แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์
คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงใน
ชอ่ งทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน
คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อนั พงึ ประสงคด์ า้ น 4321
1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเมอ่ื ไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ าย
กษตั ริย์ ความหมายของเพลงชาติ
1.2 ปฏบิ ตั ติ นตามสทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องนกั เรยี น
1.3 ใหค้ วามรว่ มมอื ร่วมใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในชนั้ เรยี น
1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทส่ี รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์
ต่อโรงเรยี นและชมุ ชน
1.5 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ของ
ศาสนา
1.6 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทเ่ี กย่ี วกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ต์ ามทโ่ี รงเรยี น
และชมุ ชนจดั ขน้ึ
2. ซื่อสตั ย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ อ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ ง และเป็นจรงิ
2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ทถ่ี ูกตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะทาความผดิ ทา
ตามสญั ญาทต่ี นใหไ้ วก้ บั เพ่อื น พ่อแมห่ รอื ผปู้ กครอง และครู
2.3 ปฏบิ ตั ติ ่อผอู้ ่นื ดว้ ยความซอ่ื ตรง
3. มีวินยั 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั
รบั ผิดชอบ และโรงเรยี น มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่างๆ ใน
ชวี ติ ประจาวนั
4. ใฝ่ เรยี นรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ การเรยี นรตู้ ่างๆ
4.2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรอู้ ยา่ งเป็นระบบ
4.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ยา่ งมเี หตุผล
5. อยอู่ ย่างพอเพยี ง 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ ของตนเอง เชน่ สง่ิ ของ เคร่อื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั
คมุ้ ค่า และเกบ็ รกั ษาดแู ลอย่างดี และใชเ้ วลาอย่างเหมาะสม
5.2 ใชท้ รพั ยากรของสว่ นรวมอย่างประหยดั คมุ้ คา่ และเกบ็ รกั ษาดแู ล
อยา่ งดี
5.3 ปฏบิ ตั ติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตุผล
5.4 ไม่เอาเปรยี บผอู้ น่ื และไม่ทาใหผ้ อู้ ่นื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มใหอ้ ภยั เมอ่ื
ผอู้ น่ื กระทาผดิ พลาด
คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อนั พึงประสงคด์ า้ น 4321
5.5 วางแผนการเรยี น การทางานและการใชช้ วี ติ ประจาวนั บนพน้ื ฐาน
ของความรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร
5.6 รเู้ ท่าทนั การเปลย่ี นแปลง ทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั
และปรบั ตวั อยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่นื ไดอ้ ย่างมคี วามสขุ
6. มุง่ มนั่ ในการ 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
ทางาน 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ ่ออปุ สรรคเพอ่ื ใหง้ านสาเรจ็
7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สานึกในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย
7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย
8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รจู้ กั ช่วยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน
8.2 อาสาทางาน ชว่ ยคดิ ชว่ ยทา และแบ่งปันสง่ิ ของใหผ้ อู้ ่นื
8.3 รจู้ กั ดแู ล รกั ษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสง่ิ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น
โรงเรยี น ชมุ ชน
8.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น
ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............../.................../................
เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน 91 - 108 ดมี าก
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 73 - 90 ดี
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 54 - 72 พอใช้
ต่ากวา่ 54 ปรบั ปรุง
แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกล่มุ
ชอ่ื กล่มุ ชนั้
คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงใน
ช่อง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน
ลาดบั ที่ รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1
รวม 32
1 การแบง่ หน้าทก่ี นั อย่างเหมาะสม
2 ความรว่ มมอื กนั ทางาน
3 การแสดงความคดิ เหน็
4 การรบั ฟังความคดิ เหน็
5 ความมนี ้าใจชว่ ยเหลอื กนั
ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............../.................../................
เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้
ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑๔ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑
จํานวน ๑๔ ชวั่ โมง
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย รหสั วชิ า ท๒๑๑๐๑
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ นริ าศภูเขาทอง เวลา ๑ ชว่ั โมง
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๔ เรอื่ ง การเขียนเรอ่ื งส้ัน
ผ้สู อน นางสาวอรอุมา พัดทอง
สาระท่ี ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น
คุณค่าและนาํ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ
๑. สาระสาํ คญั
นิราศภูเขาทอง เป็นนิราศที่สุนทรภู่แต่งขึ้นเพื่อบันทึกเรื่องราวและสิ่งที่พบเห็นในขณะเดินทาง
จากวัดราชบุรณะ กรุงเทพมหานคร เพ่ือไปนมัสการพระเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นนิราศท่ีถ่ายทอด
เร่อื งราววิถีชวี ิตความเป็นอยู่ของผคู้ นในอดีตไดอ้ ย่างดีเยยี่ ม ท้ังวธิ ีการเลา่ เรื่อง และการใชส้ าํ นวนภาษา ทาํ ให้นิราศภูเขาทอง
จัดเป็นนิราศเรอ่ื งเย่ยี มทสี่ ดุ อีกเรอ่ื งหนึ่งของวงการกวไี ทย
๒. ตัวชวี้ ัด : สง่ิ ที่นักเรียนพึงรแู้ ละปฏบิ ตั ไิ ด้
ท ๕.๑ ม.๑/๑ สรุปเนอ้ื หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อา่ น
ท ๕.๑ ม.๑/๔ สรุปความรแู้ ละข้อคิดจากการอ่านเพ่อื ประยุกต์ใช้
๓. จุดประสงค์การเรียนรู้
๑) นกั เรยี นสามารถบอกหลักการสรปุ เน้ือหาวรรณคดีกาพย์ เร่ือง พระไชยสุริยา ได้
๒) นักเรียนสามารถบอกหลักการสรุปเนอ้ื หาวรรณคดีกาพย์ เรือ่ ง พระไชยสรุ ยิ า ได้
๓) นักเรียนสามารถสรุปข้อคิดจากการอ่านเพ่ือประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ
๔. สาระการเรยี นรู้
๑) วรรณคดแี ละวรรณกรรมเกยี่ วกบั บันเทงิ คดี
๕. สรรถนะสาํ คญั ของผเู้ รียน
๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร
๒) ความสามารถในการคิด
๓) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
๖. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
๑) วินยั
๒) ใฝเุ รียนรู้
๓) มุ่งมนั่ ในการทํางาน
๗. ชนิ้ งาน/ภาระงาน
๑) นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกันตอ่ เติมเร่อื งสนั้
๘. การจัดกระบวนการเรียนรู้
ขั้นนาํ เขา้ สูบ่ ทเรียน
๑) นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั สรปุ บทเรยี นเรื่องนริ าศภูเขาทอง และขอ้ คิดท่ีได้จากเรื่องน้ี
ขน้ั สอน
๒) นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง “ การเขียนเรื่องสั้น” จากนั้นครูตั้งคําถามให้นักเรียนตอบเกี่ยวกับเร่ือง
ส้ันที่นกั เรียนชอบอา่ น
๓) นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันต่อเติมเร่ืองส้ัน เร่ืองใดเร่ืองหน่ึงที่ครูกําหนดขึ้น โดยต่อปากเปล่าตาม
จนิ ตนาการของกลุ่มตนเองตามท่ีตกลงกัน ครแู นะนําแก้ไขขอ้ บกพร่องจนจบเร่อื ง
๔) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายถึงเร่ือง นิราศภูเขาทองด้านเน้ือหาโดยย่อที่สะท้อนสภาพสังคมหรือ
การเมอื ง
ขั้นสรปุ
๕) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายความรู้ท่ีได้จากการเรียนเร่ือง นิราศภูเขาทอง พร้อมแสดงความ
คิดเหน็ ว่าจะนาํ ความรู้ทไ่ี ดไ้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาํ วนั อยา่ งไร
๙. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
๑) ใบความรเู้ รอ่ื ง “ การเขียนเร่อื งสนั้ ”
๑๐. การวดั และประเมินผล เครอื่ งมอื เกณฑ์
วธิ ีวัดและประเมนิ ผล ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์
๑) ตรวจแผนผงั ความคิด แบบประเมนิ การเขียนแผนผังความคดิ
๒) สงั เกตการใฝเุ รียนรู้ มีความ ระดับคุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์
รบั ผิดชอบและมุ่งมนั่ ในการ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ทาํ งาน
บนั ทึกข้อเสนอแนะของหัวหน้ากล่มุ สาระ
............................................................................................................................. .........................................
.......................................................................................... ..........................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................. ........................................................................................................... ............
ลงชอ่ื .............................................................................
(นางปนัดดา ยอดแก้ว)
ตาํ แหนง่ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย
วนั ท่.ี ...........เดือน........................................พ.ศ...............
บันทกึ ข้อเสนอแนะของรองผูอ้ ํานวยการฝ่ายบรหิ ารงานวิชาการ
............................................................................................................................. .........................................
.......................................................................................... ..........................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................. ........................................................................................................... ............
ลงชอื่ .............................................................................
(นายเฉลมิ พล คนชมุ )
ตาํ แหนง่ รองผู้อาํ นวยการฝุายบริหารงานวชิ าการ
วนั ที.่ ...........เดอื น.........................................พ.ศ...............
บนั ทกึ ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา
............................................................................................................................. .........................................
.......................................................................................... ..........................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................. ........................................................................................................... ............
ลงชือ่ .............................................................................
(นายชาตรี อัครสขุ บตุ ร)
ตาํ แหน่ง ผู้อํานวยการโรงเรยี น
วนั ที.่ ...........เดือน.........................................พ.ศ...............
บันทกึ ผลหลงั การจดั กระบวนการเรยี นรู้
๑. ผลการจดั กระบวนการเรยี นรู้
ดา้ นความรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…...………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
..………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ด้านสมรรถนะสาํ คัญของผ้เู รยี น
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…...………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
..………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…...………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
..………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒. ปัญหา/อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…...………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
..………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
.…………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓. แนวทางการแก้ไข
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…...………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
..………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
.…………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ ครผู สู้ อน......................................................................................................
( นางสาวอรอมุ า พัดทอง )
วันที่ เดือน พ.ศ........................
.................................................. ............................
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์
คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงใน
ชอ่ งทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน
คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อนั พงึ ประสงคด์ า้ น 4321
1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเมอ่ื ไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ าย
กษตั ริย์ ความหมายของเพลงชาติ
1.2 ปฏบิ ตั ติ นตามสทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องนกั เรยี น
1.3 ใหค้ วามรว่ มมอื ร่วมใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในชนั้ เรยี น
1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทส่ี รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์
ต่อโรงเรยี นและชมุ ชน
1.5 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ของ
ศาสนา
1.6 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทเ่ี กย่ี วกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ต์ ามทโ่ี รงเรยี น
และชมุ ชนจดั ขน้ึ
2. ซื่อสตั ย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ อ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ ง และเป็นจรงิ
2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ทถ่ี ูกตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะทาความผดิ ทา
ตามสญั ญาทต่ี นใหไ้ วก้ บั เพ่อื น พ่อแมห่ รอื ผปู้ กครอง และครู
2.3 ปฏบิ ตั ติ ่อผอู้ ่นื ดว้ ยความซอ่ื ตรง
3. มีวินยั 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั
รบั ผิดชอบ และโรงเรยี น มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่างๆ ใน
ชวี ติ ประจาวนั
4. ใฝ่ เรยี นรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหลง่ การเรยี นรตู้ ่างๆ
4.2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรอู้ ย่างเป็นระบบ
4.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ยา่ งมเี หตุผล
5. อยอู่ ย่างพอเพยี ง 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ ของตนเอง เชน่ สง่ิ ของ เคร่อื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั
คมุ้ ค่า และเกบ็ รกั ษาดแู ลอย่างดี และใชเ้ วลาอยา่ งเหมาะสม
5.2 ใชท้ รพั ยากรของสว่ นรวมอย่างประหยดั คมุ้ คา่ และเกบ็ รกั ษาดแู ล
อยา่ งดี
5.3 ปฏบิ ตั ติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตุผล
5.4 ไม่เอาเปรยี บผอู้ น่ื และไม่ทาใหผ้ อู้ ่นื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มใหอ้ ภยั เมอ่ื
ผอู้ น่ื กระทาผดิ พลาด
คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อนั พึงประสงคด์ า้ น 4321
5.5 วางแผนการเรยี น การทางานและการใชช้ วี ติ ประจาวนั บนพน้ื ฐาน
ของความรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร
5.6 รเู้ ท่าทนั การเปลย่ี นแปลง ทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั
และปรบั ตวั อย่รู ่วมกบั ผอู้ ่นื ไดอ้ ย่างมคี วามสขุ
6. มงุ่ มนั่ ในการ 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย
ทางาน 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรคเพ่อื ใหง้ านสาเรจ็
7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สานกึ ในการอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย
7.2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย
8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน
8.2 อาสาทางาน ช่วยคดิ ชว่ ยทา และแบ่งปันสงิ่ ของใหผ้ อู้ น่ื
8.3 รจู้ กั ดแู ล รกั ษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสง่ิ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น
โรงเรยี น ชมุ ชน
8.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น
ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............../.................../................
เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 91 - 108 ดมี าก
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 73 - 90 ดี
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 54 - 72 พอใช้
ต่ากว่า 54 ปรบั ปรงุ
แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกล่มุ
ชอ่ื กลมุ่ ชนั้
คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ลงใน
ชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน
ลาดบั ท่ี รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1
รวม 32
1 การแบง่ หน้าทก่ี นั อย่างเหมาะสม
2 ความรว่ มมอื กนั ทางาน
3 การแสดงความคดิ เหน็
4 การรบั ฟังความคดิ เหน็
5 ความมนี ้าใจชว่ ยเหลอื กนั
ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............../.................../................
เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้
ต่ากว่า 10 ปรบั ปรุง
ใบความรู้ “ เรอ่ื งส้นั ”
ความหมายของเร่ืองส้ัน
เร่ืองส้นั คือเรื่องท่ีเล่าอยา่ งส้นั ๆ มีขนาดความยาวของเรื่องไม่กาหนดแน่นอนตายตวั แต่
ตอ้ งใชค้ าไม่มากนกั โครงเร่ือง ไม่ซบั ซอ้ นจนเกินไป สามารถอ่านจบไดใ้ นเวลาส้นั ๆ ผลที่
ปรากฏจากเรื่องหรือแนวคิดที่ไดจ้ ากเรื่องจะเป็นเพยี งผลอยา่ งเดียวหรือแนวคิดอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง
เพยี งอยา่ งเดียว
ลกั ษณะของเร่ืองส้ัน
เรื่องส้ันของไทยตามแบบเก่า มีลกั ษณะพอสรุปไดด้ งั น้ี
๑. มโี ครงเร่ือง หมายถึง มีการเปิ ดเรื่อง โดยมีขอ้ ขดั แยง้ กนั ในระหวา่ งตวั ละคร
เพอื่ ทาใหเ้ ร่ืองสนุกสนานน่าติดตาม ต่อมากม็ ีการคล่ีคลายขอ้ ขดั แยง้ จนบรรลุอยา่ งใดอยา่ ง
หน่ึงจึงปิ ดเร่ือง
๒. มจี ุดม่งุ หมายอย่างเดยี ว และมผี ลอย่างเดยี ว หมายถึง ในโครงเร่ือง ตอ้ ง
กาหนดจุดมุ่งหมายแลว้ ผลในตอนจบไวอ้ ยา่ งเดียว
๓. ใช้เวลาน้อย หมายถึง เวลาของเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในโครงเร่ืองจะตอ้ งใชเ้ วลา
ส้นั ๆ จบลงอยา่ งรวบรัด
๔. ใช้ตัวละครน้อย หมายถึง ตวั ละครในเรื่อง ควรมีจานวนนอ้ ย เพ่อื ใหด้ าเนิน
เรื่องไปอยา่ งรวดและรวบรัดไปสู่จุดหมายโดยเร็ว
๕. มขี นาดส้ัน หมายถึง การใชค้ าในการเขียนเรื่อง ซ่ึงปรกตินิยมตามขนาด
มาตรฐานของเรื่องส้นั รุ่นเก่า คือมีจานวนคาประมาณ ๔,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ คา แต่ถา้ เป็นเร่ือง
ส้นั สมยั ใหม่จดั เป็นเรื่องส้ันขนาดยาวอาจมีจานวนคาไดถ้ ึง ๑๐,๐๐๐ คา
๖. ต้องมคี วามแน่น หมายถึง ตอ้ งใชส้ านวนโวหารการสร้างฉาก ตวั ละคร บทสน
ทา ฯ ล ฯใหก้ ระชบั รัดกมุ และมีประโยชนต์ ่อการดาเนินเรื่องมากที่สุด
แบบฝึ กเสริมทักษะ
คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มช่วยกนั เขียนสรุปเรื่องราวและขอ้ คิดท่ีไดจ้ ากเร่ือง นิราศภูเขาทอง
ดว้ ยภาษาของตนเอง
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
กลมุ่ ...................................................
สมาชกิ : ๑. .............................................. ๒................................................
๓. .............................................. ๔. ...............................................
๕. .............................................. ๖. ...............................................