The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pitawan Chairat, 2024-02-20 01:40:24

ภาษาไทยเพื่อการสื่อสารในงานอาชีพ

ชุดการเรียน หลก ัสตูรประกาศนย ี บต ั รวชิาชพ ี ชน ั ้ สงู พทุธศก ั ราช ๒๕๕๗ ๓๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยเพอ ื่สอ ื่สารในงานอาชพ ี หน่วยที่ ๑-๒ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชวีศกึษำ กระทรวงศกึษำธกิำร


ข้อมูลบัตรรายการ คณะกรรมการการอาชีวศึกษา, ส านักงาน. ๒๕๕๘. ชุดการเรียนรายวิชา ๓๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทย เพื่อสื่อสารในงานอาชีพ หน่วยที่ ๑-๒. หน่วยศึกษานิเทศก์, ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนา อาชีวศึกษาภาคเหนือ. เชียงใหม่. พิมพ์ที่ : ช านาญการพิมพ์ จังหวัดเชียงใหม่. จ านวนที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ ๒ คณะท างาน ที่ปรึกษา นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายวณิชย์ อ่วมศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ศ. ดร. ชัยยงค์ พรหมวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี นายไพฑูรย์ นันตะสุคนธ์ หัวหน้าหน่วยศึกษานิเทศก์ นายวิทยา ใจวิถี ผู้อ านวยศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีวศึกษาภาคเหนือ คณะกรรมการวิชาการ หน่วยศึกษานิเทศก์ นายไพฑูรย์ นันตะสุคนธ์ นายวิทยา ใจวิถี นางสาววัลลภา อยู่ทอง นางสินีนาท ภูมิพล ดร. ธีรวรรค์ วระพงษ์สิทธิกุล นายพนมพร แฉล้มเขตต์ นางสาวเสาวนีย์ พนิชโยวาท นางสาวพิมพร ศะริจันทร์ คณะกรรมการจัดท าชุดการเรียน นางจุไรรัตน์ ชุมวรฐายี วิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร นางสาววราภรณ์ โตคีรี วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น นางยอดขวัญ ศรีม่วง วิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์ นางมาลัยวัลย์ วงศ์ใหญ่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์ นางปารมี จันทรนิมิตร วิทยาลัยเทคนิคแพร่ นางสาวศรีเพ็ญ มะโน วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพะเยา คณะบรรณาธิการและจัดท ารูปเล่ม นางสาววัลลภา อยู่ทอง หน่วยศึกษานิเทศก์ ดร. ประพนธ์ จุนทวิเทศ หน่วยศึกษานิเทศก์ นายวิทยา ใจวิถี ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีวศึกษาภาคเหนือ นางสาวพิมพร ศะริจันทร์ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีวศึกษาภาคเหนือ


ค าน า ชุดกำรเรียน ปวส. ๒๕๕๗ วชิำภำษำไทยเพอื่สอื่สำรในงำนอำชพี การจัดการอาชีวศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาก าลังคนในด้าน วิชาชีพระดับฝีมือ ระดับเทคนิคและระดับเทคโนโลยีให้เกิดคุณภาพตามมาตรฐาน ในการ ด าเนินการดังกล่าว ส านักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้ให้ความส าคัญกับการบริหารและ การจัดการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ตลอดชีวิตตามความถนัด ตามความสนใจ และได้รับการบริการด้านการศึกษาจากรัฐอย่างมีคุณภาพ โดยค านึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล เน้นการฝึกทักษะกระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มา ใช้เพื่อป้องกันและแก้ปัญหา จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติ ให้ท าได้ คิดเป็น ท าเป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้มีการปลูกฝัง คุณธรรม ค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา ชุดการเรียนรายวิชา ๓๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง พุทธศักราช ๒๕๕๗ มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้และ ฝึกปฏิบัติด้วยตนเองแล้วเกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยสื่อสารในงานอาชีพ สามารถน าภาษาไทยไปใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารในงานอาชีพ ตลอดจนเห็นคุณค่าและความส าคัญ ของการใช้ภาษาไทยสื่อสารในงานอาชีพ เอกสารชุดการเรียนวิชานี้ ประกอบด้วยหน่วยการเรียน รวม ๗ หน่วย และแต่ละ หน่วยประกอบด้วยแบบประเมินตนเองก่อน/หลังเรียน แผนการเรียนประจ าหน่วย/มอดูล เนื้อหาสาระ และกิจกรรมที่ก าหนดให้ผู้เรียนศึกษาเรียนรู้และฝึกปฏิบัติซึ่งการน าเอกสารชุดการ เรียนนี้ไปใช้ผู้เรียนควรตั้งใจศึกษาเนื้อหาสาระและปฏิบัติกิจกรรมที่แต่ละหน่วยก าหนดไว้ ทุกขั้นตอน ได้แก่ ท าแบบทดสอบก่อนศึกษารายวิชา ศึกษาขั้นตอนการเรียน ท าแบบประเมินผล ตนเองก่อนเรียน อ่านแผนการเรียนประจ าหน่วย แผนการเรียนประจ ามอดูล สาระส าคัญประจ า มอดูลและเนื้อหาสาระในหน่วยการเรียน ท ากิจกรรมที่ก าหนดไว้ท้ายมอดูล ตรวจสอบค าตอบ กับแนวตอบท้ายหน่วยการเรียน และท าแบบประเมินตนเองหลังเรียน ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุผลตาม จุดประสงค์รายวิชาและสมรรถนะรายวิชา หน่วยศึกษานิเทศก์ขอขอบคุณคณะกรรมการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ช่วยให้ การด าเนินการจัดท าเอกสารชุดการเรียนครั้งนี้บรรลุผลส าเร็จตามที่มุ่งหวัง และหวังว่าผู้เรียนจะ ได้น าไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและประยุกต์ใช้ในงานอาชีพได้เป็นอย่างดี หน่วยศึกษานิเทศก์ ๒๕๕๘


สารบัญ ชุดกำรเรียน ปวส. ๒๕๕๗ วชิำภำษำไทยเพอื่สอื่สำรในงำนอำชพี หน้า รายละเอียดรายวิชา (ก) วิธีการศึกษา (ข) ขั้นตอนการเรียนชุดการเรียน (จ) ขั้นตอนการเรียนระดับหน่วย (ฉ) หน่วยที่ 1 การใช้ภาษาไทยในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 1 แบบประเมินตนเองก่อนเรียน หน่วยที่ 1 ๑ แผนการเรียน หน่วยที่ 1 การใช้ภาษาไทยในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ๓ - แผนการเรียน มอดูลที่ 1.1 การใช้ค าในการสื่อสารให้เกิดประสิทธิภาพ ๕ - แผนการเรียน มอดูลที่ 1.๒ การใช้ส านวนโวหารในการสื่อสารให้เกิดประสิทธิภาพ ๑๙ แบบประเมินตนเองหลังเรียน หน่วยที่ 1 ๒8 ภาคผนวก 3๐ เฉลยแบบประเมินตนเองก่อนและหลังเรียน 3๑ หน่วยที่ ๒ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่าสารในชีวิตประจ าวัน ๓๔ และงานอาชีพ แบบประเมินตนเองก่อนเรียน หน่วยที่ ๒ ๓๔ แผนการเรียน หน่วยที่ ๒ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่าสาร ๓๖ ในชีวิตประจ าวันและงานอาชีพ - แผนการเรียน มอดูลที่ ๒.1 การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่าสาร ๓๘ จากการฟัง และการดู - แผนการเรียน มอดูลที่ ๒.๒ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่าสาร ๕๔ จากการอ่าน แบบประเมินตนเองหลังเรียน หน่วยที่ ๒ ๖๒ ภาคผนวก ๖๔ เฉลยแบบประเมินตนเองก่อนและหลังเรียน ๖๕


รายละเอียดรายวิชา ชุดกำรเรียน ปวส. ๒๕๕๗ วชิำภำษำไทยเพอื่สอื่สำรในงำนอำชพี 3000-1101 ภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 3-0-3 (Thai for Career Communication) จุดประสงค์รายวิชา เพื่อให้ 1. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยสื่อสารในงานอาชีพ 2. สามารถน าภาษาไทยไปใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารในงานอาชีพ 3. เห็นคุณค่าและความส าคัญของการใช้ภาษาไทยสื่อสารในงานอาชีพ สมรรถนะรายวิชา 1. เลือกใช้ถ้อยค าส านวน ระดับภาษา ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ เหมาะสมกับกาลเทศะ บุคคล โอกาส และสถานการณ์ 2. วิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่าสารในชีวิตประจ าวันและงานอาชีพจากสื่อ ประเภทต่างๆ และน าเสนอข้อมูลตามหลักการ 3. พูดติดต่อกิจธุระ ธุรกิจ และพูดในโอกาสต่าง ๆ ของสังคมตามหลักการ 4. เขียนติดต่อกิจธุระ ธุรกิจ และเขียนรายงานตามหลักการ ค าอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่าสารในชีวิตประจ าวันและในงานอาชีพจากสื่อประเภทต่าง ๆ การน าเสนอข้อมูล หรือบรรยายสรุป การพูดในงานอาชีพและในโอกาสต่าง ๆ ของสังคม การเขียนเพื่อติดต่อกิจธุระ และธุรกิจ และการเขียนรายงานวิชาการหรือรายงานการวิจัย หน่วยการเรียน หน่วยที่ 1 การใช้ภาษาไทยในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยที่ 2 การวิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่าสารในชีวิตประจ าวันและงานอาชีพ หน่วยที่ 3 การพูดในงานอาชีพ หน่วยที่ 4 การพูดในโอกาสต่าง ๆ ของสังคม หน่วยที่ 5 การเขียนเพื่อติดต่อธุระ หน่วยที่ ๖ การเขียนในงานอาชีพ หน่วยที่ ๗ การเขียนรายงานการวิจัย (ก)


วธิก ี ารศก ึ ษา ชุดกำรเรียน ปวส. ๒๕๕๗ วชิำภำษำไทยเพอื่สอื่สำรในงำนอำชพี ในการศึกษาชุดการเรียนรายวิชา ๓๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ ผู้เรียนจะต้องท าความเข้าใจเกี่ยวกับ 1. โครงสร้างเนื้อหาสาระ 2. โครงสร้างสื่อการเรียนรู้ 3. วิธีการเรียน โครงสร้างเนื้อหาสาระ ชุดการเรียนรายวิชา ๓๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ ได้แบ่ง โครงสร้างเนื้อหาสาระเป็น ๓ เล่ม ดังนี้ เล่มที่ ๑ ประกอบด้วย หน่วยที่ 1 การใช้ภาษาไทยในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยที่ ๒ การวิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมินค่าสารในชีวิตประจ าวัน และงานอาชีพ เล่มที่ ๒ ประกอบด้วย หน่วยที่ ๓ การพูดในงานอาชีพ หน่วยที่ ๔ การพูดในโอกาสต่าง ๆ ของสังคม เล่มที่ ๓ ประกอบด้วย หน่วยที่ ๕ การเขียนเพื่อติดต่อธุระ หน่วยที่ ๖ การเขียนในงานอาชีพ หน่วยที่ ๗ การเขียนรายงานการวิจัย โครงสร้างสื่อการเรียนรู้ ชุดการเรียนรายวิชา ๓๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ ประกอบด้วยสื่อ ๒ ประเภท คือ (1) สื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่ แผนการเรียนและใบกิจกรรม และ (2) สื่อออนไลน์ วิธีการเรียน เพื่อให้การเรียนในชุดการเรียนรายวิชานี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผล ตามจุดประสงค์รายวิชาและสมรรถนะรายวิชา ผู้เรียนควรด าเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ (ข)


๑. เตรียมตัวเพื่อการศึกษาด้วยตนเอง ผู้เรียนต้องจัดตัวเองให้อยู่ในสภาพการณ์ ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ๔ ประการ คือ ๑.๑ มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างกระฉับกระเฉง โดยการคิด เขียนและ ท ากิจกรรมการเรียนรู้ที่ก าหนดอย่างสม่ าเสมอตลอดเวลา ๑.๒ ติดตาม ตรวจสอบผลการเรียนรู้หลังท ากิจกรรมแต่ละกิจกรรมจากแนวการ ตอบหรือเฉลย ๑.๓ ซื่อสัตย์ต่อตนเอง โดยไม่ดูแนวการตอบหรือเฉลยก่อน ๑.๔ ศึกษาเรียนรู้ไปตามล าดับขั้นตอน เพื่อให้ได้ความรู้ครบถ้วนตามที่ก าหนด ๒. ประเมินผลตนเองก่อนเรียนและหลังเรียน ๒.๑ ก่อนที่จะเรียนหน่วยการเรียนใด ผู้เรียนควรจะตรวจสอบความรู้ด้วยการ ประเมินผลตนเองก่อนเรียนจากแบบประเมินของหน่วยนั้น ตรวจค าตอบจากเฉลย แล้วรวม คะแนนไว้ หากท าได้คะแนนเกินกว่าร้อยละ ๖๐ ผู้เรียนอาจจะไม่ต้องศึกษาหน่วยนั้น ๒.๒ เมื่อศึกษาหน่วยนั้นเสร็จแล้ว ขอให้ผู้เรียนประเมินผลตนเองหลังเรียน โดย ท าแบบประเมินที่ก าหนดไว้ตอนท้าย ตรวจค าตอบจากเฉลย แล้วรวมคะแนนไว้ หากท าได้ต่ ากว่า ร้อยละ ๘๕ ผู้เรียนควรศึกษาทบทวนหน่วยนั้นแล้วประเมินซ้ าอีกจนกว่าจะได้คะแนนเพิ่มขึ้นตาม เกณฑ์ที่ก าหนด ๓. ศึกษาเอกสารชุดการเรียนและสื่อที่ก าหนด โดย ๓.๑ ศึกษารายละเอียดชุดวิชา ๓.๒ ศึกษาแผนหน่วยการเรียนทุกหน่วย ๓.๓ ศึกษารายละเอียดของแต่ละหน่วยการเรียน ดังนี้ ๓.๓.๑ แผนการเรียนประจ าหน่วย ๓.๓.๒ แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน ๓.๓.๓ แนวคิด ๓.๓.๔ เนื้อหาสาระในแต่ละหน่วย และแต่ละมอดูล ๓.๓.๕ กิจกรรมและแนวการปฏิบัติหรือแนวการตอบ ๓.๓.๗ แบบประเมินตนเองหลังเรียน ๔. ท ากิจกรรมตามที่ก าหนดในหน่วยการเรียน “กิจกรรม” เป็นส่วนที่ผู้เรียนจะต้องบันทึกสาระส าคัญและท ากิจกรรมทุกอย่าง ตามที่ได้รับมอบหมาย ให้เขียนกิจกรรมลงในแบบฝึกปฏิบัติที่ก าหนด บางกิจกรรมอาจให้ผู้เรียน ไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมและเขียนรายงาน ขอให้ผู้เรียนจัดท าและจัดส่งครูผู้สอนหรือครูเจ้าของ วิชาตามวัน เวลาและสถานที่ที่ก าหนด (ค)


๕. การศึกษาสื่อประกอบการเรียนรู้ บางหน่วยการเรียน อาจก าหนดให้ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมจากสื่อที่ก าหนดหรือ ศึกษาสื่อควบคู่ไปกับการอ่านเอกสารชุดการเรียนเพื่อเสริมสร้างความรู้ ขอให้ผู้เรียนศึกษา รายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ก าหนด และจดบันทึกสาระส าคัญของสิ่งที่ได้เรียนรู้ไว้ในกิจกรรมปฏิบัติ ด้วย ๖. การเข้ารับการสอนเสริม หรือรับบริการ ณ สถานศึกษา ผู้เรียนต้องน าบัตรประจ าตัวนักศึกษาและบัตรลงทะเบียนเรียนรายวิชาไปแสดง ด้วย และเมื่อเข้ารับการสอนเสริม รับฟังและรับชมสื่อต่าง ๆ ให้บันทึกรายละเอียดการเข้ารับการ สอนเสริมหรือรับบริการในแบบฝึกปฏิบัติตอนท้ายหน่วยด้วย ๗. การร่วมกิจกรรมภาคปฏิบัติเสริมประสบการณ์ ผู้เรียนชุดการเรียนรู้รายวิชา ๓๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ อาจจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ ๗.๑ เข้าห้องปฏิบัติการในสถานศึกษา เพื่อฝึกทักษะปฏิบัติตามที่ก าหนดไว้ใน แต่ละหน่วยการเรียน ๗.๒ เข้าสังเกตการณ์การสอนในหน่วยการเรียนที่ก าหนด ๗.๓ เข้าฝึกปฏิบัติในสถานประกอบการหรือหน่วยงาน ๗.๔ ประดิษฐ์คิดค้น หรือศึกษาส ารวจข้อมูลตามที่ก าหนด หลังจากท ากิจกรรมข้างต้นแล้ว ให้มีการสรุปรายงานให้แก่ครูผู้สอนหรือครู เจ้าของวิชาทราบเพื่อตรวจสอบผลการปฏิบัติ และเก็บผลการประเมินเป็นคะแนนเก็บของ รายวิชา ๘. เข้ารับการสอบ เมื่อสิ้นภาคการศึกษา ผู้เรียนต้องเข้ารับการประเมินผลสัมฤทธิ์รายวิชาหรือ สอบไล่ ตามวัน เวลาและสถานที่ที่สถานศึกษาก าหนด เพื่อการตัดสินผลการเรียน (ง)


ขั้นตอนกำรเรียนชุดกำรเรียน ขั้นตอน แหล่งควำมรู้/สถำนที่ อ่านค าน าและรายละเอียดรายวิชา ศึกษาขั้นตอน การเรียนชุดการเรียนรายวิชา ศึกษาเนื้อหาสาระของหน่วยการเรียน ศึกษาหรือใช้สื่อต่าง ๆ ตามที่ก าหนด เข้ารับการสอนเสริม ท ากิจกรรมเพื่อเก็บคะแนน ท าแบบทดสอบหลังศึกษารายวิชา เข้ารับการประเมิน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน บันทึกผลการเรียน เอกสารชุดการเรียน วิธีการศึกษาชุดการเรียน/คู่มือผู้สอน ชุดการเรียน สื่อการเรียนรู้ สถานศึกษา ที่พัก/ที่ท างาน/สถานศึกษา ศูนย์เฉพาะกิจ ชุดการเรียน/คู่มือผู้สอน สถานศึกษา สถานศึกษา ผ่ำน ไม่ผ่ำน (จ)


ขั้นตอนกำรเรียนระดับหน่วย ขั้นตอน แหล่งควำมรู้/สถำนที่ ศึกษาขั้นตอนการเรียน ชุดการเรียนรายวิชา ท าแบบประเมินตนเองก่อนเรียน ศึกษาแผนการเรียนประจ าหน่วย ศึกษาแผนการเรียนประจ ามอดูล อ่านสาระส าคัญระดับมอดูล ศึกษาเนื้อหาสาระแต่ละมอดูลตามล าดับ ปฏิบัติกิจกรรมประจ ามอดูล-ตรวจสอบ ท าแบบประเมินตนเอง หลังเรียน-ตรวจสอบ ศึกษาหน่วยต่อไป เอกสารชุดการเรียน วิธีการศึกษาชุดการเรียน ชุดการเรียน/คู่มือผู้สอน ชุดการเรียน สื่อการเรียนรู้ สถานศึกษา ที่พัก/ที่ท างาน/สถานศึกษา ศูนย์เฉพาะกิจ ชุดการเรียน/คู่มือผู้สอน สถานศึกษา สถานศึกษา ผ่ำน ไม่ผ่ำน (ฉ)


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 2 หน่วยที่ ๑ การใชภ้าษาไทยในการสอื่สาร อยา่งมปีระสทิธภิาพ ๓๐๐๐-๑๑๐๑ หลักสูตรประกำศนียบัตรวิชำชีพชัน้สูง พุทธศักรำช ๒๕๕๗ ชอื่วิชา ภาษาไทยเพอื่สอื่สารในงานอาชพี (Thai for Career Communication) ชุดการเรียน ส านกังานคณะกรรมการการอาชวีศกึษา กระทรวงศกึษาธกิาร


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 1 แบบประเมินตนเองก่อนเรียน หน่วยที่ ๑ ค าสั่ง จงท าเครื่องหมาย ล้อมรอบตัวอักษร (ก) (ข) (ค) หรือ(ง) หน้าค าตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียง ค าตอบเดียว 1. ข้อใดสะกดถูกทุกค า ก. สิงโต สมโภชน์ ข. ล าใย โจทจันท์ ค. ปฐมนิเทศน์ อวสาน ง. สัญลักษณ์ ลายเซ็น 2. ค าในข้อใดทุกค าใช้ได้ทั้งในความหมายโดยตรงและความหมายนัยประหวัด ก. คอแข็ง ดีใจ ข. ใจด า ขาแข็ง ค. หัวแข็ง ตาโต ง. มือไว ใจอ่อน 3. ข้อใดใช้แสดงความหมายแคบ-กว้างต่างกันได้อย่างเหมาะสม ก. เขาชอบปลูกต้นไม้และไม้ผล ข. ฤดูนี้มีผลไม้มากทั้งเงาะและทุเรียน ค. เขาสนใจทั้งกีฬาและมวย ง. ประชาชนและชาวนามาชุมนุมกันมากมาย 4. ข้อใดเป็นประโยค ก. นักศึกษาเข้าชมนิทรรศการ ข. ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่รุ่นเดียวกับคุณค ารณ ค. คณะกรรมการงาน 12 สิงหาเทิดไท้ราชินี ง. เจ้าภาพงานมงคลสมรส 5. ข้อใดไม่ใช่ประโยคความซ้อน ก. หลานคนเล็กอยู่บ้านหลังที่ยายซื้อให้ใหม่ ข. ผู้ปกครองนักเรียนเดินไปที่หอประชุมอย่างรวดเร็ว ค. อ าเภอไกลปืนเที่ยงที่คุณท างานมีโทรศัพท์แล้ว ง. คนสวนก าลังตัดกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้เสาไฟฟ้า


2 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 6. ประโยคในข้อใดยังไม่สมบูรณ์ ก. ผู้ที่คิดจะเป็นนักสะสมแสตมป์ควรรู้จักเก็บรักษาดูแลอย่างดี ข. ข้อบกพร่องในการใช้ภาษาอาจเกิดจากใช้ค าผิดความหมาย ค. ด้วยวัย 20 ปี ตอนที่เริ่มความเป็นนักข่าวที่กรมประชาสัมพันธ์ ง. กลุ่มกบฏได้ลุกฮือขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของรัฐบาลกลาง 7. พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน ลูกดีใจราวกับ..................... ควรเติมส านวนใดลงในช่องว่างจึงจะถูกต้องเหมาะสม (การน าไปใช้) ก. ไก่ได้พลอย ข. กิ้งก่าได้ทอง ค. ปลากระดี่ได้น้ า ง. แมวไม่อยู่หนูร่าเริง 8. อาจารย์สุรศักดิ์มีความสามารถ ในการใช้คอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี แต่ไม่แสดงออก เหตุการณ์นี้ ตรงกับส านวนใด ก. น้ านิ่งไหลลึก ข. เพชรในตม ค. ผ้าขี้ริ้วห่อทอง ง. คมในฝัก 9. ส านวนในข้อใดมีความหมายในทางสั่งสอนให้ระมัดระวังในการด ารงชีวิต ก. จับงูข้างหาง ข. กินน้ าไม่เผื่อแล้ง ค. เอามือซุกหีบ ง. เข้ารกเข้าพง 10. “เตี้ยอุ้มค่อม” เป็นสุภาษิตที่มีความหมายตรงกับข้อใด ก. คนร่างเตี้ยอาจช่วยอุ้มคนหลังค่อมได้ ข. บุคคลย่อมรักตนเอง ค. มีน้ าใจเด็ดเดี่ยว ง. ช่วยตัวเองไม่ได้กลับไปช่วยคนอื่นอีก


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 3 แผนการเรียน หน่วยที่ ๑ การใช้ภาษาไทยในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ มอดูลที่ 1.1 การใช้ค าในการสื่อสารให้เกิดประสิทธิภาพ 1.2 การใช้ส านวนโวหารในการสื่อสารให้เกิดประสิทธิภาพ แนวคิด การสื่อสารด้วยภาษาไทยอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ผู้สื่อสารจ าเป็นต้องเข้าใจในเรื่อง ของภาษาไทยอย่างถูกต้อง รวมทั้งต้องรู้จักวิธีการใช้ภาษาไทยอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการ ใช้ภาษาในการสื่อสาร ควรค านึงถึงการออกเสียงค า เขียนสะกดค า และใช้ค าให้ถูกต้องตาม ความหมาย ตลอดจนสร้างประโยคถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ใช้ส านวนโวหารได้อย่างถูกต้อง และสามารถเรียบเรียงถ้อยค าในการสื่อสารได้สละสลวย อย่างมีศิลปะและมีประสิทธิภาพ จุดประสงค์การเรียน 1. เมื่อศึกษามอดูลที่ 1.1 แล้ว ผู้เรียนสามารถใช้ค าได้ถูกต้องตามความหมาย 2. เมื่อศึกษามอดูลที่ 1.1 แล้ว ผู้เรียนสามารถเรียบเรียงประโยคได้ถูกต้องตาม เจตนาของการสื่อสาร 3. เมื่อศึกษามอดูลที่ 1.2 แล้ว ผู้เรียนสามารถใช้ส านวนได้ถูกต้องตามสถานการณ์ 4. เมื่อศึกษามอดูลที่ 1.2 แล้ว ผู้เรียนสามารถใช้โวหารได้ถูกต้องตามจุดประสงค์ ของการสื่อสาร กิจกรรมการเรียน 1. ท าแบบประเมินตนเองก่อนเรียน หน่วยที่ 1 2.อ่านแผนการเรียนประจ าหน่วยที่ 1 3. อ่านสาระสังเขปประจ ามอดูลที่ 1.1 - 1.2 4.ด าเนินกิจกรรมที่ก าหนดของแต่ละมอดูลหรือหัวข้อเรื่อง 5.ตรวจสอบค าตอบจากแนวตอบของแต่ละกิจกรรม ที่ก าหนดไว้ท้ายหน่วยที่ 1 6. ท ากิจกรรมภาคปฏิบัติเสริมประสบการณ์เพื่อเก็บคะแนน (ถ้ามี) 7. เข้ารับการสอนเสริม 8. ท าแบบประเมินตนเองหลังเรียน


4 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ สื่อและแหล่งการเรียน 1. เอกสารชุดการเรียน หน่วยที่ 1 2. ใบงาน การประเมินผลการเรียน 1. ประเมินความก้าวหน้าระหว่างเรียน การประเมินตนเองก่อนและหลังเรียน 2. ประเมินกิจกรรมภาคปฏิบัติ (……..คะแนน) 3. คุณธรรม จริยธรรม (20 คะแนน) 4. การสอบปลายภาค (…….คะแนน)


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 5 แผนการเรียน มอดูลที่๑.๑ การใช้ค าในการสื่อสารให้เกิดประสิทธิภาพ มอดูลที่ 1.1 โปรดอ่านหัวข้อเรื่อง แนวคิดและจุดประสงค์การเรียนของมอดูลที่ 1.1 แล้วจึง ศึกษารายละเอียดต่อไป หัวข้อเรื่อง 1.1.1 ลักษณะส าคัญของภาษาไทย 1) เสียงในภาษาไทย 1.1) เสียงพยัญชนะ 1.2) เสียงสระ 1.3) เสียงวรรณยุกต์ 2)อักษรในภาษาไทย 3)ค าในภาษาไทย 3.1) ค าที่มีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย 3.2) ค าที่มีความหมายตามตัวและความหมายนัยประหวัด 3.3) ค าที่มีความหมายกว้างและความหมายแคบ 3.4) ค าที่มีความหมายเหมือนกันหรือคล้ายกัน 3.5) ค าพ้องรูปและพ้องเสียง 3.6) ค าที่มีความหมายตรงข้าม 4) ประโยคในภาษาไทย 4.1)ลักษณะของประโยค 4.2)ชนิดของประโยค 1.1.2 การใช้ภาษาไทยในการสื่อสารและการใช้ถ้อยค า 1) ใช้ภาษาให้เหมาะกับบุคคลและโอกาส 2) การเลือกใช้ค าในการสื่อสาร 3) ความสละสลวย


6 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ แนวคิด ในการใช้ภาษาไทยในการสื่อสารอย่างมีศิลปะและมีประสิทธิภาพนั้น ผู้สื่อสาร จ าเป็นต้องเข้าใจลักษณะส าคัญของภาษาไทยอย่างถูกต้อง และสามารถใช้ภาษาไทยในการ สื่อสาร ตลอดจนการใช้ถ้อยค าซึ่งจะท าให้การสื่อสารบรรลุจุดมุ่งหมาย จุดประสงค์การเรียน 1. เมื่อศึกษาหัวข้อเรื่องที่ 1.1.1 “ลักษณะส าคัญของภาษาไทยแล้ว ผู้เรียนสามารถ เข้าใจลักษณะของภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง 2. เมื่อศึกษาหัวข้อเรื่องที่ 1.1.2 “การใช้ภาษาไทยในการสื่อสารและการใช้ถ้อยค า” แล้ว ผู้เรียนสามารถใช้ถ้อยค าและประโยคในการสื่อสารได้อย่างถูกต้อง กิจกรรมการเรียนการสอน 1. ศึกษาเอกสารมอดูลที่ 1.1 2. ปฏิบัติกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายในเอกสารการสอน 2.1 ท ากิจกรรมตามใบงานที่ 1 เรื่องการใช้ค า 2.2 ท ากิจกรรมตามใบงานที่ 2 การใช้ประโยค เนื้อหา 1. ลักษณะส าคัญของภาษาไทย ภาษาแต่ละภาษาย่อมมีลักษณะเฉพาะของตนเอง ภาษาไทยเป็นภาษาหนึ่งที่มี ลักษณะ เฉพาะของตนเองแตกต่างจากภาษาอื่น การศึกษาลักษณะส าคัญของภาษาไทย อัน เป็นภาษาประจ าชาติ จะท าให้รู้จักและเข้าใจลักษณะของภาษาไทยอย่างถ่องแท้ สามารถ น าไปใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารทั้งในชีวิตประจ าวันและในการประกอบอาชีพ สามารถ น าไปเปรียบเทียบกับภาษาอื่น ตลอดจนน าไปใช้เป็นพื้นฐานในการศึกษาภาษาไทยให้ ละเอียดลึกซึ้งต่อไป ลักษณะส าคัญของภาษาไทยที่จะกล่าวถึง มีดังนี้ 1. เสียงในภาษาไทย 2. อักษรในภาษาไทย 3. ค าในภาษาไทย 4. ประโยคในภาษาไทย


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 7 1. เสียงในภาษาไทย เสียงในภาษาไทยจ าแนกออกเป็น 3 ประเภทคือ 1.1 เสียงพยัญชนะ เป็นเสียงที่เปล่งออกมากระทบอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในปาก อันเป็นฐานที่เกิดของเสียง ได้แก่ เส้นเสียง เพดาน ปุ่มเหงือก ฟัน และริมฝีปาก มี 21 หน่วย เสียง 44 รูป 1.2 เสียงสระ เป็นเสียงที่เปล่งออกมาจากล าคอโดยไม่กระทบอวัยวะส่วนใด ๆ ในปาก จ าแนกออกเป็น 21 รูป 32 เสียง 1.3 เสียงวรรณยุกต์ คือระดับเสียงสูงต่ าในภาษาไทย ค าทุกค าต้องมีวรรณยุกต์ แม้จะไม่มีรูปวรรณยุกต์ก ากับ วรรณยุกต์ในภาษาไทยมี 4 รูป 5 เสียง ดังนี้ เสียง สามัญ เอก โท ตรี จัตวา รูป - รูปและเสียงวรรณยุกต์ อาจตรงหรือไม่ตรงกัน ดังตารางผันเสียงวรรณยุกต์ ต่อไปนี้ เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี เสียงจัตวา อักษรกลาง ค าเป็น ค าตาย ปา - ป่า (กัด) ป้า (กั้ด) ป๊า กั๊ด ป๋า กั๋ด อักษรสูง ค าเป็น ค าตาย - - ข่าม (หัด) ข้าม หั้ด - - ขาม - อักษรต่ า ค าเป็น ค าตาย ยุง - - - ยุ่ง น่ะ แลบ ยุ้ง นะ แล้บ - น๋ะ แล๋บ 2. อักษรในภาษาไทย อักษรเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แทนเสียง เมื่อเสียงในภาษาไทยแบ่งได้เป็นพยัญชนะ สระและวรรณยุกต์ อักษรในภาษาไทยก็แบ่งได้เป็น พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ เช่นเดียวกัน และเรียกพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ ที่เป็นอักษรว่า รูปพยัญชนะ รูปสระ และรูปวรรณยุกต์ เพื่อให้ต่างกับเสียงพยัญชนะ เสียงสระ และเสียงวรรณยุกต์ตามล าดับ การใช้อักษรสื่อความหมายก็เช่นเดียวกันกับใช้เสียงสื่อความหมายคือ ถ้าใช้รูป พยัญชนะ สระ หรือ วรรณยุกต์ผิด ความหมายก็จะเปลี่ยนไป เช่น 1. เปลี่ยนรูปพยัญชนะต้นจาก ด เป็น ต ดี หมายความว่า คุณสมบัติที่ตรงข้ามกับชั่ว ตี หมายความว่า โบย


8 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 2. เปลี่ยนรูปสระจาก อิ เป็น อี แล้วเติมวรรณยุกต์ ติ หมายความว่า ทักหรือท้วงว่าไม่ถูก ตี่ หมายความว่า การเล่นชนิดหนึ่งของเด็ก หากเปรียบเทียบการสื่อความหมายโดยใช้เสียงและโดยใช้อักษร อาจมีผู้เห็นว่าการ ใช้อักษรจะลดความก ากวมได้มากกว่า ทั้งนี้เพราะมีค าจ านวนมากที่ออกเสียงได้อย่างเดียว แต่มีความหมายหลายอย่างและเขียนได้หลายอย่าง ค าเหล่านี้เรียกว่า ค าพ้องเสียง ในการพูด บางครั้งค าพ้องเสียงจะท าให้ก ากวม ไม่ทราบแน่ว่าผู้พูดกล่าวถึงค าใด เช่น กล่าวว่า จัน อาจจะหมายถึง จัน จันทร์ จันทน์ จรรย์ หรือจัณฑ์ ก็ได้ แต่ในการ เขียน ความก ากวมนี้จะหมดไป เพราะค าพ้องเสียงเหล่านี้สะกดต่าง ๆ กัน อย่างไรก็ตาม การสื่อความหมายโดยใช้อักษรก็อาจจะสร้างความก ากวมได้ เหมือนกันในภาษาไทย เรียกว่าค าพ้องรูป ค าพ้องรูปมีความหมายหลายอย่างและออกเสียง หลายอย่าง แต่เขียนได้อย่างเดียว ในการพูดค าพ้องรูปจะไม่ท าให้ก ากวม แต่ในการเขียน ความก ากวมอาจเกิดขึ้นได้ เช่น เมื่อเขียนค าว่า แหน ผู้อ่านไม่แน่ใจว่าค านี้หมายถึง พืช ชนิดหนึ่งที่ใบด้านบนสีเขียว ด้านล่างสีม่วง ลอยอยู่น้ านิ่ง ๆ หรือหมายถึง เฝ้ารักษา ตัวอย่างค าพ้องรูปอื่น ๆ เช่น เพลา (เพลารถ - เพลาเย็น) ขัน (ขันน้ า -ไก่ขันตอนเช้า - ขบขัน ฯลฯ) เป็นต้น นอกจากนั้น เมื่อใช้อักษรสื่อความหมาย การสะกดการันต์ให้ถูกต้องนับว่า เป็น เรื่องส าคัญ หากใช้พยัญชนะ สระ หรือวรรณยุกต์ผิดไป ความหมายอาจจะผิดไปได้ และ แม้ว่าจะใช้พยัญชนะ สระ หรือวรรณยุกต์ถูกต้อง ความหมายก็อาจจะไม่ชัดเจน ทั้งนี้ เพราะอักษรนั้นใช้สื่อความหมายแทนเสียงได้ก็จริง แต่ก็แทนได้ไม่สมบูรณ์ 3. ค าในภาษาไทย เสียงที่เปล่งออกมาครั้ง ๆ หนึ่งเรียกว่า พยางค์ ถ้าเป็นพยางค์ที่มีความหมาย เรียกว่า ค า ค าทุกค าจึงต้องมีความหมาย แต่อาจจะมีพยางค์เดียวหรือหลายพยางค์ก็ได้ การจะใช้ภาษาให้ถูกต้อง เหมาะสม และสื่อความหมายได้ตามต้องการ ผู้ใช้ ภาษาจ าเป็นต้องรู้ความหมายของค า ค าส่วนใหญ่ในภาษาไทยมีหลายความหมาย บางค า เมื่ออยู่ตามล าพังจะมีความหมายอย่างหนึ่ง แต่เมื่อน าไปเข้าประโยค ความหมายของค าอาจ เปลี่ยนไป ความหมายของค ามีหลายลักษณะ ได้แก่ 3.1 ค าที่มีความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย ค าแต่ละค าเมื่อผู้ฟังฟังแล้ว มักจะไม่ได้นึกถึงเฉพาะความหมายของค านั้น แต่จะนึกถึงค าอื่นหรือสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องกับความหมายของค านั้นด้วย ทั้งนี้แล้วแต่ทรรศนะ นิสัย และประสบการณ์ของแต่ละคน 3.1.1 ความหมายโดยตรง คือความหมายตามปกติของค า เนื้อความเป็น อย่างไร ความหมายก็เป็นอย่างนั้น เป็นความหมายที่ปรากฏในพจนานุกรม ซึ่งผู้ใช้ภาษา เข้าใจตรงกัน อาจเป็นความหมายตามตัวหรือความหมายเชิงอุปมาก็ได้ เช่น


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 9 ดวงดาว (สิ่งที่เห็นเป็นดวงมีแสงระยิบระยับในท้องฟ้า) เช่น คืนนี้มีดาวเต็มท้องฟ้า หลังบ้าน (ด้านหลังของบ้าน) เช่น เขาผูกสุนัขไว้หลังบ้าน 3.1.2 ความหมายโดยนัย คือความหมายที่กลายไปจากความหมายเดิม ของค า เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าความหมายเชิงอุปมา หมายถึง การน าค าที่ใช้ตามปกติส าหรับสิ่ง หนึ่งไปใช้กับอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นว่ามีลักษณะคล้ายกัน หรือเข้ากันได้ เพื่อบอกลักษณะอาการ รูปพรรณสัณฐาน หรือคุณภาพอย่างใดอย่างหนึ่งให้ชัดเจนขึ้น ตัวอย่าง ดวงดาว (ความสุข ความสดใส) เช่น ใต้ผืนฟ้านี้ คุณมีสิทธิ์เก็บดวงดาวได้เสมอ ตามน้ า (พลอยร่วมฉ้อราษฎร์บังหลวงไปด้วย) เช่น นายสมชายกินตามน้ ากับ คณะกรรมการด้วย 3.2 ค าที่มีความหมายตามตัวและความหมายนัยประหวัด 3.2.1 ความหมายตามตัว เป็นความหมายเดิมของค าเมื่อปรากฏในบริบท ต่าง ๆ เสือ (สัตว์ชนิดหนึ่ง ดุ) แกะด า (แกะสีด า) 3.2.2 ความหมายนัยประหวัด เป็นความหมายที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความรู้สึก ซึ่งจะผันแปรไปตามประสบการณ์ ทัศนคติ ความรู้สึก พื้นฐานหรือภูมิหลังของแต่ ละคน เช่น เลือด อาจนึกถึง ความตาย การต่อสู้ สีด า อาจนึกถึง ความชั่ว ความทุกข์ ดอกหญ้า อาจนึกถึง สิ่งที่ต่ าต้อย 3.3 ค าที่มีความหมายกว้างและความหมายแคบ ค าแต่ละค ามีความหมายกว้างแคบต่างกัน บางค าบอกความหมาย เฉพาะเจาะจงว่าหมายถึงบุคคลใด บุคคลหนึ่ง วัตถุชิ้นใดชิ้นหนึ่ง สัตว์ตัวใดตัวหนึ่ง แต่บางค า บอกความหมาย โดยส่วนรวมของสิ่งที่อยู่ในประเภทเดียวกัน เช่น นก มีความหมายกว้าง หมายถึง สัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งที่บินได้ ขนสีด า หรือขาว ปากยาวหรือสั้น (นกแก้ว นกขุนทอง นกกระจอก นกสีด า ฯลฯ ) สัตว์ มีความหมายกว้าง หมายถึง สัตว์ที่อาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่ อาจเป็น สัตว์บก สัตว์น้ า สัตว์ปีก แมลง ฯลฯ (ช้าง สุนัข แมว ผึ้ง ยุง ปลา หนอน ฯลฯ) 3.4 ค าที่มีความหมายเหมือนกันหรือคล้ายกัน มีค าอยู่เป็นจ านวนมากที่ถือได้ว่ามีความหมายเหมือนกันหรือคล้ายกัน บางครั้งใช้แทนกันได้ แต่บางครั้งใช้แทนกันไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่ยังเข้าใจความหมายไม่ดีพอ ใช้ผิดได้ง่าย ค าเหล่านี้บางครั้งเรียกว่า ค าไวพจน์ ข้อสังเกตในการใช้ค าที่มีความหมายเหมือนกันหรือคล้ายกัน มีดังนี้ 1. ใช้ในภาษาเขียน และภาษาพูด เช่น ภาพยนตร์-หนัง รับประทาน-ทาน


10 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 2. ใช้ในภาษาทางการ และไม่เป็นทางการ เช่น เรียน - บอก ใบอนุญาต ขับรถยนต์ - ใบขับขี่ 3. ใช้ในภาษาร้อยแก้วและภาษาร้อยกรอง เช่น น้ า - วารี ป่า – ไพรสาณฑ์ ไพรสณฑ์ ไพรสัณฑ์ 4. ใช้ส าหรับบุคคลสามัญ ส าหรับภิกษุ หรือเจ้านาย เช่น ป่วย – อาพาธ – ประชวร กิน - ฉัน - เสวย 3.5 ค าที่มีความหมายตรงข้าม มีค าอยู่เป็นจ านวนมากที่เมื่อน ามาเทียบกัน แล้วมีความหมายตรงข้ามกัน เช่น สกปรก - สะอาด ขี้ขลาด - กล้าหาญ อ้วน - ผอม เชื่องช้า - ว่องไว ฯลฯ 3.6 ค าพ้องรูปและพ้องเสียง คือค าที่มีความหมายหลายความหมาย ท า หน้าที่ได้ หลายหน้าที่ จึงถือว่าเป็นค าคนละค ากัน เช่น ขัน - นาม ภาชนะ กัน - ใช้เรียกผู้ชาย แสดงการแยกส่วน แสดงส่วนร่วม กัน หรือกั้น 4. ประโยคในภาษาไทย ประโยค หมายถึง กลุ่มค าที่สื่อความหมายได้ชัดเจน สมบูรณ์ โครงสร้าง ประโยคของภาษาไทยประกอบด้วย ภาคประธานและภาคแสดง หากมีส่วนขยาย ส่วนขยาย มักจะอยู่หลังค าที่ถูกขยาย ดังนี้ ภาคประธาน ภาคแสดง ประธาน ขยายประธาน กริยา กรรม ขยายกรรม ขยายกริยา สิงโต ค าราม ครู สอน หนังสือ วิชัย เพื่อนของผม ถูก ลอตเตอรี่ สุนัข ข้างบ้าน กัด ชาวบ้าน ที่เดินไปมา นักศึกษา ห้องนี้ ท า ข้อสอบ วิชา ภาษาไทย อย่างตั้งใจ น้า ของฉัน ปัก ผ้า เก่ง อย่างไรก็ตาม แม้ประโยคในภาษาไทยส่วนใหญ่จะมีโครงสร้างแบบ ประธานกริยา-กรรม แต่รูปประโยคก็มิได้เรียงล าดับส่วนของประโยคเช่นนี้เสมอไป บางประโยคอาจ น ากริยา หรือกรรมมาไว้ต้นประโยค หรือ บางประโยคอาจน ากริยามาท าหน้าที่ประธาน


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 11 ประโยคในภาษาไทย จ าแนกออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้ 1. ประโยคประธาน ได้แก่ประโยคที่มีประธานอยู่ต้นประโยค เช่น ผู้สื่อข่าวรายงานข่าว 2. ประโยคกริยา ได้แก่ประโยคที่มีกริยาอยู่ต้นประโยค เช่น มีการท าร้ายร่างกายนักโทษในเรือนจ า 3.ประโยคกรรม ได้แก่ประโยคที่มีกรรมอยู่ต้นประโยค เช่น ผู้ร้ายถูกต ารวจจับ 4.ประโยคการิต ได้แก่ประโยคที่มีผู้รับใช้แทรกเข้ามาในประโยค เช่น หัวหน้าให้ลูกน้องแก้ไขรายงาน ชนิดของประโยค มี 3 ชนิด คือ 1. ประโยคความเดียว คือประโยคที่มีประธานตัวเดียว กริยาตัวเดียว และ ถ้ากริยาต้องการกรรม ก็มีกรรมตัวเดียว เช่น แดงเตะสุนัข 2. ประโยคความรวม คือ ประโยคที่เกิดจากการรวมประโยคความเดียว ตั้งแต่ 2 ประโยคขึ้นไป โดยใช้สันธานเชื่อม เช่น พอภรรยาโกรธเขาก็เงียบทุกครั้ง เด็กกินอาหารที่มีสารพิษจึงเกิดอาการท้องร่วง 3.ประโยคความซ้อน คือ ประโยคที่มีใจความหลักประโยคหนึ่ง แล้ว มีประโยคย่อยอีกประโยคหนึ่งซ้อนอยู่ ซึ่งประโยคย่อยนั้นอาจท าหน้าที่เป็น นาม ขยายนาม หรือสรรพนาม และขยายกริยาหรือวิเศษณ์ก็ได้ เช่น รัศมีดาราเด็กสาวผู้ซึ่งเกิดมาบนกองเงินกองทองอยากเป็นครู สุนัขพันธุ์เชาเชาที่ได้รับรางวัลที่ 1 เป็นของผมเอง ประโยคความซ้อน จะใช้ตัวเชื่อมต่างกับตัวเชื่อมของประโยคความรวม คือ ใช้ ค าว่า ให้ ที่ ซึ่ง อัน เมื่อ เพราะ ตาม จน ตั้งแต่ เป็นตัวเชื่อมประโยคเล็กกับประโยคใหญ่ 2. การใช้ภาษาไทยในการสื่อสารและการใช้ถ้อยค า การศึกษาภาษาไทยนอกจากจะศึกษาลักษณะส าคัญของภาษาแล้ว ยังต้องศึกษา เรื่องการใช้ภาษาที่ถูกต้อง เหมาะสม หากผู้ใช้ภาษามีความรู้เรื่องการใช้ภาษาไม่ดีพอ อาจท า ให้การติดต่อ สื่อสารเกิดความผิดพลาด สื่อสารได้ไม่ตรงตามที่ต้องการ หรือสื่อความได้แต่ไม่ เหมาะสม ท าให้ขาดประสิทธิภาพในการสื่อสาร ความผิดพลาดหรือความไม่เหมาะสม ดังกล่าว ล้วนมีสาเหตุมาจากการใช้ภาษาที่บกพร่อง หรือไม่ค านึงถึงการใช้ภาษาไทยอย่าง ถูกต้อง


12 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ ข้อค านึงในการใช้ภาษาไทย มีดังนี้ 1. ใช้ภาษาให้เหมาะกับบุคคลและโอกาส การใช้ภาษาในการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ ผู้ใช้จะต้องท าความเข้าใจในเรื่อง ของบุคคลและโอกาส ดังนี้ 1.1 ความสัมพันธ์ของผู้ส่งสารและผู้รับสาร ภาษาไทยเป็นภาษาที่ได้มีการ ก าหนด การใช้ถ้อยค าให้เหมาะสมตามฐานะทางสังคมของบุคคลแต่ละกลุ่ม ได้แก่ พระ เจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ พระสงฆ์ และบุคคลทั่วไป ดังนั้นการเลือกใช้ค าต้อง เหมาะสมกับบุคคล จะท าให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ และเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป เช่น พระเจ้าอยู่หัวเสวยพระกระยาหาร พระสงฆ์ฉันอาหาร นักเรียนรับประทานอาหาร 1.2 โอกาสในการใช้ภาษา การเลือกใช้ภาษาให้เหมาะสมกับโอกาส เวลา และ สถานที่ มีความส าคัญอย่างยิ่งที่จะท าให้การสื่อสารนั้นมีประสบผลส าเร็จ และเป็นที่ยอมรับ ของสังคม โอกาสในการใช้ภาษาแบ่งออกได้ 3 โอกาส คือ 1.2.1 โอกาสที่เป็นทางการ หมายถึง โอกาสส าคัญที่เป็นงานพิธีการ ภาษาที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาที่เป็นแบบแผนหรือเป็นทางการ เช่น งานพระราชพิธี การ กล่าวประชุม สัมมนา การกล่าวสุนทรพจน์ การเขียนรายงานทางวิชาการ 1.2.2 โอกาสที่เป็นกึ่งทางการ หมายถึง โอกาสที่ไม่เคร่งครัดในแบบแผน มากนัก แต่ค านึงถึงความสุภาพและความเหมาะสมตามสถานการณ์ การสื่อสาร นั้น ๆ จะใช้ภาษากึ่งแบบแผน เช่น การประชุมครู การบรรยายในชั้นเรียน การอบรม การ เขียนสารคดี การวิจารณ์บทความ 1.2.3 โอกาสที่ไม่เป็นทางการ หมายถึง โอกาสทั่ว ๆ ไปที่ใช้ติดต่อสื่อสาร ในชีวิตประจ าวันและในงานอาชีพ การใช้ภาษาจะมุ่งเน้นการสื่อความหมายให้เข้าใจ จะใช้ ภาษาที่ไม่เป็นทางการ เช่น การติดต่องาน การซื้อขายสินค้า การโฆษณา การเขียนจดหมาย ส่วนตัว การพาดหัวข่าว 2. การเลือกใช้ค าในการสื่อสาร 2.1 ความหมายถูกต้อง การใช้ภาษาควรระมัดระวังให้ถูกต้องทั้งในด้าน ความหมายและหน้าที่ของค า รวมทั้งกาลเทศะหรือระดับของภาษา ตลอดจนการสะกดค าให้ ถูกต้องเนื่องจากเป็นองค์ประกอบส าคัญในการสื่อความหมาย ดังนี้ 2.1.1 การใช้ค าให้ถูกความหมาย ประการส าคัญคือ ต้องรู้ความหมาย ของค าที่เลือกมาใช้ ไม่เช่นนั้นอาจท าให้ใช้ค าผิดความหมายได้ เช่น เขาถูกชกเลือดกลบปาก (กบ) วิชัยเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสูสีกับใคร (สุงสิง)


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 13 2.1.2 การใช้ค าให้ถูกหน้าที่ การวางค าให้ถูกต าแหน่งหน้าที่ตามชนิด ของค าเป็นสิ่งส าคัญยิ่งในภาษาไทย เนื่องจากค าไทยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงรูปศัพท์เพื่อท าหน้าที่ ต่าง ๆ ในประโยคเหมือนภาษาอังกฤษ ดังนั้นการวางค าผิดต าแหน่งอาจท าให้ความหมาย เปลี่ยนไป หรือสื่อความหมายไม่ได้ เช่น ใจหาย หายใจ ฉันรักคุณ คุณรักฉัน 2.1.3 การใช้ค าให้ถูกระดับภาษา ภาษาไทยมีค าที่มีความหมาย เหมือนกันเป็นจ านวนมาก ค าเหล่านี้แม้จะมีความหมายเดียวกันแต่ก็ไม่สามารถน ามาใช้ แทนที่กันได้เสมอไป เนื่องจากแตกต่างกันที่ระดับของภาษา การใช้ควรค านึงถึงกาลเทศะ ด้วยว่าใช้ค าใดควรเหมาะสมเช่น พระฉันภัตตาหาร คนไทยบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก เขาทานข้าวอิ่มแล้ว ฉันไม่กินข้าวเย็น 2.1.4 ใช้ภาษาพูดในภาษาเขียน เช่น นักธุรกิจเหล่านี้ ท ายังไงถึงได้รวยยังงี้ (อย่างไร, อย่างนี้) 2.1.5 ใช้ค าไม่เหมาะกับความรู้สึก คือการเลือกใช้ค าที่สื่อความหมายไม่ ตรงกับความรู้สึกของผู้พูด เช่น เขาดีใจที่ต้องออกไปรับรางวัล (ได้) สุพรรณรู้สึกใจหายที่ต้องสูญเสียเพื่อนไปเสียที (ตัดค าว่าเสียทีออก) 2.16 ใช้ค าให้ถูกต้องตามการสะกด การสะกดค าให้ถูกต้องเป็นสิ่งส าคัญ ยิ่งในการเขียน เนื่องจากตัวอักษรที่ประสมกันอย่างหนึ่งจะแทนความหมายอย่างหนึ่ง ค าที่ สะกดแตกต่างกันย่อมมีความหมายแตกต่างกัน ตัวอย่างค าที่มักสะกดผิด ค าที่สะกดผิด อนุญาติ ไอศครีม เซนต์ชื่อ ลายเซ็น กฏหมาย ค าที่ถูกต้อง อนุญาต ไอศกรีม เซ็นชื่อ ลายเซ็น กฎหมาย การออกเสียงผิดท าให้สื่อความหมายผิด เช่น ครั้งคราว ออกเสียงเป็น คั้งคาว 2.2 ใช้ค าให้ชัดเจน การใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารควรค านึงถึงความหมายที่ชัดเจน แจ่มแจ้งในเนื้อความ เพื่อมิให้ผู้อ่านเกิดความสับสน เข้าใจผิด การใช้ค าไม่ชัดเจนอาจเกิดจาก สาเหตุหลายประการ เช่น 2.2.1 การใช้ค าที่มีความหมายโดยนัย เนื่องจากความหมายโดยนัย เป็น ความหมายที่เข้าใจกันเฉพาะกลุ่มคนที่มีประสบการณ์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมกัน ผู้ที่ขาด ประสบการณ์หรือการรับรู้ในเรื่องนั้นอาจไม่เข้าใจความหมายนั้น ท าให้แปลความหมายของ ค าตามตรงที่เคยได้รับรู้มา เช่น


14 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ ต ารวจอุ้มผู้ต้องหาไปสอบสวน (ความหมายโดยนัย) แม่อุ้มลูกไปอาบน้ า (ความหมายโดยตรง) 2.2.2 การใช้ค าก ากวม ค าก ากวมคือค าทีมีความหมายไม่ชัดเจน คลุมเครือ หรือมีหลายนัย การใช้ค าก ากวมอาจท าให้เข้าใจผิดได้ เนื่องจากสามารถ ตีความหมายได้หลายแง่ เช่น แดงชนด าหกล้ม อาจมีความหมายว่า แดงหกล้มเมื่อชนด า หรือ ด าหกล้มเมื่อชนแดง เมื่อวานนี้ตาผมเจ็บ ฉันกินข้าวเย็นแล้ว เขตทหารห้ามเข้า 2.2.3 การใช้ค าย่อ ค าย่อเป็นค าที่ไม่เป็นทางการ และไม่เป็นที่ยอมรับกัน โดยทั่วไป อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ เนื่องจากผู้รับสารไม่ทราบความหมาย เช่น รถโดยสารประจ าทางแล่นผ่าน ม.มหานคร ค าว่า ม. โดยทั่วไปใช้แทนค าว่า มหาวิทยาลัย แต่ในที่นี้กลับหมายถึง หมู่บ้าน การเลือกตั้งคราวนี้อดีต ส.ต. คืนสภาเพียบ ค าย่อว่า ส.ต. โดยทั่วไปหมายถึงยศสิบตรี แต่ในที่นี้หมายถึง สมาชิกสภาต าบล 2.2.4 การใช้ค าภาษาต่างประเทศ เช่น คุณเคลียร์ปัญหาหรือยัง (แก้ปัญหา) งานนี้ไม่เวิร์ก (งานไม่เดิน หรืองานมีปัญหา) 3. ความสละสลวย การใช้ภาษาไม่สละสลวยอาจเกิดจากการใช้ค าฟุ่มเฟือย การใช้ ค าไม่คงที่ การล าดับความไม่เหมาะสม และการใช้ส านวนภาษาต่างประเทศ พิจารณาดังนี้ 3.1 ใช้ค าฟุ่มเฟือย ต ารวจท าการจับกุมผู้ร้าย สมชายเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นมาก 3.2 ใช้ค าซ้ าซ้อน เขารีบเดินไปอย่างรวดเร็ว รถยนต์สตาร์ทไม่ติด เสียใช้การไม่ได้ 3.3 ใช้ค าเชื่อมให้ถูกต้อง เช่น กับ แก่ แด่ ต่อ เพื่อ ส าหรับ โดย ดังนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพรปีใหม่ แก่ ประชาชน ฉันถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์จ านวน 9 รูป 3.4 ใช้ลักษณนามให้ถูกต้อง 3.5 ใช้ค าบ่งบอกเสียง สี ขนาด และปริมาณให้ถูกต้อง เช่น จานกระเบื้องตกแตกดังเพล้ง


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 15 3.6 ศักดิ์ของค า คือระดับของค า เราต้องใช้ค าระดับเดียวกันในประโยค หรือ ข้อความเดียวกัน การใช้ค าต่างระดับท าให้ข้อความไม่สละสลวย ไม่สอดคล้องกัน เช่น หลวงตาที่ชาวบ้านนับถือ ได้เสียชีวิตแล้วอย่างสงบ (มรณภาพ) หล่อนเป็นผู้หญิงองอาจกล้าหาญไม่แพ้บุรุษ (หญิง-ชาย, สตรี-บุรุษ) 3.7 การหลากค า คือการเลี่ยงที่จะใช้ค าเดิมๆ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ าซาก น่า เบื่อหน่าย โดยการเลือกใช้ค าที่มีความหมายเดียวกันหรือใกล้เคียงกันมาแทนกัน เช่น ผมชอบเลี้ยงสัตว์ ชอบปลูกต้นไม้ ชอบท าอาหารรับประทานเอง และ ชอบไปเที่ยวต่างจังหวัด เปลี่ยนเป็น ผมมีความสุขกับการเลี้ยงสัตว์ ปลูกต้นไม้ พอใจที่จะ ท าอาหารรับประทานเอง 3.8 สมัยนิยม เนื่องจากภาษามีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ถ้อยค าภาษาที่ ใช้ในสมัยหนึ่งอาจไม่เป็นที่นิยมในสมัยต่อมา และอาจมีความหมายต่างจากเดิม หากมีการน า ค าเหล่านี้มาใช้อาจท าให้ไม่เข้าใจหรือแสดงให้เห็นว่าไม่รู้จริง ล้าสมัย เช่น ค าว่า โลกานุวัตร ปัจจุบันใช้ โลกาภิวัฒน์ กิจกรรมการเรียนการสอน 1. ศึกษาเอกสารมอดูล 2. ท ากิจกรรมตามใบงานที่ 1 และ 2


16 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ กิจกรรมที่ 1.1.๑ เรื่อง ความหมายของค า จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เพื่อให้นักศึกษาบอกความหมายของค าที่เป็นความหมาย โดยตรง และความหมายโดยนัยได้ ค าชี้แจง ให้นักศึกษาค้นคว้าค าที่มีความหมายโดยนัยหรือความหมายเชิงอุปมาคนละ 10 ค า จากหนังสือพิมพ์พร้อมอธิบายความหมายของค าเหล่านั้น (คะแนนเต็ม 5 คะแนน) ค า ความหมาย 1................................................................ 2............................................................... 3............................................................... 4.............................................................. 5.............................................................. 6.............................................................. 7.............................................................. 8.............................................................. 9.............................................................. 10............................................................


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 17 กิจกรรมที่ ๑.1.2 เรื่อง การใช้ประโยค จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เพื่อให้นักศึกษาบอกข้อบกพร่องของประโยคที่ยกมาและ สามารถแต่งประโยคที่ถูกต้องได้ ค าชี้แจง ให้นักศึกษาบอกข้อบกพร่องของประโยคที่ยกมานี้พร้อมทั้งแก้ไขภาษาที่ บกพร่องนั้นให้ถูกต้องและสละสลวย (แต่ละประโยคอาจมีข้อบกพร่องมากกว่า 1 แห่ง) 1 รถตุ๊กตุ๊กคันนี้เก๊าเก่าแถมยังขับซิ่งอีก ข้อบกพร่อง…............................................................................................................................. ประโยคที่แก้ไข…....................................................................................................................... 2. สังคมปัจจุบันทุกวันนี้มักทอดทิ้งให้คนชราอยู่กันตามล าพัง ดูแล้วน่าสมเพชเวทนา ข้อบกพร่อง…............................................................................................................................. ประโยคที่แก้ไข…....................................................................................................................... …................................................................................................................................................ 3. เหตุการณ์กลับโอละพ่อ เรื่องสาวกุข่าวถูกผัวตัวเองแบล็คเมล์ ข้อบกพร่อง…............................................................................................................................. …................................................................................................................................................ ประโยคที่แก้ไข …………………………………………………………………………………………………………… 3. ตร. เป่า ๓ โจรค้ายานรกแดดิ้น ข้อบกพร่อง…............................................................................................................................. …................................................................................................................................................ ประโยคที่แก้ไข.......................................................................................................................... 4. เจ้าหน้าที่จัดให้มีการทดสอบน.ร. ก่อนน าไปฟังปฐมนิเทศก์ ข้อบกพร่อง…............................................................................................................................. …................................................................................................................................................ ประโยคที่แก้ไข…........................................................................................................... 5. ชายหนุ่มกับสุภาพสตรีคู่นั้นช่างเหมาะสมกันราวขนมผสมน ้ายา ข้อบกพร่อง…............................................................................................................................. …................................................................................................................................................ ประโยคที่แก้ไข…....................................................................................................................... …...............................................................................................................................................


18 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ เอกสารอ้างอิง กองเทพ เคลือบพณิชกุล. (2542). การใช้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์. กอบกาญจน์ วงศ์วิสิทธิ์. (2549). ทักษะภาษาเพื่อการสื่อสาร. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์. กาญจนา นาคสกุล. (2521). การใช้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ : เคล็ดไทย. ก าชัย ทองหล่อ. (2542). หลักภาษาไทย. กรุงเทพฯ : รวมสาส์น. คณะกรรมการวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร ศูนย์วิชาบูรณาการ หมวดวิชาศึกษา ทั่วไป. (2549). ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร. กรุงเทพฯ : หาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. คณาจารย์ภาควิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย. (2542). ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร (พิมพ์ครั้งที่ 2) กรุงเทพฯ : ดับเบิ้ลนายน์ พริ้นติ้ง. คณาจารย์ภาควิชาภาษาไทย คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (2546). การใช้ภาษาไทย 1 (พิมพ์ครั้งที่ 4) กรุงเทพ ฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 19 แผนการเรียน มอดูลที่๑.๒ การใช้ส านวนโวหารในการสื่อสารให้เกิดประสิทธิภาพ มอดูลที่ 1.2 โปรดอ่านหัวข้อเรื่อง แนวคิดและจุดประสงค์การเรียนของมอดูลที่ 1.2 แล้วจึง ศึกษารายละเอียดต่อไป หัวข้อเรื่อง 1.2.1 ส านวน 1) ความหมาย 2) ลักษณะของส านวนไทย 3) ส านวนที่เกิดขึ้นใหม่ 4) หลักการใช้ส านวน 1.2.2 โวหาร 1) ความหมาย 2) ประเภทของโวหาร 3) หลักการเขียนและใช้โวหาร 1.2.3 การเรียบเรียงถ้อยค า แนวคิด ส านวนเป็นถ้อยค าที่เรียบเรียง มีความหมายเชิงเปรียบเทียบ ลึกซึ้ง บางครั้งรวมถึง ค าพังเพย และสุภาษิต เมื่อน าไปใช้ควรเข้าใจความหมาย และใช้ได้อย่างถูกต้องในการสื่อสาร เรื่องราวใด ๆ ก็ตาม ถ้าผู้ส่งสารสามารถเลือกแบบการใช้โวหารได้ถูกต้อง เหมาะสมก็จะท าให้ การสื่อสารนั้น น่าสนใจยิ่งขึ้น จึงจ าเป็นต้องศึกษาเรื่องโวหารที่ใช้ในการสื่อสาร เพื่อให้ สามารถเลือกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุดประสงค์การเรียน 1. เมื่อศึกษาหัวข้อเรื่องที่ 1.2.1 “ส านวน”แล้ว ผู้เรียนสามารถใช้ส านวนได้ถูกต้อง 2. เมื่อศึกษาหัวข้อเรื่องที่ 1.2.2 “โวหาร”แล้ว ผู้เรียนสามารถใช้โวหารได้ถูกต้อง


20 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ เนื้อหา 1. ส านวน 1.1 ความหมายของส านวน ส านวน หมายถึง กลุ่มค าที่เรียบเรียงขึ้นโดยไม่เคร่งครัดหลักไวยากรณ์มี ความหมายไม่ตรงไปตรงมา แต่มีความหมายลึกซึ้ง คมคายในเชิงเปรียบเทียบ 1.2 ที่มาของส านวนไทย ส านวนไทย มีที่มาจากแหล่งต่าง ๆ มากมาย ดังที่ กาญจนา นาคพันธุ์ (2513) กล่าวว่า “ส านวนนั้นเกิดมากจากมูลเหตุต่าง ๆ เป็นต้นว่า เกิดจากธรรมชาติ เกิดจากการ กระท า เกิดจากสิ่งแวดล้อม เกิดจากอุบัติเหตุ เกิดจากการเล่น เกิดจากเรื่องแปลก ๆ ที่ ปรากฏขึ้น เกิดจากนิทานต านาน ตลอดจนพงศาวดาร หรือประวัติศาสตร์ มูลเหตุดังกล่าว ใครช่างคิดช่างนึกช่างสังเกต และเป็นคนมีโวหาร ก็น าเอาแต่ใจความมาพูดสั้น ๆ เป็นการ เปรียบบ้าง เปรยบ้าง กระทบบ้าง ประชดประชันบ้าง พูดเล่นสนุก ๆ ก็มี พูดเตือนสติให้คิดก็ มีต่าง ๆ กัน” ดังตัวอย่างต่อไปนี้ 1.2.1 เกิดจากธรรมชาติ ตื่นแต่ไก่โห่ ลมเพลมพัด น้ าซึมบ่อทราย น้ าท่วมปาก น้ าลดตอผุด ลมสงบ 1.2.2 เกิดจากการเล่น จนมุม เข้าปิ้ง ไพ่ตาย ม้วนเสื่อ ศอกกลับงูกินหาง รุกฆาต เกทับ 1.2.3 เกิดจากวัฒนธรรมประเพณี บ้านเมืองมีขื่อมีแป ฝังรกฝักราก ต้อนรับขับสู้ ไปมาลาไหว้ 1.2.4 เกิดจากศาสนา เจ้าไม่มีศาล ปิดทองหลังพระ ท าคุณบูชาโทษ คว่ าบาตร ขนทรายเข้าวัด กินบ้านกินเมือง 1.2.5 เกิดจากความประพฤติ ผักชีโรยหน้า ต าน้ าพริกละลายแม่น้ า ชุบมือเปิบ ข้าวแดงแกงร้อน คนตายขายคนเป็น กินบ้านกินเมือง 1.2.6 เกิดจากอุบัติเหตุ ตกกระไดพลอยโจน พลั้งปากเสียสิน พลั้งตีนตกต้นไม้ ตกที่นั่งล าบาก ตกหลุมพราง ตกล่องปล่องชิ้น


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 21 1.2.7 เกิดจากเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ หอกข้างแคร่ หน้าสิ่วหน้าขวาน ล้มหมอนนอนเสื่อ ติดร่างแห หัวล้านได้หวี ตาบอดได้แว่น 1.2.8 เกิดจากอวัยวะในร่างกาย แก้ตัว ถ่อมตน ปากหนักตาแหลม คอแข็ง ใจจืด คอตก หน้าเลือด 1.2.9 เกิดจากสัตว์ นกสองหัว วัวสันหลังหวะ สุนัขจนตรอก วัวลืมตีน จระเข้ขวางคลองหมาเห่าใบตองแห้ง 1.2.10 เกิดจากพืชพันธุ์ต่าง ๆ อ้อยเข้าปากช้าง มะนาวไม่มีน้ า เด็ดบัวไม่เหลือใย หญ้าปากคอก ไม้ใกล้ฝั่งดอกพิกุลร่วง 1.2.11 เกิดจากประวัติศาสตร์ ข้าวยากหมากแพง นอนหลับทับสิทธิ์ ศึกเหนือเสือใต้ กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ าเต้าน้อยจะถอยจม กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี 1.2.12 เกิดจากเรื่องราวในวรรณคดีจากนิทานต่าง ๆ ลูกทรพีวัดรอยเท้า งอมพระราม กระต่ายตื่นตูม บ่างช่างยุ กบเลือกนาย ใจดีสู้เสือกิ้งก่าได้ทอง 1.3 คุณค่าของส านวนไทย 1.3.1 ใช้เป็นเครื่องเตือนใจให้คิด เป็นเครื่องมือในการอบรมสั่งสอน แนะน า ชี้แนวทาง ควรปฏิบัติ ท าด้วยความนุ่มนวลละเมียดละไม หลีกเลี่ยงการหักหาญน้ าใจ ดังนี้ แนะน าสั่งสอนด้านความรักและการครองเรือน อย่าชิงสุกก่อนห่าม ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ แนะน าด้านให้การศึกษาอบรม รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง แนะน าด้านการพูดจา และความประพฤติ ปลาหมอตายเพราะปาก น้ าขุ่นไว้ใน น้ าใสไว้นอก 1.3.2 ส านวนไทยสะท้อนให้เห็นถึงความคิด ความเชื่อ ขนบธรรมเนียม ประเพณีของไทย ดังนี้


22 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ ความเชื่อทางศาสนา มารผจญ สวรรค์ในอก นรกในใจ ความเชื่อเกี่ยวกับดวงชะตา โชค เคราะห์ เงาไม่มีหัว เคราะห์หามยามร้าย ความเชื่อในเรื่องผีสางเทวดา ผีเข้าผีออก ลูกผีลูกคน ความเชื่อเกียรติยศชื่อเสียง สมภารกินไก่วัด เสียชีพอย่าเสียสัตย์ 1.3.3 ส านวนไทยสะท้อนให้เห็นภาวะความเป็นอยู่ของสังคมในด้านต่าง ๆ ดังนี้ ด้านอาชีพ วัวหายล้อมคอก ตีวัวกระทบคราด การด ารงชีวิต อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน ก าลังกิน ก าลังนอน ด้านเศรษฐกิจ เข้าพกเข้าห่อ นุ่งเจียมห่มเจียม 1.3.4 ส านวนไทยสะท้อนให้เห็นเกี่ยวกับลักษณะอุปนิสัย และพฤติกรรม ของไทย ดังนี้ ลื่นเหมือนปลาไหล ยุให้ร าต าให้รั่ว 1.3.5 ส านวนไทยท าให้การพูดการเขียนมีอรรถรส ส านวนไทยช่วยให้การ อธิบายหรือเขียนข้อความที่ยืดยาว มารวบความให้สั้นกะทัดรัด ได้ใจความที่กระทบจิตใจ ให้ ข้อคิดและตีความ สามารถเรียกร้องความสนใจได้มาก ท าให้การใช้ภาษาในการสื่อสารมี อรรถรสยิ่งขึ้น เช่น ไต่ไม้ล าเดียว : กระท าสิ่งใด ๆ ตามล าพังตัวคนเดียว โดยไม่ พึ่งพาอาศัยผู้อื่น อาจพลาดพลั้งได้


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 23 2. โวหาร 2.1 ความหมายของโวหาร โวหาร หมายถึง ถ้อยค าที่ใช้ในการสื่อสารที่เรียบเรียงเป็นอย่างดีมีวิธีการ มีชั้นเชิง และมีศิลปะ เพื่อสื่อให้ผู้รับสารรับสารได้อย่างแจ่มแจ้ง ชัดเจนและลึกซึ้ง รับสารได้ตาม วัตถุประสงค์ของผู้ส่งสาร 2.2 ประเภทของโวหาร 2.2.1 บรรยายโวหาร คือโวหารที่ใช้ในการเล่าเรื่องหรือบรรยายอย่างละเอียด เน้นการ ด าเนินเรื่องไปตามล าดับ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องอย่างละเอียด มักใช้ในการเรียบ เรียงประวัติ เรื่องราว เหตุการณ์ ต านาน จดหมายเหตุ บันทึกเรื่องราวทางวิชาการ หลักการเขียนบรรยายโวหาร 1. วางจุดมุ่งหมายในการเขียนไว้อย่างแน่นอนว่า จะให้ผู้อ่านได้รับความรู้ ความคิด ความเข้าใจ หรือความเพลิดเพลิน 2. เลือกสรรข้อมูลและหลักฐานที่จะน ามาประกอบการเล่าเรื่องเพื่อให้ เรื่องราวน่าประทับใจ ติดอยู่ในความทรงจ าของผู้อ่านมากขึ้น 3. ล าดับความคิดเรื่องราวได้อย่างมีระเบียบ 4. เลือกใช้ถ้อยค าที่เรียบง่ายแต่ชัดเจน 5. เขียนบรรยายอย่างตรงไปตรงมา สู่จุดหมายและแนวคิดส าคัญของเรื่อง 2.2.2 พรรณนาโวหาร เป็นการใช้ภาษาชี้แจงเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างละเอียด กล่าว ร าพึงถึงความรู้สึกนึกคิดในด้านความรัก ความเศร้าโศก คร่ าครวญ ส่วนมากจะใช้ในงาน ประพันธ์ ทั้งนวนิยาย และบทร้อยกรอง หลักในการเขียนพรรณนาโวหาร มีดังนี้ 1. ให้รายละเอียดอย่างถูกต้อง ชัดเจน 2. พรรณนาความที่จะกล่าวถึงให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ 3. เน้นการใช้ภาษาแสดงภาพเพื่อให้ผู้อ่านสร้างอารมณ์และเกิดจินตนาการ 2.2.3 เทศนาโวหาร เป็นข้อความที่กล่าวชี้แจง แนะน า สั่งสอน อันประกอบด้วย เหตุและผล เพื่อชักจูงให้ผู้อ่าน ผู้ฟังเชื่อถือและกระท าตาม 2.2.4 อุปมาโวหาร เป็นข้อความที่กล่าวเปรียบเทียบ เพื่อให้เกิดความคิดและ ปัญญา 2.2.5 สาธกโวหาร เป็นข้อความที่ยกมาเป็นอุทาหรณ์ หรือตัวอย่างเพื่อให้ เนื้อความเด่นชัด และเข้าใจยิ่งขึ้น มักใช้ประกอบเทศนาโวหาร เพื่อต้องการชี้แจง สั่งสอน หรือชักชวนให้เกิดเห็นจริง


24 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 3. การเรียบเรียงถ้อยค า ในการเรียบเรียงถ้อยค าควรค านึงถึงหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ 1. ควรใช้ค าให้เหมาะสมกับระดับการสื่อสาร เช่น ภาษาระดับพิธีการ ภาษาระดับทางการ ภาษาระดับกึ่งทางการ ภาษาระดับสนทนา และภาษาระดับปาก 2. เลือกใช้ค าให้ตรงจุดประสงค์ การสื่อสารแต่ละครั้ง ผู้ส่งสารต้องเลือกใช้ค า ให้ตรงกับความหมายและจุดประสงค์ของการสื่อสาร เช่น เพื่อถ่ายทอดความรู้ เพื่อ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นต้น 3. เลือกใช้ค าที่เป็นค าไทย ในการเรียบเรียงถ้อยค า ต้องพยายามเลือกใช้ค าที่ เป็นค าไทยให้มากที่สุด 4. เลือกใช้ค าชนิดต่าง ๆ ให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย คือ ค านาม ค าสรรพ นาม ค ากริยา ค าวิเศษณ์ ค าบุพบท ค าสันธาน และค าอุทาน 5. เลือกใช้ลักษณนามให้ถูกต้อง ในการเรียบเรียงถ้อยค าแต่ละย่อหน้า จะต้องค านึงถึงหลัก ต่อไปนี้ 1. เอกภาพ หมายถึง ความเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งในข้อความส าคัญและข้อความ ขยายจะต้องเป็นเรื่องเดียวกัน 2. สัมพันธภาพ หมายถึง ข้อความในแต่ละย่อหน้าจะต้องมีความต่อเนื่อง สอดคล้องกัน 3. สารัตถภาพ หมายถึง การเน้นเนื้อความหรือใจความหลักให้โดดเด่น กิจกรรมการเรียนการสอน 1. ศึกษาเอกสารโมดูลที่ 1.2 2. ท ากิจกรรมที่ 1.2.1 1.2.2 และ 1.2.3 เอกสารอ้างอิง กาญจนา นาคพันธุ์. (2513). ส านวนไทย. พระนคร : บ ารุงสาส์น. ศรีเพ็ญ มะโน. (2552). เอกสารประกอบการสอนวิชาทักษะภาษาไทยเพื่ออาชีพ รหัส วิชา 3000-1101. พะเยา : วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพะเยา. ศุภวรรณ มองเพชร. (2558). ภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ.กรุงเทพฯ : ศูนย์ส่งเสริมอาชีวะ. สมบัติ คิ้วฮก. (ม.ป.ป.) วิถีชีวิตที่พอเพียง ใน สมุดบันทึกเศรษฐกิจพอเพียง. ม.ป.ท.


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 25 กิจกรรมที่ 1.2.1 เรื่อง ส านวนสุภาษิต จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม นักศึกษาบอกส านวนที่เหมาะสมกับพฤติกรรมและสถานการณ์ที่ก าหนดให้ได้ ค าสั่ง ให้นักศึกษาเติมส านวนที่เหมาะสมกับพฤติกรรมและสถานการณ์ที่ก าหนดให้ 1. แพ้เป็นพระ .................................................................................................. 2. คบคนให้ดูหน้า.............................................................................................. 3. เข้าเมืองตาหลิ่ว..............................................………………………………………… 4. รักยาวให้บั่น................................................................................................... 5 ต้นร้าย............................................................................................................. 6 ท่าดี................................................................................................................. 7. ความรู้ท่วมหัว................................................................................................ 8. คดในข้อ......................................................................................................... 9. สวยแต่รูป...................................................................................................... 10.ชิงสุก............................................................................................................


26 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ กิจกรรมที่ 1.2.2 บทความเรื่อง การเป็นคนดี จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. 1. นักศึกษาบอกความหมายของส านวนได้ถูกต้อง 2. 2. นักศึกษาเข้าใจวิธีการใช้ส านวนได้อย่างเหมาะสม ค าสั่ง ให้นักศึกษาอ่านบทความต่อไปนี้ แล้วค้นหาส านวน สุภาษิตที่ปรากฏ พร้อมทั้งบอก ความหมายของส านวน สุภาษิตนั้น ๆ สวัสดีทุกคน วันนี้เรามาพูดกันเรื่องการเป็นคนดี ความดีเป็นสิ่งที่เราทุกคนควร กระท า มีคนกล่าวว่า คนดีผีคุ้ม ไปอยู่ที่ไหนใคร ๆ ก็รัก และยังมีส านวนบทหนึ่งว่า รักดีหาม จั่ว รักชั่วหามเสา หมายความว่า คนที่ประพฤติดี ขยันหมั่นเพียรย่อมได้ท างานที่ดี และ เกียจคร้านย่อมได้ท างานที่ไม่ดี การที่เราจะเป็นคนดีได้มีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น คบ เพื่อนดี เพราะเพื่อนมีอิทธิพลต่อชีวิตเรามาก การเลือกคบเพื่อนจึงมีความส าคัญดังสุภาษิต ที่ว่า คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล และต้องมีความมานะ อดทนในการท างาน โดยยึดคติที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความส าเร็จอยู่ที่นั่น ซึ่งต้องรู้ จัดอดออม มีความซื่อตรง ดังส านวนว่า ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน นอกจากนี้ การ เป็นคนดีนั้นต้องแสดงออกทั้งด้านความประพฤติและวาจาด้วย ดังค ากล่าวที่ว่า ส าเนียงส่อ ภาษา วาจาส่อสกุล


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 27 กิจกรรมที่ 1.2.3 เรื่อง การเรียบเรียงถ้อยค าโดยใช้ส านวนโวหารที่เหมาะสม จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม นักศึกษาสามารถเรียบเรียงถ้อยค าโดยใช้ส านวนโวหารที่ เหมาะสมได้ ค าชี้แจง ให้นักศึกษาเขียนเรียบเรียงถ้อยค า โดยใช้ส านวนโวหารที่เหมาะสม จากรูปที่ให้มา (คะแนนเต็ม 5 คะแนน) สมบัติ คิ้วฮก. (ม.ป.ป.) วิถีชีวิตที่พอเพียง ใน สมุดบันทึกเศรษฐกิจพอเพียง. ม.ป.ท.


28 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ แบบประเมินตนเองหลังเรียน หน่วยที่ ๑ ค าสั่ง จงท าเครื่องหมาย ล้อมรอบตัวอักษร (ก) (ข) (ค) หรือ(ง) หน้าค าตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียง ค าตอบเดียว 1. ข้อใดสะกดถูกทุกค า ก. สิงโต สมโภชน์ ข. สัญลักษณ์ ลายเซ็น ค. ล าใย โจทจันท์ ง. ปฐมนิเทศน์ อวสาน 2. ค าในข้อใดทุกค าใช้ได้ทั้งในความหมายโดยตรงและความหมายนัยประหวัด ก. หัวแข็ง ตาโต ข. คอแข็ง ดีใจ ค. ใจด า ขาแข็ง ง. มือไว ใจอ่อน 3. ข้อใดใช้แสดงความหมายแคบ-กว้างต่างกันได้อย่างเหมาะสม ก. เขาชอบปลูกต้นไม้และไม้ผล ข. ประชาชนและชาวนามาชุมนุมกันมากมาย ค. เขาสนใจทั้งกีฬาและมวย ง. ฤดูนี้มีผลไม้มากทั้งเงาะและทุเรียน 4. ข้อใดเป็นประโยค ก. ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่รุ่นเดียวกับคุณค ารณ ข. คณะกรรมการงาน 12 สิงหาเทิดไท้ราชินี ค. นักศึกษาเข้าชมนิทรรศการ ง. เจ้าภาพงานมงคลสมรส 5. ข้อใดไม่ใช่ประโยคความซ้อน ก. ผู้ปกครองนักเรียนเดินไปที่หอประชุมอย่างรวดเร็ว ข. หลานคนเล็กอยู่บ้านหลังที่ยายซื้อให้ใหม่ ค. อ าเภอไกลปืนเที่ยงที่คุณท างานมีโทรศัพท์แล้ว ง. คนสวนก าลังตัดกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้เสาไฟฟ้า


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 29 6. ประโยคในข้อใดยังไม่สมบูรณ์ ก. ผู้ที่คิดจะเป็นนักสะสมแสตมป์ควรรู้จักเก็บรักษาดูแลอย่างดี ข. ด้วยวัย 20 ปี ตอนที่เริ่มความเป็นนักข่าวที่กรมประชาสัมพันธ์ ค. ข้อบกพร่องในการใช้ภาษาอาจเกิดจากใช้ค าผิดความหมาย ง. กลุ่มกบฏได้ลุกฮือขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของรัฐบาลกลาง 7. พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน ลูกดีใจราวกับ..................... ควรเติมส านวนใดลงในช่องว่างจึงจะถูกต้อง เหมาะสม ก. ไก่ได้พลอย ข. กิ้งก่าได้ทอง ค. แมวไม่อยู่หนูร่าเริง ง. ปลากระดี่ได้น้ า 8. อาจารย์สุรศักดิ์มีความสามารถ ในการใช้คอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี แต่ไม่แสดงออก เหตุการณ์นี้ ตรงกับส านวนใด ก. น้ านิ่งไหลลึก ข. เพชรในตม ค. คมในฝัก ง. ผ้าขี้ริ้วห่อทอง 9. ส านวนในข้อใดมีความหมายในทางสั่งสอนให้ระมัดระวังในการด ารงชีวิต ก. กินน้ าไม่เผื่อแล้ง ข. จับงูข้างหาง ค. เอามือซุกหีบ ง. เข้ารกเข้าพง 10. “เตี้ยอุ้มค่อม” เป็นสุภาษิตที่มีความหมายตรงกับข้อใด ก. ช่วยตัวเองไม่ได้กลับไปช่วยคนอื่นอีก ข. คนร่างเตี้ยอาจช่วยอุ้มคนหลังค่อมได้ ค. บุคคลย่อมรักตนเอง ง. มีน้ าใจเด็ดเดี่ยว


30 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ ภาคผนวก


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 31 เฉลยแบบประเมินตนเองก่อนเรียน หน่วยที่ 1 ข้อ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ง ค ข ก ข ต ค ง ข ง เฉลยแนวตอบกิจกรรมที่ 1.๑.2 การใช้ประโยค 1. รถตุ๊กตุ๊กคันนี้เก๊าเก่า แถมยังขับซิ่งอีก ข้อบกพร่อง - ใช้ค าภาษาพูด – รถตุ๊กตุ๊ก, ใช้ค าซ้อน - เก๊าเก่า, ใช้ค าเชื่อมประโยคไม่ถูกต้อง – แถม และใช้ค าสแลง – ซิ่ง ประโยคแก้ไข- รถสามล้อเครื่องคันนี้เก่ามาก แต่ยังขับเร็วอีก 2. สังคมปัจจุบันทุกวันนี้มักทอดทิ้งให้คนแก่อยู่กันตามล าพัง ดูแล้วน่าสมเพชเวทนา ข้อบกพร่อง - ใช้ค าฟุ่มเฟือย – ปัจจุบันทุกวันนี้, ใช้ค าที่ให้ความหมายในทางไม่ดีคือคนแก่ และสมเพชเวทนา ประโยคที่แก้ไข - สังคมทุกวันนี้มักทอดทิ้งให้คนชราอยู่กันตามล าพังดูแล้วน่าเห็นใจ 3. เหตุการณ์กลับโอละพ่อ เรื่องสาวกุข่าว ผัวตัวเองแบล็คเมล์ ข้อบกพร่อง - ใช้ค าพูด - โอละพ่อ, กุข่าว, ผัว, ใช้ค าภาษาต่างประเทศ - แบล็คเมล์ ประโยคที่แก้ไข - เหตุการณ์พลิกกลับ เรื่องสาวสร้างข่าวถูกสามีตัวเองหักหลัง 4. ต.ร. เป่า ๓ โจรค้ายานรกแดดิ้น ข้อบกพร่อง - ใช้ค าย่อ – ต.ร., ใช้ภาษาหนังสือพิมพ์เป่า ๓ โจร, ใช้ค าไม่ตรงความหมาย – ยานรก, ใช้ค าภาษาปาก - แดดิ้น ประโยคที่แก้ไข - ต ารวจยิงโจรค้ายาเสพติดเสียชีวิต ๓ คน 5 เจ้าหน้าที่จัดให้มีการทดสอบ น.ร. ก่อนน าไปฟังปฐมนิเทศก์ ข้อบกพร่อง - ใช้ค าฟุ่มเฟือย – จัดให้มีการ, ใช้ค าย่อ น.ร., สะกดค าผิด ปฐมนิเทศ ประโยคที่แก้ไข – เจ้าหน้าที่ทดสอบนักเรียนก่อนน าไปฟังปฐมนิเทศ


32 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ เฉลยแนวตอบกิจกรรมที่ 1.2.1 เรื่อง ส านวนสุภาษิต จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม นักศึกษาบอกส านวนที่เหมาะสมกับพฤติกรรมและสถานการณ์ที่ก าหนดให้ได้ ค าสั่ง ให้นักศึกษาเติมส านวนที่เหมาะสมกับพฤติกรรมและสถานการณ์ที่ก าหนดให้ 1. แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร 2. คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ 3. เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม 4. รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ 5 ต้นร้าย ปลายดี 6 ท่าดี ทีเหลว 7. ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด 8. คดในข้อ งอในกระดูก 9. สวยแต่รูป จูบไม่หอม 10.ชิงสุก ก่อนห่าม เฉลยกิจกรรมที่ 1.2.2 บทความเรื่อง การเป็นคนดี 1. คนดีผีคุ้ม หมายถึง คนที่ไปอยู่ที่ไหนใคร ๆ ก็รัก 2. ส าเนียงส่อภาษา วาจาส่อสกุล หมายถึง การเป็นคนดีนั้นต้องแสดงออกทั้งด้านความ ประพฤติและวาจาด้วย 3. คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล หมายถึง คบเพื่อนดี เพราะ เพื่อนมีอิทธิพลต่อชีวิตเรามาก การเลือกคบเพื่อนจึงมีความส าคัญ 4. ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน หมายถึง ความพยายามอยู่ที่ไหน ความส าเร็จอยู่ที่นั่น ซึ่ง ต้องรู้จัดอดออม มีความซื่อตรง 5. รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หมายถึง คนที่ประพฤติดี ขยันหมั่นเพียรย่อมได้ท างานที่ดี และเกียจคร้านย่อมได้ท างานที่ไม่ดี


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 33 เฉลยแบบประเมินตนเองหลังเรียน หน่วยที่ 1 ข้อ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ข ก ง ค ก ข ง ค ก ก


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 3 หน่วยที่๒ การวเิคราะห์สงัเคราะหแ์ละประเมนิคา่ สารใน ชวีติ ประจ าวนัและงานอาชพี ๓๐๐๐-๑๑๐๑ 1101 หลักสูตรประกำศนียบัตรวิชำชีพชัน้สูง พุทธศักรำช ๒๕๕๗ ชอื่วิชา ภาษาไทยเพอื่สอื่สารในงานอาชพี (Thai for Career Communication) ชุดการเรียน ส านกังานคณะกรรมการการอาชวีศกึษา กระทรวงศกึษาธกิาร


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 34 แบบประเมินตนเองก่อนเรียน หน่วยที่ ๒ ค าสั่ง จงท าเครื่องหมาย ล้อมรอบตัวอักษร (ก) (ข) (ค) หรือ(ง) หน้าค าตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียง ค าตอบเดียว 1. ข้อใดเป็นลักษณะความคิดที่เกิดขึ้นในการรับสาร ก. เกิดขึ้นขณะเขียนและพูด ข. เกิดขึ้นขณะอ่านและฟัง ค. เกิดขึ้นหลังเขียนและพูดจบ ง. เกิดขึ้นขณะอ่านและฟัง กับ หลังอ่านและฟังจบ 2. การรับสารประเภทใดจ าเป็นต้องวิเคราะห์และวินิจสารให้มากที่สุด ก. โฆษณา ข. บทเพลง ค. ประกวด ง. ภาพเขียน 3. ข้อใดเป็นการดูโดยไม่ผ่านสื่อใด ๆ ก. วารสาร ภาพยนตร์ ดนตรี ข. ละครเวที ทิวทัศน์ สิ่งก่อสร้าง ค. จุลสาร ประติมากรรม โขน ง. กายกรรม เทนนิส คอมพิวเตอร์ 4. ข้อใดเป็นการรับสารเพื่อการศึกษา ก. อ่านหนังสือพิมพ์ ข. อ่านบทความวิชาการ ค. อ่านนวนิยาย ง. ฟังประกาศจากวิทยุ 5. ข้อใดอยู่ในขั้นตอนของการวิเคราะห์สาร ก. ดูเจตนาของผู้เขียน ข. ศึกษาแก่นของเรื่อง ค. ศึกษากลวิธีในการเสนอเรื่อง ง. สังเกตการใช้ภาษาในการเขียน


35 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 6. ส่วนใดไม่จัดอยู่ในผลการวิเคราะห์ข่าว ก. ส่วนที่เป็นความคิดเห็น ข. ส่วนที่จะน าไปใช้ประโยชน์ ค. ส่วนที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติม ง. ส่วนที่เป็นความคิดสร้างสรรค์ 7. ข้อใดไม่จ าเป็นต้องวิเคราะห์สาร ก. ครูฟังนักเรียนเล่าปัญหาในการเรียน ข. ตุ๊กตาอ่านนวนิยายเรื่อง “ความสุขของกะทิ” ค. นกให้อาหารแมวอยู่ริมระเบียง ง. ป้องเลือกซื้อครีมกันแดด 8. การฟังในระดับใดที่ท าให้ได้สาระจากเสียงที่เกิดขึ้นนั้นได้ ก. การได้ยินเสียง ข. การเข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน ค. การมีสมาธิต่อสิ่งที่ได้ยิน ค. การตอบสนองต่อสิ่งที่ได้ยิน ง. การน าสารที่ได้รับไปบอกต่อ 9. ข้อใดคือความหมายของการวิเคราะห์สาร ก. เนื้อหาแก่นแท้ ความมีประโยชน์ ข. คาดคะเน กะดู คาดเดา ค. พิจารณา ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง ง. คุณค่า ราคา ประโยชน์ 10. ข้อใดไม่ได้จัดเป็นขั้นตอนของการวินิจสาร ก. พิจารณารูปแบบ ข. พิจารณาข้อเท็จจริง ค .พิจารณาข้อคิดเห็น ง. พิจารณาข้อความบอกอารมณ์และความรู้ในสาร


ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 36 แผนการเรียน หน่วยที่ ๒ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่าสารในชีวิตประจ าวัน และงานอาชีพ มอดูลที่ 2.1 การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่าสารจากการฟัง และการดู 2.2 การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่าสารจากการอ่าน แนวคิด ในสังคมปัจจุบันมีช่องทางการน าเสนอข้อมูลให้อ่านดูและฟังจ านวนมาก ผู้ที่รู้จัก เลือกที่จะอ่านดูและฟังเมื่อได้รับข้อมูลแล้วรู้จักวิเคราะห์ ประเมินค่าเพื่อน าไปใช้ในทาง สร้างสรรค์เป็นสิ่งที่จ าเป็น เพราะผลที่ตามมาจากการอ่าน ดูและฟัง จะเป็นผลบวกหรือลบต่อ สังคม ขึ้นอยู่กับการน าไปใช้ ดังนั้น ผู้อ่าน ดูและฟังต้องรับสารอย่างมีวิจารณญาณ โดยเข้าใจ เนื้อหาสาระ ใช้ปัญญาคิดใคร่ครวญ อาศัยความรู้ ความคิดเหตุผลและประสบการณ์แล้ว น าไปใช้อย่างเหมาะสม จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและสังคม จุดประสงค์การเรียน 1. เมื่อศึกษามอดูลที่ 2.1 แล้วผู้เรียนสามารถวิเคราะห์และประเมินค่าสารจากการฟังได้ 2. เมื่อศึกษามอดูลที่ 2.1 แล้ว ผู้เรียนสามารถวิเคราะห์และประเมินค่าสารจากการ ดูได้ 3. เมื่อศึกษามอดูลที่ 2.2 แล้ว ผู้เรียนสามารถวิเคราะห์และประเมินค่าสารจากการ อ่านได้ 4. เมื่อศึกษามอดูลที่ 2.2 แล้ว ผู้เรียนสามารถวิเคราะห์และประเมินค่าสารโดยไม่มีอคติ กิจกรรมการเรียน 1. ท าแบบประเมินตนเองก่อนเรียน หน่วยที่ 2 2.อ่านแผนการเรียนประจ าหน่วยที่ 2 3. อ่านสาระสังเขปประจ ามอดูลที่ 2.1 - 2.2 4.ด าเนินกิจกรรมที่ก าหนดของแต่ละมอดูลหรือหัวข้อเรื่อง 5.ตรวจสอบค าตอบจากแนวตอบของแต่ละกิจกรรม ที่ก าหนดไว้ท้ายหน่วยที่ 2 6. ท ากิจกรรมภาคปฏิบัติเสริมประสบการณ์เพื่อเก็บคะแนน (ถ้ามี)


37 ชุดการเรียน วิชาภาษาไทยเพื่อสื่อสารในงานอาชีพ 7. เข้ารับการสอนเสริม 8. ท าแบบประเมินตนเองหลังเรียน สื่อและแหล่งการเรียน 1. เอกสารชุดการเรียน หน่วยที่ 2 2. ใบงาน การประเมินผลการเรียน 1. ประเมินความก้าวหน้าระหว่างเรียน การประเมินตนเองก่อนและหลังเรียน 2. ประเมินกิจกรรมภาคปฏิบัติ (……..คะแนน) 3. คุณธรรม จริยธรรม ( 20 คะแนน) 4. การสอบปลายภาค (….….คะแนน)


Click to View FlipBook Version