The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Unit_4_การเขียนเพื่อการสื่อสาร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pp.biplu, 2022-07-09 08:53:57

Unit_4_การเขียนเพื่อการสื่อสาร

Unit_4_การเขียนเพื่อการสื่อสาร

28

เฉลยใบงานที่ 3.1 การเขยี นพรรณนา

ชอ่ื -สกลุ ................................................................................ช้ัน....................เลขที่................

คำชีแ้ จง ให้นักเรียนนาํ คาํ ที่กําหนดให้ ไปเขยี นเตมิ ลงในช่องว่างให้เปน็ ข้อความเชิงพรรณนาได้อยา่ ง
เหมาะสม

มาลัยร้อย กระแสธารไหล จติ รกรเอก บนผนื ผ้าใบ นา่ หลงใหล
ดวงตะวนั ทอแสง เป็นฟองฝอย ชน้ั แลว้ ชัน้ เลา่ แสงกะพรบิ เสยี งดนตรี

เสยี งกระแสธารไหลจากยอดภูผาอันสงู ใหญ่กระทบโขดหนิ ชัน้ แล้วชั้นเลา่
บางตอนก็พงุ่ ลงมาจากหนา้ ผาสงู ล่ิวบางตอนก็ไหลเรือ่ ยไปตามซอกหินลดเล้ยี ว
ซง่ึ ไม่สงู มากนักลงส่แู อ่งน้ำด้านล่าง ด้วยเสียงอันดงั กึกก้อง ดอกไมป้ า่ หลากสีร่วง
จากตน้ ลอยละล่ิวสพู่ ้ืนน้ำเรียงเป็นสายคลา้ ยมาลัยรอ้ ยดว้ ยธรรมชาติ

ผีเสอ้ื แสนสวยกลมุ่ ใหญ่ บา้ งบนิ วอ่ น บา้ งเกาะอยตู่ ามโขดหิน แต่งแต้มสีสัน ของผืน
ปา่ ไดส้ วยงามราวจติ รกรเอกกําลังบรรจงระบายสีบนผนื ผา้ ใบ

เสียงนกหลายพนั ธ์ุสง่ เสียงรอ้ งกู่ก้องทวั่ พฤกษไ์ พร ประดุจเสียงดนตรีขับกลอ่ ม ท่ี
บรรเลงโดยนักดนตรีฝมี อื เย่ียมอย่างนา่ หลงใหล

ฉันยนื อย่ภู ายใต้แผน่ ฟ้ากว้างใหญ่ ทา่ มกลางเสียงขบั ขานของพงไพร ซ่ึงมี
สายลมพดั พลวิ้ อยูเ่ ปน็ ระยะ ๆ ดวงตะวนั ทอแสงรำไรผา่ นหม่แู มกไม้กระทบผืนน้ำ
ท่แี ตกเปน็ ฟองฝอย เป็นประกายระยบิ ระยับประดจุ แสงกะพรบิ ของดวงดาวในยาม
คำ่ คนื

ท่ีมา : หนังสอื เรียน รายวิชาเพม่ิ เตมิ การเขียน ๒ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔-๖
กลมุ่ สาระการเรีนรูภ้ าษาไทย ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษา

ขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ หนา้ ๒๖.

29

ใบงานท่ี 3.2 พรรณนาก่อเกิดจนิ ตนาการ
ช่ือ-สกุล................................................................................ชน้ั ....................เลขที.่ ...............
คำชี้แจง ใหน้ ักเรียนเขยี นพรรณนาอย่างสรา้ งสรรคจ์ ากภาพและเสยี งท่ีกำหนดให้ พร้อมตั้งชอื่ เร่อื ง โดย
กำหนดความยาวไมต่ ่ำกวา่ 5 บรรทดั ใหเ้ วลาทำกิจกรรม 20 นาที

เรือ่ ง............................................................................................
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................. .......................................
........................................................................................... .........................................................................
............................................................................................................................. .......................................
........................................................................................................................................... .........................
............................................................................................................ ........................................................
............................................................................................................................. .......................................
........................................................................................................................................... .........................
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................. .......................................
................................................... ........................................................................................ .........................

30

ตัวอย่างการเขยี นพรรณนา

“ ความสุขของคนรอบข้าง คือความสุขของเราดว้ ย ?”
สวนลอยฟ้าบนชัน้ เกา้ สวยงามเหลือเช่อื จริง ๆ แทบจะดู ไมอ่ อกวา่ อยบู่ นยอดตึกกลางกรุง
กะทิก้าวออกจากลิฟต์ พร้อมกบั น้ากันต์ สระว่ายนำ้ สีฟา้ ใสปรากฏอย่ตู รงหนา้ เกา้ อ้ยี าว
ปูเบาะสีขาวต้งั ไวเ้ ปน็ ระยะ ร่มลายร้วิ ฟา้ ขาวกางก้นั บังแดดอยู่ตามมุมต่าง ๆ ทางเดนิ
นาํ ไปสศู่ าลาฉลุไม้โปรง่ ตา มเี ถากนั ภยั มหิดลเลือ้ ยพัน อวดดอกสชี มพูขาว

ท่มี า: หนงั สืออ่านนอกเวลา เรือ่ ง ความสุขของกะทิ ของ งามพรรณ เวชชาชวี ะ น. 1

นา่ เสียดายที่ท้องฟ้ากลางกรงุ เตม็ ไปด้วยมลภาวะ จนหมูด่ าวไม่อาจปรากฏให้เห็นไดอ้ ย่างที่
ผูจ้ ดั ตง้ั ใจ แต่กะทิก็สขุ ใจกบั การเฝ้ามองท้องฟ้า กะทิรู้สึกดีและสัญญากับตัวเองว่าจะทำบ่อย ๆ จักรวาล
นก้ี วา้ งใหญ่นกั มนุษยต์ วั จ้อยจะมี อำนาจอะไร เพยี งแหงนมองฟ้ากด็ จู ะปลดศักดา
และความมุ่งหวงั เกินตวั ให้หมดสน้ิ ไปได้ในบัดดล เหลือเพยี งหัวใจดวงเล็ก ๆ ในอกทเี่ ตน้
อยา่ งเจียมเน้ือเจียมตวั และใฝ่หาความสุขตามอตั ภาพ ไม่ต้องการส่งิ ใดที่เปน็ ไปไม่ได้
ไมต่ ้องการสง่ิ ใดท่ีอยไู่ กลตวั

ทมี่ า: หนงั สอื อา่ นนอกเวลา เรือ่ ง ความสุขของกะทิ ของ งามพรรณ เวชชาชวี ะ น. 2

กะทิคดขา้ วใส่ขัน สขี าวๆ ของข้าวสวยเข้ากนั ดีกบั อากาศสดช่นื ยามเช้าแบบนี้
ไออ่นุ จากขันขา้ วในอ้อมแขน แผ่ซ่านทวั่ ทั้งอกและใจที่รัวจังหวะกระช้ันขึ้นเม่อื กะทิ
ออกวิง่ ไปท่านำ้ ตานัง่ อา่ นหนงั สือพมิ พร์ ออยู่แลว้ กับถาดอาหารเหมอื นเคย ไม่นานเสยี งพายกระทบน้ำก็
ดงั ขน้ึ พร้อมกับท่หี ัวเรอื พ้นคุ้งนำ้ ออกมาให้เหน็ สจี ีวรของหลวงลุงเพมิ่ ความสดใสให้บรรยากาศ พ่ีทอง
ลกู ศิษย์ยงิ ฟันขาวมาแต่ไกล ตาบอกว่าพ่ที องน่าไปอยู่คณะตลกชวนยิ้ม ยม้ิ ของพีท่ องเหมือนโรคตดิ ต่อ
ยิม้ ที่ส่งมาจากหวั ใจระรน่ื ต่อสายตรงถงึ ปากและแววตา
แผ่รัศมีเป็นคล่นื รอบ ๆ เหมือนเวลาโยน

ทีม่ า: หนงั สอื อ่านนอกเวลา เรือ่ ง ความสุขของกะทิ ของ งามพรรณ เวชชาชวี ะ น. 13

31

แบบทดสอบก่อน/หลงั เรียน เรื่อง การเขยี นพรรณนา
ประกอบแผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรอื่ ง การเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์

คำชแี้ จง ให้นักเรยี นเลอื กคำตอบท่ีถูกต้องท่สี ุดเพียงขอ้ เดียว
1. การเขียนพรรณนามีจุดเด่นอยา่ งไร

ก. เปน็ การเขยี นแสดงความรู้ ความคิด อย่างต่อเนือ่ ง
ข. เป็นการเขียนให้รายละเอยี ดเพือ่ ให้ผ้อู า่ นเหน็ ภาพชัดเจน
ค. เปน็ การเขียนเลา่ เร่ืองทแ่ี ต่งขน้ึ ตามจนิ ตนาการของผู้เขียน
ง. เป็นการเขียนเล่าข้อเท็จจริงตามเร่อื งทีเ่ ป็นอยู่โดยคำนงึ ถึงความตอ่ เน่ือง
2. ขอ้ ใดเป็นหลักการเขียนพรรณนา
ก. ใชค้ ำหรือกลุ่มคำทเี่ ปน็ ภาษาภาพพจน์
ข. เขยี นแสดงความคิดเหน็ หรือข้อเท็จจรงิ เท่านั้น
ค. เขยี นลำดับเรื่องตามเหตกุ ารณม์ ีคำนำ เนื้อเรื่อง สรุป
ง. ใช้ภาษาท่ีเข้าใจง่ายตามความหมายของคำศัพท์เฉพาะท่ีนำมาใช้
3. การเขยี นพรรณนา มลี กั ษณะอยา่ งไร
ก. เปน็ การเขยี นท่ีใชภ้ าษาไพเราะสละสลวย ทำให้เกดิ จนิ ตนาการ
ข. เปน็ การเขียนบรรยายตามข้อเทจ็ จริง สามารถใชเ้ ปน็ หลักฐาน
ค. เขยี นตามแบบแผน ใชศ้ พั ทว์ ชิ าการ ถูกต้องตามกาลเทศะ
ง. ใช้ศพั ท์ง่ายไมซ่ ับซอ้ น เข้าใจเนอื้ หาได้งา่ ย
4. ข้อใดเปน็ การพรรณนาบคุ คลท่ีไม่เหมาะสม
ก. เธอมดี วงตากลมโตเปน็ สเี ขียวมรกต
ข. เขาตวั เลก็ ผอมบาง ผิวขาวอมเหลอื ง
ค. เขาตัวอ้วนฉุ ซง่ึ ใครเห็นเข้าก็ต้องรังเกียจ
ง. เสน้ ผมของเธอเปน็ ผมเสน้ เล็ก ๆ ดูพล้วิ เวลาลมพดั มา
5. ข้อใดไม่ใชป่ ระเภทของเรอื่ งทีใ่ ช้ในการเขยี นพรรณนา
ก. การพรรณนาบุคคล
ข. การพรรณนาประวัติ
ค. การพรรณนาสถานที่
ง. การพรรณนาธรรมชาติ
6. ขอ้ ใดคือลกั ษณะการเขยี นพรรณนา
ก. ฝนตกหนกั รถจึงตดิ มาก
ข. การออกกำลงั กายช่วยให้จิตใจแจ่มใสร่างกายแข็งแรง
ค. ดอกกหุ ลาบแดงดอกน้อย ๆ คอ่ ย ๆ แย้มกลบี บานรบั แสงตะวันในยามเชา้ ตรู่
ง. นักเรยี นขยนั อ่านหนังสือและต้ังใจเรยี นทำให้ประสบความสำเรจ็ ในการเรียน

32

7. ขอ้ ใดไมใ่ ช่การเขยี นพรรณนา
ก. เม่อื แสงอาทิตย์ลบู ไลบ้ นใบหน้าของนำ้ ค้างกล็ าจาก
ข. นำ้ ตาไหลอาบแก้มเด็กสาวผูน้ ั้นจนเปียกปอน
ค. มองซิมองทะเล เหน็ ลมคล่ืนเหจ่ บู หนิ
ง. ฉันเดนิ เลน่ ในสวนผกั หลังบา้ น

8. ข้อใดเปน็ การเขยี นพรรณนา
ก. บนฟา้ มีกลุ่มเมฆสีขาวราวปยุ น่นุ ดูเป็นคล่นื ซ้อนซับสลับกนั ต้องแสงแดดเปน็
สีระยับ
ข. มอมโตวนั โตคนื กลายเป็นหนมุ่ ใหญแ่ มห่ ายไปจากโลกของมนั ซงึ่ เดีย๋ วน้ี
เหลอื แต่นาย
ค. เช้าวันเสาร์ท่ีตลาดสดดูวนุ่ วายไปหมด ก่ิงแก้วต้องใชเ้ วลาในการซ้ือของนานกว่า
ปกติ
ง. ชาติชายเปน็ นักกฬี าฟตุ บอลทมี โรงเรียนคนอ่นื ๆ ต่างก็คิดวา่ เขาเป็นคนที่มี
พรสวรรค์

9. ข้อใดเป็นการเขยี นพรรณนา
ก. ฉนั เดนิ ไปโรงเรยี นตั้งแต่เชา้ เพ่ือไมต่ ้องทนกบั รถติด
ข. จริยามองหาแมอ่ ยู่นานก็ไม่เจอ เธอคิดในใจวา่ ฉันหลงทางแลว้
ค. กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลงั กายสม่ำเสมอและพักผ่อนเพยี งพอช่วยให้
ร่างกายแขง็ แรง
ง. เค้กช้นิ นนั้ เปน็ สชี มพูดลู ะมุนละไมราวกับขนมสายไหม ตกแตง่ ด้วยเชอร์ร่ีลกู กลมโต
สแี ดงสดใส

10. ข้อใดไม่ใช่เปน็ การเขยี นพรรณนา
ก. เยน็ น้ีอากาศหนาวมากลมพดั โชยมาจนสมั ผัสถึงความเย็นยะเยอื ก
ข. วนั น้เี ปน็ วันทีจ่ ะไดไ้ ปเท่ยี วสวนสนกุ แกว้ ตาจึงต่ืนแต่เชา้ เพ่ือเตรยี มตัว
ค. ฉันเหน่อื ยลา้ มากแขนขาของฉันหนกั อ้งึ ราวกบั หินจนแทบจะยกไมไ่ หว
ง. เขานง่ั อยรู่ มิ หนา้ ต่าง ดวงตาทเี่ อ่อล้นด้วยนำ้ ตามองออกไปข้างนอกอย่างไม่มี
จดุ หมาย

33

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
1. ข
2. ก
3. ก
4. ค
5. ข
6. ค
7. ง
8. ก
9. ง
10. ข

34

เกณฑก์ ารประเมนิ
ใบงานท่ี 3.1 เร่ือง การเขยี นพรรณนา

รายการประเมิน คำอธิบายระดบั คณุ ภาพ

การเติมคำท่ี 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )
กำหนดให้ลงใน
ช่องวา่ งใหเ้ ป็น เตมิ คำที่กำหนด เติมคำท่ีกำหนด เตมิ คำที่กำหนดให้ เตมิ คำท่ี กำหนดให้
ข้อความเชิง ให้ลงในลงชอ่ งว่าง ลงใน ช่องว่างได้
พรรณนา ได้ถูกต้อง ให้ลงในลงช่องวา่ ง ลงใน ลงชอ่ งว่างได้ ถูกต้อง เหมาะสม
เหมาะสมทกุ คำ ได้ต่ำกว่า 3 คำ
งานเขยี น สะอาด ได้ถูกต้อง ถกู ต้อง เหมาะสม งานเขยี น
เรยี บรอ้ ยดีมาก มีรอยลบขีดฆ่า
เหมาะสมได้ ได้ 4-5 คำ

6-7 คำ งานเขียน งานเขียน สะอาด

สะอาด เรยี บร้อย เรยี บรอ้ ย

เกณฑก์ ารประเมนิ

คะแนนตัดสนิ ระดบั คุณภาพ

คะแนน คณุ ภาพ

8 - 10 (4) ดีมาก

6 - 7 (3) ดี

4 - 5 (2) พอใช้

1 - 3 (1) ควรปรับปรงุ

*เกณฑ์การผ่าน ระดับคณุ ภาพ (3) ดี ข้ึนไปผ่านเกณฑ์

35

แบบประเมนิ การเขยี นพรรณนา

รายการประเมิน

1. เน้อื หา

2. การแสดงความสัมพันธ์

3. ความคดิ สร้างสรรค์

4. มารยาทในการเขียน

รายการประเมิน 4 (ดีมาก) คำอธิบายระดับคณุ ภาพ 1 (ปรับปรุง)
3 (ด)ี 2 (พอใช้)

1. เนอื้ หา เนอื้ หามคี วามยาวตาม เน้ือหามีความยาวตาม เนือ้ หามีความยาวตาม เน้อื หามีความยาวไม่

เกณฑท์ ี่กำหนด ใช้ เกณฑท์ ่กี ำหนด ใช้ เกณฑ์ทีก่ ำหนด ใช้ ครบตามเกณฑ์ที่

ถ้อยคำท่ีไพเราะ ถ้อยคำทีไ่ พเราะ ถอ้ ยคำทไ่ี พเราะ ส่ือ กำหนด ใช้ถ้อยคำไม่

สละสลวย สอ่ื สละสลวย สอื่ ความหมายได้ แตข่ าด สื่อความหมายชดั เจน

ความหมายชัดเจน ความหมายชัดเจนเป็น รายละเอยี ด และขาดรายละเอยี ด

ส่วนใหญ่

2. การแสดง กำหนดช่ือเร่ืองได้ กำหนดชื่อเรอื่ งได้ กำหนดช่อื เรื่องได้ กำหนดช่ือไม่

ความสมั พนั ธ์ น่าสนใจ เหมาะสม น่าสนใจเหมาะสม สอดคล้องกบั เนื้อหา สอดคลอ้ งกบั เน้ือหา

สอดคลอ้ งกบั เน้ือหา สอดคลอ้ งกบั เน้อื หา และนำเสนอ นำเสนอไมเ่ ปน็ ไป

และนำเสนอเปน็ ไป และนำเสนอ ตามลำดับขั้นตอนเป็น ตามลำดบั ขนั้ ตอน

ตามลำดับขั้นตอน ตามลำดบั ข้นั ตอน บางส่วน เขยี นวกวน

เป็นสว่ นใหญ่

3. ความคดิ มปี ระเดน็ น่าสนใจและ มีประเดน็ นา่ สนใจและ มปี ระเดน็ น่าสนใจและ ไม่มีประเดน็ น่าสนใจ

สร้างสรรค์ นำเสนอในรปู แบบท่ี นำเสนอในรปู แบบท่ี นำเสนอในรูปแบบ รูปแบบในการนำเสนอ

แปลกใหม่ มีการ คอ่ นขา้ งแปลกใหม่ มี คอ่ นข้างใหม่ ไม่นา่ สนใจหรอื

สอดแทรกคณุ ธรรม การสอดแทรก มีการสอดแทรก ลอกเลยี นแบบผู้อ่ืน

และใหข้ ้อคิดในการ คณุ ธรรมและให้ข้อคิด คุณธรรมบางตอน

นำไปประยกุ ตใ์ ช้

4. มารยาทใน เขยี นถกู ต้องตาม เขยี นถูกตอ้ งตาม เขยี นถกู ต้องตาม เขยี นไม่ถูกต้องตาม

การเขยี น อักขรวธิ ี ใช้ถอ้ ยคำ อกั ขรวธิ แี ละ อักขรวิธี อกั ขรวิธี

เหมาะสมกับเน้อื หา ใชถ้ ้อยคำ และใชถ้ อ้ ยคำ ใชถ้ อ้ ยคำ

ถกู กาลเทศะ ไม่ เหมาะสมกับเนอื้ หา เหมาะสมกับเนื้อหา ไมเ่ หมาะสมกับเนื้อหา

คดั ลอกงานเขียนผู้อน่ื ถูกกาลเทศะเปน็ ส่วน บางส่วน มกี าร คดั ลอกงานเขยี นผูอ้ ่ืน

ใหญ่ ไมค่ ดั ลอกงาน ดดั แปลงจากงานเขียน

เขยี นผอู้ นื่ ผู้อ่นื

36

คะแนนตดั สินระดบั คุณภาพ

คะแนน คณุ ภาพ

13 – 16 (4) ดมี าก

9 – 12 (3) ดี

5 – 8 (2) พอใช้

1 – 4 (1) ควรปรบั ปรงุ

*เกณฑ์การผา่ น ระดบั คณุ ภาพ (3) ดี ขึ้นไปผ่านเกณฑ์

37

แบบประเมนิ การเขยี นพรรณนา (สำหรบั ผสู้ อน)
คำชี้แจง ใหผ้ ู้สอนทำเครอื่ งหมาย  ลงในช่องคะแนนตามเกณฑ์การประเมนิ

เลข ช่อื เนอ้ื หา การแสดง ความคดิ มารยาท รวม
ที่ ความสมั พันธ์ สร้างสรรค์ ในการเขยี น

4 3 2 1 432143214321

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

38

แบบประเมินการเขยี นพรรณนา (สำหรบั ผู้สอน)

คำชี้แจง ใหผ้ ูส้ อนทำเครอ่ื งหมาย  ลงในชอ่ งคะแนนตามเกณฑ์การประเมิน

เลข ชอื่ เน้อื หา การแสดง ความคิด มารยาท รวม
ท่ี ความสัมพนั ธ์ สร้างสรรค์ ในการเขียน

4 3 2 1 432143214321

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

41

42

43

44

45

ลงชอ่ื .........................................ผู้ประเมนิ
(นางสาวอารยี วัฒน์ พงษน์ ริ นั ดร)
ครผู ู้สอน

39

แบบสังเกตการอภปิ รายรายงานผล (สำหรับผู้สอน)
คำช้แี จง ให้ผู้สอนทำเครอื่ งหมาย  ลงในช่องคะแนนตามเกณฑก์ ารประเมนิ

เลข ชอ่ื เนอ้ื หา การแสดง ความคิด มารยาท สรปุ ผล
ที่ ความสัมพนั ธ์ สร้างสรรค์ ในการเขียน

4 3 2 1 432143214321

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

26

27

28

40

แบบสงั เกตการอภิปรายรายงานผล (สำหรับผู้สอน)

คำชแ้ี จง ใหผ้ สู้ อนทำเครอื่ งหมาย  ลงในช่องคะแนนตามเกณฑ์การประเมิน

เลข ชื่อ เน้ือหา การแสดง ความคดิ มารยาท สรปุ ผล
ท่ี ความสมั พนั ธ์ สรา้ งสรรค์ ในการเขยี น

4 3 2 1 432143214321

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

41

42

43

44

45

ลงช่อื .........................................ผปู้ ระเมิน
(นางสาวอารียวฒั น์ พงษ์นริ นั ดร)
ครูผสู้ อน

41

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4

รหสั วชิ า ท 22101 รายวิชาภาษาไทย 3 กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 การเขยี นเชงิ สรา้ งสรรค์ เวลา 9 ชว่ั โมง

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เร่ือง ย่อความจากส่ือ เวลา 2 ช่ัวโมง

สอนวนั ที่………....……เดือน……………………………….พ.ศ…….....…. ผูส้ อน นางสาวอารียวฒั น์ พงษน์ ิรนั ดร

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั
1.1 มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสอื่ สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียน

เรื่องราวในรปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่าง
มีประสทิ ธิภาพ

มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ
และความรสู้ ึกในโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์

1.2 ตัวชี้วัด
ท 2.1 ม.2/4 เขยี นย่อความ
ม.2/8 มีมารยาทในการเขียน
ท 3.1 ม.2/3 วิเคราะห์และวิจารณ์เรอ่ื งท่ีฟงั และดอู ย่างมเี หตผุ ลเพื่อนำข้อคดิ มาประยกุ ตใ์ ช้ใน

การดำเนินชีวิต

2. สาระสำคัญ
การเขยี นย่อความ เปน็ ทักษะพื้นฐานในการจับใจความสำคัญของเร่อื งที่อา่ นหรอื ฟงั

เป็นการเขียนสรุปเร่ืองให้สน้ั ลง โดยยงั คงใจความสำคัญอย่างครบถ้วน นักเรียนต้องมีความรู้เรื่อง
หลกั การเขียนย่อความและรปู แบบการเขยี นย่อความจงึ จะทำใหเ้ ขียนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และ
สามารถนำประโยชนจ์ ากการเขียนยอ่ ความไปใช้ในการเรยี นวิชาตา่ ง ๆ

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 อธิบายหลักการและรูปแบบของการเขียนย่อความได้ (K)
3.2 เขียนยอ่ ความตามสถานการณท์ ก่ี ำหนดให้ได้อยา่ งเหมาะสม (P)
3.3 มมี ารยาทในการเขียน และนำข้อคดิ ประโยชน์จากเรือ่ งท่ีฟงั และดมู าประยกุ ต์

ใช้ในชวี ิตประจำวันได้ (A)
4. สาระการเรียนรู้

การเขียนยอ่ ความ
4.1 ความหมายและสว่ นประกอบของการเขยี นย่อความ
4.2 หลักการเขียนยอ่ ความ
4.3 รปู แบบของการเขยี นย่อความ

42

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 ใฝ่เรยี นรู้
5.2 มุ่งม่นั ในการทำงาน

6. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน
6.1 ความสามารถในการส่ือสาร
6.2 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขั้นนำเข้าสบู่ ทเรยี น (ช่ัวโมงท่ี 1)

7.1 ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 เรื่อง ย่อความจากสื่อ
โดยใชส้ ไลดอ์ ิเล็กทรอนิกส์ในชุดกจิ กรรมท่ี 4 ประกอบ

7.2 ครแู ละนักเรยี นรว่ มสนทนาซักถามวา่ นักเรียนชอบการ์ตนู /ละคร/ภาพยนตรเ์ รื่อง
ใดบ้าง จากน้นั ใหน้ ักเรียนเลา่ เร่อื งราวนนั้ ๆ อยา่ งย่อ ๆ ตามความเข้าใจ

7.3 ครใู ห้นักเรียนอา่ นข้อความบนสไลด์อิเล็กทรอนกิ สพ์ ร้อมกัน จากน้นั ขอ
อาสาสมคั ร 1-2 คน เพ่ือสรุปสาระสำคญั ใหเ้ พ่ือนฟัง โดยมีครูผสู้ อนคอยใหค้ ำช้ีแนะ สนบั สนนุ และ
แก้ไขข้อบกพร่องให้มีความสมบรู ณ์มากขน้ึ

ครอบครวั ท่ีอบอ่นุ มสี ่วนสำคญั ในการปลูกฝงั ให้เด็กโตขน้ึ มาเป็นบคุ คลทมี่ ีคุณภาพและ
อยใู่ นสังคมได้อยา่ งมีความสขุ ซึง่ ความอบอนุ่ ก็ไม่ได้เกดิ จากปจั จัยภายนอก เช่น สังคมทดี่ ีหรือบ้าน
ที่น่าอย่เู ท่านั้น ปัจจยั ภายในบา้ นก็มสี ว่ นสำคัญเป็นอยา่ งมาก ทจ่ี ะสรา้ งจิตใจให้แขง็ แรงพร้อมรับมือกับ
สถานการณต์ ่าง ๆ ในชวี ติ ได้ตลอดเวลา พ่อแม่ หรือผ้ปู กครองจงึ ควรรับฟังและทำความเขา้ ใจกบั ชวี ติ
วยั รนุ่ ให้มาก เพื่อทจี่ ะคอยเป็นท่ปี รกึ ษาเวลาที่ลูกตอ้ งการ โดยวธิ ีน้ีเป็นการป้องกันปัญหาตา่ ง ๆ ท่จี ะ
เกดิ ตามมาได้ เชน่ ปัญหาการแขง่ รถบนท้องถนน เดก็ ติดเกมส์ ท้องก่อนวยั อนั ควร ยาเสพตดิ และอืน่ ๆ
ซง่ึ เมื่อลองวเิ คราะห์ดแู ล้ว เด็กทม่ี ปี ัญหาเหล่านี้ ส่วนใหญ่เกดิ จากการขาดความอบอุน่ หรือความเข้าใจ
ของคนในครอบครัว เมื่อหาความสบายใจจากในบา้ นไม่ได้แล้ว กต็ อ้ งไปหาจากแหล่งอน่ื ซ่งึ เพอื่ นกจ็ ะ
เปน็ กลุ่มแรก ๆ ที่เด็กวัยรนุ่ จะนกึ ถึง เพราะมีแตค่ วามสบายใจ ไมม่ ใี ครคอยห้ามในส่ิงทอ่ี ยากทำ คุย
ภาษาเดียวกันแล้วเขา้ ใจ
ซง่ึ ถา้ ผปู้ กครองต้องการทำความเขา้ ใจเด็กวยั รนุ่ ใหม้ ากขึ้น ก็ลองสมมติใหต้ วั เองไปอยใู่ นสถานการณน์ ัน้
แล้วใชค้ วามรสู้ ึกว่าต้องการให้พอ่ แม่ทำอย่างไรกับเราบ้าง ก็จะช่วยให้เข้าใจความรสู้ ึกของเดก็ ช่วงวัยน้ี
ไดง้ ่ายขึ้น

ทมี่ า: https://www.web-hed.com/เกราะป้องกันวัยรนุ่ สืบค้นเมอื่ 9 เม.ย. 2565

43

ขน้ั การสอนและการปฏบิ ัติกิจกรรม
7.4 นักเรียนศกึ ษาความรู้พ้นื ฐานและหลักการเขียนยอ่ ความจากชุดกิจกรรมท่ี 4

เร่อื งยอ่ ความจากสื่อ โดยมีครูเปน็ ผ้ทู ่ีคอยกำกับดูแลและชว่ ยเหลอื หากนักเรียนเกดิ ความสงสยั ใน
การศึกษาชดุ กิจกรรม ครูให้คำแนะนำและอธิบายเพม่ิ เติม

7.5 ใหน้ ักเรยี นแบง่ เปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน จากน้นั ร่วมกันทำใบงานที่ 4.1 เรื่อง การเขยี นย่อ
ความ โดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มสบื คน้ งานเขียนประเภทต่าง ๆ ทางอินเทอร์เน็ต/ห้องสมุด แล้วนำมา
เตมิ ลงในชอ่ งว่างในสว่ นคำนำของการเขยี นย่อความให้ถูกต้อง (ให้เวลา
15 นาที) โดยก่อนทำใบงาน ครสู รปุ สั้นๆ เกย่ี วกบั เปา้ หมายของการทำใบงานใหน้ ักเรียนเข้าใจ

7.6 ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั เฉลยใบงานท่ี 4.1 และแนวคำตอบเรอื่ ง การเขยี นย่อความ
หากนกั เรียนสงสยั ครูอธิบายเพม่ิ เติม

7.7 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปบทเรียน
ขัน้ การสอนและการปฏิบตั ิกิจกรรม ชั่วโมงที่ 2

7.8 ครแู ละนักเรยี นร่วมสนทนาว่าได้ศึกษาเร่ืองอะไรบา้ งจากช่วั โมงท่แี ลว้
7.9 ให้นักเรยี นแบ่งเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 5 คน เพื่อเล่นเกม “คุณรูม้ ากแค่ไหน?” โดยใหน้ ักเรยี น
แต่ละกลุ่มตอบคำถามผา่ นโปรแกรมประยกุ ต์การแสดงความคิดเหน็ ออนไลน์ โดยมคี รผู ูส้ อนคอยให้คำ
ช้แี นะ สนับสนนุ และแก้ไขข้อบกพร่องให้มคี วามสมบรู ณม์ ากขึน้ (ครจู ะเปดิ สไลด์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อ
แสดงคำตอบ หลังจากที่ทุกกลุ่มส่งคำตอบแต่ละขอ้ ครบแล้ว)

- ภาษาท่ีใชใ้ นการเขียนย่อความควรเปน็ อย่างไร
- ยอ่ หนา้ แรกของการยอ่ ความเรยี กว่าอะไร
- เมือ่ ย่อความแล้วจะมที ง้ั หมดก่ยี อ่ หน้า
- เมื่อย่อความแลว้ เรือ่ งทีย่ อ่ ควรมีสดั ส่วนเป็นเทา่ ใดของขอ้ ความเดมิ
- การยอ่ ความ คอื การตดั ทอนข้อความใช่หรอื ไม่
- คำนำยอ่ ความมีประโยชน์อย่างไร
- ถ้ามีคำราชาศัพท์ในย่อความ ตอ้ งทำอย่างไร
- การใชส้ รรพนามบรุ ุษที่ 1 และ 2 ในการเขียนย่อความตอ้ งทำอยา่ งไร
- ถา้ จะย่อบทรอ้ ยกรองต้องทำอยา่ งไร

ขั้นการสอนและการปฏิบตั ิกิจกรรม
7.10 ให้นกั เรยี นอ่านบทความจากลิงก์ หรือ สแกน QR CODE ที่ครูกำหนด จากสไลด์

อิเล็กทรอนกิ สใ์ นชดุ กจิ กรรมท่ี 4 เร่ืองย่อความจากสอ่ื เพ่ือให้นกั เรียนสรุปใจความแลว้ นำมาเขียนย่อ
ความลงในใบงานท่ี 4.2 เร่ืองยอ่ ความจากสอื่ ตามรปู แบบการเขียนย่อความท่ถี กู ต้องโดยให้เวลาศกึ ษา
บทความและย่อความลงใบงาน 25 นาที

44

1) https://bit.ly/2XlAIl8

2)
7.11 ครสู มุ่ นักเรยี น 2-3 คน ด้วยโปรแกรมประยุกต์การสุ่มลำดับอัตโนมัติ จากนนั้ ให้นักเรียน
นำเสนอการเขียนยอ่ ความหน้าชั้นเรยี น จากนน้ั ครแู ละนักเรียนชว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง และ
แก้ไขข้อบกพรอ่ งให้มีความสมบูรณ์มากข้นึ
ขนั้ สรปุ
7.12 นกั เรยี นสแกน QR CODE บนสไลด์อิเลก็ ทรอนิกส์ ในชดุ กิจกรรมที่ 4 เร่ือง
ยอ่ ความจากสื่อ เพือ่ บันทึกการเรียนรู้ เร่ือง ยอ่ ความจากสอื่ โดยใชก้ จิ กรรม learning logs โดยการ
บนั ทกึ ผา่ นโปรแกรมประยุกต์บนั ทกึ การเรยี นรู้ออนไลน์ให้นักเรียนเลอื ก 2 คำถามที่ต้องการตอบ ดงั น้ี

1) การเขยี นย่อความมีประโยชน์คือ.....
2) ส่งิ ทฉี่ ันไม่แน่ใจ/ไม่เข้าใจในบทเรียนคอื .....
3) สว่ นของบทเรยี นท่ฉี ันชอบมากท่สี ุดคือ.....เพราะ.....
4) ส่วนของบทเรยี นทีฉ่ ันไมช่ อบคือ.....เพราะ.....
5) ฉนั จะนำความรู้จากบทเรียนไปประยุกต์ใชใ้ นเรื่อง......

8. การวัดผลประเมินผล วธิ กี ารวัดผล เคร่อื งมอื เกณฑ์
ตรวจแบบทดสอบ 1. แบบทดสอบหลังเรยี น ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ
จุดประสงค์การเรียนรู้ 60 ข้ึนไป
8.1 อธิบายหลกั การและ ตรวจผลงาน 2. ใบงานที่ 4.2 เร่ือง
รูปแบบของการเขยี น ย่อความจากสอ่ื ระดับคุณภาพ 3
ย่อความได้ สงั เกตพฤตกิ รรม 3. แบบสังเกตการ ผา่ นเกณฑ์
8.2 เขียนย่อความตาม การเรยี น อภปิ รายรายงานผล ระดบั คุณภาพ 3
สถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม ผา่ นเกณฑ์
8.3 มมี ารยาทในการเขยี น
และนำข้อคิด ประโยชน์จาก
เรือ่ งที่ฟังและดมู าประยกุ ต์ใช้
ในชีวิตประจำวันได้

45

9. ส่อื และแหล่งเรยี นรู้
9.1 ชดุ กิจกรรมชดุ ท่ี 16 เรื่อง ยอ่ ความจากสื่อ
9.2 ใบงานท่ี 4.1 เรอื่ ง การเขยี นยอ่ ความ (LiveWorksheets)
9.3 ใบงานที่ 4.2 เรอ่ื ง ย่อความจากสอ่ื
9.4 โปรแกรมประยุกต์การแสดงความคดิ เห็นออนไลน์
9.5 โปรแกรมประยุกต์การสุ่มลำดบั อตั โนมัติ
9.6 โปรแกรมประยกุ ต์บันทกึ การเรียนรู้ออนไลน์
9.7 หอ้ งสมุดโรงเรียนหนองก่ีพทิ ยาคม
9.8 เวบ็ ไซตต์ า่ ง ๆ
- https://bit.ly/2XlAIl8
- https://www.web-hed.com/เกราะป้องกนั วยั รนุ่

46

10. บันทกึ หลังสอน
10.1 ผลการจัดการเรยี นรู้
 สอนได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ มีจดุ ประสงค์  K  P  A
 มกี ารบูรณาการ คณุ ธรรม/การตา้ นการทจุ ริต/หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
 มกี ระบวนการทำงานกลุ่ม/การสืบค้นข้อมลู /การใชเ้ ทคโนโลยี
 สอนไมไ่ ด้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนอื่ งจาก....................................................................
 ............................................................................................................................. ...................
 อน่ื ๆ ...................................................................................................................... ..............
10.2 ผลการเรยี นรู้ตามจุดประสงค์
 จำนวนนักเรยี นทผ่ี า่ นการประเมิน ................... คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................................
 จำนวนนกั เรยี นทีไ่ มผ่ ่านการประเมนิ .................. คน คดิ เปน็ ร้อยละ ...............................
 อ่ืน ๆ ...................................................................................................................................

10.3 ปัญหาและอุปสรรค
 กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา
 มีนกั เรยี นทำใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามกำหนดเวลา
 มีนักเรียนท่ีไม่สนใจเรียน
 อ่นื ๆ ...................................................................................................................................

10.4 ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนำแผนไปปรบั ปรงุ เรอ่ื ง ..............................................................................................
 ............................................................................................................................. ...................
 แนวทางแกไ้ ขนกั เรยี นที่ไม่ผา่ นการประเมิน/ไมส่ นใจเรียน ................................................
 ............................................................................................................................. ...................
 อนื่ ๆ ...................................................................................................................................

ลงชอ่ื ........................................... ผู้บันทึก
(นางสาวอารียวัฒน์ พงษน์ ิรันดร)
ครผู สู้ อน

47

ใบงานที่ 4.1 การเขยี นย่อความ

กลุ่มท่.ี ............ชอ่ื กลมุ่ .........................................................
ชอ่ื -สกุล................................................................................ชั้น....................เลขท.่ี ...............
ชื่อ-สกลุ ................................................................................ชนั้ ....................เลขท่ี................
ชื่อ-สกลุ ................................................................................ชั้น....................เลขท่.ี ...............
ช่ือ-สกลุ ................................................................................ชั้น....................เลขที่................
ช่ือ-สกุล................................................................................ช้ัน....................เลขท.ี่ ...............

คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มสบื คน้ งานเขียนประเภทต่าง ๆ ทางอนิ เทอรเ์ น็ต/หอ้ งสมุด
แลว้ นำมาเตมิ ลงในช่องว่างในสว่ นคำนำของการเขียนย่อความให้ถูกต้อง

1.

ยอ่ ความจากบทร้อยกรอง

ย่อ ................................................เรื่อง.................................ตอน...............................
ของ.................................จากหนงั สือ..........................................หน้า...................ความว่า

......(ข้อความ)...............................................................................................................

2.

ย่อความจากบทความ สารคดี เรอื่ งส้ัน นทิ าน

ย่อ........................เรื่อง..................................ของ.........................จาก........................
หนา้ ................................. ความวา่

......(ข้อความ)...............................................................................................................

48

3.
ยอ่ ความจากข่าว

ย่อข่าวเร่อื ง......................................................จาก.....................................................
ฉบับวนั ท.่ี ...................................................ความวา่

......(ข้อความ)...............................................................................................................

4.
ยอ่ ความจากพระราชดำรัส พระบรมราโชวาท โอวาท ปาฐกถา สุนทรพจน์

ย่อ ............................................................ของ...................................พระราชทานแก/่
กล่าวแก่/แสดงแก.่ ..........................เรื่อง....................................เน่ืองในงาน......................
ณ.......................................วัน เดือน ป.ี ........................................ความวา่

......(ข้อความ)...............................................................................................................

49

เฉลยใบงานท่ี 4.1 การเขยี นยอ่ ความ
(พจิ ารณาตามดุลยพินิจของครูผูส้ อน)
กลมุ่ ท.ี่ ............ชื่อกลุ่ม.........................................................
ชือ่ -สกุล................................................................................ชัน้ ....................เลขที.่ ...............
ชอ่ื -สกลุ ................................................................................ชน้ั ....................เลขท.่ี ...............
ชื่อ-สกลุ ................................................................................ช้นั ....................เลขที.่ ...............
ช่ือ-สกุล................................................................................ช้นั ....................เลขที.่ ...............
ชื่อ-สกุล................................................................................ช้นั ....................เลขที่................

คำชี้แจง ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สบื ค้นงานเขียนประเภทต่าง ๆ ทางอนิ เทอรเ์ น็ต แลว้ นำมาเตมิ ลงใน
ช่องว่างในสว่ นคำนำของการเขียนยอ่ ความใหถ้ ูกต้อง

1. แนวคำตอบ

ย่อความจากบทร้อยกรอง

ย่อ นทิ านคำกลอน เรอ่ื ง พระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณีหนีผเี สือ้ สมุทร
ของ สนุ ทรภู่ จากหนังสอื เร่ืองพระอภัยมณี หน้า 145-160 ความวา่

......(ข้อความ)...............................................................................................................

2. แนวคำตอบ

ย่อความจากบทความ สารคดี เรือ่ งสนั้ นทิ าน

ย่อ บทความ เร่อื ง กรงุ เทพฯ เมืองสีเขียว ปลอดขยะ ของ สนุ ริ นิ ธน์ จิระตรยั ภพจาก เนชน่ั
สดุ สัปดาห์ ปีที่ 17 ฉบับท่ี 859 วนั ท่ี 14 พฤศจกิ ายน 2561 หน้า 15 ความวา่

......(ข้อความ)...............................................................................................................

(พจิ ารณาตามดุลยพนิ ิจของครผู ู้สอน)

50

3. แนวคำตอบ
ย่อความจากขา่ ว

ย่อขา่ วเรอ่ื ง อปท.พอใจ มหาดไทยแจง้ ด่วนทุกจังหวดั ปลดลอ็ กใชง้ บกลางแก้
โควิด-19 ระบาดได้ จาก หนงั สือพิมพ์มตชิ น ฉบับวนั ท่ี 10 เมษายน 2563 ความว่า

......(ข้อความ)...............................................................................................................

4. แนวคำตอบ
ย่อความจากพระราชดำรัส พระบรมราโชวาท โอวาท ปาฐกถา สุนทรพจน์

ย่อ พระราโชวาท ของ สมเด็จพระกนิษฐาธริ าชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ
พระราชทานแก่ ผู้สำเรจ็ การศึกษา ทัง้ ระดับบณั ฑติ มหาบณั ฑิต และดุษฎีบัณฑติ มหาวิทยาลัยแม่
ฟ้าหลวง เนือ่ งใน พธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2561
ณ หอประชมุ สมเด็จย่า วัน เดือน ปี วนั ท่ี 26 กมุ ภาพันธ์ 2563 ความว่า

......(ข้อความ)...............................................................................................................

51

ใบงานที่ 4.2 ย่อความจากสอื่

ชอ่ื -สกลุ ................................................................................ชัน้ ....................เลขที.่ ...............

คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นอา่ นบทความจากลิงก์/QR CODE ท่ีครูกำหนด แลว้ เขียนย่อความลงในใบงานที่ 4.2
เรอ่ื งย่อความจากส่ือ ตามรปู แบบการเขียนย่อความทถ่ี ูกต้อง

....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................. ..
............................................................................................................................. .......................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................. ......................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................. ...
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
............................................................................................. .......................................................................
....................................................................................................................................................................

52

แบบทดสอบก่อน หลังเรยี น เรือ่ ง ย่อความจากส่ือ
ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เร่อื ง การเขียนเชิงสรา้ งสรรค์
คำชแี้ จง ให้นกั เรยี นเลอื กคำตอบที่ถกู ต้องทส่ี ุดเพียงขอ้ เดียว
1. ข้อใดเป็นความหมายของการเขยี นยอ่ ความ
ก. เปน็ การเขยี นแสดงความรู้ ความคิด อย่างต่อเนื่อง
ข. เปน็ การเขยี นเพือ่ ให้ผู้อ่านเห็นภาพเหตกุ ารณ์ทเี่ กิดขึ้น
ค. เป็นการเขยี นเรยี บเรียงใหม่ใหไ้ ด้ใจความ สั้น กระชบั ดว้ ยสำนวนตนเอง
ง. เปน็ การเขียนเลา่ ข้อเทจ็ จริงตามเรอ่ื งท่ีเป็นอยู่โดยคำนึงถึงความตอ่ เนอื่ ง
2. ข้อใดไมใ่ ช่การย่อความ
ก. การลำดับเร่ืองราวตามเหตุการณม์ ีคำนำ เน้อื เรื่อง สรุปส่วนท้าย
ข. การจบั ใจความให้ไดว้ ่าใคร ทำอะไร ท่ีไหน อยา่ งไร เมื่อใด
ค. การเรียบเรยี งใหมใ่ ห้ได้ใจความครบถ้วน
ง. การจบั ใจความสำคญั จบั ประเดน็ สำคญั
3. ขอ้ ใดคือหลักการเขยี นย่อความ
ก. ใช้ภาษาสละสลวย ทำให้เกิดจินตนาการ
ข. บรรยายตามข้อเท็จจรงิ สามารถใช้เปน็ หลักฐาน
ค. ใชศ้ พั ท์ยาก มีความหมายลกึ ซึง้ ใหอ้ ารมณ์ความรูส้ กึ
ง. เรยี บเรียงถอ้ ยคำใหส้ ้นั กระชบั มีความยาว 1 ใน 3 ของข้อความเดิม
4. ขอ้ ใดต่อไปนี้คือองคป์ ระกอบของยอ่ ความ
ก. รูปแบบและสรปุ
ข. หลักการและรปู แบบ
ค. เนอื้ ความและส่วนสรปุ
ง. ส่วนคำนำและเนอื้ ความ
5. การย่อความนักเรียนควรปฏบิ ัติตามข้อความใด
ก. ยอ่ หน้าทกุ ครัง้ ที่ขน้ึ ตอนใหม่
ข. ตัดคำราชาศัพท์บางคำทิง้ ไป
ค. เปล่ียนสำนวนภาษาเป็นของผยู้ อ่
ง. เปลี่ยนคำราชาศพั ท์ใหเ้ ป็นคำสามัญ
6. บคุ คลใดตอ่ ไปนใี้ ชว้ ธิ ีการอ่านเพือ่ ย่อความได้ถกู ต้อง
ก. วิชยั ใชว้ ธิ กี ารอ่านไปย่อไปเพอ่ื ความสะดวกรวดเร็ว
ข. พิกลุ อ่านเนื้อเร่ืองใหเ้ ข้าใจโดยตลอดจนจบกอ่ นลงมือย่อความ
ค. จินดาอา่ นเฉพาะย่อหนา้ สุดทา้ ยเพราะใจความสำคัญจะอยู่ตอนท้าย
ง. ชอ่ ผกาอ่านเฉพาะหัวขอ้ ใหญแ่ ล้วนำมาเรยี บเรียงเป็นใจความสำคัญ
7. ขอ้ ใดเป็นการเขยี นสว่ นคำนำของการยอ่ ความ ประเภทบทความ
ก. ยอ่ บทความ เร่ือง..........ของ...........ความวา่ ………
ข. ยอ่ บทความ เรื่อง..........ของ...........จาก.........ความวา่ ………
ค. ยอ่ บทความ เรื่อง...........ของ...........จาก.........วนั /เดือน/ปี...... ความวา่ ……….
ง. ย่อบทความ เรอื่ ง..........ของ...........จาก.........ฉบับท่ี........หนา้ ......ความวา่ ……….

53

8. ขอ้ ใดเปน็ การเขียนส่วนคำนำของการยอ่ ความ ประเภทนทิ าน

ก. ย่อนิทาน เร่ือง..........ของ...........ความว่า

ข. ย่อนิทาน เรอ่ื ง..........ของ...........จาก.........ความว่า……..

ค. ยอ่ นิทาน เรอื่ ง..........ของ...........จาก.........ฉบบั ท่.ี .......หนา้ ........ความว่า……….

ง. ยอ่ นทิ าน เร่อื ง..........ของ...........จาก.........วนั /เดือน/ป.ี .....หนา้ .....ความว่า……….

9. พลความหมายถึงอะไร

ก. ใจความสำคัญ ข. ขอ้ ความที่ขาดไม่ได้

ค. สว่ นประขยายของใจความ ง. เป็นหัวใจของการเขยี นยอ่ ความ

10. ขอ้ ใดเปน็ การเขยี นยอ่ ความทีไ่ มเ่ หมาะสม

ก. ย่อความใหส้ ั้นเข้าไวแ้ ต่ยังคงใจความ

ข. เรยี งเรยี งใหม่ดว้ ยสำนวนภาษาของตนเอง

ค. ใช้อักษรย่อชอื่ ของบุคคลเพอ่ื ให้ไดข้ ้อความทส่ี ั้น

ง. ใช้ถอ้ ยคำภาษางา่ ยๆ แต่ถ้ามีคำราชาศัพท์ก็ให้คงไว้

54

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น/หลงั เรียน
1. ค
2. ก
3. ง
4. ง
5. ค
6. ข
7. ง
8. ข
9. ค
10. ค

55

เกณฑก์ ารประเมนิ การเขียนย่อความ

รายการประเมิน
1. ทีม่ าของเรอ่ื ง
2. เนอื้ ความ
3. การใชภ้ าษา
4. มารยาทในการเขยี น

รายการประเมิน 4 (ดีมาก) คำอธบิ ายระดบั คุณภาพ 1 (ปรับปรงุ )
ระบสุ ่วนประกอบ 3 (ดี) 2 (พอใช้) ระบุ
1. ท่มี าของเรือ่ ง ทมี่ าของเร่ือง ไดต้ าม สว่ นประกอบ
(ส่วนคำนำ) เกณฑ์ ครบ 5 ขอ้ ระบุ ระบุ ทม่ี าของเร่ือง
สว่ นประกอบ ส่วนประกอบ ไดต้ ามเกณฑ์
1.1 บอกประเภท เขียนเนือ้ ความ ทีม่ าของเรื่อง ท่ีมาของเร่ือง ครบ 1-2 ข้อ
ของสาร ไดต้ ามเกณฑ์ ได้ตามเกณฑ์ ไดต้ ามเกณฑ์
ครบ 4 ข้อ ครบ 4 ข้อ ครบ 3 ขอ้ เขียนเนือ้ ความ
1.2 เรียงลำดับทมี่ า ไดต้ ามเกณฑ์
ไดถ้ ูกตอ้ ง เขยี นเนือ้ ความ เขยี นเนือ้ ความ ครบ 1 ข้อ หรือ
ไดต้ ามเกณฑ์ ไดต้ ามเกณฑ์ เขียนไม่ได้เลย
1.3 ที่มาของเร่ือง ครบ 3 ขอ้ ครบ 2 ขอ้
ครบถ้วน

1.4 ย่อหน้าตรงกับ
เน้ือความ

1.5 ความว่า
2. เนอื้ ความ

2.1 มีประเด็น
สำคัญ ครบตามแนว
คำตอบ

2.2 ไม่ขยาย
ความคิดเกินประเด็น
สำคญั

2.3 ไมเ่ พิ่มประเดน็
ความคดิ นอกเหนือจาก
ประเดน็ สำคัญ

2.4 ลำดบั เน้อื ความ
ถูกต้องและตอ่ เน่ือง

56

รายการประเมิน 4 (ดีมาก) คำอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ 1 (ปรับปรุง)
3 (ดี) 2 (พอใช้) ใชภ้ าษาได้ตาม
3. การใชภ้ าษา ใชภ้ าษาไดต้ าม ใชภ้ าษาไดต้ าม ใช้ภาษาไดต้ าม เกณฑ์ครบ 1-2 ข้อ
เกณฑ์ครบ 4 ข้อ เกณฑ์ครบ 3 ข้อ
3.1 ใช้คำไดถ้ ูกต้อง เกณฑ์ครบ 5 ข้อ ใช้ภาษาได้ตาม
ใชภ้ าษาได้ตาม ใช้ภาษาได้ตาม เกณฑ์ครบ 1-2 ข้อ
และใชค้ ำเชอ่ื มได้ เกณฑ์ครบ 4 ข้อ เกณฑ์ครบ 3 ข้อ
เขยี นได้ตามเกณฑ์
เหมาะสมกับเนือ้ ความ เขยี นได้ตาม เขียนไดต้ าม ครบ 4 ข้อหรือ
เกณฑ์ครบ 4 ข้อ เกณฑ์ครบ 4 ข้อ เขยี นไม่ได้เลย
3.2 ไมใ่ ช้สรรพนาม

บุรุษที่ 1 และ 2

3.3 ใชภ้ าษาระดบั กึง่ ใชภ้ าษาได้ตาม

ทางการขนึ้ ไป ไม่ใช้ เกณฑ์ครบ 5 ข้อ

ภาษาพดู หรือภาษาถิน่

3.4 ใช้สำนวนของผยู้ ่อ

3.5 เว้นวรรคถูกต้อง

และไมเ่ ขียนฉีกคำ

4. มมี ารยาทในการเขยี น เขยี นได้ตาม

4.1 เขียนตวั อักษร เกณฑ์ครบ 4 ข้อ

อ่านง่าย

4.2 สะอาดเรยี บรอ้ ย

4.3 เขยี นไมเ่ กนิ

จำนวนบรรทัดทกี่ ำหนด

4.4 ไม่คัดลอกงาน

เขียนผ้อู ่ืน

คะแนนตัดสนิ ระดับคุณภาพ

คะแนน คุณภาพ

13 – 16 (4) ดมี าก
9 – 12 (3) ดี
5–8
1–4 (2) พอใช้
(1) ควรปรับปรงุ

*เกณฑ์การผา่ น ระดบั คุณภาพ (3) ดี ขึน้ ไปผ่านเกณฑ์

57

แบบประเมนิ การเขียนย่อความ (สำหรับผู้สอน)

คำช้ีแจง ใหผ้ สู้ อนทำเคร่ืองหมาย  ลงในช่องคะแนนตามเกณฑก์ ารประเมนิ

เลข ชื่อ การแสดง ความคดิ มารยาท รวม
ที่ เนื้อหา ความสมั พันธ์ สรา้ งสรรค์ ในการเขียน
4321432143214321

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

58

แบบประเมนิ การเขียนยอ่ ความ (สำหรับผู้สอน)

คำชแี้ จง ให้ผ้สู อนทำเครอื่ งหมาย  ลงในชอ่ งคะแนนตามเกณฑก์ ารประเมนิ

เลข ชอ่ื การแสดง ความคดิ มารยาท รวม
ที่ เนื้อหา ความสมั พนั ธ์ สร้างสรรค์ ในการเขยี น
4321432143214321

25

26

27

28

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

41

ลงชือ่ .........................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวอารียวัฒน์ พงษน์ ริ ันดร)
ครูผู้สอน

59

แบบสงั เกตการอภิปรายรายงานผล (สำหรับผู้สอน)
คำช้ีแจง ใหผ้ สู้ อนทำเครือ่ งหมาย  ลงในชอ่ งคะแนนตามเกณฑก์ ารประเมนิ

เลข ชื่อ การแสดง ความคดิ มารยาท รวม
ที่ เนอ้ื หา ความสมั พนั ธ์ สร้างสรรค์ ในการเขียน
4321432143214321

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

60

แบบสังเกตการอภปิ รายรายงานผล (สำหรับผ้สู อน)
คำชี้แจง ใหผ้ ู้สอนทำเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งคะแนนตามเกณฑ์การประเมิน

เลข ชอื่ การแสดง ความคดิ มารยาท รวม
ที่ เนอ้ื หา ความสมั พนั ธ์ สรา้ งสรรค์ ในการเขยี น
4321432143214321

26

27

28

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

41

42

ลงชื่อ.........................................ผ้ปู ระเมนิ
(นางสาวอารียวัฒน์ พงษ์นิรันดร)
ครผู ู้สอน

61

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 5

รหัสวิชา ท 22101 รายวชิ าภาษาไทย 3 กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย

ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 การเขยี นเชิงสรา้ งสรรค์ เวลา 9 ชว่ั โมง

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง รอ้ ยเรยี งความประทับใจ เวลา 2 ชั่วโมง

สอนวนั ท่ี………....……เดอื น……………………………….พ.ศ…….....…. ผสู้ อน นางสาวอารียวัฒน์ พงษ์นริ นั ดร

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
1.1 มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสอื่ สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขยี น

เรื่องราวในรปู แบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้า
อย่างมีประสิทธิภาพ

มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟงั และดูอย่างมวี จิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ
ความรสู้ กึ ในโอกาสตา่ ง ๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์

1.2 ตวั ชว้ี ัด
ท 2.1 ม.2/3 เขยี นเรียงความ
ม.2/8 มีมารยาทในการเขยี น
ท 3.1 ม.2/3 วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณ์เรื่องที่ฟงั และดูอย่างมเี หตุผลเพ่ือนำข้อคิดมาประยุกตใ์ ชใ้ น

การดำเนินชีวิต

2. สาระสำคัญ

การเขียนเรียงความจดั เปน็ การเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์ทมี่ ีการใช้รูปแบบและมีการเรียบเรียงภาษาท่ี
สละสลวย ถา่ ยทอดความร้สู ึกนกึ คดิ ออกมาเปน็ งานเขยี น เรียงความประกอบด้วยส่วนท่เี ปน็ คำนำ เน้อื
เรอ่ื ง และสรปุ ซ่ึงการเขยี นเรียงความท่ดี ีนัน้ ผูเ้ ขยี นจะต้องมีความรู้พื้นฐานในการเขียนเพ่ือสามารถเขยี น
ได้อย่างถูกต้องและสร้างสรรค์

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 อธบิ ายหลกั การและรปู แบบของการเขยี นเรยี งความได้ (K)
3.2 เขียนเรยี งความตามสถานการณท์ ่ีกำหนดให้ได้อย่างเหมาะสม (P)
3.3 มีมารยาทในการเขียน และนำข้อคดิ ประโยชนจ์ ากเรื่องท่ีฟงั และดูมาประยกุ ต์

ใช้ในชีวิตประจำวันได้ (A)

62

4. สาระการเรยี นรู้
การเขียนเรียงความ
4.1 ความหมายของการเรียงความ
4.2 ส่วนประกอบของการเขยี นเรยี งความ
4.3 การวางโครงเร่อื งในการเขยี นเรียงความ
4.4 จดุ ประสงค์ของการเขยี นเรียงความ
4.5 โวหารทใ่ี ชใ้ นการเขียนเรียงความ

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
5.1 ใฝเ่ รียนรู้
5.2 มุง่ มั่นในการทำงาน

6. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
6.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
6.2 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขั้นนำเขา้ สู่บทเรยี น (ชั่วโมงที่ 1)

7.1ครูแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 5 เรือ่ ง รอ้ ยเรยี งความ
ประทับใจ โดยใช้สไลด์อิเล็กทรอนิกสใ์ นชดุ กิจกรรมท่ี 5 ประกอบ

7.2 ใหน้ กั เรียนอ่านตวั อย่างเรียงความเรอื่ งสนั้ ๆ จากใชส้ ไลดอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สใ์ นชุดกจิ กรรมท่ี 5
เร่ือง ร้อยเรียงความประทบั ใจ จากนน้ั ร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกบั ลักษณะการเขยี นเรยี งความเป็นอย่างไร
โดยให้นักเรียนแสดงความคดิ เหน็ ผ่านโปรแกรมประยุกต์การแสดงความคดิ เห็นออนไลน์ โดยมคี รผู ู้สอน
คอยให้คำชแี้ นะ สนับสนุน และแก้ไขข้อบกพร่องให้มีความสมบรู ณม์ ากขน้ึ (ใช้สไลด์อเิ ล็กทรอนิกส์
ประกอบการอภิปราย)

ข้นั การสอนและการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
7.3 นักเรียนศกึ ษาความรู้พ้ืนฐานและหลกั การเขยี นเรยี งความจากชดุ กจิ กรรมที่ 5 เร่อื ง

รอ้ ยเรียงความประทบั ใจ โดยมีครูเปน็ ผทู้ ่คี อยกำกบั ดูแลและชว่ ยเหลือ หากนักเรยี นเกิดความสงสัยใน
การศกึ ษาชดุ กิจกรรม ครใู ห้คำแนะนำและอธบิ ายเพิ่มเตมิ

7.4 ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปหลกั การเขียนเรยี งความเพ่ือทบทวนความรู้
จากการศึกษาชุดกิจกรรมท่ี 5 เรื่อง ร้อยเรียงความประทบั ใจ

63

7.5 ใหน้ กั เรียนแบง่ เปน็ กล่มุ กลมุ่ ละ 5 คน จากน้นั รว่ มกนั ทำใบงานท่ี 5.1 เรอ่ื ง การวางโครง
เร่อื งในการเขยี นเรียงความ โดยให้นักเรยี นเขียนโครงเร่อื ง “ป่าไม้” ในสว่ นของคำนำ
เนื้อเร่อื ง และสรุป ใหส้ ัมพนั ธ์กนั กับช่ือเร่ือง และเขียนเพมิ่ เติมความคิดนอกเหนือจากแผนภาพโครง
เรอ่ื งท่ีกำหนดให้ (ใหเ้ วลาในการทำกจิ กรรม 15 นาที) โดยก่อนทำใบงาน ครสู รปุ สน้ั ๆ เก่ยี วกบั
เปา้ หมายของการทำใบงานให้นักเรยี นเข้าใจ

7.6 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยใบงานท่ี 5.1 และแนวคำตอบเร่อื ง การวางโครงเรื่อง
ในการเขียนเรียงความหากนกั เรยี นสงสัยครูอธบิ ายเพ่ิมเติม

7.7 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปบทเรียนโดยใช้สไลดอ์ ิเล็กทรอนกิ สป์ ระกอบ จากนน้ั
มอบหมายหัวข้อการเรยี งความเกยี่ วกับประสบการณ์ตนเอง เพ่อื ให้นักเรียนไดเ้ ตรียมตวั ในชวั่ โมงตอ่ ไป
ขั้นการสอนและการปฏิบัติกิจกรรม ช่ัวโมงที่ 2

7.8 ครแู ละนกั เรยี นร่วมสนทนาและทบทวนว่าไดศ้ ึกษาเรื่องอะไรบา้ งจากชัว่ โมงทแ่ี ลว้
จากน้ันร่วมกันสรปุ หลักการเขยี นเรียงความเพ่ือทบทวนความรู้ โดยใชส้ ไลดอ์ เิ ล็กทรอนกิ สป์ ระกอบ

7.9 นักเรยี นศึกษาตัวอย่างการเขียนเรียงความจากบทความตา่ ง ๆ บนสไลด์
อิเลก็ ทรอนกิ ส์ในชุดกิจกรรมท่ี 5 เร่ือง รอ้ ยเรียงความประทับใจ และในเว็บไซต์ท่นี ักเรียนตอ้ งการสืบค้น
เพือ่ ใหน้ กั เรยี นมองเห็นลักษณะการใชภ้ าษาและรูปแบบการเขยี น เพ่ือใหเ้ กดิ แนวคิดใหมๆ่ และนำมา
ประยุกต์ใช้ในงานเขยี นของนักเรียน โดยใหเ้ วลาศึกษา 10 นาที

7.10 ให้นักเรยี นทำใบงานท่ี 5.2 เรอ่ื ง ร้อยเรียงความประทบั ใจ โดยให้นักเรียนเขยี นเรยี งความ
เกีย่ วกับประสบการณต์ นเอง พรอ้ มต้ังช่อื เร่ือง โดยมีความยาวไม่ต่ำกวา่ 10 บรรทดั ใหเ้ วลา 20 นาที

7.11 ครูสุ่มนกั เรียน 3-5 คน ดว้ ยโปรแกรมประยุกต์การส่มุ ลำดบั อัตโนมตั ิ เพ่ือใหน้ ักเรยี น
นำเสนอการเขียนเรียงความของตนเองหนา้ ช้ันเรยี น

7.12 ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง และแก้ไขข้อบกพรอ่ งใหม้ ีความสมบูรณ์
และแนะแนวทางในการเขียนอยา่ งสร้างสรรคใ์ ห้กบั นักเรียน
ขนั้ สรปุ

7.13 ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปบทเรยี น โดยใช้สไลดอ์ ิเล็กทรอนิกส์ในชุดกิจกรรมที่ 5

ประกอบ

7.14 ใหน้ กั เรยี นสแกน QR CODE บนสไลดอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ ในชุดกิจกรรมที่ 5 เรอื่ ง
ร้อยเรียงความประทับใจเพื่อบันทกึ การเรยี นรู้ของตนเองในกิจกรรม learning logs โดยการบนั ทึกผา่ น
โปรแกรมประยุกต์บนั ทึกการเรยี นรอู้ อนไลน์ ให้นกั เรียนเลอื ก 2 คำถามที่ต้องการตอบ ดังน้ี

1) การเขยี นเรยี งความมีประโยชนค์ ือ.....
2) สิง่ ท่ฉี ันไมแ่ น่ใจ/ไมเ่ ขา้ ใจในบทเรียนคอื .....
3) สว่ นของบทเรียนทฉี่ นั ชอบมากท่สี ุดคือ.....เพราะ.....
4) สว่ นของบทเรยี นท่ฉี ันไมช่ อบคือ.....เพราะ.....
5) ฉนั จะนำความร้จู ากบทเรียนไปประยุกตใ์ ช้ในเร่ือง.....

64

7.14 นักเรียนสแกน QR CODE บนสไลดอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ ในชดุ กจิ กรรมท่ี 5 เร่ือง
ร้อยเรยี งความประทับใจ เพื่อทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 การเขียนเชิงสร้างสรรค์
จำนวน 10 ข้อ จากโปรแกรมประยกุ ต์การทำแบบทดสอบออนไลน์ เพื่อตดิ ตามความก้าวหน้าในการ
เรยี นรู้ของนักเรยี น

8. การวัดผลประเมนิ ผล

จดุ ประสงค์ วิธีการวดั ผล เคร่อื งมือ เกณฑ์
การเรยี นรู้

8.1 อธบิ ายหลกั การ ตรวจแบบทดสอบ 1. แบบทดสอบหลังเรยี น ผ่านเกณฑ์ร้อยละ
60 ข้นึ ไป
และรปู แบบของการ

เขียนเรยี งความได้

8.2 เขยี นเรยี งความตาม ตรวจผลงาน 2. ใบงานที่ 6.2 ระดบั คุณภาพ 3
เร่อื ง ร้อยเรียง ผา่ นเกณฑ์
สถานการณ์ทก่ี ำหนดให้ ความประทับใจ
ระดบั คุณภาพ 3
ได้อยา่ งเหมาะสม 3. แบบสังเกตการ ผา่ นเกณฑ์
อภิปรายรายงานผล
8.3 มมี ารยาทในการ สังเกตพฤตกิ รรม

เขียน และนำข้อคิด การเรียน

ประโยชนจ์ ากเรื่องท่ฟี ัง

และดูมาประยุกต์

ใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้

9. สือ่ และแหลง่ เรียนรู้
9.1 ชดุ กจิ กรรมชุดที่ 17 เรื่อง รอ้ ยเรยี งความประทับใจ
9.2 ใบงานท่ี 5.1 เรื่อง การเขียนเรียงความ
9.3 ใบงานท่ี 5.2 ร้อยเรยี งความประทับใจ
9.4 โปรแกรมประยกุ ต์การแสดงความคดิ เห็นออนไลน์
9.5 โปรแกรมประยุกต์การสุม่ ลำดับอัตโนมตั ิ
9.6 โปรแกรมประยกุ ตบ์ ันทึกการเรียนรู้ออนไลน์
9.7 โปรแกรมประยุกตก์ ารทำแบบทดสอบออนไลน์

65

10. บันทกึ หลังสอน
10.1 ผลการจัดการเรยี นรู้
 สอนได้ตามแผนการจดั การเรียนรู้ มจี ุดประสงค์  K  P  A
 มกี ารบูรณาการ คณุ ธรรม/การตา้ นการทจุ รติ /หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
 มกี ระบวนการทำงานกลุ่ม/การสืบคน้ ข้อมลู /การใช้เทคโนโลยี
 สอนไมไ่ ด้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เน่อื งจาก....................................................................
 ............................................................................................................................. ...................
 อน่ื ๆ ...................................................................................................................... ..............
10.2 ผลการเรยี นรู้ตามจุดประสงค์
 จำนวนนักเรยี นทผ่ี า่ นการประเมิน ................... คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................................
 จำนวนนกั เรยี นทีไ่ มผ่ ่านการประเมนิ .................. คน คิดเป็นรอ้ ยละ ...............................
 อ่ืน ๆ ...................................................................................................................................

10.3 ปัญหาและอุปสรรค
 กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา
 มีนกั เรยี นทำใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทันตามกำหนดเวลา
 มีนักเรียนท่ีไม่สนใจเรียน
 อ่นื ๆ ...................................................................................................................... .............

10.4 ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนำแผนไปปรบั ปรงุ เรอื่ ง ..............................................................................................
 ............................................................................................................................. ...................
 แนวทางแกไ้ ขนกั เรยี นท่ีไม่ผา่ นการประเมนิ /ไม่สนใจเรียน ................................................
 ............................................................................................................................. ...................
 อนื่ ๆ ...................................................................................................................................

ลงชอื่ ........................................... ผบู้ นั ทึก
(นางสาวอารยี วัฒน์ พงษ์นิรันดร)
ครูผสู้ อน

66

ใบงานท่ี 5.1 การวางโครงเรือ่ งในการเขยี นเรยี งความ

คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นเขยี นโครงเรือ่ ง “ป่าไม้” ในส่วนของคำนำ เนื้อเรอื่ ง และสรุป
ใหส้ ัมพนั ธ์กันกบั ชอื่ เรอ่ื ง ดังตอ่ ไปน้ี

1. เขียนเพม่ิ เติมความคดิ นอกเหนอื จากแผนภาพโครงเรอื่ งทก่ี ำหนดให้

1. ผลของการ 2. ประโยชน์
ตัดไมท้ ำลายปา่ ของปา่ ไม้

ปา่ ไม้

3. การอนรุ กั ษ์
ปา่ ไม้

67

2. วางโครงสรา้ งเรอื่ ง “ปา่ ไม”้ ตามองคป์ ระกอบของเรยี งความ

เรอ่ื ง…………………………………………………………………

1. คำนำ : เปดิ เรอื่ งดว้ ย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เนอ้ื เรอ่ื ง

2.1 ผลของการตดั ไมท้ ำลายปา่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.2 ประโยชนข์ องปา่ ไม้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.3 การอนรุ กั ษป์ า่ ไม้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. สรปุ :
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

68

เฉลยใบงานที่ 5.1 การวางโครงเรอ่ื งในการเขยี นเรยี งความ
(แนวคำตอบตามดลุ พินิจของครูผสู้ อน)

คำชี้แจง ให้นักเรยี นเขยี นโครงเรื่อง “ปา่ ไม้” ในส่วนของคำนำ เนื้อเรอื่ ง และสรปุ
ใหส้ มั พันธก์ ันกับชอ่ื เรอ่ื ง ดังตอ่ ไปนี้

1. เขยี นเพ่ิมเติมความคิดนอกเหนอื จากแผนภาพโครงเร่ืองทีก่ ำหนดให้

1. ผลของการ 2. ประโยชน์
ตัดไมท้ ำลายปา่ ของปา่ ไม้

ป่าไม้

3. การอนรุ กั ษ์
ปา่ ไม้

69

2. วางโครงสรา้ งเรอ่ื ง “ปา่ ไม”้ ตามองคป์ ระกอบของเรยี งความ

(แนวคำตอบตามดุลพินจิ ของครผู ้สู อน)

เรอ่ื ง…………………………………………………………………

1. คำนำ : เปดิ เรอ่ื งดว้ ย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. เนอ้ื เรอ่ื ง

2.1 ผลของการตัดไมท้ ำลายปา่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.2 ประโยชนข์ องปา่ ไม้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.3 การอนรุ กั ษป์ า่ ไม้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. สรปุ :
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

70

ตวั อย่างการเขียนเรียงความ

ประสบการณท์ ฉี่ นั ไม่เคยลืม
เมอ่ื ยอ้ นวนั วานไป คนทุกคนต่างกม็ ปี ระสบการณด์ ้วยกนั ทงั้ นนั้ แต่ประสบการณ์ท่ีทกุ คนไดเ้ จอน้นั
มนั จะแตกต่างกัน ประสบการณ์ชีวิตของฉนั น้ันมีมากมายเหลอื ลน้ จนฉันคดิ วา่ ทกุ สิ่งทุกอย่างท่ีทำลงไป
นนั้ ถือเป็นประสบการณ์และเป็นผลกำไรของชวี ติ ทั้งหมด
ฉันจะขอเล่าเรอ่ื งหนึ่งท่ีประสบกับดฉิ นั เอง ซ่ึงจะหาจากทไ่ี หนไม่ได้ เร่มิ แรกฉันส่งเรยี งความไปยัง
เว็บเพจหนง่ึ ซ่งึ ทางเว็บเขาจะคัดเลือกผู้โชคดเี พยี ง20คนเท่านนั้ ทม่ี โี อกาสได้ไปดูงานโครงการหลวงของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั ท่ที รงพระราชกรณีกจิ ซ่งึ มโี ครงการวา่ “พาน้องใตข้ น้ึ ดอยตามรอยเท้า
พ่อ” ณ.พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวง อำเภอฝาง จังหวัดเชยี งใหม่ และฉนั เปน็ หนง่ึ ในผู้โชคดี 20 คนในขณะ
นั้นเมื่อไดด้ ูรายชื่อประกาศผลแล้ว ฉนั มีความสขุ มาก ฉนั รสู้ ึกโชคดที ีส่ ดุ ในตอนน้นั และนี่เป็นเพียง
ความสุขแรกเริ่มเท่านัน้ และเม่อื ฉันไดไ้ ปดงู าน ณ.อำเภอฝาง จงั หวดั เชียงใหม่ ซึ่งได้ไปดูโครงการของใน
หลวงของเรา ระยะทางทีฉ่ นั เดนขนึ้ เขาไปรวมทงั้ หมด 5 กโิ ลเมตร ในระหว่างนั้น ฉนั ไดช้ มธรรมชาติ
ทงั้ หมดรอบ ๆ ภูเขาซงึ่ เต็มไปด้วยตน้ ไม้ใหญ่ ดอกไมท้ ีส่ วยงาม ฉนั มีความสุขที่ได้ดสู ง่ิ เหล่าน้เี พราะเป็น
ธรรมชาติทั้งหมด มองไปรอบๆจะเห็นเป็นสีเขียวหมด ซึง่ ดูแลว้ รูส้ ึกสบายตา และเม่ือฉนั ไดข้ ้นึ ไปขา้ งบน
กเ็ ห็นพ้ืนที่ท่เี ต็มไปดว้ ยไร่สตรอเบอรร์ ี่ ไร่แห่งนี้มีท่ีมาที่ไป ก็คอื ชาวบา้ นทแ่ี ต่กอ่ นนยิ มกันปลกู ฝิน่ ภายใน
ไร่ ทั้งไร่มีแตฝ่ ิ่น แตใ่ นหลวงทรงเหน็ ความสำคญั ทวี่ ่าเรานัน้ สามารถปลกู อย่างอ่ืนทีด่ ีกว่าฝน่ิ เพราะฝ่ิน
ถอื เปน็ ยาเสพตดิ ชนดิ หนงึ่ ในหลวงทรงใหป้ ลูกสตรอเบอรร์ ี่แทนฝน่ิ พอเร่ิมปลกู สตรอเบอร์รไี่ ด้สักพัก
และเหน็ ผล ชาวบ้านทัง้ หมดจึงได้ปลกู สตรอเบอรร์ ่ีกนั ทงั้ ไร่

และน่ถี ือเป็นประสบการณ์ทยี่ ่ิงใหญแ่ ละเปน็ ประสบการณช์ ีวิตท่ีดีท่ีสดุ ท่ีฉนั มิอาจลมื ได้

เขยี นโดย mie
ที่มา: http://numie1122.blogspot.com/2015/09/blog-post.html

เล่าเร่ืองจากภาพ “เขา้ ค่ายลกู เสือ”
“ประสบการณ์ของฉันคือการไดเ้ ขา้ คา่ ยพกั แรม” ….“ทำให้ฉันไดร้ อู้ ะไรมากมายที่ฉนั ไม่รู้
เช่นการกางเต็นท์ การดดู าว ว่าเป็นดาวอะไร และมันทำใหฉ้ ันรู้วา่ การอยรู่ ว่ มกันมันต้องรักกัน
สามัคคี ถงึ มนั จะลำบากแคไ่ หน” เธอเขยี นบอกต่อว่า “การใช้ชีวิตในป่าตอนแรกฉันรสู้ ึกกลัว
พออยู่รวมกนั มากๆทำใหค้ วามกลัวของฉันหายไป” เธอพดู ถงึ การทดสอบวา่ “การทดสอบกำลงั ใจมนั ทำ
ให้ฉนั กล้ามากขึ้น ทุกอย่างที่ทำไปท้ังหมดฉนั รู้สึกประทับใจและเป็นประสบการณ์ท่ีดขี องฉนั

ยภุ าพร ชาวด่าน นักเรยี นม.1/8
ทมี่ า: http://oknation.nationtv.tv/blog/singsoontor/2009/10/15/entry-1

71

เรียงความ เร่ือง เพื่อน
เพอ่ื น คือ คนท่ีคอยใหก้ ำลังใจเรา
เพ่อื น คือ คนท่ีมคี วามทรงจำท้ังดแี ละแยร่ ่วมกบั เรา
เพอ่ื น คือ คนทค่ี อยวิ่งเขา้ มาในความคิดถึงตอนเราเหงา
เพ่อื นจึงเหมือนกับรปู ถา่ ยที่ถูกเก็บไวใ้ นอลั บ้ัม
คำวา่ เพ่ือน คือคนทค่ี อยว่งิ เขา้ เขา้ มาในความคดิ ถึงตอนเราเหงา คำวา่ เพอ่ื น คอื รปู ถา่ ยทถี่ กู เก็บไวใ้ น
อลั บ้ัม และคำวา่ เพื่อน คือเพื่อนทด่ี ที สี่ ุดและเป็นเพอื่ นท่ไี ว้วางใจมากท่สี ดุ น่ีแหละ

คอื คำวา่ เพ่ือนทด่ี ี
ชวี ติ ของฉันมที ้ังเพื่อนเก่าและเพื่อนใหมใ่ นขณะตอนน้ีฉันมเี พื่อนใหม่เยอะแยะมากมาย แตเ่ พื่อน
ใหมเ่ ราต้องดูนิสยั เขาดว้ ย ไม่ใชว่ ่านกึ จะเล่นกับเพอ่ื นคนไหนกไ็ ด้ เพราะเวลามีเพือ่ นใหม่ เราไมร่ ู้วา่
เขาเคยมีประวัติอะไรบา้ ง ถ้าเราไม่เลือกคบเพ่ือนอาจทำให้เพื่อนทเ่ี ราไม่เคยรู้นิสยั มาก่อนจะนำพาเรา
ไปในทางที่ผดิ และจะทำให้เราเสยี การเรียน แตค่ งสเู้ พื่อนเก่าไมไ่ ด้เพราะเพื่อนเก่ากับเพือ่ นใหมม่ ัน
ตา่ งกันมาก และฉันคงต้องสนทิ กบั เพ่ือนเก่ามากกวา่ เพอ่ื นใหม่ แต่บางคนทฉี่ ันสังเกตมาเวลามเี พอ่ื น
ใหมช่ อบทิ้งเพื่อนเก่าทงั้ ๆท่ีเพื่อนเกา่ ท้งั ดแี ละเปน็ เพ่ือนกนั มานานเปน็ ทชี่ อบชว่ ยเหลือเรามาตลอด แต่
ส่วนมากเพ่ือนใหมช่ อบทำใหเ้ พอ่ื นทเ่ี คยเป็นเพือ่ นกันมานานแยกกัน เพราะเพอื่ นใหมช่ อบหาเรื่องท่ไี ม่
ดมี าพดู ในกลมุ่ แลว้ ทำให้เพื่อนรกั ต้องมาทะเลาะกนั ฉะน้ันเราควรเลอื กเพ่อื นทีด่ ี แต่บางคร้ังเพื่อนใหม่
กอ็ าจจะเป็นเพ่ือนทีน่ ่าคบก็ไดส้ ว่ นในกลุ่มของฉนั บางคนกเ็ ป็นเพ่ือนทด่ี บี างคนก็เป็นเพ่ือนทไ่ี มด่ ีแตพ่ วก
เรากส็ ามารถเข้ากันไดเ้ พราะเพ่อื นกลุ่มของฉนั เขาตักเตอื นเพ่ือนทไี่ ม่ดีวา่ ใหเ้ ปน็ เพื่อนที่ดีกัน

เขียนโดย ไพลนิ สีเงิน
ทมี่ า: http://oknation.nationtv.tv/blog/darunsat/2012/07/24/entry-8

72

ใบงานท่ี 5.2 รอ้ ยเรยี งความประทบั ใจ

ช่อื -สกุล.......................................................................ช้ัน...................เลขท่.ี ...............
คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นเขยี นเรียงความเก่ยี วกับประสบการณ์ของตนเอง พร้อมตั้งชอื่ เร่อื ง
โดยกำหนดความยาวไมต่ ำ่ กวา่ 10 บรรทดั ให้เวลา 20 นาที

เรอื่ ง............................................................................................

....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................. .......................................
.................................................................................. ..................................................................................
....................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................... ..............................
..................................................................................................... ...............................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
........................................................................................................................ ............................................
............................................................................................................................. .......................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

73

เกณฑก์ ารประเมนิ การเขยี นเรียงความ

รายการประเมิน
1. คำนำ เนื้อหา และสรปุ
2. การแสดงความสัมพนั ธ์
3. ความคิดสรา้ งสรรค์
4. มารยาทในการเขยี น

รายการ คำอธิบายระดบั คุณภาพ
ประเมนิ
4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
1. คำนำ
เนอื้ หา และ มีองค์ประกอบครบ มีองค์ประกอบครบ มอี งค์ประกอบ 2 มอี งคป์ ระกอบไม่
สรุป
ทั้ง 3 สว่ น มีการ ทงั้ 3 ส่วน มกี าร สว่ น มีการเปิดเรอ่ื ง ครบทง้ั 3 ส่วน ไมม่ ี

เปิดเร่ืองโดยการใช้ เปดิ เร่ืองโดยการใช้ โดยการใช้คำคม การเปิดเร่ืองโดยใช้

คำคม สำนวน ข่าว คำคม สำนวน ข่าว สำนวน ขา่ ว บท คำคม สำนวนขา่ ว

บทกลอน หรือ บทกลอน หรือ กลอน หรอื ภาษา บทกลอน หรือ

ภาษาวรรณศลิ ป์ ภาษาวรรณศลิ ป์ วรรณศิลป์อยา่ งใด ภาษาวรรณศิลป์

อยา่ งใดอย่างหน่ึง อย่างใดอยา่ งหนง่ึ อยา่ งหนงึ่ เน้ือหามี เนื้อหามคี วามยาว

เน้อื หามคี วามยาว เน้ือหามีความยาว ความยาวตาม ไม่ครบตามเกณฑ์ท่ี

ตามเกณฑท์ ี่กำหนด ตามเกณฑท์ ่ีกำหนด เกณฑ์ที่กำหนด ใช้ กำหนด ใช้ถ้อยคำ

ใชถ้ ้อยคำท่ไี พเราะ ใชถ้ ้อยคำที่ไพเราะ ถอ้ ยคำทไี่ พเราะ ไม่สอ่ื ความหมาย

สละสลวย สื่อ สละสลวย สอื่ สื่อความหมายได้ ชดั เจน ไม่มแี ละมี

ความหมายชดั เจน ความหมายชดั เจน และมกี ารนำ การนำความคิด

มกี ารนำความคิด และมกี ารนำ ความคดิ หรือการย้ำ หรือการย้ำความคิด

หรือการยำ้ ความคิด ความคิดหรือการ ความคิดบา้ ง แต่ยัง และขาด

ยำ้ ความคิดเปน็ ขาดรายละเอียด รายละเอยี ด

ส่วนใหญ่

74

รายการ คำอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
2. การแสดง 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )
ความสมั พนั ธ์
กำหนดชื่อเรื่องได้ กำหนดชือ่ เร่ืองได้ กำหนดช่ือเรื่องได้ กำหนดชอ่ื ไม่
3. ความคดิ
สรา้ งสรรค์ น่าสนใจ นา่ สนใจเหมาะสม สอดคล้องกบั สอดคลอ้ งกับ

4. มารยาทใน เหมาะสม สอดคล้องกบั เนอื้ หา และ เนอื้ หา
การเขยี น
สอดคลอ้ งกบั เน้อื หา และ นำเสนอตามลำดบั นำเสนอไม่เป็นไป

เน้ือหา และ นำเสนอตามลำดับ ข้นั ตอนเป็น ตามลำดบั ขนั้ ตอน

นำเสนอเป็นไป ข้นั ตอนเปน็ ส่วน บางส่วน มีเนื้อหา เขยี นวกวน เน้ือหา

ตามลำดบั ขน้ั ตอน ใหญ่ ไปในทางเดยี วกนั ไมไ่ ปในทาง

มีเน้ือหาไปในทาง มเี นอ้ื หาไปในทาง มกี ลา่ วนอกเรือ่ ง เดียวกนั

เดียวกัน ไมก่ ลา่ ว เดียวกัน ไมก่ ลา่ ว บ้าง กล่าวนอกเร่ือง

นอกเร่ือง นอกเรื่อง

มปี ระเด็นนา่ สนใจ มีประเดน็ นา่ สนใจ มปี ระเดน็ น่าสนใจ ไมม่ ีประเดน็

และนำเสนอใน และนำเสนอใน และนำเสนอใน นา่ สนใจ รูปแบบใน

รปู แบบทแี่ ปลกใหม่ รปู แบบทค่ี ่อนขา้ ง รปู แบบคอ่ นขา้ ง การนำเสนอไม่

มกี ารใหข้ ้อคิดใน แปลกใหม่ มีการให้ ใหม่ น่าสนใจ

การนำไป ขอ้ คิด บางตอน

ประยุกต์ใช้

เขียนถูกต้องตาม เขียนถกู ต้องตาม เขียนถูกต้องตาม เขียนไม่ถูกต้องตาม

อกั ขรวธิ ี ใชถ้ อ้ ยคำ อกั ขรวิธแี ละ อกั ขรวธิ ี อักขรวิธี

เหมาะสมกบั เน้ือหา ใชถ้ อ้ ยคำ และใชถ้ ้อยคำ ใช้ถอ้ ยคำ

ถูกกาลเทศะ ไม่ เหมาะสมกบั เนื้อหา เหมาะสมกบั เนอ้ื หา ไมเ่ หมาะสมกับ

คดั ลอกงานเขยี น ถูกกาลเทศะเป็น บางสว่ น มีการ เนือ้ หา

ผ้อู ่ืน สว่ นใหญ่ ไม่ ดัดแปลงจากงาน คดั ลอกงานเขียน

คดั ลอกงานเขียน เขยี นผู้อื่น ผูอ้ ื่น

ผ้อู ื่น

75

คะแนนตดั สินระดบั คุณภาพ

คะแนน คณุ ภาพ

13 – 16 (4) ดมี าก

9 – 12 (3) ดี

5 – 8 (2) พอใช้

1 – 4 (1) ควรปรบั ปรงุ

*เกณฑ์การผา่ น ระดบั คณุ ภาพ (3) ดี ขึ้นไปผ่านเกณฑ์

76

แบบประเมินการเขยี นเรียงความ (สำหรบั ผู้สอน)
คำชแี้ จง ใหผ้ สู้ อนทำเคร่ืองหมาย  ลงในช่องคะแนนตามเกณฑ์การประเมนิ

เลข ชื่อ การแสดง ความคิด มารยาท
ที่ เนื้อหา ความสัมพันธ์ สรา้ งสรรค์ ในการเขียน รวม
4321432143214321

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

22

23

24

25

77

แบบประเมนิ การเขยี นเรียงความ (สำหรบั ผู้สอน)
คำชแี้ จง ให้ผู้สอนทำเครอื่ งหมาย  ลงในชอ่ งคะแนนตามเกณฑก์ ารประเมนิ

เลข ช่อื การแสดง ความคิด มารยาท
ท่ี เนอื้ หา ความสัมพันธ์ สร้างสรรค์ ในการเขียน รวม
4321432143214321

26

27

28

29

30

31

32

33

34

35

36

37

38

39

40

41

42

43

44

45

ลงชือ่ .........................................ผู้ประเมนิ
(นางสาวอารียวัฒน์ พงษน์ ิรันดร)
ครูผ้สู อน


Click to View FlipBook Version