรม พฒั นาสงั คมนสิ ัย การช่วยเหลือตนเอง พัฒนาการคิด
พัฒนาภาษา สง่ เสรมิ จินตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์
บรรยากาศการเรยี นรู้
การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพผู้ เรียน
มีความสาคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากธรรมชาติของผู้เรียนที่จะเรียนรู้ ค้นคว้า ทดลอง และต้องการ
สัมผสั กบั ส่ิงแวดล้อมรอบ ๆตัว การจัดเตรียมสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมตามความต้องการของผู้เรียน
จึงมคี วามสาคัญทเี่ ก่ียวข้องกบั พฤตกิ รรมและการเรยี นรู้ของผเู้ รียนผเู้ รยี นสามารถเรียนรู้จากการเล่นที่
เป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดจากการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสท้ังห้า ศูนย์การศึกษาพิเศษ
ประจาจังหวัดลาปาง จาเป็นต้องจัดสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับเน้ือหาของหลักสูตร เพื่อส่งผลให้
บรรลุจดุ หมายในการพัฒนาผู้เรยี น โดยคานงึ ถึงสงิ่ ต่อไปน้ี
๑๑๐
๑. สภาพแวดลอ้ มทางดา้ นกายภาพ
เป็นการจัดสภาพแวดล้อมต่าง ๆภายในห้องเรียนและนอกห้องเรียนให้เป็นระเบียบ
เรียบร้อย สะอาด ปลอดภัย พร้อมท้ัง มีสื่อการเรียนการสอนและสิ่งอานวยความสะดวกต่าง ๆ ที่
พร้อมใช้งาน และเอ้ือต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างสูงสุดตาม
ศกั ยภาพของผู้เรยี น
๑.๑ สภาพแวดล้อมภายในห้องเรียนพื้นที่ปฏิบัติกิจกรรมและการเคล่ือนไหว ควรมี
พ้ืนที่ท่ีผู้เรียนสามารถทางานได้ด้วยตนเอง และทากิจกรรมด้วยกันในกลุ่มเล็ก หรือกลุ่มใหญ่ ผู้เรียน
สามารถเคล่ือนไหวได้อย่างอิสระจากกิจกรรมหน่ึงไปยังกิจกรรมหน่ึงโดยไม่รบกวนซึ่งควรจะเป็น
ห้องเรียนท่ีมีขนาดเหมาะสม แสงสว่างเพียงพอ สีผนังภายในห้องเรียนห้องเรียนท่ีปราศจากเสียง
รบกวน โต๊ะเก้าอี้มีขนาดและรูปแบบท่ีมีความเหมาะสม มีส่ือและสิ่งอานวยความสะดวกต่างๆท่ี
เหมาะสมกับผู้เรียน เป็นตน้
๑.๒ สภาพแวดล้อมภายนอกห้องเรียน ได้แก่ สภาพแวดล้อมนอกห้องเรียน
และแหล่งเรยี นรูน้ อกหอ้ งเรยี นอื่น ๆ เช่น สนามเด็กเล่น วัด โรงพยาบาลใกล้บ้าน ตลาด แหล่งเรียนรู้
ชุมชน เป็นตน้
๒. สภาพแวดล้อมทางด้านจิตวิทยาคือ บรรยากาศทางด้านจิตใจท่ีทาให้ผู้เรียนเกิด
ความสบายใจ เกิดความอบอุ่น มีความปลอดภัย เป็นมิตรต่อผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนไว้วางใจผู้สอน
ตลอดจนเกิดอิสระในการแสดงออก ตามกฎระเบยี บในห้องเรียน
๒.๑ ด้านผู้เรียนพฤติกรรม อารมณ์ ประเภทความพิการ ระดับความรุนแรงของ
ความพิการ ช่วงอายุของผู้เรียน และปัญหาของผู้เรียนแต่ละคนภายในห้องเรียน พั ฒนาการ
ความสามารถของผเู้ รยี นแตล่ ะคน ฯลฯ
๒.๒ ด้านครูผู้สอนการจัดการภายในห้องเรียน เทคนิคการสอน พฤติกรรม
บุคลิกภาพ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผเู้ รียน อกี ทั้งความร้แู ละทศั นคติของผูส้ อน
๓. สภาพแวดลอ้ มทางดา้ นสังคมไดแ้ ก่
๓.๑ บรรยากาศในช้ันเรียน เช่น ความสัมพันธ์กับเพ่ือนในช้ันเรียน ความสัมพันธ์
ระหวา่ งผ้สู อนกบั ผู้เรียน ความเปน็ อันหน่ึงอันเดียวกนั เปน็ ต้น
๓.๒ แรงจงู ใจในการเรยี นรูข้ องผู้เรยี นเช่น รางวลั คาชมเชย
๓.๓ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนเช่น การสร้างความไว้วางใจกับผู้เรียน
ความรัก และการดูแลเอาใจใส่
นอกจากน้ีจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเช้ือโรคโควิด - 19 หรือโคโรนาไวรัส
ช่วงปลาย พ.ศ. ๒๕๖๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งเกิดข้ึนอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนแพร่กระจายไปใน
ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ผู้คนเจ็บปุวยและล้มตายจานวนมาก จนกลายเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่
หลวงอีกครงั้ หนงึ่ ของมนษุ ยชาติ มนุษยจ์ าเปน็ ต้องปอู งกันตนเองเพื่อให้มีชีวิตรอดด้วยการปรับเปล่ียน
พฤตกิ รรมการดารงชวี ิตท่ผี ิดไปจากวิถีเดิม ๆ
โดยสร้างเสริมปรับหาวถิ กี ารดารงชีวิตแบบใหม่เพ่ือให้ปลอดภัยจากการติดเช้ือควบคู่ไป
กับความพยายามรักษาและฟื้นฟูศักยภาพทางเศรษฐกิจและธุรกิจ นาไปสู่การสรรค์สร้างสิ่งประดิษฐ์
ใหม่ ๆ เทคโนโลยีใหม่ ๆ มีการปรับแนวคิด วิสัยทัศน์ วิธีการจัดการ ตลอดจนพฤติกรรมท่ีเคยทามา
๑๑๑
เป็นกิจวัตร เกิดการบ่ายเบนออกจากความคุ้นเคยอันเป็นปรกติมาแต่เดิมในหลายมิติ ทั้งในด้าน
อาหาร การแต่งกาย การรกั ษาสุขอนามัย การศึกษาเล่าเรียน การสอื่ สาร การทาธุรกิจ ฯลฯ ซ่ึงส่ิงใหม่
เหล่านี้ได้กลายเป็นความปรกติใหม่ ๆ จนในที่สุด เม่ือเวลาผ่านไปจนทาให้เกิดความคุ้นชินก็จะ
กลายเปน็ สว่ นหนงึ่ ของวถิ ีชวี ติ ปรกตขิ องผู้คนในสงั คม ซงึ่ มกี ารบญั ญัตศิ พั ท์เก่ยี วกบั วิถีชวี ิตใหม่นี้ขึ้นมา
คอื คาวา่ “New Normal”
ราชบณั ฑิตยสภาได้บัญญัติศัพท์คาว่า “New Normal” หมายถึง ความปกติใหม่ , ฐาน
วิถีชีวิตใหม่ หมายถึงรูปแบบการดาเนินชีวิตอย่างใหม่ท่ีแตกต่างจากอดีตอันเน่ืองจากมีบางส่ิงมา
กระทบ จนแบบแผนและแนวทางปฏิบัติท่ีคนในสังคมคุ้นเคยอย่างเป็นปกติและเคยคาดหมาย
ลว่ งหน้าไดต้ ้องเปล่ียนแปลงไปสู่วิถใี หม่ภายใต้หลกั มาตรฐานใหม่ท่ีไมค่ ้นุ เคย
รปู แบบวถิ ชี วี ิตใหม่นี้ ประกอบด้วยวิธีคิด วิธีเรียนรู้ วิธีสื่อสาร วิธีปฏิบัติและการจัดการ
การใชช้ ีวติ แบบใหม่เกดิ ข้ึนหลังจากเกิดการเปล่ียนแปลงอย่างใหญ่หลวงและรุนแรงอย่างใดอย่างหน่ึง
ทาให้มนุษย์ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่าจะธารงรักษาวิถีด้ังเดิมหรือหวนหา
ถงึ อดตี
ซึง่ กรมอนามัยได้กาหนดมาตรการ New Normal ในโรงเรยี น ดงั นี้
๑. ตอ้ งมกี ารตรวจคดั กรองวดั อุณหภูมิทุกคน กอ่ นเขา้ โรงเรยี น
๒. นักเรียนและคุณครู ต้องสวมหนา้ กากอนามัยตลอดเวลาท่อี ยู่ในโรงเรยี น
๓. ล้างมือบ่อย ๆ มีช่วงเวลา และจุดบริการให้เด็กไปล้างมือ มีจุดล้างแอลกอฮอล์เจล
และใหเ้ ด็กหลกี เลีย่ งจดุ เสี่ยงสมั ผสั ร่วม เช่น ราวบนั ได ลกู บิด
๔. จัดโต๊ะเรียนให้มีระยะห่างกัน ๑ - ๒ เมตร ลดจานวนเด็กต่อชั้นเรียน และเว้น
ระยะหา่ งของพ้ืนท่ีอนื่ ๆ ในโรงเรียน เช่น โรงอาหาร สนามเดก็ เล่น
๕. มีการทาความสะอาดบ่อยขึ้น โดยเฉพาะห้องน้าที่เด็กใช้ร่วมกัน จุดเส่ียงสัมผัส เช่น
โต๊ะ เกา้ อ้ี ลกู บดิ ราวบนั ได
๖. ลดกิจกรรมท่ีจะเกิดความแออัด เช่น การแข่งกีฬา หรือเหลื่อมเวลาในการจัด
กจิ กรรม เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสกนั
๗. ให้ผู้ปกครองปรับตัว ตั้งแต่การมาส่งลูก การเตรียมตัวลูกก่อนมาโรงเรียน การฝึกให้
เด็กสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเข้าใจวา่ ต้องล้างมอื และเว้นระยะหา่ งจากเพ่อื น
เพ่ือให้นักเรียน บุคลากร และผู้ที่เก่ียวข้องมีความปลอดภัยในชีวิต สามารถดาเนินชีวิต
ในแบบ New Normal หรือรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง จึงได้
กาหนดมาตรการเพอ่ื สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ท่ีปลอดภัย ดังน้ี
๑. การคัดกรองเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายและเช็คอาการสุ่มเส่ียง ก่อนอนุญาตให้นักเรียน ครู
บคุ ลากร รวมถงึ ผปู้ กครองเขา้ มาภายในสถานศึกษา จัดต้ังจุดคัดกรอง โดยจุดคัดกรองท่ีดีท่ีสุด คือ บริเวณ
ประตูรั้วก่อนเข้ามาภายในศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง และหากพบว่าเด็กนักเรียน ครู
บุคลากรคนใดมีอุณหภูมิร่างกายเกิน ๓๗.๕ องศาเซลเซียส ควรแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ เพื่อมารับกลับไป
โรงพยาบาลหรือกักตัวท่ีบ้านสาหรับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย โดยจัดเตรียมเครื่องวัดไข้หรือ
เทอร์โมมิเตอร์ท่ีมมี าตรฐาน เพอื่ ลดความคลาดเคลอ่ื นจากการวัด
๑๑๒
๒. การเตรียมการเรื่องความสะอาดและสุขอนามัย โดยการเตรียมพื้นท่ีเพื่อต้ังจุดบริการ
เจลล้างมือ หรือแอลกอฮอล์ล้างมือ สาหรับจุดที่ควรมีเจลล้างมือให้บริการ ได้แก่ ประตูทางเข้า
ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง ประตูทางออกศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง
หนา้ อาคารเทพรัตน์ หน้าอาคารเรยี นประกอบ (โดม) ทางเขา้ – ออกโรงอาหาร ทางเข้า – ออกอาคารเรียน
และทสี่ าคัญคือ ห้องเรยี นทุกหอ้ งควรมเี จลลา้ งมือตัง้ ไว้บรกิ ารเช่นกนั อีกทั้งควรเตรียมสบู่เหลวสาหรับล้าง
มือจานวนมาก ต้ังไว้ในห้องน้า บริเวณท่ีมีก็อกน้า หรืออ่างล้างมือ และควรเพ่ิมอ่างล้างมือให้เพียงพอต่อ
จานวนนกั เรียน
๓. ครู นกั เรยี น รวมถึงบุคลากรทกุ คนที่ปฏบิ ัติหนา้ ทอ่ี ยใู่ นบรเิ วณโรงเรยี น ต้องสวมหน้ากาก
อนามยั หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา เพื่อปูองกันการแพร่เช้ือระหว่างกัน รวมท้ังผู้ที่มีหน้าที่ประกอบอาหาร
คอื แม่ครัว/พอ่ ครวั หรือผตู้ กั อาหารควรใส่ Face shiled และถุงมอื ยาง เพอ่ื การปอู งกันท่ีรัดกุมมากยงิ่ ข้นึ
๔. การทา Social distancing ก่อนเปิดเรียนใหม่ ควรเตรียมจดั สถานทใ่ี นห้องเรยี น ดงั นี้
๔.๑ วางโต๊ะ – เกา้ อี้ใหม้ รี ะยะหา่ งจากกันราว ๑ - ๑.๕ เมตร และโต๊ะเรียนแต่ละโต๊ะควร
มีฉากกัน้ หรือพาร์ทชิ น่ั เพอ่ื ปูองกันละอองน้าลายหรอื สารคดั หล่ังอ่นื ๆ
๔.๒ กาหนดจุดเพ่ือสร้างระยะห่างในบริเวณท่ีต้องมีการต่อคิว เช่น ต่อคิวซ้ืออาหาร ต่อ
ควิ เข้าหอ้ งนา้ หรือการเข้าแถวก่อนเรมิ่ เรียนในภาคเชา้ โดยกาหนดระยะหา่ ง ๑ - ๑.๕ เมตร
๕. ควรงดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่ม เช่น กีฬาสี การทัศนศึกษา หรือกิจกรรมฉลองในวัน
สาคัญต่าง ๆ ออกไปก่อน รวมถึงงดเปิดสนามเด็กเล่น เพ่ืองดการรวมกลุ่ม ลดการสัมผัสร่วม และสร้าง
Social Distancing นอกจากนนั้ ควรงดการเรยี นการสอนในหอ้ งแอร์ หรอื หอ้ งที่มรี ะบบอากาศแบบปิด เช่น
โรงยมิ แลว้ จัดการเรียนการสอนในห้องทส่ี ามารถเปิดประตูหนา้ ตา่ ง ระบายอากาศได้ และควรงดการนง่ั โต๊ะ
เรียนรวม เพื่อสร้างระยะห่างระหว่างกันและหากเป็นไปได้ ในช่วงพักกลางวัน ควรจัดให้นักเรียน
รบั ประทานอาหารบนหอ้ งเพ่ือปอู งกันการรวมกล่มุ หรือถ้าจาเป็นตอ้ งทานอาหารที่โรงอาหาร ก็ควรกาหนด
ที่น่ังสร้างระยะห่างบนโต๊ะอาหาร รวมถึงแบ่งเวลาพักตามระดับชั้นเรียน เพื่อลดจานวนคนในช่วงพัก
กลางวันไม่ให้มากเกินไป
๖. การทาความสะอาดและฆ่าเช้ือโรคในบริเวณศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง
ควรเตรียมการทาความสะอาดทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่ก่อนถึงวันเปิดเรียน ส่วนในวันเปิดเรียน ควรมีการทา
ความสะอาดท้ังตอนเช้าก่อนเข้าเรยี นและตอนเย็นหลังเลิกเรียน โดยเน้นทาความสะอาดในบริเวณห้องเรียน
และพน้ื ผิวท่ีมกี ารสัมผสั รว่ มกัน ส่วนห้องนา้ ควรทาความสะอาดทุก ๆ ๒ ชั่วโมง โดยเน้นที่อ่างล้างมือ ก็อก
น้า ฝารองนง่ั และบริเวณชักโครก การทาความสะอาดควรใช้น้ายาทาความสะอาดหรือผลิตภัณฑ์ทาความ
สะอาดสูตรฆ่าเชื้อ ส่วนบริเวณจุดสัมผัสร่วมควรเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ ๗๐% นอกจากนั้น ควรมีการฉีดพ่น
ฆ่าเช้ือโรคในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน และหากมีการทาความสะอาดอาคารแล้ว ควรปิดห้อง ปิดอาคารทันที
ไมใ่ ห้มีใครเขา้ ไปภายในอาคารไดอ้ ีก
๑๑๓
บทบาทของผบู้ รหิ าร ครูผ้สู อน คณะสหวชิ าชพี ผู้ปกครอง และบุคลากรสนบั สนนุ
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเปูาหมายของหลักสูตร ทั้งผู้บริหาร
ครูผสู้ อน คณะสหวิชาชพี ผ้ปู กครอง และบคุ ลากรสนับสนุน ควรมบี ทบาทดงั นี้
๑. ผ้บู รหิ าร
ผู้บรหิ ารเปน็ ผูน้ าในการขบั เคล่ือนการใช้หลักสูตร สู่การปฏิบัติจริงในศูนย์การศึกษา
พิเศษ อย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมและสนับสนุนทรัพยากรท่ีเอ้ือต่อการจัดการเรียนรู้ รวมท้ังประสาน
ความรว่ มมอื กบั หน่วยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งในการพัฒนาเด็กพิการ
๒. ครผู สู้ อน
ครูผู้สอนต้องศึกษาและทาความเข้าใจหลักสูตรสถานศึกษาสาหรับเด็ก ที่มีความ
เข้าใจหลักสูตรสถานศึกษาการศึกษาปฐมวัย สาหรับเด็กท่ีมีความต้องการจาเป็นพิเศษ ของศูนย์
การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง พุทธศักราช ๒๕๖๓ อย่างถ่องแท้ เพื่อให้การจัดการเรียนรู้มี
ประสิทธิภาพและเกิดประสิทธผิ ล
๓. คณะสหวชิ าชพี
คณะสหวิชาชีพ เป็นคณะผู้ให้บริการประกอบด้วย ครูการศึกษาพิเศษ นักจิตวิทยา
คลนิ กิ นักกจิ กรรมบาบดั นักกายภาพบาบัด มีส่วนร่วมในการประเมินความสามารถพื้นฐาน วางแผน
ร่วมพัฒนาและประเมินผล รวมท้ังเป็นท่ีปรึกษาในการพัฒนาเด็กพิการ โดยคณะสหวิชาชีพอาจเป็น
บคุ ลากรของศูนยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษประจาจังหวัดลาปางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และอ่ืน
ๆ
๔. ผู้ปกครอง
ผู้ปกครอง มีส่วนร่วมในการกาหนดเปูาหมาย วางแผน และพัฒนาศักยภาพเด็ก
พกิ าร รวมท้ังสง่ เสรมิ สนบั สนนุ กจิ กรรมของสถานศกึ ษา
๕. บคุ ลากรสนับสนุน
บุคลากรสนับสนุน มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการดาเนินงานจัดการศึกษา และ
ปฏิบัติภารกิจใหบ้ รรลจุ ุดหมายของหลักสูตร
เทคโนโลยสี ่งิ อานวยความสะดวก ส่อื และแหล่งเรียนรู้
การจัดประสบการณ์เพ่ือพัฒนาผู้เรียนระยะแรกเร่ิม จาเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีส่ิง
อานวยความสะดวกส่ือ วัสดุ อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีสอดคล้องกับความต้องการจาเป็น
พิเศษ ของแต่ละบุคคล รวมท้ังการใช้แหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีมีในท้องถิ่น มาใช้ประกอบในการจัดการ
เรียนรู้ ท่ีสามารถส่งเสริมและส่ือสารให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยศูนย์การศึกษาพิเศษ ควรจัดให้มี
อย่างพอเพียง เพอ่ื พฒั นาใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง
เทคโนโลยีสิ่งอานวยความสะดวก ส่ือ และแหล่งเรียนรู้น้ัน ผู้สอนสามารถจัดทาและ
พัฒนาขึ้นเอง หรือพิจารณาเลือกใช้จากคู่มือรายการส่ิงอานวยความสะดวก สื่อ บริการ และ
ความช่วยเหลืออ่ืนใดทางการศึกษามาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ สามารถส่งเสริมและส่ือสาร
ใหผ้ เู้ รียนเกดิ การเรยี นรู้ ดงั น้ี
๑๑๔
๑. จัดให้มีแหล่งเรียนรู้ ศูนย์ส่ือ นวัตกรรม และเครือข่ายการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ
ในสถานศึกษาและชุมชน เพื่อการศึกษา ค้นคว้า และการแลกเปล่ียนประสบการณ์การเรียนรู้
ระหวา่ งสถานศึกษาทอ้ งถน่ิ ชุมชน
๒. จัดทา จัดหาเทคโนโลยีสิ่งอานวยความสะดวก สื่อการเรียนรู้สาหรับผู้เรียน ส่งเสริม
ให้ผสู้ อนจัดทา จัดหาสือ่ ท่ีหลากหลาย รวมทง้ั ประยุกต์ใช้ส่งิ ทม่ี อี ยใู่ นทอ้ งถ่นิ เปน็ สื่อการเรยี นรู้
๓. เลือกใช้เทคโนโลยีส่ิงอานวยความสะดวก สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ เหมาะสมและ
หลากหลาย สอดคล้องกับวธิ ีการเรียนรู้และความแตกต่างของแต่ละบุคคล
๔. ประเมินความเหมาะสมคณุ ภาพของเทคโนโลยีส่ิงอานวยความสะดวก สื่อ ที่เลือกใช้
ในการจดั การเรยี นรู้
๕. ศึกษาค้นคว้า วิจัย เพ่ือพัฒนาเทคโนโลยีส่ิงอานวยความสะดวก ส่ือการเรียนรู้
ใหส้ อดคลอ้ งกับการพัฒนาผเู้ รียน
๖. จดั ให้มีการกากับ ติดตาม ประเมินคุณภาพ การใช้เทคโนโลยีส่ิงอานวยความสะดวก
สือ่ และแหลง่ เรยี นรู้อยา่ งสม่าเสมอ
ในการจัดทา การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพเทคโนโลยีสิ่งอานวยความสะดวก
สื่อ และแหลง่ เรียนรู้ที่ใชใ้ นศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ ควรคานึงถงึ หลักการสาคัญ เช่น ความสอดคล้องกับ
หลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้ การจัดประสบการณ์ เปน็ ตน้
แหล่งเรยี นร้ใู นศนู ย์การศึกษาพิเศษ
คู่มือหลักสูตรสถานศึกษาการศึกษาปฐมวัย สาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น
ของศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง พุทธศักราช ๒๕๖๓ ได้มีการจัดแหล่งเรียนรู้
ในศนู ยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษ ดงั นี้
ประเภท ช่อื แหล่งเรยี นรู้ หมายเหตุ
๑. หอ้ งเรียน
ศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง มีการ
แบ่งห้องเรียนสาหรับให้บริการแก่บุคคลที่มีความ
ตอ้ งการจาเป็นพิเศษดังน้ี
๑. ห้องเรยี นแสงตะวนั ฉาย
๒. ห้องเรียนสะพานสายรุ้ง
๓. ห้องเรียนมงุ่ สดู่ วงดาว
๔. หอ้ งเรยี นประสานสายตา
๕. หอ้ งเรยี นเดน่ พัฒนาการ
๖. หอ้ งเรยี นวาจาสอ่ื สาร
๗. Contemporary Living Centre (CLC)
๑๑๕
ประเภท ชอื่ แหล่งเรียนรู้ หมายเหตุ
๒. ห้องเรยี น
เสริมทักษะ ๑. ห้องเรียนดนตรบี าบดั ห้องเรยี นศลิ ปะบาบดั และ หลักสูตรสถานศกึ ษาได้
๓. สวนกระตนุ้ ห้องศลิ ปะการแสดง อาคารเอนกประสงค์ กาหนดไวใ้ นกจิ กรรมพัฒนา
ประสาทสัมผัส
๔. แปลงเกษตร ผ้เู รยี น
๕. ลานบูรณาการ ๒. หอ้ งเรียนคอมพวิ เตอร์ อาคารเทพรัตน์ หลกั สูตรสถานศึกษาได้
๖. ร้านค้า
กาหนดไวใ้ นกิจกรรมพฒั นา
ผู้เรยี น
๓. หอ้ งสมดุ อจั ฉริยะ Multimedia room library เป็นกิจกรรมเสรมิ ทกั ษะท่ี
อาคารเทพรัตน์ กาหนดให้แก่ผู้เรยี น
๔. ห้องบอลบาบดั อาคารเทพรัตน์ เปน็ กิจกรรมเสรมิ ทักษะที่
กาหนดใหแ้ กผ่ เู้ รียน
๕. ห้องฝึกอาชีพ อาคารพระราชทาน ๒ เปน็ ทักษะการเรียนรู้ กลุ่ม
๖. โรงอาหาร อาคารพระราชทาน ๑ ทกั ษะการดารงชีวติ
เปน็ ทักษะการเรียนรู้
กล่มุ ทักษะการดารงชีวติ
๗. อาคาร สพฐ. ๔ (สว้ ม ๔ ทนี่ ัง่ ) เป็นทักษะการเรยี นรู้
กลุ่มทักษะการดารงชวี ติ
๑. สนามเดก็ เล่น ด้านขา้ งอาคารเรยี นกงสุลญี่ปุน เป็นกจิ กรรมเสริมทักษะท่ี
กาหนดใหแ้ กผ่ ้เู รียน
๒. สวนกระตุ้นประสาทสัมผัส ด้านหลังอาคารเทพ เป็นกจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะที่
รตั น์ กาหนดให้แกผ่ ู้เรียน
๑. โรงเลีย้ งไส้เดือน หลังอาคารหอประชมุ เป็นทักษะการเรียนรู้
กลุ่มทกั ษะการดารงชวี ติ
๒. แปลงผกั สวนครวั หลังอาคารหอประชุม เปน็ ทักษะการเรยี นรู้
กลุ่มทกั ษะการดารงชวี ิต
๓. แปลงผกั ขนึ้ ร้าน หนา้ อาคารหอประชุม เปน็ ทักษะการเรียนรู้
กลมุ่ ทกั ษะการดารงชวี ิต
อาคารประกอบสาหรับเดก็ พิการ (โดม) เป็นกิจกรรมเสริมทกั ษะที่
กาหนดให้แก่ผเู้ รยี น
รา้ นธารนา้ ใจ เป็นทักษะการเรียนรู้
กลุม่ ทักษะการดารงชีวติ
๑๑๖
ประเภท ชอื่ แหล่งเรยี นรู้ หมายเหตุ
๗. บา้ นจาลอง บา้ นสาธิต เปน็ กจิ กรรมเสริมทักษะท่ี
กาหนดให้แกผ่ ูเ้ รียน
แหลง่ เรียนรูภ้ ายนอกศนู ย์การศกึ ษาพเิ ศษ
คู่มือหลักสูตรสถานศึกษาการศึกษาปฐมวัย สาหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น
ของศูนย์การศึกษาพิเศษประจาจังหวัดลาปาง พุทธศักราช ๒๕๖๓ ได้มีการจัดแหล่งเรียนรู้ภายนอก
ศนู ย์การศึกษาพิเศษ ดงั น้ี
ประเภท ชอื่ แหล่งเรียนรู้ หมายเหตุ
๑. หน่วยบริการ ๑. หน่วยบริการอาเภอเกาะคา ต้ังอยู่ภายในศูนย์การศึกษา เป็นแหล่งเรียนรู้
แล ะ ศูน ย์ก า ร นอกระบบและตามอัธยาศัย (ตาบลศาลา) เลขที่ ๗๑/๑ สาหรับคนพิการ
เรียนเฉพาะความ หมู่ท่ี ๖ ตาบลศาลา อาเภอเกาะคา จังหวัดลาปาง ในชุมชน
พิการ ๕๒๑๓๐
๒. หน่วยบริการอาเภอห้างฉัตร ต้ังอยู่ภายในศูนย์การศึกษา
นอกระบบและตามอัธยาศัย (สานักงานประถมศึกษา
เก่า) หมู่ที่ ๕ ตาบลห้างฉัตร อาเภอห้างฉัตร จังหวัด
ลาปาง ๕๒๑๙๐
๓. หน่วยบริการอาเภอแม่ทะ ต้ังอยู่ภายในโรงเรียน
บ้านปง (เก่า) หมู่ที่ ๒ ตาบลปุาตัน อาเภอแม่ทะ
จงั หวัดลาปาง ๕๒๑๕๐
๔. หน่วยบริการเถิน ต้ังอยู่เลขที่ ๒๒๑/๑ หมู่บ้านดอนไชย
หมู่ท่ี ๗ ตาบลล้อมแรด อาเภอเถิน จังหวัดลาปาง
๕๒๑๖๐
๕. หน่วยบริการอาเภองาว ตั้งอยู่ในโรงเรียนบ้านโปุง
หมู่ท่ี ๔ ตาบลบ้านโปุง อาเภองาว จังหวัดลาปาง
๕๒๑๑๐
๖. หน่วยบริการอาเภอแจ้ห่ม ต้ังอยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
บ้ า น ใ ห ม่ เ ห ล่ า ย า ว ห มู่ ที่ ๘ ต า บ ล วิ เ ช ต น ค ร
อาเภอแจ้ห่ม จงั หวดั ลาปาง ๕๒๑๒๐
๗. หน่วยบริการอาเภอแม่เมาะ อาคารศูนย์สามวัย หมู่ที่ ๗
ตาบลแม่เมาะ อาเภอแม่เมาะ จังหวดั ลาปาง ๕๒๒๒๐
๑๑๗
ประเภท ชือ่ แหล่งเรียนรู้ หมายเหตุ
๒. วัด
๓. อื่นๆ ๘. หน่วยบริการเสริมงาม อาเภอเสริมงาม ตั้งอยู่ภายใน
ศูนย์ฝึกอาชีพเย็บผ้า ตาบลทุ่งงาม หมู่ท่ี ๕ บ้านสาแล
ตาบลทงุ่ งาม อาเภอเสรมิ งาม จงั หวดั ลาปาง ๕๒๒๑๐
๙. ศูนย์การเรียนเฉพาะความพิการแม่สันเมืองยาว
ตั้งอยู่บ้านเลขที่ ๗๙ หมู่ท่ี ๑๐ ตาบลเมืองยาว
อาเภอห้างฉัตร จงั หวัดลาปาง ๕๒๑๙๐
๑๐. ศนู ย์การเรยี นเฉพาะความพิการตาบลบ้านเอือ้ ม
ตง้ั อยู่ทโี่ รงเรยี นบา้ นเออ้ื ม หมู่ที่ ๑ ตาบลบา้ นเอ้ือม
อาเภอเมอื งลาปาง จงั หวัดลาปาง ๕๒๐๐๐
๑. วัดสขุ สวัสด์ิ กิจกรรมพฒั นา
๒. วดั ศรีชุม ผู้เรียน (กจิ กรรม
๓. วัดพระแก้วดอนเตา้ คณุ ธรรม)
๔. วดั ปงสนกุ
๕. วดั พระธาตลุ าปางหลวง
๖. วัดเจดยี ซ์ าวหลัง
๗. วดั ศรรี องเมอื ง
๑. สนามกีฬาเทศบาลนครลาปาง กิจกรรมพฒั นา
๒. สนามกีฬาเทศบาลเมอื ง เขลางค์นครลาปาง ผ้เู รียน
๓. สวนสาธารณะหนองกระทงิ (งานฤดหู นาว) (กจิ กรรมทัศน
๔. สวนสาธารณะเหมืองแมเ่ มาะ ศึกษา และ
๕. ห้างสรรพสินคา้ Big C จังหวดั ลาปาง กจิ กรรม
๖. อุทยานการคา้ กาดสวนแกว้ จังหวัดเชยี งใหม่ นันทนาการ )
๗. ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตรก์ ารศึกษา
๘. ศูนยฝ์ ึกลูกชา้ ง
๙. Art in Paradise จังหวัดเชียงใหม่
๑๐. Chiangmai Zoo Aquarium จังหวดั เชยี งใหม่
๑๑. รถมา้ ลาปางชมเมอื ง
๑๒. สวนสัตว์เชยี งใหม่
๑๓. สวนสัตว์ Chiang Mai Night Safari
๑๔. สถานรี ถไฟลาปาง จงั หวดั ลาปาง