The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สำหรับศึกษาลักษณะ แนวทาง องค์ประกอบ
รูปแบบและการใช้ภาษาเขียน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Methawee Thongkoom, 2020-07-16 22:25:14

ตัวอย่างรายงานเชิงวิชาการ

สำหรับศึกษาลักษณะ แนวทาง องค์ประกอบ
รูปแบบและการใช้ภาษาเขียน

อรูปภูมิ หรืออรปู าพาจรภมู ิ มสี ชี่ ัน้ เป็นพรหมทไ่ี มม่ ีรูปปรากฏ ผูท้ ีไ่ ปเกดิ ในภูมินีค้ ือผู้ทบ่ี ำเพ็ญเพียร
จนได้บรรลฌุ านโลกยี ์ช้นั สงู สุด

ข้อคดิ คตคิ ำสอน และความจรรโลงใจ
มนุษยเ์ ราควรทำความดดี ้วยวิธีตา่ ง ๆ อาทิเชน่ การกตญั ญูตอ่ มารดาผูใ้ ห้กำเนดิ การยึดมน่ั ในศีลธรรม
รู้จักพึงพอใจในสง่ิ ท่ตี นเองมี ไมเ่ บียดเบยี นผ้อู ืน่ ไมโ่ ลภ ไมม่ ีกเิ ลสตณั หา ไม่เบียดเบียนผูอ้ ่ืน ฯลฯ ซ่ึงหากทำได้
ตัวเราและสังคมก็ย่อมมแี ต่ความสงบสุข

จุดมงุ่ หมาย
– ชี้ใหเ้ ห็นคณุ และโทษของโลกทงั้ สาม ที่มแี ต่การแปรเปลี่ยน ไมแ่ นน่ อน มีแตอ่ นิจจลกั ษณะ
– ชใี้ ห้มนุษยห์ าทางหลุดพน้ ไปจากโลกท้ังสามเพอื่ ไปอยู่ในโลกตุ รภูมิ หรือนพิ พาน
– เนน้ เรอื่ งกฎแห่งกรรม โดยเริ่มเน้ือหาจากนรกภมู ิ

ผลจากการฟงั
– ทำใหบ้ รรลนุ พิ พาน
– ได้เกดิ เปน็ เทพยดาในสวรรค์อันเป็นโลกทิพย์
– มีโอกาสเกิดมาพบพระศรีอาริย์ผ้จู ะมาเป็นพระพุทธเจา้ ในอนาคต

กิจกรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ (5 นาที)
นักเรียนชมวีดิทัศน์ท่ีมาของไตรภูมิพระร่วงจากเว็บไซต์ Youtube (https://goo.gl/gHcHdK)
จากนน้ั ให้นักเรยี นตอบคำถามสรปุ ประเดน็ ความรู้ทไ่ี ด้รับและครเู ช่ือมโยงเข้าสูบ่ ทเรยี น
ขัน้ สอน ( 40 นาที )
1. ร่วมกันวิเคราะห์ว่าความเชื่อเก่ียวกับนรก สวรรค์ท่ีเคยได้ยินมามีอะไรบ้าง คิดว่าเพราะเหตุใด
ทำไมถึงมีความเชื่อนี้เกิดขึ้นมา จากนั้นครูใหน้ ักเรียนศึกษาที่มาและจุดประสงค์ในการแต่งเร่อื งไตรภูมิ
พระรว่ ง อธิบายลักษณะจักรวาลตามคติไตรภูมิโดยย่อเปรียบเทียบกับลักษณะของจักรวาล
ตามหลกั วทิ ยาศาสตร์
2. ตั้งประเด็นคำถามว่าความนักเรียนเคยพบความเช่ือจากเรื่องจักรวาลของไตรภูมิในศิลปะ
หรือจิตกรรม สถาปตั ยกรรมของไทยอยา่ งไร ให้ตัวแทนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั แสดงความคิดเห็น
3. นักเรียนศึกษาเก่ียวกับภูมิทั้ง 3 ตามความเช่ือเร่ืองไตรภูมิพระร่วง จากนั้นร่วมกันสรุปประเด็น
ความรู้ลงในสมดุ
4. มอบหมายให้นักเรียนศกึ ษาเรือ่ งไตรภูมิพระร่วงเพิ่มเติมจากบทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ผู้สอน
จัดทำข้ึนบนเวบ็ ไซต์ http://chudkaruk.wixsite.com/thailanguage
ข้ันสรุป (5 นาที )
นักเรียนรว่ มกนั ที่มา จุดประสงค์ในการแต่งเร่อื งไตรภูมิพระรว่ ง และภมู ทิ ั้ง 3 ในไตรภมู พิ ระรว่ ง

46

สื่ออุปกรณแ์ ละแหลง่ เรยี นรู้
๑. แบบเรียนวรรณคดวี ิจักษ์ เรื่อง ไตรภมู ิพระร่วง
๒. เอกสารประกอบการเรยี น วชิ าภาษาไทย
๓. สอ่ื ประกอบการนำเสนอ PowerPoint เรือ่ ง ไตรภมู ิพระร่วง
๔. เว็บไซตบ์ ทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เร่อื ง ไตรภูมพิ ระร่วง
http://chudkaruk.wixsite.com/thailanguage

การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ วธิ ีการวัด เครื่องมอื วดั
1. ประเมินจากการตอบ 1. คำถาม
๑. วิธวี ดั และเคร่ืองมือวดั คำถามในช้นั เรยี น
เปา้ หมายการเรยี นรู้ ๑. คำถาม
1. ประเมนิ จากการตอบ
สาระสำคญั คำถามในช้ันเรยี น
ไตรภูมิกถา หรือไตรภูมิ

พระรว่ ง เปน็ วรรณกรรมชิ้นเอก
สมัยกรุงสุโขทยั นบั เป็นวรรณคดี
เรอ่ื งแรกของไทย
เป็นพระราชนิพนธใ์ นพระมหา
ธรรมราชาลไิ ทย เปน็ วรรณคดไี ทย
ท่ีมอี ิทธพิ ลต่อสงั คมไทย
ต้ังแตส่ มัยกรุงสุโขทัย เพราะได้
รวบรวมเอาคติความเชอ่ื ทุกแง่มมุ
ของทุกชนชนั้ หลายเผา่ พันธม์ุ าร้อย
เรยี งเปน็ เร่ืองราวให้ผู้อา่ นผู้ฟัง
ยำเกรงในการกระทำบาปทจุ ริต
และเกดิ ความปติ ยิ นิ ดีในการทำบุญ
ทำกุศล อาจหาญมุ่งมน่ั
ในการกระทำคณุ งามความดี
ตัวชวี้ ดั
ท 5.1 ม. 4-6/1 วเิ คราะห์และ
วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรม
ตามหลกั การวิจารณ์เบอ้ื งตน้

47

เป้าหมายการเรียนรู้ วธิ กี ารวดั เครื่องมือวัด
ท 5.1 ม. 4-6/2 วิเคราะห์ 1. การสังเกต
ลักษณะเดน่ ของวรรณคดเี ช่อื มโยง 1. แบบประเมนิ พฤตกิ รรม
กบั การเรียนรทู้ างประวตั ิศาสตร์ ในชัน้ เรยี น
และวิถชี ีวติ ของสังคมในอดีต
คณุ ลักษณะ
1.ใฝ่เรยี นรู้
2.มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

2) เกณฑ์การวัด

2.1 แบบประเมนิ การตอบคำถามในช้นั เรียน

แบบประเมินการตอบคำถามในชัน้ เรยี น

ประเดน็ การ ระดับคุณภาพ

ประเมิน ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)
นักเรียนตำ่ กว่า
ความถกู ต้อง นักเรียนมากกวา่ นักเรยี นร้อยละ นกั เรียนร้อยละ รอ้ ยละ 50 ของห้อง

ของคำตอบ ร้อยละ 80 70-79 ของหอ้ ง 60-69 ของห้อง สามารถ
ตอบคำถามได้
ของห้องสามารถ สามารถ สามารถ

ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้

ชว่ งคะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ 2 1
ระดบั คณุ ภาพ 43 พอใช้ ปรบั ปรงุ

ดีมาก ดี

2.2 แบบประเมนิ พฤติกรรมในช้ันเรียน(วัดคุณลกั ษณะอันพึงประสงค)์

ระดับคะแนน มากทสี่ ดุ = 5 คะแนน หมายถึง นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิได้มากกว่า รอ้ ยละ 81
มาก = 4 คะแนน หมายถึง นักเรียนสามารถปฏบิ ัติได้ รอ้ ยละ 71–80
ปานกลาง = 3 คะแนน หมายถึง นักเรียนสามารถปฏบิ ตั ิได้ ร้อยละ 61- 79
นอ้ ย = 2 คะแนน หมายถงึ นักเรยี นสามารถปฏบิ ัติได้ ร้อยละ 51 –60
น้อยทสี่ ดุ = 1 คะแนน หมายถึง นักเรียนสามารถปฏบิ ัติไดน้ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 50

48

ขอ้ ที่ หัวข้อการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ รวม
5 4321
1 มสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมการเรียน
2 มคี วามตั้งใจในการเรยี น
3 ให้ความรว่ มมือในการตอบคำถาม
4 มคี วามรบั ผดิ ชอบ
5 ความตรงต่อเวลา

รวม

ช่วงคะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ 13-27 0-12
ระดับคณุ ภาพ 20-25 18-24 พอใช้ ปรบั ปรงุ
ดมี าก ดี

๓) เกณฑก์ ารผา่ นการประเมิน
3.1) เกณฑก์ ารผ่านรายกลุ่ม
3.1.1) การตอบคำถามในชน้ั เรยี น นักเรียนได้คะแนนคุณภาพตั้งแต่ระดับดขี น้ึ ไปถือวา่ ผ่าน
3.1.2) พฤติกรรมการเรียนนกั เรียนในห้องโดยรวมไดค้ ะแนนระดบั ดีขึน้ ไปถือว่าผา่ น

49

แผนการจดั การเรยี นรคู้ ร้งั ที่ 18

โรงเรยี นหอวงั ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2559 กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย

รหัสวชิ า ท 33102 รายวชิ า ภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 เวลา 1 คาบ

ช่อื หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี : วรรณกรรมนำข้อคิด พินิจคุณค่าหลากวฒั นธรรม เรือ่ ง คติในไตรภมู ิพระรว่ ง

ผู้สอน นางสาวเมธาวี ทองคมุ้


มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั

มาตรฐานที่ 5.1
เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คุณค่าและนำมา

ประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ

ตวั ช้วี ดั
ม. 4-6/1 วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมตามหลักการวิจารณเ์ บ้ืองต้น
ม. 4-6/2 วิเคราะหล์ กั ษณะเด่นของวรรณคดเี ชื่อมโยงกบั การเรียนร้ทู างประวัติศาสตร์และวิถชี ีวติ ของ

สังคมในอดตี

สาระสำคัญ
ไตรภูมิกถา หรือไตรภูมิพระร่วง เป็นวรรณกรรมช้ินเอกสมัยกรุงสุโขทัยนับเป็นวรรณคดีเร่ืองแรก

ของไทย เป็นพระราชนิพนธ์ในพระมหาธรรมราชาลิไทย เป็นวรรณคดีไทยท่ีมีอิทธิพลต่อสังคมไทย
ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยามาจนถึงปัจจุบัน เพราะได้รวบรวมเอาคติความเช่ือทุกแง่ทุกมุม
ของทุกชนชั้นหลายเผ่าพันธุ์มาร้อยเรียงเป็นเร่ืองราวให้ผู้อ่านผู้ฟังยำเกรงในการกระทำบาปทุจริต
และเกิดความปติ ยิ ินดใี นการทำบุญทำกศุ ล อาจหาญมงุ่ มัน่ ในการกระทำคณุ งามความดี

จุดประสงค์การเรยี นรู้
ความรู้
1. นกั เรียนสามารถอธิบายทีม่ าของไตรภมู พิ ระรว่ งได้
ทกั ษะ/กระบวนการ
1. นกั เรียนสามารถวิเคราะหจ์ ุดประสงค์ในการแต่งเรือ่ งไตรภูมิพระรว่ งได้
2. นกั เรยี นสามารถตอบคำถามเกย่ี วกับเร่ืองไตรภมู ิพระรว่ งได้
คณุ ลกั ษณะ
๓. ใฝ่เรยี นรู้
๔. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

50

จุดเน้นสกู่ ารพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน
ความสามารถและทักษะศตวรรษที่ 21 (3R 8C 2L)
ทักษะการเรยี นรู้ 3R
 ทกั ษะด้านการอา่ น (Reading)
 ทักษะดา้ นการเขยี น (Writing)
 ทักษะดา้ นการคดิ คำนวณ (Rithmetics)
ทกั ษะการเรียนรู้ 8C
 ทักษะดานการคิดอยางมีวิจารณญาณและทักษะในการแกปญหา (Critical Thinking &
Problem Solving)
 ทกั ษะดานการสรางสรรค และนวตั กรรม (Creativity & Innovation)
 ทักษะดานความรวมมือ การทํางานเปนทีม และภาวะผูนาํ (Collaboration, Teamwork & Leadership)
 ทักษะดานความเขาใจตางวัฒนธรรม ตางกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)
 ทกั ษะดานการส่อื สารสนเทศ และรูเทาทนั สอื่ (Communication, Information & Media Literacy)
 ทั กษะดานคอมพิ วเตอร และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing & Media
Literacy)
 ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรียนรู้ (Career & Learning Self-reliance)
 ทกั ษะการเปล่ียนแปลง (Change)
 ทักษะการเรยี นรู้ (Learning Skills)
ทกั ษะดา้ นชีวติ และอาชีพ
 ความยืดหยุ่น และการปรับตวั
 การริเร่ิมสรา้ งสรรค์ และเปน็ ตวั ของตวั เอง
 ทักษะสังคม และสังคมข้ามวัฒนธรรม
 การเปน็ ผ้สู รา้ ง หรือผู้ผลติ และความรับผดิ ชอบที่เช่อื ถอื ได้
 ภาวะผู้นำ และความรบั ผดิ ชอบ
คุณลักษณะสำหรบั ศตวรรษที่ 21
 คุณลักษณะดา้ นการทำงาน (การปรับตวั ความเป็นผ้นู ำ)
 คุณลักษณะด้านการเรยี นรู้ (การชีน้ ำตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรู้ของตนเอง)
 คณุ ลักษณะด้านศีลธรรม (ความเคารพผู้อ่นื ความซื่อสตั ย์ ความสำนึกพลเมือง)

51

สาระการเรยี นรู้
จกั รวาลในไตรภมู ิ
ตามคติพราหมณ์นั้น เขาพระสุเมรุ เป็นภูเขาที่เป็นหลักของโลก (โดยมี “ปลาอานนท์” หนุนอยู่)

ตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของโลกหรือจักรวาลอันย่ิงใหญ่ เป็นที่อยู่ของสิ่งมีวิญญาณในภพและภูมิต่างๆ ตาม
ตำนานกล่าวว่า พระอิศวรทรงสร้างน้ำด้วยพระเสโท (เหงื่อ) สร้างแผ่นดินด้วยเมโท (ไคล) ของพระองค์
(บางตำนานว่าทรงสำรอกพระมังสะในพระอุระออกมาบันดาลให้เป็นแผ่นดิน) พระอิศวรมีพระประสงค์
จะประดิษฐานภูเขาใหญ่ให้เป็นหลักของโลก จึงทรงเอา พระจุฑามณี (ป่ินปักผม) ปักลงที่ใจกลางของพ้ืนภพ
บันดาลให้เป็น เขาพระสุเมรุ แล้วเอา พระสังวาลมาสร้างเป็นทิวเขาสวมรอยเขาพระสุเมรุอีก 7 ทิว เรียกว่า
สตั บริภัณฑครี ี เพ่ือให้เปน็ ท่ีอาศัยของทวยเทพทง้ั หลาย

โครงสร้างของเขาพระสเุ มรุ หรือโครงสร้างจกั รวาลตามคตพิ ราหมณ์
เขาพระสุเมรุ ตั้งอยู่เหนือพื้นน้ำ 84,000 โยชน์ ใต้เขาพระสุเมรุมีภูเขารองรับเป็นฐาน 3 ลูก เรียกว่า
ตรีกูฏ (สามเส้าหรือสามยอด) มีภูเขาล้อมรอบ 7 ทิว เรียกว่า “สัณบริภัณฑคีรี” มีความสูงลดหลั่นกันลงไป
ทีละคร่ึง เป็นที่สถิตของเทวดาจตุมหาราชิก และบริวาร แต่ละทิวเขาค่ันด้วยแม่น้ำท้ังเจ็ด โดยทิวเขาท้ังเจ็ด
ได้แก่ ทิวเขายุคนธร (ขอบเขาพระสุเมรุ เป็นที่ของพระอาทิตย์และพระจันทร์), กรวิก (นกกรวิก), อิสินธร
(มหิทสรเทวบุตร), สุทัศนะ (ว่านยาวิเศษ), เนมินธร (ปทุมชาติขนาดใหญ่), วินันตก (มารดาพญาครุฑ)
และอัสกัณ (ไม้กำยาน) ถัดออกไปเป็น มหานทีสีทันดร ล้อมรอบเขาพระสเุ มรุ โดยมีเกาะหรือมหาทวปี อยู่ตรง
ทศิ ท้งั ส่ี ของเขาพระสเุ มรุ (ในมหาทวีปทง้ั 4 ยังมีทวีปนอ้ ยๆ เปน็ บรวิ ารอกี 2000 ทวีป) คือ
– อตุ ตรกุรทุ วปี อย่ทู างทศิ เหนือ มีมหาสมุทร ชือ่ ปิตสาคร มีนำ้ สเี หลือง
– บุรพวิเทหทวีป อยู่ทางทิศตะวันออก มีมหาสมุทร ชื่อ ขีรสาคร เกษียรสมุทร น้ำสีขาว (มีตำนาน
กวนเกษยี รสมุทร)
– ชมพทู วปี อย่ทู างทิศใต้ มีมหาสมุทร ชอื่ นลิ สาคร มนี ำ้ สีเขยี ว
– อมรโคยานทวปี อยู่ทางทิศตะวนั ตก มมี หาสมทุ ร ช่อื ผลกิ สาคร มีน้ำใสสะอาดเหมือนแก้วผลกึ
ถดั จาก มหานทสี ีทันดร จะมีภูเขาเหล็กก้ันทะเลนี้ไว้รอบ เรียกว่า “ขอบจกั รวาล” พ้นไปนอกน้ันเป็นนอกขอบ
จักรวาล
ชมพูทวีป คือ โลกที่มนุษย์เราอาศัยอยู่ อยู่ตอนใต้เขาพระสุเมรุ รูปเหมือนเกวียน อายุขัยไม่แน่นอน
ขึ้นอยกู่ ับกรรมทท่ี ำไว้
บุพพวิเทหทวีป ต้ังอยู่ทางตะวันออกของเขาพระสุเมรุ มีรุกเหมือนพระจันทร์ เต็มดวง คนหน้ากลม
เหมอื นดวงจันทร์

52

อมรโคยานทวีป ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเขาพระสุเมรุ มีรูปเหมือนพระจันทร์ ครึ่งซีก เป็นแผ่นดิน
กว้าง 9000 โยชน์ ประกอบด้วยเกาะ และแม่น้ำใหญ่น้อย มีไม้กระทุ่มประจำทวีปน้ี คนหน้าเหมือนด่ังเดือน
แรม จมกู โดง่ คางแหลม

อุตรกุรุทวีป ต้ังอยู่ทางเหนือเขาพระสุเมรุ มีพื้นที่เป็นรูปสี่เหล่ียม เน้ือที่กว้าง 8,000 โยชน์
เปน็ ท่ีราบ มีต้นไม้นานาชนิด คนรูปรา่ งงาม ในแผ่นดินอตุ รกุรมุ ีต้นกัลปพฤกษต์ ้นหน่ึง ถ้าอยากได้อะไร ก็ไปนึก
เอาทต่ี น้ กลั ปพฤกษ์

เหนือเขาพระสุเมรุข้ึนไปน้ี มีไพชยนต์ปราสาทต้ังอยู่กลางสวรรค์ช้ันดาวดึงส์ มีนครแห่งเทพที่ช่ือนคร
ไตรตรึงษ์ มีพระอินทร์เทวราชเป็นผู้ปกครองทำหน้าท่ีเป็นเทวราชผู้อภิบาลโลก และพิทักษ์คุณธรรมให้แก่
มนุษย์ ตรงกลางไพชยนต์มหาปราสาท เป็นที่ประดิษฐานแท่นบัณฑุกัมพลอันเป็นทิพยอาสน์ ในยามที่โลกเกิด
ความเดือดร้อนวุ่นวาย ทิพยอาสน์น้ีจะแข็งด่ังศิลาเพ่ือบอกให้พระอินทร์ทราบและลงมาช่วยเหลือมนุษย์

กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันนำ (5 นาที)
สมุ่ ตัวแทนนักเรียนตอบคำถามทบทวนความรู้เกี่ยวกับเรื่องไตรภูมิพระร่วงท่ีได้ศึกษาในคาบก่อนหน้า
จากนน้ั ครเู ชอื่ มโยงเข้าสู่บทเรียน
ขั้นสอน ( 40 นาที )
1. ให้นักเรียนศึกษาแผนที่จักรวาลตามคติในไตรภูมิพระร่วง ผ่านเว็บไซต์บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
จากน้ันเปิดวีดิทัศน์เกี่ยวกับเร่ืองในดินแดนท้ัง 4 ตามคติความเช่ือในไตรภูมิพ ระร่วง
2. นักเรียนเข้ากลุ่ม กลุ่มละ 6-7 คน จากน้ันร่วมกันศึกษาเก่ียวกับจักรวาลในความเช่ือเรื่องไตรภูมิ
พระร่วงเพิ่มเติมจากหนังสือเรียนวรรณคดีวิจักษ์และจากอินเทอร์เน็ต สรุปความรู้ที่ได้รับจากนั้น
ตัวแทนนกั เรยี นนำเสนอขอ้ มูลสำคญั ของแผนที่จกั รวาลตามคติไตรภมู ิ และลกั ษณะของทวีป
ทง้ั 4 ทวปี พร้อมตอบคำถามตอ่ ไปนล้ี งในสมดุ ไดแ้ ก่
1) จงบอกตำแหน่งของทวปี ทมี่ นษุ ยอ์ าศัยอยู่ท่ี 4 ทวีปตามความเช่อื ในไตรภูมพิ ระร่วง
2) คนที่เกดิ ในชมพูทวีปมคี วามแตกตา่ งจากทวีปอื่นอยา่ งไร
3) สิ่งใดในกรุงเทพมหานครท่ีมคี วามเชื่อในเรื่องเกย่ี วกับสวรรค์
4) จงอธิบายความสขุ ของมนุษย์ทอ่ี าศยั อยใู่ นอตุ รกรุ ุทวีป
3. ตวั แทนนกั เรียนเฉลยคำถามแตล่ ะขอ้ ครูอธิบายเพิ่มเตมิ ในสว่ นทีน่ กั เรยี นมีข้อสงสัย
4. มอบหมายให้นักเรียนวาดภาพจักรวาลตามความเช่ือในไตรภูมิพระร่วงตามจินตนาการ
และเขียนคำอธบิ ายตามความเข้าใจเก่ียวกับจกั รวาลในคติไตรภูมิพระร่วง ศึกษาเพิ่มเติมจากบทเรียน
คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน

53

ขนั้ สรุป (5 นาที )
นกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ความรทู้ ่ไี ด้รับ เก่ียวกับเร่ืองไตรภูมพิ ระร่วง

สอื่ อุปกรณ์และแหล่งเรียนรู้
๕. แบบเรียนวรรณคดีวจิ ักษ์ เร่ือง ไตรภูมิพระร่วง
๖. เอกสารประกอบการเรยี น วิชาภาษาไทย
๗. ส่ือประกอบการนำเสนอ PowerPoint เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง
๘. เว็บไซต์บทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน เร่ือง ไตรภูมิพระรว่ ง
http://chudkaruk.wixsite.com/thailanguage

การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้

๒. วธิ วี ัดและเคร่อื งมือวัด

เป้าหมายการเรยี นรู้ วธิ ีการวัด เครื่องมอื วัด
1. คำถาม
สาระสำคัญ

ไตรภมู ิกถา หรอื ไตรภูมิ 1. ประเมินจากการตอบ
พระรว่ ง เปน็ วรรณกรรมชิ้นเอก คำถามในชน้ั เรยี น

สมัยกรงุ สุโขทัยนบั เปน็ วรรณคดี

เรื่องแรกของไทย

เป็นพระราชนิพนธใ์ นพระมหา

ธรรมราชาลไิ ทย เปน็ วรรณคดไี ทย

ที่มอี ิทธิพลต่อสงั คมไทย

ตง้ั แตส่ มัยกรุงสโุ ขทัย เพราะได้

รวบรวมเอาคติความเชื่อทุกแง่มมุ

ของทุกชนชน้ั หลายเผ่าพันธุ์มารอ้ ย

เรยี งเป็นเร่อื งราวให้ผู้อา่ นผู้ฟัง

ยำเกรงในการกระทำบาปทจุ รติ

และเกดิ ความปติ ยิ ินดีในการทำบุญ

ทำกุศล

54

เปา้ หมายการเรยี นรู้ วธิ กี ารวัด เคร่อื งมือวดั
ตวั ชว้ี ัด 1. ประเมินจากการ ๒. คำถาม
ท 5.1 ม. 4-6/1 วิเคราะห์และ ตอบคำถามลงสมุด
วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรม 1. แบบประเมนิ พฤติกรรม
ตามหลักการวิจารณ์เบ้ืองต้น 1. การสังเกต ในชนั้ เรียน
ท 5.1 ม. 4-6/2 วิเคราะห์
ลกั ษณะเด่นของวรรณคดีเชอ่ื มโยง
กับการเรยี นรู้ทางประวตั ิศาสตร์
และวถิ ชี ีวติ ของสังคมในอดตี
คุณลกั ษณะ
1.ใฝเ่ รยี นรู้
2.มุ่งมัน่ ในการทำงาน

2) เกณฑ์การวัด

2.1 แบบประเมนิ การตอบคำถามในชัน้ เรียน

แบบประเมินการตอบคำถามในชั้นเรยี น

ประเด็นการ ระดับคุณภาพ

ประเมิน ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1)
นักเรยี นต่ำกวา่
ความถูกตอ้ ง นักเรียนมากกวา่ นกั เรียนร้อยละ นักเรียนร้อยละ รอ้ ยละ 50 ของห้อง

ของคำตอบ ร้อยละ 80 70-79 ของห้อง 60-69 ของหอ้ ง สามารถ
ตอบคำถามได้
ของห้องสามารถ สามารถ สามารถ

ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้

2.1 การตอบคำถามลงสมุด

แบบประเมินการตอบคำถามลงสมดุ เรอื่ ง ไตรภูมิพระร่วง

ประเด็นการ ระดับคณุ ภาพ

ประเมนิ 5 4 3 2 1

ความถูกตอ้ งของ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้

การตอบคำถาม ถกู ต้อง 9-10 ข้อ ถูกต้อง 7-8 ข้อ ถกู ต้อง 5-6 ข้อ ถูกต้อง 3-4 ข้อ ถูกต้องนอ้ ยกว่า 3

ข้อ

55

ชว่ งคะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ 3 ตำ่ กวา่ 2
ระดบั คุณภาพ 54 พอใช้ ปรับปรุง

ดมี าก ดี

2.2 แบบประเมินพฤตกิ รรมในช้นั เรียน(วัดคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์)

ระดบั คะแนน มากที่สดุ = 5 คะแนน หมายถึง นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิไดม้ ากกว่า รอ้ ยละ 81

มาก = 4 คะแนน หมายถงึ นักเรียนสามารถปฏิบัตไิ ด้ รอ้ ยละ 71–80

ปานกลาง = 3 คะแนน หมายถึง นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั ิได้ ร้อยละ 61- 79

นอ้ ย = 2 คะแนน หมายถึง นักเรียนสามารถปฏบิ ัติได้ รอ้ ยละ 51 –60

น้อยที่สดุ = 1 คะแนน หมายถึง นักเรียนสามารถปฏบิ ัติได้นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 50

ขอ้ ท่ี หัวข้อการประเมิน เกณฑ์การประเมิน รวม
5 4321

1 มสี ่วนรว่ มในกิจกรรมการเรียน

2 มีความตั้งใจในการเรยี น

3 ให้ความรว่ มมือในการตอบคำถาม

4 มีความรบั ผิดชอบ

5 ความตรงต่อเวลา

รวม

ช่วงคะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ 13-27 0-12
ระดับคุณภาพ 20-25 18-24 พอใช้ ปรบั ปรงุ
ดีมาก ดี

๔) เกณฑ์การผา่ นการประเมนิ
3.1) เกณฑก์ ารผา่ นรายกลมุ่
3.1.1) การตอบคำถามในชน้ั เรียน นักเรียนได้คะแนนคุณภาพตัง้ แตร่ ะดับดีขึ้นไปถือว่าผา่ น
3.1.2) พฤติกรรมการเรยี นนกั เรียนในหอ้ งโดยรวมไดค้ ะแนนระดับดีขน้ึ ไปถือว่าผา่ น

56

แผนการจัดการเรยี นรู้ครงั้ ที่ 19

โรงเรยี นหอวงั ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2559 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย

รหัสวชิ า ท 33102 รายวชิ า ภาษาไทย ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 เวลา 1 คาบ

ช่ือหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี : วรรณกรรมนำข้อคิด พินิจคุณค่าหลากวัฒนธรรม เร่ือง ไตรภมู ิพระรว่ ง ตอนมนสุ สภูมิ

ผู้สอน นางสาวเมธาวี ทองคุ้ม


มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั

มาตรฐานท่ี 5.1
เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ ค่าและนำมา

ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตจรงิ

ตัวชีว้ ดั
ม. 4-6/1 วิเคราะหแ์ ละวิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวิจารณเ์ บื้องตน้
ม. 4-6/2 วเิ คราะหล์ ักษณะเด่นของวรรณคดีเชื่อมโยงกบั การเรียนรู้ทางประวัตศิ าสตรแ์ ละวิถชี วี ติ ของ

สงั คมในอดตี

สาระสำคัญ
ไตรภูมิกถา หรือไตรภูมิพระร่วง เป็นวรรณกรรมชิ้นเอกสมัยกรุงสุโขทัยนับเป็นวรรณคดีเร่ืองแรก

ของไทย เป็นพระราชนิพนธ์ในพระมหาธรรมราชาลิไทย เป็นวรรณคดีไทยท่ีมีอิทธิพลต่อสังคมไทย
ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยามาจนถึงปัจจุบัน เพราะได้รวบรวมเอาคติความเชื่อทุกแง่ทุกมุม
ของทุกชนช้ันหลายเผ่าพันธ์ุมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวให้ผู้อ่านผู้ฟังยำเกรงในการกระทำบาปทุจริต
และเกิดความปิติยินดีในการทำบญุ ทำกศุ ล อาจหาญมุ่งมนั่ ในการกระทำคณุ งามความดี

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ความรู้
1. นักเรียนสามารถอธิบายการกำเนดิ มนุษย์ตามความเชอ่ื ในเร่ืองไตรภมู ิพระร่วงได้
ทักษะ/กระบวนการ
1. นักเรียนสามารถวิเคราะห์ความเชือ่ เก่ียวกบั การกำเนดิ มนษุ ย์จากเรอื่ งไตรภมู ิพระร่วงได้
2. นักเรยี นสามารถตอบคำถามเก่ียวกบั เรื่องไตรภมู ิพระรว่ งได้
คุณลักษณะ
๕. ใฝ่เรียนรู้
๖. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน

57

จุดเน้นสู่การพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียน
ความสามารถและทักษะศตวรรษท่ี 21 (3R 8C 2L)
ทกั ษะการเรยี นรู้ 3R
 ทกั ษะด้านการอ่าน (Reading)
 ทกั ษะด้านการเขยี น (Writing)
 ทกั ษะดา้ นการคดิ คำนวณ (Rithmetics)
ทกั ษะการเรียนรู้ 8C
 ทักษะดานการคิดอยางมีวิจารณญาณและทักษะในการแกปญหา (Critical Thinking &
Problem Solving)
 ทักษะดานการสรางสรรค และนวตั กรรม (Creativity & Innovation)
 ทกั ษะดานความรวมมือ การทํางานเปนทีม และภาวะผูนํา (Collaboration, Teamwork & Leadership)
 ทักษะดานความเขาใจตางวัฒนธรรม ตางกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)
 ทักษะดานการสื่อสารสนเทศ และรูเทาทันสื่อ (Communication, Information & Media Literacy)
 ทั กษะดานคอมพิ วเตอร และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing & Media
Literacy)
 ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้ (Career & Learning Self-reliance)
 ทกั ษะการเปลยี่ นแปลง (Change)
 ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skills)
ทักษะดา้ นชีวติ และอาชีพ
 ความยดื หยุ่น และการปรบั ตวั
 การรเิ ร่มิ สร้างสรรค์ และเปน็ ตัวของตวั เอง
 ทกั ษะสงั คม และสงั คมข้ามวัฒนธรรม
 การเป็นผู้สรา้ ง หรือผูผ้ ลิต และความรับผิดชอบที่เชอ่ื ถือได้
 ภาวะผู้นำ และความรับผิดชอบ
คุณลกั ษณะสำหรบั ศตวรรษท่ี 21
 คุณลักษณะดา้ นการทำงาน (การปรับตวั ความเป็นผูน้ ำ)
 คณุ ลักษณะด้านการเรียนรู้ (การช้ีนำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรขู้ องตนเอง)
 คุณลกั ษณะดา้ นศีลธรรม (ความเคารพผูอ้ ่ืน ความซอ่ื สัตย์ ความสำนึกพลเมือง)

สาระการเรยี นรู้

แนวคิด

– การเกิดในท้องมารดาเปน็ ทกุ ขแ์ บบหนงึ่ ไมใ่ ช่เร่อื งนา่ ยินดีเลย

– กวีมคี วามรเู้ ร่อื งการกำเนดิ มนุษย์ตามแบบวทิ ยาศาสตร์

58

การใช้ภาษา
– มกี ารใช้คำเป็นจังหวะน่าฟงั
– มีการใช้คำสัมผสั คล้องจอง
– มีการใชโ้ วหารภาพพจน์ โดยเฉพาะอปุ มาโวหาร
การเกิดมนษุ ย์
เมื่อเร่ิมเกิดการปฏสิ นธิ เรยี กวา่ กลละ (ขนาด เศษ 1 สว่ น 256 ของเสน้ ผม)
7 วนั ต่อมา เรียกวา่ อมั พุทะ (น้ำล้างเน้อื )
14 วนั เรยี กวา่ เปสิ (ชิ้นเนอ้ื )
21 วันเรยี กว่า ฆนะ (กอ้ นเนอื้ , แท่งเนือ้ ขนาดเท่าไข่ไก่)
28 วันต่อมาทารกมีปมุ่ ข้นึ 5 ปุม่ เรยี กว่า เบญจสาขาหูด (มหี วั แขน 2 ขา 2) ครบ 1 เดอื น
35 วนั ตอ่ มา ทารกมฝี า่ มอื นิ้วมอื ลายนิว้ มอื
42 วันต่อมา มีขน เล็บมือ เลบ็ เทา้ (เป็นมนุษย์ครบสมบูรณ์)
50 วันตอ่ มา ทอ่ นลา่ งสมบรู ณ์
84 วันตอ่ มา ท่อนบนสมบรู ณ์
184 วันต่อมา เปน็ เด็กสมบรู ณ์ นั่งกลางท้องแม่ (6 เดือน)
การคลอดทารก
ถา้ ท้อง 6 เดอื นแลว้ คลอด ทารกจะไมร่ อด (บ่หอ่ นได้สกั คาบ)
ถา้ ทอ้ ง 7 เดือนแล้วคลอด ทารกจะไม่แขง็ แรง (บ่มไิ ดก้ ลา้ แขง็ )
ความเชอ่ื เรื่องการเกดิ
ถา้ มาจากสวรรค์ ทารกจะตัวเย็น เมอ่ื คลอดออกมาแล้วหัวเราะ
ถา้ มาจากนรก ทารกจะตัวรอ้ น เมอ่ื คลอดออกมาแล้วจะร้องไห้
ตอนเกดิ จะมีลมกรรมชวาต คอื ลมเกดิ แต่กรรม ดันให้เด็กคลอดออกมา
อุปมาโวหาร แสดงให้เหน็ ความทกุ ขข์ องการเกดิ
- เลอื ดแลนำ้ เหลอื งย้อยลงเตม็ ตนทุกเม่อื แล ดุจด่งั ลิงเมื่อฝนตก แลนั่งกำมือเซาเจ่าอยู่ในโพรงไมน้ น้ั แล
- ในทอ้ งแมร่ อ้ นนักหนา ดุจดังเราเอาใบตองเขา้ จ่อตน แลต้มในหม้อนั้นไซร้
- กมุ ารน้นั เจบ็ เน้ือเจบ็ ตน ดั่งคนอันทา่ นขังไวใ้ นไหอนั คับแคบหนักหนา
- กุมารอยู่ในท้องแม่นั้นให้เจ็บเพียงจะตายแล ดุจดั่งลูกทรายอันเพิ่งออกแล อยู่ธรห้อยผิบ่มิดุจด่ัง
คนอนั เมาเหลา้ ผบิ ม่ ดิ ุจดั่งลูกงูอนั หมองูเอาไปเลน่ นนั้ แล
- เมื่อถงึ จกั คลอด ดุจดงั่ ฝูงนรกอนั ยมบาลกุมตนี แลหยอ่ นหัวลงในขุมนรก อนั ลกึ ไดแ้ ลรอ้ ยวา

59

- เมื่อกุมารคลอดออกจากท้องแม่ ออกแลไปบ่มิพ้นตน ตนเย็น(แม่)น้ันแลเจ็บเนื้อเจ็บตนนักหนา
ดั่งชา้ งสารทา่ นชกั ท่านเข็นออกจากประตลู กั ษ(รูกญุ แจ)อันน้อยนัน้

- แลคับตัวออกยากลำบากนั้นแล ผิบ่มิดั่งน้นั ดั่งคนผูอ้ ยูใ่ นนรกแล แล ภเู ขาอนั ชอ่ื คังไคยบรรพตหีบ
(บีบ)แลเหง(ทับ) และบดบนี้ ั้นแล

กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้ันนำ (5 นาท)ี
ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า คิดว่าการเกิดเป็นมนุษย์น้ันยากหรือไม่ เม่ือเกิดมาแล้ว
ต้องทำอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าไม่เสียชาติเกิด และการเกิดเป็นมนุษย์เป็นความสุขหรือความทุกข์
จากน้นั เช่ือมโยงเขา้ สบู่ ทเรียน
ขน้ั สอน ( 40 นาที )
1. ให้นักเรียนศึกษาลำดับการเกิดจากวีดิทัศน์ เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ตอนกำเนิดมนุสสภูมิ พร้อมตอบคำถาม
ตอ่ ไปน้ีลงในสมดุ ได้แก่
1) ลำดับการกำเนดิ มนษุ ย์มีกีข่ ้นั ตอน อะไรบา้ ง
2) การคลอดบตุ รตอนอายคุ รรภ์ 6 เดือน และ 7 เดือน ทารกจะมลี กั ษณะอยา่ งไร
3) จงอธิบายความแตกตา่ งของทารกท่ีมาจากสวรรคแ์ ละนรกตามความเชื่อในไตรภมู ิพระร่วง
4) กาลทั้ง 3 มีอะไรบ้าง และอธิบายการจำกาลทั้ง 3 กาล ของคนธรรมดาและพระโพธิสัตย์
5) พระพุทธเจ้าเปรียบเทียบโอกาสการเกิดของมนุษย์ไวว้ า่ อยา่ งไร
2. ตวั แทนนักเรียนเฉลยคำถามแตล่ ะข้อ ครูอธิบายเพม่ิ เติมในส่วนทน่ี ักเรียนมขี ้อสงสัย
3. ให้ศึกษาเน้ือเรื่องไตรภูมิพระร่วง ตอน กำเนิดมนุสสภูมิจากหนังสือเรียนวรรณคดีวิจักษ์ประกอบ

มอบหมายให้นักเรียนกลับไปทบทวนบทเรียนโดยใชบ้ ทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนเรอ่ื งไตรภูมิพระรว่ ง
ข้ันสรุป (5 นาที )
นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปความรทู้ ี่ไดร้ บั เกย่ี วกับเรอ่ื งไตรภูมิพระร่วง ตอน กำเนดิ มนสุ สภูมิ

สอ่ื อุปกรณ์และแหลง่ เรียนรู้
๙. แบบเรยี นวรรณคดีวจิ กั ษ์ เรื่อง ไตรภมู พิ ระร่วง
๑๐.เอกสารประกอบการเรยี น วชิ าภาษาไทย
๑๑.สื่อประกอบการนำเสนอ PowerPoint เรื่อง ไตรภูมพิ ระร่วง
๑๒.เว็บไซตบ์ ทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน เร่อื ง ไตรภูมิพระรว่ ง
http://chudkaruk.wixsite.com/thailanguage

60

การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ วธิ ีการวดั เคร่อื งมือวัด
1. ประเมนิ จากการตอบ 1. คำถาม
๓. วธิ วี ดั และเครื่องมือวัด คำถามในชนั้ เรียน
เป้าหมายการเรียนรู้ ๓. คำถาม
1. ประเมนิ จากการ
สาระสำคัญ ตอบคำถามลงสมุด 1. แบบประเมินพฤตกิ รรม
ไตรภูมิกถา หรือไตรภมู ิ ในชัน้ เรยี น
1. การสังเกต
พระรว่ ง เป็นวรรณกรรมชิ้นเอก
สมัยกรุงสโุ ขทัยนับเปน็ วรรณคดี
เรื่องแรกของไทย
เปน็ พระราชนิพนธใ์ นพระมหา
ธรรมราชาลิไทย เป็นวรรณคดไี ทย
ที่มีอิทธิพลต่อสงั คมไทย
ตง้ั แต่สมัยกรุงสโุ ขทัย เพราะได้
รวบรวมเอาคตคิ วามเชอื่ ทุกแง่มมุ
ของทุกชนชัน้ หลายเผ่าพันธุม์ าร้อย
เรยี งเปน็ เรอ่ื งราวใหผ้ ู้อา่ นผ้ฟู ัง
ยำเกรงในการกระทำบาปทจุ รติ
และเกดิ ความปิติยินดีในการทำบุญ
ทำกศุ ล อาจหาญมุ่งมน่ั
ในการกระทำคณุ งามความดี
ตัวช้ีวัด
ท 5.1 ม. 4-6/1 วเิ คราะหแ์ ละ
วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรม
ตามหลักการวจิ ารณ์เบ้อื งต้น
ท 5.1 ม. 4-6/2 วิเคราะห์
ลกั ษณะเดน่ ของวรรณคดเี ช่ือมโยง
กับการเรียนรทู้ างประวตั ิศาสตร์
และวิถีชีวติ ของสงั คมในอดตี
คณุ ลกั ษณะ
1.ใฝเ่ รยี นรู้
2.ม่งุ ม่นั ในการทำงาน

61

2) เกณฑ์การวดั

2.1 แบบประเมินการตอบคำถามในชั้นเรียน

แบบประเมนิ การตอบคำถามในชนั้ เรยี น

ประเดน็ การ ระดบั คณุ ภาพ

ประเมิน ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1)
นักเรียนตำ่ กว่า
ความถกู ตอ้ ง นกั เรียนมากกว่า นักเรยี นร้อยละ นักเรียนรอ้ ยละ รอ้ ยละ 50 ของห้อง

ของคำตอบ ร้อยละ 80 70-79 ของห้อง 60-69 ของหอ้ ง สามารถ
ตอบคำถามได้
ของห้องสามารถ สามารถ สามารถ

ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้

2.1 การตอบคำถามลงสมุด

แบบประเมินการตอบคำถามลงสมดุ เรอื่ ง ไตรภูมิพระร่วง

ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ

ประเมิน 5 4 3 2 1

ความถกู ตอ้ งของ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้

การตอบคำถาม ถูกต้อง 9-10 ข้อ ถูกต้อง 7-8 ข้อ ถกู ต้อง 5-6 ข้อ ถกู ต้อง 3-4 ข้อ ถกู ต้องน้อยกว่า 3

ข้อ

ช่วงคะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ 3 ต่ำกวา่ 2
ระดบั คุณภาพ 54 พอใช้ ปรับปรุง

ดมี าก ดี

2.2 แบบประเมินพฤติกรรมในชน้ั เรยี น(วัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์)

ระดบั คะแนน มากท่สี ดุ = 5 คะแนน หมายถงึ นักเรยี นสามารถปฏิบตั ไิ ดม้ ากกว่า รอ้ ยละ 81
มาก = 4 คะแนน หมายถงึ นกั เรียนสามารถปฏบิ ัตไิ ด้ ร้อยละ 71–80
ปานกลาง = 3 คะแนน หมายถงึ นักเรยี นสามารถปฏบิ ัติได้ รอ้ ยละ 61- 79
น้อย = 2 คะแนน หมายถึง นกั เรยี นสามารถปฏบิ ัติได้ รอ้ ยละ 51 –60
นอ้ ยทสี่ ดุ = 1 คะแนน หมายถึง นกั เรยี นสามารถปฏบิ ัตไิ ดน้ อ้ ยกว่า ร้อยละ 50

62

ขอ้ ที่ หัวข้อการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ รวม
5 4321
1 มสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมการเรียน
2 มคี วามตั้งใจในการเรยี น
3 ให้ความรว่ มมือในการตอบคำถาม
4 มคี วามรบั ผดิ ชอบ
5 ความตรงต่อเวลา

รวม

ช่วงคะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ 13-27 0-12
ระดับคณุ ภาพ 20-25 18-24 พอใช้ ปรบั ปรงุ
ดมี าก ดี

๕) เกณฑก์ ารผา่ นการประเมิน
3.1) เกณฑก์ ารผ่านรายกลุ่ม
3.1.1) การตอบคำถามในชน้ั เรยี น นักเรียนได้คะแนนคุณภาพตั้งแต่ระดับดขี น้ึ ไปถือวา่ ผ่าน
3.1.2) พฤติกรรมการเรียนนกั เรียนในห้องโดยรวมไดค้ ะแนนระดบั ดีขึน้ ไปถือว่าผา่ น

63

แผนการจดั การเรยี นรคู้ รง้ั ท่ี 20

โรงเรียนหอวงั ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2559 กลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย

รหัสวชิ า ท 33102 รายวชิ า ภาษาไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 เวลา 1 คาบ

ชื่อหน่วยการเรียนรทู้ ่ี : วรรณกรรมนำขอ้ คดิ พนิ ิจคุณค่าหลากวัฒนธรรม เร่อื ง ไตรภูมพิ ระรว่ ง ตอนมนุสสภมู ิ 2

ผู้สอน นางสาวเมธาวี ทองคุ้ม


มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด

มาตรฐานท่ี 5.1
เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ คา่ และนำมา

ประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง

ตวั ช้ีวัด
ม. 4-6/1 วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมตามหลกั การวิจารณ์เบื้องต้น
ม. 4-6/2 วเิ คราะหล์ ักษณะเด่นของวรรณคดีเชือ่ มโยงกับการเรียนร้ทู างประวัตศิ าสตร์และวิถีชีวิตของ

สังคมในอดีต

สาระสำคญั
ไตรภูมิกถา หรือไตรภูมิพระร่วง เป็นวรรณกรรมช้ินเอกสมัยกรุงสุโขทัยนับเป็นวรรณคดีเร่ืองแรก

ของไทย เป็นพระราชนิพนธ์ในพระมหาธรรมราชาลิไทย เป็นวรรณคดีไทยท่ีมีอิทธิพลต่อสังคมไทย
ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยามาจนถึงปัจจุบัน เพราะได้รวบรวมเอาคติความเช่ือทุกแง่ทุกมุม
ของทุกชนชั้นหลายเผ่าพันธ์ุมาร้อยเรียงเป็นเร่ืองราวให้ผู้อ่านผู้ฟังยำเกรงในการกระทำบาปทุจริต
และเกิดความปติ ยิ ินดีในการทำบญุ ทำกศุ ล อาจหาญมุง่ ม่ันในการกระทำคณุ งามความดี

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ความรู้
1. นักเรียนสามารถอธิบายการกำเนดิ มนุษย์ตามความเชือ่ ในเร่ืองไตรภมู ิพระรว่ งได้
ทักษะ/กระบวนการ
1. นกั เรยี นสามารถวิเคราะหค์ วามเชอื่ เกีย่ วกบั การกำเนิดมนุษย์จากเรอ่ื งไตรภมู ิพระร่วงได้
2. นักเรียนสามารถตอบคำถามเกี่ยวกบั เรื่องไตรภูมิพระรว่ งได้
คุณลกั ษณะ
๗. ใฝ่เรียนรู้
๘. มุ่งมัน่ ในการทำงาน

64

จุดเน้นสู่การพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียน
ความสามารถและทักษะศตวรรษท่ี 21 (3R 8C 2L)
ทกั ษะการเรยี นรู้ 3R
 ทกั ษะด้านการอ่าน (Reading)
 ทกั ษะด้านการเขยี น (Writing)
 ทกั ษะดา้ นการคดิ คำนวณ (Rithmetics)
ทกั ษะการเรียนรู้ 8C
 ทักษะดานการคิดอยางมีวิจารณญาณและทักษะในการแกปญหา (Critical Thinking &
Problem Solving)
 ทักษะดานการสรางสรรค และนวตั กรรม (Creativity & Innovation)
 ทกั ษะดานความรวมมือ การทํางานเปนทีม และภาวะผูนํา (Collaboration, Teamwork & Leadership)
 ทักษะดานความเขาใจตางวัฒนธรรม ตางกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)
 ทักษะดานการสื่อสารสนเทศ และรูเทาทันสื่อ (Communication, Information & Media Literacy)
 ทั กษะดานคอมพิ วเตอร และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing & Media
Literacy)
 ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้ (Career & Learning Self-reliance)
 ทกั ษะการเปลยี่ นแปลง (Change)
 ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skills)
ทักษะดา้ นชีวติ และอาชีพ
 ความยดื หยุ่น และการปรบั ตวั
 การรเิ ร่มิ สร้างสรรค์ และเปน็ ตัวของตวั เอง
 ทกั ษะสงั คม และสงั คมข้ามวัฒนธรรม
 การเป็นผู้สรา้ ง หรือผูผ้ ลิต และความรับผิดชอบที่เชอ่ื ถือได้
 ภาวะผู้นำ และความรับผิดชอบ
คุณลกั ษณะสำหรบั ศตวรรษท่ี 21
 คุณลักษณะดา้ นการทำงาน (การปรับตวั ความเป็นผูน้ ำ)
 คณุ ลักษณะด้านการเรียนรู้ (การช้ีนำตนเอง การตรวจสอบการเรียนรขู้ องตนเอง)
 คุณลกั ษณะดา้ นศีลธรรม (ความเคารพผูอ้ ่ืน ความซอ่ื สัตย์ ความสำนึกพลเมือง)

สาระการเรยี นรู้

แนวคิด

– การเกิดในท้องมารดาเปน็ ทกุ ขแ์ บบหนงึ่ ไมใ่ ช่เร่อื งนา่ ยินดีเลย

– กวีมคี วามรเู้ ร่อื งการกำเนดิ มนุษย์ตามแบบวทิ ยาศาสตร์

65

การใช้ภาษา
– มกี ารใช้คำเป็นจังหวะน่าฟงั
– มีการใช้คำสัมผสั คล้องจอง
– มีการใชโ้ วหารภาพพจน์ โดยเฉพาะอปุ มาโวหาร
การเกิดมนษุ ย์
เมื่อเร่ิมเกิดการปฏสิ นธิ เรยี กวา่ กลละ (ขนาด เศษ 1 สว่ น 256 ของเสน้ ผม)
7 วนั ต่อมา เรียกวา่ อมั พุทะ (น้ำล้างเน้อื )
14 วนั เรยี กวา่ เปสิ (ชิ้นเนอ้ื )
21 วันเรยี กว่า ฆนะ (กอ้ นเนอื้ , แท่งเนือ้ ขนาดเท่าไข่ไก่)
28 วันต่อมาทารกมีปมุ่ ข้นึ 5 ปุม่ เรยี กว่า เบญจสาขาหูด (มหี วั แขน 2 ขา 2) ครบ 1 เดอื น
35 วนั ตอ่ มา ทารกมฝี า่ มอื นิ้วมอื ลายนิว้ มอื
42 วันต่อมา มีขน เล็บมือ เลบ็ เทา้ (เป็นมนุษย์ครบสมบูรณ์)
50 วันตอ่ มา ทอ่ นลา่ งสมบรู ณ์
84 วันตอ่ มา ท่อนบนสมบรู ณ์
184 วันต่อมา เปน็ เด็กสมบรู ณ์ นั่งกลางท้องแม่ (6 เดือน)
การคลอดทารก
ถา้ ท้อง 6 เดอื นแลว้ คลอด ทารกจะไมร่ อด (บ่หอ่ นได้สกั คาบ)
ถา้ ทอ้ ง 7 เดือนแล้วคลอด ทารกจะไม่แขง็ แรง (บ่มไิ ดก้ ลา้ แขง็ )
ความเชอ่ื เรื่องการเกดิ
ถา้ มาจากสวรรค์ ทารกจะตัวเย็น เมอ่ื คลอดออกมาแล้วหัวเราะ
ถา้ มาจากนรก ทารกจะตัวรอ้ น เมอ่ื คลอดออกมาแล้วจะร้องไห้
ตอนเกดิ จะมีลมกรรมชวาต คอื ลมเกดิ แต่กรรม ดันให้เด็กคลอดออกมา
อุปมาโวหาร แสดงให้เหน็ ความทกุ ขข์ องการเกดิ
- เลอื ดแลนำ้ เหลอื งย้อยลงเตม็ ตนทุกเม่อื แล ดุจด่งั ลิงเมื่อฝนตก แลนั่งกำมือเซาเจ่าอยู่ในโพรงไมน้ น้ั แล
- ในทอ้ งแมร่ อ้ นนักหนา ดุจดังเราเอาใบตองเขา้ จ่อตน แลต้มในหม้อนั้นไซร้
- กมุ ารน้นั เจบ็ เน้ือเจบ็ ตน ดั่งคนอันทา่ นขังไวใ้ นไหอนั คับแคบหนักหนา
- กุมารอยู่ในท้องแม่นั้นให้เจ็บเพียงจะตายแล ดุจดั่งลูกทรายอันเพิ่งออกแล อยู่ธรห้อยผิบ่มิดุจด่ัง
คนอนั เมาเหลา้ ผบิ ม่ ดิ ุจดั่งลูกงูอนั หมองูเอาไปเลน่ นนั้ แล
- เมื่อถงึ จกั คลอด ดุจดงั่ ฝูงนรกอนั ยมบาลกุมตนี แลหยอ่ นหัวลงในขุมนรก อนั ลกึ ไดแ้ ลรอ้ ยวา

66

- เมื่อกุมารคลอดออกจากท้องแม่ ออกแลไปบ่มิพ้นตน ตนเย็น(แม่)น้ันแลเจ็บเน้ือเจ็บตนนักหนา
ด่งั ชา้ งสารทา่ นชักทา่ นเข็นออกจากประตูลกั ษ(รกู ุญแจ)อันน้อยนนั้

- แลคบั ตวั ออกยากลำบากนั้นแล ผิบ่มดิ งั่ นั้น ดงั่ คนผู้อย่ใู นนรกแล แล ภเู ขาอันช่อื คงั ไคยบรรพตหีบ
(บบี )แลเหง(ทบั ) และบดบ้ีนั้นแล
กิจกรรมการเรียนรู้

ขัน้ นำ (5 นาท)ี
ให้ นั ก เรี ย น ร่ ว ม กั น ท บ ท ว น เนื้ อ ห า เ ก่ี ย ว กั บ ไต ร ภู มิ พ ร ะ ร่ ว ง ท่ี ได้ ศึ ก ษ า ไป ใน ค า บ ก่ อ น ห น้ า
จากนัน้ ครูยกตัวอยา่ งการใชภ้ าษาทปี่ รากฏในเรอ่ื งไตรภมู ิพระร่วงและเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรยี น
ขัน้ สอน ( 40 นาที )
1. ให้นักเรียนเข้ากลุ่ม ร่วมกันศึกษาการใช้ภาษาท่ีปรากฏในไตรภูมิพระร่วง ตอน มนุสสภูมิ
จากนั้นเขียนอธบิ ายลักษณะที่พบลงในสมุด
2. ตัวแทนนักเรียนนำเสนอลักษณะการใช้ภาษาที่พบ อธิบายความหมายและการเปรียบเทียบ
3. ให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ว่าเพราะเหตุใดกวีถึงใช้ภาษาในการเขียนที่เปรียบเทียบการเกิด
ของทารกกับส่งิ ท่ีไมด่ ี เพราะเหตใุ ดการเกิดจึงเปน็ ความทุกข์อย่างหนึ่งในทัศนะของกวี
มอบหมายใหน้ ักเรยี นศึกษาเพิ่มเติมจากบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนและตอบแบบทดสอบหลังเรียน
ออนไลน์
ข้ันสรปุ (5 นาที )
นกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความร้ทู ่ีได้รับ เกี่ยวกับเรื่องไตรภมู พิ ระรว่ ง ตอน มนุสสภูมิ

สือ่ อุปกรณ์และแหลง่ เรยี นรู้
๑๓.แบบเรยี นวรรณคดวี จิ ักษ์ เร่ือง ไตรภูมพิ ระร่วง
๑๔.เอกสารประกอบการเรียน วิชาภาษาไทย
๑๕.ส่ือประกอบการนำเสนอ PowerPoint เรือ่ ง ไตรภูมพิ ระร่วง
๑๖.เวบ็ ไซต์บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน เรือ่ ง ไตรภมู พิ ระรว่ ง
http://chudkaruk.wixsite.com/thailanguage

67

การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ วธิ กี ารวัด เคร่อื งมือวัด
1. ประเมนิ จากการตอบ 1. คำถาม
๔. วธิ วี ดั และเครือ่ งมือวัด คำถามในชน้ั เรียน
เป้าหมายการเรยี นรู้ ๔. คำถาม
1. ประเมนิ จากการ
สาระสำคญั ตอบคำถามหน้าชน้ั เรยี น 1. แบบประเมินพฤตกิ รรม
ไตรภมู กิ ถา หรือไตรภมู ิ ในชั้นเรียน
1. การสงั เกต
พระร่วง เป็นวรรณกรรมชน้ิ เอก
สมยั กรงุ สุโขทยั นบั เป็นวรรณคดี
เรื่องแรกของไทย
เป็นพระราชนิพนธใ์ นพระมหา
ธรรมราชาลิไทย เป็นวรรณคดีไทย
ทม่ี ีอิทธพิ ลต่อสังคมไทย
ตั้งแตส่ มยั กรงุ สุโขทยั เพราะได้
รวบรวมเอาคติความเชื่อทุกแงม่ มุ
ของทุกชนช้นั หลายเผา่ พันธุ์มารอ้ ย
เรียงเปน็ เรอ่ื งราวให้ผู้อ่านผ้ฟู ัง
ยำเกรงในการกระทำบาปทุจริต
และเกิดความปติ ิยินดีในการทำบญุ
ทำกศุ ล อาจหาญมุ่งมัน่
ในการกระทำคุณงามความดี
ตัวชว้ี ัด
ท 5.1 ม. 4-6/1 วเิ คราะห์และ
วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม
ตามหลักการวิจารณ์เบื้องตน้
ท 5.1 ม. 4-6/2 วเิ คราะห์
ลกั ษณะเดน่ ของวรรณคดเี ช่ือมโยง
กับการเรียนรูท้ างประวตั ิศาสตร์
และวถิ ีชีวติ ของสงั คมในอดีต
คุณลกั ษณะ
1.ใฝเ่ รยี นรู้
2.มุง่ มน่ั ในการทำงาน

68

2) เกณฑ์การวัด

2.1 แบบประเมนิ การตอบคำถามในชนั้ เรยี น

แบบประเมนิ การตอบคำถามในชั้นเรยี น

ประเด็นการ ระดบั คุณภาพ

ประเมิน ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
นกั เรียนตำ่ กว่า
ความถกู ต้อง นกั เรยี นมากกว่า นักเรียนรอ้ ยละ นักเรียนร้อยละ รอ้ ยละ 50 ของห้อง

ของคำตอบ รอ้ ยละ 80 70-79 ของห้อง 60-69 ของหอ้ ง สามารถ
ตอบคำถามได้
ของห้องสามารถ สามารถ สามารถ

ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามได้

2.2 การนำเสนอหนา้ ชั้นเรียน

แบบประเมินการนำเสนอหน้าชั้นเรียนตามหวั ข้อทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย

ประเดน็ การประเมนิ ระดบั คุณภาพ

432 1
นกั เรียนสามารถ
ประเมนิ การนำเสนอ นกั เรียนสามารถ นักเรยี นสามารถ นักเรียนสามารถ นำเสนอได้
ตามเกณฑ์
หน้าชน้ั เรียน นำเสนอได้ นำเสนอได้ นำเสนอได้ น้อยกว่า 2 ประเดน็

ดว้ ยประเดน็ ต่อไปน้ี ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์

1. ความถกู ต้องของ ทั้ง 4 ประเดน็ 3 ประเดน็ 2 ประเด็น

เนอ้ื หา

2. เทคนคิ หรอื ส่ือ

ในการนำเสนอ

3. น้ำเสียง

ในการนำเสนอ

4. บคุ ลิกภาพ

ของผู้นำเสนอ

ช่วงคะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ 1
ระดับคุณภาพ 4 32 ปรับปรงุ
ดมี าก ดี พอใช้

69

2.2 แบบประเมนิ พฤตกิ รรมในชั้นเรยี น(วดั คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค)์

ระดบั คะแนน มากที่สดุ = 5 คะแนน หมายถึง นกั เรียนสามารถปฏบิ ัตไิ ด้มากกว่า ร้อยละ 81
มาก = 4 คะแนน
ปานกลาง = 3 คะแนน หมายถงึ นักเรียนสามารถปฏบิ ตั ิได้ ร้อยละ 71–80
นอ้ ย = 2 คะแนน
นอ้ ยทีส่ ดุ = 1 คะแนน หมายถงึ นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั ิได้ ร้อยละ 61- 79

หมายถงึ นักเรยี นสามารถปฏบิ ัตไิ ด้ ร้อยละ 51 –60

หมายถงึ นกั เรียนสามารถปฏิบตั ไิ ดน้ อ้ ยกว่า รอ้ ยละ 50

ข้อที่ หัวข้อการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน รวม
5 4321

1 มีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมการเรยี น
2 มีความต้งั ใจในการเรียน
3 ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม
4 มคี วามรบั ผิดชอบ
5 ความตรงต่อเวลา

รวม

ชว่ งคะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ 13-27 0-12
ระดบั คุณภาพ 20-25 18-24 พอใช้ ปรบั ปรงุ
ดีมาก ดี

๖) เกณฑก์ ารผา่ นการประเมิน
3.1) เกณฑก์ ารผ่านรายกลมุ่
3.1.1) การตอบคำถามในชน้ั เรียน นักเรียนได้คะแนนคุณภาพตั้งแต่ระดับดขี ึ้นไปถือว่าผา่ น
3.1.2) พฤติกรรมการเรยี นนักเรยี นในหอ้ งโดยรวมไดค้ ะแนนระดับดีขึ้นไปถือวา่ ผา่ น

70

ภาคผนวก ข
การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
- ผลการเกบ็ คะแนนผลสัมฤทธิ์ วิชาภาษาไทย เรื่อง ไตรภมู ิพระรว่ ง
ของนักเรยี นกลมุ่ ทดลองและกลุ่มควบคมุ

71

คะแนนผลสัมฤทธิ์ วิชาภาษาไทย เรือ่ งไตรภูมพิ ระร่วง
ของนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6/16 (กลมุ่ ควบคมุ )

ลำดบั ท่ี ชอ่ื -นามสกลุ คะแนนผลสัมฤทธิ์
1 12
2 นายคมสนั ต์ เพ็ญจนั ทร์ 11
3 9
4 นายกรีวชั ร์ หอมอ่อน 13
5 10
6 นายธิติ อังกูรเมธาวี 9
7 13
8 นายนพดล ไกรไทยศรี 12
9 14
10 นายวรรษพล อิศรางกูร ณ อยุธยา 9
11 10
12 นายเทยี นศลิ ป์ สนุ ทรจามร 14
13 8
14 นายภู นสิ สยั พนั ธ์ุ 13
15 10
16 นายภมู อิ นนั ต์ อร่ามคำ 14
17 11
18 นายวสันต์ วิชายา 11
19 12
20 นายใหม่ พรหมคง 10
21 12
22 น.ส.ทชิ า วงศ์พิมลพร 10
23 13
24 น.ส.ธนพร ผึ่งผาย 14
25 12
26 น.ส.นวลจันทร์ บุญเจรญิ 12

น.ส.พชั รนันท์ เมธธี รรมาภรณ์

น.ส.พิมพพ์ รรณ เศวตจนิ ดา

น.ส.ภสั วรินทร์ สุรีย์รตั นากร

น.ส.ภคั จิรา แก้วตาทิพย์

น.ส.ณรญั ญา ประยงค์

น.ส.ทศนวรรณ กนั ตโสภณานนท์

น.ส.ดารารัตน์ เครื่องดี

น.ส.จณิสตา รตั นอาภา

น.ส.จอมภคั บุญมาศ

น.ส.ลำธารทอง ทงั สุพานชิ

น.ส.ปวีณา ริ้วทอง

น.ส.เมลิสา อมรรตั นะสุชาติ

น.ส.กมลนัทธ์ พจนอารี

72

ลำดบั ที่ ชือ่ -นามสกลุ คะแนนผลสัมฤทธิ์
12
27 น.ส.ญาณนิ ท์ มหามนตรี 15
11
28 น.ส. ณิชากานต์ มว่ งสนิท 12
14
29 น.ส.พชั ราภรณ์ เอ่ียมพลอยศรี 12
14
30 น.ส.พิชามญช์ุ ภุมรนิ ทร์ 12
13
31 น.ส.ฐติ ิยา รับรอง 13
13
32 น.ส.เตชนิ ี นริ มิตร 15
8
33 น.ส.ทัตชญา สืบสุข 13
14
34 น.ส.พิชชญารัสมิ์ บุษยาวชิ ย์ 15
8
35 น.ส.อญั ญานษิ ฐ์ ศรภี ูมิชัย 15
15
36 น.ส.ชมบงกช วฒั นาต้งั ตระกลู 12
10
37 น.ส.พชิ ญา อตุ ะเดช 12

38 น.ส.ภิญญดา เอ่ียมดีงามเลศิ

39 น.ส.อติกานต์ อรุณโชติ

40 น.ส.จุฑาทติ ต้งั ตรงจิตร

41 น.ส.ปญุ ชรสั มิ์ ควรสมบูรณ์

42 น.ส.ชนสิ รา ดาวเจรญิ

43 น.ส.เยอื่ ไม้ อุปถมั ภกานนท์

44 น.ส.ศตพร แสงอนนั ต์

45 น.ส.สภุ างค์วณี ตนั ธนกลุ

46 น.ส.สมุ นสั สา ศิวะถาวรชยั

47 น.ส.เสาวลักษณ์ หนศู รใี ส

48 น.ส.อมติ ตา โพนอินทร์

73

คะแนนผลสัมฤทธ์ิ วิชาภาษาไทย เรื่องไตรภูมพิ ระร่วง
ของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6/6 (กลุ่มทดลอง)

ลำดบั ที่ ช่ือ-นามสกลุ คะแนนผลสัมฤทธิ์
1 14
2 นายธนกฤต เชาวลติ 15
3 15
4 นายธานี จรัสตระกลู 15
5 14
6 นายพงศกร เล็งกลาง 14
7 15
8 นายพลภทั ร ฤทธ์ฤิ าชัย 13
9 15
10 นายวรากร เซยี วประยรู 12
11 14
12 นายโชติภาคย์ วสุมงคล 15
13 12
14 นายทยตุ ธร โพธเิ์ ทีย้ ม 14
15 14
16 นายวงศกร บตุ รศรีคุ้ย 13
17 12
18 นายอิสระ แยม้ นวล 14
19 13
20 นายกติ ตภิ พ ตยู ปาละ 14
21 12
22 นายชยั ธชั ปอ้ มปักษา 14
23 14
24 นายกิตติเดช คลอ่ งแคล่ว 14
25 14
26 นายฐานัส ศริ ิยานนท์ 13

นายธนภทั ร วบิ ลู โกศล

นายพัฒนพล มหทั ธนาลยั

นายศิวาวฒั น์ ศรีสุข

นายศภุ ณฐั บญุ บรรดารสุข

นายนันทวัฒน์ วฒั นธรี ธันย์

นายธนกฤต โพธ์พิ ันธุ์

นายวรปรชั ญ์ จารุวงั นิโลบล

น.ส.ณชั ชา เลศิ วัฒนกิจกุล

น.ส.ภทั ราพร อินทรโชติ

น.ส.จริ ภทั ร์ การะกจิ

น.ส.ณฐั ญาดา จันทวงศ์

น.ส.ณฐั รจุ า เกษมสินธ์

น.ส.วรางคร์ ัตน์ ราชู

74

ลำดับท่ี ชื่อ-นามสกลุ คะแนนผลสัมฤทธิ์
13
27 น.ส.ญาณิศา อาจเลิศ 15
14
28 น.ส.พรนัชชา เพ็ชรรัตน์ 12
13
29 น.ส.พิงค์อร วเิ ชียรสถาพร 14
14
30 น.ส.อภิญญา ภเู พชร 13
14
31 น.ส.รวสิ รา ชนมนสั 13
15
32 น.ส.ปาณิสรา ปุญญศรี 15
15
33 น.ส.กชกร ชมุ วรฐายี 14

34 น.ส.ปพชิ ญา ข่ายทอง

35 น.ส.จฬุ ามณีลกั ษณ์ เชอื้ หอม

36 น.ส.ณฐั ลดา อิทธวิ ิริยกุล

37 น.ส.นลนิ ทพิ ย์ ทรัพย์สมบัติ

38 น.ส.มาลวี ัลย์ เขยี วสมบูรณ์

39 น.ส.ศศริ ัศม์ิ หาญวัฒนาศิริ

40 น.ส.สุปวีณ์ เรืองความดี

75

ภาคผนวก ค
การวิเคราะหข์ อ้ มูลโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอร์
- การวิเคราะห์เปรยี บเทยี บคะแนนแบบทดสอบหลังเรยี น เรอื่ งไตรภูมิพระร่วง
แบ่งตามห้องกลุม่ ทดลองและควบคมุ โดยใช้การทดสอบ T-Test independent

76

Printout แสดงผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ด้วยโปรแกรม SPSS
กำหนดความหมายของอกั ษรยอ่ ดังต่อไปนี้

score หมายถึง คะแนนแบบทดสอบหลงั เรียน เร่อื ง ไตรภูมิพระร่วง
Group1 6/6 หมายถึง นักเรียนกลมุ่ ทดลองที่ได้ใช้บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน
Group2 6/16 หมายถึง นักเรยี นกลุ่มควบคมุ ท่ไี ม่ไดใ้ ช้บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน

1) การวิเคราะห์ขอ้ มลู ทางสถติ สิ ำหรับวตั ถปุ ระสงค์ข้อที่ 1
Printout 1 ผลการวิเคราะห์คะแนนหลงั เรยี น เร่ือง ไตรภูมพิ ระรว่ ง

Group Statistics

Group N Mean Std. Deviation Std. Error Mean
Score Group1 6/6
40 13.80 .966 .153
Group2 6/16
48 12.00 1.979 .286

Independent Samples Test

Levene's Test t-test for Equality of Means

for Equality of

Variances

F Sig. t df Sig. (2- Mean Std. 95%
tailed) Differenc Error Confidence
Differenc Interval of the
e Difference
e Lower Upper

Score Equal 13.527 .000 5.252 86 .000 1.800 .343 1.119 2.481

variances

assumed

Equal 5.558 70.760 .000 1.800 .324 1.154 2.446

variances

not

assumed

77


Click to View FlipBook Version