The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อิราวดี รามจันทร์, 2023-01-19 03:02:19

ผลงาน CQI รพ.วชิระภูเก็ต มหกรรมคุณภาพ 1.2566 เล่ม 1

1. ผลงาน CQI เล่ม 1 มหกรรม 1.2566

94 การทางปฏิบัติ ปฏิบัติ 1.อธิบายมารดาและญาติห้ามลุกก่อนเวลาครบลุก 4-6 ชั่วโมง 2.แขวนป้ายครบลุกบริเวณเสาน้ าเกลือ 3.ยกราวกั้นเตียง 4.ติดตามประเมินการถ่ายปัสสาวะภายใน 6-8 ชั่วโมง (น าใช้ในมารดาคลอดทางช่องคลอด ติดไว้บริเวณ หน้าชาร์จประเมินทันทีหลังผู้ป่วยลงเตียง) 9. บทเรียนที่ได้รับ : มารดาคลอดทางช่องคลอดทุกรายได้รับการดูแลโดยปฏิบัติตามแนวทางการป้องกัน มารดาเป็นลมหลังคลอด ไม่เกิดอุบัติเหตุเป็นลมหลังคลอดเท่ากับ 0 ราย 10. ปัญหา : 1. มารดาและญาติขาดความตระหนักเรื่องการเป็นลม 2. ด้านการสื่อสาร มารดาหลังคลอดเป็นชาวต่างชาติ/ต่างด้าว 3. ผู้ป่วยบางรายไม่มีญาติเฝ้าใน 4- ชั่วโมงแรก 11. โอกาสพัฒนา : ควรมีการระบุเวลา ครบลุกใน ป้ายเตือนปลายเตียง เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติ ทราบ 12. สมาชิกทีม : สมาชิกในหน่วยงานหลังคลอด 13. การติดต่อกับทีมงาน : หอผู้ป่วยสูติกรรมหลังคลอด โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โทร.1810,1811


95 Tack Team Complete Chart 2. ชื่อเจ้าของผลงาน/หน่วยงาน : หอผู้ป่วยรัตนโกสินทร์ 200 ปี 3. ค าส าคัญ เวชระเบียน หมายถึง การรวบรวมข้อเขียนหรือบันทึกที่เกี่ยวกับการเจ็บป่วย เป็นข้อมูลที่บันทึก เกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยที่โรงพยาบาล คลินิค หรือสถานีอนามัย เวชระเบียนนั้นเป็นบันทึกขบวนการทุกอย่า งงที่จัดกระท ากับผู้ป่วยซึ่งข้อมูลนั้น ๆ ควรจะต้องประกอบด้วยประวัติการเจ็บป่วยในอดีตรวมทั้งความ คิดเห็น การค้นหา สืบสวนผลทางห้องปฏิบัติการและข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพของผู้ป่วย เวชระเบียน เป็นเอกสารที่อาจมีหลายขนาดหลายรูปแบบ และหลายข้อมูล โดยการบันทึกของหลายบุคคล 4. สรุปผลงานโดยย่อ 1. ความสมบูรณ์ของเวชระเบียน › 95 % ปี จากการเปรียบเทียบข้อมูลพบว่า มี 5 หัวข้อที่ยังไม่สมบูรณ์ 1.1 บันทึกการให้ยา 1.2 บันทึกการพยาบาลแรกรับ 1.3 บันทึกทางการพยาบาลต่อเนื่อง 1.4 แบบประเมินภาวะสุขภาพ 20 A 1.5 การบันทึกการพยาบาลก่อนการจ าหน่าย แต่หลังจากการน าใช้ CQI Tack Team Complete Chart ท าให้ความสมบูรณ์ ทั้ง 5 หัวข้อเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งสามารถค้นหาสาเหตุที่ท าให้เวชระเบียนไม่สมบูรณ์ 2. มีกระบวนการจัดเก็บข้อมูล Audit chart อย่างเป็นระบบ ครบ 100% สามารถน าข้อมูล มาวิเคราะห์ น าเสนอข้อมูลเพื่อวางแผนการพัฒนา 3. สมาชิกทีมมีความเข้าใจในระบบ Audit chart 5. ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ ผลการรายงานสถิติความไมสมบูรณของเวชระเบียนจากการ Audit Chart ในแต่ละปีของหอผู้ป่วย รัตนโกสินทร์ 200 ปี ที่ผ่านมาพบปัญหาเรื่องการบันทึกเวชระเบียน สมาชิกเข้าใจการตรวจสอบเวชระเบียน ไม่ตรงกัน ขาดการสื่อสารผลการประเมินทุกเดือน เก็บข้อมูลที่ได้ยังไม่เป็นระบบ แบบประเมินที่ใช้รวบรวม ในปัจจุบันเก็บ เฉพาะบันทึกทางการพยาบาลยังไม่เห็นภาพรวมของเวชระเบียนทั้งหมด ทางหน่วยงานตระหนักถึงความส าคัญของความสมบูรณ์ของเวชระเบียน จึงน าขอมูล และปัญหาที่พบ มาทบทวนวิเคราะห์หาสาเหตุ และ แนวทางแกไข เพื่อพัฒนาระบบการ Audit Chart ให้เป็นรูปแบบ สามารถน ามาใช้ในหน่วยงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันพร้อมทั้งสร้างความตระหนักถึงความส าคัญของเวชระเบียน ซึ่งเวชระเบียนมีผลและส าคัญทางด้านกฎหมาย 6. เป้าหมาย 1. มีแบบบันทึกที่สามารถประเมินภาพรวมของเวชระเบียน (เอกสารแนบ) 2. สมาชิกในทีมเข้าใจในระบบการ Audit Chart 3. ความสมบูรณ์ของเวชระเบียน ≥ 95 % 7. กิจกรรมการพัฒนา 1.จัดประชุมทีมงาน เพื่อวิเคราะห์ปัญหาความไม่สมบูรณ์ของเวชระเบียน ของหอผู้ป่วย รส. 200 ปี 2. จัดประชุมวิชาการให้ความรู้ในหน่วยงาน โดยมีแกนน า HA ให้ความรู้และสร้างความเข้าใจ เรื่องการใช้เครื่องมือในการ Audit Chart 3. น าข้อมูลที่เป็นปัญหามาเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์ หาสาเหตุแนวทางการแก้ไขโดยใช้แผนภูมิก้างปลา 4. สร้างแบบฟอร์มการเก็บข้อมูลความสมบูรณ์ของเวชระเบียน เพื่อวางแผนพัฒนาให้เวชระเบียน มีความสมบูรณ์เพิ่มยิ่งขึ้น


96 5.จัดตาราง Audit Chart หมุนเวียนพยาบาลทุกคนในหน่วยงาน ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการ Audit Chart ในแต่ล่ะเดือน โดยมีแกน HA เป็นพี่เลี้ยง โดยน าข้อมูลที่ได้น าเสนอภายในหน่วยงานทุกวันที่ 25 ของเดือน 6. นิเทศความสมบูรณของเอกสารเวชระเบียนโดยหัวหนางาน แกน HA / QA โดยใช้แบบประเมิน Audit Chartของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และแบบฟอร์มการเก็บข้อมูลความสมบูรณ์ของเวชระเบียนของหอ ผู้ป่วย รส. 200 ปี 8. การประเมินผลการด าเนินงาน รูป 1 กราฟแสดงผลความไม่สมบูรณ์ของเวชระเบียน พ.ศ.2564 บันทึกการให้ยา การพยาบาล แรกรับ การพยาบาล ต่อเนื่อง Form 20 A การเรียง chart จ าหน่าย ต.ค. 100 100 99.65 99.2 100 พ.ย. 96.5 100 98.55 99.08 100 ธ.ค. 95.64 96.22 98.24 100 100 ม.ค. 99.03 100 99.72 100 100 ก.พ. 100 98.25 97.55 98.25 98.75 บันทึกการให้ยา การพยาบาล แรกรับ การพยาบาล ต่อเนื่อง Form 20 A การเรียง chart จ าหน่าย มี.ค. 100 99.32 96.5 98.55 98.6 เม.ย. 92.5 89.54 88.55 94.53 100 พ.ค. 98.75 90.25 84.56 96.25 100 มิ.ย. 92.5 95.26 98.25 98.45 99.78 ก.ค. 96.25 95.45 92.56 89.23 100 ส.ค.64 98.75 98.79 93.21 97.27 100 ก.ย.64 90.54 93.25 98.56 98.23 99.21 90.54 89.54 84.56 89.23 98.6 75 80 85 90 95 100 105 ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. บันทึกการให้ยา การพยาบาลแรกรับ การพยาบาลต่อเนื่อง Form 20 A การเรียง chart จ าหน่าย


97 2. กราฟแสดงผลความไม่สมบูรณ์ของเวชระเบียน ปี 2565 บันทึกการให้ยา การพยาบาล แรกรับ การพยาบาล ต่อเนื่อง Form 20 A การเรียง chart จ าหน่าย ต.ค. 100 100 99.65 99.2 100 พ.ย. 96 100 98.55 99.08 100 ธ.ค. 95.64 96.22 98.24 100 100 ม.ค. 99.03 100 99.72 100 100 ก.พ. 100 99.27 97.55 98.25 98.75 มี.ค. 98.72 99.32 96 98.55 98.6 เม.ย. 95.84 95.26 97.55 100 100 พ.ค. 98.72 96.22 98.79 100 100 มิ.ย. 98.75 98.79 95.55 100 100 ก.ค. 99.03 98.79 98.56 100 100 95.64 95.26 95.55 98.25 98.6 92 93 94 95 96 97 98 99 100 101 ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. บันทึกการให้ยา การพยาบาล แรกรับ การพยาบาลต่อเนื่อง Form 20 A การเรียง chart จ าหน่าย ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. 2564 100 96.5 95.64 99.03 100 100 92.5 98.75 92.5 96.25 98.75 90.54 2565 100 96 95.64 99.03 100 98.72 95.84 98.72 98.75 99.03 92.5 95.64 84 86 88 90 92 94 96 98 100 102 เปอร์เซ็นต์ กราฟแสดงผลการ Audit บันทึกการให้ยา


98 ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. 2564 99.65 98.55 98.24 99.72 97.55 96.5 88.55 84.56 98.25 92.56 93.21 98.56 2565 99.65 98.55 98.24 99.72 97.55 96 97.55 98.79 95.55 98.56 84.56 95.55 75 80 85 90 95 100 105 เปอร์เซ็นต์ กราฟแสดงผลการ Audit บันทึกทางการพยาบาล ต่อเนื่อง ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. 2564 100 100 96.22 100 98.25 99.32 89.54 90.25 95.26 95.45 98.79 93.25 2565 100 100 96.22 100 99.27 99.32 95.26 96.22 98.79 98.79 100 100 89.54 95.26 84 86 88 90 92 94 96 98 100 102 เปอร์เซ็นต์ กราฟแสดงผลการ Audit บันทึกทางการพยาบาลแรกรับ ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. 2564 99.2 99.08 100 100 98.25 98.55 94.53 96.25 98.45 89.23 97.27 98.23 2565 99.2 99.08 100 100 98.25 98.55 100 100 100 100 89.23 98.25 82 84 86 88 90 92 94 96 98 100 102 เปอร์เซ็นต์ กราฟแสดงผลการ Audit แบบประเมินภาวะสุขภาะ 20 A


99 ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. 2564 100 100 100 100 98.75 98.6 100 100 99.78 100 100 99.21 2565 100 100 100 100 98.75 98.6 100 100 100 100 99.78 98.6 97.5 98 98.5 99 99.5 100 100.5 เปอร์เซ็นต์ กราฟแสดงผลการ Audit การเรียน Chart จ าหน่ายถูกต้อง 9. บทเรียนที่ได้รับ กระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น 1. คุณภาพของบันทึกทางการพยาบาลต้องสามารถน าใช้และสื่อสารได้อย่างชัดเจน คลอบคลุม มีการประเมินอย่างต่อเนื่อง กรณีมีข้อร้องเรียนต้องใช้เป็นเอกสารทางกฎหมาย 2.การพัฒนาศักยภาพต้องมีการท าอย่างต่อเนื่อง และมีกระบวนการปฏิบัติ ติดตาม นิเทศอย่างเป็นระบบ 3. การพัฒนาองค์ความรู้ต้องท าอย่างน้อย ทุก 6 เดือน 4. มีการน าเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการเก็บและน าเสนอข้อมูล ช่วยท าให้กระบวนการท างานสะดวก 5.กระบวนการท างานเป็นทีมมีส่วนส าคัญในการพัฒนา ความร่วมมือท าให้งานส าเร็จและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 10. สมาชิกทีม : นางสาวอารมย์ศรี แซ่ตัน พยาบาลวิชาชีพช านาญการ นางสาวนภัค อุดมผล พยาบาลวิชาชีพช านาญการ นางสาวปิยาภรณ์ เรืองไชย พยาบาลวิชาชีพช านาญการ นางสาวบุปผา วรนวกุล พยาบาลวิชาชีพช านาญการ นางสุริยาพร ดันเมฆ พยาบาลวิชาชีพช านาญการ นางเกษร ชิตแก้ว พยาบาลเทคนิคช านาญงาน 11. การติดต่อกับทีมงาน : หอผู้ป่วย รส.200 ปี โทรศัพท์ 076-361260 E- mall. [email protected] สรุปหัวข้อ Audit chart ที่ไม่สมบูรณ์รายเดือน ปี 2564 เดือน หัวข้อ Audit chart ที่ไม่สมบูรณ์ ตุลาคม 2563 ไม่ได้ประเมินปัญหาทางการพยาบาล ไม่ได้ประเมิน ออกซิเจน Sat ไม่ได้ระบุเวลา ที่ Admit พฤศจิกายน 2563 ลืมเซ็นต์ชื่อให้ RI / ลืมเซ็นต์ชื่อเมื่อต่อให้สารน้ า ฟอร์ม 20 A ไม่ได้ใส่ v/s ไม่ได้ประเมินปัญหาทางการพยาบาล ไม่ได้ประเมิน ออกซิเจน Set ธันวาคม 2563 ลืมเซ็นต์ชื่อเมื่อต่อให้สารน้ า / ไม่ได้เซ็นต์ชื่อยา OD แรกรับขาดการใส่ยาโรคประจ าตัว / การผ่าตัดที่เคยได้รับ/ไม่ได้ใส่ประเภทผู้ป่วย การพยาบาลต่อเนื่องขาดการเขียน NN.แผนการรักษาของแพทย์ มกราคม 2564 ไม่ได้เซ็นต์ชื่อยา OD ไม่ได้ประเมินปัญหาทางการพยาบาล ไม่ได้ประเมิน ออกซิเจน Set


100 เดือน หัวข้อ Audit chart ที่ไม่สมบูรณ์ กุมภาพันธ์ 2564 การพยาบาลแรกรับ ไม่ได้ลง V/S และ coma score การพยาบาลต่อเนื่องขาดการเขียน NN.แผนการรักษาของแพทย์ เรียง chat จ าหน่ายผิด มีนาคม 2564 การพยาบาลแรกรับ ไม่ได้ลง V/S การพยาบาลต่อเนื่องไม่ได้ลงข้อมูลประเมิน v/s / ไม่ได้ประเมินข้อวินิจฉัยการพยาบาล ต่อเนื่อง ฟอร์ม 20 A ไม่ได้ลงข้อมูลยาโรคประจ าตัว เรียง chat จ าหน่ายผิด เมษายน 2564 ลืมเซ็นต์ชื่อให้ RI / ลืมเซ็นต์ชื่อ ยา OD/ ลืมเซ็นต์ก ากับการให้ยาครบ 2 คน ลืมเซ็นต์ชื่อเมื่อต่อให้สารน้ า พยาบาลแรกรับ ลืมเขียนรับใหม่จากที่ไหน ลืมลงข้อมูล coma score ใบยินยอมท าการรักษา พยานไม่ได้เซ็นต์ชื่อ พฤษภาคม 2564 ลืมเซ็นต์ชื่อเมื่อต่อให้สารน้ า / ลืมเซ็นต์ก ากับการให้ยาครบ 2 คน การพยาบาลแรกรับ ไม่ได้ลงข้อมูลยาโรคประจ าตัว / ไม่ได้ลฃข้อมูลการผ่าตัด การพยาบาลต่อเนื่อง ไม่ได้ลงผล DTX /ไม่ได้ประเมินข้อวินิจฉัยการพยาบาลต่อเนื่อง ใบยินยอมท าการรักษา พยานไม่ได้เซ็นต์ชื่อ มิถุนายน 2564 กรกฎาคม 2564 สิงหาคม 2564 กันยายน 2564 เดือน หัวข้อ Audit chart ที่ไม่สมบูรณ์ ตุลาคม 2564 พฤศจิกายน 2564 ธันวาคม 2564 มกราคา 2565 - ไม่ได้ลงการให้สารน้ าทางหลอดเลือด - ไม่ได้เขียนประเมินหลังให้การพยาบาล กุมภาพันธ์ 2565 - ในฟอร์ม 20A ไม่ได้ลง Coma score - ไม่ได้ลงประเมินหลังไปเจาะ DTX - เรียง chart จ าหน่ายไม่ถูกต้อง มีนาคม 2565 - ลงยา order one day ไม่ครบ - ไม่ได้ลงการให้สารน้ าทางหลอดเลือด - ไม่ได้เขียนประเมินหลังให้การพยาบาล - ไม่ได้ลงสัญญาณชีพแรกรับในฟอร์ม 20A - เรียง chart จ าหน่ายไม่ถูกต้อง เมษายน 2565 พฤษภาคม 2565 ฟอร์ม 20 A ไม่ใส่ V/S แรกรับ /ลงข้อมูลไม่ครบทุกช่อง


101 เดือน หัวข้อ Audit chart ที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ประเมินผลปัญหาทางการพยาบาล (ให้ KCL ไปแล้ว แต่ไม่ใส่การประเมินซ้ า) ขาดการบันทึกประเมินต าแหน่งการให้สารน้ า ขาดการบันทึกการประเมินทางด้านจิตใจ มิถุนายน 2565 ไม่ลงสรุปวันนอน ร.พ. ในใบ summary กรกฎาคม 2565


สรุปผลการด าเนินงาน Audit chart หอผู้ป่วยรัตนโกสินท รายการ ต.ค.64 พ.ย.64 ธ.ค.64 ม.ค.65 ก.พ.6 หัวกระดาษ (2) 100 100 100 100 100 ฟอร์มปรอท (12) 100 100 100 100 100 บันทึกการให้ยา (4) 100 96 95.64 99.03 100 บันทึกการพยาบาลแรกรับ (7) 100 100 96.22 100 99.27 บันทึกการพยาบาลต่อเนื่อง (7) 99.65 98.55 98.24 99.72 97.55 แบบประเมินภาวะสุขภาพ 20 A (4) 99.20 99.08 100 100 98.25 แบบประเมินภาวะสุขภาพ 20 B (3) 100 100 100 100 100 แบบประเมินภาวะสุขภาพ 20 C (2) 100 100 100 100 100 บันทึกการพยาบาลก่อนจ าหน่าย (8) 100 100 100 100 100 ใบยินยอมรับการรักษาพยาบาล (4) 100 100 100 100 100 การเรียง chart จ าหน่ายถูกต้อง 100 100 100 100 98.75 ภาพรวม 99.43 97.88 96.7 99.36 98.46


ทร์ 200 ปีบน ปีงบประมาณ 2565 chart ที่สมบูรณ์ (ร้อยละ) 5 มี.ค.65 เม.ย.65 พ.ค.65 มิ.ย.65 ก.ค.65 ส.ค.65 ก.ย.65 100 100 98.72 99.32 96 98.55 100 100 100 100 98.60 98.23 102


103 ปัญหา/ข้อจ ากัดที่เกิดขึ้นจากการด าเนินการ 1.1 เรื่องการให้ความรู้ทบทวนเรื่อง การตรวจสอบเวชระเบียน ควรท าอย่างน้อย ทุก 6 เดือน เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง กระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น - การพัฒนาศักยภาพต้องมีการท าอย่างต่อเนื่อง และมีกระบวนการปฏิบัติ ติดตาม นิเทศน์อย่างเป็นระบบ - การพัฒนาองค์ความรู้ต้องท าอย่างน้อย ทุก 6 เดือน - มีการน าเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการเก็บและน าเสนอข้อมูล ช่วยท าให้กระบวนการท างานสะดวก - กระบวนการท างานเป็นทีมมีส่วนส าคัญในการพัฒนา ความร่วมมือท าให้งานส าเร็จและพัฒนา อย่างต่อเนื่อง แผนการที่จะพัฒนาต่อเนื่องต่อไป - เวชระเบียนของโรงพยาบาลมีการเพิ่มเติมเอกสาร และในแต่ละหน่วยงานมักมีเอกสารเฉพาะหน่วยงาน - การจัดเรียงชาร์ดทั้งรับใหม่/จ าหน่าย ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน - สามารถท าได้ครอบคลุมทุกชาร์ดในหน่วยงาน


104 รายการ เดือน เดือน Chart ทั้งหมด Chart ไม่ สมบูรณ์ % Chart ทั้งหมด Chart ไม่ สมบูรณ์ % หัวกระดาษ 1. ติดสติ๊กเกอร์ทุกหน้า #REF! #REF! 2. ระบุเลขเตียง/ ห้อง/ แผนก #REF! #REF! ฟอร์มปรอท 1. วันเดือนปีแรกรับ และต่อเนื่อง #REF! #REF! 2. จ านวนวันที่รับผู้ป่วยไว้รักษา #REF! #REF! 3. สัญญาณชีพแรกรับ และต่อเนื่อง #REF! #REF! 4. เวลาแรกรับ (รับใหม่เวลา...น.) รับย้ายเขียนชื่อ ward แนวตั้ง #REF! #REF! 5. น้ าหนัก (...ก.ก.....kgs..ชั่งไม่ได้) ชั่งน้ าหนักทุกสัปดาห์ #REF! #REF! 6. ประเภทอาหาร #REF! #REF! 7. ตรวจพิเศษต่างๆ (ช่อง medication) #REF! #REF! 8. หัตถการใหญ่ (ด้วยสีแดง) #REF! #REF! 9. I/O รวมตัวเลขด้วยสีแดง #REF! #REF! 10. จ านวนครั้งของการถ่ายอุจจาระ #REF! #REF! 11. จ านวนครั้งของการถ่ายปัสสาวะ #REF! #REF! 12. จ าหน่ายด้วยสีแดง (จ าหน่ายไม่สมัครอยู่, จ าหน่ายแพทย์อนุญาต, จ าหน่ายถึงแก่กรรม, กลับบ้าน) #REF! #REF! บันทึกการให้ยา 1. วันเดือนปี และเวลาที่ให้ #REF! #REF! 2. ชื่อยา, สารน้ าที่ให้ทั้งหมด #REF! #REF! 3. ขนาดที่ให้ และทางที่ให้ #REF! #REF! 4. ชื่อผู้ให้ยา ผู้ตรวจสอบ และยกเลิก (อ่านชัดเจน) #REF! #REF! บันทึกการพยาบาล (แรกรับ) 1. วันเดือนปี และเวลา (เช่น 06.20 น.) #REF! #REF! 2. สัญญาณชีพแรกรับ #REF! #REF! 3. ข้อวินิจฉัยการพยาบาล (ล าดับความส าคัญและครอบคลุม) #REF! #REF! 4. สรุปสภาพปัญหาผู้ป่วย #REF! #REF! 5. กิจกรรมการพยาบาล (สอดคล้องกับข้อวินิจฉัย) #REF! #REF! 6. ประเมินอาการหลังรักษาพยาบาล #REF! #REF! 7. ชื่อผู้บันทึกและต าแหน่งชัดเจน #REF! #REF! บันทึกการพยาบาล (ต่อเนื่อง) 1. วันเดือนปี และเวลา (เช่น 06.20 น.) #REF! #REF! 2. สัญญาณชีพต่อเนื่อง เช่น 06.00 และ 18.00 น. #REF! #REF! 3. ข้อวินิจฉัยการพยาบาล (ล าดับความส าคัญและครอบคลุม) #REF! #REF! 4. ปัญหา/ อาการและอาการแสดง #REF! #REF! 5. กิจกรรมการพยาบาล (สอดคล้องกับข้อวินิจฉัย) #REF! #REF! 6. ประเมินผลการพยาบาลครอบคลุม #REF! #REF! 7. ชื่อผู้บันทึกและต าแหน่งชัดเจน #REF! #REF! ภาคผนวก แบบฟอร์มการเก็บข้อมูลความสมบูรณ์ของเวชระเบียน


105 แบบประเมินภาวะสุขภาพ 20 A 1. ระบุวันเวลาที่ admit #REF! #REF! 2. ระบุประเภทผู้ป่วย #REF! #REF! 3. อาการส าคัญ ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน (บอกปัญหาชัดเจน ) #REF! #REF! 4. ประเมินสภาพทางกายครอบคลุม #REF! #REF! แบบประเมินภาวะสุขภาพ 20 B 1. ประเมินสภาพทางจิตสังคม/ จิตวิญญาณครอบคลุม #REF! #REF! 2. ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล แรกรับ และต่อเนื่องมีแผนการพยาบาล ที่ระบุปัญหา/ ความต้องการ ครอบคลุม #REF! #REF! 3. การให้ข้อมูลที่ส าคัญ/ จ าเป็น แก่ผู้ป่วยและญาติ #REF! #REF! แบบบันทึกการวางแผนจ าหน่าย Form 22..2 D - 1 1. ให้ข้อมูลครบถ้วน #REF! #REF! 2. ชื่อผู้บันทึกและต าแหน่งชัดเจน #REF! #REF! แบบบันทึกการวางแผนจ าหน่าย Form 22..2 D - 2 1. วันเดือนปี และเวลา (เช่น 06.20 น.) #REF! #REF! 2. ประเภทจ าหน่าย #REF! #REF! 3. บันทึกสัญญาณชีพก่อนจ าหน่าย #REF! #REF! 4. สรุปสภาพผู้ป่วยก่อนจ าหน่าย (กาย,จิต ) #REF! #REF! 5. อาการก่อนจ าหน่าย #REF! #REF! 6. แผนการดูแลต่อเนื่อง ( ร.พ., ที่บ้าน ) #REF! #REF! 7. การนัด (วันนัด, สถานที่นัด ) #REF! #REF! 8. ชื่อผู้บันทึกและต าแหน่งชัดเจน #REF! #REF! ใบยินยอมรับการรักษาพยาบาล #REF! #REF! ใบยินยอมรับการรักษาพยาบาล - ลงชื่อยินยอมทุกการผ่าตัด/ หัตถการ/ การให้เลือด #REF! #REF! - ระบุชื่อ และ ✓ ทุกช่อง #REF! #REF! - ระบุประเภทถูกต้อง #REF! #REF! - ลงข้อมูลครบถ้วน #REF! #REF! การเรียง chart จ าหน่ายถูกต้อง #REF! #REF!


106 แบบประเมินความพึงพอใจ CQI เรื่องพัฒนาแนวทางการตรวจสอบเวชระเบียนในหอผู้ป่วย หอผู้ป่วยรัตนโกสินทร์ 200 ปี ค าชี้แจง ใส่เครื่องหมาย X ตรงช่วงคะแนนที่ตรงกับความคิดเห็นของท่าน ระดับความพึงพอใจ ระดับ 3 พึงพอใจมาก ระดับ 2 พึงพอใจปานกลาง ระดับ 1 พึงพอใจน้อย เรื่อง ระดับความพึง พอใจ หมายเหตุ 1 2 3 1.เจ้าหน้าที่มีความพึงพอใจในการจัดตาราง ordit Chart หมุนเวียน พยาบาลทุกคนในหน่วยงาน ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการ ordit Chart 2.เจ้าหน้าที่มีความพึงพอใจน าข้อมูลที่ได้น าเสนอภายในหน่วยงาน ทุกวันที่ 25 ของเดือน 3.เจ้าหน้าที่มีความพึงพอใจ แบบฟอร์มการเก็บข้อมูลความสมบูรณ์ ของเวชระเบียน ผู้ประเมิน ............................................


107 ความสมบูรณ์ของ เวชระเบียน ผู้ปฏิบัติงาน - ขาดความรู้/ความเข้าใจ ในหัวข้อการ Ordit Chart รวมถึงการใช้แบบประเมิน - การลงข้อมูลไม่ถูกต้อง - ขาดการติดตามงานอย่างใกล้ชิด โดยแกน HA เครื่องมือในการประเมิน - เครื่องมือที่ใช้ประเมินต้องท าความ เข้าใจอย่างละเอียด - การถ่ายทอดของแกนสู่ผู้ปฏิบัติยังไม่มี ความชัดเจนและต่อเนื่อง ขั้นตอนการด าเนินงาน - การเก็บข้อมูลไม่เป็นระบบ - ขาดการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ได้เพื่อน ามา วิเคราะห์ เพื่อแก้ไขปัญหา - ระยะเวลาการสรุปข้อมูล ระยะเวลานานเกินไป - ขาดการสะท้อนกลับข้อมูลที่เป็นปัญหา ความชัดเจนของปัญหา


108 Lips save : พัฒนาแนวทางการป้องกันการเกิดแผลกดทับบริเวณเยื่อบุมุมปาก ในผู้ป่วยคาท่อช่วยหายใจ 2. ชื่อและที่อยู่ขององค์กร :กลุ่มงานการพยาบาลรพ.วชิระภูเก็ต 3. ค าส าคัญ : แผลกดทับบริเวณเยื่อบุมุมปาก 4. สรุปผลงานโดยย่อ:ลดอัตราการเกิดแผลกดทับบริเวณเยื่อบุมุมปากผู้ป่วยคาท่อช่วยหายใจจาก 100% เหลือ <10% ภายใน 6 สัปดาห์ โดยจัดท าแนวทางการป้องกันแผลกดทับบริเวณเยื่อบุมุมปากและสร้างพลังบวก ให้คนท างานตระหนักและน าสู่การปฏิบัติ 5. ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ จากการทบทวนข้อร้องเรียน ปี 2565 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา พบว่า หอผู้ป่วยวิกฤตระบบทางเดินหายใจ มีข้อร้องเรียน เรื่องการดูแลผู้ป่วย จ านวน 10 ครั้ง ใน 2 เดือน จากการท า RCA พบว่า ผู้ป่วยทั้ง 10 ราย ที่ถูกร้องเรียน สาเหตุเกิดจากญาติและผู้ป่วยไม่พึงพอใจ ที่มีอุบัติการณ์เกิดแผลกดทับ ที่เยื่อบุมุมปากของผู้ป่วย ขณะรักษาตัว ในหอผู้ป่วย แกน RM และ QA ของ ward จึงได้เฝ้าระวังและเชิงรุกติดตามดูผู้ป่วยทุกราย ที่เข้ารับการรักษาที่ ward ที่จะต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ในช่วงเดือน ก.พ. 2565 และพบว่าผู้ป่วยทั้ง 19 ราย ที่ใส่ท่อช่วยหายใจ มีแผลกดทับที่บริเวณเยื่อบุมุมปากทั้ง 19 ราย ทีมงานจึงได้ร่วมกับทีมแพทย์อายุรกรรม ทีมศูนย์ดูแลบาดแผล แกน QA แกน RM และศูนย์คุณภาพ วิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา และพบว่าสาเหตุเกิดจาก การดูแลที่ไม่ถูกต้องต่างคนต่างท า เนื่องจาก 1 ไม่มีแนวทางที่ชัดเจน เป็นการบอกต่อจากพี่สู่น้อง 2. บุคลากร บางคนขาดทักษะและความรู้เนื่องจากเป็นน้องใหม่ 3. ขาดการเฝ้าระวังและติดตามอย่างต่อเนื่อง 4. ขาดความตระหนัก ในการดูแลผู้ป่วย ทีมงานจึงได้ร่วมกันพัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยคาท่อช่วยหายใจ ไม่ให้เกิดแผลกดทับที่ เยื่อบุมุมปาก(Lips save)ขึ้น 6. เป้าหมาย - ลดอัตราการเกิดแผลกดทับบริเวณเยื่อบุมุมปากในผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจ (Endotracheal tube) ของหอผู้ป่วยวิกฤตระบบทางเดินหายใจจาก 100 % ให้เหลือ ≥ 10% ภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์ 7. กิจกรรมการพัฒนา 1. วางแผนร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย แพทย์และพยาบาลศูนย์ดูแลบาดแผล แพทย์อายุรกรรมพยาบาล และผู้ช่วยเหลือคนไข้ประจ า ward หัวหน้าศูนย์คุณภาพ 2. จัดท าแนวทางการดูแลผู้ป่วยคาท่อช่วยหายใจ ไม่ให้เกิดแผลกดทับที่เยื่อบุมุมปาก 3. ชี้แจงแนวทางให้ผู้ร่วมงานทุกคนที่เกี่ยวข้องทราบ และน าสู่การปฏิบัติ 4. ประเมินผลหลังจากด าเนินการไป 1 เดือน 5. ให้ความรู้เพิ่มเติม เรื่องเทคนิคการลอกพลาสเตอร์ เนื่องจากมีการบาดเจ็บของผิวหนัง จากการลอกพลาสเตอร์ (MARS) 6. ปรับวิธีการและจัดหาวัสดุ (พลาสเตอร์ปิดแผล) ที่ผู้ป่วยไม่แพ้มาใช้ในรายที่แพ้พลาสเตอร์ 7. Morning Round โดยหัวหน้าหอผู้ป่วย/ หัวหน้าเวรทุกเช้าเพื่อติดตามผลการด าเนินงาน 8. จัดให้มีการ Remind กลุ่มเสี่ยงใน Line Group RCU 9. จัดท า Careful card ปรับเปลี่ยนวิธีการเปลี่ยนต าแหน่ง และยึดตรึงท่อช่วยหายใจเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ 10.ติดตามประเมินผลทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ 11.น าเสนอแนวทางในเวทีคุณภาพรพ. / เขตสุขภาพ


109 8. การประเมินผลการเปลี่ยนแปลง ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลการด าเนินการ ไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 4 1.อัตราการเกิดแผลกดทับบริเวณเยื่อบุมุมปาก ≤10% 100 % 54 % 9.4 % 2.อัตราของบุคลากรที่ปฏิบัติตามแนวทาง 100 % 15 % 60 % 95 % 3. จ านวนข้อร้องเรียน เรื่องแผลกดทับ 0 ราย 10 ครั้ง 0 ราย 0 ราย 4. อัตราความพึงพอใจของผู้ป่วย/ญาติ > 80 % 62.5% 78% 83% 9. บทเรียนที่ได้รับ ผู้ป่วยวิกฤตส่วนใหญ่มีระบบอวัยวะหลายจุดล้มเหลวพร้อมกัน จึงเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่เปราะบาง ท าให้เกิด แผลกดทับได้ง่าย การสร้างการมีส่วนร่วมของเจ้าหน้าที่ทุกระดับในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความส าคัญใน การช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติการณ์ ไม่เฉพาะแผลกดทับบริเวณเยื่อบุมุมปาก การเข้ามามีส่วนร่วมทุก ขั้นตอน ท าให้สามารถวิเคราะห์สภาพปัญหา เกิดการรับรู้ ตระหนักถึงขั้นตอนในการปฏิบัติงาน และความต้องการ ในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของผู้ป่วย 10. สมาชิกทีม 1. นางสาวจันทิมา สินมณีรัตน์ พยาบาลวิชาชีพช านาญการและทีมศูนย์ดูแลบาดแผล 2. นางสาวจุฑามาศ กิ่งทอง พยาบาลวิชาชีพช านาญการและทีมหอผู้ป่วยวิกฤตระบบทางเดินหายใจ 11. การติดต่อกับทีมงาน : นางสาวจันทิมา สินมณีรัตน์ ศูนย์ดูแลบาดแผล โทร 076-361234 ต่อ 2102 E-mail : [email protected]


110 Blood transfusion Safety : Patient Identify 2. ชื่อและที่อยู่องค์กร : โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 3. ค ำส ำคัญ : Blood Transfusion Safety, Patient Identify, Blood Iden 4. สรุปผลงำนโดยย่อ: พัฒนา โปรแกรม Blood Iden ควบคู่กับการใช้ I ntifyผ ู้ป่วยที่มา ให้เลือดหรือส่วนประกอบของเลือด ส่งผลให้อุบัติการณ์การให้เลือด ผิดหมู่ ผิดชนิด ผิดคน ลดลงจากปี 2561 เหลือ 0 ราย ในปี 2565 5. ปัญหำและสำเหตุโดยย่อ : จากการทบทวนอุบัติการณ์ความเสี่ยง เรื่องการระบุตัวผู้ป่วยผิดพลาด ในกระบวนการให้เลือด และส่วนประกอบของเลือด โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 5 ปีที่ผ่านมาพบว่า ปี 2561 -2563 มีอัตราการให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด เฉลี่ย 80ราย/วัน บางหอผู้ป่วยมีความจ าเป็นต้องใช้เลือด และส่วนประกอบของเลือดพร้อมกันมากกว่า 1 ราย และในผู้ป่วยบางรายมีความจ าเป็นต้องให้เลือด และส่วนประกอบของเลือด มากกว่า 1 ถุง และพบอุบัติการณ์ การให้เลือดผิดคน ผิดหมู่ ผิดคน ผิดชนิด ดังนี้ ปี 2561 พบระดับ B = 5 ราย, ระดับ C = 1 และระดับ E =1, ปี 2562 พบอุบัติการณ์ระดับ B = 6, และระดับ E =3, ปี 2563 พบอุบัติการณ์ระดับ ระดับ E =2 และระดับ F = 1จะเห็นได้ว่าอัตราการเกิดอุบัติการณ์ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ทีมสหสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องจึงได้มีการทบทวนหาสาเหตุและพบว่า 1.บุคลากร ทางการพยาบาลส่วนใหญ่ ไม่ปฏิบัติตามแนวทาง (ขาดการ Identify ผู้ป่วย) 2. ในหอผู้ป่วยที่มีผู้ป่วยมาก อัตราก าลังไม่สมดุลกับภาระงาน 3. ถูกรบกวนขณะเตรียมการให้เลือด 4. แนวทางมีหลายขั้นตอนเสียเวลา 5. มีการขอใช้เลือดมากกว่า 1 ราย และมากกว่า 1 ถุง/ราย 6. เป้ำหมำย : ลดอัตราการเกิดอุบัติการณ์จากการให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด = 0 7. กิจกรรมกำรพัฒนำ 1. ประชุมทีมสหสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง (ธนาคารเลือด, กลุ่มการพยาบาล, ศูนย์คุณภาพ, Ward, IT) 2. ธนาคารเลือดปรับแนวทางการจ่ายโลหิต ในกรณีผู้ป่วย 1 ราย ต้องได้รับเลือดมากกว่า 1 unit โดยจะจ่ายเลือดให้ครั้งละ 1 unit ยกเว้น กรณีผู้ป่วยมีความจ าเป็นต้องได้รับเลือด ปริมาณมากทันที จะจ่ายให้ตามจ านวนที่ขอ 3. เพิ่มการก ากับนิเทศของหัวหน้าหอผู้ป่วยในเรื่อง การปฏิบัติตามแนวทางของพยาบาล เน้นเรื่อง การตรวจสอบชื่อ-สกุล ทุกขั้นตอนของกระบวนการ การให้โลหิต 4. ทีมสหสาขาวิชาชีพ (ธนาคารเลือด, กลุ่มการพยาบาล, ศูนย์คุณภาพ, Ward, IT) ร่วมกันพัฒนาโปรแกรม I n อ Blood transfusion โดยใช้เทคนิค การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ดังนี้ 4.1 กระบวนการขอเลือด - ตรวจสอบข้อมือ ใบขอเลือด สติกเกอร์ติดหลอดเลือด 4.2 กระบวนการให้เลือด - ตรวจสอบป้ายข้อมือ ถุงเลือด ใบคล้องเลือด 5. น าโปรแกรมลงสู่การปฏิบัติ โดยน าร่องที่หอผู้ป่วยอายุรกรรมชาย 1 และหอผู้ป่วยอายุรกรรมหญิง (ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 และ พบว่าการใช้งานไม่สะดวก/Wifi ไม่เสถียร) 6. ปรับปรุงครั้งที่ 1 6.1 ปรับจากการลงโปรแกรมในเครื่อง PC (Note Book) เป็นลงในสมาร์ทโฟนและต่อกับเครื่อง Scan Barcode (ผลลัพธ์ : ยังไม่สะดวกในการพกพา) 6.2 เปลี่ยนจากเครื่อง Scan Barcode เป็น Bluetooth ผลลัพธ์ : ระบบการเชื่อมต่อ Bluetooth กับ t n : การ Scan Barcode ยังท าได้ยากและใช้เวลานาน 6.3 ปรับใช้QR-c แท Barcode 6.4 ขยายผลสู่การปฏิบัติครอบคลุมทุกหอผู้ป่วย (สิงหาคม 2565)


111 8. กำรประเมินผลกำรเปลี่ยนแปลง เปรียบเทียบการเกิดอุบัติการณ์ระหว่างการใช้โปรแกรม และไม่ใช้โปรแกรม ปีงบประมาณ หอผู้ป่วยที่ไม่ได้ใช้โปรแกรม พบอุบัติการณ์ส่ง Specimen ผิดคน (จ านวนผู้ป่วยทั้งหมด/จ านวนอุบัติการณ์) หอผู้ป่วยที่ใช้งานโปรแกรม พบอุบัติการณ์ส่ง Specimen ผิดคน (จ านวนผู้ป่วยทั้งหมด/จ านวนอุบัติการณ์) 2561 26,008 ราย/7 (0.02%) 2562 18,515 ราย/9 (0.04%) ยังไม่มีการใช้โปรกรม 2563 15,474 ราย/3 (0.02%) 2564 (ก.พ. 64 -ก.ย. 64) 6549 ราย/4 (0.06%) 1481 ราย/0 *เริ่มใช้โปรแกรม 2565 (ต.ค.64 -ก.ค. 65) 8577 ราย/1 (0.01%) 2079 ราย/0 2565 (ส.ค.-ก.ย.) *น าโปรแกรมลงใช้ทุกหอผู้ป่วย 502 ราย/0 ** ก.พ. 64 –ก.ค.65 น าใช้ในหอผู้ป่วย อายุรกรรมชาย 1 และหอผู้ป่วยอายุรกรรมหญิง ผลควำมพึงพอใจต่อกำรใช้งำนโปรแกรม 53 51 25 23 25 29 22 0 10 20 30 40 50 60 ร้อยละ แผน ูมิแท่งแสดงควำมพึงพอใจต่อกำรใช้งำนโปรแกรมระ ตรวจสอ ควำม ูกต้อง ในกระ วนกำร Blood transfusion Blood ID) จากตารางพบว่า อัตราความพึงพอใจ ภาพรวมอยู่ที่ร้อยละ 82.77 และหมวดที่ผู้รับบริการพึงพอใจ มากที่สุดคือ มีการออกแบบกระบวนการที่ใช้งานง่าย และความพึงพอใจน้อยที่สุดคือ ความเร็วในการ แสดงผลของโปรแกรม ซึ่งจะเป็นโอกาสพัฒนาต่อไป


112 9. ทเรียนที่ได้รั 1. การใช้งานโปรแกรม "ระบบตรวจสอบความถูกต้องในกระบวนการ Blood transfusion" ที่เริ่มใช้ ทุกหอผู้ป่วยมาตั้งแต่ เดือนสิงหาคม 2565 มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นเกินร้อยละ 80แต่ยังไม่ครอบคลุม ในผู้ป่วยทุกราย 2. ขั้นตอนให้เลือด 2.1 กลุ่มผู้ป่วยที่ไม่ได้ใช้โปรแกรม t nsfusi n พบในหน่วยงานห้องฉุกเฉินและห้องฉีดยา เนื่องจากการสแกนเป็นระบบสแกน QR Code จากป้ายข้อมือ หน่วยงานห้องฉุกเฉินและห้องฉีดยา ยังไม่มีมาตรการการใช้ป้ายข้อมือ จึงเป็นโอกาสพัฒนาเรื่องการใช้ป้ายข้อมือในกลุ่มผู้ป่วย ห้องฉุกเฉินและห้องฉีดยา 2.2 ในหอผู้ป่วยบางหอผู้ป่วย พบว่าเกิดปัญหาเรื่องของระบบ wifi ที่ไม่เสถียร และระบบ กล้องโทรศัพท์ของพยาบาลบางคนที่มีปัญหาไม่รองรับระบบสแกน จึงมีแผนเรื่องของการ ขยายสัญญาณ wifi และจัดหาโทรศัพท์กลางประจ าแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้บุคลากร สะดวกในการใช้งาน 3. ขั้นตอนการให้เลือด 3.1 กลุ่มผู้ป่วยที่ไม่ได้ใช้โปรแกรมพบในหน่วยงานห้องฉีดยา ในกรณีคนไข้มาให้โลหิต เนื่องจากการสแกนเป็นระบบสแกน QR code จากป้ายข้อมือ หน่วยงานห้องฉีดยา ยังไม่ได้มีมาตรการการใช้ป้ายข้อมือ จึงมีแผนเรื่องการใช้ป้ายข้อมือในกลุ่มผู้ป่วยห้องฉีด ยาที่มาท าหัตถการให้โลหิต หรือให้ยา 2. กลุ่มผู้ป่วยล้างไตที่มีการน าโลหิตออกไปให้ในหน่วยล้างไตภายนอกโรงพยาบาล แนวทางแก้ไข ให้พยาบาลตรวจสอบโลหิตที่ได้รับจากธนาคารเลือดโดยใช้ระบบสแกน เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ของเลือดที่ได้รับก่อนมอบให้ผู้ป่วยน าไปที่หน่วยล้างไตนอกโรงพยาบาล 10. สมำชิกทีม : 1. พญ.วลัยพร อรุณรัตน์ : กลุ่มงานพัฒนาคุณภาพบริการและมาตรฐาน เบอร์โทร. 089-6493087 2. นางสาวสว่างวรรณ พิทยานฤมาน : หอผู้ป่วยอายุรกรรมหญิง เบอร์โทร. 081-5690131 3. นางอัมไพ แสงวิจิตร : งานธนาคารเลือด เบอร์โทร. 081-7192913 4. นายศัลย์ ชูภาพ : งานเทคโนโลยีสารสนเทศ เบอร์โทร. 085-9174046 11. กำรติดต่อกั ทีมงำน นางสาวสว่างวรรณ พิทยานฤมาน เบอร์โทร. 081-5690131เบอร์โทรภายใน 076-361234ต่อ 2021 โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต E-mail : [email protected]


113 รับยาฉับไว ใส่ใจปัญหาวัณโรค 2. ชื่อและที่อยู่ขององค์กร/ภาควิชา : งานบริการคลินิกวัณโรคโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จ.ภูเก็ต 3. ค าส าคัญ : ผู้ป่วยวัณโรครายใหม่, คลินิกวัณโรค, TB Clinic 4. สรุปผลงานโดยย่อ : เพื่อให้ผู้ป่วยวัณโรครายใหม่นอกคลินิกวัณโรคได้รับการดูแลในคลินิกวัณโรค ตามมาตรฐานตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับการรักษามากกว่า 85% สามารถนัดเข้าคลินิกวัณโรคเพื่อติดตาม อาการข้างเคียงหลังได้รับยาครั้งแรกได้เร็วขึ้นไม่เกิน 2 สัปดาห์มากกว่า 85 % และลดความเสี่ยง แพร่กระจายเชื้อสู่ผู้ป่วยทั่วไป โดยลดขั้นตอนการรอรับยาจากช่วงเวลาเร่งด่วน 30 – 45 นาที เป็นไม่เกิน 15 นาที และไม่ต้องรอรับยาร่วมกับผู้ป่วยทั่วไป 5. ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ : ผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ที่รับยาไม่ตรงคลินิกวัณโรครอรับยาร่วมกับผู้ป่วย โรคเรื้อรังทั่วไปและผ่านหลายขั้นตอนเพื่อจะนัดเข้าคลินิกวัณโรคครั้งต่อไป บุคลากรมีไม่เพียงพอ ยาต้านวัณโรคมีหลายขนานและ ขนาดยาที่ใช้รักษาหลากหลาย อาการข้างเคียงมีความรุนแรง ไม่มีโปรแกรมในการ ค านวณขนาดยา สถานที่รอรับยาเป็น ระบบปิดและคับแคบ Material Machine Environment ขาดระบบการนัดเข้าคลินิกที่ชัดเจนและ ล่าช้าในครั้งแรก ระบบการรับบริการใน รพ.มีหลายขั้นตอน บุคลากรขาดความเชี่ยวชาญเรื่อง ยารักษาวัณโรค ผู้ป่วยไม่ให้ความส าคัญและความ เข้าใจในการรักษาที่ถูกต้อง ขั้นตอนการรอรับยายังปะปนกับผู้ป่วยทั่วไป บุคลากรมีไม่เพียงพอ คลินิกวัณโรคมี 3 วัน/สัปดาห์ ผู้ป่วยวัณโรคราย ใหม่ไม่ได้รับการ ดูแลในคลินิกวัณ โรคตามมาตรฐาน มีโอกาสเสี่ยง แพร่กระจายเชื้อ Man ขาดการติดตาม ADR ในเวลาที่เหมาะสม Method


114 6. เป้าหมาย : 6.1. เพิ่มความครอบคลุมผู้ป่วยวัณโรครายใหม่นอกคลินิกวัณโรคให้ได้รับการดูแลในคลินิกวัณโรค ตามมาตรฐานตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษามากกว่า 85% ตั้งแต่ปี 2564 6.2. เพิ่มความครอบคลุมผู้ป่วยวัณโรครายใหม่นอกคลินิกวัณโรค นัดเข้าคลินิกวัณโรคหลังได้รับยา ครั้งแรกไม่เกิน 2 สัปดาห์ มากกว่า 85% ตั้งแต่ปี 2564 6.3. ลดขั้นตอนการรับบริการของผู้ป่วยลง 50% 6.4. ลดระยะเวลารอรับยาให้น้อยกว่า 15 นาที 6.5. เภสัชกรงานบริการจ่ายยาเพิ่มการคัดกรองและดักจับ Prescribing error ได้ก่อนจ่ายยาให้ผู้ป่วย เพื่อป้องกันปัญหาการเกิด ADE ที่รุนแรง เพิ่มขึ้น 50% ตั้งแต่ปี 2564 7. กิจกรรมการพัฒนา : 7.1. กรกฎาคม 2563 หาแนวทางในการลดขั้นตอนและระยะเวลารอรับยาผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ที่มา นอกคลินิกและควรแยกกับผู้ป่วยทั่วไป โดยประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ห้องตรวจแผนกต่างๆ เจ้าหน้าที่ประจ าคลินิกวัณโรคและเจ้าหน้าที่ห้องยาได้ข้อตกลงดังนี้ หากพบผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัย ว่าเป็นวัณโรคปอด เจ้าหน้าที่แผนกต่างๆ จะต้องส่งผู้ป่วยเข้าคลินิกวัณโรค ขั้นตอนก่อนประชุมหาแนวทางแก้ไข 1. ผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ ห้องตรวจแผนกต่างๆ ออกใบนัดเข้าคลินิกวัณโรค (ไม่มีก าหนดระยะเวลาชัดเจน) 2. แผนกการเงิน 3. ห้องจ่ายยาผู้ป่วยนอก เภสัชกรตรวจสอบใบสั่งยา จัดยา เช็คยา จ่ายยา ในช่วงเร่งด่วน ประมาณ 30 – 45 นาที 4. ผู้ป่วยวัณโรคนัดเข้าคลินิกวัณโรค (ไม่มีก าหนดระยะเวลาชัดเจน)ในครั้งถัดไป


115 ขั้นตอนหลังประชุมหาแนวทางแก้ไข แนวทางนี้สามารถลดขั้นตอนและระยะเวลารอรับยาจาก 30 - 45 นาทีในช่วงเวลาเร่งด่วนให้เหลือไม่เกิน 15 นาที โดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องรอรับยาด้วยตัวเองร่วมกับผู้ป่วยโรคเรื้อรังทั่วไป ลดความเสี่ยงแพร่กระจายเชื้อไปสู่ ผู้ป่วยรายอื่นและสามารถคัดกรองผู้ป่วยวัณโรครายใหม่เข้าคลินิกตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษา และติดตาม การรักษา และอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยในครั้งถัดไปได้ในเวลาที่เหมาะสม 7.2. จัดท าคู่มือแนวทางการปฏิบัติและการจ่ายยาในคลินิกวัณโรค เพื่อลดปัญหาความคลาดเคลื่อนทางยา และเฝ้า ระวังอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดกับผู้ป่วยเพื่อลดความรุนแรงได้ เกณฑ์และขั้นตอนการทบทวนใบสั่งยาต้าน วัณโรค มีดังนี้ 7.2.1. ตรวจสอบสูตรยาวัณโรคตามสูตรมาตรฐานหรือสูตรที่เคยใช้จากประวัติยาเดิมใน โปรแกรม HOSxP 7.2.2. ค านวณขนาดยาตามน้ าหนักตัวของผู้ป่วยที่บันทึกจากการคัดกรอง 7.2.3. ตรวจสอบผลทางห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา เช่น Scr, LFT 7.2.4. ตรวจสอบอันตรกิริยาระหว่างยาต้านวัณโรคและยากลุ่มอื่นที่ใช้ร่วมกัน โดยเฉพาะ ยา Rifampicin กับ Warfarin จะมีการส่งต่อผ่าน Message ในระบบ HOSxP เพื่อแจ้งเตือนผู้เกี่ยวข้องให้เฝ้าระวังค่า INR และปรับลดยา Warfarin หากมีการ หยุดยา Rifampicin 7.2.5. แนวทางการเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา เช่น 7.2.5.1. ตารางก ากับการกินยาและอาการไม่พึงประสงค์หลังรับยาสูตรมาตรฐาน, สูตร MDR, สูตร XDR ในช่วง 8 สัปดาห์แรกของการเริ่มยา 7.2.5.2. แบบบันทึกผลทางห้องปฏิบัติการส าหรับติดตามผลไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา สูตร MDR, สูตร XDR 1. ผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ ห้องตรวจแผนกต่างๆ ส่งต่อเข้าคลินิกวัณโรค 2. คลินิกวัณโรค เจ้าหน้าที่คลินิกวัณโรคโทรแจ้ง Hospital Queue ที่ห้องยาผู้ป่วยนอก (โทร 1182,1183) เภสัชกรตรวจสอบใบสั่งยา จัดยา เช็คยาและจ่ายยา (ไม่เกิน 15 นาที) เภสัช กรโทรแจ้งเจ้าหน้าที่คลินิกวัณโรคมารับยาให้ผู้ป่วย (โทร 1237) เจ้าหน้าที่คลินิกวัณโรค จัดยาและ DOT ยาให้ผู้ป่วย และให้ข้อมูลแผนการ รักษาโรควัณโรค เจ้าหน้าที่คลินิกวัณโรคออกใบนัดเข้าคลินิกวัณโรคไม่เกิน 2 สัปดาห์ในครั้งถัดไป


116 8. การประเมินผลการเปลี่ยนแปลง (Performance) : 8.1. แผนภูมิแท่งแสดงร้อยละความครอบคลุมผู้ป่วยวัณโรครายใหม่นอกคลินิกเข้าคลินิกวัณโรคตั้งแต่ครั้งแรก ที่รับการรักษาและร้อยละของผู้ป่วยวัณโรครายใหม่นอกคลินิกที่นัดเข้าคลินิกวัณโรคหลังได้รับยา ครั้งแรกไม่เกิน 2 สัปดาห์ตั้งแต่ปี 2563 - 2565 8.2. ลดขั้นตอนการรับบริการของผู้ป่วยลงได้ 50 % ตั้งแต่แผนกตรวจจนถึงการเข้าคลินิกวัณโรค จากเดิม 4 ขั้นตอน เหลือ 2 ขั้นตอน และแยกการรอรับยาไม่ให้ปะปนกับผู้ป่วยทั่วไป 8.3. ตารางแสดงระยะเวลารอรับยาเฉลี่ย (นาที) ตัวชี้วัด (KPI) เป้าหมาย ปี 2563 (ก่อน ก.ค.2563) ปี 2563 (ตั้งแต่ ก.ค2563) ปี 2564 ปี 2565 ระยะเวลารอรับยาเฉลี่ย (นาที) < 15 42.5 13.5 12.3 13.5 8.4. ตารางแสดงร้อยละ Prescription error จากการสั่งใช้ยาต้านวัณโรคในผู้ป่วยรายใหม่นอกคลินิกวัณโรค ประเภทของความคลาดเคลื่อนทางยา (ระดับ B) ร้อยละความคลาดเคลื่อนจากการสั่งใช้ยา (จ านวน (ครั้ง)/ใบสั่งยา(ใบ)) ปี 2563 (ก.ค.- ก.ย.) ปี 2564 ปี 2565 1. ขนาดยาต่ าเกินไป 0 (0/24) 3.75 (3/80) 3.66 (3/82) 2. ขนาดยาสูงเกินไป 4.17 (1/24) 2.50 (2/80) 3.66 (3/82) 75(24/32) 80.80(80/99) 88.88(80/90) 81.25(26/32) 85.86(85/99) 95.56(86/90) 0% 20% 40% 60% 80% 100% 120% 2563 2564 2565 ร้อยละความครอบคลุม ผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ ร้อยละผู้ป่วยวัณโรคราย ใหม่ที่นัดเข้าคลินิกวัณโรค หลังได้รับยาครั้งแรกไม่เกิน 2 สัปดาห์


117 ประเภทของความคลาดเคลื่อนทางยา (ระดับ B) ร้อยละความคลาดเคลื่อนจากการสั่งใช้ยา (จ านวน (ครั้ง)/ใบสั่งยา(ใบ)) ปี 2563 (ก.ค.- ก.ย.) ปี 2564 ปี 2565 3. ยาไม่ครบรายการตามสูตรการรักษา 0 (0/24) 2.50 (2/80) 1.21 (1/82) Prescription error (รวม) 4.16 (1/24) 8.75 (7/80) 8.53 (7/82) เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ - 110.34% -2.51% 9. บทเรียนที่ได้รับ : 9.1. กรณีนอกเวลาราชการ การประสานงานระหว่างทีมสหวิชาชีพยังเข้าใจไม่ตรงกันและมีปัญหา การส่งต่อข้อมูลระหว่างการเปลี่ยนเวรนอกเวลาราชการ ผู้ปฏิบัติงานนอกเวลาราชการบางส่วน ยังไม่ทราบแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง ซึ่งได้มีการประสานงานกับคลินิกนอกเวลาราชการได้รับ ทราบถึงแนวทางปฏิบัติที่ตั้งไว้ 9.2. ปัญหาของผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ควรได้รับการแก้ไขและร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อป้องกันการ แพร่กระจายเชื้อ และเพิ่มความปลอดภัยลดผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยารักษาวัณโรค และ เพิ่มความร่วมมือในการรักษาวัณโรคให้มีความส าเร็จมากขึ้น 9.3. การให้บริการแบบ One Stop Service ท าให้ผู้ป่วยได้รับความพึงพอใจและให้ความร่วมมือใน การรับการรักษามากขึ้น 9.4. เภสัชกรคัดกรองและดักจับ Medication error ที่เกิดขึ้นได้ก่อนที่ยาจะถึงผู้ป่วย ซึ่งพบว่าปัญหา ส่วนใหญ่เกิดจากขนาดยาที่ได้รับไม่เหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้มีแผนน าไปพัฒนาตารางการสั่งใช้ยา ต้านวัณโรคให้เป็นแนวทางเดียวกัน 10. สมาชิกทีม : นายกรีฑา บุญฮก (เภสัชกรประจ าคลินิกวัณโรค) นางสาวนันทิพร แซ่จุ่ง (เภสัชกรประจ าคลินิกวัณโรค) นางสาวจิรนันท์ มินยง (พยาบาลวิชาชีพประจ าคลินิกวัณโรค) นางสาวอมรรัตน์ เกิดศิริ (นักวิชาการสาธารณสุข) นางสาวนัดดาวรรณ ทองเหมือน (นักวิชาการสาธารณสุข) 11. การติดต่อกับทีมงาน : เภสัชกรหญิง นันทิพร แซ่จุ่ง งานบริการจ่ายยาผู้ป่วยนอก กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 353 ถ.เยาวราช ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต โทร 076-361234 ต่อ 1183 E-mail : [email protected]


118 เตรียมให้ถูก ฉีดให้ดี 2. ชื่อและที่อยู่ขององค์กร : หอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม1 โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 3 ค ำส ำคัญ : Medication Error, ผู้ป่วยเด็ก, syring pump, ยาเสพติด, ความปลอดภัย 4. สรุปผลงำนโดยย่อ : ผู้ป่วยเด็กปลอดภัยไม่เกิดการบริหารยาทางหลอดเลือดด าผิดพลาด 5. ปัญหำและสำเหตุโดยย่อ : ความปลอดภัยด้านยาเป็นเป้าหมายหลักในการก าหนดมาตรฐานการใช้และการบริหารจัดการยา ในโรงพยาบาลที่ทีมสหสาขาวิชาชีพทุกระดับต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับบริการด้านยาอย่างมีประสิทธิภาพ พยาบาลเป็นผู้ที่มีบทบาทส าคัญอย่างยิ่งในการบริหารยา เนื่องจากเป็นผู้ดูแลให้ยาถึงตัวผู้ป่วย ดังนั้น จึงต้องมีความรู้มีทักษะในการบริหารยาเป็นอย่างดี ทั้งนี้เพื่อลดและป้องกันความคลาดเคลื่อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากความคลาดเคลื่อนจากการบริหารยา (Medication Error) จัดเป็นปัญหาส าคัญของการ รักษาพยาบาลในปัจจุบันและส่งผลกระทบต่อการรักษาพยาบาลโดยตรง ความคลาดเคลื่อนจากการบริหารยา (Administration Error) เป็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการบริหารยาในหอผู้ป่วย จากการทบทวนอุบัติการณ์ความเสี่ยงของหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม1 ปี 2563 เรื่อง Medication Error พบอุบัติการณ์ ระดับ E 1 ครั้ง ในเรื่องของ Right doseจากการใช้เครื่องมือชนิด Syring pump โดยพยาบาล ขาดความช านาญในการใช้อุปกรณ์รุ่นใหม่ในขณะนั้น และในปี 2564 พบอุบัติการณ์เรื่อง Medication Error ระดับ E 1 ครั้ง ในเรื่องของ Right dose โดยการให้ในปริมาณมากเกินกว่าแผนการรักษาของแพทย์จากเหตุการณ์ ดังกล่าวท าให้ทางหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม1 มีการทบทวนและจัดการความรู้ใน การบริหารยาทางหลอดเลือดด า ในผู้ป่วยกุมารเวชกรรม1 เพื่อป้องกันความผิดพลาดและให้เกิดมาตรฐานในการให้ยาทางหลอดเลือดด า ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดความปลอดภัยต่อผู้ป่วยเด็ก เพื่อให้เกิดแนวทางการปฏิบัติที่จะให้ผู้ป่วยเด็กให้รับยาทางหลอดเลือดด าอย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้องตามแผนการรักษา เกิดความปลอดภัยและไม่มีภาวะแทรกซ้อน ทางหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม 1 จึง ได้มีการจัดการความรู้ในการบริหารยาทางหลอดเลือดด าให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน 6. เป้ำหมำย : เพื่อก าหนดแนวทางปฏิบัติที่จะให้ผู้ป่วยเด็กได้รับยาทางหลอดเลือดด าอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความปลอดภัย 7. กิจกรรมกำรพัฒนำ : 1. ประชุม/ให้ความรู้บุคลากรในหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม1 ในเรื่องการจัดการความรู้ในการบริหารยาทาง หลอดเลือดด าและการบริหารยาเสพติดและการใช้เครื่องมือชนิด Syring pump พัฒนาแนวทางในการ ให้ยาให้มีมาตรฐานสามารถน าไปใช้ให้เป็นแนวทางเดียวกันและเกิดคามปลอดภัย 2. ทบทวนแนวทางการบริหารยาเสพติดทางหลอดเลือดด าต้องมีการ double check ทุกขั้นตอน 3. เครื่องมือที่รับมาใหม่ทุกเครื่องต้องได้รับการสอนวิธีการใช้โดยวิทยากรที่มีความช านาญทุกครั้ง และสาธิตย้อนกลับรายบุคคล 4. ตั้งค่าอุปกรณ์ Syring pump ให้เรียบร้อยก่อนบริหารยาให้ผู้ป่วย 5. ในการบริหารยาทางหลอดเลือดด าห้ามใช้การสื่อสารด้วยวาจาอย่างเดียวผู้เตรียมยาต้องตรวจสอบกับ แผนการรักษาของแพทย์ก่อนทุกครั้ง 6.การเตรียมยาส าหรับไป Sedate ที่ห้อง CT ให้เตรียมยาเป็น dose ยานั้นๆไปตามแผนการรักษา ของแพทย์ส าหรับพร้อมฉีด


119 7. Case ที่ไม่ได้ส่งท า CT Emergency ขอความร่วมมือให้แพทย์ order ยา Sedate ไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ยาขึ้นในระบบเมื่อบริหารยาให้ใช้สติกเกอร์ที่ได้จากห้องยาและใบ medication record มาใช้ในการบริหารยา ในกรณีที่แพทย์ไม่สามารถแพทย์ order ยา Sedate ไว้ล่วงหน้า พยาบาลต้องมีสติกเกอร์ระบุชื่อยาและขนาดยาที่ Syring 8. พยาบาลต้องมีความรู้เบื้องต้นของขนาดยาแต่ละชนิดที่ใช้ในผู้ป่วยเด็กเพื่อตรวจสอบกับแผนการรักษา แพทย์โดยเฉพาะยาส าคัญต่างๆ ได้จัดท าขนาดยาที่ส าคัญในผู้ป่วยเด็กติดไว้ที่โต๊ะเตรียมยา 9. การบริหารยาเสพติดต้องปฏิบัติตามแนวทางอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอนของการบริหารยาโดย ต้องใช้พยาบาลสองคนในการตรวจสอบ 8. กำรวัดผลและผลของกำรเปลี่ยนแปลง : 1. มีคู่มือการบริหารยา 2. ร้อยละความรู้ของบุคลากรในการบริหารยาทางหลอดเลือดด า เท่ากับ 100% 3. อุบัติการณ์การให้ยาทางหลอดเลือดด าผิดพลาด ระดับ E ขึ้นไป เท่ากับ 0 4. ร้อยละความรู้ของบุคลากรในการใช้ Syring pump เท่ากับ 100% 9. บทเรียนที่ได้รับ : 1. ปัจจุบันอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์มีความทันสมัยและอัพเดทบ่อยครั้งท าให้บุคลากรใน หน่วยงานกุมารเวชกรรม1 จ าเป็นต้องฝึกฝนทักษะและเรียนรู้จากผู้ช านาญก่อนใช้ทุกครั้ง 2. การบริหารยาทางหลอดเลือดด าในผู้ป่วยเด็กปริมาณยาที่ใช้อาจมีความแตกต่างตามช่วงวัย ดังนั้นพยาบาลจึงมีความรู้เรื่องการบริหารยา 3. การบริหารยาเสพติดต้องมีการ Double check ทุกครั้ง 10. สมำชิกทีม : นางสาวฟิรดาวส์ หะยีแวกะจิ นางสาวปนัดดา สุวรรณมณี เจ้าหน้าที่หอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม1 11. กำรติดต่อกับทีมงำน : หอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม1 โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ต่อ 6311,6312


120 ผลงานการพัฒนาคุณภาพการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด 2. ชื่อและที่อยู่ขององค์กร : หอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต353ถนนเยาวราช ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 83000 3. ค าส าคัญ : การเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดถูกต้อง ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่เกิดข้อร้องเรียน 4. สรุปผลงานโดยย่อ การเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดที่ถูกต้องและครบถ้วนไม่เกิดปัญหาก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัด ส่งผลดีต่อผู้ป่วยและบุคลากรทั้งทางตรงและทางอ้อมท าให้ผู้ป่วยปลอดภัยขณะผ่าตัดและหลังผ่าตัด ช่วยลดปัญหาค่าใช้จ่าย ลดระยะเวลานอนโรงพยาบาลและที่ส าคัญลดปัญหาการร้องเรียนของผู้ป่วยและญาติ 5. ปัญหาและเหตุผล หอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิงเป็นหอผู้ป่วยสามัญที่ให้บริการรักษาพยาบาลและดูแลผู้ป่วย มีจ านวนผู้ป่วย 32 เตียง เป็นผู้ป่วยทางศัลยกรรมที่ต้องได้รับการผ่าตัดเฉลี่ย 8-10 ราย/วัน การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด จึงถือเป็นขั้นตอนแรกของการให้บริการพยาบาลก่อนได้รับการผ่าตัด จากข้อมูลสถิติหอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง ปี 2563, 2564พบจ านวนผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด1093, 1299ราย พบอุบัติการณ์การเตรียมผ่าตัดผิดพลาด จ านวน 20,21 รายตามล าดับ เช่น ไม่ได้ถอดฟันปลอม ไม่เซ็นต์ยินยอมผ่าตัด ไม่ได้งดน้ างดอาหารฯลฯ เมื่อดูจากจ านวนผู้ป่วยผ่าตัดที่เพิ่มขึ้นทุกปี และอุบัติการณ์การเตรียมผ่าตัดผิดพลาดท าให้ต้องเลื่อนผ่าตัด ก็เพิ่มขึ้นส่งผลเสียต่อการด าเนินการผ่าตัด เพิ่มค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยและยังเพิ่มภาระงานให้กับเจ้าหน้าที่โดยไม่จ าเป็น ผู้จัดท าจึงได้เล็งเห็นถึงปัญหาภายในหน่วยงาน โดยส่วนใหญ่เกิดจาการสื่อสารให้ความรู้ไม่ครบถ้วนและชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาได้แนะน าการปฏิบัติตัวเพียงอย่างเดียว ไม่มีสื่อหรือคู่มือในการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด จากปัญหาดังกล่าว ทางหน่วยงานเกิดแนวคิดสร้างผลงานการพัฒนาการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด โดยน านวัตกรรม Don’t worry you safety ปี 2557 มาจัดท านวัตกรรมต่อยอดซึ่งนวัตกรรม Don’t worry you safety ได้จัดท าใบ Checklist และปลอกแขนเตรียมผ่าตัดไว้แล้ว แต่ยังขาดสื่อหรือคู่มือในการเตรียมความพร้อม ก่อนผ่าตัด โดยจัดท าโปสเตอร์การเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดไว้ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด 4 หน่วยงาน มี OPD ศัลยกรรม, ศัลยกรรมหญิง, ศัลยกรรมชาย, EENT และจัดท า QR cord การเตรียมความพร้อม ก่อนผ่าตัดสามารถ Scan QR code ได้ ซึ่งยุคสมัยปัจจุบันที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ท าให้ง่าย ต่อการเข้าถึงความรู้สามารถสแกนดูการปฏิบัติตัวก่อนผ่าตัดได้อย่างง่ายดายทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ นอกจากนี้ทางหน่วยงานยังจัดท าแบบประเมินการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดแก่ผู้ป่วยและญาติเพื่อเน้นย้ า ความถูกต้องอีกครั้งก่อนส่งห้องผ่าตัด 6. เป้าหมาย /วัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาระบบการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด 2. เพื่อลดอุบัติการณ์การเลื่อนผ่าตัดจากการเตรียมผู้ป่วยไม่พร้อม 3. เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติมีความพึงพอใจไม่เกิดข้อร้องเรียน


121 ขาดการสื่อสาร วิธีการด าเนินงาน การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา (การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาโดยแผนภูมิก้างปลา ) ไม่เตรียมความพร้อม แพทย์เปลี่ยนแผนรักษา ไม่แขวนป้ายงดอาหาร ไม่ได้งดอาหาร มีโรคประจ าตัว ขอยกเลิกผ่าตัด ไม่งดยาละลายลิ่มเลือด อุปกรณ์ไม่พร้อม 7. กิจกรรมการพัฒนา จากการทบทวนสถิติหน่วยงานศัลยกรรมหญิงประจ าปีงบ 2564 (ตุลาคม 2563-กันยายน 2564) พบจ านวนผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีสถิติความผิดพลาดก่อนส่งผ่าตัด จึงทบทวนกระบวนการท างานการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด สรุปดังนี้ 1.การวางแผน (Plan) : ทบทวนแนวทางการเตรียมความพร้อมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด โดยรวบรวมข้อมูล ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องและแนวปฏิบัติน ามาวิเคราะห์ให้มีความเข้าใจและสื่อสารได้ตรงกัน 2. การปฏิบัติตามแผน (Do) : จัดท าเครื่องมือในการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด ดังนี้ 2.1 จัดท าแผ่นพับให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและญาติ ( กรณีที่ผู้ป่วยไม่มีโทรศัพท์ ) แผนการด าเนินงาน มีนาคม 2565 เมษายน 2565 พฤษภาคม 2565 มิถุนายน 2565 กรกฎาคม 2565 สิงหาคม 2565 Plan 1.ส ารวจและคัดเลือกปัญหา 2.ประชุมวิเคราะห์ปัญหา 3.ก าหนดตัวชี้วัด Do 4.การลงมือแก้ปัญหา check 5.เก็บข้อมูลหลังแก้ปัญหา Action 6.สรุปกิจกรรม 7.ก าหนดมาตรฐานการ ปฏิบัติจริง เลื่อนผ่าตัดโดย ไม่นัดหมาย ปัจจัยจาก เจ้าหน้าที่ g ปัจจัยจากระบบ โรงพยาบาล ปัจจัยจาก ผู้รับบริการ


122 2.2 สแกน QR code ผ่านโทรศัพท์เพื่อให้ข้อมูลผู้ป่วยเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด 2.3 จัดท าแบบประเมินผู้ป่วยก่อนผ่าตัดเพื่อเน้นย้ าความเข้าใจ 2.4 จัดท าโปสเตอร์การเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดไว้ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3. การตรวจสอบ (Check) :จากการด าเนินงาน 3.1 ผู้ป่วยและญาติมีความพึงพอใจจากการท าแบบสอบถาม 3.2 เจ้าหน้าที่สามารถเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดได้อย่างถูกต้อง 4.การด าเนินการให้เหมาะสม ( Action ) : ด าเนินงานตามแนวทางที่ก าหนด และตรวจสอบการด าเนินงาน เป็นระยะ เพื่อประเมินผลลัพธ์และน าปัญหาที่พบมาทบทวนหาแนวทางแก้ไขและพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง 8. ตัวชี้วัดผลส าเร็จ / ผลด าเนินโครงการ ตัวชี้วัด เป้าหมาย ผลด าเนินการ ก่อนด าเนินการ หลังด าเนินการ 1. อัตราการงด/เลื่อนผ่าตัด เนื่องจากการเตรียมผ่าตัดไม่พร้อม ≤ 1 % 1.75 % ( 42 ราย / 2392 ราย ) ( 2 ปี ) 1.11% ( 8 ราย / 718 ราย) (พฤษภาคม-ตุลาคม 65) 2. ผู้ป่วยและญาติมีความพึงพอใจ ไม่เกิดข้อร้องเรียน 100 % 70 % 100 % ผลที่คาดว่าจะได้รับเมื่อด าเนินงานเสร็จสิ้น ด้านเจ้าหน้าที่ : เกิดแนวปฏิบัติในหน่วยงานในการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด ด้านผู้ป่วย : ได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดครบถ้วน ผู้ป่วยผ่าตัดปลอดภัย คุณภาพการบริการ : ไม่เกิดข้อร้องเรียนในเรื่องของการงด/เลื่อนผ่าตัด ผู้รับบริการเกิดความพึงพอใจ 9. บทเรียนที่ได้รับ 1. จากการด าเนินงานการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด โดยจัดท าเครื่องมือสแกนผ่าน QR CODE เป็นการน าเทคโนโลยีที่มีในปัจจุบันมาปรับใช้ในการให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและญาติ ท าให้ผู้ป่วย และญาติเข้าถึงข้อมูลในการเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด สามารถเตรียมตัวได้ถูกต้องก่อนผ่าตัด และที่ส าคัญท าให้ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดอย่างปลอดภัย ไม่เกิดภาวะเสี่ยง ส่งผลดีต่อผู้ป่วยญาติ 2.แผนพัฒนาต่อไปทางหน่วยงานจะจัดท าเครื่องมือในการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดรายโรคเพื่อเป็นแนวทาง ในการปฏิบัติตัวให้แก่ผู้ป่วยและญาติ 10. สมาชิกทีม : 1. นางสาวศุภานัน บุญรอด พยาบาลวิชาชีพช านาญการ 2. นางกัลยา ไตรเลิศพิพัฒนกุล พยาบาลวิชาชีพช านาญการ และเจ้าหน้าที่หอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 11. การติดต่อกับทีมงาน : ศุภานัน บุญรอด ตึกศัลยกรรมหญิงโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 076-361211 *** Supanun0905 @gmail.com ***


123 พัฒนาคน พัฒนางาน สู่การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน 2. ชื่อและที่อยู่องค์กร : หอผู้ป่วยพิเศษหลวงพ่อแช่ม โรงพยาบาลศูนย์วชิระภูเก็ต 3 ค าส าคัญ : การพัฒนาและให้ความรู้แก่ผู้ช่วยเหลือคนไข้และพนักงานประจ าตึก ให้สามารถท างานได้ อย่างมีความรู้และมีประสิทธิภาพในงานที่รับผิดชอบ เพื่อให้องค์กรมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน 4. สรุปผลงานโดยย่อ : หอผู้ป่วยพิเศษหลวงพ่อแช่ม ได้พัฒนาและให้ความรู้แก่ผู้ช่วยเหลือคนไข้และ พนักงานประจ าตึกโดยพยาบาลวิชาชีพ เริ่มในเดือน กรกฎาคม 2565 เป็นต้นมาพบว่าผู้ช่วยเหลือคนไข้ และพนักงานประจ าตึกได้เข้ารับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและมีความรู้เพิ่มขึ้น 5. ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ ตึกพิเศษหลวงพ่อแช่ม เปิดให้บริการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นห้องพิเศษเดี่ยว 17 ห้อง รับผู้ป่วย หลากหลายประเภท ทั้งผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูก, ศัลยกรรมทั่วไป,ศัลยกรรมประสาท, นรีเวชกรรม, หู คอจมูก, ตา, CVT, อายุรกรรม, อายุรกรรมโรคเลือดและผู้ป่วยระยะสุดท้าย ซึ่งความต้องการของผู้รับบริการส่วนใหญ่ คือต้องการได้รับการดูแลอย่างรวดเร็วปลอดภัย การได้รับข้อมูลเกี่ยวกับภาวะสุขภาพที่ถูกต้องอย่างต่อเนื่อง ค าแนะน าเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวและมีพฤติกรรมบริการที่ดี สุภาพ อ่อนโยน เอาใจใส่ มีการประสานงาน ที่มีคุณภาพ ความครบถ้วนในการส่งต่อข้อมูลอย่างถูกต้องจากเจ้าหน้าที่ทั้งพยาบาล ผู้ช่วยเหลือคนไข้ และพนักงานประจ าตึก ซึ่งตึกหลวงพ่อแช่มได้จัดอัตราก าลังให้มีผู้ช่วยเหลือคนไข้และพนักงานประจ าตึกในทุกเวร เพื่อช่วยในการให้บริการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และรวดเร็ว ปัญหาที่พบ คือ มีการเข้า-ออกของผู้ช่วยเหลือคนไข้ และพนักงานประจ าตึกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 , 2562 , 2563 และ 2564 จ านวน 11 , 6 , 5 และ 10 คน ตามล าดับ เมื่อมีการเข้าใหม่ของบุคลากร ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้จบหลักสูตรเฉพาะทางมา ในอัตรา 1 : 1 ของผู้ช่วยเหลือคนไข้ทั้งหมด จ าเป็นต้องมีการให้ความรู้และทบทวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความรู้ในเรื่องพื้นฐานที่ควรทราบ เช่น การแนะน ารับใหม่/ รับย้าย, การเปิดห้องรับผู้ป่วยและการท าเตียง , การวัดสัญญาณชีพและการลงบันทึก/การบันทึกน้ าเข้าน้ าออก, สิทธิการรักษา, การเตรียมอุปกรณ์ส าหรับช่วยท าหัตการ เช่น การเตรียมอุปกรณ์ดูดเสมหะ, สุขวิทยาส่วนบุคคล, การจัดการขยะและผ้า,การดูแลสายสวนปัสสาวะ,การล้างมือ, การดูแลผู้ป่วยที่ได้รับออกชิเจน, การดูแลผู้ป่วย ใส่สายยางให้อาหาร, การใช้อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ, การป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา, แนวทางปฏิบัติเมื่อได้รับอุบัติเหตุเข็มต าหรือสัมผัสสารคัดหลั่งผู้ป่วย, การควบคุมพื้นที่ภายในหอผู้ป่วยเป็นเขตสะอาด /เขตปนเปื้อน, การจัดการเวชภัณฑ์อุปกรณ์ปราศจากเชื้อ, การดูแลเครื่องมือ FIFO, การจัดการน้ ายาต่างๆเป็นต้น เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ ถึงแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะมีการให้ความรู้ในช่วงแรกแต่ยังขาดความต่อเนื่อง และไม่ครบถ้วน ไม่มีการประเมินผลทั้งความรู้และความพร้อมในการปฏิบัติงาน จึงท าให้เกิด กระบวนการพัฒนา และให้ความรู้แก่ผู้ช่วยเหลือคนไข้และพนักงานประจ าตึกอย่างต่อเนื่องและครบถ้วน เพื่อให้ผู้ช่วยเหลือคนไข้ และพนักงานประจ าตึกมีความรู้สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง ผู้ป่วยมีความปลอดภัยและมีความพึ่งพอใจ ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการได้ 6. เป้าหมาย 1. ผู้ช่วยเหลือคนไข้และพนักงานประจ าตึกเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ 15 ครั้ง/คน/ปี 100 % 2. ผู้ช่วยเหลือคนไข้และพนักงานประจ าตึกมีความรู้เพิ่มขึ้นจากการทดสอบความรู้ก่อน-หลังเรียน 100% 7. กิจกรรมการพัฒนา Plan 1. ประชุมปรึกษาศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง 2. จัดท าแผนการสอน ก าหนดหัวข้อในเรื่องที่ต้องเรียนรู้ 3. ก าหนดผู้รับผิดชอบในแต่ละหัวข้อ


124 Do 1 .สื่อสารชี้แจงให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานทราบ 2. น าเสนอการสอนหลังส่งเวรทุกวันศุกร์ที่ 1 และ 3 ของเดือน เวลา 08.30-09.00 น. ประมาณ 30 นาที 3. มีการทดสอบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนและหลังเรียนทุกครั้ง Check 1. หัวหน้าหน่วยงานควบคุม ก ากับ ติดตาม และตรวจสอบการปฏิบัติ 2. รายงานผลการปฏิบัติและข้อมูลที่รวบรวมได้ ให้หัวหน้าหน่วยงานทราบทุกเดือน ACT จากการประเมินการพัฒนาและให้ความรู้แก่ผู้ช่วยเหลือคนไข้และพนักงานประจ าตึก พบว่าทุกคน มีการค้นคว้าหาความรู้และมีความรู้เพิ่มขึ้น 8. การวัดผล และผลของการเปลี่ยนแปลง 1. ผู้ช่วยเหลือคนไข้และพนักงานประจ าตึกเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ 15ครั้ง/คน/ปี90 % 2. ผู้ช่วยเหลือคนไข้และพนักงานประจ าตึกมีความรู้เพิ่มขึ้นจากการทดสอบความรู้ก่อน-หลังเรียน 90 % 9. บทเรียนที่ได้รับ จากการพัฒนาและให้ความรู้แก่ผู้ช่วยเหลือคนไข้และพนักงานประจ าตึก ท าให้ผู้ช่วยเหลือคนไข้ และพนักงานประจ าตึกได้รับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในงานที่รับผิดชอบ ปัญหาและอุปสรรค 1. ผู้ช่วยเหลือคนไข้และพนักงานประจ าตึกไม่พร้อมเข้าร่วมเนื่องจากภารกิจส่วนตัว 2. ภาระงานเยอะ เวลาไม่พอในการน าเสนอ 3. ความสามารถในการเรียนรู้ของแต่ละคนไม่เท่ากัน โอกาสพัฒนา 1. มีการสอนเพิ่มเรื่องละ 2 ครั้ง/เดือน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ 100% 2. จัดท าเอกสารบันทึกเป็น QR Code เพื่อสามารถอ่านย้อนหลังได้ 10. ชื่อสมาชิกทีม : นางสาวฐิติมา นิดคง พยาบาลวิชาชีพช านาญการ นางสาวสุวรรณี สินโต พยาบาลวิชาชีพช านาญการ 11. การติดต่อทีมงาน : นางสาวฐิติมา นิดคง พยาบาลวิชาชีพช านาญการ หอผู้ป่วยพิเศษหลวงพ่อแช่ม โรงพยาบาลศูนย์วชิระภูเก็ต


125 ห่วงแขวนแขน แทนความห่วงใย ไร้รอยรัดตรึง (จากใจ Scrub nurse) 2. ชื่อและที่อยู่ขององค์กร : งานห้องผ่าตัด โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 3. ค าส าคัญ : Elastic bandage, Endospine Silicone Tubing Set, Pulse lavarge silicone 4. สรุปผลงานโดยย่อ:ลดภาวะแทรกซ้อนจาก 70% เหลือ 0% และลดระยะเวลาการเตรียมอุปกรณ์ใช้แถบรัดตรึง อวัยวะส่วนที่จะท าการผ่าตัด จาก 10 นาที เหลือ 1-3 นาที และผู้ใช้บริการพึงพอใจเพิ่มจาก 67% เป็น 95% โดยการใช้วัสดุเหลือใช้มาดัดแปลงท าเป็นห่วงแขวนแขน 5. ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ: การป้องกันการติดเชื้อที่ต าแหน่งผ่าตัดมีความส าคัญยิ่งและเป็นความท้าทายของบุคลากรทางการแพทย์ ที่จะด าเนินการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยปลอดภัยไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด การป้องกัน การติดเชื้อที่ต าแหน่งผ่าตัดในระยะผ่าตัด เริ่มต้นด้วยการเตรียมผิวหนังบริเวณผ่าตัด เพื่อลดจ านวนเชื้อโรค บริเวณผิวหนังผู้ป่วยให้เหลือน้อยที่สุดโดยใช้น้ ายาฆ่าเชื้อที่ก่อให้เกิดการระคายต่อผิวหนังน้อยที่สุด หรือไม่ก่อให้เกิด การระคายเคืองเลย ซึ่งก่อนผ่าตัดผู้ป่วยทุกรายต้องได้รับการฟอกท าความสะอาดผิวหนังบริเวณเป็นวงกว้างรัศมี 8 นิ้ว จากบริเวณที่จะลงมีดผ่าตัด ความยุ่งยากของการท าความสะอาดผิวหนังก่อนการผ่าตัดของแผนกออร์โธปิดิกส์ คืออวัยวะที่เป็นรยางค์ เช่น การผ่าตัดบริเวณแขนตั้งแต่ หัวไหล่ ถึงปลายมือ มีความจ าเป็นต้องยกแขนให้ลอย ไม่สามารถวางบนโต๊ะ หรือเตียงผ่าตัดได้ เพื่อให้สามารถท าความสะอาดได้รอบแขนตามมาตรฐาน โดยวิธีปฏิบัติเดิม ทีมใช้ Elastic bandage ขนาด 4 นิ้ว ตัดความยาวตามความเหมาะสมกับขนาด น้ าหนัก และความยาวของแขนแต่ละรายผู้ป่วย คล้องรัดนิ้วมือข้างที่ท าการผ่าตัด เพื่อยกแขนขึ้น น าไปแขวนที่เสาน้ าเกลือ แล้วจึงฟอกท าความสะอาดแขน จากการใช้งานมาระยะหนี่ง พบว่าการใช้งานด้อยประสิทธิภาพลง ผู้ใช้บ่นไม่อยากใช้งานต่อ ทีมงานจึงได้ ท าการวิเคราะห์ หาสาเหตุและพบปัญหาจากการใช้ Elastic bandage ดังนี้ 1. ผู้ป่วยมีรอยรัดตรึงที่แขน หรือที่อวัยวะที่ถูกแขวน 2. ไม่สะดวกในการปรับลดระดับให้พอดี 3. สกปรกและมีการแพร่กระจายเชื้อได้ง่าย 4. รับน้ าหนักได้ยังไม่เต็มที่ สายจะหย่อน 5. ใช้เวลาในการเตรียมนาน 6. ผู้ใช้บริการไม่พึงพอใจ ทีมงานจึงได้ร่วมกันศึกษา หารูปแบบที่เหมาะสมมาใช้กับผู้ป่วยภายใต้โครงการ “ห่วงแขวนแขน แทนความห่วงใย ไร้รอยรัดตรึง” 6. เป้าหมาย 1. ลดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการใช้ Elastic bandage = 0 2. ลดระยะเวลาในการเตรียมอุปกรณ์ในการรัดตรึง (50%) 3. ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ (มากกว่า 80%) 7. กิจกรรมการพัฒนา (process) 1. เดิมใช้ Elastic bandage รัดบริเวณนิ้วหรือข้อมือเพื่อแขวนแขนข้างที่ท าการผ่าตัดขึ้น ฟอกท าความสะอาด (ภาพที่ 1) 2. พัฒนาอุปกรณ์แขวนแขน ครั้งที่ 1 โดยใช้ Endospine Silicone Tubing Set (สายน้ าที่ใช้แล้วทิ้ง ในการผ่าตัดส่องกล้องกระดูกสันหลัง) แล้วใช้ลวดทองแดงจากสายจี้ไฟฟ้า (ที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง) สอดไว้ภายในสายน้ า ผูกทั้งสองด้านเข้าด้วยกัน (ภาพที่ 2)


126 ภาพที่ 1 แสดงอุปกรณ์แขวนแขนแบบเดิม ภาพที่ 2 แสดงอุปกรณ์การพัฒนาครั้งที่ 1 3. พัฒนาอุปกรณ์แขวนแขน ครั้งที่ 2 น า syringe 5 ซีซี ตัดครึ่ง (ส่วนของหัว Syringe ทิ้งไป) น าด้านท้าย สอดเข้ากับสายน้ า Endospine Silicone Tubing Set เพื่อใช้เป็นตัวล็อค (ภาพที่ 3) 4. พัฒนาอุปกรณ์แขวนแขน ครั้งที่ 3 ปรับความแข็งแรง และ ความสวยงามของอุปกรณ์แขวนแขน โดยใช้ยาง Silicone หุ้มบริเวณ จุดที่ผูกของสายลวดทองแดง (ภาพที่ 4) ภาพที่ 3 แสดงอุปกรณ์ การพัฒนาครั้งที่ 2 ภาพที่ 4 แสดงอุปกรณ์ การพัฒนาครั้งที่ 3 5. พัฒนาอุปกรณ์แขวนแขน ครั้งที่ 4 ปรับความสวยงาม และเพิ่มความสะดวกในการล้างท าความสะอาด โดยตัดสายยางปืนล้างเข่า (Pulse lavarge silicone) ที่ใช้แล้วยาว 5เซนติเมตร หุ้มบริเวณจุดที่ผูก ของสายลวดทองแดง ดังรูป ภาพที่ 5 แสดงอุปกรณ์ที่ใช้การพัฒนาครั้งที่ 4 พร้อมการใช้งาน 8. การประเมินผลการเปลี่ยนแปลง (performance) 1. ลดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการใช้ Elastic bandage จากเดิมมากกว่า 70% เหลือ0% 2. ระยะเวลาในการเตรียมอุปกรณ์ในการรัดตรึง ลดลงจาก 10 นาที เหลือ 1-3 นาที 3. ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการจากเดิม 67% เพิ่มเป็น 95%


127 9. บทเรียนที่ได้รับ 1. การยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ในการท างาน ส่งผลให้มีการปรับกระบวนการท างานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 2. ผลลัพธ์ที่ดีควรมีการเผยแพร่ / ได้มีการน าใช้ไปยังการผ่าตัดอื่นๆ รวมถึงการใช้งานที่หอผู้ป่วย และศูนย์ดูแลบาดแผล 10. สมาชิกทีม 1.นางพัชรีประทีปไพศาลกุล พยาบาลวิชาชีพช านาญการพิเศษ (ที่ปรึกษา) 2.นางอัญชนา เสมอภาค พยาบาลวิชาชีพช านาญการพิเศษ (ที่ปรึกษา) 3.นายอดิศักดิ์ ศักดิ์มาก พยาบาลวิชาชีพช านาญการ 4.น.ส.อังคณา แก้วประดับ พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ 11. การติดต่อกับทีมงาน : นายอดิศักดิ์ ศักดิ์มาก งานห้องผ่าตัด โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โทร 086-9431874 E-mail : [email protected]


128 CCU สัญจร EKG Easy กว่าที่คิด 2. ชื่อและที่อยู่ขององค์กร/ภาควิชา หอผู้ป่วยหนักโรคหัวใจ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 3. ค าส าคัญ การอ่านและการแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, พัฒนาศักยภาพพยาบาล 4. สรุปผลงานโดยย่อ: ความรู้ศักยภาพของคนส าคัญ การพัฒนาคนให้เก่งไปด้วยกัน จะส่งผลให้ผู้ป่วยปลอดภัย 5. ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ จากสถิติในปีงบประมาณ 2562-2564 และไตรมาสแรกปี2565 ช่วงเดือนต.ค.2564 – มี.ค.2565 โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต มีจ านวนผู้ป่วยที่ Unplan CPRกลุ่มงานอายุรกรรม จ านวน 35, 25, 49แล29รายต่อปี ตามล าดับ พบอัตราการเสียชีวิต 25, 15, 28 และ 18 รายต่อปีตามล าดับ ไตรมาสแรกปี 2565 ช่วงเดือน ต.ค.2564 – มี.ค.2565 Unplan CPR ด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด 21รายต่อปี เสียชีวิต 10รายต่อปี ซึ่งพบได้ในทุกหน่วยงานและพบมากที่สุดคือหน่วยงานทางอายุรกรรม หอผู้ป่วยหนักโรคหัวใจรับผู้ป่วย วิกฤตโรคหัวใจและหลอดเลือด เมื่อได้รับการรักษาพยาบาลจนผ่านพ้นภาวะวิกฤตแล้ว จะส่งต่อผู้ป่วยไป ดูแลต่อเนื่องที่หอผู้ป่วยต่างๆ ขณะที่หน่วยงานต่างๆ มีพยาบาลใหม่ (Novice) ทุกปีและจากสถิติ อุบัติการณ์อัตราการ Re-visit กลับเข้า CCU ภายใน 48 ชั่วโมง ในปี2562-2564 ไม่พบข้อมูลทางสถิติ แต่ในไตรมาสแรกปี2565 พบ 3 ราย ด้วยเรื่อง Delay detectionการแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ จากการทบทวน อุบัติการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ป่วยเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะก่อนเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น ปัจจัยที่ส าคัญคือพบปัญหา การอ่านและแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจเบื้องต้นของพยาบาลล่าช้า ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่ปลอดภัย ดังนั้น ทางหอผู้ป่วยหนักโรคหัวใจ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จึงเห็นถึงความส าคัญของการพัฒนาศักยภาพและ ความพร้อมในการให้บริการผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยการจัดโครงการ CCU สัญจร EKG Easy กว่าที่คิดขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรพยาบาลให้มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติการดูแลผู้ป่วย โรคหัวใจและหลอดเลือด การพัฒนาทักษะด้านการอ่านและแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจเบื้องต้น ถือว่ามีความจ าเป็น และส าคัญ พยาบาลซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยมากที่สุด จึงต้องมีความรู้เกี่ยวกับสภาวะโรค มีสมรรถนะ ในการประเมินที่แม่นย า ถูกต้อง วิเคราะห์และตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม มีทักษะในการอ่านและแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้เกิดความช านาญ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที หากผู้ป่วยมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ สามารถให้การพยาบาลเบื้องต้นได้ ป้องกันการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น ที่อาจเกิดขึ้นตามมา สามารถประสานงานและร่วมมือกับทีมรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยสูงสุด 6. เป้าหมาย 1. Early detection อ่านและแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ถูกต้อง รวดเร็ว ปลอดภัย Unplan CPR = 0 2. อัตราRe-visitกลับเข้าCCU=0 3. พยาบาลทุกระดับในแต่ละหน่วยงานสามารถอ่านและแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ≥ 85%


การวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาโดยใช้แผนภูมิก้างปลา Delay Detection Unplan CPR Man - พยาบาลน้องใหม่ขาดประสบการณ์ - ขาดความรู้ในการอ่านและแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใ - ขาดความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ - ผู้ป่วยมีจ านวนมากส่งผลให้ภาระงานมาก - พยาบาลไม่เห็นถึงความส าคัญของการประเมินผู้ - การรายงานแพทย์ไม่ทันเวลา Method - บันทึกทางการพ หัวใจ - ระบบการส่งต่อเ โรคหัวใจและหล - ภาระงานมาก -


ใจ ้ป่วย พยาบาลไม่ครอบคลุม ในเรื่องของการแปลผลคลื่น เวร ไม่เห็นความส าคัญของEKG โดยเฉพาะผู้ป่วย ลอดเลือด Machine - อุปกรณ์เครื่องมือไม่เพียงพอ เช่น Monitor EKG 129


130 7. กิจกรรมการพัฒนา (process) Plan 1. ประชุมทีมงานพยาบาลในCCUและสมาชิกทีมก าหนดโครงสร้างกิจกรรมและมอบหมายความรับผิดชอบ กิจกรรม ระยะเวลาในการด าเนินการ พ.ค มิ.ย ก.ค ส.ค ก.ย ต.ค พ.ย ธ.ค 1. แบ่งกลุ่มท าโครงการ 2. ประชุมถึงปัญหาและสรุปชื่อโครงการ 3. วางแผนการด าเนินงาน 4. สืบค้นข้อมูล งานวิจัย บทความทางการศึกษา 5. ด าเนินโครงการ ลงหน่วยงาน 6. สรุปผลการด าเนินการ 7. น าเสนอโครงการ 2. ก าหนดหัวข้อปัญหา, ก าหนดกลุ่มเป้าหมาย: หอผู้ป่วยหนักโรคหัวใจ, หอผู้ป่วยร่มไทร, ตึก พิเศษหลวงพ่อแช่มชั้น2และชั้น3, หน่วยงานไตเทียม 3. ก าหนดท ากิจกรรมให้ความรู้แก่บุคลากรพยาบาลเรื่องการอ่านและการแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ(EKG) - จัดท าข้อสอบ Pre testและ Post test เรื่องการอ่านและการแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ส าหรับใช้ในการสอบบุคลากรพยาบาล แบบ Kahoot และแบบ Paper (เอกสารแนบ) - จัดท า Power point เนื้อหาการสอน ให้ความรู้เรื่องการอ่านและการแปลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) (เอกสารแนบ) - ก าหนดรูปแบบการท า Work shop การอ่านและแปลผล EKG ตามแบบสถานการณ์ต่างๆ 4. ประสานงานหน่วยงานต่างๆ 5. ก าหนดตัวชี้วัดและตั้งเป้าหมาย Do 1. ด าเนินการลงหน่วยงานตามแผน ในเดือนกรกฎาคม – พฤศจิกายน 2565 2. จัดให้ท า Pre test เรื่องการอ่านและการแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) แบบ kahoot ส าหรับพยาบาล 3. ให้ความรู้แก่บุคลากรพยาบาล เรื่องการอ่านและการแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) 4. ท า Work shop การอ่านและแปลผลEKG ตามแบบสถานการณ์ต่างๆ 5. จัดให้ท า Post test เรื่องการอ่านและการแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) แบบ kahoot ส าหรับพยาบาล 6. ติดตามผลการด าเนินงานรายเดือนและเทียบกับเป้าหมาย การประเมินผลการเปลี่ยนแปลง (performance) Check ตัวชี้วัดความส าคัญ เป้าหมาย ผลการด าเนินงาน (ก.ค 65 - ธ.ค 65) ก่อนด าเนินงาน (ต.ค-มี.ค 65) ก.คส.ค ก.ย ต.ค พ.ย ธ.ค Unplan CPR 0 21 (10) 0 0 0 0 0 0 อัตรา Re-visit กลับเข้า CCU ใน 48 ชั่วโมง 0 3 0 0 0 0 0 0


131 บุคลากรพยาบาลทุกระดับมีคะแนนความรู้เรื่องการอ่านและการแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) > 85 % กราฟแสดงการเปรียบเทียบคะแนน Pre-test และ Post-test ของพยาบาลในแต่ละหน่วยงาน จากผลการสอบวัดระดับความรู้ของของพยาบาลในแต่ละ หน่วยงานในการอ่านและแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ผลคะแนนเฉลี่ยความรู้Pre-test =69.7% และผลคะแนน เฉลี่ยความรู้ Post-test = 93.3% ซึ่งสูงกว่าค่าเป้าหมายที่ก าหนดไว้(85%) และพยาบาลในแต่ละ หน่วยงานผ่านเกณฑ์ 100% Act 1. วิเคราะห์ปัญหา พบแบบข้อสอบ Pre test และ Post test เรื่องการอ่านและการแปลผล คลื่นไฟฟ้าหัวใจ(EKG) ส าหรับใช้ในการสอบบุคลากรพยาบาล แบบKahoot ใช้ได้บาง หน่วยงาน เนื่องจาก Wi-fi ไม่เสถียร น าสู่การปรับปรุงแก้ไขแบบข้อสอบใหม่ขึ้น เพื่อปรับให้ เข้ากับบริบทกับหน่วยงานต่างๆ 9. บทเรียนที่ได้รับ 1. การพัฒนาการอ่านและแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจส าหรับบุคลากรพยาบาลให้มีความรู้ความช านาญ ส่งผลให้เกิดความมั่นใจ เพื่อผู้ป่วยได้รับการเฝ้าระวัง และเข้าถึงการรักษา ได้ถูกต้อง รวดเร็ว ปลอดภัยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน 2. แผนการพัฒนาในอนาคต - โครงการหัวใจสัญจรเพิ่มศักยภาพการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจให้หน่วยงานในโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 10. สมาชิกทีม : ทีมงานหอผู้ป่วยหนักโรคหัวใจ ผู้น าเสนอผลงาน : นางสาวกัญญารัตน์ มั่นคง พว.ช านาญการ นางสาวนัชชา ผลแก้ว พว.ปฏิบัติการ 11. การติดต่อกับทีมงาน : นางวิลาวัลย์ หลีสกุล หอผู้ป่วยหนักโรคหัวใจ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โทรศัพท์ติดต่อ E-mail :[email protected] ภาพกิจกรรมการด าเนินงาน ประชุมทีมหอผู้ป่วยหนักโรคหัวใจ 69. 7 92. 3 0 20 40 60 80 100 ระดับคะแนนความรู้ Pre test Post test 90 64.6 73.7 50.8 96 93.6 86.25 93.3 0 20 40 60 80 100 120 CCU ร่มไทร ไตเทียม แช่ม2,3 Pre test Post test


132 หอผู้ป่วยหนักโรคหัวใจ หอผู้ป่วยร่มไทร หน่วยงานไตเทียม


133 ตึกพิเศษหลวงพ่อแช่มชั้น2 และชั้น3


134 สื่อประกอบ Powerpoint สอน EKG Pretest EKG Posttest EKG แบบประเมินความพึงพอใจ


135 Fast track hip fracture surgery 2. ค ำส ำคัญ : กระดูกสะโพกหัก , Hip surgery , Fast track 3. สรุปผลงำนโดยย่อ: หอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูก ได้สร้างและพัฒนาระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยกระดูกสะโพกหัก ที่ต้องผ่าตัดและน ามาใช้ตั้งแต่ปี2563 ถึง ปี2565 พบว่าสามารถลดรอคอยการผ่าตัด ลดค่าใช้จ่ายในการรักษา ลดจ านวนวันนอนในโรงพยาบาล และลดอัตราตายภายใน 1 ปีลงได้ 4. ชื่อและที่อยู่องค์กร : หอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูก โรงพยาบาลศูนย์วชิระภูเก็ต 5. ปัญหำและสำเหตุโดยย่อ ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นทุกปี ซึ่งผู้สูงอายุมักมีภาวะกระดูกพรุนร่วมด้วยดังนั้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแม้ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรง เช่นการพลัดตกหกล้มภายในบ้าน ก็สามารถท าให้ กระดูกหักโดยง่าย กระดูกหักที่พบได้บ่อยในประชากรกลุ่มนี้คือกระดูกสะโพกหัก ซึ่งการรักษาตามมาตรฐาน ของผู้ป่วยกลุ่มนี้คือ การผ่าตัดดามโลหะที่กระดูก หรือการเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม กระดูกข้อสะโพกหักเป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อการด าเนินชีวิตของผู้สูงอายุทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เมื่อผู้สูงอายุกระดูกสะโพกหักจะไม่สามารขยับร่างกายได้ตามปกติ ผู้สูงอายุจะรู้สึกปวดมาก มักจะนอน หรือนั่งอยู่ท่าเดิมเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดปัญหาส าคัญ เช่น แผลกดทับ โดยเฉพาะบริเวณก้นและสะโพก ซึงจะส่งผลให้นอนโรงพยาบาลนานขึ้น นอกจากนี้ยังพบอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้สูงอายุที่มี กระดูกสะโพกหักโดยรวมอยู่ที่ร้อยล่ะ 75 ส าหรับผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักที่ได้รับการผ่าตัดพบมี ภาวะแทรกซ้อนอย่างน้อย 1 อย่าง ปัญหาที่พบบ่อยได้แก่ ปัสสาวะไม่ออก และการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ การศึกษา พบว่าผู้สูงอายุกระดูกสะโพกหักที่ได้รับการผ่าตัดล่าช้า (ระยะเวลารอผ่าตัด > 48 ชั่วโมง) มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนสูงกว่าผู้ป่วยที่ไม่ต้องรอผ่าตัดนาน 1.8 เท่า ดังนั้นการดูแลรักษา ผู้สูงอายุกระดูกสะโพกหักโดยการผ่าตัดเร็ว เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจึงมีความส าคัญยิ่ง ด้วยเหตุผล ดังกล่าวท าให้มีการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักที่ต้องผ่าตัด ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับ การผ่าตัดที่ได้มาตรฐานตามกระบวนการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาวะแทรกซ้อน ลดจ านวนวันนอน ลดค่าใช้จ่ายและลดอัตราการเสียชีวิตได้ จากสถิติ หอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกโรงพยาบาลศูนย์วชิระภูเก็ตจ านวนผู้สูงอายุที่กระดูกสะโพกหักเพิ่มขึ้น จาก 103รายในปี พ.ศ. 2561เป็น 121 รายในปี พ.ศ. 2562และผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็นผู้สูงอายุ มีโรคร่วมทางอายุรกรรม ต้องปรึกษาแพทย์อายุกรรมก่อนผ่าตัด ซึ่งยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน ท าให้ได้รับการผ่าตัดช้า ผู้ป่วยต้องนอน โรงพยาบาลนาน มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆได้สูง จึงท าให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาดูแลในโรงพยาบาลสูงเมื่อ เทียบกับผู้ป่วยโรคอื่นๆของหอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูก นอกจากนี้ยังท าให้อัตราตายภายใน 1 ปีสูงไปด้วย 6. เป้ำหมำย 1. ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดภายใน 72 ชั่วโมง มากกว่าร้อยละ 50 2. จ านวนวันนอนโรงพยาบาลของผู้ป่วยน้อยกว่า 10 วัน 3. ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลลดลง 4. อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยผ่าตัดกระดูกสะโพกภายใน 1 ปี น้อยกว่า ร้อยละ 12 7. กิจกรรมกำรพัฒนำ วงล้อที่ 1 ข้อมูลปี 62 จ านวน ผู้ป่วย ผู้ป่วยไม่ผ่าตัด (ราย) ผู้ป่วยผ่าตัด (ราย) ผ่าใน 72 ชม. ผ่าเกิน 72 ชม. LOS ค่ารักษา 121 27(22.3%) 94(77.7%) 43(45.7%) 51(54.3%) 16วัน 150,839


136 ข้อมูลอัตราตายภายใน 1 ปี ไม่ผ่าตัด ผ่าใน 72 ชม. ผ่าเกิน 72 ชม. รวม 29.62%(8/27) 11.63%(5/43) 13.73%(7/51) 16.53% 1. วิเคราะห์ SWOT Analysis - จุดแข็ง (Strength) คือแพทย์ในแผนกศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์มีจ านวนเพียงพอและเห็นความส าคัญ ของปัญหาเรื่องการผ่าตัดกระดูกสะโพกหัก มีระบบสนันสนุนที่มีประสิทธิภาพ มีเครื่องมือ ผ่าตัดที่ทันสมัยได้มาตรฐาน มีระบบการตรวจสอบประวัติการใช้ยาที่ดี - จุดอ่อน (Weakness) แพทย์บางคนไม่ช านาญในการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมการบริหา จัดการห้องผ่าตัด เนื่องจากห้องผ่าตัดยังไม่เพียงพอ ระบบการปรึกษาก่อนผ่าตัดยังไม่ชัดเจน 2. น าปัญหาแลอุปสรรคจากการ SWOT ประชุมผู้ที่เกี่ยวของ แพทย์ และสหสาขาวิชาชีพเพื่อร่วมวางแผน ระบบการดูแล ตั้งแต่แรกรับจากแผนกฉุกเฉินจนถึงจ าหน่ายออกจากโรงพยาบาล โดยจัดท าFLOW การดูแลรักษาผู้ป่วยกระดูกสะโพกหัก , Care map, การส่งต่อ 3.ชี้แจงแนวทางระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักแก่เจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงาน และสหสาขาวิชาชีพทราบ 4. ควบคุม ก ากับ ติดตาม และตรวจสอบการปฏิบัติ 5. เก็บข้อมูลผู้ป่วยจากเวชระเบียนโดยเก็บข้อมูลข้อมูลพื้นฐานของผู้ป่วย, เวลาที่ได้รับการผ่าตัด, ระยะเวลารอคอยที่นอนโรงพยาบาล และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล, จ านวนวันนอนและอัตราตายภายใน 1 ปี 6. สรุปและประเมินผลการด าเนินงานเพื่อน ามาปรบปรุงระบบการดูแลผู้ป่วยกระดูกสะโพกหัก 8. กำรประเมินผลกำรเปลี่ยนแปล ผลลัพธ์ ปี จ านวน ผู้ป่วย (ราย) ผู้ป่วยไม่ ผ่าตัด (ราย) ผู้ป่วยผ่าตัด (ราย) ผ่าใน 72 ชม. ผ่าเกิน 72 ชม. LOS ค่ารักษา 2563 107 15(14%) 92(86%) 52(56.5%) 40(43.5%) 12.1 128,308 2564 120 16(13.4%) 104(86.6%) 61(58.7%) 43(41.3%) 15.2 137,532 ข้อมูลอัตราตายภายใน1ปี ปี ไม่ผ่าตัด ผ่าใน 72 ชม. ผ่าเกิน 72 ชม. รวม 2563 20%(3/15) 9.6%(5/52) 12.5%(5/40) 12.1%(13/107) 2564 25%(4/16) 9.8%(6/61) 13.95%(6/43) 13.3%(16/120) ปัญหำที่พบ ปี2564 ร้อยละของการผ่าตัดภายใน 72 ชม.มากขึ้น แต่จ านวนวันนอนและค่ารักษาใน โรงพยาบาลมากขึ้นเช่นกัน จึงร่วมกันพัฒนาจัดท า Redesign patient journey และ ERAS in Geriatric hip fracture น ามาใช้ในปี 2565


137 ผลลัพธ์ปี 2565 จ านวน ผู้ป่วย ผู้ป่วยไม่ ผ่าตัด (ราย) ผู้ป่วยผ่าตัด (ราย) ผ่าใน 72 ชม. ผ่าเกิน 72 ชม. LOS ค่ารักษา 104 10(9.6%) 94(90.4%) 59(62.76%) 35(37.23%) 9.4วัน 104,334 ข้อมูลอัตราตายภายใน1ปี ไม่ผ่าตัด ผ่าใน 72 ชม. ผ่าเกิน 72 ชม. รวม 20%(2/10) 8.5%(5/59) 11.4%(4/35) 10.57%(11/104) 9. บทเรียนที่ได้รับ การพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักที่ต้องผ่าตัด พบว่าช่วยลดภาวะแทรกซ้อน ลดจ านวน วันนอน ลดค่าใช้จ่ายและลดอัตราการเสียชีวิตได้ ปัญหำ และอุปสรรค ไม่มีแนวทางชัดเจนในการช่วยเหลือแพทย์ที่ท าผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมไม่ได้ท าให้ผู้ป่วยต้อง รอผ่าตัดหลายวัน ข้อเสนอแนะและโอกำสพัฒนำ จัดตั้งกลุ่มแพทย์ที่ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมได้ เพื่อช่วยเหลือแพทย์ที่ไม่สามารถผ่าตัด เปลี่ยนข้อสะโพกเทียมได้ ใช้ชื่อว่า “ทีมช่วยเหลือ “โดยมีนพ.ชวลิต เป็นหัวหน้าทีม พยาบาล manager ที่รับผิดชอบในการจัดการผู้ป่วยกลุ่มนี้ ต้องจัดการต่อเนื่อง และติดตาม เมื่อผ่านไป 2 วัน หากผู้ป่วยยังไม่ได้รับการผ่าตัดให้แจ้งให้แพทย์เจ้าของไข้ทราบอีกครั้ง และ กรณีที่แพทย์เจ้าของไข้ไม่สามารถผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมได้ รายงานให้นพ.ชวลิตทราบ ในวันถัดไปเพื่อด าเนินการต่อไป ผู้ป่วยทุกรายต้องได้รับการท า osteoporosis Screening & Treatment 10. สมำขิกทีม : เจ้าหน้าที่หอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูก 11. กำรติดต่อกับทีมงำน : เจ้าหน้าที่หอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูก โทร 6750


138 สง Lab ถูกตองปองกันการผดิพลาด 2. ชื่อและที่อยูขององคกร : หออภิบาลโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 3. คําสําคัญ : Patient identify 4. สรุปผลงานโดยยอ : การระบุตัวผูปวยเปนกระบวนการที่สําคัญในการบริการพยาบาล เพื่อในการดูแล รักษาพยาบาลไดถูกตอง ถูกบุคคล ผูปวยไดรับความปลอดภัย Stroke unit ไดนํา WI การระบุตัวผูปวยมา ใชในกระบวนการเก็บสิ่งสงตรวจในปงบประมาณ2564 พบวาในหนวยงาน มีการ Request lab ผิดคน = 2 ในปงบประมาณ 2565 ไดมีการปรับปรุงกระบวนการเก็บสิ่งสงตรวจ โดยนําระบบการ Recheck มาใช โดยไดจัดทําตารางบันทึกการสง Lab โดยประกอบไปดวย ชื่อ-สกุล, HN, ชนดิสิ่งสงตรวจโดยมีผูตรวจสอบ ความถูกตอง 3 คนไดแก พยาบาล2คนและเจาหนาที่หอง Lab 1 คน หลังนําระบบนี้มาใชในหนวยงาน พบวา อุบัติการณเทากับ 0 5. ปญหาและสาเหตุโยยอ : จากสถิติการรายงานอุบัติการณการ Request lab ผิดคนในปงบประมาณ2564 = 2 สงผลใหผูปวยไดรับการรักษาที่ลาชา สิ้นเปลืองคาใชจาย เพิ่มภาระงาน จากการทบทวนระบบ พบวาไมมี การ Recheck กอนเจาะLabและกอนนําspecimen ไปสงหอง Lab บุคลากรในหนวยงานไดรวมกัน พัฒนากระบวนการเก็บสิ่งสงตรวจ โดยการนําระบบ Recheckมาใช 6. เปาหมาย : 1. อุบัติการณการ Request labผิดคน เทากับ0 2. อุบัติการณเก็บสิ่งสงตรวจผิดคน เทากับ0 7. กิจกรรมพัฒนา : ระยะที่ 1 (เม.ย.64-ก.ย.64) นํา WIการระบุตัวผูปวยมาใชในกระบวนการเก็บสิ่งสงตรวจ ระยะที่ 2 (ต.ค.64-มี.ค.65) 1. ทบทวนขั้นตอนการระบุตัวผูปวยในการเก็บสิ่งสงตรวจ 2. ปรับปรงุกระบวนการเก็บสิ่งสงตรวจการจัดทําตารางการบันทึกการสงLab เพื่อเปนการระบุตัวผูปวย และตรวจสอบซ้ําเพื่อปองกันการผิดพลาด 1) พยาบาล Incharge ตรวจสอบแผนการรักษาของแพทย 2) Request Labในระบบ HOSxP ตรวจสอบความถูกตองของชื่อ-สกุล HN ชนิดของ Lab ที่แพทยสั่ง 3) ติดสติ๊กเกอรLabใหตรงกับชนิดของภาชนะเก็บสิ่งสงตรวจและตรวจสอบความถูกตองอีกครั้ง 4) กอนทําการเก็บสิ่งสงตรวจ ถามชื่อ-สุกลและอายุจากผูปวยหรือในกรณีที่ผูปวยไมรูสึกตัว ใหตรวจสอบจากปายขอมือผูปวย แลวตรวจสอบความถูกตองกับใบ Request ใหตรงกัน 5) เมื่อเก็บสิ่งสงตรวจเสร็จ ใหใสSpecimen ลงในภาชนะที่เตรยีมไว 6) กอนนําสงหอง Lab พยาบาล Incharge คนที่2 ตรวจสอบแผนการรักษาของแพทย ความถูกตองของ ชื่อ-สกุล,HN,ชนิดสิ่งสงตรวจ, Request lab อีกครั้ง กอนสงสิ่งสงตรวจ


139 7) พยาบาล Incharge กรอกขอมูลในสมุดสง Lab ประกอบไปดวย 7.1) สติ๊กเกอรชื่อผูปวย 7.2) ชนิดของLab ที่ตองการสงตรวจ 7.3) พยาบาล Inchargeคนท่ี1และพยาบาล Inchargeคนที่2ตรวจสอบความถูกตองพรอม เซ็นชื่อกํากับ 7.4) เจาหนาที่หองLab ตรวจสอบความถูกตอง ชื่อ-สกุลผูปวย,ชนิดของLabที่ตองการสงตรวจ ใบ Request พรอม เซน็ชื่อกํากับ 8) กรณพีบความไมถูกตองในการระบุตัวผูปวย หองปฏิบัติการตองปฏิเสธการตรวจนั้น และ ติดตอหนวยงานที่สงตรวจ จนกวาจะไดรบัการแกไขใหถูกตองจากหนวยงานที่สง ระยะที่ 3 (เม.ย65-ก.ย.65) ติดตามการใชปญหาและอุปสรรคในการใชตารางการบันทึกการสง Lab และขอเสนอแนะเพื่อปรับปรุง 8. การประเมินผลการเปลี่ยนแปลง : ประเภทขอมูล ปงบประมาณ 2564 ปงบประมาณ 2565 การ Request labผิดคน 2 0 เก็บสิ่งสงตรวจผิดคน 0 0 9. บทเรียนที่ไดรับ : การระบุตัวผูปวยเปนสิ่งสําคัญ ชวยปองกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัว ผูปวยและลดคา ใชจายที่สามารถควบคมุไดจากความผิดพลาด 10. สมาชิกทีม : นางสาวกัญรัตน สงนวล และ Stroke team หออภิบาลผูปวยโรคหลอดเลือดสมอง 11. การติดตอกับทีมงาน ชื่อผูประสานงาน : น.ส.กัญรัตน สงนวล พยาบาลวิชาชีพ โทรศพัท : 080-6080036 E-mail : [email protected]


Click to View FlipBook Version