The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวปฏิบัติการจัดกิจกรรม ปลูกจิตสำนึกรักษาทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ ปี 2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ครูอาร์ม, 2020-02-15 19:46:11

แนวปฏิบัติการจัดกิจกรรม ปลูกจิตสำนึกรักษาทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ ปี 2563

แนวปฏิบัติการจัดกิจกรรม ปลูกจิตสำนึกรักษาทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ ปี 2563

แนวปฏิบัติการจัดกจิ กรรม

ปลูกจิตสำนกึ รกั ษาทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละปา่ ไม้

bit.ly/2uhxEdR หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์
สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา

คำนำ

สืบเน่ืองปัจจุบัน การพัฒนาเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของประเทศมีการใช้ทรัพยากร
ธรรมชาติเพิ่มข้ึน จึงมีการบุกรุกทาลายป่าและทรัพยากรธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ทาให้พื้นท่ีป่าไม้และ
ทรัพยากรธรรมชาติลดน้อยลงเป็นจานวนมาก เกิดความสูญเสียต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
มากมาย ส่งผลให้สภาพภูมิอากาศเกิดการเปล่ียนแปลง เกิดภาวะโลกร้อนและภัยพิบัติต่าง ๆ ผลกระทบน้ี
ต่อเน่ืองกันเป็นลูกโซ่จนนาไปสู่ปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและความม่ันคงของประเทศ ดังนั้น
การฟื้นฟูสภาพป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติจึงต้องดาเนินการอย่างเร่งด่วน ด้วยความร่วมมือท้ังภาครัฐ
ภาคเอกชนและประชาชน สร้างจิตสานึกให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมช่วยกันดูแลรักษาป่าไม้และ
ทรัพยากรธรรมชาติ จึงจะประสบความสาเร็จได้มากยิ่งข้ึน เป็นไปตามแนวทางของศาสตร์พระราชา รัชกาลที่ 9
ที่เสริมสร้างให้ปลูกป่าในใจคน รวมทั้งการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าและพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาตระหนักถึงความสาคัญในการพัฒนาให้
ผู้เรียนอาชีวศึกษาเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกฝังจิตสานึกรักษาทรัพยากร
ป่าไม้ โดยบูรณาการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เพื่อให้เยาวชนของชาติมีส่วนร่วมในการดูแล
รกั ษาปา่ ไมใ้ ห้คงความสมบูรณ์ เป็นการอนรุ กั ษ์ให้ปา่ ไมแ้ ละทรัพยากรธรรมชาติยังคงอยู่คูป่ ระเทศชาติตลอดไป

ในการดาเนินการดังกล่าว หน่วยศึกษานิเทศก์ได้จัดทาเอกสาร “แนวปฏิบัติการจัดกิจกรรมปลูกจิตสานึก
รักษาทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้” ซ่ึงประกอบด้วยกิจกรรมเสนอแนะและความรู้ที่หลากหลายภายใต้
3 หัวข้อ ได้แก่ 1) โลกสวยดว้ ยมอื เรา 2) รกั ษป์ า่ รกั ษน์ ้า และ 3) ป่ากนิ ได้ สวนกินดี สาหรับเป็นแนวทางให้
สถานศึกษาอาชีวศึกษาเลอื กนาไปจัดเป็นกิจกรรมหรือโครงการ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการ
อนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ ปา่ ไมแ้ ละส่ิงแวดลอ้ ม โดยสง่ เสริมการเรียนรผู้ า่ นการลงมือปฏิบัติ ผสานกับการนา
เทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในศูนย์การเรียนรู้และสวนพฤกษศาสตร์ของสถานศึกษาให้เป็นแหล่งเรียนรู้อย่าง
แท้จรงิ

หนว่ ยศึกษานิเทศกข์ อขอบคณุ แหลง่ เรยี นรูท้ งั้ หลาย ผู้ทรงคุณวุฒิจากหนว่ ยงานท่ีรับผิดชอบเกี่ยวกับ
การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ และผู้ท่ีมีส่วนร่วมในการจัดทาเอกสารฉบับน้ี มา ณ โอกาสนี้ และ
หวังเปน็ อยา่ งย่งิ วา่ เอกสารฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการนาไปใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรม
ปลูกจิตสานกึ รกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติและปา่ ไม้ตอ่ ไป

หนว่ ยศึกษานิเทศก์
สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา

กุมภาพันธ์ 2563

(หนา้ วา่ ง)

สำรบญั หน้า

บทนา 1

 พระราชดาริของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (ดา้ นปา่ ไม)้ 1
 ทฤษฎีการปลูกปา่ โดยไมต่ ้องปลูกตามหลกั การฟ้นื ฟสู ภาพปา่ ด้วยวัฏธรรมชาติ 2
 รชั กาลที่ 10 ทรงสบื สานแนวพระราชดาริดา้ นการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ 2

และส่งิ แวดล้อมของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช 3
 โครงการปลูกจติ สานึกรักษาทรัพยากรปา่ ไม้ 4
 การเขยี นโครงการ 5
 ตวั อย่างโครงการ
9
1. โลกสวยด้วยมือเรา
9
1.1 มาคราเม่ (กระถางแขวน) 13
1.2 กระถางจากวสั ดขุ องเหลอื (Reuse) 16
1.3 งานประดษิ ฐ์จากธรรมชาตแิ ละเศษวัสดุ 18
1.4 งานประดิษฐ์หลอดไฟจากขวดพลาสตกิ ด้วยพลงั งานแสงอาทิตย์ 20
1.5 ส่งิ ประดษิ ฐ์โดยใช้พลงั งานทางเลือก
27
2. รักษ์ป่า รกั ษ์นา
27
2.1 สวนแนวตัง้ (Vertical Garden) 33
2.2 สวนจิว๋ ในขวดใส 36
2.3 การดแู ลรกั ษ์ปา่ 38
2.4 การปลูกสวนปา่ เศรษฐกจิ 44
2.5 การปลูกปา่ ชายเลน 49
2.6 การสรา้ งฝายน้าลน้
53
3. ปา่ กินได้ สวนกนิ ดี
53
3.1 ปา่ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง 58
3.2 พชื ผกั ปลอดภัย 61
3.3 การปลกู ผกั โตะ๊

สำรบญั (ตอ่ ) หน้า

3.4 การเตรียมดินปลูกผกั ปลอดสารพิษ 64
3.5 การเตรยี มกลา้ ผัก 65
3.6 การผสมดนิ ปลูก 66
3.7 การทาปยุ๋ หมกั 71

ภาคผนวก 73

 แบบโครงการ 75
 แบบรายงานผลการดาเนินงานโครงการ 77
 คณะทางาน 81

บทนำ

พระราชดาริของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช (ด้านปา่ ไม)้

เมื่อวันที่ 25 มิถุนำยน พ.ศ. 2512 พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว รัชกำลที่ 9 ทรงเล่ำถึง แรงบันดำลใจใน
ควำมสนพระรำชหฤทยั เกยี่ วกับควำมสัมพันธ์ระหว่ำง ป่ำ นำ ดิน ซ่ึงโยงใยมีผลกระทบต่อกัน ตังแต่เมื่อครังยังทรง
พระเยำว์ว่ำ "...อำจมีบำงคนเข้ำใจว่ำ ทำไมถึงสนใจเร่ืองชลประทำน หรือเร่ืองป่ำไม้ จำได้เม่ืออำยุ 10 ขวบ ที่
โรงเรียนมีครูคนหนง่ึ ซ่งึ เดย๋ี วนตี ำยไปแล้ว สอนเรอื่ งวทิ ยำศำสตร์ เรอื่ งกำรอนรุ ักษ์ดิน แล้วให้เขียนว่ำภูเขำต้องมีป่ำ
อย่ำงนนั เม็ดฝนลงมำแล้วจะชะดนิ ลงมำเรว็ ทำให้ไหลตำมนำไป ไปทำควำมเสียหำย ดินหมดจำกภูเขำเพรำะไหล
ตำมสำยนำไป ก็เป็นหลักของป่ำไม้ เรื่องกำรอนุรักษ์ดิน และเป็นหลักของชลประทำนที่ว่ำ ถ้ำเรำไม่รักษำป่ำไม้
ขำ้ งบน จะทำใหเ้ ดอื ดรอ้ นตลอด ตงั แต่ดินภเู ขำจะหมดไป กระทั่งกำรทจี่ ะมตี ะกอนลงมำในเขื่อน มีตะกอนลงมำใน
แม่นำ ทำให้นำท่วม นี่นะเรียนมำตังแต่อำยุ 10 ขวบ..." กำรท่ีทรงเห็นควำมสำคัญของปัญหำป่ำเส่ือมโทรม ซ่ึง
ส่งผลกระทบต่อปัญหำด้ำนอื่น ๆ ไม่เฉพำะแต่ปัญหำเร่ืองดิน เรื่องนำเท่ำนัน หำกโยงใยถึงปัญหำทำงสังคม เศรษฐกิจ
กำรเมือง คุณธรรมและระบบนิเวศ ด้วยเหตุดังกล่ำวจึงทำให้แนวพระรำชดำริในกำรแก้ไขปัญหำป่ำ มิได้เป็นกิจกรรม
ทีด่ ำเนนิ ไปอย่ำงโดด ๆ หำกแต่รวมเอำงำนพฒั นำทเี่ กย่ี วเนื่องทังหมดเข้ำไปทำงำนในพืนท่ีอย่ำงประสำนสัมพันธ์กัน
แนวพระรำชดำริด้ำนกำรป่ำไม้ ณ หน่วยงำนพัฒนำต้นนำทุ่งจ๊อ ในปี พ.ศ. 2519 พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว
รัชกำลท่ี 9 ได้มีพระรำชทำนพระรำชดำริให้มีกำรปลูกต้นไม้ 3 ชนิดที่แตกต่ำงกัน คือ ไม้ผล ไม้โตเร็วและ
ไมเ้ ศรษฐกจิ เพือ่ จะทำใหเ้ กิดป่ำไม้แบบผสมผสำนและสรำ้ งควำมสมดุลแก่ธรรมชำตอิ ย่ำงย่ังยืน สำมำรถตอบสนอง
ควำมตอ้ งกำรของรัฐและวิถีประชำในชุมชน ประกำรสำคัญนันมีพระรำชดำริที่ยึดเป็นทฤษฎี กำรพัฒนำด้ำนป่ำไม้
โดยปลกู ฝังจิตสำนึกแกป่ ระชำชนว่ำ "เจ้ำหน้ำที่ป่ำไม้ควรจะปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่ำนันก็จะพำ
กนั ปลูกต้นไม้ลงบนแผน่ ดนิ และรกั ษำตน้ ไมด้ ้วยตนเอง" นับเป็นทฤษฎที เ่ี ปน็ ปรชั ญำในด้ำนกำรพัฒนำป่ำไมท้ ่ยี ิง่ ใหญ่
โดยแท้

กิจกรรมปลูกจติ สำนึกรกั ษำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละปำ่ ไม้ 1

ทฤษฎกี ารปลูกปา่ โดยไม่ต้องปลูกตามหลกั การฟนื้ ฟูสภาพปา่ ดว้ ยวัฏธรรมชาติ
พระบำทสมเดจ็ พระเจำ้ อยหู่ วั รัชกำลที่ 9 ทรงห่วงใยในปัญหำปริมำณป่ำไม้ลดลงเป็นอย่ำงมำก จึงทรง

พยำยำมคน้ หำวธิ นี ำนำประกำรทจ่ี ะเพิ่มปรมิ ำณของปำ่ ไมใ้ นประเทศไทยให้เพ่ิมมำกขึนอย่ำงมั่นคงและถำวร โดยมี
วิธีกำรที่เรียบง่ำยและประหยัดในกำรดำเนินงำน ตลอดจนเป็นกำรส่งเสริมระบบวงจรป่ำไม้ในลักษณะอันเป็น
ธรรมชำตดิ ังเดิม ซง่ึ ได้พระรำชทำนพระรำชดำริหลำยวิธีกำร คือ กลยุทธ์กำรปลูกป่ำโดยไม่ต้องปลูก เป็นไปตำมหลักกำร
กฎธรรมชำติ อำศัยระบบวงจรปำ่ ไมแ้ ละกำรทดแทนตำมธรรมชำติ คือ กำรปรบั สภำพแวดล้อมใหเ้ ออื ต่อกำรเติบโตของ
ตน้ ไม้ และควบคมุ ไม่ใหม้ คี นเขำ้ ไปตัดไม้ ไมม่ ีกำรรบกวนเหยียบย่ำตน้ ไมเ้ ลก็ ๆ เม่อื ทงิ ไวช้ ว่ งระยะเวลำหนึง่
จำกบทควำมของสำนักโครงกำรพระรำชดำรแิ ละกิจกำรพเิ ศษ กรมป่ำไม้ http://www.forest.go.th/orip/
index.php?option=com_content&view=article&id=304&Itemid=407&lang=th
รัชกาลท่ี 10 ทรงสืบสานแนวพระราชดาริด้านการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช

พระบำทสมเด็จพระปรเมนทรรำมำธิบดีศรีสินทรมหำวชิรำลงกรณ พระวชิรเกล้ำเจ้ำอยู่หัว รัชกำลที่ 10
ทรงสืบสำนแนวพระรำชดำริด้ำนกำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่ งแวดล้อมของพระบำทสมเด็จพระ
ปรมินทรมหำภูมิพลอดุลยเดช ท่ีได้พระรำชทำนไว้ เพ่ือให้รำษฎรอยู่ดีกินดี แก้ไขปัญหำควำมเสื่อมโทรมของ
ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมครอบคลุมทงั ดำ้ นดนิ นำ ปำ่

“เรำจะสบื สำน รักษำ และตอ่ ยอด และครองแผ่นดนิ โดยธรรมเพ่อื ประโยชน์สขุ แห่งอำณำรำษฎรตลอดไป”
จำกพระปฐมบรมรำชโองกำรของ พระบำทสมเด็จพระปรเมนทรรำมำธบิ ดีศรสี นิ ทรมหำวชริ ำลงกรณ พระวชิรเกล้ำ
เจ้ำอยู่หัว เน่ืองในพระรำชพิธีบรมรำชำภิเษก เม่ือวันท่ี 4 พฤษภำคม 2562 ท่ีผ่ำนมำสะท้อนถึงพระรำชปณิธำน
พระรำชหฤทัยอันมุ่งมั่นในกำรสืบสำน รักษำ และต่อยอด พระรำชปณิธำนของพระบำทสมเด็จพระปรมิทรมหำภูมิพล
อดลุ ยเดช บรมนำถบพิตร เพอื่ สำนตอ่ ใหเ้ กิดประโยชนส์ ขุ แกป่ ระชำรำษฎร์
ท่ีมำ “สืบสำน รกั ษำ ตอ่ ยอด สร้ำงสุขปวงประชำ” สำนักงำนทรพั ยส์ ินพระมหำกษัตรยิ ์ https://bit.ly/2Jb58ui

2 กิจกรรมปลกู จติ สำนกึ รกั ษำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละป่ำไม้

โครงการปลกู จติ สานึกรักษาทรัพยากรปา่ ไม้

หนว่ ยศกึ ษำนิเทศก์ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำ

 ความเปน็ มาของโครงการ

สบื เนือ่ งจำกรัฐบำลมนี โยบำยทจี่ ะปลกู จิตสำนกึ เยำวชนและประชำชนเพ่ือร่วมกันรักษำทรัพยำกรป่ำไม้
สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรอำชีวศึกษำจึงได้มอบหมำยหน่วยศึกษำนิเทศก์ ซึ่งมีภำรกิจหลักในกำรส่งเสริม
สนับสนุน นิเทศเกี่ยวกับกำรพัฒนำหลักสูตรและกำรจัดกำรศึกษำของสถำนศึกษำอำชีวศึกษำ ให้รับผิดชอบ
โครงกำรปลูกจิตสำนึกรักษำทรัพยำกรป่ำไม้ ในปีงบประมำณ พ.ศ. 2563 โดยเห็นชอบให้ดำเนินกำรใน
กลุ่มเป้ำหมำยวิทยำลัยเกษตรและเทคโนโลยี และสถำนศึกษำอ่ืน ๆ ท่ีมีศักยภำพในกำรจัดกิจกรรมปลูกจิตสำนึก
รกั ษำทรัพยำกรป่ำไม้ จงึ เห็นสมควรให้สถำนศกึ ษำกลุ่มเป้ำหมำยพัฒนำพืนที่ดังกล่ำวนัน ให้เป็นแหล่งศึกษำเรียนรู้
ทำงธรรมชำติแก่นักเรียน นักศึกษำและประชำชนทั่วไป โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มำประยุกต์ใช้
นอกจำกนียังจัดให้มีกิจกรรมรูปแบบต่ำง ๆ เน่ืองในวันสำคัญเก่ียวกับต้นไม้ ธรรมชำติและอ่ืน ๆ เป็นระยะ เพื่อ
ปลูกจติ สำนกึ กำรมสี ว่ นร่วมในกำรช่วยกันรักษำทรพั ยำกรธรรมชำติและป่ำไม้ โดยเร่มิ จำกกำรพัฒนำพืนที่สีเขียวใน
สถำนศึกษำ และส่งเสริมสนับสนุนกำรปลูกต้นไม้ในชุมชน ช่วยกันดูแลรักษำให้คงควำมอุดมสมบูรณ์เป็นชุมชน
สเี ขยี วอยำ่ งย่งั ยนื ซง่ึ เป็นกำรน้อมรับพระรำชดำรัสของพระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพลอดุลยเดช ในกำร
เดนิ ตำมรอยเบืองพระยุคลบำทท่พี ระองคท์ ่ำนมีพระประสงคใ์ หป้ ระเทศไทยมปี ่ำที่อดุ มสมบรู ณ์ เปน็ แหล่งก่อกำเนิด
ชีวิตของพชื และสัตวน์ ำนำชนิด มแี หล่งนำและดนิ ท่ีมคี วำมอุดมสมบูรณ์ มคี วำมช่มุ ชืน ทำใหป้ ระเทศชำติไมแ่ ห้งแล้ง
มแี หลง่ นำในกำรทำกำรเกษตร เป็นแหล่งผลติ อำหำรโลกท่มี ีควำมอดุ มสมบูรณไ์ ด้อย่ำงยง่ั ยืนต่อไป

วตั ถปุ ระสงค์ของโครงกำรปลกู จติ สำนกึ รักษำทรัพยำกรป่ำไม้ คือ
1. เพื่อสรำ้ งควำมเขำ้ ใจในกำรจดั กจิ กรรมรักษำทรพั ยำกรธรรมชำติและปำ่ ไมข้ องสถำนศกึ ษำ
2. เพอ่ื ส่งเสรมิ สถำนศกึ ษำอำชวี ศึกษำจดั กิจกรรมเพือ่ กำรรกั ษำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละป่ำไม้
3. เพ่ือนเิ ทศ ติดตำม กำรดำเนนิ กิจกรรมกำรรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและปำ่ ไมข้ องสถำนศกึ ษำ
ทงั นี โดยไดก้ ำหนดสถำนศึกษำเป้ำหมำยในโครงกำรฯ รวม 80 แห่ง

 เอกสาร “แนวปฏิบตั กิ ารจดั กจิ กรรมปลกู จติ สานกึ รกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติและปา่ ไม้”

แนวปฏิบัติการจัดกิจกรรมปลูกจิตสานึกรักษาทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ ประกอบด้วย 3 หัวข้อ
ได้แก่

1. โลกสวยดว้ ยมอื เรำ
2. รักษป์ ำ่ รกั ษ์นำ
3. ปำ่ กนิ ได้ สวนกนิ ดี
โดยในแต่ละหัวข้อจะมีกิจกรรมเสนอแนะรูปแบบต่ำง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกำรรักษำทรัพยำกรธรรมชำติ
และปำ่ ไม้ ซ่ึงนำมำบูรณำกำรในกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ใหแ้ ก่ผเู้ รยี นในกจิ กรรมเสรมิ หลักสูตร กจิ กรรมในรำยวิชำ
กิจกรรมชมรม กิจกรรมองค์กรวิชำชีพ กิจกรรมเน่ืองในโอกำสวันสำคัญต่ำง ๆ เพ่ือกระตุ้น ส่งเสริม สนับสนุน
กำรปลกู จติ สำนกึ ให้ผเู้ รยี นและประชำชนมคี วำมรู้ควำมเข้ำใจเก่ียวกบั ทรพั ยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ ม ตระหนกั
ถึงควำมสำคัญของป่ำไม้ สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ตลอดจนตระหนักถึงควำมร่วมมือในกำรปลูกและดูแลรักษำ
ทรัพยำกรปำ่ ไมใ้ ห้มอี ย่อู ย่ำงยั่งยืน โดยนอ้ มนำแนวพระรำชดำริและหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงมำใช้ในกำร
ดำเนนิ งำนเพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสุด

กิจกรรมปลกู จติ สำนึกรกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้ 3

การเขียนโครงการ

“โครงการ” หมำยถึง แผนงำนยอ่ ยทป่ี ระกอบด้วยกจิ กรรมหรอื งำนหลำยงำนที่ระบุรำยละเอียดชัดเจน
ประกอบด้วยองค์ประกอบท่ีสำคัญ ได้แก่ ชื่อโครงกำร หลักกำรและเหตุผล วัตถุประสงค์ เป้ำหมำย ระยะเวลำ
ดำเนินกำร วธิ กี ำร แผนปฏิบัติงำน งบประมำณ กำรประเมนิ ผลและผลทีค่ ำดวำ่ จะไดร้ บั

1. ชื่อโครงการ : ควรตังช่ือโครงกำรที่มีควำมหมำยชัดเจน ใช้คำสันกระชับ ได้ใจควำมสมบูรณ์ ไม่ควร
ตงั ชอื่ ทย่ี ำวเกินไป

2. หลกั การและเหตุผล : เป็นกำรเขียนชีแจงรำยละเอียดของปัญหำและควำมต้องกำร ควำมจำเป็นท่ี
เกิดขนึ ซึง่ จะต้องแก้ไข ตลอดจนชีแจงประโยชนท์ ี่จะไดร้ บั จำกกำรดำเนินงำนตำมโครงกำร ระบุควำมสอดคล้องกับ
แผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ ยุทธศำสตร์ชำติ แผนหรือนโยบำยของหน่วยงำนระดับกระทรวง ระดับ
สำนักงำนฯ หรือหน่วยงำนทสี่ งั กดั และควรให้รำยละเอียดถึงผลเสีย ที่เกิดขึนทังทำงตรงและทำงอ้อมหำกไม่ได้ทำ
โครงกำร

3. วัตถุประสงค์ : เป็นกำรกำหนดสิ่งท่ีต้องกำรให้เกิดขึน โดยเขียนให้ชัดเจน เขียนเป็นรูปธรรม
สำมำรถปฏิบตั ิได้ วดั และประเมินผลได้ และอำจมวี ัตถุประสงค์หลำยข้อ แต่ไม่ควรมีมำกเกินไป (ควรมี 1-3 ขอ้ )

4. เป้าหมาย : กำรเขียนเป้ำหมำยต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และควำมสำมำรถในกำรดำเนิน
โครงกำร ให้ระบุว่ำจะดำเนินกำรส่ิงใด เป้ำหมำยมี 2 ลักษณะ คือ เป้ำหมำยเชิงปริมำณและเป้ำหมำยเชิงคุณภำพ
โดยเป้ำหมำยเชิงปริมำณ แสดงเป็นรูปตัวเลขหรือจำนวน เป้ำหมำยเชิงคุณภำพ เป็นกำรระบุถึงคุณภำพท่ีมี
กำรเปลี่ยนแปลงทำงบวกหรอื มีกำรพัฒนำขนึ หรือเกดิ ประโยชนข์ ึน

5. งบประมาณ : เปน็ กำรประมำณกำรค่ำใชจ้ ่ำยทงั หมดของโครงกำร

6. วธิ ดี าเนินงาน : เปน็ กำรให้รำยละเอียดในกำรปฏิบัติ จะแยกเป็นกิจกรรมย่อยหลำยกิจกรรม เขียน
วิธีดำเนินงำนในโครงกำรตำมลำดับขันตอน โดยควรระบุกิจกรรมที่ทำอย่ำงละเอียด เขียนให้ชัดเจน ไม่คลุมเครือ
สำมำรถปฏบิ ตั ไิ ด้ และควรระบุถงึ วัสดุ อปุ กรณท์ ใ่ี ช้ในแตล่ ะขันตอน เขียนเปน็ ขอ้ ๆ ตำมลำดบั ก่อน-หลัง

7. ระยะเวลาในการดาเนินงาน : ระบุระยะเวลำ ตงั แต่เริม่ ต้นของโครงกำรจนเสร็จสิน

8. แผนปฏบิ ัติงาน : ระบรุ ำยกำรกิจกรรมและระยะเวลำที่ดำเนินกำรแต่ละกิจกรรม แสดงข้อมูลในรูป
ของตำรำง

9. การประเมินผล : ระบุแนวทำง เครื่องมือ ท่ีใช้ในกำรติดตำมและประเมินผล ซ่ึงต้องสอดคล้องกับ
วัตถปุ ระสงค์ กำรประเมินผลสำมำรถทำได้ตลอดเวลำในกำรดำเนนิ โครงกำร เพ่ือพัฒนำ ปรับปรุง หรือแก้ไขปัญหำ
ในช่วงเร่ิมต้นดำเนินโครงกำร ระหว่ำงดำเนินโครงกำร สำหรับช่วงสุดท้ำยของโครงกำรจะประเมินผลสำเร็จของ
โครงกำร

10. ผลที่คาดว่าจะไดร้ ับ : เม่ือดำเนินโครงกำรเสร็จสินแลว้ จะเกิดผลอย่ำงไรบ้ำง เป็นกำรคำดกำรณ์
ไวล้ ่วงหนำ้ ทีเ่ ชอ่ื วำ่ โครงกำรจะสำมำรถแก้ไขปัญหำได้ หรอื ช่วยให้เกิดกำรพฒั นำ เป็นประโยชนต์ อ่ องค์กร ชมุ ชน

4 กิจกรรมปลกู จิตสำนกึ รกั ษำทรัพยำกรธรรมชำติและป่ำไม้

ตัวอยา่ งโครงการ

ชือ่ โครงการ …………………………………………………………………………

หน่วยงานที่รบั ผิดชอบ วทิ ยำลยั …………………………………………………………....

หลักการและเหตุผล
ปัจจบุ นั สภำพภมู ิอำกำศท่วั โลกเกิดกำรเปลยี่ นแปลงไปอย่ำงมำกมำย เกิดปรำกฎกำรณ์ท่ีส่งผลกระทบแก่

ประเทศต่ำง ๆ ทังทำงตรงและทำงอ้อม ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบดังกล่ำว โดยเป็นท่ีประจักษ์แล้วว่ำสภำวะ
ภูมิอำกำศมีผลโดยตรงต่อควำมเป็นอยู่ของประชำชน เม่ือเกิดภำวะแห้งแล้ง ก็เป็นอุปสรรคต่อกำรทำเกษตร และ
เมอื่ มฝี นตกหนัก กำรดูดซับนำของดนิ ทปี่ รำศจำกพืชปกคลุมก็ไม่สำมำรถจะซับนำได้ดี โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งแถบพืนที่สูง
เชน่ ภเู ขำ เม่ือไม่มีต้นไม้คอยสกัดกันนำใหไ้ หลชำ้ ลง กำรไหลหลำกของนำจำกท่ีสูงลงสู่ท่ีต่ำจึงมำอย่ำงรวดเร็ว และ
เมื่อมำบรรจบกบั บริเวณพนื ที่รำบดำ้ นลำ่ งท่ีมฝี นตกหนกั จึงเกิดเปน็ มวลนำจำนวนมหำศำล กลำยเป็นสำเหตุของนำ
ท่วมสงู อยู่บ่อยครัง เปน็ ผลทำใหพ้ นื ทเ่ี กษตรเสยี หำยอย่ำงหนกั

วิทยำลัย……………………………………………..... ตระหนักถึงควำมสำคัญข้ำงต้น จึงปลูกฝังให้ผู้เรียนมี
จิตสำนึกในกำรรักษำทรัพยำกรป่ำไม้ โดยดำเนินโครงกำร………………………………………………………………………….ให้
เป็นแหล่งศึกษำเรยี นรู้แก่ผู้เรียนและประชำชนทั่วไป คำดหวงั วำ่ โครงกำรดงั กล่ำวจะช่วยปลกู ป่ำในใจคน และส่งผล
ใหเ้ ยำวชนมจี ิตสำนึกในกำรรักษำทรัพยำกรป่ำไม้ร่วมกนั

วตั ถุประสงค์
1. เพือ่ ปลกู จิตสำนึกรกั ษำทรพั ยำกรปำ่ ไม้ใหแ้ ก่ผเู้ รยี น
2. เพอื่ พัฒนำให้ผเู้ รียนมคี วำมรู้และทกั ษะในกำรตกแต่งพืนทีป่ ่ำไม้ประจำทอ้ งถ่นิ
3. เพ่อื ให้บริกำรแหลง่ ศกึ ษำเรียนรปู้ ่ำไมป้ ระจำทอ้ งถน่ิ แกผ่ เู้ รยี นและประชำชนท่วั ไป

เป้าหมาย
1. เชิงปริมาณ
1) ผ้เู รียนจำนวน………………………คน เขำ้ รว่ มโครงกำร (ผู้เรยี นทังหมดของสถำนศกึ ษำ)
2) ครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ จำนวน………………คน เข้ำร่วมโครงกำร (จำนวนทังหมดของ

สถำนศึกษำ)
3) ประชำชนและผู้สนใจทว่ั ไป จำนวน……………………………คน เขำ้ รว่ มโครงกำร
4) เพิ่มพืนท่ีสีเขียวภำยในสถำนศึกษำ จำนวน...............(ไร่) ประกอบด้วยต้นไม้ จำนวน ....... (พันธ์ุ) รวม

เปน็ จำนวนทังสนิ ....... ตน้
5) เพ่ิมพืนท่ีสีเขียวภำยนอกสถำนศกึ ษำ จำนวน...............(ไร่) ประกอบด้วยต้นไม้ จำนวน ....... (พันธ์ุ) รวม

เปน็ จำนวนทงั สนิ ....... ต้น
2. เชงิ คุณภาพ
1) ผู้เรียนมีควำมรู้และทักษะเกี่ยวกับกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม กำรฟื้นฟูป่ำไม้

พนั ธุ์ไม้ กำรปลกู ป่ำ และกำรดแู ลรักษำป่ำไม้
2) ครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำสำมำรถพัฒนำกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้โดยบูรณำกำรควำมรู้

เกยี่ วกบั กำรอนรุ ักษ์และฟน้ื ฟูทรพั ยำกรปำ่ ไม้ กำรรักษำสง่ิ แวดล้อม

งบประมาณทใ่ี ช้ จำนวน 70,000 บำท (เจ็ดหมื่นบำทถ้วน)

กจิ กรรมปลูกจติ สำนึกรกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำติและป่ำไม้ 5

วิธีดาเนินงาน ประกอบดว้ ย 3 กจิ กรรม ดังนี
กิจกรรมท่ี 1 ปรับภูมทิ ัศนส์ วนหยอ่ มในสถำนศึกษำ วงเงินจำนวน 10,000 บำท (หนึง่ หม่นื บำทถว้ น)
วธิ ีดำเนนิ งำน
1.1 วำงแผนกำรทำงำน กำรปรับภมู ทศั น์ กำรดูแลบำรงุ รักษำ ต้นไมส้ วนหยอ่ มของวทิ ยำลยั
1.2 ตดั แต่งกงิ่ ไม้ และแผ้วถำงวชั พืชบริเวณสวนหย่อมใหส้ ะอำดเรียบรอ้ ย
1.3 ปลกู ไม้ดอก ไมป้ ระดบั เพ่มิ เติม ในกำรปรบั ภมู ทิ ศั นใ์ ห้สวยงำม
1.4 ให้นำ ให้ปยุ๋ ตำมระยะเวลำ และจัดกำรศัตรูพืชด้วยสำรสกดั ชีวภำพ

กิจกรรมที่ 2 เพิ่มพืนท่ีสีเขียวในสถำนศึกษำหรือชุมชนใกล้เคียง วงเงินจำนวน 30,000 บำท (สำมหม่ืน
บำทถว้ น)

วิธีดำเนินงำน
2.1 เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ และพืนทีป่ ฏิบตั งิ ำน
2.2 จดั ทำป้ำยนิเทศให้ควำมร้เู กยี่ วกับตน้ ไมป้ ระจำท้องถนิ่
2.3 ตกแต่งสถำนทบ่ี รเิ วณพนื ทไี่ มย้ นื ต้นเพ่อื จดั ทำเป็นแหล่งศึกษำเรียนรู้ป่ำไมป้ ระจำท้องถนิ่
2.4 ดแู ลรกั ษำต้นไม้ในแหล่งศกึ ษำเรยี นรปู้ ำ่ ไม้ประจำท้องถ่ิน

กจิ กรรมที่ 3 ปลกู ไม้โตเร็ว (ไม้มีค่ำ) ในสถำนศกึ ษำ วงเงินจำนวน 30,000 บำท (สำมหมืน่ บำทถ้วน)
วธิ ีดำเนินงำน
3.1 สำรวจพนื ท่ีปลูก และจัดทำผังกำรปลูก
3.2 เตรียมวัสดุ อปุ กรณ์ และกลำ้ ไม้
3.3 ปลกู ตน้ ไม้ตำมผังกำรปลูก
3.4 ดแู ลรกั ษำตน้ ไม้

ระยะเวลาดาเนนิ การ ไตรมาส 3 ไตรมาส 4
ระหวำ่ งเดือนพฤษภำคม – เดือนกันยำยน 2563
เม.ย พ.ค ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย.
แผนการปฏบิ ัติงาน

หวั ข้อกจิ กรรม

กิจกรรมท่ี 1 ปรบั ภูมทิ ศั น์ ระหวำ่ งวนั ท่ี 21-25 พฤษภำคม
2563 ณ วทิ ยำลยั

กิจกรรมท่ี 2 เพิม่ พืนทีส่ ีเขียว ระหว่ำงวันที่ 4 -8 มิถุนำยน 2563
ณ วทิ ยำลัย

กิจกรรมที่ 3 ปลกู ไมโ้ ตเร็ว (ไม้มคี ่ำ) ในสถำนศกึ ษำ
ใกล้เคยี งกับวิทยำลยั 9-13 กรกฎำคม 2563

บทบาทภาคีทมี่ ีสว่ นร่วมในโครงการ (ภำครัฐ / ภำคเอกชน / ภำคประชำสงั คม)
1. กรมปำ่ ไม้
2. กรมอุทยำนแห่งชำติ สตั ว์ป่ำ และพนั ธพ์ุ ชื

6 กิจกรรมปลกู จิตสำนกึ รักษำทรัพยำกรธรรมชำติและป่ำไม้

ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ บั
1. แหลง่ ศึกษำเรียนรู้ปำ่ ไมป้ ระจำท้องถิ่นของวิทยำลัยเปน็ แหล่งเรยี นรู้ท่ีมีภูมิทศั น์สวยงำม น่ำสนใจ
2. มผี ้เู รยี นและประชำชนทวั่ ไปเขำ้ มำใชบ้ ริกำรแหล่งศกึ ษำเรยี นรู้ป่ำไม้ประจำทอ้ งถน่ิ ของวทิ ยำลยั
3. ผเู้ รียนมีควำมร้แู ละทกั ษะในกำรตกแตง่ สวนปำ่ ของวิทยำลยั และสวนป่ำชุมชน

การติดตามและการประเมินผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนของผเู้ รียน (แบบสงั เกต)
2. ประเมนิ กำรปฏบิ ัติงำนของผ้เู รียน (แบบประเมินผลกำรปฏบิ ตั ิงำน)
3. ประเมนิ ผลงำนของผเู้ รยี น (แบบประเมินผลงำน)
4. ประเมนิ ควำมพงึ พอใจผ้ใู ช้บรกิ ำร (แบบประเมินควำมพึงพอใจ)

ผู้รบั ผิดชอบโครงการ
ชื่อ-สกุล ....................................................................................................................................
โทรศัพท์ ...................................................... โทรสำร ...........................................................
e-mail : ..................................................................................................................................

กิจกรรมปลกู จติ สำนกึ รกั ษำทรัพยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้ 7

1. โลกสวยดว้ ยมอื เรา

1.1 มาคราเม่ (กระถางแขวน)

มำครำเม่ (Macrame) เป็นรูปแบบกำรมัดหรือถักเชือกให้เกิดลวดลำยต่ำง ๆ โดยช่วงศตวรรษท่ี 13
คำว่ำ Macramé สันนิษฐำนว่ำมำจำกคำว่ำ Migramah ในภำษำอำหรับ ซ่ึงมีควำมหมำยถึง พู่ หรือกำรถักลำยขอบ
ส่วนในภำษำกรีกจะอ่ำนว่ำ มำครำเม่ (Macramé) ซง่ึ เปน็ ชือ่ ท่เี รียกกันอย่ำงแพรห่ ลำยในปัจจุบนั ในอดีตมำครำเม่
ใชน้ ำมำประดับตกแตง่ บนตวั อฐู และมำ้ ในทะเลทรำยทำงตอนเหนือของแอฟริกำ รวมทั้งนำมำประดับตกแต่งงำน
ประติมำกรรมต่ำง ๆ ของชำวบำบิโลน และชำวแอสซีเรีย ต่อมำมำครำเม่ได้รับกำรนำมำเผยแพร่ต่อยังทวีปยุโรป
ผ่ำนสงครำม และกำรล่ำอำณำนิคมของพวกแขกมัวร์ จนกระทง่ั เป็นทนี่ ยิ มสงู สุดในหมู่ชำวองั กฤษในช่วงศตวรรษที่
19 ส่วนในไทยน้ันมำครำเม่เป็นท่ีรู้จักกันมำต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยำ ได้รับกำรสืบทอด และพัฒนำลวดลำยกัน
อยำ่ งแพร่หลำยจนถึงปจั จบุ นั

จำกศิลปะท่ีสะท้อนอำรยธรรมดั้งเดิม เรำสำมำรถนำลวดลำยมำประยุกต์ให้เรียบเท่ และทันสมัยข้ึนได้
เพื่อสร้ำงบรรยำกำศรว่ มสมยั ให้มมุ โปรดของบำ้ นใหด้ สู วยงำม นำ่ สนใจมำกย่ิงขนึ้

กำรถักเมครำเม่เกิดจำกกำรมัดเงื่อนเป็นลวดลำยต่อเน่ืองกันไปเรื่อย ๆ จนได้รูปทรงตำมต้องกำร นอกจำก
ของใช้ขนำดเล็กอย่ำงกระเป๋ำ ที่แขวนกระถำงต้นไม้ หรือผ้ำรองจำนแล้ว เรำยังสำมำรถใช้กำรถักเมครำเม่
มำสรำ้ งสรรคม์ ่ำนขนำดใหญส่ ำหรบั ก้นั พืน้ ท่ี และกรองแสง พรอ้ มกบั ใช้เปน็ งำนศิลปะตกแต่งบำ้ นได้ด้วย

กำรถักลวดลำยนั้นเรำสำมำรถกำหนดให้มีควำมถ่ีห่ำงแตกต่ำงกันตำมประโยชน์ใช้สอยซึ่งต้องกำรควำม
ทึบโปร่งต่ำงกัน อย่ำงกำรมัดแบบตัวหนอนแนวต้ัง (Vertical Half Hitch Cording) น้ันจะทำให้เกิดระนำบทึบ
ส่วนกำรมัดแบบแบน (Square Knot) เรำสำมำรถกำหนดควำมถี่ของลำยได้อย่ำงอิสระเพื่อให้ได้ควำมโปร่งของ

กิจกรรมปลกู จิตสำนึกรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้ 9

ฉำกตำมท่ีต้องกำร หำกใช้เชือกเส้นเล็ก ลวดลำยจะมีควำมละเอียดมำกดูพลิ้วไหวและอ่อนหวำน ในขณะที่เชือก
เสน้ ใหญ่จะทำใหป้ มใหญ่ขึ้นทำให้ดูดิบ เท่ และโมเดิรน์ กวำ่

BASIC KNOTS GUIDELARK’S HEAD KNOT
เรำสำมำรถใช้กำรมัดเชือกเป็นลวดลำยง่ำย ๆ แต่ทำให้ดูมีรำยละเอียดที่น่ำสนใจข้ึนได้ไม่ยำก โดยเร่ิม
จำกกำรฝึกมัดลำยพื้นฐำน อย่ำงกำรมัดแบบแบน (Square Knot) และกำรมัดแบบตัวหนอนแนวตั้ง (Vertical
Half Hitch Cording) ซึ่งสำมำรถสร้ำงสรรค์ลวดลำยได้อย่ำงอิสระ และทำให้คุณสำมำรถประยุกต์งำนออกแบบ
ใหม่ ๆ ได้มำกมำย

SQUARE KNOT
01 สอดเชือกเสน้ ซ้ำยทบั เส้นแกนกลำง ลอดใต้เสน้ ขวำ
02 พนั เชอื กเส้นขวำลอดใตเ้ สน้ แกน ออกมำทบั เส้นซำ้ ยด้ำนหนำ้
03 ดึงเชอื กเสน้ ซำ้ ยและขวำใหต้ ึงพอประมำณ
04 สอดเชอื กเส้นขวำทบั เสน้ แกนกลำงแล้วพันเชือกเส้นซำ้ ยลอดใตเ้ สน้ แกนกลำงมำทบั เส้นขวำดำ้ นหน้ำ
05 ดงึ เชือกเส้นซ้ำย ขวำ และแกนกลำงใหต้ ึง

LARK’S HEAD KNOT
01 พับครงึ่ ทบเชือกซอ้ นหลงั แกนไม้ พนั มำดำ้ นหนำ้
02 รอ้ ยปลำยเชือกเข้ำไปในหว่ ง
03 ดึงเชือกให้ตึง พรอ้ มสำหรับกำรถกั ลำยต่อไป
*หมำยเหตุ เงื่อนน้ใี ชส้ ำหรับกำรผกู เชือกเขำ้ กับแกนไม้ โดยสำมำรถเพ่ิมจำนวนเสน้ เชือกเพ่ือให้ไดข้ นำด
ควำมกวำ้ งของชนิ้ งำนตำมตอ้ งกำร

10 กิจกรรมปลูกจติ สำนกึ รกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้

VERTICAL HALF HITCH CORDING
01 เพมิ่ เชือกเสริม (a) เพือ่ ใชเ้ ป็นแกนในกำรถกั ลำย โดยผูกไวก้ ับแกนไม้ดำ้ นบน พนั เส้น a อ้อมใต้เชอื ก
เส้นท่ี 1 รอ้ ยเข้ำในวงระหวำ่ งเสน้ a และเสน้ 1
02 ดงึ เสน้ a มำพนั ทับดำ้ นหนำ้ เสน้ 1 ร้อยเขำ้ ในวงออกมำดำ้ นหนำ้
03 ดงึ เสน้ a ใหต้ ึงและจัดปมใหเ้ รียบรอ้ ย ก่อนเรม่ิ ถักเสน้ ท่ี 2ต่อไป
04 เมอ่ื ถกั ไปเร่อื ย ๆ จะได้ลำยตัวหนอนต่อเนอื่ งไปดำ้ นขำ้ งตำมแนวหนำ้ กว้ำงของชน้ิ งำน

มาคราเมก่ ระถาง

กำรนำมำครำเม่มำใช้ประโยชน์ในกำรตกแต่งอำคำรบ้ำนเรือนได้สวยงำมและมีควำมสดช่ืน เช่น กำรทำ
มำครำเมส่ ำหรับห้อยกระถำงต้นไม้ ใช้ประดับตกแต่งให้คนได้ใกล้ชิดกับธรรมชำติมำกยิ่งข้ึน เป็นชิ้นงำนสร้ำงสรรค์ที่ทำ
ไดไ้ ม่ยำก

กจิ กรรมปลกู จติ สำนึกรักษำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละป่ำไม้ 11

วสั ดุอุปกรณ์ ได้แก่ เชอื ก (ควำมยำว 2.5 เมตร จำนวน 6 เสน้ และควำมยำว 3 เมตร จำนวน 2 เส้น)
ตะขอ กระถำงต้นไม้ (ขนำด 5 น้ิว) ต้นไม้
วธิ ีทำ

1. นำเชอื กควำมยำว 2.5 เมตร จำนวน 6 เสน้ วำงเรียงกนั และนำเชอื กควำมยำว 3 เมตร ปะกบ
ซำ้ ย-ขวำ รวมเปน็ 8 เสน้

2. วดั ควำมยำวคร่งึ หน่งึ ของเชือก 2.5 เมตร และทำเคร่ืองหมำยตรงเหนอื ขึ้นไป 1 น้วิ
3. เรมิ่ มัดเชอื ก แบบที่ 1-5 จนไดร้ ะยะควำมยำวเท่ำกบั 2 นิว้

4. นำเชือกพบั ครง่ึ แล้วมัดรวมกนั เปน็ 16 เส้น แล้วมัดตำมแบบที่ 1-5 อกี มคี วำมยำวเท่ำกบั 1 นวิ้
5. แบง่ เชอื กออกเป็น 4 ชดุ ชดุ ละ 4 เสน้ แลว้ มดั เชือก แบบท่ี 1-5 จนมีควำมยำวเทำ่ กับ 10 น้ิว ทำจน

ครบ 4 ชุด
6. วดั ระยะห่ำงลงมำอีก 6 นวิ้ และแบง่ เชือกแตล่ ะชดุ ออกเปน็ 2 เส้น ให้ชดุ ที่ 1 มำรวมกบั 2 เสน้ ชดุ ที่ 2

แล้วมัดแบบท่ี 1-5 1 คร้งั ทำเช่นนจี้ นครบทง้ั 4 ชดุ
7. วัดระยะห่ำงลงมำอกี 6 นวิ้ และทำเชน่ เดียวกบั ข้อ 6
8. นำกระถำงตน้ ไม้มำวัดขนำด เพอื่ จะรวบมดั ปลำยเชือกให้มรี ะยะท่ีเหมำะสมพอดี
ขัน้ ตอนการดาเนนิ กิจกรรม

1. ศกึ ษำขอ้ มูลเกย่ี วกับกำรทำมำครำเม่ สำหรับเป็นกระถำงแขวนตน้ ไม้
2. วำงแผนกำรจัดกิจกรรม โดยกำหนดพื้นท่ีท่ีจะดำเนินกำร กำหนดพันธ์ุไม้ กำหนดวัสดุอุปกรณ์
กำหนดจำนวนผู้เข้ำรว่ มกจิ กรรม กำหนดช่วงเวลำดำเนนิ กจิ กรรม กำหนดงบประมำณและทรัพยำกรท่จี ะใช้ในกำร
ดำเนนิ กิจกรรม
3. ดำเนินกิจกรรมตำมแผนงำน (ตำมระเบียบทำงรำชกำร ขออนุมัติโครงกำร แต่งตั้งคณะกรรมกำร
ดำเนินงำน เบิกจ่ำยงบประมำณ รับสมัครผู้เข้ำร่วมกิจกรรม จัดหำวัสดุอุปกรณ์ ดำเนินกิจกรรมกำรทำมำครำเม่
กระถำงแขวน และกำรตกแตง่ สถำนท่ี อำคำรด้วยมำครำเม่)
4. รำยงำนสรปุ ผลกำรดำเนนิ งำน

12 กิจกรรมปลกู จิตสำนกึ รกั ษำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละปำ่ ไม้

1.2 กระถางจากวสั ดุของเหลอื (Reuse)

กระถำงต้นไม้รีไซเคิล เป็นกำรช่วยลดปริมำณขยะลง นำมำประดิษฐ์กระถำงให้เกิดประโยชน์ และเป็นมิตร
ต่อส่ิงแวดลอ้ ม นอกจำกน้ียงั สำมำรถเพ่มิ มลู ค่ำวสั ดขุ องเหลอื ให้มรี ำคำและสำมำรถสรำ้ งให้เกิดรำยได้อกี ด้วย

กระถำงจำกมะพร้ำว

วิธีทำ
1. คดั เลอื กลูกมะพร้ำวทีม่ ขี นำดเหมำะสม
2. วำดเป็นรปู ทตี่ ้องกำร โดยเรมิ่ จำกกน้ มะพร้ำว
3. ใชเ้ ล่อื ยและคัตเตอร์กรีดตำมรอยเปลอื กมะพรำ้ วตำมทว่ี ำดไว้
4. ใช้กระดำษทรำยขดั ใหผ้ ิวเรยี บ
5. เลอื่ ยกะลำมะพรำ้ วดำ้ นบนออก นำเนื้อมะพรำ้ วออก ขดั ผวิ กะลำมะพร้ำวอีกคร้งั
6. เจำะกะลำมะพร้ำวสำหรับใชแ้ ขวน

7. ทำแลคเกอร์เคลือบให้เกดิ ควำมสวยงำม
8. นำลวดมำแขวน โดยรอ้ ยรูทเ่ี จำะไวแ้ ละปลกู ตน้ ไม้

กจิ กรรมปลูกจิตสำนกึ รักษำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละปำ่ ไม้ 13

กระถางจากขวดพลาสติก
14 กิจกรรมปลูกจติ สำนึกรักษำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละปำ่ ไม้

กระถำงจำกวสั ดุอ่นื ๆ

กจิ กรรมปลูกจติ สำนึกรกั ษำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละปำ่ ไม้ 15

ขน้ั ตอนการดาเนินกิจกรรม
1. ศกึ ษำข้อมูลเก่ยี วกบั กำรประดษิ ฐ์กระถำงจำกวสั ดขุ องเหลอื reuse
2. วำงแผนกำรจัดกิจกรรม โดยกำหนดวัสดุอุปกรณ์ กำหนดจำนวนผู้เข้ำร่วมกิจกรรม กำหนดช่วงเวลำ

ดำเนนิ กจิ กรรม กำหนดงบประมำณและทรัพยำกรท่ีจะใชใ้ นกำรดำเนนิ กจิ กรรม
3. ดำเนินกิจกรรมตำมแผนงำน (ตำมระเบียบทำงรำชกำร ขออนุมัติโครงกำร แต่งตั้งคณะกรรมกำร

ดำเนินงำน เบิกจ่ำยงบประมำณ รับสมัครผู้เข้ำร่วมกิจกรรม จัดหำวัสดุอุปกรณ์ ดำเนินกิจกรรมกำรประดิษฐ์
กระถำงจำกวสั ดขุ องเหลอื reuse)

4. รำยงำนสรุปผลกำรดำเนนิ งำน
1.3 งานประดิษฐจ์ ากธรรมชาติและเศษวสั ดุ

งำนประดษิ ฐ์ เปน็ งำนทเ่ี กดิ จำกกำรใชค้ วำมคดิ สรำ้ งสรรคป์ ระดษิ ฐข์ นึ้ ตำมวัตถปุ ระสงคห์ ลำกหลำย เพ่ือ
ใช้ประโยชน์ เพอื่ ประดบั ตกแต่ง ฯลฯ โดยยดึ หลกั กำรออกแบบ กำรทำโครงสร้ำงของชน้ิ งำน กำรเลอื กวสั ดุ และ
ทดลองใช้ และปรับปรุงให้มคี วำมเหมำะสมยิง่ ขนึ้

16 กจิ กรรมปลกู จติ สำนึกรักษำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละปำ่ ไม้

ขน้ั ตอนการดาเนินกจิ กรรม
1. ศกึ ษำข้อมูลเกย่ี วกับงำนประดิษฐ์จำกธรรมชำตแิ ละเศษวสั ดุตำ่ ง ๆ
2. วำงแผนกำรจัดกิจกรรม โดยกำหนดวัสดุอุปกรณ์ กำหนดจำนวนผู้เข้ำร่วมกิจกรรม กำหนดช่วงเวลำ

ดำเนินกิจกรรม กำหนดงบประมำณและทรัพยำกรทีจ่ ะใชใ้ นกำรดำเนนิ กจิ กรรม
3. ดำเนินกิจกรรมตำมแผนงำน (ตำมระเบียบทำงรำชกำร ขออนุมัติโครงกำร แต่งตั้งคณะกรรมกำร

ดำเนินงำน เบิกจำ่ ยงบประมำณ รบั สมัครผเู้ ขำ้ รว่ มกิจกรรม จดั หำวสั ดุอุปกรณ์ ดำเนินกิจกรรมงำนประดิษฐ์จำก

ธรรมชำตแิ ละเศษวสั ดุ)
4. รำยงำนสรุปผลกำรดำเนินงำน

กิจกรรมปลูกจิตสำนกึ รกั ษำทรัพยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้ 17

1.4 งานประดษิ ฐ์หลอดไฟจากขวดพลาสตกิ ด้วยพลงั งานแสงอาทติ ย์
ไอเดยี จำก นำย อลิ ลัก ดิอำซ ชำวฟลิ ปิ ปินส์ พอพูดถงึ ช่วงเวลำนี้ท่วั โลกต่ำงตระหนักถึงควำมสำคัญของ

กำรใช้ทรัพยำกรธรรมชำติและกำรประหยดั พลังงำนหรอื กำรใช้พลังงำนทำงเลอื ก นำย อิลลัก ดิอำซ ชำวฟิลิปปินส์ เป็น
ผู้หนึ่งที่ได้คิดค้นกำรใช้พลังงำนแสงอำทิตย์ มำเป็นแสงสว่ำงในครัวเรือน และประดิษฐ์ หลอดไฟพลังงำน
แสงอำทิตย์ โดยใชแ้ คข่ วดน้ำพลำสติกเพียงอย่ำงเดยี วเท่ำนั้น! และทำงำ่ ยมำก

อปุ กรณ์
1. หลังคำแบบเดยี วกบั หลงั คำบ้ำน
2. ขวดน้ำพลำสติก
3. คลอรนี ชนดิ น้ำ
4. นำ้ กรอง
5. กรรไกรตัดสังกะสี เครอ่ื งเจียพร้อมใบตัดกระเบ้อื งและตวั เจำะรนู ำ
6. สวิ่ ค้อนและตะปขู นำดตั้งแต่ 1-4 น้วิ
7. สกรแู ละสวำ่ น
8. ซิลิโคน
9. เทปกำวและเทปพนั สำยไฟ
10.กระดำษทรำย
วิธีทาหลอดไฟจากพลงั งานแสงอาทติ ย์ มี 2 วิธี ดงั น้ี
วธิ ที ี่ 1
1. นำขวดนำ้ พลำสตกิ ไปบรรจุนำ้ ให้เตม็ อำจจะเตมิ สำรฟอกขำวลงไปเล็กนอ้ ยเพื่อป้องกันแบคทีเรียท่ี
จะเตบิ โตในขวด
2. เจำะรทู ีห่ ลงั คำ ขนำดเทำ่ ขวดนำ้ พลำสตกิ นำขวดนำ้ ไปหย่อนลงไปในรทู ่เี จำะไว้
3. อุดรอยรอบ ๆ รใู ห้มิดชดิ กนั นำ้ ฝนร่ัวลงมำ
4. ฉำบฝำขวดกับขวดด้วยปูน หรอื ซลิ ิโคนกไ็ ด้ เรำกจ็ ะไดห้ ลอดไฟ พลังงำนแสงอำทติ ยไ์ ว้ใชใ้ นบ้ำนแล้ว

18 กจิ กรรมปลูกจติ สำนึกรกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำติและป่ำไม้

วธิ ที ่ี 2
1. เจำะรูแผ่นเศษหลังคำ ให้สำมำรถนำขวดเข้ำไปได้ ข้อแนะนำควรใช้แผ่นเศษหลังคำชนิดเดียวกับ

ตัวหลังคำบ้ำน
2. ใช้กระดำษทรำยขัดบริเวณกลำงขวดให้ลึกลงไปประมำณ 1-2 ซม. เพื่อให้ซิลิโคนยึดเกำะกับตัวขวด

ได้ดีข้นึ
3. นำขวดนำ้ 1.5 ลติ ร ไปใสใ่ นช่องวงกลมที่เจำะไว้ และปรบั แต่งใหต้ รงตำมภำพ และใส่น้ำผสมคลอรีน

ชนดิ นำ้ เติมให้เต็มขวดและปิดฝำให้สนิท เพรำะน้ำกับคลอรีนเป็นส่วนที่ทำให้เกิดแสงสว่ำง ถ้ำต้องกำรให้สว่ำง
มำกก็ใสน่ ้ำผสมคลอรนี ลงไปใหเ้ ยอะหน่อย

4. นำขวดทีใ่ สน่ ำ้ และคลอรีนแล้วทำบตำมจุดที่ต้องกำรบนหลังคำ เจำะหลังคำและหยอ่ นขวดลงไป และ
ใช้ซิลโิ คนยิง ยึดชิ้นงำนกับหลงั คำด้วยสกรยู ึดให้ครบ ทัง้ 4 ด้ำน หรือตอกตะปกู ็ได้ เพอื่ ควำมแขง็ แรงท่ีมำกขึ้น

หลอดไฟจำกขวดน้ำนี้ เหมำะสำหรับที่แสงแดด สำมำรถตกกระทบกับหลังคำได้ เพรำะ จำเป็นต้องใช้
แสงอำทิตย์เป็นตัวส่องสว่ำง แสงสว่ำงที่เกิดจำกกำรหักเหของแสงอำทิตย์ มีค่ำเท่ำกับแสงสว่ำงของหลอดไฟฟ้ำ
60 วัตต์ และแต่ละขวดก็มีอำยุกำรใช้งำนที่ยำวนำนสูงสุดถึง 5 ปี ทำให้ผู้ท่ีใช้สำมำรถประหยัดค่ำไฟฟ้ำลงไป
ไดม้ ำก ทง้ั ยังเป็นวิธที ร่ี ไี ซเคิลขวดพลำสตกิ ไดด้ มี ำกด้วย

กิจกรรมปลกู จิตสำนึกรักษำทรพั ยำกรธรรมชำติและป่ำไม้ 19

ข้อควรระวงั
1. ต้องใหแ้ น่ใจวำ่ ไดย้ ึดติดขวดท่เี ปน็ หลอดไฟกบั หลงั คำไว้อยำ่ งแนน่ หนำ ไม่ตกหลน่ ลงมำท่พี น้ื
2. ต้องอดุ รอยตอ่ ระหว่ำงขวดกับหลังคำไม่ให้มรี อยรว่ั มเิ ชน่ นน้ั เมอ่ื ฝนตกมำจะทำใหน้ ้ำฝนไหลลงมำ

จำกหลงั คำได้
3. หลอดไฟทีป่ ระดษิ ฐล์ ักษณะน้ี ไม่เหมำะกับหลงั คำที่มฝี ้ำเพดำน
4. กำรข้ึนทำงำนบนทสี่ ูงตอ้ งคำนงึ ถึงควำมปลอดภยั เปน็ สำคญั

ขั้นตอนการดาเนนิ กจิ กรรม
1. ศึกษำขอ้ มลู เกีย่ วกบั กำรประดิษฐ์หลอดไฟด้วยพลังงำนแสงอำทิตย์
2. วำงแผนกำรจัดกิจกรรม โดยกำหนดวัสดุอุปกรณ์ กำหนดจำนวนผู้เข้ำร่วมกิจกรรม กำหนดช่วงเวลำ

ดำเนนิ กจิ กรรม กำหนดงบประมำณและทรัพยำกรทจ่ี ะใชใ้ นกำรดำเนินกิจกรรม
3. ดำเนินกิจกรรมตำมแผนงำน (ตำมระเบียบทำงรำชกำร ขออนุมัติโครงกำร แต่งตั้งคณะกรรมกำร

ดำเนินงำน เบิกจ่ำยงบประมำณ รับสมัครผู้เข้ำร่วมกิจกรรม จัดหำวัสดุอุปกรณ์ ดำเนินกิจกรรมกำรประดิษฐ์
หลอดไฟด้วยพลงั งำนแสงอำทิตย์)

4. รำยงำนสรปุ ผลกำรดำเนินงำน

1.5 สง่ิ ประดิษฐ์โดยใช้พลังงานทางเลือก

พลังงานลม
กรมพัฒนำพลังงำนทดแทนและอนุรักษ์พลังงำน (พพ.) กระทรวงพลังงำน ได้สรุปถึงพลังงำนลม ดังน้ี
ลมเปน็ ปรำกฏกำรณท์ ำงธรรมชำติ ซง่ึ เกดิ จำกควำมแตกตำ่ งของอุณหภูมิ ควำมกดดันของบรรยำกำศและแรงจำก
กำรหมุนของโลก ส่ิงเหล่ำนี้เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดควำมเร็วลมและกำลังลม เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่ำลมเป็น
พลังงำนรูปหนึ่งท่ีมีอยู่ในตัวเอง ซึ่งในบำงคร้ังแรงท่ีเกิดจำกลมอำจทำให้บ้ำนเรือนท่ีอยู่อำศัยพังทลำยต้นไม้
หักโค่นลง ส่งิ ของวัตถตุ ำ่ ง ๆ ล้มหรือปลวิ ลอยไปตำมลม ฯลฯ ในปัจจบุ ันมนษุ ย์จึงไดใ้ หค้ วำมสำคัญและนำพลังงำน
จำกลมมำใช้ประโยชนม์ ำกขึ้น เน่อื งจำกพลงั งำนลมมีอยู่โดยทว่ั ไป ไมต่ อ้ งซอ้ื หำ เปน็ พลงั งำนท่ีสะอำดไม่ก่อให้เกิด
อนั ตรำยต่อสภำพแวดลอ้ ม และสำมำรถนำมำใช้ประโยชนไ์ ดอ้ ยำ่ งไมร่ ู้จกั หมดสน้ิ
กงั หนั ลม คอื เครอ่ื งจักรกลอยำ่ งหนึง่ ทีส่ ำมำรถรับพลังงำนจลน์จำกกำรเคลื่อนที่ของลมให้ เป็นพลังงำน
กลได้ จำกนัน้ นำพลงั งำนกลมำใชป้ ระโยชน์โดยตรง เช่น กำรบดสีเมล็ดพืช กำรสูบน้ำ หรือในปัจจุบันใช้ผลิตเป็น
พลังงำนไฟฟ้ำ กำรพัฒนำกังหนั ลมเพอื่ ใช้ประโยชน์มีมำต้ังแต่ชนชำวอียิปต์โบรำณและมีควำมต่อเน่ืองถึงปัจจุบัน
โดยกำรออกแบบกงั หันลมจะตอ้ งอำศยั ควำมรู้ทำงดำ้ นพลศำสตร์ของลมและหลัก วิศวกรรมศำสตร์ในแขนงต่ำง ๆ
เพือ่ ใหไ้ ดก้ ำลงั งำน พลงั งำน และประสิทธิภำพสูงสดุ
กงั หนั ลมแบบสบู ชกั เป็น กังหันลมชนิดหลำยใบ ส่วนใหญ่ใช้ในกำรสูบน้ำจำกบ่อ สระน้ำ หนองน้ำ และ
แหลง่ น้ำอื่น ๆ ทม่ี คี วำมลึกไม่มำกนัก เพื่อใชอ้ ุปโภค ใชใ้ นทำงกำรเกษตรและใชใ้ นฟำร์มเลี้ยงสัตว์ มีควำมสำมำรถ
ในกำรยกหรอื ดูดน้ำไดใ้ นระยะท่สี ูงกว่ำแบบระหัด เพ่อื ควำมเข็งแรงวสั ดุที่ใช้ทำใบพัดและโครงสร้ำงเสำของกังหัน
ลมชนิดนี้มักเป็นโลหะเหลก็ ถ้ำผลติ ในประเทศขนำดเสน้ ผ่ำศนู ย์กลำงใบพัด ประมำณ 4-6 เมตร จำนวนใบพดั 18,
24, 30, 45 ใบ กำรติดตั้งแกนใบพัดสูงจำกพ้ืนดินประมำณ 12-15 เมตร ตัวห้องเครื่องถ่ำยแรงจะเป็นแบบ
ข้อเหวี่ยงหรือเฟืองขับ กระบอกสูบน้ำมีขนำดต้ังแต่ 3-15 น้ิว ปริมำณน้ำที่สูบได้ขึ้นอยู่กับขนำดกระบอกสูบน้ำ
และปริมำณควำมเร็วลม กังหันลมเริ่มหมุนทำงำนท่ีควำมเร็วลม 3.0 เมตร/วินำที ข้ึนไปและสำมำรถทำงำน
ตอ่ เนือ่ งไดด้ ว้ ยแรงเฉื่อยท่ีควำมเร็วลม 2.0 เมตร/วินำที แกนใบพัดสำมำรถหมุนเพ่ือรับแรงลมลมได้รอบตัวโดยมี
ใบแพนหำงเสือเปน็ ตวั ควบคุมกำรหมุน มีระบบควำมปลอดภัยหยดุ หมุนในกรณที ีล่ มแรงเกนิ กำหนด

20 กจิ กรรมปลูกจิตสำนกึ รกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละป่ำไม้

สว่ นประกอบทีส่ าคัญของ กังหนั ลมแบบสบู ชักเพ่ือสูบนา้
1) ใบพัด ทำจำกเหล็กกำวำไนท์หรือแผ่นสังกะสีชนิดหนำอย่ำงดี ไม่เป็นสนิมทนทำนต่อกำลังลม
ทำหนำ้ ทีร่ ับแรงลมแลว้ เปลย่ี นพลังงำนจลน์ จำกลมเป็นพลงั งำนกลและสง่ ต่อไปยงั เพลำประธำน
2) ตัวเรือน ประกอบไปด้วยเพลำประธำนหรือเพลำหลักทำด้วยเหล็กสแตนเลสท่ีมีควำมแข็งเหนียว
ทนต่อแรงบิดสูง ชุดตัวเรือนเพลำประธำนเป็นตัวหมุนถ่ำยแรงกลเข้ำตัวห้องเคร่ือง ภำยในห้องเคร่ืองจะเป็นชุด
ถ่ำยแรงและเกียรท์ เ่ี ป็นแบบข้อเหว่ียงหรือแบบเฟืองขบั เพ่อื ถ่ำยเปลยี่ นแรงจำกแนวรำบเป็นแนวด่ิงเพื่อดึงก้ำนชัก
ขนึ้ ลง ใชน้ ำ้ มนั เป็นตัวหลอ่ ล่ืนในหอ้ งเครอื่ ง
3) ชุด แพนหำง ประกอบไปด้วยใบแพนหำงทำจำกเหล็กแผ่น ที่ทำหน้ำท่ีบังคับตัวเรือนและใบพัด
เพื่อให้หันรบั แรงลมในแนวรำบได้ทุกทิศทำง และโซ่ล็อคแพนหำงซึ่งทำหน้ำท่ีล็อคแพนหำงให้พับขนำนกับใบพัด
เมอ่ื ได้รบั แรง ลมทคี่ วำมเร็วลมเกนิ 8 เมตร/วนิ ำที และสำ่ ยหนแี รงปะทะของแรงลม

4) โครงเสำ ทำด้วยเหล็กประกอบเป็นโครงถัก (Truss Structure) ควำมสูงของกังหันลมสูบน้ำ มี
ควำมสำคัญอย่ำงมำกในกำรพิจำรณำติดต้ังกังลม เพ่ือให้สำมำรถรับลมได้ดี กำหนดที่ควำมสูงประมำณ 12-15 เมตร
และมแี กนกลำงเป็นตวั บงั คับก้ำนชกั ให้ชกั ขึน้ ลงในแนวดิ่ง

5) ก้ำนชัก ทำด้วยเหล็กกลมตนั รับแรงชักขึ้นลงในแนวดิ่งจำกเฟืองขับในตัวเรือน เพื่อทำหน้ำท่ีป้ัมอัด
กระบอกสูบน้ำ และถูกบังคับให้ชักขึ้นลงได้ในแนวด่ิงด้วยตัวประคองก้ำนชัก (Slip Control) ที่อยู่ก่ึงกลำงโครงเสำ
ในแต่ละชว่ ง

6) กระบอกสบู นำ้ ลกู สูบของกระบอกสูบน้ำวัสดุส่วนใหญ่เป็นทองเหลืองหรือสแตนเลส มีควำมคงทน
ต่อกรดและด่ำง สำมำรถรบั แรงดูดและแรงสง่ ไดส้ ูง มหี ลำยขนำดแตท่ ใี่ ช้ทว่ั ไปมขี นำด 3-15 นิ้ว ใช้สบู นำ้ ได้ท้ังจำก
บ่อบำดำลและแหลง่ น้ำตำมธรรมชำติอ่ืน ๆ กำรเลอื กใช้ข้นึ อยกู่ บั ระยะหวั น้ำและกำรออก

7) ท่อน้ำ ซ่ึงจะประกอบไปด้วยท่อดูดขนำด 2 นิ้ว ต่อระหว่ำงปั้มน้ำกับแหล่งน้ำท่ีจะสูบและติดฟุตวำล์ว
กนั นำ้ ไหลกลับ ทอ่ ส่งขนำด 1.5 นวิ้ ต่อระหวำ่ งปั้มน้ำกับถังกกั เก็บนำ้ เพือ่ สง่ น้ำทีด่ ดู ได้ไปไวท้ ถี่ ังเก็บนำ้

ทีม่ ำ : กรมพัฒนำพลังงำนทดแทนและอนุรักษ์พลังงำน (พพ.) กระทรวงพลงั งำน 21

กจิ กรรมปลูกจิตสำนกึ รกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำติและป่ำไม้

กำรใชพ้ ลงั งำนลมเพอ่ื ฉุดน้ำจำกที่ต่ำมำใช้ในพ้ืนท่ีสูงในประเทศไทยน้ัน ได้มีกำรใช้มำเป็นเวลำนำนแล้วและยังใช้
มำจนถึงปจั จุบัน พบเห็นได้จำกกำรใช้กังหันลมฉุดน้ำเพื่อทำนำเกลือ กังหันลมแบบระหัดฉุดน้ำเป็นกำรประดิษฐ์
คิดค้นข้ึนด้วยภูมิปัญญำชำวบ้ำนใน สมัยโบรำณของไทย เพ่ือใช้ในนำข้ำว นำเกลือและนำกุ้ง เช่นเดียวกันกับ
กำรประดิษฐ์กังหันลมวินด์มิลล์ (Windmills) เพ่ือฉุดน้ำและใช้แรงกลช่วยในกำรแปรผลิตผลทำงกำรเกษตรของ
ชำวยุโรป วัสดุท่ีใช้ประดิษฐ์กังหันลมแบบระหัดฉุดน้ำ เป็นวัสดุท่ีสำมำรถหำได้ง่ำยในท้องถิ่น รำคำถูกและมี
ควำมเหมำะสมต่อกำรใช้งำนตำมสภำพพื้นท่ีภูมิประเทศ ใบพัดกังหันลมปกติจะมีจำนวน 6 ใบพัด วัสดุท่ีใช้ทำ
ใบกังหันลมจะทำมำจำกเส่ือลำแพนหรือผ้ำใบ โดยตัวโครงเสำ รำงน้ำ และใบระหัด จะทำจำกไม้เน้ือแข็งซ่ึงมี
ควำมทนทำนต่อน้ำเค็ม สำมำรถใช้งำนได้ยำวนำน กังหันลมแบบระหัดฉุดน้ำใช้ควำมเร็วลมต้ังแต่ 2.5 เมตร/วินำที
ขึ้นไปในกำรหมุนใบพัดกังหันลม หำกมีลมแรงมำกไปก็สำมำรถปรับม้วนใบเก็บให้เหลือสำหรับรับแรงลมเพียง 3 ใบ
เพ่อื ใหม้ คี วำมเหมำะสมสำหรับกำรใช้งำน เมอ่ื ไมต่ ้องกำรใช้งำนก็ม้วนใบเก็บทัง้ 6 ใบ

ส่วนประกอบทีส่ ำคัญของกังหนั ลมแบบระหดั ฉดุ นำ้
1) ส่วนของใบพัด ก้ำนใบทำจำกไม้ยึดติดกับแกนหมุน ใบรับลมทำจำกเสื่อลำแพนหรือผ้ำใบ ปัจจุบันมี
กำรประยกุ ต์ใช้แผน่ พลำสติก มจี ำนวน 6 ใบ แกนหมนุ ตั้งในแนวนอนอยู่บนเสำไม้
2) เสำของกังหนั ลม ทำจำกไม้จำนวน 2 ต้น ปกั ไวเ้ ปน็ คู่เพ่ือรองรบั แกนหมนุ
3) สำยพำนขับแกนเพลำ ทำจำกเชือกที่มีควำมเหนียวและทนต่อแรงเสียดสี ทำหน้ำที่ถ่ำยแรงจำกกำรหมุน
ของแกนหมนุ ไปยังแกนเพลำให้หมนุ ตำมเพอ่ื ใช้ฉุดระหัดไม้
4) แกนเพลำ ทำจำกเหล็กหรือไม้กลม วำงอยู่บนเสำไม้คู่เหนือพื้นดินที่พอเหมำะ มีซี่ไม้ลักษณะคล้ำย
เฟอื งยดึ ตดิ กลำงแกนเพลำเพือ่ ขับหมุนฉดุ แผ่นระหดั
5) ส่วนของรำงน้ำและระหัด ทำจำกไม้ ลักษณะรำงน้ำเป็นกล่องรำงไม้ตัวยู (u) หงำยขึ้น พำดเฉียง
ระหว่ำงท้องนำ้ กับพน้ื นำเกลือแล้วใชไ้ มแ้ ผน่ ขนำดเท่ำหน้ำตดั ของกล่องรำงน้ำทำระหัดเรียงต่อกันเป็นซี่ ๆ ด้วยเชือก
หรอื โซห่ ำ่ งกนั พอประมำณเพอ่ื กักเก็บและฉดุ น้ำเคล่อื นตัวจำกที่ตำ่ ข้ึนที่สูง
ปี พ.ศ. 2524 ผู้เชีย่ วชำญด้ำนพลงั งำนลมในประเทศไทยได้ประเมินกำรใช้งำนกังหันลมแบบระหัดฉุดน้ำ

ที่มใี บพดั ทำดว้ ยไม้ ที่ใช้ในนำขำ้ วมจี ำนวนประมำณ 2,000 ชุด และกังหันลมแบบระหัดฉุดน้ำที่มใี บพัดทำด้วยเสื่อ

ลำแพนหรือแบบผ้ำใบ ท่ีใช้ในนำเกลือหรือนำกุ้งมีจำนวนประมำณ 3,000 ชุด ต่อมำได้พบว่ำจำนวนกังหันลม

ดังกล่ำวลดลงอย่ำงรวดเรว็ เน่ืองจำกมกี ำรเปลี่ยนแปลงจำกกำรพฒั นำพนื้ ท่ีเกษตรกรรมเป็นอุตสำหกรรม และกำรเข้ำมำ

แทนท่ีของเครื่องยนต์สูบน้ำ ในปี พ.ศ. 2531 มีกำรสำรวจจำนวนกังหันลมเฉพำะในบริเวณ 20 ตำรำงกิโลเมตร

ของจงั หวดั สมุทรสำครและสมุทรสงครำมพบวำ่ มีกงั หันลมเหลอื อยู่จำนวน 667 ชุด ในปัจจุบันจำนวนกังหันลมเหลืออยู่

น้อยมำก กังหันลมถือได้ว่ำเป็นชนิดด้ังเดิมจำกภูมิปัญญำชำวบ้ำนของคนไทย โบรำณ ที่สำมำรถใช้พลังงำนลม

ทดแทนพลงั งำนไฟฟำ้ เพ่ือสูบนำ้ ไดเ้ ปน็ อย่ำงดี

กงั หันลมใบเสื่อลำแพฉดุ น้ำเขำ้ นำเกลือ วธิ กี ำรใบพัดเมอ่ื ต้องใช้งำน รำงและระหดั ไมฉ้ ดุ นำ้ เขำ้ นำเกลือ
22
กจิ กรรมปลูกจิตสำนกึ รักษำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละปำ่ ไม้

พลังงานน้า
พระบำทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหำภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกำลท่ี 9 ทรงเห็นปัญหำมลภำวะด้ำนสิ่งแวดล้อม
โดยเฉพำะปัญหำนำ้ เน่ำเสยี พระองคจ์ ึงทรงประดษิ ฐเ์ ครื่องกลเติมอำกำศบำบัดน้ำเสียขึ้น โดยทรงนำ “หลุก” ซ่ึงเป็น
อุปกรณ์วิดน้ำเข้ำนำภูมิปัญญำชำวบ้ำนภำคเหนือ มำเป็นแนวคิดเบื้องต้น พระองค์ออกแบบเครื่องกล ให้มีลักษณะ
เป็นกังหันหมุนช้ำ แบบทุ่นลอย ทำให้เกิดอำกำศท่ีผิวน้ำ ส่งผลให้คุณภำพแหล่งน้ำดีข้ึน และทรงพระรำชทำนชื่อว่ำ
กังหันนำ้ ชัยพฒั นำ ต่อมำได้รับรำงวัลเหรยี ญทอง จำกองคก์ รด้ำนนวตั กรรมแหง่ เบลเยย่ี ม พ.ศ. 2543

งานประดษิ ฐ์สรา้ งสรรค์ จากพลงั งานธรรมชาติ
ระหดั วิดน้าจิว๋
ใช้ประโยชน์จำกไมไ้ ผ่ เพ่ือสรำ้ งระหัดวิดน้ำทม่ี ขี นำดยอ่ ส่วน
จำกของจริง สำมำรถวิดน้ำไดจ้ ริง นำมำใช้ตกแต่งสวน

กงั หนั ลมแต่งสวน

กจิ กรรมปลูกจิตสำนกึ รกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้ 23

งานประดษิ ฐ์กังหนั ไมไ้ อตมิ

งานประดษิ ฐใ์ นการตกแต่งสวน
โดยใช้กำรไหลของนำ้ ผำ่ นกระบอกไมไ้ ผ่

วธิ ีทากังหันลมจากขวดพลาสตคิ
วัสดุอุปกรณ์
1. ขวดพลำสตคิ (ขวดนำ้ หรอื ขวดน้ำหวำน หรือขวดนำ้ อดั ลม ฯลฯ)
2. กรรไกร
3. ไมเ้ สยี บ
4. หลอดกำแฟ
5. ทีเ่ ย็บกระดำษ และลวด
6. ฝำจุก 2 ฝำ
7. เทปกำว

ขน้ั ตอนการทากังหนั ลมขวดพลาสติค

24 กจิ กรรมปลกู จติ สำนกึ รักษำทรพั ยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้

ข้ันตอนการดาเนนิ กจิ กรรม
1. ศกึ ษำข้อมูลเกย่ี วกบั กำรประดิษฐส์ ่งิ ของทใี่ ช้พลังงำนทำงเลือก
2. วำงแผนกำรจัดกิจกรรม โดยกำหนดวัสดุอุปกรณ์ กำหนดจำนวนผู้เข้ำร่วมกิจกรรม กำหนดช่วงเวลำ

ดำเนินกิจกรรม กำหนดงบประมำณและทรพั ยำกรที่จะใชใ้ นกำรดำเนนิ กจิ กรรม
3. ดำเนินกิจกรรมตำมแผนงำน (ตำมระเบียบทำงรำชกำร ขออนุมัติโครงกำร แต่งต้ังคณะกรรมกำร

ดำเนินงำน เบิกจ่ำยงบประมำณ รับสมัครผู้เข้ำร่วมกิจกรรม จัดหำวัสดุอุปกรณ์ ดำเนินกิจกรรมกำรประดิษฐ์
ส่งิ ของท่ใี ช้พลังงำนทำงเลอื ก)

4. รำยงำนสรปุ ผลกำรดำเนินงำน

กจิ กรรมปลกู จติ สำนกึ รกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละป่ำไม้ 25

2. รักษ์ป่ า รักษ์น้า

2.1 สวนแนวตงั้ (Vertical Garden)

“สวนแนวตั้ง” (Vertical Garden) กำลังเป็นที่นิยมอย่ำงยิ่ง ด้วยกระแสอันเนื่องมำจำกภำวะโลกร้อน
เป็นที่ทรำบกันดีว่ำ ต้นไม้ช่วยซับก๊ำซคำร์บอนไดออกไซด์ในอำกำศ และกรองฝุ่นละออง ควันพิษ ทำให้คุณภำพ
อำกำศดีข้ึน สวนแนวต้ังเป็นกำรเพ่ิมพ้ืนที่สีเขียวสำหรับบริเวณท่ีมีพ้ืนที่จำกัดได้เป็นอย่ำงดี ทำให้เกิดประโยชน์
สงู สุดของกำรใชพ้ นื้ ที่ได้อย่ำงมปี ระสิทธิภำพ คนไดใ้ กล้ชิดกับธรรมชำติมำกย่ิงขน้ึ สวนแนวต้ังเปิดมุมมองแนวใหม่
ทำให้มีทัศนียภำพที่สวยงำม ร่มร่ืน สวนแนวต้ังน่ำสนใจมีดีไซน์ ลวดลำยที่หลำกหลำยมำกขึ้น ทำให้สวนแนวต้ัง
จำกท่เี คยเหน็ ตำมอำคำรขนำดใหญ่ หรือตำมหำ้ งสรรพสินค้ำขนำดใหญ่ ก็มใี ห้เห็นตำมอำคำรขนำดเล็ก สำนักงำน
ร้ำนค้ำ รำ้ นอำหำร คนท่บี ำ้ นมีพน้ื ท่ีจำกัดก็ให้ควำมสนใจกับสวนแนวนมี้ ำกข้ึน รวมท้ังใช้จัดตกแต่งสถำนท่ีที่มีกำรจัด
งำน กำรแสดงสนิ ค้ำต่ำง ๆ เพ่ือสร้ำงควำมสดช่ืน สบำยตำ แม้แต่บำงคนที่มีพ้ืนท่ีสวนอยู่แล้ว ก็อยำกเปลี่ยนมำมี
สวนอยู่บนผนัง กำแพงเพ่ิมขึ้นมำ สร้ำงควำมสวยงำมให้กับตัวบ้ำน รู้สึกผ่อนคลำย ช่วยประหยัดพลังงำนทำให้
ตัวอำคำรเย็นขึ้น ช่วยป้องกันควำมร้อนเข้ำสู่อำคำร ลดกำรสะท้อนและแผ่รังสีออกสู่อำกำศภำยนอก อันเป็น
สำเหตุของกำรเกดิ ปรำกฏกำรณ์เกำะควำมรอ้ นในเมือง รวมทั้งกำรปล่อยก๊ำซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยำกำศของโลก
เปน็ กำรลดโลกรอ้ นไดอ้ ย่ำงแทจ้ ริง

กิจกรรมปลูกจติ สำนกึ รกั ษำทรัพยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้ 27

กำรทำสวนแนวตั้ง เป็นกำรปลูกต้นไม้บนเปลือกอำคำรหรือผนังอำคำร รวมถึงกำรจัดวำงช้ันกระถำง
กำรจดั ไมแ้ ขวน และกำรปลูกไม้เล้ือยเกำะคลุมผนังหรือกำแพง กำรติดกระถำงแขวนบนผนัง ใช้บล็อกปลูกต้นไม้
สำเร็จรูป หรอื ปลูกไมเ้ ลอื้ ยยดึ เกำะผนัง สวนแนวตั้งที่เรำพบเห็นได้ท่ัวไปและนิยมจัดกันเป็นสวนแนวต้ังแบบผนังผ้ำ
(Felt System) อำจสรปุ ได้ว่ำ กำรจดั สวนแนวตัง้ แบ่งกว้ำง ๆ ได้ 2 แบบ คอื สวนแนวตงั้ ใชก้ ระถำง กับแบบท่ี
ไม่ใช้ไมก้ ระถำง

สวนแนวตั้งแบบใช้กระถำง ตัวสวนจะข้ึนโครงเหล็กแล้วแขวนท่อ PVC ท่ีผ่ำเปิดด้ำนบนออก เจำะรู
ระบำยน้ำด้ำนล่ำง แล้วนำกระถำงต้นไม้ใส่ไว้ในท่อ PVC หรือจะแขวนกระถำงกับโครงเหล็กโดยตรง ต้นไม้ที่ใช้
จะเป็นพวกไมเ้ ลือ้ ย หรือไมท้ ่ีก่ิงก้ำนหอ้ ย ยอ้ ยลง เพรำะรำงปลูกจะมีกำรเว้นชอ่ งว่ำงระหว่ำงรำง เปน็ ชอ่ งว่ำงของ
โครงเหล็กชัดมำก กิ่งท่ีเลื้อยยำวจะไปอำพรำงช่องโหว่ให้แทน ต้นไม้ท่ีเหมำะกับพ้ืนท่ีในร่ม เช่น เครำฤษี พลู
ตระกูลต่ำง ๆ ฟิโลก้ำมกุ้ง ซิงโกเนียมหรือเงินไหลมำ ทองไหลมำ บีโกเนีย เฟิร์นชนิดต่ำง ๆ สับปะรดสีบำงสำย
พนั ธุ์ ผเี ส้อื รำตรี พรมกำมะหยี่ หรือจะใช้เป็นพืชผักสวนครัวก็ได้แต่พวกน้ีอำยุจะส้ัน ไม่ก่ีเดือนต้นก็จะโทรม ต้อง
เปลี่ยนตน้ ไมใ้ หม่

สวนไม้กระถำงพวกน้ี จดุ อ่อนของมนั คอื เร่ืองของน้ำหนกั เนื่องจำกในกระถำงจะใสด่ นิ ผสมกำบมะพร้ำว
หรือกำบมะพร้ำวล้วน ๆ อุ้มน้ำเก่ง รดน้ำแล้วหรือถ้ำฝนตกเปียกจะทำให้น้ำหนักที่โครงเหล็กแบกเอำไว้
เพิ่มขึ้น สวนไม้กระถำงก็เลยไม่นิยมทำเป็นแผงใหญ่ ๆ ส่วนใหญ่จะทำยำวไม่ก่ีเมตร สูงไม่เกิน 3 เมตร และ
กระถำงที่ใช้จะเป็นกระถำงโปร่ง ๆ หรือแขวนลอยอยู่กลำงอำกำศ พอโดนแดดโดนลมมำก ๆ ควำมชื้นในกระถำงจะ
ระเหยเร็วมำก ทำให้ต้องรดน้ำบ่อย ๆ ทำให้เหมำะกับกำรจัดในร่มหรือในอำคำรมำกกว่ำกลำงแจ้ง แต่ถ้ำรดน้ำ
บ่อยเกินไป จนระเหยควำมช้ืนออกไม่ทัน รำกเน่ำได้ ถึงจะมีข้อจำกัดเร่ืองน้ำหนัก สวนรูปแบบน้ีทำง่ำย เจ้ำของ
บ้ำนสำมำรถใส่กระถำงต้นไม้ได้เอง (ยกเว้นงำนโครงเหล็กท่ีต้องเรียกช่ำงโครงเหล็กเข้ำมำจัดกำรให้) จะ
ปรับเปล่ยี น ยำ้ ยต้นไม้ก็ง่ำย หำกมีตน้ ไม้ตำยสำมำรถเปลย่ี นกระถำงออกเปน็ กระถำง ๆ ไปไม่ต้องรื้อท้ังหมด เร่ือง
กำรให้นำ้ ถ้ำงบน้อยใช้สำยยำงรด แต่คงจะลำบำก เลอะเทอะ นำ้ นองพื้น ผนังก็จะเปียก อำจจะรดน้ำไม่ท่ัวถึง หรือถ้ำ
มีงบมำก เลอื กใช้ระบบทอ่ เดนิ ตำมโครงเหล็กแทน แบบนเี้ วลำรดน้ำ ต้นไม้ก็จะได้น้ำทั่วถึงกันหมด แล้วพื้นก็ไม่เลอะ
เทอะ หรือกระเด็นไปโดนผนงั

สวนแนวตั้งแบบที่ไม่ใช้ไม้กระถำง จะเป็นกำรปลูกต้นไม้ลงบนภำชนะปลูกอ่ืน เช่น แผงปลูกต้นไม้
สำหรับติดต้ังกับโครงเหล็ก หรือปลูกพืชแบบห่มผ้ำ (ยึดผ้ำกับเข้ำโครงเหล็ก 2 ช้ัน แล้วใช้คัตเตอร์กรีดผ้ำช้ันนอก
สุดให้เปน็ กระเป๋ำ แล้วปลูกตน้ ไมไ้ วช้ ่องท่ีกรีดระหวำ่ งผำ้ 2 ช้ัน จำกนั้นกใ็ ช้ปืนลมยิงเย็บผำ้ ทั้งสองช้ันตดิ กัน) ในผำ้
ชนิดพเิ ศษ ท่ีเรียกว่ำ ผำ้ จโี อเท๊กซ์ไทล์ ท่ีมคี ุณสมบตั ิพเิ ศษตรง เนอ้ื ผ้ำทนทำน ทนแดด ทนฝน ทนลม เกบ็ ควำมช้นื
ไดด้ ี อยไู่ ด้นำนเปน็ 10 ปี น้ำหนักเบำกวำ่ แบบใช้กระถำง เพรำะไม่ตอ้ งใสด่ ิน หรือกำบมะพรำ้ ว สำมำรถทำเป็น
แผงขนำดใหญไ่ ด้ กำรจัดวำงต้นไมส้ ำมำรถเลือกได้ว่ำต้องกำรวำงให้ชิดกันแค่ไหน จะวำงเล่นระดับ สูง-ต่ำ สร้ำง
มิติยังไง อยำกได้ลำยอะไรแล้วแต่จินตนำกำรของคนออกแบบ ส่วนต้นไม้ที่เหมำะกับสวนรูปแบบนี้ เช่น สับปะรดสี

28 กจิ กรรมปลูกจติ สำนึกรกั ษำทรัพยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้

แพงพวย แพรเซี่ยงไฮ้ สร้อยไก่ ชวนชม บลูฮำวำย ฟิโลสำยพันธ์ต่ำง ๆ ฯลฯ เน้นต้นไม้ท่ีอำยุยืน หลำย ๆ ปี
เพรำะถำ้ เลือกใช้ไมอ้ ำยสุ ้นั กำรเปล่ียนตน้ ไมจ้ ะเป็นเรือ่ งยำกกวำ่ สวนแบบท่ใี ช้ไม้กระถำง

ข้อเสียของสวนรูปแบบน้ีก็คือ ติดตั้งยำก ซับซ้อน อุปกรณ์หลำยชิ้น และต้องอำศัยคนท่ีมีควำมชำนำญ
ติดต้ัง ดูแลยำกเพรำะระบบกำรให้น้ำ ต้นไม้จะถูกซ่อนเอำไว้ข้ำงหลังแผงทั้งหมด ถ้ำมีหนูไปกัดท่อส่งน้ำ หรือ
หวั รดน้ำเกิดตันข้ึนมำ กไ็ ม่มที ำงรู้ได้เลย กำรคำนวณน้ำหนักสวนที่เหมำะสมกับควำมแข็งแรงของอำคำร โครงเหล็ก
กำรยึดติดกับตวั อำคำร ระบบกำรใหน้ ำ้ ทำแลว้ ปรับเปล่ียนแก้ไขยำก หำกตอ้ งแก้ไขต้องร้ือออกมำกกว่ำแบบใช้ไม้
กระถำง

องคป์ ระกอบสวนแนวตง้ั

ต้นไม้ หลกั ๆ ต้องเปน็ ตน้ ไม้ท่เี ล้ียงงำ่ ย ตดั แต่งไมบ่ ่อย ปีละคร้งั หรอื สองครัง้ เป็นไม้เล็ก สำมำรถเกำะตำมกิ่ง
ขอนไม้ได้ ไมต่ ้องเล้ียงในดินไดย้ ่ิงดี ถำ้ จดั ในรม่ ในอำคำร ก็ควรเลือกไม้ในร่ม เชน่ เครำฤษี พลูตระกูลต่ำง ๆ ฟิโลก้ำมกุ้ง
ซงิ โกเนียมหรือเงนิ ไหลมำ ทองไหลมำ เฟิรน์ สับปะรดสี ผีเส้ือรำตรี พรมกำมะหยี่ ถ้ำเป็นสวนที่จัดนอกตัวอำคำร
หรือพ้นื ท่ที ี่ตอ้ งโดนแดด เลือกไม้ชอบแดดหรือทนสภำพอำกำศ แดด ฝน ลมแรงได้ดี อย่ำงแพงพวย แพรเซี่ยงไฮ้
สร้อยไก่ ชวนชม บลฮู ำวำย

โครงสรำ้ งเหลก็ เนื่องจำกเป็นกำรปลกู ต้นไม้ในแนวตงั้ จำเป็นต้องอำศัยโครงสร้ำงเพื่อให้ต้นไม้ยึดเกำะ
และเปน็ ตวั รบั นำ้ หนกั สวน โครงสร้ำงทวี่ ำงต้นไมต้ อ้ งแขง็ แรง ปลอดภยั รบั น้ำหนกั ได้สวนไดด้ ี ตวั เลือกทเี่ หมำะสม
ท่ีสุดสำหรับสวนแนวต้ังก็คือเหล็ก ท่ัวไปจะใช้เหล็กกล่องเคลือบป้องกันสนิม เนื่องจำกสวนแนวต้ังจะมีควำมช้ืน
เกดิ ขนึ้ กับทงั้ ตัวโครงสร้ำงเหล็กและตัวอำคำร สำหรับตัวโครงสร้ำงเหล็กก็จะต้องเคลือบป้องกันสนิมให้เรียบร้อย
ก่อนติดต้ัง ส่วนกำรเคลือบปอ้ งกนั สนมิ จะอยู่ไดน้ ำนแคไ่ หนข้นึ อยูก่ บั คุณภำพของสีทเี่ คลอื บและเทคนคิ กำรเคลือบ

ภำชนะ/วัสดุปลูก ภำชนะปลูกมีอยู่ 2 แบบ คือ กระถำง
พลำสติก หรือเป็นกระเป๋ำหรือถุงผ้ำแปะอยู่กับโครงเหล็ก ผ้ำ
ชนิดพิเศษ (ผำ้ จโี อเท๊กซ์ไทล์) แบบเดียวกับท่ีใช้ปูเป็นแผ่นรองงำน
วำงท่อ ปูรองทำงเท้ำ สวน ป้องกันดินเก่ำกับวัสดุปูพื้นใหม่ผสมกัน
กนั วัชพชื ทีอ่ ยใู่ นดินเดมิ งอกขึน้ มำบนดินใหม่ ทนทำน ทนกำรฉีกขำด
โดนแดด โดนฝนอยู่ได้นำนหลำยปี รำคำประมำณตำรำงเมตรละ
30 บำท วัสดปุ ลกู มี 2 แบบ คอื ดนิ ผสมกำบมะพร้ำว เป็นวัสดุที่ได้
จำกธรรมชำติ อุ้มน้ำได้มำก แต่จะเพ่ิมน้ำหนักโครงเหล็กและ
ผนงั เสยี่ งเร่ืองเชอื้ รำทอ่ี ยู่ตำมกำบมะพร้ำว วัสดปุ ลกู อีกแบบหน่งึ
เช่น เพอร์ไลท์ (Perlite) หรือหินภูเขำไฟเอำมำเผำท่ีควำมร้อนสูง
เปน็ ก้อนกลม เนือ้ ในโปรง่ ระบำยอำกำศไดด้ ที ำใหไ้ ม่เป็นแหลง่
สะสมเช้ือรำ อุ้มน้ำดี เก็บควำมชื้นได้สูง น้ำหนักเบำ น้ำหนักสวนจะเบำกว่ำสวนท่ีปลูกด้วยดินผสมกำบมะพร้ำว
ไดจ้ ำกธรรมชำติแต่ต้องผำ่ นกระบวนกำรเพอ่ื ให้ประสิทธภิ ำพดขี ึน้

ระบบใหน้ ำ้ ระบบนำ้ ท่ีใช้กนั มที ง้ั แบบทอ่ นำ้ หยดอตั โนมตั ิ และรดมือ
ระบบท่ออัตโนมัติ เป็นกำรให้น้ำผ่ำนท่อน้ำหยดท่ีฝังอยู่ในแผง จะมีวำล์วเปิดปิดน้ำด้วยไฟฟ้ำ ติดอยู่ท่ี
ต้นทำงระบบท่อ วำลว์ จะพ่วงตอ่ กับเครอื่ งควบคมุ กำรให้น้ำอัตโนมตั ิ เครื่องนี้จะควบคุมว่ำ วันหน่ึงจะต้องให้น้ำบ่อยแค่
ไหน แต่ละครั้งท่ีให้ ปริมำณน้ำเท่ำไหร่ ระบบนี้เจ้ำของสวนแทบไม่ต้องไปยุ่งเลย ระบบจะจัดกำรรดน้ำให้เอง น้ำจะถูก
ส่งไปตำมทอ่ PE เจำะรูพอใหน้ ้ำหยด ฝงั ตำมแนวแผงตน้ ไม้ ตลอดทัง้ แผง ระบบน้ีให้น้ำได้ท่ัวถึงกว่ำ สะอำด ไม่เลอะเทอะ
สำมำรถใช้ timer เคร่ืองตั้งเวลำรดน้ำได้ อุปกรณ์จะมีหลำยช้ิน วำล์วเปิดปิดน้ำ อุปกรณ์ปรับควำมดันในระบบท่อ
หวั น้ำหยดแต่กช็ ่วยอำนวยควำมสะดวกใหเ้ หมำะกบั คนที่ไมค่ ่อยมเี วลำดแู ล ค่ำใช้จำ่ ยของอุปกรณพ์ วกนี้ประมำณหนึ่ง

กิจกรรมปลูกจติ สำนกึ รกั ษำทรัพยำกรธรรมชำติและป่ำไม้ 29

แลว้ ก็ต้องหมนั่ ดูหัวรดนำ้ ไม่ใหต้ ัน เพรำะหวั รดนำ้ จะถูกซอ่ นอย่กู บั ตน้ ไม้ ถ้ำไม่หม่ันดูแล หัวรดน้ำเกิดตัน ต้นไม้ใน
จุดที่หัวรดน้ำเกดิ อำกำรตัน ก็จะอดน้ำ อดปุ๋ยเอำได้

ส่วนรดมือ ถือว่ำเป็นวิธีเบื้องต้นในกำรรดน้ำต้นไม้ จะรดด้วยสำยยำงรดหรือเดินถือบัวรดน้ำรดก็ได้
เหมำะกับคนที่มีเวลำคลุกอยู่กับต้นไม้มำกกว่ำ แต่ต้นไม้มักจะได้น้ำไม่ท่ัวถึงเท่ำกับแบบระบบท่อน้ำหยด เลอะเทอะ
นำ้ เปยี ก นองพื้นมำกกว่ำ ใชเ้ วลำนำน แต่กป็ ระหยดั เร่ืองอุปกรณ์ไปมำก

กำรดแู ลรกั ษำสวนแนวต้งั

ต้นไม้ ปีหนึ่งจะตัดแต่งกันสักทีก็ 6 เดือนหรือ 1 ปีครั้ง ส่วนกำรใส่ปุ๋ยต้องให้เป็นประจำทุกเดือน จะ
เลือกให้ปุย๋ ทำงใบหรือใหป้ ุย๋ ทำงรำกกไ็ ด้ แนะนำว่ำให้ใช้เป็นแบบเม็ดละลำยช้ำ ระวังหนูจะกัดต้นไม้เป็นแผล เช้ือรำ
เชอื้ โรคต่ำง ๆ ก็จะเขำ้ ไปทำลำยตน้ ไม้ ทำให้ต้นไม้ตำย หรือหนูกัดแทะท่อน้ำรั่ว ศัตรูพืชอีกอย่ำงหน่ึงก็คือ หอยทำก
มักจะมำกัดกนิ ใบ (กำจดั หอยโดยใช้ยำกำจัดหอยทำก)

โครงเหลก็ เรอื่ งท่ีต้องระวังเป็นพิเศษก็คือ เร่ืองสนิม ถึงแม้ว่ำผู้จะทำเคลือบป้องกันสนิมมำให้ต้ังแต่แรก
แล้ว ก็ต้องหมั่นสำรวจดูว่ำ มีสนิมเกำะอยู่ที่ไหนบ้ำง และทุก ๆ 2-3 ปีก็ควรจะทำเคลือบสนิมซ้ำ ตรวจดูตำมจุด
ยดึ ต่ำง ๆ วำ่ นอ๊ ตไม่คลำย หลวมดว้ ย

ส่ิงทต่ี อ้ งคำนึงถึงก่อนมสี วนแนวตง้ั

ตัวโครงสร้ำงอำคำร ควำมแข็งแรงของผนังหรือกำแพงอำคำรจะกำหนด รูปแบบสวน งำนโครงสร้ำงสวน
เนอ่ื งจำกโครงเหลก็ สวนแนวต้ังจะต้องยึดอยู่กับผนังหรือกำแพงอำคำร ย่ิงสวนมีรูปแบบท่ีซับซ้อน กินพื้นที่ น้ำหนัก
ทผี่ นังหรือกำแพงอำคำรต้องแบกเอำไว้ก็ย่ิงมำกตำมไปด้วย กำรตรวจสอบสภำพควำมแข็งแรงของโครงสร้ำงจึง
เปน็ เร่ืองสำคญั แรก ๆ ทีต่ ้องนึกถึงก่อนเรือ่ งของควำมสวยงำม ตอ้ งออกแบบให้โครงเหล็ก เวน้ ระยะหำ่ งจำกผนังไว้
ประมำณหนง่ึ เพอ่ื ให้ลมพดั ผำ่ นไล่ควำมช้ืนไม่ให้สะสมทผี่ นัง

Location ทิศทำง แดด ลมตรงจุดท่ีจะทำสวนแนวต้ังเป็นยังไง สวนหันหน้ำไปทำงทิศไหน ได้แดดเช้ำหรือ
แดดบำ่ ย กีดขวำงทำงลมพดั เข้ำออกของตัวอำคำร หรือเป็นสว่ นท่ีลมพัดกรรโชกแรง ๆ หรอื เปล่ำ ตอ้ งกำรสวนภำยในตัว
บำ้ นหรอื ภำยนอกอำคำร เพรำะว่ำ มนั จะมีผลกับกำรเลอื กตน้ ไม้ใหเ้ หมำะกบั สภำพพนื้ ที่ รูปแบบสวนที่ดกู ลมกลนื กัน

แรงดนั น้ำ ท่ีบ้ำนแรงดนั นำ้ มำกน้อยแคไ่ หน ถ้ำสวนแนวตั้งอยูช่ ัน้ 4-5 ของตึกแถว แล้วเลือกใชร้ ะบบให้
นำ้ แบบอตั โนมตั ิ อำจตอ้ งเพ่มิ ป๊ัมน้ำเข้ำมำอีกตัว เพรำะว่ำบำงบ้ำนลำพังใช้น้ำในบ้ำน ในห้องน้ำ ห้องครัว แรงดันน้ำ
กแ็ ทบจะไมพ่ ออย่แู ลว้ ถ้ำตอ้ งพว่ งสวนแนวตั้งเขำ้ ไปอกี อยำ่ ง น้ำที่ใช้ในบำ้ นกจ็ ะย่ิงไหลออ่ นกว่ำเดมิ ได้

คนดูแลสวน สำรวจตัวเองว่ำเปน็ คนทีช่ อบคลุกตัวอยู่กับตน้ ไม้ สวนมำกนอ้ ยแค่ไหน มีเวลำดูแลไหม มี
ควำมรู้กำรดูแลตน้ ไม้มำกนอ้ ยแคไ่ หน เพรำะจะมผี ลกบั กำรเลือกชนิดของตน้ ไม้ แบบสวนแนวต้งั รวมถึงระบบกำรให้นำ้

ผลกระทบกับตัวอำคำร อำจเกิดผลกระทบขนึ้ ได้ เช่น ผนังจะมีปัญหำเรื่องควำมชืน้ ละอองน้ำ หรอื น้ำท่ี
รดจะหกเลอะเทอะ น้ำนองพ้ืน แผงต้นไม้กดี ขวำงทำงลมท่ีจะพัดเขำ้ หรอื กดี ขวำงทำงเดนิ ทำงสญั จรหรือเปล่ำ

ข้อดขี องสวนแนวต้งั
 ทำไดท้ ัง้ ภำยในบำ้ น และภำยนอกตัวอำคำร
 สำมำรถทำได้ทง้ั บำ้ นที่มพี ืน้ ที่จำกัดและบำ้ นท่มี ีพ้ืนที่
 ชว่ ยลดควำมร้อนทจ่ี ะเข้ำมำทำงผนังบำ้ น (ซึ่งเปน็ จุดที่รบั แดดมำกที่สดุ รองลงมำจำกหลงั คำ)
 ชว่ ยดกั จบั ฝุน่ ละออง มลพิษ ลดเสียงรบกวนจำกภำยนอก (ไดน้ ดิ หนอ่ ย)
 เสรมิ ให้บำ้ นดสู วยงำม นำ่ ดชู วนมองมำกข้นึ
ข้อเสยี ของสวนแนวตัง้
 คำ่ ใชจ้ ่ำยสงู เนื่องจำกมเี ร่ืองของโครงเหลก็ ระบบใหน้ ้ำอัตโนมตั ิ เข้ำมำเกยี่ วข้อง
 ไม่เหมำะกับบำ้ นเก่ำทไ่ี ม่แนใ่ จเรอ่ื งควำมแข็งแรงของโครงสร้ำง
 ขัน้ ตอนกำรติดตงั้ โครงเหลก็ ตอ้ งใชค้ นทมี่ ีควำมชำนำญ

30 กิจกรรมปลกู จิตสำนกึ รกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละป่ำไม้

 ต้องกำรกำรดูแลเอำใจใส่ทงั้ ตัวสวนเองทอี่ ำจจะขำดนำ้ หรอื เกิดเชอื้ รำได้ หวั รดน้ำตนั และตวั ผนังที่
ยดึ กับโครงท่ีอำจจะเจอปญั หำควำมชน้ื เขำ้ ไปในผนัง สที ำผนังพอง ปดู ลอกร่อน

 ตน้ ไม้ต้องใสป่ ุย๋ เปน็ ประจำทกุ เดอื น ไมอ่ ย่ำงน้นั ตน้ ไม้จะโทรม แคระแกร็น เพรำะขำดอำหำร

การจดั สวนแนวต้งั แบบผนงั ผา้

1. เลอื กผนงั อำคำรดำ้ นทีไ่ ด้รับแสงแดดตลอดวนั
หรือมแี สงส่องถงึ มำกทสี่ ุด และเนื่องจำกผนังด้ำนนจี้ ะได้รับ
ควำมช้นื จำกกำรรดนำ้ ต้นไมต้ ลอด ควรฉำบปูนผสมสำรกัน
ซมึ ให้ทว่ั ท้ังผนงั

2. ติดตัง้ โครงคร่ำวของสวนเขำ้ กับผนัง โดยตเี หล็ก
ชบุ สงั กะสเี ปน็ ตำรำงขนำด 60×60 เซนติเมตร ตอกตะปยู ึด
แผ่นพลำสวู้ดหนำ 12 มลิ ลเิ มตรเข้ำกับโครงคร่ำวเหลก็ ที่
เตรยี มไวเ้ พอื่ รองพ้นื สำหรบั กำรยดึ กระเป๋ำผำ้ ใสต่ น้ ไมแ้ ละ
วัสดุปลกู ใหอ้ ย่ใู นแนวต้งั ตำมท่ตี อ้ งกำร

3. นำผ้ำใยสงั เครำะห์ (non-woven fabric)
หรอื แผน่ จีโอเท็กซไ์ ทล์ เปน็ วัสดทุ ีเ่ ก็บควำมชน้ื รำกยดึ เกำะ
ไดด้ หี นำ 2 ชน้ั เย็บเป็นกระเปำ๋ ขนำด 10-20 เซนตเิ มตร
ผสมใยมะพร้ำว ใยปำลม์ สแฟกนมั มอสส์ เวอร์มคิ ไู ลต์ และ
ดนิ ในอัตรำสว่ นเท่ำกนั ใส่ในกระเปำ๋ ผ้ำ แล้วปลกู ต้นไม้ท่ี
ต้องกำร

4. ยึดกระเป๋ำผ้ำทปี่ ลกู ตน้ ไมเ้ ข้ำกับแผ่นพลำสวดู้
ใหช้ ิดกัน โดยเรยี งกนั แบบสบั หว่ำงเพ่ือใหร้ ะยะห่ำงของ
กระเป๋ำมคี วำมถี่ที่สดุ หำกขนำดของต้นไมท้ ป่ี ลกู มีควำม
แตกต่ำงกัน กำรจดั วำงอำจต้องหำ่ งกนั หน่อยข้นึ อยกู่ บั ขนำด
ทรงพุ่มของต้นไม้ นอกจำกน้ียังเล่นกับสสี นั และเทก็ ซ์เจอร์
ของต้นไมแ้ ต่ละชนดิ ให้ออกมำเป็นลวดลำยทีน่ ำ่ สนใจได้ดว้ ย

กำรดแู ลรกั ษำ
กำรให้น้ำสำมำรถฉีดสเปรย์น้ำได้ตำมปกติโดยผสมน้ำกับสำรละลำยสำหรับปลูกพืชไฮโดรโปนิกแล้วรด
อย่ำงสมำ่ เสมอเพ่อื ใหเ้ กดิ ควำมชุ่มช้ืนหรืออำจติดต้ังเคร่ืองตรวจวัดควำมช้ืนและวำงระบบรดน้ำแบบสปริงเกลอร์
หวั มนิ ดิ ว้ ยก็ได้ แตค่ วรหมั่นดแู ลระบบด้วย

พรรณไม้
ควรปลูกพืชคลุมดินขนำดเล็กถึงกลำง ไม้เล้ือยหรือไม้แขวนประดับ ขึ้นอยู่กับควำมเหมำะสมของ
แสงแดด หำกเปน็ ผนงั กลำงแจ้งควรเลอื กไมท้ ่ที นแดด เชน่ ซุม้ กระตำ่ ยด่ำง หลิวใบ เดป ริบบน้ิ เขยี ว และหัวใจ
สีม่วง หำกเป็นไม้ในร่มควรใช้ไม้ที่ชอบ แสงรำไร อย่ำง เฟิร์น พลูด่ำง ก้ำมปูหลุด เป็นต้น และควรเป็นต้นไม้โตช้ำ
สำมำรถปรบั ตัวในท่ีช้ืนได้

กิจกรรมปลกู จิตสำนึกรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้ 31

กำรจดั สวนผนงั รปู แบบน้ีสำมำรถใชไ้ ด้กับท้ังภำยในและภำยนอกอำคำร เนื่องจำกเป็นรูปแบบท่ีมีควำม
เนยี นระหว่ำงต้นไม้กบั วัสดุปลูก นำ้ หนักเบำ ดูเปน็ ธรรมชำติ รำคำไม่แพง ดแู ลรักษำง่ำย ที่สำคัญคือ มีอำยุกำร
ใชง้ ำนนำน ปจั จุบันมีบริษัทท่ีรับติดตั้งหรือให้คำแนะนำเร่ืองกำรจัดสวนแนวต้ังมำกมำย เช่น ผนังสวนแนวต้ัง
Wallgrow ของบุณยเกียรติฟำร์ม อีกท้ังในท้องตลำดก็มีผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปให้เลือกหลำกหลำย จึงเป็นสวนอีก
รูปแบบหนึ่งที่ช่วยสร้ำงพื้นท่ีสีเขียวได้ไม่ยำก ต้นไม้ท่ีใช้กับสวนแนวต้ังจะมีระบบรำกไม่ลึกมำก สำมำรถยึดเกำะได้ดี
และปรับตัวในสภำพท่ีชื้นตลอดเวลำได้ พืชดังกล่ำว ได้แก่ เฟิร์นชนิดต่ำง ๆ ฟิโลเดนดรอน หม้อข้ำวหม้อแกงลิง
สบั ปะรดสี เป็นต้น ต้นไมท้ พ่ี บเห็นไดง้ ่ำยและไมต่ อ้ งดูแลรกั ษำมำก เช่น พลูด่ำง เมอ่ื นำมำใชบ้ นผนงั สวนแนวต้ังก็
ทำใหม้ ุมดงั กลำ่ วดูโดดเดน่ และสวยงำม

ขอ้ จำกัดและปญั หำทพ่ี บในกำรทำสวนแนวตงั้
กำรทำสวนแนวตั้งมีได้หลำกหลำยวิธี เช่น กำรทำโครงเหล็กขึ้นมำสำหรับแขวนกระถำงซึ่งเมื่อใช้
ไปในระยะยำวก็จะเกิดกำรผุกร่อนและเป็นสนิมหรือกำรทำระแนงไม้เพื่อปลูกไม้เลื้อย แต่วิธีดังกล่ำวก็
มักจะพบปัญหำว่ำต้นไม้ตำยเนื่องจำกไม่มีดิน สำรอำหำรไม่เพียงพอ หรือโครงสร้ำงของมันที่ไม่สำมำรถ
ทำให้ต้นไม้ขึ้นเต็มผนังได้ซ่ึงทำให้ดูแล้วไม่สวยงำมและยำกต่อกำรออกแบบจัดเรียงต้นไม้
แนวคิดชดุ อปุ กรณ์สวนแนวตงั้ สำเร็จรปู

ด้วยปัญหำและข้อจำกัดที่เกิดขึ้นกับระบบสวนแนวตั้งแบบเดิม ๆ จึงเป็นแนวควำมคิดในกำร
พัฒนำชุดอุปกรณ์สวนแนวตั้งสำเร็จรูป LoxGarden ขึ้นมำ เพื่อทำสวนแนวตั้งที่ทุกคนสำมำรถทำได้เอง
ง่ำย ๆ สำมำรถปลูกต้นไม้ได้หลำกหลำย ขึ้นอยู่กับสถำนที่ที่ต้องกำรปลูก ว่ำมีแสงแดดมำกน้อยเพียงใด
นอกจำกจะปลูกต้นไม้สวยงำมแล้ว ยังสำมำรถปลูกผักสวนครัวได้อีกด้วย นอกจำกนั้นผลิตภั ณฑ์ยังได้
ออกแบบมำให้มีวัสดุ PVC ด้ำนหลังสำหรับป้องกันควำมช้ืนเข้ำสู่โครงสร้ำงของอำคำร

ข้ันตอนกำรทำสวนแนวตั้งโดยใช้ LoxGarden

1. นำผลิตภัณฑ์ LoxGarden แขวนกับแนวกำแพงรั้ว ระเบียงผนัง หรือพื้นที่อื่น ๆ ที่ต้องกำร
โดยใช้ตะขอแขวนท่ีเตรียมให้ สำมำรถเลือกติดต้ังได้ทั้งภำยในและภำยนอก

2. นำต้นไม้ที่ต้องกำรปลูกออกจำกกระถำงแล้วนำมำใส่กระเป๋ำปลูก
 ใส่ปุ๋ยเม็ดที่เตรียมไว้ให้ในชุดปลูกทุกช่อง ช่องละ 3-4 เม็ด
 ใส่ขุยมะพร้ำวสับที่เตรียมไว้ให้ลงในกระเป๋ำปลูกเพื่อช่วยในกำรเก็บควำมชื้น หรือ สำมำรถ

ใช้วัสดุปลูกอ่ืน ๆ แทนได้
3. รดน้ำ LoxGarden ให้ชุ่มเพ่ือให้กักเก็บควำมช้ืนที่เหมำะสมให้กับต้นไม้สำมำรถรดน้ำด้วยบัวรดน้ำ หรือ

ติดต้ังระบบอัตโนมัติ

32 กิจกรรมปลูกจติ สำนกึ รักษำทรัพยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้

ขอ้ แนะนา
กำรปลูกตน้ ไมบ้ นโครงสร้ำงทีย่ ึดอยู่กบั ผนงั กำแพงบ้ำนแทนกำรปลกู บนพ้ืนที่แนวรำบ มกี ำรข้นึ โครงเป็น
ท่ีวำงกระถำงหรอื ติดตั้งแผงปลกู ตน้ ไม้ โครงท่ใี ช้จะเป็นโครงเหล็ก เพรำะแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี อำยุกำรใช้งำน
ยำวนำน
สวนแนวต้ังทำได้ทั้งในร่มและกลำงแจ้ง โดยเลือกพันธุ์ไม้ที่มีควำมเหมำะสมกับสภำพพื้นท่ี เช่น สวนในร่ม
จะเป็นไม้ประเภทตอ้ งกำรแสงน้อย เป็นพืชในรม่ หำกเปน็ สวนกลำงแจ้งใช้พนั ธไ์ุ มท้ ี่ชอบแดด ควรเลอื กต้นไมท้ ี่ง่ำย
ต่อกำรดแู ลและตดั แต่ง มกี ำรบำรงุ รกั ษำทกุ ๆ 3-4 เดือน

ข้นั ตอนการดาเนนิ กิจกรรม
1. ศกึ ษำข้อมูลเก่ยี วกับกำรจดั สวนแนวตงั้ พันธ์ุไมใ้ นกำรจดั สวน
2. วำงแผนกำรจัดกิจกรรมจัดสวนแนวตั้ง โดยกำหนดพื้นท่ีที่จะดำเนินกำร กำหนดผังกำรจัดสวน

กำหนดพันธุ์ไม้ กำหนดจำนวนผู้เข้ำร่วมกิจกรรม กำหนดช่วงเวลำดำเนินกิจกรรม กำหนดงบประมำณและ
ทรพั ยำกรทจี่ ะใช้ในกำรดำเนินกจิ กรรม

3. ดำเนินกิจกรรมตำมแผนงำน (ตำมระเบียบทำงรำชกำร ขออนุมัติโครงกำร แต่งตั้งคณะกรรมกำร
ดำเนินงำน เบิกจ่ำยงบประมำณ รับสมัครผู้เข้ำร่วมกิจกรรม จัดหำวัสดุอุปกรณ์ ดำเนินกิจกรรมกำรจัดสวนแนวตั้ง
และดแู ลรกั ษำสวน)

4. รำยงำนสรปุ ผลกำรดำเนินงำน

2.2 สวนจ๋วิ ในขวดใส

สวนในขวดแก้ว (Terrarium ) เป็นกำรจำลองธรรมชำติมำไว้ในขวดแก้ว จะเกิดระบบน้ำท่ีมำจำกควำมช้ืน
จำกชนั้ ดนิ และพชื ระเหยออกมำ เมือ่ อุณหภูมภิ ำยในขวดสงู ขนึ้ เพรำะแสงและควำมร้อนทที่ ะลุผ่ำนวัสดุโปร่งใส จะเกิด
ไอน้ำควบแน่น ก่อนจะหมุนกลบั ไปทีพ่ ชื และชั้นดินด้ำนล่ำง เกดิ วฏั จกั รแบบน้หี มนุ เวียนภำยในขวดแก้ว

Terrarium เกดิ ขึ้นคร้ังแรกโดย Nathaniel Bagshaw Ward นกั พฤกษศำสตรช์ ำวอังกฤษ เขำสนใจและ
สังเกตพฤตกิ รรมของแมลงในโถแจกนั แก้ว จนสังเกตเห็นได้ว่ำมีไอน้ำเกำะตำมผิวขวดในช่วงเช้ำและระเหยในช่วงเย็น
จงึ ลองหยิบต้นกลำ้ ของเฟิรน์ และหญ้ำ ใส่ในโถแกว้ ตน้ ไม้เหล่ำน้ันเกิดงอกงำมข้ึนมำ เขำเร่ิมทดลองจนรู้แน่ชัดว่ำ
สำเหตุท่พี รรณไม้ท่ถี กู ควบคมุ อำกำศในโถแก้วจึงมีชีวิตอยูไ่ ด้

ประเภทของ Terrarium จำแนกได้เปน็ 2 ประเภท คอื ระบบเปิด และระบบปดิ โดยมีพรรณไม้และ
เทคนิคกำรเลยี้ งดตู ่ำงกนั ดังนี้

ระบบปิด (Closed Terrarium) เป็นระบบท่ี Nathaniel Bagshaw Ward ค้นพบ คือ ภำชนะที่จะปลูก
ต้องปิดสนทิ หมนุ เวียนระบบน้ำภำยในโถแกว้ ทำใหพ้ ืชสงั เครำะหแ์ สงได้ตำมวัฏจกั ร ไม่ต้องดแู ลมำก เพียงแค่เปิด
ฝำเปล่ียนอำกำศอำทติ ยล์ ะครง้ั พรรณไมท้ ่ีเหมำะในกำรปลูก ได้แก่ มอสส์ เฟิร์น กลว้ ยไม้ และไมร้ ำกอำกำศ

กจิ กรรมปลกู จติ สำนึกรักษำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละป่ำไม้ 33

ระบบเปิด (Open Terrarium) คือ จะเปิดช่องอำกำศเข้ำไปในขวดแก้ว โดยมีขั้นตอนกำรสร้ำงระบบ
นิเวศไม่ต่ำงจำกระบบปิด ต่ำงท่ีพรรณไม้ที่ปลูกจะเป็นต้นไม้ทะเลทรำย ไม้อวบน้ำ เช่น แคตตัส ซัคคูเลนท์ ซ่ึง
ไมช่ อบควำมชนื้ สำมำรถทนอำกำศแห้งได้ดี

กำรสรำ้ ง Terrarium แบบงำ่ ย ๆ
เตรยี มวัสดุ อปุ กรณ์ ซ่ึงจะจัดเปน็ Terrarium ระบบปิด ดงั นี้
1. ภำชนะ เลือกทเ่ี ป็นขวดแก้ว โถแกว้ ปำกกวำ้ ง และมฝี ำปดิ มดิ ชดิ
2. วสั ดุในกำรสร้ำงชน้ั ดิน ไดแ้ ก่ กรวดเม็ดเลก็ ถำ่ นบด ขี้เล่ือย ดิน
3. ต้นไม้สำหรบั จัดตกแตง่ เชน่ มอสส์ เฟริ น์ กล้วยไม้ เลือกรูปร่ำงขนำดท่เี หมำะสมกบั ภำชนะ
4. อปุ กรณ์ตกแต่ง ได้แก่ ตะเกยี บหรือทคี่ บี ชอ้ น ผ้ำรอง ฟอกกี้ กระดำษรองโต๊ะ
5. วตั ถตุ กแตง่ อ่นื ๆ เช่น กอ้ นหิน ตุ๊กตำเซรำมิค
วัสดอุ ปุ กรณ์

34 กจิ กรรมปลูกจิตสำนึกรักษำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละป่ำไม้

ขน้ั ตอนกำรทำ
กำรทำ Terrarium เป็นกำรใส่วัสดุปลูกทีละชั้นและเกลี่ยให้ทั่ว เช่น ช้ันที่ 1 ใส่ดินภูเขำไฟ ชั้นที่ 2
สแฟก็ น่ัม มอส (Sphagnum Moss) ช้ันที่ 3 ผงถำ่ น ช้นั ท่ี 4 พที มอส (Peat Moss) จัดวำงใหม้ ีควำมลำดเอียง
และจัดวำงส่วนประกอบของสวน ได้แก่ หิน กรวด ต้นไม้ มอส และฟิกเกอร์ ตำมแบบที่กำหนด โดยใช้ฟอเซ็ท
คีม และช้อนชว่ ยในกำรจัดวำง หรือทำตำมขัน้ ตอนดังนี้
1) ล้ำงภำชนะให้สะอำด เชด็ ใหแ้ ห้งสนทิ จำกนั้นใส่หิน ปริมำณ 1/10 ของควำมสูงภำชนะ ใช้ช้อนเกลี่ย
ให้ระดับเท่ำกัน ช้ันหินจะทำหน้ำที่กักเก็บแบคทีเรียและเชื้อโรคไว้ให้มำทำลำยต้นไม้ หำกใช้หินพัมมีซ รอง
ช้ันลำ่ งสดุ จะรักษำสวนขวดแกว้ ใหอ้ ยูน่ ำนย่งิ ขน้ึ
2) ใส่ถ่ำนบดลงไปปริมำณครึ่งหนึ่งของช้ันหิน ถ่ำนจะทำหน้ำที่กรองไอน้ำที่ไหลลงสู่ชั้นหินให้สะอำด
ยิ่งขึ้น จำกน้ันโรยข้ีเลื่อย เพื่อป้องกันไม่ให้ชั้นดินไหลลงไปรวมกับถ่ำน อำจใช้แมกน่ัมมอสส์แทนได้ ซึ่งจะช่วย
รกั ษำระดบั ควำมชื้นและระบำยอำกำศได้ดี
3) ใสด่ ินลงไปปรมิ ำณเท่ำกบั ชั้นหินหรือมำกกว่ำได้ ระวังควำมสูงไม่เกินครึ่งหน่ึงของขวด เพื่อให้มีพื้นท่ี
สำหรับอำกำศหมุนเวียนอยู่ภำยใน พรมน้ำเล็กน้อย ในชั้นนี้ใช้มอสส์แทนได้เพรำะมีสำรอำหำรสะสมอยู่มำก
สำมำรถใช้ผสมเปน็ วสั ดปุ ลกู ไดด้ ี

ขั้นตอนกำรปลกู โดยรดนำ้ ให้ชุ่มก่อน พรมนำ้ ให้อุ้มน้ำ เลือกต้นไม้ท่ีมีขนำดพอเหมำะ กำหนดพ้ืนที่ปลูก
โดยใช้ตะเกียบเขี่ยให้เป็นช่องเป็นหลุมขนำดเล็ก และคีบต้นไม้หย่อนลงไปในขวด เขี่ยดินกลบให้เรียบร้อย แต่
ไมค่ วรปลูกตน้ ไมแ้ น่นจนเกนิ ไป และปูมอสส์เพอื่ เก็บรำยละเอยี ด ตกแต่งด้วยกอ้ นหนิ และต๊กุ ตำ

กำรดแู ลรกั ษำ ระวงั อยำ่ ใหม้ นี ้ำทว่ มขงั ซ่งึ อำจจะมีควำมช้นื มำกเกินไป หรอื ชั้นดินแห้งกต็ อ้ งพรมน้ำให้ชุ่ม
คีบเชือ้ รำทเ่ี กำะต้นไม้ออก และปดิ ฝำเปลยี่ นอำกำศทุก ๆ สัปดำห์ ชว่ งแรกตน้ ไม้ใช้เวลำฟ้ืนตวั 1 สัปดำห์ ควรวำง
ขวดแก้วให้มีแสงสวำ่ งสอ่ งถึง อำกำศถ่ำยเท ไม่วำงในที่ที่มอี ำกำศรอ้ นและมีแสงแดดมำกเกินไป

ขัน้ ตอนการดาเนนิ กจิ กรรม
1. ศึกษำข้อมูลเก่ยี วกับกำรจดั สวนในขวดแกว้ และพนั ธไ์ุ ม้ทเี่ หมำะสมในกำรจดั สวนขวดแก้ว
2. วำงแผนกำรจัดกิจกรรม โดยกำหนดพน้ื ท่ีดำเนนิ กำร กำหนดพันธไ์ุ ม้ กำหนดจำนวนผู้เขำ้ ร่วมกิจกรรม

กำหนดช่วงเวลำดำเนนิ กิจกรรม กำหนดงบประมำณและทรพั ยำกรที่จะใชใ้ นกำรดำเนินกจิ กรรม
3. ดำเนินกิจกรรมตำมแผนงำน (ตำมระเบียบทำงรำชกำร ขออนุมัติโครงกำร แต่งตั้งคณะกรรมกำร

ดำเนนิ งำน เบกิ จำ่ ยงบประมำณ รับสมัครผ้เู ขำ้ ร่วมกิจกรรม จดั หำวัสดอุ ุปกรณ์ ดำเนินกจิ กรรมกำรจัดสวนในขวดแก้ว)
4. รำยงำนสรุปผลกำรดำเนนิ งำน

กจิ กรรมปลูกจติ สำนึกรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและป่ำไม้ 35

2.3 การดูแลรักษป์ า่

ฝำ่ ยวชิ ำกำร มูลนิธิสบื นำคะเสถยี ร
อ้ำงอิง หนังสอื “ปลูกให้เปน็ ปำ่ ” มหำวทิ ยำลยั เชยี งใหม่
จำกประเด็นทีว่ ่ำ ควรจะ “ปลกู ปำ่ ” หรือปลอ่ ยให้ “ปำ่ ฟ้นื ฟดู ว้ ยตัวเอง” ท่กี ำลงั เปน็ ทส่ี นใจในเวลำน้ี ฝำ่ ยวชิ ำกำร
มูลนิธิสืบนำคะเสถียร จึงขอนำเสนอข้อมูลของท้ังสองหัวข้อเพ่ือเป็นกำรควำมรู้เพิ่มเติมก่อนนำไปสู่กำรตัดสินใจ
และลงมือปฏิบัติ โดยข้อมูลที่นำมำเสนอต่อไปน้ี นำมำจำกหนังสือ “ปลูกให้เป็นป่ำ” ซึ่งเป็นแนวคิดและแนว
ปฏิบัติสำหรับกำรฟื้นฟูป่ำเขตร้อนท่ีหน่วยวิจัยฟื้นฟูป่ำ จัดทำโดยมหำวิทยำลัยเชียงใหม่ โดยมุ่งเน้นให้เห็นถึง
ควำมสำคัญของกำรฟ้นื ฟูระบบนเิ วศของป่ำ และกำรอนรุ ักษ์ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพเป็นหลัก
ปลกู ปำ่ กับฟื้นฟปู ำ่ แตกต่ำงกนั อย่ำงไร

“การปลกู ป่า” หมำยถงึ กำรสร้ำงพนื้ ทีส่ ีเขยี วโดยกำรปลูกต้นไม้ชนิดใดลงก็ได้ลงบนพ้ืนที่เคยถูกทำลำย
กำรปลกู ป่ำจึงเป็นไดต้ งั้ แต่พ้นื ท่ปี ลกู ป่ำชุมชน กำรทำวนเกษตร รวมไปถึงกำรปลูกไมเ้ ศรษฐกิจต่ำง ๆ

“การพื้นฟูป่า” หมำยถึง กำรสร้ำงพ้ืนที่ป่ำที่ถูกทำลำยให้มีสภำพใกล้เคียงกับพื้นที่ป่ำท่ีเคยมีอยู่เดิมให้
มำกท่ีสุด โดยมุ่งเน้นท่ีจะสนับสนุนกระบวนกำรพัฒนำตัวเองของระบบนิเวศ ดังน้ัน กำรฟ้ืนฟูป่ำจึงเป็นอะไรท่ี
ซับซอ้ นมำกกวำ่ กำรปลูกป่ำธรรมดำ
กลไกกำรฟนื้ ตวั ตำมธรรมชำตขิ องป่ำ

ในพ้ืนท่ีป่ำธรรมชำติจะมีกระบวนกำรฟ้ืนตัวเองตำมธรรมชำติ อธิบำยได้ดังนี้ เม่ือมีช่องว่ำงเกิดขึ้นจำก
ต้นไม้ล้มจะเกิดกำรเปล่ียนแปลงแทนที่อย่ำงรวดเร็ว ต้นไม้ที่อยู่ใกล้เคียง (A) จะเป็นแหล่งผลิตเมล็ดท่ีสำคัญ (B)
สัตว์ท่ีทำหน้ำท่ีกระจำยเมล็ดยังมีท่ีอยู่อำศัยในพื้นท่ีป่ำรอบ ๆ (C) ต้นไม้ที่ก่ิงฉีก (D) หรือหักโค่น (E) แตกยอด
ข้ึนมำใหม่ (F) และลูกไม้ (G) ซึ่งเคยอยู่ใต้ร่มเงำของไม้ใหญ่เจริญได้เร็วข้ึนเนื่องจำกได้รับแสงเต็มท่ี (H) เมล็ดที่
ฝังตัวอยู่ในดินมีโอกำสที่จะงอกข้ึนมำได้ แตกต่ำงจำกป่ำท่ีถูกทำลำยเป็นบริเวณกว้ำงด้วยน้ำมือมนุษย์ ซ่ึงกลไก
กำรพื้นตัวตำมธรรมชำติของป่ำมันถูกทำลำยไป ควำมสำเร็จของกำรฟื้นฟูป่ำจึงขึ้นอยู่กับควำมเข้ำใจกลไกฟ้ืนตัว
ของปำ่ โดยธรรมชำติ
ทำไมป่ำบำงแห่งจึงไม่สำมำรถฟ้ืนตวั เองไดต้ ำมธรรมชำติ

จำกกลไกกำรพื้นตัวตำมธรรมชำติของป่ำที่ได้กล่ำวมำข้ำงต้น เป็นกำรฟื้นตัวโดยธรรมชำติในช่องว่ำง
ขนำดเล็กของป่ำจึงเกิดข้ึนอย่ำงมีประสิทธิภำพ แต่ในทำงกลับกันในพื้นท่ีป่ำท่ีถูกทำลำยขนำดใหญ่ และถ้ำย่ิงถูก
ทำลำยมำเป็นระยะเวลำท่ียำวนำน กระบวนกำรเหล่ำน้ีอำจเกิดขึ้นช้ำ หรืออำจไม่เกิดข้ึนเลย เพรำะ 1) ไม่มี
เมลด็ พนั ธท์ุ ่ีสำมำรถงอกได้ในพ้ืนท่ที ่ีปำ่ ถูกทำลำยเปน็ เวลำยำวนำน 2) ขำดแหล่งเมล็ดพันธุ์ ที่จะกระจำยเข้ำไปใน
พืน้ ท่ปี ำ่ ทถี่ กู ทำลำย 3) ขำดสตั วท์ ี่ทำหนำ้ ที่กระจำยเมลด็ 4) มวี ัชพืชข้ึนปกคลมุ แยง่ ใช้ทรพั ยำกรในดนิ และบังแสง

36 กจิ กรรมปลูกจติ สำนึกรักษำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละปำ่ ไม้

ทำให้ตน้ กลำ้ ไม่สำมำรถสร้ำงอำหำรเองไดแ้ ละจะตำยในทส่ี ดุ และ 5) อำจเกดิ ไฟป่ำทำให้ต้นกล้ำตำยก่อนจะได้โต
เป็นตน้ ไม้ใหญ่ กลำ่ วคือ เรำไมเ่ พยี งแตท่ ำลำยป่ำ แตย่ งั ทำลำยควำมสำมำรถในกำรฟื้นฟูตวั เองของป่ำดว้ ย

กำรฟ้นื ฟูป่ำจำเปน็ ต้องปลกู ตนั ไมห้ รอื ไม่
กำรตัดสินใจว่ำควรจะมีกำรปลูกต้นไม้ในพื้นที่กำรฟ้ืนฟูป่ำหรือไม่น้ัน ขึ้นอยู่กับว่ำสภำพป่ำตรงนั้นโดน

ทำลำยไปมำกแค่ไหน มีศักยภำพในกำรฟื้นตัวเองมำกเพียงใด ถ้ำในพ้ืนท่ีตรงน้ันเหลือต้นไม้หรือต้นกล้ำจำนวน
หน่ึง มีเมล็ดที่สำมำรถงอกได้ และมีสัตว์ผู้ช่วยในกำรกระจำยเมล็ด แต่ในพ้ืนที่ที่เป็นป่ำเส่ือมโทรม ถูกทำลำยมำ
นำน ปริมำณต้นไมเ้ ดมิ ต้นกลำ้ และเมลด็ พนั ธุ์ท่ีฝงั ตัวอยูใ่ นดินมกั มปี รมิ ำณน้อยหรืออำจไมเ่ หลืออยู่เลย และย่ิงไป
กวำ่ นัน้ ถำ้ ไมม่ ีผืนปำ่ อย่ใู กล้ ๆ ทจี่ ะเออื้ เมล็ดพันธ์ุให้ ไมม่ สี ตั ว์ท่ีช่วยกระจำยเมล็ดพันธุ์เข้ำสู่พื้นท่ี ควำมสำมำรถใน
กำรฟ้ืนตัวเองโดยธรรมชำติจะน้อยมำก ดังนั้นกำรฟ้ืนฟูให้ป่ำกลับมำมีสภำพเหมือนเดิมอำจต้องปลูกต้นไม้เสริม
ซึง่ เป็นกำรปลูกต้นไมเ้ พือ่ เร่งกำรฟนื้ ตัวโดยพรรณไม้ทป่ี ลูกควรจะเป็นพรรณไม้ที่ช่วยเร่งกำรฟ้ืนตัวเองของป่ำ กำร
จะปลูกหรอื ไม่นั้นควรมกี ำรศึกษำข้อมลู ต่ำง ๆ กอ่ น

กลยทุ ธ์ในกำรฟืน้ ฟูป่ำ
กำรประเมนิ สภำพเบือ้ งตน้ ของพ้ืนท่มี ีควำมจำเปน็ อยำ่ งมำก เพรำะข้อมูลดังกล่ำวจะช่วยในกำรตัดสินใจ

ว่ำกำรเร่งกำรฟื้นตัวตำมธรรมชำติอย่ำงเดียวเพียงพอสำหรับกำรทำให้ป่ำฟ้ืนตัวได้ด้วยตัวเองหรือไม่ หรือ
จำเป็นต้องมีกำรปลูกต้นไม้เพ่ิมเพื่อช่วยในกำรฟ้ืนฟู ซ่ึงในกรณีที่จำเป็นต้องมีกำรปลูกเพ่ิมเน่ืองจำกป่ำไม่มี
ศกั ยภำพในกำรฟ้ืนตวั เองได้ ควรมกี ำรพจิ ำรณำเร่ืองดังตอ่ ไปน้ี

1) ปำ่ แต่ละชนิดมีสภำพแวดล้อมแตกตำ่ งกัน วธิ ีกำรจัดกำรเพื่อพนื้ ฟปู ำ่ จึงตำ่ งไปดว้ ย เชน่ กำรเลอื กชนิด
พันธุไ์ ม้ วิธปี ลกู และวิธดี แู ลรักษำ

2) พรรณไมท้ ี่จะนำมำปลูกควรจะมีอตั รำกำรรอดสูง เป็นพืชโตเรว็ ดงึ ดดู สตั วเ์ ข้ำมำในพืน้ ท่ีได้เพ่ือช่วยให้
เป็นผู้กระจำยเมล็ดต่อไปได้

3) หลังจำกกำรปลูกแล้วก็ต้องมีกำรดูแลต้นไม้ท่ีปลูกไป เช่นมีกำรกำจัดวัชพืช กำรทำแนวกันไฟ ซึ่ง
กิจกรรมเหลำ่ น้ตี อ้ งอำศัยควำมรว่ มมอื จำกชมุ ชนบริเวณใกลเ้ คยี ง

ควำมรว่ มมอื ของทกุ ฝำ่ ยคือหัวใจสำคญั ของกำรฟน้ื ฟูป่ำ
กำรดูแลรักษำป่ำท่ีกำลังฟื้นฟูได้นั้นต้องอำศัยกำรทำงำนร่วมกับชุมชนในบริเวณน้ันช่วยดูแล โดยวิธีที่

ได้ผลที่สุดคอื ชมุ ชนตอ้ งมีจิตสำนึกในกำรรกั ษำป่ำ เห็นค่ำของป่ำ จึงตอ้ งสรำ้ งแรงจูงใจใหก้ ับชุมชน แสดงให้เห็นว่ำ
ถ้ำมีกำรรักษำป่ำแล้วจะได้รับประโยชน์อะไรจำกป่ำ ซึ่งผลตอบแทนทำงเศรษฐกิจเป็นแรงจูงใจที่สำคัญ เม่ือ
ชำวบำ้ นได้รับประโยชนจ์ ำกปำ่ แลว้ กอ็ ยำกจะรกั ษำปำ่ ใหส้ มบูรณ์ไวเ้ พ่อื ที่จะรกั ษำประโยชน์เหล่ำนัน้ ไว้

ควำมเห็นของ สืบ นำคะเสถียร ท่ีเคยกล่ำวถึงทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมไว้เพ่ือเตือนสติกันอีกคร้ังและ
ไมใ่ หเ้ รำลืมควำมสำคัญของทรพั ยำกรธรรมชำติและส่งิ แวดล้อมกนั ไปอีก “แต่อย่ำงใดก็ตำมกำรอนุรักษ์ทรัพยำกร
อยำ่ งใดอยำ่ งหนึง่ มิไดห้ มำยถึงกำรเกบ็ รกั ษำโดยไมน่ ำมำใช้ แต่เป็นกำรใช้อย่ำงถูกต้อง โดยวิธีท่ีจะใช้ทรัพยำกรท่ี
เหลืออยูด่ งั กล่ำวสำมำรถอำนวยประโยชน์ไม่เฉพำะทำงด้ำนใดดำ้ นหนงึ่ แตส่ ำมำรถอำนวยประโยชน์ในทกุ ๆ ดำ้ น
และยังคงเหลือมำกพอที่จะเป็นต้นทุนให้เกิดจำกกำรอนุรักษ์ มิได้เป็นประโยชน์เฉพำะคนที่อยู่ในปัจจุบันเท่ำนั้น
แตย่ งั คงสำมำรถอำนวยประโยชน์ต่อไปชัว่ ลูกชัว่ หลำน”

ข้นั ตอนการดาเนนิ กจิ กรรม
1. ประสำนงำนกบั หน่วยงำนทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับกำรปลกู ปำ่ หรือดูแลรักษำปำ่ ไม้ เชน่

 กรมป่ำไม้ ได้แก่ สำนักงำนบริหำรโครงกำรปลูกป่ำและฟื้นฟูป่ำต้นน้ำ สำนักจัดกำรกลุ่มป่ำสงวน
แห่งชำติ สำนกั จดั กำรป่ำชุมชน สำนักสง่ เสรมิ กำรปลกู ปำ่ สำนักจดั กำรทรัพยำกรป่ำไม้

กจิ กรรมปลูกจิตสำนึกรกั ษำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละป่ำไม้ 37

 กรมอทุ ยำนแห่งชำติ สตั วป์ ่ำและพรรณพืช ไดแ้ ก่ สำนกั บริหำรพื้นท่อี นรุ กั ษ์ สำนักฟ้นื ฟพู ้นื ที่อนุรักษ์
สำนักอนรุ กั ษ์และจัดกำรตน้ น้ำ สำนกั อทุ ยำนแห่งชำติ

 ชุมชน เชน่ วัด ชุมชนใกล้เคียง อบต. อบจ. จังหวดั อำเภอ
2. วำงแผนกำรจัดกิจกรรมปลูกป่ำหรือฟื้นฟูป่ำ โดยประชุมร่วมกับหน่วยงำนที่ได้ประสำนงำนไว้ กำหนด
จำนวนผเู้ ขำ้ รว่ มกิจกรรม กำหนดช่วงเวลำดำเนนิ กิจกรรม กำหนดงบประมำณและทรัพยำกรท่ีจะใช้ในกำรดำเนิน
กจิ กรรม (หำกไดป้ ระสำนงำนกบั หน่วยงำนทเี่ ก่ียวขอ้ งแล้ว บำงหน่วยงำนอำจจะมีต้นกล้ำสนับสนนุ ให้)
3. ดำเนินกิจกรรมตำมแผนงำน (ตำมระเบียบทำงรำชกำร ขออนุมัติโครงกำร แต่งต้ังคณะกรรมกำร
ดำเนนิ งำน เบกิ จ่ำยงบประมำณ รบั สมคั รผูเ้ ขำ้ ร่วมกจิ กรรม ประสำนงำนกบั หน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง จัดวัสดุอุปกรณ์
จดั พำหนะ และดำเนินกจิ กรรมปลูกปำ่ หรอื ฟ้นื ฟูปำ่ )
4. รำยงำนสรุปผลกำรดำเนนิ งำน

2.4 การปลูกสวนปา่ เศรษฐกิจ

ปัจจุบันควำมต้องกำรไม้เพอ่ื กำรใช้ประโยชนข์ องมนุษย์มมี ำกข้ึนจนปำ่ ธรรมชำติไม่สำมำรถตอบสนองได้
ดงั น้นั จึงต้องเปลีย่ นจำกปำ่ ธรรมชำตเิ ป็นสวนปำ่ โดยชนิดพันธไุ์ ม้เป็นทต่ี ้องกำร สำยพันธ์ุดี โตเรว็ เนื้อไม้มีคุณภำพ
จัดกำรได้ง่ำย เช่น สวนป่ำยูคำลิปตัส ใช้ในกำรผลิตกระดำษ สวนป่ำจะประสบควำมสำเร็จเพียงใดข้ึนอยู่กับ
กำรเลอื กชนดิ ไม้ทเี่ หมำะสมกับพืน้ ท่ีทป่ี ลกู

กำรเลอื กชนดิ พันธุ์ใหเ้ หมำะสมกบั พ้นื ท่ปี ลกู ตอ้ งพิจำรณำถึงวตั ถปุ ระสงคข์ องกำรปลูก หำกเปน็ กำรปลูก
เพ่อื ใชเ้ น้อื ไม้ ต้องคำนงึ ถงึ ว่ำจะนำไปใช้ประโยชนเ์ พื่อสิ่งใด และสภำพภูมิอำกำศของพนื้ ท่ีเหมำะสมกับนิเวศวิทยำ
ของชนิดพนั ธหุ์ รือไม่ สภำพดนิ และคณุ ภำพดินมีควำมสมบรู ณเ์ พยี งใด เช่น สัก เปน็ ควำมตอ้ งกำรของตลำด แต่ไม่
เหมำะสมที่จะปลูกในภำคใต้ท่ีมีสภำพดินไม่เหมำะสม เหมำะสมสำหรับภำคเหนือท่ีมีดินเกิดจำกำรสลำยตัวของภูเขำ
หินปูน ภำคตะวันออกเฉียงเหนืออำจปลูกได้ดีเฉพำะพื้นท่ีดินลึกและปริมำณน้ำฝนเฉลี่ยรำยปีสูง ไม้ตะเคียนทอง
มีคุณภำพดีแต่ไม่เหมำะสมท่ีจะปลูกในพื้นที่แห้งแล้ง เพรำะต้องกำรควำมช้ืนสูง ส่วนไม้พะยูง มีรำคำสูงมำกแต่
ลักษณะทำงนิเวศวิทยำเป็นไม้โตช้ำ อำจไม่คุ้มค่ำต่อกำรลงทุน ไม้หอมหรือกฤษณำ นิยมปลูกกันมำก แต่ต้อง
กระทำเพ่ือให้เกิดน้ำมัน มักปลูกได้ในพ้ืนท่ีที่มีดินลึกและมีควำมช้ืนสูง ดังนั้นกำรคัดเลือกชนิดไม้สำหรับกำรปลูก
ต้องคำนงึ ถงึ ผลตอบแทนทำงเศรษฐกิจเปน็ หลกั

นเิ วศวิทยาของพันธไ์ุ ม้
เพอื่ ให้กำรปลูกสวนป่ำเศรษฐกจิ ประสบผลสำเร็จต้องพจิ ำรณำถึงนิเวศวิทยำของพนั ธไุ์ ม้
1. นิเวศวทิ ยำทเี่ หมำะสมต่อกำรปลกู สัก

ไม้สัก ในประเทศไทยไม้สักจะข้ึนอยู่เป็นส่วนใหญ่ในป่ำเบญจพรรณทำงภำคเหนือและบำงส่วนของ
ภำคกลำง ไม้สกั ชอบข้นึ ตำมพ้นื ทท่ี เี่ ป็นภูเขำหรอื ตำมพ้ืนรำบดนิ ระบำยน้ำได้ดีน้ำไม่ท่วมขัง ซ่ึงอำจจะเป็นดินร่วน
ปนทรำยหรอื ดินท่ีมคี วำมลึกมำก ๆ โดยเฉพำะดินทเ่ี กดิ จำกหนิ ปูนซง่ึ แตกแยกผุพังจนกลำยเป็นดนิ ร่วนลึกไม้สกั จะ
เตบิ โตได้ดหี ำกข้ึนอย่เู ป็นกลุม่ ไม้สักลว้ น ๆ เปน็ หยอ่ ม ๆ หรืออำจข้ึนปะปนอยู่กบั ไมเ้ บญจพรรณอ่ืน ๆ เช่น ไม้แดง
ประดู่ มะคำ่ โมง ชงิ ชัน ตะแบกฯลฯ โดยมีไมไ้ ผ่ชนิดต่ำง ๆ เป็นไม้ชั้นล่ำง ปัจจัยสำคัญต่อกำรเติบโตของไม้สักซ่ึง
อำจใชเ้ ปน็ แนวทำงในกำรพจิ ำรณำคดั เลอื กพื้นท่ใี นกำรปลกู ไม้สกั พอสรุปได้ดังนี้

1) ไม้สักจะเติบโตได้ดีในพ้ืนท่ีชุ่มช้ืนมำกกว่ำท่ีแห้งแล้งปริมำณน้ำฝนที่เหมำะแก่กำรเติบโตและมี
เนอ้ื ไมง้ ดงำมของไม้สักอยู่ระหวำ่ ง 1,000–2,000 มิลลิเมตรต่อปี และฝนไม่ท้ิงช่วงนำนเกินไปในระหว่ำงฤดูกำรเติบโต
นอกจำกนจ้ี ะตอ้ งมชี ว่ งฤดแู ล้งทช่ี ดั เจน 3-4 เดือน

2) อุณหภมู ทิ ี่เหมำะแกก่ ำรเติบโตของไม้สกั อยรู่ ะหว่ำง 25–35 องศำเซลเซียส
3) ไม้สักเป็นไม้ที่ชอบแสงสว่ำงควำมเข้มของแสงท่ีเหมำะสมคือ 75–95 เปอร์เซ็นต์ของปริมำณแสง
กลำงวันท่ีได้รับเต็มที่ กำรปลกู ไมส้ กั จงึ ไม่ควรปลกู ในร่มหรือใกล้ตน้ ไมใ้ หญซ่ ึ่งอำจบดบงั แสงแดดแก่ไมท้ ป่ี ลูกได้

38 กจิ กรรมปลกู จิตสำนกึ รักษำทรพั ยำกรธรรมชำติและป่ำไม้

4) ดินท่ีเหมำะสมต่อกำรเติบโตของไม้สัก คือ เป็นดินท่ีมีกำรระบำยน้ำได้ดี ไม่เป็นดินดำน ดิน
ค่อนข้ำงลึก ดินร่วนปนทรำยหรือดินที่เกิดจำกกำรผุสลำยของหินปูนมีค่ำ pH ประมำณ 6.5–7.5 ส่วนดินที่
ไม่เหมำะสมกับกำรปลูกไม้สกั คือ ดินเหนยี ว ดินลูกรัง ดินทรำยและท่ีมีนำ้ ทว่ มขัง

5) สภำพภูมิประเทศที่เหมำะสมแก่กำรเติบโตของไม้สักโดยทั่วไปจะมีควำมสูงจำกระดับน้ำทะเล
ไมเ่ กนิ 700 เมตร เป็นพน้ื ท่ีรำบถึงลำดชนั เล็กน้อยไม่เกิน 15 เปอรเ์ ซ็นต์

2. นเิ วศวทิ ยำทเ่ี หมำะสมตอ่ กำรปลกู ยคู ำลปิ ตัส
คำลิปตัสเป็นไม้ต่ำงประเทศมีมำกกว่ำ 700 ชนิด มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปออสเตรเลียเป็นส่วนใหญ่

ประเทศไทยไดเ้ ร่มิ นำยคู ำลิปตสั ชนิดต่ำง ๆ มำทดลองปลูกประมำณปี พ.ศ. 2493 แต่ได้มีกำรปลูกกันจริง ๆ เม่ือ
ประมำณปี พ.ศ. 2507 ปรำกฏว่ำไม้ยูคำลิปตัส คำมำลดูเลนซิส สำมำรถเติบโตได้ในแทบทุกสภำพพ้ืนที่และมี
อัตรำกำรเจรญิ เติบโตสูงจึงนิยมปลูกกันมำกอย่ำงแพร่หลำย ยูคำลิปตัส คำมำลดูเลนซิส สำมำรถเติบโตได้ในทุก

สภำพของดินแถบทุกประเภท ต้ังแต่พื้นท่ีริมน้ำ ที่รำบน้ำท่วมถึงบำงระยะในรอบปี แม้แต่ดินที่เป็นทรำยและมี
ควำมแห้งแลง้ ติดต่อกนั เป็นเวลำนำน พื้นที่ดนิ เลวทมี่ ีปริมำณน้ำฝนนอ้ ยกว่ำ 650 มิลลิเมตรต่อปี รวมทง้ั พ้นื ท่ีท่มี ดี ินเค็ม
ดนิ เปรีย้ ว แต่ยคู ำลปิ ตสั จะไมท่ นทำนต่อดินทมี่ ีสภำพเป็นหินปนู สงู

3. นเิ วศวทิ ยำทเ่ี หมำะสมต่อกำรปลกู กระถินเทพำ
ไม้กระถนิ เทพำเปน็ ไม้ตำ่ งประเทศทส่ี ำมำรถเติบโตได้ดีในทุกพ้นื ท่ี มักข้ึนอยู่ในพื้นท่ีสงู ไมเ่ กนิ 800 เมตร

จำกระดับนำ้ ทะเลปำนกลำง ดงั น้ันปจั จยั สำคัญทีม่ อี ิทธิพลตอ่ กำรเติบโตของไมก้ ระถนิ เทพำ ไดแ้ ก่
1) อณุ หภูมิโดยทว่ั ไปไมก้ ระถินเทพำจะข้ึนในพ้ืนท่ีท่ีมีอำกำศร้อนช้ืนซ่ึงมีอุณหภูมิเฉล่ียสูงสุดระหว่ำง

25-30 องศำเซลเซียสและอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยระหว่ำง 13-21 องศำเซลเซียส กระถินเทพำจะไม่ข้ึนในบริเวณท่ี
อณุ หภมู สิ ูงกว่ำ 38 องศำเซลเซยี สและทีอ่ ุณหภูมิตำ่ ถึงจุดน้ำค้ำงแขง็ กระถนิ เทพำเปน็ ไมท้ ่ขี ึ้นบนท่ีชมุ่ ช้ืน ควำมแห้งแล้ง
จะทำให้กำรเติบโตลดลงมำกปริมำณน้ำฝนในแหล่งธรรมชำติของกระถินเทพำน้ันแตกต่ำงกันมำกกล่ำวคือตั้งแต่
1,000 มิลลเิ มตรจนถงึ 45,000 มิลลิเมตรตอ่ ปี

2) ลักษณะดิน กระถินเทพำสำมำรถเติบโตได้ดีในสภำพดินหลำยชนิด เช่นดินที่มีหินปะปนดินที่ถูก
ชะลำ้ งมำกอ่ นซึง่ มีควำมอุดมสมบรู ณ์ของดินทีต่ ่ำ และยังขนึ้ ไดด้ ใี นดนิ ลึกที่เกิดจำกกำรสลำยตัวของวัตถุต้นกำเนิดดิน
หรอื ดนิ ทเ่ี กิดจำกกำรทับถมของตะกอนในบรเิ วณทลี่ มุ่ ซงึ่ ยังได้ดใี นดนิ ท่เี ปน็ กรดช่วง pH ทเ่ี หมำะสมคือ pH 4-6

4. นเิ วศวิทยำท่ีเหมำะสมตอ่ กำรปลูกไผ่เลีย้ ง
ไมไ้ ผ่ เปน็ พันธไุ์ ม้เบกิ นำที่สำมำรถบุกรกุ ครอบครองพน้ื ท่วี ่ำงเปลำ่ ได้อย่ำงรวดเรว็ โดยเฉพำะพ้ืนที่วำ่ ง

ท่ีเกิดจำกกำรแผว้ ถำง หรอื เกิดไฟปำ่ อยูเ่ ปน็ ประจำ กำรข้ึนอยูข่ องไม้ไผ่แต่ละชนิดพันธ์ุในท้องที่ต่ำง ๆ กันน้ัน เก่ียวข้อง
กบั ปัจจัยตำ่ ง ๆ ดงั น้ี

1) ลักษณะภมู อิ ำกำศ ไมไ้ ผแ่ ตล่ ะชนิดสำมำรถขนึ้ อย่ใู นท่ที ่มี ีอณุ หภมู ิต่ำงกัน โดยในช่วงระหว่ำง 8.8–
36 องศำเซลเซียส ไม้ไผ่ท่ีลำขนำดใหญ่ต้องกำรท่ีซ่ึงมีอุณหภูมิผันแปรน้อยกว่ำชนิดท่ีมีลำขนำดเล็ก และมักข้ึน

ปะปนกับไม้ใหญ่ส่วนไผ่ท่ีมีลำขนำดเล็กอำจขึ้นกลำงแจ้งได้ดีกว่ำ ปริมำณน้ำฝนน้อยท่ีสุดท่ีไผ่ต้องกำรประมำณ
1,020 มิลลเิ มตรตอ่ ปี สว่ นปรมิ ำณสูงสดุ ไม่แน่นอน โดยพบว่ำในพ้ืนท่ีซึ่งมีปริมำณน้ำฝนถึง 6,350 มิลลิเมตรต่อปี
กม็ ไี ผข่ ้นึ อยู่ สำหรบั ควำมชน้ื ปกติไมไ้ ผข่ นำดใหญ่ตอ้ งกำรควำมชน้ื มำกกว่ำไม้ไผข่ นำดเล็ก กำรกระจำยพันธุ์ของไม้
ไผ่ชนิดต่ำง ๆ จึงมกั ถกู จำกดั ดว้ ยควำมชน้ื

2) ลักษณะดิน ไมไ้ ผช่ อบดนิ ที่มกี ำรระบำยนำ้ ได้ดี จงึ มักพบขึน้ อย่บู นที่มีดินร่วนปนทรำย (Sandy Loam)
มเี พียงบำงชนดิ ทขี่ ึ้นได้ในท่ีดินลูกรงั หรือดนิ ท่ีมกี ำรระบำยนำ้ ไม่ดเี พรำะมีเปอรเ์ ซ็นตข์ องดินเหนียวผสมอยู่มำก ไม้ไผ่แต่
ละชนิดมคี วำมต้องกำรดนิ ทแ่ี ตกต่ำงกันออกไป จึงอำจใช้ชนิดของไม้ไผ่เป็นตัวบ่งช้ีคุณภำพของดินโดยคร่ำว ๆ ได้
เชน่ ทใี่ ดมีไผ่ไร่ข้ึนนับว่ำเป็นดนิ รว่ นปนทรำยมีควำมอุดมสมบูรณ์ดี เหมำะสมที่จะทำเป็นพื้นที่ปลูกไผ่ได้ ถ้ำเป็นไผ่รวก
ดนิ จะเหนยี วและเลวลง หำกเปน็ ปำ่ ไผซ่ ำงดนิ มักจะเปน็ ดินผุและขำดควำมอดุ มสมบรู ณ์

กจิ กรรมปลกู จติ สำนกึ รกั ษำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละป่ำไม้ 39

การปลูกและการตัดฟันสวนปา่
1. การปลูกและการตดั ฟันสัก

1.1 กำรปลกู สัก มวี ิธีปลูกและกำรจัดกำรจะแตกต่ำงกบั กำรทำกำรเกษตรหรือสวนผลไม้ สวนสักต้อง
ใชเ้ วลำในกำรเกบ็ เกีย่ วผลผลิตนำนกว่ำ กำรทำกำรเกษตรสวนสักมวี ัตถปุ ระสงค์เพื่อต้องกำรเน้ือไม้ รำคำไม้ขึ้นอยู่
กับคุณภำพ ขนำดและอำยุของต้นไม้ สิ่งสำคัญในกำรพิจำรณำปลูกสักคือควำมเหมำะสมของพื้นท่ี กำรจัดกำร
รูปแบบกำรปลูกขนำดของพ้ืนที่ ค่ำใช้จ่ำยในกำรลงทุนควรวำงแผนให้เป็นระบบรอบหมุนเวียนให้ตัดไม้ได้อย่ำง
ต่อเนื่อง ช่วงเวลำที่เหมำะสมสำหรับปลูกสักที่ให้ผลดีท่ีสุดคือช่วงต้นฤดูฝน ระหว่ำงเดือนพฤษภำคมถึงเดือน
กรกฎำคมซง่ึ มปี ริมำณน้ำฝนหรือควำมชื้นเพียงพอใหต้ น้ ไม้สำมำรถตั้งตัวเติบโตและมีโอกำสรอดตำยสูงระยะปลูก
ที่เหมำะสม คือ 3x3 เมตรขุดหลุมกว้ำงและลึกประมำณ 30x30 เซนติเมตรหรือ 50x50 เซนติเมตร รองก้นหลุม
ดว้ ยปยุ๋ หมักปุ๋ยคอก แต่ตอ้ งระวังไม่ให้ปุ๋ยสมั ผัสรำกโดยตรงเพรำะอำจทำให้ต้นสักตำยได้ กำรกรีดถุงพลำสติกออก
ระวังอย่ำให้ดินแตกกระจำยกระทบกระเทือนระบบรำกนำกล้ำลงปลูกให้ระดับโคนต้นต่ำกว่ำผิวดินเล็กน้อยซึ่ง
กำรปลูกมหี ลำยรปู แบบ ดงั น้ี

1) กำรปลูกด้วยเหง้ำกระทำโดยใช้เหล็กชะแลงกระทุ้งดินให้เป็นรูลึกเท่ำควำมยำวของเหง้ำสัก
แล้วนำเหง้ำทีเ่ ตรียมไว้เสยี บลงไปให้พอดกี บั ระดับดินหรือต่ำกว่ำผิวดินเล็กน้อย ใช้ชะแลงอัดดินข้ำงรูปลูกให้แน่น
เพื่อให้เหง้ำฝังแน่นกระชับอยู่ในดิน วิธีปลูกด้วยเหง้ำน้ีเป็นวิธีท่ีง่ำยเสียค่ำใช้จ่ำยน้อย และยังทำให้ต้นไม้เติบโตดี
ด้วยเพรำะในเหงำ้ สักมีกำรสะสมอำหำรไว้สำหรับกำรเติบโตกำรปลูกด้วยเหง้ำ ควรคัดเลือกเหง้ำที่มีขนำดเท่ำกัน
ปลกู ในบริเวณเดยี วกนั เพอ่ื ให้ตน้ ไมเ้ ตบิ โตอยำ่ งสมำ่ เสมอมำกทสี่ ดุ

2) กำรปลกู ด้วยกล้ำชำถงุ เหมำะสำหรับกำรปลูกในพ้ืนที่ไม่มำกนัก หำกมีกำรคัดเลือกกล้ำเป็นอย่ำงดี
จะได้ต้นสกั ทเ่ี ติบโตเร็วและสมำ่ เสมอกนั กำรปลกู สกั ดว้ ยกล้ำน้คี วรขุดหลมุ ปลูกขนำด 20x20x20 เซนติเมตร รอง
ก้นหลุมด้วยปยุ๋ คอก ปุ๋ยหมกั ป๋ยุ เคมี ผสมกับหน้ำดินและเศษใบไม้หรือวัชพืช กลำ้ ไมท้ ่ีนำไปปลูกควรมีขนำดสูงไม่
น้อยกว่ำ 30 เซนติเมตรและได้รับกำรทำให้แกร่งเป็นอย่ำงดีแล้ว เม่ือปลูกแล้วอัดดินรอบ ๆ โคนต้นให้แน่น หำก
ทำกำรรดน้ำด้วยในช่วงฝนทง้ิ ช่วงก็จะทำใหต้ น้ ไม้เตบิ โตได้ดขี ึน้

1.2 กำรตัดฟันสัก กำหนดรอบตัดฟันไว้ 15 ปี อัตรำควำมเพ่ิมพูน 7 เซนติเมตรต่อปี กำหนดให้มี
กำรตัดไม้สักท่ีลักษณะไม่ดีออกเพ่ือให้ไม้ที่มีลักษณะดีโตเร็วในปีที่ 6 และทำกำรตัดขยำยระยะในปีที่ 11 ได้
ปรมิ ำตรไม้ 3 ลูกบำศก์เมตรต่อไร่อำยุ 6–10 ปีมีต้นไม้ 90 ต้นตอ่ ไรอ่ ำยุ 11–15 ปี มตี ้นไม้ 45 ต้นต่อไร่และเม่ือไม้
มีอำยุครบรอบตดั ฟันจะมีปริมำตร ไมต่ ำ่ กวำ่ 12 ลูกบำศก์เมตรตอ่ ไรไ่ ม้สักจดั ไดว้ ำ่ เปน็ ไม้โตเร็วชนิดหนง่ึ เมื่อเทียบ
กับไม้ชนิดอ่ืนอีกหลำย ๆ ชนิดโดยเฉพำะอย่ำงย่ิงกำรเติบโตในช่วง 10 ปีแรกจะเร็วมำกอย่ำงไรก็ตำมไม้สักจะโต
เร็วมำกน้อยเพยี งใดข้ึนอย่กู ับปัจจัยต่ำง ๆ ท่ีสำคัญคือสภำพพ้ืนที่ที่ปลูกรวมทั้งกำรเตรียมพ้ืนที่กำรจัดกำรสวนป่ำ
รวมทั้งกำรบำรงุ รักษำและคุณภำพของเมล็ดกล้ำพันธ์ุท่ีปลูกในพื้นท่ีท่ีเหมำะสม มีกำรจัดกำรสวนป่ำเป็นอย่ำงดี ต้นสัก
อำยุ 10 ปจี ะสูงเฉล่ียมำกกว่ำ 15 เมตรข้ึนไปและมีเส้นผ่ำศูนย์กลำงเฉลี่ยมำกกว่ำ 15 เซนติเมตร มีผลผลิต (ไม้ท่อน)
สูงกว่ำ 13 ลูกบำศก์เมตรต่อไร่หลังจำกน้ันกำรเติบโตทำงควำมสูงจะลดลงแต่ควำมโตทำงเส้นรอบวงจะยังคง
เพมิ่ ขึ้นอกี เร่อื ย ๆ

สำหรับสวนสักพ้ืนที่ขนำดใหญ่กำรตัดแบบเป็นระบบจะทำให้สะดวกในกำรตัดไม้สำหรับสวนสักที่มี
พื้นท่ีขนำดเล็ก หำกมีกำรเติบโตแตกต่ำงกัน ควรใช้แบบเลือกตัดโดยกำรตัดขยำยระยะคร้ังแรก ควรเลือกต้นท่ีมี
ขนำดเลก็ และลกั ษณะไมด่ ีออกเหลือสกั ทม่ี ลี ักษณะเติบโตดีไว้ เนื่องจำกต้นท่ีมีกำรเติบโตดีจะสำมำรถเติบโตเป็น
ไม้ขนำดใหญ่ไดด้ กี วำ่ สง่ ผลให้สวนป่ำมีผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นค้มุ ค่ำกำรลงทุนในรอบตัดฟันสุดทำ้ ยมำกกว่ำ โดยไม้สัก
ทีข่ ำยไดร้ ำคำดแี ละเปน็ ที่ตอ้ งกำรของตลำดคืออำยุมำกกวำ่ 15 ปี ขนำดเส้นรอบวงท่ีควำมสูง 1.30 เมตรมำกกว่ำ
60 เซนตเิ มตรขึน้ ไป

2. การปลูก การตัดฟันและการไวห้ น่อยูคาลปิ ตัส
2.1 กำรปลูกยคู ำลปิ ตัส สำมำรถปลูกไดโ้ ดยกำรเพำะกล้ำไม้จำกเมล็ด หรือกำรเพำะเล้ียงเนื้อเย่ือ

โดยขนำดกล้ำไม้ท่ีพอเหมำะในกำรย้ำยปลูก อำยุประมำณ 3–5 เดือน สูงประมำณ 25–40 เซนติเมตร ควรเลือก

40 กิจกรรมปลูกจิตสำนึกรกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้

ปลูกหลังจำกวันที่ฝนตกทำให้ดินเปียกชื้นพอสมควร ประกำรสำคัญถุงพลำสติกต้องฉีกออก และท้ิงนอกหลุม
เพ่ือให้ระบบรำกสำมำรถชอนไชออกไปตั้งตัวและหำอำหำรได้ดีข้ึน แล้วกลบดินและกดรอบ ๆ ต้นไม้ให้แน่นใน
บรเิ วณพนื้ ที่ค่อนข้ำงแห้งแลง้ ระดบั ดินท่ีกลบหลมุ ควรให้เป็นแอง่ ลกึ กว่ำระดับดินโดยรอบเลก็ นอ้ ย เพือ่ ใหเ้ ป็นแอ่ง
รับน้ำฝนเล้ียงต้นไม้ ระยะปลูกจะใชร้ ะยะปลกู ถห่ี ำ่ งเท่ำใดขน้ึ อยูก่ บั วัตถุประสงค์และกำรนำไม้ไปใช้ประโยชน์ซึ่งมี
ขอ้ คิดเห็นดังน้ี

1) ปลูกเพ่ือเป็นฟืนหรือเผำถ่ำนซ่ึงใช้ไม้ขนำดเล็กก็อำจปลูกระยะถ่ีเช่นใช้ระยะปลูก 1x2 เมตร
หรอื 2x2 เมตรซงึ่ จะปลูกได้ 400–800 ตน้ /ไร่ ในช่วง 2–3 ปีสำมำรถตดั ไมม้ ำขำยใช้ทำฟนื หรอื เผำถำ่ นขำยไดแ้ ละ
ต้นตอไม้ยคู ำลปิ ตสั ท่ตี ดั ออกไปสำมำรถแตกหน่อได้โดยไมต่ ้องปลกู ใหม่

2) ปลูกเพ่ืออุตสำหกรรมเยื่อกระดำษเฟอร์นิเจอร์ หรือไม้สำหรับใช้ในกำรก่อสร้ำงท่ีต้องกำรไม้
ขนำดโต ก็ควรใช้ระยะปลูก 2x3, 2x4 หรือ 4x4 เมตรซ่ึงจะปลูกได้ 100–270 ต้น/ไร่ สำมำรถตัดมำใช้เพื่อ

อุตสำหกรรมอ่ืน ๆ ได้เม่ืออำยุ 3 ปีขึ้นไป ส่วนไม้เพ่ือกำรก่อสร้ำงต้องมีอำยุมำกกว่ำ 5 ปี กำรปลูกระยะห่ำงนั้น
ในปีที่ 1–2 สำมำรถปลูกพืชเกษตรควบลงในระหว่ำงต้นและแถวของต้นไม้ได้ เป็นกำรใช้พ้ืนที่ให้เป็นประโยชน์
อยำ่ งเต็มที่ และยังมีรำยไดร้ ะหว่ำงคอยผลผลิตจำกตน้ ไม้อีกด้วย

2.2 กำรตัดฟันและกำรไว้หน่อ กำรปลูกสวนป่ำยูคำลิปตัส ถ้ำหำกได้มีกำรดำเนินกำรปลูกและ
บำรุงรกั ษำอยำ่ งดถี กู ตอ้ งตำมหลกั วชิ ำกำรแลว้ ตน้ ยคู ำลปิ ตัสทป่ี ลูกในสวนปำ่ จะเตบิ โตและให้ผลผลิตตอบแทนใน
ระยะเวลำ 5 ปี กำรเติบโตของยูคำลิปตสั ระยะ 5–7 ปีแรกไมต่ ้องกำรเนอ้ื ท่ีเทำ่ ใดนัก เนอื่ งจำกมีเรือนยอดแคบ ๆ
แม้บำงแห่งจะเหน็ ตน้ ไม้อยู่อย่ำงเบียดเสียดกันบำ้ ง แตก่ ำรเตบิ โตยังคงเป็นไปอยำ่ งสมำ่ เสมอ ดังนั้นจึงยังไม่จำเป็น
นกั ในกำรตัดขยำยระยะ อยำ่ งไรก็ตำมสิ่งจำเปน็ ทต่ี ้องปฏบิ ัติในกำรดูแลตน้ ไม้ คือหำกพบต้นไมใ้ ดทไี่ มแ่ ขง็ แรง เช่น
ต้นท่ีถูกแมลงรบกวนหรือเป็นโรคไม้ที่แคระแกร็นหรือหำกถูกข่มจำกต้นข้ำงเคียงมำก ควรต้องตัดท้ิงออกไป
สวนป่ำท่ีได้รับกำรดูแลเอำใจใส่เก่ียวกับกำรกำจัดวัชพืช และเชื้อเพลิงต่ำง ๆ อย่ำงดีแล้วมักจะรอดพ้นอันตรำย
จำกไฟปำ่ ได้ หรอื ในกรณที ่ีตน้ ยคู ำลิปตัสไดร้ บั อนั ตรำยจำกไฟป่ำส่วนใหญ่ก็จะแตกตำออกมำอีกตำมกิ่งลำต้นและ
ตำเหลำ่ นจ้ี ะเตบิ โตเปน็ หนอ่ ใหม่ หรือบำงครงั้ ลำต้นเดมิ จะเร่มิ เตบิ โตตอ่ ไปอีกอย่ำงปกติ

1) ปลูกระยะ 1x1 เมตร (ไร่ละ 1,600 ต้น) ปที ่ี 2 ตัดออก 50 เปอร์เซน็ ต์เพ่ือทำฟืนขนำดเลก็ ปีท่ี
3–4 ตดั ออก 50 เปอรเ์ ซน็ ต์เพอ่ื ทำฟนื และถำ่ นทเ่ี หลือตดั ในปที ี่ 5 เพ่อื ทำเยื่อกระดำษ ชิ้นไม้สับเสำขนำดเล็กและ
ไมแ้ ปรรปู ขนำดเลก็

2) ปลูกระยะ 2x2 เมตรและ 2x4 เมตร (ไร่ละ 400 ต้นและ 200 ต้น) ปีที่ 3–4 ตัดออก 50 เปอร์เซ็นต์
เพอ่ื ทำฟืนและถ่ำนปที ี่ 5 ตัดทำเยือ่ กระดำษชนิ้ ไม้สับเสำขนำดเลก็ และไมแ้ ปรรปู ขนำดเล็กหรอื คงเหลือไม้ลักษณะ
ดีไว้ 10–20 เปอรเ์ ซน็ ตเ์ พอ่ื ทำไมแ้ ปรรูปใชก้ อ่ สร้ำงบำ้ นเรือน

3) ปลูกระยะ 3x3 เมตร และ 4x4 เมตร (ไร่ละ 176 ต้น และ 100 ตน้ ) ตัดในปีที่ 5 ทั้งหมดเพื่อ
ทำเย่ือกระดำษช้ินไม้สับฟืนถ่ำนเสำขนำดเล็กและไม้แปรรูปขนำดเล็กหรือคงเหลือไม้ลักษณะดีไว้ 20 เปอร์เซ็นต์

เพอ่ื ทำไมแ้ ปรรูปใช้กอ่ สรำ้ งบ้ำนเรอื น
กำรตัดไม้ยูคำลิปตสั ในสวนปำ่ ออกมำใช้ประโยชนด์ ังกลำ่ วควรทำในระยะเริ่มต้นฤดูฝนเพรำะดิน

มคี วำมช้นื ต้นไมท้ ต่ี ัดโค่นลงจะได้รับควำมเสยี หำยจำกกำรโค่นล้มน้อยกว่ำช่วงหน้ำแล้งและควรตัดต้นยูคำลิปตัส
ให้ระดับพ้ืนดินประมำณ 10–12 เซนติเมตร เพ่ือปล่อยให้แตกหน่อใหม่จำกน้ันอีกประมำณ 1 เดือนใส่ปุ๋ยสูตร
15–15–15 จำนวน 10 กก./ไร่ ปล่อยไว้อีก 1–2 เดือนทำกำรตัดแต่งหน่อไว้ให้เหลือเพียง 2–3 หน่อหรืออำจจะ
เหลอื ไว้ 7–8 หนอ่ อกี ประมำณ 1 ปจี งึ คอ่ ยสำงหน่อออกไป 5–6 หนอ่ ไปทำฟนื ถำ่ นหรือใชป้ ระโยชน์อย่ำงอื่นเหลือ
หน่อท่ดี ที ่สี ดุ เพยี งหน่อเดยี วหรือ 2 หนอ่ ทำกำรบำรุงรักษำทุก ๆ ปี ตำมปกตจิ นตัดฟันครง้ั ตอ่ ไป

3. การปลกู และการตดั ฟันกระถนิ เทพา
3.1 กำรปลูกกระถินเทพำ สำมำรถปลกู ได้โดยกำรเพำะกลำ้ ไม้จำกเมล็ด หรอื กำรปกั ชำกล้ำโดยขนำด

กล้ำไมท้ ่พี อเหมำะในกำรยำ้ ยปลูก ควำมสูงประมำณ 30-50 เซนตเิ มตร สำหรับหลุมปลูกน้นั ควรเตรียมให้มีขนำด
ใหญก่ ว่ำขนำดของถงุ เพำะชำเล็กนอ้ ย กอ่ นปลูกตอ้ งฉีกถงุ เพำะชำออกและตอ้ งระวังอย่ำให้ดินที่หุ้มรำกอยู่ปริแตก

กจิ กรรมปลกู จติ สำนึกรกั ษำทรัพยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้ 41

เพรำะจะทำให้รำกได้รับกำรกระทบกระเทือนต้นกล้ำจะต้ังตัวช้ำ กำรปลูกควรตั้งลำต้นให้ตรงให้ระดับคอรำกอยู่
ต่ำกว่ำระดับผิวดินเล็กน้อย เมื่อปลูกเสร็จให้กลบดินให้แน่น ระยะกำรปลูกขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และปัจจัย
สิ่งแวดล้อมต่ำง ๆ เช่น สภำพพ้ืนที่ควำมอุดมสมบูรณ์ของดินเงินลงทุนกำรใช้ประโยชน์และควำมสะดวกในกำร
ทำงำน สำหรับกำรปลูกไม้โตเร็วโดยทั่วไปนิยมใช้ระยะ 2x2 เมตร (400 ต้น/ไร่) แต่ถ้ำปลูกในพื้นที่จำนวนมำก
ควรใช้ระยะ 3x1 หรือ 3x2 เมตรเพ่ือให้เคร่ืองจักรสำมำรถเข้ำไปปฏิบัติงำนได้ ขั้นตอนกำรปลูก ได้แก่ 1) กำร
เตรียมพื้นท่ีไถพรวน 1-2 คร้ัง กำหนดจุดปลูก 2) กำรเตรียมต้นกล้ำ รดน้ำให้ชุ่มตัดแต่งรำก 3) กำรปลูกควำมสูง
30-50 เซนติเมตร ฉกี ถุงเพำะชำออก คอรำกตำ่ กว่ำผิวดินเล็กนอ้ ย

3.2 กำรตดั ฟัน อำยกุ ำรตัดฟนั ของไม้โตเรว็ ขึ้นอยู่กบั สภำพพ้ืนที่ปลกู กำรเติบโตและกำรใช้ประโยชน์จำก
เนอ้ื ไม้ โดยทัว่ ไปกำหนดอำยุกำรตดั ฟนั ของไมก้ ระถนิ เทพำไว้ตง้ั แต่ 6-20 ปี กำรโคน่ ลม้ ควรกระทำตอนต้นฤดูแล้ง
เพรำะสะดวกตอ่ กำรชักลำกและขนสง่ กำรลอกเปลือก กำรทอนไม้ควรทำทันทีหลังจำกกำรโค่นล้ม เพรำะหำกทิ้ง
ไว้นำนจนแหง้ จะทำได้ยำกข้ึน ในกรณีกำรปลูกใหม่หรือเปลี่ยนพืชปลูกกำรทำลำยตอนับว่ำเป็นปัญหำสำคัญมำก
กำรขดุ ถอนตอเปน็ ส่งิ ที่ทำไดย้ ำกและลงทนุ สงู กำรใช้สำรเคมีทำลำยตอเป็นวิธีทีส่ ะดวกและประหยัดท่ีสุด สำรเคมี
ทีน่ ยิ มใช้ไดแ้ ก่โซเดยี มอำร์ซไี นท์ (Sodium Arsenite) 5 เปอร์เซ็นต์ รดบรเิ วณตอใหต้ อหยุดแตกหน่อและสลำยตัว
เร็วขึ้นและกำรจัดกำรกระถินเทพำอำยุ 7 ปีสำมำรถสูงได้ถึง 26.9-35.5 เมตร เส้นผ่ำนศูนย์กลำงระดับอก 20.9-
28.7 เซนติเมตร อัตรำผลตอบแทนของโครงกำรเม่ือใช้ต้นทุนของเอกชนรำยย่อยสูงสุดเท่ำกับ 31.99 เปอร์เซ็นต์
และจำกกำรศึกษำค้นคว้ำและวิจัยของนักวิจัยที่ผ่ำนมำ สำมำรถกล่ำวได้ว่ำ กระถินเทพำเป็นไม้ท่ีเหมำะสมท่ีจะ
นำมำปลูกในประเทศไทย และเป็นไม้โตเร็วมีรอบตัดฟันส้ันและให้ผลทำงเศรษฐกิจเร็ว และคุ้มค่ำต่อกำรลงทุน
กระถินเทพำเปน็ ไมท้ ่สี มควรจะส่งเสริมกำรปลกู สวนปำ่ ทัง้ ในภำครัฐและเอกชน

4. การปลกู และการตดั ฟนั ไผเ่ ลีย้ ง
4.1 กำรปลูกไผ่เลี้ยง วิธีกำรขยำยพันธุ์ไผ่เลี้ยงที่นิยมปฏิบัติมีวิธีเดียว คือ กำรแยกลำต้นพร้อมเหง้ำ

โดยกำรแยกลำตน้ พรอ้ มเหง้ำมรี ปู แบบ 2 รปู แบบ ดงั นี้
1) กำรขยำยพันธ์ุโดยกำรแยกลำพร้อมเหง้ำเป็นวิธีท่ีได้ผลในกำรที่จะขยำยพันธุ์ได้อย่ำงรวดเร็ว

และมีประสิทธิภำพในเวลำสั้น เน่ืองจำกไผ่เล้ียงมีกำรเติบโตและสร้ำงกอรวดเร็วมีจำนวนลำต่อกอมำกจึงทำได้
รวดเร็ว แต่วธิ ีน้ีมีขอ้ จำกัดในกำรขยำยพันธท์ุ ีต่ ้องกำรปรมิ ำณมำก ๆ ในเวลำรวดเร็วเพ่ือปลูกบนพ้ืนท่ีผืนใหญ่ อำยุ
ของลำท่ีใช้แยกลำพร้อมเหง้ำคือ ช่วงอำยุระหว่ำง 8-20 เดือนเท่ำน้ันเช่นเดียวกับไผ่ซำงและไผ่สีสุก โดยแยกลำ
เฉพำะส่วนโคนท่ีมีเหง้ำของลำต้นติดมำอย่ำงสมบูรณ์ ข้อสังเกต ต้นที่มีอำยุเกิน 2 ปีจะได้ผลไม่ดีเท่ำต้นท่ีมีอำยุ
1-2 ปี ซงึ่ จะแตกหน่อต่ำหรอื อำจไมแ่ ตกเลย ดังน้นั กำรขยำยพนั ธุ์จำกกอทเี่ รม่ิ ปลกู 2-3 ปี จงึ จะไดผ้ ลดี

2) กำรแยกกอขนำดเล็ก จำกกำรขยำยพันธุ์ในแบบที่ 1 ต้องใช้ถุงขนำดใหญ่เพำะชำแล้วนำไป
เล้ยี งดูในโรงเรือน ระยะหนงึ่ จะได้กอขนำดเล็กจำนวน 2-3 ลำข้ึนไป จำกน้ันจึงทำกำรแยกกอขนำดเล็กที่สมบูรณ์
แล้วออก 1 ใน 4 เพ่ือกระตุ้นให้สร้ำงหน่อจำนวนมำกในถุงเพำะชำก็จะได้หน่อขนำดเล็กจำนวนมำกขึ้น สำมำรถ
แยกปริมำณกลำ้ ได้มำกขึ้น

กำรปลกู ไผเ่ ล้ียงควรปลูกตั้งแต่เร่ิมฤดูฝนประมำณเดือนมิถุนำยน – สิงหำคม เพื่อให้กล้ำไผ่ต้ังตัว
ได้เร็วสำมำรถแตกหน่อได้ทันทีภำยในฤดูเดียว ทำให้กล้ำไผ่เลี้ยงมีกำรรอดตำยสูงและสำมำรถเจริญเติบโตได้ดี
ต่อไป ก่อนกำรปลูกควรนำกล้ำไผ่เล้ียงออกวำงไว้กลำงแจ้ง ค่อย ๆ ลดปริมำณน้ำกล้ำไผ่ลงเป็นระยะเวลำ 1-2 เดือน
เพอื่ ให้กลำ้ ไผ่ปรับตวั กับสภำพแสงแดดและสภำวะแวดล้อมเป็นกำรทำให้กล้ำไผ่เล้ียงมีควำมแกร่ง กำรปลูกใช้มีด
กรีดก้นถุง วำงกล้ำไผล่ งในหลมุ กลบดินแลว้ ใช้เทำ้ เหยียบดนิ ให้แน่นหำกไมม่ ฝี นตกควรรดนำ้ ให้ชุ่มแล้วหำเศษใบไม้
เศษฟำง คลุมหลุมไวเ้ พอื่ ปอ้ งกนั กำรสญู เสยี ควำมชืน้ ในดิน

ไผ่เล้ียงถึงแม้จะเป็นไผ่ที่ทนแล้ง ปลูกง่ำยและแตกกอดี แต่ต้องเตรียมกำรต้ังแต่กำรเลือกท่ีปลูก
กำรวำงแผนกำรปลูกเพื่อควำมสำเร็จ ข้ึนอยกู่ บั วตั ถุประสงคข์ องผูป้ ลูกวำ่ ปลูกเพ่อื ผลิตหน่อหรือผลิตลำ พื้นท่ีปลูก
จะต้องไม่เป็นพื้นท่ีลุ่มน้ำท่วมขัง ถ้ำมีกำรปรับปรุงพ้ืนที่ควรจะดำเนินกำรให้เสร็จก่อนเข้ำฤดูฝน เร่ิมปลูกเม่ือเข้ำ
ฤดูฝนจะได้ประหยัดในกำรให้น้ำและต้นไผ่ได้ต้ังตัวก่อนเข้ำฤดูแล้ง หำกมีน้ำหรือระบบน้ำเข้ำช่วยโอกำส

42 กจิ กรรมปลูกจติ สำนึกรกั ษำทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละปำ่ ไม้

ควำมสำเร็จย่งิ สงู สำหรบั ระยะปลูกถ้ำปลูกเพ่ือกำรผลิตหน่อควรปลูกระยะชิด คอื 2x4 เมตร จะได้จำนวนหน่อต่อ
พน้ื ท่มี ำกข้ึน หำกปลกู เพ่อื กำรผลติ ลำให้ใช้ระยะหำ่ งตั้งแต่ 4x4 เมตร จนถึง 7x7 เมตร ขึ้นอยู่กับสภำพควำมอุดมสมบูรณ์
ของดนิ สว่ นหลุมปลกู ควรมีควำมลึกประมำณ 20 เซนตเิ มตร

4.2 กำรตัดฟันไผ่เลี้ยง ผู้ปลูกสำมำรถกำหนดวัตถุประสงค์ของกำรปลูกไผ่เล้ียงของตนว่ำจะ
จดั กำรเพ่อื ให้ไดผ้ ลผลิตหน่อไมเ้ ปน็ หลักหรอื เพอื่ ใหไ้ ดล้ ำเปน็ หลกั โดยอำจใช้ข้อมูลรำคำของผลผลิตเป็นเกณฑ์ใน
กำรตัดสินใจ ตัวอย่ำงเช่น หำกรำคำของหน่อไม้ในตลำดมีรำคำดีกว่ำรำคำลำ ก็จะเน้นกำรเก็บผลผลิตหน่อเป็น
หลัก หำกรำคำไผ่ในช่วงนั้นดีก็เก็บเก่ียวหน่อลดลงแล้ว ปล่อยให้หน่อไม้เจริญเติบโตเป็นลำต่อไป หรือมีเวลำ
จดั กำรน้อยจะไมต่ ดั หนอ่ ไม้เลยแลว้ รอเก็บผลผลิตลำไผอ่ ย่ำงเดียวก็ได้

1) กำรเก็บผลผลิตท่ีเน้นทั้งหน่อและลำ กำรจัดกำรที่ต้องกำรผลผลิตท้ังหน่อไม้และลำ
ไปพร้อม ๆ กัน คือ เมื่อไผ่เลี้ยงท่ีปลูกไว้มีกำรแตกกอที่สมบูรณ์แล้ว (หลังจำกปลูกประมำณ 3 ปีขึ้นไป) ไผ่เลี้ยง
จะเริ่มแตกหน่อในช่วงฤดูฝนประมำณเดือนพฤษภำคมเป็นต้นไปแล้วจะค่อย ๆ หมดไปในเดือนพฤศจิกำยน
กำรเก็บเกี่ยวหน่อไม้ให้ตัดหน่อท่ีมีขนำดควำมสูงต้ังแต่ 25-40 เซนติเมตร เลือกตัดเอำเฉพำะส่วนที่อ่อนมีสีขำว
กำรตัดหนอ่ ควรจะเว้นหน่อทอ่ี ยดู่ ำ้ นนอกสดุ ของกอไว้ กอละ 5-6 หน่อ หน่อทเ่ี วน้ เอำไว้ควรเปน็ หน่อท่ีมีลักษณะดี
มีควำมสมบรู ณเ์ พ่ือใหเ้ ตบิ โตเป็นลำแมต่ ่อไป หน่อที่เว้นไว้ให้โตเป็นลำ 5-6 ลำ สำมำรถแตกหน่อใหม่ในฤดูกำลต่อไป
ไดอ้ ย่ำงน้อย 10-30 หน่อ หรือมำกกวำ่ นนั้ ขน้ึ อยู่กบั ควำมสมบูรณ์ของหนอ่ ทเ่ี ว้นเอำไว้จะเป็นผลผลิตลำในอีก 2-3 ปี
แล้วแตค่ วำมต้องกำรตดั ออกไปขำย

จำกกำรท่ีเรำตัดหน่อไม้ออกมำขำยแล้ว ตอของหน่อเหล่ำนั้นยังสำมำรถแตกหน่อแขนงเล็ก ๆ
ออกมำอีกจำนวนมำก เรำควรกำจัดออกเพรำะถ้ำทิ้งไว้จะทำให้กอไผ่เลี้ยงแน่นทึบและหน่อแขนงเล็ก ๆ สำมำรถ
นำมำประกอบอำหำรได้เชน่ เดยี วกนั กบั หนอ่ ไม้

2) กำรจัดกำรท่เี น้นผลผลิตลำไผ่เลี้ยง กำรจัดกำรที่ต้องกำรผลผลิตคือ ลำไผ่เล้ียงอย่ำงเดียว
เหมำะสำหรับผู้ท่สี นใจปลกู เป็นอำชีพเสริม มีเวลำดูแลนอ้ ยหรือมีพ้ืนที่ปลูกน้อย เช่น ปลูกเป็นแนวเขตพ้ืนที่ ปลูก
แทรกในไร่ สวน กำรเก็บลำไผ่ในกอทีไ่ ม่ไดต้ ดั หน่อเลย กอไผเ่ ล้ียงจะค่อนข้ำงเบียดกันแน่น จะมีวิธีนำเอำลำซ่ึงอยู่
ด้ำนในออกมำ โดยเลือกด้ำนใดด้ำนหนึ่งของกอไผ่ แล้วตัดเจำะกอไผ่จำกด้ำนนอกเข้ำไปด้ำนในให้มีควำมกว้ำง
เพยี งพอ สะดวกต่อกำรนำเอำลำไผด่ ำ้ นในออกมำใหก้ อไผท่ เี่ หลอื ไว้มีลักษณะเป็นรูปเกือกม้ำ เคร่ืองมือที่ใช้ในกำร
ตดั หนอ่ ก็ใช้เครอ่ื งมอื คล้ำยเสยี มหนำ้ กวำ้ งประมำณ 3 นวิ้ ลบั คมเชอื่ มกบั ด้ำมเหลก็ ยำวพอประมำณ ตัดโค่นท่ีโคน
ไผเ่ อำลำออกมำจะเปน็ วิธีท่สี ะดวกสำหรับผู้ท่ีสนใจรำยละเอียดเก่ียวกับขั้นตอนกำรปลูกสวนป่ำไม้เศรษฐกิจทั้ง 4
ชนิดข้ำงต้นโดยละเอียด ซึ่งจะมีวิธีกำรเตรียมกล้ำไม้ กำรเตรียมพื้นที่กำรปลูก กำรตัดขยำยระยะเพื่อนำไม้มำใช้
ประโยชน์ มีรำยไดใ้ นระยะแรก กำรเหลือไมไ้ ว้ในสวนป่ำ ซึ่งเปน็ เกรด็ ควำมรู้เฉพำะของไม้แตล่ ะชนดิ ตลอดจนกำร
บำรุงรกั ษำ โดยเฉพำะโรคและแมลงทม่ี กี ำรทำลำยไมแ้ ต่ละชนิดและวธิ กี ำจัดโรคและแมลงดังกลำ่ ว

(สำมำรถรับเอกสำรเผยแพร่ไดท้ ่ีส่วนปลกู ป่ำภำคเอกชนสำนักส่งเสริมกำรปลูกป่ำ กรมป่ำไม้
หรือท่เี ว็บไซต์ www.forest.go.th/private/index.php)

ขน้ั ตอนการดาเนินกิจกรรม
1. ศึกษำสภำพภูมิอำกำศ สภำพดิน ของพ้ืนที่ที่จะปลูกสวนป่ำเศรษฐกิจ โดยประสำนควำมร่วมมือกับ

หนว่ ยงำนทเ่ี กี่ยวข้อง เพอื่ ได้รับขอ้ มูลท่ีถูกตอ้ ง
2. วำงแผนกำรจัดกิจกรรมปลูกป่ำเศรษฐกิจ โดยกำหนดพ้ืนท่ีท่ีจะปลูกในสถำนศึกษำ กำหนดจำนวน

ผเู้ ขำ้ รว่ มกิจกรรม กำหนดช่วงเวลำดำเนนิ กจิ กรรม กำหนดงบประมำณและทรพั ยำกรทจ่ี ะใชใ้ นกำรดำเนินกิจกรรม
3. ดำเนินกิจกรรมตำมแผนงำน (ตำมระเบียบทำงรำชกำร ขออนุมัติโครงกำร แต่งต้ังคณะกรรมกำร

ดำเนนิ งำน เบิกจ่ำยงบประมำณ รับสมัครผ้เู ขำ้ ร่วมกจิ กรรม ประสำนงำนกับหนว่ ยงำนที่เกี่ยวข้อง จัดวัสดุอุปกรณ์
และดำเนินกจิ กรรมปลกู ปำ่ เศรษฐกิจ)

4. รำยงำนสรปุ ผลกำรดำเนนิ งำน

กจิ กรรมปลูกจิตสำนกึ รกั ษำทรัพยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้ 43

2.5 การปลูกป่าชายเลน
ป่าชายเลน (Mangrove forest) นั้นจัดได้ว่ำเป็นระบบนิเวศที่ประกอบไปด้วยพันธ์ุพืช พันธุ์สัตว์

หลำยชนิด ดำรงชวี ติ รว่ มกันในสภำพแวดลอ้ มที่เป็นดินเลน น้ำกร่อย และมีน้ำทะเลท่วมถึงอย่ำงสม่ำเสมอ เรำจึง
พบ ป่ำชำยเลนปรำกฏอยทู่ ั่วไปตำมบริเวณทเี่ ปน็ ชำยฝงั่ ทะเล ปำกแมน่ ำ้ ทะเลสำบ และ รอบเกำะแกง่ ตำ่ ง ๆ ใน
พนื้ ทชี่ ำยฝัง่ ทะเล หำกเรำเป็นอำสำไปปลกู ปำ่ ชำยเลน เรียกอีกชื่อวำ่ “ป่ำโกงกำง” ท่ีเป็นเช่นนี้ก็เพรำะพันธุ์ไม้ท่ีมี
มำกและมีบทบำทสำคญั ที่สดุ ในป่ำชำยเลน คือ ไม้โกงกำง

โกงกำง แสม

เสม็ด ตะบูน
สำรำนุกรมไทยสำหรบั เยำวชน ไดอ้ ธิบำยถงึ กำรฟืน้ ฟแู ละกำรปลกู ป่ำชำยเลน สรปุ ไดด้ ังน้ี
สบื เน่อื งจำกอตั รำกำรเสอ่ื มสภำพของป่ำชำยเลน ท้ังในประเทศไทยและท่ัวโลกน้ัน เกิดข้ึนอย่ำงรวดเร็ว
กำรปลกู และกำรฟ้นื ฟปู ่ำชำยเลน จำเปน็ อย่ำงย่ิงต่อกำรอนุรักษ์ระบบนิเวศชำยฝ่ังที่สำคัญนี้ ให้แก่อนุชนรุ่นหลัง
ต่อไป ควำมสำเร็จในกำรฟ้ืนฟูสภำพป่ำชำยเลน ขึ้นอยู่กับควำมร่วมมือของทุกฝ่ำยที่เกี่ยวข้อง กำรปลูกสวนป่ำชำยเลน
ในประเทศไทยเรม่ิ คร้งั แรกใน พ.ศ. 2462 ที่สวนป่ำบำ้ นแหลม จังหวดั เพชรบรุ ี ตอ่ มำใน พ.ศ. 2504 เริม่ มกี ำรปลกู สวนปำ่
ทดแทนในพ้ืนที่เสื่อมโทรม เช่น ที่จังหวัดจันทบุรี ชุมพร นครศรีธรรมรำช กระบี่ ตรัง และปัตตำนี วัตถุประสงค์หลัก
เพื่อเป็นแหล่งผลิตไม้ฟืน สำหรับเผำถ่ำน และเพ่ือฟ้ืนฟูสภำพป่ำท่ีเสื่อมโทรม อีกท้ังเป็นกำรเพ่ิมพื้นท่ีป่ำชำยเลนด้วย
พื้นท่ีที่ทำกำรปลูกป่ำ และฟ้ืนฟูสภำพป่ำชำยเลนระยะหลังได้มีกำรรณรงค์ให้ชำวบ้ำนในพ้ืนที่ต่ำง ๆ มีส่วนร่วม
ในกำรปลูกสวนป่ำชำยเลนน้ีด้วย เช่น ที่จังหวัดสมุทรสงครำม ประจวบคีรีขันธ์ สุรำษฎร์ธำนี และตรัง เป็นต้น
ดังจะเหน็ ได้จำกตวั อยำ่ งควำมสำเร็จของกำรปลกู และฟนื้ ฟูป่ำชำยเลน จังหวัดสมทุ รสงครำม ซ่ึงเกิดขึน้ จำกควำมรัก
และควำมหวงแหน ในทรพั ยำกรธรรมชำติปำ่ ชำยเลนของผนู้ ำชำวบำ้ นและชำวบ้ำน รวมท้ังควำมต้ังใจจริง ในควำมร่วมมือ
ประสำนงำนดำ้ นกำรจดั กำรทรัพยำกรป่ำชำยเลน
กรมปำ่ ไม้ ได้อธบิ ำยถงึ ควำมสำคัญของป่ำชำยเลน ดังนี้ ป่ำชำยเลนเป็นทรัพยำกรที่สำคัญ ให้ประโยชน์
ท้ังในด้ำนป่ำไม้ ประมง และรักษำสภำพส่ิงแวดล้อม แต่ในสถำนกำรณ์ปัจจุบัน ป่ำชำยเลนได้ถูกทำลำยลงด้วย
กิจกรรมต่ำง ๆ อยูเ่ ป็นประจำ ดังนน้ั จงึ จำเป็นจะตอ้ งหำแนวทำงในกำรอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยำกรป่ำชำยเลน
44 กจิ กรรมปลกู จิตสำนึกรักษำทรพั ยำกรธรรมชำติและป่ำไม้

ให้ได้ผลเต็มที่ตลอดไป และในขณะเดียวกันก็ไม่เป็นกำรทำลำยระบบนิเวศด้วย หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือกำรจัดกำร
ทรัพยำกรป่ำชำยเลนเพ่อื ให้สำมำรถนำมำใช้ประโยชน์ไดย้ ง่ั ยืนตอ่ ไป กำรอนรุ กั ษ์ป่ำชำยเลน ได้แก่

1. กำรรักษำพนื้ ทป่ี ำ่ ชำยเลนท่ีมอี ยใู่ หค้ งไว้ซ่งึ เป็นเร่อื งท่ียำกพอสมควร และจะต้องชว่ ยกนั หลำย ๆ ฝ่ำย
ควรมกี ำรจัดกำรวำงแผนกำรใชท้ ่ดี นิ ชำยฝงั่ ทะเลให้เหมำะสม จะเป็นทำงหน่ึงที่จะรักษำพนื้ ทป่ี ำ่ ชำยเลนไวไ้ ด้

2. กำรเพ่มิ พ้ืนทป่ี ่ำชำยเลน โดยกำรปลูกป่ำ กรมป่ำไม้มีนโยบำยท่ีจะขยำยและสนับสนุนกำรปลูกป่ำชำยเลน
เพ่มิ ขน้ึ ทัง้ ในส่วนของรำชกำร และส่วนของเอกชน ตำมพ้ืนท่ีว่ำงเปล่ำบริเวณชำยฝั่งทะเล ทั้งท่ีผ่ำนกำรทำเหมืองแร่
หรือพื้นที่นำกุ้ง หรือนำข้ำวที่เลิกไปแล้ว ซึ่งมีอยู่มำกมำย และมีโอกำสที่จะฟื้นฟูให้เป็นป่ำช ำยเลนข้ึนมำได้
นอกจำกน้ีพ้ืนท่ีดินงอกตำมชำยฝัง่ ทะเลกเ็ ป็นพ้ืนทที่ จ่ี ะสำมำรถปลกู ป่ำชำยเลนขน้ึ มำได้

3. กำรใช้ประโยชน์ทรัพยำกรป่ำชำยเลนให้มีประสิทธิภำพมำกขึ้น โดยกำรศึกษำวิจัยเพื่อหำวิธีกำรและ
เทคโนโลยที ีเ่ หมำะสมทจ่ี ะนำมำใช้ใสกำรใช้ประโยชนท์ ้ังทำงดำ้ นป่ำไม้ ประมงและวิธีกำรผสมผสำนระหว่ำงป่ำไม้
กบั ประมงให้มำกข้ึน ซ่ึงในเรื่องนี้ หำกทำงด้ำนผู้ปฏิบัติกำรเจ้ำหน้ำท่ีควบคุม และนักวิชำกำร ได้ร่วมมือกันอย่ำง
จริงจังแล้ว เชื่อว่ำกำรใช้ประโยชน์ทรัพยำกรป่ำชำยเลนจะประสบผลสำเร็จมำกข้ึน โดยได้ผลิตผลสูงขึ้น และ
ปรำศจำกกำรทำลำยระบบนิเวศของตวั เอง

กรมส่งเสริมกำรเกษตร ให้แนวคิดเก่ียวกับป่ำชำยเลน ว่ำ กำรปลูกป่ำชำยเลนเป็นกิจกรรมบำเพ็ญ

ประโยชน์ขององค์กรหรอื กลมุ่ ต่ำง ๆ กำรปลูกป่ำชำยเลนเป็นกิจกรรมทที่ ำได้ไมย่ ำกและได้ประโยชน์กลับมำอย่ำง

มำกมำย ป่ำชำยเลน คือทรัพยำกรทำงธรรมชำติที่มีควำมสำคัญและเป็นประโยชน์ในด้ำนป่ำไม้และระบบนิเวศ

และด้ำนกำรประมง ทั้งยงั ชว่ ยรกั ษำสภำพแวดลอ้ ม แตป่ ำ่ ชำยเลนในปัจจุบันไดถ้ ูกทำลำยลงในหลำย ๆ พืน้ ท่ี และ

เพื่อเป็นกำรรักษำระบบนิเวศให้ยังคงอยู่ควรจะปลูกป่ำไม้เป็นกำรทดแทน แต่ทั้งน้ีทั้งน้ันป่ำชำยเลนมีมำกมำย

หลำกหลำยพันธุ์ พรรณไมป้ ่ำชำยเลน ไดแ้ ก่ โกงกำง แสม ลำพู ลำแพน ตะบนู และพรรณไม้ป่ำชำยเลนจะมีควำมแตกต่ำง

กันออกไปในแต่ละพ้ืนที่

ประโยชน์ของป่าชายเลน
ป่าชายเลน นับวันจะมีควำมสำคัญมำกขึ้นต่อชีวิตประชำชนและเศรษฐกิจของประเทศที่มีทรัพยำกร

ประเภทนี้ ประเทศไทยใช้ทรพั ยำกรป่ำชำยเลน ทั้งทำงด้ำนป่ำไม้และด้ำนประมง โดยเฉพำะเป็นแหล่งขยำยพันธุ์

และเป็นแหล่งอนุบำลในด้ำนป่ำไม้ ผลิตผลท่ีได้จำกป่ำชำยเลน ช่วยเพ่ิมมูลค่ำทำงเศรษฐกิจของประเทศได้มำก ก็คือ

กำรนำไมจ้ ำกปำ่ ชำยเลนโดยเฉพำะไมโ้ กงกำงมำบ้ำน และในปจั จุบัน อุตสำหกรรมเก่ียวกับกำรกลั่นไม้จำกป่ำชำยเลน

โดยเฉพำะผลิตผลดำ้ นเมทิลแอลกอฮอล์ กรดนำ้ ส้ม และนำ้ มนั ดบิ เป็นต้น

สำหรับในดำ้ นกำรประมง ป่ำชำยเลนถอื วำ่ เปน็ แหล่งอำหำรที่สำคญั ต่อสัตว์นำ้ นำนำชนิด ไม่ว่ำจะเป็นกุ้ง
หอย ปู และปลำ วงจรชวี ติ ของสัตวน์ ำ้ เหลำ่ น้ีจะมคี วำมสัมพันธ์กับป่ำชำยเลนอย่ำงมำก ท้ังในด้ำนเป็นที่อยู่อำศัย
แหล่งเพำะพันธุ์ และกำรเจริญเติบโต ป่ำชำยเลนสำมำรถผลิตอำหำรแร่ธำตุหลำยชนิด โดยได้จำกกำรร่วงหล่น
และสลำยตัวของเศษไม้ ใบไม้ ควำมรู้เกย่ี วกบั ระบบนเิ วศปำ่ ชำยเลน จะเปน็ เคร่ืองช้ใี ห้เห็นวำ่ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำง
สัตว์น้ำกับป่ำชำยเลนน้ันมีมำกมำย หำกมีกำรทำลำยป่ำชำยเลนนั้นมีมำกมำย หำกมีกำรทำลำยป่ำชำยเลนลงแล้ว
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงส่ิงเหล่ำน้ีจะหมดไป และในท่ีสุด ทรัพยำกรสัตว์น้ำก็จะลดปริมำณลง หรือหมดไปอีกด้วย
ปำ่ ชำยเลนนน้ั เปน็ องค์ประกอบทส่ี ำคญั ยง่ิ ของชำยฝ่งั ทะเลและนบั เป็นทรพั ยำกรทมี่ ีคุณค่ำมหำศำล ทั้งทำงด้ำนเศรษฐกจิ
และส่ิงแวดล้อมของประเทศ ด้วยเหตุผลดงั ต่อไปนี้

• ป่าชายเลนเป็นแหลง่ พลงั งาน และแหล่งวตั ถุดบิ ไมใ้ ช้สอยและกอ่ สร้างในครัวเรอื น ไม้ป่ำชำยเลนที่
นิยมนำมำเผำถ่ำนคือ ไม้โกงกำง เพรำะติดไฟทนทำน ไม่มีควัน ไม่ปะทุแตกไฟ ได้ก้อนถ่ำนสวยงำม ขำยได้รำคำดี
นอกจำกนี้ไม้ป่ำชำยเลนมีประโยชนใ์ ชส้ อยและกอ่ สร้ำง เชน่ ไมเ้ สำเข็ม ไมค้ ำ้ ยัน ไมก้ ่อสรำ้ ง แพปลำ อุปกรณ์กำรประมง
เฟอร์นิเจอร์ ไมห้ ลำยชนดิ นำมำสกดั จะไดแ้ ทนนนิ ใชท้ ำน้ำหมกึ ทำสี ทำกำว ยอ้ มอวน ฟอกหนงั เป็นตน้

กจิ กรรมปลูกจิตสำนกึ รกั ษำทรัพยำกรธรรมชำติและป่ำไม้ 45

• ป่าชายเลนเปน็ แหล่งพชื ผกั และพืชสมุนไพร พืชในป่ำชำยเลนสำมำรถนำมำใช้เป็นผักพ้ืนบ้ำนจำนวน
หลำยชนิด เชน่ ใบชะครำม ยอดเป้ง ยอดผักเบี้ยทะเล ต้นจำกก็เป็นพืชป่ำชำยเลนอีกชนิดหน่ึงที่สำมำรถนำส่วนต่ำง ๆ
มำใช้ประโยชน์ได้ คือ ใบนำมำทำเป็นตับมุงหลังคำ ใบอ่อนสำมำรถนำมำมวนบุหรี่ได้ น้ำจำกยอดอ่อน นำมำทำ
นำ้ ตำลจำกรสชำติดี ผลใชก้ ินเปน็ ของหวำน พชื ในป่ำชำยเลนหลำยชนิดนำมำใช้เป็นสมุนไพรได้ เช่น เหงือกปลำหมอ
มะนำวผี ใช้รักษำโรคผิวหนัง ผลของตะบูนขำวใช้รักษำโรคบิดและโรคท้องร่วงได้ รำกตำตุ่มทะเลใช้แก้อักเสบ
แกไ้ ข้ แก้คัน

• ปา่ ชายเลนเปน็ แหล่งอาหารทส่ี าคัญของสตั วน์ า้ เศษซำกพืชหรือเศษไม้ใบไม้และส่วนต่ำง ๆ ของไม้
ปำ่ ชำยเลนท่ีร่วงหล่นลงมำ จะถกู ยอ่ ยสลำยกลำยอินทรียวัตถุ กระบวนกำรยอ่ ยสลำยของอนิ ทรียวัตถุเหล่ำนี้จะทำ
ให้เกดิ สำรอินทรีย์ที่ละลำยน้ำ เช่น กรดอะมิโน ซึ่งสำหร่ำยและจุลินทรีย์ต่ำง ๆ จะสำมำรถใช้เป็นอำหำรได้ และ
จุลนิ ทรยี เ์ หลำ่ นเ้ี ปน็ แหล่งอำหำรท่ีสำคัญสำหรับส่ิงมีชวี ิตตำ่ ง ๆ ทีอ่ ำศยั อยู่ในปำ่ ชำยเลนตอ่ ไป

• ป่าชายเลนเปน็ แหลง่ อนบุ าลสัตวน์ า้ วัยออ่ น เปน็ ทห่ี ลบภัยและทอี่ ยอู่ าศยั ของสัตวน์ า้ นานาชนดิ
สตั วน์ ้ำที่มีคุณค่ำทำงเศรษฐกจิ หลำยชนิดได้ใช้ป่ำชำยเลนเป็นที่อยู่อำศัย และอนุบำลตัวอ่อนในบำงช่วงของวงจร
ชวี ติ ของมัน เช่น ปลำกะพงขำว ปลำนวลจันทรท์ ะเล ปลำกระบอก ปลำเก๋ำ กุง้ กุลำดำ กุ้งแชบ๊วย หอยดำ หอยนำงรม
หอยแมลงภู่ หอยแครง และหอยกะพง ปูแสม ปูม้ำ แต่สัตว์น้ำบำงชนิดอำจใช้ป่ำชำยเลนเป็นท้ังแหล่งเกิดและ
อำศัยจนเตบิ โตสบื พันธุ์ เชน่ ปูทะเล

• ป่าชายเลนช่วยรักษาความสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่งและใกล้เคียงโดยเฉพาะหญ้าทะเลและ
ปะการัง ป่ำชำยเลนมีบทบำทในกำรรักษำสมดุลของธำตุอำหำรและควำมอุดมสมบูรณ์ของน้ำทะเลชำยฝ่ังซ่ึงจะ
ส่งผลถงึ ควำมอุดมสมบรู ณ์ของทรัพยำกรประมง

• ปา่ ชายเลนชว่ ยป้องกนั ดนิ พังทลายชายฝ่ังทะเล รำกของต้นไม้ในป่ำชำยเลน นอกจำกจะช่วยป้องกัน
กำรกัดเซำะชำยฝ่งั แลว้ ยงั ชว่ ยบรรเทำควำมเร็วจำกกระแสน้ำลง ทำใหต้ ะกอนท่ีแขวนลอยมำกับนำ้ ทบั ถมเกิดเป็น
แผน่ ดนิ งอกใหม่ เมอ่ื ระยะเวลำนำน กจ็ ะขยำยออกไปในทะเลเกิดเป็นหำดเลน อันเหมำะสมแก่กำรเกิด ของพันธ์ุ
ไม้ปำ่ ชำยเลนตอ่ ไป

• ป่าชายเลนเป็นพ้ืนท่ีสาหรับดูดซับส่ิงปฏิกูลต่าง ๆ รำกของต้นไม้ในป่ำชำยเลนท่ีงอกออกมำเหนือ
พืน้ ดิน จะทำหน้ำทคี่ ลำ้ ยตะแกรงธรรมชำติ คอยดักกรองสง่ิ ปฏกิ ลู ตำ่ ง ๆ และสำรมลพิษตำ่ ง ๆ จำกบนบกไม่ใหล้ ง
สู่ทะเล โลหะหนักหลำยชนิด เม่ือถูกพัดพำมำตำมกระแสน้ำ ก็จะตกตะกอนลงท่ีบริเวณดินเลนในป่ำชำยเลน
นอกจำกนน้ั ขยะและครำบน้ำมนั ต่ำง ๆ กจ็ ะถกู ดกั กรองไวใ้ นป่ำชำยเลนเชน่ กนั

• ปา่ ชายเลนช่วยปกปอ้ งชวี ติ และทรพั ยส์ ินของประชาชนทอ่ี าศัยบริเวณชายฝงั่ จากภัยธรรมชาติ
ป่ำชำยเลนทำหนำ้ ทเี่ หมือนปรำกำร ชว่ ยบรรเทำควำมรนุ แรงของคลนื่ และลมใหล้ ดนอ้ ยลง เมอ่ื เทยี บกับบรเิ วณท่ี
ไมม่ ปี ่ำชำยเลน

• ป่าชายเลนเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและแหล่งศึกษาธรรมชาติ ป่ำชำยเลนเป็นระบบนิเวศที่มีลักษณะ
พเิ ศษหลำยอย่ำง เพรำะเป็นแหล่งท่ีอดุ มไปด้วยพรรณไม้นำนำ ท่ีมี ใบ ดอกและผลสวยงำม แปลกตำ อกี ทั้งยังเป็น
แหล่งที่มีท้ังสัตว์น้ำและสัตว์บกโดยเฉพำะนกชนิดต่ำง ๆ อำศัยอยู่มำกมำย ทำให้ป่ำชำยเลนเป็นแหล่งพักผ่อน
หยอ่ นใจ และแหล่งศึกษำหำควำมรทู้ ่สี ำคญั ยิ่ง

• ป่าชายเลนช่วยลดปริมาณกา๊ ชคารบ์ อนไดออกไซดใ์ นอากาศ ไมใ้ นปำ่ ชำยเลนมอี ัตรำกำรสงั เครำะห์
แสงสูงจึงช่วยลดปริมำณกำ๊ ชคำร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มปรมิ ำณออกซเิ จน ทำใหอ้ ำกำศสดชน่ื

การปลูกป่าชายเลน
การปลกู ป่าชายเลน โดยใช้ฝักปลูกโดยตรง

สำหรบั พันธุไ์ มท้ มี่ ขี นำดของฝกั ยำว เชน่ โกงกำงใบใหญ่ โกงกำงใบเล็ก รังกะแท้ และโปรงแดง สำมำรถ

ใช้ฝักปลูกลงในพ้ืนท่ีได้ทันที โดยในกำรปลูกควรจับฝักห่ำงจำกโคนฝักประมำณหนึ่งในสำมของควำมยำวของฝัก

และใหส้ ่วนโคนของฝักอยู่ทำงดำ้ นนว้ิ หวั แมม่ ือกับน้ิวช้ี คอื มลี กั ษณะเหมอื นกำฝักไวใ้ นอุ้งมือ โดยเม่ือปลูกให้ปักฝัก

46 กจิ กรรมปลกู จิตสำนกึ รกั ษำทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละปำ่ ไม้

ลงในดนิ จนน้วิ หัวแม่มือและนิ้วชี้ชิดผิวดิน ถ้ำหำกพ้ืนที่ที่ปลูกเป็นดินปนทรำยและแน่นทึบ ควรใช้ไม้แหลมขนำด
เท่ำหรือโตกว่ำฝักของชนิดไม้ที่จะปลูกเล็กน้อยแทงนำร่องก่อน เพ่ือลดควำมกระทบกระเทือนของกำรเสียดสี
ระหว่ำงดินกับผิวของฝักที่ปลูก และเมื่อหย่อนฝักลงไปในหลุมท่ีเตรียมไว้แล้วให้กดดินบริเวณรอบโคนฝักให้แน่น
แนบสนิทกับฝัก เพื่อไม่ให้โยกคลอนโดยเฉพำะจำกอิทธิพลของแรงกระแสคลื่นและลม สำหรับพันธ์ุไม้ท่ีมีฝักขนำดเล็ก
หรือสั้น เช่น พังกำหัวสุมดอกแดง พังกำหัวสุมดอกขำว ถ่ัวดำ ถ่ัวขำว และโปรงขำว กำรปลูกควรจับฝักห่ำงจำก
โคนฝักประมำณหน่งึ ในสำมลักษณะเหมือนจับปำกกำ ท้ังนี้เพื่อควำมสะดวกในกำรปลูก แล้วปักลงในดินไม่ให้ลึก
นัก ประมำณ 1 ใน 3 ส่วนของควำมยำวของฝักท้ังหมด กำรปลูกโดยใช้ฝักโดยตรงในพื้นที่จะช่วยในกำรลด
ค่ำใช้จ่ำยในกำรขนส่งและสะดวกในกำรปลูก แต่กำรท่ีปลูกแล้วจะได้ผลดีจำเป็นจะต้องเลือกฝักที่มีอำยุแก่เต็มท่ี
และมลี ักษณะสมบรู ณไ์ ม่ถูกทำลำยโดยแมลง โดยเฉพำะมอดเจำะเมล็ดไม้จะเจำะฝกั หรือเมลด็ มขี นำดเท่ำ รูเข็ม
หมุด เนอ่ื งจำกมีกำรเก็บฝักท่ีหล่นจำกต้นมำเป็นเวลำนำน หรือเก็บรักษำฝักไว้นำนจนผิวแห้ง กำรป้องกันจึงควร
เก็บรักษำฝักให้เปียกชน้ื อยู่เสมอ จะชว่ ยในกำรป้องกันกำรทำลำยของมอดเจำะชนิดน้ีได้ แต่ละฝักที่จะนำไปปลูก
จะต้องคดั เลอื กและตรวจสอบอยำ่ งละเอียดเพือ่ ใหไ้ ดฝ้ กั ที่สมบรู ณ์อย่ำงแท้จริง จึงจะทำให้กำรปลูกด้วยฝักได้ผลดี
และมปี ระสทิ ธิภำพ

การปลกู ปา่ ชายเลน โดยเพาะชาฝกั ลงในถงุ เพาะชา
สำมำรถดำเนินกำรได้ดังน้ี จัดสร้ำงเรือนเพำะชำให้มีขนำดท่ีเหมำะสมกับปริมำณกล้ำไม้ท่ีต้องกำรใช้ใน
กำรปลูก และเผอ่ื ไวป้ ลกู ซ่อมอกี 20% โดยใชต้ ำขำ่ ยพรำงแสงประมำณ 50–70 % ขงึ กับเสำไม้หรือเสำคอนกรีตที่
ปกั ลงในดนิ จนแนน่ แลว้ นำถุงพลำสติกที่ใส่วัสดุเพำะชำ (อำจใช้ดินเลนผสมแกลบเผำ อัตรำส่วน 1:1) วำงไว้เป็น
บล็อกท่ีมีทำงเดินท้ังสองข้ำงของบล็อก แล้วใช้ฝักปลูกลงในถุงเพำะชำ โดยปักลงไปประมำณหน่ึงในสำม หรือ
หนง่ึ ในสขี่ องควำมยำวฝักได้ ตำมแต่ขนำดของฝัก กำรจับฝักควรจับแบบจับปำกกำ จะสำมำรถช่วยให้ปลูกได้สะดวก
กวำ่ กรณีท่ีเป็นฝักยำวก็จะต้องปรับให้แทงทะลุถุง และจะต้องให้ฝักตั้งตรงด้วย กำรนำฝักมำเพำะไว้ในเรือนเพำะชำ
ก่อนจะนำไปปลูกในพ้ืนท่ีโดยตรงนั้น จะช่วยให้กำรเจริญเติบโตและกำรรอดตำยมำกข้ึน ข้อควรระวังในกำรใช้
กลำ้ ปลกู คอื อย่ำให้รำกทะลุกน้ ถงุ ลงในดนิ เม่ือย้ำยไปปลูกระบบรำกจะกระทบกระเทือนอำจทำให้ตำยได้ โดยเฉพำะ
ไม้โกงกำง

กจิ กรรมปลกู จิตสำนึกรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและปำ่ ไม้ 47


Click to View FlipBook Version