The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เฉลยใบงานวิทยาศาสตร์ ม.3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nott.srw, 2024-02-16 09:01:51

เฉลยใบงานวิทยาศาสตร์ ม.3

เฉลยใบงานวิทยาศาสตร์ ม.3

คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ แสงและการมองเห็น เรื่อง ความสว่างของแสง ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๒.๓ ม.๓/๒๐ คะแนน การดูวัตถุที่มีความสว่างมาก การดูวัตถุที่มีความสว่างน้อย เช่น ดวงอาทิตย์ หลอดไฟฟ้า สปอตไลต์แสง จากการเชื่อมโลหะ ไม่ควรดูโดยตรง เพราะ แสงจากวัตถุที่เข้าสู่ตามีความเข้มสูงมากจน ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ เช่น การอ่านหนังสือในที่ที่มีแสงสว่างน้อยหรือในที่มืด จะทำให้เกิดความเสียหายต่อสายตาได้ เนื่องจาก จะต้องเพ่งสายตาเป็นเวลานาน ๆ ดังนั้น ควร อ่านหนังสือในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ >> การถนอมสายตา 1.ลักซ์(lux) เป็นหน่วยวัดปริมาณใด ความสว่างของพื้นผิวที่แสงตกกระทบ 2.การหาความสว่างที่จุดใดจุดหนึ่งบนพื้นผิวหนึ่ง ทำได้โดยวัดค่าความสว่างด้วยมาตรความสว่าง หรือ ลักซ์มิเตอร์ 3.โคมไฟที่ใช้ในห้องผ่าตัดควรเป็นโคมไฟที่ให้ความสว่างที่พื้นผิวมากกว่าหรือน้อยกว่าโคมไฟที่ใช้อ่านหนังสือเพราะเหตุใด โคมไฟที่ใช้ในห้องผ่าตัดควรทำให้เกิดความสว่างที่พื้นผิวมากกว่าเพราะแพทย์จำเป็นต้องใช้ความสว่างที่มากจน สามารถเห็นรายละเอียดสิ่งที่จะผ่าตัดได้ชัดเจน 4.นักเรียนคนหนึ่งวัดความสว่างของแสงในห้องเรียนได้ 250 ลักซ์ นักเรียนคนนี้ควรปรับปรุงความสว่างของห้องเรียน ให้เหมาะสมกับการอ่านหนังสืออย่างไร กำหนดให้ความสว่างที่เหมาะสมกับห้องเรียนคือ 300-700 ลักซ์ เพิ่มกำลังของหลอดไฟฟ้าที่ติดตั้งในห้องเรียน เพราะความสว่างที่วัดได้มีค่าน้อยกว่าความสว่างที่เหมาะสม จึงควร เพิ่มกำลังของหลอดไฟฟ้าที่ติดตั้งในห้องเรียนเพื่อให้มีความสว่างมากขึ้น


คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำกิจกรรมต่อไปนี้ ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ แสงและการมองเห็น เรื่อง ความสว่างของแสง ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๒.๓ ม.๓/๒๐,๒๑ คะแนน กิจกรรม ความสว่างที่เหมาะสมกับกิจกรรมต่าง ๆ ควรมีค่าเท่าใด จุดประสงค์ สำรวจความสว่างของสถานที่และนำเสนอแนวทางการจัดความสว่างให้เหมาะสม วัสดุและอุปกรณ์ ลักซ์มิเตอร์หรือแอปพลิเคชันวัดความสว่างในสมาร์ตโฟน 1 เครื่อง ขั้นตอนการทำกิจกรรม ให้นักเรียนดาวน์โหลด และลองใช้แอปพลิเคชันวัดความสว่างในสมาร์ตโฟน ก่อนทำกิจกรรม ค่าความสว่างอาจแตกต่างไปตามแอปพลิเคชันหรือสมาร์ตโฟน ครูอาจกำหนดให้นักเรียนแต่ละห้องใช้เพียงแอปพลิเคชัน เดียว ตัวอย่างแอปพลิเคชันวัดความสว่างในสมาร์ตโฟน ตารางบันทึกผลการทำกิจกรรม ตาราง ความสว่าง ณ สถานที่ต่าง ๆ และแนวทางในการจัดความสว่างให้เหมาะสม สถานที่ ามความสว่าง (ลักซ์) แนวทางในการจัดความ สว่างให้เหมาะสม ที่เหมาะสม (จากการสืบค้น) ที่วัดได้ ครูพิจารณาคำตอบของนักเรียน


คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามท้ายกิจกรรมต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ แสงและการมองเห็น เรื่อง ความสว่างของแสง ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๒.๓ ม.๓/๒๐,๒๑ คะแนน 1. ความสว่างของสถานที่ต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ มีค่าเท่ากันหรือไม่ เพราะเหตุใด ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________ 2. บริเวณต่าง ๆ ในโรงเรียนหรือบ้านของนักเรียนมีการจัดความสว่างให้เหมาะสมกับการประกอบกิจกรรม หรือไม่ อย่างไร ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________ 3. แนวทางในการจัดความสว่างของสถานที่ให้เหมาะสมกับการประกอบกิจกรรมทำได้อย่างไรบ้าง ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________ 4. จากกิจกรรม สรุปได้ว่าอย่างไร ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________ ____________________________________________________________________________


คำชี้แจง : 1.ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ แสงและการมองเห็น เรื่อง ความสว่างของแสง ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๒.๓ ม.๓/๒๑ คะแนน 1. การสะท้อนของแสงและการหักเหของแสงเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันอย่างไร การสะท้อนของแสงเกิดขึ้นเมื่อแสงตกกระทบผิวของวัตถุใด ๆ และเมื่อแสงสะท้อนเข้าตาทำให้เรามองเห็นวัตถุต่าง ๆ รอบตัว รวมทั้งทำให้เกิดภาพในกระจกเงาราบ กระจกเงานูน และกระจกเงาเว้า และทัศนอุปกรณ์อื่น ๆ ส่วนการหักเหของแสงเกิดขึ้น เมื่อแสงเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่ง ทำให้มองเห็นวัตถุต่างไปจากตำแหน่งจริง เกิดการกระจายของแสง เกิด รุ้ง และเกิดปรากฏการณ์มิราจ เราสามารถนำความรู้เรื่องการหักเหของแสงไปประยุกต์ใช้ในเทคโนโลยีเส้นใยนำแสง การ เจียระไนเพชร และทัศนอุปกรณ์อื่น ๆ 2. การจัดความสว่างของสถานที่ต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับกิจกรรมมีความสำคัญอย่างไร การจัดความสว่างให้เหมาะกับกิจกรรมในสถานที่นั้น ๆ มีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงาน เช่น การจัดความสว่างที่ เหมาะกับห้องผ่าตัดช่วยให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จ ในทางตรงกันข้ามถ้าความสว่างไม่เหมาะก็อาจส่งผลต่อการทำงานของ ดวงตา เช่น ถ้าความสว่างมากเกินไปอาจทำให้ตาพร่ามัวในขณะที่ความสว่างน้อยเกินไปอาจทำให้เกิดความเมื่อยล้าจากการ เพ่งมองมากเกินไป 3. แสงส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไร แสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่อยู่ในช่วงความถี่ที่สามารถมองเห็นได้และทำให้มองเห็นวัตถุเมื่อมีแสงจากวัตถุนั้น ๆ เข้าตา เมื่อแสงตกกระทบพื้นผิววัตถุจะเกิดการสะท้อนและเมื่อแสงเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปจะเกิดการหักเหซึ่งทำให้ เกิดปรากฏการณ์ทางแสง เช่น มิราจ รุ้ง นอกจากนี้เรายังนำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของแสงมาประยุกต์ใช้ในการสร้าง ทัศนอุปกรณ์ เช่น กระจกเงา เลนส์ แว่นขยายกล้องจุลทรรศน์ เส้นใยนำแสง 4. 2.เขียนเครื่องหมาย √ หน้าการกระทำที่ไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา และเขียนเครื่องหมาย X หน้าการกระทำที่เป็น อันตรายต่อดวงตา 1. มองดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าในเวลากลางวัน 2. สังเกตปรากฏการณ์สุริยุปราคาโดยใช้ฟิล์มเอกซเรย์ 3. ดูโทรทัศน์ในห้องมืด 4. สวมแว่นตากันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้ง 5. อ่านข้อความหรือเล่นเกมในโทรศัพท์เคลื่อนที่และแท็บเล็ตเป็นเวลานา √ X X X X


คำชี้แจง : ให้นักเรียนวาดแผนผังความคิดเกี่ยวกับความสว่างของแสงมีผลต่อสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ แสงและการมองเห็น เรื่อง ความสว่างของแสง ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๒.๓ ม.๓/๒๑ คะแนน ความสว่างของแสงมีผลต่อ สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ พฤติกรรมของสัตว์ - สัตว์บางชนิด เช่น ค้างคาว นกฮูกออกหากินในเวลากลางคืน - แมลงบางชนิดชอบแสงสว่าง เช่น แมลงเม่าบินมาเล่นแสงไฟ การทำกิจกรรมของมนุษย์ เมื่อจะทำกิจกรรมใด ๆ ต้องเลือกใช้ความสว่างของแสงให้เหมาะสมกับการทำ กิจกรรม เมื่อเดินจากที่สว่างไปสู่ที่มืดจะเดินช้าลงและมองสิ่งของไม่เห็น สักครู่ เมื่อนัยน์ตาปรับให้รูม่านตาเปิดกว้างขึ้นจะเริ่มมองเห็นชัดเจนขึ้น หรือเมื่อเดิน จากที่มืดไปสู่ที่ที่มีแสงจ้าจะแสบตาต้องหรี่ตาให้เล็กลงเพื่อให้รับแสงได้น้อย พืช - การหุบของใบพืชบางชนิด เช ่น แค กระถิน พู ่นายพล ไมยราบ จามจุรี กลางวันใบจะแผ่ออก เมื่อแสงน้อยหรือเวลากลางคืนใบจะหุบ - ถ้าใช้กล่องหรือวัตถุทับหญ้าประมาณ 1 อาทิตย์ หญ้าจะ เปลี่ยนเป็น สีเหลืองเนื ่องจากไม ่เกิดการสังเคราะห์ด้วยแสงและไม ่มี คลอโรฟิลล์ - ลำต้นและกิ่งของต้นไม้จะยื่นออกไปสู่บริเวณที่มีแสงสว่าง ต้นไม้ที่ปลูก ติดกันจึงพยายามยืดลำต้นขึ้นไปรับแสงข้างบน ต้นไม้ที่อยู่ริม รั้วจะเอนออกนอกรั้วเพื่อรับแสงได้ดีขึ้น


คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๑ คะแนน 1. เพราะเหตุใดดาวเคราะห์จึงโคจจรรอบดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยแรงโน้มถ่วงที่ดวงอาทิตย์กระทำต่อดาวเคราะห์ โดยดาวเคราะห์รวมถึง วัตถุต่าง ๆ ในระบบสุริยะต่างโคจรรอบดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นวัตถุที่มีมวลมากที่สุดในระบบสุริยะ 2. ถ้าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะที่แกนของโลกตั้งตรงจะส่งผลอย่างไร ส่งผลต่อการเกิดฤดูของโลก โดยจะทำให้ไม่เกิดฤดูในรอบปีเหมือนเดิม บริเวณต่าง ๆ บนโลกจะได้รับพลังงาน แสงคงที่ตลอดปี เช่น แสงจะตกตั้งฉากที่บริเวณเส้นศูนย์สูตรของโลกตลอดทั้งปี ซึ่งอาจส่งผลให้บริเวณดังกล่าว มีอุณหภูมิสูงตลอดปี เช่นเดียวกับบริเวณซีกโลกเหนือและใต้ซึ่งได้รับแสงตกเฉียงเท่ากันตลอดปีทำให้ไม่เกิดการ เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในรอบปี 3. ระบบสุริยะมีลักษณะอย่างไร เพราะเหตุใดจึงมีลักษณะเช่นนั้น ระบบสุริยะมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง วัตถุต่าง ๆ ในระบบสุริยะต่างโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยแรงโน้มถ่วง 4. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ มีผลต่อมนุษย์อย่างไร ปฏิสัมพันธ์ระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ทำให้เกิดฤดู เนื่องจากพื้นที่ต่าง ๆ บนโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ ต่างกันไปในช่วงเวลา 1 ปี ปฏิสัมพันธ์ระหว่างโลก ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้น น้ำลง ส่งผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์บริเวณใกล้ทะเลที่ระดับน้ำจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน


คำชี้แจง : ให้นักเรียนคำนวณโจทย์ต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๑ คะแนน โลกมีมวล 5.9736x1024 กิโลกรัม ดวงอาทิตย์มีมวล 1.98892x1030 กิโลกรัม โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เท่ากับ 149.6x105 กิโลเมตร ถ้าค่านิจโน้มถ่วงเท่ากับ 6.674x10-11 นิวตัน-ตารางเมตรต่อกิโลกรัม 2 แรงโน้มถ่วงที่ดึงดูด ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์มีค่าเท่าไร วิธีทำ จากสูตร เมื่อ F G m m r แทน แทน แทน แทน แทน 1 2 F = Gm 1 m 2 r 2 ดาวเคราะห์และบริวารอื่น ๆ โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยแรงโน้มถ่วงซึ่งเป็นแรงดึงดูดระหว่างวัตถุ ทั้งสองโดยเป็นสัดส ่วนโดยตรงกับผลคูณของมวลทั้งสองและเป็นสัดส่วนผกผันกับกำาลังสองของ ระยะทางระหว่างวัตถุทั้งสอง เขียนแทนด้วยสมการได้ดังนี้ แรงโน้มถ่วงระหว่างมวลทั้งสอง มีหน่วยเป็น นิวตัน (N) ค่านิจโน้มถ่วงสากล มีค่าประมาณ 6.674 X 10 m /kgs มวลของวัตถุแรก มีหน่วยเป็น กิโลกรัม (kg) มวลของวัตถุที่สอง มีหน่วยเป็น กิโลกรัม (kg) ระยะห่างระหว่างวัตถุทั้งสอง มีหน่วยเป็น เมตร (m) F = Gm 1 m 2 r 2 มวลของดวงอาทิตย์ (m1) = 1.98892x1030 kg มวลของโลก (m2) = 5.9736x1024 kg ระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ (r) = 149.6x105 km ค่านิจโน้มถ่วง (G) = 6.674x10x-11 N . m 2 /kg2 แทนค่า F = (6.674x10x-11)( 1.98892x1030)( 5.9736x1024) (149.6x105 x103 ) 2 7.9294x1044 (149.6x108 ) 2 = แรงโน้มถ่วงที่ดึงดูดระหว่างดวงอาทิตย์กับโลกเท่ากับ 3.543 x 1024 นิวตัน แสดงว่า แรงโน้มถ่วงที่ดึงดูดระหว่างดวง อาทิตย์กับโลกมีค่ามาก x103 เป็นการเปลี่ยนหน่วยกิโลเมตรเป็นเมตร


คำชี้แจง : ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย √ หน้าข้อความที่ถูกต้องและเขียนเครื่องหมาย Xหน้าข้อความ ที่ไม่ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๑ คะแนน ______√_____1. ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ เมื่อโลกได้รับแสงจากดวง อาทิตย์จะได้รับทั้งพลังงานแสงและพลังงานความร้อน ______√_____2. แสงจากดวงอาทิตย์เดินทางมายังโลกเป็นเส้นตรง ______ X _____3. การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ทำให้เกิดกลางวัน กลางคืน ______√_____4. การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์มีทิศทางดังภาพ ______√_____5. การหมุนรอบตัวเองของโลกทำให้เกิดปรากฏการณ์การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ และ นำไปสู่การกำหนดทิศ ______√_____6. การหมุนรอบตัวเองของโลกมีทิศทางดังภาพ


คำชี้แจง : .ให้นักเรียนตอบคำถามและเติมคำหรือข้อความต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง การเกิดฤดูกาล ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๒ คะแนน การเกิดฤดูกาล คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดจากโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครบ 1 รอบ ซึ่งใช้ เวลา 365.5 วันหรือ 1 ปี แต่เนื่องจากแกนของโลกเอียง ส่วนต่าง ๆ ของโลกจึงได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ต่างกัน ทำให้เกิดฤดูกาลต่าง ๆ บนโลก ดังนี้ - บริเวณที่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ในแนวตรงจะเป็นช่วงฤดูร้อน - บริเวณที่ได้รับแสงอาทิตย์ในแนวเอียงจะเป็นฤดูอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับตำาแหน่งบนโลก เช่น ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง ประมาณวันที่22ธันวาคม ซีกโลกเหนือจะเริ่มฤดู หนาวเป็นวันที่เวลากลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี เรียกว่าวันเหมายัน (winter solstice)ส่วนซีก โลกใต้จะเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ประมาณวันที่ 21 มิถุนายน ซีกโลกเหนือจะเริ่ม ฤดูร้อนเป็นวันที่เวลากลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี เรียกว่า วันครีษมายัน (summer solstice) ส่วนซีกโลกใต้จะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ประมาณวันที่ 23 กันยายน ซีกโลกเหนือจะเริ่มฤดู ใบไม้ร่วง เรียกว่าวันวันศารทวิษุวัต (autumnal equinox) ส่วนซีกโลกใต้จะเริ่มฤดูใบไม้ผลิ ประมาณวันที่21 มีนาคม ซีกโลกเหนือจะเริ่มฤดูใบไม้ ผลิเรียกว่า วันวสันตวิษุวัต (vernal equinox) ส่วนซีกโลกใต้จะเริ่มฤดูใบไม้ร่วง


คำชี้แจง : .ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง การเกิดฤดูกาล ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๒ คะแนน 1. การเกิดฤดูกาลบนโลกมีสาเหตุจากอะไรบ้าง การเกิดฤดูกาลบนโลกเกิดจากการที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ 2. ถ้าพื้นที่บนโลกได้รับแสงอาทิตย์ในแนวเอียงจะเป็นฤดูใดและขึ้นอยู่กับปัจจัยใด ถ้าพื้นที่บนโลกได้รับแสงอาทิตย์ในแนวเอียงจะเป็นฤดูอื่น ๆ เช่น ฤดู ขึ้นอยู่กับตำแหน่งบนโลก 3. ประมาณวันที่ 21 มิถุนายน ถึง 23 กันยายน ซีกโลกเหนือจะเป็นฤดูใด และซีกโลกใต้จะเป็นฤดูใด วันที่ 21 มิถุนายนถึง 23 กันยายน ซีกโลกเหนือจะอยู่ในฤดูร้อน ส่วนซีกโลกใต้จะอยู่ในฤดูหนาว 4. การเกิดฤดูเกี่ยวข้องกับระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์หรือไม่ อย่างไร ไม ่เกี่ยวข้อง เพราะการเกิดฤดูเกิดจากการที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะที่แกนของโลกเอียงคงที่ ทำให้พลังงานต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ที่ได้รับจากดวงอาทิตย์แตกต่างกันเนื่องมาจากการรับแสงตกตั้งฉากหรือตก เฉียงที่ต่างกัน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ จากแผนภาพให้นักเรียนตอบคำถามข้อ 5. การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของโลกรอบดวงอาทิตย์ในช่วงเวลาใดที่ส่งผลให้บริเวณซีกโลกเหนือจะได้รับพลังงาน จากดวงอาทิตย์ลดลงจนมีค่าน้อยที่สุดในรอบปี ในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม 6. ช่วงเดือนใดที่บริเวณซีกโลกเหนือมีช่วงเวลากลางวันสั้นกว่าช่วงเวลากลางคืน ในช่วงเดือนธันวาคม 7. จากแผนภาพช่วงเดือนใดที่บริเวณซีกโลกเหนือได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์มากที่สุดในรอบปี ในช่วงเดือนมิถุนายน


คำชี้แจง : .ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๒,๓ คะแนน 1. การที่โลกหมุนรอบตัวเองทำให้เกิดปรากกฎการณ์ใดบ้าง การขึ้นตกของดวงอาทิตย์ ทิศ และกลางวันและกลางคืน 2. การที่โลกหมุนรอบตัวเองทำให้เกิดปรากฏการณ์ใด ทำให้เกิดกลางวันกลางคืน 3. การที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ทำให้เกิดปรากฏการณ์ใด ทำให้เกิดฤดูกาล 4. การที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ได้หรือไม่ อย่างไร ได้ ดวงจันทร์โคจรรอบโลกจะทำให้เกิดข้างการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ทำให้เกิดปรากฏการณ์กลางวันและ กลางคืนขึ้นข้างแรม 5. ดวงจันทร์โคจรรอบโลกเพราะเหตุใด โลกและดวงจันทร์มีแรงดึงดูดต่อกัน ทำให้ดวงจันทร์โคจรรอบโลก 6. ถ้าแรงดึงดูดของดวงจันทร์มีผลต่อน้ำที่ผิวโลกแล้วแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์จะมีผลต่อน้ำที่ผิวโลกหรือไม่อย่างไร มีผล แต่เนื่องจากดวงอาทิตย์อยู่ไกลจากโลกมากกว่าดวงจันทร์ ทำให้ดวงจันทร์มีผลต่อน้ำที่ผิวโลกมากกว่าดวง อาทิตย์ 7. การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ทำให้เกิดปรากฏการณ์ใด ทำให้เกิดปรากฏการณ์กลางวันและกลางคืน 8. การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์เกิดจากอะไร การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์จากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก 9. ถ้าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะที่แกนของโลกตั้งตรงจะส่งผลอย่างไร ส่งผลต่อการเกิดฤดูของโลก โดยจะทำให้ไม่เกิดฤดูในรอบปีเหมือนเดิม บริเวณต่าง ๆ บนโลกจะได้รับพลังงานแสงคงที่ตลอดปี เช่น แสงจะตกตั้ง ฉากที่บริเวณเส้นศูนย์สูตรของโลกตลอดทั้งปี ซึ่งอาจส่งผลให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงตลอดปี เช่นเดียวกับบริเวณซีกโลกเหนือและใต้ซึ่งได้รับ แสงตกเฉียงเท่ากันตลอดปีทำให้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในรอบปี 10.ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างโลก ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ส่งผลให้เกิดเป็นปรากฏการณ์ต่าง ๆ มากมาย เช่น ฤดูกาล ข้างขึ้นข้างแรม สุริยุปราคา จันทรุปราคา เป็นต้น


คำชี้แจง : 1.ให้นักเรียนนำคำที่กำหนดให้เติมลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเวลาการขึ้นและตกของดวงจันทร์ ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๓ คะแนน เนื่องจากดวงจันทร์มีการโคจรไปรอบโลกจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกซึ่งเป็นทิศทางเดียวกันกับการ หมุนรอบตัวเองของโลก แต่การหมุนรอบตัวเองของโลกกับการโคจรของดวงจันทร์รอบโลกใช้เวลาไม่เท่ากัน คือดวง จันทร์โคจรรอบโลกใช้เวลามากกว่าจึงทำให้ดวงจันทร์มาปรากฏให้เห็น ณ ตำแหน่งเดิมช้าลงทุกวัน จึงทำให้การขึ้น และตกของดวงจันทร์เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ตะวันตก ตะวันออก หมุนรอบตัวเอง เปลี่ยนแปลงไป 1. ดวงจันทร์จะขึ้นและตกช้าลงอย่างสม่ำเสมอประมาณวันละ 30 นาที 2. ในวันข้างแรม ดวงจันทร์จะขึ้นในเวลากลางวันก่อนดวงอาทิตย์ตก และตกในเวลากลางคืน 3. ในวันข้างขึ้น ดวงจันทร์จะขึ้นหลังดวงอาทิตย์ตก หรือขึ้นในเวลากลางคืน และตกในเวลากลางวัน 4. ในวันขึ้น 8 ค่ำ ดวงจันทร์จะขึ้นเวลาประมาณเที่ยงวัน และตกในเวลาเที่ยงคืน 5. ในวันแรม 7 ค่ำ ดวงจันทร์ขึ้นในเวลาประมาณเที่ยงคืน และตกในเวลาประมาณเที่ยงวัน 6. ดวงจันทร์ต้องใช้เวลาประมาณ 26 วันจึงจะมีเวลาขึ้นและตกใกล้เคียงกับเวลาเดิมอีกครั้งหนึ่ง ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย √ หน้าข้อความที่ถูกต้องและเขียนเครื่องหมาย Xหน้าข้อความที่ไม่ถูกต้อง X X X X √ √


คำชี้แจง : ให้นักเรียนสังเกตการการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของดวงจันทร์ การขึ้นและตกของดวงจันทร์ในแต่ ละวัน และบันทึกผล วันแรม/วันขึ้น เดือน____________ รูปร่างของดวงจันทร์ การขึ้นของดวงจันทร์ การตกของดวงจันทร์ เวลาขึ้น ทิศที่ขึ้น เวลาตก ทิศที่ตก วัน_________1ค่ำ วัน_________3ค่ำ วัน_________5ค่ำ วัน_________7ค่ำ วัน_________9ค่ำ วัน_________13ค่ำ ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเวลาการขึ้นและตกของดวงจันทร์ ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๓ คะแนน


คำชี้แจง : 1.ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง การเกิดข้างขึ้นข้างแรม ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๓ คะแนน 1. ปรากฏการณ์ข้างขึ้น ข้างแรมเกิดขึ้นได้อย่างไร ปรากฏการณ์ข้างขึ้น ข้างแรม เกิดจากการที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกและโลกกับดวงจันทร์ก็โคจรรอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์จะได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ครึ่งดวงเสมอ เพราะมีลักษณะคล้ายทรงกลม แต่การเปลี่ยนตำแหน่งของดวง จันทร์ขณะโคจรรอบโลกทำให้คนบนโลกมองเห็นบริเวณที่ได้รับแสงหรือส่วนสว่างของดวงจันทร์เปลี่ยนไป จึงมองเห็น ปรากฏการณ์ข้างขึ้น ข้างแรม หรือมองเห็นดวงจันทร์บนท้องฟ้ามีรูปร่างเปลี่ยนแปลงไป 2. การเกิดข้างขึ้น ข้างแรม เกี่ยวข้องกับเงาของโลกหรือเงาของดวงจันทร์หรือไม่ อย่างไร ไม่เกี่ยวข้อง ข้างขึ้น ข้างแรมเกิดจากการที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกแล้วผู้สังเกตบนโลกเห็นส่วนสว่างและส่วนมืด ของดวงจันทร์แตกต่างกันไปในแต่ละวัน 3. วันข้างขึ้นและวันข้างแรมเกี่ยวข้องกับการโคจรของดวงจันทร์รอบโลกหรือไม่ อย่างไร เกี่ยวข้อง โดยวันข้างขึ้น คือ วันที่ดวงจันทร์เต็มดวงจะเป็นวันที่โคจรรับแสงอาทิตย์ทั้งดวง ส่วนวันข้างแรม คือ วันที่มองไม่เห็นดวงจันทร์ โดยเป็นวันที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกแล้วบังแสงจากดวงอาทิตย์พอดี 4. การเกิดข้างขึ้นข้างแรมถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร ใช้ในการกำหนดวันสำคัญต่าง ๆ หรือใช้ในการนับวัน ขึ้น 8 ค่ำ แรม15 ค่ำ ขึ้น 15 ค่ำ ขึ้น 12 ค่ำ ขึ้น 4 ค่ำ แรม12 ค่ำ แรม 4 ค่ำ แรม 8 ค่ำ ขึ้น 4 ค่ำ ขึ้น 8 ค่ำ ขึ้น 12 ค่ำ ขึ้น 15 ค่ำ แรม 4 ค่ำ แรม 8 ค่ำ แรม12 ค่ำ แรม15 ค่ำ 2.ให้นักเรียนนำคำที่กำหนดให้เติมในช่องว่างให้ถูกต้อง


คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามและเติมคำหรือข้อความต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง การเกิดข้างขึ้นข้างแรม ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๓ คะแนน วันแรม 15 ค่ำ (New Moon): คือ เมื่อดวงจันทร์อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หันด้านเงามืดเข้าหาโลก ตำแหน่งปรากฏของดวงจันทร์อยู่ ใกล้กับดวงอาทิตย์ แสงสว่างของดวงอาทิตย์ ทำให้เราไม่ สามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้เลย วันขึ้น 8 ค่ำ (First Quarter): คือ เมื ่อดวงจันทร์เคลื ่อนมาอยู ่ในตำแหน ่งมุมฉาก ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ทำให้เรามองเห็นด้านสว่าง และด้านมืดของดวงจันทร์มีขนาดเท่ากัน วันขึ้น 15 ค่ำ หรือ วันเพ็ญ (Full Moon): คือ ดวงจันทร์โคจรมาอยู่ด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หันด้านที่ได้รับแสงอาทิตย์เข้าหาโลก ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ เต็มดวง วันแรม 8 ค่ำ (Third Quarter): คือ ดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในตำแหน่งมุมฉากระหว่างโลก กับดวงอาทิตย์ ทำให้เรามองเห็นด้านสว่าง และด้านมืด ของดวงจันทร์มีขนาดเท่ากัน ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลก ดวงอาทิตย์ โลก ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ โลก ดวงจันทร์ จากภาพดวงจันทร์โคจร ดวงจันทร์โคจรมาอยู่ระหว่าง โลกกับดวงอาทิตย์ จากภาพดวงจันทร์โคจร ดวงจันทร์โคจรมาอยู่ด้านตรง ข้ามกับดวงอาทิตย์ จากภาพดวงจันทร์โคจร ดวงจันทร์โคจรมาตั้งฉากระหว่าง โลกกับดวงอาทิตย์


คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามและนำคำที่กำหนดให้เติมลงในช่องว่างให้ถูกต้อง น้ำลง (low tide) แรงไทดัล (Tidal force) น้ำขึ้นน้ำลง นํ้าขึ้น (hide tide) ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง น้ำขึ้นน้ำลง ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๓ คะแนน 1. ปรากฏการณ์น้ำขึ้น น้ำลง มีผลต่อการออกแบบบ้านที่สร้างบริเวณริมแม่น้ำที่เชื่อมต่อกับทะเลอย่างไร บ้านที่สร้างบริเวณริมแม่น้ำต้องยกพื้นใต้ถุนบ้านให้สูง หรือต้องออกแบบบ้านให้สามารถลอยน้ำได้ 2. ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงมีผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมบนโลกอย่างไร 1. ผลที่มีต่อระบบนิเวศป่าชายเลน ชายหาด ชายฝั่ง เกิดการเคลื่อนย้ายของตะกอนทำให้ลักษณะของระบบนิเวศในแต่ละแห่ง เปลี่ยนไป 2. สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณน้ำขึ้นน้ำลงต้องปรับตัวให้เข้ากับการขึ้น และลงของน้ำในแต่ละวัน 3. การเดินเรือ การประมง และการเกษตร การเกิดน้ำขึ้นน้ำลงทำให้ชาวประมงต้องปรับเปลี่ยน เวลาในการทำประมง นอกจากนี้การที่น้ำลงอาจทำาให้บริเวณช่องทางเดินเรือตื้นเขิน การเดินเรือไม่สะดวกส่วนเมื่อน้ำขึ้นทำให้น้ำใน มหาสมุทรไหลเข้าสู่แม่น้ำาอาจท่วมบ้านเรือนที่อยู่ริมชายฝั่ง เกิดการผสมระหว่างน้ำเค็มกับน้ำจืด ทำให้พืชสวนและการเกษตรเสียหาย 3. แรงไทดัลเกิดจากแรงอะไร แรงโน้มถ่วงหรือแรงดึงดูดระหว่างดาว 4. แรงไทดัลเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์น้ำขึ้น น้ำลงหรือไม่ อย่างไร เกี่ยวข้อง โดยขณะที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลกพร้อมกับที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ จะมีแรงโน้มถ่วงของดาว 3 ดวง ที่กระทำต่อกัน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำบนผิวโลก น้ำขึ้นน้ำลง เป็นปรากฏการณ์ที่ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และลดลงเป็นช่วงๆ ในแต่ละวันเกิดจากแรงดึงดูด ระหว่างมวลของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลก และน้ำ นํ้าขึ้น (hide tide) เกิดบนผิวโลกด้านที่อยู่ใกล้ดวง จันทร์ และตรงกันข้ามกับดวงจันทร์ ส่วน น้ำลง (low tide) เกิดบนผิวโลกด้านที่ตั้งฉากกับตำแหน่งของ ดวงจันทร์ ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงเกิดจากแรงไทดัล (Tidal force)


คำชี้แจง :จากรูปที่กำหนดให้ ให้นักเรียนอธิบายและระบุว่ารูปใดเป็นปรากฏการณ์น้ำเกิดและน้ำตาย ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง น้ำเกิดและน้ำตาย ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๓ คะแนน เมื่อมีการเรียงตัวอยู่ในระนาบเดียวกันของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก หรือ ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ ในช่วงเวลาที่ดวงจันทร์เต็มดวง หรือก็คือวันขึ้น 15 ค่ำ (Full moon) และ วันแรม 15 ค่ำ (New Moon) แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่กระทำต่อโลกจะเสริม กันสูงสุด ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำเกิด (Spring tides) หรือน้ำขึ้นสูงสุด ซึ่งระดับน้ำที่ขึ้น สูงสุดกับระดับน้ำที่ลงต่ำสุดจะมีความแตกต่างกันมาก ปรากฏการณ์น้ำตาย เกิดขึ้นในวันขึ้น 8 ค่ำ และวันแรม 8 ค่ำ เมื่อดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก ไม่ได้เรียงตัวบนแนวเดียวกัน แต่ตั้งฉากซึ่งกันและกัน โดยดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ทำมุมตั้งฉากกัน 90 องศา แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่กระทำต่อโลกจะไม่เสริม กัน ต่างฝ่ายต่างออกแรงกระทำต่อโลก ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำตาย (Neap tides) ซึ่ง ระดับน้ำที่ขึ้นสูงสุดกับระดับน้ำที่ลงต่ำสุดจะไม่แตกต่างกันมาก ปรากฏการณ์วันน้ำเกิด ปรากฏการณ์วันน้ำตาย


คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง เทคโนโลยีอวกาศ ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๔ คะแนน เทคโนโลยีอวกาศ (Space Technology) คือ การนำความรู้และวิธีการต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี มาใช้ให้เหมาะสมในการศึกษาทางดาราศาสตร์และอวกาศ ตลอดจนนำมาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับทรัพยากรธรรมชาติ และการดำรงชีวิตของมนุษย์ 1. ดาวเทียม (Satellite) อุปกรณ์ที่ถูกส่งขึ้นไปโคจรรอบโลกผ่านการติดตั้งบนจรวดหรือยานขนส่งอวกาศ เพื่อปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ในด้านต่าง ๆ ทั้งการถ่ายภาพจากดาวเทียม ตรวจวัดสภาพอากาศ และการสื่อสาร โทรคมนาคม โดยมีดาวเทียมของสหภาพโซเวียต “สปุตนิก 1” (Sputnik 1) เป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกที่ถูกส่ง ขึ้นสู่อวกาศในปี 1957 จนกลายเป็นยุคบุกเบิกที่นำไปสู่การแข่งขันทางความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมทางอวกาศ ที่ดำเนินมาถึงปัจจุบัน เทคโนโลยีอวกาศที่สำคัญประกอบด้วย นักเรียนคิดว่า ดาวเทียมมีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ ต่อไปนี้อย่างบ้าง ด้านการสื่อสาร ด้านการพยากรณ์อากาศ ด้านการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ ด้านการสำรวจสมุทรศาสตร์ • รับส่งคลื่นวิทยุเพื่อการสื่อสารและโทรคมนาคม • ใช้การติดต่อสื่อสารในประเทศและระหว่างประเทศ • ช่วยในการควบคุมเส้นทางและบอกตำแหน่งที่อยู่ • ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาดวงแรกที่ส่งขึ้นไปโคจร รอบโลก คือ ดาวเทียมไทรอส-1 • ใช้ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาส่งสัญญาณภาพถ่าย ทางอากาศมาสู่ภาคพื้นดิน • ใช้ประโยชน์ในด้านป่าไม้ การเกษตร การใช้ที่ดิน อุทกวิทยา ธรณีวิทยา สิ่งแวดล้อม และการทำแผนที่ • ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ ดาวเทียม แลนด์แซต ดาวเทียมเรดาร์แซต ดาวเทียมเอลอส • ประเทศไทยส่งดาวเทียมไทยโชต หรือดาวเทียมธีออส • ใช้ดาวเทียมสำรวจสมุทรศาสตร์ ทำการ บันทึกข้อมูลในช่วงคลื่นไมโครเวฟ • มีบทบาทในงานด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล เช่น การเปลี่ยนแปลงของน้ำทะเล คลื่นลม


คำชี้แจง : ให้นักเรียนอธิบายความหมายของคำ หรือข้อความต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง เทคโนโลยีอวกาศ ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๔ คะแนน 2. จรวด (Rocket) ยานพาหนะที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการส่งดาวเทียม หรือยานสำรวจออกสู่อวกาศ ทำให้จรวดจำเป็นต้องมี เครื่องยนต์พลังสูงที่สามารถเพิ่มความเร็วและมีแรงขับเคลื่อนที่เพียงพอต่อการเอาชนะแรงโน้มถ่วงของโลกหรือที่ เรียกว่า “ความเร็วหลุดพ้น” (Escape Velocity) ซึ่งมีความเร็วอยู่ที่ 11.2 กิโลเมตรต่อวินาที 3.ยานขนส่งอวกาศ หรือกระสวยอวกาศ (Space Shuttle) ระบบยานพาหนะที ่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื ่อใช้ส ่งดาวเทียมหรือยานอวกาศแทนการใช้จรวด เนื ่องจากจรวด มีค่าใช้จ่ายสูง และมักพังเสียหายเมื่อตกลงสู่พื้น ทำให้ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เหมือนยานขนส่งอวกาศ 4.ยานสำรวจอวกาศ (Spacecraft) ยานพาหนะที่นำมนุษย์หรืออุปกรณ์อัตโนมัติขึ้นไปสู่อวกาศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจโลกหรือเดินทางไป ยังดาวดวงอื่น ยานอวกาศมี 2 ประเภท คือ ยานอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุม และยานอวกาศที่ไม่มีมนุษย์ควบคุม 5.สถานีอวกาศ (Space Station) สถานี หรือสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่เคลื่อนที่โคจรรอบโลก ด้วยความเร็วกว่า 27,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เช่น สถานีอวกาศเมียร์ (Mir Space Station) ของรัสเซีย และสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station) ที่ใช้เป็นห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ในด้านต่าง ๆ ขณะลอยตัวอยู่เหนือพื้นโลกกว่า 400 กิโลเมตร 6.สถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station; ISS) ถูกส่งขึ้นไปในวงโคจรเมื่อ พ.ศ. 2541 และโคจรรอบโลกที่ระดับความสูง 278-460 กิโลเมตร ซึ่งจัดว่าอยู่ ในวงโคจรระดับตํ่าโคจรรอบโลก 15.77 รอบต่อวัน ด้วยอัตราเร็วเฉลี่ย 27,724 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


คำชี้แจง : ให้นักเรียนนำคำที่กำหนดให้เติมลงในช่องว่างให้สัมพันธ์กับรูปภาพ ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง ความก้าวหน้าของโครงการสำรวจอวกาศ ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๔ คะแนน ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา ยานอวกาศ จรวด กล้องโทรทรรศน์แบบผสม ยานขนส่งอวกาศ กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง ดาวเทียมสื่อสาร ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ ยานขนส่งอวกาศ ดาวเทียมสื่อสาร จรวด ยานอวกาศ กล้องโทรทรรศน์แบบผสม


คำชี้แจง : ให้นักเรียนเขียนเครื่องหมาย √ หน้าข้อความที่ถูกต้องและเขียนเครื่องหมาย Xหน้าข้อความ ที่ไม่ถูกต้อง ใบงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ ปฏิสัมพันธ์ในระบบสุริยะ เรื่อง ความก้าวหน้าของโครงการสำรวจอวกาศ ชื่อ – สกุล_____________________ ชั้น/ห้อง _______เลขที่____โรงเรียน__________________ ตัวชี้วัด มฐ. ว ๓.๑ ม.๓/๔ คะแนน 1. เทคโนโลยีอวกาศใช้สำหรับสำรวจสิ่งต่าง ๆ ภายในโลก 2. ดาราศาสตร์วิทยุ คือ การศึกษาสัญญาณที่อธิบายไม่ได้ซึ่งได้รับจากท้องฟ้า ใช้กล้องโทรทรรศน์วิทยุ ในการศึกษา 3. คลื่นไมโครเวฟมีความยาวคลื่นมากกว่าคลื่นแสง สามารถทะลุผ่านเมฆหมอกในบรรยากาศได้ 4. กล้องโทรทรรศน์วิทยุประกอบด้วย หน่วยรับคลื่นหรือสายอากาศ เครื่องรับ และหน่วยบันทึกข้อมูล 5. กล้องโทรทรรศน์อวกาศประกอบด้วยกระจกนูน และใช้พลังงานไฟฟ้าจากเซลล์สุริยะและเก็บพลังงานไว้ ที่แบตเตอรี่ชนิดนิกเกิล-ไฮโดรเจน 6. กล้องโทรทรรศน์อวกาศ เมื่อโคจรอยู่ในอวกาศจะถูกควบคุมการทำงานจากศูนย์ควบคุมบนพื้นโลก 7. กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ทำให้ทราบและเข้าใจเกี่ยวกับส่วนประกอบในระบบสุริยะ การกำเนิด ของดาวฤกษ์ โครงสร้างและการเปลี่ยนแปลงของกาแล็กซี รวมทั้งวิวัฒนาการของเอกภพ 8. ดาวเทียม คือ ห้องทดลองและเก็บข้อมูลที่บรรจุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ส่งขึ้นไปโคจรรอบดวงอาทิตย์เพื่อ ประโยชน์ด้านต่าง ๆ 9. ข้อมูลที่ใช้พยากรณ์อากาศต้องอาศัยข้อมูลจากดวงอาทิตย์เพื่อความแม่นยำ 10.การทราบข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ของต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีการสื่อสารผ่าน ทางดาวเทียม ทำให้สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและเป็นปัจจุบัน 11. ยานขนส่งอวกาศขึ้นสู่อวกาศในแนวดิ่งเหมือนกับเครื่องบินธรรมดา แต่กลับสู่พื้นโลกแบบจรวด 12.ยานอวกาศมี 2 ประเภท คือ ยานอวกาศที่มีมนุษย์ขับคุม และยานอวกาศที่ไม่มีมนุษย์ขับคุม 13. จากโครงการสำรวจดวงจันทร์ได้มีการนำหินตัวอย่างมาวิเคราะห์ ทำให้ทราบว่าดวงจันทร์มีอายุ ใกล้เคียงกับโลก 14. นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่ามีออกไซด์ของเหล็กในดาวศุกร์ 15.สถานีอวกาศนานาชาติ เป็นสถานีอวกาศที่สร้างขึ้นโดยความร่วมมือของประเทศต่าง ๆ X X X X X X √ √ √ √ √ √ √ √ √


ผลงานชิ้นนี้เป็นลิขสิทธิ์ ของเพจแบ่งปัน Science teaching media https://www.facebook.com/Science.Biology14/ ➢ อนุญาตให้นำไปใช้เพื่อการศึกษาเท่านั้น ➢ ไม่อนุญาตให้นำไปจำหน่ายหรือดัดแปลงเพื่อการจำหน่าย ➢ ไม่อนุญาตให้นำไปอัพโหลดใหม่ ➢ หากฝ่าฝืนดำเนินการตามกฎหมาย แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่อผู้บังคับบัญชาของท่านต่อไป


Click to View FlipBook Version