เร่อื งเลาชาวชมุ ชน
© ลขิ สทิ ธขิ์ องโครงการทองถิ่นศกึ ษาสวู รรณกรรมสรางสรรคออนไลน
เรอื่ งเลาชาวชุมชน: การพฒั นาทักษะการเขยี นเชิงสรางสรรคเพอื่ สงเสรมิ
พื้นที่ทางวัฒนธรรม กรณศี ึกษาตลาดทาวุง อาํ เภอทาวงุ จังหวดั ลพบุรี
สงวนลขิ สิทธิ์ตามพระราชบญั ญตั ลิ ขิ สทิ ธิ์ พ.ศ.2537 และพ.ศ.2558
พิมพคร้งั ที่ 1 พฤศจกิ ายน 2565
พิมพที่ บางกอกปรนิ้ ท 2/15 หมทู ่ี 8 ถนนป?ูเจาสมิงพราย
ตาํ บลสําโรงใต อําเภอพระประแดง จงั หวัดสมุทรปราการ 10130
สนบั สนุนโดย กตัญBเู ดม่ี เทศบาลตําบลทาวงุ และโรงเรยี นสาธติ แหงมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร
จดั พิมพโดย กตัญBเู ดมี่ และโรงเรยี นสาธิตแหงมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร
ที่ปรกึ ษา
ผศ.ดร.เกยี รติศักด์ิ แสงอรุณ
บรรณาธิการ รองผอู าํ นวยการฝ?ายวชิ าการและทะเบียน
โรงเรยี นสาธิตแหงมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร
อธชิ นนั สงิ หตระกลู
งานเขียนในหนงั สือน้ี ลขิ สทิ ธ์เิ ปนE ของผเู ขยี น
ความคดิ เห็นใด ๆ ทป่ี รากฏเปEนความคดิ เหน็ สวนตัว
และอยูในความรบั ผิดชอบของผเู ขยี นแตเพยี งผูเดียว
2
คํานาํ
พ้ืนที่ทางวัฒนธรรม หมายถึง “พื้นท่ีที่เปEนไดท้ังรูปธรรมและนามธรรม ที่เก่ียวของกับการใชกิจกรรม การให
ความหมายในรูปแบบของวิถีชวี ิต ประเพณีตาง ๆ ความเช่อื การตอรอง และอํานาจทางสังคม ทัง้ ท่ีเปนE พื้นที่ทแ่ี สดงถึง
ความสําคัญในอดีต หรือแสดงถึงความทันสมัย มีการเช่ือมโยงใหเห็นมิติความสัมพันธท่ีเกิดขึ้นทั้งในบริบทของ
ประวัติศาสตรชุมชน วิถีชีวิต วัฒนธรรม” เมธี พิริยการนนท และนพดล ต้ังสกุล1 ปKจจุบันความเปEนชุมชนหรือทองถ่ิน
เร่ิมถูกการกลืนทางวัฒนธรรมตามกาลสมัย ทําใหบางพ้ืนที่ท่ีมีเอกลักษณ คุณคา และความสําคัญสืบมานานนั้นถูก
ละเลย หรือถูกกลืนหายไปจากความรับรู เห็นไดจากการเปล่ียนแปลงเชิงโครงสรางของพ้ืนที่ การขาดผูถายทอดและ
ผูรบั ทอดเรื่องราวของพ้นื ที่ทางวัฒนธรรมในทองถนิ่ ตาง ๆ
ตลาดทาวุง ตําบลทาวุง อําเภอทาวุง จังหวัดลพบุรี เปEนหน่ึงในพ้ืนท่ีทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ คุณคา และ
ความสําคัญสืบมาตั้งแตอดีต หลายเร่ืองราวอาจไมเปEนท่ีรับรูในปKจจุบันเพราะขาดการถายทอดและบันทึกขอมูล เชน
ตัวตนท่ีหายไปของเทพเจาโหงวโจวเซียนซือแหงศาลเจาพอคงคา ปMงเถากง ตลาดทาวุง หรือบางเรื่องราวอาจเกิดการ
เลือนหายในระยะเวลาอันใกลเน่ืองจากขาดผูสืบทอดและขาดการใหความสําคัญ เชน ขนมปNOง ขนมถวยฟูนํ้าตาลสด
ขนมกวน และอาหารทองถ่ินทาวุงอ่ืน ๆ การจัดกิจกรรมเพื่อใหสรางแรงกระตุนใหเห็นคุณคาความสําคัญของทองถิ่น
ชุมชน ผานเร่ืองเลาที่ถายทอดจากชาวชมุ ชนแตละถิ่นอาจเปEนประโยชนตอการธํารงรกั ษาวฒั นธรรมในทองถิ่น และคง
สภาพความเปนE พืน้ ทที่ างวัฒนธรรมไวได
การพัฒนาทักษะการเขยี นเชิงสรางสรรคแกนักเรียน นกั ศึกษาท่ีอยใู นพื้นทท่ี างวัฒนธรรมตาง ๆ ก็เปนE แนวทาง
สงเสริมการตระหนักถึงคุณคาของพ้ืนท่ีทางวัฒนธรรมโดยตรงอีกแนวทางหนึ่งที่เปEนประโยชนตอการสืบทอด
“เรอ่ื งเลา” จาก “ชาวชุมชน” อยางแทจรงิ ดังท่ีทกุ ทานจะไดรบั ทราบเรอ่ื งเลาเหลาน้ัน ใน เรอื่ งเลาชาวชุมชน เลมนี้
หวงั เปนE อยางยง่ิ วา เร่อื งเลาชาวชุมชน คงจะเปนE จดุ เร่ิมตนทชี่ วยเสริมแรงให “เรอื่ งเลา” ของ “ชุมชน” ตาง ๆ
ยังคงแววขานสืบตอไปอกี นานเทานาน
อธิชนัน สงิ หตระกูล
บรรณาธิการ
1 “ปริทศั นบทความ: เรอ่ื งพ้นื ทส่ี าธารณะ พ้นื ทีท่ างวัฒนธรรม และพื้นที่สาธารณะทางวฒั นธรรม”, เมธี พิริยการนนท และ
นพดล ต้ังสกลุ , 2564, หนาจว่ั , 1(18), น. 134-158.
3
สารบญั หนา
6
วัดชองแค มีอะไรดี เหตุใดจึงควรไป ? 8
คตชิ นความเช่อื ความศรัทธา การคนพบอักษรปลK ลวะในถ้ํา วัดเขาวง ( ถ้ํานารายณ ) ฯ 10
ไตโยนหรอื ไตยวนหรือคนไทยวนวนั นี้มคี ําตอบ 12
ความศรัทธาสูความเช่ือและพิธกี รรมภายในศาลเจาพอเขาตก 14
หลวงพอผอม วดั โพธาราม อําเภอสรรคบรุ ี จังหวัดชยั นาท 16
อรอยจนหลง ขนมกงบานหวั ไผ 17
วดั พระพุทธฉาย : ผาหนิ มเี งาพระพทุ ธรูป 19
ประเพณขี าวหลามจ่เี ดือนยที่ ่ีหนองโน 21
วดั ชองแค 22
ความเช่อื เรือ่ งการนับถอื พระโพธ์ิลังกา วดั โพธิล์ งั กา ตาํ บลป?างิ้ว อาํ เภอเมือง จังหวัดอางทอง 24
ตาปบู? าน ศาลเกา 26
บานบางขนั หมาก 28
งานแผนดนิ สมเดจ็ พระนารายณมหาราช 30
เรอ่ื งเลาวัดตกึ กับสงกรานตท่เี ลอื นราง 32
เขอื่ นปา? สักชลสทิ ธ์ิ 34
ทองเทย่ี วท่สี าปยา (สรรพยา) 36
คติชนความเชื่อ ความศรทั ธา การนบั ถือหลวงพอตนโพธิ์ของชาวบานบางสําโรงฯ 38
หากอยากยอนยุค นกึ ถึงพ่ีเถดิ หนาออเจา ฯ 40
ความเช่ือความศรัทธาพระนอนวดั ขนุ อนิ ทประมูล 42
ความเชอื่ เรอ่ื งการนับถอื พระครูปราการกิตตคิ ุณ (หลวงพอโตะZ วัดกาํ แพง) ฯ 44
อรอยไมซา้ํ ไขเค็มดนิ สอพองแมบานกองพนั ปฏิบตั กิ ารจติ วิทยา 46
ความเชอ่ื ความศรทั ธาพระเกจิวดั โฆสิตาราม “หลวงพอกวย ชุตนิ ฺธโร” 48
รอยพระพุทธบาท วดั กลั ยาณบรรพต (เขาเลีย้ ว) 49
ความเชอ่ื เกย่ี วกบั สระน้าํ ศักดิ์สิทธิใ์ นเมืองโบราณบานคเู มืองฯ 51
แหลงโบราณคดีบานโปง? มะนาว เรอื่ งราวของอดีตในปจK จบุ ันท่เี ลาผานกาลเวลา และคุณคาท่ีเหลอื อยู 53
หลวงพอปาผูเมตตาแหงลุมแมนา้ํ นอย 55
พธิ ีกรรมกบั ความเชือ่ ในอดีต 56
ความเชอ่ื และพิธกี รรมการไหวพรายนํา้ ท่แี มน้ําเจาพระยาของชาวตลาดบานแป]ง จังหวัดสิงหบรุ ี 58
เรอ่ื งเลาชาวชุมชน พอจยุ พอดง ศาลประจําหมูบาน 60
เร่อื งเลาชาวชุมชน หลวงพอพระยืน อาํ เภอกนั ทรวิชยั จงั หวดั มหาสารคาม 62
งานแขงเรือวดั เชิงทา ลพบรุ ี 64
มดั ยอมท่ีเขาสามยอด 65
ความเอมใจใน... “ดอนเมือง” 67
ภาคบันทกึ โครงการทองถิ่นศึกษาสูวรรณกรรมสรางสรรคฯ
4
5
วดั ชองแค มีอะไรดี เหตใุ ดจึงควรไป ?2
กมลมณี บุญวิพกั
หากพูดถึงวัดทุกคนนึกถึงอะไรกันคะ โบสถ ? เมรุ ? ศาลาวัด ? พระสงฆและสามเณร ? หรืออาจจะเปEนสุนัข
หรือแมวจร ? ใชคะ จากท่ีกลาวมาขางตนวัดชองแคก็เปEนสถานท่ีที่มีครบทุกอยาง แลวแบบน้ีจะมีความตางจากวัดอ่ืน
อยางไร วันน้ีก็จะพาทุกคนพาเห็นมุมมองของวัดชองแคในเร่ืองของความเช่ือ พิธีกรรมรวมไปถึงความชอบท่ีเปEน
เอกลกั ษณของพระที่เปEนหน่ึงในเกจอิ าจารยดังอีกดวย
สวัสดคี ะ ฉนั ช่ือนํา้ หน่งึ วันน้ีขออนุญาตเปนE มคั คเุ ทศก 1 วนั ในการท่ีจะพาทุกคนมาทําความรจู ักกับวัดชองแค
ไปพรอม ๆ กันนะคะ
วัดชองแคเปEนวัดที่ไมไดมีพื้นท่ีกวางใหญมาก และไมไดตั้งอยูในตัวเมืองแตก็ไมไดถือวาอยูในชนบท ในแวดวง
วงการพระเครื่องไมมีใครท่ีไมรูจักหลวงพอพรหม ถาวโร ทานเปEนหน่ึงในพระเกจิอาจารยดัง ซ่ึงในอดีตทานเคยเปEน
เจาอาวาสและเปนE ผกู อตง้ั วัดชองแค (และนี่คอื เหตผุ ลหลักท่ไี มควรพลาดสําหรบั ผทู ่สี นใจพระเคร่ือง)
ในดานความเช่ือ คนในสมัยนั้นเชื่อกันวา วาจาของทานนั้นมีความศักดิ์สิทธ์ิ ใครที่ไปขออะไรก็มักจะสมหวัง
แตมีอยูหน่ึงสิ่งท่ีไมสมหวังเลยคือ ชวงเกณฑทหาร มีบางคนไปขอพรทานวา ขออยาใหถูกเกณฑทหาร ทานบอกวา
เปEนลูกผูชายตองไปเปEนทหารรับใชชาติ ปรากฏวาทุกคนที่ไปขอพรทานเรื่องนี้ ลวนจับไดใบแดงเปEนทหารกันท้ังน้ัน
จนตอนหลังเปEนที่รูเรื่องกันทั่วและไมมีใครไปขอทานในเรื่องนี้อีก เมื่อทานมรณภาพ สังขารของทานกลับไมเนา
ไมเป`_อย ทาํ ใหทุกคนเกิดความเลอ่ื มใสศรทั ธาจนถึงปKจจบุ นั
ในดานพิธีกรรมทางศาสนาแลว อีกหนึ่งพิธีกรรมสําคัญท่ีถือวาเปEนจุดเดนที่หาจากที่ไหนไมไดนอกจากวัด
ชองแค คอื งานตมยา หรืองานวันคลายวันเกิดของหลวงพอนั่นเอง โดยหลวงพอจะไปหาสมุนไพรในท่ีตาง ๆ ดวยตวั เอง
เมื่อรูแหลงวายาอยูที่ใดแลวจึงใหกรรมการวัดไปหามาให มีสมุนไพรชื่อ กระโดนดิน ปลาไหลเผือก ตีนเตา และต๋ิงตาง
เมื่อคณะกรรมการวัดไดนําสมุนไพรมาครบแลว หลวงพอจะทําการปลุกเสก สรรพคุณของยาสมุนไพรแกโรคไดสารพัด
อยาง แลวแตจะอธษิ ฐาน ใครจะเปนE โรคอะไรกอนกินยากห็ ันหนาไปทางศาลาการเปรียญทห่ี ลวงพอพรหมทานอยู แลว
อธิษฐานเอา หลังจาน้ันก็กินยาเขาไป ยาสมุนไพรทั้ง 4 อยางนี้ นอกจากใชดื่ม กินรักษาโรคไดแลว ถาจะใหอยูยง
คงกระพันใหกิน อาบ และสระผมใหครบ 7 วนั
ปKจจุบันทางวัดไดกําหนดงานคลายวันเกิดหลวงพอ ตรงกับวันขึ้น 5 ค่ํา เดือน 5 ของทุกปc เม่ือจะตมยา
คณะกรรมการวัดจะโยงสายสิญจนจากหลวงพอลงมายังสถานที่ตมยา สําหรับสมุนไพรท่ีใชทํายา ปKจจุบันพระครูนิวิฐ
ปKญญากร (เจาอาวาส) จะนําสมุนไพรและอิฐมอญไปใหพระเกจิอาจารยชื่อดังอยูในขณะนี้ปลุกเสก และลงอักขระกอน
จะถงึ วนั งาน จาํ นวน 5-9 วัด เปEนประจํา
สิ่งท่ีเปEนเอกลักษณของหลวงพอพรหม ถาวโร คือทานมีความช่ืนชอบระฆังมาก จึงเปEนสาเหตุท่ีทําใหเกิดวัตถุ
มงคลที่มีการหลอเหรียญเปEนรูประฆัง นอกจากนี้ทานยังชอบดูพลุมาก ทุกการจัดพิธีกรรมที่มีงานในชวงเวลากลางคืน
ทุกครงั้ จึงตองจดุ พลเุ พื่อเปนE การระลึกถึงหลวงพอพรหมอีกดวย
2 เปนE สวนหน่ึงของรายวิชาความคดิ สรางสรรคกับการสรรสรางงานเขยี น มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
6
แมวาวดั ชองแคจะเปEนวัดท่ีไมไดมีพ้ืนทกี่ วางใหญมาก แตชื่อเสยี งและความศกั ด์สิ ทิ ธ์ขิ องหลวงพอพรหม ถาวโร
เป#นท่ีเคารพศรัทธาของบรรดาพุทธศาสนิกชน ด+วยบารมีและความขลังเป#นท่ีเล่ืองลือ แม+ทานจะมรณภาพไปแลว+
ศพก็ยังไมเนาเป10อย จึงได+รับการบรรจุไว+ในโลงแก+ว เพ่ือให+ลูกศิษย5ลูกหาและสาธุชนได+มีโอกาสมานมัสการและ
ขอพรอยางตอเนอ่ื งมาจนถงึ ปจ7 จุบัน
หลวงพอพรหม ถาวโร
7
คตชิ นความเชื่อ ความศรัทธา การคน+ พบอกั ษรปล7 ลวะในถํา้
วดั เขาวง ( ถํา้ นารายณ5 ) ตําบลเขาวง อําเภอพระพุทธบาท จงั หวัดสระบรุ ี
กมลวรรณ พฤกษชาติ
วัดเขาวง ตั้งอยูเลขท่ี 62/1 หมู5 ตําบลเขาวง อําเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี โดยไดรับอนุญาตใหตั้งวดั
ตามลําดับ ไดรับพระราชทานวิสุงคามสีมา เม่ือวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2521 มีบริเวณกวาง 30 เมตร ยาว 51 เมตร
เน้ือท่ี 1,500 ตารางเมตร โดยมกี ารดาํ เนินการผูกพัทธสมี าเมอื่ วันที่ 25 มถิ ุนายน พ.ศ. 2553
สถานทแี่ หงน้ี เปนE ศาสนาสถานท่ีมคี วามสําคัญมาเปEนเวลายาวนาน สืบไปถึงสมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช
เสด็จจากวงั นารายณ เมอื งละโว ไดไปวาราชการ ณ กรุงศรีอยุธยา ทรงผานประทับพักแรม ณ ถ้าํ นารายณ และสมเด็จ
พระเจาทรงธรรมซ่ึงเสด็จนมัสการรอยพระพุทธบาท ก็ไดเสด็จประทับพักแรมในถํ้านารายณ บริเวณน้ันมีอากาศเย็น
สบายตลอดปc และจารึกอักษรผนังปากถํ้าก็ปรากฏหลักฐานวาถ้ําแหงนี้ไดเคยเปEนท่ีประกอบพิธีบําเพ็ญกุศล เนื่องใน
การเผยแพรและแลกเปล่ียนวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนากับประเทศศรีลังกาตั้งแตสมัยอนุราธปุระเม่ือ 1,200 ปc
มาแลว ผานความรุงเรืองและเสื่อมโทรมและฟO_นฟูข้ึนเปEนวัดตามประเพณีการปกครองแผนดินและสืบอายุ
พระพทุ ธศาสนา
ปKจจุบันนี้สมเด็จพระพุฒาจารย (เก่ียว อุปเสโณ) และพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) แหงวัดสระเกศ
ราชวรมหาวิหาร ไดพัฒนาวัดเขาวงขึ้นมาสูสภาพวัดพัฒนาตัวอยางท่ีมีผลงานดีเดน และไดรับการขึ้นทะเบียนเปEน
โบราณสถานวัดเขาวง (ถ้าํ นารายณ) เพ่ือรกั ษาไวใหเปนE มรดกวฒั นธรรมศาสนาของชาวบานและชาติไทย
วัดเขาวง ถ้ํานารายณ ยังเปEนสํานักปฏิบัติธรรมประจําจังหวัดสระบุรีและปฏิบัติกรรมฐานตามสายพระเดช
พระคุณพระราชพรหมยาน (หลวงพอฤาษีลิงดํา) มีหลักเจริญภาวนา มหาสติปKฏฐานสูตร ซ่ึงมีผูเขาปฏิบัติธรรมตลอด
ทั้งปc โดยเฉพาะในชวงปลายปcชาวบานจะเขามาปฏิบัติเปEนจํานวนมาก เน่ืองจากวัดเขาวง ถ้ํานารายณนี้ เปEนท่ีท่ีสงบ
บรรยากาศสดช่นื และยังมีทพ่ี ักรองรับผูท่ีเขามาปฏิบัตธิ รรมอยางดี จึงทําใหชาวบานและผูปฏบิ ัติธรรมหมุนเวียนเขามา
ในวัดเขาวง ถ้าํ นารายณตลอดทงั้ ปc
จากการศึกษาคนพบจารึกอักษรปKลลวะหรืออักษรมอญโบราณ และภาษาบาลีลักษณะจารึกในถ้ํา มีเพียง
ไมก่ีแหงในประเทศไทย ที่ไดบันทึกเร่ืองราวการเก่ียวของระหวางกษัตริยจากเมืองอนุราธปุระกับสถานที่แหงน้ี เห็นได
ชัดวามีมาต้ังเเตโบราณกาล เพราะการประดับตัวอักษรไดกระทําไวอยางประณีต มีลักษณะเปEนงานฝcมือช้นั ครู สะทอน
วาคนที่มาจารึกอักษรไว ณ ที่แหงนี้ไมใชคนสามัญธรรมดาท่ัวไป และไมใชเปEนแคเพียงทางผาน เเตเปEนท่ีหมายสําคัญ
สําหรับการประกอบศาสนาพิธี หรอื การแสวงบุญ
ชื่อของถํ้า ถํ้านารายณ ในสมัยอยุธยาตอนปลายสมเด็จพระนารายณมหาราช ไดเคยเสด็จมาปฏิบัติธรรมที่
ถ้ํานี้หลายคร้ัง มีสืบเนื่องมาจนถึงรัชสมัยพระสมเด็จพระเจาทรงธรรม วัดเขาวง (ถํ้านารายณ) จึงเปEนศาสนสถานที่
เกาแกยาวนาน สาํ คัญมาหลายยุคหลายสมัย
แมเวลาจะผานมาเน่นิ นานแตจนถงึ ทุกวนั น้วี ัดเขาวง กย็ ังคงแวดลอมไปดวยธรรมชาติท่ีงดงามเอ้ือตอการเจริญ
สติปKญญาและศึกษาพระธรรม ในปKจจุบันเปEนหนึ่งในพระอารามที่เงียบสงบเปEนที่สําหรับชําระจิตใจใหสะอาด เปEนที่
ปฏบิ ตั ธิ รรมใหผูคนทีต่ องการออกจากความวุนวาย ดํารงอยางเรียบงายและใกลชิดกับธรรมชาติซ่ึงเปEนหน่ึงในวิถใี นการ
8
เขาถึงแกนธรรม จากความสําคัญถึงประวัติศาสตรและวัฒนธรรมของวัดเขาวง (ถ้ํานารายณ) กับความอุดมสมบูรณ
งดงามของธรรมชาตซิ ง่ึ เออ้ื ตอการปฏบิ ัตธิ รรม ต้งั แตครั้งอดตี
การพบจารกึ ดงั กลาวเปEนการบงบอกความสําคัญของพนื้ ที่ วัดเขาวง (ถา้ํ นารายณ) ท่มี ีมาตง้ั แตอดตี กาลรวมทั้ง
สะทอนภาพศักด์ิสิทธิ์อันยาวนาน จารึกเขาวงที่ถ้ํานารายณบงชี้ถึงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมในยุคโบราณระหวาง
ดินแดนนทวารวดีและศรีลงั กา การใชอักษรปKลลวะ มีตนกําเนิดมาจากอินเดีย แสดงใหเห็นถึงการติดตอถึงดินแดนไกล
ที่ขามนํ้าขามทะเลมาสูดินแดนสุวรรณภูมิและไดนํามาสูดินแดนน้ี จึงไดสันนิษฐานวา บริเวณวัดเขาวง (ถํ้านารายณ)
เปEนอาณาบริเวณท่ีศักดิ์สิทธิ์และสําคัญอยางตอเน่ือง บนเสนทางการคาท่ีสําคัญ และยังมีหลักฐานที่สอดคลองบริเวณ
ใกลกบั วัดซึ่งบงชถ้ี ึงการเปนE ชุมชนโบราณ เชน เมอื งข่ิดขิน ซึ่งต้งั อยทู ต่ี าํ บลบานหมอ อําเภอบานหมอ จงั หวัดสระบุรี มี
ลกั ษณะเปนE เมืองโบราณมีคนู ํา้ คนั ดินลอมตวั เมืองเปEนรปู ส่ีเหล่ียมมมุ มน ยงั คงปรากฏหลกั ฐานครบท้ังสดี านยาวทั้งหมด
ประมาณ 1,500 เมตร
การคนพบจารึกที่วัดเขาวง ทําใหวัดเขาวงไดเปEนแหลงโบราณกาลใชเพิงผาหรือผนังถํ้าเปEนสถานที่ประกอบ
พิธีกรรมบวงสรวงบูชาวิญญาณหรือเทพเจา เปEนวิธีการท่ีคนโบราณใชสื่อสารกับเทพแหงธรรมชาติและบรรพชนท่ี
ลวงลับไปแลว ชาวบานเช่อื กันวาภูผาหรอื เพิงถํ้าน้เี ปEนจดุ เชื่อมตอระหวางแผนดนิ กับผืนฟ]าคือท่ีสถิตของพลังอํานาจซึ่ง
เปEนที่ศักด์ิสิทธิ์ ชาวบานในพน้ื ท่ีตางเคารพยาํ เกรง เมอ่ื มกี ารนับถือผีวิญญาณพลังธรรมชาติแบบดง้ั เดิมไดผสมผสานกับ
ศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงเผยแพรมาจากแดนไกล ภเู ขาและเพงิ ถํ้าจึงถูกใชใหเปนE พืน้ ที่ศักดสิ์ ิทธ์ทิ างพระพุทธศาสนา
ศาสนาอีกดวย ตาํ นานความเช่ือแลวธรรมเนยี มตาง ๆ ไดถูกถายทอดมาจากดนิ แดนตนกําเนิดสูสุวรรณภมู ิ
การสรางวัดในทุกยุคทุกสมัยตองอาศัยท้ังกําลังกายและกําลังใจ กําลังศรัทธา กําลังทรัพย และกําลังคนเปEน
จํานวนมาก ปู?ถึก จันทรเมืองไทย ไดกลาวไววา ภูเขาหรือถ้ํา นับเปEนท่ีศักดิ์สิทธ์ิแลวยังมีวิชาการทํามาหากิน ที่วัด
แหงนน้ั ตามผนงั ถํา้ ถาใครทองคาถาได จะทาํ มาหากินไดยงิ่ ขน้ึ ไป
9
ไตโยนหรือไตยวนหรอื คนไทยวนวันนีม้ ีคาํ ตอบ3
กาญจนา ขนั เชือ้
คนไทยวนหรือไตโยน มีถิ่นฐานเดิมอยูท่ีเมืองโยนกเชียงแสนเปEนสวนใหญ ตอมาเมื่อพ.ศ. 1839
พญามังรายไดสถาปนาเมือง “นพบุรีศรีนครพิงคเชียงใหม” เปEนราชธานีกลุมคนไทยวน หรือ คนไต
ไ ด ก ร ะ จ า ย อ ยู ใ น ภู มิ ภ า ค ที่ เ รี ย ก ว า อ า ณ า จั ก ร ล า น น า ไ ท ย ว น ห รื อ ไ ท ย ล า น น า ห รื อ โ ย น ก
เปนE กลมุ ชนกลมุ ใหญที่อาศัยอยูในดินแดนลานนามาเปEนเวลานาน มักเรียกตนเองวา คนเมือง
ไ ท ย ว น ห รื อ ค น เ มื อ ง คื อ ก ลุ ม ค น ก ลุ ม ใ ห ญ ท่ี อ า ศั ย อ ยู บ ริ เ ว ณ ภ า ค เ ห นื อ ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย
มกั ตั้งบานเรือนอยูบริเวณท่ีราบลุมแมน้ําไหลผานระหวางหุบเขา เชน ลมุ แมนา้ํ ปงN เปEนทต่ี ้ังของเมอื งเชียงใหมและลําพูน
ลุมแมนํ้าวังเปEนท่ีตั้งของเมืองลําปาง ลุมแมน้ํายมเปEนที่ต้ังของเมืองแพร และลุมแมนํ้านานเปEนท่ีตั้งของเมืองนาน
ในอดีตชาวไทยวนประกอบอาชีพเกษตรกรรมเปEนหลัก ตามภูมิประเทศที่อาศัยตั้งถ่ินฐาน ท้ังน้ีมีชาวไทยวน
ที่ถูกกวาดตอนลงไปอยูในพื้นท่ีภาคกลาง คือ ตําบลเสาไห จังหวัดสระบุรี และตําบลคูบัว จังหวัดราชบุรี ชาวไทยวน
มีภาษา ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความเชื่ออันเปEนเอกลักษณเฉพาะตน
ในสงั คมของชาวไทยวนมีความคดิ ในเร่ืองผีผสมพุทธศาสนา โดยเฉพาะผีป?ูยา (ผบี รรพบรุ ษุ ) จะมีบทบาทในการควบคุม
พ ฤ ติ ก ร ร ม ข อ ง ลู ก ห ล า น ช า ว ไ ท ย ว น ใ ห ป ร ะ พ ฤ ติ ต น ถู ก ต อ ง ต า ม จ า รี ต ป ร ะ เ พ ณี แ ล ะ ก ร อ บ ที่ ดี ง า ม ข อ ง สั ง ค ม
อีกทัง้ มีความเช่ือเรอื่ ง “ขดึ ” คอื ขอหาม หรือขอปฏบิ ตั ทิ ีถ่ กู ตอง ท่คี วรปฏิบตั ไิ มใหเกดิ ส่ิงไมดีข้ึนกบั ตวั เองและครอบครัว
ภาษาเขียนและภาษาพูดของชาวไทยวนมีรูปแบบเปEนของตนเอง ซ่ึงในปKจจุบันก็ยังพบเปEนการใชภาษาเขียน
ในพระธรรมคัมภีรพุทธศาสนา และปdKบสา ใบลาน ท้ังน้ีภาษาเขียนของไทยวน หรือเรียกวา “อักษรลานนา หรือ
อักษรธรรม” ยังใชในกลุมชาวไทล้ือ เชียงรุง และไทเขิน เชียงตุงดวย เน่ืองจากในอดีตชาวลานนาไดนํา
พุทธศาสนาเขาไปเผยแพรยังสองดินแดนน้ี สวนของบานเรือนท่ีอยูอาศัย ชาวไทยวนนิยมสรางเปEนเรือนไมยกพ้ืนสูง
มีท้ังหลังคาแบบจั่วเดียวและหลังคาจั่วแฝด ซ่ึงรูปแบบเรือนท่ีนิยมทํากันมากคือเรือนจ่ัวแฝดแบบ “เรือนกาแล”
ท่ีมียอดจ่ัวเปEนไมไขวกัน ตกแตงดวยการฉลุลวดลายอยางสวยงาม การแตงกายของสตรีชาวไทยวนในอดีต
แตเดิมนิยมเปลือยทอนบน นุงซ่ินตeาตอตีนตอเอว เกลามวยผมไวทายทอย เม่ือมีโอกาสพิเศษจึงมัดอกหรือหมสะหวาย
ดวยผาสีพื้นหรือผาลายดอก นุงซิ่นตีนจกหรือสอดดิ้นเงินดิ้นทองตามฐานะ ภายหลังนิยมสวมเส้ือแขนกระบอก
และหมสไบสะหวายทับ พรอมหยองเคร่ืองประดับสวยงาม สวนบุรุษแตเดิมนยิ มเปลือยทอนบน นุงเฅ็ดมาม นุงผาตอย
สักตนขา ภายหลังนิยมแตงชุดราชประแตน และชุดเตี่ยวสะดอตามสมัยนิยมท่ีไดรับอิทธิพลมาจากภาคกลาง
และชาวตะวนั ตก
ดิฉันก็เปEนหน่ึงในนั้นท่ีเรียกตัวเองวา “คนไทยวน” ตั้งแตจําความไดท่ีบานก็มีการพูดสนทนาคุยกัน
เ ปE น ภ า ษ า ไ ท ย ว น แ ล ะ มี วั ฒ น ธ ร ร ม ท่ี แ ต ก ต า ง จ า ก ค น ท่ั ว ไ ป แ ต ไ ม ม า ก ป?ู เ ล า ใ ห ฟK ง ว า
ตั้งแตจําความไดปู?เกิดมาก็พูดภาษายวนเปEนแลว เพราะเปEนการสืบทอดกันมารุนตอรุนเพื่อไมใหภาษาและวัฒนธรรม
ข อ ง ไ ท ย ว น ห า ย ไ ป แ ล ะ อี ก วั ฒ น ธ ร ร ม ท่ี ค น ไ ท ย ว น ต อ ง ทํ า คื อ ก า ร ท า น ขั น ข า ว
เพราะเปEนการหมายถึงการเตรียมสํารับอาหาร ผลไม น้ําดื่ม ดอกไม ธูปเทียน นํ้าสําหรับกรวด จัดเตรียมในถาด
แลวนําไปถวายพระสงฆเพ่ืออุทิศทาน ไมเพียงแตไดรับวัฒนธรรมแปลกใหม แตยังมีขนมไทยวนที่เปEนของดี
3 เปEนสวนหนง่ึ ของรายวชิ าความคดิ สรางสรรคกบั การสรรสรางงานเขยี น มหาวิทยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
10
ประจําตําบลก็คือ ขนมกง เปEนขนมไทยพ้ืนบานภาคกลางทีนิยมใชในขันหมากแตงงาน คําเรียก กง กงลอ
มที ่ีมาจากลักษณะเปEนวงกลมมีเสนไขวพาดคลายกับกงลอของเกวยี น หรือ ลอรถในสมัยปจK จุบนั ซงึ ตคี วามถึงการหมุน
ความกาวหนา สวนผสมของขนมกงนิยมเอาแป]งจากธัญญพืชชนิดตาง ๆ เชน แป]งขาวเมา ขาวตอก แป]งถั่ว
นํามากวนกับกะทิและนํ้าตาลใหเหนียว จากน้ันนํามาปKOนเปEนตัวขนม เวลาทอดชุบดวยแป]งผสมกะทิ
บางแหงใชสูตรสมัยใหมจะไดลักษณะของฟองขนมเปEนปุ?ม ฟอง เนื้อคลายกับแป]งชุบทอดของขาวเมา
แตขนมกงโบราณสูตรจากบานของฉัน ฟองขนมจะมีลักษณะเปEนฟองนุม สืบทอดมาจากตนตําหรับของรุนสูรุน
เปนE ผูถายทอดใหไว
คนไทยวนไมเพียงแตเปนE คนลานนาแตเปEนเหมือนคนไทยคนหนงึ่ ท่ีไดรบั อิทธพิ ลทางดานศลิ ปวัฒนธรรม ภาษา
การแตงกายมาจากภาคกลางทําใหมีภาษาเปEนของตนเองและมีวัฒนธรรมที่แตกตางไปจากกลุมชาติพันธุอ่ืน
แตสําหรับฉันถึงจะเปEนคนยวนหรือคนไทยเราทุกคนลวนเปEนคนเชนเดียวกัน เพียงแตเราแคมีวัฒนธรรม
และประเพณีที่แตกตางกันออกไป ทําใหกลุมคนไทยวนโดดเดนในดานภาษา การพูด และอาหาร
และฉันเช่ือวาลูกหลานคนไทยวนทุกคนจะสามารถสืบทอดประเพณีอันดีงามของคนไทยวนเอาไวใหคงสืบตลอดไป
เพื่อใหลูกหลานไดเรยี นรใู นอนาคตไดตอไป
ขนมกง
11
ความศรทั ธาสคู วามเชื่อและพิธกี รรมภายในศาลเจ+าพอเขาตก4
กาญจนี ศรสี ขุ
งานเทศกาลถือศีลกินเจ เปEนอีกหน่ึงงานใหญที่รองลงมาจากประเพณีแหเจาพอเขาตก เปEนงานที่สาธุชนมา
รวมตวั กนั ถอื ศลี กินเจใหครบ 9 วนั 9 คืน โดยผูเขารวมพธิ ีจะละเวนการทานเนื้อสัตวตลอดจนจบเทศกาล เจาพอเขาตก
คือเทพเทพารักษที่รักษารอยพระพุทธบาทเปEนดานแรกที่จะพาผูที่มากราบไหวไปยังสรวงสวรรค เจาพอของเราเปEน
ศูนยรวมจติ ใจของชาวอาํ เภอพระพุทธบาท
ศาลเจาพอเขาตกภาษาจีนเรียกวา น่ําเทียนม่ึงแปgะกง เดิมเรามีศาลโบราณ ไดรับการบูรณะสมัยรัชกาลท่ี 4
ปc พ.ศ. 2400 ซ่ึงหางจากศาลใหมไปประมาณ 3 กิโลเมตร ในปc พ.ศ. 2509 ไดตั้งองคจําลองใหมขึ้นและไดจัดตั้งเปEน
มูลนิธิศาลเจาพอเขาตก เมื่อปc พ.ศ. 2514 ทุกวันชาวจีนจะแวะเวียนมาสักการะเจาพอเขาตกอยางตอเนื่องไมเฉพาะ
ชาวไทย แตชาวจีนในหลายประเทศก็เดินทางมาทําบุญขอพรท่ีน่ี เจาพอเขาตกจึงมีความผูกพันกับชาวพระพุทธบาท
ตลอดมารวมถงึ ชาวตางชาติทมี่ าเคารพสักการะอยูเปนE ประจํา มาจากประเทศมาเลเซยี สิงคโปร ฮองกง และชาวจนี จาก
แผนดินใหญ ดวยศรทั ธาอันแรงกลาทําใหแตละปcจะมีการจดั งานบูชาเทพารักษองคนี้ถงึ 4 ครงั้ แตงานหลัก ๆ กจ็ ะเปEน
งานประจําปc และ เทศกาลถือศีลกินเจ เม่ือถึงคราวที่จะถึงเทศกาลกินเจคณะกรรมการและชาวบานอําเภอ
พระพุทธบาทจากพรอมใจกันรวมจัดงานมีการสรางปะรําพิธีสถานท่ีประทับทรง โดยภายในเทศกาลถือศีลกินเจจะ
ประกอบไปดวยพิธีกรรมตาง ๆ ดังนี้
การขึ้นเสาเต็งกอ จะขึ้นโดยเพศชายโดยการชวยกันยกเสากอไผลําสูงยาวขึ้นต้ังบริเวณหนาศาล เพื่อเบิกฟ]า
เบกิ ดนิ
อัญเชิญพระอิศวรและแมกวนอิม จัดขบวนแหออกจากศาลไปรับที่ตลาดนิคมและนําพระทุกพระองคเขาสู
ตาํ หนักดานบนของศาลเจาเพ่อื มาประทบั ใหอยูประจําศาล หรอื ชาวบานจะเรียกกันวา การรับพระ
การเดินธูป เปEนพิธีท่ีมีประจําทุกคืนโดยการเดินตามการนําของเจาพอที่จะคอยเดินนําขบวนเดินธูป หลังจาก
เดนิ ธปู เสรจ็ ทุกคนจะไดรับดอกมะลิจากเจาพอ
พิธีสะเดาะเคราะห5 จะเกิดขึ้นในชวงคืนท่ี 6 ของเทศกาลกินเจ หลังพิธีเดินธูป ทางศาลเจาจะจําหนายเคร่ือง
สะเดาะเคราะหชุดละ 20 บาท จากนั้นไปตอแถวเพือ่ สะเดาะเคราะห ในพิธีจะตัดผมเราเพ่ือนําไปลงในเรือและลอยน้าํ
วันออกแห ในเทศกาลกินเจจะแห รอบตลาดพระพุทธบาท หนาพระลาน หนองโดน ถือเปEนการเย่ียมเยียน
ศิษยยานุศิษยของเจาพอเขาตกไดใหชาวบานกราบไหว ขอพร โดยขบวนแหก็จะมีองคจําลองเจาพอเขาตก องคจําลอง
แมกวนอิม ขบวนเหลามาทรง ขบวนเก้ียว
การลอยกระทงเจ จะลอยในวนั ท่ี 7 ของการกนิ เจโดยนํากระทงไปลอยทส่ี ะพานคลองชลประทาน
อญั เชญิ เทพเจา+ กลบั ในคนื ท่ี 9 จะมพี ธิ ีสงพระทุกพระองคกลบั ข้ึนสูสรวงสวรรคและเปนE คนื ท่ีทุกคนจะตองจุด
ธูปเพอื่ ออกจากการกนิ เจ
4 เปนE สวนหนงึ่ ของรายวิชาคตชิ นวทิ ยา มหาวิทยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
12
ไมวาจะชาวจนี เชื้อสายแตจิว๋ ชาวจนี เช้อื สายไหหลํา ข้นึ มาต้ังรกรากอยูบนแผนดินพระพุทธบาทเปนE เวลานาน
แลวพรอมกับสรางศาลเจาโรงเจ ศาสนสถานตาง ๆ หลายแหงเพื่อเปEนท่ียึดเหนี่ยวจิตใจทําใหดินแดนศักด์ิสิทธ์ิแหงน้ี
เปEนศนู ยรวมวัฒนธรรมไทยจนี นํามาซึง่ สายธารศรัทธาจาก พุทธศาสนิกชนทุกหนแหง ศาลเจาพอเขาตกทัง้ เกาและใหม
จึงเปนE ศนู ยกลางพลังศรัทธาของชาวบานในพืน้ ท่ีตลอดมา
13
หลวงพอผอม วัดโพธาราม อาํ เภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท5
จนั ทนา ยาพัด
หลวงพอผอมหรือหลวงพอทรมานกายเปEนสิ่งศักดิ์สิทธ์ิท่ีชาวบานในละแวกวัดหรือแมกระทั่งคนนอกพื้นที่
ตางมีความเช่ือความศรัทธากันอยางลนหลาม โดยความเชื่อสวนใหญที่โดดเดนทําใหผูคนรูจักและพากันมากราบไว
หลวงพอผอม คือ การขอพรเร่ืองสขุ ภาพ
โดยเม่ือวันที่ 23 มิถุนายน จากกรณี นางสมแป]น ดากลืน คุณยายอายุ 78 ปc ไดนําขาวตมมัดและขบวน
กลองยาวมาแสดงแกบน กับพุทธรูป 4 องคในวัดโพธาราม ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ไดแก หลวงพอหิน
หลวงพอแตง หลวงพอผอม และหลวงพอมงคล หลังจากมีเหตปุ าฏิหารยิ ชวงปว? ยโคมาเขา ICU เพราะปว? ยเปนE โรคปอด
หายใจไมได ตองใชเครอ่ื งชวยหายใจตลอดเวลา อาการหนักอยู 3 วนั จนตนคดิ วาจะไมมีชีวิตรอดออกไป แตมคี นื หน่ึงท่ี
นางสมแป]นไดนิมิตถึงพระท้ัง 4 องค จึงไดขอพรวาอยากหายเจ็บป?วย เม่ือหายแลวจะต้ังใจทําบญุ สะสมความดี ซ่ึงก็ได
พรสมปรารถนา นางสมแป]นฟO_นตัวจากอาการโคมาและออกจากโรงพยาบาลไดตามคําอธิษฐาน จากกรณีนี้จึงเปEน
สาเหตุหน่งึ ท่ีทําใหวัดมีชอื่ เสยี งและเปEนทรี่ ูจกั กนั ในบารมขี องหลวงพอผอม
ปจK จุบันวดั โพธารามต้ังอยใู นเขตบานซอง เลขที่ 87 หมู 5
ตําบลแพรกศรีราชา อําเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท เดิมช่ือวัด
บานซอง สรางเมื่อปc พ.ศ. 1757 โดยประมาณ แตไมมีหลักฐาน
ปรากฏวาใครเปEนผูสราง วัดถูกสรางขึ้นเพื่อเปEนสถานท่ีทําบุญ
สําหรับชาวบานและเพ่ือใหลูกหลานไดมีที่เลาเรียน ศึกษาหา
ความรู เม่ือสรางเสร็จแลวจงึ นาํ ชื่อเรียกหมูบานไปตั้งเปนE ช่ือวัด ซ่ึง
วดั มีเนื้อท่ี 38 ไร 3 งาน 63 ตารางวา มเี จาอาวาสมาแลวทัง้ หมด
17 รปู ตอมาไดมีการฟน_O ฟู พรอมท้ังเปล่ยี นช่ือวดั เปนE วัดโพธาราม
จนถึงปKจจุบัน และวัดเร่ิมมีช่ือเสียงและเปEนที่รูจักเมื่อ 3-4 ปcท่ี
ผานมา เพราะมีความเชื่อความศรัทธาของชาวบานท่ีไดมาขอพร
หรือบนบานหลวงพอผอมแลวสมปรารถนา
จากกรณีสาวเจาของอูรถ วัย 47 ปc จาก จังหวัดราชบุรี
ไดเลาวาตนและครอบครัวเปEนสายบุญ ชอบตระเวนไปวัดตาง ๆ
ทว่ั ประเทศ และเคยมโี อกาสไดเขามากราบไหวขอพรหลวงพอผอม
เรื่องสุขภาพ แลวเห็นผล จึงไดกลับมาขอเรื่องรถไววา “ภายในปcนี้ขอใหไดรถเบนซขับ” หลังจากกลับไปก็สมปรารถนา
ดังที่ไดขอไว จึงกลับมาพรอมของแกบน ไดแก กลองยาว ขาวตมมัด ไขตม โดยเลาวา เงินซื้อรถนั้นไดมาจากการทํา
ธุรกิจในบานและไดกําไรเยอะพอสมควร หยิบจับอะไรก็ไดด่ังใจ จึงทําใหมีเงินลานที่สามารถออกรถเบนซมาใชในบาน
ไดอีกคัน โดยสวนตัวคิดวาหลวงพอผอมดลบันดาลใหตนทําอะไรก็สะดวก ไรอุปสรรค เปEนที่พึ่งทางใจอยางหนึ่ง แตก็
ไมลืมที่จะทําอะไรดวยตนเอง จึงไดประสบความสําเร็จออกมาดงั ทีต่ ง้ั ใจไว
5 เปนE สวนหนง่ึ ของรายวิชาคติชนวทิ ยา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเทพสตรี
14
ซ่ึงสวนใหญคนท่ีเขามากราบไหวหรือขอพรก็จะมีความแตกตางกันออกไป อยูท่ีความเช่ือสวนบุคคล แตที่เห็น
ไดชัดเจนรองลงมาจากการขอพรเรื่องสุขภาพ คือ การขอเรื่องท่ีดิน จากการสัมภาษณพระปลัดสัญชัย เจาอาวาส
ปจK จุบันของวดั โพธาราม ไดเลาวา จะมนี ายหนาท่ีดนิ หรือชาวบานท่ีทําการซื้อขายทดี่ ิน นาํ สําเนาท่ดี นิ มาถวายหรือฝาก
ไวที่หนาตักหลวงพอผอม มีการเขียนชื่อ บานเลขที่ ที่อยู และคําอธิษฐานลงในโฉนด พรอมทั้งบอกวา ถาประสบ
ความสําเร็จจากการขายท่ีได หรือไดราคาที่สมปรารถนาแลว จะนําส่ิงใดมาตอบแทน โดยชาวบานสวนใหญเวลาแกบน
จะนําขาวตมมัดหรือกลองยาวมาถวาย จึงทําใหมีผูคนท่ีสมปรารถนาจากการขอพรหรือการบน จะนําขาวตมมัดหรือ
กลองยาวมาถวายเปEนสวนใหญ
กลองยาวที่ชาวบา+ นนํามาถวายแก+บน
ปKจจุบันเนื่องดวยสถานการณการแพรระบาดของไวรัสโควิด 19 ทําใหผูคนเจ็บป?วยงายและเสียชีวิตเพราะ
โรคน้ีเปนE จํานวนมาก ดวยแรงความเชอื่ ความศรัทธาทําใหชาวบานท้ังในระแวกนนั้ และนอกพ้ืนที่ ตางหลง่ั ไหลกันเขามา
กราบไหวขอพร เพื่อเปEนท่ียึดเหน่ยี วจติ ใจ ใหแคลวคลาดปลอดภยั จากโรคราย
เห็นไดวาธรรมชาติของคนน้ัน จะหันหนาเขาหาส่ิงศักด์ิสิทธ์ิก็ตอเม่ือตนมีปKญหาหรือมีเรื่องเดือดเนื้อรอนใจ
โดยความเชื่อของคนจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและกระแสโลกาภิวัตน ซ่ึงทุกคนสามารถเช่ือและศรัทธาได
แตควรมีวิจารณญาณและสติในการดําเนินชีวิตควบคูไปดวย เพื่อความสุขท่ีแทจริงและกาวผานปKญหาไรซ่ึงอุปสรรค
ไปไดดวยดี
15
อรอยจนหลง ขนมกงบ+านหัวไผ6
จิราพร หงษออน
ขนมกง เรยี กอกี ช่อื หนง่ึ วา “ขนมกงเกวยี น” เปนE ขนมไทยโบราณทมี่ ีชือ่ ตามรูปรางของขนม คอื มลี กั ษณะเปEน
วงกลมและมีเสนไขวพาดกันคลายรูปกงลอของเกวียน มีความหมายมงคล หมายถึง การหมุนไปขางหนา หรือ การกาว
ไปขางหนา เชนเดียวกับ พระธรรมจักร ขนมนี้มีปรากฏหลักฐานมาต้ังแตสมัยกรุงศรีอยุธยาเรียกวา “ขนมกงเกวียน”
ดงั ระบไุ ว ในเอกสารหอหลวง เร่อื งคําใหการขุนหลวงวดั ประดูทรงธรรม เอกสารบรรยายสภาพกรุงศรีอยุธยาสันนิษฐาน
วาเขียนขึ้นราวรชั สมัยของพระเจาอยหู วั บรมโกศ
ขนมกงตําบลหัวไผ เริ่มจากการรวมตัวกันของคนในหมูท่ี 9 แลวพัฒนาจนเปEนผลิตภัณฑของชุมชน และเปEน
หนง่ึ ในสินคา OTOP ของจงั หวัดสิงหบรุ ี ปจK จุบนั ไดรบั การขนานนามวาเปEน “ขนมกงสองพันปc”
ทําไมต+องเรียกวาขนมกงสองพันป@ ? ขนมกงก็คือขนมกง วิธีการปKOน การทอด ก็ปกติ หรือวาเขา ใชสูตร
ดั้งเดิมเมื่อ 1,000 ปcที่แลว จากท่ีเคยกลาวมาแลววาขนมกงเปEนขนมโบราณ แมวามีมาตั้งแตคร้ังกรุงศรีอยุธยาตอนตน
แตก็ยังไมถงึ พนั ปcอยูดี !
ยาศรีนวล สนพุม หรือยานวล ประธานกลุมสตรีสหกรณรวมใจพัฒนา เลาอยางอารมณดีวา “ก็คนทําไง อายุ
รวม ๆ กันก็พนั ปไc ด” ...ออe ทม่ี ามนั เปEนแบบนี้น่ีเอง
ยานวลเลาวากลุมสตรีสหกรณรวมใจพัฒนา เดิมมีสมาชิก 13 คน ซึ่งทั้งหมด มีอาชีพด้ังเดิม คือ ทําขนมกงกัน
ในชมุ ชนมาตงั้ แตสาว ๆ ตอนน้กี อ็ ายมุ ากกันแลว ต้ังแต 60 - 70 ปc บางคนเกิน 80 ปcแลวก็มี บางคนมาไหวบาง ไมไหว
บาง แลวก็มีคนที่เสียชีวติ 2 คนแลว... ซึ่งหน่ึงในนั้นคือ ยาบุญ ยาของฉันเอง ต้ังแตจําความไดก็เห็นทานทําขนมกงมา
ตลอด เมื่อกอนไปออกรานบอยมาก ทุกคร้ังที่เจอกัน ฉันก็จะเขาไปทักทายและอุดหนุนตลอด กลุมยาท่ีกําลังขายขนม
ก็จําไดวา นคี่ ือลกู หลานตําบลหวั ไผ
เม่ือพูดถึงขนมกงก็คิดถึงยาบุญทุกคร้ัง แมวาทานจะจากไปแลว แตวาขนมกงนี้ก็ยังมีคนสานตอ แมจะไมใช
ตัวฉัน แตฉนั ก็อนรุ ักษวฒั นธรรมอาหารของตาํ บลผานงานเขยี นในขณะนี้ จุดเดนของขนมกงคอื จะทาํ ใหม ๆ ใชถัว่ เขยี ว
ทําไสแบบถั่ว 100 % ไมมีกากมะพราวผสมเลย ทําใหไสเนียนละเอียด ขนมกงของท่ีน่ีจะนวดไสดวยมือ ไมไดใชเครื่อง
กวน ทําใหเปEนไสสด เวลาทอดจะไมอมนํ้ามัน ไมหืนงาย แลวใชนํ้ามันใหม ๆ ใส ๆ ทอด ขนมจะหอม กรอบ เก็บได
หลายวัน หากใสตูเยน็ ไวไมกรอบ สามารถนาํ ไปใสไมโครเวฟได ขนมกก็ ลับมากรอบเหมอื นเดมิ
ในความรูสึกของฉัน ขนมกงบานหัวไผจะไมเหมือนกับท่ีอื่น เพราะอรอย กรอบนอก นุมใน รสชาติกลมกลอม
ไมหวานเกนิ ไป ทกุ คําท่ีกดั ล้ิมรสชาตขิ องขนมราวกบั วายาบญุ มาทําใหทาน คดิ ถงึ ฝcมือยาอยูเหมอื นกนั ...
ขนมกงบานหัวไผ เปEนขนมที่ข้ึนช่ือของตําบล และเปEนสินคา OTOP ของจังหวัดสิงหบุรี ซ่ึงเปEนขนมที่หาทาน
ไดยาก แตกลุมท่ีทําขนมก็ยังทําขายเปEนประจํา ไมวาจะซ้ือไปจัดเก่ียวกับงานบุญ งานแตง ที่น่ีก็รับทํา แมวาคนรุนใหม
ไมคอยนิยมทานกัน มีเริ่มจะหางหายไปบาง แตทวาการไดซ้ือไดทานขนมก็เปEนการอนุรักษวัฒนธรรมรูปแบบหนึ่ง
ขอเพียงหลงใหลแตไมหลงลืมวัฒนธรรมของชุมชน
6 เปEนสวนหนึง่ ของรายวิชาความคดิ สรางสรรคกบั การสรรสรางงานเขียน มหาวิทยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
16
วดั พระพุทธฉาย : ผาหินมีเงาพระพุทธรปู 7
ชาวลี คงเกษม
วัดเปEนสิ่งที่สงบจิตใจของมนุษย ที่ระบายความทุกข และรมเย็น ท่ีเราเอยมาน้ีทุกคนก็พอจะทราบแลว
ใชไหมคะวา เราหมายถงึ อะไร นัน่ แหละคะ เราหมายถึงวัดคะ วดั ก็คอื สถานที่ทางศาสนา ที่ใหเราทุกคนไดไปกราบไหว
ท่เี ราจะไปสถานทใี่ นวนั น้ีก็คือ วดั พระพทุ ธฉาย น่นั เองคะ ซึง่ วัดที่เราจะไป จะเปนE สถานที่ทุกคนรูจักกันดี เพราะมีผูคน
จํานานมากไปกราบไหวขอพรกนั ซง่ึ วดั น้ีเปนE วัดทีศ่ กั ด์สิ ทิ ธิม์ าก
ทุกคนเช่อื ไหมคะวา ทุกวดั ทุกสถานที่นน้ั ศกั ดิ์สิทธ์ิกนั หมด แตวดั พระพทุ ธฉาย ท่ีเราจะไปนี้ ศกั ดิ์สทิ ธม์ิ าก และ
ยังเปEนภเู ขาสูง มีจดุ ชมววิ ทีส่ ูงมากมาย และมีตนไมใหญอันรมรน่ื อีกดวย และมีลิงจํานวนมากอยู หากใครไดไปวดั นี้แลว
จะตองพูดวา อราม สูง และสวย ดานบนยอดเขาจะเปEนท่ีประดิษฐานรอยพระพุทธบาท สถานท่ีนี้สวยมากจริง ๆ แลว
ยังรมร่ืนสงบอีกดวย หากใครไดมาขอพรแลวจะประสบความสําเร็จทุกประการ หากเอยถึงวัดนี้แลวไมมีใครรูจักเปEนไป
ไมไดเลยเพราะเปEนวัดท่ีผูคนนิยมเขาไปกราบไหว เพราะทานศักดิ์สิทธ์ิและดังเร่ืองรอยของพระพุทธเจา เลยเปEนวัดที่
ดังแถบจังหวดั สระบรุ ี
วัดพระพทุ ธฉาย ต้งั อยูบนเชิงเขาพระพุทธฉาย ตําบลหนองปลาไหล อาํ เภอเมืองสระบุรี จงั หวัดสระบรุ ี เปEนวดั
เกาแกทีม่ ีอายุยาวนานกวา 400 ปc สรางขึ้นในสมัยของ พระเจาทรงธรรม กษัตรยิ แหงกรุงศรีอยธุ ยา หลงั จากทไ่ี ดมีการ
ออกคนหารอยพระพุทธบาทตามภูเขาทุกแหงหน จนกระทั่งไดมาพบ รอยพระพุทธบาท และ พระพุทธฉาย รอย
พระพุทธรูป หรือที่เชื่อกันวาเปEนเงาของพระพุทธเจาประดิษฐานอยูบนแผนหินตรงชะงอนผา จึงไดมีการสรางมณฑป
ครอบรอยพระพุทธบาทเอาไว พรอมกับมีการสรางสังฆารามขึ้นเพ่ือใหพุทธศาสนิกชนไดข้ึนมากราบไหวบูชาคะ เวลา
ผานไปหลายรอยปc สิ่งกอสรางภายในวัดไดมีการทรุดโทรมลง
อยางมาก ทางกรมศิลปากรจึงไดทําการบูรณะปฏิสังขรณวัด
พระพุทธฉายคร้ังใหญ มีการทุบซอมแซมพ้ืน จึงไดคนพบ รอย
พระพุทธบาทเบอ้ื งขวา บนยอดเขา กอนสรางมณฑปครอบเอาไว
ดวยเชนกัน
สําหรับ วัดพระพุทธฉาย มีตํานานเลาขานมาอยาง
ยาวนานโดยยอวา เมื่อคร้ังท่ีพระพุทธเจาเสด็จมาที่ เขาฆาฏกะ
หรือ เขาพระพุทธฉายในปKจจุบัน เพื่อโปรดนายพรานฆาฏกะ
จนสําเร็จพระอรหันตแลว ครั้นพระพุทธเจาจะเสด็จกลับ พระฆาฏกะจึงไดขอทูลใหทรงประทานส่งิ อันเปนE อนสุ รณ เพื่อ
สักการะกราบไหว พระพุทธเจาทรงแสดงพุทธปาฏิหาริยใหเงาของพระองคติดอยูในเนื้อหิน จนกลายเปEนสถานท่ีอัน
ศักด์สิ ิทธิ์ท่ีชาวสระบุรีเลอื่ มใสและเดนิ ทางมากราบไหวขอพรเปEนประจํา
ขับรถขึ้นไปจอดรถดานบน และเดินข้ึนบันไดตอไปอีกเล็กนอยก็จะไดสักการะรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา
พรอมทั้งยังไดชมวิวทิวทัศนรอบ ๆ เขาพุทธฉาย ซึ่งมีทั้งบานเรือนของชาวบานและแนวเขาสลับกันไปสวนพื้นท่ีวัด
7 เปEนสวนหนึ่งของรายวิชาความคดิ สรางสรรคกบั การสรรสรางงานเขยี น มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
17
บริเวณเชิงเขาก็มีอาณาบริเวณกวางขวางและรมรื่นไปดวยตนไมใหญ ท่ีลานจอดรถ มีน้ํา มีอาหารลิงขาย ถาใหเดินลง
ทางเดิมคงเปนE ลมแน ๆ ใครจะมาแนะนาํ ใหมาชวงเชานะคะ อากาศจะไดไมรอน
เมือ่ เขาไปบริเวณวัด เราจะพบกบั บนั ไดนาคทจี่ ะพาเราข้ึนไปกราบไหวพระพุทธฉายทปี่ ระดิษฐานอยูในมณฑป
บริเวณผาหิน มีลักษณะเปEนรอยสีแดงจาง ๆ ที่มีความเช่ือวาเปEนเงาของพระพุทธเจาคะ ตํานานไดกลาวเอาไววา
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจาไดเสด็จมาโปรดนายพรานฆาฏกะจนสําเร็จเปEนพระอรหันต เมื่อพระองคจะเสด็จกลับ
นายพรานฆาฏกะจึงทูลขอส่ิงศักด์สิ ิทธ์ิเพ่ือเอาไวเคารพบชู า พระพทุ ธเจาจงึ แสดงอิทธิฤทธ์ปิ าฏิหาริยโดยการประทับเงา
ของพระองคไวที่ชะงอนผาบนภเู ขาแหงนี้ นนั่ กค็ ือ รอยพระพทุ ธฉาย ท่เี ราเคารพบชู ากันในปจK จบุ ันนน่ั เอง
นอกจากพระพุทธฉายแลว บนยอดเขายังเปEนท่ีประดิษฐาน รอยพระพุทธบาทเบ้ืองขวา ในมณฑป ซึ่งพวกเรา
สามารถเดินข้ึนบันไดหลายขัน้ เพื่อข้ึนไปยงั ยอดเขา หรือจะขบั รถข้นึ ไปก็ไดคะ นอกจากน้ียังเปEนท่ปี ระดิษฐาน พระพุทธ
ไสยาสนองคใหญดวย ภายในวดั มบี รรยากาศรมรื่น และเงยี บสงบ ยง่ิ ถาไดข้นึ ไปบนยอดเขาแลว จะไดชมวิวสวย ๆ ของ
ป?าเขาอุดมสมบูรณ และบานเมืองในจังหวัดสระบุรีไดอยางชัดเจน เหมาะสําหรับสายบุญท่ีอยากไหวพระทําบุญ และ
สัมผัสธรรมชาตไิ ปพรอม ๆ กนั คะ
นอกจากนี้บริเวณเชิงผามีภาพเขียนลายเสนยุคกอนประวัติศาสตรใหเรียนรู ไดแก ภาพสัตวลายเสนคลาย
ตัวกวาง ขางประตูเขาพระพุทธฉาย พบภาพมือคนและภาพสัญลักษณ บริเวณจากถํ้าฤาษีไปทางพระพุทธฉายทางทิศ
ตะวนั ตกพบภาพเขียนรูปไก ภาพพระพุทธรปู และภาพสญั ลักษณ และบรเิ วณหนาผา จปร. พบภาพลายเสนขนาดใหญ
ที่มีความซับซอน คลายภาพเขียนกอนประวัติศาสตรท่ีเคยถูกคนพบที่ผาแตม จ.อุบลราชธานี เขียนดวยยางไมมีอายุ
เกาแกประมาณ 3,000 ปc โดยเขียนสัญลักษณที่ส่ือความหมายใหเขาใจในหมูเดียวกัน หรืออาจจะเปEนส่ือทางพิธีกรรม
และความเชื่อของคนในยุคนน้ั
สุดทายนี้กอนท่ีเราจะจากกัน เราก็หวังวาสถานที่แหงน้ีจะเปEนสถานที่ทําใหทุกคนไดพักผอน และทําใหรูสึก
สงบใครไมเคยมาก็อยากใหลองมาสักครั้ง เพราะสถานทีน่ ี้นาไปจรงิ ๆ ใครขออะไรก็ไดสิ่งนน้ั และยังมที ีเ่ ดนิ เทีย่ วตาง ๆ
มมี ีจดุ ชมววิ หลายแหง ท้งั นอี้ ยากจะชวนทุก ๆ คนมาลองกราบไหวกันนะคะ
คุณสามารถมาสถานท่ีนี้ไดโดยไปเสนทางเดียวกับ อุทยานแหงชาติน้ําตกสามหล่ัน ถามาจากกรุงเทพฯ ใหใช
เสนทางถนนพหลโยธินเพ่ือมุงหนาสูจังหวัดสระบุรี จะมีป]ายบอกทางไปวัดพระพุทธฉายอยูทางขวามือ ใหเล้ียวตาม
ทางเขาไปอกี 1 กิโลเมตร จากน้นั เลย้ี วซายกจ็ ะถงึ ทางเขาวัดคะ
18
ประเพณีขา+ วหลามจ่เี ดือนย่ีทีห่ นองโน8
ณญาฎา ควรชม
คนไท-ยวน จวนนั่งซ่ิน กินขาวแลง ประเพณีเขาหลามจ่ีเดือนยี่ที่หนองโนเปEนประเพณีท่ีจัดข้ึนโดยคนหนองโน
ท่ีมีเช้ือสายไท-ยวนหรือโยนกเดิมที่อพยพมาจากเชียงแสนเม่ือพ.ศ. 2337 หรือ 200 ปcมาแลว แตชาวไท-ยวนที่อยู
หนองโนยังคงยึดถืออัตลักษณ เชน ภาษา เครื่องแตงกาย อาหาร ขนบธรรมเนียมประเพณีท่ีถือปฏิบัติกันมา เชน
ประเพณีตักบาตรขาวหลาม หมายถึง การนําขาวเหนียวใหมท่ีเพิ่งเกี่ยวข้ึนมาทําเปEนขาวหลาม เป#นการนําข+าวเหนียว
ใหมท่ีเก็บเกี่ยวในฤดูแรกมาเผาเป#นข+าวหลามและนําไปใสบาตรพระสงฆ5ที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา เพ่ือความเปEนสิริ
มงคลแกครอบครัว อุทิศสวนกุศลใหแกพระแมโพสพ ขอพรใหครอบครัวไดอยูรมเย็นเปEนสุข มีขาวปลาอาหารอุดม
สมบูรณตลอดจนเปEนการสงเสริมอนุรักษพันธุขาวพ้ืนเมือง ใหทุกคนเห็นคุณคาประเพณีวัฒนธรรมท่ีเกี่ยวเนื่องกับวิถี
ชีวิตและผลผลิตของชาวนา หรือเรียกกันวาเทศกาลขาวใหมเพื่ออุทิศสวนกุศลแกแมโพสพ ใหชวยคุมครองดูแล
ขาวเปลอื กในยงุ ฉางหลองขาวของตนรวมทัง้ เพื่อเปEนการแสดงออกถึงความสามัคคีของชุมชนในทองถิน่ (MGRONLINE
ผูจัดทําออนไลน. ประเพณีขาวหลามจี่. สืบคนเม่ือ 27 ตุลาคม 2565 จากhttps://mgronline.com/local/detail/
9630000002661)
ต้ังแตท่ีดิฉันจําความไดดิฉันก็ไดมางานประเพณีนท้ี ุกปcแตละปcจะประดบั ตกแตงสถานท่ีไวอยางสวยงามบงบอก
ถึงเอกลักษณทองถิ่นของชาวบานท่ีสวนใหญเปEนชาวไท-ยวนด้ังเดิม เมื่อกอนพิธีตักบาตรขาวหลามมีทั้งหมด 3 วัด คือ
วัดหนองโนเหนือ วัดหนองโนใต และวัดปgอกแปgก แตปKจจุบันนี้เหลือเพียงแควัดหนองโนใต ภายในงานจะมีการ
ออกจําหนายสินคามากมาย มีเครื่องเลนหลากหลาย และส่ิงที่ขาดไมได คือการขายขาวหลามของกลมุ แมบานในแตละ
หมูบาน รสชาติของขาวหลามแตละหมูก็จะแตกตางกันออกไป ความหวานความหอมความมันก็จะอยูที่วิธีการทําของ
แตละหมูบาน ประเพณีนี้จะจัดขึ้นดวยกันทั้ง 3 วัน ในวันแรกจะเปนE การสวดมนตเย็นท่บี ริเวณทท่ี ําการองคการบรหิ าร
สวนตําบลหนองโน หรือคนทีร่ จู กั จะเรียกกนั วาบงึ หนองโนหลังจากสวดมนตเย็นเสร็จกส็ ามารถหาของกนิ บรเิ วณรอบบึง
หนองโนไดพรอมด่มื ด่าํ กับบรรยากาศของชาวลานนาพรอมเสยี งดนตรีท่ีบรรเลงใหไดความรสู กึ มากวาเดมิ
ในวันที่ 2 จะเปEนการแหเกวียน ขบวนเกวียนในแตละปcจะเปEนเกวียนขาวของแตละหมูบานมารวมกัน เกวียน
แตละเลมประดับดวยธงผาและกระดาษแกวอยางประณีตสวยงาม โดยเฉพาะตนสักสลากภัตจะมีการประดับประดา
ดวยสีสันที่สะดุดตา ผูคนท่ีมารวมงานก็จะใสผาไหมแบบชาวไทยวนมารวมงาน เกวียนทุกเลมจะมารวมกันที่บึงเพื่อให
คนทม่ี ารวมงานทกุ คนไดมาใสบาตรขาวหลามรวมกัน
8 เปนE สวนหนึง่ ของรายวชิ าคตชิ นวทิ ยา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
19
และวนั สุดทายในคนื ที่ 3 นีจ้ ะมีการจดั ขนั โตกไวเพ่ือใหผูที่จองไดมารวมกินขาวแลงดวยกนั ใหความรสู กึ เหมอื น
หลงมาในยุคลานนา และภายในคาํ่ คนื น้จี ะมีการจัดการแสดงฟ]อนแบบชาวไท-ยวนท่ีออนชอยสวยงามและรวมกนั ชม
พลุ ปลอยโคมลอย ไดบรรยากาศแบบชาวลานนาจนทาํ ใหรสู ึกวาตองจาํ ประเพณีนีไ้ มลืม
(องคการบริหารสวนตําบลหนองโน 21 มกราคม 2562)
20
วัดชองแค9
ณัฐกาญจน เกตุเนตร
เปEนวัดท่ีมีความเกาแกมากแหงหนึ่ง สรางข้ึนเม่ือราว ๆ ปc พ.ศ. 2458 โดย
หลวงพอพรหม ถาวโร พระเกจิชาวพระนครศรีอยุธยา ซ่ึงหลังจากท่ีทานไดมรณภาพ
แลว บรรดาศษิ ยานุศิษยไดนาํ รางละสงั ขารแตไมเนาเปอ_` ยของทานมาใหผูเลอ่ื มใสศรัทธา
กราบไหวท่ีวัดน้ี หลวงพอพรหม ถาวโร ถือกําเนิดในปc พ.ศ. 2427 ในจังหวัด
พระนครศรีอยุธยา เม่ือเยาววัยไดศึกษา อานเขียนกับพระในวัดใกลบาน โดยศึกษา
อักษรขอมควบคูกับภาษาไทยตั้งแตกอนอุปสมบท ตอมาไดศึกษาเลาเรียนภาษาขอมจน
ชํานาญ และเร่ิมปฏิบัติวิปKสสนากรรมฐานพรอมกับเริ่มศึกษาวิชาไสยศาสตรและ
คาถาอาคมกับอาจารยท่ีเปEนฆราวาส ครั้งหน่ึงเคยเดินธุดงคอยูในประเทศพมาเปEน
เวลานาน จึงเดินทางกลับประเทศไทย ขณะเดินเร่ือย ๆ ไปจนถึงเขาชองแค จังหวัด
นครสวรรค เกิดฝนตกหนัก หลวงพอไดหลบเขาไปอยูในถํ้าซ่ึงเปEนถ้ําเล็ก ๆ จึงเร่ิม
บําเพ็ญเพียร ณ ชองเขาแหงนี้ตั้งแตนั้นเปEนตนมา ขณะที่หลวงพอจําศีลปฏิบัติธรรมอยู
น้ัน ที่วัดชองแคมีพระภิกษุ จําพรรษาอยูแลว 2 รูป แตยังไมมีเจาอาวาส จึงไดนิมนตใหหลวงพอลงมาจําพรรษา
ขางลางซ่ึงก็คือวัดชองแคในปKจจุบันนั่นเอง และหลวงพอพรหมไดเปEนเจาอาวาสรูปแรกของวัดชองแค หลวงพอพรหม
เปEนเจาอาวาสวัดชองแคนานถึง 54 ปc และไดลาออกในปc พ.ศ. 2514 กอนมรณภาพเมื่อปc 2518 ณ โรงพยาบาลบาน
หม่ี จงั หวดั ลพบรุ ี รวมอายทุ านได 91 ปc หลวงพอพรหมเปEนพระเกจผิ ูมวี าจาสทิ ธิเ์ ปนE เรอ่ื งราวที่เลาขานตอ ๆ กนั มา
ลกู ศิษย5ไปเปน# ทหาร
มีศิษยของหลวงพอพรหมคนหน่ึง ถูกเกณฑทหาร และไดรับเลือกเปEนทหาร ไดมา
กราบหลวงพอพรหม ทานไดมอบส่ิงหน่งึ ใหคอื ผาขาวมา โดยไดจารยันตโสฬส ดวยมอื ทาน
เอง หลังจากน้ันศิษยผูนี้ไดถูกฝMกและสงไปเปEนทหารปราบปรามผูกอการราย สมัยกอน
ผูกอการรายชุมกวายุงเสียอีก และศิษยผูน้ีทุกคร้ังท่ีลาดตระเวน ปะทะกับผูกอการรายเขา
โดนยิงดวยป_นเอ็ม 16 พรุนท้ังรางเจาตัวสลบเขาใจวาตาย พอจะนํารางศิษยของทานกลับ
แทบไมเชื่อสายตาตนเอง เส้ือพรุนไปท้ังราง แตกระสุนไมระคายผิว แถมยังมีลมหายใจอยู
เพียงแคสลบดวยความเจ็บที่กระสุนกระทบราง 30 กวานัด แตไมสามารถท่ีจะกระชาก
วิญญาณจากรางได ขาวนแ้ี พรกระจายไปทว่ั ทําใหผคู นท้งั สบิ ทศิ ท่ีทราบขาว มงุ สวู ดั ชองแค
คนเลยี้ งววั
พอฉันไดเลาวา มีคนเล้ียงวัวไดเลี้ยงวัว เหยียบย่ํา ตนไมของหลวงพอพรหม ทานไดพูดวา มึงตาบอดหรือ
ถงึ มองไมเห็น ในเวลาตอมาคนเลย้ี งววั คนนน้ั ก็ตาบอดจรงิ ๆ ตามวาจาทีท่ านไดพูด และมีเรอื่ งเลาขานตาง ๆ
คุณยายของฉันไดเลาวา พอคุณยาย (ตาทวด) ตอนเปEนเด็ก ๆ ไดมีโอกาสไปบีบนวดหลวงพอพรหม ทาน
เหมือนเปEนคนโบราณ รูปรางใหญโต สูง ดูดุแตใจดี ทําใหครอบครัวของฉันนับถือหลวงพอพรหมสืบตอกันมาเรื่อย ๆ
และเวลามงี านอะไรก็ไดไปเขารวมและชวยงานอยเู สมอมา
9 เปนE สวนหน่งึ ของรายวิชาความคดิ สรางสรรคกับการสรรสรางงานเขยี น มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
21
ความเชือ่ เร่ืองการนับถือพระโพธ์ลิ งั กา
วัดโพธิ์ลงั กา ตําบลปาI ง้วิ อาํ เภอเมอื ง จังหวดั อางทอง10
ณฐั ธิสา นาคเจอื ทอง
วดั โพธิ์ลังกาเปนE วัดเกาแกในตาํ บลปา? งิ้ว อําเภอเมือง จงั หวัดอางทอง มผี สู ันนษิ ฐานวา วัดโพธิล์ ังกานั้นสรางขึ้น
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา แตเน่ืองจากไมมีพระสงฆมาจําวัด จึงถูกปลอยท้ิงรางมาเปEนเวลานาน ภายหลังไดมีการขุดพบ
พระพุทธรูปสําคัญภายในบริเวณวัด ซงึ่ เปEนพระพุทธรูปที่สรางขึ้น ตามแบบศิลปะสมยั อยธุ ยา แมองคพระจะไมสมบูรณ
เนื่องจากถูกฝKงอยูใตดิน แตชาวบานกลับใหความเคารพบูชามาตลอดจนถึงปKจจุบัน โดยพระพุทธรูปองคน้ัน ก็คือ
“พระพุทธโพธ์ิลังกา” ซ่ึงขอบเขตการศึกษาในครั้งน้ี จะมุงศึกษาเก่ียวกับประวัติความเปEนมา ความเชื่อ และพิธีกรรม
ท่ีเกีย่ วของกบั พระพุทธโพธิล์ ังกา ดงั มรี ายละเอยี ดตอไปน้ี
พระพุทธโพธิ์ลังกาเปEนพระพุทธรูปท่ีสันนิษฐานวา สรางขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เน่ืองจากรูปแบบศิลปะ
การสรางเปEนแบบท่ีนิยมในสมัยน้ัน ความเกาแกกวา 200 ปc ทําใหไมคอยมีใครรูจักประวัติความเปEนมาของ
พระพุทธโพธ์ิลังกามากนัก จากการสัมภาษณและการสืบคนขอมูล สวนใหญสรุปไดเพียงวา มีการขุดพบภายในบริเวณ
วดั โพธลิ์ ังกา และไดมกี ารอัญเชญิ องคพระพทุ ธโพธ์ลิ งั กามาประดษิ ฐานท่ีวัดตงั้ แตน้ันมา
พระพุทธโพธิ์ลังกาเปEนพระพุทธรูปที่ชาวบานท้ังในหมู 5 ตําบลป?าง้ิว อําเภอเมือง จังหวัดอางทอง
และใกลเคียงใหความเคารพบูชาเปEนอยางมาก เน่ืองจากมีเรื่องเลากันวา กอนท่ีจะบวชพระ ในขณะท่ีเปEนนาคน้ัน
ตองไปไหวพระพุทธโพธ์ิลังกากอนเสมอ เพื่อความเปEนสิริมงคล และทําใหการอุปสมบทเปEนไปไดดวยดี
(เคลือ่ น รอดฤดี, การสอ่ื สารสวนบุคคล, 26 ตุลาคม 2565)
ในวันท่ี 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ไดมีชาวบานในละแวกนั้น จัดงานอุปสมบทโดยการข่ีชางแหนาคไปแกบน
หลวงพอวัดโพธิ์ลังกาใหหายเจ็บป?วย ใหมีสุขภาพรางกายแข็งแรง จากการสืบคนพบวา นายวิจิตร อายุ 74 ปc (ตา)
นางวรรณภา อายุ 67 ปc (ยาย) ไทยนอย เลาวา ในชวงตอนเด็ก ๆ นั้น หลานชาย นายธัชนนท (ตอง) ถึงวงค รางกาย
ไมคอยแข็งแรงเจ็บป?วยบอยมาก และพาไปหาหมอผานวัดโพธ์ิลังกา ซ่ึงเปEนที่นับถือของชาวบานจึงไดทําการบนบาน
ศาลกลาววา ขอใหหลานชายรางกายแข็งแรงไมเจ็บไขไดป?วย และเม่ือถึงเวลาอุปสมบทจะทําการใชชางแหนาค
เพือ่ ทาํ การแกบนหลวงพอพรอมรําวงถวายหลวงพอจาํ นวน 3 รอบ
ตั้งแตน้ันมา หลานชายก็มีรางกายแข็งแรง ไมเคยป?วยไขอีกเลย และเม่ือถึงกําหนดบวชจึงไดวาจางชาง
ช่ือ “พลายมรกต” มาจากวังชางอยุธยา ในราคา 45,000 บาท เพ่ือทําการแหนาคแกบน โดยให นาคตอง นั่งบน
หลงั ชางนําขบวนแหนาค จากบานไปทาํ การแกบนทวี่ ดั โพธ์ลิ ังกา พรอมรวมกันรําวงจํานวน 3 รอบ กอนใหนาคไปทาํ พิธี
อุปสมบทท่ีวดั น้าํ อาบ อําเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอางทองตามประเพณตี อไป
เคล่ือน รอดฤดี (การสื่อสารสวนบุคคล, 26 ตุลาคม 2565) เลาวา ตนเองเคยไปบนไวไมใหถูกทหาร แลวจะ
ถวายบหุ รี่กรุงทอง และละครใบ ขอสงั เกตคือ ตองไปคนเพียงคนเดียว และก็อาบน้ํามนตท่ีบรเิ วณน้ันไดเลย (นาํ้ มนตคือ
นาํ้ ทเี่ ราเอาไปเอง หลงั จากขอพร จึงคอยนาํ มาอาบ) หลังจากนัน้ ตนเองก็ไมถูกทหาร
10 เปนE สวนหนึง่ ของรายวชิ าคตชิ นวทิ ยา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
22
การบนบานศาลกลาว ถือเปEนความเช่ือของชาวบานหมู 5 ตําบลป?างิ้ว อําเภอเมือง จังหวัดอางทอง
และใกลเคียง ซง่ึ เชื่อกันวา หากประสบความสาํ เรจ็ ตามทีข่ อแลว ตองรีบมาแกบนทนั ที
ชิดกมล แสงอรุณ (การสือ่ สารสวนบุคคล, 27 ตุลาคม 2565) อธบิ ายวา ส่ิงของสวนมากทผี่ ูคนจะนาํ มาแกบน
หรือนํามาถวายพระพุทธโพธิ์ลังกา ก็จะมีพวกบุหร่ีกรุงทอง และพวงมาลัยตามแตกําลัง หากเรื่องที่ขอน้ันสําคัญมาก
กจ็ ะมีการนําละครใบมาเลนอกี ดวย
นอกจากนี้ ดวยความศักดิ์สทิ ธ์ิของพระพุทธโพธลิ์ ังกา และความเช่อื จึงมีชาวบานพรอมใจกันไปจัดงานทําบุญ
ถวายขาวประจําปc เพอ่ื เสรมิ ความเปนE สริ ิมงคลใหกับหมบู าน และตนเอง
นํ้าคาง นาคเจือทอง (การส่ือสารสวนบุคคล, 25 ตุลาคม 2565) อธิบายวา การทําบุญถวายขาวประจําปc เกิด
จากชาวบานในหมู 5 ตําบลป?าง้ิว อําภอเมือง จังหวัดอางทอง และใกลเคียงที่พรอมใจกันมารวมทําบุญ เพ่ือเปEนการ
เสริมสริ มิ งคลใหกบั หมบู านและตนเอง และในวนั นัน้ ก็ยงั มีการรวมกนั ทาํ ความสะอาดบรเิ วณวดั อกี ดวย
ความเช่ือเรื่องการนับถือพระพุทธโพธิ์ลังกาของชาวบานหมู 5 ตําบลป?างิ้ว อําเภอเมือง จังหวัดอางทองนั้นจะ
เห็นไดจากการเคารพนับถือมาตั้งแตอดีตจนถึงปKจจุบันท่ียังมีผูคนไปกราบไหวขอพร และบนบานศาลกลาวกัน
ไมขาดสาย จนในยุคหน่ึง มีเจาอาวาสจากวัดเกาะ ตําบลบางพระ อําเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอางทอง นามวา
หลวงพอโสภณ (หลวงพอนาม) ไดมาทําการบรู ณปฏสิ งั ขรณพระพทุ ธโพธิ์ลังกาใหม โดยการรวมมวลสารและหลอครอบ
องคพระเดิมไว พรอมทั้งสรางวหิ ารใหใหมอีกดวย
จากการศึกษาความเช่ือเร่ืองการนับถือพระพุทธโพธ์ิลังกาของชาวบานหมู 5 ตําบลป?างิ้ว อําเภอเมือง จังหวัด
อางทอง แสดงใหเห็นวา แมพระพุทธโพธิ์ลังกาจะเปEนเพียงพระพุทธรูปที่ไมสมบูรณ เกือบจะเปEนเศษซากอิฐเทาน้ัน
แตดวยความศักด์ิสิทธ์ิและอิทธิฤทธ์ิปาฏิหาริย ทําใหผูคนยังคงเคารพนับถือพระพุทธโพธิ์ลังกา อาจพูดไดวา
พระพทุ ธโพธล์ิ งั กาเปนE พระพุทธรูปประจาํ บานหมู 5 ตาํ บลปา? งิว้ อําเภอเมือง จังหวัดอางทองไปเสียแลว
ภาพท่ี 1 พระพุทธโพธิ์ลังกา
ถายเม่อื วันท่ี 31 ตุลาคม พ.ศ. 2565
ภาพท่ี 4 งานทาํ บญุ ถวายขาวประจาํ ปc
ถายเม่อื วนั ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2565
ภาพที่ 2 สถานทีก่ ราบไหวพระพทุ ธโพธ์ิลังกา
ถายเม่อื วันท่ี 31 ตุลาคม พ.ศ. 2565
23
ตาปIูบ+าน ศาลเกา
ทิพวรรณ จันทมาตร
วัฒนธรรมความเช่ือของชาวบาน และศาลตาป?ูบานของตําบลเล็ก ๆ ตําบลหนึ่งในจังหวัดสระบุรีท่ีสืบสานเลา
ตอ ๆ กันมาต้ังยุคปู?ยาตายาย มีวัฒนธรรมที่ตางไปจากหลาย ๆ ที่ท่ีทําใหหลายคนอาจคิดไมถึงวาชาวบานมีความเช่ือ
เกี่ยวกับเรื่องเหลานี้มากนอยเพียงใดถึงไดมีปฏิบัติเชนนี้ทุกปc แลวศาลน้ีตั้งข้ึนมาไดอยางไร และการท่ีชาวบานปฏิบัติ
เชนนี้ มเี หตผุ ลเพราะอะไร
ศาลตาปูบ? าน เปนE ศาลที่ชาวบานเชือ่ กนั วาคอยลูแลรกั ษาหมบู าน และผูคนใหปลอดภยั จากสง่ิ ท่ีไมดี ปราศจาก
อนั ตรายใด ๆ ศาลนี้ตง้ั อยูที่บานของคุณตาของฉนั ณ หมูบานหนองดินแดง ตําบลลําพญากลาง อาํ เภอมวกเหล็ก จังหวดั
สระบุรี เปนE หมบู านท่ีอยูหางไกลความเจริญ ชาวบานสวนใหญยายถน่ิ ฐานมาจากอาํ เภอดานขุนทด จังหวดั นครราชสีมา
ใชภาษาอีสานในการสื่อสารเปนE สวนใหญ
ฉันถามคุณตาของฉันวาศาลน้ีต้ังขึ้นมาไดอยางไร เพราะเหตุใดตองมาต้ังในพ้ืนที่ของบานคุณตา คุณตาของฉัน
บอกวาเปEนศาลท่ีต้ังขึ้นมาจากการเขามาบอกจากรางทรงคนหนึ่งในหมูบานวาใหตั้งศาลในหมูบานขึ้น ถาตั้งศาลเสร็จ
ทานจะเขามาคุมครองชาวบานใหปลอดภัยและชาวบานจะมีความสุข ใหตั้งชื่อศาลวา “ตาปู?บาน” สาเหตุที่ตองต้ังศาล
ในพน้ื ทีบ่ านของตา เปEนเพราะไมมีพ้ืนทใี่ นการกอต้ัง ยาทวดจงึ ใหพื้นท่ใี นการกอตง้ั จงึ ใหชาวบานมาชวยกันตง้ั ศาลตาป?ู
บานข้นึ คุณตาของฉนั บอกวาศาลตาปบ?ู านตั้งขึน้ มานานมากเกือบ 50 ปเc ห็นจะได
การเลย้ี งศาลตองเลีย้ งในวนั ข้ึน 6 คํ่า เดอื น 6 ของทกุ ปc กอนทีจ่ ะมีการเลีย้ งศาล ตาจะพาฉนั ไปทาํ ความสะอาด
ศาล ลางพวงมาลัยท่ีหอยอยูในศาล ลางรูปปOKนชาง มา อาหารท่ีเล้ียงประกอบไปดวยไกตม สุราขาว ยาสูบ หมาก พลู
ขาวสวย น้ําพริก ขนมหวาน ผลไม ขาวสาร เงินทําบุญ ดายผูกแขน กระทงสะเดาะเคราะห กระติกนํ้าไวสําหรับทํา
น้าํ มนต ซ่ึงในแตละครอบครวั ทีม่ ารวมพธิ ตี องจดั เตรียมทุกอยางมาใหพรอม และนาํ มาไวไวทศ่ี าลจากนัน้ รางทรงก็จะทํา
พิธีเชิญเจาพอที่คอยลูแลรักษามาประทับที่ราง เม่ือเห็นวาทานมาประทับแลวชาวบานก็ตางพนมมือไหวสักการะดวย
ความศรทั ธาที่มีตอเจาพอ และรางทรงจะแตงชุดขาวตลอดพธิ ี
ในการทําพิธีกรรมจะเร่ิมจากพิธีไหวศาลโดยเร่ิมจาก พนมมือถือดอกไมธูปเทียนเดินวนรอบศาล จํานวน 3
รอบ เมื่อวนจนครบก็จะนําดอกไมธูปเทียนมาปKกไวรอบ ๆ ศาล โดยชาวบานเช่ือกันวาเปEนการสักการะเจาพอเจาแม
จากนั้นก็จะเร่ิมพิธีถวายอาหารตาง ๆ ที่ชาวบานไดเตรียมมา ที่มีท้ังอาหารคาวและอาหารหวาน เม่ือถวายอาหารเสรจ็
ยังมอี ีกพธิ กี รรมซึ่งฉันกม็ ีความประหลาดใจเล็กนอย นน่ั คือการเส่ียงทายภายในครอบครวั จากคางไกตม ชาวบานทุกคน
ท่ีมารวมพิธีตางก็จะพากันแกะคางไกตมจากท่ีตนไดเตรียมมามอบใหแกเจาพอไดทํานาย จากการท่ีฉันไดสังเกตคางไก
ชิ้นที่เจาพอบอกวาจะมีแตเรื่องดี ๆ ครอบครัวจะรักกัน ร่ํารวยเงินทอง คางไกนั้นจะโคงงอยาว มีความสวยงาม แตถา
ช้ินที่เจาพอทานไดทํานายวาไมคอยดีสักเทาไหรนัก บางคร้ังก็ทํานายวาคนในบานจะป?วย หรือเวลาจะทําอะไรให
24
ระมดั ระวงั ฉันจะเห็นคางไกท่ีบิดเบี้ยว ไมสวยงาม และไมโคงงอเหมือนคางไกท่ีทํานายดี จากนั้นเมอื่ เสร็จพธิ ีน้ีแลวก็จะ
ยกอาหารลงออกจากพ้ืนทขี่ องศาล มกี ารนําอาหารท่ีไหวศาลเสร็จมารับประทานตอ โดยเชื่อกนั วาเปEนยาใหแกรางกาย
แจกผลไมแกลูกเด็กเล็กแดงท่อี ยูในน้ัน
พิธีกรรมตอมาเรียกกันวาทิ้งกระทงสะเดาะเคราะห กระทงที่วาทําจากตนกลวยที่นํามาทําเปEนรูปทรงส่ีเหลี่ยม
และแบงเปนE ชองทั้งหมด 9 ชอง ในแตละชองจะมีการปOKนเพ่ือการจําลอง แหวน เงนิ ทอง ปOKนคนในครอบครวั สตั วเล้ยี ง
รวมไปถึงรถ และยังมีการใสขาวสุก เม่ียงปลารา และน้ําเปลาและเขียนช่ือคนในครอบครัวใสลงไปในกระทง เพ่ือเปEน
การแทนตวั ตน และส่ิงของภายในบานเปEนการทิ้งสงิ่ ไมดี กอนท่จี ะมีการทํากระทงไปท้ิงก็จะนาํ มาใหเจาพอไดสวดทําพิธี
ใหเสร็จเรียบรอยก็จะพากันนํากระทงไปท้ิง และฉันเปEนคนที่ไดไปทิ้งกระทงของบานตัวเองแทนพอ คุณตาของฉันบอก
วาเวลาที่เดินไปท้ิงและเดินกลับหามพูดคุยกับใคร และหามหันหลังกลับไปมอง กอนจะท้ิงกระทงใหทองนะโมสามจบ
แลวก็ทิง้ กระทงไว เมอ่ื ท้งิ เสร็จฉันก็ทําตามที่ตาบอก แตฉนั รูสึกแปลกใจในขณะที่ฉันกําลังเดนิ กลับผูใหญบางคนที่ไปทิ้ง
กระทง กม็ ีการพดู กัน แตบางคนกไ็ มพดู เมือ่ กลบั มาถึงทศี่ าลก็จะมานง่ั ใหเจาพอประพรมน้ํามนตให
เม่ือพิธีทิ้งกระทงเสร็จก็มีการทํานา้ํ มนตตอ ชาวบานก็จะนาํ กระตกิ นํ้าที่ใสนา้ํ มาเพื่อทํานํ้ามนต มาใหเจาพอทาํ
น้ํามนตให เพื่อใชอาบ กิน เปEนสิริมงคลแกตนเองและครอบครัว ในการทําน้ํามนตนน้ั ไมไดราบร่นื ไปเสียทุกคน ฉันเห็น
ของคุณยายคนหน่ึง เจาพอบอกวาดอกนํ้ามนตไมสวยเลย ก็เลยไดนํานํ้าไปทิ้ง และมาทําใหม แตก็แปลกเม่ือทําใหดอก
นา้ํ มนตกเ็ ปนE แบบเดมิ จึงเททง้ิ และเปล่ียนนา้ํ แบบนอี้ ยหู ลายคร้งั จึงไดน้ํามนตทีด่ ี
เสรจ็ จากการทาํ นํา้ มนต เจาพอกจ็ ะทําการเสย่ี งทายโดยรางทรงทที่ รง เร่ิมทาํ การเสยี่ งทาย ดวยการนําขัน 2 ใบ
ขันใบเลก็ ซอนไวในขนั ใหญ ซ่ึงในขนั มีการแตงขนั ธ 5 แลวนําเหลามาเทใสในขนั เลก็ แลวรางทรงก็นําขนั ขึน้ มาวางไวบน
ศีรษะ แหรอบศาลทั้งหมด 3 ครงั้ ครง้ั แรกเสย่ี งทายประเทศชาติ คร้ังทสี่ องเสย่ี งทายฟ]า - ฝน รอบสุดทายเส่ียงทาย
หมูบาน ผลการทํานายดจู ากขันท่ีควาํ่ และหงาย หากขันเล็กและขนั ใหญหงาย การเส่ียงทายรอบนั้นก็จะดีมาก แตถา
หากขนั เล็กหงาย ขนั ใหญคว่าํ ผลการทํานายก็จะดเี ล็กนอยแตไมมาก หากขนั เลก็ ควํา่ ขันใหญหงาย ผลการทํานายก็
จะดี แตไมทสี่ ดุ หากขันควาํ่ ทั้งสองขนั เชอื่ กนั วาผลการทํานายในเรื่องน้นั จะไมคอยดเี ทาไหรนกั
ข้ันตอนสุดทายของพิธี ฉันเห็นมีผีทรงนางรํา ออกมารําท่ีหนาศาล ผูหญิงแกที่มีอายุบางคนก็ออกมารําโดยมีผี
มาทรง ฉนั เหน็ รางท่ที รงน้ันมีลูกหลานนาํ เหลา บุหร่ี มาถวายในการราํ ดวย แตฉนั เหน็ อกี วาหากไมมลี ูกหลานนําของมา
ถวายใหเหมือนกับคนอื่นก็จะมีความโกรธ บางคนก็รองไห เม่ือพิธีตาง ๆ ไดเสร็จส้ินลงตาของฉัน ไดรวบรวมเงินที่
ชาวบานทําบุญ และขาวสารไปทําบุญถวายแกวัดในหมูบาน และชาวบานก็จะตกลงวันกันในการทําบุญกลางหมูบาน
เพ่อื สรางความสริ มิ งคลแกชาวบานและหมูบาน
วัฒนธรรมประจําทองถ่ินที่ไดเกิดข้ึนมาน้ีฉันเห็นมานานมากแลว ฉันก็เปEนเด็กคนนึงที่เช่ือวาตาปู?บานจะ
คุมครองฉันใหอยูปลอดภัย อีกความเชื่อหนึ่งก็คือการบนบานศาลกลาวแกศาลตาป?ูบาน หากใครอยากไดอะไรหรือ
อยากใหตาป?ูบานชวยเร่ืองใด ก็จะมาไหว มาจุดธูปขอและบนบานหากไดตามที่ตองการก็จะนําของมาถวายตามที่ไว
กลาวไวฉันเคยถามตาของฉันวา ถาคนรุนเกาไมอยูจะมีใครมาสืบทอดวัฒนธรรมนี้ตอไป ตาฉันตอบแบบส้ินหวังและ
นํ้าเสียงเบามากวาก็คงไมมีแลวแหละ คนจะมาสนใจเรื่องแบบน้ีกันเลา ฉันไดยินแบบน้ันฉันอยากใหมีคนมาสืบตอ
วัฒนธรรมประเพณที องถิ่นนีไ้ วใหคงอยตู อ ๆ ไป
25
บ+านบางขนั หมาก11
นภสั วรรณ คุมเมอื ง
การจักสานไมไผเปEนวัฒนธรรมและภูมิปญK ญาท่ีอยกู บั
คนไทยมาอยางชานานการจักสานถือเปEนงานที่สรางสรรคงาน
จักสานไมไผเปEนงานท่ีตองใชภูมิปKญญาและความประณีต
ความละเอียดออน และทักษะฝมc ือ ความชาํ นาญเปนE อยางมาก
ต้ังแตการรูจักคุณสมบัติของไมไผแตละชนิดท่ีเหมาะสมที่จะ
นํามาจักสาน การจักตอกเพื่อเตรียมนํามาข้ึนรูปจักสาน
งานหัตถกรรมจกั สานไมไผจึงยังคงเปEนงานหตั ถกรรมพน้ื บานท่ี
ยังคงสืบทอดตอกันมานับตั้งแตอดีตจนถึงปKจจุบันแตปKจจุบัน
วฒั นธรรมงานจกั สานเหลานีก้ าํ ลงั จะหายไป...
การจักสานไมไผเปEนงานท่ีเกิดข้ึนโดยการนําไมไผนํามาจัก ผา ฉีกใหเปEนเสนไมหนาและไมบางจนเกินไป และ
นํามาขัด สาน สอด ไขว ข้ึนโครงเปEนรูปรางท่ีตองการไมวาจะเปEนภาชนะใสของหรืออุปกรณที่ใชหาปลา งานจักสาน
ถือเปนE หัตถกรรมทอ่ี ยคู กู บั คนไทยมายาวนานและเปนE วฒั นธรรมทใ่ี นสมัยใหมกําลังเลือนหายไป
หมูบานเล็ก ๆ ในลพบุรีท่ีเปEนหมูบานที่เปEนรกรากของไทยรามัญตําบลเล็ก ๆ ท่ีเรียกกันวาตําบลบางขันหมาก
เปEนตําบลขนาดไมใหญมาก บานบางขันหมากตําบลที่ไมไดมีดีแคอิฐมอญ ไมไดขึ้นชื่อแคหลวงป?ูทอกรัก แตในบาง
ขันหมากในสมัยกอนยังข้ึนช่ือเรื่องหัตถกรรมจักสานไมไผเปEนอยางมากแตในปKจจุบันมีเพียงคนบางกลุมเทานั้นท่ียัง
ทํางานหัตถกรรมจักสานอยู ยายเหลา ศรีสุวัน หญิงชราวัย 70 ปc ท่ียังขยันขันแข็ง ยายเหลาเปEนคนบางขันหมากโดย
กาํ เนิด ยายเหลาถอื เปEนคนสวนนอยในบางขันหมากท่ียังยึดถืออาชีพจักสานอยู ยายเหลาเลาวาตนอยูกบั การจักสานมา
ต้งั แตเดก็ และจักสานเปEนต้งั แตอายุ 15 เพราะไดมองพอและแมของตนทําและไดยดึ อาชีพน้ีมาจนถงึ ปจK จุบัน การจะจัก
สานเปนE น้นั ยายเหลาบอกวาตองเรม่ิ ตัง้ แตรูจกั ไมไผท่ีจะทํามาจักสาน ไมไผท่ีใชตองเปEนไมไผสสี กุ เทานน้ั เพราะถาเปEนไม
ไผกินหนอนั้นจะมีขอที่แข็งทําใหจักสานไดยาก ไมไผท่ีใชยายเหลาบอกวาก็หาซื้อตามแถวบานลําละ 20 – 30 บาท
1 ลาํ สามารถทาํ เคร่ืองจักสานไดหลายหมน่ื บาทเลยทเี ดียว การทําจกั สานท่ีเปEนงานฝcมือใชเวลาทําที่นาน และยากกวา
จะไดแตละช้ินใชเวลาเปEนวัน การที่จะจักสานเปEนรูปรางไดตองเริ่มจากการจักตอกเปEนในการจักตอนตองมีมีดที่ใชใน
การตอกเรียกวา “มีดจักตอก” มีรูปรางคลายมีดดาบแตมีขนาดท่ีเล็กกวานํามีดจักตอกมาตอกไมไผใหไมไผเปEนเสน
บาง ๆ แตไมถึงข้ันบางจนเกินไป (เหมือนท่ีมดั เกลยี วขาวตมมัด)
จักตอกเสร็จแลวถาตอกแข็งจนไมสามารถขึ้นเปEนรูปไดใหนําไปแชงน้ําไวแลวคอยนํามาข้ึนสานเปEนรูปราง
ตามทต่ี องการ เครอ่ื งจักสานทเ่ี ขานยิ มส่งั ใหยายเฉลาทําคือ ตะกราทําบญุ หรอื ท่ีคนแถวบางขนั หมากเรียกตดิ ปากกันวา
กะเตงทําบุญ หรือจะเปEน ตะกราไมไผสานเล็ก ๆ ไวใสของ ที่นิยมสั่งกันมากท่ีสุดคือ หาบ หรือคนแถวน้ีเรียกกันวา
กะเตงหาบ หาบมีลักษณะคือเปEนคลาย ๆ ตะกราแลวมีหูจับยาวข้ึนไปใหไมคานสอดได คนสมัยกอนนิยมใชหาบหาบ
ขายของในสมัยนี้ก็ยังสามารถพบเห็นไดแตสวนมากจะเปEนแถวชนบท ยายเฉลาบอกวาเขานยิ มส่ังกันมากเพราะเวลามี
ลูกหลานบวชเขานิยมนําหาบมาใสเหรียญโปรยทานกวาจะเปEนหาบนั้นตองใชเวลาทําเปEนอยางมากเพราะหาบมีหลาย
องคประกอบไมวาจะเปEน คานของหาบที่ทําจากไมไผเหลาใหมีขนาดไมหนามาก สวนตรงหัวทําเปEนรูปคลายเรือใน
สมัยกอน แลวมีตวั หาบทค่ี ลายตะกราใสของ 2 ใบทที่ ําจากไมไผสีสกุ และมีตวั หูหาบทยี่ าวขน้ึ ไปท่ีทาํ จากไมหวายกอนจะ
11 เปนE สวนหน่งึ ของรายวิชาความคดิ สรางสรรคกบั การสรรสรางงานเขียน มหาวิทยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
26
ดดั เปนE รปู ไดตองนําหวายไปแชน้ํากอนเพราะถาไมแชน้ําจะทําใหหวายหักไมสามารถดัดเปEนรูปไดแลว จงึ ดดั ข้นึ รูปใหไม
คานสามารถสอดเขาไปได จากน้ันมีฝาปNดหาบ หรือคนบางขันหมากเรียกติดปากกันวา กะโล มีลักษณะคลายกระดงที่
คนนิยมเอาไวตากปลาแตมีขนาดท่ีเล็กกวา งานจักสานของยายเฉลาเปEนที่เลื่องลือไปไกลเพราะงานจักสานของยาย
เฉลาราคาไมแพงและยังมีความประณีต เรียบรอยจนไดเปEนตัวแทนไปสอนในนามของตําบลบางขันหมากท่ีโรงเรียน
สารพัดชางลพบุรี ไปสอนพวกชาวบาน นักเรียนใหมีอาชีพและใหสืบสานตอวัฒนธรรมการจักสานใหคงอยูไปอีกนาน
ยายเฉลาไดบอกวาถาใครจะมาเรียนเพื่อสืบทอดวัฒนธรรมหรืออยากไดเปEนวิชาเปEนอาชีพตนก็ยินดีท่ีจะสอนใหเพราะ
อยากใหวฒั นธรรมการจักสานน้ันยงั อยูคงสบื ไป
วัฒนธรรมการจักสานท่ีอยูคูกับคนไทยมาชานานการจักสานเปEนภูมิปKญญาของคนไทย งานหัตถกรรมจักรสาน
เปEนงานท่ีตองมีใจรักเพราะตองใชทั้งความประณีต ความละเอียดออนของงาน และความอดทนท่ีกวางานจะเสร็จใน
แตละชิ้นแตงานจักสานเปEนงานที่มีคุณคาและความสวยงามเปEนอยางมากและเปEนสิ่งท่ีอยูคูกับตําบลบางขันหมากมา
นานหลายช่ัวอายุคน เปEนส่ิงที่บรรพบุรุษสืบทอดตอมาจนถึงรุนลูกแตรุนหลานหลายคนในบางขันหมากน้ันไมสามารถ
ทํางานจักสานไดแลว วัฒนธรรมการจักสานถือเปEนสิง่ ทสี่ ะทอนความเปEนไทย จงึ ควรสบื ทอดไวไมใหหายไปไหนใหคงอยู
ไปอีกหลากยุคหลายสมัย เพราะเปEนวัฒนธรรมท่ีสะทอนความเปนE ไทยไดเปนE อยางดี
ตอก
หาบ
27
งานแผนดนิ สมเดจ็ พระนารายณม5 หาราช
นภสั สร สดี ามา
(ถายเม่ือ 20/02/2563)
ลพบุรีเปEนเมืองท่ีอุดมไปดวยวัฒนธรรมท่ีหลากหลาย อีกทั้งยังเปEนสถานท่ีท่ีชาวตางชาติสนใจเขามาทองเท่ยี ว
เปEนอยางมาก ทําใหอําเภอเมือง จังหวัดลพบุรีเปEนสถานท่ีที่สามารถเผยแพรวัฒนธรรมไดเปEนอยางดี และงานแผนดิน
สมเด็จพระนารายณมหาราชก็เปEนอีกหน่ึงงานที่ดิฉันชื่นชอบเปEนอยางมาก งานน้ีจะจัดข้ึนทุกปcในชวงประมาณเดือน
กุมภาพันธ จากประสบการณตรงท่ีฉันไดเขารวมงานแผนดินสมเด็จพระนารายณ กาวแรกท่ีไดเดินเขาไปในงาน ทําให
ฉนั รูสึกเหมอื นกบั วาตวั เองอยูในยุคสมเด็จพระนารายณ บรรยากาศภายในงานนั้นครื้นเครงเปEนอยางมาก แสงสวางของ
งานนั้นถูกตกแตงไปดวยไฟแสงสีที่สวางไสว พรอมท้ังมีผูคนมากมายตางถ่ินตางจงั หวดั ที่มารวมงานตางพากันแตงกาย
ดวยชุดไทย แสดงใหเห็นถึงเอกลักษณของไทยไดอยางสวยงาม รวมไปถึงชาวตางชาติดวยก็พากันแตงกายดวยชุดไทย
เชนกัน ความรูสกึ ทไ่ี ดเห็นชาวตางชาติแตงชุดไทยนนั้ ตามวัฒนธรรมของเรานัน้ ทําใหฉันรูสึกประทับใจเปEนอยางมาก ท่ี
ไดเหน็ นักทองเทยี่ วตางถ่ินไดใหความสนใจในวฒั นธรรมของจังหวัดเรา ความรสู ึกน้นั ณ ตอนนั้นเตม็ ไปดวยความภูมิใจ
เพราะงานวงั ของเราเตม็ ไปดวยบรรยากาศทนี่ าสนใจ พรอมท้ังมอี าหารการกินพนื้ บานท่ีมีมาแตเดิมใหผูคนที่มารวมงาน
ไดลิ้มรสความอรอย ไมวาจะเปEนขนมไทย หรือนํ้าสมุนไพร ทุกอยางท่ีไดชิมนั้นมีรสชาติอรอยมาก ไมเสียดายเลยที่ได
เปEนสวนหนึ่งในการชวยอนุรักษวัฒนธรรมพ้ืนบานใหคงไว และมีอีกหนึ่งอยางที่ฉันชอบมากท่ีสุดในงานก็คือ สินคา
OTOP เปEนกระเป‰าทํามาจากหวาย เปEนงานฝcมือช้ินหน่ึงท่ีฉนั ชอบมาก เพราะเปEนกระเป‰าท่ีทํามาจากฝcมือของชาวบานแต
มีความสวยงามละเอียดไมแพผลิตภัณฑของจังหวัดอ่ืน อกี ทงั้ ราคายงั ยอมเยาใหบุคคลที่สนใจสามารถจบั ตองไดอกี ดวย
28
เม่ือเดินไปรอบ ๆ งาน มีอีกหนึ่งจุดที่สะดุดตามากก็คือ ในงานนั้นไดจัดการแสดงละเลนพิเศษเกี่ยวกับเหตุการณ
ในประวัติศาสตรสมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช การแสดงน้ีจัดข้ึนเพื่อปลุกใจใหผูคนที่รับชมไดรูสึกมีความรักชาติ
ผูคนที่เดินผานแถวน้ันตางพากันแวะชมการแสดงกันท้ังหมด ฉากท่ีจัดข้ึนใชสําหรับการแสดงไดจัดข้ึนตรงบริเวณ
ปรางคเกาที่อยูในวัง ใหฉากรูสึกสมจริงมากท่ีสุด นักแสดงแตละคนเลนไดดีมาก ๆ บรรยากาศในการแสดงน้ันสามารถ
ดงึ ดดู ผชู มไดมากเลยทีเดียว ทาํ ใหสามารถดูการแสดงไดจนจบโดยไมรูสกึ เบอื่ เลย
จากที่ไดเขารวมงานแผนดินสมเด็จพระนารายณมหาราช ถือไดวาเปEนเทศกาลในพ้ืนที่ทางวัฒนธรรมท่ีนาสนใจ
เปEนอยางมาก เพราะภายในงานน้ันประกอบไปดวย อาหารการกิน การแตงกาย สินคาตาง ๆ ฯลฯ ท่ีเปEนเอกลักษณ
ของชาวจังหวัดลพบุรี นํามาใหผูท่ีไดเขารวมน้ันไดชม ไดสัมผัส จนเกิดเปEนงานท่ีชวยอนุรักษวัฒนธรรมของจังหวัด
ลพบุรีไดเปนE อยางมาก ทาํ ใหประเพณแี ละวฒั นธรรมของจงั หวดั ลพบุรยี งั คงอยสู บื ตอไป
29
เรื่องเลาวัดตึกกบั สงกรานต5ที่เลอื นราง12
นธิ กิ ร มวงมี
วัดเล็ก ๆ ริมแมนํ้าสายเล็ก ๆ ในจังหวัดเล็ก ๆ แตหากจะเอยนามของวัดคงจะสรางความงุนงงกับผูอาน
อยูไมนอยวาหมายถึงที่ใดกันแนเพราะทั้งประเทศเขตขัณฑสีมาน้ีก็มีวัดช่ือวาตึกอยูไมนอย วัดตึกท่ีจะกลาวตอไปนี้ คือ
วัดตึก เลขที่ 1 หมูที่ 9 ตําบลโพงาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท วัดต้ังอยูริมแมน้ํานอยฝK`งตะวันออกซ่ึงเปEนแมน้ําสาขาของ
แมนํ้าเจาพระยาอีกสายหนึ่ง ขอมูลท่ัวไปของวัดแหงนี้ที่ปรากฏในหนวยงานทองถิ่นมีประวัติวาวัดแหงนี้เปEนวัดรางท่ี
สรางมาตั้งแตสมัยอยธุ ยา มีเนื้อท่ีราว 23 ไรเศษถูกทิ้งรางมาเปนE เวลาชานานแตก็มีพระมาจําพรรษาสลับกับเปEนวัดราง
อยูบางจนในปc พ.ศ. 2456 จึงไดมีพระเขียน (ชาวบานเรียกหลวงพอเขียน) มาจําพรรษาเปEนระยะเวลานานจวบจน
มรณภาพชาวบานจึงถอื เปEนเจาอาวาสองคแรกทม่ี หี ลกั ฐานปรากฏโดยทานไดปฏิสังขรณเสนาสนะอยางจรงิ จัง
คําวา “ตึก” หมายถึงสิ่งใดผูเขียนนั้นไมทราบ แตถาจะใหอนุมานคงจะมาจากภาษาเขมรท่ีแปลวานํ้าหรือ
อยางไร เพราะเทาท่ีเคยไดยินผูเฒาผูแกเลาก็เห็นพูดเปEนเสียงเดียวกันวาสมัยท่ียังเปEนวัดรางก็มีแตซากฐานวิหารและ
หลวงพอที่ประดิษฐานอยูกลางแจงเทานั้น หากจะแปลคําวา ตึก เปEนอาคารกออิฐถือปูนก็กระไรอยู นับแตจําความได
ผเู ขยี นไดมีโอกาสไปทาํ บุญกับครอบครัวอยบู อยคร้ังวดั ตึกนม้ี เี สนาสนะไมมากนัก
สงกรานต5เม่ือวันวาน อยางท่ีผูเขียนไดกลาวถึงไปบางแลวในตอนตนวา ถึงแมวัดตึกจะไมมีงานประจําปc
เหมอื นทีอ่ ื่น ๆ แตทุกวนั สําคญั ชาวบานตางพรอมเพียงกันมาโดยเฉพาะอยางย่ิงวนั สงกรานต นับต้งั แตสมยั แมใหญของ
ผูเขียนยังเปEนวัยรุนคนในหมูบานตางก็ใหความสําคัญกับวันสงกรานต เมื่อลมฤดูรอนพัดมาชวงกอนสงกรานตชาวบาน
ตางพากันพูดวา ลมกรุดมาแลว (ตรุษ) วันในหมูบานจะยึดคตินิยมวา “กรุดส่ีสงกรานตหา” คือในวันตรุษไทย (ชวง
ปลายเดอื นสตี่ นเดือนหา ตามจนั ทรคตไิ ทย) จะมกี ารทําบุญเปEนเวลา 4 วัน และชวงสงกรานตจะมกี ารทําบญุ 5 วัน แต
ในปจK จุบันนไ้ี ดมีการลดจํานวนวนั ทาํ บญุ ลงตามปฏิทนิ ไทยสากล บางครงั้ ก็ทําบญุ ตรุษไทย วันนงึ บางสองวนั บางและมัก
ไมเปEนทน่ี ยิ มแลว สวนสงกรานตกจ็ ะจัดข้ึนเพยี ง 3 วันเทาน้ัน
เดิมในสมัยกอนพ.ศ.2500 นั้นชาวบานวัดตึกใหความสําคัญมากเนื่องจากในชวงเดือนหาตามจันทรคติไทยจะ
เปEนชวงลางป?าชาทําบุญกระดูก โดยคนที่เสียชีวิตจะนํามาฝKงไวท่ีป?าชาของวัดจนกระท่ังเขาเดือน 5 จึงจะขุดนํารางที่
เหลือแตโครงกระดูกมาทําพิธีฌาปนกิจ เดือน 5 จึงเปEนเดินท่ีทุกคนในหมูบานตางมารวมตัวกันที่ป?าชาของวัดอยาง
พรอมหนาพรอมตาเพ่ือทําพธิ ีใหแกผลู วงลับเปEนครง้ั สดุ ทาย จึงไมนาแปลกใจท่เี ดอื น 5 จะเปนE เดอื นทีส่ าํ คญั มาก ๆ ของ
ชาวบานวัดตึก จนเม่ือมีการลางป?าชาแลวมาเผาศพแบบเชิงตะกอน จนกระทั่งมีการกอสรางเมรุ ประเพณีตาง ๆ ใน
เดอื น 5 จงึ คอย ๆ ลดความสาํ คญั ลง
ประเพณีสงกรานตในสมัยที่ผูเขียนยังเด็กมีความครึกคร้ืนร่ืนรมยแบบชาวบานในหมูบานท่ีพากันมาวัดเพื่อ
ทําบุญ การเลนน้ําเปEนเพียงแคสวนประกอบเทาน้ัน เวลาเชาตรูชาวบานตางพากันหิ้วปN`นโตพากันมาวัด สวนพวกท่ีตั้ง
โรงทานก็ประดังกันทําอาหารกันเจ๊ยี วจZาว วันสงกรานตมักจะเริ่มทําบุญสายเปEนพิเศษบางคร้ังก็เริ่มพิธีตอนสองโมงเชา
เลย เมื่อทําบุญเสร็จชาวบานที่ติดธุระก็กลับบานไปแตก็เปEนสวนนอย พวกที่มาไหวบรรพบุรุษก็พากันนิมนตพระไปชัก
บังสุกุล คนที่เหลือก็พากันกินอาหารโรงทาน พากันไปคุยกับญาติ ๆ ที่ไปทํางานไกล ๆ เด็ก ๆ ก็พากันวิ่งเลนไปมา ใคร
12 เปEนสวนหนง่ึ ของรายวชิ าความคดิ สรางสรรคกับการสรรสรางงานเขียน มหาวิทยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
30
จะกอพระเจดียทรายก็ไมไดเครงครัดนักบางปcก็ไมไดกอกัน ในชวงเวลาน้ีทุกคนไมไดทําอะไรเปEนพิเศษแตทุกอิริยาบถ
ทกุ กิจกรรมตางก็เกิดขึ้นในวัดเปนE ชวงเวลาท่มี ีความสขุ ของเหลาญาติ ๆ ท่มี าจากจงั หวัดอนื่ บางคนติดธรุ ะเดินทางมาถึง
สายกเ็ ลือกทจ่ี ะแวะทวี่ ดั เลยโดยทยี่ งั ไมเขาบานดวยซํา้
จนเวลาบาย 3 โมงเย็นนั่นแหละท่ีจะเริ่มสรงน้าํ พระโดยจะสรงนํา้ กันทีข่ างมณฑปหลวงพอเขียน(แหงเกา) เร่ิม
จากสรงน้ําหลวงพอเขียน ตามดวยพระสงฆ แลวพากันเชิญญาติผูใหญในหมูบานหรือบางทีก็เปEนญาติผูใหญท่ีไปอยู
ตางจังหวัดแตเปEนท่ีเคารพรักของคนในหมูบานมารดนํ้าดําหัว ทุกคนตางปลื้มปcติเพราะคนในหมูบานตางก็เปEน
เครือญาติกันทั้งส้ินเปEนญาติใกลชิดบางเปEนญาติหาง ๆ บาง ในชวงเวลารดน้ําดําหัวน้ีเองเด็ก ๆ และวัยรุนในหมูบานก็
ตางกพ็ ากันเลนน้ํา
“ไอหนูไปเอานํ้าท่ีโองนูนเดยี๋ วทรายเขาตากัน” เสียงใครบางคนทไ่ี ดยินในทุก ๆ ปc เตอื นเด็ก ๆ ทช่ี อบนาํ ขนั ไป
รองนํา้ สรงที่ไหลลงมาจากมณฑปหลวงพอเขยี นมาสาดใสเพื่อน เลนน้าํ กันเพียงไมนานนักก็พากันกลบั บานไปสงั สรรค
กันในครอบครัวตอ
เครอื ญาตทิ ี่หายไป ในยุคท่ีคนรุนเกาเริ่มทยอยจากไป ยคุ ที่คนวยั เกษยี ณพากันทยอยกลับมาจากเมอื งกรุงเพิ่ม
มากข้ึนแมเปEนคนคุนเคยแนบชิดสนิทสนม แตก็พากันวางอากัปกิริยาแบบคนกรุงรูนน่ั แหละวาสนิทกันแตถาจะใหเรยี ก
กูมึงฉันทําไมไดหรอกจะพ่ี คําที่ผูเขียนใชพรรณนาถึงสภาพสังคมชาวบานขณะปKจจุบัน ถาย่ิงบานท่ีญาติผูใหญไมมีดวย
แลว หรือมอี ยแู ตก็ไมไดตดิ สอยหอยตามก็ยิง่ หางกัน แมแตตัวผูเขียนเองก็ไมไดสนิทกับเครือญาติมากนัก
วันสงกรานตในปKจจุบันถือไดวาซบเซามาก แมวาวัดตึกจะรางไปบางเปEนบางชวง แตก็มีการฟ_Oนฟูมาตลอดแต
ในชวงหลังมาน้ีชาวบานก็ไมใหความสําคัญกับการรวมตัวกันของคนในหมูบานในแตละเทศกาล เห็นไดชัดจากการไป
ทําบุญแลวก็กลับตอนบายมีไมก่ีคนไปสรงนํ้าพระแลวก็จบ หนุมสาวก็พากันไปเลนนํ้าสรงกรานตกันนอกพ้ืนท่ีหมด
ที่ถนนขาวโพดในตัวจังหวัดบาง ท่ีตัวเมืองสิงหบุรีบาง ย่ิงในยุคท่ีโคโรนาไวรัสระบาดแลวดวยงานสงกรานตที่วัดตึกจึง
เปEนเพียงภาพความทรงจาํ ทเ่ี รม่ิ ลบเลือนไดไดแตหวังวาวันหน่ึงสงกรานตของชาววัดตกึ จะกลับมาเฟ_`องฟอู ีกสมยั
31
เขอ่ื นปIาสักชลสทิ ธิ์13
นิศารัตน วงษพรหม
ยามเชาริมแมน้ําป?าสักขณะแสงแรกแหงดวงตะวันกําลังผลิแยม คนหนึ่งคนท่ีกําลังซึมซับความงาม ทุกคร้ังที่
ไดผานก็เหมอื นมีแรงดงึ ดูดเฉพาะตวั แตไมอาจหาคาํ มาอธบิ ายได
เขื่อนป?าสักชลสิทธ์ิเปEนสายน้ําแหงการเกษตร การหาอาหาร ความเปEนสายน้ําที่ย่ิงใหญหรือ
ดวยองคประกอบหลาย ๆ อยางทําใหแมนาํ้ แหงนก้ี ลายเปนE จดุ สนใจของฉันตลอดมา
จากบานฉันขับรถยนต เพื่อมาอีกฝK`งแมน้ําใชเวลา 1 ช่ัวโมง ตลอดเสนทางการขับรถก็จะเจอแตสะพานขาม
แมนํ้า มีป?าไมท่ีกําลังจะบดบังทางนํ้า ฉันคิดเสียดายวาถาไมมีป?าไมมาบังทิวทัศนของแมนํ้าตรงน้ีคงสวยงาม
ไมนอย แตไมเปEนไรมีป?าสีเขียวก็สวยข้ึนไปอีก จริง ๆ แลว กอนเดินทางชมทิวทัศน ฉันคิดวาเขื่อน
ป?าสักชลสิทธ์ิแหงนี้มีความยาวตั้งแตจังหวัดอะไรถึงจังหวัดอะไร ที่ฉันรูมาก็คงเริ่มที่จังหวัดลพบุรีไปถึงจังหวัด
พระนครศรีอยุธยา แตก็ไมแนใจวาเขาใจถูกหรือเปลา พูดแลวก็อดท่ีจะเลาประวัติของเข่ือนป?าสักชลสิทธ์ิน้ีไมได
วาแลวมาฟงK ขอมลู ท่ีพอเปEนสงั เขปกนั ดู
ยอนรอยเขื่อนป?าสักชลสิทธ์ิ เดิมทีตั้งใจจะใหคุณลุงเลาใหฟKงและจะตามแกะรอยตามสถานที่ตาง ๆ
คิดไปคิดมาเราพยายามหาขอมูลดวยตัวเองดีกวาวาแลวก็เริ่มคนท้ังในเว็บไซตกูเกิลและในหนังสือเก่ียวกับจังหวัด
ลพบุรี ท่ีเคยซ้ือมา ฉันน่ังคนควาขอมูลและกลั่นกรองออกมาบางสวนจะวาไป เขื่อนป?าสักชลสิทธิ์แหงน้ีก็ทํา
ประโยชนใหกับชาวเมืองไมนอย
ตามประวัติกลาววา สืบเน่ืองจากปKญหาการเกิดน้ําทวมในบริเวณลุมแมนํ้าป?าสักในฤดูนํ้าหลากและ
ขาดแคลนนํ้าในชวงฤดูรอน อันเกิดขึ้นเปEนประจําทุกปc พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึง
พระราชทานพระราชดําริใหกรมชลประทานศึกษาความเหมาะสมถึงการสรางเข่ือนเพ่ือแกปKญหาดังกลาว
คณะรัฐมนตรีไดอนุมัติใหเปNดโครงการกอสรางเขื่อนกักเก็บนํ้าแมน้ําป?าสัก ภายหลังการศึกษาความเหมาะสมและ
ผลกระทบจากสิ่งแวดลอมแลว เข่ือนป?าสักชลสิทธิ์ใชเวลาดําเนินการกอสรางกวา 5 ปc พระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานนามเขื่อนแหงนี้วา “เขื่อนป?าสักชลสิทธ์ิ” อันหมายถึง “เข่ือนแมน้ํา
13 เปEนสวนหนึ่งของรายวิชาคตชิ นวทิ ยา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
32
ปา? สกั ท่เี กบ็ กกั น้ําไดอยางมปี ระสิทธภิ าพ”
ท้ั ง ห ม ด ที่ เ ล า ม า อ า จ ดู น า เ บื่ อ แ ต เ รื่ อ ง ร า ว ข อ ง เ ข่ื อ น ป? า สั ก ช ล สิ ท ธ์ิ จ ะ ว า ไ ป ก็ เ ห มื อ น เ ปE น วั ฏ จั ก ร
ชีวติ ท่หี มุนเวยี นกันไป เพราะมนษุ ยก็ตองพ่ึงน้ํา พึง่ อาหารจากแมนํ้าสายนม้ี าต้งั แตอดตี จนถงึ ปจK จุบัน
ต้ังแตเกิดมาใน ตําบลมะนาวหวาน อําเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี แหงนี้ก็เห็นเขื่อนที่กําลังสราง
อยูไมไกลไปจากบาน พออายุเริ่มโตขึ้นมาหนอยก็เห็นเข่ือนที่สรางเสร็จสมบูรณ พรอมใหประโยชน
แกชาวบานอาํ เภอพฒั นานคิ มแลว
เข่ือนป?าสักชลสิทธ์ิในปKจจุบันมีแหลงทองเท่ียวที่นาสนใจเปEนอยางมากและดึงดูดนักทองเที่ยวทั้งคนไทย
และตางชาตใิ หเขามาทองเทีย่ วในทแี่ หงน้ี มรี ถไฟทท่ี กุ คนตองไปลองนั่ง ทกุ คนทีไ่ ด เห็นจะเรยี กกนั วา “รถไฟลอยนํ้า”
เ พ ร า ะ ใ น ย า ม น้ํ า เ ต็ ม ต ล่ิ ง ท า ง ร ถ ไ ฟ จ ะ อ ยู ห า ง จ า ก น้ํ า ไ ม ม า ก จึ ง เ ห มื อ น กั บ ว า ร ถ ไ ฟ กํ า ลั ง แ ล น อ ยู บ น ผิ ว น้ํ า
ทํ า ใ ห ใ ค ร ก็ ต า ม ที่ ไ ด ยิ น ก็ ต า ง พ อ กั น ตื่ น เ ต น ท่ี อ ย า ก จ ะ ม า เ ย่ี ย ม ช ม ร ถ ไ ฟ ล อ ย นํ้ า แ ห ง เ ขื่ อ น ป? า สั ก ช ล สิ ท ธิ์ น้ี
สวนบางคนก็เดนิ ทางไปถายรูปทีจ่ ุดชมวิวของตําบลโคกสลุง ซึ่งเปEนอีกหนงึ่ ที่ท่ีนาสนใจ
แตท่ีทุกคนหามพลาดก็คือ บริเวณหนาเขื่อนป?าสักชลสิทธิ์ท่ีมีพิพิธภัณฑสัตวนํ้าซึ่งเปEนแหลงรวบรวม
สายพันธุปลาน้ําจืดทุกชนิดที่อาศัยอยูในเขื่อนป?าสักชลสิทธิ์นี้ และยังมีบริเวณที่จัดจําหนายของฝาก จุดชมวิว จุดขาย
อาหารสาํ หรับใหปลา และจดุ บริการรถไฟที่จะพานกั ทองเท่ียวไปชมววิ บนสันเข่ือนป?าสกั ชลสิทธ์อิ กี ดวย
หลังจากท่ีขับรถไปสักพักก็คิดไดวาตอนนี้เร่ิมเย็นแลว จึงขับรถเตรียมท่ีจะกลับบานแตตอนกลับก็
ไมลืมที่แวะชมวิวทิวทัศนตรงป?าไมสีเขียวในตอนเชาท่ีเรารูสึกวาผิดหวัง แตตอนนี้ท่ีตรงน้ันกลับสวยขึ้นมา
เพราะแสงของพระอาทิตยในยามเย็นสองแสงมาที่ฉัน ฉันเลยไมลืมที่จะหยิบโทรศัพทข้ึนมาถายรูปเพื่อเก็บ
ไวเปEนที่ระลึกวาเม่ือครั้งหนึ่งเราไดมาเจอสถานที่ท่ีสวยงามอยางนี้ แลวก็อีกอยางหน่ึงท่ีลืมไมไดคือ
ทะเลนา้ํ จดื ท่ีมะนาวหวาน แหลงทองเทีย่ งใหมของเขอื่ นป?าสกั ชลสทิ ธิแ์ หงน้ี
สําหรับใครที่คิดวาเขื่อนป?าสักชลสิทธิ์เปEนแคเขื่อนที่เหมือนกับทุกเขื่อนที่คุณเคยเห็น อยากใหคุณ
ลองเปดN ใจเขามาศึกษาและเยี่ยมชมความงามของสถานทแ่ี หงนี้ดูนะคะ
33
ทองเที่ยวทีส่ าปยา (สรรพยา)
ปทิตตา พาป]อง
ประเทศไทยมีหลายจังหวัด แตละจังหวัดก็จะมีสถานที่ท่ีมีเรื่องราวเก่ียวกับประวัติศาสตร เปEนสถานท่ีข้ึนชื่อ
ของจังหวัด จึงทําใหภายในประเทศไทยเต็มไปดวยสถานท่ีท่ีเกี่ยวกับประวัติศาสตรท่ีขึ้นชื่อในดานความสวยงามของ
สถานท่ีทองเท่ียวสําหรับชาวตางชาติ ทุกภูมิภาค ยอมมีสถานที่สําคัญที่เก่ียวของกับประวัติศาสตร นอกจากนี้สถานที่
ของแตละภมู ภิ าคก็จะสอดคลองกับวิถีชวี ิตของคนในแตละภาคดวย
ดิฉันเกิดและเติบโตในอําเภอสรรพยาซึ่งเปEนพ้ืนท่ีในเขตของจังหวัดชัยนาท ฉันไดเห็นถึงการเปล่ียนแปลงและ
การบูรณะสถานที่สําคัญของอําเภอสรรพยา นอกจากนี้คนในอําเภอสรรพยายังชวยกันทําใหสถานท่ีดังกลาวเปEนที่
เล่ืองชือ่ ท้ังการบอกตอ และเผยเเพรผานสื่อโซเชียลมเี ดยี เพ่ือใหเปEนสถานทท่ี องเที่ยวพรอมใหความรู เเละเปEนการหา
รายไดเขาสูอําเภอและชุมชน
สาปยา หรือ สรรพยา เปนE ชอื่ ของตําบลและอาํ เภอมีความเกย่ี วของกับวรรณคดีเรอื่ งรามเกียรติ์เชนเดยี วกับช่ือ
ของทองถนิ่ อ่ืน ๆ ในบริเวณเขตจังหวัดใกลเคียง ในพระราชนิพนธรชั กาลท่ี 2 เรอื่ งรามเกียรติ์ไดกลาวถึงเขาสรรพยาใน
ศึกกุมภกรรณครั้งที่ 2 ซึ่งรบกบั พระลักษมณ กุมภกรรณไดพงุ หอกโมกขศกั ด์ิถูกพระลักษมณสลบไป พวกนายกองจะฉุด
แกไขอยางใดก็หาเขยื้อนไดไม เพราะเปEนหอกศักดิ์สิทธ์ิ พระรามไดมีพระบัญชาใหหนุมานไปเก็บสังกรณีตรีชวาหรือ
สรรพยา ซึง่ อยทู ีเ่ ขาสรรพยามาแกไขพระลักษมณ หนุมานจึงรีบเหาะไป เขาสรรพยาในเร่ืองรามเกียรติ์ทกี่ ลาวมาน้ี เช่ือ
กันวาคอื เขาสรรพยาทต่ี าํ บล-อาํ เภอสรรพยาน้เี อง ซึง่ จากการสอบถามผเู ฒาผแู กท่รี จู ักทานไดเลาใหฟงK ดังน้ี
เลากันวา เมื่อพระลักษมณรบกับกุมภกรรณและเสียทีถูกหอกโมกขศักดิ์ พิเภกไดทูลใหพระรามทรงทราบถึง
ฤทธ์ิของหอกและยาท่ีจะแกไข จึงไดมีพระบัญชาใหหนุมานไปเอาสังกรณีตรีชวาหรือสรรพยา หนุมานไดเหาะไปที่เขา
หลวง แตไมรูจักสังกรณีตรีชวาจึงรองถามหาอยูตีนเขา ก็ไดยินขานรับอยูบนยอดเขา เมื่อข้ึนไปยอดเขารองถามหาอีกก็
ไดยินขานรับอยูตีนเขา ในที่สุดหนุมานโกรธพอไดยินขานรับบนยอดเขาก็หักเอากลางเขาแบกเหาะไป เมื่อเหาะไปได
สักพักก็บิสวนหนึ่งท้ิงไปกลายเปEนเขาขยายในเขตอําเภอเมืองชัยนาทปKจจุบัน ขณะที่เหาะตอมารูสึกกระหายน้ําย่ิงนัก
แลเห็นบงึ ใหญอยูกลางทางจงึ แวะเอาเขาวางลงริมบงึ (ภายหลังเรยี กบึงนี้วา “บงึ สรรพยา”) วักนํ้าดานตะวนั ตกเฉียงใต
ขึ้นด่ืม ทาํ ใหบริเวณนล้ี ึกกวาที่อ่ืน ๆ (ตอมาบงึ สรรพยาต้นื เขนิ บงึ เล็กลงปจK จุบนั เหลือแต “บึงอรพิม”) เนอ่ื งจากบริเวณ
น้ีเปEนดินเลน เขาที่หนุมานวางไวไดยุบจมดนิ จนติดแนน เมื่อหนุมานด่ืมน้ําแลวจึงยกเขาไมขึ้น แตบางทานก็เลาวา เม่ือ
หนุมานกระหายน้ํา ไดเหาะลงวางเขากลางทุงนาแลวเดินไปขอนํ้าเด็กเล้ียงควาย แตเด็กเลี้ยงควายเห็นหนุมานเปEนลิง
นอกจากจะไมใหนํ้าแลวยังหยอกลอเลนอีกดวย หนุมานโกรธเดินไปด่ืมน้ําท่ีแมนํ้า (เจาพระยา) ทางเดินไปกลับเปEน
ลํารางขางวัดโบสถ (วัดราง) ชาวบานเรียกวา “บางโบสถ” (ปKจจุบันตื้นเขินแลว) ขณะท่ีเดินไปด่ืมนํ้านั้นเขาไดงอกราก
ติดกับพ้ืนดิน เมื่อหนุมานไดด่ืมนํ้าแลวกลับมายกเขาไมขึ้น จึงเรียกสังกรณีตรีชวาเชนคร้ังกอนแลวหักเอายอดเขาดาน
ทิศใตไป เขาสรรพยาดานทิศใตจึงลาดลง กอนจากไปหนุมานนึกเคืองวาบนเขานี้มีสรรพยารักษาไดทุกโรค แตคนที่นี่
34
ใจจืดขอแคน้ําก็ไมใหกินเลยสาปไววาอยาใหคน (เกิด) สรรพยาใชยาถูกกับโรคใด ๆ เลย (แตคนเกิดท่ีอื่นมาเอาสรรพยา
ไปรกั ษาโรคหาย) และสลดั ขนเปEนตนละมานใหเขาหูเพ่อื ป]องกนั คนข้ึนไปหาสรรพยาบนเขา
เมื่อหนุมานไดสาปไว ตอนแรกชาวบานก็เรียกวา "เขาสาปยา" แตภายหลังเชอ่ื วาเปนE การเรยี กแกเคลด็ จึงเรยี ก
กนั วา เขาสรรพยา (สบั -พะ-ยา) สวนบงึ ทห่ี นมุ านวักน้ําดื่มก็เรียกบึงสรรพยา เเตเนอื่ งจากบริเวณนเี้ ปEนทรี่ าบลุมน้ําทวม
ถงึ มตี ะกอนมาทับถม บงึ จงึ ตน้ื เขนิ เปEนที่นาไปแลวเปEนสวนมาก เหลือเพยี งบางสวนปKจจุบันเรยี กจึงเรียกบึงอรพมิ (แตก็
ต้ืนเขินเปEนท่ีนาเปEนสวนใหญ บางทานจงึ เรยี กวา “หนองอรพมิ ”)
นอกจากเขาสรรพยาท่ีข้ึนช่ือแลว ตอมาชาวสรรพยายังไดมีการชวยกันบูรณะสถานีตํารวจภูธรอําเภอสรรพยา
หรอื โรงพักเกาสรรพยา ซ่งึ เปนE อาคารเกาแกต้ังแตสมัยรัชกาลท่ี 5 ที่สรางขน้ึ ราวปc พ.ศ.2444 หรือ รศ.120 ในสมยั ของ
พันตํารวจเอกพระยาสกลสรศิลป• ผูบังคับการมณฑลนครสวรรค ซึ่งตรงกับสมัยของพระยาศรสี ิทธกิ รรม ดํารงตําแหนง
นายอาํ เภอสรรพยา
เดิมโรงพักเกาเกิดขึ้นในปc พ.ศ.2530 มีการสรางโรงพักแหงใหมริมคลองชลประทาน ใกลกับท่ีวาการอําเภอ
สรรพยา ทําใหอาคารเดิมถูกปลอยทิ้งรางไว และคอย ๆ ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ชาวบานในพื้นท่ีจึงอยากใหทําการ
อนุรักษและพัฒนาเปEนแหลงทองเท่ียวเชิงเรียนรู โดยเฉพาะสันนิษฐานวาท่ีน่ีเปEนอาคารโรงพักเกาแกที่สุดในประเทศ
ไทยท่ียังเหลืออยูในสภาพเดิม จนกระท่ังในปc พ.ศ. 2559 หนวยงานราชการในทองถิ่นมีแนวคิดที่จะรวมกับสํานักงาน
ตํารวจแหงชาติ บูรณะและปรับปรุงอาคารดังกลาวเพื่อใชเปEนพิพิธภัณฑทองถิ่นสรรพยา พรอมท้ังเปEนแหลงเรียนรูแก
คนในชมุ ชนและนกั ทองเท่ียว
โดยโรงพักแหงนี้ ตั้งอยูบนท่ีดินราชพัสดุ ติดถนนสายเล็ก ๆ ภายในชุมชนตลาดสรรพยา สถาปKตยกรรมงาม
ยอนยุคทรงปKOนหยา รูปแบบอาคารไมชั้นเดียวยกพื้นสูง เสาไมเต็ง ฝาเปEนไมกระยาเลย สวนพื้นเปEนไมตะแบก
โครงสรางไมประดบั เชิงชายดวยไมแกะสลกั และทาสขี าวซึง่ ดแู ลวสะอาดตา
นอกจากเขาสรรพยาและโรงพักเกาแลว ยังมีวัดสรรพยาที่เปEนวัดเกาแกของคนในชุมชน อีกท้ังยังมีตลาด
สรรพยาที่ในทุก ๆ สัปดาหแรกของเดือนชุมชนตลาดแถวโรงพักเกาสรรพยาแหงนี้จะถูกปNดไมใหรถผาน และถูกแทนที่
ดวยบรรดารานคาจากชาวบานในทองถิ่น ซ่ึงในแตละเดือนการจัดตลาดจะมาพรอมกิจกรรมในแตละเทศกาลที่ถูก
สับเปลีย่ นหมนุ เวียนกัน เพ่ือใหนักทองเที่ยวทุกคนไดมีสวนรวม ซ่งึ ถาใครเปEนสายขนมหวานและสนใจอยากเรียนรูละก็
สามารถมาเรียนรูได ไมวาจะเปEน ขนมวงโบราณ ขนมขาวเกรียบลอยนํ้า หรือขนมโบราณอ่ืน ๆ ที่มีสูตรสืบทอดตอกัน
มาตั้งแตสมัย ร.6 จะมีการสอนวิธีการทําโดยปราชญชุมชน หรือ คนเฒาคนแกในชุมชน นอกจากน้ียังจะไดฟKงเร่ืองเลา
ตาํ นานเมือง “สาปยา” ท่ฟี Kงสนุก และยังทาํ ใหคุณรทู ม่ี าของชื่ออาํ เภอสรรพยาแหงน้ีไดแบบเพลิน ๆ หรือถาใครเปEนคน
ท่รี กั ในงานจกั สานกส็ ามารถไปเรยี นทําเครื่องจักสานจากผักตบชวา ซ่งึ ดฉิ ันรับรองวามนั ไมไดเชยอยางทีห่ ลาย ๆ คนคิด
แนนอน
35
คติชนความเชือ่ ความศรทั ธา การนบั ถอื หลวงพอตน+ โพธ์ิ
ของชาวบา+ นบางสําโรง ตําบลพรหมบรุ ี อาํ เภอพรหมบุรี จงั หวัดสิงห5บรุ ี14
ประภัสสร ไกลภัย
วิหารหลวงพอต+นโพธิ์
ตั้งแตอดีตจนถึงปKจจุบัน การบนบานยังคงแทรกซึมอยูในคนไทยทุกยุคทุกสมัย ซ่ึงความเช่ือเหลาน้ีผาน
การถายทอดจากรุนสูรุน การบน หรือ การบนบาน ซึ่งบางคร้ังชาวบานเรียกวา การบนบานศาลกลาว เปEนพฤติกรรม
อยางหนึ่งของชาวไทยพุทธท่ีมักนิยมบนตอสิ่งศักดิ์สิทธ์ิ คือ พระพุทธรูป เน่ืองจากแตเดิมมีความเช่ือวา พระพุทธรูป
เปรยี บเสมือนตวั แทนของพระสัมมาสัมพุทธเจา แมพระองคปรนิ ิพพานไปนานแลว แตชาวพุทธจาํ นวนมากก็เชือ่ วาพลัง
อํานาจของพระพุทธองคยังคงหลงเหลืออยู แตบางสวนเชือ่ วาพระพุทธรูปแตละองคมเี ทวดาสิงสถิตอยู และหากเปEนวัด
ที่มพี ระพุทธรูปชื่อเสยี งโดงดังดวยแลวนนั้ ผคู นกม็ ักจะนยิ มไปสักการะบูชา เพื่อขอพรและบนบานในสิง่ ตาง ๆ ที่ตนหวงั
จากการศึกษาประวัติความเปEนมาวิหารหลวงพอตนโพธิ์พบวา หลวงพอตนโพธิ์ เปEนอีกหนึ่งส่ิงท่ีชาวบานใน
ตําบลพรหมบุรีและหมูบานใกลเคียงมักเขามาบนบานและขอพรเพื่อใหตน
ประสบความสําเร็จดังหวัง เปEนเคร่ืองยึดเหน่ียวจิตใจของชาวบานมาต้ังแต
อดีตจนถึงปKจจบุ นั
กอนที่มกี ารสรางวิหารหลวงพอตนโพธิ์ขน้ึ มาน้ัน ชาวบานในหมูท่ี 2
ตําบลพรหมบุรี อําเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงหบุรี ไดขุดพบพระพุทธรูปองค
หน่ึงบริเวณใตตนมะขามสองตน (ตนมะขามคู) ใกลกับตนโพธิ์ที่อยูใจกลาง
ของหมูบาน ลกั ษณะของพระพุทธรปู องคนี้ มีเศยี รเปEนปนู แตชวงลําตวั เปEน
อฐิ แดงกอนใหญ พระอาจารยชอ อดตี เจาอาวาสวัดพรหมบุรี จังหวัดสงิ หบุรี
และนายหลิว เจริญสุข ผูใหญบานคนแรกของหมูท่ี 2 รวมกับชาวบาน
ชวยกันนําพระพุทธรูปองคนี้ข้ึนมาปฏิสังขรณ โดยมีการจางชางฝcมือจาก
จังหวัดพระนครศรีอยุธยามาปKOน แตชาวบานยังพึงพอใจกับลักษณะของเศียรที่ปOKน
ข้ึนมา จึงไดสลักหนาของพระพุทธรูปออก และจางชางฝcมืออีกคนมาปKOนชวงเศียรใหมอีกครั้ง โดยมีชาวบานชวยกันขน
ทรายจากแมนํ้าลพบุรีขึ้นมาเพ่ือนํามาใชกอสรางปฏิสังขรณพระพุทธรูปองคน้ีใหม โดยระยะเวลาที่ใชในการกอสราง
ประมาณ 2 ปc หลังจากปฏิสังขรณแลวเสร็จ จึงไดถวายนามใหมวา “พระประทานพร” แตชาวบานเรียกติดปากกันวา
“หลวงพอตนโพธิ์”
ที่มาของการเรียกวา “หลวงพอตนโพธิ์” นั้นเกิดข้ึนจากชาวบานจดั ทําพิธีกรรมเพื่ออัญเชิญหลวงพอตนโพธ์ิมา
เขารางทรง หลงั จากทําพธิ กี รรมเพอื่ ส่อื สารกบั หลวงพอแลว พบวาชวงกลางวนั ตัวทานจะไปพักอยูบริเวณใตตนโพธิ์ แต
ถาหากลูกศิษยตองการแกบนใหเขามากอนเวลา 2 ทุม เนื่องจากหลังเวลาน้ีทานจะตองข้ึนไปเฝ]าพระอินทรบนสวรรค
ชั้นฟ]า และการแกบนควรจุดธูปจํานวน 5-7 ดอก หากจุดเพียง 3 ดอก ตัวทานจะลงมาฉันทภัตตาหารท่ีนํามาถวาย
ไมทัน หลังจากการทําพิธีกรรมเพ่ือสื่อสารกับหลวงพออยูหลายครั้ง ชาวบานจึงเกิดความศรัทธาและเกิดความเคารพ
นบั ถือมากยิง่ ข้ึน
ตอมาจงึ สรางวิหารข้ึนเพ่ือประดิษฐานหลวงพอตนโพธิ์ วหิ ารหลงั นีส้ รางขึ้นจากความศรัทธาและความรวมแรง
รวมใจกันของชาวบานตําบลพรหมบุรี รวมบริจาคทั้งแรงทุน แรงกายและแรงใจ ทั้งยังถวายท่ีดินใหกับหลวงพอตนโพธิ์
เพอ่ื สรางวหิ ารหลังนข้ี ึน้ มา และไดเรียกขานกนั สืบตอมาวา “วหิ ารหลวงพอตนโพธ์ิ”
14 เปนE สวนหนึ่งของรายวิชาคตชิ นวทิ ยา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
36
โดยขณะที่กําลังสรางวิหารหลวงพอตนโพธิน์ ั้น พระอาจารยชอ อดีตเจาอาวาสวัดพรหมบุรี จงั หวัดสงิ หบรุ ี กไ็ ด
มีการทําวัตถุมงคลข้ึน โดยไดถายภาพองคหลวงพอตนโพธิ์ และปลุกเสกตะกรุด นําไปทําเปEนล็อกเก็ตวัตถุมงคลเพื่อ
จาํ หนาย และนาํ เงนิ ท่ีไดมาไปเปนE ทุนในการสรางวิหารหลวงพอตนโพธใ์ิ หแลวเสร็จ ซง่ึ วตั ถมุ งคลชิ้นนี้ถอื เปEนวัตถุสําคัญ
เพียงชิ้นเดียวท่ีชาวบานจะนาํ ไปเปEนยดึ เหนีย่ วจติ ใจได
เรื่องราวของการบนบานศาลกลาวของหลวงพอตนโพธิ์ มีความเดนชัดในเรื่องการเกณฑทหารและการคาขาย
นายสมพิศ ปาลวัฒน อดีตผูใหญบานหมทู ่ี 2 เลาไววา ตนไดไปขอพรและบนบานกับหลวงพอตนโพธ์ิเพอื่ ไมใหตนไดเปEน
ทหารเกณฑ 2 วันกอนไปเกณฑทหาร ตนเขาไปกราบไหวสักการะเพ่ือขอน้ํามนตจากหลวงพอ โดยการจุดเทียนใสขัน
นํ้ามนตเพื่อนํามาอาบบนรางกาย และคืนน้ันหลวงพอตนโพธิ์ก็มาเขาฝKนเพ่ือบอกวาตนนั้นจะจับไดใบดําและไมไดเปEน
ทหารแนนอน ซึ่งเหตุการณเหลานี้ไมไดเกิดข้ึนกับตนเพียงคนเดียว ยังมีชาวบานในหมูบานอีกหลายคนที่พบกับ
เหตุการณเหลาน้ีดวย ชาวบานมีความเช่ือวาหากตองการอยากรูวาตนจะไดเปEนทหารหรือไมน้ัน ใหดูหยดเทียนในขัน
น้ํามนต หากหยดเทียนกลายเปEนรูปป_นแปลวาจะไดเปEนทหาร แตถาเปEนรูปดอกพิกุลแปลวาไมไดเปEนทหารอยาง
แนนอน
สําหรับการบนบานเรื่องการคาขายใหเจริญรุงเรืองน้ัน เริ่มตนมาจากเดิมทีหมูบานบางสําโรง หมูท่ี 2 ตําบล
พรหมบุรีนี้ เปEนทางผานของพอคาแมคาท่ีเดินทางจากอําเภอทาวุง และอําเภอบานหม่ี จังหวัดลพบุรี ท่ีตองการไปซื้อ
สนิ คาจากตลาดปากบางเพื่อนําไปคาขาย ระหวางการเดินทางก็จะผานบรเิ วณวิหารหลวงพอตนโพธน์ิ ้ี จงึ ไดมีการกราบ
ไหวขอพร เพอ่ื ใหตนมกี จิ การคาขายเจริญรงุ เรืองสบื ไป
เม่ือมีการบนบานก็จะตองมีการแกบนเกิดข้ึน สําหรับหลวงพอตนโพธ์ินั้น แตเดิมสิ่งที่ลูกศิษยนํามาแกบนก็คือ
ละครฉลุ จะมีลักษณะคลายกับหนังใหญแตมีขนาดเล็กกวาหลายเทา เปนE ละครฉลุท่ใี ชไมไผในการทาํ โครงและประกอบ
ทําเปEนตัวละครชายและหญิง จากนั้นจึงนํากระดาษมาติดกับตัวโครงไมไผ ตอมาไดมีการปรับเปลี่ยนมาเปEนละครหุน
หรือท่ีเรียกกันวาละครใบ แลวจึงพัฒนามาเปEนละครนอกที่ใชคนแสดง ซ่ึงละครนอกที่เปEนท่ีโปรดปรานของหลวงพอ
ตนโพธ์ิจะตองเปEนละครจากคณะ “สําเนียง ป?าโมก” จากจังหวัดอางทองเทาน้ัน ซึ่งการ แกบนโดยละครนั้นก็ยังมี
สืบตอกันมาจนถงึ ทกุ วันนี้
การที่ไดหยบิ ยกเรอื่ งราวน้ขี ้ึนมานั้นก็เปEนเพราะ คนไทยสวนใหญใหความสาํ คญั การเร่ืองความเชื่อ การบนบาน
ศาลกลาวในพระพุทธศาสนาหรือส่ิงศักด์ิสิทธิ์ ซึ่งหลวงพอตนโพธ์ินั้นก็ถือเปEนสิ่งศักด์ิสิทธ์ิอีกที่หนึ่งที่อยากใหคนไทยใน
สังคมไดรูจัก และเพ่ือเปEนการอนุรักษสืบสานประวัติความเปEนมาของหลวงพอตนโพธิ์ใหเปEนส่ิงศักด์ิสิทธ์ิคูกับชาวบาน
บางสําโรง และคนไทยไดรจู กั สบื ตอไป
37
หากอยากยอ+ นยุค นึกถึงพีเ่ ถิดหนาออเจา+
มาเท่ยี วงานแผนดนิ สมเด็จพระนารายณ5มหาราช
แลว+ นอ+ งจะหลงรักลพบรุ ี
ปวนั รัตน จอยนอก
ในทุก ๆ ปcจะมีการจัดงานแผนดินสมเด็จพระนารายณมหาราช ประจําจังหวัดลพบุรีซึ่งจะมีขบวนพิธีเปNดที่มี
ตามจุดตาง ๆ ภายในตัวลพบุรี มีการแสดงแสงเสียงจําลองเหตุการณในประวัติศาสตร การแสดงวิถีชีวิตไทย มีการ
ตกแตงประดับไฟโบราณสถานและสถานท่ีสําคัญมากมาย คือ พระนารายณนิเวศน พระบรมราชานุเสาวรียสมเด็จ
พระนารายณมหาราช เทวสถานปรางคแขก บานหลวงรับราชทูตหรือบานวิชาเยนทร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
ศาลลูกศร วัดปน_ สถานีรถไฟลพบุรีวงเวยี นสระแกวและศาลากลางจงั หวัดลพบุรี
แคนี้ก็ถือวาเยอะมาก ๆ แลวใชไหมสําหรับการตกแตงตามสถานท่ีสําคัญตาง ๆ แตวายังไมหมดเพียงเทานี้ งาน
แผนดินสมเด็จพระนารายณมหาราชยังไมมีการจัดงานภายในวังซ่ึงไดมีการจําลองเหตุการณตาง ๆ ท้ังผูคนยังรวมกัน
แตงชุดไทย มีชาวบานขายขนม ในยุคสมัยกอนไมวาจะเปEน ขนมหมอขาวหมอแกง ทองหยิบ ทองหยอด หรือหมูสรงที่
ขางในจะเปEนหมูแลวขางนอกเหมือนใสโสรงใหหมูไว เหมือนในหนังของบุพเพสันนิวาสท่ีไดมีการหยิบเอาเมนูน้ีออกมา
ทาํ ในการขายของน้ีไดมีการใชหอยเบี้ยในการใชจายจริง ๆ ดวย ซ่งึ จะมหี ลากหลายขนาดหลายราคาใหคุณไดลองแลก
และไดลองใชจายซ้ือขนมดวยตัวคุณเอง
38
เดิมปกติงานวังนี้ ไดเปEนท่ีรูจักของคนชาวลพบุรีอยูแลวทแตเม่ือปc 2561 ไดมีการฉายละครเร่ือง บุพเพสันนิวาส
ซึ่งในเร่ืองน้ีจะปลุกความเปEนไทยไดอยางมากเพราะในเรื่องไดมีการแตงกายชุดไทยมีการหยิบนําอาหารไทยโบราณมา
นําเสนอและไดมีการเลาถึงสถานที่สาํ คัญตาง ๆ ในประวัติศาสตรสงผลใหเมืองละโวหรือจังหวัดลพบุรีน้ี ซึ่งเปEนสถานที่
ท่ีตัวละครหลักคือแมหญิงการะเกดหรือพี่หม่ืนพระเอกของเรื่องพามาทองเที่ยวตามรอยบุพเพสันนิวาส บอกเลยวา
งานนไ้ี ดรบั การยกยองและมชี ่อื เสียงโดงดงั ไปถึงตางประเทศกนั เลยทีเดียว
หากคุณไดดูเร่ืองน้ีและแตงกายหมสไบมาอาจจะมากับแฟนแลวเราสวมบทเปEนแมหญิงการะเกด แลวใหแฟน
แตงเปEนพี่หมื่น ในละครจะมีมีมท่ีวา ขาวาออเจาลืมอีกผูหน่ึง…. ไปสองคันฉองดูทีฤา ซึ่งหากพ่ีหม่ืนของเราทํางานมาดี
ลวงหนาแลวพูดประโยคนี้ออกมาแคนึกก็เขินจนตัวบดิ แน ๆ จับมือพากันเรียกขากับออเจา จีบกันใชภาษายุคสมัยกอน
แตงตัวหมสไบนุงกระจงซ้ือของซื้อขนมตาง ๆ โดยใชหอยเบี้ย ผลัดกันถายรูปตามสถานท่ีสําคัญตาง ๆ โมเมนตนี้คง
จะฟนN สุด ๆ นาดู เปEนงานหนึง่ ท่นี ับไดหรือวาไมควรพลาดกนั เลยทีเดียว
39
ความเช่อื ความศรัทธาพระนอนวัดขุนอนิ ทประมลู 15
ปญK พร กรรณเกตุแกว
พระนอนวัดขุนอินทประมูล พระพุทธรูปศักด์ิสิทธิ์ คูบาน คูเมือง ที่ในอดีตสมัยสุโขทัยมีการสรางไว
แตถกู ท้ิงราง และตอมามกี ารบูรณปฏิสงั ขรณขึน้ ใหมดวยแรงศรทั ธาในทางพระพทุ ธศาสนา ของขนุ อนิ ทประมูล
โดยประวัติความเปEนมาของวดั ขุนอินทประมูล เปEนวัดโบราณสรางข้ึนในสมัยสโุ ขทัย วัดขุนอินทประมูล ต้ังอยู
ที่ หมูที่ 3 ตําบลอินทประมูล อําเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอางทอง วัดน้ีมีความสําคัญมากในสมัยอยุธยา มีพระพุทธไสยาสน
กออิฐถือปูนขนาดใหญ มีความยาว 50 เมตร (25 วา) สูง 11 เมตร (5 วา 2 ศอก) หันพระพักตรไปทางทิศเหนือ
ชาวบานเรียกวา “พระศรเี มืองทอง” เดิมเปนE พระพุทธไสยาสน
ประดิษฐานในวิหาร ตอมาวิหารหักพังลงหมดจึงมองดูคลาย
ประดิษฐานบนโคกเนิน ซ่ึงชาวบานเรียกวา “พระโคกนอน”
นอกจากนี้ ยังมีอุโบสถและวิหารขนาดใหญดวย เม่ือคราวเสีย
กรุงศรีอยุธยาคร้ังที่ 1 วัดแหงน้ีถูกไฟไหมกลายเปEนวัดรางอยู
ประมาณ 100 ปc จนถงึ สมยั พระเจาอยูหวั บรมโกศ (พ.ศ.2275-
2301) วัดจึงไดมีการปฏิสังขรณขึ้นอีกคร้ัง ทั้งน้ีมีตํานานเร่ือง
เลาหนึ่งวา ชาวจีน เปEนนายอากรตําแหนง ที่ขุนอินทร ได
ยักยอกทรัพยหลวงมาปฏิสังขรณพระพุทธไสยาสนจนถูก
ลงโทษจนเสยี ชีวิต วัดน้จี ึงไดชอ่ื วา “วัดพระนอนขนุ อินทประมลู ”
การกราบไหวขอพรเสริมสิริมงคลใหกับชีวิตนั้น วัดขุนอินทประมูล ในเร่ืองความเชื่อความศรัทธาของ
คนในชุมชนมีการกราบไหวบูชา รวมทั้งการขอพร บนบานศาลกลาว ซ่ึงพระพุทธไสยาสนวัดขุนอินทประมูลน้ัน
มีความศักดิ์สิทธ์ิในการขอพรในเรื่องหนาที่การงาน การเรียน ขอใหมีหนาที่การงานท่ีกาวหนา ม่ันคง
ประสบแตความสําเร็จ เมื่อมีการขอพร บนบานศาลกลาวแลวก็ตองมีการแกบน
ซึ่งการแกบนเม่ือเราประสบผลสําเร็จ สมหวังตามคําขอแลวนั้น ก็จะมีการนํา
ไขตมมาแกบน ดวยจํานวนเทาไหรก็ไดแตผูที่มาขอพรสวนใหญนิยมแกบน
ดวยไขตมจํานวน 99, 199, 999 หรือจํานวนไขตมเทาไหรก็ไดแตลงทายดวยเลข
9 ซึ่งเลข 9 นั้นเปEนเลขมงคล เลขของความกาวหนา เมื่อนําไขตมมาแกบนแลว
เม่ือถึงเวลาเย็นก็ใหนําไขตมทั้งหมดกลับบานไปดวย นํากลับไปรับประทานหรือ
แจกใหญาติพ่ีนอง และการขอพรดวยการนําเหรียญ เหรียญใดก็ได มาฝ?าพระ
บาทพระพุทธไสยาสน กอนแปะนั้นใหขอพรกอน เมื่อแปะแลวเหรียญไมลวงน้ัน
หมายถึงพรที่ขอนั้น จะสมหวังตามที่ขอ แตถาเหรียญลวงนั้นหมายถึงไมสมหวัง
ตามคาํ ขอ
ในปKจจุบันวัดขุนอินทประมลู เปนE วัดที่ถือวาเปEนวัดท่ีมคี วามสําคัญในจงั หวัดอางทอง และไดรบั การพฒั นาดูแล
จากหลายหนวยงาน และเนื่องจากวัดขุนอินทประมูลมีบริเวณพ้ืนที่กวางใหญหนวยงานจึงใชพื้นท่ีของวัดในการจัดงาน
15 เปEนสวนหนง่ึ ของรายวชิ าคติชนวทิ ยา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
40
ตาง ๆ ไมวาจะเปEนงานเกษตรและของดีเมืองอางทอง รมโพธิ์ทองหอการคาแฟร เท่ียวงานวัดขุนอินชมวิถีทองถ่ิน
เมืองอางทอง หมผาขอพรพระนอนใหญ ทําใหวัดขุนอินทประมูลเปEนสถานท่ีทองเท่ียว ที่ท้ังไดกราบไหว
ขอพร และยังไดเดินเท่ียวในตลาดขายสินคาของคนในชุมชน เปEนการทองเท่ียวท่ีท้ังไดกราบไหวขอพร
เสรมิ สริ มิ งคลใหกับตวั เองและยังไดสนบั สนุนสินคาชุมชน
จากการสัมภาษณผูชวยผูใหญบานหมูที่ 3 ตําบลอินทประมูล ชาวบาน คนในชุมชนนั้นมีความเชื่อ
ความศรัทธาตอพระพุทธไสยาสนเปEนอยางมาก เม่ือลูกหลานอยากจะเปEนสมัครงาน สมัครเรียน การสอบบรรจุ
ขาราชการ หนาที่การงานตาง ๆ ก็จะมาขอพรชจากพระพุทธไสยาสน และเม่ือวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา
คนในชุมชนก็จะมารวมงานกัน กอนถึงวันงานคนในชุมชนจะมารวมดวยชวยกันในการทําความสะอาดวัด
ใหมคี วามสะอาดและชวยกันจดั สถานทีใ่ หสวยงาม
จากการสัมภาษณเราจะเห็นถึงความเช่ือความศรัทธาของคนในชุมชนท่ีมีตอพระพุทธไสยาสน ความสัมพันธ
อันดี การชวยเหลอื เก้ือกลู ของวดั และชมุ ชนทีพ่ รอมจะชวยกันดแู ลและพฒั นาวัดขุนอนิ ทประมูลสบื ตอไป
41
ความเชอ่ื เรือ่ งการนบั ถือพระครปู ราการกติ ติคณุ
(หลวงพอโตะO วดั กําแพง)
พระเกจขิ องชาวทางาม อาํ เภออินทร5บรุ ี จังหวัดสงิ ห5บรุ ี16
พลวฒั น ศรเี ทพ
“เกจิอาจารย” หรือ “อาจารยบางพวก” เปEนคํานาม หมายถึง อาจารยท่ีเชื่อกันวามีความรูความสามารถ
ในดานคาถาอาคม และการปลุกเสกเคร่ืองรางของขลัง (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน, 2554) นอกจากนี้ ตองมี
คุณูปการในดานธํารงรักษาพระพุทธศาสนา มีความเครงครัดในพระธรรมวินัย และวัฏฏะปฏิบัติดีงาม จึงจะเปEน
เกจิอาจารยที่คงความเล่ือมใสศรัทธาแกศาสนิกชน หากใหนิยามเกจิอาจารยไวดังน้ี พระครูปราการกิตติคุณ (โตZะ
ฉันโท) หรอื ท่ชี าวบานเรยี กวา “หลวงพอโตะZ ” เจาอาวาสองคที่ 2 ของวดั กาํ แพง ตําบลทางาม อาํ เภออนิ ทรบรุ ี จังหวัด
สิงหบุรี ก็ถือไดวา ทานเปEนพระเกจิผูเรืองวิชาอาคม เกงกลาดานไสยเวท ทั้งยังไดช่ือวา เปEนพระนักพัฒนา ทําให
วัดกําแพงมีความเจริญรุงเรืองเปEนปMกแผนมาจนถึงยุคปKจจุบัน จากท่ีกลาวมาขางตน แสดงใหเห็นถึงเหตุผลสําคัญของ
การศึกษาในคร้ังน้ี
แตเดิม หลวงพอโตZะ เปEนชาวบานในตําบลทางาม อําเภออินทรบุรี จังหวัดสิงหบุรี ซึ่งทานมีช่ือเดิมวา
“โตะZ กุหลาบวงศ” เกดิ เม่อื วันจนั ทร เดอื นพฤศจิกายน พ.ศ. 2349 โดยมีบิดาช่อื “โพธ์ิ” เปEนกาํ นันตําบลทางาม และ
มารดาช่ือ “ปรางค” นอกจากน้ี ยังมีพ่ีนองรวมอุทรเดียวกัน 4 คน โดยที่ทานเปEนบุตรคนโต ในชวงปฐมวัย
บิดามารดาไดนําหลวงพอโตZะไปฝากไวกับหลวงพอลา วัดโพธิ์ศรี ตําบลอินทรบุรี อําเภออินทรบุรี จังหวัดสิงหบุรี
เพ่ือเรียนหนังสือ และอยูปฏิบัติรับใชหลวงพอลา จนกระท่ังเม่ือใกลถึงวัยบรรพชา ทานไดบวชเปEนสามเณรที่วัดดงยาง
ตําบลทองเอน อําเภออินทรบุรี จังหวัดสิงหบุรี ตอมาเม่ืออายุครบบรรพชา ทานไดอุปสมบทเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม
2459 ณ วัดดงยาง โดยมีพระวินัยธรรมกิ่ง-สุวรรณ วัดธรรมสังเวช ตําบลงิ้วราย อําเภออินทรบุรี จังหวัดสิงหบุรี
เปEนพระอปุ Kชฌาย ไดรบั สมญานามวา “ฉนั โท” ซง่ึ เปนE ช่อื ของวาทสตู รหนง่ึ ในพระพทุ ธศาสนา
ในชวงแรกหลวงพอโตZะไดจําพรรษาอยูท่ีวัดดงยาง โดยไดไปศึกษาพระธรรมวินัยกับพระอุปKชฌายอยูเสมอ
จนสามารถสอบนักธรรมช้ันตรีได ในพรรษาที่ 2 ทานไดยายมาอยูที่วัดโพธ์ิลังการ และวัดทาอิฐ เพ่ือเปEนครูสอนพระ
ปริยัติธรรม ตอมาชวงกลาง พ.ศ. 2492 หลวงพอโตZะไดรับนิมนตใหมาจําพรรษา ณ วัดกําแพง จนกระทั่ง พ.ศ. 2466
ทานไดรับการแตงตั้งใหเปEนเจาอาวาสวัดกําแพง พ.ศ.2467 ไดรับตําแหนงเจาคณะตําบลทางาม-ชีนํ้าราย เขต 1
พ.ศ. 2478 รับตําแหนงเปEนพระธรรมธร (โตZะ) และเปEนกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง พ.ศ. 2485 ไดรับการแตงต้ัง
ใหเปEนพระอุปKชฌาย และพ.ศ. 2501 ไดรับการเล่ือนสมณศักด์ิเปนE “พระครูปราการกิตติคุณ” ชวงสุดทายในบ้ันปลาย
ของชีวิต ทานมรณภาพดวยโรคชราท่ีโรงพยาบาลเปาโล กรุงเทพฯ ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2525 สิริรวมอายุ 86 ปc
พรรษา 67 ทางวัดกําแพงจึงนําสรีระของหลวงพอโตZะบรรจุไวในหีบแกวต้ังไวบนตึกอนุสรณปราการกิตติคุณ โดยที่
สรีระของทานไมเนาไมเป_`อย เลบ็ และผมกย็ งั งอกอยูตลอดต้ังแตวนั มรณภาพจนถึงปKจจุบัน (วานนา้ํ ซุยวงศ, การสื่อสาร
สวนบคุ คล, 30 ตุลาคม 2565)
เมื่อครั้งท่ีพระครูปราการกิตติคุณ (หลวงพอโตZะ วัดกําแพง) ยังมีชีวิตอยู ทานไดศึกษาวิชาคาถาอาคม
และไสยเวทจากพระเกจิดังหลายทาน เชน หลวงพอลา วัดโพธศรี จังหวัดสิงหบุรี หลวงพอเภา วัดถ้ําตะโก จังหวัด
16 เปนE สวนหน่ึงของรายวิชาคติชนวทิ ยา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
42
ลพบุรี หลวงพอโพธ์ิ วัดกําแพง จังหวัดสิงหบุรี (บิดาทาน) และหลวงพอปาน วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ทําใหทานเร่ิมสรางเครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคลเพ่ือใชเปEนเคร่ืองยึดเหนี่ยวจิตใจแจกจายใหแกชาวบาน
และลกู ศิษยดวยกนั เปEนจาํ นวน
เคร่ืองรางของขลัง และวัตถุมงคลของหลวงพอโตZะเปEนท่ีนิยมของเซียนพระท้ังในพ้ืนที่ตําบลทางาม อําเภอ
อินทรบุรี จังหวัดสิงหบุรี และนอกพ้ืนที่ แตปKจจุบันหาเชาบูชาไดยาก เน่ืองจากเรื่องเลาเก่ียวกับพุทธคุณ
และประสบการณจากผูทบ่ี ชู าเครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคลของหลวงพอโตZะมีอยางแพรหลาย
เกาะแกว นิจวัฒน (การส่ือสารสวนบุคคล, 28 ตุลาคม 2565) เลาวา เหรียญหลวงพอโตZะรุนแรกมีพุทธคุณ
ทางดานนิรันตราย เคยมีคนนําไปลองยิงดวยอาวุธป_นถึง 20 นัด ปรากฏวา ยิงไมถูกเลยสักนัดเดียว, สังตาพล (คนใน
พ้นื ท่ี) ป`Kนจักรยานขามสายเอเชีย รถกระบะชนกระเดน็ ไปไกลหลายเมตร แตตาพลลุกข้นึ มาไมเปนE อะไรเลย
จากเรื่องเลาและประสบการณท่ีกลาวมา แสดงใหเห็นวา เคร่ืองรางของขลัง และวัตถุมงคลของหลวงพอโตZะ
มพี ทุ ธคุณทางดานนริ ันตรายสงู ทําใหชาวบานศรทั ธาเล่อื มใสหลวงพอโตZะเปEนอยางมาก
แมวาปKจจุบันพระครูปราการกิตติคุณ (หลวงพอโตZะ วัดกําแพง) จะมรณภาพไปแลวแตความศรัทธานับถือ
ของชาวบานไมเคยเส่ือมคลายลง กลับเพ่ิมมากข้ึนในทุก ๆ วัน เห็นไดจากการจัดงานทําบุญ เนื่องในวันคลาย
วันมรณภาพ พระครูปราการกิตติคุณ (หลวงพอโตZะ วัดกําแพง) ในทุก ๆ ปc นอกจากนี้ ยังมีความเช่ือวาทุกคนท่ีมา
ขอพรบนบานศาลกลาวกับหลวงพอโตZะ จะไดสมดังปรารถนา ทุกประการ (ลาวรรณ ขํานึง, การสื่อสารสวนบุคคล, 29
ตลุ าคม 2565)
ความเช่ือเร่ืองการนับถือพระครูปราการกิตติคุณ (หลวงพอโตZะ วัดกําแพง) พระเกจิของชาวทางาม อําเภอ
อินทรบุรี จังหวัดสิงหบุรี เปEนเรื่องท่ีควรศึกษาอยางมาก เน่ืองดวยความเครงครัดในพระธรรมวินัยของทาน จนเช่ือกัน
วาทานไดสําเร็จอภิญญาสมาบัติ มีตาทิพย หูทิพย สามารถลวงรูเหตุการณลวงหนาไดอยางแมนยํา แมกระท่ัง
วันมรณภาพของทานเอง และการธํารงรักษาพระพุทธศาสนา จนไดชื่อวา พระนักพัฒนา นอกจากน้ี ความเกงกลา
ในดานไสยเวททําใหการสรางและปลุกเสกเคร่ืองรางของขลัง และวัตถุมงคลของทาน เปEนเอกลักษณ มีพุทธคุณดาน
นิรันตรายสูง ทําใหพระครูปราการ-กิตติคุณ (หลวงพอโตZะ วัดกําแพง) เปEนพระเกจิของชาวทางาม อําเภอ อินทรบุรี
จังหวัดสิงหบุรี ทค่ี งความเล่อื มใสศรัทธาของผูคนไมเคยเสื่อมคลาย
43
อรอยไมซา้ํ ไขเคม็ ดนิ สอพองแมบา+ นกองพนั ปฏบิ ตั กิ ารจิตวทิ ยา17
พักตรวภิ า เติมสขุ
ถาพูดถึงลพบุรีก็อดนึกถึง “ไขเค็มดินสอพอง” ไมไดเลย เพราะชาวบานที่น่ีเช่ือกันวาเปEนแหลงผลิต
ดินสอพองมานานแสนนานตั้งแตสมัยโบราณ โดยมีเร่ืองเลาผานมาหลายตอหลายคนจนกลายเปEนตํานาน
ที่เลาขานมาถึงรุนลูกรุนหลาน ซ่ึงไดนําดินสอพองไปแปรรูปเปEนสิ่งของตาง ๆ เชน นํามาทําเปEนไขเค็มดินสอ
พองซึ่งเปEนเอกลักษณประจําจงั หวัดลพบุรที ่ีไมซํ้ากับที่ใดเลย โดยแหลงท่ีทําดินสอพองสวนใหญจะอยูที่หมูบาน
หินสองกอน ตําบลทะเลชุบศร อําเภอเมอื ง จังหวัดลพบุรี
ปKจจบุ ัน ไขเค็มดนิ สอพอง ถอื วาเปEนอาหารทน่ี ยิ มเปนE ของฝากกันอยางแพรหลาย จากทเ่ี มอ่ื กอนยังไม
เปEนท่ีรูจักกันเทาไหร แตยุคสมัยนี้มันทันสมัยมากขึ้นจึงไดกระจายวางขายตามหางสรรพสินคาตาง ๆ หรือมี
การสงออกไปขายตามตางจังหวัด ไขเค็มดินสอพอง สามารถทําไดหลายเมนู เชน ไขเค็มดาว ไขเค็มตมหรือไข
เค็มน่ึง ยําไขเค็มดาว/ตม ไขเจียว ไขพะโล ไขตeุน เปEนตน ไขเค็มดินสอพองไมเพียงแตทําเปEนของคาวไดอยาง
เดียว ยังสามารถทําเปEนของหวานไดอีกดวย น่ันก็คือ บัวลอยไขหวาน นั่นเอง โดยสวนมากมักจะใชเปEนไขเปดE
ท่ีสดและใหม โดยนํามาหมักในดินสอพองท่ีผสมเกลือทะเลป?นและน้ํา จะออกมาเปEนสีเทาดํา (คลายกับข้ีเถา
แกลบสีดํา) จากน้นั กน็ ําไขเค็มทหี่ มักไวมาคลุกกับขเี้ ถาแกลบจนทว่ั และทง้ิ เอาไวจนถึงเวลาทกี่ าํ หนดไว และหอ
ใสถุงพลาสติก เพ่ือไมใหความช้ืนเขาจึงนําใสกลองบรรจุภัณฑ ประมาณ 3 – 5 วัน ก็สามารถนําไปประกอบ
อาหารได โดยดวู นั ทก่ี ารผลิต ทอดไดวันไหน และตมไดเมื่อไหร ไดท่ีดานหนากลองอยทู างซายมอื ขางลาง
กลุมแมบานกองพันปฏิบัติการจิตวิทยา ไดเลาวา ไขเค็มดินสอพองตนตํารับเกิดข้ึนเม่ือปc พ.ศ. 2532
โดยใชไดต้ังชื่อวา “ไขเค็มดินสอพองแมบ+านกองพันปฏิบัติการจิตวิทยา” หรือ “ไขเค็มแมบ+าน พัน.ปจว.”
ผลติ โดยกลุมชมรมแมบานกองพันปฏิบัติการจิตวิทยา ตั้งอยูท่ีคายสมเดจ็ พระนารายณมหาราช หรือทเ่ี ราเรียก
กันวา หนวยบัญชาการสงครามพเิ ศษ
ทําไมถึงต+องเป#นไขเค็มดินสอพอง? เพราะ ไขเค็มดินสอพองท่ีจังหวัดลพบุรีนั้นไมเหมือนกับที่อื่น
ไขเค็มดินสอพองท่ีนี่มีเอกลักษณเดนเฉพาะตัว คือ ไขจะมีรสชาติมัน ๆ ไมเค็มมาก มีไขขาวท่ีนิ่มนวล ไขแดง
ที่มันเย้ิม และที่สําคัญที่สุดก็คือ กลุมชมรมแมบานกองพันปฏิบัติการจิตวิทยาไดเลือกใชเปEนไขเปEดที่สดที่ใหม
จากไรทงุ อําเภอบานหม่ี เทานัน้ !
ไขเค็มดินสอพองของท่ีน่ีอรอยจนหมอมราชวงศถนัดศรี สวัสดิวัตน หรือคุณชายถนัดศรี ไดมอบ
ตราเชลลชวนชิมรับรองความอรอยไวเมื่อปc พ.ศ. 2533 และไดเปEนสินคา OTOP ในระดับหาดาวช่ือดังของ
จังหวัดลพบุรี
คุณพอของดิฉันชอบไปซ้ือไขเค็มดินสอพองแมบานกองพันปฏิบัติการจิตวิทยา ที่อยูในหนวย
บัญชาการสงครามพิเศษ ไปซ้ือแตละครั้งก็ประมาณ 2-3 กลอง เพราะท่ีบานของดิฉันชอบรับประทานไขเค็ม
ของที่น่ีมาก คุณแมของดิฉันชอบทําเมนู “ยําไขเค็มดาว” ซ่ึงรับประทานกับขาวตมรอนๆท่ีใสใบเตย อุนคอ
พอรับประทานรวมกันแลวมีรสชาติท่ีเปร้ียวของนํ้ามะนาว หอมกลิ่นของใบเตย ความมันของไขเค็มท้ังไขขาว
และไขแดง หลับตารบั ประทานยงั สัมผัสไดถึงความอรอยของไขเค็ม
17 เปนE สวนหนงึ่ ของรายวชิ าความคดิ สรางสรรคกบั การสรรสรางงานเขยี น มหาวิทยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
44
ในความรูสึกของดิฉัน ไขเค็มดินสอพองของกลุมแมบานกองพันปฏิบัติการจิตวิทยาน้ันไมเหมือนกับ
ของท่ีอ่ืน ซึ่งราคาก็ไมแพงมากนัก ราคาอยูท่ีกลองละ 35 บาท ขางในมีไขอยู 5 ฟอง แถมยังมีโปรโมช่ันตลอด
คือ 3 กลอง 100 บาท แตรสชาติของที่นี่นั้นอรอย ไขขาวเค็มกําลังพอดี ไขแดงก็มีความเย้ิมและมัน นุมล้ิน
ทุกคาํ ที่ไดสัมผัส อรอยจนอยากลงมอื ลองทําไขเค็มดินสอพองดวยตวั เองเลย...
ไขเค็มดินสอพองแมบานกองพันปฏิบัติการจิตวิทยา เปEนของข้ึนช่ือในจังหวัดและเปEนสินคา OTOP
ระดับหาดาว ของจังหวัดลพบุรี มีท่ีนี่ท่ีเดียวในประเทศไทย ทางกลุมแมบานกองพันปฏิบัติการจิตวิทยา ยินดี
ท่ีจะใหผูที่สนใจมาเรียนรูวิธีการทําไขเค็มดินสอนพองไดที่ ชมรมแมบาน พัน.ปจว. ไขเค็มดินสอพอง
เปEนภูมิปKญญาที่สามารถนํามาเปEนการสงเสริมการเรียนรูและสามารถนําความรูที่ไดมาบอกตอในรุน ๆ ตอไป
เพ่อื ทจี่ ะไดสบื สานวฒั นธรรมตอไป
45
ความเช่อื ความศรัทธา
พระเกจิวัดโฆสิตาราม “หลวงพอกวย ชตุ นิ ธฺ โร”18
เพชรรัตน แซหลี
ความนาํ
เกจิอาจารย หมายถึง น. “อาจารยบางพวก”, อาจารยที่เชื่อกันวามีความรูความสามารถในดาน
คาถาอาคมและการปลกุ เสกเครอ่ื งรางของขลงั แมวาเกจอิ าจารยบางทานไดมรณภาพไปแลว แตกย็ งั มีคณุ งาม
ความดี สรางความเลื่อมใส และความศรัทธาของประชาชนที่นับถือ
“หลวงพอกวย ชตุ นิ ฺธโร” อดีตเจาอาวาสวัดโฆสิตาราม พระเกจิอาจารยเรืองวิทยาคมรุนเกาช่ือดัง
จังหวัดชยั นาท มีชอ่ื เสยี งโดงดังไปทว่ั ภาคกลาง
ประวตั ขิ อง “หลวงพอกวย ชุตนิ ฺธโร”
หลวงพอกวย เดิมชื่อ “กวย ปOKนสน” เกิดเมื่อวันท่ี 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 ท่ีหมูบานแค หมู 9
ตําบลบางขุด อําเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท เปEนบุตรคนสุดทองของ “นายตุย-นางตวน เดชมา” หลวงพอ
กวยไดเขาพิธีอุปสมบท ณ วัดโบสถ ตําบลโพธิ์งาม อําเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ไดรับฉายาวา “ชุตินฺธโร
แปลวา ผตู ดั กเิ ลส” จาํ พรรษาและเปนE ที่เจาอาวาสวัดบานแคหรือวดั โฆสิตาราม ในชวงจําพรรษาหลวงพอกวย
ไดไปเลาเรียนวิชาแพทยโบราณกับหมอเขียน เพื่อเรียนวิชารักษาโรคระบาด ปKจจุบันไดมรณภาพไปเม่ือวันที่
12 เมษายน พ.ศ. 2522 สิริรวมอายุ 74 ปc 54 พรรษา แมวาหลวงพอกวยไดมรณภาพไปแลว แตก็ยังชาวบาน
นบั ถือ มจี ติ ศรทั ธาเลอ่ื มใสมาจนถงึ ปKจจบุ ัน
ท่มี าของวดั โฆสิตาราม
วัดโฆสิตาราม เดิมช่ือ วัดขวิด เน่ืองจากเปEนที่ดอน มีตนมะขวิดขึ้นอยูแตเกากอน แตคนเกาเรียกวัดนี้
วา วัดบานแค เพ่ิงจะมาเปลี่ยนเปEน วัดโฆสิตาราม เมื่อสมัยที่หลวงพอกวยมาเปEนเจาอาวาส โดยมีแรงบันดาล
ใจมาจากหลวงพอไดสรางพระพุทธพิมพ รูปแบบเหมือนของสมเด็จพุฒาจารย ( โต ) วัดระฆังโฆสิตาราม เพื่อ
18 เปEนสวนหนง่ึ ของรายวิชาคติชนวทิ ยา มหาวิทยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
46
เปEนการรําลึกถึงสมเด็จโต หลวงพอกวยจึงเปล่ียนชื่อวัดใหเปEนสิรินามและเปEนมงคลวา “วัดโฆสิตาราม”
ปจK จุบนั วดั ตัง้ อยู หมู 9 บานบานแค ต.บางขดุ อ.สรรคบรุ ี จ.ชยั นาท
ความเชอื่ ความศรัทธาของลกู ศิษย5ท่ีมาสักการะ
สมชาย สุขสบาย (การสื่อสารสวนบคุ คล, 2565) กลาววา “ลูกศิษยท่ีมาสักการะสวนใหญจะไปขอพร
ที่รปู หลอเสมือนจริงดานหนา เพราะมีความเชื่อกันวา ‘ขออะไรทานกใ็ หไดทุกอยางตามความปรารถนา’ ไมวา
จะเปEนทางดานเร่ืองงาน ชีวติ ความเปEนอยู โชคลาภ หรือวาดวงชะตา ผูคนท่ปี ระสบผลสําเรจ็ ตามที่ไดกลาวขอ
ไวสวนใหญจะนาํ ลโิ พ ขนมจนี หัวหมู หรือวาพวงมาลัยกต็ ามทไ่ี ดบนไวกลบั มานาํ ถวาย”
วตั ถมุ งคล และบอนํ้าศักด์ิสทิ ธ์ิ
บรรเจิด แซหลี (การส่ือสารสวนบุคคล, 2565) กลาววา “วัตถุมงคลที่หลวงพอกวยสรางและปลุกเสก
นั้น เปEนของดี มีพุทธคุณสูง มีประสบการณเปEนท่ีเลาขานถึงความศักด์ิสิทธ์ิ และมีราคาสูงในวงพระเคร่ือง
ต้ังแตปลุกเสกรุนแรก ๆ จนมาถึงรุนปKจจุบัน เน่ืองจากมีความเชื่อของชาวบานวาพระที่หลวงพอกวยปลุกเสก
นน้ั จะชวยคุมครองใหแคลวคลาดปลอดภัย หากไปลบหลูหรอื ไมระวงั คําพดู ทานก็จะตักเตือนแตไมไดรายแรง
วัตถุที่เดนภายในวดั โฆสิตาราม และลูกศิษยนิยมนําไปบูชาคือ มีดหมอหลวงพอกวย ถือเปEนเคร่ืองรางของขลัง
เดนดานฟKน แทงไมเขา ขับไลผี แกคุณไสย มนตดําตาง ๆ บางคนก็มีประสบการณดานป]องกันตัวถูกยิง แต
ไมเขา และยงั ป]องกันโจรไมใหเขาบาน มมี หาอาํ นาจ ผคู นเกรงขาม ป]องกันคนท่ีคดิ ราย
เหตุท่ีช่ือบอน้ําศักด์ิสิทธ์ิ เพราะวา เดิมเปEนสระของหลวงพอกวย พระกนยามของหลวงพอ ทานก็จะ
นํามาใสไวในสระน้ีเสมอ คนนิยมเอานํ้าในสระไปทํานํ้ามนต ดินก็เอาไปสรางพระ เปEนสระที่หลวงพอกวยขุด
และลงอาถรรพไว สระนี้สมัยกอนหลวงพอจะเอาพระเคร่ือง และแมพิมพพระบางแบบทิ้งลงไป เพื่อให
ศักดิ์สิทธ์ิ สระน้ีแมหลังหลวงพอมรภาพก็ไมมีใครกลาลวงเกิน เขาวาเวลามีงาน ถามีการจุดพลุ ถามาจุดแถว
สระจะจุดไมตดิ คงเปนE เพราะอาถรรพท่หี ลวงพอไดลงไว”
ความเชือ่ ในการลอดโลงสรีระหลวงพอกวย
สาคร อิ่มเชื้ออยู (การส่ือสารสวนบุคคล, 2565) กลาววา การลอดโลงสรีระของหลวงพอกวย เปEน
ความเชื่อของชาวบานแถวน้ัน ที่เชือ่ กนั มานาน โดยมีความเช่อื วา ถาลอดโลงสรรี ะหลวงพอกวยจาํ นวน 3 รอบ
เปEนการชวยปKดเป?าเคราะหรายใหหมดไป และยังไดบอกอีกวาในปKจจุบันมีลูกศิษยมาสักการะกันเยอะ อยู
ในชวงโควดิ 19 ทางวดั ก็ไมไดเปดN ใหเขาไปลอดโลงแลว เพราะวาขางในเปEนหองแอร และคอนขางแออดั
47
รอยพระพุทธบาท วดั กลั ยาณบรรพต (เขาเลยี้ ว)19
เฟ_`องระบลิ ภาคเมธี
กวาจะมาเปEนวดั กัลยาณบรรพตหรอื วัดเขาเลย้ี วผูนาํ ในการสราง
คอื พระครูกัลยาณวสิ ทุ ธ์ิ เจาอาวาสวดั ดอนและเจาคณะตาํ บลวัดพระยา
ไกร ผูนําในการสรางวัดกัลยาณบรรพต (พระพุทธบาทเขาเลี้ยว) ตําบล
พุกราง อําเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ผมเองท่ีเปEนลูกเปEนหลาน
ของคนในชุมชนท่ีสมัยเด็ก ๆ จะไปทําบุญที่วัดอยู บอย ๆ เวลาถึงวัน
พระหรือวันสําคัญทางศาสนา ก็จะพากันไปทําบุญ พอ แม ตา ยาย ป]า
นา อา จะพากันไปวัดทําใหผมซึมซับบรรยากาศเหลานั้นมาตั้งแตเล็กจนมาถึงสมัยปKจจุบันที่ผมเองก็มีความ
สนใจในเรื่องชมุ ชนอยแู ลวเลยสนใจเรือ่ งของรอยพระพทุ ธบาทวัดเขาเล้ียวทคี่ นเฒาคนแกในชุมชนไดพูดถึงวามี
รอยพระพุทธบาทบนยอดเขาที่วัดเขาเล้ียวผมจึงเร่ิมศึกษาหาประวัติความเปEนมาของรอยพระพทุ ธบาทของวัด
เขาเลี้ยวซึ่งมีความนาสนใจเปนE อยางมาก
รอยพระพุทธบาทวัดเขาเล้ียวแรกเร่ิมเดิมทีถูกคนพบโดยหลวงพอวัดดอนและคณะพรหมศาสตร
การถูกคนพบในคร้ังน้ีไมไดเจอกันงาย ๆ โดยหลวงพอวัดดอนและคณะพรหมศาสตรไดมีการเดินคนหาแลว
1 รอบแตไมพบรองรอยแตอยางใดแตหลังจากน้นั ไมนานก็มีการออกคนหาอีกรอบแตก็พบกับอุปสรรคมากมาย
ไมวาจะเปEนการเดินทางท่ีไมไดสะดวกมากนักตองมีการนํามีดไปถางเปNดทางใชเวลาอยูพักใหญจากนั้นก็มีการ
เดินตามหารอยพระพุทธบาทจนไดพบรอยหนึ่งที่คลายรอยพระบาทก็มีการน่ังพิจารณาจึงแนใจไดวานี่คือรอย
พระพุทธบาทที่วากันวาเปEนรอยพระพุทธบาทขางซายขององคพระสัมมาสัมพุทธเจา บุญหลง คําสิงห (การ
สือ่ สารสวนบคุ คล, 4 พฤศจิกายน 2565)
ปKจจุบันรอยพระพุทธบาทบนเขาที่วัดกัลยาณบรรพต (เขาเลี้ยว) ไดมีการบูรณะทําความสะอาดสราง
ความสะดวกในการที่ใหพุทธศาสนิกชนข้ึนไปกราบไหวและสักการะซ่ึงในสมัยกอนชวงที่มีการคนพบรอยพระ
พุทธบาทใหม ๆ พุทธศาสนิกชนจากหลาย ๆ แหงแหมากราบไหวรอยพระพุทธบาทชวงงานเดือน 3 เดือน 4
จะมีพุทธศาสนิกชนข้ึนมากราบไหวเพ่ือเปEนสิริมงคลแกชีวิตผูท่ีมากราบไหว สถานที่แหงนี้มีความสําคัญกับ
ชาวบานเขาเลี้ยวถือไดวาเปEนท่ียึดเหนี่ยวจิตใจสถานท่ีหนึ่งท่ีชาวบานมักจะข้ึนไปกราบไหวและสักการะเปEน
ประจาํ ชวงเวลาวันพระและวันสาํ คญั ทางศาสนาก็จะมีพุทธศาสนานิกชนข้นึ ไปไหวและขอพรรอยพระพุทธบาท
ซึ่งชาวบานก็มีความเชื่อกันวาเม่ือไดกราบไหวแลวจะเปEนมงคลกับชีวิต สํารวย คําสงิ ห (การสอื่ สารสวนบุคคล,
4 พฤศจกิ ายน 2565)
ถากลาวถึงในดานของความเชื่อและความสัทธาที่ชาวบานและพุทธศาสนิกชนเม่ือทุกคนข้ึนไปไหว
มักจะขอในเร่ืองของโชคชะตา ขอใหชวี ิตมคี วามสุขหนาท่ีการงานใหเจริญกาวหนาและส่ิงขาดไปไมไดสําหรับท่ี
จะขอพรกับสิ่งศักด์ิสทิ ธค์ิ ือเร่ืองของโชคลาภทีช่ าวบานจะขออยูเปEนประจําและเครื่องสักการะทช่ี าวบานมักจะ
นําไปไหวรอยพระพุทธบาทจะ มีธูปเทียน ดอกไมสด รวมท้ังผลไมท่ีเปEนมงคลชนิดตาง ๆ ปKจจุบันการเดินทาง
ข้ึนไปสักการะรอยพระพุทธบาทของวัดเขาเล้ียวก็มีความสะดวกสบายมากข้ึนสามารถท่ีจะนํารถยนตข้ึนไปได
และทางวัดเองกจ็ ะมีการพฒั นาใหบนยอดเขาเปนE จุดชมวิวชมบรรยายดานบนของภูเขาอีกดวย
19 เปนE สวนหนึง่ ของรายวิชาคติชนวทิ ยา มหาวิทยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
48