The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

งานวิจัยในชั้นเรียน ระดับปฐมวัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

งานวิจัยในชั้นเรียน ระดับปฐมวัย

งานวิจัยในชั้นเรียน ระดับปฐมวัย

ให้นักเรียนใช้โปรแกรม CAI Disney Pooh ฝึกการใช้เมาส์ โดยครูจับเวลาในการเรียนแต่ละครั้งเป็นเวลา 20 นาที แล้วท าการจดบันทึก


งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัย การพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก โดยใช้กิจกรรมสร้างสรรค์ 2. ชื่อผู้วิจัย นางสาวประภาศรี พันธุรัตน์ วิชา บูรณาการ ชั้น ปฐมวัยปีที่ 1/2 3. ความส าคัญและที่มา จากการที่ผู้วิจัยได้ปฏิบัติการสอนที่โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ และได้ท าการสอนในระดับชั้นอนุบาล 1/2 ซึ่งมี จ านวนนักเรียนทั้งหมด 35 คน มีการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ 6 กิจกรรมหลักให้กับเด็ก เด็กส่วนใหญ่ในชั้นเรียนสนใจเข้า ร่วมกิจกรรมต่างๆได้ ขณะที่ผู้วิจัยได้จัดกิจกรรมได้มีการสังเกตจากการท ากิจกรรมของเด็กตลอดระยะเวลาที่ท ากิจกรรมมีเด็กในห้องเรียน 1 คน คือ เด็กชายณฐกร เนียมลอย พบว่าเด็กยังจับดินสอไม่ได้และไม่ถูกวิธีจากการลากเส้นก็จะลากไม่ตรงกับเส้นประ และจะ ลากซ้ าๆอยู่ที่เดิม และในขณะที่เด็กท ากิจกรรมศิลปะ เด็กจะระบายสีซ้ าๆ ที่เดิม จึงเป็นเหตุผลให้ครูผู้สอนที่จะพัฒนากล้ามเนื้อ มัดเล็กโดยใช้กิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อให้เด็กมีความพร้อมในด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กดียิ่งขึ้น 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อส่งเสริมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กมีพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็กดียิ่งขึ้น 2. เด็กสามารถน าทักษะที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ 6. ขอบเขตของการวิจัย 1. กลุ่มตัวอย่างการวิจัย เด็กชายณฐกร เนียมลอย นักเรียนระดับปฐมวัยปีที่ 1/2 โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 2. กิจกรรมสร้างสรรค์ 7. วิธีด าเนินการวิจัย ประชากรที่ใช้ในการวิจัย เด็กชายณฐกร เนียมลอย นักเรียนระดับปฐมวัยปีที่ 1/2 โรงเรียนลาซาลโชติรวี นครสวรรค์18 ถ.โกสีย์ ต.ปากน้ าโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โดยมีวิธีการด าเนินงานเพื่อการ ส่งเสริม ดังนี้ 1. คุณครูสังเกตการท ากิจกรรมของเด็กในห้องเรียน 2. คุณครูจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ได้แก่ - กิจกรรมที่ 1 “ระบายสี” ให้เด็กทุกคนในชั้นเรียนระบายสีภาพผลไม้แสนอร่อย - กิจกรรมที่ 2 “หนูน้อยนักปั้น” เด็กปั้นดินน้ ามันเป็นส้ม - กิจกรรมที่ 3 “ฉีก ตัด ปะ” ให้เด็กฉีกตัดปะภาพร่มน้อย


3. คุณครูกล่าวชมเชยเด็ก เมื่อเด็กลงมือปฏิบัติได้ 4. ครูใช้เวลาในการสังเกตการการท ากิจกรรมสร้างสรรค์เป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2566 – 22 ธันวาคม 2566 โดยมีการบันทึกแบบประเมินการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก 5.น าแบบประเมินการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กก่อนการทดลอง และหลังการทดลองมาเปรียบเทียบการพัฒนา กล้ามเนื้อมัดเล็ก 6. สรุปผลการวิจัย และเสนอแนะ โดยมีวิธีด าเนินงานด้วยการวิจัยดังนี้ กิจกรรมที่ วัน/เดือน/ปี ชื่อกิจกรรม หมายเหตุ 1 4 – 8 ธันวาคม 2567 กิจกรรม“ระบายสี” ปฏิบัติกิจกรรมตาม 2 11- 15 ธันวาคม 2567 กิจกรรม “หนูน้อยนักปั้น” วันที่ก าหนด 3 18-22 ธันวาคม 2567 กิจกรรม “ฉีก ตัด ปะ” 8. สรุปผลการวิจัย ภายหลังจากการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก โดยใช้กิจกรรมสร้างสรรค์พบว่า เด็กชายณฐกร เนียมลอย สามารถจับดินสอได้ ถูกวิธี ลากเส้นตรงกับเส้นประ และขณะที่เด็กท ากิจกรรมศิลปะเด็กสามารถระบายสีได้สวยงามมากขึ้น 9. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย 1. ควรมีการศึกษาการน ากิจกรรมสร้างสรรค์ในการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กในด้านต่าง ๆ 2. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างผลการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์รูปแบบอื่น ๆ เพื่อน าผลที่ได้มาเป็นแนวทางในการ การพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก ลงชื่อ......................................ผู้รายงาน ลงชื่อ.........................................หัวหน้าระดับวิชาการปฐมวัย (นางสาวประภาศรี พันธุรัตน์) (นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน)


งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัย การพัฒนากล้ามเนื้อมือให้แข็งแรงโดยใช้ศิลปะการปั้น 2. ชื่อผู้วิจัย นางสาวกมลวรรณ บัวเผื่อน วิชา บูรณาการ ชั้น ก่อนปฐมวัย 3. ความส าคัญและที่มา การจัดกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมในระดับชั้นก่อนปฐมวัย ตามตารางกิจกรรมในแต่ละสัปดาห์ เด็กจะได้ปฏิบัติ กิจกรรมสร้างสรรค์ตามความสนใจโดยครูจัดเตรียมอุปกรณ์ให้เด็กปฏิบัติ ตามข้อตกลงร่วมกันก่อนเข้าไปปฏิบัติ กิจกรรม - วาดภาพด้วยสีเทียน - การเล่นกับสี - การพิมพ์ภาพ - การปั้น - การ ฉีก ปะ - การประดิษฐ์เศษวัสดุ - การร้อยลูกปัด การปั้น ช่วยส่งเสริมพัฒนากล้ามเนื้อมือให้กับเด็ก ให้เด็กสนุกและประสบความส าเร็จเพราะท าได้ง่าย การพัฒนาเด็กปฐมวัย เป็นการพัฒนารากฐานให้ครบทุกด้านตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของมาตรฐานที่ 2 กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรงใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์กัน มีทักษะในการใช้กล้ามเนื้อเล็ก จากสภาพของนักเรียนชั้นก่อนปฐมวัยปีการศึกษา 2566 ของโรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ภายหลังจากที่ได้จัด กิจกรรมการเรียนการสอนมา จากการสังเกตพบว่า มีนักเรียน 1 คน ที่มีกล้ามเนื้อมือไม่ประสานสัมพันธ์กันเท่าที่ควร ผู้วิจัยจึงมีความสนใจในการใช้ ศิลปะการปั้น เพื่อปรับพฤติกรรมของ เด็กชายปุญญพัฒน์ ชัยเมืองเขียว ที่ยังมี พัฒนาการในด้านพัฒนากล้ามเนื้อมือยังไม่เหมาะสมกับวัยจากการสังเกตการหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ ยังไม่พัฒนา เท่าที่ควรผู้วิจัยได้ฝึกปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ แต่ผลยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงสนใจที่จะพัฒนาและท าการวิจัย เด็กชายปุญญพัฒน์ ชัยเมืองเขียว ให้มีพัฒนาการดีขึ้นตามมาตรฐานที่ 2 ให้เหมาะสมกับวัย 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อศึกษาผลการใช้วิธีการปั้น ดินน้ ามัน 2. เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมือประสานสัมพันธ์กับตา 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กมีพัฒนาการตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้ 2. เด็กมีพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมือแข็งแรงและประสาทสัมพันธ์กับตามากขึ้น 6. วิธีด าเนินการวิจัย 1. ครูก าหนดกลุ่มเป้าหมายเด็กปฐมวัยจ านวน 1 คน 2. ครูก าหนดกิจกรรมเสรีดังนี้ 1. ให้เด็กปั้นดินน้ ามันตามจินตนาการแล้วเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่ปั้น 2. ให้เด็กปั้นรูปทรงต่าง ๆ 3. ให้เด็กปั้นผลไม้ง่าย ๆ เช่น ส้ม 3. ใช้เวลาปฏิบัติโดยเริ่มตั้งแต่ วันที่ 8 - 31 มกราคม พ.ศ. 2567 สัปดาห์ ละ 2 วัน 4. รวบรวมข้อมูลและสรุปผลการวิจัย ฝ่ายวิชาการ


7. ผลการวิจัย ผลการวิเคราะห์ตามตารางปรากฏว่า ก่อนการก าหนดกิจกรรมเสรีให้กับเด็ก ดังนี้ รายการที่ 1 ปั้นดินน ามันตามจิตนาการ คิดเป็นร้อยละ 16.66 รายการที่ 2 ปั้นดินน้ ามันรูปทรงต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 33.33 รายการที่ 3 ปั้นดินน้ ามันผลไม้ง่ายๆ คิดเป็นร้อยละ 0 ส่วนในภาพรวม คิดเป็นร้อยละ 33.33 และเมื่อพิจารณาหลังการก าหนดกิจกรรมเสรีให้กับเด็ก ดังนี้ รายการที่ 1 ปั้นดินน ามันตามจิตนาการ คิดเป็นร้อยละ 0 รายการที่ 2 ปั้นดินน้ ามันรูปทรงต่างๆ คิดเป็นร้อยละ 33.33 รายการที่ 3 ปั้นดินน้ ามันผลไม้ง่ายๆ คิดเป็นร้อยละ 50.00 ส่วนในภาพรวม คิดเป็นร้อยละ 50.00 ส่วนต่างของคะแนน เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อย 16.67 8. สรุปผลการวิจัย ผลการปฏิบัติกิจกรรมของเด็กชายปุญญพัฒน์ชัยเมืองเขียว ในเดือนมกราคม พ.ศ.2567 มีพัฒนาการด้าน กล้ามเนื้อมือที่แข็งแรง สามารถปั้นดินน้ ามันได้เป็นเรื่องราว และสื่อสารได้เข้าใจ ส่งผลให้เด็กมีการขีดเขียนเส้นต่าง ๆ ได้อย่างอิสระและมีความมั่นคงสามารถจับสีระบายภาพได้ดีขึ้นและมีประสานสัมพันธ์กันดี 9. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย 1. ครูควรแสดงความชื่นชมในผลงานทุกชิ้นที่เด็กได้ท า 2. ควรจัดหาวัสดุ / สิ่งของที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจใน การท ากิจกรรม 3. ส่งเสริมให้เด็กได้น าเสนอความคิดหรือผลงานของตนเอง ลงชื่อ......................................ผู้รายงาน ลงชื่อ.........................................ผู้ช่วยหัวหน้าวิชาการปฐมวัย (นางสาวกมลวรรณ บัวเผื่อน) (นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน)


ภาคผนวก


แบบสังเกตพฤติกรรม การพัฒนากล้ามเนื้อมือให้แข็งแรงโดยใช้กิจกรรมการปั้นดินน้ ามัน เด็กชายปุญญพัฒน์ ชัยเมืองเขียว รายการกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ วันที่ 8 – 31 มกราคม 2567 ก่อน หลัง เกณฑ์ระดับ เกณฑ์ระดับ สัปดาห์ที่ 1 3 2 1 3 2 1 กิจกรรมปั้นดินน้ ามันตามจินตนาการ √ √ กิจกรรมปั้นดินน้ ามันรูปทรงต่างๆ √ √ กิจกรรมปั้นดินน้ ามันผลไม้ง่ายๆ √ √ สัปดาห์ที่2 กิจกรรมปั้นดินน้ ามันตามจินตนาการ √ √ กิจกรรมปั้นดินน้ ามันรูปทรงต่างๆ √ √ กิจกรรมปั้นดินน้ ามันผลไม้ง่ายๆ √ √ สัปดาห์ที่3 กิจกรรมปั้นดินน้ ามันตามจินตนาการ √ √ กิจกรรมปั้นดินน้ ามันรูปทรงต่างๆ √ √ กิจกรรมปั้นดินน้ ามันผลไม้ง่ายๆ √ √ สัปดาห์ที่4 กิจกรรมปั้นดินน้ ามันตามจินตนาการ √ √ กิจกรรมปั้นดินน้ ามันรูปทรงต่างๆ √ √ กิจกรรมปั้นดินน้ ามันผลไม้ง่ายๆ √ √ รวม 0 12 6 18 12 0 ร้อยละ 0 33.33 16.66 50.00 33.33 0


งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัย การพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อเล็กโดยกิจกรรมการใช้กรรไกรตัดกระดาษตามแนวเส้น ของเด็กชั้นปฐมวัยปีที่ 3/4 จ านวน 1 คน 2. ชื่อผู้วิจัย นางสาวกัญญารัตร์ มุกสิพันธ์ วิชา บูรณาการ ชั้น ปฐมวัยปีที่ 3/4 3. ความส าคัญและที่มา จากการสังเกตพฤติกรรมเด็กชั้นปฐมวัยปีที่ 3/4 พบว่ามีเด็กจ านวน 1 คน มีพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อเล็กไม่ คล่องแคล่วเหมาะสมตามวัย ในขณะท ากิจกรรมฉีกตัดปะเด็กไม่สามารถฉีกกระดาษให้เป็นชิ้นตามต้องการได้ กิจกรรมวาดระบายสีเด็กจับสีเทียนไม่ถูกวิธีและไม่ขีดเขียนเส้นลงบนกระดาษ ผู้วิจัยจึงเห็นว่า การพัฒนากล้ามเนื้อ เล็กให้แข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์กันเป็นสิ่งส าคัญ โดยจะส่งเสริมการพัฒนากล้ามเนื้อเล็กให้ แข็งแรงผ่านกิจกรรมการใช้กรรไกรตัดกระดาษตามแนวเส้นเพราะเป็นกิจกรรมที่พัฒนากล้ามเนื้อเล็กให้คล่องแคล่ว มากยิ่งขึ้น 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อเล็กให้แข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์กัน 2. เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีพื้นฐานในการขีดเขียน 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เพื่อช่วยให้เด็กมีกล้ามเนื้อเล็กที่แข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์กัน 2. เพื่อให้เด็กมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และจินตนาการ และเป็นพื้นฐานในการขีดเขียน 6. วิธีด าเนินการวิจัย 1. ครูใช้เวลาทดลอง 3 สัปดาห์โดย สัปดาห์ที่ 1 ให้เด็กได้พัฒนากล้ามเนื้อมือมัดเล็กโดยก าหนดกิจกรรมการใช้กรรไกรตัดกระดาษขาดจากกัน ได้โดยใช้มือเดียว - สัปดาห์ที่ 1 วันที่ 7 – 11 ก.ค. 2566 2. สัปดาห์ที่ 2 ให้เด็กได้พัฒนากล้ามเนื้อมือมัดเล็กโดยก าหนดกิจกรรมการใช้กรรไกรตัดกระดาษตามแนว เส้นตรงได้ - สัปดาห์ที่ 2 วันที่ 13 – 18 ก.ค. 2566 3. สัปดาห์ที่ 3 ให้เด็กได้พัฒนากล้ามเนื้อมือมัดเล็กโดยก าหนดกิจกรรมการใช้กรรไกรตัดกระดาษตามแนว เส้นโค้งได้ - สัปดาห์ที่ 3 วันที่ 21 – 25 ก.ค. 2566 4. ครูสังเกตพฤติกรรมและบันทึก 5. ครูรวบรวมและสรุปผล 7. ผลการวิจัย ผลการศึกษาการใช้กรรไกรตัดกระดาษตามแนวเส้นพบว่าการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กของ เด็กชายกรวีร์ ทะสี มีพัฒนาการกล้ามเนื้อมือและตาท างานประสานสัมพันธ์กันดีขึ้น 8. สรุปผลการวิจัย จากการส่งเสริมพัฒนาการการใช้กล้ามเนื้อเล็กผ่านกิจกรรมกิจกรรมการใช้กรรไกรตัดกระดาษตามแนวเส้น แล้ว เด็กนักเรียนชั้นปฐมวัยปีที่ 3/4 จ านวน 1 คน มีพัฒนาการการใช้กล้ามเนื้อเล็กที่ดีขึ้น มีความถนัดและความ พร้อม ที่จะขีดเขียนมากขึ้น ฝ่ายวิชาการ


9. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย - การพัฒนาการการใช้กล้ามเนื้อเล็กของเด็กต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง จึงต้องได้รับความร่วมมือจาก ผู้ปกครองช่วยส่งเสริมเพื่องเด็กจะได้มีพัฒนาการที่ดีมากยิ่งขึ้น ลงชื่อ.....................................ผู้รายงาน ลงชื่อ..........................................หัวหน้าระดับปฐมวัยฝ่ายวิชาการ (นางสาวกัญญารัตร์ มุกสิพันธ์) (นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน)


งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัย การพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และจิตใจที่ดีงามของเด็กปฐมวัย โดยใช้นิทานสร้างเสริมคุณธรรม 2. ชื่อผู้วิจัย นางสาวกมลวรรณ บัวเผื่อน วิชา บูรณาการ ชั้น ก่อนปฐมวัย 3. ความส าคัญและที่มา จะเห็นได้ว่าแนวทางการจัดการศึกษาจะ มุ่งเน้นให้เห็นความส าคัญของการมีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจ ที่ดีงาม ตั้งแต่ช่วงปฐมวัยการจัดกิจกรรมหรือประสบการณ์การเรียนรู้ให้เด็กมีการโอกาสพัฒนาทักษะทางภาษา จึง เป็นสิ่งจ าเป็น ทั้งนี้ ครูจะต้องค านึงถึงวุฒิภาวะ หรือความพร้อมทางพัฒนาการต่าง ๆ ของเด็กไปด้วย จากการสังเกตพฤติกรรมของเด็กชั้นก่อนปฐมวัยที่ตนเองรับผิดชอบ พบว่ามีเด็กจ านวน 5 คน ยังขาด คุณธรรม จริยธรรม และจิตใจที่ดีงาม กิจกรรมเกี่ยวกับการส่งเสริมคุณธรรมน้อยเกินไป ครอบครัวที่ผู้ปกครองไม่มี เวลาอบรมเลี้ยงดูเด็ก เด็กจึงขาดการปฏิสัมพันธ์ด้านคุณธรรม จริยธรรม จากสาเหตุที่กล่าวอ้าง ไม่ว่าปัญหาที่เด็กขาดคุณธรรม โดยเฉพาะความอดกลั้น อดทนจะเกิดจากสาเหตุใดก็ ตาม หากไม่ได้รับการแก้ไข จะส่งผลให้เด็กอยู่ร่วมกันอย่างไม่มีความสุข ในอนาคต เด็กจะมีปัญหาทั้งด้านการเรียน และการด าเนินชีวิต การที่ครูผู้สอนจะน าเอากิจกรรมการเล่านิทานส่งเสริมคุณธรรม ที่มีสาระที่ช่วยพัฒนาคุณธรรม ด้านนี้ ในเด็กที่มีปัญหา ให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น เพราะการที่เด็กได้มีโอกาสได้รับฟังนิทานส่งเสริมคุณธรรมบ่อย ๆ เด็ก จะเกิดการคล้อยตาม หรือมีจินตนาการตามนิทานที่ได้ยิน ได้ฟัง และปฏิบัติตามในที่สุด จะท าให้เด็กเหล่านั้นเกิด ความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง สุดท้ายก็พัฒนาการแสดงออกทางด้านพัฒนาการด้านความอดกลั้น อดทนต่อสิ่งยั่วยุ เด็กก็จะเกิดการเรียนรู้ทีละเล็กละน้อย จนในที่สุดเด็กจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขกับการเรียนรู้ตลอดไป 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และจิตใจที่ดีงามของเด็กปฐมวัย 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กมีคุณธรรม จริยธรรมมากขึ้น 2. เด็กมีพัฒนาการด้านอารมณ์ - จิตใจ มากขึ้น 6. วิธีด าเนินการวิจัย 1. ครูก าหนดกลุ่มเป้าหมายเด็กปฐมวัยจ านวน 5 คน 2. ครูก าหนดนิทานส่งเสริมคุณธรรม 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ลูกลิงขอโทษ 2. หนูดีไม่แซงคิว 3. กุ๋งกิ๋งรักเพื่อน 3. น านิทานส่งเสริมคุณธรรม ไปเล่าให้เด็กฟัง หลังจากเด็กตื่นนอน รอการมารับของผู้ปกครองเป็นเวลา 1 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่ วันที่ 7 เดือนกรกฎาคม พ.ศ 2566 - วันที่ 7 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 สัปดาห์ ละ 2 วัน 4. รวบรวมข้อมูลและสรุปผลการวิจัย 7. ผลการวิจัย ผลการวิเคราะห์ตามตารางที่ 1 และ 2 ปรากฏว่า ก่อนการเล่านิทาน คะแนนการมีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงามของเด็กปฐมวัย ดังนี้ รายการที่ 1 การรู้จักขอโทษ และให้อภัย คิดเป็นร้อยละ 53.33 รายการที่ 2 การรอคอยตามล าดับก่อน – หลัง คิดเป็นร้อยละ 53.33 รายการที่ 3 การแสดงความรักเพื่อน คิดเป็นร้อยละ 46.44 ฝ่ายวิชาการ


รายการที่ 4 เล่นและร่วมท ากิจกรรมกับผู้อื่นได้คิดเป็นร้อยละ 40.00 ส่วนในภาพรวม คิดเป็นร้อยละ 53.33 และเมื่อพิจารณาหลังการใช้กิจกรรมเล่านิทาน คะแนนการมีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงามของเด็กปฐมวัย ดังนี้ รายการที่ 1 การรู้จักขอโทษ และให้อภัย คิดเป็นร้อยละ 80.00 รายการที่ 2 การรอคอยตามล าดับก่อน – หลัง คิดเป็นร้อยละ 60.00 รายการที่ 3 การแสดงความรักเพื่อน คิดเป็นร้อยละ 80.00 รายการที่ 4 เล่นและร่วมท ากิจกรรมกับผู้อื่นได้ คิดเป็นร้อยละ 66.66 ส่วนในภาพรวม คิดเป็นร้อยละ 80.00 ส่วนต่างของคะแนน เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อย 26.67 8. สรุปผลการวิจัย ผลการวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การจัดกิจกรรมเล่านิทาน ช่วยพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และจิตใจที่ดีงาม ของเด็กปฐมวัยได้ ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย สามารถศึกษาและใช้เป็นแนวทางในการจัดประสบการณ์ การ เรียนรู้ส าหรับเด็กปฐมวัย อันจะเป็นการปูพื้นฐานการมีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงาม ให้เกิดกับเด็ก จะช่วย ให้เด็กกล้าคิด กล้าท าสิ่งต่าง ๆ ด้วยความมั่นใจ สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมหรือเหตุการณ์ต่างๆ และอยู่ ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุขทั้งในปัจจุบันและอนาคต 9. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย 1. ควรมีนิทานคุณธรรม จริยธรรม เพิ่มมากขึ้นเพื่อความหลากหลาย ลงชื่อ......................................ผู้รายงาน ลงชื่อ.........................................ผู้ช่วยหัวหน้าวิชาการปฐมวัย (นางสาวกมลวรรณ บัวเผื่อน) (นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน)


ภาคผนวก


แบบสังเกตพฤติกรรม การมีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงามของเด็กปฐมวัยก่อนใช้กิจกรรมเล่านิทาน วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2566 ชื่อ - นามสกุล รายการสังเกต รู้จักขอโทษ และให้อภัย รอคอย ตามล าดับ ก่อน – หลัง ได้ แสดงความรัก เพื่อน เล่นและร่วมท า กิจกรรมกับ ผู้อื่นได้ 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 1. ด.ช ภัทรนันท์ เพชรพลอนนิล 2. ด.ช.กุลภณ ชมชื่น 3. ด.ช.ภูวเดช ค ารักษ์ 4. ด.ญ.ภัควลัญชญ์ จันทร์ฉ่ า 5. นรินทร์พร ขดภูเขียว รวมคะแนนแต่ละรายการ 6 2 6 2 4 3 2 4 รวมคะแนน 8 8 7 6 ร้อยละ 53.33 53.33 46.66 40.00


แบบสังเกตพฤติกรรม การมีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจที่ดีงามของเด็กปฐมวัยหลังใช้กิจกรรมเล่านิทาน วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2566 ชื่อ - นามสกุล รายการสังเกต รู้จักขอโทษ และให้อภัย รอคอย ตามล าดับ ก่อน – หลัง ได้ แสดงความรัก เพื่อน เล่นและร่วมท า กิจกรรมกับ ผู้อื่นได้ 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 1. ด.ช ภัทรนันท์ เพชรพลอนนิล 2. ด.ช.กุลภณ ชมชื่น 3. ด.ช.ภูวเดช ค ารักษ์ 4. ด.ญ.ภัควลัญชญ์ จันทร์ฉ่ า 5. นรินทร์พร ขดภูเขียว รวมคะแนนแต่ละรายการ 6 6 3 8 6 6 10 รวมคะแนน 12 11 12 10 ร้อยละ 80.00 60.00 80.00 66.66


งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัย การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3/4 โดยการใช้แรงเสริม 2. ชื่อผู้วิจัย นางอมรรัตน์ พันธ์รัตน์ วิชา ภาษาอังกฤษ ชั้น ปฐมวัยปีที่ 3/4 3. ความส าคัญและที่มา จากการจัดกิจกรรมประจ าวัน เด็กในระดับนี้ต้องฝึกพัฒนาการครบทั้ง 4 ด้าน มีการสนทนาโต้ตอบ ในขณะร่วมกิจกรรม ครูได้สังเกตเด็กหญิงภัทรวดี ส้มมีสี พูดค าศัพท์ภาษาอังกฤษไม่ชัด ขณะตอบค าถามและ บางครั้งพูดแล้วฟังจับใจความไม่ได้ ผู้วิจัยจึงสนใจในการท าวิจัยในครั้งนี้ เพื่อฝึกให้ เด็กหญิงภัทรวดี ส้มมีสี รู้จัก การพูดโต้ตอบเป็นประโยคและฟังค าสั่งจากนวัตกรรม เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้น 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อส่งเสริมให้เด็กระดับปฐมวัยมีทักษะการพูดค าศัพท์ภาษาอังกฤษได้ชัดเจน 2. เพื่อเป็นพื้นฐานที่ดีในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษในระดับชั้นต่อไป 3. เพื่อให้เด็กน าไปใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กระดับปฐมวัยมีทักษะการพูดค าศัพท์ภาษาอังกฤษได้ชัดเจนขึ้นและถูกต้อง 2. เพื่อเป็นแนวทางส าหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการออกเสียง ค าศัพท์ที่ถูกต้อง 6. วิธีด าเนินการวิจัย 1. ครูสังเกตพฤติกรรมของเด็กระดับปฐมวัยปีที่ 3/4 ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ พบว่ายังมีเด็กที่พูดภาษาอังกฤษไม่ชัดเจน จ านวน 1 คน 2. ครูได้จัดกิจกรรมให้เด็กปฏิบัติโดยการถาม – ตอบ ดูกิจกรรมถาม – ตอบ จากภาพ สัญลักษณ์ และ การปฏิบัติตามค าสั่ง ที่เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง เมื่อเด็กสามารถปฏิบัติได้ ครูจะกล่าวค าชมเชยและให้ รางวัล เพื่อเป็นการให้เด็กมีแรงจูงใจในการท าต่อไป 3. ครูท าการจดบันทึกรวบรวมเก็บข้อมูลจากกิจกรรม 4. หลังจากที่ครูให้เด็ก ๆ ลงมือปฏิบัติตามกิจกรรมเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2566 แล้วน าผลมาเปรียบเทียบกัน พบว่า เด็กๆ เกิดความชอบและสนใจเรียนกิจกรรม ต่างๆ มากขึ้น 7. ผลการวิจัย จากการวิจัยครั้งนี้ พบว่า หลังจากที่ได้สังเกตพฤติกรรมของเด็กหญิงภัทรวดี ส้มมีสีระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3/4 สิ่งที่สังเกตเห็นและเห็นได้ว่ามีทักษะการพูดค าศัพท์ภาษาอังกฤษที่ดีขึ้น คือ - มีพฤติกรรมการพูดค าศัพท์ภาษาอังกฤษที่ดีขึ้น พูดจาชัดเจนขึ้น - การที่ได้รับค าชมเชยเป็นการเสริมแรงให้เด็กสามารถปรับพฤติกรรมทักษะการพูดค าศัพท์ภาษาอังกฤษ ของเด็กได้ดีขึ้น - การเป็นผู้น า / ผู้ตาม ได้ดาวอย่างสม่ าเสมอท าให้เด็กมีพฤติกรรมที่ดีขึ้นมีทักษะการพูดภาษาอังกฤษ ได้ชัดเจนและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ฝ่ายวิชาการ


8. สรุปผลการวิจัย จากการวิจัยครั้งนี้พบว่า หลังจากที่ได้สังเกตพฤติกรรมทักษะการพูดค าศัพท์ภาษาอังกฤษของ เด็กหญิงภัทรวดี ส้มมีสีระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3/4 สามารถพูดค าศัพท์ภาษาอังกฤษได้ชัดเจนขึ้น เกิดความมั่นใจ สนใจเข้าร่วมกิจกรรมและรักการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น 9. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย การฝึกฝนให้เด็กกระท าเป็นการฝึกนิสัยตัวเด็กเองในการใช้ค าภาษาอังกฤษบ่อยๆ โดยการจัดกิจกรรมเพื่อ เป็นการฝึกได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับวัยและสามารถน าไปปฏิบัติจริงจากการสังเกตพฤติกรรมของ เด็กสามารถน าข้อมูลที่ได้ไปปรับใช้เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไปและพัฒนาเด็กให้มีศักยภาพและมี คุณภาพมากยิ่งขึ้น ลงชื่อ................................................ผู้รายงาน ลงชื่อ............................................ ( นางอมรรัตน์ พันธ์รัตน์ ) (นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน) ผู้ช่วยฝ่ายวิชาการระดับปฐมวัย


ภาคผนวก


แบบสังเกตการศึกษาพฤติกรรมโดยการใช้แรงเสริม ในการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ เด็กหญิงภัทรวดี ส้มมีสี ระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3/4 โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ สัปดาห์ที่ 1-4 วัน /เดือน /ปี พฤติกรรม ผลการสังเกต 3 2 1 1- 4 ส.ค 2566 การร่วมกิจกรรม การตอบค าถามจากภาพ การตอบค าถามจากสัญลักษณ์ การปฏิบัติตามค าสั่ง 7- 11 ส.ค 2566 การร่วมกิจกรรม การตอบค าถามจากภาพ การตอบค าถามจากสัญลักษณ์ การปฏิบัติตามค าสั่ง 15- 18 ส.ค 2566 การร่วมกิจกรรม การตอบค าถามจากภาพ การตอบค าถามจากสัญลักษณ์ การปฏิบัติตามค าสั่ง 21- 31 ส.ค 2566 การร่วมกิจกรรม การตอบค าถามจากภาพ การตอบค าถามจากสัญลักษณ์ การปฏิบัติตามค าสั่ง เกณฑ์การประเมิน ท าได้ดีมาก คะแนน ระดับ 3 ท าได้ดี คะแนน ระดับ 2 ท าได้พอใช้ คะแนน ระดับ 1


ภาพ/บัตรค าศัพท์


ผลจากการวิจัยเด็กมีทักษะการพูดค าศัพท์ภาษาอังกฤษได้ชัดเจนขึ้น


งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัย การลดพฤติกรรมการเล่นแรง ระดับชั้น ปฐมวัยปีที่ 3/2 จ านวน 2 คน โดยการเสริมแรงทางบวก 2. ชื่อผู้วิจัย นางสาวสุธิดา เกษคร้าม วิชา บูรณาการ ชั้น ปฐมวัยปีที่ 3/2 3. ความส าคัญและที่มา ในวัยนี้พัฒนาการทางอารมณ์เด็กวัยระหว่าง 5-6 ปีด้านอารมณ์ จิตใจ แสดงอารมณ์ได้สอดคล้องกับ สถานการณ์อย่างเหมาะสม ชื่นชมความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อื่น ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางน้อยลงการ ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของเด็กปฐมวัย พัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กปฐมวัยยังไม่คงที่เปลี่ยนแปลงได้ ง่าย เป็นวัยเจ้าอารมณ์ บางครั้งจะมีอารมณ์รุนแรง โมโหร้าย โกรธง่าย เอาแต่ใจตัวเอง จะสังเกตได้จากการที่เด็ก แสดงอารมณ์ในลักษณะต่างๆ เช่น มีอารมณ์หวาดกลัวอย่างรุนแรง มีอารมณ์อิจฉาริษยาน้องและโมโหฉุนเฉียวเป็น ต้น เด็กแต่ละคนจะมีลักษณะพัฒนาการทางอารมณ์แตกต่างกันตามสภาพสิ่งแวดล้อม การเรียนรู้ที่แตกต่างกัน หาก เด็กได้รับความไม่พอใจ เด็กก็จะสะสมอารมณ์ไม่พอใจเหล่านั้นไว้ท าให้เด็กขาดความสุข มีอารมณ์ตึงเครียดและอาจ ท าให้ชีวิตในวัยต่อไปมีปัญหาได้ จากการสังเกตพฤติกรรมของ เด็กชายพัพพ์วริศ ณัฐเมธานนท์ และเด็กชายพัพพ์ภูริศ ณัฐเมธานนท์ ซึ่ง เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน จากการเล่นและการท างานร่วมกัน พบว่าเก็กจ านวน 2 คน เมื่ออยู่ในขั้นเรียนเด็กจะเล่น ด้วยกันแรงๆ และแสดงพฤติกรรมรุนแรงต่อกันอยู่เสมอ เด็กจะไม่ฟังค าสั่ง หรือข้อตกลงในชั้นเรียน เด็กชอบเล่น ต่อสู้กัน พอเจ็บตัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้อง อีกฝ่ายก็จะชักสีหน้าท าท่าทีไม่พอใจ ดังนั้นผู้วิจัยจึงหาวิธีการลดพฤติกรรม การเล่นแรงโดยการเสริมแรงทางบวก 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อลดพฤติกรรมการเล่นแรง และไม่แสดงท่าทีที่ไม่เหมาะสมกับวัย เด็กชายพัพพ์วริศ ณัฐเมธานนท์ และเด็กชายพัพพ์ภูริศ ณัฐเมธานนท์ 2. เพื่อให้เด็กสามารถอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้ และสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบในชั้นเรียนได้ 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กลดความรุนแรง ไม่แสดงท่าทีที่ไม่เหมาะสมกับวัย 2. สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้และสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบในชั้นเรียนได้ 6. เครื่องมือการวิจัย - แบบประเมินการลดพฤติกรรมการเล่นแรง ฝ่ายวิชาการ


7. วิธีการด าเนินงาน 1. ครูก าหนดกลุ่มเป้าหมายในการท าวิจัย เด็กชายพัพพ์วริศ ณัฐเมธานนท์ และเด็กชายพัพพ์ภูริศ ณัฐเมธานนท์ ชั้นปฐมวัยปีที่ 3/2 2. เชิญผู้ปกครองของ เด็กชายพัพพ์วริศ ณัฐเมธานนท์ และเด็กชายพัพพ์ภูริศ ณัฐเมธานนท์ มาร่วมกัน สนทนาถึงพฤติกรรมการเล่นของเด็กเมื่ออยู่ที่บ้านและโรงเรียน 3. ครูพูดคุยกับผู้ปกครองถึงกระบวนการแก้ไขการเสริมแรงทางบวก เดียวกัน เช่น ค าชมเชย รางวัล อาหาร เพื่อที่จะเป็นไปในทิศทาง 4. ครูใช้เวลาในการสังเกตพฤติกรรม 4 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 3 - 26 มกราคม 2567 โดยมีการบันทึก พฤติกรรมของเด็กที่แสดงออกในแต่ละสัปดาห์ 5. ร่วบรวมข้อมูลและสรุปผลการวิจัย 8. ผลการวิจัย จากการวิจัยในชั้นเรียนปฐมวัยปีที่ 3/2 จ านวน 2 คนได้แก่เด็กชายพัพพ์วริศ ณัฐเมธานนท์ และ เด็กชายพัพพ์ภูริศ ณัฐเมธานนท์ ผลการวิจัยพบว่าการเสริมแรงทางบวกสารถลดพฤติกรรมการเล่นแรง และไม่ แสดงท่าทีที่ไม่เหมาะสมกับวัยลงได้ 9. สรุปผลการวิจัย จากการสังเกตพฤติกรรมเด็กเกี่ยวกับพฤติกรรมการเล่นแรงในชั้นปฐมวัยปีที่ 3/2 ของเด็กจ านวน 2 คนมี พฤติกรรมการเล่นแรงเมื่อได้รับการเสริมแรงทางบวกก็จะค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเล่นการรุนแรงน้อยลงไป เรื่อยๆ และไม่แสดงท่าทีที่ไม่เหมาะสมกับวัย อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี 10. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย ในการคิดศึกษาท าการวิจัยในครั้งต่อไป ผู้วิจัยควรจะจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อพัฒนาเด็กทุกด้านอย่าง สมดุลและต่อเนื่อง ลงชื่อ................................................ผู้รายงาน ลงชื่อ............................................ ( นางสาวสุธิดา เกษคร้าม) (นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน ) ผู้ช่วยฝ่ายวิชาการระดับปฐมวัย


แบบประเมินการลดพฤติกรรมการเล่นแรง ระดับชั้น ปฐมวัยปีที่ 3/2 เด็กชายพัพพ์วริศ ณัฐเมธานนท์ โดยการเสริมแรงทางบวก วัน/เดือน/ปี พฤติกรรม ผลการสังเกต 2 1 0 3 - 5 มกราคม 2567 เล่นรุนแรง แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม แสดงสีหน้าไม่พอใจ 8 - 12 มกราคม 2567 เล่นรุนแรง แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม แสดงสีหน้าไม่พอใจ 15 - 19 มกราคม 2567 เล่นรุนแรง แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม แสดงสีหน้าไม่พอใจ 22 - 26 มกราคม 2567 เล่นรุนแรง แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม แสดงสีหน้าไม่พอใจ หมาบเหตุ ระดับ 2 คือพฤติกรรมที่ปรากฏ 3-4 ครั้ง ระดับ 1 คือพฤติกรรมที่ปรากฏ 1-2 ครั้ง ระดับ 0 คือไม่ปรากฏพฤติกรรมดังกล่าว 0 ครั้ง


แบบประเมินการลดพฤติกรรมการเล่นแรง ระดับชั้น ปฐมวัยปีที่ 3/2 เด็กชายพัพพ์ภูริศ ณัฐเมธานนท์ โดยการเสริมแรงทางบวก วัน/เดือน/ปี พฤติกรรม ผลการสังเกต 2 1 0 3 - 5 มกราคม 2567 เล่นรุนแรง แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม แสดงสีหน้าไม่พอใจ 8 - 12 มกราคม 2567 เล่นรุนแรง แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม แสดงสีหน้าไม่พอใจ 15 - 19 มกราคม 2567 เล่นรุนแรง แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม แสดงสีหน้าไม่พอใจ 22 - 26 มกราคม 2567 เล่นรุนแรง แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม แสดงสีหน้าไม่พอใจ หมาบเหตุ ระดับ 2 คือพฤติกรรมที่ปรากฏ 3-4 ครั้ง ระดับ 1 คือพฤติกรรมที่ปรากฏ 1-2 ครั้ง ระดับ 0 คือไม่ปรากฏพฤติกรรมดังกล่าว 0 ครั้ง


ภาคผนวก


ผลจากการวิจัยการลดพฤติกรรมการเล่นแรง


งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัย การศึกษาการแก้ปัญหาพฤติกรรมนักเรียนที่ไม่รับประทานข้าว โดยใช้นิทานและค าคล้องจอง 2. ชื่อผู้วิจัย นางสาวกัญญาพัชร ชญาพิพรรธน์ วิชา บูรณาการ ชั้น ปฐมวัยปีที่ 1/3 3. ความส าคัญและที่มา จากประสบการณ์ในการสอนระดับชั้นปฐมวัยมาหลายปี โดยทุกปีจะพบว่ามีเด็กจ านวนหนึ่งไม่ รับประทานข้าวเลยและบางคนก็รับประทานน้อยมาก ในปีนี้นักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 1/3 มีทั้งหมด 35 คน เมื่อสังเกตมาประมาณ 2 สัปดาห์ เห็นว่าเวลารับประทานอาหารกลางวันมีเด็ก 1 คน มี พฤติกรรมในการไม่รับประทานข้าวเลย ครูผู้สอนจึงสนใจที่จะจัดกิจกรรมพัฒนาใหเด็กทานผักโดยได้ศึกษาเมนูอาหารของโรงเรียนลาซาลโชติรวี นครสวรรค์ ในรายการอาหารกลางวันของเด็กระดับชั้นปฐมวัยเพื่อพัฒนาให้เด็กได้รับประทานข้าว เพื่อเด็กจะ ได้รับสารอาหารมื้อกลางวันที่ทางโรงเรียนจัดให้ พร้อมติดต่อกับผู้ปกครองในเรื่องการรับประทานข้าวที่บ้าน ทั้งนี้ เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขสุขนิสัยที่ดีในการรับประทานช้าว เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ มี สุขภาพที่แข็งแรง มีเจตคติที่ดีต่อการรับประทานข้าว 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนรับประทานข้าว 2. เพื่อส่งเสริมให้เด็กรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ 3. เพื่อให้เด็กมีสุขนิสัยที่ดีในการรับประทานอาหาร 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เด็กมีสุขลักษณะนิสัยดีในการรับประทานอาหารมีสุขภาพที่แข็งแรงร่วมถึงปลูกฝังระเบียบวินัยของ เด็กระดับปฐมวัยในขณะรับประทานอาหารที่โรงเรียนและที่บ้าน 6. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แบบสังเกตพฤติกรรม 2. นิทาน 7. วิธีด าเนินการวิจัย 1. การปฏิบัติจริง 2. เสริมแรง โดยการใช้ค าพูด ให้ค าชมเชย ให้เป็นผู้น า/ผู้ตาม ให้ดาวกับนักเรียน และเล่านิทาน สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม 3. สังเกตพฤติกรรมที่แสดงออกทุกครั้ง 4. สรุปผลการเขียนรายงานและก าหนดพัฒนาการพฤติกรรมของนักเรียน ฝ่ายวิชาการ


แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมไม่รับประทานข้าว เด็กชายกรวิชญ์ มีเกตุระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3/1 โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ วัน /เดือน /ปี พฤติกรรม ผลการสังเกต 3 2 1 3 - 6 ม.ค. 2566 เล่านิทาน “อาหารดีมีประโยชน์” การท ากิจกรรมเสรี การท างานเป็นกลุ่ม การเป็นผู้น า/ผู้ตาม 9 - 13 ม.ค. 2566 เล่านิทาน “ทุกมื้ออร่อยจัง ” การท ากิจกรรมเสรี การท างานเป็นกลุ่ม การเป็นผู้น า/ผู้ตาม 17 - 20 ม.ค. 2566 เล่านิทาน “ตุ๊ต๊ะกินอะไรดีนะ” การท ากิจกรรมเสรี การท างานเป็นกลุ่ม การเป็นผู้น า/ผู้ตาม 23 - 27 ม.ค. 256 เล่านิทาน “ฉันชอบกินข้าว” การท ากิจกรรมเสรี การท างานเป็นกลุ่ม การเป็นผู้น า/ผู้ตาม เกณฑ์การประเมิน ท าได้ดีมาก คะแนน ระดับ 3 ท าได้ดี คะแนน ระดับ 2 ท าได้พอใช้ คะแนน ระดับ 1 8. ผลการวิจัย จากการที่ครูได้สังเกตเห็นพบว่า เด็กนักเรียนระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 1/3 จ านวน 1 คนมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น รับประทานข้าวมากขึ้น รู้ถึงประโยชน์ของข้าว การที่เด็กได้รับค าชมเชย ได้ฟังนิทานที่ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม การเป็นผู้น า/ ผู้ตาม ได้ดาวอย่างสม่ าเสมอ ท าให้เด็กมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี ความสุข 9. สรุปผลการวิจัย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กในระดับปฐมวัยควรให้เด็กลงมือปฏิบัติจริงหรือร่วมท ากิจกรรมที่ เหมาะสมกับวัยและจัดสภาพแวดล้อมเพื่อกระตุ้นให้เด็กปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจ าวันเสริมสารอาหารที่ครบถ้วนนั้น


จะต้องได้รับความร่วมมือระหว่างครูกับผู้ปกครองอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสุขนิสัยในการรับประทานอาหารให้ถูก สุขลักษณะในชีวิตประจ าวันตามเกณฑ์มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขและสร้างภูมิต้านทานในวัยเจริญเติบโต ต่อไป 10. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย - ควรให้เด็กได้แสดงความคิดเกี่ยวกับรายการอาหาร - ควรส่งเสริมให้เด็กมีสุขนิสัยที่ดีในการรับประทานข้าว - ควรจัดให้เด็กได้ทดลองด้วยตนเอง ลงชื่อ................................................ผู้รายงาน ลงชื่อ............................................ ( นางสาวกัญญาพัชร ชญาพิพรรธน์) (นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน ) หัวหน้าระดับวิชาการปฐมวัย


ภาคผนวก


แบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมไม่รับประทานข้าว ชื่อ……………………………………………………. ระดับชั้นปฐมวัยปีที่ ………………..3/1 โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ วัน /เดือน /ปี พฤติกรรม ผลการสังเกต 3 2 1 เล่านิทาน “อาหารดีมีประโยชน์” การท ากิจกรรมเสรี การท างานเป็นกลุ่ม การเป็นผู้น า/ผู้ตาม เล่านิทาน “ทุกมื้ออร่อยจัง ” การท ากิจกรรมเสรี การท างานเป็นกลุ่ม การเป็นผู้น า/ผู้ตาม เล่านิทาน “ตุ๊ต๊ะกินอะไรดีนะ” การท ากิจกรรมเสรี การท างานเป็นกลุ่ม การเป็นผู้น า/ผู้ตาม เล่านิทาน “ฉันชอบกินข้าว” การท ากิจกรรมเสรี การท างานเป็นกลุ่ม การเป็นผู้น า/ผู้ตาม เกณฑ์การประเมิน ท าได้ดีมาก คะแนน ระดับ 3 ท าได้ดี คะแนน ระดับ 2 ท าได้พอใช้ คะแนน ระดับ 1


นิทานสร้างเสริมสุขนิสัยในการรับประทานอาหาร


ผลจากการวิจัยเด็กรับประทานอาหารได้มากขึ้น


ฝ่ายวิชาการ วิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่อเรื่อง การส่งเสริมและฝึกสมาธิเด็กโดยใช้กิจกรรมส่งเทียนประกอบเสียงดนตรีของเด็กชั้นอนุบาล 1/3 โรงเรียนลาซาล โชติรวีนครสวรรค์ 2. ชื่อผู้วิจัย นางพรประภา ไตรนิรันดร เลขประจ าตัว 171 3. ความส าคัญและที่มา ดนตรีมีประโยชน์มากมาย การฟังดนตรีท าให้เราผ่อนคลาย เพลิดเพลิน มีความสุข เด็กส่วนใหญ่มักจะมีความสนใจ ไปที่เสียงเพลงและดนตรีที่ตนเองสามารถท าให้เกิดขึ้นได้ช่วงความสนใจของเด็กก็จะเพิ่มมากขึ้นทีละนิด ขี้นอยู่กับท านองเพลง ที่เด็กฝึกหัด เมื่อเริ่มแรกเด็กอาจฝึกหัดเพลงพื้นฐานสั้นๆ ช่วงความสนใจของเด็กอาจอยู่ในเวลา 1-2 นาที ล าดับต่อไปเด็กได้ฝึก เพลงที่มีความซับซ้อนมากขึ้นทีละนิด เด็กก็จะมีช่วงของความสนใจเพิ่มขึ้นเป็น 3-5 นาที และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 4. จุดมุ่งหมายของการวิจัย 1. เพื่อให้เด็กมีสมาธิในการท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นมากขึ้น 2. เพื่อปรับพฤติกรรมของเด็กให้มีสมาธิในการเรียนรู้มากขึ้น รู้จักการรอคอย และแบ่งปันผู้อื่นมากขึ้น 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กมีสมาธิในการเรียนรู้กิจกรรมต่างๆและท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ดีขึ้น 2. เด็กสามารถปรับพฤติกรรมของตนเองได้ดี รู้จักการรอคอย และการแบ่งปันให้กับผู้อื่น 6. วิธีด าเนินการวิจัย 1. ครูสังเกตพฤติกรรมของเด็กในระดับอนุบาล 1/3 ขณะท ากิจกรรมต่างๆในห้องเรียน 2. ครูใช้ระยะเวลาท าการทดลอง 8 สัปดาห์ ๆ ละ 3 ครั้ง วันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ โดยให้เด็กท ากิจกรรมเคลื่อนไหวยามเช้า ตามหน่วยการเรียนรู้แต่ละสัปดาห์เป็นเวลา 2-3 นาทีและผ่อนคลายหลังจากท ากิจกรรมโดยครูให้เด็กนั่งเป็นวงกลมเปิดเพลง บรรเลงและท าท่าส่งแก้วน้ าที่มีเทียนให้เด็กข้างๆโดยให้เด็กยกมือไหว้ก่อนที่จะรับแก้วเทียนจากเพื่อนเมื่อส่งให้คนต่อไปให้ยกมือ ไหว้และพูดขอบคุณทุกครั้ง โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะดังนี้ - ระยะก่อนการทดลอง สัปดาห์ที่ 1 - 4 ครูฝึกให้เด็กท ากิจกรรมส่งเทียนประกอบเพลงบรรเลงเป็นวงกลมโดยครูคอย แนะน าในขณะเด็กท ากิจกรรม และจดลงในแบบบันทึก - ระยะหลังท าการทดลอง สัปดาห์ที่ 5 - 8 ครูให้เด็กฝึกปฏิบัติด้วยตนเองเมื่อได้ยินเสียงเพลงบรรเลง และคอยสังเกต พฤติกรรมเด็กพร้อมกับให้ดาวเป็นการชมเชยเมิอเด็กสามารถปฏิบัติได้ 7. ผลการวิจัย - เด็กชั้นอนุบาล 1/3 จ านวน 34 คน ส่วนใหญ่มีสมาธิในขณะท ากิจกรรมมากขึ้นและรู้จักการรอคอยในขณะที่เพื่อนส่งแก้ว เทียน 8. สรุปผลการวิจัย - เมื่อเด็กได้เรียนรู้และได้ท ากิจกรรมอย่างสม่ าเสมอ พบว่าเด็กส่วนใหญ่ มีสมาธิในการท ากิจกรรมต่างๆร่วมกับครูและ เพื่อนๆได้ดีขึ้นมีพฤติกรรมการรู้จักการแบ่งปัน และรู้จักการรอคอยมากขึ้น 9. ข้อเสนอแนะ - การจัดกิจกรรมการส่งเสริมและฝึกสมาธิเด็กโดยใช้กิจกรรมส่งเทียนประกอบเสียงดนตรีจ าเป็นอาศัยความร่วมมือกัน ระหว่างครูและผู้ปกครองเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้และปรับพฤติกรรมของเด็กให้สมาธิมากยิ่งขึ้น รู้จักการรอคอยและ แบ่งปันผู้อื่นได้และยังช่วยลดการติดสื่อเทคโนโลยีของแต่ซึ่งมีผลกระทบต่อการเรียนรู้ของเด็กในอนาคต - เด็กบางส่วนผู้ปกครองท างานต่างจังหวัดท าให้ไม่ค่อยมีเวลาในการฝึกและมักจะให้เด็กอยู่กับสื่อเทคโนโลยีซึ่งส่งผลเสีย ต่อการเรียนรู้ของเด็กตามวัยครูจึงขอความร่วมมือกับผู้ปกครองในการช่วยปรับพฤติกรรมของเด็กให้เป็นไปในทิศทางเดียว กัน ลงชื่อ..................................................ผู้รายงาน ลงชื่อ..................................................วิชาการระดับปฐมวัย ( นางพรประภา ไตรนิรันดร ) ( นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน )


ฝ่ายวิชาการ ภาพประกอบกิจกรรม https://www.facebook.com/MandapitakLS/videos/1091828235078046


ฝ่ายวิชาการ แบบสังเกตพฤติกรรมเด็กเป็นรายบุคคล ก่อนการใช้สื่อ/นวัตกรรม วันที่ 3 – 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ที่ ชื่อ-สกุล วันที่ 3 – 7 ก.ค. 2566 วันที่ 10 - 14 ก.ค. 2566 วันที่ 17 - 21 ก.ค. 2566 วันที่ 24 - 28 ก.ค. 2566 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 1 เด็กชายอชิระ อิ่มเขียว 2 เด็กชายกรวิชญ์ มีเกตุ 3 เด็กชายศุภวิชญ์ หงส์เลิศกวิน 4 เด็กชายชวภณ แสงเนียม 5 เด็กชายปุณกันต์ อ่างทอง 6 เด็กชายปกป้อง คละจิตตา 7 เด็กชายติณณภพ สุขเอี่ยม 8 เด็กชายณัฐภัทร ข าตระกูล 9 เด็กชายพรหมภัสส์ ภัทรเรืองชัย 10 เด็กชายณภัทร เอี่ยมยอด 11 เด็กชายกฤตลักษณ์ พับแผ่นทอง 12 เด็กชายณัฐวรรธน์ ฟูค า 13 เด็กชายชัชชาติ บุตรเจริญโชค 14 เด็กชายธัชกร ยุคันธร 15 เด็กชายจิตติพัฒน์ พูลเขตรกิจ 16 เด็กชายภาคิน จันทร์ลึ 17 เด็กหญิงเอวาริณ แก้วค ามูล 18 เด็กหญิงอาทิมา ตารินทร์ 19 เด็กหญิงกัญญาภัค สนธิรักษ์ 20 เด็กหญิงพลอยพยับ สุจาค า 21 เด็กหญิงปภาวรินทร์ กางนอก 22 เด็กหญิงศนันธฉัตร เลิศศิริสวัสดิ์ 23 เด็กหญิงศรัญย์รัชต์ ชื่นจิตร 24 เด็กหญิงนัทธมน ยิ้มแช่ม 25 เด็กหญิงณัจฉรียา กิจสุวรรณ์ 26 เด็กหญิงกัญญาภัค ข าดี


ฝ่ายวิชาการ ที่ ชื่อ-สกุล วันที่ 3 – 7 ก.ค. 2566 วันที่ 10 - 14 ก.ค. 2566 วันที่ 17 - 21 ก.ค. 2566 วันที่ 24 - 28 ก.ค. 2566 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 27 เด็กหญิงกฤชสร แพ่งศรี 28 เด็กหญิงปภา วัฒจินดารัตน์ 29 เด็กหญิงพิมพ์ใจ สุขเกิด 30 เด็กหญิงศิรภัสสร ศรีสวัสดิ์ 31 เด็กหญิงจอมจุฑา ค าชมภู 32 เด็กหญิงชนิดาภา กรดเพ็ชร 33 เด็กหญิงวิศัลย์ศยา ศรีนิล 34 เด็กหญิงพรชนก กรอบเพ็ชร์ รวม คิดเป็นร้อยละ ลงชื่อ...........................................................ผู้ประเมิน ( นางพรประภา ไตรนิรันดร ) เกณฑ์การประเมิน ระดับ 3 : เด็กมีท ากิจกรรมได้ด้วยตนเองโดยไม่มีการกระตุ้นในขณะท ากิจกรรม ระดับ 2 : เด็กท ากิจกรรมโดยมีการกระตุ้นเล็กน้อยในขณะท ากิจกรรม ระดับ 1 : เด็กท ากิจกรรมโดยมีการกระตุ้นอยู่ตลอดเวลาขณะท ากิจกรรม


ฝ่ายวิชาการ แบบสังเกตพฤติกรรมเด็กเป็นรายบุคคล หลังการใช้สื่อ/นวัตกรรม วันที่ 31 กรกฎาคม – 25 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ที่ ชื่อ-สกุล วันที่ 31 – 4 ส.ค. 2566 วันที่ 7 - 11 ส.ค. 2566 วันที่ 14 - 18 ส.ค. 2566 วันที่ 21 – 25 ส.ค. 2566 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 1 เด็กชายอชิระ อิ่มเขียว 2 เด็กชายกรวิชญ์ มีเกตุ 3 เด็กชายศุภวิชญ์ หงส์เลิศกวิน 4 เด็กชายชวภณ แสงเนียม 5 เด็กชายปุณกันต์ อ่างทอง 6 เด็กชายปกป้อง คละจิตตา 7 เด็กชายติณณภพ สุขเอี่ยม 8 เด็กชายณัฐภัทร ข าตระกูล 9 เด็กชายพรหมภัสส์ ภัทรเรืองชัย 10 เด็กชายณภัทร เอี่ยมยอด 11 เด็กชายกฤตลักษณ์ พับแผ่นทอง 12 เด็กชายณัฐวรรธน์ ฟูค า 13 เด็กชายชัชชาติ บุตรเจริญโชค 14 เด็กชายธัชกร ยุคันธร 15 เด็กชายจิตติพัฒน์ พูลเขตรกิจ 16 เด็กชายภาคิน จันทร์ลึ 17 เด็กหญิงเอวาริณ แก้วค ามูล 18 เด็กหญิงอาทิมา ตารินทร์ 19 เด็กหญิงกัญญาภัค สนธิรักษ์ 20 เด็กหญิงพลอยพยับ สุจาค า 21 เด็กหญิงปภาวรินทร์ กางนอก 22 เด็กหญิงศนันธฉัตร เลิศศิริสวัสดิ์ 23 เด็กหญิงศรัญย์รัชต์ ชื่นจิตร 24 เด็กหญิงนัทธมน ยิ้มแช่ม 25 เด็กหญิงณัจฉรียา กิจสุวรรณ์ 26 เด็กหญิงกัญญาภัค ข าดี


Click to View FlipBook Version