ฉบบั ปรับปรุง 11 มิถนุ ายน 2564
แนวปฏิบัติการพยาบาลทางคลนิ กิ (Clinical Nursing Practice Guideline: CNPG)
เรือ่ ง การพยาบาลผู้ป่วยโรคจติ เภท
ความหมาย
ผู้ป่วยโรคจิตเภท คือ ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคจิตเภท (F20.XX) เป็นโรคทางจิตเวชที่มีความผิดปกติของสมอง แสดงออกทางความคิด ความรู้สึก และ พฤติกรรม ซึ่ง
เกิดผลต่อร่างกาย และจิตใจ นำไปสู่การเกิดอาการทางจิตท่ีรุนแรงขึ้น เช่น อาการหลงผิด หวาดระแวง หูแว่ว ภาพหลอน พฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง อาจทำร้ายตนเองผู้อื่น และทำลาย
ทรัพย์สิน มีผลกระทบต่อร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณของผู้ป่วย นำไปสู่ภาวะพรอ่ ง หรือการสูญเสียการปฏิบัติหนา้ ท่ีต่าง ๆ เช่น การดูแลตนเอง การประกอบอาชีพ การ
เขา้ สงั คม (มาโนช หล่อตระกลู และปราโมทย์ สุคนิชย์, 2555; สมภพ เรืองตระกลู , 2556; กรมสุขภาพจติ , 2560)
ฉบับปรบั ปรงุ 11 มถิ นุ ายน 2564
1. ระยะเร่ิมแรก Initial stage (ภายใน 14 วนั หลงั Admit)
Assessment Objective Intervention Outcome
1.ผูป้ ่วยมีความเสย่ี งตอ่ การเกิดอันตรายต่อ 1. ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยทางการ 1. สร้างสัมพันธภาพเพือ่ การบำบัด ซักประวัติ ตรวจสภาพจิตและ 1. ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนจาก
ตนเองผอู้ ืน่ และส่ิงของถกู ทำลาย พยาบาลและประเมินภาวะสุขภาพ ตรวจร่างกาย ฤทธิ์ข้างเคียงของยา/จากอาการได้รับสาร
2.ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการได้รับอันตราย กายสุขภาพจิตทถ่ี กู ต้อง 2. ประเมินระดับอาการ พฤติกรรมรุนแรง/หลบหนี ความคิดที่ เสพติดเกินขนาดหรืออาการถอนพิษสารเสพ
จากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากอาการได้รับ 2. ผปู้ ว่ ยมคี วามปลอดภยั ผิดปกติ ติดและการรกั ษาอ่ืน ๆ
สารเสพติดเกินขนาดหรือจากการถอนพิษ 3. ผู้ป่วยมอี าการทางจติ สงบ 3. ประเมินปัญหาและความต้องการการดูแลด้านร่างกายจิตใจ 2. ระดบั ความรนุ แรงของอาการทางจิตลดลง
สารเสพตดิ อารมณ์ สังคมและจิตวิญญาณ 3. ผู้ป่วยได้รับสารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอต่อ
3. ผู้ป่วยมีอาการหลงผดิ ประสาทหลอน 4. ประเมินภาวะอาการถอนพิษสารเสพติดหรือการได้รับสารเสพติด ความต้องการของรา่ งกาย
4. ผปู้ ว่ ยมีภาวะซมึ เศรา้ เกินขนาดและภาวะ Electrolyte Imbalance ภายใน 24 – 48 4. ผู้ป่วยสามารถพักผ่อนนอนหลับได้อย่าง
5.ผู้ป่วยไม่ยอมรับการเจ็บป่วย หรือไม่ให้ ชว่ั โมง และใหก้ ารดแู ลรกั ษาตามประเภทสารเสพตดิ เพียงพอกบั ความต้องการของรา่ งกาย
ความร่วมมือในการรกั ษา 5. ให้ข้อมูลเกีย่ วกับการเข้ารบั การรกั ษาในโรงพยาบาล 5. ผู้ป่วย/ผู้อื่น/ทรัพย์สินปลอดภัย ไม่ได้รับ
6.ผู้ป่วยไม่สามารถปฏบิ ัติกิจกรรมการดูแล 6. ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเช่น CBC, U/A, Electrolyte, LFT, อนั ตราย/ผูป้ ว่ ยไม่ทำร้ายตนเอง
ตนเองในชวี ิตประจำวันไดอ้ ยา่ งเหมาะสม Urine Substance และLab อน่ื ๆ ทจี่ ำเป็น 6. ผ้ปู ่วยให้ความรว่ มมือในการรกั ษาพยาบาล
7. ผู้ป่วยมีความพร่องในการสื่อสารความ 7. เฝ้าระวงั ความเสยี่ งท่ีอาจจะเกิดข้ึนจากอาการทางจิต ได้แก่ 7. ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการของ
ตอ้ งการของตนเอง ความคิดฆ่าตัวตาย ภาวะวิตกกังวล การทำร้ายผู้อื่น การทำ ตนเองใหผ้ อู้ น่ื ทราบได้
8. ผู้ดูแลมีความวิตกกังวล/เครียดเกี่ยวกับ ร้ายตนเอง ความคิดหลงผิด และการตรวจสภาพจิต รวมถึง 8. ผ้ปู ว่ ยสามารถปฏบิ ัติกจิ วัตรประจำวันด้วย
อาการเจ็บป่วยของผู้ปว่ ย การหลบหนี การเกิดอุบตั ิเหตุ ตนเองร่วมกบั พยาบาลหรือโดยการช่วยเหลือ
9. ผู้ดูแลขาดคามรู้/ความเข้าใจ/ทัศนคติใน 8. จัดสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดความปลอดภัย โดยลดสิ่งกระตุ้น ของพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการ
การดแู ลผปู้ ่วย เช่น เสียง แสง และไม่มีสิ่งกีดขวาง เพื่อให้ผู้ป่วยได้พักผ่อน ตามสภาพของผู้ป่วย
อยา่ งเพยี งพอและปอ้ งกนั การเกิดอุบัติเหตุจากภาวะสบั สน 9.ผู้ป่วยได้รับยาและการรักษาอื่น ๆ ตามแผนการ
9. ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา เฝ้าระวังอาการไม่พึง รักษา
ประสงค์จากยา ส่งตรวจระดับของยาในกระแสเลือดใน 10. ผปู้ ว่ ยให้ความรว่ มมือในการรกั ษาพยาบาล
11. ผ้ปู ว่ ยมีสขุ อนามยั ดี
ฉบับปรบั ปรุง 11 มิถุนายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
ช่วงเวลาตามเกณฑ์มาตรฐาน และประเมินความร่วมมือการ 12. ญาติมีความรู้ ความเข้าใจ และมีทัศนคติ
รกั ษาดว้ ยยา ที่ดีต่อผู้ป่วย การรักษาพยาบาล ตลอดจน
10. ดูแลและกระตุ้นให้ผู้ป่วยปฏิบัติกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ เช่น การ การมสี ว่ นร่วมในการดแู ลผู้ป่วย
อาบน้ำ พักผ่อน ออกกำลังกาย รับประทานอาหาร และการทำกิจกรรม
ตา่ งๆตามความเหมาะสมกับสภาพอาการ
11. ใช้สัมพันธภาพเพื่อการบำบัด ในการช่วยให้ผู้ป่วยพัฒนา
ความสามารถในการสื่อสารความต้องการของตนเองให้ผู้อ่ืน
ทราบได้
12. ประสานงานกับทีมสหวิชาชีพเพื่อร่วมกันประเมินและ
วางแผนในการดแู ลผปู้ ว่ ยอย่างตอ่ เนอ่ื ง
13. ประเมิน BPRS (แรกรับและภายใน 14 วัน) เมื่อ BPRS
≤ 36คะแนนประเมินGAF, ICF (ก่อนเข้าสู่ระยะฟืน้ ฟ)ู
14. วางแผนการรักษาทางจติ สังคม และการฟ้ืนฟสู มรรถภาพ
15. ดูแลให้ได้รับการรักษาตามแผนการรักษา และติดตาม
ประเมินความก้าวหน้าของการบำบัดรักษาต่อเนื่อง เพื่อปรับ
ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพผปู้ ่วย
16. ประเมินภาวะอารมณ์ ความคาดหวัง ความรู้ ความเข้าใจ
ทัศนคติของญาติ เกี่ยวกับโรค อาการ การรักษา และให้
Psycho education แก่ญาติ
ฉบบั ปรบั ปรุง 11 มิถนุ ายน 2564
2. ระยะกลาง Interim stage (ภายใน 28 วนั หลัง Admit)
Assessment Objective Intervention Outcome
1. ผู้ป่วยมีความบกพร่องในการปฏิบตั ิ 1. เพื่อให้ได้รับการประเมิน/ 1. ซักประวตั แิ ละตรวจรา่ งกายเพ่ิมเติมตามปญั หาของผูป้ ว่ ย 1. ผู้ป่วยมีความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตร
กิจวัตรประจำวัน การวินิจฉัยทางการพยาบาลท่ี 2. ประเมินระดับความรุนแรง เฝ้าระวังความเสี่ยงด้านความคิด ประจำวันดว้ ยตัวเองและมีสขุ ภาพอนามัยดี
2. ผู้ป่วยมีความบกพร่องในการสร้าง ถูกต้อง อารมณ์ และพฤติกรรม 2. ผู้ป่วยสามารถสื่อสารความต้องการของ
สัมพนั ธภาพกบั ผู้อืน่ 2 เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแล 3. ประเมนิ ความร่วมมอื ในการรักษาพยาบาล ตนเองและสามารถทำกิจกรรมทางสังคม
3.ผู้ป่วยมีอาการหลงผิด และ/หรือประสาท รักษาที่ถูกต้องครบถ้วน และ 4. ประเมินความเสี่ยงและเฝ้าระวังความเสี่ยงตามรูปแบบการ ร่วมกับเพอื่ นผปู้ ่วยได้
หลอนหวาดระแวงเปน็ ครั้งคราว เหมาะสม เฝา้ ระวังความเส่ียงของโรงพยาบาล 3. ผู้ป่วยอาการทางจิตสงบ มีความไว้วางใจ
4.ผู้ป่วยมีพฤติกรรมแยกตัวและ/หรือ 3. เพ่อื ให้ผปู้ ่วยมีความปลอดภยั 5. ดแู ลให้ได้รบั ยาตามแผนการรักษา และเฝ้าระวังอาการไม่พึง และมั่นใจในทมี สขุ ภาพ
ก้าวร้าวและ/หรือซึมเศร้าในระดับน้อยถึง 4. ผู้ดูแลมีส่วนร่วมในการ ประสงค์จากยาและตรวจระดับของยาในช่วงเวลาตามเกณฑ์ 4. ผู้ป่วยได้รับยาและการรักษาอื่นๆตาม
ปานกลาง เตรียมความพร้อมในการดูแล มาตรฐาน แผนการรักษา และไม่เกดิ อนั ตรายจากอาการ
5. ผู้ป่วยรู้สึกไร้ค่า/ความรู้สึก ผ้ปู ว่ ยอยา่ งตอ่ เนอื่ ง 6. ให้ความรเู้ ร่อื งยาและการจดั การกับอาการไมพ่ ึงประสงค์จาก ขา้ งเคียงจากยา
ภาคภูมิใจในตนเองต่ำ ผู้ป่วยมีอาการ ยา 5. ผ้ปู ว่ ยมีความภาคภมู ใิ จในตนเองมากขนึ้
หงุดหงิด กระวนกระวาย จากอาการ 7. ดแู ลให้ผู้ปว่ ยได้รับสารอาหาร และน้ำอย่างเพียงพอ 6. ผู้ดูแลมีความรู้/ความเข้าใจปัญหาของ
อยากสารเสพติด 8. ดูแลความสุขสบายโดยกระตนุ้ ให้ผู้ป่วยชว่ ยเหลือตนเอง/การ ผู้ป่วย มีส่วนร่วมในการวางแผนดูแลผู้ป่วย
6. ผ้ปู ่วยมคี วามบกพรอ่ งในการจัดการ ดแู ลตนเองกจิ วตั รประจำวันตามความเหมาะสม อยา่ งต่อเน่ือง
กับอารมณข์ องตนเอง 9. สอน และฝึกทักษะในการจัดการกับอาการทางจิต (Symptom
7. ผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเกิด Management)
อันตรายจากอาการข้างเคียงของยา 10. ประเมิน Stage of change และให้การบำบัด ด้วย MI,
และการรักษาอ่ืน ๆ RT, MET ตามสภาพปญั หา
8. ผู้ป่วยไม่ยอมรับการเจ็บป่วย หรือ 11. ให้การบำบัดทางสังคมจิตใจ เช่น CBT, Cognitive
ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาตาม Training, Stress Management, Family Therapy, ICOD-R
แผนการรักษา และ Special Intervention ได้แก่ โปรแกรมฟื้นฟสู มรรถภาพ
Assessment Objective Intervention ฉบบั ปรบั ปรุง 11 มถิ ุนายน 2564
9. ผู้ดูแลมีความวิตกกังวล/เครียดเกี่ยวกับ ทางจิตสังคม (ตาม ICF) และโปรแกรมการจัดการความโกรธ
อาการเจบ็ ป่วยและการดูแลผปู้ ่วย ดว้ ยสติบำบดั สำหรบั ผูป้ ่วยจติ เภททม่ี พี ฤตกิ รรมรุนแรง (MBCT) Outcome
12..ประเมินทักษะด้านตา่ งๆ และวางแผนด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทาง
จิตสังคมที่สอดคล้อง เช่น Social skill Training, Group therapy,
Occupational therapy Rehabilitation program ฯลฯ
13. ดูแลให้ได้รับการรักษาตามแผนการรักษา และติดตาม
ประเมินความก้าวหน้าของการบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง เพ่ือ
ปรบั ให้เหมาะสมกับสภาพผู้ปว่ ย
14. สอน/ให้คำปรึกษาครอบครัวรายบุคคล/รายกลุ่มเพื่อ
เสริมสร้างความสามารถของญาติ/ผู้ดูแลให้เผชิญกับความวิตก
กงั วลหรอื ภาวะอารมณอ์ ื่น
15. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งช่วยเหลือต่าง ๆ และสิทธิที่ผู้ป่วย
พึงจะได้รับ
16. เขา้ รว่ มประชมุ เพือ่ วางแผนในการดูแลผ้ปู ่วยรายกรณี
ฉบับปรบั ปรุง 11 มถิ นุ ายน 2564
3. ระยะกอ่ นกลับบ้าน Pre – Discharge stage (ภายใน 35 วันหลัง Admit)
Assessment Objective Intervention Outcome
1. ผู้ปว่ ยมีความภาคภูมใิ จในตนเองต่ำ 1. ผูป้ ว่ ยได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพ 1. ประเมนิ ระดบั ความรนุ แรง เฝา้ ระวังความเส่ยี งด้านความคิด 1. ผู้ป่วยมีความรู้/ความเข้าใจเรื่องโรค และ
2. ผู้ป่วยมีทักษะการจัดการกับปัญหา ตามปญั หาและความต้องการ อารมณ์ พฤตกิ รรม สามารถดแู ลตัวเองได้
ความเครียด/อารมณไ์ มเ่ หมาะสม 2. ผู้ป่วยได้รับการวางแผนจำหน่าย 2. ประเมินผลการรักษา ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา 2. ผู้ป่วยมีความพร้อมและมีความมั่นใจใน
3.ผู้ป่วยมีความวิตกกังวล กลัวครอบครัว และเตรยี มความพรอ้ มก่อนกลับบา้ น และเฝา้ ระวงั อาการไม่พงึ ประสงค์จากการใชย้ า การกลับไปใช้ชีวิตในครอบครัว/ชุมชน และ
และสงั คมไมย่ อมรับ 3. ผู้ปว่ ยมีเป้าหมายชีวติ ผดู้ แู ลมี 3. ให้ความรเู้ ร่ืองอาการไม่พงึ ประสงคจ์ ากการใช้ยา และการ บอกเปา้ หมายในการดำเนินชวี ติ ของตนเองได้
4. ผู้ป่วยไม่มีแรงจูงใจในการเลิกใช้ ความรู้ ความเข้าใจ ในการป้องกันการ จัดการกบั อาการไม่พึงประสงคท์ ีเ่ หมาะสม 3. ผดู้ แู ลมคี วามพร้อมและสามารถดูแลผู้ป่วย
ป่วยซ้ำ และการกลับไปใช้สารเสพติด 4. ประเมินพฤติกรรมและความสามารถในการเข้าร่วม ต่อเนอ่ื งทบ่ี ้านได้
สารเสพติด ซำ้ กิจกรรม
5. ผูป้ ว่ ยไม่มเี ป้าหมายในชวี ิต
5. ให้การบำบัดทางสังคมจิตใจต่อเนื่องเช่น CBT, CognitiveTraining,
6. ผู้ดูแลขาดความรู้ ความเข้าใจและ
Stress Management, Family Therapy, ICOD-R, MET, RT, MI
ทักษะในการจัดการกับภาวะอาการ
และ Special Intervention อยา่ งต่อเนอ่ื ง
ทางจิต และการดูแลผู้ป่วยไม่ให้ป่วย
6. ส่งเสริมให้ผู้ป่วยตั้งเป้าหมายในการดำรงชีวิตตามความ
ซำ้ และกลับไปใชส้ ารสเพตดิ ซ้ำ เหมาะสมกบั ศกั ยภาพ
7. จัดให้เข้าร่วมกิจกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
จิตใจต่อเนื่อง เช่น Social skill training, Group therapy,
Occupational therapy Rehabilitation program
8. เตรียมความพร้อมของผู้ป่วยให้ข้อมูลการเจ็บป่วยความรู้
เรื่องโรค การรักษา การดแู ลตอ่ เน่อื ง การปฏิบตั ิตัวท่บี า้ น
9. ประเมินผู้ป่วยก่อนจำหน่าย ได้แก่ BPRS GAF ICF และ
Stage of change
Assessment Objective Intervention ฉบับปรบั ปรงุ 11 มถิ นุ ายน 2564
10. สอนและให้คำปรึกษาแก่ญาติ/ผู้ดูแลเพื่อเสริมสร้าง
ความสามารถในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน/การป้องกันการ Outcome
กลบั ไปใชส้ ารเสพติดซำ้ ของผปู้ ่วย
11. สอนและให้คำปรึกษาครอบครัวเป็นรายบุคคล/
ครอบครัว/กลุ่มเพื่อเสริมสร้างความสามารถของญาต/ิ ผู้ดูแล
ให้เผชญิ กบั ความวติ กกงั วลหรือภาวะอารมณ์
12. ประสานครอบครัว /ญาติที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายใน
ชมุ ชนเพ่อื วางแผนใหค้ วามชว่ ยเหลือต่อไป
13. เข้ารว่ มประชุมเพือ่ วางแผนในการดแู ลผู้ป่วยรายกรณี
14. นดั ผปู้ ่วยมาพบจิตแพทย์หลังจำหน่าย
15. สรุปอาการและปัญหาที่ต้องดูแลต่อเนื่องเพื่อส่งต่อ
พยาบาลจิตเวชชมุ ชนและตดิ ตามเยี่ยมหลังจำหนา่ ย
ฉบบั ปรับปรงุ 11 มิถุนายน 2564
แบบบันทึกผลลพั ธ์การใช้ CNPG การพยาบาลผูป้ ่วยโรคจติ เภท งานการพยาบาลผู้ป่วยใน
ช่อื นามสกลุ Diagnosis ตกึ
วนั ท่ี 1 - 14: Initial stage วนั ที่ 15 – 28: Interim stage วนั ท่ี 29 - 35: Pre-discharge stage
เร่ิมวันท.ี่ ........................ถงึ วนั ท.ี่ ......................................... เริ่มวนั ท.ี่ ..........................ถึงวนั ที่................................... เรมิ่ วนั ที่...........................ถึงวนั ท.ี่ .......................................
ผู้ป่วยปลอดภัยจากภาวะ แทรกซ้อนจากฤทธิ์ข้างเคียงของยา/ ผูป้ ่วยสามารถปฏิบตั ิกจิ วัตรประจำวนั ดว้ ยตนเองได้และมี ผปู้ ่วยมีความรู้/ความเข้าใจในเร่อื งโรค และดูแลตวั เองได้
จากอาการไดร้ ับสารเสพติดเกนิ ขนาดหรืออาการถอนพษิ สารเสพติด สขุ ภาพอนามยั ดี ผูป้ ว่ ยมคี วามพร้อมและมคี วามมั่นใจในการกลบั ไปใชช้ วี ติ ใน
และการรกั ษาอื่น ๆ ผปู้ ว่ ยสามารถสอื่ สารความต้องการของตนเอง และสามารถ ครอบครัว/ชมุ ชนชุมชน และบอกเปา้ หมายในการดำเนินชวี ติ ของ
ระดบั ความรุนแรงของอาการทางจติ ลดลง ทำกจิ กรรมทางสังคมรว่ มกับผปู้ ว่ ยอืน่ ได้ ตนเองได้
ผู้ป่วยได้รับสารน้ำและอาหารอย่างเพียงต่อความต้องการของ ผูป้ ว่ ยอาการทางจติ สงบ มคี วามไว้วางใจและมน่ั ใจในทีม ผูด้ แู ลมีความพร้อมและสามารถดแู ลผปู้ ่วยต่อเนอ่ื งทบ่ี า้ นได้
รา่ งกาย สขุ ภาพ
ผู้ป่วยพักผ่อนนอนหลับได้อย่างเพียงพอกับความต้องการทาง ผปู้ ่วยไดร้ บั ยาและการรักษาอ่ืน ๆ ตามแผนการรกั ษา และไม่
รา่ งกาย เกดิ อนั ตรายจากอาการข้างเคยี งจากยา
ผู้ป่วย/ผู้อื่น/ทรัพย์สินปลอดภัย ไม่ได้รับอันตราย/ผู้ป่วยไม่ทำ ผ้ปู ่วยได้รับการฟน้ื ฟสู มรรถภาพตามความพรอ่ ง
ร้ายตนเอง ผ้ปู ่วยมคี วามภาคภูมใิ จในตนเองมากข้ึน
ผปู้ ่วยใหค้ วามร่วมมอื ในการรกั ษาพยาบาล ผู้ดแู ลมีความรู/้ ความเขา้ ใจปัญหาของผู้ปว่ ย มสี ว่ นรว่ มใน
ผู้ป่วยส่ือสารความต้องการของตนเองให้ผู้อื่นทราบได้ การวางแผนดแู ลผปู้ ว่ ย
ผู้ป่วยปฏิบัติกิจวัตรประจำวันด้วยตนเองร่วมกับพยาบาลหรือ
โดยการช่วยเหลือของพยาบาลที่สอดคล้องกับความต้องการตาม
สภาพของผ้ปู ว่ ย
ผู้ป่วยไดร้ บั ยาและการรกั ษาอื่น ๆ ตามแผนการรกั ษา
ผู้ป่วยใหค้ วามร่วมมอื ในการรกั ษาพยาบาล
ผ้ปู ่วยมีสขุ อนามัยดี
ญาติมีความรู้ ความเข้าใจ และมีทัศนคติที่ดีต่อผู้ป่วย การ
รักษาพยาบาล ตลอดจน การมีสว่ นร่วมในการดแู ลผูป้ ่วย
ฉบับปรบั ปรุง 11 มิถนุ ายน 2564
แบบบนั ทกึ การเปลี่ยนแปลงและสาเหตกุ ารใช้ CNPG การพยาบาลผปู้ ่วยโรคจติ เภท งานการพยาบาลผู้ป่วยใน
ชือ่ นามสกุล Diagnosis ตกึ
Stage ผูป้ ว่ ย การเปล่ียนแปลงและสาเหตุ บุคลากร/ระบบบรกิ าร การจดั การ ผู้บนั ทึก
ผ้ดู แู ล/ญาติ
Initial Stage
Interim Stage
Pre-discharge Stage
ฉบบั ปรับปรงุ 11 มถิ นุ ายน 2564
แนวปฏบิ ตั กิ ารพยาบาลทางคลินิก (Clinical Nursing Practice Guideline: CNPG)
เร่อื ง การพยาบาลผู้ปว่ ยโรคซึมเศร้า
ความหมาย
ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หมายถึง ผู้ป่วยที่มีกลุ่มอาการผิดปกติหลากหลาย โดยมีความผิดปกติทั้งทางด้านอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรม โดยแสดงอารมณ์เศร้าผิดปกติที่เป็นอ ยู่นาน
จนผูป้ ว่ ยควบคมุ ตนเองไม่ไดแ้ ละทำใหร้ สู้ ึกทุกข์ทรมาน สง่ ผลกระทบตอ่ ด้านต่าง ๆ ไดแ้ กก่ จิ วตั รประจำวัน สมั พนั ธภาพกบั คนอื่นและหน้าท่ีการงาน หรอื การเรียน ระยะเวลานานอย่างน้อย
2 สัปดาห์ (สุวรรณา อรุณพงศ์ไพศาล และสรยุทธ วาสิกนานนท์, 2558) และได้รับการวินิจฉัยจากจิตแพทย์ตามระบบการจำแนกโรค ICD-10 ว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้า (Depressive
Disorder: F32, F33, F34.1, F38 และ F39) ทรี่ ับไว้เป็นผู้ปว่ ยในของโรงพยาบาลสวนสราญรมย์
ฉบบั ปรับปรุง 11 มถิ ุนายน 2564
1. ระยะ initial stage (ภายใน 7 วนั หลัง Admit)
Assessment Objective Intervention Outcome
1. ผ้ปู ่วยมีความคิดและพฤติกรรมทำร้ายตวั เอง 1. ปลอดภัย ไม่มีพฤติกรรมทำร้าย 1.ประเมินระดับความรุนแรงของโรคด้วย HAM-D 1. ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่มีผู้ป่วยฆ่าตัวตาย
2. ผู้ป่วยมีภาวะซึมเศรา้ ระดบั รนุ แรง ตัวเอง วนั ท่ี 1 - 7 สำเรจ็
3. ผู้ป่วยไมส่ ามารถดแู ลตนเองขน้ั พ้ืนฐานได้ 2. ภาวะซึมเศร้าระดับรุนแรงลดลง 2. เฝ้าระวังความเสี่ยงของการฆ่าตัวตาย ภาวะ 2. วันที่ 7 HAM - D<18 คะแนน
4. ผปู้ ว่ ยนอนไม่หลับ (HAM - D<18) psychosis แบบ Strict suicidal precaution 3. ผู้ป่วยปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วย
5. ผปู้ ่วยเบ่อื อาหาร/รบั ประทานอาหารได้นอ้ ย 3. ดแู ลตนเองขน้ั พนื้ ฐานได้ 3. ช่วยเหลอื basic self care ตนเองหรือโดยการช่วยเหลือที่สอดคล้อง
6. ผู้ปว่ ยไดร้ บั การรกั ษาดว้ ย ECT 4. นอนหลบั ได้ 4. ประเมินการนอนหลับและให้ยา prn Insomnia กับความตอ้ งการ
7. ผปู้ ว่ ยไดร้ ับการรักษาด้วยยาทางจติ เวช 5. รบั ประทานอาหารได้ทุกม้อื ตามแผนการรักษา 4. ผู้ป่วยนอนหลับได้อย่างน้อย 6-8
6. ปลอดภัยจากจากการรักษาด้วย 5. จัดให้รับประทานอาหารว่าง/ให้รับประทานครั้งละ ชั่วโมง/วัน
ยา/ECT นอ้ ยแตบ่ อ่ ยครง้ั 5. ไดร้ ับอาหารและนำ้ เพยี งพอ
6. ประเมินและเฝ้าระวงั ภาวะแทรกซอ้ นจาก ECT 6. ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจาก ECT/
7. ประเมนิ และเฝ้าระวัง side effect จากยา อาการไมพ่ งึ ประสงคจ์ ากยา
8. ประเมินและเฝ้าระวงั SAFE-D
ฉบับปรบั ปรงุ 11 มถิ นุ ายน 2564
2. ระยะ Interim Stage (วันที่ 8 – 14)
Assessment Objective Intervention Outcome
1. ผปู้ ่วยมีความคดิ /พฤติกรรมทำรา้ ยตวั เอง 1. ไม่มีความคิด/พฤติกรรมทำร้าย 1. ประเมินระดับความรุนแรงของโรคต่อเนื่องด้วย 1. ผู้ป่วยไม่มีความคิดทำร้ายตนเอง/
2. ผปู้ ว่ ยมีภาวะซึมเศร้าระดับปานกลาง ตนเอง HAM-D พยายามฆ่าตวั ตาย
3. ผู้ป่วยต้องกระตุ้น/ช่วยเหลือการดูแลตนเอง 2. สามารถปรับตัวและเผชญิ ปัญหา 2. ประเมิน SAFE-D และเฝ้าระวังความเสี่ยงของการ 2. วนั ที่ 14 HAM - D<13 คะแนน
ขัน้ พน้ื ฐาน และดแู ลตนเองขั้นพ้ืนฐานได้โดยไม่ ฆ่าตัวตายแบบ Standard suicidal precaution 3. ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน
4. ผู้ป่วยไม่สามารถปรับตัวและไม่มีแนวทางใน ต้องกระตุ้น 3. ทำ Psychosocial interventions ตามสภาพ ด้วยตนเอง
การเผชิญปญั หา 3. ปลอดภัยจากอาการไม่พึงประสงค์จาก ปัญหา/ข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ตามกระบวนการบำบัด 4. ผู้ป่วยมีสัมพันธภาพและร่วมกิจกรรม
5. ผู้ป่วยไดร้ ับการรกั ษาดว้ ย ECT การใช้ยา/ECT ตา่ ง ๆ ทั้งรายบคุ คลและรายกลมุ่ กบั ผู้อน่ื ได้
6. ผูป้ ว่ ยไดร้ ับการรกั ษาด้วยยาทางจติ เวช 4. ดแู ลผูป้ ว่ ยใหไ้ ดร้ บั การรักษาตามแผนการรักษาและ 5. ผปู้ ่วยมที ักษะการเผชิญปัญหา
เฝ้าระวัง/ประเมนิ ภาวะแทรกซอ้ นจากการรกั ษา 6. ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจาก ECT/
5. กรณีที่ดูแลแบบรายกรณี (Case Management) อาการไม่พงึ ประสงค์จากยา
จดั conference แบบสหวิชาชพี ภายในสปั ดาหท์ ี่ 2
6. ประเมินปัญหาความต้องการและความพร้อมของ
ผู้ป่วยในการดูแลตนเอง หลังจำหน่ายออกจาก
โรงพยาบาล
ฉบบั ปรับปรงุ 11 มิถนุ ายน 2564
3. ระยะ Pre-Discharge Stage (วนั ท่ี 15 – 30)
Assessment Objective Intervention Outcome
1. ผู้ป่วยยังมีภาวะซึมเศรา้ ระดบั น้อย 1. ภาวะซึมเศรา้ ลดลงอยู่ในระดบั 1. ประเมนิ ความพร้อมของครอบครัวในการดูแลผู้ป่วย 1. ผู้ป่วยมีภาวะซึมเศร้าอยู่ในระดับ
2. ผู้ป่วย/ญาติไม่มีความรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศรา้ น้อย/ไม่มี ตอ่ เนอื่ ง นอ้ ย/ไม่มี
และการดูแลตนเองทบี่ ้าน 2. ผู้ป่วยและครอบครัวไดร้ ับการ 2. ให้ Psychosocial interventions ตามข้อบ่งช้ี 2. HAM - D<8 คะแนนในวันจำหนา่ ย
3. แพทย์วางแผนจำหนา่ ย เตรียมความพรอ้ มและสามารถ ต่อเน่อื งให้แกผ่ ปู้ ่วย ทั้งรายบคุ คลและรายกลุ่ม และส่ง 3. ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้า
จำหนา่ ยไดภ้ ายใน 30 วนั ต่อข้อมลู /ปญั หาเพอ่ื การดแู ลต่อเนื่อง และ การดูแลตนเองที่บา้ น
3. เตรียมความพร้อมของผปู้ ว่ ย/ 3.จัด conference แบบสหวิชาชีพ และญาติก่อน 4. ผู้ปว่ ยมคี วามหวงั ในการดำเนนิ ชวี ติ
ครอบครวั /ชุมชน ก่อนจำหน่าย จำหนา่ ย 5. ผู้ปว่ ยมีความพรอ้ มทจี่ ะกลับไปใชช้ ีวิต
4. ให้ความรญู้ าตเิ รื่องการดแู ลผู้ป่วยทบ่ี ้านและการเฝ้า ทบี่ า้ น
ระวงั การฆ่าตัวตายของผปู้ ่วย 6. ผู้ป่วยสามารถสร้างความเข้มแข็งทาง
5. ประเมินปัญหาความต้องการและความพร้อมของ ใจให้กับตนเองได้
ผู้ป่วย ในการดูแลตนเอง หลังจำหน่ายออกจาก 7. ญาติ/ผู้ดูแลมีความพร้อมที่จะดูแล
โรงพยาบาล ผ้ปู ว่ ยที่บ้าน
6. เตรียมความพร้อมครอบครัว/ชุมชน ในรายที่มี
ปจั จยั เส่ยี งต่อการกลบั เป็นซำ้
7.ส่งต่อข้อมูล/ปัญหาเพื่อการดูแลต่อเนื่องทาง
โทรศัพท์/Tele conference กับคลินิกเฉพาะทาง
บันทึกในเวชระเบียน (พยาบาลวชิ าชีพหอผูป้ ่วย)
8. วันจำหน่ายประเมินผลการรักษาด้วย 9Q/TGDSใน
ผูส้ งู อายุ และ8Q (กรณี 9Q ≥7/TGDS≥ 13)HAM-D
9. ประสานความร่วมมือ/ส่งต่อข้อมูลให้กับเครือข่าย
เพื่อการดแู ลผู้ปว่ ยตอ่ เนอ่ื งหลังจำหนา่ ย
ฉบับปรับปรุง 11 มิถุนายน 2564
แบบบันทกึ ผลลพั ธ์การใช้ CNPG การพยาบาลผปู้ ว่ ยโรคซมึ เศร้า งานการพยาบาลผู้ปว่ ยใน
ช่อื นามสกลุ Diagnosis ตึก
วันที่ 1 – 7: Initial Stage วันที่ 8 – 14: Interim Stage วนั ท่ี 15 – 30: Pre-discharge Stage
เร่ิมวันที่.........................ถึงวันที่....................................... เร่ิมวันที.่ ........................ถงึ วนั ที่........................................ เริม่ วนั ที.่ .......................ถึงวนั ที.่ .......................................
ผปู้ ว่ ยปลอดภัย ไมม่ ผี ปู้ ่วยฆ่าตวั ตายสำเรจ็ ผปู้ ว่ ยไมม่ คี วามคิดทำร้ายตนเอง/พยายามฆ่าตัวตาย ผู้ป่วยมภี าวะซมึ เศรา้ อยู่ในระดับนอ้ ย/ไม่มี
วันที่ 7 HAM – D =…………… คะแนน วันท่ี 14 HAM – D = ……………คะแนน วันจำหน่าย HAM – D = ……………คะแนน
ผปู้ ว่ ยไดร้ บั อาหารและนำ้ เพียงพอ ผู้ป่วยไม่เกิดอาการไมพ่ ึงประสงค์จากยา ผปู้ ว่ ยมคี วามรู้เกยี่ วกับโรคซึมเศร้าและการดูแลตนเองท่ี
ผู้ปว่ ยนอนหลับได้อย่างน้อย 6-8 ช่ัวโมง/วนั ผู้ป่วยไม่มภี าวะแทรกซ้อนจากการรกั ษาดว้ ย ECT บา้ น
ผู้ปว่ ยปฏบิ ัตกิ ิจวัตรประจำวนั ไดด้ ว้ ยตนเองหรือโดยการ ผู้ปว่ ยสามารถปฏิบตั กิ จิ วัตรประจำวันไดด้ ้วยตนเอง มคี วามหวังในการดำเนินชีวติ
ชว่ ยเหลอื ท่สี อดคล้องกับความตอ้ งการ ผู้ป่วยมีสมั พนั ธภาพและร่วมกจิ กรรมกับผูอ้ ื่นได้ ผปู้ ่วยมีความพร้อมทจ่ี ะกลบั ไปใช้ชวี ติ ท่บี ้าน
ผ้ปู ่วยทีเ่ กิดอาการไม่พึงประสงคจ์ ากยา ผปู้ ่วยมีทักษะการเผชญิ ปัญหา ผูป้ ว่ ยสามารถสรา้ งความเขม้ แข็งทางใจให้กับตนเองได้
ผ้ปู ว่ ยไมม่ ภี าวะแทรกซอ้ นจากการรักษาดว้ ย ECT ญาต/ิ ผู้ดูแลมคี วามรแู้ ละเขา้ ใจเก่ยี วกับโรคซึมเศร้า ญาติ/ผดู้ แู ลมีความพรอ้ มท่ีจะดแู ลผู้ปว่ ยทีบ่ ้าน
ญาติ/ผ้ดู แู ล มคี วามรู้ ความเขา้ ใจถึงความจำเปน็ ของการ และมีส่วนร่วมในวางแผนและการดูแลรักษาผูป้ ว่ ย
บำบัดรกั ษา และยนิ ยอมบำบัดรักษา
ฉบบั ปรับปรุง 11 มิถุนายน 2564
แบบบนั ทึกการเปล่ียนแปลงและสาเหตุการใช้ CNPG การพยาบาลผปู้ ่วยโรคซึมเศร้า งานการพยาบาลผู้ป่วยใน
ชอื่ นามสกุล Diagnosis ตกึ
Stage ผู้ป่วย การเปลย่ี นแปลงและสาเหตุ บคุ ลากร/ระบบบรกิ าร การจัดการ ผบู้ นั ทึก
ผู้ดแู ล/ญาติ
Initial Stage
Interim Stage
Pre-discharge Stage
ฉบบั ปรบั ปรงุ 11 มิถุนายน 2564
แนวทางปฏิบัตกิ ารพยาบาลทางคลินกิ Clinical Nursing Practice Guideline: CNPG)
เร่อื งการพยาบาลผู้ป่วยโรคจติ เวชจากสารเสพติด
ความหมาย
ผู้ป่วยโรคจิตเวชจากสารเสพติด หมายถึง ความผิดปกติทางจิตที่เกิดจากการเสพสารเสพติด หรือความผิดปกติทางจิตที่สัมพันธ์กับการใช้สารเสพติด ส่งผลให้เกิดความผิดปกติ
ทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณ เช่น หงุดหงิด กระสับกระส่าย ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็วผิดปกติ วิตกกังวล กระวนกระวาย เห็ นภาพหลอน หูแว่ว สัมผัสหลอน แปลภาพผิด
อาจก้าวร้าว หวาดระแวงทำร้ายตนเอง ทำร้ายผู้อื่น และทำลายทรพั ย์สนิ ก่อให้เกิดความบกพร่องในบทบาทของตนเอง การประกอบอาชพี การเข้าสังคม ไม่ค่อยสนใจดูแลตนเอง หมกมุ่น
กบั การใช้สารเสพตดิ (ทรงเกยี รติ, 2553; พนั ธุ์นภา, 2555; สมภพ, 2553)
โครงสร้างของแนวทางปฏิบตั กิ ารพยาบาล ผปู้ ว่ ยโรคจิตเวชจากสารเสพตติ ดิ 3 ระยะดงั น้ี
1. ระยะถอนพษิ สารเสพติด/ระยะแรกรับ (Initial stage) ภายใน 7 วนั แรก ผู้ป่วย มีความต้องการการพยาบาลระดับมาก (Maximum Care) เนน้ การประเมนิ และการ
ช่วยเหลือ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต ได้แก่ 1.1) มีภาวะถอนพิษสารเสพติด เช่น ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง มีไข้ หายใจเร็ว กระสับกระส่าย อยู่ไม่นิ่ง เครียด
วติ กกังวล นอนไม่หลบั 1.2) มีอาการทางจติ เวช เช่น หลงผิด หวาดระแวงกลวั คนทำรา้ ย ประสาทหลอนทางหู ตา ผวิ หนัง กา้ วร้าว ทำรา้ ยตนเองหรอื ผูอ้ ืน่ ทำลายทรพั ย์สนิ
2. ระยะฟ้ืนฟูเร่ิมต้น (Rehabilitation)/ระยะกลาง (Interim stage) ภายใน 14 วัน ผ้ปู ่วยมีความตอ้ งการการพยาบาลระดับปานกลาง (Moderate Care) เป็น
ช่วงท่ีผู้ป่วยอาการเริ่มทุเลา สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมได้ดีขึ้น
3. ระยะฟน้ื ฟู (Rehabilitation) ก่อนกลบั บา้ น (Pre discharge stage) ภายใน 30 วัน ในชว่ งนผ้ี ้ปู ่วยควบคุม พฤติกรรมได้ดี มีความรับผิดชอบเพ่ิมมากขึ้น
ฉบับปรับปรุง 11 มิถุนายน 2564
ระยะถอนพิษสารเสพติด/ระยะแรกรับ (Initial stage) ภายใน 7 วนั แรก ผูป้ ่วย มีความตอ้ งการการพยาบาลระดับมาก (Maximum Care)
Assessment Objective Intervention Outcome
- อาการอยากยาลดลง และสามารถ
1. ทุกขท์ รมานจากภาวะ - ไมท่ ุกขท์ รมานจากภาวะ - ประเมินความรุนแรงของภาวะขาดยา/ถอนพษิ สารเสพติด เชน่ หงดุ หงดิ ง่าย กระวน จัดการกับอาการที่
เป็นปญั หาได้
ถอนพิษสารเสพตดิ ถอนพิษสารเสพตดิ กระวาย ปวดเมื่อยกลา้ มเนื้อ ออ่ นเพลีย ไม่มีแรง
- ผู้ป่วยปลอดภัย/ไม่ทุกข์ทรมาน จาก
- ตรวจเช็คสญั ญาณชีพ การมโี รคร่วมทางกาย
- โรคร่วมทางกายที่เกินศักยภาพได้รับ
-พูดคยุ ให้กำลงั ใจดแู ลชว่ ยเหลือเพื่อลดความทกุ ข์ทรมาน การส่งต่อรวดเร็วตามแนวปฏิบัติของ
โรงพยาบาล
- ดูแลให้รับประทานยาตามแผนการรักษา - โรคร่วมทางกายอาการไม่กำเริบ /
ทเุ ลา/หาย ตามเกณฑข์ องโรคหรือตาม
- ดูแลให้นอนหลบั พักผอ่ นใหเ้ พียงพอ และลดส่งิ กระต้นุ One Page
-ให้ขอ้ มลู เรื่องอาการในระยะแรกของการขาดยาและเส้นทางการเลกิ ยา แนะนำการปฏิบัติ - ผูป้ ่วยปลอดภัยมกี ารขบั ถา่ ยปกติ
ภายใน 3 วัน
ตัวเกย่ี วกบั การลดภาวะอยากยา เช่น การอาบน้ำ สระผม การอมน้ำยา เคย้ี วหมากฝรั่ง การ - ไม่มภี าวะขาดนำ้ /แรธ่ าตุในเลอื ดปกติ
หยดุ ความคดิ เพือ่ ลดอาการอยากยา เป็นตน้
2. มโี รคร่วมทางกาย - ผปู้ ่วยปลอดภัย/ไมท่ กุ ข์ - ประเมินผู้ป่วยจากอาการสำคัญ หรือหรือลักษณะเดน่ ของความผิดปกตทิ างกายเช่น
เชน่ อเิ ลคโตรไลท์ไม่ ทรมาน จากการมโี รครว่ ม อเิ ลคโตรไลท์ไมส่ มดุล โรคหอบหืด ภาวะหวั ใจเตน้ ผิดจงั หวะ โรคไทรอยด์ โรคเบาหวาน
สมดลุ โรคหอบหดื ทางกาย โรคความดัน โรคไขมนั ในเลอื ดสูง ตามแนวทางการดแู ลผปู้ ่วยจติ เวชท่มี ีโรคร่วมทางกาย
ภาวะหวั ใจเตน้ ผดิ จังหวะ - โรครว่ มทางกายอาการไม่ โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ (คณะกรรมการพฒั นาระบบการดแู ลผปู้ ่วยโรงพยาบาลสวน
โรคไทรอยด์ กำเรบิ /ทเุ ลา/หาย ตาม สราญรมย,์ 2559) เพอ่ื ใหผ้ ปู้ ว่ ยได้รบั การดูแลทีร่ วดเรว็ ปลอดภยั หรือไดร้ บั การส่งต่ออย่าง
โรคเบาหวาน โรคความ เกณฑ์ของโรคหรอื ตาม ทันท่วงทตี ามเกณฑ/์ ความรุนแรงของปญั หาโรคนั้น ๆ
ดัน โรคไขมันในเลือดสูง One Page โรครว่ มทางกาย - ประเมินผปู้ ่วยโดยการซกั ประวตั ิ ตรวจร่างกายอย่างละเอียด check V/S Take Lab ตาม
แผน Px.
- วางแผนการการดแู ลและให้ดูแลผปู้ ว่ ย วาง แผนการจำหนา่ ย ใหข้ ้อมูลเสริมพลังแก่ผปู้ ่วย/
ครอบครัว ตลอดจนการดูแลตอ่ เน่อื งตาม One page ของโรคนั้น ๆ
3. ถ่ายเหลวกะปริบกะ - การขับถา่ ยปกตภิ ายใน - ประเมนิ ภาวะขาดน้ำ โดยสงั เกตการตงึ ตัวของผิวหนงั รมิ ฝปี ากแห้ง ปัสสาวะออกน้อยและ
ปรอย 3 วนั สเี หลอื งเขม้ เป็นต้น
- สงั เกตลกั ษณะอจุ จาระ กลิ่น สี จำนวนครั้ง หากผดิ ปกติรายงานแพทยท์ ราบ
Assessment Objective Intervention ฉบบั ปรบั ปรงุ 11 มถิ ุนายน 2564
4. ผู้ปว่ ยกา้ วรา้ ว/เปน็ - สามารถจัดการกับอารมณ์
อันตรายต่อตนเอง และพฤตกิ รรม ได้ในทางท่ี - ดูแลใหด้ ่ืม ORS ทดแทนน้ำ Outcome
และผ้อู ่ืน เหมาะสม - ดแู ลใหอ้ าหารอ่อนย่อยง่าย งดอาหารรสจัด และผัก ผลไม้ นม
- ดแู ลใหร้ บั ประทานยาตามแผนการรกั ษา - สามารถจดั การกับอารมณ์ และ
5. พยายามหลบหนี - ไมม่ พี ฤติกรรมหลบหนี (SAFE: F) พฤติกรรม ได้ในทางทีเ่ หมาะสม
- เตรยี มทีมให้พรอ้ ม เม่อื ไม่สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมได้และจดั การกบั - ไม่มีพฤตกิ รรมกา้ วร้าว
พฤติกรรมรุนแรง โดยการผูกยึดพรอ้ มทั้งให้ขอ้ มูล เหตุผล สิทธิขณะผูกยึด
- ดูแลใหไ้ ดร้ บั ยา PRN ตาม CPG ตามแผนการรักษาของแพทย์ - ยอมรับการรกั ษาในโรงพยาบาล
- ประเมนิ อาการทุก 30 นาที – 1 ช่วั โมง เพอ่ื สอบถามความต้องการพูดคุย ใหก้ ำลงั ใจ - ไม่มพี ฤตกิ รรมหลบหนี
ตรวจดกู ารไหลเวยี นของโลหติ บริเวณทผ่ี ูกยึด
- ติดตามอาการเปลย่ี นแปลง และประเมินอาการ เพื่อยุติการผกู ยึด พร้อมทั้งบันทึก สง่
เวรอย่างตอ่ เน่ือง
- ดแู ลให้ไดร้ ับประทานยาตามแผนการรกั ษาของแพทย์และสงั เกตอาการขา้ งเคียงจากยา
- เมือ่ อาการสงบฝกึ ทักษะการจัดการกับอารมณแ์ ละพฤติกรรมในทางท่ีเหมาะสม
- รายงานแพทย์เมื่อมอี าการเปล่ยี นแปลง
- ประเมนิ ความเสย่ี งต่อการหลบหนีตามแบบประเมินความเสี่ยงที่สำคญั ทางคลนิ กิ
( SAFE: E)
-สร้างสัมพันธภาพเพ่ือการบำบัด โดยเปิดโอกาสใหร้ ะบายความคิด ความร้สู ึก รบั ฟังดว้ ย
ท่าทียอมรบั
-ใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั โรค อาการ แผนการรกั ษาของแพทย์ ขน้ั ตอนการจำหนา่ ยกฎระเบียบ
และการปฏิบัตติ ัวขณะอย่โู รงพยาบาล- มอบหมายบุคลากรดูแลใกล้ชดิ เฝา้ ระวงั ตาม
มาตรการ
ป้องกันความเส่ยี งทส่ี ำคญั ทางคลนิ กิ (SAFE:E)
- จัดใหอ้ ยู่ในสถานที่ซง่ึ สามารถมองเหน็ ได้อย่างชัดเจน ทัง้ ขณะอยใู่ น/นอกหอผปู้ ่วย
ฉบับปรับปรุง 11 มิถนุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
6. พยายามทำร้าย - ปลอดภัย ไม่ทำร้ายตวั เอง - ปิดประตูทกุ คร้งั ท่ีมกี ารเขา้ – ออก และตรวจสอบช่องทางอ่ืนทผ่ี ู้ปว่ ยอาจหลบหนี - ปลอดภยั ไมท่ ำร้ายตวั เอง
ตนเอง/ฆ่าตัวตาย 8Q ≤8, 9Q ≤ 7 - จดั เขา้ กลมุ่ กจิ กรรมเพือ่ ให้รับรู้ ยอมรับการเจ็บป่วย การรักษาและเบย่ี งเบนความคดิ 8Q ≤8, 9Q ≤7
หมกมนุ่ ความวิตกกังวล เชน่ กล่มุ เทคโนโลยจี ิตเภท กลุ่มก่อนกลบั บา้ น - อธบิ ายแนวทางการเผชญิ ปัญหาได้
จิตบำบดั ประคับประคอง เหมาะสม
- ให้ติดต่อพูดคุยกับญาติ เพ่ือลดความเครียดและความกงั วลเช่น การโทรศพั ท์ติดตอ่ ญาติให้ - รับรู้ความมคี ุณค่าตนเองเพิ่มข้ึน
มาเยี่ยม
- ประสานทีมสหวิชาชพี เพือ่ หาแนวทางในการช่วยเหลือตามสภาพปญั หาและความต้องการ
- บนั ทึกอาการ พฤติกรรมประเมนิ ผลและส่งต่อเวรต่อเน่ือง
- ประเมินความเส่ยี งต่อการทำรา้ ยตวั เองตามแบบประเมนิ ความเส่ียงท่สี ำคัญทางคลินกิ (
SAFE: S ) ประเมนิ 8Q/ 9Q
-สรา้ งสมั พนั ธภาพเพื่อการบำบดั โดยเปดิ โอกาสให้ระบายความคดิ ความรู้สึกและร่วมกัน
คน้ หาแนวทางท่ีเหมาะสม
- สังเกตอารมณ์ พฤติกรรมและถามความคิด แผนการฆ่าตวั ตายอยา่ งตรงไปตรงมา
- มอบหมายบุคลากรดแู ลใกลช้ ดิ เฝ้าระวังตามมาตรการป้องกนั ความเส่ยี งทส่ี ำคัญทางคลินิก
(SAFE: S)
-จดั ส่งิ แวดล้อมใหป้ ลอดภยั ไม่มีอปุ กรณท์ ่ีเอื้อตอ่ การนำไปใชท้ ำรา้ ยตนเองเช่นของมีคมเชอื ก
-จัดใหอ้ ยใู่ กลบ้ ริเวณทำงานเพ่ือสามารถติดตามอาการและมองเห็นการเปลยี่ นแปลงได้ชัดเจน
- ดูแลให้ไดร้ บั ยาตามแผนการรักษาและสงั เกตภาวะขา้ งเคยี งของยาทอ่ี าจเกดิ ขึ้น
- กรณีมีความเสี่ยงตอ่ การทำร้ายตนเองพิจารณาใหย้ า Prnตามแผนการรกั ษา
- จำกัดพฤติกรรมเมือ่ ไมส่ ามารถควบคมุ อารมณ์ พฤตกิ รรมได้ โดยอธิบายความจำเป็น
ระยะเวลาของการจำกัดพฤติกรรมและดูแลอย่างใกลช้ ดิ
- พิจารณารายงานแพทย์ตามความเหมาะสม
ฉบับปรับปรุง 11 มิถนุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
- เม่ืออาการทางจติ สงบ ทำจิตบำบดั รายบุคคล / กลมุ่ โดย เน้นใหร้ บั รูอ้ ารมณ์ ความรสู้ ึก
และพฤตกิ รรมของตนเองผลเสียทเี่ กิดข้นึ สนับสนนุ ใหค้ ิดหาวธิ กี ารเผชญิ ปัญหา
ในทางทเี่ หมาะสม พร้อมทั้งส่งเสริมใหก้ ำลังใจในการจดั การปญั หา
- จัดเข้ากลุม่ กิจกรรมเทคโนโลยีจิตเภท เชน่ กลุม่ เสรมิ สรา้ งคุณค่าในตนเอง
- ให้คำปรึกษาครอบครัวเพื่อร่วมวางแผนการดแู ลต่อเนอ่ื ง
- บนั ทกึ อาการ และประเมินผลต่อเนอื่ ง
7.ไมย่ อมรบั ประทาน - ผ้ปู ่วยได้รับสารนำ้ และ - กระตุ้น/ป้อนอาหารน้ำใหผ้ ู้ปว่ ย - ผู้ปว่ ยได้รับสารนำ้ และอาหารอยา่ ง
อาหาร และไมด่ ื่มนำ้ อาหารอยา่ งเพยี งพอต่อ
ความต้องการของรา่ งกาย - ให้ขอ้ มูลความจำเปน็ และประโยชน์ในการรบั ประทานอาหาร และการดม่ื นำ้ เพยี งพอต่อความตอ้ งการของรา่ งกาย
- สังเกต/ประเมนิ การรบั ประทานอาหาร/น้ำของผู้ป่วย - ผปู้ ว่ ยรับประทานอาหารได้ตามปกติ
- หากยงั ไมย่ อมรบั ประทานอาหาร และไม่ดืม่ น้ำรายงานแพทย์เพื่อใหส้ ารน้ำทางหลอดเลือด และเหมาะกบั โรคทเี่ ป็น
- แนะนำ/ สอนผ้ปู ว่ ย เก่ยี วกับการรับประทานอาหารทีเ่ หมาะกบั โรคของผู้ปว่ ย
- ประสานนกั โภชนาการเพื่อจดั อาหารผปู้ ว่ ยที่เหมาะสม
8. เกดิ อนั ตรายจากฤทธ์ิ - ผปู้ ว่ ยปลอดภยั /ไมเ่ กิด - ดูแลให้ยาตามแผนการรักษา และสังเกตอาการข้างเคียงของยา ตลอดจนการเสริมฤทธิ์ของ -ผปู้ ว่ ยปลอดภยั / ไม่เกิดอันตรายจาก
ข้างเคียงของยาทรี่ ักษา อันตรายจากฤทธ์ิข้างเคยี ง
ยาบางตัวที่อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อันตรายต่อผปู้ ่วยได้ หากพบอาการข้างเคยี งจากยา พยาบาลให้ ฤทธข์ิ ้างเคียงของยาทีร่ กั ษา
ของยาที่รักษา
ข้อมูลและช่วยเหลอื เบ้ืองต้นหลังจากนั้นประสานงานกบั เภสัชกรประจำตกึ เพ่ือประเมนิ - สามารถสังเกตอาการเปลี่ยนแปลง
ผ้ปู ว่ ย และรายงานแพทยเ์ พ่ือปรับแผนการรกั ษาทเ่ี หมาะสม ตนเองจากฤทธข์ิ ้างเคยี งของยาทีร่ ักษา
- check vital signs ได้
- แนะนำ / สอนผปู้ ่วยให้สงั เกตอาการเปลย่ี นแปลงท่เี ป็นผลขา้ งเคียงของการรักษา ตลอดจน
การขอความช่วยเหลือจากพยาบาลหรือผปู้ ว่ ยอ่ืน
9.นอนไม่หลับ/พกั ผ่อน - นอนหลับพกั ผ่อนได้ - ประเมินสาเหตุของการนอนไมห่ ลบั ชว่ งเวลาการนอนและการต่ืน ตลอดจนสังเกตอาการ/ - นอนหลับพักผ่อนได้
ไม่เพยี งพอ อยา่ งน้อย 6 – 8 ชว่ั โมง
ตดิ ตอ่ กนั กิจกรรมที่ทำระหวา่ งวนั พร้อมทง้ั บนั ทึกอย่างละเอยี ด เพื่อให้การชว่ ยเหลือได้ถูกต้อง อยา่ งน้อย 6 – 8 ชว่ั โมง
- พูดคุยสร้างสัมพันธภาพเพ่ือการบำบัด เปดิ โอกาสใหร้ ะบายความรสู้ ึก ความคับข้องใจ ตดิ ต่อกัน
ปัญหาและสาเหตุของการนอนไมห่ ลบั - สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้
ฉบบั ปรับปรุง 11 มิถนุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
โดยไม่มีทา่ ทางงว่ งนอน
10. ประสาทหลอน / - ปลอดภัยจากการรับรทู้ ่ี - รับฟัง ไมต่ ำหนิ ไม่วพิ ากษว์ ิจารณ์ อธิบายให้ทราบถึงผลเสยี ของการนอนไมห่ ลบั ให้ความรู้
หวาดระแวง ผดิ ปกติ การปฏบิ ัติตัวเพื่อส่งเสรมิ และทำให้นอนหลบั ได้ เชน่ ไมด่ ื่มน้ำมาก ก่อนนอน งดอาหารหรือ - ปลอดภัยจากการรบั ร้ทู ี่ผิดปกติ
- ไมม่ ีอาการประสาทหลอน เครือ่ งด่ืมทีเ่ ป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับ การปฏิบตั ิตัวเม่ือนอนไมห่ ลับไดแ้ ก่การทำสมาธิ - การรับรูถ้ ูกต้องเหมาะสมตรงกับ
ภายใน 2 สปั ดาห์ การสดู ลม หายใจเขา้ -ออก และการนับ จำนวนโดยนบั เลข ความเป็นจรงิ
- สนับสนนุ ให้คน้ หาแนวทางการจัดการกับอารมณ์ของตนเองและทดลองปฏิบตั ิ -ภายใน2สัปดาห์ ไมม่ ีอาการประสาทหลอน
- เมือ่ มีอาการนอนไม่หลับ ให้แจง้ กบั พยาบาลเพ่ือประเมินอาการเปลย่ี นแปลง
- จดั ส่ิงแวดลอ้ มให้เอ้ือและเหมาะสมกบั การนอนโดยมีความสงบ อากาศถา่ ยเทดี ไม่มเี สียง
รบกวนจัดเคร่อื งนอนให้สะอาดและเหมาะสมกับสภาพอากาศเพ่ือช่วยเหลือให้นอนหลบั ได้
อย่างเพยี งพอ
- ดแู ลใหร้ ับประทานยาตามแผนการรักษาและสงั เกต ฤทธิ์ขา้ งเคียงของยา
- รายงานแพทย์เม่อื นอนหลับไดน้ ้อยกวา่ 6 ชว่ั โมง ตดิ ตอ่ กันเพอื่ พจิ ารณาแผนการรกั ษา
-ประเมนิ การรบั รแู้ ละภาวะเส่ยี งตา่ งๆท่อี าจเกดิ ขึ้นเพอ่ื เตรียมความพรอ้ มและวางแผนการดแู ล
- สร้างสัมพันธภาพเพื่อบำบัดอย่างต่อเนื่อง โดยการทกั ทาย เปิดโอกาสใหร้ ะบายความไม่
สบายใจ รบั ฟัง ความคดิ เหน็ โดยไมโ่ ต้แยง้ และไม่สนบั สนุน
- จัดส่ิงแวดล้อมสง่ เสริมการรับรู้ที่ถูกต้องและสงบ ปลอดภัย หลีกเลี่ยงส่ิงกระตุ้นรบกวน
- อธิบายให้ขอ้ มลู ตามความเป็นจรงิ
- มอบหมายบคุ ลากรดูแลใกลช้ ดิ เฝา้ ระวังตามมาตรการปอ้ งกนั ความเสยี่ งท่สี ำคญั ทางคลินกิ (SAFE)
- กรณีไม่สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมได้พจิ ารณาใหย้ าตามความจำเป็นและ/จำกดั
พฤติกรรมตามความเหมาะสม
- จติ บำบดั รายบคุ คลเม่ือสามารถควบคมุ ตนเองไดโ้ ดยเน้นให้คน้ หาสาเหตแุ ละวางแผนหา
แนวทางในการดูแล/จดั การกับอาการหูแว่ว ภาพหลอนในทางท่ีเหมาะสมและปลอดภยั เช่น
การควบคมุ ตนเอง การควบคุมความคดิ การหนั เหความสนใจไม่สนใจต่ออาการประสาท
หลอน
ฉบบั ปรับปรุง 11 มถิ ุนายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
11. ผปู้ ว่ ยสับสน
- สง่ เสรมิ ใหก้ ำลังใจเมื่อสามารถแยกแยะความเปน็ จริงกบั อาการของตนเองไดเ้ หมาะสม
12. ความภาคภูมใิ จใน
ตนเองต่ำ - ดูแลให้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์
- รายงานแพทยเ์ มอื่ มีอาการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับเปล่ียนการรักษา
- บันทึกพฤตกิ รรมของผู้ปว่ ยและสง่ เวรต่อเนื่องทุกราย
- การรับรู้วนั เดอื น ปี เวลา - ประเมนิ การรบั รู้ วัน เดอื น ปี เวลา บุคคล สถานท่ีและ re-orientationใหซ้ ้ำ ๆ - ผ้ปู ว่ ยปลอดภัย ไม่ได้รบั อันตราย
บคุ คล สถานท่ีถูกต้อง - ประเมิน Neuro sign กรณีผู้ปว่ ยมปี ระวัตหิ กลม้ บ่อย การทรงตวั ไม่ดี และได้รับอุบัติเหตุ การรบั รวู้ นั เดือน ปี เวลา บุคคล
กอ่ นมาโรงพยาบาล สถานท่ถี ูกตอ้ ง
- ประเมินอาการไมพ่ ึงประสงคจ์ ากยาในแบบบนั ทึก กรณีไดร้ บั ยาทีม่ คี วามเสี่ยง
- สังเกตและบันทึกสัญญาณชพี ของรา่ งกาย ทุก 4 ชม. หรอื ตามความเหมาะสม
- ดแู ลให้ไดร้ ับสารอาหารและน้ำดมื่ ให้เหมาะสมกับความต้องการของรา่ งกาย
-ดูแลหรอื ชว่ ยเหลือการทำกิจวจั นป์ ระจำวัน เช่นการอาบน้ำ สระผม แปรงฟนั การ
รบั ประทานอาหาร การหลับนอน
- ระมัดระวงั อุบตั เิ หตุโดยดูแลใกล้ชดิ ขณะเคลอื่ นไหวรา่ งกาย ถา้ จำเป็นให้จำกัดพฤติกรรม
ใหน้ อนบนเตยี ง
- รายงานแพทย์เมอ่ื มอี าการเปลีย่ นแปลง เพ่อื ปรบั แผนการรกั ษา
- มีความภาคภมู ิใจในตนเอง - ประเมินความรู้สึกภาคภมู ใิ จ / ความมคี ณุ คา่ ในตนเอง - บอกความสำเรจ็ ทผ่ี ่านมา เป้าหมาย
สงู ขน้ึ - สรา้ งสมั พนั ธภาพเพื่อการบำบัด อยูเ่ ปน็ เพอ่ื นเข้าใจความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม เปิด ในอนาคตได้
โอกาสให้ระบายความคดิ ความรู้สกึ เก่ยี วกับความภาคภูมิใจ / ความมีคณุ คา่ ของตนเอง - บอกถงึ ข้อดีและจุดเดน่ ของตนเองได้
- กระตนุ้ ให้พูดถึงตนเองทั้งทางบวก ทางลบและร่วมกันหาวิธีเปลย่ี นความคดิ ทางลบเพื่อ - ทำกจิ กรรมทไี่ ด้รับมอบหมายไดส้ ำเร็จ
สง่ เสรมิ ให้เห็นคณุ ค่า / คดิ เกี่ยวกับตนเองในทางบวกมากข้ึน - บอกความภาคภูมิใจในตนเองให้ผู้อ่ืน
- ค้นหาความสามารถหรือลกั ษณะเด่นทีท่ ำให้รสู้ กึ ภาคภูมใิ จ/มีคุณค่าท้ังในอดตี และปัจจุบนั ทราบได้
- จิตบำบัดรายบุคคลเพือ่ ปรบั มมุ มองต่อตนเองและเสรมิ สร้างความภาคภมู ใิ จ /ความมีคุณค่า
Assessment Objective Intervention ฉบับปรบั ปรงุ 11 มถิ ุนายน 2564
- จัดสิง่ แวดลอ้ มให้ปลอดภัยและเหมาะสม โดยการ ลด/ หลีกเลี่ยงสง่ิ กระตุ้นทส่ี ง่ เสริมให้เกิด Outcome
ความรสู้ กึ ภาคภูมิใจต่ำ/ดอ้ ยค่า
- ให้มสี ว่ นรว่ มในการวางแผนดแู ลตนเองและจัดกิจกรรมสง่ เสรมิ ความรสู้ ึกภาคภูมิใจ/มี
คณุ ค่า โดยมอบหมายงาน/กจิ กรรมที่ทำสำเร็จในระยะเวลาสนั้
เชน่ การจัดโต๊ะอาหาร การจดั เก็บแก้วนำ้
- กลา่ วชมเชย และให้กำลงั เมอื่ ผู้ป่วยทำงานทม่ี อบหมายไดส้ ำเรจ็
ระยะฟื้นฟูเริ่มต้น (Rehabilitation)/ระยะกลาง (Interim stage) ภายใน 14วนั
Assessment Objective Intervention Outcome
13. การเผชญิ และการ - สามารถบอกวิธีการในการ - ประเมนิ ความคิดอารมณ์ พฤติกรรมและความรสู้ กึ กลไกทางจิตและความตอ้ งการต่อเหตุการณ์ท่เี กิด - สามารถบอกวิธีการในการปรบั ตัวเม่อื
แกไ้ ขปัญหาไมเ่ หมาะสม ปรับตัวเมื่อต้องเผชิญกับ - อภิปรายร่วมกันถงึ สาเหตุกระตุ้น วธิ ีการทใี่ ช้ในการปรบั ตัว ผลกระทบ ตอ้ งเผชญิ กับปัญหา/ความเครยี ดได้
ปัญหา/ความเครียดได้ - แนะนำวธิ กี ารเผชญิ ปัญหาที่เหมาะสม ใหต้ ดั สนิ ใจเลือกและเปดิ โอกาสใหท้ ดลองใชต้ ามวธิ กี ารทเ่ี ลือก ถกู ต้อง
ถูกตอ้ ง - กระตนุ้ ให้พดู คยุ ถึงความคับข้องใจ อึดอดั ใจ ไม่สบายใจหรอื ปัญหาในครอบครวั และวิธกี าร
ท่คี รอบครัว/ตนเองใช้แกป้ ัญหาในอดีต
- สง่ เสรมิ วธิ ีการเลอื ก และชมเชย ใหก้ ำลงั ใจ เมือ่ สามารถปฏบิ ัตไิ ด้อย่างถูกต้องเหมาะสม
- จัดใหเ้ ข้ารว่ มกลมุ่ กบั ผูป้ ว่ ยอื่นโดยเร่มิ จากกลุม่ ที่มสี มาชิก
น้อย/ใชส้ มาธนิ ้อย หลังจากนั้นใหเ้ ขา้ ร่วมกลุ่มท่ตี ้องใชส้ มาธิเพม่ิ ขนึ้ เช่น กลมุ่ เทคโนโลยีการ
ดแู ลผูป้ ว่ ยจิตเภท กลมุ่ จิตบำบดั เป็นต้น เพื่อให้เกดิ การเรียนรใู้ นการปรบั ตัวรว่ มกัน
- จัดใหเ้ ข้ารว่ มกลมุ่ เสรมิ สรา้ งทักษะชวี ิต เช่น กลุ่มทางสังคม ทักษะการตัดสินใจ ทกั ษะการ
จดั การกับอารมณแ์ ละความเครยี ด ทักษะการปฏิเสธ เพื่อใหพ้ จิ ารณาทางเลือกและนำไป
ประยุกตใ์ ช้ ในชวี ิตประจำวนั ขณะอย่บู า้ นได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม
- ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ด้านรา่ งกายจติ ใจสงั คมทีไ่ มข่ ัดตอ่ แผนการรักษาพยาบาลและความต้องการ
ฉบบั ปรบั ปรงุ 11 มถิ ุนายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
14. วิตกกังวลเกี่ยวกับ - สีหนา้ แววตาแจม่ ใสความวติ กกงั วลลดลง
การรักษาด้วยไฟฟ้า - เปิดโอกาสให้ญาติเยีย่ มให้ข้อมลู และคำแนะนำในการดูแลผู้ปว่ ย อยา่ งต่อเน่ือง - มคี วามเข้าใจ/ความรทู้ ่ีถูกต้องต่อการ
รักษาดว้ ยไฟฟ้า
15. มีอาการไมพ่ ึงประสงค์ - สหี นา้ แววตาแจม่ ใส - สรา้ งสมั พันธภาพเพ่ือการบำบดั เปิดโอกาสให้ระบาย ความรสู้ ึกเกย่ี วกับความวิตกกังวล - ไมแ่ สดงพฤติกรรมวติ กกังวล เชน่
จากการรบั ประทาน ต่อตา้ นไมร่ ่วมมือถามซำ้ ๆนอนไมห่ ลับ
ยาที่มีความเสยี่ งสงู ความวิตกกงั วลลดลง - ประเมนิ ความวติ กกงั วล โดยการสอบถามความเข้าใจ ความคดิ เห็น ความรสู้ ึกและ
- ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่ได้รบั อนั ตรายจาก
- มคี วามเขา้ ใจ/ความร้ทู ่ี ประสบการณเ์ ดมิ ที่มีตอ่ การรักษาดว้ ยไฟฟ้า ยาท่มี ีความเสย่ี งสงู
ถูกต้องต่อการรักษา ด้วย - ประเมินความวิตกกังวล โดยสอบถาม/สังเกตอาการที่เกิดจากความวติ กกังวล เชน่ กระวน
ไฟฟา้ กระวาย นอนไมห่ ลับต่อตา้ น ไม่รว่ มมือ เป็นต้น
- อธิบายถงึ เหตุผลความจำเป็นประโยชน์ขนั้ ตอนการรกั ษาการปฏบิ ตั ิตวั แลภาวะแทรกซ้อนทีอ่ าจเกิดขึ้น
- เปดิ โอกาสใหซ้ กั ถามขอ้ มลู การรกั ษาและอธบิ ายเพ่ิมเติม
- เสรมิ สรา้ งความเชอื่ ม่นั /มน่ั ใจในความปลอดภยั จากการรักษาด้วยไฟฟา้
- ดูแลใหเ้ ข้ากลุ่มสนทนากบั ผู้ปว่ ยอน่ื ท่มี ปี ระสบการณร์ กั ษาด้วยไฟฟ้าและมีประสบการณ์ดตี ่อการรกั ษา
- จัดกจิ กรรมเบยี่ งเบนความสนใจโดยการใหด้ ูโทรทศั น์ฟังเพลง อา่ นหนงั สือหรอื สวดมนต์
- รายงานแพทยเ์ มื่อระดับความวิตกกังวลรนุ แรง/สงู สุดเสย่ี งตอ่ การเกดิ อันตราย/ภาวะแทรกซ้อน
- สง่ ตอ่ ขอ้ มูลความวติ กกงั วลแกห่ นว่ ยรักษาด้วยไฟฟ้า
- ผู้ปว่ ยปลอดภยั ไม่ได้รบั - ประเมินอาการและอาการแสดง สัญญาณความผดิ ปกตจิ ากผลขา้ งเคียงของยาท่ีไม่รุนแรง
อนั ตรายจากยาท่ีมีความ เชน่ งว่ งนอน ปากแห้งคอแห้ง คลน่ื ไส้ อาเจยี น ท้องผกู มือสัน่ หรือมีอาการน้ำลายไหล
เสย่ี งสงู มากกว่าปกติ และสังเกตอาการ ข้างเคยี งทีร่ ุนแรง เช่น ไข้ ชัก หวั ใจเตน้ เร็ว หายใจสั้น
อ่อนเพลียมาก ปวดท้องอุจจาระซดี มีผนื่ ข้นึ หรือมเี ลอื ดออกผิดปกติ
- อธิบายใหเ้ ข้าใจ และรบั รเู้ ก่ียวกบั ผลข้างเคยี งของยาเพ่ือใหไ้ มว่ ติ กกงั วลกับอาการทเี่ กิดข้นึ
- อธิบาย ความสำคัญของการมีสว่ นรว่ มดูแลสุขภาพตนเองด้วยการให้ข้อมลู อาการและ
สังเกตอาการผดิ ปกตทิ ี่อาจ เกิดข้นึ
- ตรวจวดั สัญญาณชพี ประเมินอาการและบันทึกการ เปลย่ี นแปลงต่อเน่ือง
ฉบับปรบั ปรุง 11 มถิ นุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
- ดแู ลใหร้ ับประทานอาหาร และน้ำเพยี งพอกบั ความ ตอ้ งการของร่างกาย โดยรบั ประทาน
อาหารครบ 5 หมู่ และใหด้ ม่ื น้ำวนั ละ 6 – 8 แก้ว
- ดแู ล สง่ เสรมิ ช่วยเหลือการทำความสะอาดรา่ งกาย ความสขุ สบาย การขับถ่ายตามสภาพ
อาการและความต้องการทีเ่ หมาะสม
- จัดสงิ่ แวดล้อมให้ปลอดภยั และตรวจเย่ยี มเป็นระยะ ๆ
- รายงานแพทยเ์ มือ่ อาการเปลี่ยนแปลงไม่ดีขนึ้
16. เสี่ยงต่อการใช้ยา - สามารถบอกโทษ อนั ตราย - สร้างสมั พนั ธภาพเพื่อการบำบัดอยา่ งต่อเน่ือง - สามารถบอกแนวทางการเผชญิ ปญั หา
เสพติดซำ้ /ไมต่ ระหนักใน ของ สารเสพติดได้กอ่ น D/C - ทำ MI /BI /CBT เพ่อื สร้างแรงจูงใจในการเลิกยา และปรบั เปลยี่ นความคดิ ใหถ้ ูกต้องตอ่ ทเ่ี หมาะสมได้
การเลิกยาเสพติด/ขาด - มีแรงจงู ใจในการเลกิ สาร การใช้สารเสพติด และ ใหข้ ้อมูลถึงผลเสีย/โทษของสารเสพติด อนั ตราย ที่ไดร้ บั - สามารถบอกโทษ อนั ตรายของ สาร
แรงจงู ใจในการเลกิ สาร เสพตดิ ≥ ระดับ3ก่อน D/C - จิตบำบดั รายบุคคล คน้ หาสาเหตขุ องปญั หาให้รบั รู้อารมณ์ ความรสู้ ึกของตนเอง และร่วม เสพติดได้กอ่ น D/C
เสพตดิ ค้นหาทางเลือกในการเผชญิ ปัญหาในทางทีเ่ หมาะสมเปน็ ท่ียอมรบั ของสงั คม - สามารถบอกวิธีหลกี เลี่ยงการกลบั ไป
- จัดใหเ้ ขา้ รว่ มกิจกรรมทกั ษะทางสงั คมเชน่ ทักษะการปฏเิ สธเมอื่ เพื่อนชวนใหก้ ลบั ไปใชส้ ารเสพติด ใช้สารเสพติดซ้ำได้เหมาะสมอยา่ งน้อย
- จัดใหเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรม Matrix program และเนน้ Relapse prevention 10 ขอ้
ระยะฟื้นฟสู มรรถภาพ ระยะก่อนกลบั บา้ น (Pre-discharge stage) ภายในช่วง 15-30วัน
Assessment Objective Intervention Outcome
- มคี วามภาคภูมใิ จในตนเองสูงข้นึ
17. รู้สึกไรค้ ่า/ความ - ความภาคภูมิใจในตนเอง - ประเมินความภาคภมู ิใจในตนเอง ในกรณที ผ่ี ปู้ ว่ ยมีความภาคภมู ิใจในตนเองตำ่ (Cooper (คะแนน self esteem สงู ขึ้นในระดบั
ปานกลางข้ึนไป)
ภาคภมู ิใจใน ตนเองตำ่ สงู ขนึ้ Smith’s self esteem) ท่แี ปลโดย นาตยา (2532)
- จัดให้เขา้ กลมุ่ ใหเ้ ขา้ กลุ่มเสริมสรา้ งความภาคภูมใิ จสำหรับผปู้ ว่ ยตดิ สรุ า (RT) อย่างต่อเน่ือง
จนครบ Course เพ่ือสรา้ งความภาคภมู ใิ จในตนเอง และให้ความร้เู กีย่ วกับความคิดท่ีทำให้
เกิดทุกข์ ตลอดจนการฝกึ ปรับเปลีย่ นความคิด
ฉบบั ปรับปรุง 11 มิถนุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
18. ขาดความตระหนกั - ผู้ปว่ ยบอกโทษพิษภยั ของ - ประเมนิ ข้ันตอนการเปลยี่ นแปลงพฤติกรรม (stage of change) และ เสริมสรา้ งแรงจงู ใจตาม - ผปู้ ่วยบอกโทษพิษภัยของสุสารเสพ
เรื่องโทษ และพิษภยั ของ สารเสพติดถูกต้อง ขั้นตอนการเปล่ยี นแปลงพฤติกรรม ตดิ ถูกต้อง
สารเสพติด - ใหค้ วามรู้ ผปู้ ่วยเกย่ี วกับโรคสมองตดิ ยา โรคร่วม อาการ และการรักษาแก่ผู้ปว่ ยและญาติ - ผปู้ ่วย และครอบครวั อธิบายโรค
ตามคมู่ ือครอบครัวศึกษาฯ และ VCD เสน้ ตายและตายท้ังเป็น สมองติดยาและอาการเตือนการกลบั
เสพสารเสพตดิ ซำ้ ได้
- ให้ ความรูแ้ ก่ผู้ป่วย และครอบครัวเกีย่ วกับการสังเกต อาการเตือนการกลับไปใชส้ รุ าซำ้
ของผ้ปู ว่ ย และแนวทางการช่วยเหลือ (ตามคูม่ ือครอบครวั ศกึ ษาฯ กล่มุ และหรือค่มู อื กลุ่ม
กจิ กรรมบำบัดผปู้ ว่ ยที่มีข้อจำกดั ทางเชาว์ปัญญา)
- เตรยี มความพร้อมผ้ปู ว่ ยและครอบครวั ตามแนว D-METHOD
19. คดิ ถึงสารเสพติด - มแี รงจูงใจในการเลกิ สาร - ประเมินข้ันตอนการเปลีย่ นแปลงพฤติกรรม (stage of change) และ เสรมิ สร้างแรงจูงใจ - ผู้ป่วยมแี รงจงู ใจในการเลกิ สารเสพ
และขอกลับบา้ นทั้งท่ี เสพตดิ ≥ ระดับ3ก่อน D/C
อาการยงั ไมด่ ี ตามข้ันตอนการเปล่ียนแปลง ตดิ ≥ ระดบั 3ก่อน D/C
- ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วโทษพิษภัยของสารเสพตดิ
- ใหค้ วามรู้โทษพษิ ภยั ของสารเสพติดทั้ง individual / group
- ใหข้ อ้ มูลขนั้ ตอนการกลับบา้ น
20.ยังคดิ ถงึ สารเสพตดิ / - ผู้ปว่ ยมแี รงจูงใจในการ - ประเมินข้ันตอนการเปล่ยี นแปลงพฤติกรรม (stage of change) และ เสรมิ สร้างแรงจงู ใจตาม - ผ้ปู ่วยมีแรงจูงใจในการเลกิ สารเสพ
คดิ วา่ กลับไปใช้วันละ เลกิ สารเสพติด ต้ังใจ
น้อย ๆ คงไม่ตดิ ซ้ำ บำบดั รกั ษา ขัน้ ตอนการเปล่ียนแปลง ตดิ ตงั้ ใจบำบดั รักษา
- ประเมินความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วโทษพษิ ภยั ของสารเสพติด - ผปู้ ว่ ยและญาตบิ อกสญั ญาณเตอื น
- ใหค้ วามรโู้ ทษพิษภัยของสารเสพตดิ สารเสพติดทงั้ individual / groupแก่ผปู้ ่วยและญาติ ของการกลับไปเสพสารเสพติดซำ้
- ใหเ้ ขา้ กล่มุ กิจกรรมความคดิ กับวงจรการใช้ยาเสพตดิ
- ใหข้ อ้ มูลสัญญาณเตือนของการกลบั ไปเสพสารเสพติดซำ้
21. วติ กกงั วลเรอ่ื งของ - ผู้ปว่ ยมีระดบั ความวติ ก - ประเมนิ ระดบั ความวติ กกงั วลดว้ ยเครือ่ งมือ Anxiety’s Spillberger - ผู้ป่วยมรี ะดับความวิตกกังวลลดลง
ตนเองและครอบครัว กังวลลดลง
- ค้นหาข้อมูลเพิม่ เติมและทำ Family counseling
ฉบบั ปรบั ปรงุ 11 มถิ นุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
- ผู้ป่วยและครอบครัวมี - สอนทักษะการส่ือสารในครอบครวั แกผ่ ้ปู ว่ ย และครอบครัววธิ ีการผอ่ นคลายความเครียด - ผปู้ ว่ ยและครอบครวั มีความเข้าใจต่อ
22. วิตกกงั วลกลวั เลิก ความเข้าใจต่อกันดขี นึ้ กอ่ น การเผชญิ กบั ความเครียด การจัดการกบั อารมณ์ ความรูส้ กึ ทางลบได้อยา่ งเหมาะสม กันดีขน้ึ
สารเสพตดิ ไม่ได้ จำหน่าย
- ในกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาซับซ้อนประชุมทีมสหวชิ าชีพ ผปู้ ว่ ยและครอบครัวเพื่อสรปุ ผลการ
ดแู ล
- ประสานงานกับจิตเวชชุมชนเพอ่ื การดูแลต่อเนื่องทีเ่ หมาะสม
- แนะนำแหลง่ สนับสนุนทางสังคมจติ ใจแกผ่ ปู้ ่วยและครอบครวั เชน่ chat boardคลาย
เครียดของโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ Hot line ของกรมสขุ ภาพจิต คลินกิ คลายเครยี ด
และคลนิ ิกใหค้ ำปรึกษา เป็นต้น
- ผู้ป่วยมีความมั่นใจในตนเอง - ประเมินขนั้ ตอนการเปลีย่ นแปลงพฤตกิ รรม (stage of change) และ เสริมสร้างแรงจูงใจตาม - ผ้ปู ว่ ยมคี วามมนั่ ใจในตนเองมากข้ึน
มากข้ึนโดยบอกแนวทางการ ข้นั ตอนการเปล่ียนแปลง โดยบอกแนวทางการปฏิบัติตัวที่ทำให้
ปฏิบตั ติ ัวที่ทำให้เลกิ สารเสพ - ฝึกทักษะปฏิเสธเมอื่ เพือ่ นชวนไปเสพยาเสพตดิ แก่ผู้ปว่ ย เลิกสารเสพตดิ ได้
ตดิ ได้ - ให้ความรู้เร่ืองการจดั กจิ กรรมในแตล่ ะวันใหส้ มดลุ เช่น การรับประทานอาหาร การทำงาน
การนอนหลับการพักผ่อนการคลายเครยี ดทเี่ หมาะสม การเขา้ ร่วม
กิจกรรมทางสงั คมทเ่ี หมาะสม
- ให้ความรเู้ ก่ยี วกับวิธฟี ันฝ่าอุปสรรค ในการเลิกสรุ าระยะกลาง ระยะฝ่าอุปสรรค และ ระยะ
ปลาย
- ฟน้ื ฟผู ูป้ ่วยอยา่ งต่อเน่ือง โดยการทำกลุ่มกิจกรรมตาม
โปรแกรมการดูแลผปู้ ว่ ยที่มปี ัญหาสุขภาพจติ จากสารเสพติดแบบครบวงจรโดยทีมสหวิชาชพี
- จัดกจิ กรรมกลุม่ ครอบครวั บำบดั โดยให้ครอบครวั มสี ว่ นรว่ มในการดูแล และร่วมแก้ปญั หา
- ในกรณีที่ผู้ป่วยมีปญั หาซับซ้อนประชมุ ทีมสหวชิ าชพี ผปู้ ่วยและครอบครัวเพ่ือสรุปผลการ
ดแู ล
- ใหข้ ้อมูลแกผ่ ูป้ ่วยถงึ ความจำเป็นในการรบั ประทานอยา่ งต่อเนื่อง และการพบแพทย์ตามนดั
ฉบับปรับปรงุ 11 มิถุนายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
- ประสานงานกบั จิตเวชชมุ ชนเพอ่ื การดแู ลต่อเน่ือง
23. การจัดการกับปัญหา - ผปู้ ว่ ยบอกแนวทางการจัดการ - ร่วมกนั หาแนวทางในการผ่อนคลายความเครยี ด และป้องกนั การเกิดความเครียดตาม - ผู้ป่วยบอกแนวทางการจัดการกับปัญหา
ความเครยี ด/อารมณ์ไม่ กบั ปญั หาความเครยี ด/อารมณ์ โปรแกรมการดูแลผู้ปว่ ยที่มปี ัญหาสุขภาพจติ จากสุรายาเสพติดแบบครบวงจรโดยทมี สห ความเครียด/อารมณ์ได้เหมาะสม
เหมาะสม ได้เหมาะสม วชิ าชีพ โดยให้ผู้ปว่ ยบอกวิธที ่เี คยใชก้ อ่ น และพยาบาลเสนอเพิ่มเตมิ เกย่ี วกบั ภมู ปิ ัญญา
ตะวนั ออก เช่น การกดจุด การนวด การเกรง็ -คลายกล้ามเน้ือ การฝึกหายใจ การฝกึ สมาธิ
การอา่ นหนังสือธรรมะ การออกกำลงั กายสม่ำเสมอ โยคะ เป็นต้น
- ฝึกทักษะปฏเิ สธเมื่อเพื่อนชวนไปเสพสารเสพตดิ แกผ่ ูป้ ่วย
- ให้ความรเู้ กี่ยวกบั วธิ ีฟันฝ่าอุปสรรคในการเลกิ สุราระยะกลางระยะฝ่าอุปสรรคและระยะปลาย
- ฟ้ืนฟูผูป้ ว่ ยอยา่ งต่อเนื่อง โดยการทำกลุ่มกิจกรรมตามโปรแกรมการดูแลผูป้ ว่ ยทม่ี ีปัญหา
สขุ ภาพจติ จากสารเสพติด
- ใหข้ ้อมูลแกผ่ ้ปู ว่ ยถงึ ความจำเปน็ ในการรับประทานอย่างต่อเนอื่ ง เพือ่ ควบคุมอารมณ์ ทำให้คลาย
เครียด พักผอ่ นได้และการพบแพทย์ตามนัด
- ใหส้ งั เกตอาการตนเอง เช่น หงุดหงดิ ง่าย นอนไม่หลบั นานเกิน 3 วนั ให้รีบมาพบแพทย์
24. กลวั ไมม่ ีงานทำ - ผปู้ ่วยบอกเรือ่ งงานทีจ่ ะไป - ค้นหาขอ้ มูลเพิม่ เติมและให้ขอ้ มลู เรื่องการทำงาน เช่นให้ทบทวนงานที่ครอบครัวมีอยูแ่ ละ - ผปู้ ว่ ยบอกเรือ่ งงานท่ีจะไปทำเมือ่
ทำเม่อื กลบั บา้ นไดเ้ หมาะสม ช่วยทำงานเดมิ หากไมม่ ีงานประจำหรอื งานอื่นทำก็ใหช้ ่วยแบง่ ภาระครอบครวั เช่น การช่วย กลับบา้ นไดเ้ หมาะสม/มีความเป็นไปได้
ทำงานบา้ นของครอบครัว แทน เปน็ ตน้ ตามบรบิ ทของผ้ปู ่วย
- ใหข้ อ้ มูลผ้ปู ่วยและครอบครัวเร่ืองผลกระทบของการว่างงาน เชน่ ทำให้เกดิ ความร้สู ึกเหงา
เศร้า ซมึ เซ็ง เบื่อและผู้ปว่ ยก็จะหวนกลบั ไปใช้สารเสพตดิ ซ้ำ
- ประสานงานกบั นักสังคมสงเคราะหเ์ พื่อหาแหลง่ สนบั สนุนทางสังคม
25. ไมม่ เี ปา้ หมายในชวี ิต -ผปู้ ว่ ยบอกเป้าหมายการดำเนิน - ใหเ้ ข้ากล่มุ เสรมิ สรา้ งความภาคภมู ิใจสำหรบั ผู้ปว่ ยติดสารเสพตดิ (RT)อยา่ งตอ่ เนื่องจนครบCourse - ผู้ป่วยบอกเปา้ หมาย การดำเนินชวี ิต
ชีวิตไดต้ ามศกั ยภาพ - กระตุ้นใหผ้ ูป้ ่วยบอกเปา้ หมายในชีวติ ของตนเองหลงั ทำกลุ่มครบ Course ได้ตามศักยภาพและมคี วามเป็นไปได้
-ชมเชยเม่ือผ้ปู ่วยบอกเป้าหมายในชวี ิตไดเ้ หมาะสมตามศกั ยภาพในกรณบี อกไดไ้ มเ่ หมาะสมตามศักยภาพ/ ตามบรบิ ทของผู้ปว่ ย
ฉบบั ปรับปรงุ 11 มิถนุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
26. วิตกกงั วลเก่ยี วกับ
การกลบั บ้าน ตามบริบทของผู้ป่วย ความรับผิดชอบ ความเป็นไปได้จริง พยาบาลให้ข้อมูลสะท้อนกลับและร่วมกัน
27. ญาติปฏิเสธการรบั วางเป้าหมายใหม่
ผ้ปู ว่ ยกลับบ้าน
- บอกข้นั ตอนการกลบั - ประเมินความคดิ อารมณ์ การรับรู้ และพฤติกรรมในเร่ืองการกลับบา้ นอยา่ งต่อเนื่อง - สีหนา้ แววตาแจม่ ใสขึน้ วิตกกงั วลลดลง
28. เตรยี มความพรอ้ ม
ผปู้ ่วยกอ่ นกลับบา้ น บ้านและสามารถบอกการ - สรา้ งสมั พนั ธภาพเพื่อการบำบดั อยา่ งต่อเนื่อง โดยทักทาย เปิดโอกาสใหร้ ะบายความไม่ - บอกข้นั ตอนการกลบั บา้ นและสามารถ
จดั การความวิตกกงั วล สบายใจ รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ไม่โต้แย้งและไมส่ นบั สนนุ จัดการความวิตกกังวลในทางทเี่ หมาะสม
ในทางทเ่ี หมาะสม - ให้ข้อมูลทีเ่ หมาะสมเก่ียวกบั ข้นั ตอนการกลับบ้านและระเบยี บของโรงพยาบาลเก่ียวกับการจำหนา่ ย
-ส่งเสริมให้กำลังใจเพ่ือให้ร่วมมอื ในการรักษาต่อจนกวา่ แพทย์อนญุ าตให้กลบั บ้านและมีญาติมารับ
- จิตบำบัดรายบคุ คล โดยเน้นให้รับรอู้ ารมณค์ วามรูส้ กึ พฤติกรรมของตนเอง สนบั สนุนให้คดิ
หาวธิ กี ารลดความกงั วลของตนในทางที่เหมาะสมเป็นทีย่ อมรับ ของสงั คม
- จัดใหเ้ ข้ารว่ มกลุ่มกิจกรรมที่เหมาะสม เชน่ กลมุ่ นนั ทนาการ กลุ่มกฬี า กลุม่ การจัดการกบั
ความเครียด การใชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ
- เฝา้ ระวังการหลบหนี โดยการประเมนิ ความเส่ยี ง ท่ีสำคัญทางคลนิ ิกต่อเน่ือง (SAFE: E)
- จัดส่ิงแวดล้อมใหป้ ลอดภัย ปอ้ งกันการหลบหนี โดยปดิ ประตูทุกครงั้ ท่เี ขา้ – ออกห้อง
- จำหนา่ ยจากโรงพยาบาล - ประเมินความคิด ความเชอ่ื และปัญหาในการดูแลผู้ปว่ ย - จำหนา่ ยจากโรงพยาบาลโดยญาตริ บั กลับ
โดยญาตริ ับกลบั - เปดิ โอกาสให้ญาติระบายความคดิ อารมณ์ ความร้สู ึกท่มี ีต่อผปู้ ว่ ย และการรักษา - จำหน่ายจากโรงพยาบาลโดยนักสงั คมฯ
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุ อาการและการรักษาผปู้ ่วย ส่งกลับ
- ทำกล่มุ ครอบครัวศึกษา/ครอบครวั บำบดั - จำหนา่ ยจากโรงพยาบาลโดยให้ผปู้ ว่ ยกลบั
- อธบิ ายขัน้ ตอนการจำหนา่ ย และแนวทางการตดิ ต่อระหว่าง ญาติกบั ผบู้ ำบัด บ้านเอง
- ประสานความช่วยเหลอื ของนักสงั คมสงเคราะห์กับเครือข่าย
- ประสานทีมสหวิชาชพี ประเมินปัญหาและแนวทางแกไ้ ขปัญหาทเ่ี หมาะสม
- บอกวิธีการดูแลตนเองได้ - ประเมินความคดิ อารมณ์ พฤตกิ รรม การรับรู้ และความสามารถในการดูแลตนเอง/ทักษะ - ดแู ลตนเองเหมาะสมขณะอย่บู ำบัด
ถกู ต้อง การทำกิจกรรมเกีย่ วกับ balance daily life และ Relapse prevention ในโรงพยาบาล
- สรา้ งแรงจงู ใจในการ เลกิ ยา และเพ่ือสง่ เสริมการดูแลตนเองอย่างตอ่ เนื่อง
ฉบบั ปรับปรงุ 11 มถิ นุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
- ผู้ปว่ ยและญาตมิ คี วามรู้ความเข้าใจ
- มีแรงจูงใจในการเลิก - สง่ เสริมการทำกจิ วตั รประจำวนั และกิจกรรมฟนื้ ฟู เช่น กลุ่มออกกำลงั กาย กล่มุ สง่ เสริม เกี่ยวกับโรคสมองตดิ ยา
- มีความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกับผล
สารเสพติด ระดับ 3 งานอาชีพ กลมุ่ บำบดั ผูป้ ่วยยาเสพติดโดยทีมสหวชิ าชีพ กระทบของยาเสพติดตอ่ รา่ งกาย
และจิตประสาท
- บอกแหล่งสนับสนุนหรือ - ให้ความรูเ้ ร่อื งยา การรับประทานยาต่อเนื่อง และจัดยารับประทานเอง
สถานบริการที่ขอความ - จดั ใหเ้ ขา้ รว่ มกิจกรรมกลุม่ เตรยี มความพร้อมก่อนกลับบา้ น
ชว่ ยเหลือได้ - ใหค้ วามร้เู กีย่ วกับโรคสมองตดิ ยา อาการทางจิตจากการใชส้ ารเสพติด สอนทกั ษะการ
ปฏเิ สธ การจัดการกับความเครยี ด และการแก้ไขปญั หา
- แนะนำการรบั บริการจากสถานบรกิ ารใกลบ้ า้ น และการมาพบแพทยต์ ามนัด
- ให้คำปรึกษาครอบครัว / ครอบครัวบำบดั
- แนะนำช่องทางการตดิ ต่อโรงพยาบาลโดยโทรศัพท1์ 323 หรือ 077-312991 เมอ่ื ต้องการ
ขอคำปรึกษา / ความชว่ ยเหลอื ทางด้านสุขภาพ
- แนะนำการใช้สทิ ธิการรกั ษาและความสำคัญของสมดุ คมู่ ือ
- ชมเชยและใหก้ ำลงั ใจเม่ือ ผู้ป่วยมีพฤติกรรมท่ีดีข้ึน และสามารถดูแลตนเอง หรอื ให้ความ
ร่วมมอื ทำกิจกรรมไดส้ ำเร็จ
ฉบบั ปรับปรุง 11 มถิ ุนายน 2564
แบบบันทกึ ผลลพั ธก์ ารใช้ CNPG การพยาบาลผปู้ ่วยโรคเวชสารเสพติด งานการพยาบาลผู้ป่วยใน
ชือ่ นามสกลุ Diagnosis ตึก
วนั ท่ี 1 – 7 : Initial stage วนั ที่ 8 – 14 : Interim stage วันท่ี 15 - 30: Pre-discharge stage
เร่มิ วนั ท่ี...................................ถงึ วนั ท.่ี ....................................... เริ่มวันที.่ ...........................ถงึ วนั ท.่ี ............................. เรม่ิ วันท่.ี ..................................ถึงวนั ท.่ี ................................
อาการอยากยาลดลง/หาย และสามารถ จดั การกับอาการท่ีเป็นปญั หาได้ สามารถบอกวิธีการในการปรับตัวเมื่อต้องเผชิญกับ มีความภาคภมู ิใจในตนเองสูงขน้ึ (คะแนน self esteem สงู ข้ึน
โรคร่วมทางกายทเี่ กนิ ศกั ยภาพไดร้ ับการสง่ ตอ่ รวดเรว็ ตามแนวปฏบิ ตั ขิ อง ปัญหา/ความเครียดไดถ้ ูกตอ้ ง ในระดบั ปานกลางขนึ้ ไป)
ผู้ป่วยและครอบครัวอธิบายโรคสมองติดยาและอาการเตือน
โรงพยาบาล สามารถบอกโทษ อันตรายของสารเสพติดได้ การกลับเสพสารเสพติดซ้ำได้
ผปู้ ่วยมแี รงจูงใจในการเลกิ สารเสพตดิ ≥ ระดับ3ก่อน D/C
โรคร่วมทางกายอาการไม่กำเรบิ /ทเุ ลา/หาย ตามเกณฑ์ของโรคหรือตาม ภาวะหวาดระแวงลดลง/หาย ผู้ปว่ ยมรี ะดบั ความวติ กกังวลลดลง
One Page ผ้ปู ่วยและครอบครวั มคี วามเขา้ ใจต่อกันดีขึน้
ผปู้ ว่ ยบอกแนวทางการจดั การกับปญั หาความเครียด/อารมณ์
ไมถ่ ่ายเหลว/มกี ารขับถ่ายปกติภายใน 3 วนั ไดเ้ หมาะสม
สามารถบอกวิธีหลีกเลี่ยงการกลับไปใช้สารเสพติดซ้ำได้
ไม่มพี ฤตกิ รรมก้าวร้าว เหมาะสมออยา่ งนอ้ ย 10 ข้อ
ผู้ป่วยบอกเรื่องงานที่จะไปทำได้เหมาะสม/มีความเป็นไปได้
สามารถจดั การกับอารมณ์ และพฤตกิ รรม ได้ในทางทีเ่ หมาะสม ตามบริบทของผู้ปว่ ย
ผูป้ ว่ ยบอกเป้าหมายการดำเนินชวี ิตได้
ยอมรบั การรกั ษาในโรงพยาบาล
ไมม่ ีพฤติกรรมหลบหนี
อธิบายแนวทางการเผชญิ ปัญหาไดเ้ หมาะสม
ผปู้ ่วยได้รับสารน้ำ และอาหารอยา่ งเพยี งพอ
ปลอดภัย ไมท่ ำรา้ ยตัวเอง 8Q ≤8, 9Q ≤7
ผปู้ ่วยปลอดภัย/ไมเ่ กิดอันตรายจากฤทธ์ิข้างเคยี งของยาทรี่ กั ษา
นอนหลับพกั ผ่อนได้อยา่ งนอ้ ย 6 – 8 ชัว่ โมงต่อวนั
การรับรถู้ ูกต้องเหมาะสมตรงกบั ความเป็นจรงิ /ไม่มีอาการประสาทหลอน จำหน่ายจากโรงพยาบาลโดยมรี ะบบสนบั สนนุ ท่ีเหมาะสม
ภายใน 2 สัปดาห์ บอกแหล่งสนบั สนนุ หรือสถานบริการทข่ี อความช่วยเหลอื ได้
การรบั รวู้ นั เดือน ปี เวลา บคุ คล สถานที่ถกู ต้อง ผูป้ ่วยและญาติบอกความสำคัญของการรบั ประทานยาต่อเน่ือง
มีความภาคภมู ใิ จในตนเองสงู ขนึ้ และการมาพบแพทยต์ ามนดั
ปลอดภยั ไมม่ อี บุ ัตเิ หตุ
มีความเขา้ ใจ/ความรทู้ ่ีถกู ตอ้ งต่อการรักษาดว้ ยไฟฟา้
ผปู้ ว่ ยปลอดภยั ไม่ไดร้ บั อนั ตรายจากยาทมี่ คี วามเส่ยี งสูง
ฉบับปรับปรุง 11 มิถนุ ายน 2564
แบบบนั ทกึ การเปล่ียนแปลงและสาเหตกุ ารใช้ CNPG การพยาบาลผู้ป่วยโรคเวชสารเสพตดิ งานการพยาบาลผู้ป่วยใน
ชื่อ นามสกลุ Diagnosis ตึก
Stage ผู้ป่วย การเปลย่ี นแปลงและสาเหตุ บุคลากร/ระบบบรกิ าร การจัดการ ผ้บู นั ทึก
ผดู้ ูแล/ญาติ
Initial Stage
Interim Stage
Pre-discharge Stage
ฉบับปรบั ปรงุ 11 มิถุนายน 2564
แนวทางปฏิบัติการพยาบาลทางคลนิ ิก Clinical Nursing Practice Guideline: CNPG)
เร่ืองการพยาบาลผู้ปว่ ยโรคจิตเวชจากการตดิ สรุ า
ความหมาย
ผปู้ ่วยโรคจิตเวชจากการสรุ าติด หมายถึง บุคคลทด่ี มื่ สรุ าอย่างผิดปกติ เพือ่ ประคับประคองให้ตนเองดำเนนิ ชวี ติ อยู่ได้ หรือลดความรู้สึกทีไ่ ม่ดี หากไม่ไดด้ ่มื จะมคี วามผดิ ปกติ ทั้ง
ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณ (ปริทรรศ, วนิดา และพันธุ์นภา, 2552) เช่น หงุดหงิด กระสับกระส่าย ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็วผิดปกติ เหงื่อออก คลื่นไส้ อาเจียน วิตกกังวล
กระวนกระวาย ชกั ทงั้ ตวั เห็นภาพหลอน หูแวว่ สมั ผัสหลอน แปลภาพผิด อาจกา้ วร้าว หวาดระแวงทำร้ายตนเอง ทำรา้ ยผอู้ ่ืน และทำลายทรัพยส์ ิน ก่อให้เกิดความบกพร่องในบทบาทของ
ตนเอง การประกอบอาชีพ การเข้าสังคม ไมค่ ่อยสนใจดูแลตนเอง หมกมนุ่ กบั การใชส้ ุรา (ทรงเกียรติ, 2553, พนั ธุน์ ภา, 2555; สมภพ, 2553)
โครงสร้างของแนวทางปฏิบัติการพยาบาล ผปู้ ว่ ยโรคจิตเวชจากการสุราติด 3 ระยะดังนี้
1. ระยะถอนพิษสรุ า/ระยะแรกรบั (Initial stage). (ภายใน 7 วนั หลงั Admit) ผู้ป่วย มคี วามต้องการการพยาบาลระดับมาก (Maximum Care) เน้นการประเมินและ
การช่วยเหลือ เพือ่ ป้องกนั ความเสยี่ งทีก่ ่อใหเ้ กิดอันตรายถึงชวี ิต ไดแ้ ก่ 1.1) มภี าวะถอนพษิ สรุ า เช่น มือสัน่ เหงื่ออก ชพี จรเตน้ เรว็ ความดันโลหิตสูง มีไข้ หายใจเรว็ หูแว่ว เหน็ ภาพหลอน
คลื่นไส้ อาเจียน กระสับกระส่าย อยู่ไม่นิ่ง เครยี ด วติ กกงั วล นอนไม่หลับ เพอ้ สับสน ช่วยเหลือตนเองไดน้ ้อย 1.2) มภี าวะแทรกซ้อนทเ่ี กดิ จากภาวะถอนพิษสุรา เชน่ น้ำตาลในเลือดต่ำ แร่
ธาตุในเลือดไม่สมดลุ เกล็ดเลือดตำ่ ภาวะขาดวติ ามิน B1ในสมองแบบเฉียบพลนั หรือเร้ือรัง ชัก มไี ข้ มีภาวะขาดนำ้ หัวใจเตน้ ผิดจงั หวะ ถ่ายเหลวกะปริบกะปรอย ภาวะโลหติ จาง 1.3) มีโรค
ร่วมทางกาย เช่น ตับแข็ง/ตบั อกั เสบ ตับออ่ นอกั เสบ ความดันโลหติ สงู กระเพาะอาหารอักเสบ เบาหวาน มีเลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง 1.4) มีอาการทางจิตเวช เชน่ หลงผดิ หวาดระแวงกลัว
คนทำรา้ ย ประสาทหลอน กา้ วร้าว ทำร้ายตนเองหรือผู้อนื่ ทำลายทรัพยส์ ิน
2. ระยะฟ้ืนฟูเร่ิมต้น (Rehabilitation)/ระยะกลาง (Interim stage) ช่วง 8 - 14วนั ผปู้ ว่ ยมคี วามต้องการการพยาบาลระดับปานกลาง (Moderate Care) เป็น
ช่วงที่ผู้ป่วยอาการเริ่มทุเลา สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมได้ดีข้ึน
3. ระยะฟน้ื ฟู (Rehabilitation) กอ่ นกลบั บ้าน (Pre discharge stage) ชว่ ง 15 - 30 วนั ในช่วงนี้ผปู้ ว่ ยควบคมุ พฤติกรรมได้ดี มีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น
ฉบบั ปรบั ปรุง 11 มถิ ุนายน 2564
ระยะถอนพิษสุรา/ระยะแรกรบั (Initial stage) (ภายใน 7 วนั หลัง Admit) ผูป้ ่วย มีความตอ้ งการการพยาบาลระดบั มาก (Maximum Care)
Assessment Objective Intervention Outcome
1. มภี าวะถอนพษิ สรุ าเช่น -ผูป้ ว่ ยปลอดภยั /ไมท่ ุกขท์ รมาน ประเมนิ ความรนุ แรงของภาวะขาด/ถอนพิษสุรา โดยใช้ MIND scale - ผู้ป่วยปลอดภัย/ไม่ทุกข์ทรมาน จากภาวะ
มือสั่น เหงื่ออก ชีพจรเต้น จากภาวะถอนสรุ า - Check vital signs, MIND scale ตามความรุนแรงของภาวะถอนพษิ สรุ า จน stable ดงั นี้ ถอนสรุ า
เรว็ ความดนั โลหิตสงู - ความรนุ แรงของภาวะถอนพิษ - หากความรุนแรงของภาวะถอนพิษสุรา อยู่ในระดับรุนแรง (severe) MIND scale ≥ 15 - ความรุนแรงของภาวะถอนพิษสุราลดลง
มีไข้ หายใจเรว็ หูแว่วเหน็ สุราลดลง/หาย คะแนนขึน้ ไป ใหป้ ระเมนิ MIND scale ทุก 1-2 ชว่ั โมง จนกวา่ MIND scale < 14 คะแนน MINDscale<10คะแนนภายใน3วัน
ภาพหลอนคลนื่ ไส้ อาเจยี น - หากความรนุ แรงของภาวะถอนพษิ สรุ า อยู่ในระดบั ปานกลาง (moderate) MIND scale ≥
กระสบั กระส่าย อยไู่ มน่ ิ่ง 10-14คะแนนให้ประเมินMINDscaleตอ่ ทุก4ชั่วโมงจนกวา่ MINDscale<10คะแนน
เครยี ดวิตกกงั วล นอนไม่ - หากความรุนแรงของภาวะถอนพิษสุรา อยู่ในระดับ เล็กน้อย (mild) MIND scale < 10
หลบั เพ้อ สบั สน คะแนน ประเมิน MIND scale ทุก 4-8 ชั่วโมง จนครบ 72 ชว่ั โมง
- ถา้ MIND scale > 10 ใหย้ า prn ตาม CPG และรายงานแพทย์หากอาการไมด่ ขี ้ึน
- ตรวจรา่ งกายเบ้ืองตน้ เพื่อแยกโรครว่ มและโรคแทรกซ้อนทางกาย
- Check vital signs (v/s) และ/หรอื Neuro Sign หากผดิ ปกตริ ายงานแพทย์
- หากมีเหงื่อออกมาก เช็ดตัวให้ restrain เพื่อป้องกันอุบัติเหตุในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการถอน
พิษสรุ าอยา่ งรนุ แรงจนอยนู่ ิ่งไม่ได้
2. ภาวะแทรกซอ้ นทเ่ี กิดจาก - ผปู้ ่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อน -Take Lab ตามแผนการรกั ษา เช่น CBC, VDRL, FBS, BUN, Cr, Electrolyte, LFT ตาม - ผปู้ ่วยได้รบั การดูแลถกู ตอ้ ง รวดเร็ว
จากภาวะถอนสรุ าเชน่ ที่เกิดจากจากภาวะถอนสรุ า CPG หรือ Take Lab เพ่ิมตามแผนการรกั ษา เช่น Ca**Mg**UA, EEG และรายงานผล Lab ภายใน 24 ชั่วโมง และปลอดภัย
ให้แพทย์ทราบดว่ นเมื่อมีค่าผิดปกติ ภาวะ/โรคแทรกซ้อนทางกาย
2.1 นำ้ ตาลในเลือดต่ำ - ระดบั น้ำตาลในเลือดปกติ - ประเมินภาวะนำ้ ตาลในเลือดตำ่ โดยสังเกตจากอาการ เชน่ หน้ามดื ตาลาย ใจสนั่ หววิ ๆ - ผปู้ ว่ ยปลอดภยั จากภาวะน้ำตาลใน
(70- 110 mg/dl) ภายใน อ่อนเพลีย เหงอ่ื ออก มือเท้าเย็น อุณหภมู ิต่ำ ชีพจรเบาเร็ว ซึม/กระสบั กระส่าย พดู อ้อแอ้ พูด เลอื ดต่ำ
24 ช่ัวโมง เพอ้ เอะอะโวยวาย หรือทำอะไรแปลกๆคล้ายคนเมาเหล้าหรือ Blood Sugar < 70 mg/dl - ระดับนำ้ ตาลในเลอื ดปกติ (70- 110
- หากพบอาการให้ดื่มนำ้ หวาน 250 cc. ทนั ที และหลังจากนนั้ หากไมม่ ปี ระวัติเป็นเบาหวาน mg/dl) ภายใน 24 ช่วั โมง
ดแู ลให้นำ้ หวาน 250 cc. x 4 feed x 3 Days ตาม CPG
- หากผปู้ ่วยหมดสตริ บั ประทานทางปากไม่ไดร้ ายงานแพทย์เพ่ือใหส้ ารน้ำทางเสน้ เลือด
ฉบบั ปรบั ปรุง 11 มถิ นุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
2.2 แร่ธาตใุ นเลือดไม่ - แรธ่ าตุในเลอื ดสมดลุ - เฝา้ ระวังสังเกตอาการจากภาวะแรธ่ าตุในเลือดไมส่ มดุล เช่น หากโปตสั เซยี มตำ่ จะมีอาการ - ผปู้ ว่ ยปลอดภัยจากภาวะแร่ธาตุใน
สมดุล ภายใน 3 วนั อ่อนเพลีย แขนขาอ่อนแรง ชีพจรเต้นเร็วไม่สม่ำเสมอ เปน็ ต้น ใหร้ ายงานแพทย์ ตามเกณฑ์ เลอื ดไม่สมดุล
ใน One page และใหย้ าตามแผนการรกั ษา เช่น KCL Elixir หรือในกรณี โซเดียมตำ่ จะมี - แรธ่ าตใุ นเลอื ดสมดุล ภายใน 3 วนั
2.3 เกล็ดเลอื ดตำ่ - ผ้ปู ่วยปลอดภยั ไมม่ ี อาการเป็นตะคริวกระตุกตามตัว มอื แขนขาสนั่ หากแมกนเี ซียมตำ่ และหรือ แคลเซยี มต่ำจะ
เลือดออกตามไรฟนั หรอื มมี อื จีบ เกรง็ ตวั เปน็ ตะคริวที่ขาชาปลายมือปลายเท้า ถ้ารุนแรงอาจมีอาการชัก เป็นตน้ - ผูป้ ว่ ยปลอดภัยไม่มีเลอื ดออกตาม
2.4 มีภาวะขาดวติ ามินB1 ตามสว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกาย - เฝ้าระวงั อาการชกั ท่อี าจเกดิ ขนึ้ จาก แร่ธาตใุ นเลือดไมส่ มดุล ไรฟนั หรือตามส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย
ในสมองแบบเฉียบพลนั หรอื ตลอดระยะเวลาทร่ี ักษา - ดูแลให้รับประทานกล้วย สม้ ฯลฯ
เรือ้ รงั - ผู้ปว่ ยได้รบั การบำบดั รักษา - แนะนำและเฝา้ ระวงั ภาวะเส่ียงตอ่ การมีเลอื ดออกตามสว่ นต่าง ๆ ของร่างกาย เชน่ - ไดร้ ับการบำบดั รักษาภาวะขาด
(Wernick Encephalopathy ภาวะขาดวิตามิน B1เพ่ือ วิตามิน B1และไม่เกดิ Korsakoff
/Korsakoff ป้องกนั การเกดิ Korsakoff เลอื ดออกตามไรฟนั เลอื ดออกในกระเพาะอาหาร ระวังหกล้ม Encephalopathy
Encephalopathy) Encephalopathy - ผปู้ ่วยปลอดภัยไม่มีอบุ ตั ิเหตุเกดิ ข้ึน
- กรณีค่า Plt. ตำ่ กวา่ 100,000cells/muหา้ มฉีดยาเขา้ กลา้ มเน้อื หากมีความจำเปน็ ใหร้ ายงานแพทย์
2.5 ชกั - ป้องกันการเกดิ อาการชกั - ผปู้ ่วยปลอดภยั ไม่เกิดอาการชกั ใน
ใน 72 ชว่ั โมงแรก - ใช้เข็มขนาดเลก็ ฉีดยาเข้ากล้ามเนือ้ และกดบริเวณทีฉ่ ีดให้นาน 72 ชัว่ โมงแรก
- ดูแลให้รับประทาน B1 (100) ตาม CPG - ไมม่ อี ันตรายจากการชัก
- ฉีด B1 (100) m OD x 3 days ตาม CPG / แผนการรักษาของแพทย์ ในกรณี Plt ตำ่ กวา่
100,000 cells/um รายงานแพทย์กอ่ น
- แนะนำญาติใหจ้ ัดหาอาหารทีม่ ีวิตามิน B1 เช่น ข้าวซ้อมมือ ถ่ัวลันเตา สม้ ไข่แดง หมูตดิ
ซี่โครง เน้อื หมู ตบั กล้วยน้ำว้า ผักใบเขยี วมาให้รบั ประทาน เปน็ ต้น
- หากผู้ปว่ ยมอี าการงง สับสน เรยี กชอื่ ผู้ป่วยและบอกกลา่ วกอ่ นทุกครั้งก่อนให้การพยาบาล/
ใหข้ ้อมูลเก่ียวกับ วนั เวลา สถานท่ี บคุ คลซำ้ ๆ
- เฝา้ ระวงั อบุ ัติเหตหุ กล้ม
- เฝ้าระวังอาการชักทเ่ี กดิ ขน้ึ ใน 24 - 72 ชว่ั โมงแรก โดยสงั เกตจากผล FBS ต่ำ ระยะเวลาท่ี
ขาดแอลกอฮอล์ แร่ธาตใุ นเลือดท่ีไม่สมดลุ เปน็ ตน้ รวมทง้ั การเฝ้าระวังอุบตั เิ หตุท่ีอาจเกิดขนึ้
ไดจ้ ากการชกั
ฉบับปรบั ปรงุ 11 มิถนุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
2.6 มไี ข้ - ใหน้ อนเตยี งท่ีมีไม้กน้ั เตียง
2.7 ภาวะขาดนำ้ - ดแู ลใหย้ าตามแผนการรักษา
(dehydration)
2.8 ความดนั โลหิตสูง - หากชัก จดั ทา่ นอนตะแคงเพื่อป้องกันการสำลัก/กัดลน้ิ
- ดแู ลความสุขสบาย/ความสะอาดหลงั ชัก
- Check vital signs (v/s) ทกุ 4 ชัว่ โมง จน stable
- ลดไข้ภายใน 3 วนั - Check vital signs (v/s) ทกุ 4 ชั่วโมง จน stable - ผปู้ ว่ ยไมท่ กุ ข์ทรมานจากการมีไข้
- หากมไี ข้ T > 37.5 c° ให้ด่ืมน้ำมาก ๆ > 8 - 10 แก้วตอ่ วนั หาก T 38.5c° เช็ดตวั ลดไข้ - มี vital signs เขา้ ส่ภู าวะปกติภายใน
- รายงานแพทยเ์ พ่ือพิจารณาการรกั ษา 1 สปั ดาห์
- ดูแลใหย้ าลดไข้ ตามแผนการรกั ษา
- ใหอ้ าหารอ่อนยอ่ ยงา่ ย
- ให้นอนพักผ่อน
- สงั เกต อาการ ลกั ษณะไข้ เพ่ือแยกจากโรคอนื่ ๆ หากผิดสังเกต เชน่ มหี อบเหนื่อย ไข้สงู ไม่
ลดลงหลังดแู ลให้ยาลดไข/้ เช็ดตัวลดไข้ รายงานแพทยซ์ ้ำเพอ่ื พิจารณาการรักษา
- ป้องกันภาวะขาดนำ้ ในช่วง - ประเมนิ ภาวะขาดน้ำ โดยสงั เกตการตงึ ตัวของผวิ หนงั ริมฝปี ากแห้ง ปสั สาวะออกน้อยและ - ผปู้ ่วยปลอดภัยไม่มีภาวะขาดน้ำ เชน่
พิษสุรา สเี หลืองเข้ม ปริมาณการรบั ประทานอาหารและน้ำ เป็นต้น ผิวหนงั ตงึ ตวั รมิ ฝปี ากชมุ่ ช้ืน ปสั สาวะ
- ดูแลให้ดม่ื นำ้ วันละ 8 - 10 แกว้ ต่อวนั (3000 cc ต่อวนั ) ปกติ
- หากมภี าวะขาดน้ำรนุ แรงจนมีไขส้ ูง รายงานแพทย์เพื่อให้สารน้ำทางหลอดเลือด
- ความดันโลหติ อยู่ในช่วง - ประเมนิ ภาวะเสี่ยงจากภาวะความดันโลหติ สูง โดยสังเกตจาก อายุ Pulse Pressure - ผปู้ ่วยปลอดภยั /ไมท่ ุกข์ทรมาน จาก
ปกติ (ตามช่วงอาย)ุ ระยะเวลาที่ขาดสรุ า ระดับความรุนแรงของอาการขาดสรุ า อาการปวดมนึ ศรี ษะ ตลอดจน ภาวะความดนั โลหิตสงู
เฝ้าระวงั ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดข้ึน การแนะนำชว่ ยเหลอื เบือ้ งต้น เช่น ใหน้ อนพัก - ความดนั โลหติ อยใู่ นช่วงปกติ (ตาม
หากยังความดันโลหิตสงู รายงานให้แพทยท์ ราบ ตามเกณฑ์ One page ชว่ งอายุ)
- ดูแล/แนะนำให้รับประทานอาหารท่มี ีไขมนั ต่ำ ลดเค็ม
ฉบบั ปรบั ปรุง 11 มิถนุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
2.9 หวั ใจเต้นผิดจงั หวะ
2.10 ถ่ายเหลวกะปริบ - หวั ใจเต้นปกติ 60 - 80 - ใช้นำ้ เย็นหรือนำ้ แขง็ ประคบศรี ษะ - ผู้ปว่ ยปลอดภยั จากภาวะหัวใจเต้น
กะปรอย ครัง้ /นาที - ดแู ลให้รบั ประทานยาตามแผนการรักษา ผิดจงั หวะ
- การขบั ถ่ายปกตภิ ายใน3วัน - Check v/s และประเมนิ อาการหวั ใจเต้นผดิ จังหวะ เชน่ ชพี จรเตน้ เรว็ กวา่ 100 คร้ัง/นาที - หวั ใจเต้นปกติ 60 - 80 ครั้ง/นาที
2.11 ภาวะโลหติ จาง หรอื หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ ใจส่ันหวิว ๆ แนน่ หน้าอก หรอื หัวใจเตน้ ช้าผิดปกติน้อยกวา่ 60 - ผปู้ ่วยปลอดภัยมกี ารขบั ถา่ ยปกติ
-ผปู้ ่วยปลอดภยั จากภาวะ ครั้ง/นาที พจิ ารณารายงานแพทยท์ ราบตามเกณฑ์ One page ภายใน 3 วัน
2.12 มีภาวะปอดบวม โลหติ จาง - ประเมินภาวะขาดน้ำ โดยสงั เกตการตึงตวั ของผวิ หนัง รมิ ฝปี ากแห้ง ปัสสาวะออกน้อยและ - ไม่มีภาวะขาดน้ำ/แรธ่ าตุในเลือดปกติ
(ขาดออกซิเจน) - ได้รับการรักษาภาวะโลหติ จาง สเี หลอื งเขม้ เป็นตน้
- สังเกตลกั ษณะอุจจาระ กล่ิน สี จำนวนคร้งั หากผดิ ปกติรายงานแพทยท์ ราบ - ผปู้ ่วยปลอดภัยจากภาวะโลหติ จาง
-ผู้ปว่ ยปลอดภยั จากปอดบวม - ดูแลใหด้ ม่ื ORS ทดแทนน้ำ - HCT อยูใ่ นเกณฑป์ กตกิ ่อนจำหน่าย
-ทเุ ลา/หายใน1 สัปดาห์ - ดแู ลใหอ้ าหารอ่อนย่อยง่าย งดอาหารรสจัด และผัก ผลไม้ นม - ผปู้ ว่ ยบอกวธิ ีดูแลตนเองเพ่ือปอ้ งกนั
- ดแู ลให้รับประทานยาตามแผนการรกั ษา ภาวะโลหิตจางได้
- ดูแล/แนะนำให้รับประทานอาหารท่ีมีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ เลือดหมู นม ไข่ ถวั่ ผักใบเขยี ว
(อาจให้ญาตนิ ำมาให)้ - ผปู้ ่วยปลอดภยั จากปอดบวม
- ใหย้ าเพ่ิมธาตุเหลก็ ตามแผนการรักษา - ทุเลา/หายใน1 สัปดาห์
- สงั เกตความก้าวหน้าของอาการ หากได้ยา 2 สปั ดาหแ์ ลว้ ไม่ดขี น้ึ รายงานแพทยซ์ ้ำ
- ตดิ ตามผลการตรวจทางห้องปฏบิ ัตกิ าร เช่น CBC
- Check vital signs (v/s) ทุก 4 ชวั่ โมง
- ประเมินความรุนแรงของอาการ เช่น อาการหายใจเหนื่อยหอบ (หายใจต้นื ถ่ี ๆ ซโี่ ครงบุ๋ม)
ไขส้ งู ขน้ึ ฟังปอดมีเสยี ง crepitating ปอดเคาะทึบ มีเสยี งหายใจคอ่ ย
(diminish breath sound)
- จดั ให้นอน Fowler’s position
- ดแู ลให้ยาตามแผนการรักษา
ฉบบั ปรับปรุง 11 มิถนุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
3. โรครว่ มทางกาย - โรครว่ มทางกาย ได้รบั การ - โรคร่วมทางกาย ได้รบั การรักษา
เช่นตับแขง็ /ตบั อักเสบ รกั ษาอยา่ งรวดเร็วภายใน - ตรวจรา่ งกายเบื้องต้นทกุ ระบบเกยี่ วกบั โรคทสี่ มั พันธก์ ับการใชส้ รุ า เชน่ อยา่ งรวดเร็วภายใน 24 ชวั่ โมงและ
3.1 ตบั อ่อนอกั เสบ 24 ช่ัวโมงและตอ่ เน่ือง - ประเมินอาการตาเหลือง ตวั เหลอื ง spider nevi ท้องบวม โต ออ่ นเพลยี คลื่นไส้ ผล LFT ปลอดภัยจากโรคร่วมทางกาย
ผิดปกติ เป็นตน้
3.2 ความดันโลหติ สงู -ผปู้ ว่ ยปลอดภัย/ไม่ทุกข์ทรมาน - ดแู ล/แนะนำใหด้ ื่มนำ้ หวาน โปรตีนประเภทเน้ือปลา อาหารไขมนั ต่ำ - ผูป้ ่วยปลอดภัย/ไมท่ ุกขท์ รมานจากภาวะ
จากภาวะตบั อ่อนอกั เสบ - ประเมนิ อาการเดิน/นอนตัวงอ ปวดกลางชอ่ งท้อง คลน่ื ไส้ อาเจยี น อาจมภี าวะช็อก เช่น ตบั อ่อนอักเสบ
3.3 กระเพาะอาหาร กระสับกระสา่ ย เหงื่ออก ตัวเยน็ ผล LFTมี amylase สงู - ผปู้ ่วยดูแลตนเองได้เหมาะสม
อักเสบ - ความดนั โลหิตอยใู่ นช่วง - แนะนำ/ดแู ลให้ด่ืมนำ้ หวาน อาหารไขมันต่ำ
ปกติ (ตามชว่ งอาย)ุ ภายใน - หากไม่ทเุ ลา รายงานแพทย์เพอื่ การรักษาที่ดีขึน้ - ผู้ป่วยปลอดภัย/ไม่ทกุ ข์ทรมาน จาก
3.4 เป็นเบาหวาน 3 วนั - ประเมนิ ภาวะเส่ียงจากภาวะความดันโลหิตสงู โดยสังเกตจาก อายุ Pulse Pressure ภาวะความดันโลหติ สงู
ระยะเวลาท่ีขาดสรุ า ระดับความรนุ แรงของอาการขาดสุรา อาการปวดมนึ ศรี ษะ ตลอดจน - ความดนั โลหติ อยใู่ นชว่ งปกติ
- ผู้ป่วยปลอดภัย/ไม่ทุกข์ เฝ้าระวงั ภาวะแทรกซ้อนท่อี าจจะเกดิ ขึน้ การแนะนำชว่ ยเหลอื เบ้อื งตน้ เชน่ ใหน้ อนพัก หาก (ตามช่วงอายุ) ภายใน 3 วนั
ทรมาน จากภาวะกระเพาะ ความดันโลหิตยงั สูงรายงานใหแ้ พทยท์ ราบตามเกณฑ์ One page
อาหารอกั เสบ/ทเุ ลา/หาย - ดูแล/แนะนำให้รับประทานอาหารท่ีมีไขมนั ต่ำ ลดเค็ม - ผปู้ ่วยปลอดภัย/ไม่ทุกข์ทรมาน จาก
- check vital signs และรายงานแพทย์ดว่ นหากพบอาการเลอื ดสด ๆ หรือถา่ ยดำ ภาวะกระเพาะอาหารอกั เสบ
- ผู้ป่วยปลอดภยั ไมม่ ภี าวะ - สงั เกตอาการเสียดแนน่ บรเิ วณลิ้นปี่ อาเจียนเปน็ เลือด (coffee gown) หรือเลือดสด ๆ -กระเพาะอาหารอักเสบทเุ ลา
hypoglycemia – หรอื ถ่ายดำ
hyperglycemia - check vital signs และรายงานแพทยท์ ราบ - ผู้ปว่ ยปลอดภัยไมม่ ภี าวะ
- แนะนำใหง้ ดบุหรี่ กาแฟ สรุ าและอาหารรสจัด hypoglycemia – hyperglycemia
- เฝ้าระวัง สงั เกตภาวะ hypoglycemia เช่น ใจสั่นหวิวๆ หนา้ มดื ตาลาย เหงื่อออก ตวั เย็น - ผ้ปู ่วยปฏบิ ตั ติ ัว/ดูแลตนเองไดถ้ ูกต้อง
หากมอี าการดงั กล่าวดแู ลใหน้ ้ำหวาน หรือภาวะ hyperglycemia เชน่ หายใจหอบลึก ตามคำแนะนำ
คลื่นไส้ อาเจียน ลมหายใจมกี ล่นิ หอม มีไข้ กระวนกระวาย ชีพจรเบาเร็ว เปน็ ต้น และซึมลง
หากอาการรายงานแพทย์ทันทีตามเกณฑ์ One page
ฉบบั ปรับปรงุ 11 มถิ ุนายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
3.5 เลอื ดออกในเย่ือหมุ้ - ผูป้ ว่ ยปลอดภยั ได้รบั การ - แนะนำ/สอนเร่ืองการควบคุมอาหาร เช่น อาหารพวกแปง้ และนำ้ ตาล เหลา้ เบียร์ น้ำอดั ลม - ผู้ปว่ ยปลอดภยั ไดร้ ับการสง่ ตอ่
สมอง (Subduralhematoma) สง่ ต่อภายใน 24 ชว่ั โมง ผลไม้หวาน นำ้ ผง้ึ ภายใน 24 ชั่วโมง
4. เกดิ อันตรายจากฤทธ์ิ - ผู้ป่วยปลอดภัย/ไมเ่ กิด - check vital signs / Neuro Signs ตรวจดูรอยฟกช้ำท่ีศีรษะ เลอื ดออกในเย่ือตาเปน็ ต้น - ผปู้ ว่ ยปลอดภยั ไดร้ บั การสง่ ต่อ
ขา้ งเคยี งของยาทรี่ ักษา อันตรายจากฤทธิข์ ้างเคยี ง - หากพบอาการผดิ ปกตริ ายงานแพทย์ทราบ ภายใน 24 ช่วั โมง
- ดแู ลใหย้ าตามแผนการรักษา และสังเกตอาการขา้ งเคียงของยา ตลอดจนการเสรมิ ฤทธ์ขิ อง - สามารถสังเกตอาการเปลย่ี นแปลง
ของยาท่รี กั ษา ยาบางตัวท่ีอาจก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ ผูป้ ว่ ยได้ หากพบอาการข้างเคยี งจากยา พยาบาลให้ ตนเองจากฤทธข์ิ า้ งเคียงของยาทร่ี กั ษาได้
ขอ้ มูลและช่วยเหลอื เบื้องตน้ หลังจากน้ันประสานงานกับเภสัชกรประจำตึกเพอ่ื ประเมนิ
5. ไมย่ อมรบั ประทาน - ผู้ปว่ ยไดร้ บั สารนำ้ และ ผู้ปว่ ย และรายงานแพทย์เพ่ือปรบั แผนการรักษาท่เี หมาะสม - ผู้ป่วยไดร้ บั สารนำ้ และอาหารอย่าง
อาหาร และไมด่ ่ืมนำ้ อาหารอยา่ งเพยี งพอต่อ - check vital signs เพยี งพอต่อความตอ้ งการของรา่ งกาย
ความต้องการของร่างกาย - แนะนำ/สอนผปู้ ่วยใหส้ ังเกตอาการเปลยี่ นแปลงทเ่ี ปน็ ผลข้างเคยี งของการรักษา ตลอดจน - ผู้ปว่ ยรับประทานอาหารได้ตามปกติ
การขอความช่วยเหลอื จากพยาบาลหรอื ผู้ปว่ ยอื่น และเหมาะกบั โรคท่ีเปน็
6. การทรงตัวไมด่ ี - ผู้ปว่ ยปลอดภยั /ไม่มี - กระตนุ้ /ปอ้ นอาหารน้ำใหผ้ ู้ป่วย
อบุ ัตเิ หตจุ ากการทรงตวั ไม่ดี - ให้ข้อมูลความจำเป็นและประโยชนใ์ นการรบั ประทานอาหาร และการดมื่ นำ้ - ผู้ปว่ ยปลอดภัย/ไม่มอี ุบัติเหตุจาก
- สังเกต/ประเมนิ การรับประทานอาหาร/น้ำของผูป้ ว่ ย การทรงตวั ไม่ดี
7. ช่วยเหลอื ตัวเองได้ - ผูป้ ว่ ยชว่ ยเหลือตนเองได้ - หากยงั ไมย่ อมรับประทานอาหาร และไม่ดม่ื น้ำรายงานแพทยเ์ พื่อใหส้ ารนำ้ ทางหลอดเลือด
น้อย ตามศักยภาพภายใน 3 วนั - แนะนำ/สอนผปู้ ว่ ย เกี่ยวกบั การรบั ประทานอาหารทเ่ี หมาะกับโรคของผู้ปว่ ย - ผ้ปู ่วยมสี ุขอนามยั ดี
- ประสานนักโภชนาการเพ่ือจัดอาหารผปู้ ว่ ยท่เี หมาะสม
- ประเมนิ ความเสย่ี ง (SAFE-A) ท่อี าจจะ เกิดขนึ้ เช่น หกลม้ ตกเตียง
- จดั สง่ิ แวดลอ้ มเพ่ือการบำบัด
- ชว่ ยพยุง หรอื ใหน้ ่งั รถเขน็ เมอื่ ต้องไปทำกิจกรรมต่าง ๆ
- จำกัดพฤติกรรมในรายท่ีผปู้ ่วยไมส่ ามารถควบคมุ พฤติกรรมได้ เพ่ือป้องกันอุบตั เิ หตุ
- ดูแลสุขวิทยาสว่ นบคุ คลให้แก่ผ้ปู ่วย เช่น อาบน้ำ แปรงฟัน เปลย่ี นเสอื้ ผ้า และเคร่ืองนอน
- ดแู ลให้รบั ประทานอาหารและน้ำ อยา่ งเพียงพอ ตามความตอ้ งการของร่างกาย ตลอดจน
ฉบบั ปรับปรุง 11 มถิ นุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
8. ไมย่ อมทำกจิ วัตร เฝ้าระวงั การสำลักน้ำและอาหาร เพอ่ื ป้องกนั Aspirate pneumonia - ผปู้ ว่ ยชว่ ยเหลือตนเองไดต้ าม
ประจำวัน
9. มอี าการนอนไมห่ ลับ - แนะนำ/สอนผปู้ ่วย เก่ียวกับการมีสขุ ภาพอนามยั ดโี ดยเฉพาะด้านความสะอาดร่างกาย ศกั ยภาพภายใน 3 วนั
หรือนอนหลบั ได้นอ้ ย
การแตง่ ตัวที่เหมาะสม การมีสมดุลของการมีกจิ กรรม เช่น ออกกำลังกาย การพักผ่อน
10. สบั สน
- ทำกิจวตั รประจำวันได้ - ประเมนิ ความสามารถในการทำกจิ วตั รประจำวัน - ผปู้ ว่ ยสขุ สบายและมสี ขุ อนามยั ดี
เหมาะสมตามศักยภาพ - ให้ขอ้ มลู ผลกระทบและประโยชน์ในการทำกจิ วัตรประจำวนั - ผู้ป่วยสามารถทำกจิ วตั รประจำวันได้
- ดแู ล/กระตุน้ ใหผ้ ู้ป่วยทำกจิ วัตรประจำวัน เหมาะสมตามศักยภาพ
- ชมเชย ให้กำลงั ใจเมื่อผูป้ ่วยปฏบิ ตั กิ ิจวตั รประจำวันไดเ้ หมาะสมตามศักยภาพ
- นอนหลบั พักผอ่ นได้เพยี งพอ - จดั ส่ิงแวดลอ้ มเพื่อการบำบัด - ผูป้ ว่ ยนอนหลบั พกั ผอ่ นไดเ้ พียงพอ
ตอ่ ความต้องการของรา่ งกาย - ดแู ลให้ผูป้ ว่ ยได้รับการพักผ่อนอย่างเพยี งพออย่างน้อยวันละ 6 - 8 ชวั่ โมง/วนั ตอ่ ความต้องการของร่างกายอยา่ งน้อย
อยา่ งนอ้ ยวันละ6-8ชว่ั โมง/วนั - แนะนำไม่ใหน้ อนกลางวนั มาก ใหน้ ัง่ สมาธิ การฝึกการหายใจ การนับเลข การสวดมนต์ตาม วันละ 6 - 8 ชวั่ โมง/วนั
หลกั ศาสนา หรอื ให้ดื่มน้ำอนุ่ กอ่ นนอน
- ดูแล/แนะนำให้ออกกำลังกายทุกวนั เช้า - เย็น คร้งั ละ 15 – 30 นาที
- หากผ้ปู ่วยยงั นอนไมห่ ลับรายงานแพทย์เพ่ือการรักษาท่เี หมาะสม
- จัดใหร้ ว่ มกิจกรรมกลุ่มระหวา่ งวัน เชน่ ออกกำลังกาย กีฬากลางแจง้ สขุ ภาพจิตศกึ ษา
นันทนาการ หรือกล่มุ อื่น ๆ ตามศักยภาพของผู้ปว่ ย
- ดูแลใหร้ บั ยาตามแผนการรักษาของแพทย์
- ผปู้ ว่ ยปลอดภยั - เรยี กชอ่ื ผูป้ ว่ ยและบอกกลา่ วทุกครง้ั ก่อนให้การพยาบาล - ผปู้ ว่ ยปลอดภยั ได้รบั การบำบัดตรง
- ผปู้ ่วยมกี ารรับรู้ วนั เวลา - ให้ข้อมลู เกี่ยวกับ วัน เวลา สถานท่ี บุคคลซ้ำ ๆ กบั สภาพปญั หา ความตอ้ งการ
สถานท่ี บุคคลดีข้นึ ตาม - สรา้ งสมั พนั ธภาพเพ่ือการบำบัด หนึง่ ต่อหน่ึง จนผูป้ ่วยเกิดความไว้วางใจ - ผปู้ ่วยมกี ารรับรู้ วนั เวลา สถานที่
ความเปน็ จริง - สงั เกตอาการ งง สบั สน คน้ หาสาเหตเุ พิม่ เติม เช่น จากภาวะเมา/ถอนสุรา/แร่ธาตุในเลือด บคุ คลดขี นึ้ ตามความเป็นจรงิ
ไม่สมดุล/มภี าวะขาดวติ ามนิ B1 ในสมองแบบเฉียบพลันหรือเรือ้ รงั /อบุ ตั เิ หตุทางสมองหรอื
จากโรคทางสมองอ่นื ๆ
- check vital signs/ Neuro Signs ทกุ 4 ช่วั โมง
ฉบบั ปรบั ปรุง 11 มิถุนายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
- หากอาการไม่ทเุ ลาภายใน 3 วันรายงานแพทยเ์ พอ่ื การรกั ษาท่ีเหมาะสม
11. ปวดเมอ่ื ยกล้ามเนอื้ / ผูป้ ่วยไม่ทุกข์ทรมาน/อาการ - ประเมินความรุนแรงของอาการหงุดหงดิ /ปวดเมื่อยตามร่างกายจาก สหี นา้ ท่าทาง ฯลฯ - ผปู้ ่วยไม่ทกุ ข์ทรมาน/อาการปวด
ตามรา่ งกาย ปวดเมือ่ ยกลา้ มเนือ้ /ตาม - ให้ขอ้ มูลการปฏบิ ัติเพ่ือบรรเทาอาการปวดเมื่อยกลา้ มเนื้อ/ตามรา่ งกาย เชน่ การอาบน้ำ/ เมื่อยกล้ามเน้อื /ตามรา่ งกายและทเุ ลา
ร่างกายและทุเลาหรือหาย สระผม การทาcounter pain แลว้ นวดเบาๆ
ภายใน 3 วัน - หากอาการไม่ดีขน้ึ รายงานแพทยท์ ราบเพ่ือพิจารณาการรักษา
12. มภี าวะหวาดระแวง - ผู้ปว่ ยมีภาวะหวาดระแวง - ประเมนิ ภาวะเสี่ยง จากภาวะหวาดระแวงต่อการทำรา้ ยตนเอง/ผอู้ ื่น (SAFE- S, F) และเฝา้ - ผู้ปว่ ย/ผู้อ่นื ปลอดภยั จากภาวะ
กลวั คนทำร้าย ลดลง (รับรูค้ วามเป็นจริงที่ ระวังการทำร้ายตนเอง/ผู้อนื่ หวาดระแวง/กลวั คนทำร้าย
เกิดขึ้น) ภายใน 1 สัปดาห์ - สร้างสัมพนั ธภาพอยา่ งสม่ำเสมอ แบบหน่ึงต่อหน่งึ เพ่ือให้ผปู้ ว่ ยเกดิ ความไว้วางใจ - ผปู้ ว่ ยมีภาวะหวาดระแวง ลดลง (รบั รู้
- ผู้ป่วย/ผอู้ ่นื ปลอดภัยจาก - เปดิ โอกาสใหผ้ ปู้ ่วยระบายปัญหา ความคับข้องใจและภาวะหวาดระแวงที่ยังมีอยู่ ด้วยท่าที ความเปน็ จริงทีเ่ กิดขึน้ ) ภายใน 1
ภาวะหวาดระแวง/กลัวคน แสดงความเข้าใจ ฟังอยา่ งตั้งใจ สะทอ้ นความรสู้ กึ และคน้ หาข้อมูลเพิม่ เติม สปั ดาห์
ทำรา้ ย - ให้ข้อมูลผ้ปู ว่ ยว่าอาการดังกล่าวทีเ่ กิดขึ้น เป็นผลจากภาวะขาด/ถอนสรุ าทผ่ี ปู้ ว่ ยใช้ประจำ
อาการดังกล่าวจะคอ่ ยๆดีขึน้ เมือ่ ได้รบั การรักษาด้วยยาและกลมุ่ กิจกรรมบำบดั ประมาณ1สัปดาห์
- ดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานยาตามแผนการรักษาและสังเกตอาการข้างเคียงจากการได้ยาหากพบอาการ
ขา้ งเคียงจากยา พยาบาลให้ข้อมูลและช่วยเหลอื เบ้ืองตน้ หลังจากน้นั ประสานงานกับเภสชั กรประจำตกึ เพ่ือ
ประเมินผปู้ ว่ ยและรายงานแพทย์เพ่อื ปรับแผนการรกั ษาท่เี หมาะสม
- หากยงั รสู้ ึกทุกขท์ รมานจากภาวะหวาดระแวง/กลัวคนทำรา้ ยให้ยาฉีด prn ตามแผนการรกั ษา
13. ไมส่ ามารถควบคุม - ผูป้ ว่ ย/ผู้อน่ื /ส่งิ ของปลอดภยั - ประเมนิ ภาวะเสย่ี ง (SAFE- F) และความรุนแรงจากการไมส่ ามารถควบคุมอารมณ์และ - ผ้ปู ว่ ย/ผู้อ่นื /สง่ิ ของปลอดภยั
อารมณ์และพฤติกรรม - ผู้ปว่ ยควบคมุ อารมณ์และ พฤติกรรมได้/กา้ วร้าว และเฝ้าระวงั การทำรา้ ยตนเอง/ผอู้ ืน่ ส่งิ ของ - ผู้ปว่ ยควบคมุ อารมณ์และพฤตกิ รรม
ได/้ ก้าวรา้ ว พฤติกรรมได/้ ไม่กา้ วร้าว - สรา้ งสมั พันธภาพอย่างสม่ำเสมอแบบหน่ึงตอ่ หนึง่ เพือ่ ให้ผู้ป่วยเกดิ ความไวว้ างใจและcalmdown ได้/ไม่ก้าวรา้ ว
ภายใน 3 วัน - เปิดโอกาสใหผ้ ้ปู ว่ ยระบายปัญหา ความคบั ข้องใจ และความกา้ วร้าวท่ียงั มีอยู่ ด้วยท่าที
แสดงความเข้าใจ ฟังอย่างต้ังใจ สะทอ้ นความรสู้ กึ และค้นหาขอ้ มลู เพมิ่ เติม
- กรณีควบคมุ ตนเองไม่ได้ จำกดั พฤตกิ รรม และใหย้ าฉดี prn ตามแผนการรักษา
-เฝ้าระวงั ภาวะแทรกซอ้ นจากการจำกัดพฤติกรรมเช่น รอยถลอก โดยเปลี่ยนทา่ ใหท้ กุ 2 ชว่ั โมง
ฉบับปรับปรงุ 11 มิถนุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
14. มหี ูแว่ว/ภาพหลอน/ - ผ้ปู ่วยไม่มีประสาทหลอน/ - ประเมินความเสย่ี ง จากภาวะมีหูแว่ว/ภาพหลอน/สมั ผสั หลอน ตอ่ การทำรา้ ยตนเอง/ผู้อน่ื - ผู้ปว่ ย/ผ้อู น่ื ปลอดภยั
สัมผสั หลอน ประสาทหลอนลดลงภายใน และเฝา้ ระวังการทำร้ายตนเอง/ผู้อนื่ (SAFED – S, F)
3 -7 วัน - ผู้ปว่ ยไม่ทกุ ข์ทรมานจากประสาทหลอน
- สรา้ งสัมพันธภาพอยา่ งสมำ่ เสมอ แบบหนึ่งต่อหนึ่ง เพื่อให้ผปู้ ว่ ยเกิดความไวว้ างใจ
- ผปู้ ่วยไม่ทกุ ข์ทรมานจาก - ผปู้ ่วยไม่มปี ระสาทหลอน/ประสาท
ประสาทหลอน - เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายปัญหา ความคบั ข้องใจ จากการมีหูแว่ว/ภาพหลอน/สมั ผัสหลอน หลอนลดลงภายใน3 -7 วัน
ด้วยท่าทีแสดงความเขา้ ใจ ฟังอยา่ งตัง้ ใจ สะท้อนความรูส้ กึ และคน้ หาขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ
- ใหข้ ้อมลู ผูป้ ่วยวา่ อาการดงั กล่าวทเี่ กดิ ข้นึ เปน็ ผลจากภาวะขาด/ถอนสุราทผ่ี ู้ปว่ ยใช้ประจำ
อาการดังกลา่ วจะกล่าว จะค่อยๆ ดีขึ้นเมอ่ื ไดร้ ับการรักษาด้วยยาประมาณ 1 สัปดาห์
- สอน/แนะนำการจดั การกับอาการหแู วว่ /ภาพหลอน/สัมผสั หลอน เช่น การบอกกับตนเอง
วา่ อาการที่เกดิ ขนึ้ เป็นเรือ่ งไม่จรงิ การเขา้ รว่ มกลุ่มกิจกรรม การพูดคยุ กับผ้อู ่ืน การ
รับประทานยาตามแผนการรกั ษา
- หากยงั ร้สู ึกทกุ ข์ทรมานจากอาการหูแวว่ /ภาพหลอน/สัมผสั หลอนให้ยาฉีดprnตามแผนการรักษา
- ชมเชย ให้กำลงั ใจเมือ่ ผปู้ ว่ ยดแู ลตนเองไดเ้ หมาะสมตามศักยภาพ
ระยะฟื้นฟูเริ่มต้น (Rehabilitation)/ระยะกลาง (Interim Stage) ช่วง 8 - 14วนั
Assessment Objective Intervention Outcome
15. แยกตัว ไม่ค่อยมี - ผปู้ ่วยไมม่ พี ฤติกรรม - สรา้ งสมั พันธภาพอยา่ งสมำ่ เสมอ แบบหนงึ่ ต่อหน่ึง เพื่อให้ผ้ปู ่วยเกิดความไวว้ างใจและ - ผู้ป่วยไม่มพี ฤติกรรมแยกตวั
สัมพนั ธภาพกับผู้อื่น แยกตัว
ค้นหาข้อมลู เก่ียวกบั พฤติกรรมแยกตัว - ผู้ปว่ ยมสี มั พันธภาพกบั ผู้อื่นมากข้ึน
- สอน/สาธติ วิธีการสร้างสมั พันธภาพกบั บคุ คลอน่ื และใหข้ ้อมูลประโยชนข์ องการมี โดยบอกชอื่ เพ่อื นได้ วันละ 2-3 คน
สัมพันธภาพกับบุคคลอื่นเชน่ ทำให้มคี วามรมู้ ากข้ึน การมีมมุ มองทก่ี วา้ งขึน้ สามารถลดอาการหแู วว่ ได้
- แนะนำใหร้ ้จู กั ช่ือเพ่ือนที่สภุ าพ บุคลิกคลา้ ยผปู้ ่วยวนั ละ 2-3 คน
ฉบบั ปรบั ปรุง 11 มิถนุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
- ประเมนิ ความรุนแรงของอาการทางจติ (BPRS) เพ่อื จดั ใหเ้ ข้ากลุ่มกิจกรรมบำบัด/ให้การ
16. แอบทิง้ ยา - ไม่มีพฤตกิ รรมแอบท้งิ ยา บำบดั รายบุคคลท่เี หมาะตามสภาพปัญหาและความต้องการของผปู้ ว่ ย และตามระยะมการ - ผู้ป่วยดูแลตนเองได้เหมาะสมและไม่
17. มภี าวะซึมเศร้า/มี - ผูป้ ว่ ยไม่มีมภี าวะซมึ เศรา้ / ฟ้นื หายของผูป้ ่วย เช่น มีพฤติกรรมแอบทิ้งยา
ความคิดอยากฆา่ ตวั ตาย ภาวะซมึ เศร้าลดลง9Q ≤ 7 - ผปู้ ่วยไมม่ ีมีภาวะซมึ เศร้า/ภาวะ
- ผู้ป่วยไมม่ ีมคี วามคิดอยาก * กลมุ่ สุขภาพจติ ศึกษา (คมู่ ือของกลมุ่ การพยาบาล) ซมึ เศรา้ ลดลง 9Q ≤ 7
ฆ่าตัวตาย 8Q ≤ 8 - ผูป้ ่วยไม่มมี ีความคดิ อยากฆ่าตัวตาย
* กลุ่มจิตสงั คมบำบดั สำหรับผปู้ ่วยสรุ าและยาเสพตดิ (คูม่ ือโปรแกรมกลุ่มกจิ กรรมจิตสังคม 8Q≤8
บำบดั สำหรบั ผู้ปว่ ยสรุ าและยาเสพตดิ )
* กลุ่มกิจกรรมบำบัดผู้ป่วยที่มีข้อจำกดั ทางเชาว์ปัญญา (คู่มอื โปรแกรมกลุ่มกจิ กรรมผู้ป่วยที่
มีขอ้ จำกดั ทางเชาวป์ ัญญา)
* โปรแกรมการดูแลผปู้ ่วยทีม่ ีปัญหาสุขภาพจติ จากสรุ ายาเสพตดิ แบบครบวงจรโดยทีมสหวชิ าชีพ
(คมู่ อื โปรแกรมกลุ่มการดูแลผู้ปว่ ยทม่ี ปี ัญหาสขุ ภาพจติ จากสุรายาเสพติดแบบครบวงจรโดยทมี สหวชิ าชีพ)
* กลุ่มเสริมสร้างความีคุณค่าในตนเอง เป็นต้น
- ชมเชย ให้กำลังใจเมื่อผูป้ ว่ ยมีสัมพนั ธภาพกับผูอ้ ่ืน/กลา้ แสดงออก
- ซักถาม/คน้ หาข้อมูลการแอบทิง้ ยาและใหข้ ้อมูลความจำเปน็ /ประโยชน์ในการรับประทาน
ยาตามแผนการรักษา และข้อเสียที่เกดิ ขึน้ หากไม่รบั ประทานยาตามแผนการรักษา
- ใหข้ ้อมลู อาการข้างเคียงของยาท่ีอาจเกิดข้นึ ได้ การดแู ลตนเองเบื้องตน้ การขอความ
ช่วยเหลอื จากพยาบาลหรือผอู้ ่ืน
- สรา้ งสัมพนั ธภาพเพื่อการบำบัดและประเมนิ ภาวะซึมเศร้า (ในรายที่มีอาการซึมเศร้ามาก
ด้วยแบบประเมนิ ภาวะซึมเศร้าของกรมสขุ ภาพจิต: 9Q ถา้ คะแนน ≥7 ประเมนิ ความเสย่ี งใน
การฆา่ ตัวตาย: 8Q
- หากซมึ เศรา้ มากหรือความคิดอยากฆา่ ตวั ตาย รายงานแพทยพ์ จิ ารณาการรักษาที่เหมาะสม
และให้นอนโดย support ดว้ ย pad alarm
Assessment Objective Intervention ฉบบั ปรบั ปรุง 11 มถิ ุนายน 2564
- กระตนุ้ ให้พูดระบายปัญหา ความคับข้องใจ และใหค้ ำปรกึ ษาแก่ผปู้ ว่ ย
Outcome
- ให้ขอ้ มลู ผลกระทบของสรุ าตอ่ รา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคมครอบครัว ตลอดจนการรกั ษา
และประโยชนใ์ นการรบั ประทานตามแผนการรักษา
- สอน/แนะนำการปฏิบัตติ ัวเพื่อบรรเทาอาการซึมเศรา้ เช่น การออกกำลังกายทกุ วนั อย่าง
นอ้ ยครงั้ ละ 15 - 30นาที การรบั ประทานยาตามแผนการรกั ษา งดด่ืมนำ้ ชา/กาแฟ การเดนิ
รับแดดอ่อน ๆ ทกุ วัน
- เฝา้ ระวงั การพยายามทำร้ายตนเอง/ทำร้ายผอู้ ่ืน
ระยะฟืน้ ฟสู มรรถภาพ ระยะกอ่ นกลบั บา้ น (Pre-discharge Stage) ชว่ ง 15 - 30 วัน
Assessment Objective Intervention Outcome
18. รสู้ ึกไรค้ า่ /ความ - มคี วามภาคภูมใิ จในตนเอง - ประเมนิ ความภาคภมู ิใจในตนเอง ในกรณีทผี่ ปู้ ว่ ยมีความภาคภมู ิใจในตนเองต่ำ (Cooper - มีความภาคภูมิใจใน ตนเองสูงข้ึน
ภาคภูมใิ จใน ตนเองตำ่ สูงขึ้น Smith’s self esteem) ทีแ่ ปลโดย นาตยา (2532) (คะแนน self esteem สูงขึ้นในระดับ
- จัดใหเ้ ขา้ กลมุ่ ให้เข้ากลุ่มเสริมสร้างความภาคภูมิใจสำหรับผ้ปู ว่ ยตดิ สรุ า (RT) อย่างต่อเน่ือง ปานกลางข้ึนไป)
จนครบ Course เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง และให้ความรู้เกี่ยวกับความคิดที่ทำให้
เกิดทกุ ข์ ตลอดจนการฝึกปรบั เปลีย่ นความคดิ
19. ขาดความตระหนกั - ผ้ปู ่วยบอกโทษพิษภัยของ - ประเมนิ ขั้นตอนการเปล่ียนแปลงพฤตกิ รรม (stage of change) และ เสรมิ สร้างแรงจูงใจตาม - ผูป้ ่วยบอกโทษพิษภยั ของสุราได้
เร่ืองโทษ และพิษภัยของ สรุ าได้ถูกต้อง ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ถกู ต้อง
สุรา - ใหค้ วามรู้ ผูป้ ่วยเก่ยี วกับโรคสมองตดิ ยา โรคร่วม อาการ และการรักษาแก่ผู้ปว่ ยและญาติ - ผปู้ ่วย และครอบครวั อธิบายโรค
ตามคูม่ ือครอบครัวศึกษาฯ และ VCD เสน้ ตายและตายท้ังเป็น สมองติดยาและอาการเตือนการกลับ
- ให้ความร้แู กผ่ ปู้ ว่ ย และครอบครัวเกีย่ วกับการสงั เกต อาการเตือนการกลับไปใช้สุราซำ้ ของ เสพสุราซ้ำได้
ผู้ป่วย และแนวทางการชว่ ยเหลือ (ตามคู่มอื ครอบครวั ศกึ ษาฯ กลมุ่ และหรอื คมู่ ือกล่มุ
กจิ กรรมบำบดั ผู้ป่วยที่มีข้อจำกดั ทางเชาวป์ ัญญา)
ฉบับปรับปรงุ 11 มิถนุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
- เตรียมความพร้อมผู้ป่วยและครอบครัวตามแนว D-METHOD
20. คดิ ถงึ สรุ า และขอ - ผ้ปู ่วยมแี รงจูงใจในการเลิก - ประเมินขน้ั ตอนการเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรม (stage of change) และ เสรมิ สรา้ งแรงจงู ใจตาม - ผปู้ ว่ ยมีแรงจงู ใจในการเลิกสุรา ตัง้ ใจ
กลับบ้านทง้ั ที่อาการยัง
ไม่ดี สุรา ขน้ั ตอนการเปลยี่ นแปลง บำบัดรักษาและไม่บน่ อยากกลบั บา้ น
21.ยงั คดิ ถงึ สุรา/คดิ ว่า - ประเมินความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวโทษพิษภัยของสุรา
กลับไปด่ืมวนั ละน้อย ๆ
คงไม่ตดิ ซำ้ - ใหค้ วามรู้โทษพิษภยั ของสุราท้ัง individual/group
22. วติ กกังวลเร่อื งของ - ใหข้ อ้ มลู ขัน้ ตอนการกลับบา้ น
ตนเองและครอบครวั
- ผูป้ ่วยมีแรงจูงใจในการเลกิ - ประเมนิ ขั้นตอนการเปลีย่ นแปลงพฤติกรรม (stage of change) และ เสริมสรา้ งแรงจงู ใจตาม - ผปู้ ่วยมีแรงจงู ใจในการเลกิ สรุ า
สรุ า ขั้นตอนการเปล่ียนแปลง ตงั้ ใจบำบัดรกั ษา
- ประเมนิ ความรู้ความเข้าใจเกย่ี วโทษพิษภัยของสรุ า - ผู้ปว่ ยบอกสัญญาณเตือนของการ
- ให้ความรโู้ ทษพิษภยั ของสรุ าท้ัง individual/group กลับไปเสพสรุ าซ้ำ
- ให้เขา้ กลุ่มกจิ กรรมความคดิ กับวงจรการใชย้ าเสพติด
- ให้ขอ้ มูลสัญญาณเตือนของการกลบั ไปเสพสุราซำ้
- ผู้ป่วยมีระดบั ความวติ ก - ประเมนิ ระดบั ความวิตกกงั วลด้วยเครื่องมือ Anxiety’s Spillberger - ผปู้ ว่ ยมีระดับความวติ กกงั วลลดลง
กังวลลดลง - ค้นหาข้อมลู เพิ่มเติมและทำ Family counseling - ผ้ปู ว่ ยและครอบครัวมีความเขา้ ใจต่อ
- สอนทกั ษะการสื่อสารในครอบครวั แก่ผปู้ ว่ ย และครอบครัววิธีการผ่อนคลายความเครียด กนั ดีขึน้
การเผชิญกบั ความเครยี ด การจัดการกบั อารมณ์ ความรสู้ ึกทางลบได้อยา่ งเหมาะสม
- ในกรณที ี่ผูป้ ่วยมีปญั หาซับซ้อนประชุมทมี สหวิชาชพี ผปู้ ว่ ยและครอบครัวเพ่ือสรปุ ผลการดแู ล
- ประสานงานกับจติ เวชชุมชนเพอื่ การดูแลต่อเน่อื งท่ีเหมาะสม
- แนะนำแหลง่ สนับสนนุ ทางสังคมจิตใจแกผ่ ปู้ ว่ ยและครอบครวั เช่น chat board คลาย
เครียดของโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ Hot line ของกรมสุขภาพจิต คลนิ กิ คลายเครียด
และคลนิ ิกใหค้ ำปรึกษา เปน็ ต้น
ฉบบั ปรบั ปรงุ 11 มถิ ุนายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
23. วิตกกังวลกลวั เลกิ - ผู้ป่วยมีความมัน่ ใจใน
สุราไม่ได้ ตนเองมากขึน้ - ประเมนิ ข้นั ตอนการเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรม (stage of change) และ เสริมสรา้ งแรงจงู ใจตาม - ผูป้ ่วยมีความมัน่ ใจในตนเองมากข้นึ
ขน้ั ตอนการเปลี่ยนแปลง โดยบอกแนวทางการปฏิบัตติ ัวทท่ี ำให้
- ฝกึ ทกั ษะปฏิเสธเมอื่ เพอื่ นชวนไปเสพยาเสพติดแก่ผู้ปว่ ย เลกิ สรุ าได้
-ให้ความรเู้ ร่ืองการจดั กจิ กรรมในแตล่ ะวันใหส้ มดุล เชน่ การรับประทานอาหารการทำงานการนอน
หลบั การพักผ่อนการคลายเครียดทีเ่ หมาะสม การเข้ารว่ มกิจกรรมทางสังคมท่ีเหมาะสม
- ใหค้ วามรเู้ กย่ี วกับวธิ ีฟนั ฝ่าอุปสรรคในการเลิกสุราระยะกลางระยะฝ่าอุปสรรค และ ระยะปลาย
- ฟ้นื ฟูผ้ปู ว่ ยอย่างต่อเนื่อง โดยการทำกลุ่มกจิ กรรมตามโปรแกรมการดูแลผปู้ ว่ ยทมี่ ีปัญหา
สขุ ภาพจิตจากสุรายาเสพตดิ แบบครบวงจรโดยทมี สหวิชาชีพ
- จดั กจิ กรรมกลมุ่ ครอบครัวบำบัด โดยให้ครอบครัวมีสว่ นรว่ มในการดแู ล และรว่ มแก้ปญั หา
- ในกรณที ่ผี ปู้ ว่ ยมีปัญหาซับซ้อนประชมุ ทมี สหวิชาชีพ ผ้ปู ว่ ยและครอบครวั เพ่ือสรปุ ผลการดแู ล
- ให้ขอ้ มูลแก่ผ้ปู ว่ ยถึงความจำเป็นในการรบั ประทานอย่างตอ่ เน่ือง และการพบแพทย์ตามนดั
- ประสานงานกบั จิตเวชชมุ ชนเพอ่ื การดแู ลต่อเนือ่ ง
24. การจัดการกับปัญหา - ผปู้ ่วยบอกแนวทางการ - ร่วมกนั หาแนวทางในการผอ่ นคลายความเครียด และป้องกนั การเกิดความเครียดตาม - ผู้ปว่ ยบอกแนวทางการจดั การกบั
ความ เครยี ด/อารมณ์ไม่ จดั การกับปญั หาความ โปรแกรมการดูแลผูป้ ว่ ยทม่ี ปี ัญหาสขุ ภาพจิตจากสรุ ายาเสพติดแบบครบวงจรโดยทีมสห ปญั หาความ เครียด/อารมณ์ได้
เหมาะสม เครยี ด/อารมณ์ไดเ้ หมาะสม วิชาชีพ โดยให้ผู้ปว่ ยบอกวิธที เ่ี คยใช้กอ่ น และพยาบาลเสนอเพ่ิมเติมเก่ยี วกบั ภมู ปิ ญั ญา เหมาะสม
กอ่ นจำหน่าย ตะวันออก เช่น การกดจุด การนวด การเกร็ง-คลายกล้ามเน้อื การฝกึ หายใจ การฝึก สมาธิ
การอา่ นหนังสือธรรมะ การออกกำลงั กายสม่ำเสมอ โยคะ เปน็ ตน้
- ฝึกทกั ษะปฏิเสธเม่อื เพ่อื นชวนไปเสพยาเสพติดแก่ผปู้ ่วย
- ใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั วธิ ีฟนั ฝา่ อุปสรรคในการเลิกสรุ าระยะกลาง ระยะฝา่ อุปสรรค และระยะปลาย
- ฟ้ืนฟูผู้ปว่ ยอย่างต่อเนื่อง โดยการทำกลุ่มกิจกรรมตามโปรแกรมการดูแลผปู้ ว่ ยท่มี ีปญั หา
สุขภาพจิตจากสรุ า
- ให้ข้อมลู แกผ่ ปู้ ่วยถงึ ความจำเปน็ ในการรบั ประทานอยา่ งต่อเน่ือง เพื่อควบคุมอารมณ์ ทำให้คลาย
เครยี ด พักผอ่ นได้และการพบแพทยต์ ามนัด
ฉบบั ปรบั ปรุง 11 มถิ ุนายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
- ให้สังเกตอาการตนเอง เชน่ หงดุ หงิดงา่ ย นอนไมห่ ลับนานเกนิ 3 วันให้รีบมาพบแพทย์
25. กลัวไมม่ ีงานทำ - ผ้ปู ว่ ยบอกเรอื่ งงานทีจ่ ะไป - คน้ หาขอ้ มลู เพม่ิ เติมและให้ขอ้ มลู เรื่องการทำงาน เชน่ ให้ทบทวนงานทีค่ รอบครวั มีอยูแ่ ละ - ผปู้ ว่ ยบอกเรอ่ื งงานทจี่ ะไปทำเมอ่ื
ทำเมอื่ กลบั บา้ นได้เหมาะสม ช่วยทำงานเดิม หากไมม่ ีงานประจำหรอื งานอ่ืนทำกใ็ ห้ชว่ ยแบ่งภาระครอบครวั เช่น การช่วย กลับบา้ นไดเ้ หมาะสม/มีความเปน็ ไปได้
กอ่ นจำหนา่ ย ทำงานบ้านของครอบครวั เปน็ ต้น ตามบริบทของผ้ปู ่วย
- ให้ข้อมลู ผปู้ ่วยและครอบครัวเร่ืองผลกระทบของการว่างงาน เช่น ทำใหเ้ กิดความรู้สึกเหงา
เศร้า ซมึ เซง็ เบื่อและผปู้ ่วยก็จะหวนกลับไปใช้สุราซ้ำ
- ประสานงานกบั นักสังคมสงเคราะห์เพื่อหาแหล่งสนับสนุนทางสงั คม
26. ไมม่ ีเป้าหมายในชีวติ - ผปู้ ว่ ยบอกเปา้ หมาย การ - ใหเ้ ขา้ กลุ่มเสรมิ สร้างความภาคภมู ใิ จสำหรบั ผู้ปว่ ยตดิ สุรา (RT) อยา่ งตอ่ เน่ืองจนครบCourse - ผ้ปู ว่ ยบอกเป้าหมาย การดำเนินชีวิต
ดำเนนิ ชีวิตไดต้ ามศกั ยภาพ - กระต้นุ ใหผ้ ้ปู ว่ ยบอกเป้าหมายในชีวิตของตนเองหลังทำกล่มุ ครบ Course ได้ตามศกั ยภาพและมีความเป็นไปได้
- ชมเชยเม่อื ผู้ปว่ ยบอกเปา้ หมายในชวี ิตได้เหมาะสมตามศักยภาพ ในกรณีบอกได้ไมเ่ หมาะสม ตามบริบทของผู้ปว่ ย
ตามศกั ยภาพ/ตามบรบิ ทของผู้ปว่ ย ความรบั ผิดชอบ ความเป็นไปได้จรงิ พยาบาลให้ข้อมูล
สะทอ้ นกลับ และร่วมกันวางเป้าหมายใหม่
27. เตรียมความพร้อม - ผ้ปู ่วยและครอบครัวมี - ประเมินความคิด อารมณ์ พฤติกรรม การรบั รู้ และความสามารถในการดูแลตนเอง/ทักษะ - ดูแลตนเองเหมาะสมขณะอยบู่ ำบดั
ผูป้ ่วยก่อนกลบั บ้าน ความรูค้ วามเข้าใจเกย่ี วกบั การทำกิจกรรม ในโรงพยาบาล
โรคสมองติดยา - สร้างแรงจงู ใจในการเลิกยา และเพื่อส่งเสริมการดแู ลตนเองอย่างตอ่ เนือ่ ง - ความรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกบั โรคสมอง
- บอกวิธีการดูแลตนเองได้ - สง่ เสริมการทำกจิ วัตรประจำวันและกิจกรรมฟ้ืนฟู เชน่ กลุ่มออกกำลงั กาย กล่มุ ส่งเสริมงาน ตดิ ยา
ถกู ต้อง อาชพี กลุ่มบำบัดผู้ป่วยใชส้ ารเสพติด สอนทักษะการปฏเิ สธ การจัดการกับความเครียด และ - มีความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยอธิบายผล
- มีแรงจูงใจในการเลิกสุรา การแก้ไขปญั หา กระทบของสรุ าตอ่ รา่ งกายและจติ ประสาท
ระดับ 3 - แนะนำการรับบริการจากสถานบรกิ ารใกลบ้ ้าน และการมาพบแพทย์ตามนดั - สามารถปฏเิ สธการใช้สุราได้
- ใหค้ ำปรึกษาครอบครวั /ครอบครวั บำบัด - บอกวิธีการดแู ลตนเองได้ถกู ตอ้ ง
- แนะนำชอ่ งทางการติดตอ่ โรงพยาบาลโดยโทรศัพท์ 1323 หรือ 077-312991 เมอื่ ต้องการ - มแี รงจูงใจในการเลิกสุราระดบั 3
ขอคำปรกึ ษา/ความช่วยเหลือทางดา้ นสุขภาพ
ฉบับปรับปรงุ 11 มถิ นุ ายน 2564
Assessment Objective Intervention Outcome
- แนะนำการใชส้ ทิ ธกิ ารรักษาและความสำคัญของสมุดคมู่ ือ
- ชมเชยและให้กำลังใจเมื่อ ผู้ป่วยมพี ฤติกรรมทด่ี ีขึน้ และสามารถดูแลตนเอง หรอื ใหค้ วาม - บอกแหล่งสนบั สนนุ หรือสถานบริการทขี่ อ
รว่ มมอื ทำกิจกรรมไดส้ ำเร็จ ความชว่ ยเหลอื ได้
- บอกความสำคัญของการรับประทานยา
ต่อเนื่องและการมาพบแพทย์ตามนดั ได้