The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

08 สื่อ-นวัตกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sarakorn Artsomboon, 2024-03-06 11:15:04

08 สื่อ-นวัตกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

08 สื่อ-นวัตกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ชุดฝึกเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนภาษาไทย “เด็กไทยวิถีใหม่ อ่านออกเขียนได้ทุกคน” ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต ๒


ก คำนำ ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็น เอกภาพและเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร เพื่อสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน กระบวนการสอนภาษาไทยเป็นการมุ่งเน้นให้ผู้เรียน เกิดทักษะที่จำเป็นในด้านของการสื่อสาร การฟัง พูด อ่าน เขียน ให้มีประสิทธิภาพ โดยทั้งหมด จะต้องให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจหลักภาษาและวรรณคดีไทยอย่างเห็นคุณค่า ในฐานะที่เป็นมรดกทาง วัฒนธรรม ครูผู้สอนจำเป็นต้องหาเทคนิค วิธีการ เพื่อจะให้นักเรียนได้เกิดความรู้ความเข้าใจใน เนื้อหาวิชามากยิ่งขึ้น ชุดฝึกเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนภาษาไทยตามนโยบาย “เด็กไทยวิถีใหม่อ่านออก เขียนได้ทุกคน” ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid – ๑๙) และในระยะยาว ชุดฝึกเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนภาษาไทยตามนโยบาย “เด็กไทยวิถีใหม่อ่านออก เขียนได้ทุกคน” ซึ่งได้จัดทำตามโครงสร้างมาตรฐานและตัวชี้วัดต้องรู้และควรรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ คณะผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชุดฝึกเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนภาษาไทยตาม นโยบาย “เด็กไทยวิถีใหม่อ่านออกเขียนได้ทุกคน” จะเป็นประโยชน์ทั้งครูผู้สอน และผู้เรียนได้ เพิ่มพูนประสบการณ์การเรียนรู้ตรงตามเจตนารมณ์ของหลักสูตร รวมทั้งเกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียน ภาษาไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาติ คณะผู้จัดทำ


ข สารบัญ หน้า คำนำ ก สารบัญ ข คำชี้แจง ค แบบฝึกทักษะชุดที่ ๑ การอ่านออกเสียง ๑ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๒ การอ่านในใจ ๔ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๓ การเขียนบรรยายและพรรณนา ๑๔ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๔ การเขียนเรียงความ ๒๐ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๕ การเขียนย่อความ ๓๐ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๖ การเขียนจดหมายกิจธุระ ๓๓ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๗ วิเคราะห์ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น ๓๘ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๘ วิเคราะห์และประเมินค่าจากเรื่องที่ดูและฟัง ๔๐ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๙ การสร้างคำในภาษาไทย ๔๒ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๑๐ ประโยค ๔๙ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๑๑ การแต่งบทร้อยกรอง ๕๔ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๑๒ คำราชาศัพท์ ๕๘ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๑๓ คำภาษาต่างประเทศ ๖๓ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๑๔ วรรณคดีศรีภาษา ๗๐ เฉลยแบบฝึกทักษะ ๗๖ ภาคผนวก - ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางที่ต้องรู้และควรรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ - คณะผู้จัดทำ


ค คำชี้แจง ตามสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดนโยบายสำคัญให้ นักเรียนทุกระดับชั้นอ่านออก เขียนได้ อ่านคล่อง เขียนคล่อง เพื่อเป็นการวางรากฐานสำคัญ ในการเรียนรู้ ระดับสูงต่อไปนั้น ทางคณะผู้จัดทำจึงได้สร้างแบบฝึกทักษะการอ่าน การเขียน รายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ ๒ ฉบับนี้ขึ้น เพื่อใช้ประกอบการจัดการเรียนการสอน ให้นักเรียนเกิดทักษะการอ่าน การเขียน พัฒนาการ เรียนรู้และประเมินความรู้ความสามารถ ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแบบฝึกฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับพัฒนาการอ่าน การเขียนได้เป็นอย่างดี และนำไปใช้ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่คาดหวังหากแบบฝึกทักษะฉบับนี้ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แบบฝึกทักษะฉบับนี้ มีทั้งหมด ๑๔ ชุด ได้แก่ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๑ การอ่านออกเสียง แบบฝึกทักษะชุดที่ ๒ การอ่านในใจ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๓ การเขียนบรรยายและพรรณนา แบบฝึกทักษะชุดที่ ๔ การเขียนเรียงความ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๕ การเขียนย่อความ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๖ การเขียนจดหมายกิจธุระ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๗ วิเคราะห์ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น แบบฝึกทักษะชุดที่ ๘ วิเคราะห์และประเมินค่าจากเรื่องที่ดูและฟัง แบบฝึกทักษะชุดที่ ๙ การสร้างคำในภาษาไทย แบบฝึกทักษะชุดที่ ๑๐ ประโยค แบบฝึกทักษะชุดที่ ๑๑ การแต่งบทร้อยกรอง แบบฝึกทักษะชุดที่ ๑๒ คำราชาศัพท์ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๑๓ คำภาษาต่างประเทศ แบบฝึกทักษะชุดที่ ๑๔ วรรณคดีศรีภาษา หมายเหตุ : ซึ่งแต่ละแบบฝึกทักษะจะมีเฉลย ตลอดจนเกณฑ์การให้คะแนน และเกณฑ์วัดคุณภาพให้ด้วย โดยจะอยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน ดังนั้นแล้วนักเรียนพยายามทำด้วยความสามารถของตนเองก่อนดูเฉลยนะคะ


๑ แบบฝึกทักษะ ชุดที่ ๑ การอ่านออกเสียง กิจกรรมที่ ๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว ชนิดบทความ “ข่าว” ให้ชัดเจนและถูกต้อง ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง (ต้องรู้)


๒ กิจกรรมที่ ๒ อ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ประเภทกลอนสุภาพ และโคลงสี่สุภาพ ให้ชัดเจน และถูกต้องตามหลักฉันทลักษณ์ ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง (ต้องรู้)


๓ แบบประเมินการอ่านออกเสียง (บทร้อยแก้ว) เกณฑ์การให้คะแนน ใช้เกณฑ์วัดความสามารถในการอ่านออกเสียงตามระดับคะแนน (Rubric Scores) ดังนี้(คะแนน เต็ม ๒๐ คะแนน) รายการประเมิน ระดับคะแนน ๕ ๔ ๓ ๒ ๑ ๑. การอ่านถูกต้อง ตามอักขรวิธี อ่านออกเสียง ถูกต้อง ตามอักขรวิธีทุกคำ อ่านออกเสียง ไม่ถูกต้อง ตามอักขรวิธี ๑ - ๒ คำ อ่านออกเสียง ไม่ถูกต้อง ตามอักขรวิธี ๓ - ๔ คำ อ่านออกเสียง ไม่ถูกต้อง ตามอักขรวิธี ๕ - ๖ คำ อ่านออกเสียง ไม่ถูกต้อง ตามอักขรวิธี 7 คำ ขึ้นไป ๒. การอ่านเพิ่มคำ หรือข้ามคำ คะแนนเต็ม ๓ คะแนน ไม่อ่านเพิ่มคำ หรือข้ามคำ อ่านเพิ่มคำ หรือข้ามคำ ๑ - ๒ แห่ง อ่านเพิ่มคำ หรือข้ามคำ ๓ แห่ง ขึ้นไป ๓. ความชัดเจนในการอ่าน ๓.๑ อ่านชัดถ้อยชัดคำ ๓.๒ อ่านด้วยน้ำเสียง เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง ความชัดเจน ในการอ่าน สมบูรณ์ทั้ง ๒ ข้อ ความชัดเจน ในการอ่าน บกพร่อง ๑ - ๒ แห่ง ความชัดเจน ในการอ่าน บกพร่อง ๓ - ๔ แห่ง ความชัดเจน ในการอ่าน บกพร่อง ๕ - ๖ แห่ง ความชัดเจน ในการอ่าน บกพร่อง ๗ แห่ง ขึ้นไป ๔. การเว้นวรรคตอน ในการอ่าน อ่านเว้นวรรคตอน ได้ถูกต้องทุกแห่ง อ่านเว้นวรรคตอน ไม่ถูกต้อง ๑ - ๒ แห่ง อ่านเว้นวรรคตอน ไม่ถูกต้อง ๓ - ๔ แห่ง อ่านเว้นวรรคตอน ไม่ถูกต้อง ๕ - ๖ แห่ง อ่านเว้นวรรคตอน ไม่ถูกต้อง ๗ แห่ง ขึ้นไป ๕. การอ่านในเวลาที่กำหนด คะแนนเต็ม ๒ คะแนน อ่านจบภายใน เวลาที่กำหนด อ่านไม่จบ ภายในเวลา ที่กำหนด หมายเหตุ ถ้าอ่านผิดกลับมาอ่านใหม่ แม้จะอ่านถูกก็ไม่ให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๗ - ๒๐ ดีมาก ๑๓ - ๑๖ ดี ๙ - ๑๒ พอใช้ ๕ - ๘ ปรับปรุง


๔ แบบฝึกทักษะ ชุดที่ ๒ การอ่านในใจ กิจกรรมที่ ๑ อ่านบทความที่กำหนดให้เพื่อแยกประโยคที่เป็นใจความสำคัญ และส่วนขยายของใจความสำคัญ ท ๑.๑ ม.๒/๒ จับใจความสำคัญ สรุปความ และอธิบายรายละเอียดจากเรื่องที่อ่าน (ต้องรู้) ๑. อุรังอุตังเป็นลิงขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายคน ขนตามลำตัวยาวสีน้ำตาลแดงแขนยาว ขาสั้นและ ค่อนข้างเล็ก ใจความสำคัญ.................................................................................................................. ..................... ส่วนขยายใจความสำคัญ.................................................................................................................. ..... ............................................................................................................................. ................................. ๒. ดังได้กล่าวมาแล้วว่า การที่จะเป็นผู้ฟังที่ดีได้นั้นจะต้องมีการฝึกฝนจนเรียนรู้ ฉะนั้นครูจึงเป็นผู้ที่ มีโอกาสดีกว่าคนอื่นๆ ในการฝึกนิสัยการฟังที่ดีให้แก่เยาวชนที่จะเป็นผู้นำของชาติในอนาคตครูไม่ ควรมองข้ามความสำคัญของการฟังไป ควรระลึกไว้เสมอว่า การฟังมีความสำคัญเท่าๆ กับการพูด การอ่านและการเขียนถ้าผู้ฟังรู้จักฟังแล้วการฟังก็จะมีประโยชน์มาก แต่ถ้าผู้ฟังไม่รู้จักการฟัง ผู้ฟังก็ จะไม่ได้รับผลอะไรเลย แต่ในทางตรงกันข้ามบางครั้งก็อาจจะมีโทษอันร้ายแรงเกิดขึ้นอีกด้วย ใจความสำคัญ.......................................................................................................................... ............. ส่วนขยายใจความสำคัญ.......................................................................................................... ............. ............................................................................................................................. ................................. ………………………………………………………………………………………………………….................................……. ๓. ภายในวงงานศิลปะประเภทหนึ่งๆ มีรูปแบบของศิลปะนั้นแยกออกไป จิตรกรรมก็มีการวาดและ ระบายสีบนฝาผนัง วาดเป็นเส้นบนกระดาษ วาดและระบายเป็นภาพเล็กเป็นภาพใหญ่เป็นรูปคน รูปภูมิประเทศและอื่นๆ วรรณคดีก็เข้าในลักษณะนี้ รูปแบบของวรรณคดีไทยก็มีหลายแบบ ถ้านับ วรรณคดีต่างประเทศทั่วโลกก็มีรูปแบบเกือบจะนับไม่ถ้วน คุณภาพของวรรณคดีขึ้นอยู่กับรูปแบบ จะมีความดีหรือความบกพร่องภายในวงของรูปแบบแต่ละรูปแบบ การพิจารณาวรรณคดีจึงเป็นไป ตามรูปแบบแต่ละรูปๆ นั้น ใจความสำคัญ....................................................................................................................................... ส่วนขยายใจความสำคัญ....................................................................................................................... .............................................................................................................................................................. .........…………………………………………………………………………………...........................………………………… ………………………………………………………………………………………....................................……………………


๕ ๔. ศิลปวัฒนธรรมในบ้านเมืองเรามักจะสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตประจำวัน ตัวอย่างบางคนชอบ ปลูกไม้ดอก ไม้ผล เมื่อเกิดดอกออกผลก็ชื่นใจ เกิดความคิดที่จะทำดอกผลนั้นให้งดงามน่าดูยิ่งขึ้นจึง มีผู้นำผลไม้มาประดิษฐ์ลวดลาย แล้วจัดวางในภาชนะให้มองดูแปลกตาน่ารับประทานลวดลายนั้น เกิดจากการตัด ผ่า ปอก คว้านและแกะสลัก ส่วนไม้ดอกที่ออกดอก ก็นำมาผูกมัดเป็นช่อบ้าง เป็น พวงเป็นพู่บ้าง เสียบเป็นพุ่มหรือปักลงในแจกันก็ได้ตามแต่จะเห็นงาม ชีวิตชาวไทยกับศิลปะความ งามจึงแยกกันไม่ออก ใจความสำคัญ....................................................................................................................................... ………………………………………………………………………………….................................…………………………... ส่วนขยายใจความสำคัญ....................................................................................................................... ……………………………………………………………………………….................................………………………………. ………………………………………………………………………………….................................…………………………... ………………………………………………………………………………….................................…………………………... ๕. ร้อนหรือเย็นจัดเป็นสิ่งขัดขวางในการรู้รสอย่างมาก ถ้ามิตรไม่เคยกินอาหารร้อนจัดก็แสดงว่ามิตร ไม่เคยรู้รสอาหารทุกรส ในทำนองเดียวกัน ถ้าเราเอาก้อนน้ำแข็งวางบนลิ้น ตอนแรกเราจะรู้สึกเย็น แต่ลิ้นไม่รู้รสจนกว่าจะได้รับความอบอุ่น นั้นคือลิ้นจะรู้รสต่อเมื่อน้ำแข็งที่ใส่บนลิ้นละลาย ใจความสำคัญ....................................................................................................................................... ส่วนขยายใจความสำคัญ....................................................................................................................... ........................................................................................................................................... ................... ………………………………………………………………………………………………………….................................……. ………………………………………………………………………………………....................................……………………


๖ กิจกรรมที่ ๒ อ่านเรื่อง “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” แล้วสรุปสาระสำคัญของเรื่อง เป็นผังความคิด ท ๑.๑ ม.๒/๓ เขียนผังความคิดเพื่อแสดงความเข้าใจในบทเรียนต่าง ๆ ที่อ่าน (ต้องรู้) หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะ แนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาตลอดนานกว่า ๓๐ ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทาง เศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางแก้ไข เพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้อย่าง มั่นคงและยั่งยืน ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย • แนวคิดหลัก เป็นปรัชญาที่ชี้แนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับ ครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวหน้าทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ • เป้าหมาย มุ่งให้เกิดความสมดุลพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งทาง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี • หลักการ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว พอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน • เงื่อนไขพื้นฐาน - จะต้องอาศัยความรู้ ความรอบคอบและความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน - การสร้างเสริมจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎีและนักธุรกิจ ในทุกระดับให้สำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์ สุจริต และมีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วย ความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และความรอบคอบ


๗ • นิยามความพอเพียง ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียน ตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจที่เกี่ยวกับความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดจากการกระทำนั้น ๆ อย่าง รอบคอบ การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและความเสี่ยงจาก การเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล • เงื่อนไขเพื่อให้เกิดความพอเพียง การตัดสินใจในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้พอเพียงต้องอาศัยทั้งความรู้และคุณธรรมพื้นฐาน เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความ รอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความ ระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม เช่น มีความ ซื่อสัตย์สุจริต ความอดทน ความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต (ที่มา : สำนักงานคณะกรรมพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ,เศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร.๒๕๔๙.) เมื่ออ่านจบแล้วเรา ไปสรุปความรู้เป็น ผังความคิดกันนะคะ


๘ สำหรับเขียนผังความคิดจากการอ่านจับใจความสำคัญ เรื่อง หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


๙ กิจกรรมที่ ๓ อ่านคำประพันธ์ต่อไปนี้ แล้วถอดคำประพันธ์ตามที่นักเรียนเข้าใจ ท ๑.๑ ม.๒/๔ อภิปรายแสดงความคิดเห็น และข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน (ต้องรู้) อันชาติใดไร้ศานติสุขสงบ ต้องมัวรบราญรอนหาผ่อนไม่ ณ ชาตินั้นนรชนไม่สนใจ ในศิลปะวิไลละวาดงาม แต่ชาติใดรุ่งเรืองเมืองสงบ ว่างการรบอริพลอันล้นหลาม ย่อมจำนงศิลปาสง่างาม เพื่ออร่ามเรืองระยับประดับประดา อันชาติใดไร้ช่างชำนาญศิลป์ เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า ใครใครเห็นไม่เป็นที่จำเริญตา เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย ศิลปกรรมนำใจให้สร่างโศก ช่วยบรรเทาทุกข์ในโลกให้เหือดหาย จำเริญตาพาใจให้สบาย อีกร่างกายก็จะพลอยสุขสราญ แม้ผู้ใดไม่นิยมชมสิ่งงาม เมื่อถึงยามเศร้าอุราน่าสงสาร เพราะขาดเครื่องระงับดับรำคาญ โอสถใดจะสมานซึ่งดวงใจ เพราะการช่างนี้สำคัญอันวิเศษ ทุกประเทศนานาทั้งน้อยใหญ่ จึงยกย่องศิลปกรรมนั้นทั่วไป ศรีวิไลวิลาศดีเป็นศรีเมือง ใครดูถูกผู้ชำนาญในการช่าง ความคิดขวางเฉไฉไม่เข้าเรื่อง เหมือนคนบ้าคนไพรไม่รุ่งเรือง จะพูดด้วยนั้นก็เปลืองซึ่งวาจา แต่กรุงไทยศรีวิไลทันเพื่อนบ้าน จึ่งมีช่างชำนาญวิเลขา ทั้งช่างปั้นช่างเขียนเพียรวิชา อีกช่างสถาปนาถูกทำนอง ทั้งช่างรูปพรรณสุวรรณกิจ ช่างประดิษฐ์รัชดาสง่าผ่อง อีกช่างถมลายลักษณะจำลอง อีกช่ำชองเชิงรัตนะประกร ควรไทยเราช่วยบำรุงวิชาช่าง เครื่องสำอางแบบไทยสโมสร ช่วยบำรุงช่างไทยให้ถาวร อย่าให้หย่อนกว่าเขาเราจะอาย อันผองชาติไพรัชช่างจัดสรร เป็นหลายอย่างต่างพรรณเข้ามาขาย เราต้องซื้อหลากหลากและมากมาย ต้องใช้ทรัพย์สุรุ่ยสุร่ายเป็นก่ายกอง แม้พวกเราชาวไทยตั้งใจช่วย เอออำนวยช่างไทยให้ทำของ ช่างคงใฝ่ใจผูกถูกทำนอง และทำของงามงามขึ้นตามกาล เราช่วยช่างเหมือนอย่างช่วยบ้านเมือง ได้ประเทืองเทศไทยอันไพศาล สมเป็นเมืองใหญ่โตมโหฬาร พอไม่อายเพื่อนบ้านจึ่งจะดี (บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วิศวกรรมา)


๑๐ ประการหนึ่งพึงคิดในจิตมั่น ว่าทรงธรรม์เหมือนบิดาบังเกิดหัว ควรเคารพยำเยงและเกรงกลัว ประโยชน์ตัวนึกน้อยหน่อยจะดี ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท ล้วนเป็นราชบริพารพระทรงศรี เหมือนลูกเรืออยู่ในกลางหว่างวารี จำต้องมีมิตรจิตรสนิทกัน แม้ลูกเรือเชื่อถือผู้เป็นนาย ต้องมุ่งหมายช่วยแรงโดยแข็งขัน คอยตั้งใจฟังบังคับกัปปิตัน นาวานั้นจึงจะรอดตลอดทะเล แม้ลูกเรืออวดดีมีทิฐิ และเริ่มริเฉโกยุ่งโยเส เมื่อคลื่นลมแรงจัดซัดโซเซ เรือจะเหล่ระยำคว่ำไป แม้ต่างคนต่างเถียงเกี่ยงแก่งแย่ง นายเรือจะเอาแรงมาแต่ไหน แม้ไม่ถือเคร่งคงตรงวินัย เมื่อถึงคราวพายุใหญ่จะครวญคราง นายจะสั่งสิ่งใดไม่เข้าจิต จะต้องติดตันใจให้ขัดขวาง จะยุ่งแล้วยุ่งเล่าไม่เข้าทาง เรือก็คงอับปางกลางสาคร ถึงเสวีที่เป็นข้าฝ่าพระบาท ไม่ควรขาดความสมัครสโมสร ในพระราชสำนักพระภูธร เหมือนเรือแล่นสาครสมุทรไทย เหล่าเสวกตกที่กะลาสี ควรคิดถึงหน้าที่นั้นเป็นใหญ่ รักษาตนเคร่งคงตรงวินัย สมานใจจงรักพระจักรี ไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชัง สามัคคีเป็นกำลังพลังศรี ควรปรองดองในหมู่ราชเสวี ให้สมที่ร่วมพระเจ้าเราองค์เดียว (บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก) เมื่ออ่านคำประพันธ์ จบแล้วเราไป ถอดคำประพันธ์ กันนะคะ


๑๑ ถอดคำประพันธ์จากบทประพันธ์ ๑. ประการหนึ่งพึงคิดในจิตมั่น ว่าทรงธรรม์เหมือนบิดาบังเกิดหัว ควรเคารพยำเยงและเกรงกลัว ประโยชน์ตัวนึกน้อยหน่อยจะดี ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................................................................ ๒. ควรนึกว่าบรรดาข้าพระบาท ล้วนเป็นราชบริพารพระทรงศรี เหมือนลูกเรืออยู่ในกลางหว่างวารี จำต้องมีมิตรจิตสนิทกัน ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................... ๓. แม้ลูกเรือเชื่อถือผู้เป็นนาย ต้องมุ่งหมายช่วยแรงโดยแข็งขัน คอยตั้งใจฟังบังคับกัปปิตัน นาวานั้นจึงจะรอดตลอดทะเล ............................................................................................................................. ............................... ...................................................................................................................................... ...................... ๔. แม้ลูกเรืออวดดีมีทิฐิ และเริ่มริเฉโกยุ่งโยเส เมื่อคลื่นลมแรงจัดซัดโซเซ เรือจะเหล่มระยำคว่ำไป ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................... ............................................................. ๕. แม้ต่างคนต่างเถียงเกี่ยงแก่งแย่ง นายเรือจะเอาแรงมาแต่ไหน แม้ไม่ถือเคร่งคงตรงวินัย เมื่อถึงคราวพายุใหญ่จะครวญคราง ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................... ๖. นายจะสั่งสิ่งใดไม่เข้าจิต จะต้องติดตันใจให้ขัดขวาง จะยุ่งแล้วยุ่งเล่าไม่เข้าทาง เรือก็คงอับปางกลางสาคร ............................................................................................................................. ............................... ................................................................................................................................ ............................ ๗. ถึงเสวีที่เป็นข้าฝ่าพระบาท ไม่ควรขาดความสมัครสโมสร ในพระราชสำนักพระภูธร เหมือนเรือแล่นสาครสมุทรไทย ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................................................................


๑๒ ๘. เหล่าเสวกตกที่กะลาสี ควรคิดถึงหน้าที่นั้นเป็นใหญ่ รักษาตนเคร่งคงตรงวินัย สมานใจจงรักพระจักรี ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................................................................ ๙. ไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชัง สามัคคีเป็นกำลังพลังศรี ควรปรองดองในหมู่ราชเสวี ให้สมที่ร่วมพระเจ้าเราองค์เดียว ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................... ๑๐. อันชาติใดไร้ช่างชำนาญศิลป์ เหมือนนารินไร้โฉมบรรโลมสง่า ใครใครเห็นไม่เป็นที่จำเริญตา เขาจะพากันเย้ยให้อับอาย ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................................. ...............................


๑๓ กิจกรรมที่ ๔ อ่านคำประพันธ์ในกิจกรรมที่ ๓ พร้อมอ่านข้อมูลเพิ่มเติมในหนังสือเรียน รายวิชาภาษาไทยวรรณคดีวิจักษ์ ในบทเสภาสามัคคีเสวก แล้วตอบคำถามต่อไปนี้ ท ๑.๑ ม.๒/๗ อ่านหนังสือ บทความหรือคำประพันธ์อย่างหลากหลายและประเมินคุณค่าหรือ แนวคิดที่ได้จากการอ่าน เพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาในชีวิต (ต้องรู้) ๑. บทเสภาสามัคคีเสวกมีที่มาอย่างไร ................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ๒. บทเสภาตอนที่ ๓ วิศวกรรมา มีเนื้อหากล่าวถึงสิ่งใดเป็นสำคัญ...................................................... ............................................................................................................................. ................................ .............................................................................................................................................................. ๓. บทเสภาตอนที่ ๔ สามัคคีเสวก มีเนื้อหากล่าวถึงสิ่งใดเป็นสำคัญ ............................................................................................................................ .................................. ๔. คุณค่าของศิลปะจากบทเสภาวิศวกรรมมามีคุณค่า ใหญ่ ๆ ๒ ประการอะไรบ้าง ............................................................................................................................. ................................. ๕. จุดมุ่งหมายของการนำเสนอเนื้อหาในบทเสภาวิศวกรรมาคืออะไร ............................................................................................................................. ................................. ๖. ทั้งช่างปั้นช่างเขียนเพียรวิชา อีกช่างสถาปนาถูกทำนอง ทั้งช่างรูปพรรณสุวรรณกิจ ช่างประดิษฐ์รัชดาสง่าผ่อง อีกช่างถมลายลักษณะจำลอง อีกช่ำชองเชิงรัตนประกร จากบทประพันธ์มีทั่งหมดกี่ช่าง............................ช่างสถาปนา หมายถึง........................................... ช่างถม หมายถึง..................................................รัตนประกร หมายถึง............................................ . ช่างประดิษฐ์รัชดา หมายถึง........................ช่างรูปพรรณสุวรรณกิจ หมายถึง.................................. ๗. ในบทเสภาสามัคคีเสวก ตอนสามัคคีเสวก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเปรียบ ประเทศเหมือนกับ ............................................................................................................................. ............................. ๘. ผู้นำประเทศเปรียบได้กับ................................................................................................................. เหล่าข้าราชการเปรียบได้กับ................................................................................................... ......... ................................................................................................................................................ .............. ๙. “ ใครดูถูกผู้ชำนาญในการช่าง” เปรียบได้กับ............................................................................... “ ศิลปกรรมนำใจให้สร่างโศก” ทำไมจึงกล่าวเช่นนั้น..................................................................... ๑๐. บทเสภาสามัคคีเสวก สะท้อนพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าอย่างไรบ้าง .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................. .............................................................................................................................. ................................


๑๔ แบบฝึกทักษะ ชุดที่ ๓ การเขียนบรรยายและพรรณนา กิจกรรมที่ ๑ ศึกษาความรู้เรื่อง “การเขียนบรรยาย”และ “การเขียนพรรณนา” ประเด็น การเขียนบรรยาย การเขียนพรรณนา ๑. ความหมาย เป็นการเขียนเล่าเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพเหตุการณ์ ลำดับ เวลา สถานที่บุคคล โดยมีข้อมูลและ เนื้อหาสาระของเรื่องที่จะแสดงความคิด บางครั้งอาจแทรกบทสนทนาตัวละครทำให้ ผู้อ่านเข้าใจลักษณะอารมณ์ความคิดของตัว ละครและเข้าใจเรื่องทั้งหมด การเขียนที่เรียบเรียงถ้อยคําทั้ง ภาษาพูดและภาษาเขียนเพื่อ ให้รายละเอียดในเรื่องใดเรื่อง หนึ่ง โดยเน้นให้ผู้ฟังหรือผู้อ่าน นึกเป็นภาพที่เด่นชัดและเกิด อารมณ์ความรู้สึกตามที่ผู้ส่ง สารมุ่งหมาย ๒. ประเภท ๑. อัตชีวประวัติ,เล่าประวัติชีวิบุคคลต่าง ๆ ๒. ข้อเท็จจริง,เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ๓. เรื่องที่แต่งขึ้นหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ๑. พรรณนาถึงธรรมชาติ ๒. พรรณนาถึงสถานที่หรือสิ่งที่ มนุษย์สร้างขึ้น ๓. พรรณนาความรู้สึก อารมณ์ ๔ . พ ร ร ณ น า ล ั ก ษ ณ ะ แ ล ะ พฤติกรรมของบุคคล ๕. พรรณนาถึงความคิด ๓. หลักการเขียน ๑. ใช้ถ้อยคำกะทัดรัด อ่านแล้วเข้าใจง่าย ๒. บรรยายตามลำดับเหตุการณ์โดยไม่ทำให้ ผู้อ่านสับสน ๓. จุดประทับใจ ควรมีเหตุการณ์ที่ทำให้ ผู้อ่านประทับใจ ๔. บรรยายต่อเนื่อง อาจแทรกความรู้ ข้อคิดเห็นที่เป็นเหตุเป็นผลเพื่อประโยชน์ ของผู้อ่าน ๑. ใช้ถ้อยคำดี เลือกสรรคำเพื่อ สื่อภาพอารมณ์และความหมาย ๒. ใจความดี มุ่งให้เกิดภาพ อารมณ์ความรู้สึกคล้อยตาม ๓. ใช้โวหารภาพพจน์มีการ เปรียบเทียบเพื่อให้ได้ภาพ ชัดเจน มักใช้ศิลปะการใช้คำ ๔. ใช้สาธกโวหาร ยกตัวอย่าง เพื่อให้เกิดความแจ่มแจ้ง ท ๒.๑ ม.๒/๒ เขียนบรรยายและพรรณนา (ต้องรู้)


๑๕ ตัวอย่างการเขียนบรรยาย ตัวอย่างการเขียนพรรณนา แบบร้อยแก้ว มิ้ม คือ ผึ้งชนิดเล็ก รังโตขนาดจานข้าว ชอบจับ อยู่ตามกอไผ่และป่าละเมาะรก ๆ คอนที่มิ้มจับจะไม่ โตเกินนิ้วมือ มันจะพอกน้ำหวานไว้รอบคอน ใต้คอน ทารังต่อย้อยลงมาสำหรับเป็นที่เกิดของตัวอ่อน ตัว มิ้มจับหุ้มรังจนแน่นมองไม่เห็นรังสีเหลืองข้างใน ปกติมันจะเกาะกันนิ่งเงียบเหมือนไม่มีชีวิต มองเห็น เป็นสีดาเลื่อม แต่ถ้ามีอะไรไปรบกวน ตัวมิ้มจะไหว ตัวยั้วเยี้ย บ้างเตรียมออกจากรังเพื่อต่อสู้และป้องกัน (เรื่อง เรื่องสั้นชนบท ของ นิมิตร ภูมิถาวร) แบบร้อยกรอง อันเกาะแก้วพิสดารสถานนี้ โภชนาสาลีก็มีถมแต่คราว หลัวครั้งสมุทรโคดม มาสร้างสมสิกขาสมาทาน เธอทาไร่ไว้ที่ริมภูเขาหลวง ครั้นแตกรวงออกมาเล่าเป็นข้าวสาร ได้สืบพืชยืดอยู่แต่บูราณ คิดอ่านเอาเดียวมาเหลียวไป" (การบรรยายเกาะแก้วพิสดารในเรื่องพระอภัยมณี: สุนทรภู่) แบบร้อยแก้ว ความเงียบปกคลุมท้องถนน มีเพียงเสียงหอบ หายใจคล้ายความเหนื่อยของผมดังอยู่ นานๆ จะมี รถยนต์ผ่านมาสักคัน ไม่มีคันใดให้ความสนใจกับเรา เธอยังคงนอนฟุบนิ่งข้างฟุตบาท ผมยกมือกอดอก หนีบขวดเหล้าเอาไว้ น้ำตาเธอรินออกมาอย่างไม่มี เสียง ผมทรุดลงนั่งข้างๆ เธอ มองใบหน้าที่ถูกตบจน เลือดกบปาก ริมฝีปากสั่นระริกบอกถึงความกลัวที่ ผ่านมา ดวงตาหวาด ระแวงที่มองผมคลายจางลง กลายเป็นความขอบคุณ ผมอ่านแววตาเธอได้ อย่างนั้น แต่เธอยังคงไม่ปริปาก (ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ของธราธิป) แบบร้อยกรอง สุดเอยสุดสวาท โฉมประหลาดล้ำเทพอัปสร ทั้งวาจาจริตก็งามงอน ควรเป็นนางฟ้อนวิไลลักษณ์ อันซึ่งธุระของเจ้า หนักเบาจงแจ้งให้ประจักษ์ ถ้าวาสนาเราเคยบำรุงรัก ก็จะเป็นภักดิ์ผลสืบไป (รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก : รัชกาลที่ ๑) เมื่อศึกษาความรู้เรื่อง การเขียนบรรยายและ การเขียนพรรณนาแล้ว เราลองไปทำกันค่ะ


๑๖ กิจกรรมที่ ๒ ฝึกเขียนบรรยายตามจินตนาการของนักเรียน โดยใช้คำสำคัญที่กำหนดให้ เรียบเรียงเขียนเป็นเรื่องราว ๑๐ - ๑๕ บรรทัด พร้อมตั้งชื่อเรื่อง ไหวพริบ สามัคคี กำลังใจ พารา ฉลาด อาหาร เสียสละ น้ำใจ โควิด ฟ้าทลายโจร ............................................................................................ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ท ๒.๑ ม.๒/๒ เขียนบรรยายและพรรณนา (ต้องรู้) เก่งมาเลยครับ ในที่สุดเราก็ เขียนบรรยายได้


๑๗ กิจกรรมที่ ๓ ฝึกเขียนบรรยายตามจินตนาการของนักเรียน โดยใช้ภาพที่กำหนดให้ เรียบเรียงเขียนเป็นเรื่องราว ๘ - ๑๐ บรรทัด พร้อมตั้งชื่อเรื่อง เรื่อง .............................................................................. ............................................................................................................................. .......................... ....................................................................................................... ................................................ ............................................................................................................................. .......................... ....................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................... ................................................................................................................................ ....................... .......................................................................................................... ............................................. ............................................................................................................................. .......................... ....................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................... ................................................................................................................................... .................... ............................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................... ....................................................................................................................................................... ท ๒.๑ ม.๒/๒ เขียนบรรยายและพรรณนา (ต้องรู้)


๑๘ กิจกรรมที่ ๔ เติมคำพรรณนา โดยเลือกคำที่กำหนดให้ต่อไปนี้เติมลงในช่องว่างให้ถูกต้อง ๑. เย็นยะเยือก ไออุ่น เย็นชื่นใจ นวลสว่าง จับใจ ปลิวไสว อ้อมกอด หอมกรุ่น ท้องฟ้าคืนนี้พระจันทร์เต็มดวงส่องแสง...........................กลางท้องฟ้าทำให้มองเห็นลมพัด ใบไม้................ยามค่ำคืน กลิ่นดอกไม้ยามราตรี............................................ลมหนาวพัดมากระทบ ผิวของฉันมันช่าง.............................................ทำให้ฉันคิดถึงอ้อมกอดและ......................ของแม่ กอดฉันเมื่อยามนอน ๒. เปียกชื้น สีเขียวสด เปียกแฉะ สดใส สาดส่อง เจิ่งนอง สาดซัด ท่วมขัง เมื่อคืนนี้ฝนตกหนักทั่วผืนดิน......................บางที่น้ำ.................... และ....................บางบ้าน เสื้อผ้าที่ตากไว้....................ละอองฝนที่...................... แต่อีกด้านหนึ่งใบไม้ใบหญ้าชู.......................... รับแสงแดดที่.................... เสียงนกร้องรำต้อนรับวันใหม่ที่.........................ท้องฟ้าสว่างตัดกับปุยเมฆ ๓. นอนหลับ กระโดดโลดเต้น บินว่อนเล่นลม พลิ้วปริวไสว นกนานาชนิด ร่าเริง กระรอกกระแต กระปรี้กระเปร่า บรรยากาศในยามเช้า บรรดาสัตว์ต่างๆ ในธรรมชาติ อาทิ เช่น นก แมลง กระรอก กระแต จะเริ่มออกหากินด้วยอาการ................ เช่นเดียวกันกับมนุษย์ที่สดชื่น.......................... เมื่อตื่นขึ้น ในยามเช้าหลังจากที่ได้...............มาตลอดคืน .....................ร้องเพลงประสานรับกันบ้าง ร้องแสดง อาณาเขตบ้าง ร้องชวนกันออกหาอาหารบ้าง ............................เริ่ม...............................วิ่งไล่กัดกัน หมู่แมลงที่สวยงาม เช่น ผีเสื้อ แมลงปอ.................................. สายลมพัดผ่านต้นอ้อ ต้นไฝ่ สายลม ลอดไล่เลี้ยวเรียวไผ่.........................โยกย้ายส่ายไปมาตามสายลม มันช่างเป็นบรรยากาศเช้าที่สดชื่น ท ๒.๑ ม.๒/๒ เขียนบรรยายและพรรณนา (ต้องรู้)


๑๙ กิจกรรมที่ ๕ ฝึกเขียนพรรณนาตามจินตนาการของนักเรียน โดยใช้คำที่กำหนดให้ เรียบเรียงเขียนเป็นเรื่องราว ๑. ทอแสง ดวงดาว ท้องฟ้า ระยิบระยับ สุกสกาว ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. .............................................................................................................................................. ............. ............................................................................................................ ............................................... ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................................................................... ๒. ซัดสาด สีคราม ระลอกคลื่น เกลียวคลื่น ทะเล ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. .............................................................................................................................................. ............. ............................................................................................................ ............................................... ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. ท ๒.๑ ม.๒/๒ เขียนบรรยายและพรรณนา (ต้องรู้)


๒๐ แบบฝึกทักษะ ชุดที่ ๔ การเขียนเรียงความ กิจกรรมที่ ๑ ศึกษาความรู้เรื่อง “การเขียนเรียงความ” การเขียนเรียงความ เป็นการเขียนบรรยายเพื่อถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึกหรือประสบการณ์ของผู้เขียนสู่ผู้อ่าน การเขียนเรียงความผู้เขียนจะต้องเรียบเรียง ด้วยสำนวน ภาษาของผู้เขียนเอง โดยใช้ภาษาที่กะทัดรัด สละสลวย และจูงใจผู้อ่านให้เกิด ความรู้สึกสนใจที่จะอ่าน องค์ประกอบของเรียงความ มี ๓ ส่วนใหญ่ ๆ คือ ๑. คำนำ เป็นส่วนแรกของเรียงความ ทำหน้าที่เปิดประเด็น ดึงดูดความสนใจ พิถีพิถัน คำนึงถึงเรื่อง ที่ตนจะเขียน เน้นศิลปะในการใช้ภาษา ๒. เนื้อเรื่อง เป็นส่วนสำคัญและยาวที่สุดของเรียงความ ประกอบด้วย ความรู้ ความคิด และข้อมูลที่ ผู้เขียนค้นคว้า และเรียบเรียงอย่างเป็นระบบ ระเบียบ การเขียนเนื้อเรื่องเป็นการขยายความในประเด็น ต่าง ๆ ตามโครงเรื่องที่วางไว้ล่วงหน้าแล้ว อาจมีการยกตัวอย่าง การอธิบาย การพรรณนาหรือยกโวหาร ต่าง ๆ มาประกอบด้วย โดยอาจจะมีย่อหน้าหลายย่อหน้าก็ได้ ๓. สรุป เป็นส่วนสุดท้าย หรือย่อหน้าสุดท้ายในเรียงความแต่ละเรื่อง ผู้เขียนจะทิ้งท้ายให้ผู้อ่านเกิด ความประทับใจ สอดคล้องกับเรื่องที่เขียน กระชับรัดกุม ซึ่งการเขียนสรุปมีหลายวิธี เช่น ฝากข้อคิดและ ความประทับใจให้ผู้อ่านย้ำความคิดสำคัญของเรื่อง ชักชวนให้ปฏิบัติตาม ให้กำลังใจแก่ผู้อ่าน ตั้งคำถาม ที่ชวนให้ผผู้อ่านคิดหาคำตอบ และยกคำพูด คำคม สุภาษิต หรือบทกวีที่น่าประทับใจ เป็นต้น หลักการเขียนเรียงความ ๑) ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียน จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ๒) ลำดับความคิด กำหนดแนวทางที่จะเขียน จัดทา เป็นโครงเรื่องโดยทา เป็นหัวข้อ ๓) นำโครงเรื่องมาขยายเป็นย่อหน้า ให้มีความสัมพันธ์กันตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง ๔) นำสิ่งที่เขียนมาร่าง มาปรับปรุงแก้ไขให้เป็นเรียงความที่สมบูรณ์ ๕) ปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำสำนวนให้ถูกต้อง สละสลวย ท ๒.๑ ม.๒/๓ เขียนเรียงความ (ต้องรู้)


๒๑ ลักษณะของเรียงความที่ดี ๑. เอกภาพ คือ ในแต่ละย่อหน้า ความคิดสำคัญต้องมีเนื้อหาไปในทิศทางเดียวกันกับหัวข้อเรื่อง ๒. สัมพันธภาพ คือ ต้องมีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันตลอดทั้งเรื่อง โดยจะต้องมีการวางโครงเรื่อง ที่ดี จัดลำดับย่อหน้าอย่างมีระบบระเบียบ เรียบเรียงด้วยคำเชื่อมที่เหมาะสม ๓. สารัตถภาพ คือ มีเนื้อหาสาระที่สมบูรณ์ตลอดทั้งเรื่องโดยในแต่ละย่อหน้า ประโยคสำคัญต้อง ชัดเจน ประโยคขยายมีน้ำหนักเชื่อถือได้ ถูกต้องตามข้อเท็จจริง เพื่อช่วยเน้นย้ำให้ประโยคใจความสำคัญมี ความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น การกำหนดขอบข่ายของโครงเรื่อง เมื่อได้หัวข้อเรื่องแล้ว ต้องวางโครงเรื่อง โดยคำนึงถึงการจัดการ จัดลำดับหัวข้อเรื่องที่จะเขียนให้ สัมพันธ์ ต่อเนื่องกัน เช่น ๑. จัดลำดับหัวข้อตามเวลาที่เกิด ๒. จัดลำดับหัวข้อจากหน่วยเล็กไปสู่หน่วยใหญ่ ๓. จัดลำดับตามความนิยม โครงเรื่องของงานเขียนควรจัดหมวดหมู่ของแนวคิดสำคัญเพื่อเป็นแนวทางในการเขียน โครงเรื่อง เปรียบเสมือนแปลนบ้าน ผู้สร้างบ้านจะต้องใช้แปลนบ้านเป็นแนวทางในการสร้างบ้าน การเขียนโครงเรื่องจึงมี ความสำคัญทำให้ผู้เขียนเรียงความเขียนได้ตรงตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ ถ้าไม่เขียนโครงเรื่องหรือไม่วางโครงเรื่อง เรียงความอาจจะออกมาไม่ตรงตามที่ผู้เขียนต้องการ ถ้าเขียน เรียงความได้อิน ก็.....


๒๒ กิจกรรมที่ ๒ ตอบคำถามชี้นำเพื่อเป็นแนวทางในการเรียบเรียงเขียนเรียงความ อย่างน้อย ๑๐ บรรทัด ประเด็นชี้นำในการเขียน - ครูมีความสำคัญอย่างไร - บรรยายลักษณะของครูที่นักเรียนชอบ เช่น ท่าทาง วิธีสอน บุคลิกภาพ - ยกตัวอย่างชื่อครูในโรงเรียนคนที่นักเรียนชอบ - ครูมีพระคุณต่อนักเรียนอย่างไร - สรุปความสำคัญของครูและการปฏิบัติต่อครูเพื่อให้สมกับเป็นศิษย์ที่ดี ................................................................................................ .............................................................. ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................................................. ................................. .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................. ................................................................................................ .............................................................. ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................................................. ................................. ................................................................................................ .............................................................. ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................................................. ................................. .............................................................................................................................................................. ท ๒.๑ ม.๒/๓ เขียนเรียงความ (ต้องรู้)


๒๓ กิจกรรมที่ ๓ ศึกษาโครงเรื่องในการเขียนเรียงความ จากนั้นฝึกวางโครงเรื่อง รูปแบบของการเขียนโครงเรื่อง ๑. โครงเรื่องแบบคร่าวๆ เป็นการเขียนโครงเรื่องอย่างคร่าว ๆ ด้วยคำหรือวลีอย่างหยาบ ๆ เพื่อวางแนวเรื่องที่สั้น ๆ เรียงลำดับลดหลั่นกันมา โดยอาจจัดเป็นหัวข้อใหญ่และมีหัวข้อย่อยก็ได้ ตัวอย่าง เรื่อง ภาวะโลกร้อน - ความหมาย - สาเหตุ - ผลกระทบ - สิ่งแวดล้อม - เศรษฐกิจ - สุขภาพ - การแก้ปัญหา - ลดการใช้พลังงาน - ปลูกต้นไม้ - ลดใช้ถุงพลาสติก ๒. โครงเรื่องแบบหัวข้อ โครงเรื่องแบบนี้เขียนด้วยคำวลีสั้น ๆ หรืออนุประโยคที่ไม่ได้ความ ครบถ้วนในตัวเอง และมีตัวเลขหรืออักษรย่อกำกับประเด็นทุกประเด็นที่สังเขปด้วยคำวลีหรืออนุประโยคนั้น ๆ ตัวอย่าง เรื่อง ภาวะโลกร้อน ๑) ความหมายภาวะโลกร้อน ๒) สาเหตุภาวะโลกร้อน ๓) ผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ๓.๑) ด้านสิ่งแวดล้อม ๓.๒) ด้านเศรษฐกิจ ๓.๓) ด้านสุขภาพ ๔) การแก้ปัญหา ๔.๑) ลดการใช้พลังงาน ๔.๒) ปลูกต้นไม้และรักษาป่าไม้ ๔.๓) ลดการใช้ถุงพลาสติก ท ๒.๑ ม.๒/๓ เขียนเรียงความ (ต้องรู้)


๒๔ ๓. โครงเรื่องแบบประโยค โครงเรื่องแบบนี้เขียนด้วยข้อความซึ่งเป็นประโยคที่สมบูรณ์และ ชัดเจน มีเลขหรืออักษรย่อกำกับประโยคทุกประโยคที่เป็นประเด็นของเรื่องนั้น ตัวอย่าง เรื่อง ภาวะโลกร้อน ๑) ความหมายของภาวะโลกร้อน ๒) สาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อน ๓) ผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ๓.๑) ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ๓.๒) ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ๓.๓) ผลกระทบด้านสุขภาพ ๔) การแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ๔.๑) อนุรักษ์พลังงาน ๔.๒) อนุรักษ์ป่าไม้ ๔.๓) อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ๔. โครงเรื่องแบบแผนภาพความคิดหรือผังมโนทัศน์เป็นการเขียนที่แสดงให้เห็นโครงเรื่อง โดยรวมทั้งเรื่อง ทำให้รู้แนวคิดของผู้เขียนที่ถ่ายทอดความคิดหรือข้อมูลออกมาเป็นแผนผังอย่างเป็นระบบ มี การจัดกลุ่มจัดหมวดหมู่ ทำให้ผู้อ่านเข้าใจระบบการคิดได้ชัดเจน เช่น โครงเรื่อง เครื่องสำอางจากสมุนไพร


๒๕ ฝึกวางโครงเรื่องการเขียนเรียงความ คำสั่ง ; ให้นักเรียนเลือกหัวข้อที่ครูกำหนดให้ต่อไปนี้ มาเพียง ๑ หัวข้อ เพื่อ เขียนโครงเรื่องแบบหัวข้อและแบบประโยค ๑. มิตรไมตรีช่วยให้สังคมสงบสุข ๒. โควิด-๑๙ ร่วมด้วยช่วยป้องกัน ๓. ยาเสพติดพิษร้ายภัยสังคม ๔. อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ............................................................................................................................. ................................. .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................................................. ................................. .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................................................. ................................. .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................. .................................................................................................................................................... .......... .................................................................................................................... .......................................... ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................................................. ................................. .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................. .................................................................................................................................................... .......... .................................................................................................................... .......................................... ............................................................................................................................. ................................. ..............................................................................................................................................................


๒๖ ฝึกวางโครงเรื่องการเขียนเรียงความ คำสั่ง ; ให้นักเรียนเลือกหัวข้อที่ครูกำหนดให้ต่อไปนี้ มาเพียง ๑ หัวข้อ เพื่อเขียนโครงเรื่องแบบแผนภาพ ๑. อบายมุขทางแห่งความเสื่อม ๒. อิทธิบาท ๔ ทางแห่งความสำเร็จ ๓. ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสาน ๔. อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย


๒๗ ฝึกเขียนเรียงความ คำสั่ง ; ให้นักเรียนเลือกหัวข้อที่ครูกำหนดให้ต่อไปนี้ มาเพียง ๑ หัวข้อ เพื่อ เขียนเรียงความจำนวน ๑-๒ หน้า (ไม่ต่ำกว่า ๑ หน้ากระดาษเต็ม) ๑. ระเบียบวินัยต้านภัยโควิด ๒. คุณธรรมนำไทย น้ำใจร่มเย็น ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................... ...................................... ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ................................................................................................................................. .................................... ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................... ...................................... ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ................................................................................................................................. .................................... ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ................................................................................................................................... .................................. ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................... ...................................... ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................... .....................................


๒๘ ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................... ...................................... ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ................................................................................................................................. .................................... ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ................................................................................................................................... .................................. ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................... ...................................... ................................................................................................................ ..................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ................................................................................................................................ ..................................... ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... .............................................................................................................................. ........................................ ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................................... ............................................................................................................................. ......................................... ...................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................


๒๙ แบบประเมินการเขียนเรียงความ รายการประเมิน ระดับคุณภาพ / ระดับคะแนน ดีมาก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรับปรุง (๑) ๑.การวาง โครงเรื่อง วางโครงเรื่องได้น่าสนใจ เรียง ตามลำดับการนำเสนอก่อน หลังถูกต้องสอดคล้องกับเรื่อง ที่นำเสนอ โครงเรื่องกระชับ น่าสนใจ แต่ละประเด็นมีการ ขยายความได้ดี วางโครงเรื่องได้น่าสนใจ เรียงตาม ลำดับการนำ เสนอก่อนหลังถูกต้อง สอดคล้องกับเรื่องที่นำ เสนอ โครงเรื่องค่อนข้าง น่าสนใจ ขยายความแต่ ละประเด็นพอใช้ได้ วางโครงเรื่องพอใช้ได้ การนำเสนอแต่ละ ประเด็นยังไม่เรียง ตามลำดับก่อนหลัง มี หลายประเด็นที่ยังไม่ สอดคล้องกับเรื่องที่ นำเสนอ วางโครงเรื่องสับสน วกไปวนมาไม่น่าสนใจ ไม่เรียงตามลำดับ การนำเสนอก่อนหลัง ไม่มีเอกภาพในการ นำเสนอ ๒. คำนำ ใช้ภาษาในการเขียนคำนำได้ โดดเด่น จูงใจผู้อ่านให้สนใจ ติดตามอ่านเนื้อเรื่อง คำนำนำ เรื่องได้ถูกต้องตรงประเด็น ใช้ภาษาค่อนข้างดีเขียน คำนำได้ดี นำเข้าสู่เรื่อง ได้ถูกต้องตรงประเด็น เขียนคำนำ นำเรื่อง ตามหัวข้อเรียงความ ได้พอใช้ ใช้ภาษาไม่ โดดเด่น ไม่น่าสนใจ เขียนคำนำไม่ตรง ประเด็น วกวน ไม่เข้า ส ู ่ เ ป ้ า ห ม า ย ห รือ ประเด็นเรื่อง ๓.สาระใน เนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องมีสาระครบทั้งความรู้ และความงามในภาษามีคุณค่า ข้อคิดแทรกในงานเขียน เนื้อเรื่องมีสาระความรู้ แต่ขาดความงามใ น ภาษา มีคุณค่า มีข้อคิด แทรกในงานเขียน เนื้อเรื่องมีสาระน้อย ทั้งความรู้ความงามใน ภาษา ไม่สอดแทรก คุณค่าข้อคิดในงาน เนื้อเรื่องขาดสาระทั้ง ความรู้และความงาม ในภาษาไม่สอดแทรก คุณค่าข้อคิดในงาน ๔. ยกตัวอย่าง อ้างอิง มีบท ประะพันธ์วาทะ นักปราชญ์ การ ใช้โวหารคำคม ยกตัวอย่างอ้างอิง บทประพันธ์ วาทะนักปราชญ์ การใช้โวหาร คำคมได้ถูกต้อง เหมาะสม สอดคล้องกับงานเขียน ยกตัวอย่าง บทประพันธ์ อ้างอิง วาทะนักปราชญ์ การใช้โวหารคำคมได้ถูก ต้องเล็กน้อย สอดคล้อง กับงานเขียน ตัวอย่าง บทประพันธ์ วาทะนักปราชญ์การ ใช้โวหาร คำคม หรือ ยกตัวอย่างอ้างอิงไม่ ถูกต้อง ไม่สอดคล้อง กับงานเขียน ไม่ยกตัวอย่างอ้างอิง บทประพันธ์ วาทะ นักปราชญ์การใช้ โวหาร คำคมใดๆ ๕. สรุป เขียนสรุปได้ตรงประเด็น มี ลักษณะทิ้งท้ายให้คิด ให้ ดำเนินการต่อ และให้คุณค่า แก่ผู้อ่านอย่างมาก เขียนสรุปได้ตรงประเด็น มีลักษณะทิ้งท้ายให้คิด ให้ดำเนินการต่อและให้ คุณค่าผู้อ่านค่อนข้างดี เขียนสรุปได้ค่อนข้าง ตรงประเด็นและให้ ค ุ ณ ค ่ า แ ก ่ ผ ู ้ อ ่ า น เล็กน้อย เขียนสรุปไม่ ต ร ง ประเด็น ไม่มีการทิ้ง ท้ายให้คิด งานเขียน ไม่มีคุณค่า เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๗ - ๒๐ ดีมาก ๑๓ - ๑๖ ดี ๙ - ๑๒ พอใช้ ๕ - ๘ ปรับปรุง


๓๐ แบบฝึกทักษะ ชุดที่ ๕ การเขียนย่อความ กิจกรรมที่ ๑ ศึกษาความรู้เรื่อง “การเขียนย่อความ” การเขียนเพื่อย่อความเป็นการเรียบเรียงสาระสำคัญที่บันทึกไว้จากการอ่าน โดยมีหลักดังนี้ ๑. ข้อความที่ย่อ ๑) มีเฉพาะสาระสำคัญ คือ ความคิดหลัก ส่วนที่เป็นพลความตัดออกทั้งหมด ๒) ในกรณีที่สาระสำคัญซ้ำกันหลายๆ แห่ง เมื่อนำมาเรียบเรียงให้กล่าวเพียงครั้งเดียว ๓) ครอบคลุมประเด็นสำคัญของเรื่องได้ครบถ้วน สมบูรณ์ ถูกต้องตามเรื่องเดิม ๔) ข้อความที่เป็นคำพูดอยู่ในเครื่องหมายอัญประกาศ ถ้าไม่ใช่ประเด็นสำคัญให้ตัดออก ๕) ข้อความที่ย่อเรียงลำดับอย่างไรก็ได้ให้อ่านเข้าใจง่าย ไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับ ตามเรื่องเดิม ๒. สำนวนภาษา ๑) ใช้สำนวนภาษาของผู้เขียน โดยเป็นการเรียบเรียงเนื้อความใหม่ ไม่ควรใช้สำนวนภาษา ของเรื่องเดิม และหลีกเลี่ยงการตัดต่อประโยคใจความสำคัญของต้นฉบับ ๒) เรียบเรียงเป็นเรื่องเล่า ถ้าจะเอ่ยถึงบุคคลอื่น ให้ใช้ชื่อหรือใช้สรรพนามบุรุษที่ ๓ ห้ามใช้ สรรพนามบุรุษที่ ๑ และ ๒ ในย่อความ ๓) สำนวนภาษาหรือคำยาก คำยาว ในเรื่องเดิมให้เปลี่ยนมาใช้คำธรรมดา ๔) ไม่จำเป็นต้องใช้อักษรย่อในข้อความที่ย่อ นอกจากชื่อเดิมจะยาวมากและอักษรย่อนั้นเป็น ที่รู้จักกันแพร่หลาย เช่น กทม. รสช. รสพ. ททท. ๕) ถ้าเรื่องเดิมเป็นร้อยกรองให้ย่อความเป็นร้อยแก้วแนวทางการเขียนย่อความ ๓. แนวทางการเขียนย่อความ ๑) อ่านเนื้อเรื่องที่จะย่อให้เข้าใจ โดยอ่านมากกว่า ๑ เที่ยว ๒) เมื่อเข้าใจเรื่องแล้ว จึงจับใจความสำคัญทีละย่อหน้า เพราะในหนึ่งย่อหน้า จะมีใจความสำคัญอยู่เพียงข้อเดียว ท ๒.๑ ม.๒/๔ เขียนย่อความ (ต้องรู้)


๓๑ ๓) นำใจความสำคัญแต่ละย่อหน้ามาเขียนใหม่ด้วยภาษาของตนเองโดยคำนึงถึง สิ่งต่าง ๆ ดังนี้ ๓.๑ ต้องมีคำนำย่อความตามรูปแบบของข้อเขียนโดยไม่ต้องมีคำว่า “ย่อ” ๓.๒ เปลี่ยนสรรพนามบุรุษที่ ๑ และ ๒ ให้เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๓ ๓.๓ ไม่ใช้อักษรย่อ ๓.๔ ถ้ามีคำราชาศัพท์ให้คงไว้ ไม่ต้องแปลเป็นคำสามัญ ๓.๕ ไม่ใช้เครื่องหมายต่าง ๆ ในข้อความที่ย่อ ๓.๖ เขียนเนื้อเรื่องที่ย่อแล้วเป็นย่อหน้าเดียว มีความยาวประมาณ ๑ ใน ๔ ของเนื้อเรื่องเดิม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาระสำคัญของเรื่อง รูปแบบการเขียนย่อความ ๑) การย่อความนิทาน นิยาย พงศาวดาร ให้บอกประเภท ชื่อเรื่อง ผู้แต่ง ที่มาของเรื่องเท่าที่ทราบ เช่น ย่อนิทานเรื่อง.............................................................ของ................................จาก........................................ ความว่า.......................................................................................................................................................................... ๒) ย่อคำสอน คำกล่าวปาฐกถา ให้บอกประเภท ชื่อเรื่อง เจ้าของ ผู้ฟัง สถานที่ และเวลาเท่าที่จะทราบได้ เช่น ย่อคำสอนเรื่อง..........................................................ของ................................จาก......................................... หน้า...................................................ความว่า................................................................................................................ ๓) ย่อบทความทางวิชาการ ให้บอกประเภท ชื่อเรื่อง เจ้าของเรื่อง ที่มาของเรื่อง เช่น ย่อความเรื่อง...........................................................ของ..................................จาก.................................................. ฉบับที่.................................................หน้า............................................ความว่า............................................................. ๔) ย่อบันทึกเหตุการณ์ (จดหมายเหตุ) ย่อบันทึก (จดหมายเหตุ)...............ของ.....................ในโอกาส............................ลงวันที่..................... เรื่อง........................................................ความว่า.............................................................................................. ตัวอย่าง บทดอกสร้อย เรื่อง ความอดทน “อดเอ๋ยอดทน ต้องไม่บ่นหลบเลี่ยงเกี่ยงงานหนัก ความเหน็ดเหนื่อยจะหายไปเมื่อได้พัก แล้วเราจะรู้จักทำงานเป็น หากเด็กไทยอดทนกันถ้วนหน้า ชาติไทยจะพัฒนาทันตาเห็น ความอดทนแก้ปัญหาคราลำเค็ญ พ้นยากเข็ญเพราะทุกคนอดทนเอย” (จงจิต นิมมานนรเทพ) ย่อ บทดอกสร้อย เรื่อง ความอดทน ของ จงจิต นิมมานนรเทพ ความว่า คนเราต้องอดทนไม่เกี่ยงงานหนัก คนเช่นนี้จะทำงานเป็น ถ้าเด็กไทยทุกคนมี ความอดทนแล้วชาติไทยจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง


๓๒ กิจกรรมที่ ๒ เขียนย่อความจากบทความที่กำหนดให้ต่อไปนี้ตามรูปแบบที่เหมาะสม เรื่อง เก้าหรือสิบ กาลครั้งหนึ่งในทะเลทรายอันแห้งแล้ง ชายผู้หนึ่งกำลังต้อนฝูงอูฐสิบตัวเดินทางไปยังบ่อน้ำ ข้างหน้า เดินไปได้สักสองสามไมล์เขาก็ขึ้นขี่หลังอูฐตัวหนึ่ง แล้วก็นับอูฐที่เหลือนับได้เก้าตัว เขาก็ ตะลีตะลานลงจากหลังอูฐ เดินกลับหลังไปหาเจ้าตัวที่หายไป หาเท่าใดไม่เห็นร่องรอยของมันเลย ใจ คิดว่า อูฐหายไปตัวหนึ่งเสียแล้วแน่ๆ จึงเลิกหา หันหน้าเดินไปยังฝูงอูฐข้างหน้าอย่างรีบเร่ง ด้วยความ เสียดายและกลัดกลุ้ม แต่แล้วกลับดีใจลิงโลดโน่นไง...อูฐทั้งสิบตัวเดินอยู่ข้างหน้าโน่นเอง เขาขึ้นขี่หลังอูฐตัวหนึ่ง เดินไปได้สักพัก ก็ลองนับจำนวนอูฐดูใหม่อีกครั้งหนึ่ง เหลือเก้าตัวอีก แล้วเขารีบตะกายลงจากหลังอูฐ พิศวงงงงวยเต็มที หันหลังกลับไปเดินหาตัวที่หายอย่างอิดหนา ระอาใจ หาเท่าใดก็ไม่พบ ก็รีบวิ่งทะเลิ่กทะลั่กกลับไปยังฝูงอูฐข้างหน้าแล้วก็นับดูแสนประหลาดใจนักที่ เห็นอูฐสิบตัวเดินเอื่อยเฉื่อยอย่างเกียจคร้านอยู่ทั้งฝูง เขาเลยโทษความร้อนแรงของทะเลทรายแล้วก็ ขึ้นขี่อูฐตัวที่เดินรั้งท้ายอยู่ ลงมือนับจำนวนอูฐดูอีกเป็นครั้งที่สาม ไม่เข้าใจเอาเลยจริงๆ ว่าทำไมมันถึง หายไปตัวหนึ่งอีกแล้ว เขาโดดลงจากหลังอูฐ แช่งด่าซาตานไปพลาง นับจำนวนอูฐไปพลางอย่างเหนื่อย เต็มทน อ้าว !... นับได้สิบตัวอีกแล้ว “ดีละ...ไอ้ผีร้ายเจ้าเล่ห์” เขาบ่นอุบอิบ “ข้าเดินไปเอง แล้วมีอูฐอยู่ ครบฝูง ดีกว่าจะขี่มันไปแล้วก็ต้องหายไปอีกตัวหนึ่ง” ที่มา : (สมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา. ท่านผู้หญิง. หนังสือส่งเสริมการอ่านระดับประถมศึกษา เรื่อง มาหัวเราะกันเถิด. กรมวิชาการ. กระทรวงศึกษาธิการ. ๒๕๓๑ หน้า ๑๕-๑๖) ............................................................................................................................. .................................... ............................................................................................................................. .................................... ................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................... ................................................................................................................................... .............................. ................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................... ............................................................................................................................................................ ..... ท ๒.๑ ม.๒/๔ เขียนย่อความ (ต้องรู้)


๓๓ แบบฝึกทักษะ ชุดที่ ๖ การเขียนจดหมายกิจธุระ กิจกรรมที่ ๑ ศึกษาความรู้เรื่อง “การเขียนจดหมายกิจธุระ” จดหมายกิจธุระ หมายถึง จดหมายที่เขียนไปเพื่อติดต่อสื่อสารกันระหว่างบุคคลหรือหน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ เพื่อแจ้งเรื่องการงานหรือเรื่องส่วนตัว โดยต้องไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการค้า จดหมายเชิงกิจธุระ ได้แก่ จดหมายลาป่วย จดหมายลากิจ จดหมายขอความร่วมมือหรือขอความช่วยเหลือ (การขอความ อนุเคราะห์) จากองค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ ครับ หลักทั่วไปในการเขียนจดหมาย มีดังนี้ ๑. เขียนให้ถูกตามรูปแบบที่นิยมใช้กัน ๒. ใจความในจดหมายต้องให้ชัดเจน สมบูรณ์ครบถ้วน ๓. เลือกใช้กระดาษเขียนและซองที่มีสีสันที่เหมาะสม ๔. เขียนด้วยลายมือที่อ่านง่าย สะอาดเรียบร้อยเป็นระเบียบ ไม่มีรอยขูด ลบ หรือขีดฆ่า ๕. ใช้ภาษาถูกต้องตามหลักตามหลักภาษาและตามความนิยม โดยคำนึงถึงความสุภาพและถูกกาลเทศะ ๖. ระบุที่อยู่ของผู้เขียนให้ชัดเจน เพราะหากผู้รับจะตอบจดหมายจะได้ส่งถูกต้อง ๗. บอกวันที่ของผู้เขียนด้วย เพราะจะช่วยให้ผู้รับคะเนเรื่องราวได้ถูกต้องยิ่งขึ้น ๘. ใช้คำขึ้นต้น (คำนำ) คำสรรพนามแทนผู้เขียน และผนึกดวงตราไปรษณียากรตามที่บริษัทไปรษณีย์ ไทย จำกัด กำหนด (ปัจจุบันนี้ราคา ๓.๐๐ บาท) ๙. เนื้อเรื่องจะมีความแตกต่างกันบ้างดังนี้ ๙.๑ หากเป็นจดหมายถึงเพื่อนหรือญาติผู้ใหญ่การเขียนจะมีลักษณะคล้ายเรียงความ คือ มีการ เกริ่นเล็กน้อย แล้วจึงเขียนเล่าเรื่องไปตามลำดับ ขึ้นต้นใหม่ทุกครั้งควรมีย่อหน้าจะได้ดูสวยงามและเป็นสัดส่วน ๙.๒ หากเป็นจดหมายถึงบุคคลอื่น ก็เขียนตามเนื้อเรื่องที่ต้องการสื่อสาร ต้องระมัดระวังเรื่อง ถ้อยคาภาษามากกว่าจดหมายส่วนตัว ๑๐. หากมีการให้พร ก็ควรอ้างคุณพระศรีรัตนตรัยว่าเป็นผู้ให้(ผู้น้อยไม่ควรให้พรผู้ใหญ่) ๑๑. คำลงท้ายต้องให้เหมาะแก่กาลเทศะและบุคคล ๑๒. การลงชื่อผู้เขียน ต้องเขียนให้อ่านออก ส่วนประกอบของจดหมายกิจธุระ มีดังนี้ ๑. หัวจดหมาย หมายถึง ส่วนที่เป็นชื่อขององค์กรหรือหน่วยงานที่เป็นต้นสังกัดของผู้ออกจดหมาย ถ้าใช้กระดาษหน่วยงานหรือองค์กรที่มีหัวกระดาษหรือหัวจดหมายก็จะขึ้นต้นด้วยชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ และชื่อที่อยู่ ท ๒.๑ ม.๒/๖ เขียนจดหมายกิจธุระ (ต้องรู้)


๓๔ ๒. ลำดับที่ของจดหมาย จะใช้คำว่า ที่ตามด้วยเลขที่บอกลาดับที่ของจดหมาย และ ปีพ.ศ. จะมีเครื่องหมาย / (ทับ) คั่นกลาง ลำดับที่นี้จะอยู่ทางด้านซ้ายของจดหมาย ๓. วัน เดือน ปีเริ่มเขียนจากกลางหน้ากระดาษไปทางขวามือ ไม่ต้องเขียนคำว่า วันที่ เดือน ปีอาทิ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ ๔. เรื่อง เป็นข้อความสรุปสาระสำคัญของจดหมาย อาทิเชิญชวน ขอขอบคุณ ขอความ-อนุเคราะห์ ๕. คำขึ้นต้น จะใช้คำว่า เรียน ตามด้วยชื่อและนามสกุล หรือตามด้วยตำแหน่งของผู้รับจดหมายก็ได้ ๖. สิ่งที่ส่งมาด้วย ผู้ส่งจดหมายต้องระบุเอกสารหรือสิ่งที่ส่งมาด้วยพร้อมกับจดหมายนั้นด้วยว่าเป็น กำหนดการ,แผ่นซีดี,หนังสือ หรือรายงานการประชุม ฯลฯ ๗. ข้อความ ข้อความที่เป็นเนื้อหาหลักของจดหมายต้องมี๒ ย่อหน้าเป็นอย่างน้อย ย่อหน้าแรกบอกสาเหตุในการเขียนจดหมาย ให้ขึ้นต้นด้วยคำว่า ด้วย เนื่องด้วย หรือ เนื่องจาก ย่อหน้าที่ ๒ บอกวัตถุประสงค์ของจดหมาย ซึ่งมักขึ้นต้นด้วย จึงเรียนมาเพื่อ... ๘. คำลงท้าย ใช้ว่า ขอแสดงความนับถือ อยู่ตรงกับวันที่ ๙. ลายมือชื่อ ต้องเป็นลายมือชื่อจริงของผู้ลงชื่อ ๑๐. ชื่อเต็มของผู้เขียนจดหมาย พิมพ์อยู่ในในวงเล็บ ต้องมีคำนำหน้าชื่อเสมอ ๑๑. ตำแหน่งของผู้เขียนจดหมาย ต้องกำกับไว้ทุกครั้ง ๑๒. หน่วยงานที่ออกจดหมายและหมายเลขโทรศัพท์ของผู้เขียนจดหมาย นิยมพิมพ์ไว้ลำดับ สุดท้ายของจดหมายชิดขอบของจดหมายด้านซ้าย หากมีหมายเลขโทรสาร และที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ก็ ให้ระบุมาด้วย ๑๓. ซองจดหมาย ใช้ไดทั้งซองจดหมายมาตรฐานคือ ๕×๗ นิ้ว และซองจดหมายราชการ รหัสไปรษณีย์ที่ระบุหน้าซองให้ใช้เลขอาราบิก รูปแบบของจดหมายกิจธุระ โดยทั่วไปแล้วจดหมายกิจธุระจะมี๒ รูปแบบ คือ ๑. จดหมายกิจธุระเต็มรูปแบบ ใช้ในการเขียนที่เป็นทางการ เป็นจดหมายที่วางรูปแบบเหมือน หนังสือราชการภายนอก แต่มีการดัดแปลงรายละเอียด เพื่อให้เหมาะสมกับหน่วยงานของตนและใช้ภาษาที่ เป็นทางการ ๒. จดหมายกิจธุระไม่เต็มรูปแบบ ใช้ในการเขียนจดหมายกิจธุระส่วนตัว ใช้รูปแบบเหมือนกับ จดหมายส่วนตัว จะแตกต่างก็ตรงวัตถุประสงค์และใช้ภาษาระดับกึ่งทางราชการหรือทางราชการ


๓๕ ตัวอย่าง จดหมายกิจธุระ ที่ ๙/๒๕๖๔ ชุมรมสร้างสรรค์ศิลปะจากวัสดุเหลือใช้ ชุมชนตรอกครุฑ แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๐๐ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ เรื่อง ขอเชิญวิทยากร เรียน คุณสมชาย ใจดี สิ่งที่ส่งมาด้วย กำหนดการอบรม ด้วยกระผม นายวรพันธ์ พากเพียร เป็นประธานชมรมสร้างสรรค์ศิลปะจากวัสดุเหลือใช้ซึ่ง เป็นชมรมที่ก่อตั้งขึ้น เพื่อให้คนในชุมชนตรอกครุฑรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และช่วยกันอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม ด้วยการสนับสนุนของผู้อำนวยการเขตพระนคร กรุงเทพมหานครทั้งนี้ภายในชุมชนมีวัสดุ เหลือใช้จำนวนมากและหลากน่าจะนำมาสร้างสรรค์เป็นชิ้นงานศิลปะได้ มีความประสงค์จะขอรับ คำแนะนำจากผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งทางชมรมเห็นว่าท่านเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ ศิลปะจากวัสดุเหลือใช้ สามารถจะให้ความรู้แก่สมาชิกของชมรมได้เป็นอย่างดี จึงเรียนมาเพื่อขอเชิญท่านเป็นวิทยากรเรื่องการสร้างสรรค์ศิลปะจากวัสดุเหลือใช้ในวันจันทร์ที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ณ ศาลาอเนกประสงค์วัดมหรรณพารามตามกำหนดการดังแนบทางชมรม หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับความอนุเคราะห์จากท่านและขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาส นี้ ขอแสดงความนับถือ ( นายวรพันธ์ พากเพียร ) ประธานชมรมสร้างสรรค์ศิลปะจากวัสดุเหลือใช้ ชมรมสร้างสรรค์ศิลปะจากวัสดุเหลือใช้ โทร. ๐๘๖-๕๖๖๗๗๗๗


๓๖ กิจกรรมที่ ๒ ฝึกเติมส่วนประกอบของ “การเขียนจดหมายกิจธุระ” จากคำที่ กำหนดให้ ก่อนเขียนเต็มรูปแบบ ท ๒.๑ ม.๒/๖ เขียนจดหมายกิจธุระ (ต้องรู้)


๓๗ กิจกรรมที่ ๓ ฝึกเขียนการเขียนจดหมายกิจธุระ “จดหมายเชิญวิทยากร” ให้ถูกต้องตามรูปแบบ ท ๒.๑ ม.๒/๖ เขียนจดหมายกิจธุระ (ต้องรู้) เ เ ท ร ร ป ท ะ ............................................... .......................................... .......................................... ..................................... .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ....................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ .................................................................. .............................. ........................................... (..................................................) .................................................... .................................................... - …………………………………………………… ....................................เ ท ................... เก่งมากค่ะ ที่ทำได้


๓๘ แบบฝึกทักษะ ชุดที่ ๗ วิเคราะห์ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น กิจกรรมที่ ๑ ศึกษาความรู้ “ข้อคิดเห็นและข้อเท็จจริง” ก่อนทำแบบฝึกทักษะ ความหมายของข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น ข้อเท็จจริง พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ (๒๕๔๖:๑๐๗๑) ได้ให้ความหมายไว้ว่า หมายถึง “ ข้อความหรือเหตุการณ์ที่เป็นมาหรือเป็นอยู่ตามจริง” ข้อคิดเห็น นั้น พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ (๒๕๔๖:๑๐๗๑) ได้ให้ความหมายไว้ ว่า หมายถึง “ ความเห็น” ความแตกต่างระหว่างข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ๑. มีความเป็นไปได้เสมอ ๑. แสดงความรู้สึก ๒. มีความเป็นจริง ๒. แสดงการคาดคะเน ๓. มีหลักฐานอ้างอิงพิสูจน์ได้ ๓. เป็นข้อเสนอแนะ ๔. มีความสมเหตุสมผล ๔. แสดงความคิดเห็นของผู้เขียนเอง ๕. เป็นความเชื่อที่ไม่สมเหตุสมผล ตัวอย่างข้อความที่เป็นข้อเท็จจริง ๑. วิตามินซี มีอยู่ในผักสด ผลไม้สด ส้ม มะเขือเทศ และสับปะรด ๒. วันหนึ่งๆควรดื่มน้ำอย่างน้อย ๖-๘ แก้ว ซึ่งจะช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง ไตขับถ่ายของเสีย จากกระแสเลือดออกได้ดี กระแสเลือดไหลเวียนดี และของเสียถูกขับถ่ายออกไปจากร่างกายได้มาทางเหงื่อ ตัวอย่างข้อความที่เป็นข้อคิดเห็น ๑. ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยากำลัง (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวซึ่งคนอื่นอาจไม่คิดอย่างนั้นก็ได้) ๒. ถ้าเพิ่มเงินเดือนให้ข้าราชการทุกคนมากๆ รับรองว่าจะไม่มีการทุจริตต่อหน้าที่หรือฉ้อราษฎร์- บังหลวงอย่างในปัจจุบัน เพราะทุกคนมีกินมีใช้พอแล้ว (เป็นความคิดเห็นซึ่งไม่เป็นจริงเสมอไป) ๓. คนที่มีการศึกษาดีจะขับรถตามกฎจราจร เพราะทุกคนต่างรู้จักกฎจราจรเป็นอย่างดี (เป็นความคิดเห็นซึ่งไม่เป็นจริงเสมอไป) ท ๓.๑ ม.๒/๑ วิเคราะห์ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น และความน่าเชื่อถือของข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ (ต้องรู้)


๓๙ กิจกรรมที่ ๒ วิเคราะห์ข้อความต่อไปนี้ว่าเป็น “ข้อคิดเห็น” หรือ “ข้อเท็จจริง” ............................................. ๑. ต้นไม้นอกจากจะให้ความชุ่มชื้นแล้วยังช่วยป้องกันลมได้อีกด้วย ............................................. ๒. การทำสะพานข้ามถนน ช่วยให้การจราจรคล่องตัวขึ้น ............................................. ๓. วิตามินซี มีอยู่ในผักสด ผลไม้สด ส้ม มะเขือเทศ และสับปะรด ............................................. ๔. ปลาทะเลมีธาตุไอโอดีน ซึ่งช่วยป้องกันโรคคอพอก ............................................. ๕. ถ้าตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วดื่มน้ำสัก ๒-๓ แก้ว จะทำให้สดชื่นและ ผิวหนังเต่งตึง ( เป็นข้อเสนอแนะที่เป็นอันตราย เพราะอาจทำให้จุกแน่นท้อง ช็อกได้ง่ายๆ) ............................................. ๖. หากฝูงกาบินมาจับหลังคาบ้าน เป็นลางบอกเหตุว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น กับผู้เป็นเจ้าของบ้าน (เป็นความเชื่อที่ไม่สมเหตุสมผล ) ............................................. ๗. การออกกำลังกายอย่างพอเพียง จะสามารถส่งผลให้ต่อมไร้ท่อในสมอง ขับสารเอนเดอร์ฟิน (Endorphins) ออกมา ทำให้เซลล์ต่างๆของร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ............................................. ๘. คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ (เป็นความคิดเห็นเชิงเปรียบเทียบ) ............................................. ๙. ความรักเปรียบเหมือนน้ำอมฤต ช่วยชุบชีวิตให้สดชื่นมีชีวิตชีวา (เป็นความคิดเห็นซึ่งไม่เป็นจริงเสมอไป ) ............................................. ๑๐. การสระผมที่ถูกต้องนั้น ต้องไม่ใช้วิธีเอาแปรงที่มีตุ่มๆสระผม ให้ใช้ปลายนิ้วมือทั้งมือถูขยี้ไปทั่ว ๆ หนังศีรษะ แล้วฟอกด้วยสบู่หรือแชมพูและล้างด้วยน้ำอุ่นสัก ๒-๓ ครั้ง ท ๓.๑ ม.๒/๑ วิเคราะห์ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น และความน่าเชื่อถือของข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ (ต้องรู้)


๔๐ แบบฝึกทักษะ ชุดที่ ๘ วิเคราะห์และประเมินค่าจากเรื่องที่ดูและฟัง กิจกรรมที่ ๑ ศึกษาความรู้ “การวิเคราะห์และประเมินค่าจากการฟังและการดู” ความหมายของการวิเคราะห์สาร วิเคราะห์ หมายถึง พิเคราะห์,ใคร่ครวญ,แยกออกเป็นส่วนๆหรือแยกองค์ประกอบออกจากกัน สาร หมายถึง เนื้อหา, เนื้อแท้, แก่นสาร, ความมีประโยชน์ การวิเคราะห์สาร จึงหมายถึง การพิจารณาใครครวญสารด้วยความละเอียดรอบคอบและแยกแยะ ส่วนประกอบต่างๆได้อย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ การประเมินค่า หมายถึง การพิจารณาว่าสารนั้นๆมีประโยชน์มากน้อยเพียงใดมีความเหมาะสม หรือไม่น่าเชื่อเพียงใดควรตัดสินใจอย่างไร การวิเคราะห์และประเมินค่าสารจากการฟังและการดู ๑. การวิเคราะห์สาร การรับสารจากสื่อในแต่ละครั้ง ผู้รับสารควรพิจารณาเนื้อหาเป็นส่วนๆ โดยอาศัย การตรึกตรองด้วยเหตุผล สามารถแยกเนื้อหาส่วนที่เป็นข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นได้ ๒. การตีความ นอกจากผู้รับสารจะแยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นของสารได้แล้วขั้นตอนต่อไปคือ จะต้องเข้าใจความหมายที่แท้จริงของสาร โดยอาศัยการตีความทั้งตีตัวอักษร เนื้อหา และน้ำเสียงของสาร ๓. การวินิจฉัยเพื่อประเมินค่า เป็นขั้นตอนการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบเพื่อหาคุณค่าของสาร ที่สำคัญคือ ต้องตรึกตรองสารอย่างปราศจากอคติ การประเมินผลการรับสาร ๑. ท่าทีและการวางตัว เช่น การแต่งกาย การยิ้มแย้มแจ่มใส ความเชื่อมั่น ความกระตือรือร้น ความสามารถในการควบคุมตนเอง ๒. เสียง เช่น ความดัง ความน่าฟัง การออกเสียงที่ถูกต้องชัดเจน ความเป็นกันเอง ความนุ่มนวล น่าฟังของเสียง อัตราช้าเร็ว การย้ำ การเน้นเสียง เป็นต้น ๔. อากัปกิริยาท่าทาง เช่น การทรงตัว การเคลื่อนไหว การประสานสายตากับผู้ฟัง การใช้กิริยา ท่าทางให้เหมาะสมกับคำพูดและบรรยากาศของที่ประชุม เป็นต้น ๔. ภาษาที่ใช้ มีความชัดเจนของภาษาที่ใช้สื่อสารและความถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ไทย ๕. ความคิดและเนื้อหาสาระ เช่น การนำเสนอที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน ข้อเท็จจริงถูกต้อง มีการอ้างอิงเหตุผลประกอบที่สัมพันธ์กัน และควรเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ เป็นต้น ๕. การเรียบเรียงเรื่อง เช่น เริ่มอารัมภบทน่าสนใจ ลำดับเนื้อหาสาระได้เหมาะสมและสรุปความคิด ได้รัดกุม เป็นต้น ท ๓.๑ ม.๒/๒ วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่ฟังและดูอย่างมีเหตุผลเพื่อนำข้อคิดมาประยุกต์ใช้ใน การดำเนินชีวิต (ต้องรู้)


๔๑ กิจกรรมที่ ๒ วิเคราะห์และประเมินค่าจากการฟังและการดูจากภาพที่กำหนดให้ ๑. บุคคลที่นอนป่วยในภาพน่าจะประกอบอาชีพใดสังเกตได้จากอะไร ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... ๒. ผู้ป่วยได้รับอุบัติเหตุจากอะไร สังเกตได้จากข้อความใด ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... ๓. จากคำพูดและสีหน้าของนางพยาบาล สรุปได้ว่ามีอุปนิสัยเช่นไร ....................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................................... .............................................................................................................................................. ......................... ๔. นักเรียนคิดว่าผู้ป่วยทั้งสองมีอาชีพเดียวกันหรือไม่ สังเกตได้จากอะไร ............................................................................................................................. .......................................... ........................................................................................................................................... ............................ ๕. นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่ว่าผู้ป่วยทั้งสองได้รับบาดเจ็บมาจากเหตุการณ์เดียวกัน ............................................................................................................................................. .......................... ....................................................................................................................................................................... ท ๓.๑ ม.๒/๒ วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องที่ฟังและดูอย่างมีเหตุผลเพื่อนำข้อคิดมาประยุกต์ใช้ใน การดำเนินชีวิต (ต้องรู้) ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ บาดแผลแค่นี้จิ๊บจ๊อยใช่ไหม คะ…มีสะเก็ดเข้าไปฝังอยู่หมอ ผ่าตัดเอาออกให้เรียบร้อยแล้ว ค่ะ


๔๒ แบบฝึกทักษะ ชุดที่ ๙ การสร้างคำในภาษา กิจกรรมที่ ๑ ศึกษาความรู้เรื่อง “คำสมาส” ท ๔.๑ ม.๒/๑ สร้างคำในภาษาไทย (ต้องรู้)


๔๓


๔๔


๔๕ กิจกรรมที่ ๒ การออกเสียงคำสมาสและการแปลความหมายตามรูปศัพท์คำสมาส คำ อ่านว่า ความหมาย ๑. ชลาลัย ๒. ขีปนาวุธ ๓. พุทโธวาท ๔. อเนก ๕. มหรรณพ ๖. เทศาภิบาล ๗. นโรดม ๘. ราชูปถัมภ์ ๙. รโหฐาน ๑๐. วิทยากร ๑๑. พลเรือน ๑๒. ปัจจามิตร ๑๓. มัคคุเทศก์ ๑๔. โกสินทร์ ๑๕. ภูมินทร์ ท ๔.๑ ม.๒/๑ สร้างคำในภาษาไทย (ต้องรู้)


๔๖ กิจกรรมที่ ๓ ศึกษาความรู้ “คำสมาสที่มีสนธิ” ก่อนทำแบบฝึกทักษะ ท ๔.๑ ม.๒/๑ สร้างคำในภาษาไทย (ต้องรู้)


Click to View FlipBook Version