The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการศิลปนิพนธ์ทางด้านศิลปะการแสดง
การสอบทักษะศิลปะการแสดงชั้นสูง ครั้งที่ ๒๓

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kunjanat Bunthos, 2023-04-20 16:10:07

สูจิบัตร

โครงการศิลปนิพนธ์ทางด้านศิลปะการแสดง
การสอบทักษะศิลปะการแสดงชั้นสูง ครั้งที่ ๒๓

๕๐ แสดงโดย นายปิยะณัฐ จุลนาค อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์ ดร.พรสวรรค์ พรดอนก่อ อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร.นฤทร์บดินทร์ สาลีพันธ์ ประวัติการแสดง ชาวภูไทบ้านโพน มีศิลปะการฟ้อนรำ ที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับชาวบ้านดั้งเดิม และมีการสืบทอดจน เกิดพัฒนาการมาจนถึงปัจจุบัน อยู่สองชุดการแสดงด้วยกันคือฟ้อนละคอนและฟ้อนภูไท ศิลปะการฟ้อนทั้งสองชุด เป็นการฟ้อนที่เกิดขึ้นในชุมชนบ้านโพน และปัจจุบันยังมีการอนุรักษ์การฟ้อนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการฟ้อนในงาน บุญบั้งไฟหรืองานพิธีการที่สำ คัญ ซึ่งมีบทบาทในการสร้างชื่อเสียงให้กับชุมชนและสังคมเป็นอย่างมาก ต่อมาทาง วิทยาลัยนาฎศิลปกาฬสินธุ์ จึงได้เล็งเห็นความสำ คัญของการแสดงฟ้อนละคอนของชาวภูไทบ้านโพนนี้ จึงได้ปรับ และประยุกต์การแสดงชุดฟ้อนละดอนภูไท ให้เป็นการแสดงคู่ชาย-หญิง มีลักษณะเป็นการฟ้อนในเชิงเกี้ยวพาราสี ของหนุ่มสาวภูไทบ้านโผน อำ เภอคำ ม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์


๕๑ พี่น้องเอ้ย... เมืองกาฬ์สินธุ์นี้ ดินดำ น้ำ ชุ่ม ปลากุ่มบ้อน คือแข้แก่งหางปลานางบ้อน คือขางฟ้าลั่น จั๊กจั่นฮ้อง ปานฟ้าล่วงบน แตกจ้นจ้น คนปีบโฮแซว เมืองกาฬสินธุ์ ได๋สุแนว แอ่วระบำ รำ ฟ้อน แอ่วระบำ รำ ฟ้อนพี่น้องเอ้ย... พี่น้องเอ้ย พี่น้องเอ้ย... สิบปีล้ำ ซาวปีล้ำ จั่งเห็นเห็นเจ้ามายามบ้าน ข้าวขึ้นเล้าจั่งเห็นเจ้าแม่นเทือเดียว อยู่ทางเวื้องไปเป็นพันธุ์ละเบอ คือมาเที่ยวโฮมน้องทางพีเบิ่งเดเด้อ….. โอน้ออ้ายเอ้ย... พอแต่ลงเฮือได๋กายไปกะเลวหลัง เป็นตาตีคำ กอนบุญกว้างจังสุ้ม่อง อ้ายนี่เห็นไฟใต้แสงไฟแจ้งสะว่าง อ้ายสิไปปะบ้านกะด้อน้อง ดอกคำ แพงเบิ่งก่อนน๊า โอน้ออ้ายเอ้ย... น้องนี่แล้วน้องนี่เนาวทางก่ำ เมืองกาฬสินธุ์คำ ดำ นาห่างอ้ายเอ้ย สุขเลิศล้ำ เบิ่งอ้ายมาเที่ซมเบิ่งก่อนเน้อ โอน้ออ้ายเอ้ย... น้องนี้แหลวน้องนี้จบปานเล่อแหลวน้องนิงามปานเล่อแหลว ปูปลามีไห่อ้ายเบิ่งเอาเด้อ... โอ่เด้... โอ่เด้ละบ่าวผู่ฟังเอ่ย น้องนิ่แหลว น้องนิ่แหลวหนามเส่อดอกสะเลอบานเท่วเด้ละอ้าย โอ่เด้…….อ้ายนิ่แหลว อ้ายนิ่แหลวตาต้อง หม่องใดกะแลบ่าว บานนิ่มีผู่เกบ บ่านนี้มีผู่ซ้อน สิพาต้นเจ้าล่นเลิง น่อยนิน่อย ละเบลอ กะตาเบอแม่เจ้าแพง โอ่เด้... โอ่เด้ละบ่าวพี่ชายเอ้ย น้องนิ่แหลว น้องนิ่ปอดอ้อยส้อย เสมออ้อยกลางกอเด้ละอ้าย ปาดนิฮอน้อน่อย กะมีซ้อน สูละซ้อนโถน้องกะมี้มีโถน้องกะมี้มี... อ้ายเอ้ย


๕๓ แสดงโดย นางสาวอุมาภรณ์ จันทร์วิเศษ อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์วาสนา ศรล้อม อาจารย์ที่ปรึกษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัตติยา โกมินทรชาติ ประวัติการแสดง ฟ้อนภูไทบ้านโพนสวาง เป็นการแสดงออกของการลำ ผญา ที่เกี้ยวพาราสีกันระหว่างชายหนุ่มที่ใช้จีบสาว ภูไท เป็นการนำ เอาวัฒนธรรมของชาวภูไทมาเป็นท่วงท่าลีลา ที่แสดงถึงการดำ เนินชีวิตประจำ วัน หรือการทำ มา หากินของสาวภูไท โอกาสที่ใช้ในการแสดง สามารถใช้ได้ในงานเทศกาลต่างๆ ที่มีในชุมชนและการต้อนรับแขกบ้าน แขกเมืองที่มาเยือนชาวภูไท อำ เภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์


๕๔ (ร้อง) ชายโอ้ย... เดิกค่อนๆคันมิสมพอนอนเจ้าอย่าจ่อนซิ่นไล่สาวภูไทเอย โอ้เด้น้องสาวเอย….. อ้ายนี้เป็นนังแนวนำ แบ่สิหากินกายแข่ มาพบพ่มบักเขอมาพบเพอบักแข่งมาพบพบแขงบักค่าวมา เห็นสาวผู้โก้มาเห็นแล้วมิยากเมอ... โอ้เด้.. อ้ายนี้ว่าอยากลองมาเล่นตามเห้อมันค่องเบิ่งเด้ มีของให้เพิ่นเฝ้ามีเจ้าย่านเพิ่นโหงซู้เพิ่นป่อย สะล่อน้อย....บ่มีไผ สะล่อน้อย...บ่มีไผโอ้เด้น้องสาวเอ๋ย.... โอ้เด้น้องสาวเอ๋ย.. ให้อ้าขอกินน้ำ กระบวยคำ นำ เจ้าแน่เด้อกินกะกินตั้งแต่น้ำ กระบวย น้องละส่งคืนน้องเอ๋ย กระบวยน้องสิส่งคืน..ดอกน๋า.... (พูดผญา) ชาย โอ้ยผู้สาวเอ้ยมาผู้จบผู้งามแท้น้อ อ้ายขอเฮือนตั่งนางเฮินเจ้าแหน่เด้อผู้สาวเอย (พูดผญา) หญิง โอ้ยอยู่บ้านได๋เด้อ้าย ไขวาจาบอกน้องแหน่ ทางพ่อแม่พี่น้องลุงป้าคอยสบายอยู่บ่ อ้ายหละอยู่บ้านเหลอ คือมิเคยเห็นหน้าเห็นตาจักเทอ ลองเว้าไห่น้องฟังเบิ่งดู้ (ร้อง) ชาย...อ้ายมิเห็นจักเทอพุนแล้ว อ้ายอยู่บ้านหลับลิ่งมาพี่เจ้าจังเห็น พอแต่มาเห็นหน้าอยากถามข่าว วาจาถามข่าวเบิ่งเด้ อ้ายอยากถามข่าวน้องอยากถามข่าวทางปลา ถามข่าวนางอยากถามหาทางเข้า ถามข่าวเจ้าว่ามีโผแล้วหรือบ่ หรือว่ามีแต่ซู้ ขั้นโตซ่อนเจ้าบ่มีโอ้เด้ อ้ายอยากถามข่าวกกผู้หนึ่ง ทั้งโหเฮือนยังพออยู่ดีบ่ หรือว่ามีผู้ตัดฮากตันปั่นฮากแก้วคันตายแล้วมิว่าเผอ หรือเจอนำ ดอกน๋า... (พูดผญา) ชาย โอ้ย......น้องสาวเอ้ยอ้ายหากเนาอยู่บ้านขวั่นขวันขวางตะเงนบอนเจ้ามิเห็นจักเทอพุนแล้ว อ้ายอยู่บ้านหลับลิ่งมาพี่เจ้าจังเห็น พอแต่มาเห็นหน้าอยากวาจาถามข่าวเบิ่งเด้ อ้ายอยากถามข่าวน้องอยากถามข่าวทางปลา ถามข่าวนาอยากถามหาทางเข้า ถามข่าวเจ้าว่ามีโผแล้วหรือบ่ หรือว่ามีแต่ซู้ ขั้นโตซ่อนเจ้าบ่มีอ้ายอยากถามข่าวกกผู้หนึ่งทั้งโหเฮือนยังพอ อยู่ดีบ่ หรือว่ามีผู้ตัดฮากตันปั่นฮากแก้วคันตายแล้วตั้งแต่เหิง ผู้สาวเอ๋ย (ร้อง) หญิง โอ้น้ออ้ายเอ้ย....โอ้น้ออ้ายเอ้ย อ้ายมาถามข่าวน้องที่อยู่ภูมิสถานยังคอยสำ ราญสุขอยู่สบายหาย ฮ้อน น้องนี้แหล่ว น้องนี้เนาในห้องคนเดียวแล้งเป่า หาผู้มาปากเว้าซุแลงเซ่าแม่นบ่มี... นั่นแหล่ว (พูดผญา) หญิง อ้ายเอ๋ย..อ้ายมาถามข่าวน้องที่อยู่ภูมิสถานยังคอยสำ ราญสุขอยู่สบายหายฮ้อน น้องนี้แหลว น้องหากเนาในห้องคนเดียวแล้งเป่า หาผู้มาปากเว้าซุแลงเซ่าแม่นบ่มีแล้วอ้ายเอ้ย... (ร้อง) ชาย โอ้ย....โอ้.......ทายเลิ่มเลอกะตาเบอแม่เจ้าแพง กะตาเบอแม่เจ้าแพง..... โอ้ยเด้น้องสาวเอย อันว่าวังเวินนี้มีขอนหรือวาบ่ คันมิได้ขอนขวาง แข่ขอนอ้ายสิวานลงได๋ คันมิได้เฮือแข่แห่อ้ายสิวานลง..อยู่ก่องๆ หางตางอน.เจ้านี้เด่อ. (พูดผญา) ชาย โอ้ยเด้น้องสาวเอย จังวาวังเวินนี้มีขอนหรือวาบ่ คันมิได้ขอนขวางอ้ายสิวานลงได๋ คันมิได้เฮือแข่แห่อ้ายสิวานลง....ผู้สาวเอย (ร้อง) หญิง โอ้เด้..อ้ายเอ้ย....โอ้น้อบ่าวภูไทเอ้ย อันวาวังเวินนี้บ่มีหยังจักสิ่ง มีแต่น้ำ ติงลิงปลาสิบ้อนแม่นบ่มีน้องนี้แหลว น้องนี้แนวนำ เซอดอกสะเดอบานเขว อ้ายมิเหลียวตาต้องสิบานดายแล้งเป่า อ้ายสิเก็บดอกฮ้อยสิพาก่านมาลงดาย น้องนี้แหลว ผัดแต่เป็นต้นเตว งูเขวมิเคยไต่ หาแต่เป็นพุ่มไม่เคลือสิเกี่ยวแม่นบ่มี............นั่นแหล่ว


๕๖ แสดงโดย นายอภิชาติ ล้ำ จุมจัง อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์ ดร.ชัยณรงค์ ต้นสุข อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร.นฤทร์บดินทร์ สาลีพันธ์ ประวัติการแสดง ฟ้อนกลองตุ้ม เป็นการฟ้อนที่เก่าแก่ของชาวอีสาน ไม่ปรากฏปี พ.ศ. ในอดีตนิยมผู้ชายฟ้อนทั้งหมด เป็นการฟ้อนประกอบกลองตุ้ม ใช้ประกอบในการแห่ขบวนบั้งไฟโดยใช้เครื่องประกอบดนตรี กลองตุ้มและพังฮาด (ฆ้องหน้าเรียบ) กลองตุ้มซึ่งเป็นกลอง โบราณที่มีสถานะตัวกลองสั้นกว่ากลองปกติ มีการใช้บ่าแบกคานหาม มีเสียง ดัง “ตุ้มๆ” จึงเรียกว่า กลองตุ้ม การแสดงฟ้อนกลองตุ้มของวิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด ได้ดัดแปลงการฟ้อนกลองตุ้ม แบบโบราณในการแห่ขบวน นำ มาผสมผสานรูปแบบการแสดงบนเวที การฟ้อนแบบโบราณซึ่งจะมีผู้ชายเท่านั้น ปัจจุบันมีรูปแบบทั้งการฟ้อนที่เป็นผู้ชายล้วน และการฟ้อนที่เป็นผู้หญิงผู้ชายในรูปแบบการแสดงในเวที ให้เกิด ความองค์ประกอบที่สมบูรณ์มากขึ้น


ฟ้อนสาวน้อยเลียบดอนสวรรค์ เป็นการแสดงประเภทสร้างสรรค์รูปแบบนาฏศิลป์พื้นบ้าน ที่ประดิษฐ์ ขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2528 โดยคณาจารย์และนักศึกษาชั้นปีสุดท้าย ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยครูสกลนคร ปัจจุบัน คือมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร การแสดงชุดนี้เป็นผลงานสร้างสรรค์ที่มีการประพันธ์บทร้อง ที่กล่าวถึงความงดงาม ด้านทรัพยากรธรรมชาติของดอนสวรรค์เป็นสำ คัญ “หนองหารในครั้งอดีตเป็นที่สำ หรับพักผ่อนหย่อนใจ เมื่อถึงยาม อาทิตย์อัศดงเลียบลงบริเวณเทือกเขาภูพานทางทิศตะวันตก หนุ่มสาวชาวบ้านต่างพากันไปพายเรือ เพื่อไปเที่ยวชม ทิวทัศน์ยามอาทิตย์อัศดงที่แสนงดงามกลางหนองหาร บริเวณเกาะดอนสวรรค์” ทำ นองเพลงที่ใช้ประกอบในการ ฟ้อน ได้แก่ ทำ นองลายภูไทใหญ่ ลายส่วงเฮือ และลายเอ้ดอกคูณ โดย อาจารย์อุฤษดิ์ ม่วงมณี เป็นผู้บรรจุและเรียบ เรียงทำ นองเพลง ๕๘ แสดงโดย นางสาววริสรา แสนโคตร อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์สิบเอกอุฤษดิ์ ม่วงมณี อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์วิภารัตน์ ข่วงทิพย์ ประวัติการแสดง


๕๙ โอ้ย… น้อ… ล่ะท่านผู้ฟังเอย บัดนี้ไทสกลขอกล่าวเอิ้น เชิญไปเที่ยวเมืองสกล คู่สุคนอยู่ในเฮือน แต่ละเดือนกะคอยจ้อง ไทสกลจึงมาฮ้อง ลำ ผู้ไทเชิญไปเที่ยว ชีวิตท่านบ่เหี่ยวแห้ง มโนแม้นเจ้าชื่นบาน ท่านเอย… ล่ะนา… โอ้… น้อ… เฮามาพากันไปเล่น ดอนสวรรค์อันจุ้มคุ่ม มาเด้อซุมหมู่เฮาเอ้ย ว่างจากงานแล้วมื้อนี้ ขี่เฮือแจวให้มันม่วน ซวนเอาญาติพี่น้อง ซวนเอาญาติพี่น้อง พาไปเล่นให้ม่วนยิน วังกระแสสินธุ์ใส ให้ม่วนในดวงใจเจ้า บ่ว่าสาวบ่ว่าเฒ่า ไปเซาเมื่อยให้ม่วนเพลิน… ล่ะนา… เปิ๊ด ตุ้ม เปิง ตุ้ม เปิ๊ด ตุ้ม เปิงๆ ใกล้สิเถิงจ้ำ เข้าๆ ซุมผู้สาวฟ้าวจ้ำ ๆ ผู้ไทค้ำ ท่อเฮือทางหลัง น้ำ กะทั่งแตกออกจ๊ากๆ เบิ่งสองฟากข้างฮิมหนองหาร เห็นภูพานพี้วี้ๆ งามอีหลีงามดีขนาด ไหลต๊าดๆ เฮือพาดเทิงดอน โอ้ โห โอ้ โห โอ้ โห โอๆ บึด จ้ำ บึด เอ้า บึด จ้ำ บึดๆ เปิด ตุ้ม เปิง ตุ้ม เปิด ตุ้ม เปิงๆ สังมางามแท้หนอ ไทเฮาญ้อเอิ้นดอนสวรรค์ อยู่ในเขตหนองหาร ตำ นานตั้งแต่เก่าก่อน สกลนครเมืองเก่าเล่าขาน ชมเชยช่อกระยอม หอมหวนกลิ่นรวยรินรำ เพย งามเอยงามดอกน้ำ แน้ ดอกม่วงแหล่แกมเหลือง งามดอกเอื้องเหลืองทองต้องลม งามล่ะงามไทรย้อย ห้อยลงมาเป็นสาย สุขใจเมื่อมาได้เห็น เฮ็ดเป็นโอ่นโหล่นซา มาไกว่ชิงช้าให้สบายใจ ยาง เยาะ ยาง ย่าง เยื้อง เยื้อง เยาะ เยื้อง ชำ เลืองมองนกยาง ยาง เยื้อง ย่าง ชมบัว บัวกะบัวขี้แบ้ และนกแต๊ดแต้บินข้ามหนองหาร งามกกท่มกกดู่ ปลาว่ายเป็นคู่ ชื่นชู้เคียงหมอน ฟองฟอนละฟั่นฟอนเฟืองฟ้งๆ ไปด่งๆลงกลางหนอง หารมาเล่นท่าวารี งามสีใสสง่า รำ ท่ามโนราห์ รำ ท่าไก่เลียบครก มารำ ท่านกเขากระพือปีก แสงตะวัน อ่อนๆ ตะวันรอนๆ ลงที่หนองหาร ชื่นบานไทเฮารำ สาวน้อยๆ เชิญพี่คะน้อยไปเที่ยวดอนสวรรค์ เชิญมาเที่ยวด้วยกันเทิงดอนสวรรค์


๖๑ ฟ้อนโก๋ยมือ เป็นประเพณีอย่างหนึ่งของชาวภูไทบ้านหนองโดก ตำ บลช้างมิ่ง อำ เภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ในระหว่างเดือนสี่ถึงเดือนห้าของทุกปีจะมีงานเทศน์มหาชาติหรืองานพระเวสสันดร (ภาษาท้องถิ่น เรียกว่า งานบุญผะเหวด) ในงานนี้มีขบวนแห่อันเชิญพระเวสสันดรเข้าเมือง สิ่งที่ขาดไปไม่ได้ในขบวนแห่นี้คือ การ ฟ้อนรำ ประกอบชายและหญิง แต่งกายแบบพื้นเมือง ที่นิ้วทั้งสิบจะสวมเล็บมือที่พันด้วยด้ายสีต่าง ๆ เช่น แดง น้ำ เงิน เหลือง ขาว ส้ม เขียว ส้ม ชมพู ตรงปลายเล็บจะมีพู่ห้อยสีส้มประดับเพื่อสวยงาม เรียกการฟ้อนนี้ว่า โก๋ยมือ แสดงออกถึงความดีใจ ความร่าเริงสนุกสนาน การฟ้อนโก๋ยมือ นำ ออกฟ้อนครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2525 งานบุญผะเหวดพระเวสสันดรบ้านโพนบก ตำ บลบ้านแป้น อำ เภอเมือง จังหวัดสกลนคร ซึ่งติดกับริมฝั่งหนองหารสกลนคร และนำ เข้าสู่การแสดงเพื่อเผยแพร่ ศิลปะวัฒนธรรมงานมูลมังอีสาน วิทยาลัยครูสกลนครงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และศูนย์วัฒนธรรมแห่ง ประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2526 โดยภาควิชานาฏศิลป์วิทยาลัยครูสกลนคร แสดงโดย นายชัยพล อุไรล้ำ อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์สิบเอกอุฤษดิ์ ม่วงมณี อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร.นฤทร์บดินทร์ สาลีพันธ์ ประวัติการแสดง


(ทำ นองลำ ล่อง) โอ… โอ้ยละน้อ ละฟ้าเอ้ย ฟ้าฮ้องฮำ ทุกเช้าค่ำ หวนหา (หญิงใช้ สาวนางรำ , ชายใช้ พี่อ้ายลำ ) มาคอยถ่า อยู่เถียงนาจนว่าค่ำ ละว่าสิเห็น (หญิงใช้ ทองคำ , ชายใช้ หม่อมน้อง) ละว่าสิเห็น (หญิงใช้ หม่อมอ้าย, ชายใช้ หม่อมน้อง) กะเลยจ้อยแม่นบ่มา แม่นบ่มา โอ… ละนา ละพอแต่เถิงวันขึ้นวันเพ็ญเด่นกระจ่าง ตามสายทางมีแต่สาวบ่าวจ้อยแขวนห้อยเบี่ยงสไบ หูหนึ่งเหน็บดอกไม้ฟ้อนใส่ซ่วยมือ ประเพณีเฮาถือขื่อแปเฮากว้าง มีทั้งขวางแขวนห้อย แขวนกันเอย เจ้าเกาะก่าย บ่ว่าหญิงว่าชายมีทั้งสาวบ่าวหม้าย หลายล้นว่าเกลื่อนนอง ส่วนว่าโต (หญิงใช้ นางน้อง , ชายใช้ พี่อ้าย) เปิดป่องว่ามองเหลียว มีทั้งเขียวทั้งแดงแสงสีเจ้างามเอ้ มีทั้งทั้งเฮทั้งฮ้องเสียงกลอง เจ้าฆ้องปี่ มีทั้งสีสลับเลือมสลับหลายล้นว่าเกลื่อนไป หันมาบรรยายไว้ญ้องใส่ญอทาน ฟ้อนโก๋ยมือไทอีสานสกลนคร โอยงามเด้ (ทำ นองภูไทลอดป่าไร่) โอ้เด้...ท่านผู้ฟังเอ้ย ท่านเอ่ยหันมาฟังเสง(เสียง) จาต้านหลานน้อยเว้าเฮ้อฟัง ตั้งแต่กกแต่เค้า ตั้งแต่เก่าแต่กี้ มีแล้วตั้งแต่เหิง ละนา ท่านนา. โอ้เด้ ซุมผู้ไทเฮาเอย เฮาพากันญกญ่างญ้ายญกแข้งญอขา เฮาพากันแต่งโตฟ้อนโอ่งามพร้อม เอาเนียมหอมเนียมอ้มดมกลิ่นหอมชมชื่น ม่วนสนุกครึกครื้นประแป้งแยงคีง ละนา โอ้น้อ ท่านเอย เคยได่ยินบ่น้อเจ้าฟ้อนท่าแญงกระจก เบิ่งโก๋ยแขนญอญก ส่องเบิ่งเงางามเอ้ งามแท้เด้น้องหล่า สาวผู้ไทเพิ่นซา แญงเบิ่งงามสง่าเหลือล้นคนญอญ้องทั่วเมือง นั่นแล้ว นางเอย...เหลว(เหลียว)เบิ่งนงนางน้องออกท่าโน(นวย)นาย ฟัอนท่ากกกรก่ายคู่หญิงชายงามเด้ พากันเฮซ่อซร้อง เสง(เสียง)ตีกลองก้องสนั่น ฟังเสง(เสียง)ปานจั๊กจั่นฮ้อง เสง(เสียง)ดังก้องโท(ทั่ว)พารา ละนา โอ้เด้…เด้.. ผู้ไทเอย ไปเด้อไป ฟ้อนท่าเชิญไท้สายพญาองค์ผะเหวด เชิญเข้าเขตซ่อซั้น ปานเมิง(เมือง)ฟ้าเมิง(เมือง)สวรรค์ นั้นแล้ว โอ้น้อ งามแท้ เด้น้องหล่าฟ้อนท่าน้าวหน่วงมาลา พาเกว(เกี่ยว)กับโดง(ดวง)บุปผามาลาดวงดอกไม้ นำ เอาไปประดับไว้ตกแต่งเทิงศาลา บ่อน(ชาย:น้อง หญิง:อ้าย)เคยได่(ได้)มาหนุนตามแนวไปจนฮอบ(รอบ) จบถึงขอบเขตชั้น ธรรมมาแจ้งโลกา สาธุเด้อ ๖๒


โอ้เด้ ม่วนซี่นเด้ มีทั้งเห่ทั้งห่อนฟ้อนมาลาดอกช่อม่วง มีทั้งดวงดอกไม้ กากะเลาไว้เสม(เสียบ)ผม สมเป็นสาวผู้ดี งามอีหลีสาวผู้ดีเอย เพอ(พร้อม)มิ(ไม่)เคยเห็นหล่า งามตายอดสง่า ขอเอาเมอ(มือ)เป็นสะใภ้ย่า น้องหล่าเว้าแนวเลอ หล่าเอ่ย ฟ้อนเย้อ เฮามาพาเด่วฟ้อน ท่านาคาโมน(ม้วน)หาง ฟ้อนไปตามทิศทาง เพิ่นได่ปงวางไว้ เอามือขึ้นไปทางพู้น เต่ย(เตื่อย)ลงมากวัดแกว่ง บ่อนแสดงเพิ่นแจ้งนาคาไว้ คอยระวังพุ้นเย้อ โอ้เด้ ฟ้อนมาฮอดบ่อนนี้ มีท่านางญอขา ยื่นยกแข่งไปมาหลักอุราแท้น้อน้อง เป็นจังหวะมนล่องค่อง ยามน้องญอขา นางเอย ละนา นา... บินเอ่ย บินมาเบิ่งท่าฟ้อน กาเต้นก้อนตามขี้ไถ บินไวไว กระโดนไปให้หญิงชายได้หาคู่ แญงเบิ่งดูน้องหล่าสายอำ คาน้องพี่ บินดีๆบินถ่าอ้ายแหน่เด้อ หล่าเอ่ย โอ้น้อนางเอ่ย .. นางเอย.. หยับมาฟ้อนท่านี้ นอนหมอนหมิ่นขนิงหา โอ้แม่โดง(ดวง)มาลาเยอะเข้ามา นั่งเคอๆ อดเด้อเจออย่าเต้น ให้เพิ่นเห็นได่เว้าซาฟ้อนมาฮอดท่านี้ละเป็นบ้าโป่ง(ป่วง)ละเมอ หล่าเอ่ย งามเด้ งามเด้ งามดอกเลเตเหน็บหูซางสะ สาวผู้ไทเอย โอ้เด้นางเอย คือมางามกระด้อ ขอเมอ(เมือ)นำ เจ้าได่บ่ โอ้เด้ อ้ายเยอะถามข่าวน้อง ละคืนเมอ(เมือ)บ้านถิ่นแล้วบ่ ฟ้อนกินรินชมหาดแล้ว นางแก้วละอวยคืนแล้วบ่ ละน่า โอ้น้อ ท่านผู้ฟังเอ้ยโอ้น้อขอลาลัยเมอ(เมือ)แล้วขอคืนเมอ(เมือ)แม่นสาก่อน ขอฟ้อนจบท่านี้นางนาถโอ่ย(อ่วย)คืนก่อนเด้อ อยู่ดีเด้อละนา ท่านเอย โอน้อ...อย่าสุลืมเด้อหล่าเมืองพรรณานิคม(พัน- ละ-นา)เฮอจำ จือ เป็นชื่อฟ้อนโก๋ยมือ อยู่เมืองสกลนครก้ำ ค้ำ ฟ้านพคุณ ท่านเอย... ๖๓


๖๕ พิธีเหยา เป็นพิธีกรรมที่เกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาของคนไทยแถบภาคอีสาน โดยจะนิยมทำ ในแถบภู ไทหรือผู้ไทย จังหวัดกาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร และ สกลนคร พิธีกรรมนี้เป็นการเสี่ยงทาย เมื่อมีการเจ็บป่วยในครอบครัว เชื่อว่าเป็นการกระทำ ของผี จึงต้องทำ การเหยาเพื่อแก้ไขหาสาเหตุ การเหยามาจาก สภาพสังคมดั้งเดิมของชาวไทยที่ไม่มีสถานพยาบาลรับรองความเจ็บป่วย ก่อให้เกิดความจำ เป็นที่ชาวไทยต้องดิ้นรน หาที่พึ่งยามเจ็บไข่ได้ป่วย ปัจจุบันหมอเหยานั้นได้เลือนหายไปจากสังคมของกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทยไปแล้ว ยังเหลือแต่ หมอเหยาที่เป็นผู้อาวุโสของชุมชน และการประกอบพิธีกรรมเหยายังคงเหลือให้เห็นเพียงแต่บางชุมชนเท่านั้น แสดงโดย นายนราธร ศิริสมฤทธิกุล อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์ไพจิตร โคตรวิชัย อาจารย์นันทนา มิตรสุภาพ อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์กรณ์ภัสสร กาญจนพันธ์ุ อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัตติยา โกมินทรชาติ อาจารย์วิภารัตน์ ข่วงทิพย์ ประวัติการแสดง


(คำ ร้องผญา) เซิญขะน้อย ขอให้มาเทียมข้างนางน้อยลีลา ขอให้มาเทียมข้างนางน้อยลีล่ำ ขอให้กึ๊บๆ เข้าคือภูหน่วยหนา ขอให้กึ๊บๆ เข้าคือผาหน่วยใหญ่ ให้มันมืดแปดด้านไหลเข่าสู่ทาง เอ่าเซิญขะน้อย (ช่วงเกี้ยว) งามเด๋อะญางามเด๋ดอกเลนเต้หน็บหูซ่างซะซ่างซะ เฮือนฟื้นแฟ้นกะเอาไว้ฮั่นละ ๖๖


๖๘ มวยโบราณ เป็นศิลปะการต่อสู้อย่างหนึ่งของลูกผู้ชาย โดยใช้พละกำ ลังหรืออวัยวะทุกส่วนในร่างกาย เป็นอาวุธเข้าต่อสู้ป้องกันตัวตามสัญชาตญาณของมนุษย์ เช่น มือ เท้า เข่า ศอก ลีลาการต่อสู้นั้นแฝงไปด้วยท่วงท่าที่ อ่อนช้อยงดงาม แต่แกร่งกล้าน่าเกรงขาม จึงเป็นศิลปะการต่อสู้อย่างหนึ่งที่มีลักษณะท่าทางตามชั้นเชิงที่แตกต่าง มวยเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ การแสดงมวยโบราณจึงเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มาจากพิธีกรรม วิถีชีวิต และความเชื่อของ ชาวบ้าน โดยมีท่านอาจารย์จำ ลอง นวลมณี ครูมวยโบราณของสกลนคร เป็นผู้สืบสานศิลปะการร่ายรำ มวยโบราณ แสดงโดย นายสุทธิรัก ฤทธิร่วม อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์พิศไว วงศ์กาฬสินธุ์ อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร.นฤทร์บดินทร์ สาลีพันธ์ ประวัติการแสดง


๗๐ การเล่นกลองเลง หมายถึงการใช้กลองตีเที่ยวเล่น ในเวลากลางคืนในคืนวันรวมของงานบุญมหาชาติ โดยจะมีหนุ่มๆ นัดหมายกันมาเล่นตลอดทั้งคืน เพื่อขอปัจจัยหรืออาหารจากทุกหลังคาเรือนรวบรวมเข้ากองบุญ เมื่อปี พ.ศ. 2537 นายอำ เภออากาศอำ นวย (นายประสิทธิ์ หิมะคุณ) ได้เล็งเห็นประเพณีการเล่นกลองเลง เป็น วัฒนธรรมที่ดีอย่างหนึ่งของชาวโย้ยบ้านอากาศ และสนับสนุนกลองเลง โดยนำ เอากลองกิ่ง มาประยุกต์เพื่อตี ประกอบท่ารำ โย้ยกลองเลง และได้นำ ไปแสดงในงานสำ คัญต่างๆ เช่น จวนผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครร่วมกับเผ่า อื่นๆ ในเขตจังหวัดสกลนคร และได้รับคัดเลือกจากผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ให้คัดเลือกเอาคณะรำ โย้ยกลองเลง ไปรำ ถวายต่อหน้าพระที่นั่ง ณ พระตำ หนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร และได้เป็นตัวแทนจังหวัดสกลนคร ไปแสดงในงานสำ คัญต่างๆ ต่อมาทางศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ได้ให้มีการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น จึงได้นำ เอาประเพณี วัฒนธรรมการเล่นกลองเลงออกไปแสดงที่งานฉลองครบรอบ 150 ปี จังหวัดสกลนครด้วย ปรากฎว่าได้รับความ ชื่นชมมากในด้านเสียงดนตรี แต่ท่ารำ ประกอบยังขาดรูปขบวน ขาดความเป็นหนึ่ง เนื่องจากแต่ละคนรำ ตามถนัด ปัจจุบันได้ปรับปรุงให้มีกระบวนท่าเฉพาะขึ้นมา โดยออกแบบท่าจากการฟ้อนรำ ของชาวบ้าน แสดงโดย นายธณากร นวลงาม อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์รัญจวน กุลอัก อาจารย์ประดิษฐ์ คิอินธิ อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์วิภารัตน์ ข่วงทิพย์ อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัตติยา โกมินทรชาติ อาจารย์กรณ์ภัสสร กาญจนพันธ์ุ ประวัติการแสดง


๗๑ โอ้ยน้อ....พะนางเอย เฮียมเอ๋ย บ่อยากพัดเจ้าพรากน้อง ให้หมองหม่นนพะทัย จักแม่นกรรมอันใด จึงได้ไกลพะนางน้อง คิดเห็นเด้ คิดเห็นเด้ คิดเห็นคองความเฮาเว้า ดอกลำ เลงย้างเลาะตูบ น้องยังมูบแล้วและไห้น้ำ ตาย้อยก่อนสั่งลา เฮียมเอย เฮียมเอ๋ย...เถิงแม้นอ้ายจากน้องข้ามของจากสู่แดนไกล เถิงสิเนาแดนใด บ่ฮ่อนไลฮีตครองบ้าน ประเพณีเฮานั้น ฮักษากันให้มั่นแน่น อย่าได้ไลละทิ้มมูลเค่าแต่เก่าหลัง นั้นเด้..... ฮอมเซ เอ้ย...... คิดฮอดเด้ คิดฮอดดินเจ้าแดนกว้าง เมืองหลังแต่คราวก่อน เฮาเด้ กินกระแตและนกเคา เฮาเคยไล่หมู่นกลาง หมู่นกยางและเจ่านกเขาขัน จู่ฮุกกรู่ คิดฮอดชู้เมืองเก่าฮ้าง ฮอมเซพุ่นอยู่บ่ไล ละนา...


๗๓ ฟ้อนไทญ้อ อำ เภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม มักจะพบในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในเดือนเมษายนและ เทศกาลสำ คัญต่างๆ ในเทศกาลสงกรานต์ของชาวไทญ้อ อำ เภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม จะมีการแห่ขบวนจากคุ้ม เหนือลงมายังคุ้มใต้ตามลำ ดับ เพื่อนำ ดอกไม้บูชาถวายแก่พระธาตุท่าอุเทน ตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ จนถึง วันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งเมื่อเสร็จพิธีแห่ขบวน จะมีการฟ้อนรำ ระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาว โดยมีการหยอกล้อ การเกี้ยวพาราสี ในท่าฟ้อนที่สวยงามตามแบบฉบับของชาวไทญ้อ แสดงโดย นายจักรกฤต เสนนอก นายทวีวัตร ขาลอยู่ อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์สมเกียรติ สิงห์ทอง อาจารย์เอกลักษณ์ ติระ อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร.นฤทร์บดินทร์ สาลีพันธ์ ประวัติการแสดง


๗๕ ฟ้อนศรีโคตรบูรณ์ เป็นชุดฟ้อนที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยข้าราชการในจังหวัดนครพนม คำ ว่า "ศรีโคตรบูรณ์" เป็นชื่อของอาณาจักรหนึ่ง เดิมอยู่ใต้ปากเซบั้งไฟ มีพระยาติโคตรบูรเป็นผู้ปกครอง ฟ้อนศรีโคตรบูรณ์เป็นชุดฟ้อน ที่ท่าฟ้อนประยุกต์มาจากท่าเซิ้งบั้งไฟและท่าฟ้อนภูไทรวมกัน ฟ้อนชุดศรีโคตรบูรณ์นี้ใช้เพลงลำ ภูไท หรือเพลงลมพัด ไผ่ ซึ่งมีทำ นองเนิบๆ ทำ ให้ฟ้อนศรีโคตรบูรณ์มีลีลานุ่มนวล อ่อนช้อยสวยงามมาก แสดงโดย นางสาวเยาวภา พฤกษชาติ อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์สิริยาพร สาลีพันธ์ อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร.นฤทร์บดินทร์ สาลีพันธ์ ประวัติการแสดง


๗๗ ลำ สาละวัน เป็นวัฒนธรรมของชนชาติลาวอีกประเภทหนึ่ง ลำ สาละวันที่เก่าแก่ เป็นการแสดงที่กำ เนิด มาจากการทรงผีไท้ผีแถนตามความเชื่อดั้งเดิม แล้วกลายมาเป็นมหรสพของชุมชน และได้ประยุกต์เพิ่มกลอนลำ ให้ เกิดความสนุกสนาน ประกอบท่วงท่าการเคลื่อนไหวอิสระตามธรรมชาติ เริ่มแรกเป็นการเล่นโดยทั่วไปในหมู่ชาว บ้าน แล้วแพร่กระจายเข้ามาในประเทศไทย ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ด้วยท่วงทำ นองที่ไพเราะ จังหวะ สม่ำ เสมอ นอกจากนั้นยังสะท้อนให้เห็นการเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหญิงแล้ว โวหารที่ใช้ในกลอนลำ ได้สะท้อนให้ เห็นถึงความสวยงามของการใช้ภาษา นอกจากนั้น ท่วงทำ นองของการลำ ยังมีการเอื้อนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว “ลำ สาละวัน” จึงเป็นเอกลักษณ์ของชาวสาละวันมาอย่างยาวนาน ยังคงไว้ซึ่งความไพเราะและเป็นการเรียบเรียงภาษาที่ บอกเล่าเป็นทำ นอง ให้ทราบถึงอดีตที่รุ่งเรืองของสาธารณะรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้อย่างดียิ่ง แสดงโดย นายธนพงษ์ วงค์สีดา นางสาวจิราธิณี ภาคศิริ อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์พุทธา เพียรปัญญา อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร.นฤทร์บดินทร์ สาลีพันธ์ ประวัติการแสดง


๗๘ (ทำ นองลำ สาละวันลาว) ถิ่นฐานสาละวันเฮานี้อุดมดีสมเขาลือเขาซ่าปวงชนได้สร้างสาพัฒนา ทุกเมืองก้าวหน้าสาละวันก้าวไกล ก้าวไปสาละวันก้าวไปก้าวไปสาละวันก้าวไป ก้าวไปสาละวันก้าวไป โอ้ย...น้อ...โอ้...โอ่ย.....โอ่น้อ สาละวันเฮานี้ศรีวิไลเติบใหญ่เด้หนอ โอ้หนอ ประชาสุขซื่นใจ ก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ เมือหน้าบ่ถอยกัน โอ่ย...น่า ขาเดียวสาละวันขาเดียว ขาเดียวสาละวันขาเดียว ขาเดียวแล้วละแขนเดียวนำ แน่ แขนเดียวสาละวันแขนเดียว แขนเดียวสาละวันแขนเดียว โอ่...โอ่...โอ...โอ้....โอ่ย..น่า โอ้หนอ สวนกาแฟกะมีพร้อม เชิญไปยามแต่ไต้ต่ำ แน่ถ่อน โอ่น้อธรรมชาติ อั่นนี้มีหลายอันนับบ่ถ้วนสิซวนท่านได้เที่ยวชมแน่ถ่อนโอ้ย...น่า เกี้ยวกันสาละวันเกี้ยวกัน เกี้ยวกันสาละวันเกี้ยวกัน เกี้ยวกันแล้วกะยิ้มใสกันแน่ ยิ้มใส่กันสาละวันยิ้มใส่กัน ยิ้มใส่กันสาละวันยิ้มใส่กัน โอ่ย...น้อ...โอ่....โอ้ย...น่า โอ้หนอมีทั้งเขื่อนไฟฟ้าเซ ๆ เพิ่นสร้างใหม่ เด้หนอ โอ้หนอ ให้แสงไฟฮุ่งแจ้งประชาเชื้อเพิ่นชื่นชมละน่าโอ่ย...น่า ตบมือสาละวันตบมือ ตบมือสาละวันตบมือ ถอยหลังสาละวันถอยหลัง ถอยหลังสาละวันถอยหลังถอยหลังแน่สาละวันเอ้ย......โอ...โอ่...โอ่ย....น่า ก้าวไปสาละวันก้าวไป ก้าวไปสาละวันก้าวไป ก้าวไปสาละวันก้าวไป โอ...โอ่..โอ่ย...น่า....โอ้หนอสาละวันเฮานี้อุดมดีคือเพิ่นซ่าเด้หนอ โอ้หนอ มีกาแฟใบซา หมากแตกมีพร่ำ พร้อม ข้าวในนาอั่งเล้า มันสิเศร้าอยู่บ่อนได๋ท่านเอ่ยโอ่ย...น่า สาละวันจงพร้อมกันก้าวไป มีชีวิตใหม่ ใบหน้าเบิกบาน สมคำ ที่เขาลือกล่าวขาน แสนสำ ราญ ฟ้อนสาละวันเตี้ยลง เตี้ยลงสาละวันเตี้ยลง เตี้ยลงสาละวันเตี้ยลง เตี้ยลงโอ้ยเหมือนหงส์เล่นน้ำ เตี้ยให้งามโอ่ยให้ต่ำ จำ ดิน เซินเซาสาละวันเซินเซา


หมอลำ เคน ดาเหลา ถือเป็นแบบฉบับของหมอลำ กลอนอีสาน มีลีลาการลำ และน้ำ เสียงที่เป็นแบบฉบับของ ตัวเอง ด้วยอัตลักษณ์การลำ ผสานผญาคารมคมคายแบบปราชญ์อีสานเป็นเลิศ ในปฎิภาณไหวพริบโต้ตอบแบบกลอน สด ทำ ให้มีชื่อเสียงเป็นที่ปรากฏอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีลีลาการลำ การใช้สำ นวนกลอนที่เฉียบคม ลึกซึ้ง และเป็นต้น แบบของการแต่งกลอนลำ การลำ แม่บท 32 ท่าของอีสาน โดยมีท่าฟ้อนที่มาจากการเลียนแบบธรรมชาติ การเคลื่อนไหวอิริยาบถของมนุษย์ สัตว์ และจากวรรณกรรมท้องถิ่น ๘๐ แสดงโดย นางสาววริศรา โชติไสว นายณฐพล เย็นรัมย์ อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ คุณพ่อบุญร่วม ถามะพันธ์ อาจารย์สุธิวัฒน์ แจ่มใส อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์กรณ์ภัสสร กาญจนพันธ์ุ อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัตติยา โกมินทรชาติ อาจารย์วิภารัตน์ ข่วงทิพย์ ประวัติการแสดง


๘๑ (เกริ่น) โอ โอ๋ละนอ เออละตายดั๊ดๆ ตายดิ้นดั๊ดๆ ตายอยู่วัด ตายอยู่ฮ่มโพธิ์ศรี ตายนำ สาวผู้ดี ตายนำ เครือมันแกว ตายนำ แห้วบ่ลั่นเสียดายเด้ โอยนอ หล่าเอย สวยแล้ว……แม่นว่าเด้อนาย จั่งว่าฟังเด้อนายฟังเอา ตอนซ้อน ฟังตอนซ้อนเป็นกลอนสะส่ง ฟ้อนจั่งซี่เขาว่าสาวลงท่งแก่งแขนนวยนาย (นี่ ผู้สาวลงท่งแก่งแขนนวยนายเด้อ ครับ เพิ่นอยากงาม ยามเดือนห้าฟ้าหกผู้สาวเพิ่นแก่งแขนสีอ้อนแอ้น นี่ฟ้อนผู้สาวลงท่ง) ฟ้อนจั่งซี่เขาว่าพระนารายณ์ออกพรหมณ์สี่หน้า เขาว่าพระนารายณ์ออกพรหมณ์สี่หน้า (นี่ พระนารายณ์ออกพรหมณ์สี่ หน้าเด้อครับ เอ้อ เคยเห็นบ่พระนารายณ์ แต่อย่าสิถามเด้ว่าพระนารายณ์นี่เป็นลูกผุได๋ ข่อยบ่ฮู้ได๋) ฟ้อนจั่งซี่เขาว่าทศกัณฐ์โลมนาง มือลูบแก้มลูบคางลูบหลังลูบไหล่ (นี่ ทศกัณฐ์โลมนางครับ ลูบบ่อนนั่นบ่อนนี่ซั่นแหลว ทศกัณฐ์ เอ้อ เคยไปเบิ่งบ่อยู่พิพิธภัณฑ์กรุงเทพ) ฟ้อนจั่งซี่เขาว่าควายเถิกใหญ่แล่นเข้าชนกัน นี่กูดึกมึงดัน นี่กูมุบมึงมับ กูตุ๊บมีงตั๊บ กูแดกมึงสู้ ลอยไปขึ้นตีนภูไล่กันลงท่ง (นี่ ฟ้อนควายเถิกใหญ่เด้อครับ) ฟ้อนจั่งซี่เขาว่าสาวลงท่งแค่งกุ้งในหนอง (นี่ ผู้สาวลงท่งแค่งกุ้งในหนอง ยามเดือนห้าฟ้าหกฝนตกใหม่ กุ้งมันอึดมีแต่ปลาหมัดซิวน้อยๆ เลยดึกถิ่ม) ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนกาตากปีก (นี่ ยามมื่อเช้าออกไปไฮ่ไปนา กามันบินมาจากภูจากเหล่า มันสิฮ้องเป็นเสียง ก๊า กา เด้ครับ) ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนหลีกแม่เมีย ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนหลีกแม่เฒ่าฟ้อนหลีกแม่เมีย ให้เจ้าบาดไปแหน่ ไม้แหย่ลาวนำ (นี่ หมอบๆไปเด้หลีกแม่เมีย เฮาย่านเพิ่ล) ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนเสือออกเหล่า (นี่ สมัยแต่กี้หนิบ่ว่าช้าง บ่ว่าเสือมันหลายเด้ครับ เสือมันสิออกมาจากดงจากเหล่า) ฟ้อนจั่งซี่ท่าเต่าลงหนอง เห็นตั้งแต่กระดองมับมู่มุบมับ หน่อยกะมาสวบกั๊บปลาข่อกินสา (นี่ ฟ้อนเต่าลงหนอง เห็นกระดองมุบมับมุบมับ) ฟ้อนจั่งซี่เขาว่าฟ้อนเอาบุญตีกลองกินเหล้า ตุ้มเปิ๋ดเปิ่ง ตุ้มเปิ๋ดตุ้มเปิ่ง ตุ้มเปิ๋ดเปิ่ง ตุ้มเปิ๋ดตุ้มเปิ่ง มือเซ้าปืดเบิ่ง มื่อแลง ปืดเบิ่ง เดิกๆปิดเบิ่ง ปืดเบิ่งแล้วผัดเป็นสีโนนๆ แม่นสิเปรียบใส่โพนหัวนาสวนบ่อน (นี่ ฟ้อนตีกลองมันเป็นจั่งซี่ครับ ยามบุญเดือนหกแห่งม่วนหลาย บุญบั้งไฟ) ฟ้อนจั่งซี่ผู้เฒ่าฟังธรรม จ่มนโมไปนำ เฮ็ดปากมุบมับ (นี่ ผู้เฒ่านั่งฟังธรรมครับ) ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนนับเงินตรา เจ้าบาทหนึ่ง ผู้ฟังบาทหนึ่ง หมอแคนบาทหนึ่ง (นี่ นับเงินตราเพิ่นเฮ็ดจั่งซี่เด้ครับ) ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนคนเมาสุราหัวฟัดหัวเฝี่ยง เฮ็ดคอสีเหงี่ยงๆเซซ้ายเซขวา (นี่ กินจอกหนึ่งพอซิกลิก กินจองสองพอแซดแลด กินจอกสาม กินจอกสามแตกพอความ เงินมีสามร้อยกะว่ามีฮอดมีฮอดห้าร้อยเด้ครับคนเมาเพิ่นเริ่มคุย) ฟ้อนจั่งซี่จั่งว่าฟ้อนตาถำ ตีงัวหมากด่าง เฮ็ดมือสีห่างๆ ฟาดลงทางเต บัดถ่างัวมันเตะมือแว๋แป่งแซ่ง


(นี่ ฟ้อนอยู่จั่งซี่ งัวมันเตะมือเฮาแว๋แป่งแซ่ง มันเจ็บเด้ครับหนิ) ฟ้อนจั่งซี่เพิ่นว่าคนขาแหย่งเล่นบุญบั้งไฟ กลองกะตีลงไปแปดแป๋ง แปดแป่ง บ่จักฮ้องจักแซ่ง แหย่งแยะนำ กัน (คนขาแหย่งหนิมันหย่างบ่ถืก หย่างบ่เกิ่งกันเด้ครับ นี่มันเป็นจั่งซี่) นี่คุณนายเพิ่นว่าคนขาแหย่ง บ่จักฮ้องจักแซ่งแหย่งแยะนำ กัน ฟ้อนจั่งซี่เกี่ยวข้าวในน้ำ ฟ้อนจั่งซี่เกี่ยวข้าวในนา (เกี่ยวจั่งซี่แหละครับ ผมเคยเกี่ยวข้าวในนา เอื้อยไล่ตีเกือบตาย กะเพราะว่ามันฮ้อน ไปลี้แต่ฮ่มไม้) ฟ้อนจั่งซี่งมปลาในน้ำ (นี่ งมหาปลาเข็ง ปลาข่อ มันอยากพ้อปลาเข็งแผงดำ ๆขนๆหนาๆนั่นนา มาใส่) ฟ้อนจั่งซี่หย่างข้ามหนองปลิง (นี่ หย่างข้ามหนองปลิง นี่ ถกขาสูงๆเด้แม่ใหญ่ ย่านปลิงข่าวมันกัดขั่นกัดผู้ซายกะไคแหน่ มันสิกัดแม่ญิงนั่นตี้ แนวกางเกงซั้นในบ่มีบ่มีเนาะ) ฟ้อนจั่งซี่ผู้เฒ่านั่งผิงไฟ (นี่ผิงไฟยามหนาวๆนี่มันอุ่นแท้เด้ครับ) ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนแข้แก่งหาง (นี่ เคยเห็นบ่ครับอีแข้ใหญ่) ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนลิงหลอกเจ้า (นี่ ลิงหลอกเจ้ามันเป็นจั่งซี่เด้ครับ ลิงกุมภวากับลิงลพบุรีมันต่างกันเด้ นี่มันหลอกเจ้าหนิ) ฟ้อนจั่งซี่นกเจ่าบินวน (นี่ นกเจ่ามันบินวน หาปลาฮากกล้วย ปลาหลด ปลาไหล) ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนแฮ้งมันเสิ่นเหลียวหาของกิน (นี่ แฮ้งมันอยากหมาเน่า มันเห็นหมาเน่าอยู่ไส มันกะสิลงกิน แฮ้งอิหม่นกับแฮ้งคอคำ คันแม่ใหญ่มาเห็นหมอลำ เคนเฮ็ดจั่งซี่หละแห่งสิคัก อยากเห็นหละจ้างไปเด้อในเวทีนี่ครับ) ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนแหลวมันบิน ขวักไหว่ ขวักไหว่ ดอดผัดเหลียวเห็นไก่ไหว่วับไปสา (นี่ แหลวจั่งบี้นี่หรือแหลวแดง แหลวใหญ่หนิมันกินตั้งแต่ไก่น้อยเด้แม่ใหญ่) ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนถวยเทวดาเล่นบังเล่นข่วง (นี่ถวยเทวดา เฮายกมือขึ้นสาก่อน เฮาสิได้ว่าเด้บาดหนิ มือตบลงไป นี่ลูบแก้มลงมา ทาแป้ง กึ๊บเหล้าลงไป เฮากะเลยว่าจั่งซี่) มาเด้อ ให้เจ้าลงมาเล่นนำ กันให้มันม่วนแหน่เนียงเอย ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนถวยเทวดาเล่นบังเล่นข่วง เฮ็ดทำ ทรงคือป่วงทำ ท่ากวยแขน บ่จักปี่จักแคน แงนแง่แงนแหง่ สิ่งน้อยสับลงแหน่กึ๊บเหล้าลงไป ฟ้อนจั่งซี่เขาว่าลุงทิดไขไถนาหล่องหง่อง มือหนึ่งห่องอีตู้จังไร มือขวาจับไถ มือซ้ายจับเชือก มืออีตู้ดันเนื้อห่องๆคองๆ ควายอีตู้เขางองหลังขดจ่องก่อง คือมือห่องอีตู้ดังแข็ง อีตู้ดันแฮงหีตูนพ้อว้อ (นี่ มันหนักไถ่เด้ก่อมันสิตูน) ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนจ้อลายมวย (มันออกจั่งซี่เด้จ้อลายมวย ไอ้แสบเบาะหรือโผนกิ่งเพชรแห่งคัก หมอลำ เคนจ้อใส่กับหมอลำ บุญเพ็งแห่งคักแฮง) ฟ้อนจั่งซี่ฟ้อนกวยจับอู่ แม่เฒ่าอยู่บ้านหลานน้อยอ่อยไกว นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม นอนสาอย่าสิดิ้น นอนนิ่งอย่าสิติง แม่เฒ่าสิงหลานน้อยลืมฟอยผ้ากะเตี่ยว เหลียวเบิ่งแมงอันนั้นหัวยุ้มใส่หลาน สมพอควรซ้วนๆ ไว้ก่อนท่อนั้นแหล่ว ๘๒


๘๔ หมากกั๊บแก๊บ หรือกรับ เป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะภาคอีสาน การเล่นหมากกั๊บแก๊บนั้นสามารถ เล่นได้ทุกโอกาสที่มีการบรรเลงดนตรีพื้นบ้าน อาจารย์ชุมเดช เดชภิมล ได้สร้างสรรค์การแสดงนี้ขึ้น ซึ่งได้ผนวกการ แสดงเล่นหมากกั๊บแก๊บเข้ากับการเล่นลำ เพลินของชาวอีสาน โดยยังคงลีลาการเล่นหมากกั๊บแก๊บและการลำ เพลินได้ อย่างสมบูรณ์ แสดงโดย นางสาวกนกอร อรุณวศรี นายพรรณะกร ชัยมี อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์ชุมเดช เดชภิมล อาจารย์รักบรรชา พิมพระจันทร์ อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์วิภารัตน์ ข่วงทิพย์ อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัตติยา โกมินทรชาติ ประวัติการแสดง


๘๕ เอ้าเฮ่าเอาเฮาเอ้าเฮาเอ้า แมงตับเต่าแมงเม่า ขี้หมา แมงตับเต่าแมงเม่าขี้หมา จับอยู่ฝ่าแมงมุม แมงสาบ จับสาบลาบแมงมี่แมงวัน อัศจรรย์ตั้งแต่แมงตับ เต่าเอาเฮ่าเอาเฮาเอ้าเฮาเอ้า "โอน้อหอยเอ้ย ควายเข้าบ้านถามข่าวหาหอยๆ ไปหนองคันหนองคายอยู่สะได้เด้เจ้า หนทางเข้ามีตอจักกะหน่อย หนทางเข้ามีตอจักกะหน่อย ใต้กว่านั้นฮู้ขี้อย่าสิไป" เอ้าเฮ่าเอาเฮาเจ้าเฮาเอ้า แมงตับเต่าออกลูกทางหัว แมงตับเต่าออกลูกทางหัว เคียดให้ผัวบกินน้ำ ร้อน บ่กินกะตามถ่อนของสูกะสิเนา เอ้าเฮ่าเอาเฮาเอ้าเฮาเอ้า เอ้าเฮ่าเอาเฮาเอ้าเฮาเอ้า เอ้าเฮ่าเอาเฮาเอ้าเฮาเอ้า แมงตับเต่าออกลูกทางหลัง แมงตับเต่าออกลูกทางหลัง เป็นตาซังตั้งแต่แมงตับเต่า เอ้าเฮ่าเอาเฮาเอ้าเฮาเอ้า เอ้าเฮ่าเอาเฮาเอ้าเฮาเอ้า เอ้าเฮ่าเอาเฮาเอ้าเฮาเอ้า แมงตับเต่าออกลูกทางก้น แมงตับเต่าออกลูกทางกัน หนีไปซ้นอยู่หญ้าฮังกา เอาหวิงกูมา มาซ่อนแมงตับเต่า เอ้าเฮ่าเอาเฮาเอ้าเฮาเอ้า (เกริ่น) มองเห็นจางป่างฟ้ารุกขาก่องลมสลา มหาพรหมเอนเอียงอ่อนละนวยทวยล้ม ลมพัดผัน เผลียงผู้ซูใบเจ้ากั้วก่อง ลมพัดเชยพัดเฉื่อยเย็น เรื่อยส่งมา ขอโทษเด้อแม่ป้าข้าเคยบันทึก กระจายเสียง ออกสำ เนียงให้คนฟังส่งมาหลายครั้ง ละเอาให้แสงทองพ้นยุคลธรเป็นมื้อใหม่ จั่งสิไลพี่น้องลุงป้าแม่นต่าวเมือ โอ โอ โอ่ ละหนา (ร้อง) โอยเด้นาง โอยเด้นาง ฟังเด้อไทค์เมธีนักปราชญ์ ผู้ฉลาดแต่เค้ามาฟังเรื่อง เรื่องราว อย่าเพิ่งฟ้าว เพิ่งฟ้าว อย่าเพิ่งฟ้าว กลับต่าวเมือนอน มาเอากลอนฟังเบ็ตสิเอ็ดสมเงินจ้าง ฟังเอาบ้างประวัติการยกชื่อ คนได้ลือซาตึ้ง ถึงท้ายทั่วแดน โขงเขตแค้วน เขตแคว้น โขงเขตแคว้น หมอลำ หมู่มีหลายพวกคุณลุงคุณยายเบิ่งมาหลายแล้ว มีมาแล้วผุหลายแนวหลายอย่างๆ ต่างคนต่างได้มาลำ ให้สูฟัง ขอให้ตั้ง ให้ตั้ง ขอให้ตั้ง ฟังเบิ่งอย่าเลยละศิลปะ ของผมสิต่างเขาหรือไม่ ฟังเด้อไทค์ละครไทยเขาว่าละครลาวกล่าวไว้สิลำ เรื่องแข่งขัน ว่าแล้วจั้น แล้วจั้น ว่าแล้ว จั้น สิเจิดเสิ่นแขนขาไปคือนางมโนราห์แก่งแขนผุแนนฟ้อน แนนฟ้อน ผุแนนฟ้อน


๘๗ วาดท่าหมอลำ สมจิตร บ่อทอง 32 ท่า มีการพัฒนาเทคนิคและวิธีการสร้างผลงานการแสดง จุดเด่นอยู่ ที่ความสามารถและมีความมั่นใจในตนเองสูง ว่าต้องทำ ได้ให้ดีที่สุด นับว่าเป็นความโชคดีของนายสมจิตร บ่อทอง สมัยเรียนอยู่ระดับประถมศึกษามีครูผู้สอนถ่ายทอดทางด้านศิลปะการแสดงและนาฏศิลป์ ซึ่งผู้ที่เป็นพระเอกหมอลำ จะต้องมีการร่ายรำ ที่สวยงามประกอบกลอนลำ ที่กำ ลังร้องลำ อยู่ (การร้องเพลงพื้นเมืองอีสาน) จึงได้พัฒนาเทคนิค การฟ้อนรำ พื้นฐานมาปรับให้เหมาะสมกับการฟ้อนรำ ในศิลปะการแสดงพื้นบ้านอีสาน ท่าร่ายรำ เป็นลักษณะประจำ ตัว ท่ารำ ต่างๆ จะเลียนแบบอากัปกิริยาที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำ วัน และเลียนแบบธรรมชาติการฟ้อนรำ จึงเป็นที่ชื่น ชอบของแฟนเพลง ได้รับความนิยมครองใจมหาชนเรื่อยมา สามารถนำ เอาศิลปะการแสดงพื้นบ้านอีสานขึ้นมา ทัดเทียมกับศิลปะการสแดงสากลอย่างน่าภาคภูมิใจอย่างต่อเนื่องและยืนยาวก่อประโยชน์ต่อท้องถิ่นอีสานและ ประเทศชาติ แสดงโดย นายชาญธวัช นวลอินทร์ อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์สมจิตร บ่่อทอง อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารยวิภารัตน์ ข่วงทิพย์ ประวัติการแสดง


๘๘ ( ลำ ) : กุหลาบแดง กำ ลังอ้า กำ ลังบาน ที่อ้ายส่ง มอบให้แม่โฉมยง ดำ รงความรักไว้ อย่าไลร้างบัดห่าเฉา พี่ขอฝากให้เจ้า พี่ขอฝากให้เจ้า ต่างเมื่อบัดยามไกล เบิดอาลัยให้นางหวนส่งคืน อย่ารอช้า ( ร้อง ) : 14 กุมภาวันวาเลนไทน์ ของขวัญจากใจฉันมอบแด่เธอ ฝากใจดวงนี้ ที่มันละเมอ คิดถึงเธอไม่มีวันลืม กุหลาบสีแดงที่มอบแด่คุณ เพื่อเป็นไออุ่นเมื่อยามคุณเหงา ฝากไปกระซิบ หัวใจเบาๆ เมื่อยามคุณเศร้ามันคงผ่อนคลาย สายวันที่ 14 กุมภา นางจำ น้องชื่อชาย ที่ถือดอกไม้ไม้ซือหยัง จิตมันสั่งเฮานั่งคุยกัน เคยเอาหัวหนุนตักหลับนิ่งอยู่ราบ นางจำ ได้หรือว่าลืมแล้วหนอ สาธุเด้อจิตพอวันนั้นแน่ไผ หัวใจที่มอบให้นาง กุหลาบสีแดงวันรักวาเลนไทน์ ดวงจิตของพี่สบาย ดวงจิตของพี่สบาย ถึงเป็นกระต่ายหมายจันทร์ก็ยอม ซอมอยู่ในสิโลน มื้อใด๋สิโพ้นจ้องจันทร์บนฟ้า กระต่ายยังปรารถนา กระต่ายยังปรารถนา วันไหนจันทราจะหล่นลงพื้นดิน ไม่สิ้นชีวีขอคอยต่อไป แม้มันจะไม่ให้ซึ่งความหวัง กุหลาบแดงเจ้าเอ๋ย ขอเจ้าจงฟัง วันไหนเขาชังเจ้าจงคืนมา ( ลำ ) คืนมาบ้านเมืองซันมอนเก่า เขาเหม็นหน้าเจ้าคือเจ้าอย่าร้อง ให้จิตพอพ้นส่งเด้อนาง ให้จิตพอพ้นส่งเด้อนาง คันจะหวังเหมือนชาย ส่งคืนเด้อน้อง ส่งคืนเด้อนางน้อง


๙๐ การไหว้ครูลำ เพลินเป็นสิ่งสำ คัญมากต่อการแสดงหมอลำ เพลิน การแสดงทุกอย่างย่อมมีครูอาจารย์เป็น ผู้ให้ความรู้ถ่ายทอดวิชาให้แก่ลูกศิษย์ด้วยความรักความห่วงใย การแสดงหมอลำ เพลินก็เช่นเดียวกัน ก่อนทำ การ แสดงย่อมมีการไหว้ครูก่อนแสดงเสมอไหว้ครูลำ เพลินเป็นการรำ ถวายครูอาจารย์ เทพเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เพื่อตอบแทนคุณที่ท่านได้ให้ความรู้มา ภายหลังการไหว้ครูของหมอลำ เพลินเริ่มสูญหายไป เนื่องจากหาผู้ที่จะขับ ร้องได้ยาก จึงยกเลิกในส่วนที่เป็นการรำ ไหว้ครูและเริ่มต้นด้วยการดำ เนินตามท้องเรื่องของนิทาน แสดงโดย นายอภิลักษณ์ พงษ์สระพัง นางสาวอารยา คำ หว่าน อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์ณัฐพร จ่าโส อาจารย์ที่ปรึกษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัตติยา โกมินทรชาติ ประวัติการแสดง


๙๑ (เกริ่น) โอย..... ละว่าสาธุเด้อ สาธุเด้อจั่งว่าอินเทิงฟ้าคุณครูบาอาจารย์ออนซอนท่านให้มาน้อรับรู้ ละฉันสิรำ ในมื้อนี้ ขั้นบอนได้บถึกต้องขั้นถึงฮีตในคลองธรรม.... ฉันสิรำ ไปตามติดโอยต่อนิทาน...ไปตามเรื่อง... มื้อนี้ ชั่นบ่อนได้เคืองคาข้องกรุณาท่านผายโปรด โปรดอย่ามีโทษ ขอให้อ้อเลิศล้ำ ให้นำ ช่วยทั้งตัวฉัน ฉันสิมารำ งาน โอยซอยกันโอย...ร้อง ละฉันสิมาฉลองให้ ให้เป็นงานของญ่าท่านกันทั้งรำ ทั้งท่าฟ้อน ขั้นมันผิดพลาดงละขั้นบ่อดมื้อเช้า โอยสาแล้ว...โอย... แมนบ่เซา.... โอยสาแล้ว... แมนบ่เซา..... โอ้ย โอยน้อ... ละพอแต่เปิดผ้าม่านกั้งออกไปส่องจั่งมองหา.. ละเจ้าพ่อหวานในตาละพ่อบักหบ่มาบ่ แม่มันรออยู่ทาง...พี้ โอ้ยน้อนาย ฟังเด้อท้คนไทยรุ่นใหม่ๆ ผู้อยู่ไกลอยู่ใกล้ ฟังอย่าได้ยำฮอน รำ ในฟ้อนมีหลาย บ่อนหลายตอนๆ ละจั่งว่ามีหลายกลอนบ่ฮอนคือกันได้ เหนือหรือใต้ละคนไทยหลายเผ่าๆ คือจั่งขอย และเจ้าคำ เว้ากะต่างกัน บัดนี้นั้นฟังแล้วนั้นอย่านั่งอยู่เฉยๆ คั้นผิดตาให้เตือนเลย อย่านั่งเฉยเมยนิ่ง ทุกสิ่งของหมอลำ เพลินๆ เวลาเดินต้องยกแขนแกนไหล่ลำ เพลินเดี๋ยวนี้ทันสมัยๆ ยกแขนยกไหล่ส่ายไปส่ายมา ท่วงท่านี้ก็เต้นเบา ท่วงท่านี้ก็เต้นเปิดเผย ยกแขนขึ้นเลยทำ ตามลีลา เยียดแขนแล้วต้องมาเยียดขาๆ นี่แหละลีลาของหมอลำ เพลิน เฮียนเด้อท่านคนอิสานรุ่นใหม่ๆ ฟังแล้วจำ จือไว้ไปสอนให้ลูกหลานบัดนี้ท่านมาฟังเบิ่งนำ กันๆ พวกอิฉันสิลำ เพลินไปเชินลงหนองน้ำ ยามมาเล่นน้ำ เย็นๆสิได้ส่วงๆ ผู้ได้เป็นห่วงชู้อย่านอนอยู่ผู้เดียว แฟนหลบเลี้ยวอย่าไปเทียว ถามหาๆ เชิญมาลงนาวาให้ซางคาเดี่ยวนี้ ตีกลองน้ำ นำ กันให้มันม่วนๆ ให้มาชวนพี่น้องมาลองเล่นลำ เพลิน เอิ้นใส่ชู้ผู้เพิ่นอยู่ทางไกลๆ หยับเข้ามาในๆอย่าห่วงไผเด้ออ้าย หลายคนเล่นให้เย็นใจสิได้ซวงๆ อาบน้ำ เสร็จลุล่วงมาทาแป้งแต่งกาย มือบายเอากระจกมาแยงๆ เผ่าผมก็แต่งปัดแป้งไปมา หยิบแป้งแต่งหน้าผัดตาๆ หวีผมเข้าท่าเวลาพอควร มาม่วนกับหมอลำ เพลินๆ เบิ่งวาดแฮงบินเสินมีหลายอันหลายแนวให้มาเบิ่งเด้อวาดลิงได้ แก้วๆ เอ็ดได้หลายแนวระวังแก้วหลุดสิมือ นี่คือขอกำ ลังใจๆ ท่าต่อไปนี้คือกาตากปีก ยกแขนขึ้นมาเหยียดฉีกๆ วาดกาตากปีกแต่สมัยโบราณๆ ตำ นานละบ่เคยหม่องมัวๆ วาดหลีกแม่ผัวเคยได้ยินแล้วไป่ วาดอีกปู่ย่าตายายๆ ขอทางให้ลูกใภ้ไปทางนี้แหน่เด้อ คนหลงเพ้อทางป่าไปห่างๆ พากันวางปล่อยถิ่มล่ะคองเฒ่าเก่ามีคนแต่กี้ๆ เขาบ่เชื่อคำ ครูยิง ธนูนายพรานหางตายิงเกง เร่งดูหน้านายพรานหันใส่ๆ มันต้องเอาให้ได้เอาไปไว้ให้อ่อมแลง จนว่าแจ้งแย้งใส่ไปมาๆ จนว่าสุดสายตาผ่านมาบ่มีได้ ฟังเด้อไท้คนไทยสมัยใหม่ๆ ผู้อยู่ใกลอยู่ใกล้อย่าได้อำ ฮอน ผิดพลาดทั้งๆ อภัยแหน่เด้อครูๆ กะจั๋งว่าบุญมันมีกะค่อยมาทางพี่ ค่อยมาทางพี้...


๙๓ ลำ เพลินคณะ ผ.รุ่งศิลป์ เป็นหมอลำ หมู่อีกคณะหนึ่ง ที่ใช้ทำ นองคึกคักเร้าใจ เรียกว่าใช้ลำ เพลินเป็นการลำ ส่วนมาก การแต่งกายของหมอลำ เพลินจะแตกต่างจากหมอลำ เรื่องต่อกลอน ตรงที่หมอลำ ชายที่เป็นตัวเอก จะไม่นุ่ง โจงกระเบนแต่จะนุ่งกางเกงขาสามส่วน ศีรษะไม่สวมหัวมอญแต่จะประดับด้วยดอกไม้ประดิษฐ์หมอลำ หญิงที่เป็น ตัวเอกจะแต่งกายชุดไทยแต่กระโปรงสั้นเลยเข่า และการลำ ก่อนออกแสดงจะนิยมเปิดผ้าม่านกั้งหลังฉาก จากนั้นจึง ฟ้อนออกสู่หน้าเวที แสดงโดย นางสาวยุพยงค์ ยุระชัย นายธนบดีกะตุดทอง อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มนูศักดิ์ เรืองเดช อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์กรณ์ภัสสร กาญจนพันธ์ุ อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัตติยา โกมินทรชาติ อาจารย์วิภารัตน์ ข่วงทิพย์ ประวัติการแสดง


๙๔ ชาย : (ลำ ) ล่ะจั่งว่าเปิดผ้ากั้ง ล่ะจั่งว่าเปิดผ้าม่านกั้ง แจ้งสว่างสีนวนๆ พี่บ่มีของขวัญสิส่งพระนางแต่ร้อยยิ่ม (ดนตรี) ชาย : (พูด) สมมุตินามตามเรื่อง ผมมีนามว่าขุนแผนในขณะนี้ผมได้ออกปราบณรงค์ไปยังเมืองเชียงอิน เชียงทอง ในขณะนี้ผมกะมีชัยชนะอย่างขาวสะอาด องค์พระยาแสนคำ เเมน เพิ่นกะเลยยกลูกสาวคนหนึ่งคือ นางลาวทอง ให้แก่ผม ว่าแล้วผมต้องเรียกนางลาวทองออกมาปรึกษาหาลือสาก่อน ชาย : (ลำ ) ล่ะพอแต่ขุนกล่าวแล้วสิเอิ้นใส่แม่ลาวทอง ขั่นได้ยินเสียงจาให้ด่วนมาสาเด้อน้อง... หญิง : (ลำ ) ได้ยิ่นวอนๆ เอิ้น คือสิแม่นน้อขุนแผน...ล่ะจั่งว่าลาวทองนางสิด่วนไปบ่รอช้า... (ดนตรี) หญิง : (ลำ ) ล่ะพอแต่มาเห็นหน้าอ้ายพี่น้อขุนแผน....ละจั่งว่าลาวทองนางสินั่งลงบ่รอช้า.... หญิง : (พูด) สวัสดีพี่แผนเรียกลาวทองมาหยังน้อ ชาย : (พูด) ความสุขจงมีแก่เจ้าลาวทองเอ้ย. พี่เรียกมามื้อนี้บ่อื่นบ่ไกลดอก คือนับตั้งแต่ได้มาสู่สมภิรมย์รักกับลาวทอง กะเป็นเวลาช้านานมาแล้ว พี่ยังบ่ได้ไปแจ้งข่าวสารการรบให้องค์พระยาพันวสาทราบ พี่คิดว่าสิพาลาวทองกลับกรุงศรีอยุธยา ลาวทองสิว่าจั่งไดละหึ... หญิง : (พูด) เอาล่ะพี่แผนถ้าพี่แผนสิกลับกรุงศรีอยุธยา ลาวทองสิของติดตามพี่แผนไปด้วยสิได้บ่ เพราะว่าลาวทองกะคิดอยากเห็นหน้าปู่หน้าย่าคือกัน ชาย : (พูด) เอาล่ะถ้าลาวทองสิติดตามไปกับพี่ รีบไปเก็บเสื้อผ้าอาภรณ์ออกเดินทางไปในมื้อนี้เลย หญิง : (พูด) น้องเตรียมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วพี่แผน ชาย : (พูด) ขั่นลาวทองว่าจั่งซั่น เฮากะฟุาวไปเดียวนี้มันสิสวยก่อน ชาย : (ลำ ) ล่ะพอแต่ขุนกล่าวแล้วสิลงจากเวียงถิ่นสมร ลมวอนๆมาพัดสิค่อยพาดอกเมียย้าย. (ดนตรี)


๙๖ การแสดงหมอลำ เพลิน ของคณะพรวิเศษศิลป์รุ่งลำ เพลิน จังหวัดอุดรธานี ตอน ขุนแผนตามเมีย ในปี พ.ศ. 2505 โดยหมอลำ ผัน ศิลารักษ์ เป็นผู้สร้างสรรค์การฟ้อนในรูปแบบหมอลำ เพลิน เนื้อหากล่าวถึงตอน ขุนแผน ไปณรงค์สงคราม เมื่อเดินทางกลับมาบ้านจึงรู้ว่าขุนช้างได้ หลอกล่อนางวันทองไปครอง ขุนแผนจึงใช้วิธีตามตัวนาง วันทองกลับมา ผู้ถ่ายทอดการฟ้อนลำ เพลิน แม่ครูณัฐพร จ่าโส ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการแสดงหมอลำ จังหวัด อุดรธานี แสดงโดย นายฑิชากร เตชัย อาจารย์ผู้ถ่ายทอดกระบวนท่ารำ อาจารย์ณัฐพร จ่าโส อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารยวิภารัตน์ ข่วงทิพย์ อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม อาจารย์อาทิตย์ คำ หงษ์ศา ประวัติการแสดง


เปิดฉาก : (ผญา) พี่น้องเอ๋ย ฟังนิทานบ่อนหนักแน่น เรื่องขุนซ้างขุนแผน มีหลายตอนบ่อนสิกล่าว มาฟังเอาก่อนท้าว คราวขุนแผนเข้าผ่างพิง ขุนซ้างหลอกกล่อมกลิ้งเอาเมียมิ่งวันทอง นางเป็นเมียขุนแผนได้ห่างแดนเมืองบ้าน ไปทหารแนวหน้ารักษาการตามคำ สั่ง หันมาฟังบ่อนท้าวคราวขุนซ้างเข้าผ่างพิง สั่นแหลว พี่น้องเอ้ย ลำ : (ขุนช้าง) ล่ะพอแต่เปิดผ้าม่านกั้ง ขุนซ้างกะฝั่งทางหิวนอน เดิกออนซอนพอดีกะหน่วงหนาวมาต้อง กะเลยเอานางน้องนางวันทองไปเทียมผ่าง ขุนซ้างยกน้อย่างย้ายวันทองน้องกะย่างนำ (สนทนา) ขุนช้าง : วันทองเอ้ย เดิกๆข่อนวันทองนอนเทียมผ่างอ้ายเด้อ พี่ซ้างพานาถหล่าวันทองน้องเข้าบ่อนนอน นะวันทองนะ วันทอง : ค่ะ พี่ช้าง ดนตรีเปิดตัวขุนแผน ลำ : (ขุนแผน) พ่อแม่เอ้ย ขุนแผนมาถึงห้องวันทองบ่อนนางอยู่ เปิดประตูขั่นส่องพ้อ พะนางน้องนี่ฮิ่นนอน พูด : (ขุนแผน) ปาดติ่โท่ ไอ้ขุนช้าง ไอ้หัวล้านกะบาลหมา หาว่ากูล้มหายตายเสียแล้ว เอาเมียกูมาอยู่เซยซมซ้อน ไอ้ขุนซ้าง ไอ้เพื่อนทรยศกูต้องฆ่ามึงให้ตายในมื้อนี่ ลำ : (ขุนแผน) ล่ะหมอขุนแผนจั่งได้ เดือดดาดในอุรา ล่ะจั่งว่าบาคานสูนบ่นานดอกมันซ้า ล่ะจั่งว่าบาคานท้าวสิแทงลงบ่ได้จ่ง ให้มึงลงแผ่นพื้นเดี๋ยวนี่กะอย่านาน วันทองเอ้ย พูด : กุมารทอง หยุด หยุด หยุด พ่อแผน บาปได้แก่ผู้ทำ กรรมได้แก่ผู้สร้าง เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรนะจ๊ะพ่อจ๋า อย่าไปตีไปฆ่าเขาเด้อ ให้เขารับกรรมเองเด้อพ่อเด้อ ลำ : ขุนแผน ล่ะพอได้ยินลูกเว้า ขุนแผนเหล่า ถอยมา ถอยมา ถอยมา โอ๋ยพ่อกำ ลังโมโหกะส่างมาน้อขวงไว้ ขั่นบ่ยินยอมให้บิดาน้อฆ่าแม่ พ่อสิฟันม่านมุ้งกะพอให้ส่วงใจ ว่าแล้วขุนกะล่ะเด้อ จั่งได้ จั่งได้ สิฟาดฟันกันเทิงยำ ให้มันหมุ่นพอปานฮำ ล่ะม่านบังล่ะทั้งมุ้ง (สนทนา) ขุนแผน : วันทองเมียพี่ ลุกขึ้นมาเถิดน้อง พี่แผนมาฮับเอาเจ้าแล้ววันทอง วันทอง : อุ้ย พี่แผน นี่เจ้าเข้ามานี่ได้จั่งได๋ ตอนนี้วันทองเป็นเมียพี่ซ้างแล้ว วันทองไปนำ พี่แผนบ่ได้ดอก ขุนแผน : ว่าจั่งได๋กะสิบ่ไปแม่นบ่วันทอง เอาล่ะพี่น้องเอ้ย ว่าจั่งได๋วันทองกะสิบ่ไปนำ ขุนแผน ขุนแผนจะต้องโอมอ่านคาถาอาคม ให้วันทองหลงไหลไปกับขุนแผนเดี๋ยวนี่ ลำ : ขุนแผน ล่ะพอแต่ว่าส่ำ นั่นสิโอมอ่านอาคม สะกดคนดอกในเฮือนให้ฮิ่นนอนน้อเบิดบ้าน กับทั้งตัวขุนซ้างวันทองดอกเมียเก่า ให้ขุนซ้างนอนแซบเศร้า มีได้บ่ตื่นมา พูด : โอมมมม เพี้ยง ลำ : วันทอง ล่ะพอแต่มนต์มาต้อง ล่ะวันทองผัดใจอ่อน ล่ะนางสิคอนห่อผ้านำ เจ้าดอกบ่วาง ไปล่ะเด้อพี่ซ้างผู้ผมห่างดอกเซาไกล ล่ะนางสิไปไกลผัวก่อน ล่ะเด้อคราวนี่ ขั่นนางสิไกลไลอ้ายไปนำ ดอกผัวเก่า เจ้าอย่าไห้นำ น้องผู้อยู่ไกล ไสเลิงๆ โอยละหน่า ๙๗


Click to View FlipBook Version