รายงานการวิจยั ในชั้นเรยี น
เร่อื ง “ผลของการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน
โดยใชบ้ ทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนออนไลน์ เร่ือง ไตรภมู พิ ระรว่ ง
วิชาภาษาไทย (ท33102) ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 โรงเรยี นหอวงั ”
เสนอ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิศลั ย์ศยา รดุ ดษิ ฐ์
อาจารย์นิเทศก์คณะครุศาสตร์ วิชาเอกภาษาไทย
จดั ทำโดย
นางสาวเมธาวี ทองค้มุ
เลขประจำตวั นิสติ 554 36740 27
นสิ ิตฝึกปฏิบตั กิ ารวิชาชีพครู
สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา วิชาเอก เทคโนโลยีการศกึ ษา – ภาษาไทย
รายงานการวิจัยในช้นั เรียนฉบบั นเ้ี ปน็ สว่ นหน่งึ ของการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
รายวิชา 2700507 ปฏิบตั ิการวชิ าชพี 2
ภาคการศึกษาปลาย ปกี ารศกึ ษา 2559
คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั
บทคดั ย่อ
การวิจัยหัวข้อ “ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ออนไลน์ เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง วิชาภาษาไทย ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนหอวัง” มีวัตถุประสงค์
เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ท 33102 สาระวรรณคดีของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย โดยเปรียบเทียบ
ระดับผลสัมฤทธิ์ในการเรียนวิชาภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ระหว่างการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์
ช่วยสอนเรือ่ ง ไตรภมู พิ ระรว่ ง ประกอบการเรียนการสอนและวธิ กี ารสอนแบบปกติ
กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี คือ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2559 โรงเรียน หอวัง จำนวน 2 ห้องเรียน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง ได้แก่
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6/6 เป็นกลุ่มทดลอง จำนวน 40 คน และ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6/16
จำนวน 48 คน เป็นกลุ่มควบคุม โดยเครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยคือ 1) เว็บไซต์บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เร่ืองไตรภูมพิ ระร่วง 2) แผนการจัดการเรียนรู้วชิ าภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมพิ ระร่วง จำนวน 4 แผน ระยะเวลาใน
การทดลองจำนวน 2 สัปดาห์ (สัปดาห์ละ 2 คาบ รวม 4 คาบ ) 3) แบบ ทดสอบ วิชาภ าษ าไท ย
เรอ่ื ง ไตรภูมิพระรว่ ง 4) แบบประเมินความพึงพอใจสื่อบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน หาค่าเฉลยี่ คะแนน ( ̅)
และเปรียบเทยี บความแตกต่างระหว่างคะแนนท่ีได้จากแบบทดสอบหลงั เรียนของนกั เรียนท่ีไดใ้ ช้เวบ็ ไซต์บทเรยี น
คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน เรอื่ ง ไตรภูมิพระรว่ ง และนกั เรียนที่เรียนแบบปกติ
จากผลการวิจัย พบว่า ระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาภาษาไทย เร่ืองไตรภูมิพระร่วง
ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้ใช้เว็บไซต์บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีระดับสูงกว่านักเรียน
ทใ่ี ช้วธิ กี ารเรียนการสอนแบบปกติที่ระดับ .05
ก
กติ ตกิ รรมประกาศ
รายงานการวิจัยในช้ันเรียนเร่ือง “ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยใช้บทเรียน
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนออนไลน์ เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง วิชาภาษาไทย ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6
โรงเรียนหอวัง”ฉบับน้ี จะเสร็จสมบูรณ์ได้น้ันต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการวิจัย
คร้งั นี้เพอื่ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ผู้วิจัยขอกราบขอบพระคุณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิศัลย์ศยา รุดดิษฐ์ อาจารย์นิเทศก์
คณะครุศาสตร์ วิชาเอกภาษาไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้สละเวลาอันมีค่าของท่านให้คำปรึกษา
คำแนะนำ แนวทางในการดำเนินงาน จนรายงานการวจิ ัยฉบับน้ีเสร็จสมบรู ณ์
ผู้วิจัยขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์อรินยา สถิรชาติ อาจารย์นิเทศสถานศึกษาในกลุ่มสาระ
การเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนหอวังที่ได้กรุณาสละเวลาในการให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
ตลอดระยะเวลาการทำวิจัยและได้กรุณาสละเวลาเป็นผู้เช่ียวชาญในการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา
ของแบบทดสอบเรื่องไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ผ้วู ิจัยขอกราบขอบพระคุณผู้ปกครองของผู้วิจัยท่ีคอยให้ความช่วยเหลือและให้การสนับสนุนในทุก ๆ
ด้าน ท่ีสำคัญเปน็ กำลงั ใจใหค้ ณะผูว้ ิจัยต้งั ใจทำรายงานการวิจัยจนสำเรจ็
รายงานการวิจัยฉบับน้ีจะสำเร็จลงไม่ได้ หากไมไ่ ด้รับความร่วมมือและความช่วยเหลือต่างๆจากเพ่ือน
ร่วมฝึกปฏิบัติการวิชาชีพครู ณ โรงเรียนหอวังและความร่วมมือจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนหอวัง
ผ้วู ิจยั ขอขอบคุณทุกคนไว้ ณ ทีน่ ้ีด้วย
ข
สารบญั หน้า
ก
บทที่ ข
ค
บทคดั ย่อภาษาไทย
กติ ติกรรมประกาศ 1
สารบญั 3
บทท่ี 1 บทนำ 3
3
• ความเปน็ มาและความสำคัญของปัญหา 3
• คำถามการวิจยั 4
• วัตถุประสงคข์ องการวจิ ยั
• ขอบเขตการวจิ ัย 5
• คำจัดกดั ความทใ่ี ช้ในการวิจัย 14
• ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะได้รบั 14
บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ทเี่ กีย่ วข้อง
• เอกสารและงานวิจยั ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง 15
• กรอบแนวคิดในการวจิ ยั 16
• สมมตฐิ านในการวิจยั 20
บทที่ 3 วิธีดำเนนิ การวจิ ยั 20
• การกำหนดกลุม่ เปา้ หมาย
• เครอื่ งมือที่ใช้ในการวิจยั 22
• การเก็บรวบรวมขอ้ มลู 25
• การวเิ คราะห์ข้อมูล
บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล ค
• ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลตามจุดประสงค์ข้อที่ 1
• ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลตามจุดประสงค์ข้อที่ 2
สารบัญ (ตอ่ ) หน้า
บทที่ 27
30
บทท่ี 5 สรปุ และอภิปรายผลการวิจัย 31
• สรุปผลการวิจยั 32
• อภปิ รายผลการวิจยั
• ข้อเสนอแนะในการวิจัย 33
70
รายการอ้างอิง 75
ภาคผนวก
• ภาคผนวก ก เครือ่ งมือท่ีใชใ้ นการวจิ ยั
• ภาคผนวก ข การเกบ็ รวบรวมข้อมูลคะแนนผลสมั ฤทธ์ิ
• ภาคผนวก ค การวิเคราะหผ์ ลขอ้ มลู โดยใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอร์
ง
บทท่ี 1
บทนำ
ความเป็นมาและความสำคัญของปญั หา
ปัจจุบันการเรียนการสอนของนักเรียนในทุกระดับจำเป็นต้องอาศัยส่ือเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
และอินเทอร์เน็ตท่ีได้มีการพัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็ว และได้กลายมาเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญที่เปลี่ยนแปลง
รปู แบบการเรียนการสอน การฝกึ อบรม รวมทงั้ การถา่ ยทอดความรู้ ซึ่งการพฒั นาด้านการศกึ ษาอเิ ล็กทรอนกิ ส์
(E-Education) ได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้และทักษะ
ด้านเทคโนโลยีโดยมุ่งเน้นการสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรศึกษาท่ีมีประสิทธิภาพ เอื้อให้ผู้เรียน
ได้มีโอกาสได้เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากสารสนเทศเน้ือหาและความรู้ ดังน้ันเทคโนโลยีสารสนเทศ
จึงเป็น เครื่องมือที่ มีคุณ ภ าพ สูงอย่ างห น่ึ งใน การช่วยเพิ่มประสิท ธิภ าพของ การจัดการศึกษาและส่งเส ริม
การเรยี นรู้ ทงั้ ในระบบ นอกระบบ และการเรียนรู้ตามอธั ยาศัย
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 หมวด 4 ได้กำหนดแนวการจัดการศึกษา
ตอ้ งยดึ หลักว่าผเู้ รียนมคี วามสำคัญท่สี ุด ผ้เู รียนทุกคน สามารถเรยี นรู้และพัฒนาตนเองได้ กระบวนการจัดการ
ศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน ได้พัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ ในเรื่องการจัดกระบวนการเรียนรู้
ให้จัดเน้ือหาสาระและกิจกรรมท่ีสอดคล้องกับ ความสนใจ ความถนัดของผู้เรียน และหมวด 9 ได้กล่าวถึง
การส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการศึกษาอย่างครอบคลุมครบวงจร มาตรา 65
ท่ีได้กล่าวถึงการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาทั้งด้านผู้ผลิตและผู้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาให้มีความรู้
ความสามารถ และทักษะในการผลิตรวมท้ังการใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมมีคุณภาพและประ สิทธิภาพ
มาตรา 66 ได้เปิดโอกาสผู้เรียนได้พัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา ให้มีความรู้และ
ทักษะเพียงพอท่ีจะใช้เทคโนโลยีในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองได้ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา
ข้ันพน้ื ฐาน, 2549)
กิดานันท์ มลิทอง (2543) ได้กล่าวถึง คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน เป็นสือ่ การสอนที่เป็นเทคโนโลยรี ะดบั สูง
เมื่อมีการนำคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมาใช้นั้นจะทำให้การเรียนการสอนมีการโต้ตอบกันได้ในระหว่างผู้เรียน
กับเคร่ืองคอมพิวเตอร์ เช่นเดียวกับการเรียนการสอนระหว่างครูกับนักเรียนที่อยู่ในห้องเรียนตามป กติ
น อ ก จ า ก น้ี ค อ ม พิ ว เต อ ร์ ยั ง มี ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ต อ บ ส น อ ง ต่ อ ข้ อ มู ล ท่ี ผู้ เรี ย น ป้ อ น เข้ า ไป ไ ด้ ทั น ที
เป็นการช่วยเสริมแรงให้กับผู้เรียน บทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนเป็นสื่อการเรียนการสอนท่ีครอบคลุมเน้ือหา
และกิจกรรม หรือวิธีเรียนที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า มีท้ังระบบภาพ เสีย ง ตัวอักษร ท่ีเป็นส่ือประสม
หรือมัลติมีเดีย (Multimedia) สามารถมีปฏิสัมพันธ์หรอื โต้ตอบกับผู้เรียนได้ทันทีซ่งึ บทเรียนจะมีตัวอักษร ภาพกราฟิก
ภาพนง่ิ ภาพเคล่ือนไหวรวมทั้งเสยี งประกอบทำใหผ้ ู้เรียนสนกุ ไปกบั การเรยี นดว้ ย (ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ, 2546)
ด้วยเหตุผลดังกล่าวเห็นว่าบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน มีคุณค่าต่อการเรียนการสอน ควรนำมาใช้
เพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้ และช่วยพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพเพ่ิมขึ้น มีความเหมาะสมกับสภาพ
การเรียนการสอนในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งการจัดการเรียนรู้จะต้องเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลางคำนึงถึงความแตกต่าง
ระหว่างบุคคล และคำนึงถึงวธิ ีเรียนซึง่ นักเรียนตอ้ งศึกษาดว้ ยตนเอง (สมหวงั พธิ ยิ านวุ ฒั น์, 2532)
จากการศึกษาวรรณคดีเรื่องไตรภูมิกถาหรือไตรภูมิพระร่วง ที่ปรากฏในเน้ือหารายวิชาภาษาไทย
เป็นวรรณคดีสมัยสุโขทัยท่ีพญาลิไทรวบรวมขึ้นจากคัมภีร์ทางศาสนาหลายเล่มและแต่งข้ึนเพื่อให้คนได้
ตระหนักถึงความไม่เทยี่ ง ไมแ่ น่นอนหรอื อนจิ จลักษณะ ในเน้ือหาได้กลา่ วถึงแผนดนิ และภพภมู ิต่าง ๆ จกั รวาล
สรรพสิ่งท้ังหลายตามคติความเชื่อ และการกำเนิดมนุษย์ โดยเป็นเนื้อหาตอนหลักท่ีปรากฏอยู่ในวรรณคดี
ของระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ในวิชาภาษาไทย ซึ่งในเน้ือหาท่ีปรากฏน้ันพบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่
ไม่ให้ความสนใจ เพราะทำความเข้าใจได้ยาก ไม่เกิดจินตนาการ ไม่มีภาพประกอบที่ช่วยอธิบาย
เพื่อดึงดูดความสนใจและขยายการเรียนรู้ในเน้ือหา ทำให้ขาดความสนใจท่ีจะศึกษาเน้ือหาในวรรณคดี
เร่อื งไตรภูมิพระร่วง
จากแนวคิดดังกล่าวจึงเป็นแรงจูงใจท่ีทำให้ผู้วิจัยเชื่อว่าการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เร่ืองไตรภูมิพระร่วง น่าจะทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดียิ่งขึ้น เพราะคุณลักษณะท่ีดีของบทเรียน
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน จะสามารถช่วยแก้ปัญหาและปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนได้ เป็นบทเรียนท่ีจะ
กระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจบทเรียน สามารถจูงใจให้นักเรียนเกิดความพร้อมท่ีจะเรียนรู้
และสนกุ สนานเพลิดเพลิน
ดังน้ันผู้วิจัยจึงวิเคราะห์สาเหตุของข้อบกพร่องดังกล่าวและจัดทำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ประเภทหนังสืออิเลก็ ทรอนิกส์ (E-Book) วรรณคดเี รอื่ ง ไตรภูมิพระร่วงเพื่อพัฒนาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวชิ า
ภ าษ าไทยของผู้เรียนให้ สูงข้ึน สร้างความน่ าสน ใจให้กับ การจัดการเรียน รู้อย่างห ลากหลาย
ทำให้การจัดการเรยี นการสอนภาษาไทยในเน้ือหาวรรณคดีมีความน่าสนใจและทำให้มีสื่อการสอนท่ีสอดคล้อง
กับการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาการเรียนการสอน เป็นนวัตกรรม
ทางการศกึ ษาตอ่ ไป
2
วัตถุประสงค์การวิจยั
1. เพื่อศึกษาผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ท 33102
สาระวรรณคดี เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายหลังการใช้ส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เรื่อง ไตรภูมิพระร่วงประกอบการเรียนการสอน เปรียบเทียบกับนักเรียนกล่มุ ทดลองที่ใช้วิธกี ารเรียนการสอน
แบบปกติ
2. เพ่ือศึกษาระดับการประเมินสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง โดยนักเรียน
ทไี่ ด้ใชบ้ ทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน
ขอบเขตของการวจิ ัย
ตัวแปรในการวิจยั
ตวั แปรอสิ ระ ได้แก่ บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน วชิ าภาษาไทย เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง
ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่ คะแนนแบบทดสอบในวชิ าภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง
ประชากร
นกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนหอวงั ปีการศกึ ษา 2559
คำจำกดั ความท่ใี ชใ้ นการวิจัย
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Book: E-Book) หมายถงึ ตำรา สารคดี ประวัตศิ าสตร์ นวนิยาย
ส่ิงพิมพ์ ท่ีจัดทำลงไว้ในระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผู้อ่านสามารถเรียกอ่านได้จากระบบเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต บางเร่ืองสามารถคัดลอกพิมพ์ (Print) สำหรับอ่านภายหลัง หรือคัดลอกเก็บไว้ในหน่วยความจำ
ของคอมพิวเตอร์ของผอู้ า่ นเพ่ือเรียกอา่ นภายหลงั ไดด้ ว้ ย
ไต ร ภู มิ พ ร ะ ร่ ว ง ห ม า ย ถึ ง ว ร ร ณ ค ดี ไท ย ท า ง พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ท่ี ป ร ะ พั น ธ์ ข้ึ น
ในสมัยสุโขทัย โดยพระมหาธรรมราชาที่ 1 หรือพระยาลิไทยเป็นผู้ประพันธ์ขึ้น ไตรภูมิ หมายถึง
ภูมิทั้งสาม อันได้แก่ กามภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ วรรณคดีเร่ืองน้ีมีเนื้อหาเก่ียวกับ คติความเช่ือของชาวไทย
เป็ น จำน วน ม าก เช่ น น รก ส วรรค์ ก ารเวียน ว่ายต ายเกิด ท วีป ทั้ งส่ี (เช่น ช ม พู ท วีป ฯ ล ฯ )
กัป กลยี คุ วาระสดุ ทา้ ยของโลก พระศรีอริยเมตไตรย พระเจา้ จกั รพรรดิ
3
ข้อตกลงเบื้องต้นของการวจิ ัย
บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ผู้วิจัยได้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนการสอนในวิชา
ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เน้ือหาในเรื่องจึงเน้นไปท่ีตอน มนุสสภูมิ และสร้างส่ืออิเล็กทรอนิกส์
ขนึ้ ตามหลักการสรา้ งสื่อ ADDIE Model
ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ ับ
1. เพอื่ เปน็ แนวทางในการพัฒนาส่อื การเรยี นการสอนวิชาภาษาไทยท่ีมีประสิทธิภาพ สามารถนำไปใช้
ได้จริงเพื่อประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนในระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ในวิชาภาษาไทย
2. เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาส่ือการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย ในรูปแบบส่ืออิเล็กทรอนิกส์
แก่ผ้ทู สี่ นใจ
4
บทที่ 2
เอกสารและงานวจิ ัยท่ีเกย่ี วข้อง
ในบทนี้ผู้วิจัยได้เสนอหลักการและแนวความคิดที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยท่ีได้ศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร
หนังสือ บทความทางวชิ าการ และงานวิจัยตา่ ง ๆ ซง่ึ แบ่งออกเป็น 5 ตอน ดงั น้ี คือ
ตอนที่ 1 การออกแบบและผลติ ส่อื บทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน
ตอนที่ 2 การจดั การเรยี นการสอนโดยใช้บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน
ตอนที่ 3 ทฤษฎีการเรยี นรู้เก่ยี วกบั บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน
ตอนที่ 4 ไตรภมู ิพระรว่ ง
ตอนท่ี 5 งานวิจัยทเ่ี ก่ยี วข้อง
ตอนที่ 1 การออกแบบและผลิตสอื่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
1.1 ความหมายของส่ือการสอน
การเรียนการสอนในปัจจุบันเน้นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เกิดการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ดังนั้น
ส่ือการเรียนรู้จึงมีความสำคัญเพ่ิมมากขึ้น นักวิชาการในด้านเทคโนโลยีการศึกษาได้ให้คำจำกัดความของส่ือ
การสอนไว้ เช่น
สุดใจ เหงา้ ศรีไพร (2549) ให้ความหมายของหลักการจัดทำส่ือการเรียนการสอนไว้ว่าเป็นส่ิงที่อยู่ใน
รูปของวัสดุอุปกรณ์หรือวิธีการท่ีนำมาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน โดยทำหน้าท่ีส่งผ่านข้อมูลข่าวสารอัน
เป็นสาระสำคัญของการเรียนรู้ไปยังผู้เรียนเพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้ตามวตั ถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ อาจ
มีบทบาทในฐานะสิ่งช่วยครูในการถ่ายทอดผ่านกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนทั้งในและนอกห้องเรียน
นอกจากนี้ยังมีคำอ่ืน ๆ ที่มีความหมายใกล้เคียงกับสื่อการสอน เป็นต้นว่าสื่อการเรียน หมายถึง
เคร่ืองมือตลอดจนเทคนิคต่าง ๆ ที่จะมาสนับสนุนการเรียนการสอน ความสนใจของผู้เรียน ให้เกิดการเรียนรู้
และเกดิ ความเข้าใจมากข้ึน
1.2 ความหมายของคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction) หรือ CAI จัดเป็นสื่อการเรียน
การสอนที่สามารถสนองต่อความแตกต่างในการเรียนรู้ของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีนักการศึกษาที่มี
ความร้ดู า้ นคอมพิวเตอร์ได้สรปุ ความหมายไวด้ ังต่อไปน้ี
บุญเก้ือ ควรหาเวช (2543: 48) กล่าวว่า บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หมายถึงวิทีทางการสอน
รายบคุ คล โดยอาศัยความสามารถของเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ที่จะจดั หาประสบการณ์ท่มี ีความสัมพนั ธม์ ีการแสดง
เนอื้ หาตามลำดบั ท่ตี ่างกนั ดว้ ยบทเรียนโปรแกรมท่เี ตรียมไว้อย่างเหมาะสม
วุฒิชัย ประสารสอย (2547) ได้กล่าวถึงความหมายของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนว่า คอมพิวเตอร์
ช่วยสอนเป็นการจัดโปรแกรมเพื่อการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อช่วยถ่ายโยงเนื้อหาความรู้
ไปสู่ผู้เรียน
ปจั จุบันคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเข้ามามีบทบาทในการเรียนการสอนมากข้ึน เพราะความเจรญิ กา้ วหน้า
ของเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้แก่ เทคโนโลยีมัลติมีเดีย และการติดต่อส่ือสารข้อมูล ซ่ึงพบมากข้ึนในบทเรียน
ค อ ม พิ ว เต อ ร์ ช่ ว ย ส อ น ท่ี น ำ เส น อ ผ่ า น ท า ง เค รื อ ข่ า ย อิ น เท อ ร์ เน็ ต เรี ย ก ว่ า CAI on Web
นอกจากนั้น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนเองยังมีลักษณะท่ีเรียกว่า “บทเรียนสำเร็จรูป” แต่เป็นบทเรียน
สำเร็จรูปโดยการใชไ้ มโครคอมพวิ เตอร์เป็นตัวกลางแทนส่งิ พิมพ์หรือส่ือประเภทตา่ ง ๆ ทำให้บทเรียนสำเร็จรูป
ในคอมพิวเตอร์มีศักยภาพเหนือกว่าบทเรียนสำเร็จรูปในรูปแบบอ่ืน ๆ ท้ังหมดโดยเฉพาะมีความสามารถ
ท่ีเกือบจะแทนครูท่ีเป็นมนุษย์ได้ มีข้ันตอนการสร้าง และการพัฒนาบทเรียนเช่นเดียวกับบทเรียนสำเร็จรูป
ประเภทอ่ืน ๆ
จากลักษณ ะของสื่อท่ีเป็น “บทเรียนสำเร็จรูป” และสื่อท่ีเป็น “คอมพิวเตอร์ช่วยสอน”
จึงสามารถสรุปเป็นความหมายของ “บทเรียนสำเร็จรูปคอมพิวเตอร์การสอน” (Computer Instruction
Package :CI Package ) ว่าหมายถึง บทเรียนสำเร็จรูปท่ีสร้างขึ้นในลักษณ ะซอฟต์แวร์สำเร็จรูป
(Package Software) นำไปสอน (Instruction) เน้ือหาใหม่ โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเคร่ืองมือในการเรียนการ
สอนบทเรียน หรือนำเสนอบทเรียน ผู้เรียนสามารถเรียนด้วยตนเองได้ตามระดับความสามารถของตนเอง
ในบทเรียนมีแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพื่อทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน จุดเด่นท่ีสำคัญของ
บทเรียน คือ การนำเสนอเน้ือหาในลักษณะหลายส่ือ (Multimedia) ได้แก่ประเภท ข้อความ (Text)
รูปภาพ (Image) ภาพเคลื่อนไหว (Animation) ภาพวิดีโอ (Video) และเสียง (Audio) โดยท่ีผู้เรียนจะมี
โอกาสได้ปฏิสัมพันธ์ (Interactive) กับบทเรียนโดยผ่านเคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์ได้ตลอดเวลา
(ศริ ชิ ัย นามบุรี, 2542)
จากความหมายดังกล่าวสามารถสรุปได้ว่าคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหมายถึงการนำคอมพิวเตอร์มาเป็น
เครื่องมอื สร้างให้เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ พ่ือให้ผู้เรียนสามารถเข้าไปศึกษาด้วยตนเองและเกิดการเรียนร้ใู น
โปรแกรม ประกอบไปด้วย เนื้อหาวิชา แบบฝึกหัด แบบทดสอบ ลักษณะของการนำเสนออาจมีทั้งตัวหนังสือ
ภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว สีหรือเสียงเพื่อดึงดูดให้ผู้เรียนเกิดความสนใจมากยิ่งข้ึน รวมทั้งการแสดงผลการ
เรียนใหท้ ราบทนั ทีดว้ ยการให้ข้อมูลแบบผลย้อนกลับ (Feedback) แก่ผู้เรยี น และมีการจดั ลำดับกิจกรรมหรือ
การสอนเพ่ือให้เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคน ท้ังน้ีต้องมีการวางแผนในการผลิตอย่างเป็นระบบในการนำเสนอ
เนือ้ หาในรปู แบบต่าง ๆ
6
1.3 ลักษณะเฉพาะท่สี ำคญั ของบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) เป็นรูปแบบการเรียนการสอนแบบรายบุคคล ที่นำเอาหลักการของ
บทเรียนโปรแกรมและ เครื่องช่วยสอนมาผสมผสานกัน รูปแบบของส่ือ ถูกออกแบบให้ทำงาน
ภายใต้ทรัพยากร ของเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง ข้อมูลการเรียนรู้ จะอยู่ในรูปของไฟล์ข้อมูลที่นำมาลง
หรือติดต้ัง ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ อาจจะเล่นบนแผ่น CD-Rom/DVD หรือเข้าถึงผ่านเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะตอบสนอง ในเร่ืองความแตกต่างระหว่างบุคคล ของผู้เรียนเป็นหลัก
เพ่ือให้บรรลุวัตถปุ ระสงค์ทางการศึกษาเป็นรายบุคคล
โดยมคี ุณลักษณะองคป์ ระกอบทีส่ ำคญั แบง่ เปน็
1. การนำเข้าส่บู ทเรยี น
2. การนำเสนอสาระเน้อื หา
3. การมีปฏิสมั พนั ธร์ ะหวา่ งโปรแกรมกับผ้เู รียนรู้
4. การทดสอบประเมินผล
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) นับเป็นกระบวนการเรียนรู้ โดยยึดหลักการท่ีสำคัญที่เรียกว่า 4 Is
ได้แก่
1. Information คอื ความเปน็ สารสนเทศในตวั เอง
2. Interactive การมีปฎสิ ัมพันธ์กับผ้เู รยี น
3. Individual คือ การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง
4. Interactive คอื การตอบสนองโดยทันที
1.4 องคป์ ระกอบและการพัฒนาคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน
การสร้างสื่อการเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์ หรือ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นกระบวนการเรียน
การสอน โดยใช้สื่อคอมพิวเตอร์เป็นส่ือกลางในการนำเสนอเน้ือหาสาระ ท่ีเสมือนเป็น ตัวแทนของครู
ดังน้ันในการออกแบบเพื่อสร้างส่ือ ครูผู้สอน หรือผู้มีประสบการณ์ในเน้ือหาวิชาน้ันๆ เป็นผู้มีส่วนร่วม หรือ
ผูด้ ำเนนิ การ ซ่ึงควรมอี งค์ประกอบทส่ี ำคญั ดังนี้
1. การนำเสนอเนื้อหา ตอ้ งมีปริมาณพอดีกับหน้าจอแสดงผล
2. โครงสร้างสภาพแวดล้อม(ปุ่มควบคุม ขนาด สีสันและรูปแบบตัวอักษร) ต้องมีความคงที่ ลักษณะ
คงเดมิ ไมเ่ คลอ่ื นยา้ ยไปมา
7
3. สื่อที่ สร้างต้องมีความเป็ น มั ลติมี เดีย เพ่ื อเร้าใน การเรียน รู้ ได้แก่ เน้ื อห า ภ าพ นิ่ ง
คำถาม ภาพเคลื่อนไหว
4. มีการประเมินผลการเรยี นรูผ้ ู้เรยี นโดยทันที ได้แก่ การตัดสิน คำตอบ
5. ใหข้ ้อมูลย้อนกลับเพ่ือการเสรมิ แรง ไดแ้ ก่ การให้รางวัลหรอื คะแนน
6. ผเู้ รยี นสามารถเข้าถึง เลอื กทบทวนบทเรยี น ไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ืองตลอดเวลา
ตอนที่ 2 การจดั การเรียนการสอนโดยใชบ้ ทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
2.1 วิธีการสอนโดยใชบ้ ทเรียนแบบโปรแกรม (Programmed Instruction)
ความหมาย
ทิศนา เขมมณี (2552: 101-104) ได้กล่าวถึงวิธีสอนโดยใช้บทเรียนแบบโปรแกรม ไว้ว่า
คือ กระบวนการที่ผู้สอนใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด โดยการให้ผู้เรียน
ศึกษาจากบทเรียนสำเร็จรปู ดว้ ยตนเอง เพื่อให้ง่ายแกผ่ ู้เรียนในการเรยี นรู้ และนำเสนอแก่ผูเ้ รียนในลกั ษณะท่ี
ใหผ้ ูเ้ รียนสามารถตอบสนองสง่ิ ท่ีเรียน และตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเองได้ทันที (immediately feedback)
ว่าผิดหรือถูก ผู้เรียนสามารถใช้เวลาในการเรียนรู้มากน้อยตามความสามารถ และสามารถตรวจสอบผลการ
เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เพราะบทเรียนจะมีแบบสอบทั้งแบบสอบก่อนการเรียน (pre-test) และแบบสอบหลัง
การเรยี น (post-test) ไว้ใหพ้ ร้อม
วตั ถปุ ระสงค์
วธิ ีสอนโดยใช้บทเรยี นแบบโปรแกรมเป็นวิธีการท่ีมุ่งชว่ ยให้ผู้เรียนรายบุคคลไดเ้ รยี นรู้ดว้ ยตนเองตาม
ความสามารถ ความตอ้ งการและความสนใจของตน
องค์ประกอบสำคัญ
1. มีผ้เู รยี นและผู้สอน
2. มบี ทเรยี นแบบโปรแกรมในเรื่องทตี่ รงกับความต้องการและความสนใจของผเู้ รยี น
3. มีผลการเรียนรขู้ องผเู้ รยี นทีเ่ กดิ จากบทเรยี นแบบโปรแกรม
ข้ันตอนท่สี ำคญั ของการออกแบบการเรียนการสอน
1. ผู้สอนศกึ ษาปัญหา ความต้องการและความสนใจของผูเ้ รียน
2. ผสู้ อนเลอื ก แสวงหา สรา้ งบทเรยี นแบบโปรแกรมในเรอื่ งที่ตรงกับปัญหาความต้องการ
หรือความสนใจของผเู้ รยี น
3. ผู้สอนแนะนำการใชบ้ ทเรยี นแบบโปรแกรมใหผ้ ูเ้ รียนเข้าใจ
4. ผสู้ อนใหผ้ ูเ้ รยี นศึกษาบทเรียนแบบโปรแกรมดว้ ยตนเอง
5. ผู้เรียนทดสอบการเรยี นรขู้ องตนดว้ ยตนเอง หรือมารบั การทดสอบจากผสู้ อน
8
เทคนคิ และข้อเสนอแนะตา่ ง ๆ ในการใชว้ ธิ ีสอนโดยการใชบ้ ทเรยี นแบบโปรแกรม
1. การเตรยี มการ
ผู้สอนจำเป็นต้องศึกษาปัญหาความต้องการและความสนใจของผู้เรียนเป็นรายบุคคล เพ่อื จะได้ทราบ
ว่าควรให้บทเรียนเร่ืองอะไร แก่ใคร โดยท่ัวไปการใช้บทเรียนแบบโปรแกรมมีการใช้ใน 2 ลักษณะ
คือใช้สอนเน้ือหาสาระใดสาระหนึง่ โดยให้ผู้เรียนศึกษาเรียนรู้ดว้ ยตนเองตามความสามารถ อกี ลักษณะหนงึ่ คือ
การให้สอนซ่อมเสริมการเรียนตามปกติ โดยผู้เรียนที่อาจเรียนรู้ไม่ทันเพื่อน หรือสอบไ ม่ผ่าน
ผสู้ อนอาจใหบ้ ทเรยี นแบบโปรแกรมแก่ผู้เรียน เพอื่ ไปศึกษาเพิม่ เติมดว้ ยตนเอง
การสอนด้วยวิธีนี้ ผู้สอนจำเป็นต้องมีบทเรียนสำเร็จรูป ซึ่งมีลักษณะท่ีช่วยให้ผู้เรียนสามารถ
เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ซ่ึงเรียกว่า บทเรียนแบบโปรแกรม บทเรียนน้ีจะเสนอเนื้อหาไปทีละน้อย
ในรูปของ “กรอบ” หรือ “เฟรม” (frame) หลังจากนำเสนอเน้ือหา มโนทัศน์ไปแล้ว จะมีคำถามทดสอบ
การเรียนรู้ของผู้เรียน ซ่ึงผู้เรียนสามารถตรวจคำตอบของตนได้จากคำเฉลยที่ให้ไว้ บทเรียนแบบโปรแกรม
โดยท่วั ไปมี 3 ลกั ษณะคือ
(1) บทเรียนแบบเส้นตรง หรือที่เรียกว่า “linear program” บทเรียนแบบนี้มีการนำเสนอกรอบ
เน้ื อ ห าไป ต าม ล ำดั บ ผู้ เรีย น จ ำเป็ น ต้ อ งศึ ก ษ าเน้ื อ ห าแ ล ะต อ บ ค ำถ าม ไป ต าม ล ำดั บ ท่ี ให้ ไว้
(2) บทเรียนแบบสาขา หรือท่ีเรียกว่า “branching program”บทเรียนแบบนี้ต่างจากแบบเส้นตรง
ตรงที่การตอบสนองของผู้เรียนจะมผี ลตอ่ ลำดับการศึกษาบทเรียนของผู้เรียน ผู้เรียนเลือกคำตอบ ก ข หรอื ค
จะต้องพลิกไปศึกษาข้อคำตอบที่ต่างกัน เช่น คำตอบ ก. เป็นคำตอบท่ีผิด คำเฉลยจะให้เหตุผลและช้ีแจง
ว่าเหตุใดจึงผิดและให้กลับไปเลือกคำตอบใหม่ เม่ือเลือกคำตอบ ข,เป็นคำตอบใหม่ ก็ต้องเปิดไปอ่านเฉลย
และให้เหตุผล หลังจากตอบถูกแล้ว จึงจะเรียนกรอบ ต่อไปได้ ดังน้ันลำดับในการศึกษาบทเรียนของผู้เรียน
แต่ละคนจึงอาจไมเ่ หมอื นกัน
(3) บทเรียน แบบไม่แยกกรอบ บทเรียนน้ีเหมือนกับบทเรียนแบบเส้นตรง เพียงแต่ไม่เสนอเน้ือหา
ในรูปของกรอบ แต่จะเสนอสาระต่อเนอื่ งกันเปน็ ความเรียงต่อกนั ไปเร่ือย ๆ
บทเรียนแบบโปรแกรมท่ีใช้สอนอาจเป็นบทเรยี นท่มี ีผู้ได้จดั ทำไว้แล้ว ซ่ึงปกติจะเป็นเร่ืองทเ่ี ปน็ ปัญหา
ในการเรียนรู้ของเด็กจำนวนมาก บทเรียนในกรณีนี้ อาจจะเป็นบทเรียนท่ีนิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์
หรอื นกั วชิ าการ ได้จัดทำเป็นวิทยานิพนธ์หรอื ผลงานวิชาการเผยแพร่ออกไป อยา่ งไรก็ตามผลงานในลักษณะนี้
ยังมีไม่มากนักและเรื่องที่มีอยู่อาจไม่ตรงกับความต้องการของครูผู้สอนซึ่งมีจำนวนมาก ดังน้ันการสร้าง
บทเรียนแบบโปรแกรมข้นึ ใช้เอง จึงเปน็ เรอ่ื งท่คี รผู สู้ อนควรจะดำเนินการ เพื่อจะไดต้ อบสนองตอ่ ความต้องการ
เฉพาะเร่อื งของตน
ในการสร้างบทเรียนแบบโปรแกรม ผู้สร้างจะต้องวิเคราะห์เน้ือหาท่ีจะสอนและนำเน้ือหาสาระ
มาแตกย่อยและเรียงลำดับให้เหมาะสม เพ่ือให้ง่ายต่อการเรียนรู้ หลังจากน้ันจงนำเสนอเน้ือหาสาระน้ัน
ทีละน้อยไปตามลำดับ และมขี ้อคำถามทีท่ า้ ทายความคิดของผู้เรยี นและมีคำตอบเฉลยใหไ้ วด้ ว้ ย
9
2. การดำเนินการ
ผสู้ อนให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน และชแี้ จงวธิ กี ารเรียนจากบทเรียนแบบโปรแกรม ให้ผ้เู รียน
ซกั ถามจนเป็นทเ่ี ข้าใจ แลว้ จงึ ใหผ้ ู้เรียนศึกษาบทเรียนโดยผู้เรยี นแตล่ ะคนใช้เวลามากนอ้ ยแตกต่างกันไปได้
3. การประเมนิ ผล
หลังจากทผี่ ้เู รียนศึกษาบทเรียนจนจบแลว้ ผสู้ อนจึงให้ทำแบบสอบหลงั เรยี น และตรวจให้คะแนน
ขอ้ ดี และขอ้ จำกัดของวิธสี อนโดยใชบ้ ทเรียนแบบโปรแกรม
ข้อดีของการสอนโดยใชบ้ ทเรยี นแบบโปรแกรม
1. เป็นวธิ ีสอนทสี่ ่งเสริมให้ผู้เรยี นศึกษาด้วยตนเอง
2. เปน็ วิธีสอนทีช่ ว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเปน็ รายบคุ คลสามารถเรยี นรูไ้ ดต้ ามความสามารถของตน
เปน็ การตอบสนองความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล
3. เป็นวิธีสอนท่ชี ่วยลดภาระครู และช่วยแกป้ ญั หาการขาดแคลนครู
ข้อจำกดั ของการสอนโดยใช้บทเรียนแบบโปรแกรม
1. เปน็ วิธีสอนทีพ่ ึง่ บทเรยี นโปรแกรม หากไม่มีบทเรยี นหรือบทเรยี นไม่มีคุณภาพดีพอ กย็ ่อมส่งผล
ต่อการเรยี นรู้ของผ้เู รยี น
2. การสรา้ งบทเรียนใหม้ ีคณุ ภาพทีด่ ี เป็นเรอ่ื งท่ตี ้องใช้เวลาและมีความย่งุ ยากในการจัดทำ
ผู้สรา้ งจำเปน็ ตอ้ งมีความรู้ ความเขา้ ใจในการสร้างบทเรยี น
3. บทเรียนแบบโปรแกรมที่ดียังมีปริมาณน้อย บทเรยี นโปรแกรมที่มีคุณภาพไม่ดีพอจะไมน่ ่าสนใจ
และไมส่ ามารถดึงดูดความสนใจของผเู้ รยี นและทำให้ผเู้ รียนเบื่อหนา่ ยได้
ตอนที่ 3 ทฤษฎีการเรยี นรูเ้ ก่ียวกับบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนั้นมีความเหมาะสมหลายประการในการนำมาใช้ในด้านการเรียนการสอน
แต่อย่างไรก็ดีคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นเพียงส่ือการสอนชนิดหนึ่งเท่าน้ันท่ีผู้สอนควรนึกถึง ที่สำคัญผู้สอน
ควรจะมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับทฤษฎีทางจิตวิทยาการเรียนรู้ที่เก่ียวกับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
(พรเทพ เมืองแมน, 2554) ได้กล่าวถึงทฤษฎีทางจิตวิทยาการเรียนรู้ท่ีมีอิทธิพลต่อแนวคิด
การออกแบบโปรแกรมหรือบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน ได้แก่
1. ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) นักจิตวิทยาท่ีมีความเชื่อในกลุ่มทฤษฎีพฤติกรรมนิยม
ทม่ี ีชื่อเสียงมากไดแ้ ก่ สกินเนอร์ (B.F. Skinner) โดยนักจิตวทิ ยาในกลุ่มนี้มคี วามเชื่อที่วา่ การเรยี นรู้ของมนุษย์
เป็นส่ิงที่สามารถสังเกตได้จากพฤตกิ รรมภายนอกและเช่ือในทฤษฎีการวางเงื่อนไข (Operant Conditioning)
โดยมีแนวคิดเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง (S-R Theory) และการให้การเสริมแรง
(Reinforcement) ทฤษฎีนี้เช่ือว่าการเรียนรู้เกิดจากการท่ีมนุษย์ตอบสนองต่อส่ิงเร้าและพฤติกรรม
การตอบสนองจะเข้มขน้ ขน้ึ หากได้รับการเสริมแรงทเ่ี หมาะสม
10
สกินเนอร์ได้สร้างเครื่องช่วยสอน (Teaching Machine) ขึ้นและต่อมาได้พัฒนาเป็นบทเรียนแบบ
โปรแกรมโดยที่บทเรียนแบบโปรแกรมของสกินเนอร์จะเป็นบทเรียนในลักษณะเชิงเส้นตรง (Linear)
ซ่ึงเป็นบทเรียนท่ีผู้เรียนทุกคนจะได้รับการเสนอเน้ือหาเรียงตามลำดับตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนกัน นอกจากน้ัน
มีคำถามในระหว่างการเรียนเน้ือหาแต่ละตอนอย่างสม่ำเสมอให้ผู้เรียนตอบและเมื่อผู้เรียนตอบแล้ว
ก็จะมีคำเฉลยพร้อมมีการเสริมแรงโดยอาจะเป็นการเสริมแรงทางบวก เช่น คำชมเชย หรือการเสริมแรงทางลบ เช่น
ใหก้ ลับไปศกึ ษาบทเรียนเพิม่ เตมิ อีกครง้ั เป็นต้น
2. ทฤษฎีปัญญานิยม (Cognitive) ทฤษฎีปัญญานิยมน้ีมีแนวคิดที่แตกต่างจากทฤษฎีพฤติกรรมนิยม
โดยทฤษฎีน้ีจะเน้นในเร่ืองความแตกต่างระหว่างบุคคล เชื่อว่ามนุษย์มีความแตกต่างกันท้ังในเรื่อง
ของความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ ความสนใจ ความถนัด ดังน้ันในการเรียนรู้ก็จะมีกระบวนการหรือข้ันตอน
ที่แตกต่างกัน นักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงในกลุ่มนี้ได้แก่ คราวเดอร์ (Croweder) โดยคราวเดอร์ได้ออกแบบ
บทเรียนของตนเองมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีอิสระของการเลือกลำดับในการแสดงเนื้อหาบทเรียน
ท่ีมีความเหมาะสมกับตนเอง ผู้เรียนแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเรียนตามลำดับเหมือนกัน เน้ือหาของบทเรียน
จะไดร้ บั การนำเสนอโดยขึน้ อยกู่ ับความสนใจ ความถนดั และความสามารถของผเู้ รยี นเป็นสำคัญ
ตอนท่ี 4 ไตรภูมิพระร่วง
ผูแ้ ต่งและประวัติผู้แตง่ พระยาลิไทย หรือพระมหาธรรมราชาท่ี 1 เป็นราชโอรสของพระยาเลอไท
เสด็จข้นึ ครองราชย์เป็นพระมหากษตั รยิ ์องคท์ ่ี 6 แหง่ กรุงสุโขทยั
ลกั ษณะคำประพนั ธ์ รอ้ ยแกว้
ไตรภูมิกถา หรือไตรภูมิพระร่วง เป็นวรรณกรรมชิ้นเอกสมัยกรุงสุโขทัยนับเป็นวรรณคดีเรื่องแรก
ของไทย เป็นพระราชนิพนธ์ใน สมเด็จพระศรีสุริยพงศ์รามมหาธรรมราชาธริ าช หรือพระมหาธรรมราชาลิไทย
เป็นวรรณคดีไทยที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทย ต้ังแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยามาจนถึงปัจจุบัน
เพราะได้รวบรวมเอาคติความเช่ือทุกแง่ทุกมุมของทุกชนช้ันหลายเผ่าพันธ์ุมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวให้ผู้อ่าน
ผู้ฟังยำเกรงในการกระทำบาปทุจริต และเกิดความปิติยินดีในการทำบุญทำกุศล อาจหาญมุ่งมั่นในการกระทำ
คณุ งามความดี
ในปี พ.ศ. 1888 พระยาลิไทย อุปราชผู้ครองนครศรีสัชนาลัย ได้ทรงนิพนธ์ไตรภูมิกถาขึ้น
มีสาระสำคัญ คือ ทรงพรรณนาถึงเร่ืองการเกิด การตาย ของสัตว์ทั้งหลายว่า การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภูมิ
ทั้งสามคอื กามภูมิ รูปภมู ิ และอรปู ภูมิ ดว้ ยอำนาจของบุญและบาปท่ตี นไดก้ ระทำแล้ว
11
กามภมู ิ เป็นทีต่ ง้ั แห่งความใคร่ แบง่ ออกเป็นสองประเภท คอื อบายภมู ิ และสคุ ติภูมิ
อบายภูมิ ยงั แบง่ ออกเป็นส่ภี ูมไิ ดแ้ ก่ นรกภมู ิ ติรัจฉานภูมิ เปรตภมู ิ และอสูรกายภมู ิ
สำหรับผู้ท่ีทำบาป แต่ไม่หนักพอท่ีจะตกนรก ก็ไปเกิดในที่อันหาความเจริญมิได้ อ่ืน ๆ เช่ น
เกิดเปน็ เปรต อสูรกาย สัตว์เดรจั ฉาน พวกท่พี ้นโทษจากนรกแล้วยังมีเศษบาปติดอยู่ก็ไปเกิดเป็นเดรัจฉานบ้าง
เปน็ เปรตบ้าง เปน็ อสรู กายบา้ ง เปน็ มนุษยท์ ่ที ุพพลภาพพกิ ลพกิ าร ตามความหนักเบาของบาปท่ีตนได้ทำไว้
สุคติภูมิ เป็นส่วนของกามาพจรภูมิ หรือ กามสุคติภูมิ แบ่งออกเป็นเจ็ดชั้น คือ มนุษย์ภูมิ
และสวรรค์ 6 ช้ัน ได้แก่ สวรรค์ช้ันจตุมหาราชิกาภูมิ สวรรค์ช้ันตาวติงสาภูมิ สวรรค์ช้ันยามาภูมิ
สวรรค์ช้นั ดสุ ติ าภมู ิ สวรรค์ชนั้ นิมมานรดภี มู ิ และสวรรคช์ นั้ ปรนมิ มิตวสวัตดีภมู ิ
กามาพจรภูมิท้ังเจ็ดช้ัน เป็นท่ีตั้งอันเต็มไปด้วยกาม เป็นท่ีท่องเที่ยวของสัตว์ที่ลุ่มหลงอยู่ใน รูป เสียง
กล่นิ รส โผฏฐัพพะ อันเป็นอารมณ์อนั พงึ ปรารถนา เม่อื รวมกบั อบายภมู อิ กี สี่ชัน้ เรยี กวา่ กามภมู ิสิบเอด็ ชั้น
รูปภูมิ หรือรูปาวจรภูมิ ได้แก่ รูปพรหมสิบหกชั้น เริ่มต้ังแต่พรหมปริสัชชาภูมิ ที่อยู่สูงกว่า
สวรรค์ชั้นหก คือ ปรนิมมิตวสวัตดี มากจนนับระยะทางไม่ได้ ระยะทางดังกล่าวอุปมาไว้ว่า สมมติมีหินก้อน
ใหญ่เท่าโลหะปราสาทในลังกาทวีป หินก้อนนี้ท้ิงลงมาจากช้ันพรหมปริสัชชาภูมิ หินก้อนน้ันใช้เวลาถึงสี่เดือน
จึงจะตกลงถึงพ้นื
อรปู ภูมิ หรอื อรูปาพาจรภมู ิ มีสี่ชั้น เป็นพรหมท่ไี มม่ ีรูปปรากฏ ผ้ทู ี่ไปเกดิ ในภูมินีค้ ือผู้ทบี่ ำเพ็ญเพียร
จนไดบ้ รรลฌุ านโลกียช์ ้ันสงู สุด
ขอ้ คิด คติคำสอน และความจรรโลงใจ
มนษุ ยเ์ ราควรทำความดีดว้ ยวิธตี า่ ง ๆ อาทเิ ช่น การกตญั ญูต่อมารดาผ้ใู ห้กำเนดิ การยึดมนั่ ในศีลธรรม
รู้จักพงึ พอใจในสงิ่ ท่ตี นเองมี ไมเ่ บียดเบยี นผอู้ นื่ ไมโ่ ลภ ไมม่ ีกิเลสตัณหา ไมเ่ บยี ดเบยี นผอู้ ื่น ฯลฯ ซึ่งหากทำได้
ตัวเราและสงั คมกย็ ่อมมีแต่ความสงบสขุ
จกั รวาลในไตรภมู ิ
ตามคติพราหมณ์นั้น เขาพระสุเมรุ เป็นภูเขาที่เป็นหลักของโลก (โดยมี “ปลาอานนท์” หนุนอยู่)
ตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของโลกหรือจักรวาลอันย่ิงใหญ่ เป็นท่ีอยู่ของส่ิงมีวิญญาณในภพและภูมิต่าง ๆ
ตามตำนานกล่าวว่า พระอิศวรทรงสร้างน้ำด้วยพระเสโท (เหงื่อ) สร้างแผ่นดินด้วยเมโท (ไคล) ของพระองค์
มีพระประสงค์จะประดิษฐานภูเขาใหญ่ให้เป็นหลักของโลก จึงทรงเอา พระจุฑามณี (ปิ่นปักผม) ปักลงที่ใจ
กลางของพื้นภพ บันดาลใหเ้ ป็น เขาพระสุเมรุ แล้วเอา พระสงั วาลมาสรา้ งเป็นทิวเขาสวมรอยเขาพระสุเมรุอีก
7 ทิว เรยี กวา่ สัตบรภิ ัณฑครี ี เพอื่ ใหเ้ ป็นทีอ่ าศัยของทวยเทพท้ังหลาย
12
โครงสร้างของเขาพระสเุ มรุ หรอื โครงสร้างจกั รวาลตามคติพราหมณ์
เขาพระสุเมรุ ตั้งอยู่เหนือพ้ืนน้ำ 84,000 โยชน์ ใต้เขาพระสุเมรุมีภูเขารองรับเป็นฐาน 3 ลูก เรียกว่า
ตรีกูฏ (สามเส้าหรือสามยอด) มีภูเขาล้อมรอบ 7 ทิว เรียกว่า “สัณบริภัณฑคีรี” มีความสูงลดหลั่นกันลงไป
ทีละคร่ึง เป็นที่สถิตของเทวดาจตุมหาราชิก และบริวาร แต่ละทิวเขาคั่นด้วยแม่น้ำท้ังเจ็ด โดยทิวเขาทั้งเจ็ด
ได้แก่ ทิวเขายุคนธร (ขอบเขาพระสุเมรุ เป็นที่ของพระอาทิตย์และพระจันทร์), กรวิก (นกกรวิก), อิสินธร
(มหิทสรเทวบุตร), สุทัศนะ (ว่านยาวิเศษ), เนมินธร (ปทุมชาติขนาดใหญ่), วินันตก (มารดาพญาครุฑ)
และอัสกัณ (ไม้กำยาน) ถัดออกไปเป็น มหานทีสีทันดร ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ โดยมีเกาะหรือมหาทวีป
อยูต่ รงทิศท้งั สี่ ของเขาพระสเุ มรุ (ในมหาทวีปทัง้ 4 ยงั มที วีปน้อยๆ เป็นบรวิ ารอกี 2000 ทวีป) คอื
– อตุ ตรกุรุทวีป อยทู่ างทศิ เหนอื มมี หาสมุทร ชือ่ ปิตสาคร มนี ำ้ สเี หลือง
– บุรพวิเทหทวีป อยู่ทางทิศตะวันออก มีมหาสมุทร ชื่อ ขีรสาคร เกษียรสมุทร น้ำสีขาว (มีตำนาน
กวนเกษียรสมทุ ร)
– ชมพทู วปี อย่ทู างทิศใต้ มมี หาสมทุ ร ชอ่ื นลิ สาคร มนี ำ้ สเี ขียว
– อมรโคยานทวีป อยทู่ างทศิ ตะวนั ตก มีมหาสมทุ ร ชื่อ ผลกิ สาคร มีนำ้ ใสสะอาดเหมอื นแก้วผลกึ
ถัดจาก มหานทสี ีทันดร จะมีภูเขาเหล็กก้ันทะเลน้ีไว้รอบ เรียกว่า “ขอบจกั รวาล” พ้นไปนอกน้ันเป็นนอกขอบ
จักรวาล
ชมพูทวีป คือ โลกที่มนุษย์เราอาศัยอยู่ อยู่ตอนใต้เขาพระสุเมรุ รูปเหมือนเกวียน อายุขัยไม่แน่นอน
ข้ึนอย่กู บั กรรมท่ีทำไว้
บุพพวิเทหทวีป ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเขาพระสุเมรุ มีรุกเหมือนพระจันทร์ เต็มดวง คนหน้ากลม
เหมือนดวงจนั ทร์
อมรโคยานทวีป ต้ังอยู่ทางตะวันตกของเขาพระสุเมรุ มีรูปเหมือนพระจันทร์ ครึ่งซีก เป็นแผ่นดิน
กว้าง 9000 โยชน์ ประกอบด้วยเกาะ และแม่น้ำใหญ่น้อย มีไม้กระทุ่มประจำทวีปนี้ คนหน้าเหมือนดั่งเดือน
แรม จมกู โด่ง คางแหลม
อุตรกุรุทวีป ตั้งอยู่ทางเหนือเขาพระสุเมรุ มีพ้ืนที่เป็นรูปส่ีเหลี่ยม เน้ือท่ีกว้าง 8,000 โยชน์
เป็นท่รี าบ มีตน้ ไมน้ านาชนิด คนรูปรา่ งงาม ในแผ่นดินอุตรกุรุมตี ้นกัลปพฤกษต์ ้นหนึ่ง ถ้าอยากไดอ้ ะไร กไ็ ปนึก
เอาทตี่ ้นกัลปพฤกษ์
เหนือเขาพระสุเมรุขึ้นไปน้ี มีไพชยนต์ปราสาทต้ังอยู่กลางสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีนครแห่งเทพที่ช่ือนคร
ไตรตรึงษ์ มีพระอินทร์เทวราชเป็นผู้ปกครองทำหน้าท่ีเป็นเทวราชผู้อภิบาลโลก และพิทักษ์คุณธรรมให้แก่
มนุษย์ ตรงกลางไพชยนต์มหาปราสาท เป็นท่ีประดิษฐานแท่นบัณฑุกัมพลอันเป็นทิพยอาสน์ ในยามที่โลกเกิด
ความเดือดร้อนวนุ่ วาย ทพิ ยอาสน์นจี้ ะแขง็ ดั่งศิลาเพ่อื บอกให้พระอินทร์ทราบและลงมาช่วยเหลือมนษุ ย์
13
ตอนท่ี 4 งานวิจัยทีเ่ ก่ียวขอ้ ง
พิมณิชา พรหมมานต (2553) ได้ศึกษาเรื่อง “การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน กลุ่มสาระ
การเรียนรู้ภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6”
เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนและหลังด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ผลการวิจัยพบว่า
ประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ตอน ม นุสสภูมิ มีค่าเท่ากับ
80.33/83.67 คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสูงกว่าก่อนเรียน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และนักเรียนมีความคิดเห็นต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนอยู่ในระดับดีมาก
มคี ่าเฉลี่ยเท่ากบั 4.22
จากการวิจยั ดังกลา่ วข้างต้น จะเห็นไดว้ ่าคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนสามารถนำมาใช้ประกอบการเรียนการ
สอนได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรืออาจดีกว่าการสอนแบบปกติ แต่ท้ังนี้ต้องข้ึนอยู่กับองค์ประกอบของ
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในหลายด้าน ได้แก่ รูปแบบกิจกรรม รูปแบบการนำเสนอ การใช้สี เสียง
ภาพเคล่ือนไหวประกอบ เพื่อชว่ ยเร้าความสนใจในบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมากขึ้น ดังนั้นผวู้ ิจัยจึงสนใจ
ที่จะศึกษาและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ
สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้และเหมาะสมกับวัย ศักยภาพของผู้เรียน เพื่อจะได้ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มี
ประสิทธภิ าพเพ่ิมขนึ้ และเป็นประโยชนต์ อ่ การศกึ ษาตอ่ ไป
กรอบแนวคดิ และสมมติฐานการวิจัย
กรอบแนวคดิ
ตวั แปรอสิ ระ ตวั แปรตาม
คะแในตนาผมลสมั ฤทธ์ิ
บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน ในรายวิชาภาษาไทย
เรื่อง ไตรภูมิพระรว่ ง เรอื่ ง ไตรภมู ิพระรว่ ง
สมมติฐานการวิจัย
1. นักเรียนกลุ่มทดลองท่ีได้ใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ประกอบ
ในกิจกรรมการเรียนการสอน มีระดับคะแนนผลสัมฤทธ์ิเร่ือง ไตรภูมิพระร่วง สูงกว่านักเรียนกลุ่มควบคุม
ทเ่ี รียนโดยใช้วธิ ีปกติ
14
บทที่ 3
วิธดี ำเนินการวิจัย
การวิจัยเรื่องน้ีเป็นการวิจัยเชิงทดลอง ศึกษาผลของการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เร่อื ง ไตรภูมิพระร่วง ประกอบการเรยี นการสอนในวิชาภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ว่าสง่ ผลตอ่ ระดับ
คะแนนแบบทดสอบในเร่ืองไตรภมู พิ ระรว่ งอยา่ งไร โดยมรี ายละเอียดของวธิ ีการดำเนินวิจยั ดังน้ี
1. ประชากรและกลุ่มเปา้ หมาย
2. เคร่ืองมอื ท่ีใช้ในการวิจยั
3. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
4. การวเิ คราะหข์ ้อมูล
กล่มุ เป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยคร้ังนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนหอวัง จำนวน
2 หอ้ ง ได้แก่ 6/6 และ 6/16
ใชก้ ารสมุ่ ตวั อย่างแบบจงใจ(purposive sampling) ทดสอบก่อนเรียน วิชาภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง
โดยใช้แบบทดสอบจำนวน 15 ขอ้ จากน้ันทดลองใชบ้ ทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน ดังนี้
นักเรียนกลุม่ ทดลองชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6/6
ใช้บ ทเรียน คอมพิ วเตอร์ช่วยสอน เร่ือง ไตรภูมิพ ระร่วง ประกอบ การเรียนการสอน
เน่ืองจากบริบทห้องเรียนเป็นนักเรียนสายการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ที่ให้ความสนใจ
ในวิชาภาษาไทยน้อยกว่าวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ประกอบกับนักเรียนมีความสามารถ
ในการศึกษาเรื่องวรรณคดีน้อยกว่านักเรียนสายการเรียนศิลป์ ในเร่ืองของการจินตนาการการแปลความ
และการศกึ ษาวรรณคดีจงึ เปน็ เรอ่ื งทน่ี กั เรียนไม่ใหค้ วามสนใจเทา่ ท่ีควร
นักเรียนกลมุ่ ควบคุมช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6/16
ไมใ่ ชบ้ ทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน เรื่อง ไตรภมู พิ ระรว่ ง ประกอบการเรยี นการสอน
เนื่องจากบริบทห้องเรียนเป็นนักเรียนสายการเรียนศิลป์ภาษา ท่ีส่วนใหญ่สนใจในการเรียนวิชา
ภาษาไทยและการศึกษาวรรณคดี ทำให้มีความสามารถในการแปลความวรรณคดีอยู่ในเก ณฑ์ที่ดี
ทำให้สามารถจินตนาการและถ่ายทอดเรื่องท่ีศึกษาวรรณคดีได้มากกว่านักเรียนในสายการเรียนวทิ ยาศาสตร์-
คณิตศาสตร์
เครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ้ นการวิจยั
เคร่อื งมอื ทีใ่ ช้ในการวิจัยครง้ั น้ี คือ
1. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เร่อื ง ไตรภูมิพระร่วง
2. แบบทดสอบ วิชาภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระรว่ ง
3 . แบบประเมนิ ผลสอ่ื บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน เร่อื ง ไตรภมู พิ ระรว่ ง
โดยมขี ้นั ตอนในการสร้างเครื่องมือดังน้ี
1. บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน เรอ่ื ง ไตรภมู พิ ระร่วง
ออกแบบและจัดทำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ตามหลักการ
ADDIE Model
1. การวเิ คราะห์ (Analysis)
- กลุ่มเป้าหมาย จัดทำสื่อสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 เนื้อหาวรรณคดีในวิชาภาษาไทย
- พฤติกรรมที่คาดหวังคือนักเรียนเข้าใจและอธิบายเนื้อหาของบทเรียนเรื่องไตรภูมิพระร่วง
และสามารถคิดวิเคราะหต์ อบคำถามจากเรื่องไตรภูมิพระรว่ งได้ เช่อื มโยงกับหลักการทางวทิ ยาศาสตร์ได้
- ข้อจำกัดในการเรียนคือ เนื้อหาในเรื่องไตรภูมิพระร่วงมีเพียงคำอธิบายท่ีทำความเข้าใจได้ยาก
ใช้ภาษาโบราณ และไม่เห็นภาพประกอบที่ชัดเจน อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนและสับสนในเน้ือหาบทเรียน
- ทางเลือกสำหรับการจัดการเรียนรู้คือ การออกแบบสื่อท่ีนักเรียนสามารถมีปฏิสัมพันธ์
และทำให้สามารถเห็นภาพของเนื้อหาเร่ืองไตรภูมิพระร่วงได้ชัดเจนมากยิ่ งข้ึน เนื่องจากสภาพห้องเรียน
ความพรอ้ มของนักเรียนอย่ใู นระดบั ที่ดี สามารถจัดทำส่ือในลักษณะอิเล็กทรอนิกส์และนำเสนอบนอินเทอร์เน็ตได้
เพือ่ ให้นักเรียนสามารถเขา้ มาศึกษาด้วยตนเองเพิ่มเติม
- วิธีการสอนท่ีนำมาใช้ควบคู่กับการจัดทำสื่อคือการบรรยายประกอบกับการอภิปราย และให้นักเรียน
ได้สามารถทบทวนและศึกษาด้วยตนเองผ่านบทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเรอ่ื งไตรภมู ิพระร่วงเพิ่มเติมจากเนือ้ หา
ในชัน้ เรยี น
2. การออกแบบ (Design)
สื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เร่ืองไตรภูมิพระร่วง วิชา ท33102 ภาษาไทย ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6
สอ่ื ทีอ่ อกแบบสำหรบั การพัฒนา คอื หนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-book) ในลั กษณ ะที่ มี ปฏิ สั มพั นธ์
กบั ผู้ใช้งานและเว็บไซต์สำหรับประกอบการจัดเรียนการสอน เร่อื งไตรภูมิพระร่วง
ใน ส่ื อ ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย แ บ บ ท ด ส อ บ ห ลั งเรี ย น จ ำน ว น 15 ข้ อ เรื่ อ งไต ร ภู มิ พ ระ ร่ ว ง
และหนังสืออเิ ล็กทรอนิกส์ (E-book)
16
3. การพฒั นา (Development)
พฒั นาสอื่ การเรียนการสอนตามที่ไดว้ างแผนและออกแบบ ดงั ต่อไปนี้
1. ใช้โปรแกรม Adobe Indesign สำหรับการจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบมีปฏิสัมพันธ์
(interaction) จัดรูปแบบและสีโดยภาพรวมให้เป็นไปในทางเดียวกันภายใต้แนวคิดสื่อถึงไตรภูมิพระร่วง
โท น สี น้ ำเงิน ส้ ม เท า อ อ ก แ บ บ ให้ ส าม ารถ อ่ าน ได้ ง่าย มี ป ฏิ สั ม พั น ธ์ แ ล ะมี ค ำถาม ก ระตุ้ น
การคิด จำนวนทัง้ หมด 25 หน้า
การออกแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในโปรแกรม Adobe Indesign
ตัวอย่างหนังสืออเิ ล็กทรอนิกส์ เรอ่ื ง ไตรภูมิพระร่วง
17
2. ใช้โปรแกรม Adobe Illustrator สำหรับการวาดภาพประกอบตามคำอธิบายจากเน้ือหา
ในไตรภมู พิ ระร่วงในส่วนของแผนทจ่ี ักรวาลตามคติความเช่ือในไตรภูมิพระรว่ ง
ตวั อยา่ งภาพวาดจากโปรแกรม
3. สร้างเว็ บ ไซต์ โดยใช้ เว็ บ ไซต์ สำเร็จรูป Wix.com สำห รับ การออกแบ บ ห น้ าเว็บ ไซต์
และใส่หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใหน้ ักเรียนสามารถเข้าศึกษานอกเวลาได้ดว้ ยตนเอง
ในหนา้ เว็บประกอบดว้ ยหน้าหลัก บทเรยี น กิจกรรมการเรยี นรู้ และแบบทดสอบหลงั เรียน
18
4. สร้างแบบทดสอบออนไลนโ์ ดยใช้ Google form คำถามแบบ 4 ตวั เลือก จำนวน 15 ข้อ
จากบทเรียนเรื่อง ไตรภูมิพระร่วง
แบบทดสอบหลังเรยี น goo.gl/VLl66S
4. การนำไปใช้ (Implementation)
1. ใช้ประกอบการเรียนการสอนวรรณคดี วชิ าภาษาไทย ในเรื่องไตรภูมพิ ระรว่ ง ของนักเรียนระดับช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี 6/6 โรงเรียนหอวัง ในวิชา ท 33102 ภาษาไทย ซ่ึงเป็นนักเรียนกลุ่มทดลองใช้บทเรียน
คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน โดยอธิบายการเข้าใช้งานและการศึกษาบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนด้วยตนเอง
2. มอบหมายให้นักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ chudkaruk.wixsite.com/thailanguage
3. วัดคะแนนแบบทดสอบ เรื่องไตรภูมิพระร่วง ผ่านการเปรียบเทียบคะแนนการทำแบบทดสอบ
หลงั เรียนของนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/6 และ 6/16 ซึ่งเปน็ กลุ่มควบคมุ
4. สอบถามความคิดเห็นที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเร่ือง ไตรภูมิพระร่วง โดยใช้แบบสอบถาม
ความคิดเห็นเพ่ือปรับปรงุ และพัฒนาสื่อการเรยี นการสอน
5. การประเมนิ ผล (Evaluation)
ประเมินผลจากแบบสอบถามความคิดเห็นและศึกษาผลสัมฤทธ์ิในวิชาภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง
ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/6 กลุ่มทดลอง ภายหลังจากใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ประกอบการเรยี นรู้
2. แบบทดสอบ วิชาภาษาไทย เรอ่ื ง ไตรภูมิพระรว่ ง
ต รวจส อ บ ค ว าม ต รง(Validity) ขอ งแบ บ วัด ด้ วย การต รว จ ส อ บ จ าก ผู้ เช่ี ย วช าญ (IOC)
โด ย ให้ ผู้ ท ร งคุ ณ วุ ฒิ จ ำ น ว น เป็ น ผู้ ต ร ว จ ส อ บ ค ว า ม ต ร งเชิ งเน้ื อ ห า ซ่ึ งผู้ ท ร งคุ ณ วุ ฒิ คื อ
อาจารย์อรินยา สถิรชาติ อาจารย์ผู้สอนวิชาภาษาไทย โรงเรียนหอวัง ได้ค่า IOC = 1 ซ่ึงแสดงว่า
แบ บ ท ด ส อบ วัด ผ ลสั ม ฤ ท ธิ์ วิช าภ าษ าไท ย เรื่องไต รภู มิ พ ระร่วง มี ค วาม ตรงต าม เนื้ อ ห าสู ง
สามารถนำไปใชไ้ ด้ ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ 4 ตวั เลอื ก จำนวน 15 ข้อ
3. แบบประเมนิ ผลส่ือบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน เร่อื ง ไตรภมู ิพระรว่ ง
ศึกษาค้นคว้าและกำหนดรปู แบบของแบบวดั เป็นแบบประเมินคา่ (Rating Scale)
ชนดิ 5 ชว่ ง ไดแ้ ก่ มากท่สี ุด มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยทสี่ ุดตามวธิ กี ารสรา้ งของลเิ คอร์ท (Likert) โดยสร้าง
ข้อคำถามใหส้ ามารถประเมนิ ผลสือ่ บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนจากการใช้ส่ือได้ ประกอบด้วยข้อคำถาม
จำนวน 15 ข้อ
19
จากน้ันใหน้ ักเรียนกลุ่มทดลองจำนวน 40 คน ท่ไี ด้ใชบ้ ทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน ประเมินผ่าน
แบบประเมินออนไลน์ และนำไปคำนวณหาค่าเฉลี่ย มรี ะดับค่าเฉลีย่ ดังนี้
1.00 – 1.49 = ความพึงพอใจของนักเรียน อยู่ในระดบั น้อยท่ีสุด
1.50 – 2.49 = ความพงึ พอใจของนักเรียน อยู่ในระดบั นอ้ ย
2.50 – 3.49 = ความพึงพอใจของนกั เรียน อยใู่ นระดบั ปานกลาง
3.50 – 4.49 = ความพงึ พอใจของนกั เรยี น อยใู่ นระดบั มาก
4.50 – 5.00 = ความพึงพอใจของนกั เรยี น อย่ใู นระดับ มากท่ีสดุ
การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
ผวู้ จิ ยั เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง โดยมกี ารดำเนินการดงั นี้
1) ในเนื้อหาวิชาภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ผู้วิจัยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน
ของกลุ่มทดลองโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนประกอบการเรียนการสอน ส่วนกลุ่มควบคุมไม่มีการใช้
สื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนประกอบ ใชว้ ิธกี ารสอนแบบปกติ
2) ผู้วิจัยวัดความรู้หลังเรียน เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างท้ังสองห้อง
โดยใช้แบบวดั ผลสัมฤทธิ์เรือ่ ง ไตรภูมพิ ระรว่ ง ตอนมนสุ สภมู ิ จำนวน 15 ข้อ
3) นำข้อมูลคะแนนที่ได้จากแบบทดสอบไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยการคำนวณค่าสถิติ
การทดสอบค่า t แบบกลมุ่ ตัวอย่างที่เป็นอสิ ระต่อกัน (independent sample t-test) โดยใช้โปรแกรม SPSS
การวเิ คราะห์ข้อมลู
ผู้วิจัยตรวจสอบความถูกต้อง ความครบถ้วนและความสมบูรณ์ของข้อมูลท่ีได้จากข้อมูลท่ีได้จาก
แบบวัดผลสัมฤทธิ์ วิชาภาษาไทย เรื่องไตรภูมิพระร่วง จากน้ันวิเคราะห์ข้อมูลเบ้ืองต้น ตามวัตถุประสงค์ ดังน้ี
1. เพื่อศึกษาผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ท 33102
สาระวรรณคดี เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายหลังการใช้ส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เร่ือง ไตรภูมิพระร่วงประกอบการเรียนการสอน เปรียบเทียบกับนักเรียนกลุ่มทดลองที่ใช้วิธีการเรียนการสอน
แบบปกติ
2. เพ่ือศึกษาระดับการประเมินส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง โดยนักเรียน
ทไี่ ด้ใช้บทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน
20
1) การวเิ คราะห์ข้อมลู ตามวตั ถุประสงค์ข้อท่ี 1
1) วิเคราะห์คะแนนแบบ วัดผลสัมฤทธ์ิ เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ของกลุ่มทดลอง
และกลุ่มควบคุม โดยคำนวณหาค่าเฉล่ียเลขคณิต (x̅) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S. D. )
โดยใชโ้ ปรแกรม SPSS
2) เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง
ของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ด้วยสถิติการทดสอบค่า t แบบกลุ่มตัวอย่างที่เป็นอิสระต่อกัน
(Independent sample t-test) โดยใชโ้ ปรแกรม SPSS
2) การวเิ คราะหข์ ้อมลู ตามวัตถุประสงคข์ ้อที่ 2
1) วิเคราะห์คะแนนประเมินสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง
โดยหาคา่ เฉล่ียในแตล่ ะดา้ น และค่าเฉลยี่ คะแนนการประเมนิ สือ่ ในภาพรวม โดยใชโ้ ปรแกรม SPSS
21
บทท่ี 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ผลของการวิเคราะห์ขอ้ มลู จากแบบสอบถามทีจ่ ะนำเสนอในบทน้ี ประกอบด้วย
1. เพ่ือศึกษาผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ท 33102
สาระวรรณคดี เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายหลังการใช้ส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เรื่อง ไตรภูมิพระร่วงประกอบการเรียนการสอน เปรียบเทียบกับนักเรียนกลุ่มทดลองที่ใช้วิธีการเรียนการสอน
แบบปกติ
2. เพ่ือศึกษาระดับการประเมินสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง โดยนักเรียน
ท่ีไดใ้ ชบ้ ทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน
การนำเสนอผลการวิเคราะห์จะประกอบด้วย ภาพรวมข้อมูลท่ัวไป อันได้แก่ ค่าเฉล่ีย
และส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานของคะแนนแบบทดสอบ วิชาภาษาไทย เรื่อง ไตรภูมิพระรว่ ง
1) การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 1
เพื่อศึกษาผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ท 33102
สาระวรรณคดี เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายหลังการใช้ส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เรื่อง ไตรภูมิพระร่วงประกอบการเรียนการสอน เปรียบเทียบกับนักเรียนกลุ่มทดลองที่ใช้วิธกี ารเรียนการสอน
แบบปกติ
ตารางที่ 4.1 ตารางแสดงผลการแสดงการเปรยี บเทยี บคะแนนผลสัมฤทธิ์ เรอื่ ง ไตรภูมิพระร่วง
ของกล่มุ ทดลองและกลุ่มควบคมุ
กลมุ่ ตวั อย่าง คะแนนผลสัมฤทธิ์ เรื่อง ไตรภมู พิ ระร่วง S.D.
กล่มุ ทดลอง .966
กลมุ่ ควบคมุ จำนวน (คน) ค่าเฉล่ยี (X) 1.979
40 13.80
48 12.00
จากสมมติฐานที่ว่าการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนประกอบการเรียนการสอนโดยให้นักเรียน
ได้ศึกษาด้วยตนเองเพ่ิมเติมน่าจะมีความสัมพันธ์กับคะแนนผลสัมฤทธ์ิ วิชาภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง
โดยนักเรียนท่ีได้ใช้บทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนา่ จะมีคะแนนผลสัมฤทธ์ิสูงกวา่ นักเรยี นทเ่ี รียนโดยใช้วิธีการ
สอนแบบปกตโิ ดยกำหนดระดบั ความเช่อื มน่ั 95% (α = 0.05)
จากการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ทำการรวบรวมข้อมูลของนักเรียนหลังการจัดการเรียนการสอน
วิชาภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนผลสัมฤทธิ์
วิชาภาษาไทย เร่ืองไตรภูมิพระร่วง ระหว่างนักเรียนกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม โดยการทดสอบ
ค่า t แบบกลุ่มตัวอย่างเป็นอิสระต่อกัน (t-test for independent sample) ด้วยโปรแกรม SPSS ได้ค่าสถิติ
ดังตารางที่ 2 ต่อไปน้ี
ตารางท่ี 4.2 ตารางแสดงผลการวิเคราะหด์ ้วยสถติ ิ T-test independents
Independent Samples Test
Levene's Test for Equality of Variances t-test for Equality of Means
F Sig. t df Sig. (2-tailed)
Equal variances 13.527 .000 5.252 86 .000
assumed 70.760 .000
Equal variances 5.558
not assumed
วัตถุประสงค์ของการทดสอบ t-test independents ต้องการทราบว่าคะแนนผลสัมฤทธิ์ วิชา
ภาษาไทย เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนกลุ่มทดลองท่ีได้ใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เร่ือง ไตรภูมิ
พระร่วงประกอบการเรียนการสอน สูงกว่าคะแนนผลสัมฤทธ์ิ วิชาภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง
ขอ งนั กเรียน กลุ่ม ควบ คุม ท่ี เรียน โด ยใช้วิธีป กติ ห รือไม่ โด ยมี ระดับ นั ยส ำคั ญ ท างส ถิติ ท่ี .05
(α = 0.05)
สมมตฐิ านเพือ่ การทดสอบคอื
H0 : คะแนนผลสัมฤทธิ์ วิชาภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนกลุ่มทดลองที่ได้ใช้บทเรียน
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนเท่ากับคะแนนผลสัมฤทธิ์ วิชาภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระรว่ ง ของนักเรียนกลุ่มควบคุม
ทใี่ ชว้ ธิ ีการสอนแบบปกติ
23
H1 : คะแนนผลสัมฤทธ์ิ วิชาภาษาไทย เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนกลุ่มทดลองท่ีได้ใช้บทเรียน
คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนสูงกว่าคะแนนผลสัมฤทธิ์ วิชาภาษาไทย เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนกลุ่มควบคุม
ทใ่ี ช้วธิ ีการสอนแบบปกติ
เน่ืองจาก Levene’s Test for Equality of Variance เป็นการทดสอบที่ใช้ในการทดสอบว่า
ค่าความแปรปรวนของประชากรแต่ละกลุ่มเท่ากันหรือไม่ ในกรณีน้ีผู้วิจัยต้องการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่ม
ทดลอง (นักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6/6 จำนวน 40 คน) กับกลุ่มควบคุม (นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 6/16 จำนวน 48 คน) จึงต้องตรวจสอบว่าค่าความแปรปรวนของประชากรของคะแนนผลสัมฤทธิ์ของ
นักเรียนกลุ่มทดลองเทา่ กับของกล่มุ ควบคุม หรอื ไม่
สมมตฐิ านทางสถติ ิ : H0 ∶ 12 = 22
สถติ ทิ ดสอบ F = 13.527 H1 ∶ 12 ≠ 22
ในท่ีนี้ P(F=13.527) = Sig = 0.000 ซ่ึงน้อยกว่าค่า α ที่ระดับ .05 จึงปฏิเสธสมมติฐาน H0
น่ั น คื อค่ า ค ว า ม แ ป ร ป ร ว น ข อ ง ป ร ะ ช า ก ร ข อ ง ค ะ แ น น ผ ล สั ม ฤ ท ธ์ิ ข อ ง นั ก เรี ย น ก ลุ่ ม ท ด ล อ ง ไ ม่ เท่ า กั บ
ของกลุ่มควบคุม
วัตถุประสงค์ในการทดสอบค่า t-test ต้องการทราบว่าคะแนนผลสัมฤทธ์ิ เรื่องไตรภูมิพระร่วง
ของนกั เรียนกลมุ่ ทดลองมากกว่าของนักเรยี นกลุม่ ควบคุมหรือไม่ โดยใชค้ ่า α ท่รี ะดบั .05
สมมตฐิ านเพื่อการทดสอบคือ
H0 ∶ คะแนนผลสมั ฤทธิ์ เรื่อง ไตรภมู ิพระร่วงของนักเรยี นกลุม่ ทดลองเท่ากับของนกั เรียนกล่มุ ควบคมุ
H1 ∶ คะแนนผลสมั ฤทธ์ิ เรือ่ ง ไตรภูมิพระรว่ งของนักเรียนกลุ่มทดลองมากกวา่ ของนกั เรียนกลมุ่ ควบคุม
จากตาราง ผลลัพธ์ของค่า t-test จะต้องใช้ในส่วนของ Equal variance not assumed เน่ืองจาก
Levene’s Test สรปุ ไดว้ า่ 12 ≠ 22
T ในทนี่ ้ี = 5.558 Sig (2-tailed) = 0.000 เนอื่ งจากสมมตฐิ านเป็น 1-tailed
ดังนั้น Sig (1-tailed) = 0.000/2 = .000 แสดงว่า ปฏิเสธสมมติฐาน H0 นั่นคือคะแนนผลสัมฤทธิ์ เร่ือง
ไตรภมู ิพระร่วงของนักเรยี นกลุ่มทดลองมากกวา่ ของนกั เรยี นกล่มุ ควบคมุ อยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถติ ทิ ี่ระดับ .05
24
2) การวิเคราะหข์ อ้ มลู ตามวตั ถปุ ระสงคข์ ้อท่ี 2
เพอ่ื ศึกษาระดบั การประเมินสื่อบทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน เรอื่ ง ไตรภมู พิ ระรว่ ง โดยนักเรียน
ที่ไดใ้ ชบ้ ทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน
ตารางท่ี 4.3 ตารางแสดงผลการวเิ คราะห์การประเมินผลส่ือจากการใช้แบบสอบถาม
ความถข่ี องระดับการประเมินความเหมาะสมของบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน เร่อื ง ไตรภมู พิ ระร่วง
ผู้ตอบแบบสอบถาม นักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6/6 กลุ่มทดลอง จำนวน 40 คน
ระดับการประเมิน
ข้อความ 5 4 3 2 1 คะแนน แปรผล
เฉล่ีย
ความ ่ีถ
้รอยละ
ความ ่ถี
ร้อยละ
ความ ีถ่
ร้อยละ
ความถี่
ร้อยละ
ความถี่
้รอยละ
1. ความสอดคล้องของ 34 85 6 15 - - - 4.85 มากที่สดุ
จุดประสงคก์ ับเนือ้ หาวิชา - 4.675 มากทส่ี ดุ
30 75 7 17.5 3 7.5 - 4.85 มากทส่ี ุด
2. ความชดั เจนของเน้อื หาวิชา -
35 87.5 4 10 1 2.5 - - 5 มากทส่ี ุด
3. ความถูกตอ้ งและความ 40 100 - - - 4.85 มากท่ีสุด
สมบูรณข์ องเน้อื หาวชิ า - 4.8 มากทีส่ ุด
36 90 2 5 2 5 - 4.975 มากที่สุด
4. ความถกู ต้องของภาษาทใ่ี ช้ - 4.7 มากที่สุด
35 87.5 2 5 3 7.5 - 4.95 มากที่สุด
5. ความเหมาะสมของเนื้อหา 4.775 มากทส่ี ดุ
ในแต่ละหัวข้อ
6. ความสมั พนั ธส์ อดคลอ้ งกับ 4.275 มาก
เนื้อหาในแต่ละหวั ขอ้
25
7. ความชัดเจนของภาพ 39 97.5 1 2.5 - - -
8. ความเหมาะสมของตวั อักษร -
ที่ใช้ 32 80 4 10 4 10 -
9. ความเหมาะสมของพื้นหลัง 38 95 2 5 - - -
กับภาพและตัวอักษร
10. ความสามารถในการเช่ือมโยง 31 77.5 9 22.5 - - -
เอกสาร (link)
11. ความเหมาะสมของอปุ กรณ์
สนับสนุนการเรยี น เชน่ 24 60 6 15 7 17.5 3 7.5 -
เว็บไซต์ ฯลฯ
ระดับการประเมิน
ขอ้ ความ 5 4 3 2 1 คะแนน แปรผล
เฉลยี่
ความ ่ีถ
้รอยละ
ความ ่ถี
้รอยละ
ความ ีถ่
้รอยละ
ความถี่
้รอยละ
ความถี่
้รอยละ
12. ความครอบคลมุ ของข้อสอบ 23 57.5 7 17.5 6 15 4 10 - 4.225 มาก
4.85 มากทส่ี ดุ
กบั ผลการเรยี นร้ทู คี่ าดหวัง 4.675 มากที่สุด
4.9 มากที่สุด
13. ความสอดคลอ้ งสัมพนั ธข์ อง 34 85 6 15 - - -
ข้อสอบกับเนอ้ื หา
14.ความชัดเจนของคำสั่งและ 32 80 3 7.5 5 12.5 - -
คำถาม
15. ความสามารถในการรายงาน 37 92.5 2 5 1 2.5 - -
ผลในทันทที ันใด
มเี กณฑก์ ารแปรผลระดบั คา่ เฉลีย่ ดังน้ี
1.00 – 1.49 = ความพึงพอใจของนกั เรียน อยู่ในระดบั นอ้ ยทสี่ ดุ
1.50 – 2.49 = ความพึงพอใจของนกั เรยี น อยใู่ นระดบั นอ้ ย
2.50 – 3.49 = ความพงึ พอใจของนักเรยี น อย่ใู นระดบั ปานกลาง
3.50 – 4.49 = ความพึงพอใจของนักเรียน อยูใ่ นระดบั มาก
4.50 – 5.00 = ความพึงพอใจของนกั เรยี น อย่ใู นระดับ มากที่สุด
26
บทท่ี 5
สรปุ และอภปิ รายผลการวจิ ัย
การวิจัยครั้งน้ี เป็นการศึกษาคะแนนผลสัมฤทธ์ิ วิชาภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียน
ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นหอวัง ภาคการศึกษาปลาย ปีการศึกษา 2559 โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงทดลอง
มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อศึกษาคะแนนผลสัมฤทธ์ิ เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
โรงเรยี นหอวงั กลุ่มทดลองและกลุม่ ควบคุมหลังการออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน เรอ่ื ง ไตรภูมิพระร่วง
ในวิชาภ าษาไทย ท 33102 และเพื่อเปรียบ เทียบ คะแนนผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน ระห ว่างกลุ่ม
ทดลองกบั กล่มุ ควบคมุ
มีวิธีการดำเนินงานวิจัย คือ ศึกษาแนวคิด ความหมาย ความสำคัญ และหลักการออกแบบบทเรียน
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ศึกษาเน้ือหาเกี่ยวกับไตรภูมิพระร่วง ทฤษฎีทางจิตวิทยาท่ีเกี่ยวข้อง รวมทั้งงานวิจัย
ท่ีเกี่ยวข้องกับการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในจัดการเรียนการสอน จากนั้นจัดทำเครื่องมือ ได้แก่
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ วิชาภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง และแบบประเมินการใช้ส่ือบทเรียน
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน จากน้ันนำผลมาวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติวิเคราะห์ (Statistic Analysis)
ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Stand Deviation) ทดสอบสมมตติฐานในการวิจัย
โดยการทดสอบค่า t แบบกลุ่มตัวอย่างเป็นอิสระต่อกัน (t-test for independent sample) ด้วยโปรแกรม SPSS
สรปุ ผลการวจิ ัย
จากวัตถปุ ระสงค์การวจิ ยั ได้แก่
1. เพ่ือศึกษาผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ท 33102
สาระวรรณคดี เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายหลังการใช้ส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เรื่อง ไตรภูมิพระร่วงประกอบการเรียนการสอน เปรียบเทียบกับนักเรียนกล่มุ ทดลองที่ใช้วิธกี ารเรียนการสอน
แบบปกติ
2. เพ่ือศึกษาระดับการประเมินส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง โดยนักเรียน
ท่ไี ด้ใช้บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน
สามารถสรุปผลการวิจัยได้ดังน้ี
1. ผลการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เพ่ื อพัฒ นาการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ท 331 02
สาระวรรณคดี เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนกลุ่มเป้าหมายหลังการใช้ส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์
ช่วยสอนเรื่อง ไตรภูมิพระร่วงประกอบการเรียนการสอน เปรียบเทียบกับนักเรียนกลุ่มทดลอง
ท่ีใช้วิธกี ารเรียนการสอนแบบปกติ
หลังการจัดการเรียนการสอน วชิ าภาษาไทย เรื่อง ไตรภูมพิ ระร่วง พบว่า
นั ก เรีย น ก ลุ่ม ท ดล อง มี ค ะแน น ผ ลสั ม ฤท ธ์ิ เรื่อ งไตรภู มิ พ ระร่วง เฉลี่ ย 13.8 ค ะแ น น
และนักเรียนกลุ่มควบคุม มีคะแนนผลสัมฤทธ์ิ เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง เฉล่ีย 12 คะแนน เมื่อนำข้อมูลวิเคราะห์
โดยใช้โปรแกรม SPSS ด้วยค่าสถิติ T-test แบบกลุ่มตัวอย่างเป็นอิสระต่อกัน (independents T-test)
สรุปได้ว่า นักเรียนที่ได้ใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ศึกษาเพิ่มเติมประกอบ
การจัดการเรียนการสอนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ วชิ าภาษาไทย เร่อื ง ไตรภมู ิพระร่วง สูงกวา่ นักเรยี นท่ีใช้การเรยี น
การสอนแบบปกติอย่างมนี ัยสำคญั ทางสถติ ิทรี่ ะดับ .05
2. ระดับการประเมินส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง โดยนักเรียน
ทไ่ี ดใ้ ชบ้ ทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน
จากการประเมินผลการใช้สื่อโดยใช้แบบประเมินการใช้ส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยใช้แบบ
วัดเป็นแบบประเมินค่า (Rating Scale) ชนิด 5 ช่วง ได้แก่ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุดตาม
วิธีการสร้างของลิเคอร์ท (Likert) โดยสร้างข้อคำถามให้สามารถประเมินผลส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
จากการใช้สื่อได้ ประกอบด้วยข้อคำถามจำนวน 15 ข้อ
ประเมินโดยนักเรียนกลุ่มทดลองท่ีได้ใชบ้ ทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน จำนวน 40 คน
มีเกณฑ์การแปรผลระดบั ค่าเฉลี่ยดงั นี้
1.00 – 1.49 = ความพงึ พอใจของนักเรียน อยู่ในระดบั นอ้ ยทส่ี ดุ
1.50 – 2.49 = ความพงึ พอใจของนักเรียน อยใู่ นระดับ น้อย
2.50 – 3.49 = ความพงึ พอใจของนักเรียน อยใู่ นระดบั ปานกลาง
3.50 – 4.49 = ความพงึ พอใจของนักเรยี น อยใู่ นระดับ มาก
4.50 – 5.00 = ความพงึ พอใจของนกั เรียน อยู่ในระดับ มากท่ีสุด
28
พบว่า 3 อันดับแรกท่ีนักเรียนมีความพึงพอใจในส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนอยู่ในระดับ
มากทีส่ ดุ จาก 15 ข้อ ได้แก่
อนั ดับที่ 1 ข้อ 4 ความถูกต้องของภาษาท่ใี ช้
คะแนนเฉล่ียเทา่ กับ 5 คะแนน แปรผลได้ว่ามีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด
อนั ดบั ที่ 2 ข้อ 7 ความชดั เจนของภาพ
คะแนนเฉลย่ี เทา่ กบั 4.975 คะแนน แปรผลได้ว่ามีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด
อนั ดบั ที่ 3 ขอ้ 9 ความเหมาะสมของพนื้ หลงั กบั ภาพและตวั อักษร
คะแนนเฉลี่ยเท่ากบั 4.9 คะแนน แปรผลได้ว่ามีความพึงพอใจในระดับมากท่ีสุด
พบว่า 3 อันดับสุดท้ายที่นักเรียนมีความพึงพอใจในส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนอยู่ในระดับ
นอ้ ยทสี่ ุด จาก 15 ข้อ ได้แก่
อันดบั ที่ 1 ขอ้ 12 ความครอบคลุมของข้อสอบกับผลการเรียนร้ทู คี่ าดหวงั
คะแนนเฉล่ียเทา่ กบั 4.225 คะแนน แปรผลไดว้ ่ามีความพงึ พอใจในระดบั มาก
อันดบั ที่ 2 ข้อ 11 ความเหมาะสมของอปุ กรณส์ นับสนนุ การเรยี น เชน่ เวบ็ ไซต์ ฯลฯ
คะแนนเฉลยี่ เท่ากบั 4.275 คะแนน แปรผลได้วา่ มคี วามพงึ พอใจในระดับมาก
อันดับท่ี 3 ขอ้ 2 ความชดั เจนของเนอื้ หาวิชา
คะแนนเฉลี่ยเทา่ กบั 4.675 คะแนน แปรผลได้ว่ามีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด
จากผลการวิเคราะห์แบบประเมินสรุปได้ว่านักเรียนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในบทเรียนคอมพิวเตอร์
ช่วยสอน เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง อยู่ในระดับเกณฑ์ความพึงพอใจมากที่สุดในด้านของภาพและองค์ประกอบ
ในด้านการออกแบบในบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน แต่นักเรียนมีความพึงพอใจในด้านของความครอบคลุม
ของข้อสอบกับผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวังน้อยท่ีสุดจากข้อคำถามท้ังหมด และต้องการให้เพ่ิมความเหมาะสม
และการสนับสนุนรองรับอุปกรณ์ ต่าง ๆ ได้มากข้ึน รวมท้ังเพิ่มรายละเอียดในส่วนของเนื้อหา
บทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนใหม้ ากขึ้นเพอื่ ใหค้ รอบคลมุ รายละเอียดท้งั หมดมากกวา่ เดิม
29
การอภปิ รายผลการวิจัย
การวิจัยหัวข้อ “ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ออนไลน์ เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง วิชาภาษาไทย ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนหอวัง” มีวัตถุประสงค์
เพื่อพัฒนาการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ท 33102 สาระวรรณคดีของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย โดยเปรียบเทียบ
ระดับผลสัมฤทธ์ิในการเรียนวิชาภาษาไทย เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ระหว่างการสอนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์
ชว่ ยสอนเรื่อง ไตรภูมิพระรว่ ง ประกอบการเรยี นการสอนและวิธกี ารสอนแบบปกติ
จากผลการวิจัย พบว่า ระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาภาษาไทย เร่ืองไตรภูมิพระร่วง
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ท่ีได้ใช้เว็บไซต์บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง
มีระดบั สูงกว่านกั เรียนทใ่ี ช้วิธกี ารเรยี นการสอนแบบปกติ สามารถอภิปรายได้ดังตอ่ ไปน้ี
ก่อนการใช้การบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วิชาภาษาไทย เร่ืองไตรภูมิพระร่วง นักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี 6/6 สายการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ไม่ค่อยให้ความสนใจในการเรียนวรรณคดี
เน่ืองจากมีเน้ือหาท่ีไม่น่าสนใจ เข้าใจได้ยาก เน่ืองจากใช้ภาษาโบราณและไม่มีการแสดงที่เห็นเป็นรูปธรรม
ทำใหน้ ักเรียนบางสว่ นมีทศั นคตทิ ไี่ มด่ ี และไมส่ นใจเรียน
แต่หลังการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่องไตรภูมิพ ระร่วง เม่ือสังเกตผลจาก
คะแนนผลสัมฤทธิ์ เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง ท่ีวัดจากแบบทดสอบหลังเรียน เมื่อนักเรียนได้ใช้บทเรียน
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนเร่ืองไตรภูมิพระร่วงประกอบการเรียนรู้ พบว่านักเรียนรู้สึก สนุกกับการเรียน
สนใจในเนื้อหาบทเรียนมากข้ึน เข้าใจเนื้อหาบทเรียนมากข้ึนจากการทบทวนผ่านบทเรียนคอมพิวเตอร์
ช่วยสอน เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง และคะแนนผลสัมฤทธิ์ เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ของนักเรียนกลุ่มทดลองท่ีได้ใช้
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสูงกว่านักเรียนกลุ่มควบคุมที่ใช้วิธีการเรียนการสอนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถติ ิทร่ี ะดับ .05
ขอ้ เสนอแนะ
สำหรับการนำผลวจิ ัยไปใช้
สำหรับการนำผลวิจัยไปใช้เพื่อพัฒนาการการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
เรื่องไตรภูมิพระร่วง ผู้วิจัยได้ใส่รายละเอียดในส่วนของเว็บไซต์เพื่อศึกษาผ่านบทเรียนคอมพิวเตอร์
ช่วยสอนวิชาภาษาไทย เรื่องไตรภูมิพระร่วงตามระละเอียดในภาคผนวก สำหรับผู้ท่ีสนใจสามารถเข้าไปศึกษาได้
โดยใช้มอบหมายให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ที่เรียนเรื่องไตรภูมิพระร่วงเข้ามาศึกษาเพ่ิมเติมผ่านการใช้
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต แต่ข้อจำกัดของการใช้งานคือต้องเข้าถึงผ่านคอมพิวเตอร์เท่าน้ัน เนื่องจากบทเรียน
อเิ ล็กทรอนกิ สจ์ ะไมร่ องรับการเปิดใช้งานในโทรศัพทเ์ ท่าที่ควร
30
สำหรบั การวิจัยครง้ั ต่อไป
จากการวิจัยพบว่า นักเรียนบางส่วนจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการเข้าไปศึกษาเน้ือหาเพิ่มเติมจาก
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ดังนั้นสำหรับการวิจัยในคร้ังถัดไปอาจเพิ่มแบบฝึกหรือแบบทดสอบ
ที่ต้องใช้การตอบคำถามหรือการอภิปรายผ่านเว็บไซต์หรือเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีกิจกรรมให้นักเรียน
มีส่วนร่วมมากขึ้นและสามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจนว่านักเรียนได้เข้ามาศึกษาบทเรียนคอมพิวเตอร์
ช่วยสอน
31
รายการอ้างองิ
กดิ านนั ท์ มะลทิ อง. 2548. เทคโนโลยีและการสือ่ สารเพ่ือการศกึ ษา. กรงุ เทพฯ: อรุณการพมิ พ์.
กิดานันท์ มะลิทอง. 2535. เทคโนโลยีการศกึ ษารว่ มสมยั . กรุงเทพฯ : ภาควชิ าโสตทัศนศึกษาคณะ
ครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กระทรวงศกึ ษาธิการ, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน, สำนักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา.
2552. ตัวชว้ี ัดและสาระกาเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ตามหลักสตู ร
แกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ: ชมุ นมุ การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ใจทพิ ย์ณ สงขลา. 2547. การออกแบบการเรียนการสอนบนเว็บในระบบการเรียนอเิ ลก็ ทรอนิกส์ กรุงเทพฯ :
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
ชัยวฒั น์ สุทธิรตั น์. 2558. 80 นวตั กรรมการจัดการเรียนร้ทู ี่เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคญั . พิมพ์ครัง้ ที่ 6. กรงุ เทพฯ:
แดเน็กซ์ อินเตอร์คอร์ปปอเรชัน่ .
ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ. 2546. การออกแบบและพฒั นาบทเรียนคอมพวิ เตอร์และบทเรยี นเครอื ขา่ ย.
(พิมพ์ครง้ั ท่ี 6). มหาสารคาม: มหาวิทยาลยั มหาสารคาม.
ทิศนา แขมมณ.ี 2555. ศาสตรก์ ารสอน : องค์ความรเู้ พือ่ การจัดการกระบวนการเรยี นรู้ท่ีมีประสทิ ธิภาพ.
พมิ พ์ครง้ั ที่ 16. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .
พรเทพ เมืองแมน. 2544. บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนดว้ ยโปรแกรม Authorware 5. ปัตตานี
ภาควชิ าเทคโนโลยีการศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร.
พระมหาธรรมราชาที่ 1 ลิไทย. 2555. หนงั สือชดุ ภาษาไทย เร่อื ง ไตรภูมิกถาหรือไตรภูมิพระร่วง
(ฉบบั ตรวจสอบและชำระใหม่). (พมิ พค์ ร้งั ท่ี 5). กรงุ เทพฯ: องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการ
สง่ เสริมสวัสดิการและสวัสดภิ าพครูและบคุ ลากรทางการศึกษา.
พิมณชิ า พรหมมานต. 2553. การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
เรือ่ ง ไตรภมู ิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ สำหรบั นักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6. วิทยานิพนธ์ศกึ ษา
ศาสตรมหาบณั ฑติ , สาขาวชิ าการสอนภาษาไทย ภาควชิ าหลักสตู รและวธิ ีสอน บณั ฑติ วิทยาลัย
มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร
สมหวัง พิธยิ านุวัฒน์. 2532. สกู่ ารศกึ ษายคุ ใหม.่ วารสารครุศาสตร์. 17(3-4): 2-6.
มหาวิทยาลยั เชียงใหม่, 2545.
สุจรติ เพยี รชอบ และสายใจ อินทรัมทรัพย.์ 2523. วิธีสอนภาษาไทยระดับมธั ยมศึกษา. กรุงเทพฯ:
ไทยวฒั นาพานชิ .
32
สุดใจ เหง้าศรีไพร. 2549. สอื่ การเรียนการสอน หลกั การและทฤษฎีพนื้ ฐานสู่การปฏบิ ัติ. คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ, กรุงเทพมหานคร
สุมานิน รุ่งเรอื งธรรม. 2526. กลวธิ ีสอน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพร์ ุ่งเรืองธรรม.
สุรางค์ โค้วตระกลู . 2554. จิตวิทยาการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพมหานคร: สำนกั พมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั .
ศิริชัย นามบุรี. 2542. การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนสำเร็จรูปวิชาความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์.
วิทยานพิ นธ์ครุศาสตรอตุ สาหกรรมมหาบัณฑิต. สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลาธนบรุ .ี
อุทัยวรรณ ปิ่นประชาสรร. 2557. กลวิธีการสอนภาษาไทยให้สนุก. กรุงเทพฯ: อิงออนเปเปอร์.
33
ภาคผนวก ก
เครื่องมือทใ่ี ช้ในการวิจัย
- เว็บไซต์บทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน เรอื่ ง ไตรภมู ิพระร่วง
และคมู่ ือการใชส้ ื่อ
- แบบทดสอบหลังเรยี น เรอ่ื ง ไตรภมู พิ ระร่วง
- แบบประเมินสื่อบทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน เร่ืองไตรภูมพิ ระรว่ ง
- แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าภาษาไทย เรอ่ื ง ไตรภมู ิพระรว่ ง
34
คมู่ อื การใชส้ ่ือ สำหรบั ครู
“หนงั สอื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ เรอ่ื ง ไตรภมู พิ ระรว่ ง”
วิชาภาษาไทย ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6
1. ครศู กึ ษาแผนการจดั การเรียนรู้วชิ าภาษาไทย (ท 33102 ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 เรอ่ื งไตรภูมิพระร่วง)
2. ครศู ึกษาคู่มือการใช้สือ่ หนังสอื อิเล็กทรอนิกส์ เรอ่ื ง ไตรภูมิพระร่วง วชิ าภาษาไทย ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษา
ปีที่ 6 สำหรับครู
3. ครูใหน้ ำสื่อหนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์ เรือ่ ง ไตรภูมพิ ระรว่ งมาใช้ประกอบการสอนเร่ืองไตรภมู ิพระร่วง
ในข้นั การขยายความรู้
4. ครูอธิบายวธิ ีการใชห้ นงั สอื เล็กทรอนกิ ส์ เรื่องไตรภูมิพระรว่ ง มอบหมายใหน้ ักเรยี นศึกษาเพ่มิ เติมดว้ ย
ตนเองผ่านเว็บไซต์ chudkaruk.wixsite.com/thailanguage
1) เขา้ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์หน้าแรก คลกิ คา้ งท่ีมมุ ล่างขวาของหนังสือเพ่ือเปิดไปหนา้ ถัดไป
2) ในหน้าสารบญั ถา้ ต้องการไปหัวข้ออน่ื ๆ ให้คลิกท่ีตัวเลขเพ่ือเปิดหนงั สืออิเล็กทรอนิกส์ไปหนา้ นน้ั
35
3) ในหนา้ ความรู้ทวั่ ไปเกยี่ วกับไตรภมู ิพระร่วง ใหค้ ลิกท่ีป่มุ ผแู้ ต่ง ทมี่ า หรือจุดมุ่งหมาย
เพือ่ ศึกษารายละเอียด
4) กจิ กรรมคำถามชวนคิด ให้นักเรยี นคลกิ ท่ีข้อความที่ไม่ใช่ชื่อภพในไตรภูมิ จากนน้ั กดปุ่มเฉลย
คำตอบเพื่อดเู ฉลย
5) ใหน้ กั เรียนศึกษาแผนทีจ่ กั รวาลโดยช้ีเมาสท์ แี่ ผนท่ี และคลิกท่ีพนื้ ที่ทีต่ ้องการศึกษาในภาพ
เพอ่ื อา่ นรายละเอยี ด
36
6) ถ้าต้องการศกึ ษารายละเอียดเพ่มิ เติมในหนา้ เว็บไซต์กดปมุ่ ศึกษาเพิ่มเตมิ
7) ในหน้าเนื้อหามนุสสภูมิ ใหก้ ดปุ่ม เร่ิมแสดงลำดับ เพื่อดภู าพเคล่อื นไหว และนำเมาสช์ ี้ทข่ี ้อความ
เพื่อศึกษารายละเอยี ด
8) ในหน้าเนือ้ หามนสุ สภมู ิ ให้กดปมุ่ ใหน้ ำเมาส์ชี้ท่ขี ้อความเพ่ือศกึ ษารายละเอียด และกดปุม่ ศึกษา
เพิม่ เติมเพ่ือศึกษาบนเวบ็ ไซต์
37
9) ในหน้าแบบทดสอบหลังเรียน คลกิ ทป่ี ุม่ เร่ิมทำแบบทดสอบเพื่อทำแบบทดสอบออนไลน์
5. ครวู ัดคะแนนแบบทดสอบ เรอื่ งไตรภูมิพระรว่ ง ผา่ นการเปรียบเทียบคะแนนการทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
และหลงั เรียนของนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6
6. ครูให้นกั เรยี นทำแบบประเมนิ ความเหมาะสมของการใช้สอื่ ประกอบการสอน หนังสอื อเิ ล็กทรอนกิ ส์
( เรอ่ื ง ไตรภมู ิพระร่วง โดยผลจากแบบประเมินมาปรับปรุงและพฒั นาสื่อการเรียนการสอน)
38
แบบทดสอบหลังเรยี น เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ตอนมนุสสภูมิ
คำชแ้ี จง : แบบทดสอบนีเ้ ป็นสว่ นหนึ่งในสอื่ ประกอบการเรียนรู้เร่ืองไตรภมู ิพระร่วง วชิ าภาษาไทย
ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 คำถามมจี ำนวนทั้งหมด 15 ขอ้ เลือกคำตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ไตรภมู ิพระรว่ งเป็นพระราชนพิ นธข์ องพระองค์ใด
ก. พญาลไิ ทย (เฉลย)
ข. พระบรมไตรโลกนาถ
ค. พ่อขนุ รามคำแหงมหาราช
ง. พระบาทสมเด็จพระมงกฏุ เกล้าเจา้ อยู่หวั
2. ไตรภูมิพระร่วงเดิมเรยี กวา่ อะไร
ก. เตภมู กิ ถา
ข. ไตรภูมกิ ถา
ค. ไตรภพกถา
ง. ถกู ทง้ั ข้อ ก และ ข (เฉลย)
3. ข้อใดรวมเรียกว่าไตรภูมิ
ก. สวรรคภูมิ มนุสสภมู ิ นรกภูมิ
ข. กามภมู ิ รูปภูมิ อรปู ภมู ิ (เฉลย)
ค. โลกมนุษย์ สวรรค์ บาดาล
ง. สคุ ตภิ มู ิ ทคุ ติภมู ิ ฉกามาพจรภพ
4. ขอ้ ใดคือจุดมุ่งหมายของไตรภมู ิพระรว่ ง
ก. ชี้นำให้มนษุ ย์เขา้ ใจอนจิ จังของชวี ิต
ข. ช้ใี หเ้ หน็ ความสุขสบายในแตล่ ะภพภมู ิ
ค. ช้ีให้เห็นผลของการทำบุญและบาป
ง. ชน้ี ำใหม้ นุษย์หาทางหลุดพน้ และบรรลนุ ิพพาน
5. ทวีปทมี่ นษุ ยโ์ ลกเราอาศัยอยู่คือทวปี ใดในไตรภูมิพระรว่ งตามความเช่ือในคตเิ รื่องไตรภมู ิพระร่วง
ก. ชมพูทวปี (เฉลย)
ข. อตุ รกุรุทวีป
ค. บรุ พวิเทหทวปี
ง. อมรโคยานทวีป
39
6. เหตใุ ดมนุษย์ในอตุ รกุรุทวีปจึงมีชวี ิตยนื ยาวกว่ามนษุ ย์ในแผน่ ดินอน่ื ๆ
ก. เพราะไดพ้ บพระเจา้
ข. เพราะรกั ษาศลี อยู่เสมอ (เฉลย)
ค. เพราะเกิดในยคุ พระศรีอาริย์
ง. เพราะไดเ้ กดิ เป็นพระอนิ ทร์
7. ขอ้ ใดเป็นทัศนะของกวีเกยี่ วกบั การเกิดของมนษุ ย์ในท้องมารดา
ก. เป็นความสขุ แบบหนึ่ง
ข. เป็นความยนิ ดีอยา่ งหนึ่ง
ค. เปน็ ความทกุ ข์แบบหนง่ึ (เฉลย)
ง. เป็นความดปี ระการหน่ึง
8. ผู้เขยี นเปรยี บสายสะดือของเดก็ เหมือนกบั อะไร
ก. ลูกงู
ข. กา้ นบวั (เฉลย)
ค. ใบตอง
ง. ไข่ไก่
9. "ดจุ ดัง่ ฝูงนรกอันยมบาลกุมตนี และหย่อนหัวลงในขุมนรก" ขอ้ ความน้กี ลา่ วถงึ ตอนใด
ก. ท่าน่งั ของเด็กในทอ้ งแม่
ข. ขณะเด็กกำลงั จะคลอดออกจากท้องแม่ (เฉลย)
ค. รูปของการก่อกำเนิดเด็กในชว่ งสัปดาห์ท่ี 2
ง. ขณะเด็กอยู่ในท้องของแม่ที่กำลงั เคล่ือนไหว
10. ข้อใดเรียงลำดบั ก่อน-หลงั เก่ยี วกบั การเกิดของมนษุ ย์ได้ถกู ต้อง
ก. กลละ ฆนะ เปสิ อนั พทุ ะ
ข. อันพทุ ะ เปสิ ฆนะ กลละ
ค. กลละ อมั พุทะ เปสิ ฆนะ (เฉลย)
ง. อมั พทุ ะ ฆนะ กลละ เปสิ
11. "เบญจสาขาหูด" ในท่นี ้ีหมายถงึ ปุม่ ที่จะเกิดเป็นอวัยวะใด
ก. ขน หวั ผม
ข. หวั นว้ิ มือ สะดอื
ค. ขน นิ้วมอื เลบ็ มอื
ง. หวั แขน ขา (เฉลย)
40
12. "เปน็ ดง่ั นำ้ ล้างเนอื้ " หมายถึงข้ันตอนใดของการก่อกำเนดิ มนุษย์
ก. กลละ
ข. เปสิ
ค. ฆนะ
ง. อัมพทุ ะ (เฉลย)
13. "....เมอ่ื กุมารอยใู่ นท้องแมน่ ้ันลำบากหนักหนา พงึ เกลียดพึงหนา่ ยพ้นประมาณนัก ก็ชนื้ และเหมน็ กลน่ิ ตืด
แลเอือน..." คำว่า "เออื น" ในขอ้ ความขา้ งตน้ น้ี มคี วามหมายตามข้อใด *
ก. พยาธิชนดิ หนึ่ง (เฉลย)
ข. น้ำเหลือ
ค. เลอื ด
ง. สะอดิ สะเอยี น
14. "ท่ตี ายท่ีเรว่ ฝงู ตืดฝูงแลเอือนทง้ั หลายนัน้ คนกันอยใู่ นท้องแม"่ ทเ่ี ร่ว หมายความว่าอะไร
ก. นรก
ข. ป่าช้า (เฉลย)
ค. ฤดูกาล
ง. พยาธิ
15. "แลสองแกม้ เขานัน้ ไซรง้ ามเป็นนวลดงั่ แกลง้ เอาแป้งผดั หนา้ เขาน้ันเกลี้ยงปราศจากมลทินหาฝ้าหาไฝบ่
มไิ ด้ แลเห็นดวงหน้าเขาไซรด้ ุจดัง่ พระจนั ทร์วันเพง็ บูรณน์ ัน้ " ลกั ษณะดังกลา่ วเปน็ ลักษณะของมนุษยใ์ นทวปี ใด
ก. ชมพูทวปี
ข. อุตรกรุ ทุ วีป (เฉลย)
ค. บรุ พวเิ ทหทวปี
ง. อมรโคยานทวีป
41
แบบประเมนิ ความเหมาะสมของบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน เร่อื ง ไตรภมู ิพระร่วง
คำชี้แจง : ใหเ้ ขยี นเครื่องหมาย ลงในชอ่ งวา่ งตามความคิดเหน็ ทม่ี ีต่อความเหมาะสมของส่ือ
ข้อความ 5 ระดับการประเมนิ 1
432
1. ความสอดคล้องของจดุ ประสงค์กับเนื้อหาวชิ า
2. ความชัดเจนของเน้ือหาวิชา
3. ความถกู ต้องและความสมบรู ณ์ของเน้ือหาวิชา
4. ความถูกต้องของภาษาที่ใช้
5. ความเหมาะสมของเน้ือหาในแต่ละหวั ข้อ
6. ความสัมพันธ์สอดคลอ้ งกบั เนื้อหาในแต่ละหัวข้อ
7. ความชัดเจนของภาพ
8. ความเหมาะสมของตวั อักษรท่ีใช้
9. ความเหมาะสมของพนื้ หลังกับภาพและตัวอักษร
10. ความสามารถในการเชอ่ื มโยงเอกสาร (link)
11. ความเหมาะสมของอุปกรณส์ นับสนนุ การเรียน เชน่ เวบ็ ไซต์ ฯลฯ
12. ความครอบคลมุ ของข้อสอบกบั ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวงั
13. ความสอดคล้องสมั พันธ์ของข้อสอบกับเน้ือหา
14.ความชดั เจนของคำสั่งและคำถาม
15. ความสามารถในการรายงานผลในทันทีทันใด
ระดับ 1 หมายถึง ควรปรับปรงุ
ระดับ 2 หมายถงึ พอใช้
ระดับ 3 หมายถงึ ปานกลาง
ระดบั 4 หมายถงึ ดี
ระดับ 5 หมายถงึ ดีมาก
42
แผนการจัดการเรยี นรู้คร้ังท่ี 17
โรงเรยี นหอวัง ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2559 กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย
รหสั วชิ า ท 33102 รายวิชา ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 เวลา 1 คาบ
ช่ือหน่วยการเรียนรทู้ ี่ : วรรณกรรมนำขอ้ คดิ พนิ จิ คุณค่าหลากวฒั นธรรม เร่ือง ท่ีมาไตรภมู พิ ระร่วง
ผู้สอน นางสาวเมธาวี ทองคุ้ม
มาตรฐาน/ตัวชี้วัด
มาตรฐานที่ 5.1
เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคณุ ค่าและนำมา
ประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ จริง
ตัวชีว้ ัด
ม. 4-6/1 วเิ คราะห์และวิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมตามหลักการวจิ ารณ์เบ้ืองตน้
ม. 4-6/2 วิเคราะห์ลกั ษณะเด่นของวรรณคดเี ชือ่ มโยงกบั การเรียนร้ทู างประวัตศิ าสตร์และวิถีชวี ิตของ
สงั คมในอดีต
สาระสำคัญ
ไตรภูมิกถา หรือไตรภูมิพระร่วง เป็นวรรณกรรมชิ้นเอกสมัยกรุงสุโขทัยนับเป็นวรรณคดีเรื่องแรก
ของไทย เป็นพระราชนิพนธ์ในพระมหาธรรมราชาลิไทย เป็นวรรณคดีไทยที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทย
ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยามาจนถึงปัจจุบัน เพราะได้รวบรวมเอาคติความเชื่อทุกแง่ทุกมุม
ของทุกชนช้ันหลายเผ่าพันธ์ุมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวให้ผู้อ่านผู้ฟังยำเกรงในการกระทำบาปทุจริต
และเกิดความปิตยิ ินดใี นการทำบุญทำกศุ ล อาจหาญมุ่งม่นั ในการกระทำคุณงามความดี
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ความรู้
1. นกั เรียนสามารถอธิบายทีม่ าของไตรภูมพิ ระร่วงได้
ทกั ษะ/กระบวนการ
1. นกั เรียนสามารถวิเคราะห์จดุ ประสงคใ์ นการแตง่ เรื่องไตรภมู ิพระร่วงได้
2. นักเรยี นสามารถตอบคำถามเกี่ยวกบั เร่อื งไตรภมู ิพระร่วงได้
คณุ ลักษณะ
๑. ใฝ่เรียนรู้
๒. มุ่งม่ันในการทำงาน
43
จดุ เนน้ สกู่ ารพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รยี น
ความสามารถและทักษะศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L)
ทักษะการเรียนรู้ 3R
ทกั ษะดา้ นการอ่าน (Reading)
ทักษะด้านการเขียน (Writing)
ทกั ษะดา้ นการคดิ คำนวณ (Rithmetics)
ทักษะการเรยี นรู้ 8C
ทักษะดานการคิดอยางมีวิจารณญาณและทักษะในการแกปญหา (Critical Thinking &
Problem Solving)
ทกั ษะดานการสรางสรรค และนวตั กรรม (Creativity & Innovation)
ทักษะดานความรวมมือ การทาํ งานเปนทีม และภาวะผูนาํ (Collaboration, Teamwork & Leadership)
ทักษะดานความเขาใจตางวัฒนธรรม ตางกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)
ทักษะดานการสือ่ สารสนเทศ และรูเทาทันสื่อ (Communication, Information & Media Literacy)
ทั กษะดานคอมพิ วเตอร และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing & Media
Literacy)
ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ (Career & Learning Self-reliance)
ทักษะการเปล่ยี นแปลง (Change)
ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills)
ทักษะด้านชีวติ และอาชีพ
ความยดื หยุน่ และการปรบั ตวั
การริเร่มิ สร้างสรรค์ และเปน็ ตวั ของตัวเอง
ทกั ษะสังคม และสงั คมขา้ มวฒั นธรรม
การเปน็ ผูส้ ร้าง หรอื ผ้ผู ลติ และความรับผิดชอบทเ่ี ช่อื ถือได้
ภาวะผู้นำ และความรับผิดชอบ
คุณลกั ษณะสำหรบั ศตวรรษที่ 21
คณุ ลกั ษณะด้านการทำงาน (การปรับตัว ความเป็นผนู้ ำ)
คุณลกั ษณะด้านการเรยี นรู้ (การช้ีนำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรูข้ องตนเอง)
คณุ ลกั ษณะดา้ นศีลธรรม (ความเคารพผู้อนื่ ความซือ่ สัตย์ ความสำนึกพลเมอื ง)
สาระการเรยี นรู้
ผแู้ ตง่ และประวตั ผิ ูแ้ ต่ง พระยาลิไทย หรอื พระมหาธรรมราชาที่ 1 เป็นราชโอรสของพระยาเลอไท
เสดจ็ ขึน้ ครองราชย์เป็นพระมหากษัตรยิ ์องค์ท่ี 6 แห่งกรุงสโุ ขทยั
ลักษณะคำประพนั ธ์ ร้อยแกว้
44
ไตรภูมิกถา หรือไตรภูมิพระร่วง เป็นวรรณกรรมชิ้นเอกสมัยกรุงสุโขทัยนับเป็นวรรณคดีเร่ืองแรก
ของไทย เป็นพระราชนิพนธ์ใน สมเด็จพระศรสี ุริยพงศ์รามมหาธรรมราชาธิราช หรือพระมหาธรรมราชาลิไทย
เป็นวรรณคดีไทยที่มีอิทธิพลต่อสังคมไทย ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยามาจนถึงปัจจุบัน เพราะได้
รวบรวมเอาคติความเช่ือทุกแง่ทุกมุมของทุกชนช้ันหลายเผ่าพันธุ์มาร้อยเรียงเป็นเรอื่ งราวใหผ้ ู้อ่านผูฟ้ ังยำเกรง
ในการกระทำบาปทุจริต และเกิดความปิติยินดีในการทำบุญทำกุศล อาจหาญมุ่งมั่นในการกระทำ
คุณงามความดี
พระมหาธรรมราชาลิไทย มีพระปรีชารอบรู้แตกฉานในพระไตรปิฎก อรรถกถาฎีกาอนุฏีกา
และปกรณ์ พิเศษต่าง ๆ พระองค์ยังเช่ียวชาญในวิชาโหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ และไสยศาสตร์
จนถงึ ข้นั ทรงบญั ญัตคิ ัมภรี ศ์ าสตราคมเป็นปฐมธรรมเนียมสืบต่อมา จนถึงปัจจบุ นั
ในปี พ.ศ.1888 พระยาลิไทย อุปราชผู้ครองนครศรีสัชนาลัย ได้ทรงนิพนธ์ไตรภูมิกถาขึ้น
มีสาระสำคัญ คือ ทรงพรรณนาถึงเรื่องการเกิด การตาย ของสัตว์ท้ังหลายว่า การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภูมิ
ทั้งสามคือ กามภมู ิ รูปภูมิ และอรปู ภมู ิ ดว้ ยอำนาจของบญุ และบาปทต่ี นได้กระทำแลว้
กามภูมิ เป็นทีต่ ้ังแห่งความใคร่ แบง่ ออกเปน็ สองประเภท คือ อบายภมู ิ และสุคตภิ มู ิ
อบายภมู ิ ยังแบง่ ออกเปน็ สี่ภมู ิได้แก่ นรกภมู ิ ตริ ัจฉานภมู ิ เปรตภูมิ และอสรู กายภมู ิ
สำหรับผู้ท่ีทำบาป แต่ไม่หนักพอท่ีจะตกนรก ก็ไปเกิดในท่ีอันหาความเจริญมิได้ อ่ืน ๆ เช่น
เกิดเปน็ เปรต อสูรกาย สตั ว์เดรจั ฉาน พวกที่พ้นโทษจากนรกแลว้ ยังมีเศษบาปติดอยู่ก็ไปเกิดเป็นเดรัจฉานบ้าง
เปน็ เปรตบ้าง เปน็ อสูรกายบ้าง เปน็ มนุษยท์ ี่ทพุ พลภาพพกิ ลพกิ าร ตามความหนกั เบาของบาปทีต่ นไดท้ ำไว้
สุคติภูมิ เป็นส่วนของกามาพจรภูมิ หรือ กามสุคติภูมิ แบ่งออกเป็นเจ็ดช้ัน คือ มนุษย์ภูมิ
และสวรรค์ 6 ช้ัน ได้แก่ สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกาภูมิ สวรรค์ช้ันตาวติงสาภูมิ สวรรค์ช้ันยามาภูมิ
สวรรคช์ น้ั ดุสติ าภูมิ สวรรคช์ ัน้ นิมมานรดภี มู ิ และสวรรค์ชน้ั ปรนมิ มติ วสวตั ดีภูมิ
กามาพจรภูมิท้ังเจ็ดชั้น เป็นท่ีต้ังอันเต็มไปด้วยกาม เป็นท่ีท่องเท่ียวของสัตว์ท่ีลุ่มหลงอยู่ใน รูป เสียง
กลิน่ รส โผฏฐพั พะ อันเป็นอารมณ์อันพึงปรารถนา เมือ่ รวมกบั อบายภมู ิอกี สชี่ นั้ เรยี กว่า กามภูมิสิบเอ็ดชัน้
รูปภูมิ หรือรูปาวจรภูมิ ได้แก่ รูปพรหมสิบหกช้ัน เร่ิมตั้งแต่พรหมปริสัชชาภูมิ ที่อยู่สูงกว่า
สวรรค์ช้ันหก คือ ปรนิมมิตวสวัตดี มากจนนับระยะทางไม่ได้ ระยะทางดังกล่าวอุปมาไว้ว่า สมมติมีหินก้อน
ใหญ่เท่าโลหะปราสาทในลังกาทวีป หินก้อนนี้ทิ้งลงมาจากช้ันพรหมปริสัชชาภูมิ หินก้อนนั้นใช้เวลาถึงส่ีเดือน
จงึ จะตกลงถงึ พนื้
รูปพรหมท่ีสูงข้ึนไปจากอสัญญีพรหมอีกห้าชั้นเรียกว่า ชั้นสุทธาวาส หมายถึงท่ีอยู่ของผู้บริสุทธิ
ผทู้ ี่จะไปเกิดในพรหมช้ันสทุ ธาวาสคอื ผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรยิ บคุ คลช้ันพระอนาคามี คือเป็นผู้ท่ีไม่กลับมาสโู่ ลก
น้ตี อ่ ไป ทุกท่านจะสำเร็จเป็นพระอรหนั ตแ์ ล้วนพิ พานในช้นั สทุ ธาวาสนี้
45