The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือปฐมนิเทศ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

คู่มือปฐมนิเทศ

คู่มือปฐมนิเทศ

ข คู่มือปฐมนิเทศบุคลากร ระดับปริญญาตรี กรมแพทย์ทหารเรือ ประจำปี ๒๕๖๖


ก สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของ กรมแพทย์ทหารเรือ พระบวรราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว อาศรมหมอพร พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์


ข สัญลักษณ์ของทหารเรือ "ดอกประดู่" เมื่อเราพูดถึง "ดอกประดู่" เป็นที่เข้าใจโดยทั่วกันว่า ความหมายนั้นคือทหารเรือ แต่ท่านทราบ หรือไม่ว่า ที่มาของการเรียกขานว่าทหารเรือ เปรียบดังดอกประดู่นั้น มีความเป็นมาเช่นไร ที่มา : พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้ทรงพิจารณาเห็นว่า ชีวิตของชาวเรือจะต้องดำเนินไปเหมือนดอกประดู่ กล่าวคือ ดอกของมันจะค่อย ๆ บาน และโรยพร้อมกันทั้งต้น เพื่อปลูกฝังชีวิตจิตใจของนายทหารเรือทุกคน และทุกระดับให้มีความรัก ความสามัคคี กัน "ประดู่" จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของทหารเรือไทย 3 สัญลักษณ์ คือ ๑. หมายถึงกองทัพที่เข้มแข็ง อันประกอบไปด้วย กำลังพลที่มีศักยภาพ และวิชาการทางเทคนิค สูงเช่นเดียวกับแก่นของประดู่ ๒. หมายถึงกองทัพอันประกอบด้วย กำลังพลที่มีความรักความสามัคคีสูง ดังเช่นดอกประดู่ที่บาน และโรยร่วงพร้อมกัน ๓. หมายถึงกองทัพที่แสดงออกให้ปรากฏด้านสามัคคีธรรม ดังที่เคยได้ใช้ดอกประดู่เป็นเครื่องหมาย แทนชั้นยศในชุดลำลองมาแล้ว ดอกประดู่จึงเป็นเสมือนเครื่องหมายที่ใช้แทนนิยามของ "ทหารเรือ" ของเหล่าราชนาวี เพลงชมประดู่ * ประดู่เอย....เจ้าเป็นดอกไม้ สีทองงดงามผ่องใส กลิ่นอวลยวนใจ ออกดอกไสว เร้าใจให้นิยม เมื่อได้ ชมผ่าน เมื่อบาน...เจ้าบานพรั่งพร้อม เมื่อโรย พร้อมโปรยดอกพรู เป็นเยี่ยงอย่างดู หากเกิดศัตรู พร้อมใจรวมเป็นหมู่ สู้ด้วยสามัคคี ** เช่นเรา...เกิดเป็นทหาร เพื่องานราชนาวี ตั้งใจ...ฝากชีวิตไว้ กับเรือ เพื่อเป็นชาติพลี อดทน...สู้ความ ลำเค็ญ ยากเย็น มิยอมหน่ายหนี ***อยู่เรือเตรียมพลีชีพสู้ศัตรู สมดังนามประดู่ ที่คนรู้...นิยม


ค สารจากเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ในนามของกรมแพทย์ทหารเรือ ขอต้อนรับบุคลากรใหม่ของกรมแพทย์ทหารเรือทุกท่าน ด้วยความยินดียิ่ง กรมแพทย์ทหารเรือเป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ และให้บริการทางการแพทย์ มากว่า ๑๓๐ ปี มีพันธกิจหลักในการเตรียมความพร้อมของกำลังพลกองทัพเรือด้านสุขภาพ ให้บริการทางการแพทย์สนับสนุนภารกิจทางทหารของกองทัพเรือ ให้บริการสุขภาพการ รักษาพยาบาลแก่กำลังพล กองทัพเรือ ครอบครัว และประชาชน ดำเนินการฝึกศึกษา อบรมเหล่า ทหารแพทย์ รวมถึงการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ซึ่งบุคลากรทุกวิชาชีพที่ปฏิบัติงานใน กรมแพทย์ทหารเรือ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ที่ต้องขับเคลื่อนด้วย บุคลากรคุณภาพ มีทักษะ ความรู้ ความสามารถที่เหมาะสม สามารถรองรับความต้องการ และ ความคาดหวังของประชาชนได้อย่างมืออาชีพ เพื่อสร้างประโยชน์ให้สังคม และเป็นพลังที่สำคัญใน การพัฒนากรมแพทย์ทหารเรือให้บรรลุวิสัยทัศน์ “องค์กรแพทย์ทหารของกองทัพเรือที่มีคุณภาพ และประชาชนเชื่อมั่นไว้วางใจ” การปฏิบัติงานในกรมแพทย์ทหารเรือมีเส้นทางอาชีพให้แก่บุคลากรทุกวิชาชีพ มีแนวทาง การฝึก ศึกษา อบรม และงานที่ท้าทายให้บุคลากรได้พัฒนาตนเองตลอดชีวิตการทำงาน รวมทั้งให้ ความสำคัญกับความสุข ความผูกพันองค์กรของบุคลากรทุกคน เน้นการทำงานเป็นทีม จึงขอให้ ทุกท่านภาคภูมิใจในการเป็นบุคลากรของกรมแพทย์ทหารเรือ และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ความรู้ความสามารถ พัฒนาตนเองให้มีสมรรถนะและทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน ประพฤติ ปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ มีระเบียบวินัย ซื่อสัตย์ สุจริตทั้งกายและใจ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ความเพียร ความมุ่งมั่น ให้เกียรติซึ่งกันและกันใน การร่วมกันทำงานแบบสหสาขาวิชาชีพ ตามค่านิยมของกรมแพทย์ทหารเรือ “รับผิดชอบในงาน ให้บริการด้วยใจ ใฝ่ความรู้ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ขออำนวยพรให้ทุกท่านปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย มีความสุขกับการทำงานในทุก หน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย มีขวัญกำลังใจที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ ประสบความสำเร็จ เจริญก้าวหน้าใน หน้าที่การงาน และนำพากรมแพทย์ทหารเรือก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน อย่างมั่นคงและยั่งยืน พลเรือโท ชลธร สุวรรณกิตติ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ


ง สารบัญ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของกรมแพทย์ทหารเรือ ก สัญลักษณ์ของทหารเรือ ข สารจากเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ค กำหนดการโครงการปฐมนิเทศบุคลากรใหม่ระดับปริญญาตรีของกรมแพทย์ทหารเรือ ๑ รายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการฯ ๒ วิสัยทัศนกองทัพเรือ หน้าที่ ภารกิจ และบทบาทของกองทัพเรือ ๕ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ๖ โครงสร้างหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ ๗ ประวัติกรมแพทย์ทหารเรือ ๘ ภารกิจ วิสัยทัศน์พันธกิจ ค่านิยม ประเด็นยุทธศาสตร์ และหน้าที่ที่สำคัญของกรมแพทย์ทหารเรือ ๑๐ นโยบายเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ๑๓ แผนยุทธศาสตร์กรมแพทย์ทหารเรือ พ.ศ.๒๕๖๕-๒๕๖๘ ๑๔ อดีตผู้บังคับบัญชากรมแพทย์ทหารเรือ ๑๕ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกรมแพทย์ทหารเรือ ๑๙ ผู้บังคับบัญชาระดับหน่วยขึ้นตรงกรมแพทย์ทหารเรือ ๒๑ โครงสร้างหน่วยขึ้นตรงกรมแพทย์ทหารเรือ ๒๒ การจัดส่วนราชการและหน้าที่ของหน่วยขึ้นตรงกรมแพทย์ทหารเรือ ๒๔ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า พร. ๓๔ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. ๔๒ โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ พร. ๔๘ โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐท.สส. ๕๓ ศูนย์ทันตกรรม พร. ๕๖ สมรรถนะหลักของ พร. ด้านเวชศาสตร์ทางทะเล ๖๑ สมรรถนะหลักของ พร. ด้านเวชศาสตร์ใต้น้ำและการบิน ๗๒ ระเบียบเกี่ยวข้องที่ควรทราบ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ.๒๕๔๗ ๗๔ ระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยพนักงานราชการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๔๙ ๘๓ ระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการแต่งตั้งยศและการเลื่อนยศของข้าราชการทหาร พ.ศ.๒๕๔๑ ๘๕ ระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการลา พ.ศ.๒๕๕๕ ๘๘ ข้อบังคับทหาร ว่าด้วยการเคารพ พ.ศ.๒๔๗๘ ๙๕ ระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการลงทัณฑ์ทหารขาดหนีราชการ พ.ศ.๒๕๒๘ ๙๗ ระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.๒๕๐๗ ๙๘ เครื่องหมายและเครื่องแบบทหาร ๙๙


๑ กำหนดการปฐมนิเทศบุคลากรใหม่ระดับปริญญาตรี ของ พร. ประจำปี ๒๕๖๖ วันที่ ๒๖ พ.ค.๖๖ ณ ห้องประชุม พลเรือตรี เล็ก สุมิตร อาคารพิเคราะห์และบำบัดโรค ชั้น ๕ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า พร. วันศุกร์ที่ ๒๖ พ.ค.๖๖ ๐๗๓๐ - ๐๘๐๐ ลงทะเบียน (หน้าห้องประชุม พลเรือตรี เล็ก สุมิตร รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า พร.) ๐๘๐๐ - ๐๘๓๐ ซักซ้อมการถ่ายภาพและพิธีการ ๐๘๔๕ - ๐๙๐๐ พิธีเปิดโครงการฯ โดย จก.พร. จก.พร. กล่าวต้อนรับและให้โอวาท ๐๙๐๐ - ๐๙๑๕ จก.พร., รอง จก.พร.๑. รอง จก.พร.๒, ผอ.รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า พร., ผ.อ.รพ.สมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พร., รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐท.สส., ผอ.ศทก.พร. ,ผทค.ทร.ให้เกียรติถ่ายภาพร่วมกับผู้เข้า รับการปฐมนิเทศ ๐๙๑๕ - ๑๐๑๕ บรรยาย เรื่อง “ภารกิจ ค่านิยม การบริหารและพัฒนากำลังพล พร.” โดย หน.นฝอ.พร. ๑๐๑๕ - ๑๐๓๐ รับประทานอาหารว่าง (ยืนรับประทาน) ๑๐๓๐ - ๑๑๓๐ บรรยาย เรื่อง การบริหารกำลังพล พร. และสิทธิกำลังพล โดย ว่าที่ น.อ.ชญาศักดิ์ พิศวง ๑๑๓๐ - ๑๒๓๐ บรรยาย เรื่อง “สมรรถนะหลักกรมแพทย์ทหารเรือ ด้านเวชศาสตร์ทางทะเล และการบำบัดรักษา ด้วยออกซิเจนแรงดันสูง”โดย น.อ.อติพงษ์ สุจิรัตน์ ๑๒๓๐- ๑๓๑๕ รับประทานอาหารกลางวัน ๑๓๑๕- ๑๔๑๕ บรรยายเรื่อง “ขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ” (ห้องประชุมประพัฒน์ศรี รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า) โดย น.ท.ธนกานต์ สิทธิวงษ์ หน.ระเบียบการ กปค.สบพ.กพ.ทร. ๑๔๑๕- ๑๖๑๕ สัมมนาความผูกพันธ์องค์กร และสัมมนาส่งเสริมความผูกพันธ์องค์กร (Engagement) และการพัฒนาองค์กร (OD) (ห้องประชุม ประพัฒน์ศรี ชั้น ๒ สโมสร รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า พร.) โดย น.อ.หญิง พรทิพย์ ไตรภัทร น.ท.หญิง รัชดา วิมุกตะลพ น.ท.ถาวร ผ่องศรี น.ต.หญิง ธัญลักษณ์ บุญยะโสมะ น.ต.อนุไชย ทองศรี ๑๖๑๕ - ๑๖๔๕ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสร็จสิ้นการปฐมนิเทศ หมายเหตุ : การแต่งกายเครื่องแบบหมายเลข ๔/ชุดปฏิบัติงาน/ชุดพลเรือนสุภาพ/หน้ากากสีขาว (งดใส่กางเกงยีนส์และรองเท้าแตะ)


๒ รายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการ ปฐมนิเทศบุคลากรใหม่ระดับปริญญาตรีของ พร. ประจำปีงบประมาณ ๖๖ บรรจุเข้ารับราชการ ปีงบประมาณ ๖๖ ๑. แพทย์ใช้ทุน จำนวน ๑๖ คน น นายธันยพัฒน์ เจริญวัฒนมงคล นายศรัณย์พฤกษ์ เคียงศิริ นายธนกรณ์ ไทพาณิชย์ นายชนุดม คงพระบาท นายณัฐภัทร บูรณพงศ์ นายอริญชัย วิโรจน์สกุลชัย นายธิบดี เมธาวริศกุล นางสาวจินต์สุจี ดีพึ่งตน นางสาวณัฐธนาพร ศรีพยัคฆ์


๓ นางสาวลักษมณ กุศลธรรมรัตน์ นางสาวพิมพญา พรหมขุนทอง นางสาวชนิกานต์ สี่หิรัญวงศ์ นางสาวศรุตา คล้ายคลึง นางสาวนันท์นภัส วีระกุล นางสาวสุกฤตา ลอยรัตน์ นายสิรภพ ฤทธิ์วิรุฬห์ ๒. ทันตแพทย์ใช้ทุน จำนวน ๓ คน นางสาววงศ์รวี ฉ่ำชื่น นางสาวปานดวงใจ ตันตนะรัตน์ นางสาว อภิสรา ประกอบแสงสวย


๔ ๓. สหสาขาวิชาชีพ ๑ นาย ว่าที่ ร.ต.ภาสกร พิมที ๔. พยาบาลวิชาชีพ (รุ่นที่ ๔๙) สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ จำนวน ๔๐ คน นพร.ชลธิชา ศรีสุข นพร.ญาณิศา พลายอิน นพร.ดาราทิพย์ รอดเรือง นพร.ตุลญาณี กุลเพชรจาคกร นพร.ธนัชภัทร สายทอง นพร.ธมลวรรณ หอมจันทร์ นพร.ธัญญาวรรณ วรรณกุล นพร.ธันย์ชนก นาโสก นพร.ธันว์ชนก โพธิ์ทอง นพร.ธาดารัตน์ วงศ์เมฆ นพร.นภัสสร จงสูงเนิน นพร.นรมน ปริวัฒน์ นพร.นฤมล แดงเปี่ยม นพร.นัทติยา บุษดา นพร.ปนัดดา นพคุณ นพร.พรชนก พสกภักดี นพร.พัชราภา กวยทอง นพร.ภควดี ศรี สมบูรณ์ นพร.ภัทรฤดี ดีสร้อย นพร.มันทนา ถมปัด นพร.โยธกา เชียงแรง นพร.รัชนีกร ประสานยุทธ นพร.บุณย์ธิศา กสิพร นพร.วรรณพร สมใจ นพร.ศรัทธาพร เมืองดี นพร.ศศิธร ธนะสิงห์ นพร.ศิริรัตน์ แก้วจีน นพร.สิตานันท์ มะลิวัลย์ นพร.สิทธิตรา ป้อฝั้น นพร.สุจีรา วิงวอน นพร.สุชัญญา เนียมฉ่ำ นพร.สุดาพร ทรัพย์สินไพบูลย์ นพร.สุทธิวา ผลศัพท์ นพร.สุนันทินี พานิช นพร.สุพิชชา กำเนิดทรัพย์ นพร.สุภลักษณ์ เอมยงค์ นพร.สุภัสสรา กำเนิดทรัพย์ นพร.อชิรญา ไกรพงศ์ธรรม นพร.อัจฉรา มีเจริญ นพร. อินทิราลักษณ์ อังคะคำมูล


๕ กองทัพเรือ วิสัยทัศน์กองทัพเรือ “เป็นหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลที่มีบทบาทนำในภูมิภาค และเป็นเลิศในการบริหารจัดการ” หน้าที่ภารกิจและบทบาทของกองทัพเรือ กองทัพเรือมีหน้าที่เตรียมกำลังกองทัพเรือ การป้องกันราชอาณาจักร และดำเนินการเกี่ยวกับการ ใช้กำลังกองทัพเรือตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. ๒๕๕๑ ตลอดจนหน้าที่อื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล จากหน้าที่ดังกล่าวทำให้กองทัพเรือมีภารกิจ คือ ๑. การปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ๒. การรักษาสิทธิและอธิปไตยของชาติทางทะเล ๓. การคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ๔. การดำรงการคมนาคมทางทะเลให้ได้อย่างต่อเนื่อง ๕. การช่วยเหลือและสนับสนุนการป้องกันอธิปไตยทางบก ๖. การสนับสนุนการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ๗. การสนับสนุนการพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน บทบาทของกองทัพเรือในปัจจุบัน คือ ๑. การปฏิบัติการทางทหาร (Military Role) คือ การปฏิบัติการทางเรือเพื่อการป้องกันประเทศใน รูปแบบต่างๆ ตามสถานการณ์ที่กระทบต่ออำนาจอธิปไตยและเอกราชของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องใช้กำลังทาง เรือที่เข้มแข็ง ปฏิบัติการด้วยความเฉียบพลัน รุนแรง และเด็ดขาด ๒. การรักษากฎหมายและช่วยเหลือ (Constabulary Role) คือการรักษาผลประโยชน์ของชาติทาง ทะเล การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การรักษากฎหมายตามที่รัฐบาลมอบอำนาจ ให้ทหารเรือ เป็นเจ้าหน้าที่รวม ๒๘ ฉบับ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชนและการพัฒนาประเทศ ๓. การสนับสนุนกิจการระหว่างประเทศ (Diplomatic Role) คือ การสนับสนุนการดำเนินนโยบาย และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาลและใช้หรือแสดงกำลัง เพื่อสนับสนุนการเจรจาต่อรอง เมื่อมีการ ขัดกันในผลประโยชน์ของชาติหรือเหตุการณ์วิกฤติที่กระทบต่อผลประโยชน์ของชาติโดยตรง


๖ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ


๗ โครงสร้างหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ


๘ กรมแพทย์ทหารเรือ ประวัติกรมแพทย์ทหารเรือ ในยุคแรกเริ่มของการแพทย์ทหารเรือ ได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลชั่วคราวของทหารเรือขึ้น ภายหลังจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด โรงพยาบาลถาวรแห่งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๑ โดยพระราชทานนามโรงพยาบาลแห่งนี้ว่า “โรงศิริราชพยาบาล” โรงพยาบาลทหารเรือชั่วคราวเมื่อครั้งอดีต ซึ่งมีชื่อเรียกในสมัยนั้นว่า “โรงพยาบาลกลาง” ตั้งอยู่ไม่ห่างจาก โรงศิริราชพยาบาล หรือ “โรงพยาบาลศิริราช” ในทุกวันนี้มากนัก คืออยู่ในพื้นที่ของวัดระฆังโฆสิตาราม ตำบลวังหลัง จังหวัดธนบุรี(บริเวณอาคารเรียนของโรงเรียนสตรีวัดระฆังฯ ในปัจจุบัน) โดยทางกรมทหารเรือ (ชื่อเรียกกองทัพเรือ ในสมัยนั้น) ได้รับอนุญาตจากทางวัดให้สร้างอาคารไม้ จำนวน ๓ หลัง เป็นโรงพยาบาลทหารเรือชั่วคราว ซึ่งในยุคนั้นที่ ทำการหน่วยบังคับบัญชาของนายแพทย์และพยาบาล มีลักษณะเป็นเรือนไม้ชั้นเดียว หลังคามุงจาก ๑ หลัง ส่วนตัว โรงพยาบาลสำหรับรับผู้ป่วย เป็นเรือนไม้ ๒ ชั้น หลังคามุงจาก มี ๒ หลัง โดยอาณาเขตของโรงพยาบาล มีเนื้อที่ ประมาณ ๕๐๐ - ๖๐๐ ตารางวา โดยเหตุผลที่ตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าว เพื่อความสะดวกแก่การปฏิบัติงานตามที่ ทางการสั่งการ และควรอยู่ไม่ห่างไกลจากที่ตั้งของกองบัญชาการทหารเรือในสมัยนั้น ซึ่งสถานที่ปฏิบัติงานของทหารเรือ ส่วนมากมักจะอยู่แถบฝั่งธนบุรีทั้งสิ้น เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๓ ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการกรมยุทธนาธิการ พ.ศ.๒๔๓๓ ขึ้นแทน เนื่องจากราชการทหารที่ได้ดำเนินมายังไม่เรียบร้อยนัก และก้าวก่ายกัน โดยให้เรียกกรมยุทธนาธิการเสียใหม่ว่า


๙ “กระทรวงยุทธนาธิการ” (Ministry of War and Marine) แบ่งออกเป็น ๒ กรม คือ กรมทหารบก และกรมทหารเรือ มีหน้าที่บังคับบัญชาราชการทหารและพลเรือนที่เกี่ยวข้อง โดยผู้บังคับบัญชาของกรมทหารบกเรียกว่าผู้บัญชาการทหารบก และผู้บังคับบัญชาของกรมทหารเรือ เรียกว่า ผู้บัญชาการทหารเรือ ซึ่งการแบ่งส่วนราชการของกรมทหารเรือ ในปี พ.ศ.๒๔๓๓ นี้ กำหนดให้ “กรมกลาง” เป็นส่วนบัญชาการ หน่วยขึ้นตรงต่างๆ ได้แก่ กรมคลังพัสดุ กองบัญชีเงิน กอง เร่งชำระ กรมคุก กรมอู่เรือ กรมช่างกล โรงพยาบาลทหารเรือโรงเรียนสอนวิชาทหารเรือ กรมเรือพระที่นั่ง(เรือพระที่นั่ง ต่างๆ กรมทหารแคตลิงกัน และเรือกลไฟเล็ก) กรมอรสุมพล (เรือรบหลวงต่างๆ) ป้อม และกองทหารชายทะเล จากรายชื่อส่วนราชการกรมทหารเรือที่ปรากฏ ซึ่งมีการกล่าวถึงฝ่ายการแพทย์ที่เรียกว่า“โรงพยาบาลทหารเรือ” เอาไว้ด้วย จึงกล่าวได้ว่า มีการสถาปนา “หน่วยแพทย์ทหารเรือ” อย่างเป็นทางการขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๓ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของกิจการแพทย์ทหารเรือ ในประเทศไทย อีก ๑๐ ปี ต่อมา ในปี พ.ศ.๒๔๔๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชนิเวศน์ เดิม (จวนเดิม) ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ให้ตั้งเป็นที่ทำการของกรมทหารเรือ หน่วยแพทย์ทหารเรือจึงแยกกองบังคับการออกจากโรงพยาบาล มาตั้งที่ทำการใหม่ในบริเวณกรมยุทธโยธาทหารเรือ (กรมอู่ทหารเรือในปัจจุบัน) แต่โรงพยาบาลทหารเรือกลางยังคงตั้งอยู่ที่วัดระฆังฯ ตามเดิม จาก พ.ศ.๒๔๓๓ เรื่อยมาจนถึง พ.ศ.๒๔๔๓ กระทั่งถึง พ.ศ.๒๔๔๙ ที่หน่วยแพทย์ทหารเรือมีฐานะเป็นกอง เรียกชื่อว่า “กองแพทย์และโรงพยาบาล” ย้ายสังกัดจากเดิมเมื่อแรกสุด คือ กรมกลาง ขึ้นตรงกับกรมทหารเรือ มาเป็นขึ้นตรงกับกรมบัญ ชาการกลาง กรมทหารเรือ และมาขึ้นกับกรมปลัดทัพเรือ ในกรมบัญ ชาการกลาง กรมทหารเรือ อีกครั้งตามลำดับ กระทั่ง พ.ศ.๒๔๕๓ ได้มีโครงการที่จะย้ายที่ตั้งกองแพทย์และโรงพยาบาลไปตั้งใน บริเวณปากคลองมอญด้านเหนือ อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี ตรงข้ามกับท่าราชวรดิษฐ์ การก่อสร้างอาคาร กองแพทย์และโรงพยาบาลแห่งใหม่จึงได้เริ่มต้น (ได้รับอนุมัติและงบประมาณเมื่อใด รวมถึงมีการลงมือก่อสร้างใน พ.ศ.๒๔๕๔ ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าการก่อสร้างสำเร็จอย่างไร แต่มีการระบุว่า ได้ย้ายกองแพทย์กับโรงพยาบาล มาจากที่ตั้งเก่าคือบริเวณวัดระฆังฯ เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๖) ครั้นถึงวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๖ ปรากฏว่า ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง โดยทางราชการได้แยกกอง แพทย์ออกจากกรมปลัดทัพเรือ ตั้งเป็นกองอิสระ มีชื่อว่า “กองแพทย์พยาบาล” สังกัดกระทรวงทหารเรือโดยตรง และ ได้แบ่งหน้าที่การปกครองส่วนราชการออกเป็นแผนกต่างๆ ได้แก่ แผนกธุรการ แผนกสมุห์บัญชี แผนกตรวจโรคทั่วไป แผนกผ่าตัด แผนกเรือนคนป่วย แผนกคลังยา แผนกโรงครัว และแผนกโรงเรียนพยาบาล อีกทั้งได้มีการย้ายทั้งส่วน กองบังคับการแพทย์พยาบาลจากบริเวณกรมยุทธโยธาทหารเรือ และโรงพยาบาลทหารเรือจากวัดระฆังฯ มาตั้งที่ทำ การใหม่ที่ปากคลองมอญทั้งสองหน่วยงานเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๖ โดยใช้ที่ทำงานในตึกที่พักคนป่วยเป็นการชั่วคราว คือใช้ตึก หมายเลข ๑ เป็นกองบังคับการชั่วคราว มีนายแพทย์ใหญ่และเจ้าหน้าที่ธุรการกับการเงิน และหน่วยรัศมีวิทยารวมอยู่ ด้วย ตึกหมายเลข ๒ เป็นที่ตรวจโรคและห้องผ่าตัด แต่งแผล ฉีดยา ห้องนายแพทย์เวร และเป็นโรงเรียนพยาบาล ตึก หมายเลข ๓ เป็นคลังยา ห้องผสมยา และห้องจ่ายยา ตึกหมายเลข ๔ เป็นที่พักคนป่วยด้วยกามโรค ตึกหมายเลข ๕ เป็นที่พักคนป่วยด้วยโรคทั่วๆ ไป และตึกหมายเลข ๖ เป็นที่พักคนป่วยด้วยโรคเหน็บชา จากนั้นมา เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๗ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ได้ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ตราประจำชาติ ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางกว้าง ๒ นิ้ว ๓ อนุกระเบียด หรือ ๕ เซนติเมตร มีรูปกลม ลายกลางเป็นรูปมัตสยาวตาร กับมีลายวงขอบ มีอักษรเบื้องล่างว่า “กองแพทย์พยาบาล ทหารเรือ” เป็นตราสำหรับตำแหน่งกองแพทย์พยาบาลทหารเรือ ก้าวสำคัญสู่การเป็นกรมแพทย์ทหารเรือ (พ.ศ.๒๔๕๙ - ๒๕๓๙) เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงปี พ.ศ.๒๔๕๙ ปรากฏว่า โรงพยาบาลกลาง (ชื่อโรงพยาบาลทหารเรือเมื่อแรกสร้าง) ที่ย้ายมาอยู่บริเวณคลองมอญ เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๖ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “โรงพยาบาลกลางทหารเรือ” และใน พ.ศ.๒๔๕๙ ได้ เปลี่ยนเป็นกองแพทย์ เป็นหน่วยขึ้นตรงกับกรมแพทย์พยาบาลทหารเรือ โดยมีฐานะแยกออกเป็นแผนกๆ ไม่มีชื่อเป็น โรงพยาบาล ทั้งนี้เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ.๒๔๕๙ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรด เกล้าฯ ยกฐานะกองแพทย์พยาบาลทหารเรือขึ้นเป็น “กรมแพทย์พยาบาลทหารเรือ” สังกัดกระทรวงทหารเรือ มีที่ตั้ง


๑๐ ใกล้กับกระทรวงทหารเรือ ทำหน้าที่เป็นสถานพักฟื้นของทหารที่ป่วยที่ไม่สามารถปฏิบัติงานในเรือได้ การได้รับการ ยกฐานะใน พ.ศ.๒๔๕๙ ถือว่าเป็นจุดสูงสุดของการแพทย์ทหารเรือ ที่เริ่มเป็น “กรมแพทย์” ครั้งแรก ทั้งนี้เมื่อมีนาม หน่วยเป็นกรม หัวหน้าหน่วยผู้รับผิดชอบดำเนินงานก็มีตำแหน่งเป็น นายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ ซึ่งหากจะเทียบกับ กรมอื่น ๆ ก็เท่ากับเจ้ากรมนั่นเอง พ.ศ.๒๔๘๖ พลเรือเอก หลวงสินธุ์สงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน) ผู้บัญชาการทหารเรือในสมัยนั้น ได้พิจารณา เห็นว่า กรมแพทย์ทหารเรือ และโรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ ซึ่งตั้งอยู่ที่ปากคลองมอญ มีบริเวณคับแคบและอยู่ใน เขตยุทธศาสตร์อาจไม่ปลอดภัยจากการถูกโจมตีของข้าศึก เนื่องจากช่วงเวลานั้นได้เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้น จึงประสงค์ให้ย้ายกรมแพทย์ทหารเรือ และโรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ มาอยู่ภายนอกในที่สุด จึงตกลงเลือกเอา พื้นที่ที่ตำบลบุคคโลสำหรับเป็นที่ตั้งแห่งใหม่ โดยได้จัดหาที่ไว้ประมาณ ๒๕๐ ไร่ เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นทางผ่าน ไปยังป้อมพระจุลจอมเกล้า และอยู่ติดคลองสำเหร่ ซึ่งมีทางออกแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้สะดวกแก่การขนส่งทหารขึ้น จากเรือรบหลวง โดยมีโครงการจะสร้างให้เป็นโรงพยาบาลใหญ่ในภาคพื้นเอเชีย มีขนาด ๑,๑๐๐ เตียง ซึ่งขณะนั้น นายแพทย์เล็กฯ เป็นนายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ ได้เชิญนายอิลิ่ง ซึ่งเป็นผู้วางแผนผังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มาช่วยวาง แผนผัง ด้วยมุ่งหวังจะให้เป็นโรงพยาบาลที่สมบูรณ์แบบ มีสถานที่อำนวยความสะดวกทางด้านการแพทย์พร้อมมูล ไม่ ว่าจะเป็นที่พักแพทย์และพยาบาล โรงเรียนพยาบาล พร้อมทั้งสิ่งสาธารณูปโภค กำหนดให้เป็นโรงพยาบาลตัวอย่างที่ ทันสมัยที่สุด แต่เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับขาดงบประมาณ ทำให้โครงการต่างๆ ต้อง ระงับไป จึงได้มีการวางผังโรงพยาบาลใหม่ โดยใช้พื้นที่เพียง ๑๒๒ ไร่ ๒ งาน เท่านั้น ในปี พ.ศ.๒๔๙๕ โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่ตำบลบุคคโล ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างขึ้น จนถึงปี พ.ศ.๒๔๙๘ พลเรือตรี หลวงสุวิชานแพทย์ ได้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ และแต่งตั้งให้ นาวาโท สนิท โปษะกฤษณะ (ยศขณะนั้น) เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่สร้างขึ้นใหม่ และนาวาโท สนิทฯ ที่เพิ่งเดินทางกลับจาก สหรัฐอเมริกา หลังจากไปอบรมและศึกษาต่อด้านสูตินรีเวชกรรม มีนโยบายที่จะเปิดโรงพยาบาลทางด้านสูตินรีเวช กรรมขึ้นมาก่อน เมื่อมีผู้ป่วยจำนวนมากพอแล้วจึงจะเปิดให้ครบทุกแผนก โดยขณะที่รอเปิดโรงพยาบาลอยู่นั้น ก็ได้ ดำเนินการจัดส่งแพทย์ไปศึกษาและดูงานตามสถาบันต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ และในวันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ กองทัพเรือจึงอนุมัติให้เปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่นี้ โดยใช้ชื่อว่า “โรงพยาบาลทหารเรือบุคคโล”จนกระทั่งวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๐๒ กระทรวงกลาโหมได้พิจารณาอนุมัติ ให้เปลี่ยนชื่อโรงพยาบาลทหารเรือบุคคโล เป็น “โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเป็นผู้บัญชาการ ทหารเรือพระองค์แรกของประเทศไทย ต่อมาใน พ.ศ.๒๕๐๓ พล.ร.ต.สนิท โปษะกฤษณะ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ ได้ขอขยายอัตรา ของกรมแพทย์ทหารเรือ และได้รับการอนุมัติให้ขยายอัตรา เพื่อให้มีเจ้าหน้าที่เพียงพอแก่การปฏิบัติงานที่ขยายออกไป ท่านจึงเป็นนายแพทย์ใหญ่ทหารเรือท่านแรก ที่ได้รับการพระราชทานยศเป็นพลเรือโท ครั้น พ.ศ.๒๕๑๖ ได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อเรียกตำแหน่ง “นายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ” เป็น “เจ้ากรมแพทย์ ทหารเรือ” และรองนายแพทย์ใหญ่ทหารเรือเป็น “รองเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ” ดังที่เรียกขานในปัจจุบัน ซึ่งมี พลเรือโท โกเมท เครือตราชู ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือเป็นท่านแรก และมีอดีตผู้บังคับบัญชาที่ดำรง ตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ และดำรงตำแหน่งเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๔๔ ถึงปัจจุบัน จำนวนทั้งสิ้น ๓๕ ท่าน ในปี พ.ศ.๒๕๕๓ ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง โดยกระทรวงกลาโหมอนุมัติให้กรมแพทย์ทหารเรือ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ ให้เป็นไปตามอัตราเฉพาะกิจหมายเลข ๓๔๐๐ (อฉก.๓๔๐๐) กรมแพทย์ทหารเรือ โดยได้ กำหนดภารกิจของกรมแพทย์ทหารเรือให้มีหน้าที่ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ และกำหนดหน้าที่ของส่วน ราชการ กองทัพเรือ กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๒ ภายใต้ราชกิจจานุเบกษา ฉบับวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ มาตรา ๓๒ ภารกิจ มีหน้าที่ อำนวยการ ประสานงาน แนะนำ กำกับการ และดำเนินการเกี่ยวกับการบริการสุขภาพ การส่งกำลัง และการซ่อมบำรุงพัสดุสายแพทย์ รวมทั้งการวิจัยและพัฒนาการแพทย์ ตลอดจนให้การฝึกและ


๑๑ ศึกษาวิชาการแพทย์และวิชาการอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย มีเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เป็นผู้บังคับบัญชา รับผิดชอบ วิสัยทัศน์ “องค์กรแพทย์ทหารของกองทัพเรือที่มีคุณภาพและประชาชนเชื่อมั่นไว้วางใจ” พันธกิจ ๑. ให้บริการทางการแพทย์ เพื่อสุขภาพที่ดีของกำลังพลกองทัพเรือ ครอบครัว และประชาชน ๒. ส่งกำลังสายแพทย์และให้การสนับสนุนทางการแพทย์เพื่อปฏิบัติการทางทหาร ทั้งในด้านการฝึก และในพื้นที่ปฏิบัติการ ๓. ฝึก ศึกษา อบรม วิชาการแพทย์เพื่อพัฒนาการบริการทางการแพทย์ให้กับกองทัพเรือ ค่านิยม รับผิดชอบในงาน ให้บริการด้วยใจ ใฝ่ความรู้ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน สมรรถนะหลักองค์กร (Core Competency) ๑. การบริการทางการแพทย์สับสนุนปฏิบัติการทางทหารของกองทัพเรือ ๒. การให้บริการทางการแพทย์ระดับตติยภูมิและการแพทย์แบบผสมผสาน ๓. งานด้านเวชศาสตร์ทางทะเล และการบำบัดรักษาด้วยออกซิเจนแรงดันสูง วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ (Strategic objective) ๑. กำลังพลกองทัพเรือมีสุขภาพดีเหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ ๒. กรมแพทย์ทหารเรือมีความพร้อมและสามารถสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารได้อย่างเหมาะสม ทันเวลา และมีประสิทธิภาพ ๓. การบริการทางการแพทย์มีคุณภาพและผู้รับบริการมีความพึงพอใจ ๔. กำลังพลกรมแพทย์ทหารเรือ มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับหน้าที่ ๕. การบริหารจัดการองค์กรมีประสิทธิภาพ ๖. การศึกษาและวิจัยทางการแพทย์ได้มาตรฐาน Strategic Issues ๑. สร้างเสริมสุขภาพของกำลังพลกองทัพเรือ ๒. พัฒนาศักยภาพการบริการทางการแพทย์สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของกองทัพเรือ ๓. พัฒนางานบริการทางการแพทย์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของกำลังพลกองทัพเรือ ครอบครัว และ ประชาชน ๔. พัฒนาขีดสมรรถนะของบุคลากรสายแพทย์ให้มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับหน้าที่ ๕. พัฒนาระบบบริหารจัดการของกรมแพทย์ทหารเรือ ๖. พัฒนาองค์กรสู่สถาบันทางการแพทย์และการวิจัย ขอบเขตความรับผิดชอบและหน้าที่ที่สำคัญของกรมแพทย์ทหารเรือ ๑. อำนวยการ วางแผน ประสานงาน ควบคุม แนะนำ และกำกับการเกี่ยวกับกิจการสายแพทย์ของ กองทัพเรือ ๒. กำหนดนโยบายในการดำเนินการด้านการแพทย์ของหน่วยแพทย์ในกองทัพเรือ ๓. เตรียมความพร้อมของกำลังพลกองทัพเรือในด้านสุขภาพ และให้บริการทางการแพทย์สนับสนุน การปฏิบัติการทางทหารของกองทัพเรือ


๑๒ ๔. ดำเนินการบริการสุขภาพให้แก่ทหาร ข้าราชการพลเรือนกลาโหม พนักงานราชการ ลูกจ้าง ครอบครัว อาสาสมัครทหารพรานนาวิกโยธิน และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหมเป็นหลัก รวมทั้งพลเรือน ตามความจำเป็น ๕. วิจัยและพัฒนาการแพทย์ และดำเนินการฝึกและศึกษาของเหล่าทหารแพทย์ ๖. ดำเนินการส่งกำลังและซ่อมบำรุงพัสดุสายแพทย์ เพื่อสนับสนุนหน่วยต่างๆ ในกองทัพเรือ ๗. ให้ข้อเสนอแนะทางวิทยาการสายแพทย์ ๘. ดำเนินการเกี่ยวกับเวชศาสตร์ทางทะเล เวชศาสตร์ใต้น้ำ และเวชศาสตร์การบิน ๙. ดำเนินการด้านสารสนเทศทางการแพทย์


๑๓


๑๔ แผนยุทธศาสตร์กรมแพทย์ทหารเรือ พ.ศ.๒๕๖๕-๒๕๖๘


๑๕ อดีตผู้บังคับบัญชากรมแพ ลำดับที่ ๓ นาวาตรี หลวงวารีโยธารักษ์ นายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ ๓ ก.พ.๒๔๕๗ – ๑๔ ก.พ.๒๔๕๗ ลำดับที่ ๑ ลำดับที่ ๒ ล นาวาเอกโทมัส เฮเวิด เฮล์ นาวาโท เบอร์เมอร์ พลเรือตรี หม่อม นายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ นายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ นายแพ ๒๒ ก.ย.๒๔๔๔ - ๒๐ ธ.ค.๒๔๕๒ ๒๘ พ.ย.๒๔๕๓ - ๓ ก.พ.๒๔๕๗ ๑๔ ก.พ.๒๔ ลำดับที่ ๗ ลำดับที่ ๘ ลำดับที่ ๙ พลเรือตรี เล็ก สุมิตร พลเรือตรี สงวน รุจินาภา พลเรือจัตวา หลวงเรืองไวทยวิทยา พลเรื นายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ นายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ นายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ นา ๑๔ ธ.ค.๒๔๗๖ - ๑๕ พ.ค.๒๔๘๙ ๑๖ พ.ค.๒๔๘๙ - ๗ ก.ค.๒๔๙๔ ๒๑ ก.ค.๒๔๙๔ – ๒๘ พ.ย.๒๔๙๖ ๑ ม.


พทย์ทหารเรือ ลำดับที่ ๔ ลำดับที่ ๕ ลำดับที่ ๖ มเจ้าถาวรมงคลวงศ์ไชยันต์ นาวาโท พระชัยสิทธิเวช(เชย ชัยสิทธิเวช) นาวาเอก หลวงจงเวชศาสตร์ ทย์ใหญ่ทหารเรือ ผู้บังคับกองเสนารักษ์ราชนาวี ผู้บังคับการกองแพทย์ทหารเรือ ๔๕๗ - ๑ ม.ค.๒๔๗๔ ๑ ม.ค.๒๔๗๔ - หลังเปลี่ยนแปลง หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง การปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ พ.ศ.๒๔๗๕ - ๑ พ.ค.๒๔๗๖ ลำดับที่ ๑๐ ลำดับที่ ๑๑ ลำดับที่ ๑๒ รือตรี หลวงสุวิชานแพทย์ พลเรือตรี กมล ชัมพุนท์พงศ์ พลเรือโท สนิท โปษะกฤษณะ ยแพทย์ใหญ่ทหารเรือ นายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ นายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ ค.๒๔๙๘ - ๓๑ ธ.ค.๒๕๐๐ ๑ ม.ค.๒๕๐๑ - ๓๑ ธ.ค.๒๕๐๒ ๑ ม.ค.๒๕๐๓ - ๑๙ ธ.ค.๒๕๑๔


๑๖ ลำดับที่ ๑๓ ลำดับที่ ๑๔ ลำดับที่ ๑๕ พลเรือโท อรุณ รัตตะรังสี พลเรือโท โกเมท เครือตราชู พลเรือโท ลักษณ์ บุญศิริ พลเรือ นายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ นายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ ๒๐ ธ.ค.๒๕๑๔ - ๓๐ ก.ย.๒๕๑๕ ๑ ต.ค.๒๕๑๕ - ๒๘ พ.ค.๒๕๑๖ ๑ ต.ค.๒๕๑๗ - ๓๐ ก.ย.๒๕๑๙ ๑ ต.ค เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ๒๙ พ.ค.๑๖ – ๓๐ ก.ย.๑๗ ลำดับที่ ๑๙ ลำดับที่ ๒๐ ลำดับที่ ๒๑ พลเรือโท สรวุฒิ วีรบุตร พลเรือโท พนิต ศรียาภัย พลเรือโท ฉันท์ กลกิจโกวินท์ พลเรื เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้า ๑ ต.ค.๒๕๒๗ – ๓๐ ก.ย.๒๕๓๐ ๑ ต.ค.๒๕๓๐ - ๓๐ ก.ย.๒๕๓๒ ๑ ต.ค.๒๕๓๒ – ๓๐ ก.ย.๒๕๓๕ ๑ ต.ค


ลำดับที่ ๑๖ ลำดับที่ ๑๗ ลำดับที่ ๑๘ อโท พิริยะ โหตรภวานนท์ พลเรือโท บรรยงค์ ถาวรามร พลเรือโท ฉายแสง ณ นคร ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ค.๒๕๑๙ – ๓๐ ก.ย.๒๕๒๑ ๑ ต.ค.๒๕๒๑ - ๓๐ ก.ย.๒๕๒๖ ๑ ต.ค.๒๕๒๖ – ๓๐ ก.ย.๒๕๒๗ ลำดับที่ ๒๒ ลำดับที่ ๒๓ ลำดับที่ ๒๔ รือโท อรุณ เอื้อไพบูลย์ พลเรือโท ดำรงศักดิ์ เลียงพิบูลย์ พลเรือโท ไพบูลย์ ศรีเทพ ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ค.๒๕๓๕ – ๓๐ ก.ย.๒๕๓๖ ๑ ต.ค.๒๕๓๖ - ๓๐ ก.ย.๒๕๓๙ ๑ ต.ค.๒๕๓๙ – ๓๐ ก.ย.๒๕๔๒


๑๗ ลำดับที่ ๒๕ ลำดับที่ ๒๖ ลำดับที่ ๒๗ พลเรือโท จุติ เฉลิมเตียรณ พลเรือโท วีระจิตต์ ชูจินดา พลเรือโท ยงยุทธ หรัญโต พ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ๑ ต.ค.๒๕๔๒ – ๓๐ ก.ย.๒๕๔๔ ๑ ต.ค.๒๕๔๔ - ๓๐ ก.ย.๒๕๔๖ ๑ ต.ค.๒๕๔๖ – ๓๐ ก.ย.๒๕๔๙ ๑ ลำดับที่ ๓๑ ลำดับที่ ๓๒ ลำดับที่ ๓๓ พลเรือโท ชุมพล เทียมชัย พลเรือโท กิติพัฒน์ วัฒนาวงศ์ พลเรือโท พันเลิศ แกล้วทนงค์ พลเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้า ๑ ต.ค.๒๕๕๕ – ๓๐ ก.ย.๒๕๕๖ ๑ ต.ค.๒๕๕๖ - ๓๐ ก.ย.๒๕๕๗ ๑ ต.ค.๒๕๕๗ – ๓๐ ก.ย.๒๕๕๘ ๑ ต.ค


ลำดับที่ ๒๘ ลำดับที่ ๒๙ ลำดับที่ ๓๐ พลเรือโท สุรพล ภูยานนท์ พลเรือโท สุริยา ณ นคร พลเรือโท สุชีพ ช้างเสวก เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ๑ ต.ค.๒๕๔๙ – ๓๐ ก.ย.๒๕๕๑ ๑ ต.ค.๒๕๕๑ - ๓๐ ก.ย.๒๕๕๓ ๑ ต.ค.๒๕๕๓ – ๓๐ ก.ย.๒๕๕๕ ลำดับที่ ๓๔ ลำดับที่ ๓๕ ลำดับที่ ๓๖ อโท คณิน ชุมวรฐายี พลเรือโท สมคิด ทิมสาด พลเรือโท พรชัย แย้มกลิ่น ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ .๒๕๕๘ – ๓๐ ก.ย.๒๕๖๐ ๑ ต.ค.๒๕๖๐ - ๓๐ ก.ย.๒๕๖๑ ๑ ต.ค.๒๕๖๑ – ๓๐ ก.ย.๒๕๖๒


๑๘ ลำดับที่ ๓๗ ลำดับที่ ๓๘ พลเรือโท วิชัย มนัสศิริวิทยา พลเรือโท ชลธร สุวรรณกิตติ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๒ - ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๔ – ปัจจุบัน


๑๙ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกรมแพทย์ทหารเรือ พลเรือโท ชลธร สุวรรณกิตติ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ พลเรือตรี นรเสทธ์ เอื้อไพบูลย์ พลเรือตรี ปิยบุตร เนียมประดิษฐ์ รองเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ รองเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ


๒๐ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ พล.ร.ต.หญิง อรมณี บุญนาค พล.ร.ต.สมชาย จันทโรธร ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.ศพส.พร. พล.ร.ต.ภูรินทร์ สาระกุล พล.ร.ต.หญิง ภาวิกา ธรรมโน


๒๑ ผู้บังคับบัญชาระดับหน่วยขึ้นตรงของกรมแพทย์ทหารเรือ พล.ร.ต.ณัฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา พล.ร.ต.ประทีบ ตังติสานนท์ พล.ร.ต.กิตตินันท์ งามศิลป์ พล.ร.ต.หญิง กรองทิพย์ ศิริไล ผอ.รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า พร. ผอ.รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐท.สส. ผอ.รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. ผอ.ศูนย์ทันตกรรม พร. น.อ.เรวัตร กิจณรงค์ น.อ.พัฒนชัย เฉลิมวรรณ์ น.อ.ก่อพงศ์ หังสพฤกษ์ น.อ.สุชัย โอฬารน์มณี ผอ.กองส่งกำลังสายแพทย์ พร. ผอ.กองเวชกรรมป้องกัน พร. ผอ.รพ.ทหารเรือกรุงเทพ พร. ผอ.กองสวัสดิการสุขภาพ พร. น.อ.จักรพงศ์ คล้ายคลึง น.อ.หญิง จันทราภรณ์ เคียมเส็ง น.อ.ภิสักก์ ก้อนเมฆ น.อ.ธนษวัฒน์ ชัยกุล ผอ.กองเวชสารสนเทศ พร. ผอ.กองวิทยาการ ศูนย์วิทยาการ พร. หน.ฝ่ายอำนวยการ พร. ผอ.กองเวชศาสตร์ใต้น้ำ และการบิน พร. ฐ น.อ.หญิง วิภาภร ศิลสว่าง น.อ.นฤธรรม สุรักขกะ น.อ.กราญรักษ์ ขันธวัฒน์ น.อ.พรพิชิต สุวรรณศิริ ผอ.วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ศูนย์วิทยาการ พร. ผอ.กองสนับสนุน พร. หน.กองการเงิน พร. ผอ.โรงเรียนนาวิกเวชกิจ ศูนย์วิทยาการ พร.


๒๒ โครงสร้างหน่วยขึ้นตรงกรมแพทย์ทหารเรือ . . . . . . . . - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


๒๓ หน่วยงานที่ไม่ขึ้นตรงต่อกรมแพทย์ทหารเรือ แต่กรมแพทย์ทหารเรือควบคุมงานด้านเทคนิค และการบรรจุเจ้าหน้าที่หมุนเวียน


๒๔ การจัดส่วนราชการและหน้าที่หน่วยขึ้นตรงในกรมแพทย์ทหารเรือ(พ.ศ.๒๕๕๙) กรมแพทย์ทหารเรือ (พร.) เป็นส่วนราชการสำคัญที่มีสายการบังคับบัญชาขึ้นตรงกองทัพเรือ เป็น องค์กรที่มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกลในการเป็น “องค์กรแพทย์ทหารของกองทัพเรือที่มีคุณภาพและประชาชน เชื่อมั่นไว้วางใจ”กรมแพทย์ทหารเรือ มีหน้าที่สำคัญในด้านอำนวยการ ประสานงาน แนะนำ กำกับการและ ดำเนินการเกี่ยวกับการบริการสุขภาพ การส่งกำลัง และการซ่อมบำรุงพัสดุสายแพทย์ รวมทั้งการวิจัยและพัฒนา การแพทย์ ตลอดจนให้การฝึกและศึกษาวิชาการแพทย์และวิชาการอื่นตามที่ได้รับมอบหมายโดยมีเจ้ากรมแพทย์ ทหารเรือ เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ โดยกรมแพทย์ทหารเรือมีการแบ่งส่วนราชการต่าง ๆ ที่เปี่ยมศักยภาพ ประกอบด้วย หน่วยขึ้นตรง กรมแพทย์ทหารเรือ จำนวน ๑๓ หน่วย และหน่วยอื่น ๆ ที่กรมแพทย์ทหารเรือรับผิดชอบในด้านกำกับดูแล ควบคุมงานในด้านเทคนิค และบรรจุเจ้าหน้าที่หมุนเวียนในการปฏิบัติงาน ๑. กองบังคับการ กรมแพทย์ทหารเรือ กองบังคับการ กรมแพทย์ทหารเรือ (บก.พร.) เป็นส่วนงานหลักสำคัญที่ขึ้นตรงต่อกรมแพทย์ทหารเรือ มีบทบาทหน้าที่ในด้านการวางแผน อำนวยการ ประสานงาน แนะนำ และคอยกำกับการเกี่ยวกับกิจการที่อยู่ ในความรับผิดชอบของกรมแพทย์ทหารเรือ ให้ขับเคลื่อนเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย ประกอบด้วย แผนกธุรการ ทำหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับงานสารบรรณ ธุรการ และการรักษาความปลอดภัยทั่วไป กองกำลังพล ปฏิบัติภารกิจในส่วนของการวางแผน อำนวยการ ประสานงาน และคอยกำกับการเกี่ยวกับ การใช้กำลังพลในเรื่องที่เกี่ยวข้อง กองแผน ทำหน้าที่ด้านวางแผน อำนวยการ ประสานงาน และกำกับการเกี่ยวกับงานด้านแผนงาน รับผิดชอบการจัดทำนโยบายด้านการแพทย์ของกองทัพเรือ การฝึกการบริการทางการแพทย์สนับสนุน การปฏิบัติการทางทหารของกองทัพเรือ และสนับสนุนภารกิจทางการแพทย์ทหารในต่างประเทศ กองโครงการและงบประมาณ มีหน้าที่วางแผนควบคุม กำกับดูแล ดำเนินการ และให้ข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับงานในด้านโครงการ ดูแลด้านการเงินและงบประมาณการบริหารงบประมาณ ทำหน้าที่รายงานสถานภาพ งบประมาณ ตลอดจนการติดตามและประเมินผลอย่างใกล้ชิด กองส่งกำลังบำรุง มีบทบาทรับผิดชอบในด้านวางแผน อำนวยการ ประสานงาน กำกับการและ ดำเนินการเกี่ยวกับการส่งกำลังบำรุงในส่วนที่รับผิดชอบ ๒. ศูนย์ทันตกรรม กรมแพทย์ทหารเรือ นับจากวาระที่ “กรมแพทย์ทหารเรือ” ได้ถือกำเนิด สถาปนาอย่างเป็นทางการ ในปี พ.ศ.๒๔๕๙ ณ ช่วงเวลานั้น ยังนับเป็นยุคแรกเริ่ม ที่งานบริหารทางการแพทย์ของกรมฯ ยังแคบจำกัด มีอยู่เพียงไม่กี่สาขา แต่ เมื่อผ่านยุคพ้นสมัยตามลำดับ พัฒนาการด้านการแพทย์ของกรมฯ ก็เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วไปสู่ศาสตร์ สาขาต่างๆ จนถึงวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๔๘๘ ‘แผนกทันตกรรม’ แห่งกรมแพทย์ทหารเรือ ก็ได้เกิดขึ้นเป็น ครั้งแรก พร้อมๆ กันนั้นบุคลากรทางการแพทย์ที่เริ่มพรั่งพร้อม ก็คอยทำหน้าที่ประจำในแผนก ให้บริการรักษา และตรวจโรคที่เกี่ยวเนื่องกับฟันเป็นการเฉพาะ นับแต่วันนั้น.. เมื่อถึงยุคที่ กรมแพทย์ทหารเรือ ได้ขยายและแบ่งสรรส่วนราชการครั้งใหม่ ทำให้แผนกทันตกรรม ที่ขึ้น โดยตรง กับ ‘โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า’ จึงเริ่มปรับเปลี่ยนโฉม มีการเพิ่มขยายบุคลากรเพื่อการรับรอง ปริมาณคนไข้ที่เดินทางเข้ามาตรวจรับรักษาที่เพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น แผนกทันตกรรมจึงได้รับการยกสถานะให้ ทันยุคสมัย และการให้บริการที่สะดวกรวดเร็ว พรั่งพร้อมด้วยขีดศักยภาพ โดยขึ้นเป็น ‘กองทันตกรรม’ ซึ่งมี โครงสร้างการบริหาร แบ่งออกเป็น ๓ แผนก หลักๆ ได้แก่ แผนกทันตบำบัด แผนกทันตกรรมประดิษฐ์ และ


๒๕ แผนกทันตศัลยกรรม โดยมีที่ตั้งอยู่ ณ ตึกอำนวยการหลังเก่า ของกรมแพทย์ทหารเรือ เป็นอาคารสูง ๒ ชั้น อยู่บริเวณด้านหน้าของตึกอำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถนนตากสิน ธนบุรี กองทันตกรรม มีภารกิจหน้าที่ในการตรวจ รักษาโรคฟัน เหงือก ช่องปาก และขากรรไกร รวมถึงให้ ความรู้คำแนะนำที่ถูกต้องในการป้องกันโรคที่จะเกิดขึ้นในช่องปาก โดยให้บริการแก่กลุ่มคนไข้หลัก คือ เหล่า ทหาร ข้าราชการกระทรวงกลาโหม ลูกจ้าง พนักงาน พร้อมครอบครัว และยังทำการรักษาบริการแก่ประชาชน ทั่วไปในเวลาเดียวกัน ถัดจากนั้น ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๗ กองทันตกรรม ได้มีการโยกย้ายสถานที่ตั้งถาวร จากถนนตากสิน ไปสู่อาคารที่ทำการแห่งใหม่ ณ ‘โรงพยาบาลทหารเรือกรุงเทพ (เดิม)’ บนถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย ถัดจากนั้นอีก ๔ ปีต่อมา เมื่อกองทัพเรือได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารราชการ ครั้งสำคัญ ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๑ กองทันตกรรม จึงได้รับการยกสถานะให้เป็นหน่วยขึ้นตรงต่อกรมแพทย์ ทหารเรือ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่หน่วยงานได้มีการเปลี่ยนนามอย่างเป็นทางการเป็น “ศูนย์ทันตกรรม กรมแพทย์ ทหารเรือ”ตามดำริและวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลในด้านการแพทย์ทหารเรือของ พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือในสมัยนั้น ยังผลให้เหล่าทันตแพทย์ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคลากรสำคัญของกรมแพทย์ทหารเรือ มีความก้าวหน้า เจริญเติบโตในสาขาวิชาชีพจนเป็นเลิศ ทุกวันนี้ศูนย์ทันตกรรม กรมแพทย์ทหารเรือ ได้รับการขับเคลื่อนโดยเหล่าแพทย์และบุคลากรของหน่วย ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมาตรฐานวิชาชีพที่ล้นด้วยคุณภาพและหัวใจที่รักการเป็นผู้ให้จนทำให้ภารกิจในงานสนับสนุน กองทันตกรรม ในสังกัดของโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ดำเนิน ไปอย่างมีมาตรฐานและบรรลุถึงเป้าหมายในด้านการรักษา จนกลายเป็นองค์กรทันตกรรมที่มีความเป็นเลิศอยู่ ในระดับประเทศ ณ วันนี้.. ๓. กองสวัสดิการสุขภาพ กรมแพทย์ทหารเรือ กองสวัสดิการสุขภาพ กรมแพทย์ทหารเรือ (กสส.พร.) เป็นหนึ่งในองค์กรส่วนราชการ ๑๓ หน่วย ที่ขึ้น ตรงการบังคับบัญชาต่อกรมแพทย์ทหารเรือ และมีภารกิจหน้าที่ที่มีความสำคัญอย่างสูง ในการดูแลสวัสดิการ สุขภาพของเหล่ากำลังพล ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ข้าราชการของกองทัพเรือ เกิดความเชื่อมั่นและมี ความอบอุ่นใจ สามารถปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบของหน่วย ให้เกิดประสิทธิผลได้จนสมบูรณ์ บทบาทความรับผิดชอบของกองสวัสดิการสุขภาพ พร. นั้น ได้แก่ งานในด้านการวางแผน ประสานงาน และบริหารจัดการด้านสวัสดิการสุขภาพที่มีมาตรฐานคุณภาพเท่าเทียมและเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพให้กับ กำลังพลทุกระดับชั้นภายในกองทัพเรือซึ่งกว้างไกล รวมไปถึงสวัสดิการสุขภาพให้แก่เจ้าหน้าที่และเหล่าสมาชิก ในครอบครัวของกำลังพลอีกด้วย กสส.พร.ยังรับผิดชอบเนื้องานในด้านการให้คำปรึกษาที่ถูกต้อง เหมาะสมแก่กำลังพล ในการใช้บริการ สุขภาพในสถานพยาบาลต่างๆรวมไปถึงงานด้านทะเบียน และการใช้สิทธิ์ด้านการรักษาพยาบาลของกำลังพล ทุกนาย คอยลงไปตรวจสอบการให้บริการของสถานพยาบาลต่างๆ ในสังกัด ให้ดำเนินไปอย่างถูกต้องตาม มาตรฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งมีการแบ่งสรรโครงสร้างการทำงานภายในออกเป็น แผนกจัดการ แผนกบริการ สุขภาพ และแผนกสิทธิ์สวัสดิการสุขภาพ เพื่อให้ภารกิจของกองสามารถขับเคลื่อนเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่ ตั้งวางไว้ได้จนประสบผลสำเร็จ โดยเป้าหมายที่สำคัญในการทำงานของกองสวัสดิการสุขภาพ นั่นคือเพื่อให้เหล่ากำลังพลของ ทร. และ สมาชิกครอบครัวในทุกพื้นที่ทั่วประเทศได้รับบริการสวัสดิการรักษาพยาบาลได้อย่างครอบคลุม มีคุณภาพ สะดวกรวดเร็ว และให้ทหารกองประจำการ รวมไปถึงเหล่าอาสาสมัครทหารพรานในสังกัด ทร. ได้รับทราบถึง สิทธิประโยชน์ในการใช้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้อย่างสะดวก ถูกต้องเหมาะสม


๒๖ โดยการขับเคลื่อนการทำงานเพื่อให้บรรลุไปถึงมรรคผลนั้น เหล่าบุคลากรแห่งกองสวัสดิการสุขภาพ พร. ต่างยึดมั่นในการทำงานด้วยการพัฒนาความรู้ ศักยภาพในตัวควบคู่ไปอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อให้งานบริการที่มอบ แก่กำลังพลกองทัพเรือนั้น เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ มากด้วยรูปธรรมที่สัมผัสได้ด้วยหัวใจแห่งการให้บริการ ที่ไม่ สิ้นสุด.. ๔. กองเวชสารสนเทศ กรมแพทย์ทหารเรือ องค์ความรู้ที่เต็มไปด้วยคุณค่าในด้านการแพทย์ที่กรมแพทย์ทหารเรือได้สั่งสมบ่มเพาะมายาวนานนั้น เมื่อได้รับการจัดเก็บรวบรวม และเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ ก็ย่อมทำให้ภารกิจการ ปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในหน่วยงานสามารถก้าวไปข้างหน้า จนบรรลุสู่เป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์ สำหรับหน่วยงานหลักภายใน กรมแพทย์ทหารเรือ ที่มีบทบาทความรับผิดชอบโดยตรงในการเผยแพร่ องค์ความรู้ต่างๆ เหล่านี้ ได้แก่ “กองเวชสารสนเทศ” หรือ “กวส.พร.”ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานระดับคุณภาพ ที่เป็นกลไกหลักของ พร. ที่ถึงพร้อมไปด้วยบุคลากรภายใน ที่ร่วมปฏิบัติงานได้อย่างเต็มขีดความสามารถ คอยขับเคลื่อนภารกิจ หน้าที่ในด้านดำเนินการเกี่ยวกับระบบสารสนเทศทั้งหมด เนื้องานที่สร้างคุณประโยชน์อย่างกว้างขวางให้แก่กรมแพทย์ทหารเรือของ กวส.พร. ได้แก่การรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ ทำการวัดวิเคราะห์ และประเมินผลการปฏิบัติราชการ คอยประเมินสภาวะ สุขภาพของกำลังพลเพื่อให้เกิดความสำเร็จตามเป้าประสงค์ของกรมแพทย์ทหารเรือ กองเวชสารสนเทศยังทำหน้าที่คอยป้อนให้บริการข้อมูลและสารสนเทศ ทำการเผยแพร่ข่าวสาร วิทยาการองค์ความรู้ต่างๆ ที่หลากหลายในด้านสุขภาพ ภายใต้รูปแบบของเทคโนโลยีสื่อสารสนเทศที่ทันสมัย อันเป็นประโยชน์ให้แก่เหล่าข้าราชการ กำลังพลในแต่ละหน่วยงานของกองทัพเรือ ได้รับทราบเข้าใจจน สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับถ่ายทอด ไปปรับใช้ในการทำงานและใช้ดำเนินชีวิตได้อย่างสมบูรณ์ ภายใต้การขับเคลื่อนทำงานขององค์กร กวส.พร. ได้แบ่งโครงสร้างย่อยออกเป็นแผนกต่างๆ ได้แก่ แผนกสารสนเทศ แผนกสถิติและประเมิน และแผนกข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้เนื้องานต่างๆ ได้ขับเคลื่อน อย่าง สอดประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับการบริหารจัดการของกรมแพทย์ทหารเรือได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ เพื่อ ก้าวไปสู่ยุคสมัยที่หน่วยงานต่างๆ ของกองทัพเรือทั้งระบบ สามารถสร้างเครือข่ายสารสนเทศด้านสุขภาพที่ โยงใยเชื่อมโยงครอบคลุมไปทั้งกองทัพ ซึ่งนั่นย่อมเป็นหนึ่งกลไกสำคัญที่จะทำให้ภารกิจด้านความมั่นคงของ กองทัพเรือ ได้รับการปฏิบัติจนถึงเป้าประสงค์ได้อย่างสมบูรณ์ ๕. กองเวชกรรมป้องกัน กรมแพทย์ทหารเรือ ยุคสมัยอันเป็นจุดเริ่มต้นของ “งานด้านเวชกรรม”การป้องกันในหน่วยเหล่าทหารเรือนั้น มีข้อสันนิษฐาน ชี้บ่งว่าน่าจะเริ่มก่อรูปขึ้นพร้อมๆ กับการสถาปนาหน่วยแพทย์ทหารเรือ ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งแรก ใน วันที่ ๑ เมษายน ๒๔๓๓ พร้อมๆ กับการก่อตั้งของโรงพยาบาลทหารเรือนั่นเอง จากวันนั้นมาแวดวงองค์ความรู้ของการแพทย์แห่งราชนาวีไทยก็เริ่มขยายขอบเขตแตกสาขาพัฒนา เรื่อยมาตามลำดับ จากการแพทย์ทหารเรือได้รับการยกสถานะขึ้นเป็น กรมแพทย์ทหารเรือ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๖ โดยเฉพาะซีกส่วนที่น่าสนใจของภารกิจงานเวชกรรมป้องกันนั้น ได้มีพัฒนาการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยใน วันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๔๘๘ หรือสองปีถัดจากการสถาปนากรมแพทย์ทหารเรือ ได้มีแผนกต่างๆ กำเนิดย่อย ขึ้นมาอีก ๑๐ แผนกงาน โดยมีบันทึกกล่าวถึง แผนกสุขาภิบาลเป็นหนึ่งในแผนกสำคัญ ซึ่งบุคลากรที่ทำงานอยู่ ในแผนกนี้ ต่างมีหน้าที่หลักในการเยี่ยมตรวจและจัดการด้านสุขาภิบาลตามแหล่งสถานที่ต่างๆ ของเหล่าทหารเรือ ทั้งยังต้องรับผิดชอบในการวางแผนจัดการป้องกันโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นโดยทั่วไปอย่างรัดกุมเหมาะสม


๒๗ เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนผ่านมาถึงปี พ.ศ.๒๔๙๑ ในวันที่ ๑๗ กันยายน ศกนั้น จึงมีการจัดสรรหน่วยขึ้นตรง กรมแพทย์ทหารเรือครั้งใหม่ โดยมีกองๆ หนึ่งถือกำเนิดขึ้นเป็นหน่วยขึ้นตรงมาแทนที่แผนกสุขาภิบาล นั้นคือ กองการสุขาภิบาล ก่อนจะถูกขนานนามใหม่ว่า กองการสาธารณสุข ในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ จากนั้น จึงมีการเปลี่ยนชื่อหน่วยอีกครั้งเป็น กองอนามัย เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๔๙๘ เมื่อถึงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๑๖ นับเป็นห้วงวาระที่เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการบังคับบัญชา ครั้งสำคัญในกรมแพทย์ทหารเรือ นายแพทย์ทหารเรือได้รับการยกตำแหน่งขึ้นเป็น เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ พร้อมกันนั้นมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหน่วยขึ้นตรงขนานใหญ่ โดยกองเวชกรรมป้องกันได้เกิดขึ้นมาครั้งแรก ในวาระนั้นเอง จึงถือเอาวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนากองเวชกรรมป้องกันเรื่อยมา ในยุคสมัยปัจจุบันวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ กรมแพทย์ทหารเรือ จึงมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการ บริหารและสายการบังคับบัญชาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มีการปรับภารกิจของกองเวชกรรมป้องกันให้ร่วมสมัยทันกับ ทุกสถานการณ์ โดยมีการแบ่งส่วนราชการย่อยออกเป็น ๒ แผนกด้วยกัน ได้แก่ แผนกนโยบายและแผน และ แผนกปฏิบัติการ นับจากวันนั้นสู่วันนี้ กองเวชกรรมป้องกัน นับเป็นหนึ่งหน่วยที่มีบทบาท ความสำคัญในการร่วมขับเคลื่อน ภารกิจของกรมแพทย์ทหารเรือ ไปสู่ผลสัมฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความรับผิดชอบในหน้าที่ ต่อการ วางแผน ป้องกัน ประสานงาน และดำเนินการในด้านเฝ้าระวัง และคอยค้นหาปัญหาด้านสุขภาพ และเสนอแนะ แนวทางการแก้ไขด้านปัญหาสุขภาพเหล่าเจ้าหน้าที่ บุคลากรที่เปี่ยมด้วยคุณภาพแห่งกองเวชกรรมป้องกัน ยังมีบทบาทโดดเด่นในด้านการพัฒนา สนับสนุนส่งเสริม และคอยกำกับดูแลหน่วยแพทย์ รวมไปถึงหน่วยงาน อื่นๆ ในกองทัพเรือด้านเวชกรรมป้องกัน จนมีส่วนสร้างสนับสนุนให้ภารกิจหลักในองค์รวมของกองทัพเรือ


๒๘ ๖. กองเวชศาสตร์ใต้น้ำและการบิน กรมแพทย์ทหารเรือ กองเวชศาสตร์ใต้น้ำและการบิน ภายใต้ชื่อย่อว่า กวตบ.พร. คือหนึ่งในหน่วยงานอันเป็นหัวใจหลักที่คอย ขับเคลื่อนบทบาทภารกิจของกรมแพทย์ทหารเรือ ให้มีพัฒนาการในทางวิชาการและผลิตนวัตกรรมองค์ความรู้ ด้านการแพทย์ในมิติใหม่ให้ก้าวไปข้างหน้า และสร้างคุณูปการให้แก่สังคมไทยมาจนถึงวันนี้ หน่วยงาน กวตบ.พร. มีเส้นทางพัฒนาการที่เติบโตอย่างชัดเจน สืบเนื่องมาจากแผนกเวชศาสตร์ใต้น้ำ และการบิน ซึ่งสังกัดอยู่ภายใต้กองวิทยาการ พร. เมื่อครั้งอดีต จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ด้วยความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยีการแพทย์ และเนื้องานความรับผิดชอบที่ขยายกว้างออกไปในหลากหลายสาขา จากแผนกจึง เปลี่ยนสถานะมาเป็นกองเวชศาสตร์ใต้น้ำและการบิน พร. และถัดจากนั้นในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จึงมีการเปลี่ยนแปลง การบังคับบัญชา โดยมีผู้อำนวยการกองในอัตรานาวาเอกพิเศษ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด นับตั้งแต่นั้น โดยมีโครงสร้างหน่วยภายในแบ่งย่อยประกอบไปด้วย แผนกเวชศาสตร์ใต้น้ำ แผนกเวชศาสตร์การบิน และ แผนกปรับอากาศ ภารกิจหลักสำคัญที่อาศัยความรู้ความสามารถด้านการแพทย์เฉพาะทาง เข้ามาประยุกต์ใช้ปฏิบัติงาน ของเหล่าบุคลากรภายในหน่วย กวตบ .พร. นั้น มีขอบเขตงานตั้งแต่การทำงานด้านรวบรวมข้อมูลเวชศาสตร์ ใต้น้ำและการบินในประเทศไทย เพื่อนำมาประกอบการทำงานวิจัยและพัฒนา เป็นหน่วยงานที่กำหนดมาตรฐาน และควบคุมสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานทั้งใต้น้ำและบนอากาศยานต่างๆ อีกด้านหนึ่ง กวตบ.พร.ยังมีบุคลากรสายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทำงานด้านบริการสาธารณสุข ให้การรักษาผู้ป่วยที่เกิดจากกรณีการปฏิบัติการใต้น้ำ บนอากาศยาน และทำการรักษาโรคต่างๆ ทั่วไป ที่ จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ห้องปรับความดันบรรยากาศสูง ด้วยการใช้ออกซิเจนแรงดันสูง ที่เรียกว่า Hyperbaric Oxygen Therapy ในการรักษา ซึ่ง กวตบ.พร.ถือเป็นหน่วยผู้นำที่ถึงพร้อมในด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยี และ เครื่องมือในการรักษาผู้ป่วยด้วยห้องปรับบรรยากาศ ซึ่งเป็นเลิศที่สุดในประเทศไทยและถึงพร้อมตามมาตรฐาน สากล ณ เวลานี้ นับได้ว่าภารกิจการปฏิบัติหน้าที่ของเหล่าบุคลากรสายแพทย์ของกองเวชศาสตร์ใต้น้ำและการบินที่เต็ม ไปด้วยเนื้องานความเข้มข้น และมีการพัฒนาก้าวไปข้างหน้าอย่างเติบโตต่อเนื่องนั้น ถือเป็นจักรฟันเฟืองส่วน สำคัญที่หนุนสร้างให้หน่วยงานกรมแพทย์ทหารเรือก้าวหน้าจนได้รับการยอมรับจากสังคมอย่างกว้างขวาง ทั้งยัง เป็นภารกิจด้านการแพทย์ที่เสริมส่งให้เหล่ากำลังพล ข้าราชการในหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ สามารถปฏิบัติ ภารกิจอย่างเต็มขีดความสามารถ ด้วยความอุ่นใจอีกด้วย.. ๗. กองส่งกำลังสายแพทย์ กรมแพทย์ทหารเรือ กองส่งกำลังสายแพทย์ หรือ กสพ.พร. เป็นอีกหน่วยงานสำคัญหนึ่งที่มีโครงสร้างการบังคับบัญชาขึ้นตรง ต่อกรมแพทย์ทหารเรือ เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหน้าที่หลักในการให้บริการในด้านงานส่งกำลัง โดยมีบุคลากร เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างมีหลักเกณฑ์ เป็นไปตามมาตรฐาน และมีคุณภาพ ด้วยการทำงานที่รวดเร็ว ทันท่วงทีต่อระยะเวลาที่กำหนด กองส่งกำลังสายแพทย์จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการ และมีการพัฒนา ปรับปรุงคุณภาพของหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพมาโดยต่อเนื่อง กองส่งกำลังสายแพทย์ มีพัฒนาการเติบโตมาต่อเนื่องควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงของ กรมแพทย์ทหารเรือ ในแต่ละยุคสมัย โดยย้อนกลับไปในช่วง พ.ศ.๒๔๕๒ ยังมีชื่อหน่วยว่า โอสถศาลา กองแพทย์ทหารเรือ จากนั้นมี การเปลี่ยนแปลงมาเป็นห้องผสมยาและคลังยา เมื่อถึงยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๕๗๕ เป็นต้นมา หน่วยได้รับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งมาเป็น แผนกเภสัชกรรม กองเสนารักษ์ราชนาวี จากนั้นในปี พ .ศ.๒๕๑๖ มาจนถึงยุคปัจจุบัน พ.ศ.๒๕๕๔ จึงเปลี่ยนหน่วยมาเป็นกองเวชบริภัณฑ์ กรมแพทย์ทหารเรือ จนกระทั่ง ได้รับ การยกสถานะหน่วยเป็นกองส่งกำลังสายแพทย์ กรมแพทย์ทหารเรือ ในปัจจุบัน


๒๙ กองส่งกำลังสายแพทย์ ปฏิบัติภารกิจโดยมีการแยกแผนกการทำงานออกเป็น แผนกเภสัชกรรมบริการ แผนกจัดหา แผนกคลัง และแผนกควบคุม ดำเนินการจัดส่ง แจกจ่ายพัสดุสายแพทย์ต่างๆ ยา เครื่องเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ พัสดุสายทันตกรรม รวมไปถึงพัสดุสายเวชกรรมป้องกันตามที่กรมแพทย์ทหารเรือ ได้กำหนด ขึ้น ให้ไปถึงหน่วยงานผู้รับปลายทาง ทั้งหน่วยขึ้นตรงและหน่วยแพทย์ต่างๆ ในสังกัดของกองทัพเรือ อย่าง ทันเวลา ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ เพื่อให้การบริการสุขภาพแก่กำลังพล และการปฏิบัติราชการพิเศษในวาระ ต่างๆ ได้รับการเตรียมความพร้อมอย่างสมบูรณ์ทุกเมื่อ นอกเหนือจากนี้กองส่งกำลังสายแพทย์ยังทำหน้าที่เป็นเสมือนคลังใหญ่ที่ทำหน้าที่จัดเก็บรักษายา เครื่องเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ครุภัณฑ์ และพัสดุสิ้นเปลืองสายต่างๆ อย่างเป็นระบบระเบียบ เป็น มาตรฐาน สะดวกต่อการเบิกจ่ายใช้งาน ด้วยการทำงานที่มีการปรับตัวให้สอดคล้องกับนโยบายหลักของกรมแพทย์ทหารเรือ ซึ่งมีความก้าวหน้า พัฒนาไปตามยุคสมัย กองส่งกำลังสายแพทย์ จึงไม่เคยหยุดนิ่งในการสนับสนุนการพัฒนาบุคลากร ให้มี องค์ความรู้ในการส่งกำลังที่ทันสมัยต่อเนื่อง มีการจัดการความรู้และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือที่ สำคัญ สนับสนุนการฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ รวมไปถึงหน่วยแพทย์ต่างๆ ในสังกัดของกองทัพเรือ ให้เกิด ความรู้ที่ถูกต้องเหมาะสม และสามารถปฏิบัติงานในด้านการส่งกำลังได้อย่างเป็นไปตามมาตรฐาน ๘. ศูนย์วิทยาการ กรมแพทย์ทหารเรือ “ศูนย์วิทยาการ กรมแพทย์ทหารเรือ”เป็นหน่วยงานหลักและเป็นหน่วยขึ้นตรงหนึ่งของกรมแพทย์ ทหารเรือ ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในด้านการพัฒนาบุคลากรสายแพทย์ให้ได้รับการเพิ่มพูนศักยภาพ ทักษะ ในการปฏิบัติงานตามภารกิจหน้าที่สำคัญที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยศูนย์วิทยาการ กรมแพทย์ทหารเรือ มีหน่วยงานสำคัญที่อยู่ภายใต้สายการบังคับบัญชา ประกอบด้วย กองวิทยาการ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ และโรงเรียนนาวิกเวชกิจ ๘.๑ กองวิทยาการ ศูนย์วิทยาการ กรมแพทย์ทหารเรือ (กวก.ศวก.พร.) กองวิทยาการ แห่งศูนย์วิทยาการ กรมแพทย์ทหารเรือ นับเป็นหนึ่งในหัวเรือหลักที่คอยขับเคลื่อน ภารกิจของกรมแพทย์ทหารเรือ ในด้านวางแผน ดำเนินการฝึกอบรม จัดการศึกษาให้แก่เหล่าทหารแพทย์ ให้ เกิดมาตรฐานความรู้ความสามารถนำไปปฏิบัติรับราชการในหน่วยงานต่างๆ ได้ นี่เองจึงเป็นหัวใจแห่งการ ทำงานด้านพัฒนาบุคลากรสายแพทย์ เพื่อให้กองทัพเรือมีกำลังพลที่มีความพร้อมสมบูรณ์ในด้านศักยภาพ และปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ กองวิทยาการ ซึ่งเปรียบดังหน่วยงานคลังข้อมูลความรู้ ถือกำเนิดขึ้นใหม่ภายหลังจากที่มีการ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในของกรมแพทย์ทหารเรือ ตามดำริของกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งโครงสร้างใหม่นี้ประกอบไปด้วย กอง ๘ กอง โรงพยาบาล ๓ แห่ง มีศูนย์ทันตกรรม ๑ ศูนย์ และ ศูนย์วิทยาการ ๑ ศูนย์ โดยหน่วยงานศูนย์วิทยาการมีหน่วยขึ้นตรงทั้งสิ้น ๓ หน่วย ได้แก่ กองวิทยาการ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ และโรงเรียนนาวิกเวชกิจ กองวิทยาการ จึงเป็นหน่วยงานของกรมแพทย์ทหารเรือ ที่ได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการ ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ มีปรัชญาในการทำงาน มุ่งเน้นความสำคัญไปยังบุคลากร ซึ่งเป็นทรัพยากรบุคล ที่มีคุณค่า และขีดความสามารถที่สามารถพัฒนาไปได้อย่างไม่หยุดยั้งในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านวิชาการ บริหาร ด้านการทหาร โดยกองวิทยาการได้เข้าไปมีบทบาทในการพัฒนาศักยภาพในตัวของบุคลากรให้เกิดขีดความ สามารถอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจที่ต้องรับผิดชอบ โครงสร้างแผนกสายงานภายในของกองวิทยาการ มีการแบ่งย่อยอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ แบ่งออกเป็น


๓๐ แผนกธุรการ มีหน้าที่ ด้านงานธุรการ สารบรรณ กำลังพล งบประมาณ และพัสดุครุภัณฑ์ รวมถึงสนับสนุนการจัดพิมพ์เอกสาร คู่มือในด้านการศึกษาในด้านกิจการแพทย์ แผนกบริหารจัดการหลักสูตร ทำหน้าที่วางแผน ดำเนินการด้านหลักสูตรตามแนวทางรับราชการ หลักสูตรสายเทคนิคสายวิทยาการ พร. ก่อนจะวิเคราะห์ประเมินผลให้แก่บุคลากรระดับต่าง ๆ ในกองทัพเรือ ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งได้แก่ การฝึกอบรมให้แก่เหล่าทหารแพทย์ชั้นนายเรือ อบรมด้านอาชีพเพื่อการเลื่อน ฐานะของ พ.จ.อ. พรรค พศ. เหล่า พ. การฝึกอบรมเพื่อเสริมสมรรถนะของบรรดาจ่าใหม่ การเปิดสอน หลักสูตรอบรมด้านเทคนิคเวชศาสตร์ใต้น้ำและความดันบรรยากาศสูง การพยาบาลศัลยกรรมและห้องผ่าตัด ทันตบุคลากร แพทย์เวชศาสตร์ใต้น้ำ รวมไปถึงการปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ในภาวะภัยพิบัติ แผนกห้องสมุด รับผิดชอบดำเนินการด้านการให้บริการห้องสมุดทางการแพทย์ พยาบาล และ สาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บุคลากรเข้ามาค้นคว้าหาความรู้ได้อย่างเหมาะสม แผนกฝึกอบรมปฐมพยาบาลและช่วยชีวิต มีหน้าที่ กำหนดหลักสูตรการปฐมพยาบาลกู้ชีพ การ ช่วยเหลือเชิงยุทธวิธี การกู้ชีพและการช่วยชีวิตทางน้ำแก่กำลังพลกองทัพเรือ ให้มีความเหมาะสม จำเป็น สอดคล้องต่อภารกิจของหน่วยที่ได้รับมอบหมายและยังทำหน้าที่จัดอบรมหลักสูตรต่างๆ ให้แก่หน่วยงานที่ขึ้น ตรงต่อกองทัพเรืออีกด้วย แผนกบริหารจัดการโครงการ มีหน้าที่วางแผน ประสานงาน และดำเนินการเกี่ยวกับโครงการที่ เปิดอบรมของ กองวิทยาการ และประเมินผลการดำเนินงาน แผนกวารสารและการประกันคุณภาพการฝึกอบรม มีหน้าที่ วางแผน ประสานงาน และ ดำเนินงานเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการฝึกอบรมหลักสูตรและโครงการพัฒนาบุคลากรสายแพทย์ให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์และคู่มือการประกันคุณภาพการฝึกอบรมของกองทัพเรือ จัดทำวารสารแพทย์นาวี รวบรวม ทบทวนและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านเวชศาสตร์ทางทะเล ให้บริการโสตทัศนูปกรณ์และงานสารสนเทศ แผนกส่งเสริมการวิจัยและจัดการความรู้มีหน้าที่ ประสานงาน และสนับสนุนการวิจัย ที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ งานวิจัยเพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน สนับสนุนและส่งเสริมการจัดการความรู้ของ พร. การขับเคลื่อนสายงานด้านการพัฒนาบุคลากร กำลังพลสายแพทย์ของกองวิทยาการ กรมแพทย์ ทหารเรือ ที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องนั้น ก็ด้วยความเชื่อมั่นในปรัชญาที่ว่า.. บุคลากรนั้นเป็นทรัพยากรที่มีศักยภาพและมีขีดความสามารถที่พัฒนาได้ในทุกด้าน ทั้งด้าน วิชาการ การบริหาร วิชาชีพ และด้านการทหาร ซึ่งหากการพัฒนาผลักดันนั้นเป็นไปอย่างเหมาะสม ตรงทิศทาง แล้วผลลัพธ์ที่ก่อเกิดย่อมได้แก่ความสำเร็จของเนื้องาน ที่จะส่งผลดีอย่างมหาศาลไปสู่การพัฒนากองทัพเรือ นั่นเอง.. ๘.๒ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ (วพร.) วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ นับเป็นสถาบันการศึกษาในระดับวิทยาลัยที่มุ่งเน้นผลิตพยาบาล วิชาชีพที่ได้มาตรฐาน โดยขึ้นตรงอยู่กับศูนย์วิทยาการ กรมแพทย์ทหารเรือ ภายใต้การเรียนการสอนหลักสูตร พยาบาลศาสตรบัณฑิตหลักสูตรปรับปรุง พ.ศ.๒๕๕๕ เมื่อย้อนอดีตกลับไปในวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๑๑ กองทัพเรือ ได้ริเริ่มจัดตั้งสถาบันการศึกษา แห่งหนึ่งขึ้น โดยมีปณิธานที่จะผลิตเหล่าพยาบาลที่มีขีดความสามารถสำหรับให้บริการทางด้านสุขภาพแก่ ข้าราชการทหารเรือ สมาชิกครอบครัวที่อยู่เบื้องหลัง รวมไปถึงประชาชนทั่วไป โดยบุคลากรพยาบาลสามารถ ปฏิบัติหน้าที่ได้ทั้งในห้วงยามปกติ ในช่วงเวลาฉุกเฉิน และในยามสงคราม โดยเมื่อแรกก่อตั้งนั้นสถาบันนี้มีชื่อ ว่า “โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย” เมื่อสังคมไทยได้ผ่านยุคสมัยมีพัฒนาการด้านองค์ความรู้ในการรักษาพยาบาล ขยายขอบเขต กว้างขวางออกไปมาก สถานศึกษาหลักที่ผลิตเหล่าพยาบาลวิชาชีพของราชนาวีไทยแห่งนี้ จึงได้รับการขาน


๓๑ เปลี่ยนนามมาเป็น “วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ” ในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ และอีก ๔ ปีถัดจากนั้น สถาบันจึงได้รับเกียรติให้ก้าวเข้าเป็นสถาบันสมทบของมหาวิทยาลัยมหิดลนับตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๓๖ เป็นต้นมา และเมื่อเหลียวย้อนกลับไปสู่รากเริ่มต้นที่โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย ได้ถือกำเนิดขึ้น ในสังคมไทยเป็นคราแรก ดังนั้นวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๑๑ จึงถือเป็นวันแห่งการสถาปนา วิทยาลัยพยาบาล กองทัพเรือเฉกเช่นกัน ในแวดวงวิชาสายแพทย์ทหารต่างรับรู้ว่า วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ถือเป็นหนึ่งในองค์กร หรือสถานศึกษา ขุมทรัพย์คลังความรู้ระดับชั้นนำของกองทัพเรือมาโดยตลอด มีความเป็นเลิศไม่เป็นสองรอง สถาบันใดๆ ในการผลิตบัณฑิตพยาบาลที่เปี่ยมด้วยทักษะ ความรู้ความสามารถ และดวงจิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วย คุณธรรม จริยธรรม ในความเข้าใจเพื่อนมนุษย์ เหนือกว่านั้นยังเป็นพยาบาลที่มีสมรรถนะถึงพร้อมในด้านการ พยาบาลเวชศาสตร์ทางทะเลที่โดดเด่น และยังมีคุณลักษณะทางทหารหล่อหลอมติดตัวอย่างชัดเจนอีกด้วย ซึ่งสอดคล้องต้องตรงกับพันธกิจหลักและวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง ที่สถาบันได้ขับเคลื่อนมาโดย ตลอด อันได้แก่ การมุ่งผลิตบัณฑิตพยาบาลที่ดีมีคุณภาพ สร้างสรรค์ผลงานวิจัย ความรู้ทางวิชาการ และ นวัตกรรมด้านพยาบาล ให้เป็นที่ประจักษ์สู่สาธารณะ เพื่อนำผลงานที่ปรากฏมาใช้ให้ก่อเกิดประโยชน์แก่การ เรียนการสอนในอนาคต และเป็นแหล่งตักกะศิลาที่ผลิตป้อนบุคลากรด้านศาสตร์พยาบาล ให้เข้าทำหน้าที่ด้าน บริการ รวมไปถึงอีกภารกิจของวิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ที่มีส่วนสำคัญในการป้อนบริการวิชาการ และเป็น ดังปัญญาขุมความรู้ ให้แก่บุคลากรทางด้านพยาบาล กำลังพลของกองทัพเรือ และประชาชนทั่วไปภายนอก ปรัชญาที่น่าสนใจของวิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ที่ใช้เป็นเข็มทิศในการสอน คือ การพัฒนา บุคคลให้เจริญงอกงามด้านความรอบรู้ด้านวิชาการวิชาชีพ ซึ่งพยาบาลนับเป็นวิชาชีพที่มีความสำคัญและ จำเป็นยิ่งต่อทุกๆ สังคม ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการให้บริการด้านสุขภาพอย่างครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการส่งเสริม สุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และฟื้นฟูสุขภาพให้แก่ผู้ป่วย วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ยังมุ่งเน้น ให้ผู้เข้ารับการศึกษาสามารถใช้ศาสตร์ด้านพยาบาลมาประยุกต์ใช้ในการดูแลบุคคลครอบครัว ชุมชน และ สังคมได้ในแบบองค์รวม และปฏิบัติการพยาบาลต่อทุกกลุ่มผู้ป่วยด้วยความเสมอภาคเท่าเทียม ด้วยความยึดมั่น ในหลักจรรยาบรรณวิชาชีพพยาบาลอันสูงส่งดีงาม คุณค่าทั้งหลายเหล่านี้เองที่เข้มข้นอยู่ภายใต้หลักสูตรการเรียนการสอน ภายในสถาบันวิทยาลัย พยาบาลกองทัพเรือ จึงก้าวไปสู่ความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ชั้นนำแนวหน้าของกองทัพเรือ ในเวลานี้ ๘.๓ โรงเรียนนาวิกเวชกิจ(รร.นวก.) ชื่อของโรงเรียนนาวิกเวชกิจในปัจจุบันนี้ คือ โรงเรียนพยาบาล กรมแพทย์ทหารเรือ ที่มีประวัติ พัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ขณะเดียวกันนั้นก็มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวชิดใกล้อยู่กับ โรงเรียนจ่าพยาบาล อย่างแยกไม่ออก ในวันที่ ๑๐ สิงหาคม ปี ๒๔๕๙ ‘โรงเรียนพยาบาล’ หรือ Naval Nurse Corps School ได้เปิด ดำเนินการก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเป็นสถาบันการศึกษาที่ขึ้นตรงต่อกองการศึกษา กรมแพทย์ทหารเรือ และมีการดูแล ควบคุมมาตรฐานหลักสูตรการศึกษา โดยกรมยุทธศึกษาทหารเรือ จุดมุ่งหมายของ โรงเรียนพยาบาล ในระยะแรกเริ่ม ได้จัดตั้งขึ้นเพื่ออำนวยการฝึกหัดศึกษา ให้แก่ บุคลากรในวิชาชีพพยาบาล โดยผู้เข้าศึกษาในสถาบันนั้นมีฐานะเป็นนักเรียนจ่า พรรคพิเศษ เหล่าทหารแพทย์ พร้อมกันนั้นโรงเรียนพยาบาล ยังรับผิดชอบภารกิจในด้านฝึกอบรมให้แก่ข้าราชการเหล่าแพทย์ทหารในสังกัด ของกองทัพเรือทุกระดับ ให้พร้อมสรรพไปด้วยกำลัง ความรู้ความสามารถ เพื่อใช้ศักยภาพที่ได้รับนำไป ให้บริการด้านสุขภาพแก่กำลังพลทั้งในที่ตั้งปกติ และขณะปฏิบัติการทางทหารรูปแบบต่างๆ รวมถึงครอบครัว และประชาชนทั่วไป


๓๒ โดยโรงเรียนพยาบาลในเวลานั้นมีการเรียนการสอนทั้งสิ้น ๕ วิชาด้วยกัน ใช้ระยะเวลาอบรม ผู้เข้าเรียนนาน ๓ เดือน โดยมีการรับนักเรียนรุ่นที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๔๕๙ จึงนับว่าวันดังกล่าว ถือเป็นวันสถาปนาโรงเรียนพยาบาล กรมแพทย์ทหารเรือเรื่อยมา เมื่อถึงวาระที่ กรมแพทย์ทหารเรือ มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งใหม่ ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ โรงเรียนพยาบาลแห่งนี้ จึงได้รับการเปลี่ยนนามใหม่ให้เหมาะสม มาเป็น “โรงเรียนนาวิกเวชกิจ ศูนย์วิทยาการ กรมแพทย์ทหารเรือ” (Naval Operational Medicine School) และใช้หลักสูตรการเรียน การสอนที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ คือ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงเวชกิจฉุกเฉิน ฉบับปรับปรุง ๒๕๕๓ และเมื่อถึงปี ๒๕๕๘ โรงเรียนนาวิกเวชกิจ ได้ดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีความ เป็นมาตรฐานยกระดับให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น และมีชื่อหลักสูตรใหม่ว่า “หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ (พ.ศ.๒๕๕๘)” ณ ปัจจุบันนี้ โรงเรียนนาวิกเวชกิจ ถือเป็นสถาบันการศึกษาด้านพยาบาลชั้นนำของกองทัพเรือ ที่ มุ่งผลิตกำลังพลสายแพทย์ในระดับชั้นประทวน ซึ่งเป็นบุคลากรเฉพาะในด้านเวชกิจฉุกเฉินเพื่อให้มีปริมาณที่ พอเพียงและมีคุณภาพที่บ่มเพาะอยู่ในตัว ต้องตรงมาตรฐานวิชาชีพที่ได้รับมอบหมาย นักเรียนที่สำเร็จ การศึกษามาแล้วรุ่นแล้วรุ่นเล่าต่างมีความรู้ศักยภาพพร้อมสรรพ จนสามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ทางสายแพทย์ ให้บริการตอบสนองภารกิจของกองทัพเรือและกรมแพทย์ทหารเรือได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๙. กองการเงิน กรมแพทย์ทหารเรือ กองการเงิน กรมแพทย์ทหารเรือ (กกง.พร.) เป็นหนึ่งในหน่วยขึ้นตรงของกรมแพทย์ทหารเรือ มีหน้าที่ หลักในการดำเนินการด้านการเงิน งานบัญชี รับผิดชอบการรายงานทางการเงิน รวมไปถึงดำเนินการเกี่ยวกับ เงินรายรับของสถานพยาบาลแห่งต่างๆ ที่อยู่ในสังกัดของกองทัพเรือทั่วประเทศ กกง.พร. มีการแบ่งโครงสร้างการทำงานภายใน เพื่อให้เกิดการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วย แผนกบัญชี ทำหน้าที่ ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีการเงิน การรายงานทางการเงิน ตลอดจน การจัดเก็บเอกสารทางการเงินต่างๆ ให้เกิดความเรียบร้อย เป็นระบบ แผนกควบคุมการเบิกจ่าย เป็นแผนกที่ปฏิบัติงานในด้านควบคุม ดำเนินการเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงิน ทำหน้าที่ในการตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของเอกสารและหลักฐานการเบิกจ่ายต่างๆ แผนกรับจ่ายเงิน ทำหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการรับจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงิน แผนกเงินรายได้ มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดเก็บเงินรายได้ของกรมแพทย์ทหารเรือ ๑๐. กองสนับสนุน กรมแพทย์ทหารเรือ กองสนับสนุน กรมแพทย์ทหารเรือ มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านการปฏิบัติงานช่าง และรับผิดชอบในสาย งานบริการเพื่อสนับสนุนภารกิจหลักต่างๆ ของกรมแพทย์ทหารเรือ เนื้องานหลักในภาพรวมที่กองสนับสนุนรับผิดชอบนั้น ครอบคลุมไปที่การให้บริการงานด้านวิศวกรรม สนับสนุนกรมแพทย์ทหารเรือ ให้การสนับสนุนข้อมูลสำคัญในด้านวิศวกรรม เพื่อให้ระบบงานต่างๆ ขับเคลื่อน ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ คอยอำนวยความพร้อม ตระเตรียมในด้านเครื่องมือ สิ่งอำนวยความสะดวก และ ระบบสนับสนุนต่างๆ ให้การปฏิบัติงานของกรมแพทย์ทหารเรือ เป็นไปโดยราบรื่น โดยกองสนับสนุน พร. ประกอบด้วยแผนกหน่วยภายในต่างๆ ได้แก่ แผนกวิศวกรรมโรงพยาบาล ดำเนินการด้านการก่อสร้าง งานระบบโยธา บำบัดน้ำเสีย การกำจัดขยะ และซ่อมบำรุงอาคาร ของ สถานพยาบาลต่าง ๆ ในสังกัดกองทัพเรือ


๓๓ แผนกซ่อมบำรุงสิ่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ ดำเนินการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ให้กับ สถานพยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพเรือ แผนกขนส่ง ดำเนินการด้านบริการยานพาหนะ ตรวจสอบและซ่อมบำรุงยานพาหนะทางบกที่อยู่ใน ความรับผิดชอบ หมวดบริการ มีหน้าที่ ประกอบอาหาร และให้บริการด้านจัดเลี้ยงรูปแบบต่างๆ ในการจัดงานสัมมนา หรือการอบรมหลักสูตรต่างๆ ของกรมแพทย์ทหารเรือ นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานที่ไม่ขึ้นตรงต่อกรมแพทย์ทหารเรือ แต่กรมแพทย์ทหารเรือควบคุมงานด้าน เทคนิคและการบรรจุเจ้าหน้าที่หมุนเวียน ซึ่งเป็นหน่วยแพทย์ปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำ จำนวน ๑๑ หน่วย มีดังนี้ ๑. โรงพยาบาลฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ ๒ ๒. โรงพยาบาลฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ ๓ ๓. โรงพยาบาลโรงเรียนนายเรือ ๔. กองพันพยาบาล กรมสนับสนุน กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ๕. กองพันพยาบาล กรมสนับสนุน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ๖. โรงพยาบาลป้อมพระจุลจอมเกล้า ฐานทัพเรือกรุงเทพ ๗. แผนกแพทย์ สถานีการบิน กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ ๘. แผนกแพทย์ โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ๙. แผนกแพทย์ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ๑๐. กองร้อยพยาบาล กองสนับสนุนการช่วยรบ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ๑๑. หมวดพยาบาล กองสนับสนุน หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้


๓๔ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ สังกัดกรมแพทย์ทหารเรือ กองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม ตั้งอยู่ที่ ๕๐๔ ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ปัจจุบันโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า พร. เป็นโรงพยาบาลขนาด ๗๕๐ เตียง ปัจจุบันเปิดดำเนินการรับผู้ป่วยในได้๔๓๑ เตียง วิสัยทัศน์ สถาบันทางการแพทย์ของกองทัพเรือ ที่มีคุณภาพระดับประเทศและเป็นเลิศทางด้านบริหารจัดการ พันธกิจเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ ๑. ให้บริการและพัฒนากระบวนงานบริการทางการแพทย์ระดับตติยภูมิที่มีคุณภาพระดับประเทศ แก่กำลังพลกองทัพเรือ ครอบครัวและประชาชน ๒. จัดการฝึกศึกษาและวิจัยทางการแพทย์เพื่อมุ่งสร้างนวัตกรรมเพื่อพัฒนางานบริการและวิชาการ ทางการแพทย์ ๓. สนับสนุนภารกิจของกองทัพเรือ ประเด็นยุทธศาสตร์ ๑. พัฒนาความเป็นเลิศด้านการบริการสู่มาตรฐานสากล ๒. พัฒนาความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการ ๓. พัฒนาองค์กรสู่สถาบันทางการแพทย์และการวิจัย


๓๕ ๔. พัฒนาความเป็นเลิศด้านบุคลากร ค่านิยม (values) : นโยบาย ผอ.รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า พร. ประจำปี งบประมาณ ๒๕๖๕


๓๖ ขอบเขตการให้บริการ • อายุรเวชกรรม : อายุรกรรมทั่วไป โรคระบบประสาทวิทยา โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคไต การฟอกไต โรคระบบทางเดินอาหาร โรคผิวหนังและกามโรค โรคข้อและรูมาติซั่ม โรคต่อมไร้ท่อ และเมตาบอลิสม โรคติดเชื้อและเวชศาสตร์เขตร้อน คลินิกให้คำปรึกษา โรคเลือด โรคมะเร็ง • ศัลยกรรม :ศัลยกรรมทั่วไป ศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ ศัลยกรรมประสาท ศัลยกรรมประสาท สมองและกระดูกสันหลัง ศัลยกรรมหลอดเลือด ศัลยกรรมหัวใจและหลอดเลือด ศัลยกรรมศีรษะ ลำคอและเต้านม ศัลยกรรมระบบทางเดินอาหาร ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก การดูแลผู้ป่วยที่มีทวารเทียม ศัลยกรรมผ่าตัดแผลเล็ก ศัลยกรรมตับ ทางเดินน้ำดีและตับอ่อน ศัลยกรรมตกแต่ง ศัลยกรรมเด็ก • สูตินรีเวชกรรม : สูตินรีเวชกรรมทั่วไป คลินิกบุรุษสตรีวัยทอง การให้คำปรึกษาเพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนสมรส/ก่อนมีบุตร คลินิกเวชศาสตร์มารดาและทารก คลินิกผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช โรคมะเร็ง นรีเวชวิทยา • กุมารเวชกรรม :กุมารเวชกรรมทั่วไป การดูแลทารกแรกเกิดและทารกคลอดก่อนกำหนด (Newborn) ทารกแรกเกิดความเสี่ยงสูง คลินิกเฉพาะทางเด็ก ได้แก่คลินิกโรคเลือดในเด็ก คลินิกโรคระบบทางเดิน หายใจ คลินิกโรคภูมิแพ้ คลินิกโรคระบบต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิสม คลินิกโรคไต คลินิกโรคหัวใจ คลินิกโรคติดเชื้อ คลินิกส่งเสริมพัฒนาการ คลินิกจิตเวชเด็กและวัยรุ่น คลินิกเด็กสุขภาพดี (Well baby clinic) • จักษุกรรม : จักษุกรรมทั่วไป ต้อหิน กระจกตาและการแก้ไขสายตาผิดปกติ ภูมิคุ้มกันและการอักเสบของ ลูกตา เบ้าตาและศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้างทางตา จอตาและจุดภาพชัด (R-MaC : Retina and Macular Center)


๓๗ • โสต ศอ นาสิกกรรม : โสต ศอ นาสิกกรรมทั่วไป การรักษาโรคจมูกภูมิแพ้ การตรวจการได้ยินและ บริการเครื่องช่วยฟัง การตรวจคัดกรองการได้ยินในทารกแรกเกิด การตรวจการได้ยินการตรวจการได้ ยินระดับก้านสมอง การตรวจภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะนอนหลับ ศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้าง ใบหน้า • ศัลยกรรมกระดูก : ศัลยกรรมกระดูกทั่วไป โรคของกระดูกสันหลัง ศัลยกรรมการเปลี่ยนข้อเข่าเทียมและ ข้อสะโพกเทียม อุบัติเหตุทางกระดูกและข้อ จุลศัลยกรรมทางมือและเส้นประสาท โรคของบาดเจ็บจาก การกีฬา • ทันตกรรม : ทันตกรรมทั่วไป ทันตกรรมเด็ก ทันตกรรมรักษารากฟัน ทันตกรรมหัตถการ ทันตกรรม ประดิษฐ์ โรคปริทันต์และศัลย์ปริทันต์ ศัลยกรรมช่องปากและแมกซิลโลเฟเชียล รับการส่งต่อผู้ป่วยที่ มีปัญหาด้านทันตกรรมและมีประวัติเคยได้รับรังสีรักษาบริเวณศีรษะและลำคอ รวมถึงผู้ป่วยที่มีภาวะ กระดูกตายจากการฉายรังสีจากทั่วประเทศเพื่อดูแลรักษาร่วมกับศูนย์เวชศาสตร์ความดันบรรยากาศสูง • เวชศาสตร์ความดันบรรยากาศสูง : การรักษาผู้ป่วยด้วยออกซิเจนความดันบรรยากาศสูง โดยรับการส่ง ต่อผู้ป่วยทั่วประเทศ • เวชศาสตร์ฟื้นฟู: การตรวจวินิจฉัยเวชศาสตร์ฟื้นฟูตรวจวินิจฉัยไฟฟ้าและกล้ามเนื้อ (EMG) การแก้ไข การพูด กิจกรรมบำบัด กายภาพบำบัดฝังเข็ม • การแพทย์ทางเลือก-การแพทย์ผสมผสาน : แพทย์แผนไทย ฝังเข็ม • โรคจิตเวช • รังสีวิทยา : การตรวจเอกซเรย์ทั่วไป การตรวจพิเศษทางรังสีวิทยา ได้แก่ CT, MRI, Ultrasound, การ ตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density), Fluoroscope, IVP และรังสีร่วมรักษา (Intervention Radiography) • พยาธิวิทยา : การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ชิ้นเนื้อ และบริการโลหิต รวมทั้งสารประกอบของโลหิต • นิติเวช : ตรวจผู้ป่วยคดีออกรายงานชันสูตรบาดแผล การขอความเห็นเกี่ยวกับความสามารถของผู้ป่วย เพื่อร้องขอต่อศาลให้ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ (นิติกรรม) การรับ หมายเรียกพยานบุคคลและการเป็นพยานบุคคล การรับ-เก็บ และส่งต่อวัตถุพยาน การรับศพ-จ่ายศพ การ รับส่งชิ้นเนื้อทำลาย การบริการสถานที่และเจ้าห น้าที่ช่วยผ่าศพทางพยาธิวิทยา บริการสถานที่เจ้าหน้าที่ ช่วยพิธีรดน้ำศพ ความเชี่ยวชาญพิเศษขององค์กร คือ ๑. ศูนย์เวชศาสตร์ความดันบรรยากาศสูง การบำบัดด้วยออกซิเจนแรงดันสูง หรือ Hyperbaric Oxygen Therapy (HBOT) เป็นกรรมวิธีการบำบัดทางการแพทย์ชนิดหนึ่ง ด้วยการให้ผู้ป่วยหายใจด้วย ออกซิเจนบริสุทธิ์ภายใต้ความดันบรรยากาศที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล ซึ่งกระทำได้โดยใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่เรียกว่า ห้องปรับแรงดันบรรยากาศสูง (Hyperbaric Chamber) ในการเพิ่มแรงดันอากาศเข้าไปในห้อง ดังกล่าวให้สูงขึ้น ซึ่งใช้ในการรักษาโรคจากการปฏิบัติการใต้น้ำ ปัจจุบันการบำบัดนี้สามารถใช้เป็นการรักษาเสริมในโรคได้หลากหลายภาวะตามการรับรองของ สมาคมแพทย์เวชศาสตร์ความดันบรรยากาศสูงของอเมริกา Undersea and Hyperbaric Medical Society (UHMS) เช่น ผู้ป่วยแผลเรื้อรังจากโรคเบาหวาน แผลเนื้อกระดูกกรามตาย และเนื้อเยื่ออ่อนที่ได้รับการ บาดเจ็บจากผลของรังสีรักษาในผู้ป่วยมะเร็ง แผลไหม้พิษจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์การติดเชื้อของเนื้อเยื่อ อ่อนรุนแรงจากแบคทีเรียกินเนื้อ กล้ามเนื้อเน่าตายจากเชื้อบางประเภท ฝีในสมอง การติดเชื้อเรื้อรังของ


๓๘ กระดูกบางกรณีการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อจากการบดขยี้และการขาดเลือดของระยางค์จากผลของการบาดเจ็บ เป็นต้น และในระยะหลังได้เริ่มนำมาใช้ในการรักษาภาวะอุดตันของหลอดเลือดแดงกลางเรตินาของตา ภาวะ ประสาทหูดับเฉียบพลันไม่ทราบสาเหตุนอกจากนี้ยังมีการศึกษาเพิ่มเติมในการบำบัดกลุ่มเด็กออทิสติก ผู้ป่วย บาดเจ็บที่ศีรษะรุนแรง ผู้ป่วยที่ถูกกัดด้วยงูพิษต่อระบบโลหิตและการบำบัดเพื่อบรรเทาการบาดเจ็บของ กล้ามเนื้อจากการเล่นกีฬา โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ได้มีการติดตั้งห้องปรับแรงดันบรรยากาศสูงที่มีความทันสมัยแบบ สามห้อง มีขนาดใหญ่ที่สามารถให้การรักษาผู้ป่วยได้คราวละ ๓๐ คน อีกทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายกับ ผู้ป่วยในขณะรับการรักษา และที่สำคัญคือได้มีการเตรียมความพร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จะสามารถ รองรับผู้ป่วยอาการหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การดูแลของแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญเทียบเท่า การดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤติทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยอย่างสูงสุด จากการพัฒนาดังกล่าว รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้าได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปีพ.ศ. ๒๕๖๐ สาขาบริการ ภาครัฐ ประเภทนวัตกรรมการบริการ“ระดับดี”โดยมอบให้แก่ศูนย์เวชศาสตร์ความดันบรรยากาศสูง รพ.ฯ จาก ผลงาน “Fast for Life – HBOT ทางด่วนแห่งชีวิต”จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ๒. ศูนย์หัวใจและห้องปฏิบัติการสวนหัวใจผ่านทางข้อมือ (Transradial Catheterization Center) เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓ สามารถทำการฉีดสีทำบอลลูน ใส่ขดลวดขยาย หลอดเลือดหัวใจ (Percutaneous Coronary Intervention;PCI) ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ ทำการผ่าตัด ศัลยกรรมหัวใจและทรวงอกเพื่อทำการรักษาแก่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการทำบอลลูน ขยายหลอด เลือดหัวใจด้วยการผ่าตัดเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Bypass Graft Surgery; CABG) การสวน หัวใจเร่งด่วนในผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดแบบเฉียบพลันชนิด STEMI แบบผ่านทางข้อมือ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง นอกจากนี้รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า วางแผนพัฒนาให้เป็นศูนย์หัวใจครบวงจรแบบ One Stop Service ที่ บริเวณ ชั้น ๔ ของอาคารพิเคราะห์และบำบัดโรค โดยจุดเด่นคือ มีห้องพักสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการสวนหัวใจ ผ่านทางข้อมือ (Radial Lounge) เป็นการบริการแบบ Same Day Discharge เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความสุข สบายลดภาระค่าใช้จ่ายในการนอนโรงพยาบาล ระยะเวลารอคอยการทำหัตถการสวนหัวใจสั้นลงเหลือเพียง ๑๔ วัน ในปี ๒๕๕๙ ศูนย์หัวใจ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ได้รับรางวัลบริการภาครัฐแห่งชาติ สาขาการ พัฒนาการบริการที่เป็นเลิศ “ระดับดี”ในหัวข้อ คำตอบของหัวใจ “ชีวิตปลอดภัย สวนหัวใจผ่านข้อมือ”จาก สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ปัจจุบันห้องปฏิบัติการสวนหัวใจ ศูนย์หัวใจ รพ.สมเด็จพระ ปิ่นเกล้า เพิ่มขีดสมรรถนะการตรวจรักษาโรคหัวใจ โดยมีแพทย์เฉพาะทางด้านสรีระไฟฟ้าหัวใจ สามารถ ให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยที่มีความผิดปกติด้านทางเดินไฟฟ้าภายในหัวใจ เช่น ผู้ป่วยกลุ่มหัวใจเต้นช้าผิดปกติ จนต้องใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ ผู้ป่วยกลุ่ม Supraventricular tachycardia (SVT) ซึ่งผู้ป่วยมีอาการใจสั่น หน้า มืดเป็นลมได้ การตรวจรักษาต้องทำโดยการหาจุดผิดปกติในหัวใจ และทำการจี้ด้วยความร้อน เพื่อทำลาย Cell ที่ผิดปกติไม่ทำงาน จนทำให้หัวใจกลับมาเต้นปกติได้ และในปี ๒๕๖๑ จะเปิดหอผู้ป่วยวิกฤติโรคหัวใจ Coronary Intensive Care Unit (CICU) สำหรับการผ่าตัดหัวใจ มีการขยายศักยภาพการผ่าตัดหัวใจ โดยประสานกับสาขาวิชาศัลยศาสตร์ หัวใจและหลอดเลือด รพ.ศิริราช เพื่อร่วมมือกันพัฒนาการผ่าตัดหัวใจและทรวงอก ในการดูแลผู้ป่วยของทั้ง สองแห่งให้มีการเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ โดยมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผู้ป่วยผ่าตัดหัวใจของโรงพยาบาลทั้งสอง ร่วมกัน (Case Conference) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโรงพยาบาลทั้งสองแห่งให้ดีมากยิ่งขึ้นโดยในเริ่มปี ๒๕๕๙ และขยายผลการบริการให้กับผู้ป่วยของโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์จากการพัฒนาดังกล่าว รพ. สมเด็จ-พระปิ่นเกล้า ได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปีพ.ศ. ๒๕๖๐ สาขาบริการภาครัฐ ประเภทนวัตกรรมการ


๓๙ บริการ “ระดับดีเด่น”โดยมอบให้แก่หน่วยศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก รพ.ฯ จากผลงาน “โครงการบริการ ร่วมรักษาการผ่าตัดหัวใจของทีมผ่าตัดหัวใจ โรงสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ กับโรงพยาบาลศิริ ราช และโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์”ซึ่งเป็นรางวัลเกี่ยวกับการยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพการ ให้บริการของภาครัฐ จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ๓. ศูนย์จักษุกรรม เป็นหน่วยตติยภูมิชั้นสูงให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาด้วยเครื่องมือพิเศษที่ ทันสมัยโดยจักษุแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งประกอบด้วยศูนย์จอตาและจุดภาพชัด R-MaC (Retina and Macular Center) ศูนย์ ต้อ หิน (Glaucoma Center) ศูนย์ รัก ษ าส าย ตาศรีศิริ(Srisiri Refractive Surgery Center) และงานด้านศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้างทางตาและโพรงเบ้าตา (Oculoplastic Surgery) เปิดให้บริการที่ ชั้น ๒ อาคารพิเคราะห์และบำบัดโรค ศูนย์รักษาสายตาศรีศิริให้บริการรักษาผู้ที่มี สายตาผิดปกติ(สายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง) ครบวงจรด้วยการทำLASIK ซึ่งมีหลายวิธีดังนี้ReLEx SMILE (Refractive Lenticule Extraction, Small Incision Lenticule Extradition), FemtoLASIK (Bladeless LASIK), PRK (Photorefractive Keratectomy) , การรักษาเลสิกแบบใช้ใบมีด Microkeratome และการผ่าตัดใส่เลนส์เสริม (ICL) ปัจจุบันศูนย์รักษาสายตาศรีศิริได้นำเครื่อง Femtosecond Laser รุ่น VisuMax และเครื่องExcimer Laser รุ่น MEL ๙๐ ของ Carl Zeiss ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ดีและทันสมัยที่สุดมา ใช้ในการผ่าตัดแก้ไขภาวะสายตาผิดปกติเครื่อง Femtosecond Laser รุ่น VisuMax ใช้พลังงานในระดับต่ำ (<๐.๒ microjoules) และความถี่ในการยิงเลเซอร์สูง (๕๐๐ Hertz) ในการแยกชั้นกระจกตา มีลักษณะ อ่อนโยนขณะสัมผัสกับกระจกตา ไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง รู้สึกสบายตาในระหว่างการผ่าตัด ตาไม่ แดงช้ำหลังผ่าตัด พักฟื้นสั้นกระจกตาสมานตัวเร็ว และ Excimer Laser รุ่น MEL ๙๐ เป็นเลเซอร์ที่มีความยาว คลื่นสั้นระดับ ultraviolet (193nm) เป็นเลเซอร์แบบเย็น ขัดกระจกตาโดยการสลายแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง โมเลกุลของกระจกตาเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาถึงระดับให้ความมั่นใจว่าให้ผลการรักษาได้เป็นอย่างดีและมี ความถี่ในการยิงเลเซอร์๒ ความถี่คือ ๒๕๐ Hz และ ๕๐๐ Hz เลือกตามความเหมาะสมของวิธีผ่าตัดด้วย ความถี่ที่สูงทำให้ใช้ระยะเวลาในการทาผ่าตัดน้อย (เพียง 13 วินาทีต่อการรักษาสายตาสั้น 100 หรือ 1 diopter) มีระบบติดตามการเคลื่อนไหวของตาขณะทาการยิงเลเซอร์(eye tracker system) ได้อย่างแม่นยำ ศูนย์จักษุกรรมวางแผนพัฒนาศักยภาพของศูนย์ให้มีประสิทธิภาพด้านการรักษาบริการที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยวางแผนทำโครงการคลินิกสายตาเลือนราง โครงการวิจัยร่วมกับเวชศาสตร์แรงดันบรรยากาศสูงในกลุ่มโรค เส้นเลือดแดงจอตาอุดตัน (Central retinal artery occlusion) และพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยเส้นเลือดจอตา อุดตัน แบบไร้รอยต่อ


๔๐


Click to View FlipBook Version