หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการจดั ทกั ษะการคิด ๙๘
การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ เวลา
- ทักษะการสรปุ ลง (ชม.)
๓. หลักการวเิ คราะห์ - วิธีสอนแบบโมเดลซปิ ปา ความเห็น ๑
(CIPPA Model)
การแสดงนาฏศลิ ป์
- วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ
ไทยและละครไทย กระบวนการสรา้ งความ
๔. ประโยชน์การ ตระหนัก - ทกั ษะการสรุปลง ๑
- วิธีสอนแบบสบื เสาะหา ความเหน็
วิเคราะห์หรอื ความรู้
(Inquiry Method : ๕E)
วิจารณ์การแสดง - วธิ สี อนโดยการจดั การเรยี นรู้
๕. ความสมั พันธข์ อง แบบรว่ มมือ : เทคนิคคู่คดิ - ทกั ษะการสำรวจ ๑
สส่ี หาย
นาฏศิลป์และละคร - วิธีสอนโดยการจัดการเรียนรู้
แบบร่วมมอื : เทคนิคกลมุ่
กบั ชวี ติ มนุษย์ สบื คน้
- วธิ สี อนโดยเนน้ กระบวนการ
๖. นาฏศลิ ป์และละคร : ๑. ทกั ษะการสำรวจ ๑
กระบวนการสร้างความ ๒. ทกั ษะการระบุ ๑
ในวนั สำคญั ของ ตระหนกั ๑
- วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหา ๑. ทักษะการใหเ้ หตผุ ล
โรงเรยี น ความรู้ ๒. ทักษะการสำรวจ
(Inquiry Method : ๕E)
หน่วยการเรียนรู้ ๑. ท่ีมาของนาฏศลิ ป์ ๑. ทกั ษะการให้เหตุผล
๒. ทกั ษะการสำรวจ
ท่ี ๑๐ ไทย
ท่ีมาและบคุ คล
สำคัญของ ๒. ความสำคญั และ
นาฏศิลป์ไทยและ คณุ ค่าของ
การละครไทย นาฏศิลป์ไทย
๓. บคุ คลสำคัญใน ๑. ทักษะการให้เหตผุ ล ๑
วงการนาฏศลิ ปไ์ ทย ๒. ทกั ษะการสำรวจ
๔. ทมี่ าและ - วิธสี อนโดยการจัดการเรยี นรู้ ๑. ทักษะการใหเ้ หตุผล ๑
วิวัฒนาการของ แบบรว่ มมือ : เทคนิคคู่คดิ ๒. ทักษะการสำรวจ ๑
การละครไทย ๑
- วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ - ทักษะการใหเ้ หตผุ ล
๕. ความสำคญั และ กระบวนการสร้างความ
คณุ ค่าของละคร ๑. ทกั ษะการใหเ้ หตผุ ล
ไทย ตระหนัก ๒. ทักษะการสำรวจ
- วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหา
๖. บุคคลสำคญั ใน ความรู้
วงการละครไทย (Inquiry Method : ๕E)
๙๙
สว่ นที่ ๕
๑๐๐
ส่วนที่ ๕
การจัดการเรยี นร้แู ละการวัดและประเมินผล
แนวทางการจัดการเรียนรกู้ ล่มุ สาระการเรียนรู้ศิลปะ
กลุ่มสาระการเรียนร้ศู ลิ ปะมุง่ สง่ เสริมสนบั สนุนให้ผู้เรยี นเปน็ ผแู้ สวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง โดย
ให้รจู้ กั แสวงหาความรู้และประสบการณ์จากแหลง่ เรยี นรู้และหอ้ งสมดุ เพ่ือให้ผู้เรียนได้ศกึ ษาคน้ คว้า
หาความรอู้ ยา่ งเพยี งพอ และเกิดการเรยี นรู้อยา่ งหลากหลายท้ังในหอ้ งเรียน นอกห้องเรียนและนอก
สถานศกึ ษา เชน่ ในชุมชนใกล้ ๆ บริเวณสถานศึกษา ตลาด วดั หรอื สถานทสี่ ำคัญ ๆ ในชมุ ชน
กลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ิลปะม่งุ ส่งเสริมให้ผเู้ รยี นทุกคนได้เรียนรู้ สามารถคดิ สร้างสรรค์
วเิ คราะห์ วิจารณ์ แก้ปัญหา และทำสิ่งทแ่ี ตกตา่ งให้ดีขึ้น
กระบวนการเรียนรูก้ ลุม่ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ
การจัดการเรียนรู้กลมุ่ สาระการเรียนรูศ้ ิลปะต้องการการมีสว่ นร่วมของผู้เกยี่ วข้องทุกฝ่าย
ตัง้ แตผ่ ้เู รียน ผสู้ อน ผปู้ กครอง ชุมชน ผู้เรยี นตอ้ งเรยี นรูใ้ ห้ครบถ้วนดว้ ยสมอง กาย ใจ และเรียนรู้
ดว้ ยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตด้วยการจัดการใหผ้ เู้ รียนขวนขวายหาความรู้ เพิ่มความรบั ผดิ ชอบ
กล้าแสดงออกและเน้นการทำงานเป็นกลุ่ม ผเู้ รียนใชก้ ระบวนการคดิ สร้างแบบการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง
ดงั น้ันกล่มุ สาระการเรียนรู้ศิลปะจึงเพิ่มประสบการณ์การทำงานจริงตามสถานการณ์ให้มากยิ่งขึ้นตาม
ช่วงชน้ั
ในการจดั การเรยี นรู้ซ่ึงเน้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั จะพฒั นาความฉลาดทางสติปัญญาและอารมณ์
เห็นคณุ คา่ ของตนเองเพื่อการแสดงออกอย่างอิสระเพม่ิ การมีสว่ นร่วมในการปฏิบัติจริง เพ่มิ โครงงาน
ตามศักยภาพเพอื่ ใหผ้ ูเ้ รียนมีความสุข มีเสรภี าพในการเรียนและแสวงหาความรู้ได้ตามความต้องการ
ยทุ ธศาสตร์การเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ศลิ ปะ
๑. การเรียนร้แู บบพัฒนาความสามารถในกระบวนการคิดของผู้เรียน
๑๐๑
เปน็ ยทุ ธศาสตร์การเรยี นรูท้ ผี่ เู้ รียนต้องมีการใช้ข้อมูลทางศลิ ปะกับกระบวนการคดิ ของตนเอง
และการเรียนรู้จะเกิดข้ึนได้ดว้ ยการตดั สินใจ เลอื กยุทธศาสตร์ กระบวนการ ประเมนิ ตนเอง
วางแผนปฏบิ ัตงิ าน ลงมีปฏบิ ัตงิ าน ตรวจสอบและปรับปรุงผลงานอย่เู สมอ
• คดิ ริเริ่มสรา้ งสรรค์ (Creative Thinktng) ด้วยการสร้างแนวคิดใหม่ แสวงหาพจิ ารณา
ทางเลือกอยา่ งหลากหลาย ประยุกต์ปรบั เขา้ หาแนวทาง สำรวจทางเลอื กที่เหมาะสม ตั้งข้อตกลง
ร่วมกัน
• คดิ วิเคราะห์ (Critical Thinktng) ด้วยกระบวนการตรวจสอบ ทำใหช้ ดั เจน จดั ระบบ
ใหเ้ หตุผล วเิ คราะห์ ทำใหก้ ระจ่างชัด ตงั้ สมมติฐาน ทำนาย ประเมิน สังเคราะห์
• คดิ ไตร่ตรอง (Reflective Thinktng) วธิ ีนจ้ี ะคดิ ดว้ ยการตง้ั คำถาม ถามตนเอง
เชอ่ื มโยง ความคดิ ก่อนหน้าความคาดหวังและประสบการณ์ปจั จุบันเข้าดว้ ยกัน ประเมิน วเิ คราะห์
ต้งั สมมติฐาน แสวงหาพจิ ารณาทางเลือกท่ีเหมาะสม
๒. การเรียนรแู้ บบการสร้างองคค์ วามรู้ด้วยตนเอง
เป็นยทุ ธศาสตร์การเรยี นรู้ท่ผี ู้เรียนแสวงหาความรู้ดว้ ยการปฏิบัติ ทดลอง หาเหตุผล
สัมผสั จรงิ และสรุปด้วยตนเองเป็นประสบการณ์ตรง
๓. การเรยี นร้แู บบประเมนิ ตนเอง (Self Assessment)
เป็นยทุ ธศาสตร์การเรียนรูท้ ่ีมีลำดบั ขน้ั ตอนไวช้ ัดเจนโดยมุ่งเนน้ ใหผ้ ู้เรียนประเมินตนเองหรือ
ประเมินเพ่ือนในชั้นเรยี นอย่างมเี หตุผล
๔. การเรียนรแู้ บบเรียนรดู้ ว้ ยการแกป้ ัญหา (Problem-Based Learning)
เป็นยทุ ธศาสตร์การเรยี นรู้ทเ่ี นน้ ใหผ้ ู้เรยี นได้ศึกษา วิธแี กป้ ัญหาด้วยตวั เอง ต้งั แต่การกำหนด
ปัญหาและคน้ หาวธิ กี ารแก้ปัญหาดว้ ยวธิ ีและขนั้ ตอนทเ่ี หมาะสมกับผู้เรียน
๕. การเรยี นรแู้ บบเช่อื มโยงบูรณาการความรสู้ หสาขา (Multidisciplinary Approach)
เป็นยุทธศาสตร์การเรียนรทู้ สี่ ามารถบรู ณาการการเชอื่ มโยงความร้แู ละกระบวนการท้งั ในกลมุ่
สาระและระหว่างกลมุ่ สาระ
แนวทางการพัฒนาสอ่ื การเรียนรกู้ ลมุ่ สาระศลิ ปะ
ในการจดั การเรียนรู้กลุ่มศิลปะ ผสู้ อนสามารถใชแ้ ละพัฒนาส่ือการเรียนร้ตู า่ ง ๆ ทม่ี ีอย่ทู ั้งสื่อ
อปุ กรณ์ สอื่ สงิ่ พมิ พ์ ส่ืออเิ ล็กทรอนิคส์ ส่อื ธรรมชาติ สิง่ แวดล้อม สื่อเทคโนโลยี บคุ ลากร ฯลฯ ที่
มีอยใู่ นทอ้ งถนิ่ มาใชใ้ นการจัดการเรียนรเู้ พ่ือเป็นสอื่ กระตุ้นใหผ้ ู้เรียนรักการเรียนรู้ และมีทกั ษะ
กระบวนการในการแสวงหาความร้เู กดิ การเรยี นรู้ศิลปะได้อย่างกว้างขวางลกึ ซ้งึ สามารถแลกเปลยี่ น
เรียนร้แู ละสรา้ งองคค์ วามรู้ด้วยตวั เองได้เตม็ ตามศกั ยภาพอย่างต่อเนื่องตลอดชวี ติ
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
๑๐๒
หลักการของหลกั สูตรการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน เนน้ กระบวนการเรียนรทู้ ่ยี ึดผเู้ รยี นเปน็ สำคัญ
โดยให้ผเู้ รยี นไดล้ งมือปฏบิ ัติจรงิ มกี ารตดิ ตามประเมนิ ผลตามมาตรฐานการเรียนรู้กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
และมาตรฐานการเรยี นรู้ชว่ งชนั้ ซ่ึงใชเ้ ปน็ เปา้ หมายของการพัฒนาผเู้ รยี นครอบคลมุ ทั้งดา้ นความรู้
ทักษะ/กระบวนการ คุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ ม การประเมนิ ผลต้องปรับเปลยี่ นไปจากเดิม
โดยมตี วั บ่งช้ี (Benchmark) แสดงคุณภาพของผูเ้ รียนตามมาตรฐาน การประเมินเกี่ยวกับด้านความรู้
จะประเมนิ จากความรทู้ ี่พฒั นาแล้ว คือการนำความรไู้ ปใช้และรวมทงั้ การประเมนิ ทักษะและประเมนิ
เจตคติผสมผสานกนั
การประเมนิ ด้วยตนเองจะเป็นแก่นของกลุ่มสาระการเรยี นรนู้ ้ี ซึ่งวธิ กี ารประเมนิ อาจทำไดโ้ ดย
จดั ให้มีการประเมนิ ร่วมกัน โดยใหผ้ ้เู รยี นประเมนิ ตนเอง ใหก้ ลุม่ เพื่อนนกั เรียนประเมนิ ผเู้ รียน และ
ผู้สอนประเมนิ ผเู้ รยี น แล้วนำการประเมินทกุ ส่วนมาสรุปเป็นผลการประเมนิ ขัน้ สดุ ทา้ ย และการ
ประเมินผลควรกระทำอย่างต่อเนือ่ ง คือ ประเมินผลระหว่างเรียน (formative evaluation) และ
ประเมนิ ผลรวมยอด (summative evaluation) ท่ีสำคญั คอื จะไมเ่ น้นผลงานศลิ ปะเป็นตวั หลกั ใน
การกำหนดคณุ ภาพและความสำเรจ็ ของผ้เู รยี น
แหล่งการเรียนรู้
แหล่งการเรยี นรู้ คอื สถานท่ี ปรากฏการณ์ เหตุการณ์ หรอื สถานการณ์ตา่ ง ๆ รวมทั้ง
ความรู้ ความชำนาญ ความเชยี่ วชาญ ความคิดเห็น ความรสู้ กึ ของบคุ คลซึง่ อาจมีการถ่ายทอดหรอื
บนั ทกึ ไวใ้ นส่ือตา่ ง ๆ เช่น หนงั สอื เรยี น ตำรา หรอื ส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกสอ์ ่ืน ๆ ดว้ ยธรรมชาตขิ องกลุ่ม
สาระ การเรียนรศู้ ิลปะที่ม่งุ พัฒนาใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ รู้วิธีแสวงหาความรไู้ ด้ทุกเวลา ทุกโอกาส
และทุกสถานทปี่ ระกอบกับความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยกี ารสือ่ สาร ทำใหผ้ ้เู รยี นสามารถเขา้ ถึงแหลง่
การเรียนร้ทู ่ีมีอยอู่ ย่างมากมายในปัจจบุ ัน ซ่งึ ชว่ ยใหผ้ ูเ้ รียนเกิดการเรยี นรู้ตามมาตรฐานของกลุม่ สาระ
การเรยี นรูศ้ ลิ ปะได้สะดวกรวดเร็วและมปี ระสิทธิภาพอยา่ งไม่มีขอบเขตจำกัด
๑๐๓
๑๐๔
ภาคผนวก
อภิธานศพั ท์
ทัศนศิลป์
โครงสรา้ งเคลอ่ื นไหว (mobile)
เป็นงานประติมากรรมที่มโี ครงสร้างบอบบางจัดสมดลุ ด้วยเส้นลวดแข็งบาง ๆ ท่ีมวี ัตถุรูปรา่ ง
รูปทรงตา่ งๆ ที่ออกแบบเช่ือมตดิ กับเสน้ ลวด เป็นเครอื่ งแขวนท่เี คลอื่ นไหวได้ดว้ ยกระแสลมเพยี งเบา ๆ
๑๐๕
งานส่อื ผสม (mixed media)
เปน็ งานออกแบบทางทัศนศลิ ปท์ ป่ี ระกอบด้วยหลายส่ือโดยใช้วสั ดหุ ลาย ๆ แบบ เช่น กระดาษ
ไม้ โลหะ สรา้ งความผสมกลมกลนื ดว้ ยการสรา้ งสรรค์
จังหวะ (rhythm)
เป็นความสัมพันธ์ของทัศนธาตุ เช่น เส้น สี รูปร่าง รูปทรง น้ำหนักในลักษณะของการซ้ำกัน
สลับไปมา หรือลักษณะลื่นไหล เคล่ือนไหวไม่ขาดระยะจังหวะที่มีความสัมพันธ์ต่อเน่ืองกันจะช่วยเน้น
ให้เกิดความเด่น หรือทางดนตรีก็คือการซ้ำกันของเสียงในช่วงเท่ากันหรือแตกต่างกันจังหวะให้
ความรสู้ ึกหรือความพอใจทางสุนทรยี ภาพในงานศิลปะ
ทัศนธาตุ (visual elements)
ส่ิงท่ีเป็นปัจจัยของการมองเห็นเป็นส่วนต่าง ๆ ที่ประกอบกันเป็นภาพ ได้แก่ เส้น น้ำหนัก
ท่วี ่าง รูปร่าง รูปทรง สี และลกั ษณะพน้ื ผวิ
ทศั นยี ภาพ (perspective)
วธิ ีเขยี นภาพของวตั ถุให้มองเห็นวา่ มรี ะยะใกล้ไกล
ทศั นศิลป์ (visual art)
ศิลปะที่รับรู้ได้ด้วยการเห็น ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และงานสร้างสรรค์อื่น ๆ
ที่รบั รู้ด้วยการเหน็
ภาพปะติด (collage)
เป็นภาพที่ทำข้ึนด้วยการใช้วัสดุต่าง ๆ เช่น กระดาษ ผ้า เศษวัสดุธรรมชาติ ฯลฯ ปะติด
ลงบนแผ่นภาพด้วยกาวหรอื แปง้ เปียก
วงสธี รรมชาติ (color circle)
คือวงกลมซึ่งจัดระบบสีในแสงสีรุ้งท่ีเรียงกันอยู่ในธรรมชาติ สีวรรณะอุ่น จะอยู่ในซีกที่มีสีแดง
และเหลอื ง สว่ นสีวรรณะเยน็ อย่ใู นซีกท่มี ีสเี ขยี ว และสมี ว่ ง สีคตู่ รงข้ามกนั จะอยู่ตรงกนั ข้ามในวงสี
วรรณะสี (tone)
ลักษณะของสีท่ีแบ่งตามความรู้สึกอุ่นหรือเย็น เช่น สีแดง อยู่ในวรรณะอุ่น (warm tone)
สีเขยี วอย่ใู นวรรณะเยน็ (cool tone)
สีคตู่ รงขา้ ม (complementary colors)
สีทีอ่ ยู่ตรงกันขา้ มกันในวงสีธรรมชาตเิ ป็นคู่สีกัน คือ สีค่ทู ่ีตัดกันหรือต่างจากกันมากท่ีสุด เช่น
สีแดงกับสีเขยี ว สีเหลอื งกับสมี ว่ ง สนี ้ำเงินกบั สีสม้
องค์ประกอบศิลป์ (composition of art)
วิชาหรือทฤษฎีทีเ่ ก่ยี วกับการสรา้ งรูปทรงในงานทัศนศลิ ป์
๑๐๖
ดนตรี
การดำเนนิ ทำนอง (melodic progression)
๑. การก้าวเดนิ ไปข้างหน้าของทำนอง
๒. กระบวนการดำเนนิ คอร์ดซง่ึ แนวทำนองขยับทีละข้ัน
ความเข้มของเสียง (dynamic)
เสยี งเบา เสียงดัง เสยี งที่มีความเขม้ เสยี งมากก็ยงิ่ ดังมากเหมือนกบั loudness
ด้นสด
เป็นการเล่นดนตรีหรือขับร้อง โดยไม่ได้เตรียมซ้อมตามโน้ตเพลงมาก่อน ผู้เล่นมีอิสระในการ
กำหนดวิธีปฏิบัติเคร่ืองดนตรีและขับร้อง บนพื้นฐานของเนื้อหาดนตรีท่ีเหมาะสม เช่น การบรรเลงใน
อตั ราความเรว็ ท่ยี ืดหยนุ่ การบรรเลงดว้ ยการเพิม่ หรือตดั โนต้ บางตัว
บทเพลงไล่เลียน (canon)
แคนอน มาจากภาษากรกี แปลวา่ กฎเกณฑ์ หมายถงึ รปู แบบบทเพลงทมี่ ีหลายแนวหรือดนตรี
หลายแนว แต่ละแนวมีทำนองเหมือนกัน แต่เรม่ิ ไม่พร้อมกันแต่ละแนว จึงมีทำนองที่ไล่เลียนกันไปเป็น
ระยะเวลายาวกว่าการเลยี นทวั่ ไป โดยทว่ั ไปไมค่ วรตำ่ กวา่ ๓ ห้อง ระยะข้นั คู่ระหวา่ งสองแนวที่เลียนกัน
จะหา่ งกันเป็นระยะเท่าใดกไ็ ด้ เชน่ แคนอนคู่สอง หมายถึง แคนอนทแ่ี นวทงั้ สอง เริม่ ทีโ่ น้ต
ห่างกันเป็นระยะคู่ ๕ และรักษาระยะคู่ ๕ ไปโดยตลอดถือเป็นประเภทของลีลาสอดประสานแนว
ทำนองแบบเลียนที่มีกฎเกณฑ์เข้มงวดทสี่ ุด
ประโยคเพลง (phrase)
กล่มุ ทำนอง จงั หวะทเ่ี รียบเรยี งเช่ือมโยงกันเป็นหนว่ ยของเพลงทมี่ ีความคดิ จบสมบรู ณ์ใน
ตัวเอง มกั ลงทา้ ยด้วยเคเดนซ์ เป็นหน่วยสำคญั ของเพลง
ประโยคเพลงถาม - ตอบ
เป็นประโยคเพลง ๒ ประโยคที่ต่อเน่ืองกันลีลาในการตอบรับ – ส่งล้อ – ล้อเลียนกัน
อย่างสอดคล้อง เป็นลักษณะคล้ายกันกับบทเพลงรูปแบบ AB แต่เป็นประโยคเพลงสั้น ๆ ซึ่งมักจะมี
อัตราความเร็วเท่ากันระหว่าง ๒ ประโยค และความยาวเท่ากัน เช่น ประโยคเพลงท่ี ๑ (ถาม)
มีความยาว ๒ ห้องเพลง ประโยคเพลงที่ ๒ (ตอบ) ก็จะมีความยาว ๒ ห้องเพลง ซึ่งจะมีลีลาต่างกัน
แตส่ อดรับกนั ไดก้ ลมกลนื
ผลงานดนตรี
ผลงานทีส่ ร้างสรรคข์ ึ้นมาโดยมคี วามเกีย่ วข้องกับการนำเสนองานทางดนตรี เช่น บทเพลง
การแสดงดนตรี
เพลงทำนองวน (round)
๑๐๗
เพลงที่ประกอบด้วยทำนองอยา่ งน้อย ๒ แนว ไล่เลียนทำนองเดยี วกัน แต่ต่างเวลาหรือจังหวะ
สามารถไลเ่ ลียนกันไปไดอ้ ย่างต่อเนื่องจนกลบั มาเร่มิ ตน้ ใหม่ไดอ้ ีกไม่มีวนั จบ
รูปร่างทำนอง (melodic contour)
รูปรา่ งการขน้ึ ลงของทำนอง ทำนองทส่ี มดุลจะมที ิศทางการขนึ้ ลงท่เี หมาะสม
สีสนั ของเสียง
ลักษณะเฉพาะของเสียงแต่ละชนิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะต่างกัน เช่น ลักษณะเฉพาะของสีสัน
ของเสียงผู้ชายจะมีความทุ้มต่ำแตกต่างจากสีสันของเสียงผู้หญิง ลักษณะเฉพาะของสีสันของเสียง
ของเด็กผชู้ ายคนหน่งึ จะมคี วามแตกต่างจากเสียงเด็กผ้ชู ายคนอนื่ ๆ
องค์ประกอบดนตรี (elements of music)
ส่วนประกอบสำคัญท่ีทำให้เกิดเสียงดนตรี ได้แก่ทำนอง จังหวะ เสียงประสาน สีสันของเสียง
และเนื้อดนตรี
อตั ราความเรว็ (tempo)
ความชา้ ความเรว็ ของเพลง เช่น อัลเลโกร(allegero) เลนโต (lento)
ABA
สญั ลกั ษณ์บอกรูปแบบวรรณกรรมดนตรแี บบตรีบท หรือเทอร์นารี (ternary)
ternary form
สังคีตลักษณ์สามตอน โครงสร้างของบทเพลงท่ีมีส่วนสำคัญขยับทีละขั้นอยู่ ๓ ตอน ตอนแรก
และตอนท่ี ๓ คือ ตอน A จะเหมือนหรือคล้ายคลึงกันทั้งในแง่ของทำนองและกุญแจเสียง
ส่วนตอนที่ ๒ คือ ตอน B เป็นตอนท่ีแตกต่างออกไป ความสำคัญของสังคีตลักษณ์น้ี คือ การกลับมา
ของตอน A ซ่ึงนำทำนองของส่วนแรกกลับมาในกุญแจเสียงเดิมเป็นสังคีตลักษณ์ท่ีใช้มากท่ีสุด
โดยเฉพาะในเพลงร้อง จึงอาจเรยี กว่า สังคีตลักษณ์เพลงร้อง (song form) ก็ได้
๑๐๘
นาฏศิลป์
การตีบท
การแสดงท่ารำตามบทร้อง บทเจรจาหรือบทพากย์ควรคำนึงถึงความหมายของบท แบ่งเป็น
การตบี ท ธรรมชาติ และการตบี ทแบบละคร
การประดิษฐท์ ่า
การนำภาษาทา่ ภาษานาฎศิลป์ หรอื นาฏยศัพท์มาออกแบบ ให้สอดคลอ้ งสัมพันธก์ บั จงั หวะ
ทำนอง บทเพลง บทร้อง ลีลา ความสวยงาม
นาฏยศัพท์
ศัพท์เฉพาะทางนาฎศิลป์ ท่ีใช้เก่ียวกับการเรียกท่ารำ กิริยาที่แสดงมีส่วนศีรษะใบหน้าและ
ไหล่ ส่วนแขนและมือ ส่วนของลำตัว ส่วนขาและเทา้
บุคคลสำคัญในวงการนาฎศลิ ป์
เป็นผู้เช่ียวชาญทางนาฎศิลป์ และภมู ปิ ัญญาท้องถิ่นท่ีสรา้ งผลงาน
ภาษาทา่
การแสดงทา่ ทางแทนคำพดู ใชแ้ สดงกิรยิ าหรืออิริยาบถ และใชแ้ สดงถึงอารมณภ์ ายใน
ส่วนขาและเทา้
กิริยาแสดง เช่น กระทบ ยืดยุบ ประเท้า กระดกเท้า กระทุ้ง จรด ขยับ ซอย วางส้น ยกเท้า
ถดั เทา้
ส่วนแขนและมือ
กิริยาทแี่ สดง เช่น จบี ตงั้ วง ล่อแก้ว ม้วนมือ สะบดั มือ กรายมอื ส่ายมือ
๑๐๙
สว่ นลำตวั
กิริยาท่แี สดง เชน่ ยกั ตัว โย้ตัว โยกตวั
ส่วนศีรษะใบหน้าและไหล่
กริ ิยาที่แสดง เชน่ เอยี งศรี ษะ เอยี งไหล่ กดไหล่ กลอ่ มไหล่ กลอ่ มหน้า
สง่ิ ทีเ่ คารพ
ในสาระนาฎศิลป์มีสิ่งท่ีเคารพสืบทอดมา คือ พ่อแก่ หรือพระพรตฤษี ซ่ึงผู้เรียนจะต้อง
แสดงความเคารพ เม่อื เร่ิมเรยี นและกอ่ นแสดง
องคป์ ระกอบนาฎศลิ ป์
จังหวะและทำนองการเคล่ือนไหว อารมณ์และความรู้สึก ภาษาท่า นาฎยศัพท์ รูปแบบของ
การแสดง การแต่งกาย
องคป์ ระกอบละคร
การเลือกและแต่งบท การเลือกผแู้ สดง การกำหนดบุคลิกของผู้แสดง การพัฒนารปู แบบของ
การแสดง การปฏิบัตติ นของผู้แสดงและผูช้ ม
๑๑๐
ประกาศโรงเรียนชุมชนวดั ขันเงนิ
เรือ่ ง ใหใ้ ช้หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรูศ้ ิลปะ โรงเรียนชุมชนวัดขนั เงนิ พุทธศกั ราช ๒๕65
(ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.๒๕๖0) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
__________________________________
ด้วยคำส่ังกระทรวงศึกษาธิการ ท่ี สพฐ. 1239/2560 ลว. 7 สิงหาคม 2560
เรื่อง ให้ใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระ
ภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือให้การจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
สอดคล้องกับสภาพความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และความรู้ทาง
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีทเ่ี จริญก้าวหน้าอยา่ งรวดเร็ว เป็นการพัฒนาและเสรมิ สร้างศักยภาพคนของ
ชาติให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขนั ของประเทศการยกระดับคุณภาพการศึกษาและการ
เรียนรู้ให้มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล สอดคล้องกับประเทศไทย 4.0 โลกในศตวรรษท่ี 21
และทัดเทียมกับนานาชาติ ผู้เรียนมีศักยภาพในการแข่งขันและการดำรงชีวิตอย่างสร้างสรรค์ใน
ประชาคมโลก ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542 และแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
บริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 กระทรวงศึกษาจึงได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้
และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และสาระภมู ิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้
สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 แทนมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ใน
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551
ทั้งน้ีหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ โรงเรียนชุมชนวัดขันเงิน ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ได้รับความเห็นชอบ
ของคณะกรรมการการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เม่ือวันที่ 26 เดือน เมษายน พ.ศ. 2565 จึงประกาศ
ใหใ้ ช้หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ โรงเรยี นชมุ ชนวัดขันเงิน ตัง้ แต่บัดนเ้ี ปน็ ต้นไป
ประกาศ ณ วนั ท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
....................................................... ..........................................................
(ว่าทเี่ รอื ตรีบงกช อนุกาญจนวีระ) (นางสาวภนิดา นพชำนาญ)
กรรมการผ้ทู รงคณุ วุฒิปฏบิ ัตหิ นา้ ท่แี ทน
ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน ผอู้ ำนวยการโรงเรียนชุมชนวดั ขนั เงนิ
โรงเรียนชุมชนวัดขนั เงนิ
๑๑๑
บนั ทึกขอ้ ความ
ส่วนราชการ โรงเรียนชุมชนวดั ขันเงนิ อำเภอหลงั สวน จังหวดั ชุมพร
ท่ี พิเศษ/2565 วนั ท่ี 5 พฤษภาคม 2565
เรื่อง พจิ ารณาใหค้ วามเห็นชอบหลักสูตรกลุม่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ ฉบบั ปรับปรุง พุทธศกั ราช 2565
เรียน คณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้นื ฐาน
ส่งิ ท่ีส่งมาด้วย หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะ ฉบับปรับปรงุ พุทธศักราช 2565 จำนวน 1 เล่ม
ดว้ ยคณะทำงานได้จัดทำหลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช
2565 เพื่อเป็นแนวทางดำเนินงานในการปฏิบตั ิงาน จัดกระบวนการเรียนการสอน บัดนี้การดำเนนิ การ
ดงั กล่าวไดแ้ ล้วเสรจ็ เรียบร้อยแลว้
ในการน้ีโรงเรยี นชุมชนวัดขันเงิน ได้เสนอหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ฉบับปรับปรุง
พุทธศักราช 2565 ต่อคณะกรรมการสถานศกึ ษาพิจารณาใหค้ วามเห็นชอบ
จงึ เรียนมาเพือ่ ทราบและพิจารณาให้ความเห็นชอบ
ขอแสดงความนับถือ
(นางสาวภนดิ า นพชำนาญ)
ผ้อู ำนวยการโรงเรียนชุมชนวดั ขันเงิน
..................................................................................................................................................................
ความเห็นคณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พื้นฐาน
เห็นชอบ จัดทำหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศักราช 2565
ไมเ่ หน็ ชอบ จัดทำหลักสตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ ฉบบั ปรบั ปรุง พุทธศักราช 2565
(ว่าทเ่ี รอื ตรีบงกช อนกุ าญจนวรี ะ)
กรรมการผู้ทรงคณุ วฒุ ิปฏบิ ตั ิหน้าทแ่ี ทน
ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน
โรงเรียนชมุ ชนวดั ขันเงิน
๑๑๒
คำสั่งโรงเรยี นชมุ ชนวัดขันเงิน
ที่ ๔๙/๒๕๖๕
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงหลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรูศ้ ิลปะ (พ.ศ.๒๕๖๕)
*********************************
ตามที่โรงเรียนชุมชนวัดขันเงิน ดำเนินการจัดทำหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สู่การปฏิบัติ
ในโรงเรียนและหอ้ งเรยี นน้ัน
โรงเรียนได้ดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ เพ่ือให้ตรงกับความ
ต้องการของผูเ้ รียน สอดคล้องกับบริบทของโรงเรยี น และนโยบายหน่วยงานตน้ สังกัด
อาศัยระเบียบ กระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการ
สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ข้อ ๕ และประกาศการใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ เม่ือวันท่ี ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ โรงเรียนชุมชนวัดขันเงินจึง
แตง่ ตง้ั คณะกรรมการปรับปรงุ หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรู้ศิลปะของโรงเรยี นชมุ ชนวดั ขนั เงนิ ดงั น้ี
คณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ
๑. นางสาวภนดิ า นพชำนาญ ประธานกรรมการ
๒. นางสาวสมฤทัย เพชรโสม รองประธานกรรมการ
๓. นางสาวรัตนา สรอ้ ยทอง กรรมการ
๔. วา่ ทร่ี ้อยตรหี ญิงจริ วรรณ แซ่ชี กรรมการ
๕. นางสาวจอมขวญั ศักด์ติ ระกูล กรรมการ
๕. นายสมชาย สขุ กรม กรรมการ
๖. นางสาวกานตส์ ิรี อุดมสนิ กรรมการ
๗. นางสาวเกษฎาภา ปลอ้ งเกิด กรรมการ
๘. นายณัฐพงศ์ พทุ ธคำ กรรมการ
๙. นายวีรวรรธน์ วรดิลก กรรมการ
๑๐.นายชชู าติ ชโู ชติ กรรมการและเลขานุการ
คณะกรรมการดำเนนิ การ มีหน้าที่และดำเนนิ การจดั การตามขน้ั ตอนทีก่ ำหนด ดังน้ี
๑. วางแผนการดำเนินงานในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ กำหนดสาระรายละเอียดของ
หลักสูตรระดบั กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ และแนวทางการจดั สดั ส่วนสาระการเรียนรู้ และกิจกรรมพัฒนา
๑๑๓
ผู้เรียน ให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และสภาพเศรษฐกิจ
สงั คม ศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ
๒. จัดทำคู่มือการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการของกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ นิเทศ
กำกับ ติดตาม ให้คำปรึกษา เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร การจัดกระบวนการเรียนรู้ การวัดและ
ประเมนิ ผลและการแนะแนวให้สอดคลอ้ งและเป็นไปตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน
๓. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรเกยี่ วกับการพฒั นาหลักสตู ร การจดั กระบวน การเรยี นรู้
การวัดและประเมินผลและการแนะแนวให้เปน็ ไปตามจุดหมายและแนวทางการดำเนนิ การของหลักสูตร
๔. ประสานความร่วมมือจากบุคคล หน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ และชุมชน เพ่ือให้การใช้
หลักสูตรเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและมคี ณุ ภาพ
๕. ประชาสัมพันธ์หลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ และการใช้หลักสูตรแก่นักเรียน
ผู้ปกครอง ชุมชนและผู้เกี่ยวข้องและนำข้อมูลป้อนกลับจากฝ่ายต่าง ๆ มาพิจารณาเพื่อปรับปรุงและ
พัฒนาหลกั สูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ศลิ ปะ
๖. ส่งเสรมิ สนับสนนุ การวิจัยเกีย่ วกับการพฒั นาหลกั สตู ร และกระบวนการเรยี นรู้
๗. ติดตามผลการเรียนของนักเรียนเป็นรายบุคคล ระดับช้ัน และช่วงช้ัน ของกลุ่มสาระการ
เรียนรู้ศิลปะ ในแต่ละปีการศึกษา เพ่ือปรับปรุงแก้ไข และพัฒนาการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของ
สถานศึกษา
๘. ตรวจสอบทบทวน ประเมินมาตรฐาน การปฏิบัติงานของครู และการบริหารหลักสูตร
ระดับกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ในรอบปีที่ผ่านมา แล้ว ใช้ผลการประเมิน เพื่อวางแผนพัฒนาการ
ปฏบิ ัตงิ านของครูและการบรหิ ารหลักสูตรปกี ารศกึ ษาต่อไป
๙. รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการบริหารหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะโดย
เน้นผลการพัฒนาคุณภาพนักเรียนต่อคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน คณะกรรมการบริหาร
หลักสตู รระดับเหนือสถานศกึ ษา สาธารณชน และผู้เกี่ยวขอ้ ง
๑๐. ใหด้ ำเนินการประชมุ คณะกรรมการอย่างน้อยภาคเรยี นละ ๒ คร้ัง
ท้ังน้ีให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งปฏิบัติหน้าท่ีที่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุตาม
วตั ถุประสงคท์ ต่ี งั้ ไว้ ตั้งแตบ่ ดั น้เี ป็นต้นไป
ทั้งนี้ ตัง้ แต่วนั ที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕
ส่งั ณ วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕
(ลงชื่อ)
(นางสาวภนิดา นพชำนาญ)
ผ้อู ำนวยการโรงเรียนชมุ ชนวดั ขนั เงนิ
๑๑๔
คณะทำงานจัดทำหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ
โรงเรียนชุมชนวดั ขันเงนิ
ท่ีปรึกษา ผ้อู ำนวยการโรงเรียนชุมชนวัดขนั เงิน
นางสาวภนดิ า นพชำนาญ รองผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนวัดขนั เงิน
นางสาวรตั นา สร้อยทอง รองผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นชุมชนวัดขนั เงิน
นางสาวจอมขวญั ศักดิ์ตระกลู รองผู้อำนวยการโรงเรยี นชมุ ชนวดั ขันเงนิ
ว่าทร่ี ้อยตรหี ญิงจริ วรรณ แซช่ ี ผู้ช่วยผ้อู ำนวยการฝา่ ยวชิ าการ
นางสาวสมฤทยั เพชรโสม
คณะทำงาน
นายชชู าติ ชูโชติ ประธานคณะทำงาน
นายสมชาย สขุ กรม กรรมการ
นางสาวกานตส์ ริ ี อดุ มสิน กรรมการ
นายวรี วรรธน์ วรดิลก กรรมการ
นายณัฐพงศ์ พทุ ธคำ กรรมการ
นางสาวเกษฎาภา ปลอ้ งเกดิ กรรมการ/เลขานกุ าร