The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by atthapol.k, 2021-09-27 05:55:57

ทรัพย์

ทรัพย์

ทรพั ย์

ม.137 “ทรพั ย์ หมายความว่า วตั ถมุ ีรปู รา่ ง”
ม.138 “ทรพั ย์สิน หมายความ รวมทงั้ ทรพั ยแ์ ละวตั ถไุ ม่มีรูปร่าง ซ่ึงอาจมีราคาและอาจ

ถือเอาได้”

ทรพั ยสทิ ธแิ ละสทิ ธติ ่างๆ ทจ่ี ะเป็นทรพั ยส์ นิ จะต้องเป็นทรพั ยสทิ ธแิ ละสทิ ธทิ ก่ี ฎหมายไทยรบั รอง
แล้ว เช่น กรรมสทิ ธิ ์ สทิ ธิครอบครอง ภารจํายอม ฯลฯ ภารติดพนั ในอสงั หารมิ ทรพั ย์ จํานํา จํานอง
ลขิ สทิ ธิ ์ สทิ ธใิ นเครอ่ื งหมายการคา้ สทิ ธบิ ตั ร ส่วนสทิ ธใิ นช่อื เสยี งแหง่ ธุรกจิ แมจ้ ะไดร้ บั รอง การรบั รอง
จากกฎหมายต่างประเทศ แต่ขณะน้ียงั ไมม่ กี ฎหมายไทยรบั รอง จงึ ไมถ่ อื วา่ เป็นทรพั ยส์ นิ

อาจถอื เอาได้ หมายถงึ อาจเขา้ หวงกนั ไวเ้ พ่อื ตนเอง ไมจ่ าํ เป็นตอ้ งเขา้ ยดึ ถอื จบั ตอ้ งไดจ้ รงิ จงั เชน่
ปลาในโป๊ะ

อสงั หาฯ มเี จา้ ของเสมอ ถา้ ไมเ่ ป็นของเอกชนกต็ อ้ งเป็นของรฐั สว่ นสงั หาฯ อาจไมม่ เี จา้ ของกไ็ ด้
อสงั หาริมทรพั ย์

ม.139 “อสงั หาริมทรพั ย์ หมายความว่าที่ดินและทรพั ยอ์ นั ติดอย่กู บั ท่ีดินมีลกั ษณะเป็นการ
ถาวรหรือ ประกอบเป็นอนั เดียวกบั ที่ดินนัน้ และหมายความรวมถึงทรพั ยสิทธิอนั เกี่ยวกบั ท่ีดินหรือ
ทรพั ยอ์ นั ติดอย่กู บั ท่ีดินหรือประกอบเป็นอนั เดียวกบั ท่ีดินนัน้ ด้วย”

1. ท่ดี นิ คอื พ้นื ดนิ ทวั่ ไป จะนําความหมายของ ป.ท่ดี นิ มาใชก้ บั ปพพ. ไม่ได้ เช่น ลําน้ํา และ
ทะเลสาบ ยอ่ มไมเ่ ป็นทด่ี นิ ตามความหมายของ ม.139

2. ทรพั ยอ์ นั ตดิ กบั ทด่ี นิ มลี กั ษณะเป็นการถาวร ไดแ้ ก่
ก. ทรพั ยท์ เ่ี กดิ หรอื ตดิ กบั ทด่ี นิ โดยธรรมชาติ อนั มลี กั ษณะเป็นการถาวร เชน่ ไมย้ นื ตน้
ข. ทรพั ยท์ ต่ี ดิ กบั ทด่ี นิ โดยมผี นู้ ํามาตดิ เชน่ บา้ น
ฎ.8915/2546 การขายอาคารเป็นการขายอสงั หาฯ แมย้ งั ก่อสรา้ งไมเ่ สรจ็ สมบรู ณ์กต็ าม
ต้องเป็นการติดในลกั ษณะเป็นการแน่นหนาถาวร แต่อาจจะติดอยู่ชวั่ ระยะเวลาหน่ึงก็ได้ เช่น
อาคารทป่ี ลูกในงานมหกรรมชวั่ ระยะมงี าน เสรจ็ แล้วกร็ อ้ื ออกไป ถ้าเพยี งวางอย่บู นท่ดี นิ แมจ้ ะชา้ นาน
เทา่ ใดกม็ ใิ ชอ่ สงั หาฯ
เจตนาของผูท้ ่นี ํามาตดิ มใิ ช่ขอ้ ท่จี ะนํามาพจิ ารณาว่าทรพั ยน์ ัน้ ติดทด่ี นิ อนั มลี กั ษณะเป็นการถาวร
หรอื ไม่ แต่เจตนาอาจนํามาพจิ ารณาไดใ้ นตอนจะโอน
3. ทรพั ยซ์ ง่ึ ประกอบเป็นอนั เดยี วกบั ทด่ี นิ เชน่ แมน่ ้ํา ลาํ คลอง แรธ่ าตุ ซง่ึ มอี ยตู่ ามธรรมชาติ หรอื
มนุษยน์ ํามารวมไวก้ บั ทด่ี นิ จนกลายเป็นส่วนของพน้ื ดนิ ตามธรรมชาติ แต่ไม่หมายความรวมถงึ สงั หาฯ ท่ี
ซ่อน ฝงั่ หรอื ตกหล่นหมกดนิ ทรายอยู่ เพราะมไิ ดป้ ระกอบเป็นพน้ื ดนิ ตามธรรมชาติ ยางทน่ี ํามาทําถนน
ถา้ นํามาทาํ ถนนแลว้ เป็นอสงั หาฯ
4. ทรพั ยส์ ทิ ธอิ นั เกย่ี วกบั อสงั หาฯ แบง่ เป็น 3 ประเภท คอื

ก. ทรพั ยสทิ ธเิ ก่ยี วกบั ท่ดี นิ ไดแ้ ก่ กรรมสทิ ธิ ์ สทิ ธคิ รองครอง (ฎ.350/2540) ภารจํายอม สทิ ธิ
อาศยั สทิ ธเิ หนือพน้ื ดนิ สทิ ธเิ กบ็ กนิ ฯลฯ

ฎ.321-322/2504 สทิ ธริ บั จํานองท่ดี นิ เป็นอสงั หาฯ การยกสทิ ธริ บั จํานองให้แก่กนั ต้องทําเป็น
หนงั สอื และจดทะเบยี นฯ

ข. ทรพั ยสทิ ธเิ กย่ี วกบั ทรพั ยอ์ นั ตดิ อย่กู บั ทด่ี นิ คอื กรรมสทิ ธิ ์ สทิ ธคิ รอบครอง ภารจํายอม ฯลฯ
สทิ ธจิ าํ นองซง่ึ เกย่ี วกบั ทรพั ยอ์ นั ตดิ อยกู่ บั ทด่ี นิ มลี กั ษณะเป็นการถาวร เชน่ ไมย้ นื ตน้ ตกึ บา้ นเรอื น ฯลฯ

ค. ทรพั ยสทิ ธิอนั เก่ียวกับทรพั ย์ซ่ึงประกอบเป็นอนั เดียวกบั ท่ีดิน เช่น กรรมสิทธิ ์ ทรพั ยสิทธิ
ทงั้ หลายใน ป.พ.พ. บรรพ 4 ซง่ึ เกย่ี วกบั ถนนคอนกรตี แรธ่ าตุ หาดทราย สระน้ํา เป็นตน้

แต่หนุ้ สว่ น ทเ่ี กย่ี วกบั ทด่ี นิ หรอื อสงั หาฯ หาใชอ่ สงั หาฯไม่ (ฎ.316/2491)
ในการวินิ จฉัยว่าทรพั ย์ใดเป็ นอสงั หาฯหรือไม่ พจิ ารณาจาก ม.139 เท่านัน้ ไม่ควรนําไป

พจิ ารณาปนกบั เรอ่ื งสว่ นควบตาม ม.146 เพราะทรพั ยบ์ างอยา่ งตดิ อยกู่ บั ทด่ี นิ แน่นหนาถาวรแต่ตดิ กบั ทด่ี นิ
เพยี งชวั่ คราว จงึ ไม่เป็นส่วนควบตาม ม.146 หรอื ผูม้ สี ทิ ธใิ นท่ดี นิ ของผูอ้ ่นื ได้ ปลูกสรา้ งโรงเรอื นลงใน
ทด่ี นิ ของผอู้ น่ื ไวแ้ มโ้ รงเรอื นจะมใิ ชส่ ว่ นควบ แต่กย็ งั เป็นอสงั หาฯ

ทรพั ยบ์ างอยา่ งไมใ่ ชอ่ สงั หาฯและไมเ่ ป็นสว่ นควบ เชน่ เครอ่ื งจกั ร
อสงั หาฯทเ่ี ป็นทด่ี นิ อาจแบ่งเป็น 2 ประเภท 1. ทด่ี นิ มกี รรมสทิ ธิ ์ 2. ทด่ี นิ มเี พยี งสทิ ธคิ รอบครอง

สงั หาริมทรพั ย์
ม. 140 “สงั หาริมทรพั ย์ หมายความว่า ทรพั ย์สินอื่นนอกจากอสงั หาริมทรพั ย์และ
หมายความรวมถงึ สิทธิอนั เกี่ยวกบั ทรพั ยส์ ินนัน้ ด้วย”

1. ทรพั ยท์ อ่ี าจขนเคล่อื นจากทแ่ี หง่ หน่ึงไปแหง่ อน่ื ไดโ้ ดยไมเ่ สยี รปู ทรง
2. กาํ ลงั แรงแหง่ ธรรมชาติ จะตอ้ งถอื เอาไดแ้ ละอาจมรี าคาไดด้ ว้ ย มฉิ ะนนั้ ยอ่ มไมใ่ ช่ทรพั ยส์ นิ เช่น
พลงั น้ําตก แก๊ส
3. สทิ ธทิ งั้ หลายอนั เกย่ี วกบั สงั หารมิ ทรพั ย์ เช่น จํานํา สทิ ธใิ นหุน้ ส่วน สทิ ธยิ ดึ หน่วง ลขิ สทิ ธิ ์ เป็น
ตน้
ข้อสงั เกตุ อสงั หาฯ หรอื สงั หาฯ อาจเป็นสง่ิ ท่ไี ม่มรี ูปร่าง เช่น ทรพั ยสทิ ธอิ นั เก่ยี วกบั ทด่ี นิ หรอื

สทิ ธเิ กย่ี วกบั สงั หาฯ
ทรพั ยแ์ บง่ ได้ และทรพั ยแ์ บง่ ไมไ่ ด้

ม.141 “ ทรพั ยแ์ บ่งได้หมายความว่า ทรพั ยอ์ นั อาจแยกออกจากกนั เป็ นส่วนๆได้จริงถนัด
ชดั แจ้ง แต่ละส่วนได้รปู บริบรู ณ์ลาํ พงั ตวั ”

ม.142 “ทรพั ยแ์ บ่งไม่ได้หมายความว่าทรพั ยอ์ นั จะแยกออกจากกนั ไม่ได้นอกจากเปลี่ยน
แปลงภาวะของทรพั ยแ์ ละหมายความรวมถึงทรพั ยท์ ่ีมีกฎหมายบญั ญตั ิว่าแบง่ ไม่ได้ ด้วย”

จะเป็นสงั หาฯหรอื อสงั หาฯกไ็ ด้
ทรพั ยน์ อกพาณิชย์

ม.143 “ทรพั ยน์ อกพาณิชยห์ มายความว่าทรพั ยท์ ่ีไม่สามารถถือเอาได้และทรพั ยท์ ี่โอนแก่
กนั มิได้โดยชอบด้วยกฎหมาย” มี 2 ประเภท

ก. ทรพั ยท์ ไ่ี มส่ ามารถถอื เอาได้ เชน่ สายลม แสงแดด
ข. ทรพั ยท์ ไ่ี มส่ ามารถโอนกนั ไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย เช่น สาธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ , สทิ ธทิ จ่ี ะ
ไดร้ บั คา่ อปุ การะเลย้ี งดู

ส่วนควบ

ม.144 “ส่วนควบของทรพั ยห์ มายความว่าส่วนซ่ึงโดยสภาพแห่งทรพั ย์หรือโดยจารีต
ประเพณี แห่งท้องถิ่นเป็ นสาระสาํ คญั ในความเป็ นอยู่ของทรพั ยน์ ัน้ และไม่อาจแยกจากกนั ได้

นอกจากจะทาํ ลายทาํ ให้บบุ สลายหรือทาํ ให้ทรพั ยน์ ัน้ เปล่ียนแปลงรปู ทรงหรือ สภาพไป
เจ้าของทรพั ยย์ ่อมมีกรรมสิทธ์ิในส่วนควบของทรพั ยน์ ัน้ “
ม.145 “ไม้ยืนต้นเป็นส่วนควบกบั ท่ีดินท่ีไม้นัน้ ขึน้ อยู่
ไม้ล้มลุกหรือธญั ชาติอนั จะเกบ็ เกี่ยวรวงผลได้คราวหนึ่งหรือหลายคราวต่อปี ไม่เป็ นส่วน

ควบกบั ที่ดิน”
ม.146 “ทรพั ยซ์ ึ่งติดกบั ที่ดินหรือติดกบั โรงเรือนเพียงชวั่ คราว ไม่ถือว่าเป็ นส่วนควบกบั

ท่ีดินหรือโรงเรือนนัน้ ความข้อนี้ให้ใช้บงั คบั แก่ โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นซ่ึงผมู้ ีสิทธิใน
ที่ดินของผอู้ ื่นใช้ สิทธินัน้ ปลกู สร้างไว้ในที่ดินนัน้ ด้วย”

ม.144 ม.145
จะตอ้ งเป็นทรพั ยต์ งั้ แต่ 2 สว่ นขน้ึ ไปประกอบเป็นทรพั ยใ์ หมข่ น้ึ
จะตอ้ งเป็นทรพั ยส์ ว่ นทเ่ี คยมสี ถาพอยตู่ ่างหากจากกนั มาก่อน
จะเป็นสงั หาฯ หรอื อสงั หาฯ กไ็ ด้
จะเป็นทรพั ยข์ องเจา้ เดยี วกนั หรอื ต่างเจา้ ของกนั กไ็ ด้
จะมที รพั ยป์ ระธานหรอื ไมก่ ไ็ ด้
แรงงานมใิ ชท่ รพั ยส์ นิ จงึ ไมอ่ าจถอื วา่ เป็นสว่ นควบของทรพั ยไ์ ด้
ทรพั ยท์ ี่จะเป็นส่วนควบนัน้ จะต้องประกอบด้วยหลกั เกณฑ์ 2 ประการ คือ

1. ส่วนควบต้องเป็นสาระสําคญั ในความเป็นอยู่ของทรพั ยใ์ หม่นัน้ อาจเป็น โดยสภาพแห่งทรพั ย์
นนั้ เอง หรอื โดยจารตี ประเพณแี หง่ ทอ้ งถน่ิ เชน่ บา้ น

2. ส่วนควบต้องมสี ภาพไม่อาจแยกออกจากกนั ได้ นอกจากทําลาย ทําใหบ้ ุบสลาย หรอื ทําให้
ทรพั ยน์ นั้ เปลย่ี นแปลงรปู ทรงหรอื สภาพไป

การรวมสภาพนนั้ อาจเป็นการกระทาํ ของบุคคล หรอื ธรรมชาตกิ ไ็ ด้
ทง่ี อกรมิ ตลงิ่ ตอ้ งเป็นทง่ี อกซง่ึ ตดิ ต่อเป็นแปลงเดยี วกบั ทด่ี นิ เดมิ จงึ จะเป็นสว่ นควบ หากมถี นนหรอื
ทางหลวง หรอื แมแ้ ต่มลี าํ รางทางน้ําฝนตกไหลคนั่ หาใชส่ ว่ นควบของทด่ี นิ แปลงนนั้ ไม่ (ฎ.1769/2492 , ฎ.
524/2497)

ฝากัน้ ห้องแม้จะมีสภาพไม่อาจแยกจากตัวบ้านได้และหากร้ือจําทําให้บุบสลายไปก็ตาม แต่
ตามปกตยิ ่อมไม่ถอื ว่าเป็นสาระสําคญั ของตวั บ้าน เว้นแต่จะนําสบื ใหเ้ หน็ ว่ามจี ารตี ประเพณีเช่นนัน้ จงึ
ไมใ่ ชส่ ว่ นควบของตวั บา้ น (ฎ.372/2500)

ข้อยกเว้นในเรื่องส่วนควบ

1. ไมล้ ม้ ลุกและธญั ชาติ ซง่ึ เกบ็ เกย่ี วรวงผลไดค้ ราวเดยี วหรอื หลายคราวต่อปี
2. ทรพั ยท์ ต่ี ดิ กบั ทด่ี นิ หรอื ตดิ กบั โรงเรอื นเพยี งชวั่ คราว (ม.146)
3. โรงเรอื นหรอื สงิ่ ปลูกสรา้ งอย่างอ่นื ซง่ึ ผมู้ สี ทิ ธใิ นทด่ี นิ ของผอู้ ่นื ใชส้ ทิ ธนิ นั้ ปลูกสรา้ งไวใ้ นทด่ี นิ นัน้
ดว้ ย เช่น ผทู้ รงสทิ ธเิ หนือพน้ื ดนิ ในทด่ี นิ ของผอู้ ่นื ตาม ม.1410 ไดป้ ลูกสรา้ งบา้ นลงไป มใิ ช่สว่ นควบมสี ทิ ธิ
รอ้ื ถอนไปไดต้ าม ม.1416
ฎ.370-371/2511 ปลกู ตกึ แถวในทด่ี นิ โดยอาศยั สทิ ธติ ามสญั ญาเชา่ ทด่ี นิ มกี าํ หนด 15 ปี แลว้ จงึ จะ
ใหต้ กึ แถวตกเป็นกรรมสทิ ธแิ ์ ก่เจา้ ของทด่ี นิ ดงั นนั้ เมอ่ื สญั ญาเชา่ ยงั ไมค่ รบอายุ ตกึ แถวยงั ไมเ่ ป็นสว่ นควบ
(ฎ.1134/2514 , 883/2544)
ฏ.116/2513 ทําทางเทา้ และคนั หนิ บนทางเทา้ ล้ําเขา้ ไปในทด่ี นิ ของจําเลย โดยโจทก์จําเลยตกลง
ยนิ ยอม ถอื ว่าเป็นการไดม้ าซง่ึ สทิ ธเิ หนือพน้ื ดนิ เม่อื มไิ ดท้ าํ เป็นหนังสอื และจดทะเบยี นฯ ย่อมไม่บรบิ ูรณ์
ครนั้ ต่อมาจาํ เลยไมย่ อมใหท้ างเทา้ และคนั หนิ ล้าํ บนทด่ี นิ ของจาํ เลยอกี ต่อไป โจทกก์ ไ็ มม่ สี ทิ ธใิ ชป้ ระโยชน์ใน
ทด่ี นิ ของจาํ เลยได้ ทางเทา้ และคนั หนิ ไมต่ กเป็นสว่ นควบ
ฎ.3593/2533 ผจู้ ะขายทด่ี นิ ยนิ ยอมใหผ้ จู้ ะซอ้ื เขา้ ไปปลกู บา้ นในทด่ี นิ ทจ่ี ะขาย ถอื วา่ ผจู้ ะซอ้ื เป็นผู้
มสี ทิ ธใิ นทด่ี นิ ของผจู้ ะขายในอนั ทจ่ี ะปลกู บา้ นได้ บา้ นไมเ่ ป็นสว่ นควบ
สทิ ธติ ามสญั ญาซ่งึ จะถือว่าเป็นสทิ ธใิ นท่ดี นิ ของผูอ้ ่นื ได้นัน้ ต้องเป็นสทิ ธทิ จ่ี ะปลูกโรงเรอื นในท่ดี นิ
ของผู้อ่ืนได้ตามสญั ญาโดยตรง เช่น เช่าท่ีดินปลูกบ้าน แต่ถ้าเช่าบ้าน ถือว่าผู้เช่ามีสิทธิเพียงจะใช้
ประโยชน์จากบา้ นเทา่ นนั้ ไมม่ สี ทิ ธปิ ลกู สรา้ งอะไรลงไปบนทด่ี นิ ถา้ ผเู้ ชา่ ปลกู สรา้ งสงิ่ ใดลงไป เช่นทาํ ถนน
ซเี มนต์ ถนนกเ็ ป็นสว่ นควบของทด่ี นิ (ฎ.723/2490)
สทิ ธใิ นท่ดี นิ ของผูอ้ ่นื ท่เี ป็นบุคคลสทิ ธติ าม ม.146 นัน้ จะเป็นสทิ ธติ ามสญั ญาซ่งึ เป็นลายลกั ษณ์
อกั ษร หรอื เป็นตามสญั ญาดว้ ยวาจากไ็ ด้ และจะเป็นสทิ ธโิ ดยชดั แจง้ หรอื โดยปรยิ ายอนั เกดิ จากสญั ญากไ็ ด้
ฎ.1783/2519 ปลูกเรอื นในทด่ี นิ ของผูอ้ ่นื โดยเจา้ ของทด่ี นิ ยนิ ยอมใหป้ ลูกอาศยั เรอื นไม่เป็นส่วน
ควบ
ฎ. 151/2532 บดิ าซอ้ื ทด่ี นิ ใสช่ อ่ื บุตร อายไุ มเ่ กนิ 7 ปี และอยใู่ นอปุ การะเลย้ี งดขู องบดิ ามารดาแลว้
บดิ ามารดาปลูกบ้านอยู่บนทด่ี นิ นัน้ บุตรกอ็ ยู่ดว้ ย พอจะถอื ไดว้ ่าบดิ าปลูกบ้านโดยบุตรยนิ ยอม ไม่เป็น
สว่ นควบ
ฎ.339/2516 สามแี ละภรยิ าโดยชอบดว้ ยกฎหมายไดร้ ว่ มกนั ปลกู บา้ นในทด่ี นิ ของสามี พฤตกิ ารณ์
เช่นน้ีแสดงว่าสามยี นิ ยอมใหใ้ ชท้ ด่ี นิ ปลูกบา้ น ภรยิ าจงึ เป็นผมู้ สี ทิ ธใิ นทด่ี นิ ตามทส่ี ามยี นิ ยอม ไม่เปนสว่ น
ควบ คงเป็นกรรมสทิ ธริ ์ ว่ ม

ฎ. 114/2499 ซอ้ื โรงเรอื นโดยทําสญั ญาซอ้ื ขายทอ่ี ําเภอ และมขี อ้ ตกลงว่าผูซ้ อ้ื จะรอ้ื ไปภายใน 3
วนั นนั้ เป็นการขายสงั หาฯ กรรมสทิ ธผิ ์ า่ นมอื ไปยงั ผซู้ อ้ื โดยสมบรู ณ์แลว้ มใิ ชเ่ ปลย่ี นมอื เมอ่ื รอ้ื ถอน

ถา้ ไม่รอ้ื ไปตามขอ้ ตกลง กลบั ยอมใหผ้ ขู้ ายเช่าเรอื นต่อไปอกี ถงึ 10 ปี ถอื ว่าผูซ้ ้อื ไม่มสี ทิ ธเิ หนือ
พน้ื ดนิ ในอนั ทจ่ี ะมสี ทิ ธเิ ป็นเจา้ ของเรอื นนนั้ เพราะมไิ ดจ้ ดทะเบยี นตาม ม.1299 เรอื นจงึ เป็นสว่ นควบของ
ทด่ี นิ หากมผี ูซ้ ้อื ทด่ี นิ ไปโดยสุจรติ เสยี ค่าตอบแทน และจดทะเบยี นสทิ ธแิ ลว้ ผซู้ ้อื ย่อมไดก้ รรมสทิ ธใิ ์ น
เรอื นดว้ ย

ฎ.938/2501 ผรู้ บั ซอ้ื ฝากเฉพาะสง่ิ ปลูกสรา้ งโดยสุจรติ และจดทะเบยี นทอ่ี าํ เภอก่อนทงั้ ไดร้ อ้ื ออกไป
แลว้ เพราะผูข้ ายไม่ไถ่คนื ผูร้ บั ซ้อื ฝากย่อมมสี ทิ ธใิ นสง่ิ ปลูกสรา้ งดกี ว่า ผูร้ บั ซอ้ื ฝากทด่ี นิ พรอ้ มสง่ิ ปลูก
สรา้ งทร่ี บั ซอ้ื ในภายหลงั แมจ้ ะสจุ รติ และจดทะเบยี นโดยชอบ

ฎ.648/2506 จําเลยไดบ้ ุตรสาวผรู้ อ้ งเป็นภรยิ า และอย่อู าศยั ในเรอื นของผรู้ อ้ งทป่ี ลูกในทด่ี นิ ของผู้
รอ้ ง ต่อมาเรอื นทรุดโทรม จําเลยได้ร้อื สรา้ งใหม่ แมจ้ ําเลยจะออกเงนิ ค่าก่อสรา้ ง แต่เม่อื ไม่ปรากฏว่า
จาํ เลยไดร้ บั สทิ ธหิ รอื อาํ นาจทจ่ี ะปลกู เรอื นในทด่ี นิ ของผรู้ อ้ งแต่ประการใด กรณีไมเ่ ขา้ ขอ้ ยกเวน้ ม.146 และ
ไมใ่ ชก่ รณปี ลกู โรงเรอื นรกุ ล้าํ ทด่ี นิ ของผรู้ อ้ งตาม ม.1310 เรอื นจงึ เป็นสว่ นควบ เป็นกรรมสทิ ธขิ ์ องผรู้ อ้ ง

ฎ.1856/2512 จําเลยไดบ้ ุตรผรู้ อ้ งเป็นภรยิ า และไดป้ ลูกเรอื นบนทด่ี นิ ของผรู้ อ้ งใหเ้ ป็นทอ่ี ยู่อาศยั
แม้เรอื นจะมลี กั ษณะถาวรติดท่ดี นิ แต่เม่อื ตามพฤติการณ์เหน็ ได้ว่าผู้รอ้ งกบั สามยี นิ ยอมให้ปลูกเพ่อื อยู่
อาศยั กรณจี งึ เขา้ ขอ้ ยกเวน้ ตาม ม.146 ไมเ่ ป็นสว่ นควบ ผรู้ อ้ งจงึ รอ้ งขดั ทรพั ยม์ ไิ ด้

ฎ.1516-1517/2519 ผอู้ าศยั ในโรงเรอื นซ่อมแซมบา้ นเพอ่ื ความสะดวกสบายของตน สงิ่ ทซ่ี อ่ มแซม
เป็นสว่ นควบของบา้ น เรยี กคา่ ทดแทนไมไ่ ด้

ม.144 ว.ทา้ ย เจา้ ของทรพั ยย์ อ่ มมกี รรมสทิ ธใิ ์ นสว่ นควบของทรพั ยน์ นั้
แมส้ ว่ นควบเดมิ จะเป็นของผอู้ ่นื กต็ าม ผมู้ กี รรมสทิ ธใิ ์ นสว่ นควบหาจาํ ตอ้ งชดใชค้ ่าทดแทนใหแ้ ก่เจา้
เดมิ ไม่ เวน้ แต่เขา้ ขอ้ ยกเวน้ ตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ เชน่ ม.1310 , 1313-1315
ฎ. 688/2511 โจทก์ซ้อื ฝากเรอื นจากผูข้ ายโดยจดทะเบยี นต่ออําเภอถูกต้องตาม ป.ทด่ี นิ ต่อมา
ผขู้ ายไดข้ ายทด่ี นิ และสงิ่ ปลูกสรา้ งใหจ้ าํ เลยโดยจดทะเบยี นท่ี สนง.ทด่ี นิ ดงั น้ีตราบใดทเ่ี รอื นยงั ปลูกอยบู่ น
ทด่ี นิ ทจ่ี าํ เลยซอ้ื มา เรอื นยอ่ มเป็นสว่ นควบของทด่ี นิ การก่อตงั้ กรรมสทิ ธใิ ์ นเรอื นแยกต่างหากจากทด่ี นิ จะ
ทาํ ไดก้ โ็ ดยก่อตงั้ สทิ ธเิ หนือพน้ื ดนิ เม่อื โจทกเ์ พยี งแต่จดทะเบยี นซอ้ื ขายเทา่ นนั้ จาํ เลยซง่ึ ซอ้ื ทด่ี นิ พรอ้ มสง่ิ
ปลกู สรา้ งและไดจ้ ดทะเบยี นสทิ ธโิ ดยสจุ รติ แลว้ สทิ ธขิ องจาํ เลยในเรอื นพพิ าทยอ่ มดกี วา่ โจทก์
ฎ.5345/2546 ส.โอนทด่ี นิ มโี ฉนดเป็นทด่ี นิ แปลงเดมิ ใหบ้ รษิ ทั บ. ปี 2519 ขณะโอนแปลงเดมิ มที ่ี
งอก รมิ ตลง่ิ เกดิ ขน้ึ แล้ว โดย ส. ขอออกโฉนดปี 2516 แต่ยงั ไม่ยุตวิ ่าเป็นทง่ี อกมากน้อยเพยี งใด เพราะ
การออกโฉนดยงั ไมเ่ สรจ็ และไมเ่ คยมกี ารบนั ทกึ ในโฉนดเดมิ ไวใ้ หป้ รากฏ การเกดิ ทง่ี อกขน้ึ มายอ่ มจะตอ้ ง
เป็นไปตาม ม.1308 เม่อื ทด่ี นิ แปลงทเ่ี กดิ ทง่ี อกไดโ้ อนใหบ้ รษิ ทั บ. ไปแลว้ ดว้ ยความสมคั รใจของ ส. เอง
ทง่ี อกยอ่ มตดิ ไปเป็นของผซู้ อ้ื โดยผลของกฎหมาย ส. พน้ จากการเป็นเจา้ ของกรรมสทิ ธทิ ์ ด่ี นิ ทงั้ หมดทเ่ี คยมี
อยู่ทงั้ แปลงเดมิ และท่งี อก แม้ ส. จะไดข้ อออกโฉนดทด่ี นิ ส่วนท่เี ป็นท่งี อกค้างไว้ ต่อมาปี 2522 ไดอ้ อก

โฉนดสาํ เรจ็ เป็นชอ่ื ส. กไ็ มท่ าํ ให้ ส.ไดก้ รรมสทิ ธใิ ์ นทง่ี อกนนั้ และไมม่ อี าํ นาจขายทง่ี อกใหโ้ จทก์ โจทกผ์ รู้ บั
โอนไม่มสี ทิ ธดิ กี ว่า ส. และเม่อื จําเลยรบั โอนทด่ี นิ จาก สุธน ผซู้ อ้ื ทด่ี นิ จากการขายทอดตลาด อนั เป็นทด่ี นิ
แปลงเดมิ ทเ่ี กดิ ทง่ี อกจากเจา้ ของเดมิ มาโดยถูกตอ้ ง ยอ่ มทาํ ใหไ้ ดเ้ ป็นเจา้ ของกรรมสทิ ธใิ ์ นทง่ี อกดว้ ยโดยผล
ของกฎหมาย

ม.144 ที่ว่าเจ้าของทรพั ยย์ ่อมมีกรรมสิทธ์ิในส่วนควบ มีข้อยกเว้นดงั นี้

1. ขอ้ ยกเวน้ ตาม ม.1311 และ 1314 สรา้ งโรงเรอื น ปลูกตน้ ไมใ้ นทด่ี นิ ผูอ้ ่นื โดยไม่สุจรติ เจา้ ของ
ทด่ี นิ ไมม่ สี ทิ ธใิ นโรงเรอื น ตน้ ไมน้ นั้ ตอ้ งยอมใหเ้ จา้ ของโรงเรอื น รอ้ื ไป เวน้ แต่เจา้ ของทด่ี นิ ใชร้ าคาโรงเรอื น
หรอื คา่ ทด่ี นิ ทเ่ี พม่ิ ขน้ึ

2. ขอ้ ยกเวน้ ตาม ม.1312 สรา้ งโรงเรอื นรกุ ล้าํ โดยสจุ รติ เจา้ ของโรงเรอื นยงั เป็นเจา้ ของ แต่ตอ้ งเสยี
เงนิ ใหเ้ จา้ ของทด่ี นิ และจดทะเบยี นภารจาํ ยอม ถา้ ไมส่ จุ รติ เจา้ ของโรงเรอื นกย็ งั มสี ทิ ธริ อ้ื ถอนไปได้

3. ขอ้ ยกเวน้ ตาม ม.1316 เอาสงั หาฯของหลายคนมารวมเป็นส่วนควบ และถอื ไม่ไดว้ ่าทรพั ยใ์ ด
เป็นประธานแต่ละคนมสี ว่ นตามคา่ แหง่ ทรพั ยข์ องตนในขณะรวมกนั

แมเ้ จา้ ของทรพั ยจ์ ะไดก้ รรมสทิ ธใิ ์ นสว่ นควบ แต่กต็ อ้ งใชเ้ งนิ ใหแ้ ก่เจา้ ของสว่ นควบ
1. ม.1310 และ 1314 สรา้ งโรงเรอื นในทด่ี นิ ของผอู้ ่นื โดยสจุ รติ
2. ม.1313 และ 1314 เจา้ ของทด่ี นิ โดยมเี ง่อื นไข สรา้ งโรงเรอื นในทด่ี นิ นัน้ เม่อื ท่ดี นิ ตกเป็นของ
ผอู้ น่ื ตามเงอ่ื นไขใหน้ ําลาภมคิ วรไดม้ าใช้ คอื เจา้ ของทด่ี นิ ทร่ี บั โอนตอ้ งคนื โรงเรอื นหรอื ใชร้ าคา
3. ม.1315 สรา้ งโรงเรอื นในท่ดี นิ ของตนดว้ ยสมั ภาระของผูอ้ ่นื ผูส้ รา้ งเป็นเจ้าของสมั ภาระ(ส่วน
ควบ) แต่ตอ้ งใชค้ า่ สมั ภาระ

อปุ กรณ์
ม.147 “อปุ กรณ์หมายความว่าสงั หาริมทรพั ยซ์ ่ึงโดยปกตินิยมเฉพาะถิ่นหรือโดยเจตนาชดั
แจ้งของเจ้าของทรพั ยท์ ี่เป็ นประธานเป็ นของใช้ประจาํ อย่กู บั ทรพั ยท์ ี่เป็ น ประธานเป็ นอาจิณเพ่ือ

ประโยชน์แก่การจดั ดแู ลใช้สอยหรือรกั ษาทรพั ยท์ ่ีเป็น ประธานและเจ้าของทรพั ยไ์ ด้นํามาส่ทู รพั ยท์ ี่
เป็ นประธานโดยการนํามาติดต่อหรือ ปรบั เข้าไว้หรือทาํ โดยประการอ่ืนใดในฐานะเป็ นของใช้

ประกอบกบั ทรพั ยท์ ่ีเป็น ประธานนัน้

อุปกรณ์ท่ีแยกออกจากทรพั ย์ที่เป็ นประธานเป็ นการชัว่ คราวก็ ยงั ไม่ขาดจากการเป็ น

อปุ กรณ์ของทรพั ยท์ ่ีเป็นประธานนัน้
อปุ กรณ์ย่อมตกติดไปกบั ทรพั ยท์ ่ีเป็นประธาน เว้นแต่จะมีการ กาํ หนดไว้เป็นอย่างอ่ืน”

1. อปุ กรณ์จะตอ้ งมที รพั ยป์ ระธาน ทรพั ยป์ ระธานจะเป็นอสงั หาฯ หรอื สงั หาฯ กไ็ ด้
2. อปุ กรณ์จะตอ้ งเป็นสงั หาฯเสมอ
3. อุปกรณ์ตอ้ งมใิ ชท่ รพั ยท์ ร่ี วมสภาพความเป็นอยกู่ บั ทรพั ยป์ ระธานจนแยกจากกนั ไมไ่ ด้
4. อปุ กรณ์จะตอ้ งมใิ ชท่ รพั ยท์ เ่ี ป็นประธานดว้ ย
5. อปุ กรณ์จะตอ้ งเป็นทรพั ยข์ องเจา้ ของเดยี วกบั ทรพั ยป์ ระธาน

6. อุปกรณ์จะต้องเป็นของใช้ประจําอยู่กับทรพั ย์ประธานเป็นอาจิณ (ก) พิจารณาปกตินิยม
เฉพาะถน่ิ (ข) พจิ ารณจากเจตนาโดยชดั แจง้ ของเจา้ ของทรพั ยป์ ระธาน

7. อุปกรณ์จะต้องใชป้ ระจําเป็นอาจณิ กบั ทรพั ยป์ ระธานเพ่อื ประโยชน์ในการจดั ดูแล ใชส้ อย หรอื
รกั ษาทรพั ยป์ ระธาน

ฎ.1814/2545 เคร่อื งเสยี งรถยนต์ท่เี จ้าของนําไปฟงั ในรถเป็นประจํา แมจ้ ะนานเพยี งใดก็มใิ ช่
อปุ กรณ์

8. อุปกรณ์จะต้องเป็นทรพั ยท์ เ่ี จา้ ของทรพั ยป์ ระธานไดน้ ํามาส่ทู รพั ยป์ ระธานในฐานะเป็นเคร่อื งใช้
เพอ่ื ประโยชน์ตาม ขอ้ 7.

อปุ กรณ์ แมจ้ ะแยกจากทรพั ยป์ ระธานชวั่ คราวยงั ไมข่ าดจากเป็นอปุ กรณ์ของทรพั ยป์ ระธานนนั้ ถา้
แยกเด็ดขาดก็ขาด ธรรมดาอุปกรณ์ย่อมตกติดไปกบั ทรพั ย์ประธาน แม้ขณะโอนอุปกรณ์จะแยกอยู่
ต่างหากจากทรพั ยป์ ระธาน แต่ถา้ ตกลงโดยชดั แจง้ วา่ ไมโ่ อนอุปกรณ์ไปกบั ทรพั ยป์ ระธาน ขอ้ ตกลงน้ีใชไ้ ด้

ดอกผล
ม.148 “ดอกผลของทรพั ยไ์ ด้แก่ดอกผลธรรมดาและดอกผลนิตินัย
ดอกผลธรรมดาหมายความว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของทรพั ยซ์ ่ึงได้มาจาก ตวั ทรพั ย์
โดยการมีหรือใช้ทรพั ยน์ ัน้ ตามปกตินิยมและสามารถถอื เอาได้เม่ือขาด จากทรพั ยน์ ัน้
ดอกผลนิ ตินัยหมายความว่าทรพั ยห์ รือประโยชน์อย่างอื่นที่ได้มาเป็ นครงั้ คราวแก่เจ้าของ

ทรพั ยจ์ ากผ้อู ่ืนเพื่อการที่ได้ใช้ทรพั ยน์ ัน้ และสามารถคาํ นวณ และถือเอาได้เป็ นรายวนั หรือตาม

ระยะเวลาท่ี กาํ หนดไว้”

ดอกผลธรรมดา เป็นทรพั ยท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ตามธรรมชาตจิ ากแม่ทรพั ย์ เพราะสาเหตุทไ่ี ดม้ หี รอื ใชแ้ ม่

ทรพั ยน์ นั้ ตามปกตนิ ิยม เมอ่ื เกดิ แลว้ ถอื เป็นทรพั ยท์ เ่ี พม่ิ พนู งอกเงยต่างหากจากตวั แมท่ รพั ย์ โดยแมท่ รพั ย์
ยงั คงสภาพเป็นแมท่ รพั ยอ์ ยอู่ ยา่ งเดมิ

ถา้ ทรพั ยใ์ ดมไิ ดเ้ กดิ โดยธรรมชาตจิ ากแมท่ รพั ยเ์ องแต่มมี นุษยท์ ําใหเ้ กดิ แมจ้ ะอาศยั แมท่ รพั ยช์ ่วย
ใหเ้ กดิ อยดู่ ว้ ยกต็ ามกห็ าใชด่ อกผลธรรมดาไม่ เชน่ ตน้ ขา้ วมใิ ชด่ อกผลของนา (ฎ.1535/2493)

จะถอื เอาเป็นดอกผลไดต้ ่อเม่อื ขาด ตก ออกจากแมท่ รพั ยแ์ ลว้ อาจโดยธรรมชาตหิ รอื มนุษยก์ ระทาํ
แต่ตอ้ งเป็นการขาดโดยผลของการใชแ้ มท่ รพั ยแ์ ละไมท่ าํ ใหแ้ มท่ รพั ยเ์ สยี หาย

ดอกผลนิ ตินัย เป็นดอกผลทม่ี ไิ ดเ้ กดิ เองตามธรรมชาติ แต่เป็นดอกผลของแม่ทรพั ยท์ เ่ี กดิ จาก

การท่ผี ูอ้ ่นื ใชแ้ ม่ทรพั ยแ์ ละกฎหมายรบั รองใหเ้ ป็นดอกผล โดยคํานวณและถอื เอาไดต้ ามรายวนั หรอื ตาม
ระยะเวลาทก่ี าํ หนดไว้

มสี าระสาํ คญั ดงั น้ี
1. ตอ้ งเป็นทรพั ย์ เชน่ ดอกเบย้ี คา่ เชา่ ผลประโยชน์อยา่ งอน่ื ทม่ี ใิ ชท่ รพั ยย์ อ่ มไมเ่ ป็นดอกผลนิตนิ ยั
2. ตอ้ งเป็นทรพั ยท์ ต่ี กไดแ้ กเ่ จา้ ของแมท่ รพั ย์
3. ทรพั ยท์ ต่ี กไดแ้ กเ่ จา้ ของแมท่ รพั ยน์ ้ีจะตอ้ งเป็นการตอบแทนจากผอู้ ่นื ในการทผ่ี นู้ นั้ ไดใ้ ชแ้ มท่ รพั ย์

บางอย่าง เช่น ดอกเบ้ยี อาจเกดิ ขน้ึ ไดแ้ มจ้ ะมไิ ด้มกี ารใช้แม่ทรพั ย์ เช่น ปพพ. ม.225 ถ้าลูกหน้ี
จําต้องใช้ค่าสนิ ไหมทดแทนเพ่อื ราคาวตั ถุอนั ได้เส่อื มเสยี ไปในระหว่างผดิ นัดฯ หรอื ม.440 เป็นเร่อื งท่ี
เจา้ ของแม่ทรพั ยข์ าดการใชแ้ ม่ทรพั ยไ์ ปและแม่ทรพั ยก์ ย็ งั อย่ทู ล่ี ูกหน้ี จงึ พอถอื ไดว้ ่าลูกหน้ีไดใ้ ชแ้ ม่ทรพั ย์
นนั้ อยนู่ นั่ เอง

4. ทรพั ยท์ ไ่ี ดแ้ ก่เจา้ ของแม่ทรพั ยน์ ัน้ จะต้องไดเ้ ป็นครงั้ เป็นคราวจากการใชแ้ ม่ทรพั ย์ ถ้าไดค้ ราว
เดยี วมใิ ช่ เป็นครงั้ คราวนัน้ มใิ ช่ว่าจะต้องไดร้ บั เป็นครงั้ เป็นคราวจรงิ ๆ เพยี งแต่ควรจะไดร้ บั เป็นครงั้ เป็น
คราวตามกาํ หนดเวลาแมช้ าํ ระใหค้ ราวเดยี วกไ็ ด้

กําไร ซ่ึงถือว่าเป็นดอกผลนิตินัย มไิ ด้หมายความถึงกําไรท่เี กิดจากการซ้ือถูกขายแพง แต่
หมายถงึ กาํ ไรทห่ี นุ้ สว่ นหรอื บรษิ ทั จาํ กดั แบง่ สรรปนั สว่ นใหแ้ กเ่ จา้ ของหนุ้ ทล่ี งทนุ ไป

คา่ ปนั ผล หมายถงึ เงนิ ทบ่ี รษิ ทั ลงมตเิ พอ่ื จา่ ยใหแ้ กผ่ ถู้ อื หนุ้ ตามสว่ นจาํ นวนหนุ้ จากกาํ ไรของบรษิ ทั
ทรพั ยห์ รอื ประโยชน์อยา่ งอ่นื ทไ่ี ดเ้ ป็นครงั้ เป็นคราวนนั้ เช่น เอาสนุ ขั ตวั ผไู้ ปใหเ้ ขาผสมพนั ธป์ ระจาํ
แลว้ เขามอบลกู ใหเ้ ป็นครา้ งคราว ลกู สนุ ขั ทไ่ี ดม้ าถอื เป็นทรพั ยท์ ไ่ี ดเ้ ป็นครงั้ คราวจงึ เป็นดอกผลนิตนิ ยั
ผมู้ สี ทิ ธใิ นดอกผล
1. หลกั ทวั่ ไป เจา้ ของแมท่ รพั ยม์ สี ทิ ธใิ นดอกผลของทรพั ยน์ นั้
ฎ. 656/2517 ดอกผลของทรพั ยท์ ข่ี ายฝากซง่ึ เกดิ ขน้ึ ในระหวา่ งกาํ หนดเวลาขายฝาก ยอ่ มตกไดแ้ ก่
ผู้ซ้ือฝาก ท่ี ม.429 บัญญัติว่า ถ้าไถ่ถอนในกําหนด ให้ถือว่ากรรมสิทธิไ์ ม่เคยตกไปแก่ผู้ซ้ือเลยนัน้
หมายถงึ เฉพาะตวั ทรพั ยท์ ข่ี ายฝากเทา่ นนั้ ไมร่ วมถงึ ดอกผล
2. มขี อ้ ยกเวน้ ทผ่ี อู้ ่นื อาจมสี ทิ ธใิ นดอกผลไดโ้ ดยอาศยั
ก. มกี ฎหมายกําหนดไว้ เช่น ม.415 ผู้รบั ทรพั ย์สนิ ไว้โดยสุจรติ ย่อมได้ดอกผลของทรพั ย์สนิ นัน้
ตลอดเวลาทย่ี งั คงสจุ รติ , ม.1376 ถา้ ผคู้ รอบครองตอ้ งสง่ ทรพั ยส์ นิ คนื ใหน้ ําเรอ่ื งลาภมคิ วรไดม้ าใช้
ข. มนี ิตกิ รรมต่อกนั ไว้ เช่นในเร่อื งเช่า ม.537 ผูเ้ ช่าย่อมไดใ้ ชห้ รอื รบั ประโยชน์ในทรพั ยส์ นิ ทเ่ี ช่า
ฉะนนั้ จงึ มสี ทิ ธริ วมทงั้ ดอกผล
ฎ. 967/2506 สญั ญาเช่าท่ีดินย่อมครอบคลุมไปถึงต้นไม้ท่ีอยู่ในท่ีดินด้วย ถ้าผู้ให้เช่ามีความ
ประสงคจ์ ะสงวนไวใ้ ชส้ อยเกบ็ กนิ ส่วนตวั กช็ อบทจ่ี ะระบุไวใ้ นสญั ญา ฉะนัน้ ผูเ้ ช่าย่อมมสี ทิ ธเิ กบ็ ผลไมอ้ นั
เป็นดอกผลตามธรรมชาตไิ ด้
ม.1406 ให้อาศยั มไิ ด้หา้ มชดั แจ้ง ผู้อาศยั จะเก็บดอกผลธรรมดา มาใช้เพยี งท่จี ําเป็นแก่ความ
ตอ้ งการ
ม.1417 ผู้ทรงสทิ ธิเก็บกินมสี ทิ ธิถือประโยชน์จากทรพั ย์สนิ ท่ีอยู่ในบงั คบั สิทธิเก็บกิน รวมทงั้
ประโยชน์จากปา่ ไม้ เหมอื งแร่ หรอื ทข่ี ดุ หนิ ดว้ ย
3. มบี างกรณีทผ่ี อู้ ่นื มสี ทิ ธเิ อาดอกผลชําระหน้ีทเ่ี จา้ ของแม่ทรพั ยเ์ ป็นหน้ีตนได้ เช่น ม.245 ผทู้ รง
สทิ ธยิ ดึ หน่วง ม.271 , 272 บุรมิ สทิ ธใิ นมลู คา่ เมลด็ พนั ธุ์ ไมพ้ นั ธ์ ป๋ ยุ บุรมิ สทิ ธใิ นคา่ แรงงานเพ่อื กสกิ รรมและ
อุตสาหกรรมอยเู่ หนือดอกผลอนั เกดิ งอกในทด่ี นิ และดอกผลทเ่ี กดิ แต่แรงงานของผทู้ รงบุรมิ สทิ ธิ

ม.721 เมอ่ื บอกบงั คบั จาํ นองแลว้ จาํ นองยอ่ มครอบถงึ ดอกผลแหง่ ทรพั ยส์ นิ ทจ่ี าํ นองดว้ ย
ม.761 ถา้ ไมม่ สี ญั ญาเป็นอยา่ งอ่นื ผรู้ บั จาํ นํามสี ทิ ธเิ อาดอกผลนิตนิ ยั ของทรพั ยท์ จ่ี าํ นํา
ฎ.187/2490 ศาลสงั่ ยดึ ทรพั ยแ์ ลว้ ยอ่ มครอบถงึ ดอกผลนิตนิ ยั
ฎ.069/2509 โจทก์จําเลยเป็นหุ้นส่วน รถยนต์รบั จ้าง การท่ีจําเลยเอารถพพิ าทว่ิงรบั จ้างหา
ประโยชน์เป็นการสว่ นตวั รายไดน้ ้ีไมเ่ ป็นดอกผลนิตนิ ยั โจทกไ์ มม่ สี ทิ ธขิ อแบง่
ฎ.1819/2530 คา่ เชา่ อนั เป็นดอกผลนิตนิ ยั ทจ่ี ะพงึ บงั คบั จาํ นองไดต้ าม ม.720 ตอ้ งเกดิ จากการเชา่
ทม่ี อี ยกู่ ่อนและขณะผรู้ บั จาํ นองบอกกลา่ วบงั คบั จาํ นอง ไมใ่ ช่ค่าเชา่ ทค่ี าดหมายว่าอาจใหเ้ ช่าไดโ้ ดยไมม่ คี ่า
เชา่ อยเู่ ลย
ฎ. 678-680/2535 เงนิ รายไดจ้ ากกจิ การโรงแรมทไ่ี ดม้ าหลงั ผตู้ ายตายแลว้ ไมเ่ ป็นทรพั ยม์ รดกของ
ผตู้ าย เพราะมใิ ช่ทรพั ยท์ ม่ี อี ย่กู ่อนหรอื ในขณะผูต้ ายๆ แต่เป็นดอกผลของโรงแรมตกไดแ้ ก่ผูเ้ ป็นเจา้ ของ
โรงแรมนนั้

บคุ คลสิทธิและทรพั ยสิทธิ
ม.1298 “ทรพั ยสิทธิทงั้ หลาย จะก่อตงั้ ขึน้ ได้แต่ด้วยอาศยั อาํ นาจในประมวลกฎหมายนี้หรือ

กฎหมายอ่ืน”

1. ทรพั ยสทิ ธิ คอื สทิ ธทิ ม่ี วี ตั ถุแหง่ สทิ ธเิ ป็นทรพั ยส์ นิ หรอื สทิ ธทิ ม่ี อี ยเู่ หนือทรพั ยส์ นิ
2. บุคคลสทิ ธิ คอื สทิ ธทิ ม่ี วี ตั ถุแหง่ สทิ ธเิ ป็นการกระทาํ หรอื งดเวน้ การกระทาํ หรอื สทิ ธทิ ม่ี อี ยเู่ หนือ
บุคคล ไม่อาจใชย้ นั บุคคลทวั่ ไปได้ จะใชบ้ งั คบั ไดแ้ ต่เฉพาะตวั ลูกหน้ีหรอื ทายาทหรอื ผูส้ บื สทิ ธขิ องลูกหน้ี
เทา่ นนั้
ฎ.1227/2533 สทิ ธติ ามนิตกิ รรมภารจํายอมทท่ี ําใหโ้ จทกผ์ ่านทข่ี องจําเลยทท่ี ํากบั จําเลยแมไ้ ม่จด
ทะเบยี นเป็นทรพั ยสทิ ธแิ ต่กเ็ ป็นบุคคลสทิ ธใิ ชบ้ งั คบั ไดร้ ะหว่างคู่สญั ญา และมใิ ช่สทิ ธทิ เ่ี ป็นการสว่ นตวั ของ
สามโี จทกโ์ ดยแท้ เมอ่ื สามโี จทกต์ ายสทิ ธดิ งั กลา่ วยอ่ มตกทอดแกโ่ จทกซ์ ง่ึ เป็นทายาทตาม ม.1599,1600
ข้อแตกต่างระหว่างทรพั ยสิทธิกบั บคุ คลสิทธิ
(1) ทรพั ยสิทธิมวี ตั ถุแห่งสทิ ธเิ ป็นทรพั ยส์ นิ โดยตรง บุคคลสิทธิ มวี ตั ถุแห่งสทิ ธเิ ป็นการกระทํา

หรอื งดเวน้ การกระทาํ
(2) ทรพั ยสิทธิจะเกดิ ขน้ึ ก็แต่โดยอาศยั อํานาจของกฎหมายเท่านัน้ บุคคลสิทธิเกดิ ขน้ึ โดยนิติ

กรรม
(3) ทรพั ยสิทธิก่อให้เกิดหน้าท่ีแก่บุคคลทัว่ ไป บุคคลสิทธิก่อให้เกิดหน้าท่ีแก่บุคคลโดย

เฉพาะเจาะจง
(4) ทรพั ยสิทธิ มลี กั ษณะคงทนถาวรและไม่หมดไปโดยการไม่ใช้ บุคคลสิทธิมลี กั ษณะไม่ถาวร

และยอ่ มสน้ิ ไปถา้ มไิ ดใ้ ชส้ ทิ ธนิ ้ีภายในกาํ หนดเวลาทก่ี ฎหมายกาํ หนดไว้
ฎ.85/2540 สิทธิฟ้องผู้ให้เช่าซ้ือโอนกรรมสิทธิท์ ่ีดินท่ีเช่าซ้ือ ไม่มีกฎหมายกําหนดอายุความ

โดยเฉพาะ มอี ายคุ วาม 10 ปี

การได้มาซ่ึงทรพั ยสิทธิ
ม.1299 “การได้มาโดยนิ ติกรรมซึ่งอสงั หาฯหรือทรพั ยสิทธิเก่ียวกบั อสงั หาฯ ไม่บริบูรณ์

เว้นแต่จะได้ทาํ เป็นหนังสือและได้จดทะเบียนกบั พนักงานเจ้าหน้าที่
ได้อสงั หาฯหรือทรพั ยสิทธิเก่ียวกบั อสงั หาฯ โดยทางอ่ืนนอกจากนิ ติกรรม ถ้ายงั ไม่จด

ทะเบียน จะมีการเปล่ียนแปลงทางทะเบียนไม่ได้ และมิให้ยกขึ้นเป็ นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผ้ไู ด้
สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสจุ ริต และจดทะเบียนโดยสจุ ริตแล้ว”

- ได้มาโดยผลแห่งกฎหมายหรอื ทางอ่ืนนอกจากนิติกรรม เช่นสทิ ธิยึดหน่วงตาม ม.241 สิทธิ
ครอบครองตาม ม.1367 กรรมสทิ ธิ ์ ม.1382 ภารจํายอม ม.1401 สทิ ธใิ นการไดร้ บั มรดก ม.1599 , 1603
ลขิ สทิ ธิ ์, เครอ่ื งหมายการคา้ ฯลฯ

- การไดม้ าโดยนิตกิ รรมตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ไิ ว้ เช่น ซอ้ื ขาย แลกเปลย่ี น ให้ แต่นิตกิ รรมเหล่าน้ี
จะทําใหไ้ ดม้ าซ่งึ ทรพั ยสทิ ธกิ แ็ ต่เฉพาะทรพั ยสทิ ธทิ ่กี ฎหมายรบั รองไวเ้ ท่านัน้ จะทํานิตกิ รรมใหไ้ ดม้ าซ่งึ
ทรพั ยสทิ ธอิ ยา่ งอน่ื นอกเหนือไปจากทก่ี ฎหมายรบั รองแลว้ มไิ ด้

ทรพั ยสทิ ธบิ างชนิดซ่งึ จะไดม้ าแต่โดยทางนิตกิ รรมเท่านัน้ ไม่อาจจะไดม้ าโดยผลแห่งกฎหมายได้
เช่น สทิ ธอิ าศยั และสทิ ธเิ กบ็ กนิ เพราะสทิ ธอิ าศยั โอนไม่ไดแ้ มท้ างมรดก สทิ ธเิ กบ็ กนิ ผทู้ รงตายสทิ ธยิ ่อมสน้ิ
ไป

1. ม.1299 แบง่ การได้มาซ่ึงอสงั หาฯหรือทรพั ยสิทธิเป็น 2 ประเภท คือ

ก. ได้มาโดยนิติกรรม ข.ได้มาโดยทางอ่ืนนอกจากนิติกรรม หมายถึงการได้มาโดยผลแห่ง
กฎหมายประการหน่ึง เช่น ครอบครองปรปกั ษ์ , การรับมรดกไม่ว่าในฐานะทายาทโดยธรรม (ฎ.
7007/2540) หรอื ผรู้ บั พนิ ยั กรรม , การไดม้ าโดยคาํ พพิ ากษาของศาล

ฎ.680/2512 ศาลพพิ ากษาใหจ้ าํ เลยโอนทด่ี นิ ใหผ้ รู้ อ้ ง แมค้ ดอี ยรู่ ะหวา่ งอทุ ธรณ์ กถ็ อื วา่ ผรู้ อ้ งอยใู่ น
ฐานะอนั จะใหจ้ ดทะเบยี นสทิ ธติ ามคาํ พพิ ากษาได้ เจา้ หน้ีตามคาํ พพิ ากษาอ่นื ของจาํ เลยไมม่ สี ทิ ธยิ ดึ ทด่ี นิ นนั้
ตาม ป.ว.ิ พ. ม.287 (ฎ.1876/2550 ขอใหเ้ พกิ ถอนการยดึ ได)้

เพยี งการจะไดส้ ทิ ธติ ามสญั ญาประนีประนอมยอมความซ่งึ ทาํ ในศาล ยงั ไมถ่ อื ว่าเป็นการไดท้ รพั ย์
หรอื ทรพั ยสทิ ธโิ ดยคาํ พพิ ากษาแลว้ จงึ ยงั ไมเ่ ป็นการไดม้ าโดยทางอ่นื นอกจากนิตกิ รรม แต่ผลแหง่ การจะ
ไดม้ านนั้ ถอื วา่ ผนู้ นั้ อยใู่ นฐานะทจ่ี ะจดทะเบยี นสทิ ธขิ องตนไดแ้ ลว้ จงึ มสี ทิ ธดิ กี วา่ เจา้ หน้ีอ่นื ของจาํ เลย

การได้มาทางอ่ืนนอกจากนิติกรรม แม้ไม่จดทะเบียนก็ไม่ถือว่าไม่บริบูรณ์เพราะยังมีผลอยู่
เพยี งแต่ถา้ ไมจ่ ดทะเบยี นสทิ ธนิ นั้ กจ็ ะเปลย่ี นแปลงทางทะเบยี นมไิ ด้ ทงั้ จะยกขอ้ ต่อสบู้ ุคคลภายนอกฯไมไ่ ด้
เทา่ นนั้

2. ม.1299 ใชบ้ งั คบั แต่เฉพาะการไดท้ รพั ยสทิ ธอิ นั เก่ยี วกบั อสงั หาฯ การเปล่ยี นแปลง ระงบั และ
กลบั คืนมาซ่ึงทรพั ยสทิ ธิดงั กล่าวเท่านัน้ แต่ไม่ใช้บงั คบั เก่ียวกบั การจํากดั สทิ ธิของเจ้าของอสงั หาฯ ท่ี
กฎหมายกําหนดไว้ (ม.1338 ว.แรก) ข้อจํากัดสิทธิคือ ตาม ม.1339-1355 แม้จะเป็นทรพั ยสิทธิอัน
เกย่ี วกบั อสงั หาฯ กไ็ มต่ อ้ งจดทะเบยี นตาม ม.1299 กส็ มบูรณ์ เช่นทางจําเป็น ม.1349 (ฎ.4416/2541) ม.

1350 (ฎ.251/2542) สทิ ธเิ กย่ี วกบั การวางท่อน้ํา ท่อระบายน้ํา สายไฟฟ้าผา่ นทด่ี นิ ของผอู้ ่นื ตาม ม.1352
แมไ้ ม่ไดจ้ ดทะเบยี นกถ็ ือว่าได้มาโดยสมบูรณ์ แต่ถ้าจะมกี ารยกเลกิ หรอื เปล่ยี นแปลงขอ้ จํากดั สทิ ธติ าม
กฎหมายนัน้ ใหห้ ย่อนลงโดยนิตกิ รรม การยกเลกิ หรอื เปล่ยี นโดยนิตกิ รรมนัน้ ต้องทําเป็นหนังสอื และจดะ
ทะเบยี นฯ ตามม.1338 ว.2 มฉิ ะนนั้ ไมม่ ผี ล (ฎ.4179/2535)

3. คําว่าไม่บรบิ ูรณ์ หมายถงึ ยงั ไม่อาจถือหรอื บงั คบั กนั ไดต้ ามสทิ ธิ หาเสยี เปล่าไปไม่ ยงั มผี ล
บงั คบั กนั ในระหวา่ งคสู่ ญั ญาในฐานะบุคคลสทิ ธไิ ด้ (ฎ.2539/2549)

ฎ.749/2536 การไดม้ าซง่ึ สทิ ธเิ หนือพน้ื ดนิ ไม่ไดท้ ําเป็นหนงั สอื และมไิ ดจ้ ดทะเบยี น จงึ ไม่บรบิ ูรณ์
โจทก์จะฟ้องบงั คบั จําเลยใหจ้ ดทะเบยี นสทิ ธเิ หนือพน้ื ดนิ เพ่อื ใหเ้ ป็นทรพั ยสทิ ธทิ ่บี รบิ ูรณ์ตาม ม.1299 ว.1
ไม่ได้ (เวน้ แต่จะมขี อ้ ตกลงกนั ใหไ้ ปจดทะเบยี นเม่อื ฝ่ายนัน้ ไม่ปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาอกี ฝ่ายมสี ทิ ธิ ฟ้องบงั คบั
ฝา่ ยนนั้ ใหไ้ ปจดทะเบยี นได้ (ฎ.185/2536 ,6787/2539 ,1060-1061/2540 , 6208/2545)

ฎ.267/2542 แมข้ อ้ กาํ หนดพนิ ยั กรรมมไิ ดร้ ะบุใหจ้ ดทะเบยี นสทิ ธเิ หนือพน้ื ดนิ กต็ าม โจทกก์ ช็ อบจะ
ใช้สทิ ธิบงั คบั ให้จําเลยในฐานะผู้จดั การมรดกจดทะเบียนให้แก่โจทก์ได้ เพ่ือโจทก์มีสิทธิบริบูรณ์ตาม
ขอ้ กาํ หนดในพนิ ยั กรรม

ฎ.2380/2542 จําเลยตกลงดว้ ยวาจาใหโ้ จทกม์ สี ทิ ธเิ กบ็ กนิ ในทด่ี นิ และสง่ิ ปลูกสรา้ งตลอดชวี ติ ของ
โจทก์กเ็ พ่อื เป็นการตอบแทนการทโ่ี จทกย์ กทด่ี นิ และสง่ิ ปลูกสรา้ งใหจ้ ําเลย ขอ้ ตกลงน้ีเป็นขอ้ ตกลงพเิ ศษ
อยา่ งสญั ญาต่างตอบแทนกอ่ ใหเ้ กดิ บุคคลสทิ ธแิ กโ่ จทกใ์ นอนั ทจ่ี ะเรยี กรอ้ งใหจ้ าํ เลยไปจดทะเบยี น

ฎ.1188/2493 กู้เงินแล้วยกบ้านแทนการชําระหน้ีตาม ม.321 แม้ยงั ไม่ได้จดทะเบียน และ
ครอบครองไมถ่ งึ 10 ปี กห็ าใชเ่ ป็นการครอบครองโดยปราศจากสทิ ธไิ ม่ ลูกหน้ีจะตดิ ตามเรยี กบา้ นคนื ตาม
ม.1336 มไิ ดเ้ พราะจะทาํ ไดแ้ ต่บุคคลไมม่ อี าํ นาจยดึ ถอื เทา่ นนั้

ฎ.655/2508 สญั ญามขี อ้ ตกลงว่า เจา้ ของทด่ี นิ ออกเงนิ ซอ้ื ตน้ ไมแ้ ละอกี ฝา่ ยหน่ึงออกแรงปลูกและ
ดแู ลรกั ษา ขายไดแ้ บ่งคนละครง่ึ ไปจนตลอดชวี ติ ทงั้ สองฝา่ ย เป็นสญั ญาต่างตอบแทนอยา่ งหน่ึง เม่อื ไมไ่ ด้
จดทะเบยี น กก็ ่อใหเ้ กดิ เพยี งบุคคลสทิ ธมิ ผี ลผกู พนั เฉพาะค่กู รณีเท่านนั้ จะใชย้ นั บุคคลภายนอกผซู้ อ้ื ทด่ี นิ
นนั้ ไมไ่ ด้ แมว้ า่ ผซู้ อ้ื จะทราบขอ้ ตกลงนนั้ ในเมอ่ื ผซู้ อ้ื มไิ ดย้ นิ ยอมปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลงนนั้ ดว้ ย

ฎ.435/2519 โอนกรรมสทิ ธิต์ ึกตีใช้หน้ีแมม้ ไิ ด้จดทะเบียนก็เป็นเพยี งไม่บรบิ ูรณ์ ไม่เป็นโมฆะ
ลกู หน้ีอยใู่ นตกึ พพิ าทต่อมาถอื วา่ อาศยั สทิ ธขิ องเจา้ หน้ี เจา้ หน้ีมสี ทิ ธฟิ ้องขบั ไลล่ กู หน้ีได้

ฎ.5560/2537 การก่อใหเ้ กดิ สทิ ธเิ หนือพน้ื ดนิ โดยนิตกิ รรมตาม ม.1410 โดยมไิ ดท้ าํ เป็นหนงั สอื และ
จดทะเบยี น คงใชบ้ งั คบั ไดร้ ะหวา่ งคสู่ ญั ญา

ฎ.2229/2542 ท.ยนิ ยอมใหท้ างเป็นภารจาํ ยอม แก่ทด่ี นิ โจทกเ์ ป็นการไดม้ าโดยทางนิตกิ รรม เม่อื
ยงั ไมไ่ ดจ้ ดทะเบยี นการไดม้ าจงึ ไมบ่ รบิ รู ณ์ตาม ม.1299 ว.1 คงใชบ้ งั คบั ไดใ้ นฐานะบุคคลสทิ ธริ ะหวา่ งโจทก์
กับ ท. เท่านั้น ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก เม่ือ ท. ยกท่ีดิ นให้จําเลยซึ่งบุตรของ ท. ซึ่งเป็ น

บุคคลภายนอก ทงั้ ไม่มบี ทบญั ญตั ใิ หผ้ รู้ บั ตอ้ งรบั หน้าทแ่ี ละความรบั ผดิ ต่างๆ ของผใู้ หไ้ ปดว้ ยอยา่ งกรณี

ทายาทรบั มรดก จงึ ไม่มผี ลผูกพนั จําเลย โจทก์บงั คบั ใหจ้ ําเลยจดทะเบยี นภารจํายอมหรอื เปิดทางโดย

อาศยั เหตุน้ีไมไ่ ด้
ฎ.6872/2539 ก. ทําสญั ญาให้จําเลยมสี ทิ ธเิ ก็บกินในท่ดี นิ ตลอดชวี ติ ของจําเลย เม่อื ยงั ไม่จด

ทะเบยี น การไดม้ าจงึ ไมบ่ รบิ ูรณ์ตาม ม.1299 ว.1 คงใชบ้ งั คบั กนั ไดใ้ นฐานะบุคคลสทิ ธจิ ะใชย้ นั โจทกซ์ ง่ึ เป็น
บุคคลภายนอกทร่ี บั การให้ทด่ี นิ มาจาก ก.ไมไ่ ดโ้ ดยไมต่ อ้ งคาํ นึงถงึ ว่าโจทกจ์ ะสุจรติ หรอื ไม่ ไมว่ า่ โจทกจ์ ะรู้

ถงึ ขอ้ สญั ญาระหวา่ ง ก. กบั จาํ เลยมากอ่ นหรอื ไมก่ ต็ าม
(4) การได้มาโดยนิติกรรมบางอย่างซ่ึงอสงั หาฯ เช่น ซ้ือขาย ขายฝาก แลกเปล่ียน ให้ จํานอง

กฎหมายบญั ญตั ิว่าถ้าไม่ทําเป็นหนังสอื และจดทะเบยี นฯ เป็นโมฆะ ฉะนัน้ การไดม้ าซ่งึ อสงั หาฯในกรณี
ดงั กล่าว ถา้ ไม่ทําตามแบบทก่ี ฎหมายบงั คบั ไวก้ เ็ ป็นโมฆะทเ่ี ดยี ว จะอา้ งว่าเพยี งไม่บรบิ ูรณ์ตาม ม.1299
มไิ ด้ เพราะ ม.1299 เป็นเพยี งบทบญั ญตั ทิ วั่ ๆไป ตอ้ งอย่ภู ายใตบ้ งั คบั แหง่ ปพพ.ส่วนอ่นื ๆดว้ ย ส่วนมาก
ม.1299 ใชโ้ ดยมากในเรอ่ื ง ภารจาํ ยอม สทิ ธอิ าศยั ฯลฯ ตามบรรพ 4 เทา่ นนั้

(5) การทาํ เป็นหนงั สอื นนั้ ทุกฝา่ ยตอ้ งลงลายมอื ช่อื ในหนงั สอื ดว้ ย (ฎ.1800/2511) การจดทะเบยี น
ตอ้ งทาํ ต่อเจา้ พนกั งานผมู้ อี าํ นาจตามกฎหมายดว้ ย

ถ้ามกี ารจดทะเบยี นการได้มาโดยชอบหลายครงั้ ต้องถือเอาครงั้ แรกเป็นสําคญั (ฎ.135/2502)
จํานองท่ดี นิ มอื เปล่าโดยจดท่อี ําเภอ ต่อมาผูจ้ ํานองออกโฉนด แล้วนํามาจดจํานองท่ี สนง.ท่ดี นิ อกี ราย
การจดครงั้ แรกหาระงบั ไปไม่

(6) การไดม้ าตาม ม.1299 ว.1 จะตอ้ งเป็นการไดม้ าจากผทู้ ม่ี อี าํ นาจจะโอนใหไ้ ดด้ ว้ ย
ฎ.683/2507 โจทกม์ อบทด่ี นิ มอื เปลา่ ใหจ้ าํ เลยท่ี 1 ดแู ลจดั ใหค้ นเชา่ จาํ เลยท่ี 1 เอาไปขายใหจ้ าํ เลย
ท่ี 2 จําเลยท่ี 2 รบั โอนโดยสุจรติ ดงั นัน้ จําเลยท่ี 2 ก็ไม่ไดส้ ทิ ธใิ นท่ดี นิ ตาม ม.1299 , 1330 แมจ้ ะได้
ความต่อไปว่าจาํ เลยท่ี 2 ไดค้ รอบครองเกนิ 1 ปี จาํ เลยท่ี 2 กไ็ ดส้ ทิ ธไิ ปเท่าจาํ เลยท่ี 1 มอี ยู่ คอื มฐี านะเป็น
ผยู้ ดึ ถอื ทพ่ี พิ าทต่อจากจาํ เลยท่ี 1 เท่านนั้ จะถอื วา่ จาํ เลยท่ี 2 แยง่ การครอบครองจากโจทกย์ งั มไิ ด้ จนกวา่
จะไดเ้ ปลย่ี นลกั ษณะแหง่ การยดึ ถอื ตาม ม.1381
ฎ.549/2542 การไดส้ ทิ ธติ าม ม.1299 ว.2 ต้องเป็นการไดส้ ทิ ธใิ นทด่ี นิ ทไ่ี ดจ้ ดทะเบยี นแลว้ และ
สทิ ธทิ ไ่ี ดน้ ัน้ ตอ้ งเกดิ จากเอกสารสทิ ธขิ องทด่ี นิ ทอ่ี อกโดยชอบ เม่อื นส.3 ก. ออกโดยไม่ชอบ ผรู้ บั โอนจะ
อา้ งสทิ ธใิ ดๆ ทเ่ี กดิ จากเอกสารทอ่ี อกโดยไมช่ อบหาไดไ้ ม่
ฎ. 325/2514 จําเลยเอาท่ดี นิ มอื เปล่าของผูร้ อ้ งไปออก นส.3 เป็นของตน แล้วจํานองกบั โจทก์
เม่อื ศาลพพิ ากษาใหถ้ อน นส.3 แมศ้ าลจะมไิ ด้พพิ ากษาใหเ้ พกิ ถอนจํานองและฟงั ว่าโจทก์ รบั จํานองโดย
สจุ รติ กต็ าม โจทกก์ ไ็ มม่ สี ทิ ธบิ งั คบั จาํ นอง
การไดม้ าจากผไู้ มม่ อี าํ นาจ แมจ้ ะไมไ่ ดก้ รรมสทิ ธโิ ์ ดยทางนิตกิ รรม ถา้ สุจรติ กอ็ าจไดก้ รรมสทิ ธโิ ์ ดย
การครอบครองตาม ม.1382 (ฎ.366/2491)
ถา้ ไม่สุจรติ โดยรวู้ ่าไม่ใช่ของผโู้ อน ผูซ้ ้อื จะอา้ งการครอบครองปรปกั ษ์ยนั เจา้ ของแทจ้ รงิ ไม่ได้ (ฎ.
1835/2497)

ถา้ เป็นเรอ่ื งตวั แทนเชดิ ตาม ม.821 และ 82 แมจ้ ะโอนโดยไมม่ อี าํ นาจ หรอื ทาํ เกนิ เลยจากอาํ นาจท่ี
ตวั การใหไ้ ว้ แต่ถา้ พฤตกิ ารณ์ทต่ี วั การแสดงออกใหบ้ ุคคลภายนอก ผรู้ บั โอนเขา้ ใจวา่ ผรู้ บั โอนเป็นตวั แทนผู้
มอี าํ นาจ ผรู้ บั โอนยอ่ มไดส้ ทิ ธใิ นทรพั ยน์ นั้ (ฎ.649/2494)

หลกั ผรู้ บั โอนไมม่ สี ทิ ธดิ กี วา่ ผโู้ อนนนั้ ยอ่ มไมน่ ําไปใชใ้ นกรณี ม.1299 ว.2 , 1300 , 1329-1332
ฎ.1346/2506 สทิ ธคิ รอบครองตาม ม.1322 อนั ยงั มไิ ดจ้ ดทะเบยี นนนั้ อาจยกขน้ึ ต่อสเู้ จา้ ของเดมิ (ผู้
โอน) ได้ แต่จะยกขน้ึ ต่อสบู้ ุคคลภายนอก (ผรู้ บั โอน) ซ่งึ ไดส้ ทิ ธมิ าโดยเสยี ค่าตอบแทนโดยสุจรติ ตาม ม.
1299 ว.2 แล้ว มไิ ด้เพราะสทิ ธิครอบครองตาม ม.1382 ต้องอยู่ภายใต้บงั คบั ม.1299 ว.2 ซ่งึ เป็นบท
ยกเวน้ หลกั กฎหมายทวั่ ไปทว่ี า่ ผรู้ บั โอนไมม่ สี ทิ ธดิ กี วา่ ผโู้ อน
(7) การไดอ้ สงั หาฯ หรอื ทรพั ยสทิ ธฯิ โดยนิตกิ รรม แมจ้ ะไม่ทําเป็นหนังสอื และจดทะเบยี นจงึ ไม่
บรบิ รู ณ์ตาม ม.1299 ว.1 หรอื เป็นโมฆะตาม กม.เฉพาะกต็ าม แต่อาจไดก้ รรมสทิ ธมิ ์ าตาม ม.1382
(8) แม้การได้มาซ่ึงอสงั หาฯ หรอื ทรพั ยสทิ ธิในอสงั หาฯ จะมิได้ปฏิบตั ิตาม ม.1299 ว.1 จึงไม่
บรบิ ูรณ์กต็ าม ผไู้ ดม้ ากอ็ าจฟ้องขอใหเ้ พกิ ถอนการโอนทรพั ยน์ นั้ ซง่ึ ไมม่ คี ่าตอบแทนหรอื ไม่สุจรติ ตาม ม.
1300 ได้
(9) การซอ้ื ทด่ี นิ โดยสจุ รติ จากการขายทอดตลาดตามคาํ สงั่ ศาลตาม ม.1330 นนั้
ฎ.508/2506 แมจ้ ะยงั มไิ ดท้ าํ นิตกิ รรมโอนต่อเจา้ หน้าท่ี ผซู้ อ้ื กม็ สี ทิ ธแิ ละอาํ นาจฟ้องขบั ไล่ผทู้ อ่ี าศยั
ในทด่ี นิ ได้ ม.1330 ไมอ่ ยใู่ นขา่ ยของการซอ้ื ขายอสงั หาฯทวั่ ไปดงั ทบ่ี ญั ญตั เิ ร่อื งแบบนิตกิ รรมไวต้ าม ม.456
ผูค้ รอบครองทด่ี นิ จะรูห้ รอื ไม่รวู้ ่ามกี ารขายทอดตลาด กห็ าเป็นเหตุยกขน้ึ ต่อสูส้ ทิ ธขิ องผูซ้ ้อื ทด่ี นิ จากการ
ขายทอดตลาดตามคาํ สงั่ ศาลไดไ้ ม่ (5137/2537)
(10) ถ้าอสงั หาฯได้กลบั มาเป็นของแผ่นดนิ ตาม กม.ท่ดี นิ หรอื กม.อ่นื การได้มาน้ีไม่อยู่ในข่าย
บงั คบั ตาม ม.1299 แม้ การยกทด่ี นิ ใหเ้ ป็นทางสาธารณะ กไ็ มจ่ าํ เป็นตอ้ งจดทะเบยี น (ฎ.4377/2549)
(11) บุคคลภายนอกครอบครองปรปกั ษ์ทด่ี นิ ส่วนหน่ึงของท่ดี นิ โจทก์เป็นเจา้ ของรวม แมต้ ่อมา

เจา้ ของรวมคนอ่นื จะไดข้ ายทด่ี นิ ส่วนของตนใหบ้ ุคคลภายนอกแลว้ บุคคลภายนอกขายใหโ้ จทกจ์ นโจทก์
เป็นเจา้ ของทด่ี นิ ทงั้ แปลง กถ็ อื ไม่ไดว้ ่าโจทกเ์ ป็นบุคคลภายนอก (ฎ.3670/2547) แต่ไม่หมายถงึ ผทู้ ส่ี บื
สทิ ธิหรือทายาทของเจ้าของเดิม เพราะผู้สบื สิทธิและทายาทย่อมรบั โอนไปทงั้ สิทธิและหน้าท่ีของเจ้า
ของเดมิ ดว้ ย จงึ ไมใ่ ชบ่ ุคคลภายนอก

เจา้ หน้ีสามญั ไม่ไดอ้ ยู่ในฐานะบุคคลภายนอกตามม.1299 ว.2 ผคู้ รอบครองปรปกั ษ์จงึ มสี ทิ ธดิ กี ว่า
แต่เจ้าหนี้บุริมสิทธิหรือเจ้าหนี้จาํ นองถือเป็ นบุคคลภายนอก (ฎ.1064/2507) เพราะสทิ ธจิ ํานองเป็น

สทิ ธคิ รอบเหนือทรพั ยท์ งั้ หมด เม่อื จาํ เลยท่ี 3 ยงั มไิ ดจ้ ดทะเบยี นจะยกขน้ึ ต่อสผู้ รู้ บั จํานองซง่ึ ไดม้ าโดยเสยี
คา่ ตอบแทน โดยสจุ รติ และจดทะเบยี นสจุ รติ ไมไ่ ด้

ฎ.6-8/2495 เจา้ ของทด่ี นิ ขายท่ดี นิ ใหผ้ ูอ้ ่นื และผูอ้ ่นื นําไปจํานอง แมผ้ ูค้ รอบครองปรปกั ษ์ จะได้
ฟ้องเจา้ ของเดมิ และผูจ้ ํานอง จนศาลใหเ้ พกิ ถอนการซ้อื ขายและการจํานอง และแสดงว่าผรู้ อ้ งมกี รรมสทิ ธิ ์
โดยการครอบครองปรปกั ษ์แล้วก็ตาม แต่เม่อื ผู้รอ้ งยงั มไิ ดจ้ ดทะเบยี น ผูร้ อ้ งย่อมยกการได้มาโดยการ

ครอบครองต่อสูผ้ ูร้ บั จํานอง ผูไ้ ดส้ ทิ ธมิ าโดยเสยี ค่าตอบแทน โดยสุจรติ และจดเบยี นสุจรติ ไม่ได้ และคํา
พพิ ากษาทใ่ี หเ้ พกิ ถอนจาํ นอง ผรุ้ บั จาํ นองมไิ ดเ้ ป็นคคู่ วามดว้ ยจงึ ไมผ่ กู พนั ผรู้ บั จาํ นอง

ฎ.81/2514 จําเลยและผูร้ อ้ งรบั มรดกร่วมกนั จําเลยโอนใส่ช่อื จําเลยคนเดยี ว แล้วนําไปจํานอง
ธนาคารรบั จํานองไวโ้ ดยสจุ รติ และเสยี ค่าตอบแทน ธนาคารมสี ทิ ธบิ งั คบั ไดเ้ ตม็ ตามสญั ญา ผรู้ อ้ งจะขอกนั
สว่ นของผรู้ อ้ งมไิ ด้ (ฎ.165/2536) รอ้ งขอใหป้ ลอ่ ยทรพั ยจ์ าํ นองทถ่ี กู ยดึ กไ็ มไ่ ด้ (ฎ.5641/2548)

(12) บุคคลภายนอกทจ่ี ะมสี ทิ ธดิ กี วา่ ผไู้ ดอ้ สงั หาฯ โดยทางอน่ื นอกจากนิตกิ รรมจะตอ้ ง
ก. ไดม้ าโดยเสยี คา่ ตอบแทน และ ข.ไดม้ าโดยสจุ รติ และ ค.จดทะเบยี นโดยสจุ รติ แลว้
ก. สิทธิท่ีบุคคลภายนอกได้ไปนัน้ ต้องเป็นสิทธิประเภทเดียวกบั สิทธิของผู้ท่ีได้มาโดยทางอ่ืน
นอกจากนิตกิ รรมดว้ ย แต่สทิ ธจิ ํานองแมจ้ ะเป็นสทิ ธคิ นละอยา่ งกบั กรรมสทิ ธิ กย็ งั คงถอื เป็นสทิ ธปิ ระเภท
เดยี วกบั กรรมสทิ ธไิ ์ ดเ้ พราะตาม ม.702 ผูร้ บั จํานองมสี ทิ ธไิ ดร้ บั ชําระหน้ีจากทรพั ยส์ นิ ทจ่ี ํานองก่อนเจา้ หน้ี
สามญั โดยไม่ตอ้ งคํานึงว่ากรรมสทิ ธใิ ์ นทรพั ยท์ จ่ี ํานองจะโอนไปยงั บุคคลภายนอกหรอื ไม่ ฉะนัน้ แมส้ ทิ ธิ
ของผไู้ ดม้ าโดยทางอ่นื ฯ จะเป็นกรรมสทิ ธติ ์ าม ม.1382 และสทิ ธขิ องบุคคลภายนอกทไ่ี ดไ้ ปเป็นจํานองถอื
วา่ อยใู่ นบงั คบั ม.1299 ว.ทา้ ย แลว้
แต่ถ้าเป็นสทิ ธทิ ไ่ี ดม้ าโดยทางอ่นื ฯเป็นภารจาํ ยอม และสทิ ธบิ ุคคลภายนอกเป็นกรรมสทิ ธิ ์ ถอื ว่า
มใิ ช่เป็นประเภทเดยี วกนั เพราะภารจํายอมเป็นการรอนสทิ ธิ ส่วนกรรมสทิ ธเิ ์ ป็นการไดส้ ทิ ธยิ ่อมไม่อยู่ใน
บงั คบั ม.1299 ว.ทา้ ย ผไู้ ดภ้ ารจาํ ยอมแมย้ งั มไิ ดจ้ ดทะเบยี นกย็ กขน้ึ ต่อสบู้ ุคคลภายนอกได้
ฎ.800/2502 เพราะภารจํายอมจะสน้ิ ไปกต็ ่อเม่อื ภารยทรพั ยห์ รอื สามยทรพั ยส์ ลายไปทงั้ หมดหรอื
มไิ ดใ้ ช้ 10 ปี (ฎ.805/2518) ซอ้ื จากการขายทอดตลาดมที างภารจาํ ยอม
ค่าตอบแทนไม่จําเป็นต้องเป็นเงนิ เสมอไป อาจเป็นสง่ิ ของหรอื แรงงานกไ็ ด้ อาจคา้ งชาํ ระอย่กู ไ็ ด้
แต่ไมใ่ ชเ่ ป็นการใหโ้ ดยเสน่หาหรอื ไดม้ าเปล่าๆ
ข. โดยสุจรติ คือต้องไม่รู้ว่ามีผู้อ่ืนได้สทิ ธิในอสงั หาฯนัน้ มาก่อนแล้ว แต่ถ้าไม่รู้เกิดจากความ
ประมาทเลนิ เล่ออยา่ งยง่ิ ของตน เชน่ เหน็ มผี ปู้ ลูกบา้ นแต่ไมส่ อบถามว่าอยใู่ นฐานะใดแลว้ ซอ้ื ทด่ี นิ ไปกถ็ อื ว่า
ไมส่ จุ รติ
ฎ.3277/2534 เช่อื ไมไ่ ดข้ อดหู ลกั ฐานการเช่า และไมไ่ ดส้ อบถามผทู้ ป่ี ลูกบา้ นอยวู่ ่าเช่าจรงิ หรอื ไม่
ถอื วา่ ไมส่ จุ รติ
ฎ.2511/2518 ซ้อื ตามแผนท่รี ะวางใหญ่ ไม่เคยออกไปดูท่ดี นิ ก่อน ไม่รูว้ ่ามผี ูค้ รอบครอง ถอื ว่า
สจุ รติ
ค. ความสุจริตมิใช่ถือเอาแต่ตอนได้มาเท่านัน้ ต้องถือความสุจริตตอนจดทะเบียนด้วย แม้รู้
ภายหลงั จดทะเบยี นกไ็ มส่ าํ คญั ถา้ บุคคลภายนอกไดม้ าโดยเสยี คา่ ตอบแทนโดยสจุ รติ และจดทะเบยี นโดย
สุจรติ แล้วย่อมได้อสงั หาฯไปโดยสมบูรณ์และเป็นการตดั สทิ ธิการได้มาโดยทางอ่นื ฯให้ส้นิ ไป ฉะนัน้ แม้
บุคคลภายนอกจะโอนไปอกี ก่ที อด ไม่ว่าจะมคี ่าตอบแทนโดยสุจรติ หรอื ไม่ ผรู้ บั โอน กค็ งไดอ้ สงั หาฯไป
อยา่ งสมบรู ณ์

ฎ.1087-1090/2501 ผรู้ บั โอนทด่ี นิ ไวโ้ ดยเสยี ค่าตอบแทนและโดยสุจรติ และจดทะเบยี นโดยสุจรติ
แล้ว ย่อมมสี ทิ ธดิ กี ว่าผูค้ รอบครองปรปกั ษ์กว่า 10 ปี แต่มไิ ดจ้ ดทะเบยี นถ้ามผี ูร้ บั โอนทางทะเบยี นต่อมา
เป็นทอดๆ อกี ไม่ถงึ 10 ปีนบั แต่วนั โอนครงั้ แรก ผรู้ บั โอนต่อๆมาจะรูห้ รอื ไม่ ถงึ การครอบครองปรปกั ษ์กม็ ี
สทิ ธดิ กี ว่าผคู้ รอบครองปรปกั ษ์เพราะการครอบครองปรปกั ษ์ตอนหลงั ยงั ไม่ครบ 10 ปี และการครอบครอง
ตอนแรกกส็ ญู สน้ิ ไปแลว้ (ฎ.2511/2518)

ฎ.7007/2540 โจทกไ์ ดร้ บั ทด่ี นิ มรดกของ ป. เป็นการไดม้ าโดยทางอ่นื ฯ สว่ นจาํ เลยกบั น. รบั โอน
ทด่ี นิ ดงั กล่าวมาโดยผูโ้ อนขายใหโ้ ดยเสยี ค่าตอบแทน โดยสุจรติ และจดทะเบยี นโดยสุจรติ เม่อื ทด่ี นิ ส่วน
ของ น. น.มสี ทิ ธดิ กี ว่าโจทก์ แมต้ ่อมาทด่ี นิ ส่วนน้ีจะตกเป็นของ ห. เม่อื ห.ตาย จําเลยและ ถ. เป็นผรู้ บั
โอนมรดก โดยไม่เสยี ค่าตอบแทน โจทก์กไ็ ม่อาจยกสทิ ธขิ องตนยนั จําเลยได้ เพราะสทิ ธขิ องโจทก์ขาด
ตอนไปแล้วตงั้ แต่ น. รบั โอนทางทะเบยี นโดยสุจรติ จะนําหลกั ผูร้ บั โอนไม่มสี ทิ ธดิ กี ว่าผูโ้ อนมาใช้บงั คบั
ไมไ่ ด้ เพราะสทิ ธโิ จทกต์ อ้ งอยภู่ ายใต้ ม.1299

(13) ม.1299 ใช้กับการได้มาซ่ึงอสงั หาฯทุกประเภทรวมทัง้ ท่ีดินมือเปล่าซ่ึงมีแต่เพียงสิทธิ
ครอบครอง แต่สามารถจดทะเบยี นการโอน

ฎ.1758/2513 โจทกซ์ อ้ื ทด่ี นิ มอื เปล่าจาก ต. และไดค้ รอบครองมาหลายปีแลว้ แมต้ ่อมา ต. จะได้
นส.3 กไ็ ม่ก่อใหเ้ กดิ สทิ ธคิ รอบครองในทด่ี นิ แปลงน้ี เพราะ ต.มใิ ช่เจา้ ของแลว้ เม่อื จําเลยซอ้ื ทด่ี นิ แปลงน้ี
จาก ต. แมจ้ ะสจุ รติ และเสยี คา่ ตอบแทนจดทะเบยี นแลว้ กต็ าม กไ็ มม่ สี ทิ ธอิ ยา่ งใด

ฎ.3194/2537 การไดม้ าซง่ึ อสงั หาฯโดยทางอ่นื ฯตาม ม.1299 ว.2 นนั้ ตอ้ งเป็นอสงั หาฯทม่ี หี นงั สอื
แสดงกรรมสทิ ธจิ ์ ะนํามาใชก้ บั ทด่ี นิ มอื เปล่าและมเี พยี ง นส.3 มไิ ด้

ฎ.427/2538 ทด่ี นิ เป็นทด่ี นิ นส.3 แมโ้ จทกจ์ ะไดส้ ทิ ธคิ รอบครองในทด่ี นิ มา แต่การไดม้ าของโจทก์
กเ็ ป็นการไดม้ าซง่ึ ทรพั ยสทิ ธอิ นั เกย่ี วกบั อสงั หาฯ ซง่ึ ถา้ มไิ ดจ้ ดทะเบยี นโจทกก์ จ็ ะยกขน้ึ เป็นขอ้ ต่อสู้ จาํ เลย
ท่ี 2 ซ่งึ เป็นบุคคลภายนอกผูไ้ ดส้ ทิ ธมิ าจากจําเลยท่ี 1 โดยเสยี ค่าตอบแทนและโดยสุจรติ และจดทะเบยี น
สจุ รติ แลว้ หาไดไ้ ม่ (ฎ.2512/2549)

(14) บุคคลภายนอกจะตอ้ งกล่าวไวใ้ นฟ้องหรอื ในคาํ ใหก้ ารดว้ ยว่าตนมสี ทิ ธดิ กี ว่าเพราะไดส้ ทิ ธนิ ัน้
มาโดยเสยี คา่ ตอบแทนสจุ รติ และจดทะเบยี นสจุ รติ แลว้

การเพิกถอนการได้ทรพั ยสิทธิทางทะเบียน
ม.1300 “ถ้าได้จดทะเบียนการโอนอสงั หาฯ หรือทรพั ยสิทธิอนั เกี่ยวกบั อสงั หาฯ เป็ นทาง
เสียเปรียบแก่บุคคลผ้อู ย่ใู นฐานะอนั จะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อย่กู ่อนไซร้ ท่านว่าบุคคลนัน้
อาจเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนนัน้ ได้ แต่การโอนอนั มีค่าตอบแทนซ่ึงผรู้ บั โอนกระทาํ การโดย
สจุ ริตนัน้ ไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด ท่านว่าจะเรียกให้เพิกถอนทะเบียนไม่ได้

ม.1300 ต่างกบั ม.1299 ว.2 ดงั น้ี

1. ม.1299 ว.2 เป็นเรอ่ื งเฉพาะผไู้ ดอ้ สงั หาฯหรอื ทรพั ยสทิ ธโิ ดยทางอน่ื นอกจากนิตกิ รรมเท่านนั้ แต่
ม.1300 เป็นเรอ่ื งบุคคลผอู้ ย่ใู นฐานะอนั จะใหจ้ ดทะเบยี นสทิ ธขิ องตนไดก้ ่อน ซง่ึ ยอ่ มรวมทงั้ ผไู้ ดม้ าโดยทาง
นิตกิ รรมและโดทางอ่นื ฯดว้ ย

2. ม.1299 ว.2 เป็นเรอ่ื งยกขน้ึ อา้ งหรอื ต่อสบู้ ุคคลภายนอกผไู้ ดส้ ทิ ธมิ าโดยไมเ่ สยี คา่ ตอบแทน , ไม่
สุจรติ , มไิ ดจ้ ดทะเบยี นโดยสจุ รติ เท่านนั้ แต่ ม.1300 เป็นเรอ่ื งเรยี กใหเ้ พกิ ถอนการจดทะเบยี นของผทู้ ร่ี บั
โอนดดยไมเ่ สยี คา่ ตอบแทนหรอื รบั โอนโดยไมส่ จุ รติ ทเ่ี ดยี ว

ม.1300 คลา้ ย ม.1299 ตรงทว่ี ่า ถา้ บุคคลใดไม่อาจยกขอ้ ต่อสบู้ ุคคลภายนอกตาม ม.1299 ว.2 ได้
แลว้ บุคคลนนั้ กจ็ ะมาฟ้องขอใหเ้ พกิ ถอนการจดทะเบยี นตาม ม.1300 มไิ ด้ (ฎ.702/2500)

- บุคคลผอู้ ยใู่ นฐานะอนั จะใหจ้ ดทะเบยี นสทิ ธขิ องตนไดอ้ ยกู่ อ่ นนนั้ ไดแ้ ก่
ก. บุคคลผูท้ ํานิตกิ รรม เพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่งึ อสงั หาฯหรอื ทรพั ยสทิ ธฯิ แต่ยงั มไิ ดท้ ําเป็นหนังสอื และจด
ทะเบยี น
ฎ.3011/2540 จาํ เลยทงั้ 3 นําทด่ี นิ ของจาํ เลยท่ี 2 มาเป็นประกนั การทุเลาการบงั คบั คดี โดยจาํ เลย
ท่ี 2 ทําหนังสือสัญญาค้ําประกันไว้และศาลมีคําสงั่ ห้าม จพท.ท่ีดินมิให้ทํานิติกรรมจนกว่าจะมีคําสงั่
เปล่ียนแปลง แม้สญั ญาค้ําฯ จะมผี ลจนกว่าจะชําระหน้ีตามคําพพิ ากษาให้แก่โจทก์ครบถ้วย แต่ท่ีดิน
ดงั กล่าวยงั มไิ ดถ้ ูกยดึ หรอื อายดั จงึ ไมต่ อ้ งหา้ มมใิ หย้ ดึ ทด่ี นิ ของจาํ เลยท่ี 2 ออกขายทอดตลาดชาํ ระค่าภาษี
ได้ การทผ่ี รู้ อ้ งซอ้ื ทด่ี นิ และชาํ ระราคาครบถว้ นแลว้ จงึ อยใู่ นฐานะจดทะเบยี นสทิ ธไิ ดก้ ่อนตาม ม.1300 และ
เมอ่ื กรมสรรพกรมหี นงั สอื แจง้ ให้ จพท.ทด่ี นิ จดทะเบยี นโอนทด่ี นิ ใหผ้ รู้ อ้ ง แต่ จพท.ทด่ี นิ มอิ าจดาํ เนินการให้
ได้ ผรู้ อ้ งจงึ มสี ทิ ธริ อ้ งขอใหศ้ าลชนั้ ตน้ เพกิ ถอนคาํ สงั่ ทห่ี า้ มทาํ นิตกิ รรมเกย่ี วกบั ทด่ี นิ ได้
ฎ.6752/2547 จําเลยท่ี 2 ทาํ ยอมตกลงยกทด่ี นิ พรอ้ มบา้ นส่วนของจาํ เลยท่ี 2 ใหแ้ ก่ผรู้ อ้ ง โดยจะ
โอนกรรมสทิ ธใิ หผ้ รู้ อ้ งเมอ่ื อายุ 20 ปีบรบิ ูรณ์ ศาลพพิ ากษาตามยอมแลว้ ขณะยน่ื คาํ รอ้ งขอกนั สว่ นผรู้ อ้ งมี
อายุ 24 ปี คําพพิ ากษาตามยอมจงึ มผี ลบงั คบั ใหจ้ ําเลยท่ี 2 ตอ้ งโอนกรรมสทิ ธใิ ์ หแ้ ก่ผูร้ อ้ งแลว้ ผูร้ อ้ งจงึ อยู่
ในฐานะอนั จะใหจ้ ดทะเบยี นสทิ ธขิ องตนไดอ้ ยกู่ อ่ นตาม ม.1300
ถา้ นิตกิ รรมนนั้ เป็นเพยี งบุคคลสทิ ธิ ซง่ึ ไม่ใช่สทิ ธทิ จ่ี ะนํามาจดทะเบยี นการไดม้ าดงั เช่นทรพั ยสทิ ธิ
แลว้ บุคคลผทู้ าํ นิตกิ รรมนนั้ ยงั ไมถ่ อื ว่าอย่ใู นฐานะอนั จะใหจ้ ดทะเบยี นสทิ ธไิ ด้ เช่น ทาํ สญั ญาจะซอ้ื จะขาย
(ฎ.874/2490 , 601/2497 , 4979-4982/2532) แมจ้ ะขอใหเ้ พกิ ถอนตาม ม.1300 ไมไ่ ด้ แต่อาจขอใหเ้ พกิ
ถอนการโอนนนั้ ไดต้ าม ม.237 (ฎ.3454/2533)
ตกลงโอนทด่ี นิ ชําระหน้ีใหแ้ ก่เจา้ หน้ี เจา้ หน้ีกอ็ ยู่ในฐานะอนั จะใหจ้ ดทะเบยี นสทิ ธไิ ดก้ ่อนตาม ม.
1300 เชน่ กนั (ฎ.609/2544)
(ข) บุคคลผไู้ ดอ้ สงั หาฯหรอื ทรพั ยสทิ ธฯิ โดยทางอ่นื ฯ แต่การครอบครองตาม ม.1382 หรอื โดยการ
รบั มรดกตาม ม.1599 กถ็ อื วา่ อยใู่ นฐานะอนั จะใหจ้ ดทะเบยี นไดก้ ่อน (ฎ.1886/2536 , 1591/2548 )
เจา้ หน้ีตามคาํ พพิ ากษาทม่ี สี ทิ ธริ บั โอนอสงั หาฯ กอ็ ยใู่ นฐานะอนั จะใหจ้ ดทะเบยี นไดก้ ่อน

ฎ.576/2495 ศาลพพิ ากษาใหผ้ จู้ ะขายโอนขายทด่ี นิ ใหแ้ ก่ผจู้ ะซอ้ื ตามสญั ญาจะซอ้ื จะขายแลว้ แม้
คดยี งั ไมถ่ งึ ทส่ี ดุ กอ็ ยใู่ นฐานะอนั จะใหจ้ ดทะเบยี นไดก้ อ่ นแลว้

ฎ.2961/2517 เดมิ ผู้ร้องฟ้องจําเลยให้โอนท่ดี นิ ให้ผู้รอ้ ง ศาลพพิ ากษาให้โอนแล้ว ต่อมาโจทก์
เจา้ หน้ีตามคาํ พพิ ากษาของจาํ เลยยดึ เพ่อื ชําระหน้ี ผูร้ อ้ งขอใหศ้ าลเพกิ ถอนการยดึ ดงั น้ี แมท้ ด่ี นิ ยงั มชี ่อื
จาํ เลยในโฉนด ผรู้ อ้ งกม็ สี ทิ ธทิ จ่ี ะจดทะเบยี นการไดม้ ากอ่ นโจทก์ จงึ ขอเพกิ ถอนการยดึ ไดต้ าม ม.1300

ฎ.1066/2520 ผรู้ อ้ งซอ้ื ทด่ี นิ จากโจทก์ ต่อมาผรู้ อ้ งฟ้องโจทก์ ศาลพพิ ากษาตามยอมใหโ้ จทกโ์ อน
ทด่ี นิ ใหผ้ รู้ อ้ ง แต่โฉนดอยทู่ โ่ี ดยโจทกใ์ หจ้ าํ เลยยดึ ไวต้ ่างหน้ีจาํ เลยทาํ ยอมความกบั โจทกว์ ่าจะคนื โฉนดเม่อื
โจทก์ชําระหน้ี โจทก์ผดิ นัดจําเลยยดึ ท่ดี นิ บงั คบั คดี ดงั น้ีผูร้ อ้ งอยู่ในฐานะอนั ใหจ้ ดทะเบยี นสทิ ธไิ ดก้ ่อน
การบงั คบั คดขี องจาํ เลยไมก่ ระทบถงึ สทิ ธขิ องผรู้ อ้ งตาม ปวพิ .ม.287

ฎ.407/2532 แมโ้ จทก์ยดึ ท่ดี นิ ก่อนศาลพพิ ากษาใหจ้ ําเลยโอนขายท่ใี ห้ผูร้ อ้ ง แต่ต่อมาเม่อื ศาล
พพิ ากษาใหจ้ าํ เลยขายทพ่ี พิ าทใหผ้ รู้ อ้ ง ยอ่ มถอื ว่าผรู้ อ้ งอยใู่ นฐานะอนั จะจดทะเบยี นสทิ ธไิ ดอ้ ยกู่ ่อนตาม ม.
1300 หากยงั ไมม่ กี ารขายทอดตลาด ผรู้ อ้ งยอ่ มขอใหเ้ พกิ ถอนการยดึ ไดต้ าม ปวพิ .ม.287

(2) ผูท้ ่อี ยู่ในฐานะอนั จะใหจ้ ดทะเบยี นสทิ ธขิ องตนําไดก้ ่อนจะขอใหเ้ พกิ ถอนการจดทะเบยี นโอน
อสงั หาฯหรอื ทรพั ยสทิ ธไิ ดก้ ต็ ่อเมอ่ื

1. การจดทะเบยี นการโอนนนั้ ทาํ ใหต้ นเสยี เปรยี บ
2. ผูร้ บั โอนไปโดยไม่มคี ่าตอบแทน หรอื ถ้าเป็นการโอนโดยมคี ่าตอบแทน ผรู้ บั โอนกก็ ระทําการ
โดยไมส่ จุ รติ ถา้ เป็นการโดอนทรพั ยสทิ ธคิ นละประเภทกบั ทรพั ยสทิ ธขิ องผอู้ ยใู่ นฐานะฯ ยอ่ มไมถ่ อื วา่ ทาํ ให้
เสยี เปรยี บ เช่น ไดภ้ ารจาํ ยอมมาโดยอายคุ วาม แต่ยงั ไมไ่ ดจ้ ดทะเบยี น เจา้ ของภารยทรพั ยโ์ อนกรรมสทิ ธิ ์
ในภารยทรพั ยใ์ หบ้ ุคคลอน่ื ไปเชน่ น้ี ยอ่ มไมท่ าํ ใหไ้ ดภ้ ารจาํ ยอมเสยี เปรยี บแต่อยา่ งใด (ฎ.800/2502)
ฎ.1399-1400/2496 ภรยิ าโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของชาย อยู่กินกนั มานาน เม่อื ชายตาย
หญงิ เชอ่ื วา่ ตนมสี ทิ ธริ บั มรดก จงึ ขอรบั มรดกโฉนดทด่ี นิ แลว้ อนขายใหบ้ ุคคลภายนอกผซู้ อ้ื โดยสุจรติ และจด
ทะเบยี นโดยสจุ รติ แลว้ ทายาทของชายจะขอใหเ้ พกิ ถอนมไิ ด้

การเปล่ียนแปลง ระงบั และกลบั คืนมาซึ่งทรพั ยสิทธิ
ม.1301 “บทบญั ญตั ิแห่งสองมาตราก่อนนี้ ท่านให้ใช้บงั คบั ถึงการเปล่ียนแปลง ระงบั และ
กลบั คืนมาแห่งทรพั ยสิทธิอนั เกี่ยวกบั อสงั หาฯนัน้ ด้วยโดยอนุโลม”
ใชแ้ ต่เฉพาะการเปลย่ี นแปลง ระงบั และกลบั คนื มาซ่งึ ทรพั ยสทิ ธอิ นั เกย่ี วกบั อสงั หาฯ เท่านัน้ ไม่
นําไปใชก้ บั การเปลย่ี นแปลง ระงบั และกลบั คนื มาซง่ึ ตวั อสงั หาฯ
ม. 1301 หมายความว่า การเปลย่ี นแปลง ระงบั และกลบั คนื มาซง่ึ ทรพั ยสทิ ธอิ นั เก่ยี วกบั อสงั หาฯ
โดยนิติกรรมย่อมไม่บรบิ ูรณ์ เว้นแต่จะทําเป็นหนังสอื และจดทะเบียนการเปล่ียนแปลง ฯ ต่อพนักงาน
เจา้ หน้าท่ี

การเปล่ยี นแปลงทรพั ยสทิ ธิ เช่น การเปล่ยี นแปลงจํานองตาม ม.746 การแบ่งส่วนของเจ้าของ
กรรมสทิ ธริ ์ วมในอสงั หาฯ การเปลย่ี นแปลงภารจาํ ยอม

การระงบั ทรพั ยสทิ ธิ เชน่ การไถ่ถอนจาํ นอง การตกลงระงบั ภารจาํ ยอม
การกลบั คนื มาซง่ึ ทรพั ยสทิ ธิ เชน่ การไถ่ถอน การขายฝาก
การเปล่ยี นแปลง ฯลฯ ทรพั ยสทิ ธอิ นั เก่ยี วกบั อสงั หาฯ โดยทางอ่นื ฯ ยงั มไิ ดจ้ ดทะเบยี นจะใชย้ นั
บุคคลภายนอกฯ มไิ ดเ้ ทา่ นนั้ เชน่ การระงบั แหง่ ภารจาํ ยอมเพราะมใิ ช้ 10 ปี ถา้ เจา้ ของภารยทรพั ยม์ ไิ ดจ้ ด
ทะเบยี นระงบั หากเจา้ ของสามยทรพั ยโ์ อนสามยทรพั ยใ์ หบ้ ุคคลภายนอกผเู้ สยี ค่าตอบแทน สุจรติ ไม่รูว้ ่า
ภารจาํ ยอมระงบั ได้ และไดจ้ ดทะเบยี นโดยสจุ รติ แลว้ เจา้ ของภารยทรพั ยจ์ ะยกเอาการระงบั แหง่ ภารจาํ ยอม
มายนั ต่อผรู้ บั โอนสามยทรพั ยม์ ไิ ด้
ถา้ มกี ารจดทะเบยี นการเปล่ยี นแปลงฯ เป็นการเสยี เปรยี บแก่ผอู้ ย่ใู นฐานะฯ ย่อมมอี ํานาจใหเ้ พกิ
ถอนการจดทะเบยี นได้ เวน้ แต่การจดทะเบยี นนนั้ กระทาํ โดยสจุ รติ เสยี คา่ ตอบแทน จงึ เพกิ ถอนไมมไ่ ด้
การนํา ม.1299 , 1300 และ 1301 ไปใช้กบั ทรพั ยอ์ ื่น
ม.1302 “บทบญั ญตั ิแห่ง 3 มาตราก่อนนี้ ให้ใช้บงั คบั ถึงเรือมีระวางตงั้ แต่ 5 ตนั ขึน้ ไป ทงั้ แพ

และสตั วพ์ าหนะด้วยโดยอนุโลม”

ทรพั ยด์ งั กล่าว แมจ้ ะเป็นสงั หาฯ กต็ าม แต่ ม.1302 ใหอ้ ยู่ในบงั คบั ม.1299 , 1300 และ 1301
เชน่ กนั นอกจากน้ี หากเป็นเรอ่ื งซอ้ื ขาย แลกเปลย่ี น ให้ จาํ นอง จะพจิ ารณาแต่เพยี ง มาตรา 1299 , 1300
, 1301 เทา่ นนั้ ไมเ่ พยี งพอ ตอ้ งพจิ ารณาในเรอ่ื งนนั้ ๆดว้ ย

การเรียกรอ้ งสงั หาฯเดียวกนั
ม.1303 “ ถ้าบุคคลหลายคนเรียกเอาสงั หาฯ เดียวกนั โดยอาศยั หลกั กรรมสิทธ์ิต่างกนั ไซร้
ท่านว่าทรพั ยส์ ินตกอย่ใู นครอบครองของบุคคลใด บุคคลนัน้ มีสิทธิยิ่งกว่าบุคคลอื่นๆ แต่ต้องได้
ทรพั ยน์ ัน้ มาโดยมีค่าตอบแทนและได้ครอบครองโดยสจุ ริต
ท่านมิให้ใช้มาตรานี้บงั คบั ถึงสงั หาฯซ่ึงระบุไว้ในมาตราก่อนและในเร่ืองทรพั ยส์ ินหาย กบั
ทรพั ยส์ ินที่ได้มาโดยการกระทาํ ผิด”

- กรรมสทิ ธติ ์ อ้ งแปลความวา่ มายถงึ ทรพั ยสทิ ธอิ ยา่ งอน่ื เชน่ จาํ นําหรอื บุรมิ สทิ ธดิ ว้ ย
ฎ.844/2511 ซ้อื ทรพั ยร์ ายเดยี วกนั จากผูข้ ายต่างคนนัน้ โดยผูข้ ายคนหน่ึงไม่มอี ํานาจจะขายได้
ยอ่ มจะนํา ม.1303 มาบงั คบั มไิ ด้ *สทิ ธทิ ไ่ี ดม้ านนั้ จะตอ้ งไดม้ าจากผมู้ โี อนสทิ ธนิ นั้ และผมู้ อี าํ นาจโอนสทิ ธิ
ในทรพั ยน์ นั้ กต็ อ้ งเป็นบุคคลเดยี วกนั ดว้ ย
- ม.1303 ยอ่ มไมใ่ ชก้ บั สงั หาฯประเภททต่ี อ้ งจดทะเบยี นการโอนตาม ม.1302
ฎ.185/2508 สลากกนิ แบ่งของโจทก์หายไป จําเลยซ่งึ เป็นพ่อคา้ จําหน่ายสลากฯไดร้ บั ซ้อื ไวโ้ ดย
เปิดเผยและสจุ รติ ไมท่ ราบว่าเป็นสลากของโจทก์ เม่อื ผขู้ ายมใิ ช่เจา้ ของสลาก และไมม่ อี าํ นาจเอามาขาย
ได้ จาํ เลยรบั ซอ้ื ไวก้ ไ็ มไ่ ดก้ รรมสทิ ธใิ ์ นสลากฯนนั้

ฎ.1174/2494 เช่าเคร่อื งตดั ผมและเคร่อื งอุปกรณ์อ่นื ๆในรา้ นตดั ผมของเขาไว้ ภายหลงั กลบั เอา
เคร่อื งมแื ละเคร่อื งอุปกรณ์ไปขายใหแ้ ก่ผูอ้ ่นื ดงั น้ีผูร้ บั ซ้อื มไิ ดก้ รรมสทิ ธกิ ์ รณีไม่เขา้ ม.1303 เพราะเป็น
ทรพั ยท์ ไ่ี ดม้ าโดยการทาํ ผดิ ฐานยกั ยอก

- ถา้ เป็นเร่อื งบุรมิ สทิ ธเิ หนือสงั หาฯ บุรมิ สทิ ธนิ ัน้ ย่อมสน้ิ ไปเม่อื บุคคลภายนอกไดท้ รพั ยน์ นั้ ไปจาก
ลกู หน้ีและไดส้ ง่ มอบกนั แลว้

ถา้ เป็นเรอ่ื งเชา่ สงั หาฯ ผเู้ ชา่ คนใดไดค้ รอบครองทรพั ยท์ เ่ี ช่าตามสญั ญาเชา่ ก่อน ผเู้ ช่าคนนนั้ มสี ทิ ธิ
ดกี วา่ ผเู้ ชา่ คนอ่นื ทอ่ี า้ งสทิ ธใิ นทรพั ยน์ นั้

ทรพั ยส์ ินของแผน่ ดิน แบ่งเป็น 2 ประเภท คอื
1. ทรพั ยข์ องแผน่ ดนิ ธรรมดา คอื ทรพั ยส์ นิ ทงั้ ทเ่ี ป็นสงั หาฯและอสงั หาฯ ซง่ึ เป็นของรฐั
ทรพั ยท์ ศ่ี าลสงั่ รบิ ตาม ปอ.ม.32 , 33 , 34
ทรพั ยส์ นิ ของแผ่นดนิ ย่อมมลี กั ษณะเช่นเดยี วกบั ทรพั ยข์ องเอกชน คอื อาจโอนกนั ไดต้ ามธรรมดา
อาจเขา้ ครอบครองไดก้ รรมสทิ ธิ ์ตาม ป.พ.พ. ม.1382 เพยี งแต่ ม.1307 หา้ มมใิ หย้ ดึ เพ่อื บงั คบั ชาํ ระหน้ีตาม
ป.ว.ิ พ. เทา่ นนั้
2. สาธารณสมบตั ิของแผ่นดิน คอื ทรพั ย์สนิ ของแผ่นดินทงั้ ท่ีสงั หาฯ หรอื อสงั หาฯ ซ่ึงใช้เพ่อื
สาธารณประโยชน์หรอื สงวนไวเ้ พอ่ื ประโยชน์รว่ มกนั
ม.1304 “สาธารณสมบตั ิของแผ่นดินนัน้ รวมทงั้ ทรพั ย์สินทุกชนิ ดของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อ
สาธารณประโยชน์ หรอื สงวนไว้เพื่อประโยชน์รว่ มกนั เช่น
(1) ท่ีดินรกร้างว่างเปล่า และท่ีดินซึ่งมีผ้เู วนคืนหรือทอดทิ้ง หรือกลบั มาเป็ นของแผ่นดิน
โดยประการอ่ืน ตามกฎหมายท่ีดิน
(2) ทรพั ยส์ ินสาํ หรบั พลเมอื งใช้ร่วมกนั เป็นต้นว่า ที่ชายตล่ิง ทางน้ํา ทางหลวง ทะเลสาบ
(3) ทรพั ย์สินใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ เป็ นต้นว่า ป้ อมและโรง
อาหาร สาํ นักราชการบา้ นเมือง เรือรบอาวธุ ยทุ ธภณั ฑ”์
ลกั ษณะสาํ คญั
ก. ใชเ้ พอ่ื สาธารณประโยชน์ หรอื ข.สงวนไวเ้ พอ่ื ประโยชน์รว่ มกนั
ฎ.6634/2545 ทด่ี นิ พพิ าทเดมิ เป็นหาดทรายชายทะเลชาวบา้ นใชต้ ากกุง้ และตากปลาอนั เป็นการใช้
ทรพั ยส์ นิ ของแผ่นดนิ เพ่อื สาธารณประโยชน์หรอื สงวนไวเ้ พ่อื ประโยชน์ร่วมกนั แมต้ ่อมาจะเปลย่ี นแปลง
สภาพโดยธรรมชาติทะเลต้นื เขนิ ขน้ึ แต่ก็เป็นทรพั ย์สนิ ของแผ่นดนิ ประชาชนใช้ร่วมกนั จงึ เป็นสาธารณ
สมบตั ขิ องแผน่ ดนิ ตาม ม.1304(2)
ฎ.353-360/2507 ทจ่ี ะตคี วามว่าถ้าทใ่ี ดเป็นทช่ี ายตลงิ่ แล้ว ย่อมเป็นสาธารณสมบตั ขิ องแผ่นดนิ
เสมอไปย่อมไม่ถูกต้อง เพราะจะต้องมสี ภาพเป็นทรพั ย์สนิ สําหรบั พลเมอื งใช้ร่วมกนั ด้วย จําเลยปลูก
อาคารลงในทด่ี นิ ของจาํ เลย แมภ้ ายใตอ้ าคารน้ีถูกน้ําเซาะพงั ลงกลายสภาพเป็นทช่ี ายตลง่ิ แต่จาํ เลยกย็ งั ใช้

สทิ ธแิ ห่งความเป็นเจา้ ของคงครอบครองอาคารและทด่ี นิ นัน้ อยู่ มไิ ดท้ อดทง้ิ ปล่อยใหเ้ ป็นทช่ี ายตลง่ิ สําหรบั
พลเมอื งใชร้ ว่ มกนั แลว้ ทพ่ี พิ าทนนั้ ยงั หาเป็นสาธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ ไม่ (ฎ.3093/2523 , 2744/2546)

ฎ.4374/2539 วดั อาจอุทศิ ท่ีดินของวดั โดยปรยิ ายให้เป็นทางหลวงซ่ึงเป็นสาธารณสมบตั ิของ
แผน่ ดนิ ไดไ้ มข่ ดั ต่อ พรบ.สงฆ์ เพราะมใิ ชเ่ ป็นการโอนกรรมสทิ ธติ ์ ามทก่ี ฎหมายหา้ มไว้

ทรพั ยส์ นิ อนั เป็นสาธารณสมบตั ขิ องแผ่นดนิ ไม่ต้องขน้ึ ทะเบยี นว่าเป็นสาธารณสมบตั ขิ องแผ่นดนิ
เสมอไป ขน้ึ อยู่กบั สภาพของทรพั ย์สนิ นัน้ เองว่าได้ใชเ้ พ่อื สาธารณประโยชน์หรอื สงวนไว้เพ่อื ประโยชน์
รว่ มกนั หรอื ไม่ (ฎ.492/2502 , 592/2513)

การสิ้นไปของสาธารณสมบตั ิของแผน่ ดิน

1. โดยมกี ารเลกิ ใชโ้ ดยเดด็ ขาดหรอื ไดม้ กี ารเลกิ สงวนฯ โดยเดด็ ขาด ซ่งึ ทําใหม้ สี ภาพเป็นเพยี ง
ทรพั ยส์ นิ ของแผ่นดนิ ธรรมดาเท่านัน้ ตาม ม.8 ของ กม.ทด่ี นิ หากมกี ารถอนสภาพโดยพระราชกฤษฎกี า
แลว้ ยอ่ มสน้ิ สภาพจากการเป็นสาธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ ไปทนั ที

2. ทรพั ยน์ นั้ สญู สลายไปทงั้ หมด เชน่ น้ําเซาะพงั
3. เมอ่ื มกี ารเวนคนื หรอื มกี ารโอนไปเป็นของเอกชนโดยชอบดว้ ยกฎหมาย
ผลแห่งการเป็นทรพั ยส์ ินของแผน่ ดิน

ทรพั ย์สนิ ของแผ่นดินท่ีมิใช่สาธารณสมบตั ิของแผ่นดนิ นัน้ ตาม ม.1307 ห้ามแต่เพยี งมใิ ห้ยดึ
หมายถงึ ยดึ เพ่อื นํามาชําระหน้ีหรอื เพ่อื บงั คบั คดตี ามคําพพิ ากษา มไิ ดห้ มายถงึ ยดึ ถอื ครอบครองเพ่อื ตน
ดงั นัน้ นอกจากการหา้ มยดึ ดงั กล่าวแล้วทรพั ยส์ นิ ของแผ่นดนิ ย่อมมลี กั ษณะเช่นทรพั ย์สนิ ของเอกชนทุก
ประการ คอื จําหน่ายจ่ายโอนไดต้ ามธรรมดาและอาจถูกแย่งกรรมสทิ ธโิ ์ ดยการครอบครองปรปกั ษ์ตาม ม.
1382 ได้ (ฎ.3320/2550)

ผลแห่งการเป็นสาธารณสมบตั ิของแผน่ ดิน

1. ม.1305 จะโอนแกก่ นั มไิ ด้ เวน้ แต่อาศยั อาํ นาจกฎหมายเฉพาะหรอื พระราชกฤษฎกี า
2. ตาม ม.1306 ผใู้ ดจะยกอายคุ วามขน้ึ เป็นขอ้ ต่อสกู้ บั แผน่ ดนิ มไิ ด้
3. ตาม ม.1307 จะยดึ เพอ่ื การบงั คบั คดตี ามคาํ พพิ ากษาของศาลมไิ ด้
(1) ม.1305 เป็นเร่อื งหา้ มโอนกนั อยา่ งการโอนทรพั ยส์ นิ เอกชนธรรมดา แต่ไมห่ า้ มโอนโดยอาศยั
กฎหมายหรอื พระราชกฤษฎกี า ฉะนนั้ ถา้ เป็นเพยี งสญั ญาจะโอน สญั ยานนั้ ยอ่ มมผี ลบงั คบั กนั ได้ เพยี งแต่
การโอนจะไมเ่ กดิ ขน้ึ จนกวา่ จะไดม้ กี ฎหมายอนุญาตใหโ้ อนไดเ้ ทา่ นนั้ (ฎ.126/2479)
- ซอ้ื จากการขายทอดตลาดกม็ ไิ ดก้ รรมสทิ ธิ ์(ฎ.149/2485 , 2622/2522 , 112/2539)
- ทาํ สญั ญาจะซอ้ื จะขายเป็นโมฆะ (ฎ.395/2538)
- ทด่ี นิ ถูกทางราชการเวนคนื ไปแลว้ ต่อมามคี าํ พพิ ากษาใหค้ นื ทด่ี นิ นัน้ แก่เจา้ ของ รคนื นัน้ ไม่ตอ้ ง
ทาํ ตาม ม.1305 เพราะกรณเี ชน่ น้ีมใิ ชเ่ ป็นการโอนแกก่ นั ตาม ม.1305 (ฎ.1795/2499)
- ผใู้ ดหามสี ทิ ธเิ อาไปใหเ้ ช่าไดไ้ ม่ ถา้ เอาไปใหเ้ ช่าการเช่ากไ็ ม่มผี ล ผใู้ หเ้ ช่าจะฟ้องผเู้ ช่าตามสญั ญา
เชา่ มไิ ด้ (ฎ.948/2501 , 622/2510 , 1608/2513)

- ไมม่ อี าํ นาจฟ้องขบั ไล่ (ฎ.920-921/2522)
- ตกลงแบง่ การครอบครองกนั กไ็ มไ่ ด้ (ฎ.1410/2520)
(2) ม.1306 ผใู้ ดจะอา้ งการครอบครองขน้ึ ใชย้ นั ต่อแผน่ ดนิ มไิ ด้ แต่ถา้ เป็นทรพั ยส์ นิ สาํ หรบั พลเมอื ง
ใชร้ ว่ มกนั แลว้ ถอื วา่ เอกชนแต่ละคนมสี ทิ ธใิ ชส้ อยทรพั ยส์ นิ นนั้ ได้ เมอ่ื ผใู้ ดไดใ้ ชส้ ทิ ธใิ ชส้ ทิ ธเิ ขา้ ใชส้ อยก่อน
แลว้ หากมผี ูอ้ ่นื มารบกวนการใชส้ ทิ ธขิ องตนไดช้ ่อื ว่าไดร้ บั ความเสยี หายเป็นพเิ ศษ มสี ทิ ธฟิ ้องใหร้ ะงบั การ
รบกวนได้ (ฎ.39/2495)
ฎ.1642/2506 ทช่ี ายตลงิ่ อนั เป็นสาธารณสมบตั ขิ องแผ่นดนิ สาํ หรบั พลเมอื งใชร้ ่วมกนั นัน้ ถา้ มผี ู้
เขา้ มากนั้ รวั้ ปลูกบา้ นและสงิ่ อ่นื กดี ขวางหน้าท่ดี นิ ของเจา้ ของท่ดี นิ ตดิ กบั ชายตลง่ิ จนเขา้ สู่แม่น้ําไม่ไดแ้ ล้ว
ยอ่ มถอื วา่ เจา้ ของทด่ี นิ ไดร้ บั ความเสยี หายเป็นพเิ ศษ มสี ทิ ธฟิ ้องขบั ไลไ่ ด้
ฎ.628/2510 โจทกใ์ ชน้ ้ําในบ่อเสมอมา จําเลยทําใหน้ ้ําในบ่อไมม่ ใี หโ้ จทกใ์ ช้ โจทกเ์ ป็นผเู้ สยี หาย
พเิ ศษ
(3) ม.1307 หา้ มยดึ แมข้ ณะยดึ จะไมท่ ราบว่าเป็นทรพั ยส์ นิ ของแผน่ ดนิ กไ็ มท่ าํ ใหก้ ารยดึ นนั้ มผี ล
ยนั ต่อแผน่ ดนิ ได้ การยดึ จงึ ไมม่ ผี ลตามกฎหมาย (ฎ.149/2485)

การได้มาซ่ึงกรรมสิทธ์ิ แบ่งไดเ้ ป็น 2 ประการ คอื
1. การไดม้ าโดยผลแหง่ กฎหมาย ไดแ้ ก่
ก. อาศยั หลกั สว่ นควบตาม ม.1308 – 1317
ข. โดยเขา้ ถอื เอาซง่ึ สงั หาฯไมม่ เี จา้ ของตาม ม.1318 – 1322
ค. ของตกของหาย ทรพั ยท์ ใ่ี ชใ้ นการทาํ ผดิ และสงั หาฯ มคี า่ ซง่ึ ซอ่ นหรอื ฝงั ไวต้ าม ม.1323 – 1328
ง. ไดม้ าซง่ึ ทรพั ยส์ นิ โดยสจุ รติ ในพฤตกิ ารณ์พเิ ศษตาม ม.1329 – 1332
จ. โดยอายคุ วามตาม ม.1333
ฉ. ไดม้ าซ่งึ ท่ดี นิ รกรา้ งว่างเปล่า ทด่ี นิ ซ่งึ มผี ูเ้ วน้ คนื หรอื ทอดทง้ิ หรอื กลบั มาเป็นของแผ่นดนิ โดย
ประการอน่ื ตามกฎหมายทด่ี นิ ตาม ม.1334
2. การไดม้ าโดยนิตกิ รรม เป็นการไดม้ าโดยการซอ้ื ขาย แลกเปลย่ี น ให้ ตามปพพ.บรรพ 3
การได้มาโดยผลแห่งกฎหมาย
(ก) การได้มาโดยอาศยั หลกั ส่วนควบตาม ปพพ.ม.146 ว.2
1. ที่งอกริมตลิ่ง
ม.1308 “ที่ดินแปลงใดเกิดที่งอกริมตลิ่ง ที่งอกย่อมเป็ นทรพั ย์สินของเจ้าของท่ีดินแปลง
นัน้ ”
ฎ.4930/2539 ทด่ี นิ ของโจทกด์ า้ นทศิ ตะวนั ออกจดทด่ี อนไมไ่ ดจ้ ดแมน่ ้ํา ทด่ี นิ ของโจทกก์ ไ็ มไ่ ดเ้ กดิ
ท่งี อกรมิ ตลงิ่ หากแต่เป็นท่งี อกท่เี กดิ จากท่ดี อนนอกแนวเขตท่ดี นิ ของโจทก์ท่งี อกจงึ ไม่ใช่ทรพั ยส์ นิ ของ
โจทกต์ าม ม.1308

ทง่ี อกรมิ ตลงิ่ ไมจ่ าํ เป็นทง่ี อกรมิ ตลงิ่ แมน่ ้ําเสมอไป อาจเป็นทง่ี อกรมิ ทะเล ทะเลสาบหรอื บงึ หนอง
กไ็ ด้ และไม่จําต้องเป็นท่ดี นิ เสมอไป หาดทราบต่อจากนาท่งี อกไปทางแม่น้ําก็เป็นท่งี อกรมิ ตลง่ิ ได้ (ฎ.
1138/2484)

- ตอ้ งเป็นทง่ี อกตดิ ต่อเป็นแปลงเดยี วกบั ทด่ี นิ เดมิ โดยไม่มอี ะไรคนั่ ถา้ มถี นนหรอื ทางหลวงคนั่ จะ
อา้ งวา่ ทง่ี อกเป็นของตนไมไ่ ด้ (ฎ.1769/2492 , 4930/2539)

- ถา้ เกดิ ทง่ี อกจากทด่ี นิ เอกชน แมต้ ่อมาเอกชานจะอุทศิ ทด่ี นิ ทต่ี ดิ กบั ทง่ี อกใหเ้ ป็นทางสาธารณะก็
หาทาํ ใหท้ ง่ี อกเป็นสาธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ ไม่ (ฎ.1289/2523)

- มลี าํ รางทางน้ําฝนตกไหลคนั่ กไ็ มเ่ ป็นของเจา้ ของทด่ี นิ (ฎ.524/2497)
2. เกาะและทางนํ้าตื้นเขิน
ม.1309 “เกาะที่เกิดในทะเลสาบหรือในทางนํ้าหรือในเขตน่านนํ้าของประเทศกด็ ี และท้อง
ทางนํ้าที่ตื้นเขินขึน้ กด็ ี เป็นทรพั ยส์ ินของแผน่ ดิน”
“เป็นทรพั ยส์ ินของแผน่ ดิน” มไิ ดห้ มายความวา่ จะเป็นสาธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ หากเกาะหรอื

ทอ้ งทางน้ําต้นื เขนิ ไดใ้ ชเ้ พ่อื สาธารณประโยชน์หรอื สงวนไวเ้ พ่อื ประโยชน์ร่วมกนั ของประชาชนแลว้ ยอ่ มจะ
เป็นสาธารณสมบตั ขิ องแผ่นดนิ มใิ ช่เป็นเพยี งทรพั ยส์ นิ ของแผน่ ดนิ ธรรมดาเท่านัน้ ทบ่ี ญั ญตั เิ พยี งว่าเป็น
ทรพั ยส์ นิ ของแผน่ ดนิ กเ็ พอ่ื จะแสดงใหเ้ หน็ วา่ มใิ ชเ่ ป็นของเอกชนเทา่ นนั้

3. สร้างโรงเรือนในท่ีดินของผอู้ ื่นโดยสจุ ริต
ม.1310 “บุคคลใดสร้างโรงเรือนในท่ีดินของผ้อู ื่นโดยสุจริตไซร้ ท่านว่าเจ้าของท่ีดินเป็ น
เจ้าของโรงเรอื นนัน้ ๆ แต่ต้องใช้ค่าแห่งที่ดินเพียงท่ีเพิ่มขึน้ เพราะสรา้ งโรงเรือนนัน้ ให้แก่ผสู้ รา้ ง
แต่ถ้าเจ้าของที่ดินสามารถแสดงได้ว่า มิได้มีความประมาทเลินเล่อจะบอกปัดไม่ยอมรบั
โรงเรือนนัน้ และเรียกให้ผสู้ ร้างรือ้ ถอนไป และทาํ ที่ดินให้เป็นตามเดิมกไ็ ด้ เว้นไว้แต่ถ้าการนี้จะทาํ
ไม่ได้โดยใช้เงินพอสมควรไซร้ ท่านว่าเจ้าของท่ีดินจะเรียกให้ผ้สู ร้างซื้อท่ีดินทัง้ หมดหรือแต่

บางส่วนตามราคาตลาดกไ็ ด้”

- เป็นการสรา้ งโรงเรอื นขน้ึ ทงั้ หลงั (มใิ ช่ต่อเตมิ ) ในทด่ี นิ ของผอู้ ่นื โดยมไิ ดร้ บั อนุญาตและไมม่ สี ทิ ธิ
หรอื นิตสิ มั พนั ธใ์ นทด่ี นิ นนั้ แต่เป็นการปลกู โดยสจุ รติ เชอ่ื วา่ ตนมสี ทิ ธทิ จ่ี ะปลกู ได้

- โรงเรอื นทป่ี ลกู จะตอ้ งมลี กั ษณะเป็นสว่ นควบกบั ทดี นิ
- ความสุจรติ จะตอ้ งมอี ยตู่ งั้ แต่ลงมอื ก่อสรา้ งจนกระทงั้ สรา้ งเสรจ็ สมบูรณ์ (ฎ.2313/2537) เช่นเช่อื
วา่ เป็นทด่ี นิ ของตนหรอื เช่อื วา่ มสี ทิ ธติ ามสญั ญาเชา่
ฎ.1427/2497 ครอบครองท่ดี นิ ของผูอ้ ่นื โดยรูว้ ่าตนไม่มสี ทิ ธใิ นทด่ี นิ นัน้ ไดป้ ลูกโรงเรอื นและสง่ิ
เพาะปลกู ลงไปจะถอื วา่ ปลกู โดยสจุ รติ มไิ ด้
ฎ.784/2516 ปลกู ตกึ ในทด่ี นิ โดยรวู้ า่ ทด่ี นิ ยงั ไมเ่ ป็นสทิ ธขิ องตนโดยสมบรู ณ์ ถอื ไมไ่ ดว้ า่ สจุ รติ
- โรงเรอื นตกเป็นของเจา้ ของทด่ี นิ ตามหลกั สว่ นควบ

- ค่าแห่งทด่ี นิ ทเ่ี พมิ่ ขน้ึ หมายถงึ ราคาทแ่ี ตกต่างกนั ระหว่างราคาทด่ี นิ กบั โรงเรอื น และราคาทด่ี นิ
โดยไม่มีโรงเรือน เช่นท่ีดินราคา 500,000 บาท ปลูกโรงเรือนราคา 300,000 บาท หากขายมีราคา
1,000,000 บาท ค่าแหง่ ทด่ี นิ ทเ่ี พมิ่ ขน้ึ 500,000 บาท มใิ ช่ 300,000 บาท ตามราคาโดรงเรอื น ถา้ ขายได้
700,000 บาท คา่ แหง่ ทด่ี นิ เพม่ิ คอื 200,000 บาทเทา่ นนั้

- ผมู้ สี ทิ ธเิ รยี กคา่ แหง่ ทด่ี นิ ฯ คอื เจา้ ของโรงเรอื นมใิ ชผ่ รู้ บั เหมา (ฎ.200/2505)
- ถา้ ปลกู ในทส่ี าธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ ยอ่ มไมม่ สี ทิ ธจิ ะอา้ ง ม.1310 มายนั ต่อแผน่ ดนิ ได้
- แต่ถา้ เจา้ ของทด่ี นิ แสดงไดว้ า่ ตนมไิ ดป้ ระมาทกม็ สี ทิ ธจิ ะเลอื กได้ 2 ประการคอื ใชส้ ทิ ธติ ามม.1310
ว.1 หรอื ม.1310 ว.2 คือให้ร้อื ถอนออกไปและทําให้ท่ีดินอยู่ในสภาพเดิม แต่ถ้าร้ือถอนจะทําให้ต้อง
เสยี หายเกนิ สมควร จะใหผ้ ปู้ ลกู ซอ้ื ทด่ี นิ ทงั้ หมดหรอื บางสว่ นตามราคาตลาดกไ็ ด้
- ประมาทเลนิ เล่อ เช่น ปล่อยท่ดนิ รกรา้ งว่างเปล่าโดยมไิ ดก้ นั้ รวั้ หรอื ปกั หลกั แสดงเขต ทาํ ใหผ้ อู้ ่นื
เขา้ ใจวา่ เป็นทร่ี กรา้ งวา่ งเปล่า
- ถา้ ผูป้ ลูกยนิ ยอมรอ้ื ถอนไป แมจ้ ะตอ้ งเสยี หายเกนิ สมควร เจา้ ของทด่ี นิ กต็ อ้ งยอม จะบงั คบั ให้
ซอ้ื ทด่ี นิ มไิ ด้
- ม.1310 ว.2 ตอ้ งปลกู สรา้ งโดยสุจรติ ดว้ ย ถา้ ไม่สุจรติ แลว้ ไมว่ ่าเจา้ ของทด่ี นิ จะประมาทหรอื ไม่ ก็
อา้ งม.น้ีไมไ่ ด้ เป็นเรอ่ื ง ม.131
ฎ.1181/2500 โจทกป์ ลูกสรา้ งโรงเรอื นและตน้ ลําใยในทด่ี นิ ทโ่ี จทกซ์ อ้ื แต่ยกใหจ้ าํ เลย เพราะโจทก์
เป็นคนต่างดา้ ว กรณีต้องดว้ ย ม.1310 และ 1314 การปลูกโรงเรอื นและต้นลําใยทําใหร้ าคาเพม่ิ ขน้ึ เม่อื
โจทกจ์ ะออกไปจากทด่ี นิ โจทกม์ สี ทิ ธเิ ์ รยี กรอ้ งใหจ้ าํ เลยชาํ ระราคาทด่ี นิ
ฎ.3685-3686/2546 บรษิ ทั ด. เจา้ ของทด่ี นิ สรา้ งอาคารพาณชิ ย์ 11 คหู า ขายโดยดา้ นหลงั อาคาร
มกี าํ แพงรวั้ คอนกรตี สงู 2 เมตร ยาวตลอด 11 คหู า จาํ เลยท่ี 4 ซอ้ื ปี 2525 จาํ เลยท่ี 5 ซอ้ื ปี 2536 จาํ เลยท่ี
4 และ 5 ต่อเตมิ รวั้ เดมิ ทอ่ี ยู่นอกโฉนดทด่ี นิ ใหส้ ูงขน้ึ และมุงหลงั คาเป็นส่วนหน่ึงของอาคาร ส่วนโจทก์ซ้อื
ทด่ี นิ มาปี 2537 เน้ือทค่ี รอบคลุมรวั้ ทงั้ หมด ในกรณีรวั้ เดมิ ไมม่ กี ฎหมายทจ่ี ะยกขน้ึ ปรบั แก่คดไี ดโ้ ดยตรงจงึ
ตอ้ งอาศยั ป.พ.พ.ม.4 คอื ม.1310 ประกอบ ม.1314 โจทกจ์ งึ เป็นเจา้ ของรวั้ เดมิ ส่วนรวั้ ทต่ี ่อเตมิ ใหม่และ
สง่ิ ปลกู สรา้ งหลงั อาคารไมใ่ ชก่ ารสรา้ งโรงเรอื นรกุ ล้าํ เขา้ ไปในทด่ี นิ ของผอู้ ่นื หรอื สรา้ งโรงเรอื นหรอื สง่ิ ก่อสรา้ ง
อ่นื ในทด่ี นิ ของผูอ้ ่นื แมจ้ ําเลยท่ี 4 , 5 จะสุจรติ กไ็ ม่มสี ทิ ธใิ ชท้ ด่ี นิ ของโจทก์ได้ กรณีไม่ต้องดว้ ย ม.1312
และ ม.1310 ประกอบ ม.1314 จงึ ตอ้ งรอ้ื ออกไป
4. สร้างโรงเรอื นในทีดินของผอู้ ื่นโดยไม่สจุ ริต

ม.1311 “บุคคลใดสร้างโรงเรือนในท่ีดินของผอู้ ื่นโดยไม่สจุ ริตไซร้ ท่านว่าบุคคลนัน้ ต้องทาํ

ที่ดินให้เป็ นตามเดิมแล้วส่งคืนเจ้าของ เว้นแต่เจ้าของจะเลือกให้ส่งคืนตามที่เป็ นอยู่ ในกรณี

เช่นนี้เจ้าของท่ีดินต้องใช้ราคาโดรงเรือนหรือใช้ค่าแห่งท่ีดินเพียงที่เพิ่มขึ้นเพราะสร้างโรงเรือนนัน้

แล้วแต่จะเลือก”
- เป็นสทิ ธทิ ใ่ี หไ้ วแ้ ก่เจา้ ของทด่ี นิ ฝา่ ยเดยี ว

5. สร้างโรงเรือนรกุ ลาํ้ ในที่ของผอู้ ่ืน
ม.1312 “ บุคคลใดสร้างโรงเรือนรกุ ลาํ้ ไปในที่ดินของผ้อู ่ืนโดยสุจริตไซร้ ท่านว่าบุคคลนัน้
เป็ นเจ้าของโดรงเรือนท่ีสร้างขึ้น แต่ต้องเสียเงินให้แก่เจ้าของท่ีดินเป็ นค่าใช้ท่ีดินนัน้ และจด
ทะเบียนสิทธิเป็ นภารจาํ ยอม ต่อมาภายหลงั ถ้าโรงเรือนนัน้ สลายไปทงั้ หมด เจ้าของที่ดินจะเรียก
ให้เพิกถอน การจดทะเบียนเสียกไ็ ด้
ถ้าบุคคลผ้สู ร้างโรงเรือนนัน้ กระทาํ การโดยไม่สุจริต ท่านว่าเจ้าของที่ดินจะเรียกให้ผ้สู ร้าง
รอื้ ถอนไป และทาํ ที่ดินให้เป็นตามเดิมโดยผสู้ รา้ งเป็นผอู้ อกค่าใช้จ่ายกไ็ ด้”

ฎ.741/2505 ปลูกโรงเรอื นในทด่ี นิ ของตน ตวั เรอื นไม่รกุ ล้ําเขา้ ไปในทด่ี นิ ของผอู้ ่นื แต่ชายคาได้
รุกล้ําเขา้ ไปโดยสุจรติ ย่อมเป็นการปลูกสรา้ งโรงเรอื นรุกล้ําเขา้ ไปในท่ดี นิ ของผูอ้ ่นื ตาม ม.1312 มใิ ช่ ม.
1341

ท่อน้ําทง้ิ และเคร่อื งปรบั อากาศไมถ่ อื เปป็นสว่ นของโรงเรอื น (ฎ.778/2523) ถงั สว้ มซเี มนตม์ ใิ ช่ (ฎ.
2316/2522) กาํ แพงทแ่ี ยกตางหากจากเสาโรงเรอื นไมใ่ ช่ (ฎ.2036/2539)

ฎ.951-952/2542 โรงรถ ทอ่ ประปา ปมั๊ น้ํา และแทง็ ก์ มใิ ชโ่ รงเรอื นตามความหมายของ ม.น้ี
ถ้าส่วนใหญ่ของโรงเรอื นอยู่ในทด่ี นิ ของผูอ้ ่นื และส่วนน้อยอยู่ในทด่ี นิ ของตนแลว้ กรณีน่าจะปรบั
เขา้ ม.1311 หรอื 1310
ถา้ ปลกู โรงเรอื นในทด่ี นิ ของตนเองแลว้ ต่อมามกี ารแบ่งแยกทด่ี นิ ทาํ ใหโ้ รงเรอื นบางสว่ นรกุ ล้าํ เขา้ ไป
ในทด่ี นิ ของผอู้ ่นื ทแ่ี บ่งแยกกรณีจะถอื เป็นการปลูกโรงเรอื นรุกล้ําตาม ม.1312 มไิ ด้ กรณีน้ีน่าจะตอ้ งอยใู่ น
บงั คบั ของ ม.1335 , 1336 คอื ผู้เป็นเจ้าของท่ดี ินท่แี บ่งแยกซ่ึงถูกโรงเรอื นรุกล้ํา ย่อมมสี ทิ ธใิ ห้เจ้าของ
โรงเรอื นรอ้ื สว่ นทร่ี กุ ล้าํ ออกไป
ฎ.1848/2512 แบ่งแยกทด่ี นิ เป็น 2 แปลง กรณีไมเ่ ขา้ ม.1312 เพราะการรุกล้ํามไิ ดเ้ กดิ จากจาํ เลย
สร้าง แต่กรณีไม่มีบทกฎหมายท่ีจะยกมาปรบั คดีได้ จึงต้องนํา ม.4 มาใช้โดย นําม.1312 ซ่ึงเป็นบท
ใกลเ้ คยี งอยา่ งยงิ่ มาปรบั โจทกจ์ งึ ไมม่ อี าํ นาจฟ้องใหร้ อ้ื แต่มสี ทิ ธเิ รยี กเงนิ เป็นคา่ ใชแ้ ดนกรรมสทิ ธิ ์ และจด
ทะเบยี นภารจํายอม (ฎ.1141/2518 ,778/2523 ,545/2530 (ป) ,1298/2533 และ 1511/2542 วนิ ิจฉยั อย่าง
เดยี วกนั )
ฎ.1929/2520 เจ้าของรวมในท่ีดินปลูกเรือนในท่ีดินนัน้ ต่อมาแบ่งแยกท่ีดิน ปรากฏว่าเรือน
บางสว่ นรกุ ล้าํ ทด่ี นิ ทแ่ี บ่งแยก เป็นของผอู้ น่ื ถอื เป็นการปลกู โรงเรอื นรกุ ล้าํ โดยสจุ รติ
การขอใหจ้ ดทะเบยี นภารจาํ ยอม ย่อมกระทําไดท้ นั ที เมอ่ื ปรากฏวา่ มกี ารรุกล้ําโดยสุจรติ เป็นการ
ไดภ้ ารจาํ ยอมมาโดยผลของกฎหมาย
ฎ.741/2505 ม.1312 เป็นบทพเิ ศษบงั คบั แก่เจา้ ของทด่ี นิ ไม่ว่าจะเป็นเจา้ ของขณะมกี ารปลูกสรา้ ง
หรอื เป็นผูร้ บั โอนในเวลาต่อมา เจ้าของโรงเรอื นมสี ทิ ธิขอให้จดทะเบยี นฯได้โดยไม่ต้องรอจนเกนิ 10 ปี
เสยี กอ่ น
ฎ.904/2517 อาจไดภ้ ารจาํ ยอมโดยอายคุ วามได้

เม่อื โรงเรอื นสลายไปทงั้ หมด มใิ ช่เพยี งแต่ชํารุดซ่งึ พอจะซ่อมไดแ้ ล้ว เจา้ ของท่ดี นิ จะขอใหเ้ พกิ
ถอนการจดทะเบยี นภารจาํ ยอมกไ็ ด้ สลายไปทงั้ หมด หมายถงึ เฉพาะสว่ นทร่ี กุ ล้าํ สลายไปทงั้ หมดเทา่ นนั้

ฎ.1683/2539 การกระทาํ โดยประมาทเลนิ เลอ่ อยา่ งรา้ ยแรงถอื วา่ ไมส่ จุ รติ
ฎ.2141/2542 ไม่ตรวจสอบแนวเขตท่ดี นิ ใหแ้ น่นอนเสยี ก่อน ส่อแสดงถงึ ความไม่รอบคอบและ
ประมาทเลนิ เลอ่
ม.1312 ใชบ้ งั คบั เฉพาะทด่ี นิ ของเอกชนหรอื ทด่ี นิ ของแผน่ ดนิ เทา่ นนั้ จะนําไปใชก้ บั ทด่ี นิ อนั เป็นสา
ธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ มไิ ด้ (ฎ.1159/2511)
6.สร้างโรงเรือนในที่ดินท่ีเป็ นเจ้าของโดยมีเง่ือนไข
ม.1313 “ถ้าผเู้ ป็ นเจ้าของที่ดินโดยมีเง่ือนไข สร้างโรงเรือนในท่ีดินนัน้ และภายหลงั ที่ดินตก
เป็ นของบุคคลอ่ืนตามเงื่อนไขไซร้ ท่านให้นําบทบญั ญตั ิแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยลาภมิควร

ได้มาใช้บงั คบั ”

เง่อื นไขตาม ม.น้ี หมายถงึ เจา้ ของทด่ี นิ โดยมเี ง่อื นไขบงั คบั หลงั กไ็ ด้ เช่น ก.ไดร้ บั ยกใหท้ ด่ี นิ โดยมี
เงอ่ื นไขวา่ ถา้ ก. ยา้ ยออกต่างจงั หวดั ใหท้ ด่ี นิ กลบั คนื เป็นของผใู้ หต้ ามเดมิ

- ใชบ้ งั คบั แต่เฉพาะเจา้ ของทด่ี นิ โดยมเี งอ่ื นไขเทา่ นนั้
- ลาภมคิ วรไดท้ น่ี ํามาใช้ คอื ม.406 , 413 และ 414 คอื ผูท้ ไ่ี ดท้ ด่ี นิ ไปตามเง่อื นไขถอื ว่าโรงเรอื นท่ี
ปลกู อยนู่ นั้ เป็นลาภมคิ วรไดแ้ ก่ตน จงึ ตอ้ งคนื โรงเรอื นใหแ้ ก่ผปู้ ลกู สรา้ งตามสภาพทเ่ี ป็นอยใู่ นขณะทร่ี บั โอน
ทด่ี นิ หรอื ถา้ จะเอาโรงเรอื นไว้ กต็ อ้ งชดใชร้ าคาโรงเรอื นตามสภาพทเ่ี ป็นอยใู่ นขณะรบั โอนให้
7. สรา้ งสิ่งอ่ืน ปลกู ต้นไม้หรอื ธญั ชาติในท่ีดินของผอู้ ื่น
ม.1314 “ท่านให้ใช้บทบญั ญตั ิ ม.1310 , 1311 และ 1313 บงั คบั ตลอดถึงการก่อสร้างใดๆ ซ่ึง
ติดท่ีดินและการเพาะปลกู ต้นไม้หรือธญั ชาติด้วยโดยอนุโลม
แต่ ข้าวหรือธัญชาติ อย่างอ่ื นอันจะเก็บเก่ี ยวรวงผลได้คราวเดี ยวหรือหลายคราวต่ อปี
เจ้าของท่ีดินต้องยอมให้บุคคลผ้กู ระทาํ การโดยสุจริตหรือผ้เู ป็ นเจ้าของที่ดินโดยมีเงื่อนไข ซ่ึงได้
เพาะปลูกลงไว้นัน้ คงครองท่ีดินจนกว่าจะเสรจ็ การเกบ็ เก่ียวโดยใช้เงินคาํ นวณตามเกณฑ์ค่าเช่า
ที่ดินนัน้ หรือเจ้าของท่ีดินจะเข้าครอบครองในทนั ทีโดยใช้ค่าทดแทนให้แก่อีกฝ่ายหน่ึงกไ็ ด้”

ม.1314 มไิ ดใ้ หน้ ํา ม.1312 อนั วา่ ดว้ ยปลกู โรงเรอื นรกุ ล้าํ ทด่ี นิ ของผอู้ น่ื มาใชก้ บั สง่ิ ปลูกสรา้ งอยา่ งอ่นื
ตน้ ไมห้ รอื ธญั ชาตดิ ว้ ย ฉะนัน้ ถา้ ปลูกสรา้ งสะพาน อนุสาวรยี ์ หอนาฬกิ า หรอื ฮวงซุย้ รุกล้ําทด่ี นิ ของผอู้ ่นื
แมจ้ ะสุจรติ เพยี งกจ็ ะขอชําระเงนิ ค่าใชท้ ด่ี นิ และใหจ้ ดทะเบยี นสทิ ธเิ ป็นภารจํายอมมไิ ด้ เจา้ ของทด่ี นิ มสี ทิ ธิ
ขอใหร้ อ้ื ถอนไปไดเ้ สมอ เวน้ แต่จะไดต้ กลงกนั เป็นอยา่ งอ่นื

ว.2 ใช้เฉพาะขา้ วหรอื ธญั ชาติท่เี ก่ียวรวงผลได้คราวหน่ึงหรอื หลายคราวต่อปีเท่านัน้ ไม่ใช้กบั
ไมล้ ม้ ลุกดว้ ย ดงั นนั้ ไมล้ ม้ ลุกตอ้ งพจิ ารณาตาม ว.1 เทา่ นนั้

8. สร้างส่ิงปลกู สร้าง ต้นไม้ หรือธญั ชาติในที่ดินของตนด้วยสมั ภาระของผอู้ ื่น

ม. 1315 “บุคคลใดสร้างโรงเรือน หรือ ทําการก่อสร้างอย่างอื่นซ่ึงติดกับท่ีดิน หรือ
เพาะปลูกต้นไม้หรือธญั ชาติในที่ดินของตนด้วยสมั ภาระของผ้อู ื่น ท่านว่าบุคคลนัน้ เป็ นเจ้าของ
สมั ภาระ แต่ต้องใช้ค่าสมั ภาระ”

เป็นเรอ่ื งปลกู สรา้ งในลกั ษณะสว่ นควบ
- ถา้ เป็นการปลกู ตน้ ไมห้ รอื ธญั ชาติ สมั ภาระยอ่ มหมายถงึ เมลด็ พนั ธุ์ กง่ิ ตอน หรอื หน่อดว้ ย
- มไิ ด้บญั ญตั ิเร่อื งสุจรติ หรอื ไม่สุจรติ ดงั นัน้ แมจ้ ะเป็นการนําสมั ภาระของผูอ้ ่นื มาปลูกสรา้ งดดย
เจ้าของไม่ยินยอมอนุญาต หรือโดยรู้อยู่ว่าเป็นของผู้อ่ืน หรือลกั มาก็ยงั ได้กรรมสิทธิใ์ นสมั ภาระนัน้
เพยี งแต่ตอ้ งใชค้ า่ สมั ภาระ สว่ นความผดิ อาญาเป็นอกี เรอ่ื งหน่ึง
ฎ.1130-1131/2505 การทเ่ี จา้ หน้ีคนหน่ึงเอาสมั ภาระทล่ี ูกหน้ีตใี ชห้ น้ีไปปลูกเป็นเรอื นขน้ึ ในทด่ี นิ
ของตนนนั้ สมั ภาระไดก้ ลายเป็นส่วนควบของทด่ี นิ ตาม ม.1315 เจา้ หน้ียอ่ มเป็นเจา้ ของสมั ภาระ เจา้ หน้ี
อ่นื ทเ่ี สยี เปรยี บมสี ทิ ธขิ อใหเ้ พกิ ถอนไดเ้ ฉพาะนิตกิ รรมตใี ชห้ น้ีเทา่ นนั้ (จะเอาสมั ภาระมไิ ด)้ แต่โดยทเ่ี จา้ หน้ี
ผไู้ ดส้ มั ภาระต้องใชค้ ่าสมั ภาระใหแ้ ก่ลูกหน้ี เจา้ หน้ีทเ่ี สยี เปรยี บจงึ ชอบทจ่ี ะใชส้ ทิ ธขิ องลูกหน้ีตาม ม.233
เรยี กเอาคา่ สมั ภาระน้ีเพอ่ื ชาํ ระหน้ีเป็นคดใี หมไ่ ด้ แต่ไมม่ สี ทิ ธยิ ดึ เรอื นหลงั นนั้ ขายทอดตลาด

9. เอาสงั หาฯของผอู้ ่ืนมารวมเป็นส่วนควบ
ม.1316 “ถา้ เอาสงั หาฯของบคุ คลหลายคนมารวมเข้ากนั จนเป็นส่วนควบหรือแบ่งแยกไม่ได้
ไซร้ ท่านว่าบุคคลเหล่านัน้ เป็ นเจ้าของรวมแห่งทรพั ยท์ ่ีรวมเข้ากนั แต่ละคนมีส่วนตามค่าแห่ง
ทรพั ยข์ องตนในเวลาที่รวมเข้ากบั ทรพั ยอ์ ่ืน
ถ้าทรพั ยอ์ นั หน่ึงอาจถือได้ว่าเป็ นทรพั ยป์ ระธานไซร้ ท่านว่าเจ้าของทรพั ยน์ ัน้ เป็ นเจ้าของ
ทรพั ยท์ ี่รวมเข้ากนั แต่ผเู้ ดียว แต่ต้องใช้ค่าแห่งทรพั ยอ์ ื่นๆ ให้แก่เจ้าของทรพั ยน์ ัน้ ๆ”
ฎ.1093/2507 โจทก์เช่าซ้ือรถยนต์จากจําเลยแล้วมาต่อตวั ถังรถยนต์ข้นึ ต่อมาจําเลยยดึ เอา
รถยนต์ไป (โจทก์ผดิ สญั ญา) โจทก์ฟ้องจําเลยว่าลกั รถยนต์ซ่งึ มตี วั ถงั ของโจทก์อยู่ด้วย ดงั น้ีเป็นกรณี
เอาสงั หาฯของหลายคนมารวมกนั โดยรถยนตเ์ ป็นประธานตวั ถงั เป็นสว่ นควบตาม ม.1316 ว.2 จาํ เลยจงึ เป็น
เจา้ ของรถยนตแ์ ละตวั ถงั แต่ผเู้ ดยี ว โจทกไ์ มใ่ ชเ่ จา้ ของรวม จาํ เลยจงึ ไมผ่ ดิ ฐานลกั ทรพั ย์
ม.น้ีพดู แต่เรอ่ื งนําสงั หาฯมารวมกนั มไิ ดพ้ ดู เรอ่ื งแรงงานทท่ี าํ ดว้ ย
10. เอาสมั ภาระของผอู้ ่ืนทาํ เป็นสิ่งใหม่
ม.1317 “บคุ คใดใช้สมั ภาระของบคุ คลอ่ืนทาํ ส่ิงใดขึน้ ใหม่ไซร้ ท่านว่าเจ้าของสมั ภาระเป็ น
เจ้าของสิ่งนัน้ โดยมิต้องคาํ นึงว่าสมั ภาระนัน้ จะกลบั คืนตามเดิมได้หรอื ไม่ แต่ต้องใช้ค่าแรงงาน
แต่ถ้าค่าแรงงานเกินกว่าค่าสมั ภาระที่ใช้นัน้ มากไซร้ ท่านว่าผทู้ าํ เป็นเจ้าของทรพั ยท์ ่ีทาํ ขึน้
แต่ต้องใช้ค่าสมั ภาระ”
- มใิ ชเ่ อาสมั ภาระของตนไปรวมกบั ของผอู้ ่นื
- มไิ ดบ้ ญั ญตั วิ า่ ตอ้ งสจุ รติ หรอื ไม่ ฉะนนั้ จะสจุ รติ หรอื ไมก่ ต็ อ้ งบงั คบั ตาม ม.1317 ทงั้ สน้ิ

- ต้องเป็นสมั ภาระของผูอ้ ่นื อยู่ในขณะทไ่ี ดเ้ อามาทําสงิ่ ใดสงิ่ หน่ึง ถ้าตกเป็นของผูเ้ อามาเสยี แล้ว
ยอ่ มจะอา้ ง ม.1317 มไิ ด้

ฎ.905/2505 จําเลยยมื ไมแ้ ละสงั กะสขี องผอู้ ่นื เพ่อื ปลูกบา้ นซง่ึ อาจตอ้ งนํามาตดั ฟนั แปรสภาพเป็น
ตวั เรอื น การยมื ใชเ้ ชน่ น้ีตามปกตหิ มายความวา่ เอาทรพั ยน์ นั้ มาขาดทเี ดยี ว จงึ ถอื เป็นการยมื ใชส้ น้ิ เปลอื ง
กรรมสทิ ธใิ ์ นเรอื นโอนไปเป็นของจาํ เลยตาม ม.650

(ข) การได้มาโดยเข้าถือเอาสงั หาฯไมม่ ีเจ้าของ
1. ม.1318 “บคุ คลอาจได้มาซึ่งกรรมสิทธ์ิแห่งสงั หาฯ อนั ไม่มีเจ้าของโดยเข้าถือเอา เว้นแต่
การเข้าถอื เอานัน้ ต้องห้ามตามกฎหมายหรอื ฝ่าฝื นสิทธิของบคุ คลอื่นที่จะเข้าถอื เอาสงั หาฯนัน้ ”

สงั หาฯทไ่ี มม่ เี จา้ ของนนั้ มี 2 ประเภท คอื
(ก) สงั หาฯซง่ึ เคยมเี จา้ ของมาก่อน แต่เจา้ ของเลกิ ครอบครองดว้ ยเจตนาสละกรรมสทิ ธิ ์ดงั่ ม.1319
(ข) สงั หาฯ ทไ่ี มเ่ คยมเี จา้ ของมาก่อน เชน่ สตั วป์ า่ ดงั ม.1320
ฎ.1055/2481 รงั นกซ่งึ เกดิ มขี น้ึ ในถ้ําเป็นทรพั ยท์ ่ไี ม่มเี จา้ ของจนกว่าผูผ้ ูกขาดจากรฐั บาลได้เขา้
ยึดถือเอารงั นกนัน้ ผู้ใดเอารงั นกในถ้ําไปก่อนผู้ผูกขาดเข้ายึดถือเอา ไม่มีความผิดฐานลักทรพั ย์ (ฎ.
2763/2541)
สงั หาฯ ไม่มเี จา้ ของย่อมไดม้ าเป็นกรรมสทิ ธโิ ์ ดยการเขา้ ถอื เอาดว้ ยเจตนาจะเอาเป็นของตน การ
ยดึ ถอื นัน้ ไม่จําเป็นจะต้องเขา้ ครอบครองทรพั ยน์ ัน้ จรงิ จงั เสมอไป เพยี งแต่แสดงอาการหวงกนั ไวเ้ ป็นของ
ตนอยา่ งเชน่ ทาํ ใหส้ ตั วป์ า่ บาดเจบ็ และตดิ ตามไป
- การเขา้ ถอื เอาตอ้ งหา้ มตามกฎหมาย ย่อมไม่ไดก้ รรมสทิ ธิ ์ หรอื การเขา้ ถอื เอานนั้ เป็นการฝ่าฝืน
สทิ ธขิ องผอู้ ่นื ทเ่ี ขา้ ถอื เอาสงั หาฯนนั้ อยกู่ ่อนแลว้ เชน่ ผทู้ ท่ี ําใหส้ ตั วฝ์ า่ บาดเจบ็ แลว้ ตดิ ตามไปยอ่ มสทิ ธเิ ขา้
ถอื เอาสตั วป์ า่ นนั้ แลว้ ผอู้ น่ื จะเขา้ ถอื เอาอกี ไมไ่ ดก้ รรมสทิ ธิ ์
2. ม.1319 “ถา้ เจ้าของสงั หาฯเลิกครอบครองทรพั ยด์ ้วยเจตนาสละกรรมสิทธ์ิไซร้ ท่านว่าสงั

หาฯนัน้ ไมม่ ีเจ้าของ”

การเลกิ การครอบครองจะตอ้ งโดยสมคั รใจ
3. ม.1320 “ภายในบงั คบั แห่งกฎหมายเฉพาะและข้อบงั คบั ในเรื่องนัน้ ท่านว่าสตั วป์ ่ าไม่มี
เจ้าของตราบเท่าที่ยงั อยู่อิสระ สตั วป์ ่ าในสวนสตั วแ์ ละปลาในบ่อหรือในที่น้ําซึ่งเจ้าของกนั้ ไว้นัน้

ท่านว่าไมใ่ ช่สตั วไ์ ม่มีเจ้าของ
สตั วป์ ่ าท่ีคนจบั ได้นัน้ ถ้ามนั กลบั คืนอิสระและเจ้าของไม่ติดตามโดยพลนั หรือเลิกติดตาม

เสียแล้ว ฉะนี้ท่านว่าไมม่ ีเจ้าของ
สตั วซ์ ึ่งเลี้ยงเชื่องแล้ว ถา้ มนั ทิ้งไปเลย ท่านว่าไม่มีเจ้าของ”
สตั วป์ า่ หมายถงึ สตั วท์ ม่ี นี ิสยั ป่าเถ่อื นไมน่ ิสยั ทจ่ี ะอยกู่ บั คน มไิ ดห้ มายความว่าจะเป็นสตั วท์ อ่ี ย่ใู น

ปา่ เทา่ นนั้

ฎ.1450/2510 โจทก์เช่าทด่ี นิ ซง่ึ มบี ่อเลย้ี งปลา แต่โจทกป์ ิดกนั้ บ่อมใิ หป้ ลาออกไป ต่อมาจําเลย
ซ้อื ท่ดี นิ แปลงนัน้ ส่วนโจทก์ยงั ครอบครองเป็นผูเ้ ช่าอยู่ ถ้าจําเลยไปวดิ ปลาในบ่อย่อมมคี วามผดิ ฐานลกั
ทรพั ย์

4. ม.1321 “ภายในบงั คบั แห่งกฎหมายและกฎข้อบงั คบั ในเรื่องนัน้ ผใู้ ดจบั สตั วป์ ่ าได้ในท่ีรก
ร้างว่างเปล่าหรือในที่น้ําสาธารณกด็ ี หรือจบั ได้ในท่ีดินหรือท่ีนํ้ามีเจ้าของโดยเจ้าของมิได้แสดง
ความหวงห้ามกด็ ี ท่านว่าผนู้ ัน้ เป็นเจ้าของสตั ว”์

5. ม.1322 “บุคคลใดที่ทาํ ให้สตั วป์ ่ าบาดเจบ็ แล้วติดตามไปและบุคคลอ่ืนจบั สตั วน์ ัน้ ได้ดด็ ี
หรอื สตั วน์ ัน้ ตายลงในท่ีดินของบคุ คลอ่ืนกด็ ี ท่านว่าบคุ คลแรกเป็นเจ้าของสตั ว”์

ค. การได้มาซ่ึงของตกของหาย ทรพั ยท์ ่ีใช้ในการทาํ ผิดและสงั หาฯมีค่าซึ่งซ่อนหรอื ฝงั ไว้
ม.1323 “บคุ คลเกบ็ ได้ซ่ึงทรพั ยส์ ินหาย ต้องทาํ อย่างหนึ่งอย่างใดดงั ต่อไปนี้
(1) ส่งมอบทรพั ยส์ ินนัน้ แก่ผขู้ องหาย หรือเจ้าของ หรือบคุ คลอื่นผมู้ ีสิทธิจะรบั ทรพั ยส์ ินนัน้
หรอื
(2) แจ้งแก่ผ้ขู องหาย หรือเจ้าของ หรือบุคคลอื่นผ้มู ีสิทธิจะรบั ทรพั ยส์ ินนัน้ ดดยไม่ชกั ช้า
หรือ
(3) ส่งมอบทรพั ยส์ ินนัน้ แก่ เจ้าพนักงานตาํ รวจ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่นภายใน 3 วนั
และแจ้งพฤติการณ์ตามท่ีทราบอนั อาจเป็นเครื่องช่วยในการสืบหาตวั บุคคลผมู้ ีสิทธิจะรบั ทรพั ยส์ ิน
นัน้
แต่ถ้าไม่ทราบตวั ผ้ขู องหาย เจ้าของ หรือบุคคลอ่ืนผมู้ ีสิทธิจะรบั ทรพั ยส์ ินกด็ ี หรือบุคคล
ดงั่ ระบนุ ัน้ ไมร่ บั มอบทรพั ยส์ ินกด็ ี ท่านให้ดาํ เนินการตามวิธีอนั บญั ญตั ิไว้ในอนุมาตรา (3)
ทงั้ นี้ ท่านว่าผ้เู กบ็ ได้ซ่ึงทรพั ยส์ ินหายต้องรกั ษาทรพั ยส์ ินนัน้ ไว้ด้วยควมระวงั อนั สมควร
จนกว่าจะส่งมอบ”
- ทรพั ย์สินหายต่างจากทรพั ย์สนิ ไม่มีเจ้าของ คือ ทรพั ย์สินหายยงั ถือว่ามเี จ้าของอยู่ การได้
กรรมสทิ ธยิ ์ อ่ มจะไดม้ ากแ็ ต่เฉพาะ ม.1325 , 1382 และ 1383 เทา่ นนั้
- ผมู้ สี ทิ ธจิ ะรบั ทรพั ยส์ นิ เชน่ ทายาท หรอื ผไู้ ดร้ บั มอบอาํ นาจใหม้ ารบั แทน
ฎ.1525/2500 ฆ่าคนแลว้ เอาทรพั ยไ์ ปจากศพผดิ ฐานลกั ทรพั ย์ เพราะทรพั ยเ์ ป็นมรดกตกทอดแก่
ทายาทและมใิ ชท่ รพั ยท์ ไ่ี มม่ ผี ใู้ ดครอบครอง
2. ม.1324 “ผ้เู ก็บได้ซ่ึงทรพั ย์สินหาย อาจเรียกร้องเอารางวลั จากบุคคลผู้มีสิทธิจะรบั
ทรพั ยส์ ินนัน้ เป็ นจาํ นวนร้อยละ 10 แห่งค่าทรพั ยส์ ินภายในราคา 30,000 บาท และถ้าราคาสูงกว่า
นัน้ ขึ้นไป ให้คิดอีกร้อยละ 5 ในจาํ นวนที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้าผู้เก็บได้ซึ่งทรพั ย์สินหาย ได้ส่งมอบ
ทรพั ยส์ ินแก่เจ้าพนักงานตาํ รวจหรือพนักงานเจ้าหน้าท่ีอื่นไซร้ ให้เสียเงินอีกร้อยละ 2.5 แห่งค่า

ทรพั ยส์ ินเป็ นค่าธรรมเนียม แก่ทบวงการนัน้ ๆ เพิ่มขึ้นเป็ นส่วนหนึ่งต่างหากจากรางวลั ซึ่งให้แก่ผู้
เกบ็ ได้ แต่ค่าธรรมเนียมนี้ให้จาํ กดั ไว้ไมใ่ ห้เกิน 1,000 บาท

ถ้าผ้เู กบ็ ได้ซึ่งทรพั ยส์ ินหายมิได้ปฏิบตั ิตามบทบญั ญตั ิในมาตราก่อนไซร้ ท่านว่าผ้นู ัน้ ไม่มี
สิทธิจะรบั รางวลั ”

- ถา้ มใิ ชท่ รพั ยส์ นิ หาย ผเู้ กบ็ ไดจ้ ะอา้ งรางวลั ตาม ม.น้ีไมไ่ ด้ (ฎ.1205/2482)
3. ม.1325 “ถา้ ผเู้ กบ็ ได้ซ่ึงทรพั ยส์ ินหายได้ปฏิบตั ิตามบทบญั ญตั ิ ม.1323 แล้ว และผมู้ ีสิทธิจะ
รบั ทรพั ยส์ ินนัน้ มิได้เรียกเอาภายใน 1 ปี นับแต่วนั ที่เกบ็ ได้ไซร้ ท่านว่ากรรมสิทธ์ิตกแก่ผเู้ กบ็ ได้
แต่ถา้ ทรพั ยส์ ินซึ่งไม่มีผเู้ รียกเอานัน้ เป็นโบราณวตั ถไุ ซร้ กรรมสิทธ์ิแห่งทรพั ยส์ ินนัน้ ตกแก่
แผน่ ดิน แต่ผเู้ กบ็ ได้มีสิทธิจะได้รบั รางวลั รอ้ ยละ 10 แห่งค่าทรพั ยส์ ินนัน้ ”

- รางวลั เรยี กรอ้ งเอาจากแผน่ ดนิ มใิ ชเ่ จา้ ของทรพั ย์
- เครอ่ื งทองรปู พรรณโบราณอนั มลี กั ษณะเป็นของใชส้ ว่ นบุคคลมใิ ชโ่ บราณวตั ถุ (ฎ.705/2489)
- โบราณวตั ถุทเ่ี ป็นทรพั ยส์ นิ หาย จะตกเป็นของแผ่นดนิ กต็ ่อเม่อื ผูม้ สี ทิ ธจิ ะรบั มไิ ดเ้ รยี กรอ้ งเอา
ภายใน 1 ปี ตาม ม.1325 แต่ถา้ โบราณวตั ถุทม่ี พี ฤตกิ ารณ์แสดงว่าเป็นทรพั ยไ์ ม่มเี จา้ ของในขณะพบเหน็
ยอ่ มตกเป็นของแผน่ ดนิ ทนั ท่ี ตาม พรบ.โบราณ
4. ม.1326 “การเก็บได้ซึ่งทรพั ย์สินอนั ตกหรือทิ้งทะเล หรือทางนํ้า หรือนํ้าซดั ขึ้นฝัง่ นัน้

ท่านให้บงั คบั ตามกฎหมายและกฎข้อบงั คบั ว่าด้วยการนัน้ ”

ม.น้ีต่างจาก ม.1323 , 1324 และ 1325 ตรงทเ่ี จา้ ของหรอื ผคู้ รอบครองไมท่ ราบว่าหายทไ่ี หนเม่อื ใด
และจะต้องมใิ ช่หายโดยการตกหอื ท้งิ ทะเล หอื ทางน้ําหรอื น้ําซดั ขน้ึ ฝงั่ หากเป็นทรพั ย์ท่ตี กหอื ท้งิ ทะเล
แลว้ ไมว่ า่ จะเป็นทรพั ยส์ นิ หายหรอื ไมก่ ต็ าม กต็ อ้ งอยภู่ ายใต้ ม.1326

ทรพั ยท์ ต่ี กหรอื ทง้ิ ทะเล ฯลฯ ตาม ม.1326 น้ีอาจจะเป็นการทง้ิ โดยจงใจเช่นป้องกนั มใิ หเ้ รอื อปั ปาง
หรอื มไิ ดจ้ งใจ แต่ตอ้ งเป็นการทม่ี ใิ ชผ่ ทู้ ง้ิ สละกรรมสทิ ธใิ ์ นทรพั ยส์ นิ นนั้ หากผทู้ ง้ิ เจตนาสละกรรมสทิ ธแิ ์ ลว้
ยอ่ มจะตอ้ งบงั คบั ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยทรพั ยส์ นิ ทไ่ี มม่ เี จา้ ของ

“กฎหมายและกฎขอ้ บงั คบั ว่าด้วยการนัน้ ” คอื ถ้าเป็นทรพั ยส์ นิ ท้งิ ทะเลก็ต้องบงั คบั ตามกฎหมาย
ทะเล หรอื น้ําซดั ขน้ึ ฝงั่ ภายในประเทศ กต็ อ้ งบงั คบั ตาม พรบ.การเดนิ เรอื ในน่านน้ําไทย

ม.1327 “ภายในบงั คบั แห่งกฎหมายอาญา กรรมสิทธ์ิแห่งสิ่งใดๆซึ่งได้ใช้ในการกระทาํ ผิด
หรือได้มาโดยการกระทาํ ผิดหรือเก่ียวเน่ืองกบั การกระทาํ ผิดโดยประการอ่ืน และได้ส่งไว้ในความ
รกั ษาของกรมในรฐั บาลนัน้ ท่านว่าตกเป็นของแผ่นดิน ถ้าเจ้าของมิได้เรียกเอาภายใน 1 ปี นับแต่
วนั ส่ง หือถ้าได้ฟ้ องคดีอาญาต่อศาลแล้วนับแต่วนั ที่คาํ พิพากษาถึงท่ีสุด แต่ถ้าไม่ทราบตวั เจ้าของ

ท่านให้ผอ่ นเวลาออกไปเป็น 5 ปี
ถ้าทรพั ยส์ ินเป็นของเสียง่าย หรือถา้ หน่วงช้าไว้จะเป็นการเส่ียงความเสียหายหรือค่าใช้จ่าย

จะเกินส่วนกบั ค่าของทรพั ยส์ ินนัน้ ไซร้ ท่านว่ากรมในรฐั บาลจะจดั ให้เอาออกขายทอดตลาดก่อน

ถึงกาํ หนดกไ็ ด้ แต่ก่อนท่ีจะขายให้จดั การตามควรเพื่อบนั ทึกรายการอนั เป็ นเครื่องให้บุคคลผ้ทู ี่มี

สิทธิที่จะรกั ษาทรพั ยน์ ัน้ ทราบว่าเป็ นทรพั ยส์ ินของตน และพิสูจน์สิทธิได้เมื่อขายแล้วได้เงินเป็ น
จาํ นวนสทุ ธิเท่าใดให้ถอื ไว้แทนตวั ทรพั ยส์ ิน”

- ตอ้ งมใิ ชท่ รพั ยส์ นิ ทม่ี คี าํ พพิ ากษาใหร้ บิ แลว้
- เป็นทรพั ยส์ นิ ทไ่ี ดย้ ดึ หรอื เกบ็ รกั ษาไวโ้ ดยชอบโดยเจา้ พนกั งานเจา้ หน้าท่ี ซง่ึ อาจจะไมม่ กี ารฟ้อง
คดี หรอื อาจมกี ารฟ้องคดแี ต่ศาลมไิ ดพ้ พิ ากษาใหร้ บิ หรอื ไดส้ งั่ ใหค้ นื แก่เจา้ ของแลว้ หากเจา้ ของมไิ ดเ้ รยี ก
เอาคนื ภายใน 1 ปี นบั แต่วนั สง่ หรอื คาํ พพิ ากษาถงึ ทส่ี ดุ
6. ม.1328 “สงั หาฯมีค่าซ่ึงซ่อนหรือฝังไว้นั้น ถ้ามีผู้เก็บได้โดยพฤติการณ์ซ่ึงไม่มีผู้ใด
สามารถอ้างว่าเป็ นเจ้าของได้ไซร้ ให้กรรมสิทธ์ิตกเป็ นของแผ่นดิน ผเู้ กบ็ ได้ต้องส่งมอบทรพั ยน์ ัน้
แก่ เจ้าพนักงานตาํ รวจหรือพนักงานเจ้าหน้าที่อ่ืน แล้วมีสิทธิจะได้รบั รางวลั 1 ใน 3 แห่งค่าทรพั ย์

นัน้ ”

- ไม่ต้องคํานึงว่าเจา้ ของสละกรรมสทิ ธแิ ์ ล้วหรอื ไม่ ถือเอาตอบเกบ็ ได้เป็นสําคญั ว่ามพี ฤตกิ ารณ์
แสดงวา่ มผี ใู้ ดสามารถอา้ งวา่ เป็นเจา้ ของไดห้ รอื ไม่

(ง) การได้มาซึ่งทรพั ยส์ ินโดยสุจริตในพฤติการณ์พิเศษเป็ นเรื่องการได้ทรพั ยส์ ิน โดยเสีย
ค่าตอบแทนและโดยสจุ ริต หรือเป็นการได้เงินตรามาโดยสจุ ริต

- ม.1329 – 1332 เป็นขอ้ ยกเวน้ จากหลกั ทวั่ ไปทว่ี า่ ผรู้ บั โอนไมม่ สี ทิ ธดิ กี วา่ ผโู้ อน
1. ม.1329 “สิทธิของบคุ คลผไู้ ด้มาซ่ึงทรพั ยส์ ินโดยมีค่าตอบแทนและโดยสจุ ริตนัน้ ท่านว่ามิ
เสียไป ถงึ แม้ว่าผโู้ อนทรพั ยส์ ินให้จะได้ทรพั ยส์ ินนัน้ มาโดยนิติกรรมอนั เป็นโมฆียะและนิติกรรมนัน้

ได้ถกู บอกล้างภายหลงั ”

- ตอ้ งประกอบดว้ ยหลกั เกณฑด์ งั ต่อไปน้ี
1. จะตอ้ งมนี ิตกิ รรม 2 ครงั้ คอื นิตกิ รรมระหว่างบุคคลอ่นื กบั ผโู้ อนครงั้ หน่ึงก่อน แลว้ จงึ มนี ิตกิ รรม
ระหวา่ งผโู้ อนกบั ผไู้ ดท้ รพั ยส์ นิ มาอกี นิตกิ รรมหน่ึง
2. นิตกิ รรมครงั้ แรกเป็นโมฆยี ะ แต่นิตกิ รรมครงั้ หลงั ตอ้ งสมบรู ณ์
3. นิตกิ รรมครงั้ หลงั ตอ้ งกระทาํ โดยผรู้ บั โอนโดยสจุ รติ และเสยี คา่ ตอบแทน
4. นิตกิ รรมครงั้ หลงั ต้องกระทําก่อนมกี ารบอกลา้ งโมฆยี ะกรรมของนิตกิ รรมครงั้ แรก เพราะถา้ มี
การบอกลา้ งแลว้ นิตกิ รรมยอ่ มเป็นโมฆะแต่เรม่ิ แรก ไมม่ กี รณที จ่ี ะเขา้ ม.1329 ได้
ถา้ นิตกิ รรมครงั้ แรกเป็นโมฆะ กอ็ าจมกี รณบี ุคคลภายนอกจะไดร้ บั ความคมุ้ ครองตามกฎหมาย เชน่
ม.155 , 156 และ 158
- ใชก้ บั เร่อื งการไดท้ รพั ยส์ นิ ฉะนัน้ จงึ มไิ ดอ้ าศยั เพยี งความสุจรติ ของบุคคลภายนอกอย่างเดยี ว
เทา่ นนั้ ตอ้ งเสยี ค่าตอบแทนดว้ ย (ฎ.1522/2546) ผดิ กบั ม.160 ซง่ึ เป็นเรอ่ื งการบอกลา้ งการแสดงเจตนาท่ี
ไดม้ าโดยกลฉ้อฉล ไมเ่ กย่ี วกบั การไดท้ รพั ยส์ นิ อยา่ งใด จงึ ตอ้ งการเพยี งความสจุ รติ ของบุคคลเทา่ นนั้ กพ็ อ
ฎ.346/2480 หลอกลวงใหค้ นวกิ ลจรติ โอนทด่ี นิ ยกใหต้ นแลว้ เอาทด่ี นิ ไปขายใหผ้ อู้ ่นื ซง่ึ ซอ้ื โดยสุจรติ
และเสยี คา่ ตอบแทน ผซู้ อ้ื ยอ่ มไดก้ รรมสทิ ธิ ์ แมจ้ ะถกู บอกลา้ งภายหลงั

2. ม.1330 “สิทธิของบคุ คลผซู้ ื้อทรพั ยส์ ินโดยสจุ ริตในการขายทอดตลาดตามคาํ สงั่ ศาล หรือ
คาํ สงั่ เจ้าพนักงานรกั ษาทรพั ยใ์ นคดีล้มละลายนัน้ ท่านว่ามิเสียไป ถึงแม้ภายหลงั จะพิสูจน์ได้ว่า
ทรพั ยส์ ินนัน้ มิใช่ขิงจาํ เลยหรือลกู หนี้โดยคาํ พิพากษา หรือผลู้ ้มละลาย”

1. ต้องเป็นการขายทอดตลาดตามคําสงั่ ของศาลหรอื จพท. ถ้าศาลให้ขายหรอื ประมูลกนั ใน
ระหวา่ งคคู่ วาม ยอ่ มไมต่ กอยใู่ นบทบญั ญตั แิ หง่ ม.น้ี

2. ผรู้ บั โอนทรพั ยจ์ ากผซู้ ้อื ทรพั ยต์ าม ม.น้ี ย่อมมสี ทิ ธหิ รอื ไดร้ บั ความคุม้ ครองจาก ม.น้ี ดว้ ย (ฎ.
694/2513) ผซู้ อ้ื ทด่ี นิ จากการขายทอดตลาดของศาลโดยสุจรติ ตาม ม.1300 และเม่อื ผซู้ อ้ื ทด่ี นิ ขายทด่ี นิ
ต่อไปใหผ้ อู้ ่นื โดยมไิ ดท้ าํ ตามแบบอยา่ งใด ผซู้ อ้ื คนหลงั ยอ่ มมอี าํ นาจฟ้องผทู้ ค่ี รอบครองอยกู่ อ่ นได้

2.1 การขายทอดตลาดตามคําสงั่ ศาล ผูค้ รอบครองทรพั ยจ์ ะรูห้ รอื ไม่ว่ามกี ารขายทอดตลาดกไ็ ม่
เป็นเหตุทจ่ี ะยกขน้ึ ต่อสสู้ ทิ ธขิ องผซู้ อ้ื ทรพั ย์ แมจ้ าํ เลยจะอา้ งวา่ เป็นผคู้ รอบครองทด่ี นิ บางสว่ นตลอดมาและมี
ผปู้ ลอมใบมอบอํานาจทํานิตกิ รรมโอนทด่ี นิ พพิ าทไปจนถูกยดึ ขายทอดตลาด แต่จําเลยกม็ ไิ ดร้ อ้ งคดั คา้ น
เสยี ตงั้ แต่ตน้ ดงั น้ี โจทกเ์ ป็นซอ้ื ทด่ี นิ พพิ าทโดยสจุ รติ ยอ่ มมสี ทิ ธใิ นทด่ี นิ ตาม ม.1330 (ฎ.2600/2540)

3. ผซู้ อ้ื ตอ้ งสุจรติ คอื ไม่รใู้ นขณะซอ้ื ว่าทรพั ยท์ ข่ี ายทอดตลาดนนั้ เป็นของผอู้ ่นื มใิ ช่ของจาํ เลยหรอื
ลกู หน้ีตามคาํ พพิ ากษา (ฎ.875/2501 , 821/2516 , 542/2523)

4. ถา้ เป็นอสงั หาฯทต่ี อ้ งทาํ ตามแบบการซอ้ื ขายตาม ม.456 ฎ.132/2477 , 230/2485 , 508/2506 ,
6435/2544 วนิ ิจฉยั วา่ แมจ้ ะยงั มไิ ดไ้ ปจดทะเบยี นการโอนต่อพนกั งานเจา้ หน้าท่ี กไ็ มท่ าํ ใหก้ ารซอ้ื ขายเป็น
โมฆะ ผซู้ อ้ื มสี ทิ ธใิ นอสงั หาฯนนั้

5. แมจ้ ะบญั ญตั วิ า่ สทิ ธขิ องผซู้ อ้ื ทรพั ยฯ์ โดยสุจรติ ไมเ่ สยี ไปกต็ าม แต่ผซู้ อ้ื กไ็ ดส้ ทิ ธไิ ปเทา่ ทจ่ี าํ เลย
หรอื ลูกหน้ีตามคาํ พพิ ากษามอี ยตู่ ามกฎหมายเท่านนั้ ฉะนนั้ เม่อื ทรพั ยน์ นั้ ตดิ จํานองผรู้ บั จาํ นองยอ่ มมสี ทิ ธิ
บงั คบั จาํ นอง ผซู้ อ้ื ไมม่ สี ทิ ธริ อ้ งขอใหป้ ล่อยทรพั ย์ (ฎ.7209/2547) เวน้ แต่การจาํ นองกระทาํ ขน้ึ โดยไมช่ อบ
ดว้ ยกฎหมาย ตอ้ งปลอ่ ยทรพั ยจ์ าํ นองแกผ่ ซู้ อ้ื ไป (ฎ.132/2535)

6. ผซู้ อ้ื โดยสุจรติ จากการขายทอดตลาดตามคาํ สงั่ ศาลยอ่ มไดส้ ทิ ธไิ ปโดยไมต่ อ้ งฟ้อง หรอื เรยี กผทู้ ่ี
อา้ งวา่ เป็นเจา้ ของทรพั ยน์ นั้ มาเป็นคคู่ วามก่อน

ฎ.1571/2508 โจทกซ์ ้อื ทด่ี นิ จากการขายทอดตลาดโดยสุจรติ ย่อมอย่ใู นฐานะจดทะเบยี นสทิ ธเิ ป็น
ของตนได้ แมห้ ลกั ฐานทางทะเบยี นจะปรากฏว่ามใิ ช่เป็นของจําเลยกต็ าม โจทกก์ ไ็ ม่จําเป็นต้องฟ้องรอ้ ง
หรอื ดาํ เนินการเรยี กบุคคลภายนอกทม่ี ชี อ่ื ทางทะเบยี นมาเป็นคคู่ วามก่อน

7. ม.น้ีต้องอยู่ในข่ายบงั คบั แห่ง ม.1305 และ ม.1307 ด้วย ฉะนัน้ ถ้าทรพั ย์ท่ขี ายทอดตลาดป็
นทรพั ยอ์ นั เป็นสาธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ กไ็ มไ่ ดก้ รรมสทิ ธิ ์ หรอื ถา้ เป็นทรพั ยส์ นิ ทโ่ี อนกนั มไิ ด้ เวน้ แต่จะ
มกี ฎหมายใหโ้ อน เชน่ ทธ่ี รณสี งฆ์ ผซู้ อ้ื กไ็ มไ่ ดก้ รรมสทิ ธิ ์

8. ถ้าทรพั ยส์ นิ ท่ซี ้อื จากการขายทอดตลาดตามคําสงั่ ของศาลหรอื จบค.เป็นท่ดี นิ ท่ไี ม่มหี นังสอื
สาํ คญั และยงั มไิ ดร้ บั คาํ รบั รองจากนายอาํ เภอวา่ ทาํ ประโยชน์แลว้

ฎ.1270/2509 (ป) ศาลจะบงั คบั ใหพ้ นักงานเจา้ หน้าทจ่ี ดทะเบยี นโอนใหผ้ ูซ้ ้อื มไิ ด้ เพราะม.1330
เพยี งแต่บญั ญตั ริ บั รองสทิ ธขิ องผูซ้ ้อื ว่ามเิ สยี ไป ถงึ แมภ้ ายหลงั จะพสิ ูจน์ไดว้ ่าทรพั ยส์ นิ นัน้ มใิ ช่ของจําเลย
หรือลูกหน้ีตามคําพพิ ากษาเท่านัน้ ซ่ึงเป็นคนละเร่ืองกบั เร่อื งขอจดทะเบียนสทิ ธิและนิติกรรมอนั ต้อง
ดาํ เนินการตาม ป.ทด่ี นิ

9. แมผ้ ซู้ อ้ื จะไดร้ บั ความคุม้ ครองตาม ม.น้ี หากต่อมาภายหลงั การขายทอดตลาดฯ ถูกยกเลกิ หรอื
เพกิ ถอนตาม ป.ว.ิ พ. ม.196 ว.2 หรอื พรบ.ลม้ ฯ ม.146 กเ็ สมอื นไมม่ กี ารขายทอดตลาด ผซู้ อ้ื จะอา้ งความ
คมุ้ ครองตาม ม.น้ีใหไ้ ดก้ รรมสทิ ธไิ ์ มไ่ ด้ (ฎ.26/2537 , 8223/2542 ) และหากไดม้ กี ารจดทะเบยี นโอนใหแ้ ก่ผู้
ซ้อื ไปแล้ว จบค. หรอื จพท. ชอบท่ีจะขอให้เพกิ ถอนทางทะเบียนแล้วดําเนินการบงั คบั ให่ต่อไปได้ (ฎ.
5256/2537)

ฎ.2241/2540 แมต้ ่อมาจาํ เลยไดย้ ่นื คํารอ้ งขอใหเ้ พกิ ถอนการขายทอดตลาดและคดอี ยรู่ ะหว่างการ
พจิ ารณากต็ าม กเ็ ป็นเร่อื งการเพกิ ถอนการขายทอดตลาดตาม ป.ว.ิ พ. ม.296 ว.2 อกี ส่วนหน่ึงต่างหาก
มใิ ชก่ ารขายทอดตลาดตกเป็นโมฆะ เมอ่ื ศาลยงั ไมไ่ ดม้ คี าํ สงั่ ใหเ้ พกิ ถอนการขายทอดตลาด โจทกย์ อ่ มเป็น
เจา้ ของกรรมสทิ ธโิ ์ ดยสมบรู ณ์ มอี าํ นาจฟ้องขบั ไลจ่ าํ เลยผอู้ าศยั ในทด่ี นิ โดยไมม่ สี ทิ ธไิ ด้

10. แมย้ งั มไิ ดช้ าํ ระราคาครบถว้ นผซู้ อ้ื กไ็ ดร้ บั ความคุม้ ครอง (ฎ.6435/2549)
11. เม่อื ผซู้ อ้ื ไดร้ บั ความคุม้ ครอง ลูกหน้ีตามคําพพิ ากษาจะอา้ งว่าครอบครองปรปกั ษ์ขน้ึ ต่อสผู้ ซู้ อ้ื
ไมไ่ ด้ (ฎ.4394/2547) ผอู้ ่นื จะอา้ งเหตุวา่ เป็นผคู้ รอบครองปรปกั ษ์ทรพั ยน์ นั้ ขน้ึ ต่อสกู้ ไ็ มไ่ ด้ (ฎ.6435/2549)
3. ม.1331 “สิทธิของบุคคลผ้ไู ด้เงินตรามาโดยสุจริตนัน้ ท่านว่ามิเสียไปถึงแม้ภายหลงั จะ
พิสจู น์ได้ว่าเงินนัน้ มิใช่ของบคุ คลซ่ึงได้โอนให้มา”

- เงนิ ตราทย่ี กเลกิ แลว้ มใิ ชเ่ งนิ ตราตามความหมายของม.1331
4. ม.1332 “บคุ คลผซู้ ื้อทรพั ยส์ ินมาโดยสจุ ริตในการขายทอดตลาด หรือท้องตลาด หรือจาก
พ่อค้าซ่ึงขายของชนิดนัน้ ไมจ่ าํ ต้องคืนให้แก่เจ้าของแท้จริง เว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาท่ีซื้อมา”

- คอื การขายทอดตลาดตาม ม.509-517 แต่ต้องมใิ ช่การขายทอดตลาดตามคําสงั่ ศาลหรอื จพท.
(ฎ.63-65/2506)

ฎ.350/2506 รา้ นค้าทองคําทําการค้าสลากด้วย แต่ขายส่งมไิ ด้ขายปลกี และรบั ซ้อื สลากท่ถี ูก
รางวลั ด้วยโดยซ้อื จากเอกชนผูน้ ํามาขายเป็นรายๆไป ทงั้ ไม่ไดค้ วามชดั ว่ารา้ นค้าทองน้ีตงั้ อยู่ในชุมนุม
การคา้ ดงั น้ีไม่พอท่จี ะรบั ฟงั ว่ารา้ นคา้ น้ีอยู่ในทอ้ งตลาดตามม.1332 การท่รี า้ นน้ีรบั ซ้อื สลากจากผูน้ ํามา
ขายไมเ่ รยี กวา่ ซอ้ื ในทอ้ งตลาด

ฎ.655/2510 การซ้อื ขายรถยนต์ แมจ้ ะไดก้ ระทําในกองทะเบยี นกรมตํารวจโดยมกี ารตรวจสอบ
กระทาํ โดยสจุ รติ และเปิดเผย กม็ ใิ ชเ่ ป็นการซอ้ื ขายในทอ้ งตลาด

ฎ.1344/2535 จาํ เลยซอ้ื รถยนตจ์ ากผฉู้ ้อโกงจากโจทกท์ เ่ี อามาขายทร่ี า้ นของจาํ เลยซง่ึ อยใู่ นบรเิ วณ
ชุมนุมการค้ารถยนต์ ไม่ใช่ซ้อื จากรา้ นคา้ ทอ่ี ยู่ในชุมนุมการคา้ รถยนต์นัน้ แมจ้ ําเลยจะสุจรติ กไ็ ม่ไดร้ บั
ความคมุ้ ครองตาม ม.น้ี ตอ้ งคนื รถพพิ าทแกโ่ จทก์

ฎ.3110/2539 การซ้อื ทรพั ยใ์ นทอ้ งตลาด ไม่ใช่เป็นการทร่ี า้ นคา้ ซ่งึ ตงั้ อยู่ในทอ้ งตลาดซ้อื ทรพั ย์
จากบุคคลทน่ี ํามาขายใหแ้ ก่รา้ นคา้ นนั้ จาํ เลยตงั้ รา้ นคา้ อยใู่ นทอ้ งตลาดแลว้ ซอ้ื สลากของโจทกท์ ถ่ี ูกคนรา้ ย
ลกั ไป จงึ ถอื ไมไ่ ดว้ า่ จาํ เลยซอ้ื สลากในทอ้ งตลาดตอ้ งคนื สลากใหโ้ จทก์

ฎ.6500/2540 พอ่ คา้ ซง่ึ เป็นผขู้ ายรถยนตอ์ นั จะบงั คบั ตาม ม.1332 หรอื จดทะเบยี นนิตบิ ุคคล หรอื
มรี ถยนตอ์ ยใู่ นความครอบครองทส่ี ถานประกอบการของตนในขณะทท่ี าํ สญั ญาซอ้ื ขาย

- การซอ้ื จากพอ่ คา้ นอกจากจะตอ้ งสจุ รติ แลว้ ยงั ตอ้ งเป็นการซอ้ื ขายโดยวธิ กี ารเชน่ ปกตธิ รรมดา
ขอ้ สงั เกตุ ถ้าซ้อื โดยสุจรติ จากพ่อค้าซ่งึ ขายของชนิดนัน้ แล้วก็ไม่ต้องคํานึงว่าจ้อื จากท้องตลาด
หรอื ไม่ และทาํ นองเดยี วกนั หากซ้อื โดยสุจรติ จากทอ้ งตลาดแลว้ กไ็ ม่ตอ้ งคํานึงว่าผขู้ ายจะเป็นพ่อคา้ ขาย
ของชนิดนนั้ หรอื ไม่
คําว่า “ผู้ซ้ือทรพั ย์สิน” ย่อมหมายความรวมถึงผู้ซ้ือซ่ึงได้ชําระค่าเช่าซ้ือครบถ้วนแล้วด้วย (ฎ.
1130/2507) แต่ย่อมจะไม่หมายถงึ ผเู้ ช่าซอ้ื ทย่ี งั ชาํ ระค่าเช่าซอ้ื ไม่ครบถว้ น และยงั หมายถงึ ผทู้ เ่ี อารถมา
แลกเปลย่ี นกบั รถของพอ่ คา้ โดยตรี าคาและเพม่ิ เงนิ ใหด้ ว้ ย (ฎ.2645/2517 , 2158/2520)
ม.1332 มไิ ด้บญั ญตั ิว่าผู้ซ้อื โดยสุจรติ ได้กรรมสทิ ธิใ์ นทรพั ย์สนิ ท่ซี ้ือ เพยี งแต่ใหผ้ ู้ซ้อื มสี ทิ ธยิ ดึ
ทรพั ยส์ นิ นนั้ ไวจ้ นกวา่ จะไดร้ บั ชดใชร้ าคาทซ่ี อ้ื มา ฉะนนั้ ถา้ ผซู้ อ้ื ไดข้ ายทรพั ยน์ นั้ ต่อไปโดยสจุ รติ แลว้ ผซู้ อ้ื
กไ็ มต่ อ้ งรบั ผดิ ต่อเจา้ ของอนั แทจ้ รงิ
ฎ.6500/2540 โจทกซ์ อ้ื รถยนตจ์ ากจาํ เลยท่ี 1 ซง่ึ เป็นพอ่ คา้ ซอ้ื ขายรถยนต์ แต่เพง่ิ ทราบวา่ รถเป็น
ของจาํ เลยท่ี 2 ภายหลงั ไดร้ บั มอบรถยนตแ์ ละชาํ ระราคาครบถว้ นแลว้ โจทกจ์ งึ เป็นผสู้ จุ รติ ไมจ่ าํ ตอ้ งคนื รถ
ใหแ้ ก่จําเลยท่ี 2 เวน้ แต่จะได้รบั ชดใช้ราคาท่ซี ้อื มา ส่วนจําเลยท่ี 2 กจ็ ะใช้สทิ ธใิ นฐานะเจ้าของรถเพ่อื
ตดิ ตามและเอารถคนื จากโจทกไ์ มไ่ ด้ เวน้ แต่จาํ เลยท่ี 2 จะไดช้ ดใชร้ าคารถใหโ้ จทก์ เพราะสทิ ธขิ องจาํ เลยท่ี
2 ในฐานะเจา้ ของตาม ม.1336 ตกอยภู่ ายใตบ้ งั คบั ม.1332
ฎ.2292/2515 ผซู้ อ้ื โดยสุจรติ จากพ่อคา้ ตามม.1332 เมอ่ื ถูกเจา้ ของแทจ้ รงิ เอาทรพั ยค์ นื ไมว่ ่าผซู้ อ้ื
จะไดร้ บั ชดใชร้ าคาทซ่ี อ้ื มาหรอื มสี ทิ ธไิ ดร้ บั ชดใชร้ าคาหรอื ไมก่ ต็ าม กถ็ อื วา่ ผซู้ อ้ื ถูกรอนสทิ ธแิ ลว้ ผขู้ ายจงึ
ตอ้ งรบั ผดิ ต่อผซู้ อ้ื ตาม ม.475 และ 479
- เป็นเรอ่ื งของการซอ้ื ขายทรพั ยเ์ ทา่ นนั้

จ. การได้กรรมสิทธ์ิโดยอายคุ วาม
ม.1333 “ท่านว่ากรรมสิทธ์ินัน้ อาจได้มาโดยอายุความตามท่ีบญั ญตั ิไว้ในลกั ษณะ 3 แห่ง
บรรพนี้”

- เป็นการไดก้ รรมสทิ ธใิ ์ นทรพั ยส์ นิ ของผอู้ น่ื มใิ ชก่ ารไดก้ รรมสทิ ธใิ ์ นทรพั ยส์ นิ ทไ่ี มม่ เี จา้ ของ เชน่ ม.
1318 และทจ่ี ะไดก้ รรมสทิ ธโิ ์ ดยอายุความไดน้ ัน้ จะต้องเป็นทรพั ยส์ นิ ทผ่ี อู้ ่นื มกี รรมสทิ ธอิ ์ ยแู่ ลว้ หากผอู้ ่นื มี
เพยี งสทิ ธคิ รอบครองยอ่ มไมม่ ที างจะไดก้ รรมสทิ ธใิ ์ นทรพั ยส์ นิ นนั้ ไดเ้ ลย

ฉ. การได้มาซึ่งท่ีดินตามกหมายที่ดิน

ม.1334 “ที่ดินรกร้างว่างเปล่า และท่ีดินซ่ึงมีผ้เู วนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลบั มาเป็ นของ
แผน่ ดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดินนัน้ ท่านว่าบคุ คลอาจได้มาตามกฎหมายที่ดิน”

แดนกรรมสิทธ์ิและการใช้กรรมสิทธ์ิ
ม.1335 “ภายในบงั คบั แห่งบทบญั ญตั ิในประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอ่ืน ท่านว่าแดน
กรรมสิทธ์ิที่ดินนัน้ กินทงั้ เหนือพ้นพืน้ ดินและใต้ดินด้วย”

- จาํ กดั เพยี งเทา่ ทค่ี วามสามารถของมนุษยจ์ ะใชส้ อยไดเ้ ทา่ นนั้
- อนุญาตใหม้ แี ดนกรรมสทิ ธเิ ์ ฉพาะทด่ี นิ เทา่ นนั้ มไิ ดอ้ นุญาตถงึ อสงั หาฯอน่ื ดว้ ย
ม.1336 “ภายในบงั คบั แห่งกฎหมาย เจ้าของทรพั ยส์ ินมีสิทธิใช้สอย และจาํ หน่ายทรพั ยส์ ิน
ของตนและได้ซ่ึงดอกผลแห่งทรพั ยส์ ินนัน้ กบั ทงั้ มีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรพั ยส์ ินของตนจาก
บุคคลผ้ไู ม่มีสิทธิจะยึดถือไว้และมีสิทธิขดั ขวางมิให้ผ้อู ่ืนสอดเข้าเก่ียวข้องกบั ทรพั ยส์ ินนัน้ โดยมิ

ชอบด้วยกฎหมาย”

- ผมู้ กี รรมสทิ ธใิ นทรพั ยส์ นิ มสี ทิ ธดิ งั น้ี
(1) มสี ทิ ธใิ ชส้ อยทรพั ยส์ นิ นัน้ จะต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมายดว้ ย คอื จะต้องไม่เป็นการใช้
สทิ ธทิ าํ ความเสยี หายเดอื ดรอ้ นใหแ้ กผ่ อู้ ่นื
(2) มสี ทิ ธจิ ําหน่ายทรพั ยส์ นิ นัน้ ต้องอยู่ภายใต้กฏหมาย เช่นกนั ตามม.1700 บุคคลจะจําหน่าย
ทรพั ยส์ นิ โดยมขี อ้ กําหนดหา้ มมใิ หผ้ รู้ บั ประโยชน์โอนทรพั ยส์ นิ กไ็ ด้ แต่ต้องมบี ุคคลใดบุคคลหน่ึงนอกจาก
ผรู้ บั ประโยชน์กําหนดไวส้ าํ หรบั เป็นผจู้ ะไดร้ บั ทรพั ยน์ นั้ เป็นสทิ ธโิ ดยเดด็ ขาดตาม ม.1707 ขอ้ กาํ หนดหา้ ม
โอนนัน้ จะกํานดไวไ้ ดเ้ พยี งไม่เกนิ 30 ปี หรอื ตลอดชวี ติ ผรู้ บั ประโยชน์เท่านัน้ และตาม ม.1702 ขอ้ กําหนด
หา้ มโอนเกย่ี วกบั องั หาฯ ซง่ึ ไมอ่ าจจดทะเบยี นกรรมสทิ ธไิ ์ ดน้ นั้ ยอ่ มไมม่ ผี ลบงั คบั
(3) มสี ทิ ธไิ ดด้ อกผลแหง่ ทรพั ยส์ นิ นนั้
(4) มสี ทิ ธติ ดิ ตามเอาทรพั ยส์ นิ นนั้ คนื จากผทู้ ไ่ี มม่ สี ทิ ธจิ ะยดึ ถอื ไว้
ฎ.5739/2541 การฟ้องใช้สิทธิติดตามและเอาคืนจากผู้ใดต้องปรากฏว่าทรพั ย์สนิ นัน้ ยงั อยู่ใน
ครอบครองของผนู้ นั้
การตดิ ตามเอาคนื ซง่ึ ทรพั ยข์ องตนน้ีมขี อ้ ยกเวน้ ตาม ม.1299 ว.2 และม.1329-1332
- ถา้ ผทู้ ม่ี ใิ ช่เจา้ ของนําทรพั ยส์ นิ ไปจํานํา เจา้ ของมสี ทิ ธติ ดิ ตามเอาคนื ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งใชร้ าคาทจ่ี ํานํา
(ฎ.1115/2497 และ 776/2506) แต่มี ฎ.631/2503 เอาทรพั ยไ์ ปฝากผูอ้ ่นื ขายโดยใหผ้ ูร้ บั ฝากแสดงออก
เหมอื นเป็นทรพั ยท์ รพั ยของผูร้ บั ฝากเอง เม่อื บุคคลภายนอกรบั จาํ นําโดยสุจรติ เจา้ ของจะเอาคนื โดยไม่
ชําระราคาทจ่ี าํ นํามไิ ด้ แต่ถา้ เป็นโรงรบั จํานําแลว้ ยอ่ มไดร้ บั ความคุม้ ครองตาม พรบ.โรงรบั จํานํา คอื ถา้
รบั จาํ นําไมเ่ กนิ 10,000 บาท เจา้ ของจาํ เอาคนื มไิ ดจ้ นกวา่ จะชดใชร้ าคาทจ่ี าํ นําไวเ้ สยี กอ่ น
การฟ้องเอาทรพั ยค์ นื ผทู้ จ่ี ะฟ้องเรยี กรอ้ งไดต้ อ้ งยงั เป็นเจา้ ของอยใู่ นขณะฟ้อง หากโอนกรรมสทิ ธิ ์
ใหผ้ อู้ ่นื ไปเสยี ก่อนแลว้ ยอ่ มไมม่ อี าํ นาจฟ้อง (ฎ.417/2490)

ฎ.506/2522 จาํ เลยซอ้ื ป๋ ุยของโจทกท์ ถ่ี ูกยอกไปและไดข้ ายต่อไปแลว้ จาํ เลยซอ้ื โดยสุจรติ ไมต่ อ้ ง
รบั ผดิ ต่อโจทก์ โจทกม์ สี ทิ ธติ ดิ ตามเอาป๋ ยุ คนื ไดจ้ ากผทู้ ย่ี ดึ ถอื ทรพั ยข์ องโจทกไ์ วเ้ ทา่ นนั้

- หากมผี ไู้ ดก้ รรมสทิ ธโิ ์ ดยการครอบครองปรปกั ษแ์ ลว้ จะตดิ ตามเอาคนื มไิ ด้ (ฎ.1740/2522)
- การติดตามเอาคนื ซ่งึ เคร่อื งหมายการค้าอนั เป็นทรพั ย์สนิ ทางปญั ญา ซ่งึ เป็นสทิ ธใิ นนามธรรม
ไม่ใช่เป็นการใชอ้ าํ นาจแหง่ กรรมสทิ ธติ ์ ามม.1336 การฟ้องคดจี งึ ตอ้ งเป็นไปตาม พรบ.เคร่อื งหมายการคา้
จงึ นํา ม.1336 มาใชบ้ งั คบั ไมไ่ ด้ (ฎ.8514/2538 , 7774/2540)
(5) มสี ทิ ธขิ ดั ขวางมใิ หผ้ อู้ ่นื สอดเขา้ เกย่ี วขอ้ งกบั ทรพั ยส์ นิ นนั้ โดยมชิ อบดว้ ยกฎหมาย
- การขดั ขวางตอ้ งกระทาํ พอสมควรแก่เหตุ
ฎ.455/2479 ผูซ้ ้อื มอี ํานาจฟ้องขบั ไล่ผูท้ ่บี ุกรุกเขา้ มาอยู่ในท่ดี นิ ทซ่ี ้อื ก่อนตนรบั ซ้อื ไดโ้ ดยไม่ต้อง
เรยี กผขู้ ายเขา้ มาเป็นโจทกร์ ว่ ม
ฎ.855/2493 จาํ เลยทาํ ละเมดิ ใหส้ วนผลไมแ้ ละทอ่ ระบายน้ําของโจทกเ์ สยี หาย แมก้ ่อนฟ้องโจทกจ์ ะ
ไดโ้ อนทพ่ี พิ าทใหผ้ อู้ ่นื ไปแลว้ กด็ โี จทกก์ ย็ งั มอี าํ นาจฟ้องจาํ เลย เพราะโจทกถ์ ูกจาํ เลยทาํ ละเมดิ โดยตรง
ม.1337 “บุคคลใดใช้สิทธิของตนเป็ นเหตุให้เจ้าของอสงั หาฯได้รบั ความเสียหาย หรือ

เดือดร้อนเกินท่ีควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตอุ นั ควรในเมื่อเอาสภาพและ

ตาํ แหน่งท่ีอยู่แห่งทรพั ยส์ ินนัน้ มาคาํ นึงประกอบไซร้ ท่านว่าเจ้าของอสงั หาฯ มีสิทธิจะปฏิบตั ิการ

เพื่อยงั ความเสียหายหรอื เดือดร้อนนัน้ ให้สิ้นไป ทงั้ นี้ไม่ลบล้างสิทธิท่ีจะเรียกเอาค่าทดแทน”
- ตอ้ งเป็นเจา้ ของอสงั หาฯ เท่านัน้ เจา้ ของบ้านทป่ี ลูกบา้ นลงในท่ดี นิ ท่เี ช่าปลูกบา้ นมสี ทิ ธฟิ ้องให้

ขจดั ความเดอื ดรอ้ นเป็นพเิ ศษได้ (ฎ.1945/2538) ผทู้ ม่ี เี พยี งสทิ ธคิ รอบครองในอสงั หาฯ เช่น ผเู้ ช่าหาอาจ
อา้ งสทิ ธติ าม ม.น้ี ไมไ่ ด้ (ฎ.374/2510) หรอื เจา้ ของสงั หาฯ กจ็ ะอา้ งสทิ ธคิ ุม้ ครองตาม ม.น้ี มไิ ดเ้ ชน่ กนั

- เจา้ ของทด่ี นิ ทไ่ี มม่ หี นังสอื สาํ คญั สาํ หรบั ทด่ี นิ แมจ้ ะถอื ว่ามเี พยี งสทิ ธคิ รอบครอง กย็ ่อมจะถอื ว่า
เป็นเจา้ ของทด่ี นิ ตามความหมายของ ม.น้ี ได้

ฎ.877/2546 โจทกท์ าํ สญั ญาเชา่ ทด่ี นิ จากเทศบาลเพ่อื ใชเ้ ป็นลานจอดรถสาํ หรบั กจิ การโรงแรมของ
โจทก์ ส่วนจําเลยเป็นเจา้ ของตกึ แถวซง่ึ ปลูกในทด่ี นิ ขา้ งเคยี งไดต้ ดิ ตงั้ หลงั คากนั สาดรุกล้ําเขา้ มาในทด่ี นิ ท่ี
โจทกเ์ ชา่ โจทกไ์ มส่ ามารถใชห้ รอื ไดป้ ระโยชน์จากทด่ี นิ ดงั กล่าวไดส้ ะดวก ทาํ ใหโ้ จทกไ์ ดร้ บั ความเสยี หาย
หรอื เดอื ดรอ้ นเกนิ ทค่ี วรคดิ หรอื คาดหมายในการใชท้ ด่ี นิ แมโ้ จทก์จะเป็นผูเ้ ช่าทด่ี นิ แต่การเช่าดงั กล่าวก็
เพ่อื ประโยชน์ในกจิ การโรงแรม เม่อื โจทก์เป็นเจา้ ของโรงแรมอนั เป็นอสงั หาฯ ไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นเป็น
พเิ ศษจากการกระทาํ ของจาํ เลย จงึ ยอ่ มมอี ํานาจฟ้องใหข้ จดั ความเดอื ดรอ้ นนนั้ ไดต้ าม ม.4210 และ 1337
แมว้ ่าจําเลยจะติดตงั้ หลงั คาตกึ แถวก่อนท่โี จทก์จะทําสญั ญาเช่าท่ดี นิ ก็หาเป็นเหตุใหโ้ จทก์ต้องเสยี สทิ ธิ
ดงั กล่าวไปไม่ โจทก์มีสิทธิฟ้ องให้จําเลยร้ือถอนหลงั คาท่ีต่อเติมออกจากตึกแถวซ่ึงกีดขวางการใช้
ประโยชน์จากทด่ี นิ ทโ่ี จทกเ์ ชา่ ได้

ฎ.2296/2541 จาํ เลยสรา้ งสะพานลงในคลองสาธารณะผา่ นหน้าทด่ี นิ ของโจทก์ ทาํ ใหโ้ จทกใ์ ชท้ ด่ี นิ
ของโจทก์เป็นทางข้นึ หรอื ลงคลองไม่ได้ แม้โจทก์ไม่อยู่อาศยั ทําประโยชน์ในท่ีดนิ และจําเลยทําไปเพ่อื
ประโยชน์สาธารณะ โจทกก์ ฟ็ ้องใหร้ อ้ื ถอนไดต้ าม ม.1337

- ต้องเป็นความเสยี หายหรอื เดือดร้อนท่ีปกติสามญั ชนทวั่ ไปในเขตหรอื ย่านนัน้ ทนไม่ได้ หรือ
เหลอื อดเหลอื ทนจรงิ ๆ เพยี งแต่เจา้ ของอสงั หาฯมคี วามรสู้ กึ ไวต่อกลนิ่ ต่อเสยี ง เป็นพเิ ศษยง่ิ กวา่ ผอู้ ่นื จงึ
ทนไมไ่ ด้ แต่คนทวั่ ไปแถวนนั้ ทนได้ ยอ่ มไมเ่ พยี งพอทจ่ี ะไดร้ บั ความคมุ้ ครองจาก ม.น้ี

ผใู้ ชส้ ทิ ธติ าม ม.น้ี จะกระทําโดยสุจรติ หรอื ไม่ หรอื กระทาํ เพ่อื ประโยชน์ต่อสาธารณชนหรอื ไม่ ไม่
สาํ คญั หากกอ่ ความเสยี หายเดอื ดรอ้ นเขา้ หลกั เกณฑท์ ก่ี ล่าวมาแลว้ ยอ่ มตอ้ งรบั ผดิ ทงั้ สน้ิ

ถา้ เจา้ ของยนิ ยอม จะอา้ งความคุม้ ครองตาม ม.น้ีไมไ่ ด้
- นอกจากจะคุ้มครองในลกั ษณะดงั กล่าวแล้วยงั นําไปใช้แก่การท่ีเจ้าของอสงั หาฯถูกรบกวน
ขดั ขวางต่อการใชส้ ทิ ธใิ นสาธารณสมบตั ขิ องแผน่ ดนิ ประเภทประชาชนใชร้ ว่ มกนั ไดอ้ กี ดว้ ย ในเมอ่ื เจา้ ของ
อสงั หาฯ ไดร้ บั ความเสยี หายเป็นพเิ ศษแมจ้ ะเป็นการชวั่ คราวกต็ าม (ฎ.624/2545)
ฎ.288/2505 จาํ เลยใชท้ างเดนิ ผา่ นประตูรวั้ เขตทด่ี นิ ของโจทกไ์ ปส่ทู างสาธารณะมาเกนิ กว่า 10 ปี
ต่อมาโจทกป์ ิดกนั้ รวั้ นนั้ เสยี จําเลยไมม่ ที างออกเลย ไดร้ อ้ งต่ออาํ เภอแลว้ แต่โจทกก์ ไ็ มย่ อมเปิดประตูรวั้
จาํ เลยจงึ รอ้ื ชอ่ งประตูรวั้ นนั้ ยอ่ มทาํ ไดต้ าม ม.1337 ไมม่ คี วามผดิ ทางอาญาฐานทาํ ใหเ้ สยี ทรพั ย์
ฎ.387-388/2550 แมท้ ด่ี นิ ทจ่ี ําเลยปลูกบา้ นเป็นทช่ี ายตลง่ิ จําเลยกไ็ ม่อาจใชส้ ทิ ธอิ นั จะก่อใหเ้ กดิ
ความเสยี หายแก่โจทกต์ าม ม.421 ประกอบ ม.1337 โจทกฟ์ ้องจาํ เลยใหร้ อ้ื ถอนบา้ นทก่ี ดี ขวางทางทโ่ี จทก์
จะเขา้ ออกส่ทู ะเลหลวงไปได้ และโจทกม์ สี ทิ ธใิ ชท้ ด่ี นิ ของตนออกส่ทู ะเลหลวงไดต้ ลอดแนวเขตทโ่ี จทกเ์ หน็
วา่ เป็นประโยชน์และเป็นความสะดวกแก่ตนมากทส่ี ดุ โจทกจ์ งึ ก่อสรา้ งกาํ แพงและเวน้ ทางออกสทู่ ะเลหลวง
ตรงกบั ทด่ี นิ ทจ่ี าํ เลยปลกู บา้ นได้ (ฎ.416/2540 , 8027/2546)
ม.1338 “ข้อจาํ กดั สิทธิแห่งเจ้าของอสงั หาฯซ่ึงกฎหมายกาํ หนดไว้นัน้ ท่านว่าไม่จาํ ต้องจด

ทะเบยี น

ข้อจาํ กดั เช่นนี้ ท่านว่าจะถอนหรือแก้ไขให้หย่อนลงโดยนิติกรรมมิได้เลย”

ฎ.4176/2535 โจทก์มสี ทิ ธผิ ่านท่ดี นิ ของจําเลยไปสู่สาธารณะได้ตาม ม.1350 การท่โี จทก์ตกลง
ดว้ ยวาจายกเลกิ สญั ญาทจ่ี าํ เลยยนิ ยอมใหโ้ จทกใ์ ชท้ างผา่ น เป็นการตกลงยกเลกิ ขอ้ จาํ กดั สทิ ธแิ หง่ เจา้ ของ
อสงั หาฯโดยไมไ่ ดท้ าํ เป็นหนงั สอื และจดทะเบยี นตาม ม.1338 ว.2 จงึ ไมม่ ผี ลผกู พนั ระหวา่ งโจทกก์ บั จาํ เลย
แต่ถา้ ขอ้ จาํ กดั สทิ ธขิ องเจา้ ของอสงั หาฯ นัน้ เป็นขอ้ จาํ กดั เพอ่ื ประโยชน์สาธารณะประโยชน์เช่น ตามม.1355
ซง่ึ หา้ มเจา้ ของทด่ี นิ รมิ ทางน้ํา ชกั น้ําไวเ้ กนิ ความจาํ เป็นใหเ้ ป็นทเ่ี ส่อื มเสยี แก่ทด่ี นิ แปลงอ่นื ทอ่ี ยตู่ ามทางน้ํา
นนั้ หากทด่ี นิ ตามทางน้ํานนั้ มหี ลายเจา้ ของ เขา้ ลกั ษณะเป็นสาธารณประโยชน์แลว้ เจา้ ของทด่ี นิ รมิ ทางน้ํา
รายแรกจะทาํ นิตกิ รรมกบั เจา้ ของทด่ี นิ ถดั ไปถอนขอ้ จาํ กดั ตาม ม.1355 มไิ ดเ้ ลย

ม.1339 “เจ้าของที่ดินจาํ ต้องรบั น้ําซ่ึงไหลตามธรรมดาจาดที่สงู มาในที่ดินของตน

นํ้าไหลตามธรรมดายงั ท่ีดินตา่ํ และจาํ เป็นแก่ท่ีดินนัน้ ได้ ท่านว่าเจ้าของท่ีดินซ่ึงอยู่สงู กว่า
จะกนั เอาไว้ได้เพียงที่จาํ เป็นแก่ท่ีดินของตน”

- ทด่ี นิ สงู ต่าํ หมายถงึ สงู ต่าํ ตามธรรมชาตหิ าใชส่ งู โดยการถมขน้ึ เองไม่ (ฎ.1568/2505)
- ต้องเป็นน้ําทไ่ี หลตามธรรมดา มใิ ช่เพราะการระบายน้ํา และต้องมใิ ช่น้ําโสโครกอนั เกดิ จากการ
กระทาํ ของทด่ี นิ แปลงสงู
ม.1340 “เจ้าของที่ดินจาํ ต้องรบั นํ้าซึ่งไหลเพราะระบายจากที่ดินสูงมาในท่ีดินของตน ถ้า
ก่อนท่ีระบายน้ํา น้ําได้ไหลเข้ามาในท่ีดินของตนตามธรรมดาอย่แู ล้ว
ถ้าได้รบั ความเสียหายเพราะการระบายนํ้า ท่านว่าเจ้าของท่ีดินตาํ่ อาจเรียกร้องให้เจ้าของ
ที่ดินสูงทาํ ทางระบายนํ้า และออกค่าใช้จ่ายในการนัน้ เพื่อระบายนํ้าไปให้ตลอดที่ดินตา่ํ จนถึงทาง
น้ําหรอื ท่อนํ้าสาธารณะ ทงั้ นี้ไม่ลบล้างสิทธิแห่งเจ้าของที่ดินตาํ่ ในอนั จะเรียกเอาค่าทดแทน”

- เป็นการระบายน้ํานอกเหนือไปจากการไหลตามธรรมดาของน้ํา เจา้ ของทด่ี นิ ต่ําจะใชส้ ทิ ธปิ ิดกนั้
ระบายทางน้ํานนั้ เสยี เองมไิ ด้

- จะต้องเป็นน้ําซ่งึ ตามสภาพปกตธิ รรมดาย่อมจะไหล่สู่ท่ดี นิ ต่ําอยู่แล้ว และเจา้ ของท่ดี นิ สูงไดท้ ํา
การระบายเพ่อื ประโยชน์ของทด่ี นิ สงู เพม่ิ ขน้ึ เท่านนั้ และตอ้ งเป็นน้ําตามสภาพธรรมดามใิ ช่น้ําโสโครกหรอื
น้ําทเ่ี ป็นพษิ

ม.1341 “ท่านห้ามมิให้เจ้าของอสงั หาฯทาํ หลงั คาหรือการปลุกสร้างอย่างอื่นซึงทาํ ให้นํ้าฝน
ตกยงั ทรพั ยส์ ินซึ่งอย่ตู ิดต่อกนั ”

- ตอ้ งเป็นการปลกู สรา้ งสงิ่ ปลูกสรา้ งหรอื โรงเรอื นในทด่ี นิ ของตนโดยมไิ ดม้ สี ว่ นหน่ึงสว่ นใดรุกล้าํ เขา้
ไปในทด่ี นิ ของผอู้ น่ื

ม.1342 “บ่อ สระ หลุมรบั น้ําโสโครก หรือหลุมรบั ป๋ ยุ หรือขยะมูลฝอยนัน้ ท่านว่าจะขดุ ใน
ระยะ 2 เมตรจากแนวเขตท่ีดินไมไ่ ด้

คหู รอื การขดุ ร่องเพ่ือวางท่อใต้ดินหรือสิ่งอ่ืนซึ่งคล้ายกนั นัน้ ท่านว่าจะทาํ ใกล้แนวเขตที่ดิน

กว่า คร่ึงหนึ่งแห่งส่วนลึกของคหู รือร่องนัน้ ไม่ได้ แต่ถ้าทาํ ห่างแนวเขต 1 เมตรหรือกว่านัน้ ท่าน

ว่าทาํ ได้

ถ้ากระทําการดงั กล่าวไว้ใน ว.2 ก่อนใกล้แนวเขตไซร้ท่านว่าต้องใช้ความระมดั ระวงั ตาม
สมควร เพื่อป้ องกนั มิให้ดินหรือทรายพงั ลง หรอื มิให้น้ําหรือส่ิงโสโครกซึมเข้าไป”

- บ่อ สระ หลุมรบั น้ําโสโครก ฯลฯ ตาม ว.1 และคูตาม ว.2 ตอ้ งเป็นการขุดทําขน้ึ ใหม่ หรอื กรณี
เป็นการขดุ เพม่ิ ไปจากของเดมิ ทม่ี อี ยตู่ ามธรรมชาตกิ เ็ ขา้ ม.น้ีเชน่ กนั

- แนวเขตทด่ี นิ ถา้ เป็นกําแพง รวั้ ตน้ ไม้ ซง่ึ เจา้ ของทด่ี นิ ตดิ ต่อเป็นเจา้ ของรว่ มกนั มสี ทิ ธใิ ชร้ ว่ มกนั
แลว้ ตอ้ งถอื เอารมิ ดา้ นในสดุ ของกาํ แพง ฯลฯ เป็นจุดวดั มใิ ชถ่ อื เอาจดุ กง่ึ กลางของกาํ แพง (ฎ.1480/2493
, 544/2516)

- ว.สดุ ทา้ ยตอ้ งอยใู่ นบงั คบั ของ ว.1 และ ว.2

ฎ.1046/2505 ความใน ว.3 ของม.1342 มใิ ชข่ อ้ ยกเวน้ ของ ว.1 เพราะถา้ ไมถ่ อื การหา้ มขดุ บ่อ สระ
หลุม หา่ งแนวเขต 2 เมตร เป็นหลกั สาํ คญั แลว้ กไ็ มจ่ าํ ตอ้ งบญั ญตั คิ วามใน ว.1 ไวด้ ว้ ย ดงั นนั้ ผใู้ ดจงึ ไม่
มสี ทิ ธขิ ดุ หลุมสว้ มภายในระยะ 2 เมตร จากเขตด่ี นิ ผอู้ ่นื ไมว่ า่ จะมนั่ คงแขง็ แรงกนั น้ําซมึ เพยี งใดกต็ าม

ม.1343 “ห้ามมิให้ขดุ ดินหรือบรรทุกนํ้าหนักบนท่ีดินเกินควรจนอาจเป็ นอนั ตรายแก่ความ
มนั่ คงแห่งที่ดินติดต่อ เว้นแต่จะจดั การเพียงพอเพื่อป้ องกนั ความเสียหาย

ม.1344 “รวั้ กาํ แพง รวั้ ต้นไม้ คซู ึ่งหมายเขตท่ีดินนัน้ ท่านให้สนั นิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของ
ท่ีดินทงั้ สองข้างเป็นเจ้าของรวมกนั ”

- เป็นเพยี งบทสนั นิษฐานเทา่ นนั้
ม.1345 “เม่ือรวั้ ต้นไม้ หรือคซู ึ่งมิได้ใช้เป็ นทางระบายนํ้าเป็ นของเจ้าของที่ดินทงั้ สองข้าง
รวมกนั ท่านว่าเจ้าของข้างใดข้างหนึ่งมีสิทธิท่ีจะตดั รวั้ ต้นไม้หรือถมคนู ัน้ ได้ถึงแนวเขตท่ีดินของ

ตน แต่ต้องก่อกาํ แพงหรือทาํ รวั้ ตามแนวเขตนัน้ ”

- รวั้ ต้นไมแ้ ละคูหมายถงึ ทใ่ี ชเ้ ป็นเคร่อื งแสดงเขตทด่ี นิ เท่านัน้ และคูต้องมใิ ช่คูระบายน้ําของทด่ี นิ
แปลงอ่นื ดว้ ยและตอ้ งเป็นเจา้ ของรวม

- ไมต่ อ้ งไดร้ บั ความยนิ ยอมจากเจา้ ของทด่ี นิ ทต่ี ดิ ต่อ
- ทาํ กาํ แพงหรอื ทาํ รวั้ มใิ ชร่ วั้ ตน้ ไม้
ม.1346 “ถ้ามีต้นไม้อยู่บนแนวเขตที่ดิน ท่านให้สนั นิ ษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของท่ีดินทงั้ สอง
ข้างเป็นเจ้าของต้นไมร้ ่วมกนั ดอกผลเป็นของเจ้าของท่ีดินคนละส่วนเสมอกนั และถ้าตดั ต้นลงไซร้
ไม้นัน้ เป็นของเจ้าของที่ดินคนละส่วนดจุ กนั

เจ้าของแต่ละฝ่ ายจะต้องการให้ขดุ หรือตดั ต้นไม้กไ็ ด้ค่าใช้จ่ายในการนัน้ ต้องเสียเท่ากนั ทงั้
สองฝ่ าย แต่ถ้าเจ้าของอีกฝ่ ายหน่ึงสละสิทธิในต้นไม้ไซร้ ฝ่ ายที่ต้องการขุดหรือตัดต้องเสีย

ค่าใช้จ่ายฝ่ ายเดียว ถ้าต้นไม้นัน้ เป็นหลกั เขต และจะหาหลกั เขตอื่นไม่เหมาะเหมือน ท่านว่าฝ่ าย

หน่ึงฝ่ายใดจะต้องการให้ขดุ หรอื ตดั ไม่ได้”

- ว.1 เป็นเรอ่ื งทพ่ี สิ จู น์ไมไ่ ดแ้ น่ชดั วา่ ตน้ ไมเ้ ป็นของเจา้ ของทด่ี นิ แปลงใด
ม.1347 “เจ้าของท่ีดินอาจตดั รากไม้ซึ่งรกุ เข้ามาจากที่ดินติดต่อและเอาไว้เสีย ถ้าก่ิงไม้ยื่น
เข้ามา เม่ือเจ้าของท่ีดินได้บอกผคู้ รอบครองท่ีดินติดต่อให้ตดั ภายในเวลาอนั ควรแล้ว แม้ผนู้ ัน้ ไม่
ตดั ท่านว่าเจ้าของที่ดินตดั เอาเสียได้”

- ตอ้ งตดั เฉพาะสว่ นทร่ี กุ ล้าํ แนวเขตทด่ี นิ เขา้ มาเทา่ นนั้ เจา้ ของทด่ี นิ ทต่ี ดั นนั้ น่าจะเอาไวเ้ สยี ไดท้ งั้
ดอกผลทต่ี ดิ อยกู่ บั กง่ิ ทต่ี ดั เพราะถอื วา่ เจา้ ของไดส้ ละสทิ ธใิ นกงิ่ นนั้ แลว้ ถา้ เจา้ ของตดั เองยอ่ มเป็นของเขา

- ตดั โดยมไิ ด้บอกกล่าวจะเป็นความผดิ ทางอาญาหรอื ไม่ ต้องดูเป็นเร่อื งๆไปโดยพจิ ารณาจาก
เจตนา (ฎ.1846/2500) สว่ นในทางแพง่ ไมน่ ่าจะถอื เป็นการละเมดิ หากไดก้ ระทําดวยความระมดั ระวงั เช่น
วญิ ญชู นจะพงึ กระทาํ แต่กงิ่ ไมแ้ ละดอกผลน่าจะตกเป็นของเจา้ ของตน้ ไม้

- เป็นเรอ่ื งเฉพาะกง่ิ ไมร้ กุ ล้าํ เทา่ นนั้ ถา้ ตน้ ไมท้ งั้ ตน้ รกุ ล้าํ จะจดั การตดั ออกตาม ม.น้ี มไิ ด้

ฎ.1165/2502 ม.1347 มไิ ดห้ า้ มเจา้ ของทด่ี นิ ใชส้ ทิ ธทิ างศาล ฉะนนั้ แมจ้ ะไมใ่ ชส้ ทิ ธติ าม ม.1347
กฟ็ ้องศาลได้

ม.1348 “ดอกผลแห่งต้นไม้ท่ีหล่นตามธรรมดาในท่ีดินติดต่อแปลงใด ท่านให้สนั นิ ษฐาน
ไว้ก่อนว่าเป็นดอกผลของท่ีดินแปลงนัน้ ”

- เร่อื งดอกผลของต้นไมช้ นิดเดยี วกนั ซง่ึ ปลูกอยใู่ กลเ้ ขตทด่ี นิ เพราะผลไมห้ รอื ดอหผลอาจจะร่วงลง
ไปสพู่ น้ื ดนิ ทงั้ สองขา้ งปะปนกนั จนไมอ่ าจทราบไดว้ า่ ผลไมร้ วงจากตน้ ไมข้ องฝา่ ยใด

- ถา้ เป็นดอกผลทง่ี อกจากตน้ เชน่ หน่อไม้ กไ็ มอ่ ยใู่ นบงั คบั ม.น้ี
ม.1349 “ที่ดินแปลงใดมีท่ีดินแปลงอ่ืนล้อมอย่จู นไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ไซร้ ท่าน
ว่าเจ้าของที่ดินแปลงนัน้ จะผา่ นที่ดินซึ่งล้อมอย่ไู ปส่ทู างสาธารณะได้
ท่ีดินแปลงใดมีทางออกได้ แต่เมือ่ ต้องข้าม สระบงึ หรือ ทะเล หรือมีที่ชนั ระดบั ที่ดินกบั ทาง

สาธารณะสงู กว่ากนั มากไซร้ ท่านว่าให้ใช้ความในวรรคต้นบงั คบั
ท่ีและวิธีทาํ ทางผา่ นนัน้ ต้องเลือกให้พอสมควรแก่ความจาํ เป็นของผมู้ ีสิทธิจะผา่ น กบั ทงั้ ให้

คาํ นึงถึงท่ีดินท่ีล้อมอย่ใู ห้เสียหายแต่น้อยที่สุดเท่าท่ีจะเป็นไปได้ ถ้าจาํ เป็น ผมู้ ีสิทธิจะผา่ นจะสร้าง

ถนนเป็นทางผา่ นกไ็ ด้
ผมู้ ีสิทธิจะผ่านต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของท่ีดินที่ล้อมอยู่ เพ่ือความเสียหายดนั เกิดแต่

เหตุที่มีทางผ่านนัน้ ค่าทดแทนนัน้ นอกจากค่าเสียหายเพราะสร้างถนน ท่านว่าจะกาํ หนดเป็ นเงิน

รายปี กไ็ ด้

ทางจาํ เป็นต่างจากภารจาํ ยอมตาม ม.1397-1401 คือ

1. ทางจาํ เป็นเป็นเรอ่ื งทด่ี นิ ถูกลอ้ มจนไมม่ ที างออกสทู่ างสาธารณะ แต่ภารจาํ ยอมไมจ่ าํ เป็นจะตอ้ ง
เป็นทด่ี นิ ทถ่ี ูกลอ้ มจนไมม่ ที างออกสทู่ างสาธารณะ แมจ้ ะมที างออกอยแู่ ลว้ เจา้ ของทด่ี นิ กอ็ าจจะไดส้ ทิ ธภิ าร
จาํ ยอมผา่ นทด่ี นิ ของผอู้ น่ื ไดไ้ มว่ า่ จะไดม้ าโดยนิตกิ รรมหรอื โดยอายคุ วามกต็ าม

การทม่ี ที างเขา้ ออกสทู่ างสาธารณะโดยผา่ นทด่ี นิ ของผอู้ น่ื ไดเ้ พราะเขายนิ ยอม มใิ ชเ่ ป็นสทิ ธติ ามกฎ
มาย ตอ้ งถอื เทา่ กบั วา่ ไมม่ ที างเขา้ ออกสทู่ างสาธารณะไดเ้ ชน่ กนั

ฎ.4801/2540 ทด่ี นิ ของโจทกแ์ บ่งแยกมาจากทด่ี นิ ของ บ. อกี ทงั้ ทด่ี นิ ของโจทกม์ ที ด่ี นิ ของผอู้ ่นื ลอ้ ม
อย่จู นไมม่ ที างออกไปสทู่ างสาธารณะไดแ้ มโ้ จทกจ์ ะสามารถเขา้ ออกผ่านทด่ี นิ ของ ช. กด็ ี แต่การเขา้ ออก
ผา่ นทด่ี นิ ของ ช. ยงั จะตอ้ งเขา้ ออกผา่ นทด่ี นิ ของ บ. สว่ นทเ่ี ป็นถนนอกี ทอดหน่ึง การผา่ นทด่ี นิ ของช. เป็น
เร่อื งของความยนิ ยอม หาใช่สทิ ธติ ามกฎหมายไม่ กรณีต้องถอื ว่าทด่ี นิ ของโจทก์ไม่มที างเขา้ ออกสู่ทาง
สาธารณะไดต้ ามกฎหมาย โจทกจ์ งึ มสี ทิ ธขิ อใหเ้ ปิดชอ่ งทางพพิ าทเป็นทางเขา้ ออก ถงึ แมจ้ ะตอ้ งรอ้ื รวั้ เฉพาะ
สว่ นทป่ี ิดชอ่ งทางเขา้ ออกของโจทกอ์ อก แต่กเ็ พ่อื ใหท้ ด่ี นิ โจทกเ์ ช่อื มต่อกบั ทางพพิ าทซง่ึ จาํ เลยเองกใ็ ชท้ าง
พพิ าท เป็นทางเขา้ ออกถนนสาธารณะอยแู่ ลว้ น่าจะทาํ ใหจ้ าํ เลยเสยี หายน้อยทส่ี ดุ

ถ้ามสี ทิ ธิภารจํายอมท่ีจะผ่านทางในท่ีดนิ ข้างเคียงแปลงอ่ืนออกสู่ทางสาธารณได้โดยชอบด้วย
กฎหมาย ถอื วา่ มที างออกยอ่ มไมม่ สี ทิ ธฟิ ้องเปิดทางจาํ เป็นในทด่ี นิ พพิ าทตาม ม.1349 (ฎ.2537/2549)

2. ทางจาํ เป็น ผมู้ สี ทิ ธจิ ะผา่ นตอ้ งใชค้ า่ ทดแทนเป็นคา่ ใชท้ าง ภารจาํ ยอมโดยนิตกิ รรมอาจจะใชค้ า่
ทดแทนหรอื ไม่ก็ได้แล้วแต่ตกลงกัน หากเป็นทางภารจํายอมโดยอายุความก็ไม่ต้องใช้ค่าทดแทนแต่
ประการใด

3. ทางจาํ เป็น ใชไ้ ดแ้ ต่เฉพาะผา่ นไปสทู่ างสาธารณะเท่านนั้ แต่ภารจาํ ยอมอาจเป็นการผา่ นไปทใ่ี ด
กไ็ ด้

4. ทางจําเป็น เป็นการไดส้ ทิ ธโิ ดยอํานาจแห่งกฎหมาย ฉะนัน้ การไดม้ านัน้ จงึ ไม่ตอ้ งจดทะเบยี น
ต่อพนกั งานเจา้ หน้าท่ี ตามม.1299 ว.1 (ฎ.1224/2539 , 4416/2541 , 3892/2549) แต่ภารจาํ ยอมทไ่ี ดม้ า
โดยนิจกิ รรมตอ้ งจดทะเบยี นตาม ม.1299 ว.1 มฉิ ะนนั้ ไมบ่ รบิ รู ณ์

ทางสาธารณะนนั้ มไิ ดจ้ าํ กดั เฉพาะทางบกเทา่ นนั้ ทางน้ํากเ็ ป็นทางสาธารณะ
ทางจาํ เป็นเกดิ ขน้ึ และมอี ยเู่ ทา่ ทจ่ี าํ แป็น เมอ่ื หมดความจาํ เป็นกข็ อเปิดทางไมไ่ ด้
ถา้ ใชเ้ รอื สญั จรไปมาได้ แมป้ ระชาชนสว่ นใหญ่มไิ ดใ้ ชเ้ น่ืองจากไมส่ ะดวกเท่าการสญั จรทางบกกไ็ ม่
ทาํ ใหส้ น้ิ สภาพเป็นทางสาธารณะ (ฎ.1768/2548)
ฎ.1491/2516 คลองไมม่ นี ้ําทจ่ี ะใชเ้ ป็นทางสญั จรทางเรอื ตลอดเวลา เพราะบางฤดนู ้ําแลง้ และน้ํา
ในคลองขนุ่ เป็นน้ําคราํ บง่ วา่ ไดต้ น้ื เขนิ ไปมากแลว้ ประชาชนทไ่ี ดใ้ ชเ้ สน้ ทางสญั จรคงมแี ต่แมค่ า้ พายเรอื ขาย
ของบา้ งเป็นครงั้ คราว ถอื ไม่ไดว้ ่าคลองนัน้ เป็นทางสาธารณะตาม ม.1349 (ฎ.465/2518 , 2073/2520 ,
3505/2541 และ 2229/2542 )
แมจ้ ะมที างออกสทู่ างสาธารณะไดก้ ต็ าม แต่ถา้ ตอ้ งขา้ มสระ บงึ หรอื ทะเล หรอื มที ช่ี นั สงู ต่ํากวา่ ทาง
สาธารณะมาก (ฎ.2861/2549)กอ็ นุโลมเสมอื นไมม่ ที างออกสทู่ างสาธารณะ
การขอเปิดทางจําเป็นต้องติดทางสาธารณะเสมอไปไม่ (ถ้าสามารถใช้ทางในท่ดี นิ ผู้อ่นื ไปสู่ทาง
สาธารณะไดก้ เ็ ป็นทางจาํ เป็น แต่ถา้ ไมส่ ามารถผา่ นทด่ี นิ ผอู้ น่ื ไดเ้ ชน่ เจา้ ของทด่ี นิ ไมใ่ หค้ วามยนิ ยอม กจ็ ะขอ
เปิดทางจาํ เป็นมไิ ด้ (ฎ.5281/2531 , 7524/2538 , 5336/2539 , 6930/2540)
ม.1349 มไิ ดบ้ ญั ญตั วิ า่ เจา้ ของทด่ี นิ ถูกทด่ี นิ แปลงอ่นื ลอ้ มจะตอ้ งขอผา่ นทด่ี นิ ทล่ี อ้ มอยซู่ ง่ึ อยใู่ กลท้ าง
สาธารณะมากทส่ี ดุ เทา่ นนั้ เจา้ ของทด่ี นิ ซง่ึ ถกู ทด่ี นิ แปลงอ่นื ลอ้ มจะขอผา่ นทด่ี นิ แปลงใดกไ็ ด้ เพยี งแต่การท่ี
ผา่ นทด่ี นิ ลอ้ มนนั้ ม.1349 ว.3 ใหค้ าํ นึงถงึ ทด่ี นิ ทล่ี อ้ มอยใู่ หเ้ สยี หายแต่น้อยทส่ี ดุ ทจ่ี ะเป็นได้ (ฎ.5103/2547)
ฎ.653/2516 ผมู้ สี ทิ ธใิ ชท้ างจาํ เป็นมสี ทิ ธใิ ชย้ านพาหนะผ่านทางจาํ เป็นในสภาพทเ่ี ป็นถนนได้ ไม่
ถกู จาํ กดั ใหใ้ ชเ้ ป็นทางเดนิ แต่อยา่ งเดยี ว (ฎ.802/2547)
ฎ.5118/2540 โจทก์ซ้อื ท่ดี นิ และตกึ แถว มาโดยโจทก์รูอ้ ย่แู ลว้ ว่าโจทก์ไม่อาจใชร้ ถยนต์เขา้ ออก
ผ่านทางภารจํายอมท่เี จา้ ของเดมิ ไดม้ าโดยอายุความได้ คงใชไ้ ดเ้ ฉพาะการเดนิ เขา้ ออกเท่านัน้ เท่ากบั
โจทกย์ อมรบั สภาพทจ่ี ะตอ้ งจอดรถยนตไ์ วใ้ นสถานทอ่ี ่นื โจทกจ์ งึ ไมอ่ าจอา้ งไดว้ า่ ทางพพิ าทเป็นทางจาํ เป็น
เพอ่ื การใชร้ ถยนต์
กฎหมายมไิ ดก้ ําหนดว่าผูท้ ่เี ป็นเจา้ ของท่ดี นิ ทถ่ี ูกล้อมจะตอ้ งไดท้ ่ดี นิ มาโดยสุจรติ ไมร้ ูว้ ่าทด่ี นิ ทต่ี น
ไดม้ าถูกทด่ี นิ แปลงอ่นื ลอ้ มมาก่อน มสี ทิ ธฟิ ้อง (ฎ.5103/2547)

การผา่ นทางหรอื ชาํ ระเงนิ ไมจ่ าํ ตอ้ งจดทะเบยี นต่อพนกั งานเจา้ หน้าทด่ี งั่ ภารจาํ ยอม แต่ถา้ เจา้ ของ
ทด่ี นิ ตกลงจะใหจ้ ดทะเบยี นเป็นทางภารจํายอมมกี ําหนดเวลาแน่นอนเสยี เลยกย็ ่อมทําได้ และทางจําเป็น
นนั้ กก็ ลายเป็นทางภายใตภ้ ารจาํ ยอมไป

ฎ.1241/2491 ม.1349 มไิ ดบ้ งั คบั ใหป้ ฏบิ ตั หิ น้าทเ่ี สยี ก่อนแลว้ จงึ ใชส้ ทิ ธไิ ด้ ฉะนัน้ โจทกจ์ งึ มสี ทิ ธิ
ฟ้องขเปิดทางเดนิ ไดโ้ ดยมจิ าํ ตอ้ งชดใชค้ า่ ทดแทน เป็นหน้าทจ่ี าํ เลยจะตอ้ งเรยี กรอ้ งขน้ึ มาเอง (ฎ.629/2522
, 404/2536) หากจําเลยมไิ ดฟ้ ้องแยง้ เรยี กค่าทดแทนในคดที โ่ี จทกฟ์ ้องขอเปิดทางจําเป็น จาํ เลยกม็ สี ทิ ธทิ ่ี
จะวา่ กลา่ วเป็นอกี คดหี น่ึงต่างหาก (ฎ.74/2540)

ผมู้ สี ทิ ธฟิ ้องขอเปิดทางจาํ เป็นตอ้ งเป็นเจา้ ของทด่ี นิ เทา่ นนั้ ผคู้ รอบครอง ผอู้ าศยั ผเู้ ช่าทด่ี นิ หรอื
เจา้ ของโรงเรอื นซง่ึ มใิ ชเ่ จา้ ของทด่ี นิ ไมม่ สี ทิ ธฟิ ้องรอ้ ง แต่เม่อื เจา้ ของทด่ี นิ มสี ทิ ธใิ นทางจาํ เป็นแลว้ ผทู้ อ่ี ยใู่ น
ครอบครวั บรวิ าร ผอู้ าศยั หรอื ผเู้ ชา่ ยอ่ มมสี ทิ ธใิ ชท้ างจาํ เป็นนนั้ ได้ (ฎ.517/2509 , 2196/2514)

ข้อสงั เกต แมเ้ ดมิ ผทู้ อ่ี ย่ใู นทด่ี นิ แปลงทโ่ี จทก์รบั โอนมาจะมสี ทิ ธใิ ชท้ างในทด่ี นิ ของจําเลยในฐานะ

ทางจําเป็น ก็ไม่ได้หมายความว่าโจทก์ผู้รบั โอนท่ดี ินจะได้สทิ ธใิ นทางเดนิ นัน้ มาด้วยอย่างภารจํายอม
เพราะทางจําเป็นมใิ ช่สทิ ธทิ ต่ี ดิ กบั ทด่ี นิ ทจ่ี ะโอนไปพรอ้ มกบั ทด่ี นิ ดว้ ย ทางจาํ เป็นเกดิ ขน้ึ และมอี ย่ตู ามความ
จําเป็น เม่อื โจทก์ไม่มคี วามจําเป็นท่จี ะต้องใชท้ างนัน้ เพราะโจทก์เป็นเจา้ ของทด่ี นิ อกี แปลงหน่ึงซ่งึ โจทก์
สามารถใชท้ ่ดี นิ แปลงดงั กล่าวเป็นทางเขา้ ออกส่ทู างสาธารณะได้ โจทก์จงึ ไม่มสี ทิ ขิ อเปิดทางพพิ าทเป็น
ทางจาํ เป็น (ฎ.811-812/2540 , 5672/2546) แมไ้ มส่ ามารถใชร้ ถยนตเ์ ป็นยานพาหนะเพอ่ื ผา่ นเขา้ ออกไดก้ ็
เป็นเรอ่ื งความสะดวกของโจทกเ์ ทา่ นนั้ หาใชว่ า่ โจทกไ์ มม่ ที างออกไปสทู่ างสาธารณะไม่

ม.1350 “ถ้าที่ดินแบ่งแยกหรือแบ่งโอนกนั เป็ นเหตุให้แปลงหนึ่งไม่มีทางออกไปสู่ทาง
สาธารณะไซร้ ท่านว่าเจ้าของท่ีดินแปลงนัน้ มีสิทธิเรียกร้องเอาททางเดินตามมาตราก่อนได้
เฉพาะบนท่ีดินแปลงท่ีได้แบง่ แยกหรือแบง่ โอนกนั และไมต่ ้องเสียค่าทดแทน”

ตอ้ งผา่ นทด่ี นิ แปลงทแ่ี บ่งแยกจะผา่ นแปลงอ่นื ไมไ่ ด้ (ฎ.199/2503)
ฎ.2686/2519 ทด่ี นิ แปลงหน่ึงแบ่งออกเป็นทด่ี นิ หลายแปลง แปลงหน่ึงมี ฉ.11626 และทด่ี นิ แปลง
น้ีไดแ้ บ่งแยกเป็นหลายแปลงอกี โจทกซ์ อ้ื ทด่ี นิ ฉ.11626 ดงั น้ีโจทกม์ สี ทิ ธใิ ชท้ างเดนิ จากทด่ี นิ ทแ่ี บ่งจาก ฉ.
11626 เท่านัน้ จะใช้สิทธิเดินในท่ีดินแปลงอ่ืนท่ีแบ่งจาก ฉ.เดิมมิได้ (ฎ.6183/2538 , 1974/2543 ,
7967/2543)
ต้องเป็นกรณีทแ่ี บ่งท่ดี นิ ทําใหแ้ ปลงหน่ึงไม่มที างออกสู่ทางสาธารณะ ไม่ใช่ทางสาธารณะเกดิ ขน้ึ
ภายหลงั แบง่ แยกทด่ี นิ แลว้ (ฎ.629/2522)
ฎ.1407/2493 ถ้าเป็นทด่ี นิ ต่างแปลงกนั มาแต่เดมิ แมจ้ ะเป็นเจา้ ของเดยี วกนั แล้วโอนขายให้
ผอู้ ่นื กจ็ ะถอื เป็นทด่ี นิ แบ่งแยกจากแปลงเดมิ มไิ ด้
ไม่มอี ายุความ (ฎ.164/2522) ถ้าเจา้ ของท่ดี นิ ท่แี บ่งแยกโอนท่ดี นิ ไปแล้วก็ต้องฟ้องผูร้ บั โอน (ฎ.
5336/2539)

ม.1351 “เจ้าของท่ีดินเมื่อบอกล่วงหน้าตามสมควรแล้ว อาจใช้ที่ดินติดต่อเพียงท่ีจาํ เป็นใน

การปลูกสร้าง หรือซ่อมแซมรวั้ กาํ แพงหรือโรงเรือนตรงหรือใกล้แนวเขตของตนแต่จะเข้าไปใน
เรอื นท่ีอย่ขู องเพื่อนบา้ นข้างเคียงไม่ได้ เว้นแต่ได้รบั ความยินยอม

ถ้าได้ก่อความเสียหายให้เกิดขึน้ ไซร้ ท่านว่าเพื่อนบา้ นข้างเคียงจะเรียกเอาค่าทดแทนกไ็ ด้”

เม่อื บอกกล่าวแล้วเขา้ จะยนิ ยอมหรอื ไม่ ไม่สําคญั แม้เขาจะไม่ยอมก็ไม่เป็นเหตุให้ถือเป็นการ
ละเมดิ

ฎ.1763/2506 ม.1351 มไิ ดห้ มายถงึ ขดุ ทด่ี นิ ของเขาเสยี หายหรอื ตอกเสาเขม็ ในทด่ี นิ ของเขา
ม.1352 “ท่านว่าถ้าเจ้าของท่ีดินได้รบั ค่าทดแทนตามสมควรแล้ว ต้องยอมให้ผ้อู ื่นวางท่อ
น้ํา ท่อระบายน้ํา สายไฟฟ้ า หรือส่ิงอื่นซึ่งคล้ายกนั ผ่านท่ีดินของตนเพ่ือประโยชน์แก่ท่ีดินติดต่อ
ซึ่งถ้าไม่ยอมให้ผา่ นกไ็ ม่มีทางจะวางได้ หรือถา้ จะวางได้กเ็ ปลืองเงินมากเกินควร แต่เจ้าของท่ีดิน
อาจให้ยกเอาประโยชน์ของตนขึน้ พิจารณาด้วย
เม่ือมีเหตผุ ลพิเศษ ถ้าจะต้องวางเหนือพืน้ ดินไซร้ ท่านว่า เจ้าของท่ินอาจเรียกให้ซื้อที่ดิน
ของตนบางส่วนตามสมควรที่จะใช้ในการนัน้ โดยราคาค้มุ ค่าที่ดินและค่าทดแทนความเสียหาย ซ่ึง

อาจมีเพราะการขายนัน้
ถ้าพฤติการณ์เปล่ียนไป เจ้าของที่ดินอาจเรียกให้ย้ายถอนส่ิงที่วางนัน้ ไปไว้ ณ ส่วนอ่ืนแห่ง

ที่ดินของตนตามแต่เหมาะแก่ประโยชน์แห่งเจ้าของที่ดิน
ค่าย้ายถอนนัน้ เจ้าของที่ดินติดต่อเป็ นผ้เู สีย แต่ถ้ามีพฤติการณ์พิเศษไซร์ ท่านว่าจะให้

เจ้าของท่ีดินอีกฝ่ายหนึ่งช่วยเสียค่าย้ายถอนตามส่วนอนั ควรกไ็ ด้”

นบั ว่าเป็นภารจาํ ยอมอยา่ งหน่ึงทก่ี ฎหมายบงั คบั เกดิ ขน้ึ โดยกฎหมายบญั ญตั ไิ ว้ จงึ ไมต่ อ้ งมมี การ
จดทะเบยี นแต่ถา้ คกู่ รณจี ะตกลงจดทะเบยี นเป็นภารจาํ ยอมตามหลกั ภารจาํ ยอมทวั่ ไปกย็ อ่ มได้

ฎ.378/2511 เป็นหน้าทข่ี องผทู้ จ่ี ะวางทอ่ น้ํา สายไฟฟ้า ฯลฯ บอกกล่าวเสนอจาํ นวนคา่ ทดแทนให้
เจ้าของท่ดี นิ ทราบก่อน หาใช่เป็นหน้าท่ขี องเจ้าของท่ดี นิ ท่จี ะเสนอไม่ หากผูท้ ่วี างไม่เสนอค่าทดแทน
เจา้ ของทด่ี นิ มวี ทิ ธคิ ดคั า้ นไมย่ อมใหว้ างได้

ฎ.214/2521 การทเ่ี จา้ ของทด่ี นิ ตอ้ งยอมใหผ้ อู้ ่นื วางทอ่ น้ํา สายไฟฟ้า ฯลฯ ผา่ นทด่ี นิ ของตนตาม
ม.1352 กแ็ ต่เฉพาะเม่อื เจา้ ของทด่ี นิ ไดร้ บั ค่าทดแทนตามสมควรแลว้ เม่อื ฟ้องไม่เสนอค่าทดแทน กไ็ ม่มี
ประเดน็ วา่ โจทกจ์ ะใชส้ ทิ ธติ าม ม.1352 ไดห้ รอื ไม่ (ฎ.648/2525)

ม.1353 “บุคคลอาจพาปศุสตั วข์ องตนผ่านหรือเข้าไปในท่ีดินของผ้อู ่ืนซ่ึงมิได้กนั้ เพ่ือไป
เลีย้ ง และอาจเข้าไปเอาน้ําในบ่อหรือสระ ในที่เช่นว่านัน้ มาใช้ได้ เว้นแต่ท่ีดินเป็นที่เพาะปลกู หรือ
เตรียมเพ่ือเพาะปลกู หว่านหรอื มีธญั ชาติขึน้ อย่แู ล้ว แต่ท่านว่าเจ้าของท่ีดินย่อมห้ามได้เสมอ”

ม.1354 “ถ้ามีจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นให้ทาํ ได้ และถ้าเจ้าของไม่ห้ามบุคคลอาจเข้าไปใน
ป่ า ท่ีดง หรือในที่มีหญ้าเลี้ยงสตั วซ์ ึ่งเป็นท่ีดินของผอู้ ่ืน เพื่อเกบ็ ฟื น หรือผลไม้ในป่ า ผกั เหด็ และ
สิ่งอื่นเช่นกนั ”

ถา้ เป็นทด่ี นิ อน่ื ยอ่ มจะทาํ เชน่ ม.น้ีไมไ่ ด้
ม.1355 “เจ้าของที่ดินริมทางนํ้า หรือมีทางน้ําผ่าน ไม่มีสิทธิจะชกั เอานํ้าไว้เกินกว่าท่ี
จาํ เป็นแก่ประโยชน์ของตนตามควรให้เป็นเหตเุ สื่อมเสียแก่ท่ีดินแปลงอื่นซ่ึงอย่ตู ามทางนํ้านัน้ ”
ทางน้ํา หมายถงึ ทางน้ําสาธารณะ มใิ ช่ของเอกชนและมใิ ช่เป็นเร่อื งน้ําซ่งึ ไหลตามธรรมดาจาก
ทด่ี นิ สงู หรอื น้ําระบายจากทด่ี นิ สงู สทู่ ด่ี นิ ต่าํ ดงั ม.1339 , 1340
ฎ.3801/2540 โจทกใ์ ชน้ ้ําจากลาํ เหมอื งพพิ าทตามทโ่ี จทกม์ สี ทิ ธิ และหากมกี ารแบ่งเฉลย่ี การใชน้ ้ํา
ระหวา่ งโจทกแ์ ละจาํ เลยแลว้ กจ็ ะมนี ้ําใชเ้ พยี งพอทงั้ สองฝา่ ย การทโ่ี จทกเ์ ปิดน้ําเขา้ ฟารม์ ของโจทกใ์ นช่วง
ฤดแู ลง้ มนี ้ําน้อยไมพ่ อในการทาํ นาของราษฎร แต่โจทกม์ ไิ ดช้ กั เอาน้ําไวเ้ กนิ กว่าทจ่ี าํ เป็นแก่ประโยชน์ของ
โจทก์ตามควรอนั เป็นการไม่ปฏบิ ตั ิตาม ม.1355 จงึ ไม่เป็นการใช้สทิ ธซิ ่งึ มแี ต่จะใหเ้ กดิ ความเสยี หายแก่
บุคคลอน่ื ซง่ึ เป็นการกระทาํ อนั มชิ อบดว้ ยกฎหมายตาม ม.421

กรรมสิทธ์ิรวม
ม.1356 “ถ้าทรพั ยส์ ินเป็นของบคุ คลหลายคนรวมกนั ท่านให้ใช้บทบญั ญตั ิในหมวดนี้บงั คบั
เว้นแต่จะมีกฎหมายบญั ญตั ิไว้เป็นอย่างอ่ืน”
มไิ ดแ้ ยกเป็นสดั สว่ นวา่ ผใู้ ดเป็นเจา้ ของสว่ นใดของทรพั ย์
เจา้ ของรวมจะมสี ว่ นในทรพั ยส์ นิ รวมนนั้ เพยี งใดยอ่ มเป็นไปตามสว่ นแหง่ ความเป็นเจา้ ของทรพั ยส์ นิ
นนั้ หากพสิ จู น์ไมไ่ ด้ ม.1357 ใหส้ นั นิษฐานไวก้ อ่ นวา่ มสี ว่ นเทา่ กนั
เจา้ ของรวมอาจแยกกนั ครอบครองเป็นสดั สว่ นต่างหากจากกนั โดยสงบ เปิดเผยและดว้ ยเจตนาเป็น
เจา้ ของส่วนทค่ี รอบครองนนั้ ได้ และเม่อื แยกกนั ครอบครองเช่นน้ีจนครอบอายุความตามม.1382 แลว้ ย่อม
ไดก้ รรมสทิ ธติ ์ ามสว่ นทค่ี รอบครองมา (ฎ.1424/2497)
ม.1358 “ท่านให้สนั นิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของรวมมีสิทธิจดั การทรพั ยส์ ินรวมกนั
ในเร่ืองจดั การตามธรรมดา ท่านว่าพึงตกลงโดยคะแนนข้างมากแห่งเจ้าของรวม แต่
เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ อาจทาํ สิ่งใดสิ่งหน่ึงในทางจดั การตามธรรมดาได้ เว้นแต่ฝ่ ายข้างมากได้ตก
ลงไว้เป็นอย่างอ่ืนแต่เจ้าอขงรวมคนหนึ่งๆ อาจทาํ การเพื่อรกั ษาทรพั ยส์ ินได้เสมอ
ในเรอื่ งจดั การอนั เป็นสาระสาํ คญั ท่านว่าต้องตกลงกนั โดยคะแนนข้างมากแห่งเจ้าของรวม
และคะแนนข้างมานัน้ ต้องมีส่วนไมต่ า่ํ กว่าครึง่ หน่ึงแห่งค่าทรพั ยส์ ิน
การเปล่ียนแปลงวตั ถปุ ระสงคน์ ัน้ ท่านว่าจะตกลงกนั ได้กแ็ ต่เมื่อเจ้าของรวมเหน็ ชอบทุก
คน”
สทิ ธจิ ดั การทรพั ยส์ นิ นนั้ แบ่งไดด้ งั น้ี

ก. ถ้าเป็นการจดั การเพ่อื รกั ษาทรพั ยส์ นิ แลว้ เจา้ ของรวมคนใดคนหน่ึงมสี ทิ ธจิ ดั การไดเ้ สมอโดย
ไมต่ อ้ งไดร้ บั ความยนิ ยอมจากเจา้ ของรวมคนอ่นื ก่อน

ข. ถา้ เป็นการจดั การตามธรรมดา เพ่อื ใหเ้ กดิ ประโยชน์ตามสภาพปกตขิ องทรพั ยส์ นิ แลว้ เจา้ ของ
รวมคนใดคนหน่ึงมสี ทิ ธจิ ดั การไดเ้ สมอ

ค. ถา้ เป็นการจดั การอนั เป็นสาระสาํ คญั เจา้ ของรวมคนใดจะเป็นผจู้ ดั การย่อมสุดแลว้ แต่เสยี งขา้ ง
มาก ตอ้ งไมต่ ่าํ กวา่ ครง่ึ หน่ึง ของคา่ ทรพั ยส์ นิ

ง. การจดั การในทางเปลย่ี นวตั ถุประสงค์ ตอ้ งใหเ้ จา้ ของรวมทุกคนเหน็ ชอบดว้ ย
ฎ.5184/2546 ท่ดี นิ กรรมสทิ ธิร์ วมมวี ตั ถุประสงค์ใช้เป็นทางเขา้ ออกสู่ทางสาธารณะเฉพาะท่ดี นิ
แปลงทแ่ี บ่งแยกมาจากแปลงใหญ่เท่านนั้ จงึ ทาํ กําแพงกนั้ ตลอดแนวมใิ หท้ ด่ี นิ แปลงอ่นื มายงุ่ เกย่ี ว เจา้ ของ
รวมจะขอเปิดแนวกาํ แพงรวั้ ใหท้ ด่ี นิ แปลงอ่นื ทเ่ี ป็นของผถู้ อื กรรมสทิ ธริ ์ วมแต่ไมไ่ ดแ้ บง่ แยกมาจากแปลงใหญ่
ไมไ่ ด้ เพราะเป็นการเปลย่ี นวตั ถุประสงคซ์ ง่ึ เจา้ ของรวมทุกคนตอ้ งเหน็ ชอบ
ฎ.6080/2540 ไม่มกี ฎหมายใดบญั ญตั ใิ หเ้ จา้ ของรวมตอ้ งครอบครองสงั หาฯทต่ี นมกี รรมสทิ ธริ ์ วม
โจทกจ์ งึ ไมม่ สี ทิ ธขิ อใหจ้ าํ เลยซง่ึ เป็นเจา้ ของรวมทค่ี รอบครองอยสู่ ง่ มอบการครอบครองสงั หาฯแกโ่ จทก์
ม.1359 “เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ อาจใช้สิทธิอนั เกิดแต่กรรมสิทธ์ิครอบไปถึงทรพั ย์สิน

ทงั้ หมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอก แต่ในการเรียกร้องเอาทรพั ยค์ ืนนัน้ ท่านว่าต้องอย่ใู นบงั คบั แห่ง

เง่ือนไขท่ีระบไุ ว้ใน ม.302 แห่งประมวลกฎหมายนี้”

ตอ้ งอย่ภู ายใตบ้ งั คบั ม.302 คอื ตอ้ งเพ่อื ประโยชน์แก่เจา้ ของรวมหมดทุกคน และขอ้ ความจรงิ ใด
เกย่ี วถงึ เจา้ ของรวมคนหน่ึง บุคคลภายนอกจะยกขน้ึ ต่อสใู้ หเ้ ป็นคณุ หรอื โทษแกเ่ จา้ ของรวมคนอ่นื มไิ ด้

ฎ.298/2508 ผลแห่งคดที เ่ี จา้ ของรวมคนหน่ึงเป็นดจทก์ฟ้องจงึ ต้องผูกพนั เจา้ ของรวมคนอ่นื ดว้ ย
ฉะนนั้ ถา้ เจา้ ของรวมคนอ่นื มาฟ้องใหมอ่ กี จงึ เป็นฟ้องซ้าํ

ม.1360 “เจ้าของรวมคนหน่ึงๆ มีสิทธิใช้ทรพั ยส์ ินได้ แต่การใช้นัน้ ต้องไม่ขดั ต่อสิทธิแห่ง

เจ้าของรวมคนอ่ืนๆ
ท่านให้สนั นิ ษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าอขงรวมคนหน่ึงๆ มีสิทธิได้ดอกผลตามส่วนของตนที่มีใน

ทรพั ยส์ ินนัน้ ”

หมายถงึ การใชป้ ระโยชน์ของตนเอง มใิ ช่นําไปใหผ้ อู้ ่นื ใชห้ รอื นําไปหาผลประโยชน์กําไรส่วนตวั
ตอ้ งเป็นการใชท้ รพั ยส์ นิ ตามสภาพปกตขิ องทรพั ยส์ นิ นนั้ และตอ้ งใหเ้ จา้ ของคนอ่นื ใชส้ อยดว้ ย จะใชส้ อย
แต่คนเดยี วมไิ ด้ (ฎ.221/2482 , 997/2505 อา้ งวา่ เจา้ ของรวมทาํ ละเมดิ มไิ ด)้

ฎ.1366/2510 โจทกจ์ าํ เลยเป็นเจา้ ของรวมทด่ี นิ โจทกจ์ งึ มสี ทิ ธใิ ชท้ ด่ี นิ ในฐานะเจา้ ของรวมคนหน่ึง
จําเลยไม่มสี ทิ ธขิ บั ไล่โจทก์ ฉะนัน้ แมโ้ จทกจ์ ะไม่ออกไปจากทด่ี นิ และเรอื นพพิ าทเม่อื จําเลยบอกใหอ้ อกก็
ไมเ่ ป็นการทาํ ละเมดิ ต่อจาํ เลย

ฎ.267/2538 ใหบ้ ุตรอาศยั ในบา้ นกรรมสทิ ธริ ์ วม แมเ้ จา้ ของรวมคนอ่นื ไม่ยนิ ยอม กไ็ มถ่ อื ว่าเป็น
การขดั สทิ ธแิ ์ หง่ เจา้ ของรวมคนอ่นื นนั้ (แต่ถา้ มใิ ชบ่ ุตรยอ่ มมใิ ช่เป็นการใชท้ รพั ยส์ นิ เพ่อื ประโยชน์ของตนเอง
ตามสภาพปกตแิ ละเป็นการขดั สทิ ธแิ หง่ เจา้ ของรวม (ฎ.7662/2546)

ฎ.1669/2548 การท่เี จา้ ของรวมคนหน่ึงปลูกสรา้ งอาคารในทด่ี นิ กรรมสทิ ธริ ์ วมโดยเลอื กบรเิ วณ
ดา้ นทต่ี ดิ ถนนกเ็ ป็นการขดั สทิ ธแิ หง่ เจา้ ของรวมคนอน่ื ๆ

ม.1361 “เจ้าของคนหน่ึงๆ จะจาํ หน่ายส่วนของตนหรือจาํ นอง หรือก่อให้เกิดภารติดพนั ก็
ได้ แต่ตวั ทรพั ย์สินนัน้ จะจาํ หน่าย จาํ นํา จาํ นอง หรือก่อให้เกิดภารติดพนั ได้ก็แต่ด้วยความ
ยินยอมแห่งเจ้าของรวมทกุ คน

ถ้าเจ้าของรวมคนใด จาํ หน่าย จาํ นํา จาํ นอง หรือก่อให้เกิดภารติดพนั ทรพั ยส์ ิน โดยมิได้
รบั ความยินยอมแห่งเจ้าของรวมทกุ คน แต่ภายหลงั เจ้าของรวมคนนัน้ ได้เป็นเจ้าของทรพั ยส์ ินแต่ผู้
เดียวไซรื ท่านว่านิติกรรมนัน้ เป็นอนั สมบรู ณ์”

ฎ.735/2479 เจา้ ของรวมเอาทด่ี นิ ไปจาํ นองโดยเจา้ ของรวมคนอ่นื มไิ ดร้ เู้ หน็ ยนิ ยอม สญั ญาจาํ นอง
ไมผ่ กู พนั สว่ นกรรมสทิ ธขิ ์ องผอู้ ่นื คงใชบ้ งั คบั ไดเ้ ฉพาะสว่ นของผจู้ าํ นอง

ฎ.227/2493 จาํ นองเฉพาะสว่ นของเจา้ ของรวมได้
ฎ.1980/2494 เจ้าของรวมคนหน่ึงขายทด่ี นิ โดยระบุเฉพาะส่วนของตน บอกจํานวนเน้ือท่ไี วช้ ดั
แจง้ มเ่ กนิ กวา่ สว่ นของตน แมเ้ จา้ ของรวมคนอน่ื จะมไิ ดร้ เู้ หน็ ยนิ ยอมการซอ้ื ขายกส็ มบรู ณ์
มสี ทิ ธิ จําหน่าย จํานอง หรอื ก่อให้เกดิ ภารติดพนั ทรพั ย์สนิ รวมแต่เฉพาะส่วนของตนได้ แต่จะ
จาํ หน่าย จาํ นํา จาํ นอง หรอื กอ่ ภารฯทงั้ หมดมไิ ดเ้ วน้ แต่จะไดร้ บั ความยนิ ยอมหมดทกุ คน
ฎ.1232/2491 , 1135/2496 เจ้าของรวมทําสญั ญาแบ่งขายท่ดี นิ ท่ตี นมกี รรมสทิ ธริ ์ วมใหแ้ ก่ผูอ้ ่นื
โดยเจา้ ของรวมคนอ่นื มไิ ดร้ เู้ หน็ ยนิ ยอมดว้ ย ดงั น้ีผซู้ อ้ื จะขอใหบ้ งั คบั ตามสญั ญามไิ ด้ ถา้ เป็นการขายทด่ี นิ
ทงั้ แปลงโดยเจา้ ของรวมมไิ ดย้ นิ ยอมดว้ ยแลว้ แมเ้ จา้ ของรวมคนทม่ี ไิ ดย้ นิ ยอมจะฟ้องขอใหเ้ พกิ ถอนการซอ้ื
ขายทด่ี นิ ทงั้ แปลง ศาลจะใหเ้ พกิ ถอนเฉพาะสว่ นของเจา้ ของรวมคนทม่ี ไิ ดย้ นิ ยอมเทา่ นนั้
อาจยนิ ยอมโดยชดั แจง้ หรอื โดยปรยิ ายกไ็ ด้
ฎ.591/2508 โจทก์และจําเลยเป็นเจา้ ของรวมในทน่ี าพพิ าทอนั เป็นท่ดี นิ มอื เปล่า จําเลยไปแจง้
การครอบครองเป็นของจาํ เลยแต่ผเู้ ดยี ว และย่นื คาํ รบั รองทาํ ประโยชน์กบั ทาํ นิตกิ รรมขายฝาก โจทกร์ แู้ ต่
น่ิงเสยี ไมค่ ดั คา้ น แสดงวา่ โจทกใ์ หจ้ าํ เลยแสดงตนเป็นเจา้ ของนานนั้ แต่ผเู้ ดยี วโดยยนิ ยอมใหจ้ าํ เลยขายฝาก
ทพ่ี พิ าท การขายฝากจงึ ผกู พนั โจทกต์ าม ม.1361 ว.2 (ฎ.1608/2512)
ม.1363 “เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ มีสิทธิเรียกให้แบ่งทรพั ยส์ ินได้ เว้นแต่จะมีนิ ติกรรมขดั อยู่

หรือถ้าวตั ถปุ ระสงคท์ ี่เป็นเจ้าของรวมกนั นัน้ มีลกั ษณะเป็นการถาวรกเ็ รียกให้แบง่ ไม่ได้
สิทธิเรียกให้แบง่ ทรพั ยส์ ินนัน้ ท่านว่าจะตดั โดยนิติกรรมเกินคราวละ 10 ปี ไมไ่ ด้
ท่านว่าเจ้าของรวมจะเรียกให้แบง่ ทรพั ยส์ ินในเวลาท่ีเป็นโอกาสอนั ควรไมไ่ ด้”

มสี ทิ ธเิ รยี กให้เจ้าของรวมคนใดคนหน่ึงแบ่งทรพั ย์สนิ ได้โดยไม่ต้องฟ้องผูม้ กี รรมสทิ ธริ ์ วมทุกคน
เพยี งมขี อ้ จาํ กดั การขอแบง่ ดงั น้ี

(ก) เมอ่ื มนี ิตกิ รรมระหวา่ งเจา้ ของรวมดว้ ยกนั ทจ่ี ะแบ่งมไิ ดไ้ มเ่ กนิ 10 ปี เมอ่ื ครบแลว้ จะทาํ นิตกิ รรม
หา้ มแบ่งต่อไปอกี ไดค้ ราวละไมเ่ กนิ 10 ปี

(ข) เมอ่ื วตั ถุประสงคข์ องการเป็นเจา้ ของรวมนนั้ เป็นการถาวร
(ค) เมอ่ื ยงั ไมถ่ งึ โอกาสอนั ควร เชน่ ซอ้ื ทด่ี นิ เพอ่ื ทาํ สวนผลไม้ พอลงมอื ปลกู กข็ อแบง่ ทนั ที
** การฟ้องขอแบ่งกรรมสทิ ธริ ์ วม จําเป็นต้องฟ้องเจา้ ของรวมทุกคนเป็นจําเลยหรอื ไม่ ศาลฎีกา
วนิ ิจฉยั เป็น ๒ แนว คอื แนวแรก ตอ้ งฟ้องเจา้ ของรวมทกุ คน
ฎ.5/2538 โจทกฟ์ ้องขอใหศ้ าลพพิ ากษาใหจ้ าํ เลยสง่ มอบโฉนดทด่ี นิ ใหแ้ ก่เจา้ พนกั งานทด่ี นิ และให้
จาํ เลยใหค้ วามยนิ ยอมในการรงั วดั แบ่งแยกกรรมสทิ ธริ ์ วม เม่อื ขอ้ เทจ็ จรงิ ไดค้ วามวา่ ทด่ี นิ พพิ าทเป็นทรพั ย์
มรดกซง่ึ มที ายาทคนอ่นื นอก จากโจกทจ์ ําเลยเป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ย แต่โจกทฟ์ ้องขอใหจ้ ําเลยผเู้ ดยี ว
แบ่งแยกทด่ี นิ พพิ าทใหแ้ ก่โจทก์ การกําหนดสว่ นแบ่งตามคาํ ขอของโจกทอ์ าจกระทบถงึ สทิ ธขิ องทายาทคน
อน่ื ซง่ึ มไิ ดเ้ ขา้ มาในคดไี ด้ คาํ ขอของโจทกจ์ งึ ไมอ่ าจบงั คบั ได้ ศาลยอ่ มพพิ ากษายกฟ้อง
แนวสอง ไมจ่ าํ ตอ้ งฟ้องเจา้ ของรวมทกุ คน
ฎ.8121/2540 ป.พ.พ.มาตรา 1363 บญั ญตั ใิ หเ้ จา้ ของรวมคนหน่ึงๆ มสี ทิ ธเิ รยี กใหแ้ บ่งทรพั ยส์ นิ ได้
โดยมติ อ้ งบงั คบั ใหเ้ จา้ ของรวมผปู้ ระสงคจ์ ะใหแ้ บ่งทรพั ยส์ นิ ตอ้ งฟ้องผมู้ ี กรรมสทิ ธริ ์ วมทุกคน เมอ่ื ไมป่ รากฏ
ว่ามนี ิตกิ รรมขดั อยู่ ทงั้ วตั ถุประสงคท์ เ่ี ป็นเจา้ ของรวมกไ็ ม่มลี กั ษณะเป็นการถาวร โจทก์ในฐานะทเ่ี ป็น
เจา้ ของรวมกบั จาํ เลยและบุคคลอ่นื อกี จงึ มสี ทิ ธเิ รยี กขอให้ แบง่ ทด่ี นิ พพิ าทดงั กลา่ วใหแ้ ก่ตนได้
ม.1364 “การแบ่งทรพั ยส์ ินพึงกระทาํ โดยแบ่งทรพั ยส์ ินนัน้ เองระหว่างเจ้าของรวม หรือโดย
ขายทรพั ยส์ ินแล้วเอาเงินที่ขายได้แบง่ กนั
ถ้าเจ้าของรวมไม่ตกลงกนั ว่าจะแบ่งทรพั ยส์ ินอย่างไรไซร์ เม่ือเจ้าของรวมคนหนึ่งคนใดขอ
ศาลอาจสงั่ ให้เอาทรพั ยส์ ินนัน้ ออกแบง่ ถ้าส่วนที่แบง่ ให้ไม่เท่ากนั ไซร้จะสงั่ ให้ทดแทนกนั เป็นเงินก็

ได้ ถ้าการแบ่งเช่นว่านี้ไม่อาจทาํ ได้ หรือจะเสียหายมากนักกด็ ี ศาลจะสงั่ ให้ขายโดยประมูลราคา

กนั ระหว่างเจ้าของรวม หรือขายทอดตลาดกไ็ ด้”

หน้าทข่ี องเจา้ ของรวมต่อเจา้ ของรวมดว้ ยกนั
ม.1362 “เจ้าของรวมคนหน่ึงๆ จาํ ต้องช่วยเจ้าของรวมคนอื่นๆตามส่วนของตนในการออก
ค่าจดั การ ค่าภาษีอากร และค่ารกั ษากบั ทงั้ ค่าใช้ทรพั ยส์ ินรวมกนั ด้วย”

แต่ถา้ เป็นคา่ ใชจ้ ่ายอนั เกดิ จากความผดิ หรอื การกระทาํ ของเจา้ ของรวมคนใดแต่ผเู้ ดยี ว โดยคนอ่นื
มไิ ดย้ นิ ยอมดว้ ยคา่ ใชจ้ า่ ยนนั้ จะใหผ้ อู้ น่ื รบั ผดิ ดว้ ยมไิ ด้

ม.1365 “ถ้าเจ้าของรวมต้องรบั ผิดร่วมกนั ต่อบุคคลภายนอกในหนี้อนั เก่ียวกบั ทรพั ยส์ ิน
รวม หรือในหนี้ซึ่งได้ก่อขึ้นใหม่เพื่อชาํ ระหนี้เดิมดงั ว่านัน้ กด็ ี ในเวลาแบ่ง เจ้าของรวมคนหนึ่งๆ
จะเรียกให้เอาทรพั ยส์ ินรวมนัน้ ชาํ ระหนี้เสียก่อนหรอื ให้เอาเป็นประกนั กไ็ ด้

ถ้าเจ้าของรวมคนหน่ึงต้องรบั ผิดต่อเจ้าของรวมคนอื่นในหนี้ซ่ึงเกิดจากการเป็นเจ้าของรวม
หรือในหนี้ซึ่งได้ก่อขึ้นใหม่เพื่อชาํ ระหนี้เดิมดงั ว่านัน้ กด็ ี ในเวลาแบ่งเจ้าของรวมผ้เู ป็ นเจ้าหนี้จะ
เรียกให้เอาส่วนซ่ึงจะได้แก่ลูกหนี้ของตนในทรพั ย์สินรวมนัน้ ชําระหนี้เสียก่อนหรือให้เอาเป็ น
ประกนั กไ็ ด้

สิทธิที่กล่าวมาข้างต้นนี้อาจใช้แก่ผรู้ บั โอนหรอื ผสู้ ืบกรรมสิทธ์ิ ในส่วนของเจ้าของรวมนัน้
ถา้ จาํ เป็นจะต้องขายทรพั ยส์ ินรวมไซร์ ท่านให้นําบทบญั ญตั ิมาตราก่อนมาใช้บงั คบั ”
ม.1366 “เจ้าของรวมคนหน่ึงๆ ตอั งรบั ผิดตามส่วนของตนเช่นเดียวกบั ผ้ขู ายในทรพั ยส์ ิน
ซึ่งเจ้าของรวมคนอ่ืนๆ ได้รบั ไปในการแบง่ ”
คอื เป็นเรอ่ื งขาดตกบกพรอ่ ง ล้าํ จาํ นวน ชาํ รดุ บกพรอ่ ง รอนสทิ ธิ
เป็นเรอ่ื งแบ่งทรพั ยส์ นิ รวมกนั แลว้ เจา้ ของรวมแต่ละคนยงั มหี น้าทต่ี อ้ งรบั ผดิ ต่อเจา้ ของรวมคนอ่นื
ในสว่ นแบ่งทร่ี บั ไปเสมอื นเป็นผขู้ าย

สิทธิครอบครองและครอบครองปรปักษ์
ม.1367 “บุคคลใดยึดถือทรพั ยส์ ินโดยเจตนาจะยึดถือเพ่ือตน ท่านว่าบุคคลนัน้ ได้ซ่ึงสิทธิ
ครอบครอง”
สทิ ธคิ รอบครองเป็นสทิ ธสิ ว่ นหน่ึงของกรรมสทิ ธิ ์ และเป็นรองจากกรรมสทิ ธิ ์
การไดส้ ทิ ธคิ รอบครองจะตอ้ งประกอบดว้ ยหลกั เกณฑ์ 2 ประการ
ก. การยดึ ถอื ทรพั ยน์ นั้ แต่ไมจ่ าํ เป็นจะตอ้ งยดึ ถอื หรอื ครอบครองดว้ ยตนเอง
ม.1368 “บคุ คลอาจได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยผอู้ ื่นยึดถือไว้ให้”
ข. เจตนายดึ ถอื ทรพั ยส์ นิ นนั้ ไวเ้ พอ่ื ตน แต่หาจาํ เป็นทจ่ี ะตอ้ งมเี จตนาจะเป็นเจา้ ของทรพั ยส์ นิ นนั้ ไม่
ฎ.1076-1079/2510 ผูไ้ ม่มสี ทิ ธใิ นท่ดี นิ แมจ้ ะไปแจง้ การครอบครองจนได้ สค.1 และได้รบั นส.3
แลว้ กไ็ มก่ ่อใหเ้ กดิ สทิ ธคิ รอบครองในทด่ี นิ นนั้ ผทู้ ซ่ี อ้ื โดยสุจรติ และจดทะเบยี นแลว้ กไ็ มไ่ ดส้ ทิ ธคิ รอบครอง
ในทด่ี นิ นนั้
ฎ.1719/2514 การแจง้ การครอบครองทด่ี นิ ต่อนายอาํ เภอ (แจง้ สค.1) หาใช่เป็นขอ้ สนั นิษฐานของ
กฎหมายวา่ ผแู้ จง้ การครอบครองเป็นผมู้ สี ทิ ธใิ นทด่ี นิ นนั้ เสมอไปไม่
อยา่ งไรจงึ จะถอื วา่ ยดึ ไวเ้ พอ่ื ตนนนั้ ยอ่ มแลว้ แต่ขอ้ เทจ็ จรงิ และพฤตกิ ารณ์เป็นเรอ่ื งๆไป
ม.1369 “บคุ คลใดยึดถอื ทรพั ยส์ ินไว้ ท่านให้สนั นิษฐานไว้ก่อนว่าบคุ คลนัน้ ยึดถือเพื่อตน”
ฎ.859/2481 ,870/2486 , 1208/2491 , 1969/2494 กูเ้ งนิ แลว้ มอบท่ดี นิ มอื เปล่าใหเ้ จา้ หน้ีทํากนิ
ต่างดอกเบย้ี โดยสญั ญาวา่ ถา้ ไมช่ าํ ระภายในกาํ หนดยอมใหผ้ ใู้ หก้ ูเ้ อาทด่ี นิ ไวโ้ ดยผกู้ ูไ้ มเ่ กย่ี วขอ้ ง ดงั น้ีถา้ ไม่
ชาํ ระหน้ีตามกาํ หนดถอื วา่ ผใู้ หก้ ไู้ ดค้ รอบครองทน่ี าเพอ่ื ตนแลว้ เมอ่ื เกนิ 1 ปี ผกู้ จู้ งึ ฟ้องเรยี กคนื มไิ ด้
ฎ.1005/2481 ท่ีอ้างว่าได้สิทธิครอบครองทรพั ย์สินนัน้ จะต้องปรากฎว่าได้ครอบครองททํา
ประโยชน์เหมาะสมกบั สภาพของทรพั ยส์ นิ และอตั ภาพของตน

ฎ.1015/2507 , 268/2508 ครอบครองทพ่ี พิ าทในระหวา่ งเป็นความกนั จะอา้ งว่ายดึ ถอื เพอ่ื ตนมไิ ด้
แม้ศาลฎีกาพพิ ากษาแล้วจะยงั คงครอบครองต่อมาก็เป็นการครอบครองสบื ต่อมาในระหว่างคดี ถือว่า
ครอบครองแทนผชู้ นะคดไี มไ่ ดส้ ทิ ธคิ รอบครอง เวน้ แต่จะบอกกลา่ วเปลย่ี นลกั ษณะการยดึ ถอื ตาม ม.1381

ฎ.3330/2525 การครอบครองทรพั ญ์มรดกในฐานะทายาทและฐานะผูจ้ ดั การมรดก ถอื เป็นการ
ครอบครองแทนทายาทอ่นื ดว้ ยจะยกอายคุ วามตาม ม.1754 มาใชม้ ไิ ด้

ฎ.4344-4350/2532 กระทรวงมหาดไทยจดั สรรทด่ี นิ ใหจ้ าํ เลย โจทกแ์ ยง่ การครอบครองทด่ี นิ นนั้ ใน
ระหว่างทท่ี างราชการดําเนินการเพ่อื ออกหลกั ฐานเก่ยี วกบั สทิ ธใิ นทด่ี นิ ใหจ้ าํ เลย ดงั น้ีถอื ว่าเป็นการยดึ ถอื
ครอบครองทด่ี นิ ของรฐั ตอ้ งหา้ มตาม ป.ทด่ี นิ ม.9 แมโ้ จทกจ์ ะครอบครอง มานานเพยี งใดกไ็ มม่ อี าํ นาจฟ้อง
หา้ มจาํ เลยเกย่ี วขอ้ งกบั ทด่ี นิ พพิ าท หรอื ใหจ้ าํ เลยถอนคาํ ขอออก นส.3 ก.

ฎ.4343/2539 , 5132/2539 ทด่ี นิ ทม่ี ี นส.3 แลว้ ถอื วา่ เป็นอสงั หาฯทไ่ี ดจ้ ดไวใ้ นทะเบยี นทด่ี นิ
ม.1373 บญั ญตั สิ นั นิษฐานเพยี งแต่ว่าผูม้ ชี ่อื ในทะเบยี นมสี ทิ ธคิ รอบครองเท่านัน้ (ฎ.4084/2545)
หาสนั นิษฐานว่าผูม้ ชี ่อื ในทะเบยี นเป็นผูม้ กี รรมสทิ ธไิ ์ ม่ ซ่งึ ความจรงิ ผูม้ ชี ่อื ในทะเบียนนัน้ ย่อมถือว่าเป็น
เจา้ ของกรรมสทิ ธทิ ์ ด่ี นิ ดงั ม.57 แหง่ ป.ทด่ี นิ อยแู่ ลว้
ทด่ี นิ ทย่ี งั มไิ ดม้ โี ฉนด แมว้ ่าจะทาํ รงั วดั ทาํ แผนทร่ี ะวางแลว้ แต่ยงั มไิ ดอ้ อกโฉนดกย็ งั ไมม่ กี รรมสทิ ธิ ์
ผใู้ ดจะรอ้ งขอเป็นคดไี ม่มขี อ้ พพิ าทใหศ้ าลสงั่ แสดงกรรมสทิ ธติ ์ าม ม.1382 มไิ ด้ (ฎ.271/2499) เพยี งแต่ขอ
ออกโฉนดทด่ี นิ แต่ยงั มไิ ดข้ อรบั โฉนดมา กถ็ อื วา่ มเี พยี งสทิ ธคิ รอบครองเทา่ นนั้ (ฎ.1060/2507)
ม.1381 “บุคคลใดยึดถือทรพั ยส์ ินอยู่ในฐานะเป็ นผ้แู ทน ผ้คู รอบครองบุคคลนัน้ จะเปลี่ยน
ลกั ษณะแห่งการยึดถือได้กแ็ ต่โดยบอกกล่าวไปยงั ผ้คู รอบครองว่า ไม่เจตนาจะยึดถือทรพั ยส์ ิน
แทนผ้คู รอบครองต่อไปหรือตนเองเป็ นผ้ถู ือครอบครองโดยสุจริต อาศยั อาํ นาจใหม่อนั ได้จาก

บคุ คลภายนอก

ผคู้ รอบครองตาม ม.น้ี หมายถงึ ผมู้ สี ทิ ธคิ รอบครอง
การบอกกล่าวจะด้วยวาจา หรอื หนังสอื หรอื อากปั กริ ยิ าอย่างใดอนั แสดงใหร้ ูว้ ่าได้เปล่ียนการ
ยดึ ถอื เชน่ เชา่ ท่ี เมอ่ื เจา้ ของทน่ี ํารงั วดั ออกโฉนด ผเู้ ชา่ คดั คา้ น (ฎ.696-700/2493)
ผใู้ หก้ นู้ ําทด่ี นิ ของผกู้ นู้ ํามาเป็นประกนั และใหท้ าํ กนิ ต่างดอกเบย้ี ไปแจง้ การครอบครองตามแบบ สค.
1 ว่าเป็นของตนเสยี นัน้ ยงั ถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปล่ยี นลกั ษณะแห่งการยดึ ถือ (ฎ.
1975/2506)
ฎ.1054/2519 การท่บี ุคคลผู้ยดึ ถือท่ดี นิ แทนผูค้ รอบครองไดข้ อออก นส.3 สําหรบั ท่ดี นิ นัน้ แม้
เจา้ ของทด่ี นิ นัน้ ไปคดั คา้ นต่ออําเภอ กย็ งั ถอื ไม่ไดว้ ่าผูย้ ดึ ถอื ไวแ้ ทนไดเ้ ปล่ยี ลกั ษณะแห่งการยดึ ถอื ทงั้ น้ี
เพราะวา่ ผยู้ ดึ ถอื ไวแ้ ทนมใิ ชเ่ ป็นผบู้ อกกลา่ วเปลย่ี นการยดึ ถอื ใหเ้ จา้ ของทด่ี นิ ทราบ
ฎ.4050/2533 โจทก์จําเลยต่างครอบครองท่ดี นิ ร่วมกนั แม้ต่อมาโจทก์ไม่ได้ครอบครองแต่ให้
จําเลยครอบครองกถ็ อื ว่าจําเลยครอบครองแทนโจทก์ การทจ่ี ําเลยเป็นผูน้ ําสํารวจเขตเพ่อื เสยี ภาษีบํารุง
ทอ้ งท่ี และเป็นผอู้ อกเงนิ คา่ ภาษบี าํ รงุ ทอ้ งทไ่ี มถ่ อื เป็นการบอกกลา่ วเปลย่ี นลกั ษณะแหง่ การยดึ ถอื

ฎ.2065/2533 จําเลยทําสญั ญาขายฝากท่ี นส.3 เม่อื ครบกําหนดจําเลยยงั ครอบครองตลอดมา
โจทก์ขอให้จําเลยทําสญั ญาเช่า จําเลยไม่ทําและต่อมาได้ร้องเรยี นขอความเป็นธรรมจากทางราชการ
เกย่ี วกบั การขายฝาก ถอื วา่ จาํ เลยโตแ้ ยง้ การครอบครองและไดบ้ อกกลา่ วเปลย่ี นลกั ษณะแหง่ การยดึ ถอื แลว้
โจทกฟ์ ้องเกนิ 1 ปีนบั แต่วนั ทาํ สญั ญาขายฝากครบกาํ หนด จงึ ไมม่ อี าํ นาจฟ้อง

ฎ.4762/2536 ทด่ี นิ มอื เปล่า โจทกเ์ ป็นผซู้ อ้ื ประทานบตั รเหมอื งแร่ ซง่ึ ใหส้ ทิ ธแิ ก่โจทกไ์ ดส้ ทิ ธติ าม
ผวิ ดนิ ท่จี ะทําเหมอื งแร่เท่านัน้ บ.ผูไ้ ด้ประทายบตั รทําเหมอื งแร่ในท่ดี นิ พพิ าทหาไดโ้ อนสทิ ธคิ รอบครอง
ใหแ้ ก่โจทกไ์ มส่ ทิ ธคิ รอบครองยงั เป็นของ บ. เจา้ ของเดมิ หรอื ทายาทผสู้ บื สทิ ธทิ างมรดกสบื ต่อกนั มา การท่ี
จําเลยไปสอบเขตและโจทก์คดั ค้านว่าโจทก์ครอบครองท่ดี นิ อย่างเป็นเจ้าของโดยไม่ได้อาศยั สทิ ธิอ่นื ใด
นอกเหนือจากสทิ ธติ ามประทานบตั รเหมอื งแร่ ซง่ึ มสี ทิ ธทิ จ่ี ะเกบ็ ประโยชน์ไดจ้ ากพน้ื ผวิ ดนิ เทา่ นนั้ จะถอื วา่
คาํ คดั คา้ นของโจทกเ์ ปลย่ี นลกั ษณะแหง่ การยดึ ถอื ไมไ่ ด้

ฎ.4548/2532 ผูร้ อ้ งทงั้ 4 และ ส. เป็นเจา้ ของท่ดี นิ มโี ฉนดและไดค้ รอบครองร่วมกนั มา เม่อื ส.
ตาย ผรู้ อ้ งท่ี 1 ไดเ้ ลย้ี งดบู ุตรของ ส. ผเู้ ยาว์ โดยความรเู้ หน็ ของผรู้ อ้ งท่ี 2-4 จงึ ถอื ว่าผรู้ อ้ งทงั้ 4 ครอบครอง
ทด่ี นิ รวมถงึ ทน่ี าของ ส. ไวแ้ ทนบุตรของ ส. เม่อื บุตรของ ส. ไดห้ นีไป และไม่ปรากฏว่าผรู้ อ้ งทงั้ 4 เปลย่ี น
ลกั ษณะการยดึ ถอื ดงั นนั้ แมผ้ รู้ อ้ งจะครอบครองทด่ี นิ มาถงึ 10 ปี กม็ ไิ ดก้ รรมสทิ ธิ ์

ฎ.2617/2536 จําเลยเป็นหลานของ ล. อาศยั สทิ ธขิ อง ล. เขา้ ทํากนิ ในท่ี เม่อื ล.ตาย จําเลยมไิ ด้
แจง้ ใหท้ ายาทของ ล. วา่ ครอบครองเพอ่ื ตน ตอ้ งถอื วา่ จาํ เลยครอบครองแทนทายาทของ ล. แมศ้ าลมคี าํ สงั่
วา่ จาํ เลยไดก้ รรมสทิ ธโิ ์ ดยการครอบครองปรปกั ษ์ คาํ สงั่ ศาลกไ็ มผ่ กู พนั โจทกซ์ ง่ึ ไมใ่ ชค่ คู่ วามในคดนี นั้

ฎ.1307/2509 จาํ เลยคดั คา้ นวา่ รงั วดั ทบั ทน่ี าของจาํ เลยเม่อื โจทกร์ บั ทราบคาํ คดั คา้ นของจาํ เลยแลว้
ถอื ไดว้ า่ จาํ เลยไดบ้ อกกลา่ วไปยงั โจทกโ์ ดยตรงวา่ ไมเ่ จตนาจะยดึ ถอื ทแ่ี ทนโจทก์

การบอกกล่าวควรจะตอ้ งบอกโดยตรงต่อผมู้ สี ทิ ธคิ รอบครอง แต่ถา้ เป็นการบอกกลา่ วต่อผอู้ ่นื หาก
ผมู้ สี ทิ ธคิ รอบครองไดท้ ราบแลว้ กถ็ อื วา่ ไดม้ กี ารบอกกล่าวต่อผมู้ สี ทิ ธคิ รอบครองแลว้

การบอกกล่าวแก่ตวั แทน สามหี รอื ภรยิ า เจา้ ของรวมคนใดคนหน่ึง ยอ่ มเพยี งพอทจ่ี ะถอื ว่าไดบ้ อก
กล่าวโดยตรงต่อผมู้ สี ทิ ธคิ รอบครองแลว้ (ฎ.3962/2533)

การครอบครองโดยสุจรติ อาศยั อาํ นาจใหม่จากบุคคลภายนอก เชน่ ก.ครอบครองทด่ี นิ มอื เปล่าแทน
ข. ต่อมา ค. นํา สค.1 มาแสดงวา่ ข.ขายทใ่ี ห้ ค. แลว้ ก.เช่อื วา่ เป็นความจรงิ จงึ ซอ้ื ทน่ี านนั้ จาก ค. ดงั น้ี นบั
แต่นนั้ ตอ้ งถอื วา่ ก. ครอบครองเพอ่ื ตนแลว้

สทิ ธกิ ารครอบครองมกี ฎหมายสนั นิษฐานเป็นคณุ แก่ผมู้ สี ทิ ธคิ รอบครองอยหู่ ลายมาตรา คอื
ม.1370 “ผคู้ รอบครองนัน้ ท่านให้สนั นิษฐานไว้ก่อนว่าครอบครองโดยสจุ ริตด้วยความสงบ

และโดยเปิ ดเผย”

ม.1371 “ ถา้ พิสจู น์ได้ว่าบคุ คลใดครอบครอง ทรพั ยส์ ินเดียวกนั 2 คราว ท่านให้สนั นิษฐาน

ไว้ก่อนว่าบคุ คลนัน้ ได้ครอบครองติดต่อกนั ตลอกเวลา”

ม.1372 “สิทธิซ่ึงผคู้ รอบครองใช้ในทรพั ยส์ ินท่ีครอบครองนัน้ ท่านให้สนั นิษฐานไว้ก่อนว่า
เป็นสิทธิซึ่งผคู้ รอบครองมีตามกฎหมาย”

ม.1370 และ 1372 ผูค้ รอบครอง หมายถึง ผู้มสี ทิ ธิครอบครอง มใิ ช่ผู้ครอบครองท่เี พยี งแต่ยดึ
ทรพั ยส์ นิ ไวเ้ ฉยๆ โดยขาดเจตนายดึ ถอื เพอ่ื ตน

ม.1370 หาไดส้ นั นิษฐานต่อไปวา่ ผคู้ รอบครองนนั้ เจตนาครอบครองยดึ ถอื อยา่ งเป็นเจา้ ของดว้ ยไม่
ผลของการมีสิทธิครอบครอง
1. ผู้มีสิทธิครอบครองมีสิทธิให้ปลดเปลื้องการรบกวนการครอบครองโดยมิชอบด้วย

กฎหมาย
ม..1374 “ถ้าผู้ครอบครองถกู รบกวนในการครอบครองทรพั ย์สิน เพราะมีผู้สอดเข้า

เกี่ยวข้องโดยมิชอบด้วยกฎหมายไซร้ ท่านว่าผคู้ รอบครองมีสิทธิจะให้ปลดเปลือ้ งการรบกวนนัน้ ได้
ถา้ เป็นที่น่าวิตกว่าจะยงั มีการรบกวนอีก ผคู้ รอบครองจะขอต่อศาลให้สงั่ ห้ามกไ็ ด้

การฟ้ องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนนัน้ ท่านว่าต้องฟ้ องภายในปี หน่ึ งนับแต่เวลาถูก

รบกวน”

ฎ.103/2511 การทส่ี ามจี ําเลยเคยรอ้ งเรยี นต่อนายอําเภอว่าโจทก์บุกรุกท่ดี นิ และเม่อื สามจี ําเลย
ตาย จําเลยกย็ งั แสดงสทิ ธโิ ดยขอใหโ้ จทกอ์ อกไปจากทด่ี นิ กถ็ อื วา่ เป็นการโตแ้ ยง้ สทิ ธแิ ลว้ โจทกจ์ งึ ชอบจะ
เสนอคดเี พอ่ื ขจดั ขอ้ โตแ้ ยง้ และแสดงสทิ ธขิ องโจทกไ์ ด้

ระยะเวลาตาม ม.1374 มใิ ช่อายุความตามม.193/9 เหตุน้ีแมจ้ ะไดม้ กี ารดาํ เนินคดอี าญาฐานบุกรุก
กจ็ ะนํา ปวอิ .ม.51 ว.2 มาใชบ้ งั คบั ไมไ่ ด้ (ฎ.5526-5528/2538)

ฎ.1646/2505 เกย่ี วกบั ระยะเวลาฟ้องคดเี อาคนื ตามม.1374 เม่อื โจทกม์ ไิ ดฟ้ ้องภายใน 1 ปี ศาล
ชอบจะยกฟ้องเสยี ได้ แมจ้ าํ เลยจะมไิ ดย้ กมาตราน้ีเป็นขอ้ ต่อสกู้ ต็ าม

2. ผมู้ ีสิทธิครอบครองมีสิทธิเรียกร้องเอาการครอบครองคืนจากผทู้ ่ีแย่งการครอบครองโดย
มิชอบ

ม.1375 “ถ้าผ้คู รอบครองถกู แย่งการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายไซร้ ท่านว่าผู้
ครอบครองมีสิทธิจะได้คืนซ่ึงการครอบครอง เว้นแต่อีกฝ่ ายหน่ึงมีสิทธิเหนือทรพั ยส์ ินดีกว่าซึ่งจะ

เป็นเหตใุ ห้เรียกคืนจากผคู้ รอบครองได้
การฟ้ องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองนัน้ ท่านว่าต้องฟ้ องภายในปี หน่ึงนัแต่เวลาถกู

แย่งการครอบครอง”

เป็นเร่อื งแย่งการครอบครองหรอื แย่งตวั ทรพั ยส์ ่วน ม.1374 เป็นเร่อื งการรบกวนการครอบครอง
เป็นคนละเรอ่ื งกนั (ฎ.2044/2541)

การครอบครองตามม.น้ี หมายถงึ ผมู้ สี ทิ ธคิ รอบครอง


Click to View FlipBook Version