The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

งานเครื่องยนต์แก๊สโซลีนและดีเซล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by google user, 2022-04-28 02:47:10

งานเครื่องยนต์แก๊สโซลีนและดีเซล

งานเครื่องยนต์แก๊สโซลีนและดีเซล

5.4.4 เทอร์โมสตทั ( Thermo stat )

รูปท่ี 5.5 เทอร์โมสตัท
หนา้ ที่การทางานเทอร์โมสตทั ( Thermo stat )
ทาหนา้ ที่ปิ ดก้นั ทางเดินน้าไม่ใหไ้ หลเขา้ เคร่ืองเม่ือเครื่องยนตเ์ ยน็ เพือ่ ท่ีจะทาใหเ้ คร่ืองยนตร์ ้อนถึง
อณุ หภมู ิการทางานเร็วข้ึน
ปัญหาเทอร์โมสตทั ( Thermo stat )

วาลว์ น้าเป็นอปุ กรณ์ที่ไม่ค่อยมีปัญหา แต่กย็ งั มีโอกาสเสีย เช่น วาลว์ น้าไม่เปิ ดเม่ือร้อนเน่ืองจากเกิด
การเส่ือมสภาพ ทาใหเ้ ครื่องร้อนจดั (โอเวอร์ ฮีท) การแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ ทาไดโ้ ดยการถอดวาลว์ น้าออก
ชวั่ คราว ก่อนถอดวาลว์ น้าออก ใหถ้ า่ ยน้าหลอ่ เยน็ ออกบางส่วน ถอดท่อน้าออกจากโลหะ ถอดแป้นเกลียว
ท่ียดึ ฝาครอบวาลว์ น้า ควรคลายแป้นเกลียวออกทีละนอ้ ย ๆ เพอ่ื ไมใ่ หฝ้ าครอบบิดตวั ถา้ ฝาครอบติดแน่น
บนเส้ือหุม้ ใหใ้ ชแ้ ทง่ ไมต้ อกเบา ๆ เพ่อื ใหฝ้ าครอบหลดุ ออกมา หลงั จากน้นั ยกวาลว์ น้าออกและควรใช้
เศศษผา้ อดุ ช่องเปิ ดไวก้ ่อน ขดู ปะเก็นเก่าออกใหห้ มดแลว้ ทาความสะอาดผวิ หนา้ ประกบและเปลี่ยน
ประเกน็ ใหม่ สังเกตวา่ วาลว์ น้าเสียหรือไม่ดูจากจากการเปิ ดฝาหมอ้ น้าแลว้ ติดเครื่องยนตจ์ นร้อนแลว้ เร่ง
เครื่อง ถา้ เกจว์ ดั ความร้อนข้นึ สูงแต่ไม่มีการหมุนวนของน้าอยา่ งเร็วโดยดูจากช่องฝาปิ ดหมอ้ น้าที่เปิ ดไว้
แสดงวา่ วาลว์ น้ามีปัญหา หรืออีกกรณีหน่ึงการที่วาลว์ เปิ ดตลอดเวลาทาใหเ้ คร่ืองยนตร์ ้อนชา้ ถา้ เปิ ดฝาหมอ้
น้าแลว้ เร่งเคร่ืองถึงแมว้ า่ เคร่ืองยนตจ์ ะเยน็ กต็ ามแตจ่ ะมีการหมุนวนของน้าอยา่ งเร็ว

วิธีดูแลรักษาเทอร์โมสตทั ( Thermo stat )
การตรวจสอบวาลว์ น้าทาโดยเริ่มตนั จากการสตาร์ตเครื่องยนตใ์ นขณะท่ีเคร่ืองเยน็ ใชม้ ือสัมผสั ท่ี
หมอ้ น้าหรือท่อน้าอนั บน ซ่ึงในช่วงแรกยงั คงเยน็ อยแู่ ต่ถา้ ผา่ นไปสัก 2 - 3 นาที จะร้อนข้นึ อยา่ งเร็ว แสดง
วา่ วาลว์ น้าทางานผิกปกติ แต่ถา้ ค่อย ๆ ร้อนข้ึนทีละหน่อย แสดงวา่ วาลว์ น้าเปิ ดคา้ งตลอดเวลา แตถ่ า้ ร้อน
ข้นึ ชา้ มากและเครื่องเร่ิมร้อนจดั แสดงวา่ วาลว์ น้าปิ ดตายถา้ ตอ้ งการทราบวา่ วาลว์ น้าทางานไดห้ รือไม่ ทา
โดยถอดวาลว์ น้าแลว้ นาไปแช่ในน้าร้อน เม่ือน้ามีอณุ หภมู ิข้ึนจนมีค่าใกลเ้ คียงกบั อุณหภมู ิทางานท่ีแสดงไว้
บนวาลว์ วาลว์ น้าจะเปิ ดออก และเมื่อยกวาลว์ น้าข้ึนจากน้าร้อนแลว้ บอ่ ยใหเ้ ยน็ วาลว์ น้าก็จะปิ ด

5.4.5 ฝาปิ ดหมอ้ น้า ( Radiator cap )

รูปท่ี 5.6 ฝาปิ ดหม้อน้า

หนา้ ที่การทางานฝาปิ ดหมอ้ น้า ( Radiator cap )
ฝาหมอ้ น้าสามารถเกบ็ แรงดนั ในหมอ้ ทาใหจ้ ุดเดือดของน้าเพมิ่ สูงข้นึ เป็น 120 องศาเซลเซียส จาก

เดิม 100 องศาเซลเซียสปัญหาความดนั ของหมอ้ น้าจะถูกควบคมุ ดว้ ยฝาหมอ้ น้า ดงั น้นั ตอ้ งมีการตรวจสอบ
การทางานของวาลว์ แหวนซีลตอ้ งขยบั ตวั ไดอ้ ิสระตา้ นกบั แรงสปริง และแหวนยางตอ้ งมีสภาพท่ีดี แผน่

ยางและสปริง เมื่อใชง้ านไปนาน ๆ แผน่ ยางจะเสื่อมไม่สามารถเกบ็ แรงดนั ได หรือสปริงเส่ือมแรงตา้ น
ลดลงไมส่ ามารถเกบ็ แรงดนั ไดส้ ูง เม่ือน้ามีอณุ หภูมิสูงจะไหลกลบั ไปยงั ถงั พกั น้า แต่จะไมไ่ หลกลบั เขา้
หมอ้ น้าเม่ือเม่ือเคร่ืองเยน็ ทาใหน้ ้าในหมอ้ น้าลดลง ขาดประสิทธิภาพในการระบายความร้อนทาให้
เครื่องยนตม์ ีความร้อนสูงกวา่ ปกติ

วิธีดูแลรักษาฝาปิ ดหมอ้ น้า ( Radiator cap )
ตอ้ งทาการตรวจสอบระดบั น้าในหมอ้ น้าเป็นประจา ปกติระดบั น้าในหมอ้ น้าจะเตม็ เสมอ หากผขู้ บั ขี่

ตรวจพบวา่ มีการพร่องของน้าในหมอ้ น้า แสดงวา่ มีการร่ัวของหมอ้ น้า หรือระบบระบายความร้อนมีปัญหา
บางคร้ังอาจมีสาเหตุมาจากการปล่อยน้าในถงั พกั น้าแหง้ เนื่องจากฝาหมอ้ เส่ือมสภาพ การเปล่ียนฝาหมอ้ น้า
ใหม่ จะตอ้ งมีขนาดเข้ยี วล๊อคฝา และแรงดนั เทา่ เดิม ตอ้ งสังเกตดว้ ยวา่ เป็นหน่วยอะไร

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1. กลา่ วนา ระบบระบายความร้อน
2. ช้ีแจงจุดประสงคข์ องการเรียนรู้
3. อธิบายความหมายของระบบระบายความร้อน

ข้นั สอน
1. อธิบายหวั ขอ้ 5.2 เรื่องหนา้ ท่ีหนา้ ท่ีระบบระบายความร้อนดว้ ยอากาศ ผเู้ รียนบนั ทึกตาม
2. ใหน้ กั เรียนเขยี นรายงานเรื่องระบบระบายความร้อนดว้ ยอากาศ
3. อธิบายหวั ขอ้ 5.3 เร่ืองประเภทของระบบระบายความร้อน
4. ใหน้ กั เรียนเขยี นรายงานเรื่องประเภทของระบบระบายความร้อน
5. อธิบายหวั ขอ้ 5.4 เร่ืองส่วนประกอบของระบบระบายความร้อน
6. ใหน้ กั ศึกษาวาดภาพ ส่วนประกอบของระบบระบายความร้อน
7. ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบ

ข้นั สรุป ครูสรุปเน้ือหาจากบทเรียน โดยใชเ้ ครื่องฉายภาพ (Projector) และจากเคร่ืองยนตจ์ ริง

สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. เคร่ืองยนตด์ ีเซลจริง

การวัดและประเมินผล
1. ตรงตอ่ เวลา
2. ความรับผิดชอบต่องานท่ีมอบหมาย
3. ทดสอบ

แบบทดสอบ 5.1

1. หน้าที่ของระบบระบายความร้อน คือ
………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………….

2. หน้าทก่ี ารทางานหม้อนา้ ( Radiator ) คือ
…………………………………………………………………………………………………......
…………………………………………………………………………………………………......
……………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….

3. หน้าทกี่ ารทางานเทอร์โมสตทั ( Thermo stat )
……………….. …………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………..

เฉลยแบบทดสอบ 5.1

1. ตอบ ระบบระบายความร้อนทาหนา้ ที่รักษาอุณหภูมิของเครื่องยนตใ์ หอ้ ยใู่ นอุณหภมู ิที่มีความ
เหมาะสมในการทางานไมใ่ หเ้ ครื่องยนตร์ ้อนหรือเยน็ จนเกินไป

2. ตอบ ระบายความร้อนของน้าท่ีเดินทางมาจากเครื่องยนต์ โดยที่หมอ้ น้าจะมีท่อทางเดินน้า แลว้
ปิ ดดว้ ยครีบรังผ้งึ เพ่ือระบายความร้อนมาที่ครีบ เมื่อลมพดั ผา่ นทอ่ ทางเดินน้าก็เกิดการถ่ายเทความ
ร้อนไปกบั ลม ทาใหน้ ้าเยน็ ตวั ลง

3. ตอบ ทาหนา้ ท่ีปิ ดก้นั ทางเดินน้าไมใ่ หไ้ หลเขา้ เครื่องเม่ือเคร่ืองยนตเ์ ยน็ เพอื่ ที่จะทาให้เคร่ืองยนต์
ร้อนถึงอุณหภูมิการทางานเร็วข้ึน

เอกสารอ้างองิ

1. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. ทฤษฎีดีเซล. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พเ์ จริญธรรม, 2541.
2. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. ปฏิบตั ิดีเซล. กรุงเทพฯ : โรงพิมพเ์ จริญธรรม, 2541.
3. พงศศ์ กั ด์ิ ศิริขนั ธ์ และคณะ. งานเคร่ืองยนตเ์ บ้ืองตน้ . นนทบรุ ี : เจริญรุ่งเรืองการพมิ พ,์ 2546.
4. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. การปรับแต่งเครื่องยนต.์ กรุงเทพฯ : โรงพิมพเ์ จริญธรรม, 2541.
5. โตโยตา้ . คมู่ ือการซ่อมเครื่องยนต์ L, 2L : บริษทั โตโยตา้ มอเตอร์ประเทศไทย จากดั , 2529.

แผนการเรียนรู้ หน่วยที่ 6
สอนคร้ังท่ี 9-10
ชื่อวชิ า งานเคร่ืองยนตด์ ีเซล จานวน 12 ช่ัวโมง
ชื่อหน่วย ระบบไอดีและระบบไอเสียเครื่องยนตด์ ีเซล

หวั ข้อเร่ือง
6.1 หนา้ ท่ีของระบบไอดี
6.2 หนา้ ที่ของระบบไอเสีย
6.3 หนา้ ท่ีของซุปเปอร์ชาร์จเจอร์

สาระสาคัญ
1. ระบบไอดีทาหนา้ ท่ีนาพาอากาศและผสมน้ามนั เช้ือเพลิงกบั อากาศใหม้ ีอตั ราส่วนพอเหมาะแลว้

นาพาเขา้ ไปในกระบอกสูบ
2. ระบบไอเสียมีหนา้ ท่ี นาพาความร้อนหรือไอเสียออกจากหอ้ งเผาไหม้
3. ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ทาหนา้ ท่ีป้ัมอากาศหรือเพิ่มปริมาณอากาศ เขา้ ไปร่วมในการจุดระเบิดในหอ้ งเผา

ไหม้

สมรรถนะที่พงึ ประสงค์ (ความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ วชิ าชีพ)
1. นกั เรียนสามารถอธิบาย หนา้ ท่ีของระบบไอดีไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
2. นกั เรียนสามารถอธิบาย หนา้ ท่ีของระบบเสียไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
3. นกั เรียนสามารถอธิบาย หนา้ ท่ีซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
4. ความมีวนิ ยั : การแต่งกาย, การตรงต่อเวลา
5. ความรับผดิ ชอบ : ทางานเสร็จทนั ตามเวลาที่กาหนด
6. ความสนใจใฝ่รู้ : มีความสนใจในการหาความรู้เพ่ิมเติม, การกระตือรือร้นท่ีจะเรียนรู้
7. ความมีมนุษยส์ มั พนั ธ์ : ยอมรับความคิดเห็นผอู้ ื่น
8. ความอดทน อดกล้นั : มีสติควบคมุ อารมณ์ไดด้ ี
9. ความซ่ือสัตยส์ ุจริต : ไม่นาผลงานผอู้ ่ืนมาแอบอา้ งเป็นของตน

เนื้อหาสาระ
6. ระบบไอดแี ละระบบไอเสียเคร่ืองยนต์ดเี ซล ( Diesel engine exhaust and intake system )
1. ระบบไอดี (INTAKE SYSTEM) ทาหนา้ ท่ีนาพาอากาศและผสมน้ามนั เช้ือเพลิงกบั อากาศใหม้ ี

อตั ราส่วนพอเหมาะแลว้ นาพาเขา้ ไปในกระบอกสูบ เน่ืองจากการที่จะทาใหเ้ คร่ืองยนตม์ ีประสิทธิภาพหรือ
มีแรงมา้ สูง ๆ ไดน้ ้นั ระบบไอดีมีความสาคญั เป็นอยา่ งมาก ซ่ึงเง่ือนไขในการทาให้เคร่ืองยนตม์ ีกาลงั มาก
ข้นึ น้นั ตอ้ งคานึงถึงการไหลของไอดีอยา่ งสะดวกคอื ใหไ้ อดีไหลเขา้ ตรงท่ีสุดเทา่ ที่จะทาได้ และลดสิ่งกีด
ขวาง (ลิน้ เร่งแบบสไลด)์ การไหล เพ่มิ ความกวา้ งของท่อทางและช่องไอดี (ขดั ขยายช่องไอดีและทอ่ ร่วม
ไอดี , ขนาดของลิน้ เร่ง) รวมถึงลิน้ ไอดีดว้ ย (วาลว์ ) คือ ตอ้ งใหล้ ิน้ ไอดีเปิ ดกวา้ ง และนานท่ีสุดเท่าท่ีจะทา
ได้ (ใช้ CAMSHAFT ท่ีมีองศาการเปิ ดมากและระยะยกสูง) และอีกอยา่ งหน่ึงที่เป็นสิ่งสาคญั มากคอื
อุณหภมู ิและความหนาแน่นของไอดี ยงิ่ อณุ หภมู ิต่าและยง่ิ ความหนาแน่นสูงจะยง่ิ ทาใหเ้ คร่ืองยนตม์ ีกาลงั
มากข้นึ เทา่ น้นั แต่ยงิ่ ความหนาแน่นสูงเนื่องจากการอดั อากาศ เช่น เคร่ืองยนตท์ ี่มีระบบอดั อากาศ
(TURBO CHARGER, SUPER CHARGER) ยงิ่ ทาใหอ้ ุณหภูมิไอดีสูงข้นึ จึงนิยมติดต้งั อุปกรณ์ระบาย
ความร้อนไอดี เช่น INTERCOOLER เขา้ ไปในระบบ เพ่ือป้องกนั ไม่ใหเ้ กิดความร้อนมากเกินไปในระบบ
ไอดี

รูปที่ 6.1 สปริงลนิ้

6.2.1 สปริงลิน้ ( valve spring) สปริงลิ้นจะเป็นตวั ทาใหล้ ิน้ ปิ ดสนิทกบั บ่าลิน้ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว
สปริงลิน้ จะตอ้ งมีค่าความเป็นสปริงคงท่ีเพื่อป้องกนั การเตน้ ในขณะท่ีเคร่ืองยนตม์ ีความเร็วสูง

รูปท่ี 6.2 ท่อร่วมไอดี
6.2.2 ทอ่ ร่วมไอดี ( Intake manifold )ระบไอดีจะทาหนา้ ท่ีแบ่งอากาศท่ีไหลผา่ นลิ้นเร่งเพื่อส่งไปให้
ช่องไอดีของฝาสูบ (พอร์ต) ใหเ้ ทา่ ๆ กนั ในแตล่ ะสูบ แต่อีกพวกหน่ึงเช่นเคร่ืองรถแข่งท่ีตอ้ งการกาลงั
เครื่องยนตม์ ากๆ มากมกั จะใชท้ อ่ ร่วมไอดีท่ีมีกาออกแบบมาใหม่เพ่อื การใชง้ านเฉพาะ เช่น ใชล้ ิ้นเร่งแบบ
หลายอนั คือ มีลิ้นเร่ง 1 อนั ต่อ 1 สูบอิสระ ท่อร่วมไอดีแบบน้ีสามารถกาหนดจานวนไอดีที่จะส่งเขา้ ไปใน
ช่องไอดีของแตล่ ะสูบใหเ้ ท่ากนั ไดด้ ีกวา่ แบบลิน้ เร่งเด่ียว ซ่ึงแบบลิน้ เร่งเด่ียวน้นั ใชว้ ิธีการแบง่ ไอดีให้แต่ละ
สูบใกลเ้ คยี งกนั โดยวิธีการทาใหช้ ่องไอดีโคง้ งอเพื่อใหไ้ อดีไหลเขา้ ไปไม่สะดวกในช่องไอดีของสูบท่ีจะ
ไหลเขา้ ง่ายที่สุด จึงทาใหเ้ กิดการตา้ นการไหลทาใหไ้ ม่สามารถสร้างกาลงั ของเครื่องยนตไ์ ดม้ ากนกั แต่ทอ่
ไอดีแบบลิ้นเร่งเด่ียวน้นั สามารถใชง้ านในรอบต่าถึงกลางไดด้ ีกวา่ แบบหลายลิน้ เร่งซ่ึงจะใชไ้ ดด้ ีเฉพาะ
รอบกลางถึงรอบสูงเทา่ น้นั ขนาดความกวา้ งและความยาวของทอ่ ร่วมไอดีจะมีผลโดยตรงกบั นิสยั ของ
เคร่ืองยนตม์ ากคือ ความยาวระหวา่ งลิน้ ไอดีจนถึงปลายทางเขา้ ของท่อไอดี ยง่ิ ยาวยงิ่ ไดแ้ รงบิดสูงในรอบ
ต่า แต่จะมีกาลงั นอ้ ยในรอบสูง (ตน้ ดี) และถา้ ยง่ิ ส้ันยงิ่ มีแรงบิดนอ้ ยในรอบต่า แตม่ ีกาลงั มากในรอบสูง
(รอรอบ) ในทานองเดียวกนั ความกวา้ งของช่องไอดียง่ิ กวา้ งยงิ่ ทาใหเ้ คร่ืองมีกาลงั มากท่ีรอบสูงแต่มีแรงบิด
นอ้ ยในรอบต่า (รอรอบ) และยงิ่ เลก็ ยง่ิ ทาใหม้ ีกาลงั นอ้ ยในรอบสูงแตม่ ีแรงบิดมากในรอบต่า (ตน้ ดี)
เนื่องจากช่องไอดีที่มีขนาดใหญ่ เม่ือมีไอดีขนาดหน่ึงไหลผา่ นถา้ เทียบกบั ช่องไอดีท่ีมีขนาดเลก็ มีความเร็ว
นอ้ ยกวา่ ในรอบตน้ เนื่องจากอากาศมีน้าหนกั มีแรงเฉี่อย ทาใหอ้ ากาศมีการเริ่มเคล่ือนท่ีไดช้ า้ แต่ทอ่ ไอดีท่ีมี
ขนาดเลก็ เมื่อรอบสูงแลว้ จะทาใหไ้ อดีไหลผา่ นไมส่ ะดวกถึงจะมีความเร็วมากก็ตาม ตามทฤษฎีความเร็ว
อากาศในทอ่ ไอดีอยปู่ ระมาณ 80-100 เมตร/วินาที (m/s) ถือวา่ เครื่องยนตม์ ีกาลงั มากท่ีสุด ถา้ มีความเร็วสูง
กวา่ น้ีถือวา่ ไอดีไหลไมส่ ะดวกแลว้ ในรถบา้ นทวั่ ไปที่ภายในท่อร่วมไอดีผิวคอ่ นขา้ งขรุขระและมีมุมมาก
ทาใหไ้ อดีไหลไมส่ ะดวก จะมีความเร็วของไอดีเฉลี่ยประมาณ 50-60 เมตร/วินาที เทา่ น้นั การกาหนดความ
กวา้ งของท่อไอดีน้นั ใหญม่ ากเกินไปกไ็ ม่ดี ควรจะกาหนดวา่ เคร่ืองยนตม์ ีกาลงั ขนาดไหนแลว้ ค่อย ๆ ทา
ใหญข่ ้นึ ทีละนอ้ ยแลว้ ทดสอบเปรียบเทียบจนไดผ้ ลดีที่สุด

รูปท่ี 6.3 ลนิ้ ไอดี
6.2.3 ลิน้ ไอดีหรือช่องไอดี ( Intake valve or Intake port )ทาหนา้ ที่ปิ ดและเปิ ดใหน้ ้ามนั เช้ือเพลิงเขา้
ไปในกระบอกสูบลิน้ ไอดี ตอ้ งรับอุณหภมู ิสูงจากการเผาไหมแ้ ละไดร้ ับการระบายความร้อนดว้ ยไอดี
ดงั น้นั การขยายตวั ของหวั ลิ้น(Valve Head) จึงไม่สม่าเสมอ ทาใหห้ นา้ ลิ้น (Valve Face) สมั ผสั ไมแ่ นบ
สนิทกบั บา่ ลิ้น (Valve Seat) เพอ่ื ป้องกนั เหตุดงั กล่าวจึงตอ้ งตดั บ่าลิน้ ใหเ้ ป็นเบา้ รับหวั ลิ้นนอกจากน้นั เพื่อ
เพ่ิมประสิทธิภาพในการดูด ขนาดของช่องลิ้นไอดี (Valve Port) ตอ้ งใหญ่ท่ีสุดเทา่ ที่จะทาได้
6.1 หน้าที่ของระบบไอเสีย ( Exhaust system )

รูปที่ 6.4 ท่อไอเสีย
ระบบไอเสียมีหนา้ ที่ นาพาไอเสียออกจากหอ้ งเผาไหมแ้ ลว้ นาพาออกจากกระบอกสูบ ส่งต่อไปยงั ท่อ
ไอเสียและขบั ออกทางทอ่ ไอเสีย

รูปท่ี 6.5 วาล์ว
6.2.1 ลิ้นไอเสีย ( Exhaust valve )ทาหนา้ ท่ีปิ ดและเปิ ดใหแ้ กส๊ ท่ีเกิดจากากรเผาไหมอ้ อกจากระบอก
สูบไอเสียตอ้ งรับท้งั อุณหภมู ิและแรงดนั สูง ดงั น้นั จึงมกั เป็นตน้ เหตุใหก้ ารสมั ผสั ของหนา้ ลิน้ กบั บ่าลิน้ สึก
อยา่ งรวดเร็ว เพือ่ ป้องกนั เหตุดงั กลา่ วจึงตอ้ งเผื่อช่องวา่ งระหวา่ งกา้ นลิ้น(Valve Stem) กบั
6.2.2 ทอ่ ร่วมไอเสีย ( Exhaust manifold )

รูปที่ 6.6 ท่อร่วมไอเสีย

6.2.3 หมอ้ เกบ็ เสียง ( Muffler )

รูปท่ี 6.7 หม้อเกบ็ เสียง
หมอ้ เกบ็ เสียงทาหนา้ ท่ีลดเสียงดงั ของเครื่องยนตเ์ น่ืองจากการทาของเคร่ืองยนตจ์ ะมีเสียงจากการจุด
ระเบิดของเคร่ืองยนตแ์ ละเสียงเหลา่ น้นั จะถกู ปล่อยออกมายงั ทางทอ่ ร่วมไอเสีย ดงั น้นั จึงมีหมอ้ เก็บเสียง
ข้ึนมาเพ่อื ลดเสียงดงั จากการทางานของเครื่องยนต์
6.2 หนา้ ที่ของซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ ( Super charging )

รูปท่ี 6.8 ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์
ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ คลา้ ยกบั เทอร์โบชาร์จเจอร์ ทาหนา้ ท่ีป้ัมอากาศหรือเพ่มิ ปริมาณอากาศ เขา้ ไปร่วม
ในการจุดระเบิดในหอ้ งเผาไหม้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใหแ้ ก่เคร่ืองยนต์ โดยไม่ตอ้ งเพ่มิ ปริมาตรความจุ
ของกระบอกสูบ ทางานโดยอาศยั กาลงั งานจากเพลาขอ้ เหว่ียง โดยผา่ นทางสายพานมาจากเครื่องยนต์
โดยตรง ดงั น้นั เมื่อเหยยี บคนั เร่งจะไดร้ ับการสนองทนั ที (เทอร์โบชาร์จเจอร์ตอบสนองชา้

กวา่ ) ระบบจะมีการควบคุมการทางานโดย E.C.U. เพือ่ ใหก้ ารทางานของระบบเตม็ ประสิทธิภาพระบบ
ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ ช่วยเพ่มิ ประสิทธิภาพใหแ้ ก่เคร่ืองยนต์ (ไม่ตอ้ งเปลี่ยนเครื่องยนต)์ กล่าวคอื ระบบ
ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ และเทอร์โบชาร์จเจอร์ จะเป็นกลไกท่ีช่วยเพ่มิ ปริมาณอากาศ เขา้ ไปร่วมในการจุด
ระเบิดในหอ้ งเผาไหม้

รูปที่ 6.9 เทอร์โบชาร์จเจอร์กาลงั ทางาน
ในขณะที่เครื่องยนตท์ างานอยทู่ ่ีรอบเดินเบา ปริมาณอากาศท่ีลกู สูบดูดไปใชง้ าน (อากาศจะวง่ิ จาก
ภายนอกรถ ผา่ นไสก้ รอง ผา่ นท่อร่วมไอดี และเขา้ สู่กระบอกสูบของแต่ละสูบ) โดยผสมกบั น้ามนั เช้ือเพลิง
เพอ่ื จุดระเบิดน้นั เป็นไปตามความตอ้ งการของเคร่ืองยนต์ ท่ีบริษทั ผผู้ ลิตเครื่องยนตไ์ ดก้ าหนดมา จากน้นั
เมื่อรถเริ่มว่ิงไป เคร่ืองยนตเ์ ริ่มมีการทางานมากข้ึน ลกู สูบจึงเร่ิมเคลื่อนที่เร็วข้ึน จึงตอ้ งการอากาศเขา้ มาใน
กระบอกสูบไวข้ึน เม่ือมีการเพิ่มความเร็วสูงข้ึนไปอีก เคร่ืองยนตย์ งิ่ ตอ้ งทางานมากข้ึน ลกู สูบก็ยง่ิ ตอ้ ง
เคล่ือนที่ข้ึน-ลงเร็วข้ึนไปอีก จึงส่งผลใหต้ อ้ งการอากาศไวมากข้ึนไปอีกตามลาดบั การทดสอบอตั รา
ความเร็ว จึงเป็นไปตามมาตรฐาน ของบริษทั ผผู้ ลิตเครื่องยนตย์ หี่ อ้ ตา่ งๆ
จากเหตกุ ารณ์ดงั กลา่ ว อากาศวงิ่ เขา้ สู่หอ้ งเผาไหม้ เพราะแรงดูด จากการท่ีลูกสูบเคลื่อนท่ีลงสู่ตาแหน่ง
ศนู ยต์ ายลา่ ง (Bottom dead center) ในกระบอกสูบ เมื่อเคร่ืองยนต์ ทางานท่ีรอบต่า ความหนาแน่นของ
อากาศที่วิ่งเขา้ มาสู่หอ้ งเผาไหม้ จะมีมากกวา่ สภาวะท่ีเครื่องยนตท์ างานในรอบสูง การติดต้งั ระบบซุปเปอร์
ชาร์จเจอร์ หรือ เทอร์โบชาร์จเจอร์ จะช่วยเพิม่ ปริมาณความหนาแน่ของอากาศในท่อร่วมไอดีไดด้ ี ใน
สภาวะท่ีเครื่องยนตท์ างานที่รอบสูง และตอ้ งการอากาศมาก จึงทาใหก้ ารจุดระเบิด มีประสิทธิภาพมากข้ึน
ดว้ ยเหตุน้ี จึงส่งผลใหม้ ีกาลงั มา้ (Horsepower) และกาลงั บิด (Torque) สูงข้ึนดว้ ย

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1. ครูกล่าวนา ระบบไอดีและระบบไอเสียเคร่ืองยนตด์ ีเซล
2. ครูช้ีแจงจุดประสงคข์ องการเรียนรู้
3. ครูอธิบายระบบไอดีและหนา้ ท่ีของระบบไอเสีย

ข้นั สอน
1. ครูอธิบายหวั ขอ้ 6.1 เร่ืองหนา้ ท่ีหนา้ ที่ระบบไอดี ผเู้ รียนบนั ทึกตาม
2. ครูใหน้ กั เรียนเขยี นรายงานเร่ืองระบบระบายความร้อนดว้ ยอากาศ
3. ครูอธิบายหวั ขอ้ 6.2 เร่ืองหนา้ ท่ีของระบบไอเสียผเู้ รียนบนั ทึกตาม
4. ครูใหน้ กั เรียนเขยี นรายงานเรื่องหนา้ ท่ีของระบบไอเสีย
5. ครูอธิบายหวั ขอ้ 6.3 เร่ืองซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ผเู้ รียนบนั ทึกตาม
6. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบ

ข้ันสรุป ครูสรุปเน้ือหาจากบทเรียน โดยใชเ้ คร่ืองฉายภาพ (Projector) และจากเคร่ืองยนตจ์ ริง

สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. เคร่ืองยนตด์ ีเซลจริง

การวัดและประเมินผล
1. ตรงต่อเวลา
2. ความรับผิดชอบต่องานท่ีมอบหมาย
3. ทดสอบ

แบบทดสอบ 6.1

1. หน้าที่ของระบบไอดี ( Intake system ) คือ
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………

2. หน้าท่ีของระบบไอเสีย ( Exhaust system )
…………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………...

3. หน้าท่ีของซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ ( Super charging )
………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………….

เฉลยแบบทดสอบ 6.1

1. ตอบ ทาหนา้ ท่ีนาพาอากาศและผสมน้ามนั เช้ือเพลิงกบั อากาศใหม้ ีอตั ราส่วนพอเหมาะแลว้ นาพา
เขา้ ไปในกระบอกสูบ

2. ตอบ ระบบไอเสียมีหนา้ ที่ นาพาไอเสียออกจากหอ้ งเผาไหมแ้ ลว้ นาพาออกจากกระบอกสูบ ส่ง
ตอ่ ไปยงั ทอ่ ไอเสียและขบั ออกทางท่อไอเสีย

3. ตอบ ทาหนา้ ที่ป้ัมอากาศหรือเพิม่ ปริมาณอากาศ เขา้ ไปร่วมในการจุดระเบิดในหอ้ งเผาไหม้ จะ
ช่วยเพม่ิ ประสิทธิภาพใหแ้ ก่เคร่ืองยนต์

เอกสารอ้างองิ

1. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. ทฤษฎีดีเซล. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พเ์ จริญธรรม, 2541.
2. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. ปฏิบัตดิ ีเซล. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์เจริญธรรม, 2541.
3. พงศ์ศักด์ิ ศิริขนั ธ์ และคณะ. งานเครื่องยนต์เบื้องต้น. นนทบุรี : เจริญรุ่งเรืองการพมิ พ์, 2546.
4. ศรีณรงค์ ตู้ทองคา และคณะ. การปรับแต่งเคร่ืองยนต์. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์เจริญธรรม, 2541.
5. โตโยต้า. คู่มือการซ่อมเคร่ืองยนต์ L, 2L : บริษทั โตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทย จากดั , 2529.

แผนการเรียนรู้ หน่วยที่ 7
สอนคร้ังที่ 11-12
ช่ือวชิ า งานเคร่ืองยนตด์ ีเซล จานวน 12 ช่ัวโมง
ชื่อหน่วย ลูกสูบและแหวนลูกสูบ

หวั ข้อเรื่อง
7.1 หนา้ ท่ีของลกู สูบ
7.2 การแบ่งลกั ษณะของลูกสูบ
7.3 แหวนลูกสูบ

สาระสาคัญ
1. ลูกสูบทาหนา้ ที่เคล่ือนที่ข้ึนและลงภายในกระบอกสูบ เพอื่ ดาเนินกลวตั รในจงั หวะประจุไอดี อดั

ส่วนผสม จุดระเบิด และคายไอเสีย
2. การแบ่งลกั ษณะของลูกสูบแบ่งออกได้ 3 ส่วน คือ ส่วนบน, ส่วนกลาง, ส่วนลา่ ง
3. แหวนลกู สูบมีหนา้ ท่ีป้องกนั ส่วนผสมอากาศและเช้ือเพลิงร่ัวออกจากช่องวา่ งระหวา่ งลกู สูบกบั กระ

บอกสูบและระบายความร้อนออกจากลกู สูบ

สมรรถนะท่ีพงึ ประสงค์ (ความรู้ ทกั ษะ คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ วชิ าชีพ)
1. นกั เรียนสามารถอธิบายหนา้ ที่ของลกู สูบไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
2. นกั เรียนสามารถอธิบายการแบ่งลกั ษณะของลูกสูบไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
3. นกั เรียนสามารถอธิบายหนา้ ทีของลูกสูบไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
4. ความมีวินยั : การแต่งกาย, การตรงต่อเวลา
5. ความรับผิดชอบ : ทางานเสร็จทนั ตามเวลาที่กาหนด
6. ความสนใจใฝ่รู้ : มีความสนใจในการหาความรู้เพ่ิมเติม, การกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้
7. ความมีมนุษยส์ มั พนั ธ์ : ยอมรับความคดิ เห็นผอู้ ื่น
8. ความอดทน อดกล้นั : มีสติควบคมุ อารมณ์ไดด้ ี
9. ความซ่ือสัตยส์ ุจริต : ไม่นาผลงานผอู้ ่ืนมาแอบอา้ งเป็นของตน

เนื้อหาสาระ
7. ลูกสูบและแหวนลกู สูบ
7.1 หนา้ ที่ของลกู สูบ(PISTON)

รูปท่ี 7.1 ลูกสูบ

ลกู สูบ (PISTON) ทาหนา้ ท่ีเคลื่อนท่ีข้ึนและลงภายในกระบอกสูบ เพ่อื ดาเนินกลวตั รในจงั หวะประจุ
ไอดี อดั ส่วนผสม จุดระเบิด และคายไอเสียหนา้ ที่ที่สาคญั ที่สุดของลกู สูบกค็ อื รับแรงกดดนั จากการเผา
ไหมแ้ ละส่งกาลงั น้ีไปสู่เพลาขอ้ เหว่ียงโดยผา่ นกา้ นสูบลูกสูบน้นั ยงั ไดร้ ับความร้อน และอณุ หภมู ิท่ีสูงท่ีสุด
ที่กระทาอยตู่ ลอดเวลาและจะตอ้ งสามารถคงทนต่อการทางานที่รอบสูงเป็นเวลานานๆ ลกู สูบโดยปกติทา
มาจากโลหะผสมอลูมิเนียม ซ่ึงมีน้าหนกั เบาและมีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนไดด้ ีกวา่ วสั ดุชนิด
อื่นลกู สูบจะทา
หนา้ ที่ในการรับ และถา่ ยทอดกาลงั ที่เกิดจากการเผาไหม้ ของส่วนผสมระหวา่ งอากาศและเช้ือเพลิง หวั

ลูกสาคญั ระยะช่องวา่ งของลกู สูบมีจุดที่วดั แตกต่างกนั ซ่ึงข้นึ อยกู่ บั ประเภทของเครื่องยนตด์ ูคูม่ ือการ
ซ่อมประกอบเพ่ือหาจุดท่ีวดั ระ ยะช่องวา่ งลกู สูบะบอกระยะช่องวา่ งลูกสูบน้ีมีความสาคญั มาก เพอื่ ให้
เครื่องยนตท์ างานไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและมีสมรรถนะที่ดีข้นึ ถา้ หากวา่ ระยะช่องวา่ งมีนอ้ ย จะทาใหไ้ มม่ ีระยะ
ช่องวา่ งระหวา่ งลูกสูบกบั กระบอกสูบ เมื่อลูกสูบร้อนข้ึนจะเป็นเหตุใหล้ ูกสูบติดกบั กระบอกสูบได้ ซ่ึงจาก
ผลน้ีสามารถทาใหเ้ คร่ืองยนตช์ ารุดเสียหายไดถ้ า้ หากวา่ ระยะช่องวา่ งมากเกินไป ในทางตรงกนั ขา้ มกาลงั
ดนั ท่ีเกิดจากการเผาไหม้ และแรงดนั ของแก๊สที่เผาไหมจ้ ะตกลง ทาใหส้ มรรถนะของเครื่องยนตล์ ดลงสูบ
ทาใหล้ ูกสูบสามารถเคลื่อนที่ข้ึน-ลงไดภ้ ายในกระบอกสูบ การเคลื่อนที่ข้ึน-ลงภายในกระบอกสูบมีผลต่อ

การทางานของระบบเครื่องยนต์ ทาใหเ้ กิดจงั หวะการทางานของเคร่ืองยนต์ 4 จงั หวะ

รูปท่ี 7.2 ระยะช่องว่างของลูกสูบ
ระยะช่องวา่ งของลกู สูบ (ระยะห่างระหวา่ งลกู สูบกบั กระบอกสูบ)เม่ือลูกสูบถกู ทาใหร้ ้อนช้ืน มนั จะ
ขยายตวั ข้ึนเลก็ นอ้ ย เป็นผลใหเ้ ส้นผา่ ศนู ยก์ ลางขยายเพ่ิมข้นึ ดว้ ยเหตนุ ้ีในเครื่องยนตท์ ุกเครื่องจึงมีระยะ
ช่องวา่ ง ระหวา่ งลกู สูบกบั กระบอกสูบท่ีเหมาะสมในที่อณุ หภูมิหอ้ ง (25องศา C ,77 องศาF) ระยะน้ีเรียกวา่
ระยะช่องวา่ งลูกสูบ ระยะช่องวา่ งลกู สูบน้ีจะผกผนั ไปข้ึนอยกู่ บั ประเภทของเคร่ืองยนต์ แต่ระยะตามปรกติ
จะเริ่มจาก 0.02 ถึง 0.12 มม. (0.0008 ถึง0.0047 นิ้ว) ลกู สูบจะมีลกั ษณะเรียวเป็นเทเปอร์เลก็ นอ้ ย คือ
ระยะเส้ยผา่ ศนู ยก์ ลางมีหวั ลูกสูบจะเลก็ กวา่ ส่วนลา่ งของลกู สูบเลก็ นอ้ ย ดงั น้นั ระยะช่องวา่ งของลูกสูบจึง
กวา้ งมากที่สุดท่ีหวั ลกู สูบ และแคบท่ีสุดท่ีส่วนล่างของลูกสูบ
1.2 การแบ่งลกั ษณะของลกู สูบ
ส่วนบน เซาะเป็ นร่อง เรียกว่า "ร่องแหวน " สาหรับไวใ้ ส่แหวนลูกสูบร่องแหวนบนสุด เป็ นร่อง
แหวนอดั ( Compression Ring Groove )ร่องแหวนล่างสุด เป็นร่องแหวนน้ามนั ( Oil Scraper Ring Groove
) ถายในร่องแหวนน้ามนั น้ีจะมีรูใหน้ ้ามนั ไหลผา่ นเขา้ และออกขนาดและจานวนร่องจะข้นึ อยกู่ บั ขนาดของ
เคร่ืองยนต์ ถา้ เป็นเครื่องยนต์ 2 จงั หวะ จะมีเพียง 1 หรือ 2 ร่อง เทา่ น้นั แต่หากเป็นเครื่องยนต์ 4 จงั หวะ จะ
เพมิ่ เป็น 2 - 3 ร่อง
ส่วนกลาง เป็ นส่วนที่ยึดติดกบั สลกั ลูกสูบ มีลกั ษณะนูนและหนาอยู่ภายใน เรียกว่า " Boss " หรือ "
Piston Pin Boss " โดยจะเป็นส่วนท่ีเพิ่มความแขง็ ใหก้ บั ลกู สูบ
ส่วนล่าง ทาหนา้ ที่ประคองใหล้ ูกสูบเล่ือนไปมาในกระบอกสูบและรองรับแรงอดั ดา้ นขา้ งซ่ึงถ่ายเทมา
จากสลกั ลกู สูบ ส่วนน้ีเรียกวา่ " ชายลา่ งลูกสูบ " หรือ " Skirt "
1.3 หน้าทแี่ หวนลกู สูบ(PISTON RING)

รูปท่ี 7.3 แหวนลกู สูบ
ความหมายแหวนลกู สูบ (PISTON RING)แหวนลูกสูบจะถูกประกอบไวใ้ นร่องแหวนลูกสูบ ขนาด
เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางภายนอกของแหวนลกู สูบจะใหญก่ วา่ ลกู สูบเองเลก็ นอ้ ยเม่ือประกอบเขา้ กบั ลูกสูบ
คณุ สมบตั ิในการยดื และหดตวั ของแหวน ฯ ทาใหม้ นั ขยายตวั เพอ่ื ท่ีจะแนบใหส้ นิทกบั ผนงั กระบอกสูบ
แหวนลูกสูบตอ้ งทาดว้ ยโลหะที่ทนตอ่ การสึกหรอสูงจาพวกเหลก็ หลอ่ พิเศษชุบโครเม่ียม เพอ่ื วา่ แหวน
ลกู สูบจะไม่ขดู ใหก้ ระบอกสูบเป็นรอย จานวนแหวนลูกสูบแปรผนั ไปตามชนิดของเครื่องยนต์ โดยปรกติ
จะมีจานวนสามถึงสี่แหวนต่อลูกสูบหน่ึงลกู

รูปที่ 7.4 ลกู สูบ
แหวนลกู สูบมีหนา้ ที่ท่ีสาคญั สามประการคือ ทาหนา้ ที่ป้องกนั ส่วนผสมอากาศและเช้ือเพลิงรั่วออก
จากช่องวา่ งระหวา่ งลูกสูบกบั กระ บอกสูบ กบั หอ้ งเพลาขอ้ เหวยี่ ง ในระหวา่ งจงั หวะอดั และจุดระเบิด
หนา้ ท่ีที่สองคอื ป้องกนั น้ามนั เคร่ืองท่ีหลอ่ ล่ืนดา้ นขา้ งของลูกสูบกบั กระบอกสูบ มิใหเ้ ลด็ รอดเขา้ ไปใน
หอ้ งเผาไหมห้ นา้ ที่สุดทา้ ยคือ ถา่ ยเทความร้อนจากลูกสูบไปสู่ผนงั กระบอกสูบ เพ่อื ช่วยใหล้ ูกสูบเยน็ ลง

รูปท่ี 7.5 แหวนอดั
แหวนอดั แหวนอดั น้ีป้องกนั การร่ัวของส่วนผสมอากาศและเช้ือเพลิงและแกส๊ ที่เกิดจากหอ้ งเผาไหม้
ระหวา่ งจงั หวะอดั และจุดระเบิดมิใหล้ งสู่หอ้ งเพลาขอ้ เหว่ียงจานวนของแหวนอดั น้ีข้นึ อยกู่ บั ชนิดของ
เคร่ืองยนต์ โดยทวั่ ไปลกู สูบหน่ึงลูกจะมีแหวนอดั สองตวั ซ่ึงเรียกวา่ “แหวนอดั ตวั บน” และ “แหวนอดั ตวั
ที่สอง” แหวนอดั จะมีลกั ษณะเป็นเทเปอร์ ดงั น้นั ขอบล่างของมนั จึงสัมผสั กบั ผนงั กระบอกสูบ การ
ออกแบบเช่นน้ีเพือ่ ใหเ้ กิดการสัมผสั ที่แนบสนิทกนั เป็นอยา่ งดี ระหวา่ งแหวนและกระบอกสูบ
นอกจากน้นั ยงั ทาหนา้ ท่ีกวาดน้ามนั เครื่องออกจากผนงั กระบอกสูบไดอ้ ยา่ งมีประสิททธิภาพ

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1. กล่าวนา เร่ืองลกู สูบและแหวนลูกสูบ
2. ช้ีแจงจุดประสงคข์ องการเรียนรู้
3. อธิบายหนา้ ท่ีลูกสูบและแหวนลูกสูบ

ข้นั สอน
1. อธิบายหวั ขอ้ 7.1 เร่ืองหนา้ ที่ของลูกสูบ ผเู้ รียนบนั ทึกตาม
2. ใหน้ กั เรียนเขยี นรายงานเร่ืองหนา้ ที่ของลกู สูบ
3. อธิบายหวั ขอ้ 7.2 เร่ืองหนา้ ที่ของแหวนลกู สูบ ผเู้ รียนบนั ทึกตาม
4. ใหน้ กั เรียนเขยี นรายงานเรื่องหนา้ ท่ีของแหวนลกู สูบ
5. ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบ

ข้นั สรุป ครูสรุปเน้ือหาจากบทเรียน โดยใชเ้ คร่ืองฉายภาพ (Projector) และจากเคร่ืองยนตจ์ ริง

สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. เครื่องยนตด์ ีเซลจริง

การวัดและประเมินผล
1. ตรงตอ่ เวลา
2. ความรับผิดชอบต่องานท่ีมอบหมาย
3. ทดสอบ

แบบทดสอบ 7.1

1. หน้าที่ของลูกสูบ (PISTON) คือ
……………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………

2. การแบ่งลกั ษณะของลูกสูบ มีวธิ กี ารแบ่งอย่างไร
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………

3. หน้าทแี่ หวนลกู สูบ (PISTON RING) คือ
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….

เฉลยแบบทดสอบ 7.1

1. ตอบ ทาหนา้ ที่เคล่ือนท่ีข้ึนและลงภายในกระบอกสูบ เพอื่ ดาเนินกลวตั รในจงั หวะประจุไอดี อดั
ส่วนผสม จุดระเบิด และคายไอเสียหนา้ ท่ีที่สาคญั ที่สุดของลูกสูบกค็ ือรับแรงกดดนั จากการเผา
ไหมแ้ ละส่งกาลงั น้ีไปสู่เพลาขอ้ เหวี่ยง

2. ตอบ
ส่วนบน เซาะเป็ นร่อง เรียกว่า "ร่องแหวน " สาหรับไวใ้ ส่แหวนลูกสูบร่องแหวนบนสุด เป็ น

ร่องแหวนอดั ( Compression Ring Groove )
ส่วนกลาง เป็ นส่วนที่ยึดติดกบั สลกั ลูกสูบ มีลกั ษณะนูนและหนาอยู่ภายใน เรียกว่า " Boss "

หรือ " Piston Pin Boss " โดยจะเป็นส่วนท่ีเพิ่มความแขง็ ใหก้ บั ลกู สูบ
ส่วนล่าง ทาหนา้ ที่ประคองให้ลูกสูบเลื่อนไปมาในกระบอกสูบและรองรับแรงอดั ดา้ นขา้ งซ่ึง

ถ่ายเทมาจากสลกั ลูกสูบ ส่วนน้ีเรียกวา่ " ชายล่างลูกสูบ " หรือ " Skirt "

3. ตอบ แหวนลูกสูบมีหนา้ ท่ีท่ีสาคญั สามประการคอื ทาหนา้ ท่ีป้องกนั ส่วนผสมอากาศและ
เช้ือเพลิงรั่วออกจากช่องวา่ งระหวา่ งลกู สูบกบั กระ บอกสูบ กบั หอ้ งเพลาขอ้ เหวยี่ ง ในระหวา่ ง
จงั หวะอดั และจุดระเบิด หนา้ ที่ที่สองคือป้องกนั น้ามนั เคร่ืองที่หลอ่ ล่ืนดา้ นขา้ งของลูกสูบกบั
กระบอกสูบ มิใหเ้ ลด็ รอดเขา้ ไปในหอ้ งเผาไหมห้ นา้ ที่สุดทา้ ยคอื ถา่ ยเทความร้อนจากลูกสูบไปสู่

เอกสารอ้างองิ

1. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. ทฤษฎีดีเซล. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พเ์ จริญธรรม, 2541.
2. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. ปฏิบตั ิดีเซล. กรุงเทพฯ : โรงพิมพเ์ จริญธรรม, 2541.
3. พงศศ์ กั ด์ิ ศิริขนั ธ์ และคณะ. งานเคร่ืองยนตเ์ บ้ืองตน้ . นนทบรุ ี : เจริญรุ่งเรืองการพมิ พ,์ 2546.
4. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. การปรับแต่งเครื่องยนต.์ กรุงเทพฯ : โรงพิมพเ์ จริญธรรม, 2541.
5. โตโยตา้ . คมู่ ือการซ่อมเครื่องยนต์ L, 2L : บริษทั โตโยตา้ มอเตอร์ประเทศไทย จากดั , 2529.

แผนการเรียนรู้ หน่วยท่ี 8
สอนคร้ังท่ี 13
ชื่อวิชา งานเคร่ืองยนตด์ ีเซล จานวน 6 ชั่วโมง
ชื่อหน่วย เพลาขอ้ เหว่ยี งและกา้ นสูบ

หวั ข้อเรื่อง
8.1 เพลาขอ้ เหวย่ี ง
8.2 กา้ นสูบ
8.3 ลอ้ ช่วยแรง
8.4 ฝาสูบ

สาระสาคญั
1. เพลาขอ้ เหว่ียง ทาหน้าที่รับแรงกระทาท่ีส่งมาจากกา้ นสูบ (Connecting rod) โดยเปล่ียนจากแรงกาลงั

แนวข้นึ -ลง ของลกู สูบ มาเป็น แรงกาลงั ในแนวหมนุ
2. กา้ นสูบทาหนา้ ท่ีในการเช่ือมต่อส่งถ่ายกาลงั งานท่ีเกิดจากการเผาไหมภ้ ายในกระบอกสูบไปยงั เพลา

ขอ้ เหวี่ยงเพือ่ ขบั เคล่ือนใหเ้ พลาขอ้ เหวีย่ งหมนุ
3. ลอ้ ช่วยแรงทาหน้าท่ีเป็ นตวั สะสมแรงเฉ่ือยและถ่ายเทกาลงั งานที่ไดส้ ะสมเอาไวไ้ ปหมุน เพลาขอ้

เหวีย่ งต่อไป
4. ฝาสูบทาหนา้ ที่เป็นส่วนประกอบของหอ้ งเผาไหมข้ องเครื่องยนต์

สมรรถนะท่พี งึ ประสงค์ (ความรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ วชิ าชีพ)
1. นกั เรียนสามารถอธิบายหนา้ ที่ของเพลาขอ้ เหวี่ยงไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
2. นกั เรียนสามารถอธิบายหนา้ ที่ของกา้ นสูบไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
3. นกั เรียนสามารถอธิบายหนา้ ที่ของลอ้ ช่วยแรงไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
4. นกั เรียนสามารถอธิบายหนา้ ที่ของฝาสูบไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
5. ความสนใจใฝ่รู้ : มีความสนใจในการหาความรู้เพ่ิมเติม, การกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้
6. ความมีมนุษยส์ มั พนั ธ์ : ยอมรับความคิดเห็นผอู้ ่ืน
7. ความอดทน อดกล้นั : มีสติควบคุมอารมณ์ไดด้ ี
8. ความซื่อสัตยส์ ุจริต : ไมน่ าผลงานผอู้ ื่นมาแอบอา้ งเป็นของตน

เนื้อหาสาระ
8.1เพลาข้อเหว่ียง

เพลาขอ้ เหวย่ี ง (Crankshaft) เป็น ส่วนท่ีสาคญั ของเครื่องยนต์ ทาจากเหลก็ กลา้ ท่ีมีคาร์บอนสูง หรือ
เหลก็ กลา้ ผสมนิดเกิล โครเมียม และโมลิบดินมั่ ใชว้ ิธีเผา ตีข้ึนรูป แลว้ ใชเ้ ครื่องมือกล กดั กลึง ใหเ้ ป็นรูปตาม
ตอ้ งการ ในเครื่องยนตข์ นาดใหญท่ ่ีจดั วางสูบเป็นแถวเดียว และมีหลายสูบ เพลาขอ้ เหว่ียงอาจทาเป็นสองท่อน
มีหนา้ แปลนตรองปลายสาหรับยดึ ใหต้ ิดกนั เพลาขอ้ เหวย่ี งจะตอ้ งแขง็ แรงตา้ นทานแรงที่จะทาใหเ้ พลาคด
หรือโคง้ ได้ นน่ั คือ แรงท่ีกระทาเป็นเส้นตรงจากลูกสูบผา่ นกา้ นสูบมายงั เพลาขอ้ เหว่ยี งและยงั ตอ้ ง ทนต่อ
แรงบิดที่เกิดจากกา้ นสูบ ซ่ึงพยายามดนั ใหเ้ พลาขอ้ เหวีย่ งหมนุ รอบตวั ดว้ ย เพลาขอ้ เหวี่ยงจะตอ้ งนามาชุบแขง็
เพอื่ ลดแรงดนั ท่ีเกิดข้นึ ในเน้ือโลหะ ซ่ึงเกิดจากการตีข้นึ รูป และเป็นการเพ่ิมความแขง็ แรงใหก้ บั เน้ือโลหะ
ดว้ ย การชุบแขง็ ท่ีใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าทาใหเ้ น้ือโลหะดา้ นนอกร้อนเร็ว นิยมใชช้ ุบผวิ เพลาขอ้ เหวย่ี งส่วนท่ี
จะตอ้ งเกิดการเสียดสี ใหม้ ีผิวแขง็ ทนทานตอ่ การสึกหรอ แต่เน้ือโลหะภายในยงั คงเหนียวเหมือนเดิม ผวิ ของ
เลาส่วนที่หมุนในแบริ่งจะตอ้ งไดร้ ับการเจียระนยั และขดั เป็นพเิ ศษเพ่ือใหไ้ ดผ้ ิวที่เรียบจริง

รูปที่ 8.1 เพลาข้อเหว่ียง
เพลาขอ้ เหวีย่ ง (Crank shaft)

เพลาขอ้ เหว่ียง ทาหนา้ ที่รับแรงกระทาที่ส่งมาจากกา้ นสูบ (Connecting rod) โดยเปล่ียนจากแรงกาลงั
แนวข้ึน-ลง ของลกู สูบ มาเป็น แรงกาลงั ในแนวหมนุ เพลาขอ้ เหว่ยี ง มีแกนขา้ งหน่ึงโพล่ออกไปนอกเส้ือสูบ
เพ่อื ยดึ ติดกบั ลอ้ ช่วยแรง (Fly wheel) ส่วนแกนอีกขา้ งหน่ึง กโ็ ผล่ออกไปนอกเส้ือสูบเช่นกนั เพ่ือยดึ ติดกบั พลู
เลย่ เ์ พลาขอ้ เหว่ยี ง (Crankshaft pulley)

การตรวจวดั ความคดงอของเพลาขอ้ เหวีย่ ง

รูปที่ 8.2 การวัดเพลาข้อเหวี่ยง
วางเพลาขอ้ เหวย่ี งลงบนวี-บลอ็ ก และใชไ้ ดอลั เกจวดั ความคดงอที่จุดก่ึงกลางและหมนุ เพลาไปรอบ ๆ คา่ ท่ี
อา่ นไดจ้ ากเขม็ วดั จะไดไ้ มเ่ กิน 0.6 มม.(0.0024 นิ้ว
8.2 หน้าที่ก้านสูบ ก้านสูบ (Rod piston) มีบทบาทสาคญั โดยมีหนา้ ที่ในการเช่ือมตอ่ ส่งถา่ ยกาลงั งานท่ีเกิด
จากการเผาไหมภ้ ายในกระบอกสูบไปยงั เพลาขอ้ เหวย่ี งเพ่ือขบั เคลื่อนใหเ้ พลาขอ้ เหวยี่ งหมุน กา้ นสูบจะตอ้ ง
สามารถทนแรงเคน้ อกั และแรงดึงที่เกิดจากความเร็วของเครื่องยนต์

รูปท่ี 8.3 ก้านสูบ
กา้ นสูบทาจากโลหะประเภท เหลก็ กลา้ ชนิดพเิ ศษ ประกอบดว้ ยคาร์บอน 0.35 ถึง 0.45% ผสมกบั
โครเม่ียม แมงกานีส ซิลิโคน หรือโมลิบดีนมั รูปร่างของกา้ นสูบจะถกู ออกแบบใหม้ ีรูปร่างเป็นรูปตวั T ซ่ึง
ปลายดา้ นหน่ึงจะเลก็ อีกดา้ นจะใหญ่ ในส่วนปลายดา้ นเลก็ จะ ทาการยดึ ติดกบั ลูกสูบดว้ ย สลกั ลูกสูบซ่ึงจะ
ดว้ ยบชู ทองแดงอลั ลอย หรือบูชอลมู ิเนียม ส่วนปลายอีกดา้ นหน่ึงจะยดึ ติดกบั เพลาขอ้ เหว่ียง (Crankshaft)
โดยปลายดา้ นน้ีจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนโดยการยดึ กา้ นสูบติดกบั เพลาน้นั จะมีตวั กลางที่อยรู่ ะหวา่ ง กา้ น
สูบและเพลากค็ อื แบร่ิง (Bearing)

8.3 ล้อช่วยแรง (flywheel)

รูปที่ 8.4 ล้อช่วยแรง
ลอ้ ช่วยแรง (flywheel) ของเครื่องยนตท์ าหนา้ ท่ีเป็นตวั สะสมแรงเฉ่ือยและถา่ ยเทกาลงั งานที่ไดส้ ะสม
เอาไวไ้ ปหมนุ เพลาขอ้ เหวยี่ งตอ่ ไป ในเครื่องยนต์ 4 จงั หวะ เมื่อเพลาขอ้ เหวี่ยงหมนุ 2 รอบ จะไดก้ าลงั งาน 1
คร้ัง ทาใหอ้ ีก 1 รอบจะไม่มีกาลงั งานเกิดข้ึน ซ่ึงถา้ ไม่มีลอ้ ช่วยแรงติดต้งั อยทู่ ่ีปลายเพลาขอ้ เหว่ียงไวส้ ะสมแรง
เฉื่อยและถ่ายเทกาลงั งานที่ไดส้ ะสมไว เคร่ืองยนตก์ จ็ ะไมม่ ีกาลงั และเกิดอาการสนั่ ลอ้ ช่วยแรง ติดต้งั เกาะอยู่
กบั แกนขา้ งหน่ึงของเพลาขอ้ เหวี่ยง (Crank shaft) ซ่ึงอยดู่ า้ นนอกของหอ้ งเครื่อง เนื่องจาก ลอ้ ช่วยแรง ทาจาก
โลหะขนาดใหญ่ และหนกั พอควร เพื่อช่วยใหก้ ารหมุน ของเพลาขอ้ เหวี่ยง มีความ สมดุลมากข้ึน ส่วนขอบ
รอบๆ ลอ้ ช่วยแรง กจ็ ะมีลกั ษณะเป็นฟันเฟื อง เพื่อรับการขบหมนุ จาก มอเตอร์สตาร์ท (Starter motor) หรือท่ี
เราเรียกกนั วา่ ไดสตาร์ทนนั่ เอง บริเวณดา้ นหนา้ ของลอ้ ช่วยแรงน้ีเอง จะเป็นจุดเช่ือมต่อของระบบส่งกาลงั
(Power train) ซ่ึงประกอบดว้ ยชุดคลทั ช์ (Clutch) เพอ่ื ท่ีจะส่งกาลงั ตอ่ เนื่องออกไปใหก้ บั ชุดเกียร์
(Transmission)

8.4ฝาสูบ ( CYLINDER )

รูปที่ 8.5 ฝาสูบ
ฝาสูบ ( CYLINDER ) เป็นชิ้นส่วนที่ติดต้งั อยบู่ นเส้ือสูบ ทาหนา้ ท่ีเป็นส่วนประกอบของหอ้ งเผาไหม้
และมีอุปกรณ์ลิน้ ปิ ด-เปิ ดบนฝาสูบ และยงั มีช่องหวั เทียน ดงั น้นั ฝาสูบจึงตอ้ งมีความแขง็ แรง
และทนตอ่ อณุ หภมู ิจากการทางานของเครื่องยนตไ์ ด้ ดว้ ยเหตุน้ีฝาสูบจึงทามาจากเหลก็ หล่อหรือโลหะผสม
อลมู ิเนียมแต่ระยะหลงั ไดห้ นั มาใชอ้ ลูมิเนียมมากข้นึ เนื่องจากมีน้าหนกั เบาและยงั ระบายความร้อนไดด้ ีอีก
ดว้ ย
8.4.1ฝาสูบแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คอื

1. ฝาสูบของเครื่องยนตท์ ี่ระบายความร้อนดว้ ยอากาศ ออกแบบใหฝ้ าสูบทาเป็นครีบบาง ๆ เพอ่ื ใหค้ วาม
ร้อนของเครื่องยนตร์ ะบายออกมาที่ครีบและเมื่ออากาศพดั ผา่ นครีบก็จะพดั พาเอาความร้อนออกไดด้ ว้ ยทาให้
ความร้อนของเคร่ืองยนตไ์ ดร้ ะบายออกไปเคร่ืองยนตก์ ไ็ ม่ร้อนจดั

รูปที่ 8.6 ฝาสูบ

รูปที่ 8.7 ฝาสูบ

2. ฝาสูบของเครื่องยนตท์ ี่ระบายความร้อนดว้ ยน้า เคร่ืองยนตแ์ กส๊ โซลีนจะทาดว้ ยอะลูมิเนียมผสมมี
น้าหนกั เบาส่วนของเคร่ืองยนตด์ ีเซลฝาสูบจะทาดว้ ยเหลก็ หลอ่ ผสมพิเศษ ซ่ึงสามารถทนทานต่อแรงดนั สูง ๆ
และความร้อนได้ และฝาสูบของเครื่องยนต์ 4 จงั หวะฝาสูบจะเป็นท่ีติดต้งั ลิน้ ไอดีลิ้นไอเสียกระเด้ือง
กดลิ้น หวั เทียน หรือหวั ฉีดช่อง ไอดีและช่องไอเสีย

คุณสมบตั ิเบ้ืองตน้ ของฝาสูบ จะตอ้ งผลิตมาจากวสั ดุท่ีแขง็ แรงสามารถระบายความร้อนไดด้ ี ฝาส่วนมาก
จะผลิตมาจากเหลก็ หลอ่ ข้นึ รูปซ่ึงเหลก็ หล่อน้ีมีคณุ สมบตั ิคือ มีความแขง็ แรงคงทน ระบายความร้อนไดด้ ี แต่
มีน้าหนกั มาก ฉะน้นั จึงไดม้ ีการคดิ คน้ นาเอาอลูมิเนียมมาผลิตฝาสูบ ซ่ึงมีขอ้ ดีคือสามารถระบายความร้อนได้
ดีกวา่ เหลก็ หล่อ ไม่เป็นสนิม และท่ีสาคญั น้าหนกั เบากวา่ ฝาสูบเหลก็ หลอ่ มาก

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1. กล่าวนา เรื่องเพลาขอ้ เหวี่ยงและกา้ นสูบ
2. ช้ีแจงจุดประสงคข์ องการเรียนรู้
3. อธิบายความสาคญั เพลาขอ้ เหวี่ยงและกา้ นสูบ

ข้นั สอน
1. อธิบายหวั ขอ้ 8.1 เรื่องหนา้ ท่ีของเพลาขอ้ เหว่ยี ง ผเู้ รียนบนั ทึกตาม
2. ใหน้ กั เรียนเขยี นรายงานเรื่องหนา้ ที่ของเพลาขอ้ เหว่ียง
3. อธิบายหวั ขอ้ 8.2 เร่ืองหนา้ ที่ของกา้ นสูบ ผเู้ รียนบนั ทึกตาม
4. ใหน้ กั เรียนเขียนรายงานเรื่องหนา้ ท่ีของกา้ นสูบ
5. ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบ

ข้ันสรุป ครูสรุปเน้ือหาจากบทเรียน โดยใชเ้ ครื่องฉายภาพ (Projector) และจากเคร่ืองยนตจ์ ริง

สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. เคร่ืองยนตด์ ีเซลจริง

การวัดและประเมินผล
1. ตรงต่อเวลา
2. ความรับผิดชอบต่องานที่มอบหมาย
3. ทดสอบ

แบบทดสอบ 8.1

1. หน้าท่ีของเพลาข้อเหวี่ยง คือ
………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………...

2. หน้าท่ีของก้านสูบ คือ
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………

3. หน้าท่ีของล้อช่วยแรง คือ
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………

เฉลยแบบทดสอบ 8.1

1. ตอบ ทาหนา้ ท่ีรับแรงกระทาท่ีส่งมาจากกา้ นสูบ (Connecting rod) โดยเปลี่ยนจากแรงกาลงั แนวข้ึน-
ลง ของลกู สูบ มาเป็น แรงกาลงั ในแนวหมุน

2. ตอบ หนา้ ท่ีในการเชื่อมต่อส่งถ่ายกาลงั งานที่เกิดจากการเผาไหมภ้ ายในกระบอกสูบไปยงั เพลาขอ้
เหวี่ยงเพอ่ื ขบั เคล่ือนใหเ้ พลาขอ้ เหวีย่ งหมุน

3. ตอบ ทาหนา้ ที่เป็นตวั สะสมแรงเฉื่อยและถ่ายเทกาลงั งานที่ไดส้ ะสมเอาไวไ้ ปหมนุ เพลาขอ้ เหว่ยี ง
ต่อไป ในเครื่องยนต์

เอกสารอ้างองิ

1. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. ทฤษฎีดีเซล. กรุงเทพฯ : โรงพิมพเ์ จริญธรรม, 2541.
2. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. ปฏิบตั ิดีเซล. กรุงเทพฯ : โรงพิมพเ์ จริญธรรม, 2541.
3. พงศศ์ กั ด์ิ ศิริขนั ธ์ และคณะ. งานเครื่องยนตเ์ บ้ืองตน้ . นนทบรุ ี : เจริญรุ่งเรืองการพิมพ,์ 2546.
4. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. การปรับแต่งเคร่ืองยนต.์ กรุงเทพฯ : โรงพิมพเ์ จริญธรรม, 2541.
5. โตโยตา้ . คูม่ ือการซ่อมเคร่ืองยนต์ L, 2L : บริษทั โตโยตา้ มอเตอร์ประเทศไทย จากดั , 2529.

แผนการเรียนรู้ หน่วยท่ี 9
สอนคร้ังท่ี 14
ช่ือวิชา งานเคร่ืองยนตด์ ีเซล จานวน 6 ช่ัวโมง
ชื่อหน่วย เพลาลูกเบ้ียวและเส้ือสูบ

หัวข้อเร่ือง
9.1 เพลาลูกเบ้ียว
9.2 เส้ือสูบ
9.3 ปลอกสูบ

สาระสาคัญ
1. เพลาลูกเบ้ียวทาหนา้ ท่ีควบคมุ การเปิ ดวาลว์ ไอดี (ปิ ดวาลว์ ไอเสีย) เพ่ือใหไ้ อดีไหลเขา้ มาสู่หอ้ งเผา

ไหม้ และเปิ ดวาลว์ ไอเสีย (ปิ ดวาลว์ ไอดี) เพอื่ ใหไ้ อเสียไหลออกไป
2. เส้ือสูบทาหนา้ ท่ีเส้ือสูบ เป็นเสมือน ตวั ถงั ของเครื่องยนต์ เป็นที่อยขู่ อง เพลาขอ้ เหวีย่ ง (Crank shaft)

ลูกสูบ (Piston ) กา้ นสูบ (Connecting rod)
3. ปลอกสูบหนา้ ที่บงั คบั ลกู สูบใหเ้ คลื่อนที่ในทิศทางท่ีกาหนด ผิวดา้ นในของปลอกสูบจะสัมผสั กบั

แหวนและลกู สูบ

สมรรถนะทพี่ งึ ประสงค์ (ความรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ วชิ าชีพ)
1. นกั เรียนสามารถอธิบายหนา้ ที่เพลาลกู เบ้ียวไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
2. นกั เรียนสามารถอธิบายหนา้ ที่เส้ือสูบไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
3. นกั เรียนสามารถอธิบายหนา้ ที่ปลอกสูบไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
4. ความสนใจใฝ่รู้ : มีความสนใจในการหาความรู้เพ่ิมเติม, การกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้
5. ความมีมนุษยส์ ัมพนั ธ์ : ยอมรับความคิดเห็นผอู้ ่ืน
6. ความอดทน อดกล้นั : มีสติควบคุมอารมณ์ไดด้ ี
7. ความซื่อสัตยส์ ุจริต : ไม่นาผลงานผอู้ ่ืนมาแอบอา้ งเป็นของตน

เนื้อหาสาระ

9. เพลาลกู เบยี้ วและเสื้อสูบ
9.1เพลาลูกเบีย้ ว
เพลาลกู เบ้ียว เป็นเพลาหมนุ ที่ถกู สร้างใหบ้ ริเวณ แกนเพลามีชิ้นโลหะยนื่ ออกมาในรูปทรงของ "รูป
ไข"่ โลหะท่ียนื่ ออกมาจากแกนเพลาที่เป็นรูปไข่น้ีเอง เรียกวา่ "ลูกเบ้ียว" เม่ือเวลาแกนเพลาหมนุ ลกู เบ้ียวก็
จะหมุนตาม

รูปท่ี 9.1 เพลาลกู เบีย้ ว
หนา้ ท่ีของเพลาลกู เบ้ียว

เพลาลกู เบ้ียว ทาหนา้ ท่ีควบคุมการเปิ ดวาลว์ ไอดี (ปิ ดวาลว์ ไอเสีย) เพื่อใหไ้ อดีไหลเขา้ มาสู่หอ้ งเผา
ไหม้ และเปิ ดวาลว์ ไอเสีย (ปิ ดวาลว์ ไอดี) เพ่ือใหไ้ อเสียไหลออกไป สรุปคือ เม่ือเพลาลูกเบ้ียวหมนุ เมื่อใด ก็
จะตอ้ งมี การเปิ ด-ปิ ดของวาลว์ (Valve) เกิดข้นึ เมื่อน้นั
เพลาลูกเบ้ียวติดต้งั อยทู่ ี่ไหน ?
เคร่ืองยนตร์ ุ่นเก่าหน่อย จะมีเพลาลกู เบ้ียว เป็นแกนอยภู่ ายในหอ้ งเส้ือสูบ (หอ้ งเครื่อง) ซ่ึงไดร้ ับแรงหมนุ
มาจาก เพลาขอ้ เหว่ยี งอีกที เคร่ืองยนตท์ ี่มีเพลาลกู เบ้ียวติดต้งั อยใู่ นห้องเคร่ืองน้ี เวลาเพลาลูกเบ้ียวหมุน ก็
จะไปดนั เอาลูกกระทงุ้ (Cam follower) ใหไ้ ปดนั เอากา้ นกระทงุ้ (Push rod) ซ่ึงแกนอีกดา้ นหน่ึงของกา้ น
กระทุง้ ก็จะไปดนั กระเด่ืองวาลว์ (Rocker arm) ใหไ้ ปกดวาลว์ ใหเ้ ปิ ดออก เมื่อวาลว์ เปิ ดออก ก็จะส่งผลให้
มีการถา่ ยเทอากาศ ในหอ้ งเผาไหม้ (วาลว์ ที่ติดต้งั อยเู่ หนือหอ้ งเผาไหมเ้ รียกวา่ Over Head Valve หรือ
OHV) ส่วนเคร่ืองยนตท์ ่ีมีการติดต้งั เพลาลกู เบ้ียวอยดู่ า้ นบนของฝาสูบ เรียกวา่ Over Head Camshaft หรือ

OHC การทางานในลกั ษณะน้ี จะไม่ใชก้ า้ นกระทุง้ ในการส่งตอ่ กาลงั เพราะเพลาลกู เบ้ียว จะควบคมุ การ
เปิ ด-ปิ ดวาลว์ ดว้ ยตวั เอง ซ่ึงเป็นการควบคมุ การทางานโดยตรง และลดชิ้นส่วนอุปกรณ์ใหน้ อ้ ยลงดว้ ย
เคร่ืองยนต์ OHC ส่วนใหญ่จะใชล้ ูกเบ้ียว ในการควบคมุ การเปิ ด-ปิ ดวาลว์ โดยตรง แต่ก็อาจมีเครื่องยนต์
บางรุ่น ที่ใชก้ ระเด่ืองวาลว์ ในการทางาน
เคร่ืองยนตใ์ ดใชเ้ พลาลกู เบ้ียวแกนเดียว ติดต้งั อยเู่ หนือฝาสูบ ในการควบคุมการเปิ ด-ปิ ด การทางานของ
วาลว์ เรียกเครื่องยนตน์ ้นั วา่ มีการทางานแบบ Single Over Head Camshaft หรือ SOHC ตอ่ มามีการ
ออกแบบ ใหม้ ีเพลาลกู เบ้ียวอยู่ 2 แกน ติดต้งั อยคู่ ขู่ นานกนั แกนหน่ึง ควบคมุ การเปิ ด-ปิ ดไอดีโดยเฉพาะ
ส่วนอีกแกนหน่ึง ควบคุมการเปิ ด-ปิ ด ไอเสียโดยเฉพาะเช่นกนั เรียกเคร่ืองยนตน์ ้นั วา่ มีการทางานแบบ
Doble Over Head Camshaft หรือ DOHC ที่เราสามารถเห็นตวั อกั ษรน้ี พมิ พต์ ิดอยบู่ นฝาวาลว์ ของรถ
หลายๆ รุ่น

แกนเพลาลกู เบ้ียวหมุนได้ แกนเพลาลกู เบ้ียว ไดร้ ับแรงฉุดใหห้ มุน จากเพลาขอ้ เหว่ียง (Crank shaft)
ซ่ึงตวั กลางที่ส่งผา่ นแรงฉุดน้ี มี 3 ชนิด คอื
1. สายพานราวลิ้น (Timing belt)

รูปที่ 9.2 สายพานราวลนิ้
สายพานราวลิน้ เป็นส่วนสาคญั ของเครื่องยนตม์ ีหนา้ ที่กาหนดจงั หวะของเครื่องยนตท์ ้งั ส่ี คอื ดูด อดั
คาย ระเบิด กล่าว คือ เมื่อเคร่ืองยนตท์ างานจะมีการระเบิดในกระบอกสูบทาใหข้ อ้ เหว่ียงหมุน และ Pulley
ที่ติดอยกู่ บั ขอ้ เหวี่ยงหมุนฉุดใหส้ ายพานราวลิ้นหมนุ ทาใหเ้ พลาราวลิ้นท่ีมีหนา้ ที่เปิ ดและปิ ดวาลว์ ไอดี และ
วาลว์ ไอเสียทางานเนื่องจากการเปิ ดและปิ ดของวาลว์ ไอดีและไอเสียตอ้ งมีจงั หวะเวลาท่ีแน่นอนถา้

ผดิ พลาด อาจทาให้เครื่องยนตเ์ สียหาย และดบั ไปได้ สายพานราวลิน้ จึงไดช้ ่ือวา่ Timing Belt

2. เฟื องราวลิ้น (Timing gear)

รูปท่ี 9.3 เฟื องเพลาราวลนิ้

การติดต้งั ของเพลาลูกเบ้ียวเครื่องยนตร์ ุ่นเก่า จะมีเพลาลกู เบ้ียว เป็นแกนอยภู่ ายในหอ้ งเส้ือสูบ (ห้อง
เครื่อง) ซ่ึงไดร้ ับแรงหมุนมาจาก เพลาขอ้ เหว่ยี งอีกที เครื่องยนตท์ ่ีมีเพลาลูกเบ้ียวติดต้งั อยใู่ นหอ้ งเครื่องน้ี
เวลาเพลาลูกเบ้ียวหมุน กจ็ ะไปดนั เอาลกู กระทงุ้ (Cam follower) ใหไ้ ปดนั เอากา้ นกระทุง้ (Push rod) ซ่ึง
แกนอีกดา้ นหน่ึงของกา้ นกระทงุ้ ก็จะไปดนั กระเดื่องวาลว์ (Rocker arm) ใหไ้ ปกดวาลว์ ใหเ้ ปิ ดออก เมื่อ
วาลว์ เปิ ดออก ก็จะส่งผลให้ มีการถา่ ยเทอากาศ ในหอ้ งเผาไหม้ (วาลว์ ท่ีติดต้งั อยเู่ หนือหอ้ งเผาไหมเ้ รียกวา่
Over Head Valve หรือ OHV) ส่วนเคร่ืองยนตท์ ี่มีการติดต้งั เพลาลูกเบ้ียวอยดู่ า้ นบนของฝาสูบ เรียกวา่
Over Head Camshaft หรือ OHC การทางานในลกั ษณะน้ี จะไมใ่ ชก้ า้ นกระทุง้ ในการส่งต่อกาลงั เพราะ
เพลาลกู เบ้ียว จะควบคุมการ เปิ ด-ปิ ดวาลว์ ดว้ ยตวั เอง ซ่ึงเป็นการควบคมุ การทางานโดยตรง และลด
ชิ้นส่วนอปุ กรณ์ใหน้ อ้ ยลงดว้ ย เครื่องยนต์ OHC ส่วนใหญ่จะใชล้ ูกเบ้ียว ในการควบคุมการเปิ ด-ปิ ดวาลว์
โดยตรง แตก่ ็อาจมีเครื่องยนตบ์ างรุ่น ที่ใชก้ ระเดื่องวาลว์ ในการทางาน เครื่องยนตใ์ ดใชเ้ พลาลูกเบ้ียวแกน
เดียว ติดต้งั อยู่เหนือฝาสูบ ในการควบคมุ การเปิ ด-ปิ ด การทางานของวาลว์ เรียกเครื่องยนตน์ ้นั วา่ มีการ
ทางานแบบ Single Over Head Camshaft หรือ SOHC ต่อมามีการออกแบบ ใหม้ ีเพลาลกู เบ้ียวอยู่ 2 แกน
ติดต้งั อยคู่ ่ขู นานกนั แกนหน่ึง ควบคมุ การเปิ ด-ปิ ดไอดีโดยเฉพาะ ส่วนอีกแกนหน่ึง ควบคมุ การเปิ ด-ปิ ด
ไอเสียโดยเฉพาะเช่นกนั เรียกเคร่ืองยนตน์ ้นั วา่ มีการทางานแบบ Doble Over Head Camshaft หรือ DOHC

ท่ีเราสามารถเห็นตวั อกั ษรน้ี พมิ พต์ ิดอยบู่ นฝาวาลว์ ของรถนน่ั เอง

9.2 เสื้อสูบ(Cylinder block)
เส้ือสูบ (Cylinder block)

รูปท่ี 9.4 เสื้อสูบ
เส้ือสูบ (Cylinder block) เส้ือสูบ เป็นเสมือน ตวั ถงั ของเคร่ืองยนต์ เป็นท่ีอยขู่ อง เพลาขอ้ เหวีย่ ง (Crank
shaft) ลกู สูบ (Piston ) กา้ นสูบ (Connecting rod) ซ่ึงเส้ือสูบสามารถทาจากโลหะหลอ่ ผสมนิกเกิล
โครเมียม หรือส่วนผสมต่างๆ ตามความกา้ วหนา้ ของวิทยาการดา้ นโลหะวิทยา เพ่ือทาใหเ้ กิดความแขง็ แรง
ทนความร้อนสูง เส้ือสูบ ถูกสร้างจากการหลอ่ แบบ และบริเวณผนงั กระบอกสูบ กจ็ ะถูกออกแบบ มาให้
เป็นร่องโพรง เพ่ือที่จะใหไ้ หลเพือ่ ระบายความร้อนเส้ือสูบเป็นอุปกรณ์ อะไหล่ของเครื่องยนตท์ ่ีมีขนาด
ใหญ่ท่ีสุดและยงั เป็นจุดหลกั ของเคร่ืองยนต์ เพราะเป็นจุดท่ีอปุ กรณ์ส่วนควบเกือบท้งั หมดมาประกอบ เส้ือ
สูบจะมีปลอกสูบสวมอยดู่ า้ นในของเส้ือเพ่ือป้องกนั เส้ือสูบสึกหรอ แต่เส้ือสูบบางชนิดจะไมม่ ีปลอกสูบ
สวมอยจู่ ะใชเ้ ส้ือสูบทาหนา้ ท่ีเป็นกระบอกสูบเลยคณุ สมบตั ิเบ้ืองตน้ ของเส้ือสูบจะตอ้ งมีความแขง็ แรง
ทนทาน ทนต่อการเสียดสี ระบายความร้อนไดด้ ี ส่วนมากจะผลิตมาจากเหลก็ หล่อ

9.3ปลอกสูบ (Cylinder liner)

รูปที่ 9.5 ปลอกสูบ
ปลอกสูบจะมีหนา้ ท่ีบงั คบั ลูกสูบใหเ้ คลื่อนท่ีในทิศทางที่กาหนด ผวิ ดา้ นในของปลอกสูบจะตอ้ ง
สัมผสั กบั แหวนและลกู สูบทาใหเ้ กิดการเสียดสีตลอดเวลาท่ีลกู สูบเคล่ือนที่และนอกจากน้ียงั เกิดแรงเบียด
ขา้ ง (Side thrust) เนื่องจากกา้ นสูบทามมุ กบั แนวแกนลกู สูบอีกดว้ ย ส่วนบนของปลอกสูบจะรับความร้อน
สูงจากการเผาไหมข้ องน้ามนั เช้ือเพลิง ดว้ ยเหตุน้ีปลอกสูบตอ้ งมีคณุ สมบตั ิในการตา้ นทานต่อการสึกหรอ
และสามารถทนตอ่ ความ ร้อน และระบายความร้อนออกไดอ้ ยา่ งเพียงพอ เพื่อป้องกนั การสึกหรอ และ
ทนทานต่อความร้อน จึงไดม้ ีการใชว้ สั ดุต่างๆ ทาปลอกสูบ เช่น เหลก็ หล่อผสม เหลก็ กลา้ ผสมคาร์บอน
และเหลก็ กลา้ ผสม ปลอกสูบส่วนมากทาดว้ ยเหลก็ หล่อผสม ซ่ึงมีนิเกิลและแมงกานีสผสมอยดู่ ว้ ยเลก็ นอ้ ย
บางคร้ังกอ็ าจเติมโมลิบดินมั และโครเมียมดว้ ย การผลิตกระบอกสูบทาโดยวิธีหล่อแบบแรงเหวยี่ ง
(Centrifugal casting) วิธีหลอ่ แบบน้ีจะทาใหป้ ลอกสูบมีเน้ือโลหะแน่น และมีขนาดเทา่ กนั ตลอด ซ่ึงทาให้
ปลอกสูบมีความแขง็ แรงมากข้ึนปลอกสูบ เป็นบริเวณท่ีรับการเสียดสีกบั ลกู สูบ ดงั น้นั พ้ืนท่ีบริเวณน้ี
จะตอ้ งรองรับความร้อน ในปริมาณมากเป็นพิเศษ โลหะที่นามาใชท้ าปลอกสูบ จะตอ้ งมีความสามารถใน
การรองรับ งานดงั กล่าวไดด้ ว้ ย เคร่ืองยนตบ์ างระบบ ถกู ออกแบบใหป้ ลอกสูบ และเส้ือสูบ เป็นโลหะตา่ ง
ชนิดกนั เช่น ปลอกสูบ อาจใชโ้ ลหะชนิดที่ทนทานต่อความร้อน และแรงเสียดสีสูงมาก แต่ที่เส้ือสูบใช้

โลหะชนิดอลูมิเนียมมาผสม เพื่อใหน้ ้าหนกั ท่ีเบา เหนียว และนาพาความร้อนไดด้ ี จากน้นั นาเอามาหลอม
หลอ่ แบบออกมาเป็นชิ้นส่วนเดียวกนั ส่ิงท่ีไดอ้ อกมาคือ เส้ือสูบท่ีมีน้าหนกั เบา และบริเวณปลอกสูบที่
ทนทานต่อการเสียดสีสูง แต่ข้นั ตอนการผลิต ก็จะซบั ซอ้ นตามไปดว้ ย

กจิ กรรมการเรียนการสอน

ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1. กล่าวนา เร่ืองเพลาลูกเบ้ียว
2. ช้ีแจงจุดประสงคข์ องการเรียนรู้
3. อธิบายความสาคญั เพลาลูกเบ้ียวและเฟื องราวลิน้

ข้นั สอน
1. อธิบายหวั ขอ้ 9.1 เร่ืองหนา้ ท่ีของเพลาลูกเบ้ียว ผเู้ รียนบนั ทึกตาม
2. ใหน้ กั เรียนเขียนรายงานเรื่องหนา้ ที่ของเพลาลูกเบ้ียว
3. อธิบายหวั ขอ้ 9.2 เร่ืองหนา้ ท่ีเฟื่ องราวลิน้ ผูเ้ รียนบนั ทึกตาม
4. ใหน้ กั เรียนเขยี นรายงานเร่ืองหนา้ ที่เฟื องราวลิน้
5. ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบ

ข้ันสรุป ครูสรุปเน้ือหาจากบทเรียน โดยใชเ้ ครื่องฉายภาพ (Projector) และจากเครื่องยนตจ์ ริง

สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอน
2. เคร่ืองยนตด์ ีเซลจริง

การวัดและประเมินผล
1. ตรงต่อเวลา
2. ความรับผิดชอบต่องานที่มอบหมาย
3. ทดสอบ

แบบทดสอบ 9.1

1. หน้าที่ของเพลาลกู เบีย้ ว คือ
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………

2. หน้าที่ของเสื้อสูบ คือ
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………

3. หน้าท่ีของปลอกสูบ คือ
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………...

เฉลยแบบทดสอบ 9.1

1. ตอบ ทาหนา้ ที่ควบคุมการเปิ ดวาลว์ ไอดี (ปิ ดวาลว์ ไอเสีย) เพอ่ื ใหไ้ อดีไหลเขา้ มาสู่หอ้ งเผาไหม้
และเปิ ดวาลว์ ไอเสีย (ปิ ดวาลว์ ไอดี) เพือ่ ใหไ้ อเสียไหลออกไป สรุปคือ เมื่อเพลาลูกเบ้ียวหมนุ
เม่ือใด ก็จะตอ้ งมี การเปิ ด-ปิ ดของวาลว์ (Valve) เกิดข้ึนเม่ือน้นั

2. ตอบ เส้ือสูบ เป็นเสมือน ตวั ถงั ของเคร่ืองยนต์ เป็นท่ีอยขู่ อง เพลาขอ้ เหว่ยี ง (Crank shaft) ลูกสูบ
(Piston ) กา้ นสูบ (Connecting rod) ซ่ึงเส้ือสูบสามารถทาจากโลหะหลอ่ ผสมนิกเกิล โครเมียม
หรือส่วนผสมต่างๆ

3. ตอบ หนา้ ท่ีบงั คบั ลกู สูบใหเ้ คลื่อนท่ีในทิศทางที่กาหนด ผวิ ดา้ นในของปลอกสูบจะตอ้ งสมั ผสั กบั
แหวนและลกู สูบทาใหเ้ กิดการเสียดสีตลอดเวลาท่ีลกู สูบเคลื่อนที่และนอกจากน้ียงั เกิดแรงเบียด
ขา้ ง (Side thrust) เน่ืองจากกา้ นสูบทามมุ กบั แนวแกนลกู สูบอีกดว้ ย

เอกสารอ้างองิ

1. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. ทฤษฎีดีเซล. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พเ์ จริญธรรม, 2541.
2. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. ปฏิบตั ิดีเซล. กรุงเทพฯ : โรงพิมพเ์ จริญธรรม, 2541.
3. พงศศ์ กั ด์ิ ศิริขนั ธ์ และคณะ. งานเคร่ืองยนตเ์ บ้ืองตน้ . นนทบรุ ี : เจริญรุ่งเรืองการพมิ พ,์ 2546.
4. ศรีณรงค์ ตทู้ องคา และคณะ. การปรับแต่งเครื่องยนต.์ กรุงเทพฯ : โรงพิมพเ์ จริญธรรม, 2541.
5. โตโยตา้ . คมู่ ือการซ่อมเคร่ืองยนต์ L, 2L : บริษทั โตโยตา้ มอเตอร์ประเทศไทย จากดั , 2529.

แผนการเรียนรู้ หน่วยที่ 10
สอนคร้ังท่ี 15
ชื่อวิชา งานเครื่องยนตด์ ีเซล จานวน 6 ชั่วโมง
ช่ือหน่วย แบตเตอรี่

หวั ข้อเร่ือง
10.1 หนา้ ท่ีแบตเตอร่ี
10.2 ส่วนประกอบของแบตเตอรี่
10.3 ชนิดของแบตเตอรี่

สาระสาคญั
1. แบตเตอร่ีทาหนา้ ท่ี เก็บและจ่ายกระแสไฟฟ้าใหแ้ ก่รถยนต์
2. ส่วนประกอบของแบตเตอรี่ คือข้วั แบตเตอร่ี แผน่ ธาตุลบ แผน่ ก้นั แผ่นธาตบุ วก จุกปิ ด
เปลือกหมอ้ และฝาหมอ้ ข้วั
3. แบตเตอร่ีมี 2 แบบ แบบน้า แบบแหง้

สมรรถนะที่พงึ ประสงค์ (ความรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ วชิ าชีพ)
1. นกั เรียนสามารถอธิบายหนา้ ที่ของแบตเตอรี่ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
2. นกั เรียนสามารถอธิบายส่วนประกอบของแบตเตอรี่ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
3. นกั เรียนสามารถอธิบายแบตเตอร่ี แบบน้าและแบบแหง้ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
4. ความสนใจใฝ่รู้ : มีความสนใจในการหาความรู้เพ่ิมเติม, การกระตือรือร้นท่ีจะเรียนรู้
5. ความมีมนุษยส์ ัมพนั ธ์ : ยอมรับความคดิ เห็นผอู้ ื่น
6. ความอดทน อดกล้นั : มีสติควบคุมอารมณ์ไดด้ ี
7. ความซ่ือสัตยส์ ุจริต : ไม่นาผลงานผอู้ ่ืนมาแอบอา้ งเป็นของตน

เนื้อหาสาระ
10.1หน้าที่แบตเตอร่ี

แบตเตอรี่ เป็นอปุ กรณ์จดั เกบ็ และจ่ายกระแสไฟฟ้า โดยมีลกั ษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยม ที่มีการทาปฏิกิริยา
เคมีภายใน ทาใหเ้ กิดไฟฟ้า ซ่ึงเป็นแหล่งรวมพลงั ไฟฟ้าของรถแบตเตอร่ีใหก้ ระแสไฟฟ้าแก่รถในการ
สตาร์ทเคร่ืองโดยการจ่ายไฟฟ้าใหแ้ ก่ไดร์สตาร์ทเพ่อื ใหเ้ คร่ืองยนตต์ ิด จากน้นั ระบบไฟฟ้าที่ใชใ้ นรถจะมา
จากไดชาร์จ ยกเวน้ กรณีการใชอ้ ปุ กรณ์บางอยา่ งเช่นใบปัดน้าฝน ไฟหนา้ รถ ไฟเล้ียว ฯลฯ จะมีการจ่าย
กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ช่วยในการทางาน แบตเตอรี่ท่ีติดรถเรียบร้อยแลว้ จะไดร้ ับการเติมไฟฟ้าจาก
ไดร์ชาร์จเม่ือกระแสไฟฟ้าในแบตเตอร่ีลดลงเนื่องจากการนากระแสไฟฟ้าไปใช้ (โดยกระบวนการชาร์จ
ไฟน้ีจะทางานในขณะท่ีเคร่ืองยนตต์ ิด

รูปที่ 10.1 แบตเตอร่ี
หนา้ ท่ีของแบตเตอร่ี

1. แหลง่ พลงั งานจ่ายไฟฟ้าใหแ้ ก่สตาร์ทเตอร์ และระบบจุดระเบิดใหแ้ ก่เครื่องยนตเ์ พื่อใหเ้ ครื่องยนต์
หมนุ และติดเครื่องได้

2. เป็นแหล่งใหพ้ ลงั งานแก่ระบบไฟฟ้ารถยนตใ์ นรถยนตเ์ ม่ือระบบไฟฟ้าในรถยนตต์ อ้ งการกาลงั ไฟฟ้า

มากกวา่ ท่ีระบบจ่ายไฟของรถยนตจ์ ะจ่ายได้
3. รักษาระดบั กระแสไฟใหค้ งที่sหนจ่ายไฟใหแ้ ก่สตาร์ทเตอร์ และระบบจุดระเบิดใหแ้ ก่เคร่ืองยนต์

เพื่อใหเ้ ครื่องยนตห์ มุนและติดเครื่องได้
10.2 ส่วนประกอบแบตเตอรี่

รูปท่ี 10.2 ส่วนประกอบแบตเตอร่ี

1. ข้วั แบตเตอร่ี(Pole)
2. แผน่ ธาตุลบ(Negative Plate)
3. แผน่ ก้นั (Separator & Glass mat)
4. แผน่ ธาตุบวก(Positive Plate)
5. จุกปิ ด(Vent Plue)
6. เปลือกหมอ้ และฝาหมอ้ (Container3 & Lid)
7. ข้วั (Terminal Pole)


Click to View FlipBook Version