ฝ่ายวิชาการ ที่ ชื่อ-สกุล วันที่ 3 – 7 ก.ค. 2566 วันที่ 10 - 14 ก.ค. 2566 วันที่ 17 - 21 ก.ค. 2566 วันที่ 24 - 28 ก.ค. 2566 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 27 เด็กหญิงกฤชสร แพ่งศรี 28 เด็กหญิงปภา วัฒจินดารัตน์ 29 เด็กหญิงพิมพ์ใจ สุขเกิด 30 เด็กหญิงศิรภัสสร ศรีสวัสดิ์ 31 เด็กหญิงจอมจุฑา ค าชมภู 32 เด็กหญิงชนิดาภา กรดเพ็ชร 33 เด็กหญิงวิศัลย์ศยา ศรีนิล 34 เด็กหญิงพรชนก กรอบเพ็ชร์ รวม คิดเป็นร้อยละ ลงชื่อ...........................................................ผู้ประเมิน ( นางพรประภา ไตรนิรันดร ) เกณฑ์การประเมิน ระดับ 3 : เด็กมีท ากิจกรรมได้ด้วยตนเองโดยไม่มีการกระตุ้นในขณะท ากิจกรรม ระดับ 2 : เด็กท ากิจกรรมโดยมีการกระตุ้นเล็กน้อยในขณะท ากิจกรรม ระดับ 1 : เด็กท ากิจกรรมโดยมีการกระตุ้นอยู่ตลอดเวลาขณะท ากิจกรรม
งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัย การส่งเสริมความมีวินัยในการเก็บของเล่นของเด็กก่อนปฐมวัยโดยใช้กิจกรรมการเล่านิทาน ประกอบภาพ 2. ชื่อผู้วิจัย นางจุฑารัฐ นิลสูตร์ วิชา บูรณาการ ชั้น ก่อนปฐมวัย 3. ความส าคัญและที่มา วินัยเป็นปัจจัยส าคัญในการสร้างความสงบสุข ความเจริญก้าวหน้าให้แก่ชีวิตและสังคม เป็นสิ่งที่ช่วยจัดสรรชีวิต และสังคมให้มีระบบระเบียบ สามารถท าสิ่งต่างๆได้โดยสะดวกและเป็นไปด้วยดีดังนั้นการพัฒนาเด็กในระยะยาว จึงต้องมีวินัยเป็นฐานเพื่อให้การด าเนินชีวิตเป็นไปอย่างสมดุลและเป็นสุข เด็กปฐมวัยเป็นวัยของการเริ่มต้นในการเรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคม การอยู่ร่วมกันในสังคม จึงต้องอาศัย กฎระเบียบ ข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความมีวินัยในตนเองจึงมีความส าคัญ ในการก าหนดบทบาทหน้าที่ของตนเองให้ด าเนินไปตามกฎหรือข้อตกลงได้ จากการสังเกตพฤติกรรมของเด็กเตรียมอนุบาล พบว่ามีเด็กจ านวน 10 คน ที่มีพฤติกรรมการเล่นโดย ไม่เก็บของเล่นให้เข้าที่ บางครั้งเก็บของเล่นมาปะปนกัน โยนของเล่นส่งเสียงดัง ท าให้ของเล่นช ารุดเสียหาย จึงเป็น เหตุผลให้ครูผู้สอนสนใจที่จะส่งเสริมให้เด็กมีวินัยในการเล่นของเล่นให้ดีขึ้น 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อปลูกฝังนิสัยให้เด็กก่อนปฐมวัยมีวินัยในการเก็บของเล่น 2. เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมความมีวินัยในการเก็บของเล่นของเด็กก่อนปฐมวัยก่อนและหลังการจัด กิจกรรมการเล่านิทานประกอบภาพ 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กระดับก่อนปฐมวัยมีวินัยในการเก็บของเล่นดีขึ้น 2. เพื่อเป็นแนวทางส าหรับผู้ดูแลเด็กก่อนปฐมวัยที่จะส่งเสริมความมีวินัยของเด็ก 6. วิธีด าเนินการวิจัย 1. สังเกตพฤติกรรมความมีวินัยในการเก็บของเล่นของเด็กจ านวน 10 คน 2. ด าเนินการทดลอง โดยการใช้กิจกรรมการเล่านิทานประกอบภาพที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการปรับ พฤติกรรมความมีระเบียบวินัยในการเก็บของเล่น จ านวน 4 เรื่อง ได้แก่ 1.นิทานเรื่องไม่เก็บของให้เป็นระเบียบ 2.เก็บเองเก่งจัง 3.หนูแย้มไม่ยอมเก็บของเล่น 4.ของเล่นน้อยใจ 3. โดยระยะเวลา 4 สัปดาห์ ตั้งแต่ 1- 30 มกราคม 2567 4. ท าการสังเกตและบันทึกพฤติกรรมความมีระเบียบวินัยในการเก็บของเล่นหลังการจัดกิจกรรมการ เล่านิทานประกอบภาพ 5. น าผลการสังเกตพฤติกรรมการความมีระเบียบวินัยในการเก็บของเล่นก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการ เล่านิทานประกอบภาพมาเปรียบเทียบดูว่าเด็กมีระเบียบวินัยในการเก็บของเล่นเพิ่มขึ้น 7. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล - แบบสังเกตพฤติกรรมความมีระเบียบวินัยในการเก็บของเล่น (ก่อนการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบภาพ) - แบบสังเกตพฤติกรรมความมีระเบียบวินัยในการเก็บของเล่น (หลังการจัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบภาพ) ฝ่ายวิชาการ
2 8. สรุปผลการวิจัย ผลจากการส่งเสริมความมีวินัยในตนเองของเด็กก่อนปฐมวัยโดยใช้กิจกรรมการเล่านิทานประกอบภาพ เพื่อปรับพฤติกรรมความมีระเบียบวินัยในการเก็บของเล่น ท าให้เด็กได้รับประสบการณ์จากการเล่านิทานอย่าง ต่อเนื่อง เด็กเกิดการเปลี่ยนแปลง มีวินัยในตนเองสูงขึ้น โดยการจัดกิจกรรมการเล่านิทานช่วยกระตุ้นให้เด็กเกิดการ เรียนรู้ในการปรับตัว หล่อหลอมรูปแบบในการด าเนินชีวิตประจ าวัน เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่ดี นิทานจึงถือได้ว่าเป็นหน้าต่างของการเรียนรู้ของเด็กก่อนปฐมวัย 9. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย ก่อนปฏิบัติกิจกรรมการเล่านิทาน ควรเตรียมความพร้อมเด็กให้ท่องค าคล้องจองหรือเพลงที่เกี่ยวกับการเก็บ ของเล่น ซึ่งจะช่วยให้เด็กตื่นตัวและเป็นการเร้าความสนใจเด็กพร้อมที่จะท ากิจกรรม ลงชื่อ..................................ผู้รายงาน ลงชื่อ..................................................ผู้ช่วยฝ่ายวิชาการระดับปฐมวัย (นางจุฑารัฐ นิลสูตร์) (นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน)
3 จัดกิจกรรมเล่านิทานประกอบภาพ ภาคผนวก
4 เด็กๆช่วยกันเก็บของเล่นเข้าที่
งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัย การส่งเสริมทักษะการพูดหน้าชั้นเรียน โดยใช้กิจกรรมเสริมประสบการณ์ฝึกทักษะการพูด 2. ชื่อผู้วิจัย นางสาวณัชชา ศรีชัย วิชา บูรณาการ ชั้น ปฐมวัยปีที่ 2/3 3. ความส าคัญและที่มา ความส าคัญของการศึกษาเป็นกระบวนการพัฒนาและเสริมสร้างคุณภาพของคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทาง ร่างกาย จิตใจ สติปัญญาความรู้และคุณธรรมมีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการด ารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี ความสุข และการที่บุคคลจะสามารถด ารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพจ าเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะการฝึกฝนตนเองให้มีความสามารถทั้งในด้านความรู้และทักษะต่างๆรวมไปถึงการมีบุคลิกภาพความคิดความเชื่อถือ ที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม และ สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้ เนื่องจากสังคมในปัจจุบันมีการ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปรับตัวหรือการพัฒนาบุคลิกภาพให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปจึงมีความส าคัญ และจ าเป็นอย่างยิ่งช่วงเด็กปฐมวัย ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ส าคัญที่สุดส าหรับพัฒนาการของชีวิต ประสบการณ์และการเรียนรู้ ที่เด็ก ได้รับในช่วง 6 ปี แรกของชีวิตจะมีผลต่อการวางรากฐานที่ส าคัญต่อบุคลิกภาพของเด็กเมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ อีริคสัน (Erikson. 1975: 220 – 222; อ้างอิงใน อุลัย บุญโท. 2544: บทน า) ได้กล่าวถึงการเสริมสร้างความรู้สึกเชื่อมั่นในตนเองของ เด็กที่ควรตระหนักว่า ถ้าเด็กมีโอกาสท าสิ่งต่าง ๆ และได้รับการยอมรับผู้ใหญ่ให้โอกาส เด็กได้ซักถามปัญหาเปิดโอกาสให้เด็ก ลองท ากิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง ย่อมเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตนเองให้กับเด็กได้ ตรงกันข้ามถ้าผู้ใหญ่ไปสกัดกั้นความ อยากรู้ของเด็ก ก็จะเป็นการสกัดกั้นความเชื่อมั่นตนเองของเด็กด้วย ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นคุณลักษณะที่เด็กควรได้รับการส่งเสริม เพราะเป็นพื้นฐานส าคัญของการพัฒนาบุคลิกภาพที่ จะส่งผลให้เด็กมีความเป็นตัวของตัวเอง กล้าแสดงออก กล้าตัดสินใจและมีความมั่นใจที่ จะท าสิ่งต่าง ๆ ให้ส าเร็จตามที่ต้องการ กล้ากระท ากล้าเผชิญเหตุการณ์ รวมทั้งสามารถจัดการกับปัญหา ในชีวิตของตนเองได้ จากการที่ผู้วิจัยได้ปฏิบัติการสอนที่โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ และได้ท าการสอนในระดับชั้นอนุบาล 2/3 ซึ่งมี จ านวนนักเรียนทั้งหมด 35 คน มีการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ 6 กิจกรรมหลัก และส่งเสริมทักษะทางวิชาการให้กับเด็ก ผู้วิจัยได้มีการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็ก ตลอดระยะเวลาที่ท าการสอน พบว่า มีเด็กในห้องเรียน 1 คน คือ เด็กหญิงภีรณีย์ สมีเพชร เป็นเด็กที่มีพฤติกรรมไม่ชอบท ากิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ชอบเล่นคนเดียว ไม่พูดคุยกับเพื่อนและ คุณครู ไม่กล้าออกมาพูดหน้าชั้นเรียน จึงเป็นเหตุผลให้ครูผู้สอนที่จะส่งเสริมพฤติกรรมการไม่กล้าพูดหน้าชั้นเรียน เพื่อให้ นักเรียนกล้าแสดงออก กล้าพูดกล้าคุย และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการพูดหน้าชั้นเรียน 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กมีทักษะการพูดหน้าชั้นเรียนที่ดีขึ้น 2. เด็กสามารถน าทักษะที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ 6. ขอบเขตของการวิจัย 1. กลุ่มตัวอย่างการวิจัย เด็กหญิงภีรณีย์ สมีเพชร นักเรียนระดับปฐมวัยปีที่ 2/3 โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 2. กิจกรรมเสริมประสบการณ์ฝึกทักษะการพูด
7. วิธีด าเนินการวิจัย ประชากรที่ใช้ในการวิจัย เด็กหญิงภีรณีย์ สมีเพชร นักเรียนระดับปฐมวัยปีที่ 2/3โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์18 ถ.โกสีย์ ต.ปากน้ าโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โดยมีวิธีการด าเนินงานเพื่อการส่งเสริมทักษะ การพูดหน้าชั้นเรียน ดังนี้ 1. คุณครูสังเกตพฤติกรรมทักษะการพูดของนักเรียนในห้องเรียน 2. คุณครูจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ฝึกทักษะการพูดให้นักเรียนออกมาท ากิจกรรมหน้าชั้นเรียน ได้แก่ - กิจกรรมที่ 1 “หนูน้อยนักพูด” ให้นักเรียนแต่ละคนออกมาท ากิจกรรมหน้าชั้นเรียนตามค าสั่ง (บอกต าแหน่ง ข้างบน ข้างล่าง ข้างใน) - กิจกรรมที่ 2 กิจกรรม “หนูน้อยนักสืบ”ให้นักเรียนแต่ละคนออกมาบอก-เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการ ทดลองดมกลิ่นหอม/ เหม็น) - กิจกรรมที่ 3 กิจกรรม “หนูน้อยนักฟัง” ให้นักเรียนแต่ละคนปฏิบัติตามข้อตกลงในการการท ากิจกรรมทาย เสียงสัตว์โดยฟังจากยูทูป - กิจกรรมที่ 4 กิจกรรม “หนูน้อยนักสัมผัส” ให้นักเรียนแต่ละคนปฏิบัติตามข้อตกลงในการปฏิบัติการทดลอง “สิ่งของที่นุ่ม และแข็ง” - กิจกรรมที่ 5 กิจกรรม “หนูน้อยนักชิม” ให้นักเรียนแต่ละคนปฏิบัติตามข้อตกลงในการทดลองการชิมรส (หวาน-น้ าตาล/เค็ม-เกลือ) 3. คุณครูกล่าวชมเชยเด็ก เมื่อปฏิบัติตามข้อตกลง และออกมาพูดหน้าชั้นเรียน 4. ครูใช้เวลาในการสังเกตพฤติกรรมทักษะการพูดหน้าชั้นเรียน 5 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2566 – 25 กันยายน 2566 โดยมีการบันทึกแบบประเมินกิจกรรมเสริมประสบการณ์ฝึกทักษะการพูด ของเด็กที่แสดงออกหน้าชั้นเรียน 5.น าแบบประเมินกิจกรรมเสริมประสบการณ์ฝึกทักษะการพูดก่อนการทดลอง และหลังการทดลองมาเปรียบเทียบ พฤติกรรมการกล้าพูดหน้าชั้นเรียน 6. สรุปผลการวิจัย และเสนอแนะ โดยมีวิธีด าเนินงานด้วยการวิจัยดังนี้ กิจกรรมที่ วัน/เดือน/ปี ชื่อกิจกรรม หมายเหตุ 1 28/สิงหาคม/2566 กิจกรรม “หนูน้อยนักพูด ” ปฏิบัติกิจกรรมตาม 2 4/กันยายน/2566 กิจกรรม “หนูน้อยนักสืบ” วันที่ก าหนด 3 11/กันยายน /2566 กิจกรรม “หนูน้อยนักฟัง” 4 18/ กันยายน /2566 กิจกรรม “หนูน้อยนักสัมผัส” 5 25/ กันยายน/ 2566 กิจกรรม “หนูน้อยนักชิม” 8. สรุปผลการวิจัย ภายหลังจากการแก้ไขพฤติกรรมไม่กล้าออกมาพูดหน้าชั้นเรียนของ เด็กหญิงภีรณีย์สมีเพชร โดยใช้การจัดกิจกรรมเสริม ประสบการณ์ทักษะการพูด พบว่า เด็กหญิงภีรณีย์สมีเพชร มีพฤติกรรมการออกมาพูดหน้าชั้นเรียนที่ดีขึ้น คือการที่ยืนด้วย ท่าทางมั่นใจ กล้ามองเพื่อนๆ และใช้น าเสียงที่ชัดเจนฟังชัดมากขึ้น
9. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย 1. ควรมีการศึกษาการน ากิจกรรมเสริมประสบการณ์ฝึกทักษะการพูดหน้าชั้นเรียน ไปใช้ในการแก้ไขปัญหาด้านพฤติกรรม ใน ด้านต่าง ๆ 2. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างผลการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ทักษะการพูด กับการจัดกิจกรรม รูปแบบอื่น ๆ เพื่อน าผลที่ได้มาเป็นแนวทางในการแก้ไขพฤติกรรมไม่กล้าออกมาพูดหน้าชั้นเรียน ลงชื่อ......................................ผู้รายงาน ลงชื่อ.........................................หัวหน้าระดับวิชาการปฐมวัย (นางสาวณัชชา ศรีชัย) (นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน)
งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัยการส่งเสริมทักษะการฟัง การพูด ภาษาอังกฤษ ระดับชั้น ปฐมวัยปีที่ 3/2 โดยใช้สื่อนวัตกรรม 2. ชื่อผู้วิจัย นางอมรรัตน์ พันธ์รัตน์ วิชา ภาษาอังกฤษ ชั้น ปฐมวัยปีที่ 3/2 3. ความส าคัญและที่มา จากการจัดกิจกรรมประจ าวัน เด็กในระดับปฐมวัยปีที่ 3 นี้ต้องฝึกพัฒนาการครบทั้ง 4 ด้าน มีการพูด การฟังและฝึกการเขียนค าศัพท์ภาษาอังกฤษในขณะร่วมกิจกรรม ครูได้สังเกตเด็กหญิงภัทรนรินทร์ แสนธรรมพล ไม่สนใจฟังขณะที่ครูสอน ไม่รู้จักค าศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ ออกเสียงภาษาอังกฤษไม่ชัด ขณะตอบค าถามครูไม่ได้ ผู้วิจัยจึงสนใจในการท าวิจัยในครั้งนี้ เพื่อฝึกให้ เด็กหญิงภัทรนรินทร์ แสนธรรมพล รู้จักการพูดโต้ตอบและฟังค าสั่ง จากนวัตกรรม เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้น 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อส่งเสริมให้เด็กระดับปฐมวัยมีทักษะการฟัง การพูด ภาษาอังกฤษได้ชัดเจน 2. เพื่อเป็นพื้นฐานที่ดีในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษในระดับชั้นต่อไป 3. เพื่อให้เด็กน าไปใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กระดับปฐมวัยมีทักษะการฟัง การพูด ภาษาอังกฤษ ได้ชัดเจนขึ้นและถูกต้อง 2. เพื่อเป็นแนวทางส าหรับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการออกเสียง ค าศัพท์ที่ถูกต้อง 6. วิธีด าเนินการวิจัย 1. ครูสังเกตพฤติกรรมของเด็กระดับปฐมวัยปีที่ 3/2 ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ พบว่ายังมีเด็กที่พูดภาษาอังกฤษไม่ชัดเจน จ านวน 1 คน 2. ครูได้จัดกิจกรรมให้เด็กปฏิบัติโดยการถาม – ตอบ ดูกิจกรรมการเล่นเกมจับคู่ภาพกับค าศัพท์และ การปฏิบัติตามค าสั่ง ที่เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง เมื่อเด็กสามารถปฏิบัติได้ ครูจะกล่าวค าชมเชยและให้ รางวัล เพื่อเป็นการให้เด็กมีแรงจูงใจในการท าต่อไป 3. ครูท าการจดบันทึกรวบรวมเก็บข้อมูลจากกิจกรรม 4. หลังจากที่ครูให้เด็ก ๆ ลงมือปฏิบัติตามกิจกรรมเป็นระยะเวลา 5 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 3 – 31 มกราคม 2567 แล้วน าผลมาเปรียบเทียบกัน พบว่า เด็กๆ เกิดความชอบและสนใจเรียนกิจกรรม ต่างๆ มากขึ้น 7. ผลการวิจัย จากการวิจัยครั้งนี้ พบว่า หลังจากที่ได้สังเกตพฤติกรรมของเด็กหญิงภัทรนรินทร์ แสนธรรมพล มีสีระดับชั้น ปฐมวัยปีที่ 3/2 สิ่งที่สังเกตเห็นและเห็นได้ว่ามีทักษะการฟัง การพูดค าศัพท์ภาษาอังกฤษที่ดีขึ้น คือ - มีพฤติกรรมการการฟัง การพูด ภาษาอังกฤษที่ดีขึ้น พูดจาชัดเจนขึ้น - การที่ได้รับค าชมเชยเป็นการเสริมแรงให้เด็กสามารถปรับพฤติกรรมทักษะการฟัง การพูดค าศัพท์ ภาษาอังกฤษของเด็กได้ดีขึ้น ฝ่ายวิชาการ
- การเป็นผู้น า / ผู้ตาม ได้ดาวอย่างสม่ าเสมอท าให้เด็กมีพฤติกรรมที่ดีขึ้นมีทักษะการฟัง การพูด ภาษาอังกฤษได้ชัดเจนและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 8. สรุปผลการวิจัย จากการวิจัยครั้งนี้พบว่า หลังจากที่ได้สังเกตพฤติกรรมทักษะการฟัง การพูด ภาษาอังกฤษ ของ เด็กหญิงภัทรนรินทร์ แสนธรรมพล ระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3/2 สามารถ ฟัง พูด ภาษาอังกฤษได้ชัดเจนขึ้น เกิด ความมั่นใจ สนใจเข้าร่วมกิจกรรมและรักการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น 9. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย การฝึกฝนให้เด็กกระท าเป็นการฝึกนิสัยตัวเด็กเองในการฟัง การพูด ภาษาอังกฤษ บ่อยๆ โดยการจัด กิจกรรมเพื่อเป็นการฝึกได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับวัยและสามารถน าไปปฏิบัติจริงจากการสังเกต พฤติกรรมของเด็กสามารถน าข้อมูลที่ได้ไปปรับใช้เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาต่อไปและพัฒนาเด็กให้มี ศักยภาพและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ลงชื่อ................................................ผู้รายงาน ลงชื่อ............................................ ( นางอมรรัตน์ พันธ์รัตน์ ) (นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน) ผู้ช่วยฝ่ายวิชาการระดับปฐมวัย
ภาคผนวก
แบบสังเกตการศึกษาพฤติกรรมโดยการใช้แรงเสริม ในการพัฒนาทักษะการฟัง การพูด ภาษาอังกฤษ เด็กหญิงภัทรนรินทร์ แสนธรรมพล ระดับชั้นปฐมวัยปีที่ 3/2 โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ สัปดาห์ที่ 1-5 วัน /เดือน /ปี พฤติกรรม ผลการสังเกต 3 2 1 3- 5 ม.ค 2567 การร่วมกิจกรรม การตอบค าถามจากภาพ การปฏิบัติตามค าสั่ง การเล่นเกมจับคู่ภาพกับค าศัพท์ 8- 12 ม.ค 2567 การร่วมกิจกรรม การตอบค าถามจากภาพ การปฏิบัติตามค าสั่ง การเล่นเกมจับคู่ภาพกับค าศัพท์ 15- 19 ม.ค 2567 การร่วมกิจกรรม การตอบค าถามจากภาพ การปฏิบัติตามค าสั่ง การเล่นเกมจับคู่ภาพกับค าศัพท์ 22- 26 ม.ค 2567 การร่วมกิจกรรม การตอบค าถามจากภาพ การปฏิบัติตามค าสั่ง การเล่นเกมจับคู่ภาพกับค าศัพท์ 22- 26 ม.ค 2567 การร่วมกิจกรรม การตอบค าถามจากภาพ การปฏิบัติตามค าสั่ง การเล่นเกมจับคู่ภาพกับค าศัพท์ เกณฑ์การประเมิน ท าได้ดีมาก คะแนน ระดับ 3 ท าได้ดี คะแนน ระดับ 2 ท าได้พอใช้ คะแนน ระดับ 1
ภาพ/บัตรค าศัพท์
ครูและเด็กจัดกิจกรรมการเรียนการสอน/เล่นเกมจับคู่ภาพกับ ค าศัพท์
งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัย การส่งเสริมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กโดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ 2. ชื่อผู้วิจัย นางสาวนิญาชล ศรีสุพัฒนะกุลวิชา บูรณาการ ชั้น ปฐมวัยปีที่ 2/4 3. ความส าคัญและที่มา นักเรียนในระดับปฐมวัย เป็นวัยที่ควรได้รับการส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ให้สมดุลกัน พัฒนาการด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กเช่นการใช้มือในการขีดเขียน หยิบจับ ก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่ควรรับ การพัฒนา กิจกรรมที่เหมาะสมและตรงกับความสนใจเป็นอย่างยิ่งคือกิจกรรมสร้างสรรค์เด็กจะมีความสุขผ่อนคลาย และเกิดจินตนาการ มีสมาธิในการท ากิจกรรมและเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ สามารถพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กให้กับเด็กปฐมวัยเป็นอย่างดีเป็นการผสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตาเพื่อเป็นการเตรียม ความพร้อมให้เด็กปฐมวัย จากการสังเกตเด็กปฐมวัยปีที่ 2/4 จ านวน 1 คนหลังเปิดเรียนมา 6 สัปดาห์ครูผู้สอนพบว่า เด็กมีการระบายสีภาพออกนอกกรอบที่ก าหนด และรูปภาพที่ก าหนดให้ระบายสี น้ าหนักมือในการลงสียังจาง ผู้วิจัย จึงจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กโดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก 2. เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการใช้มือให้สัมพันธ์กับตา 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.เด็กมีพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็กที่แข็งแรงมีการผสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตาได้อย่างคล่องแคล่ว 2.เพื่อเป็นแนวทางส าหรับผู้เกี่ยวข้องกับการดูแลเด็กปฐมวัยที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็ก ปฐมวัย 6.วิธีด าเนินการวิจัย 1.ครูสังเกตผลงานและพฤติกรรมของเด็กชายวชิรวิทย์ รุกขชาติ อนุบาล 2/4 2.ครูจัดเตรียมกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ 3.ครูใช้เวลาท าการทดลอง 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ช่วงเวลาพักกลางวัน รวมทั้งสิ้น 12 วัน โดยจัดกิจกรรมดังนี้ - กิจกรรมระบายสีภาพ - กิจกรรมวาดภาพตามจินตนาการ - กิจกรรมปั้นดินน้ ามัน - ฉีกปะติด 4.ครูบันทึกพฤติกรรมในรูปแบบบันทึกก่อน – หลัง การใช้กิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมือเด็กปฐมวัย 5.รวบรวมข้อมูลสรุปผล ฝ่ายวิชาการ
ตารางส่งเสริม ที่ วัน/เดือน/ปี กิจกรรม หมายเหตุ 1 4 /ธ.ค../2565 6/ธ.ค../2565 8/ธ.ค../2565 - กิจกรรมระบายสีภาพ -กิจกรรมวาดภาพตามจินตนาการ - กิจกรรมปั้นดินน้ ามัน ปฏิบัติตามกิจกรรมทุก วันจันทร์พุธ ศุกร์ ของ สัปดาห์วันที่ปฏิบัติ กิจกรรมตรงกับวันหยุด จะเลื่อนปฏิบัติในวัน ถัดไป 2 11/ธ.ค./2566 13/ธ.ค./2566 15/ธ.ค./2566 - กิจกรรมวาดภาพตามจินตนาการ - กิจกรรมปั้นดินน้ ามัน - ฉีกปะติด 3 18/ธ.ค./2566 20/ธ.ค./2566 22/ธ.ค./2566 - กิจกรรมระบายสีภาพ -กิจกรรมวาดภาพตามจินตนาการ - กิจกรรมปั้นดินน้ ามัน 4 25/ธ.ค./2566 27/ธ.ค./2566 29/ธ.ค./2566 - กิจกรรมวาดภาพตามจินตนาการ - กิจกรรมปั้นดินน้ ามัน - ฉีกปะติด 6. ตารางบันทึกการใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาการกล้ามเนื้อมือ รายการกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ วันที่ 4 - 29 ธันวาคม 2566 ก่อน หลัง เกณฑ์ระดับ เกณฑ์ระดับ สัปดาห์ที่ 1 3 2 1 3 2 1 วันจันทร์ : กิจกรรมระบายสีภาพ √ √ วันพุธ : กิจกรรมวาดภาพตามจินตนาการ √ √ วันศุกร์ : กิจกรรมปั้นดินน้ ามัน √ √ สัปดาห์ที่2 วันจันทร์ : กิจกรรมวาดภาพตามจินตนาการ √ √ วันพุธ : กิจกรรมปั้นดินน้ ามัน √ √ วันศุกร์ : ฉีกปะติด √ √ สัปดาห์ที่ 3 วันจันทร์ : กิจกรรมระบายสีภาพ √ √ วันพุธ : กิจกรรมวาดภาพตามจินตนาการ √ √ วันศุกร์ : กิจกรรมปั้นดินน้ ามัน √ √ สัปดาห์ที่4 วันจันทร์ : กิจกรรมวาดภาพตามจินตนาการ √ √ วันพุธ : กิจกรรมปั้นดินน้ ามัน √ √ วันศุกร์ : ฉีกปะติด √ √ รวม 0 1 11 24 8 0 ร้อยละ 0 5.55 30.55 66.66 22.22 0
หมายเหตุ : เกณฑ์ประเมินคุณภาพผู้เรียน 1 หมายถึง ผลการประเมินพัฒนาการปรับปรุง 2 หมายถึง ผลการประเมินพัฒนาการพอใช้ 3 หมายถึง ผลการประเมินพัฒนาการดี เกณฑ์การคิดค่าเฉลี่ยและร้อยละ 1. ค่าเฉลี่ย = คะแนนรวมที่ได้แต่ละด้าน / จ านวนข้อแต่ละด้าน 2. ค่าร้อยละ = คะแนนรวมที่ได้แต่ละด้าน * 100 คะแนนเต็มแต่ละด้าน 7.ผลการวิจัย จากแบบบันทึกการใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาการกล้ามเนื้อมือ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาผู้เรียนแล้ว ผู้เรียนมีพัฒนาการกล้ามเนื้อมือและตาสานสัมพันธ์กัน ผลงานสร้างสรรค์ของผู้เรียนดีขึ้นตามล าดับจากวิธีการบันทึก ข้อมูลและคิดเป็นร้อยละ - ก่อนใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ร้อยละ 5.55 - หลังใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ร้อยละ 66.66 8. สรุปผลการวิจัย จากการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กโดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ของผู้เรียนแล้วพบว่าเด็กชายวชิรวิทย์ รุกข ชาติ นักเรียนชั้นอนุบาล 2/4 มีพัฒนาการในการกล้ามเนื้อมือมัดเล็กได้ดีขึ้น การระบายสีและการวาดรูปขีดเขียนตาม จินตนาการมีน้ าหนักมือในการใช้สีได้ดีขึ้นกล้ามเนื้อมือมีความแข็งแรงขึ้นมีการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตาที่ดี ขึ้นในการหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ 9. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย 1.ให้นักเรียนได้ฝึกใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่หลากหลาย 2.จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กที่ครอบคลุม ลงชื่อ..................................................ผู้รายงาน ลงชื่อ..................................................ผู้ช่วยฝ่ายวิชาการระดับปฐมวัย (...............................................) (………………………………………….)
ภาคผนวก
กิจกรรมวาดภาพระบายสีตามจินตนาการและ ระบายสีภาพในรูปภาพที่ก าหนด
กิจกรรมฉีก ปะ ติด ภาพ กิจกรรมปั้นดินน้ ามันและปั้นตามรูปทรงที่ก าหนด
งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัย การส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ค่าของจ านวน 1 – 10 โดยใช้กิจกรรมตัวเลขหรรษา 2. ชื่อผู้วิจัย นางสาวณัชชา ศรีชัย วิชา บูรณาการ ชั้น ปฐมวัยปีที่ 2/3 3. ความส าคัญและที่มา จากการที่ผู้วิจัยได้ปฏิบัติการสอนที่โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ และได้ท าการสอนในระดับชั้นอนุบาล 2/3 ซึ่งมี จ านวนนักเรียนทั้งหมด 33 คน มีการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ 6 กิจกรรมหลัก และส่งเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ให้กับเด็ก นักเรียนส่วนใหญ่ในชั้นเรียนสนใจเข้าร่วมกิจกรรม และท างานตามที่ครูก าหนดให้ได้ ขณะที่ผู้วิจัยได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้มีการสังเกตการเรียนรู้ของเด็กตลอดระยะเวลาที่ท าการสอน พบว่า มีเด็กใน ห้องเรียน 1 คน คือ เด็กชายอัษฎา เทียนสุข ยังบอกค่าของจ านวน 1 –10 ไม่ได้ จึงท าให้เด็กชายอัษฎา เทียนสุข ไม่สามารถ ท าแบบฝึกหัดได้ เช่น เติมจ านวนที่ขาดหายไปไม่ได้ บอกค่าของจ านวนที่น้อยกว่า และมากกว่าไม่ได้ แทนค่าจ านวนด้วยตัวเลข ไม่ได้ วาดภาพตามจ านวนที่ก าหนดให้ไม่ได้บวกและลบเลขอย่างง่ายไม่ได้ จึงเป็นเหตุผลให้ครูผู้สอนที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ คณิตศาสตร์การรู้ค่าของจ านวน 1 –10 เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ และมีทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ได้เป็นอย่าง ดี 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อส่งเสริมพัฒนาให้เด็กรู้ค่าของจ านวน 1 – 10 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กรู้ค่าของจ านวน 1 – 10 ได้ดีขึ้น 2. เด็กสามารถน าทักษะที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ 6. ขอบเขตของการวิจัย 1. กลุ่มตัวอย่างการวิจัย เด็กชายอัษฎา เทียนสุข นักเรียนระดับปฐมวัยปีที่ 2/3 โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 2. กิจกรรมตัวเลขหรรษา 7. วิธีด าเนินการวิจัย ประชากรที่ใช้ในการวิจัย เด็กชายอัษฎา เทียนสุข นักเรียนระดับปฐมวัยปีที่ 2/3โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์18 ถ.โกสีย์ ต.ปากน้ าโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โดยมีวิธีการด าเนินงานเพื่อการส่งเสริม ดังนี้ 1. คุณครูสังเกตการเรียนรู้ค่าของจ านวน 1 – 10 ของเด็กในห้องเรียน 2. คุณครูจัดกิจกรรมตัวเลขหรรษา ได้แก่ - กิจกรรมที่ 1 “นกฮูกนับเลข” ให้เด็กทุกคนในชั้นเรียนนับจ านวน 1- 10 (บัตร ตัวเลข 1-10) - กิจกรรมที่ 2 “แม่ไก่ออกไข่” (การถาม และตอบตัวเลขทีละตัว)
- กิจกรรมที่ 3 “นักปั้นหรรษา” ให้เด็กแต่ละคนปั้นดินน้ ามันเท่ากับจ านวนตัวเลข - กิจกรรมที่ 4 “มาคู่กันเถอะ” ให้เด็กท าแบบฝึกหัดการจับคู่ภาพกับจ านวนที่เท่ากัน - กิจกรรมที่ 5 “ มาวาดรูปกัน” ให้เด็กท าแบบฝึกหัดวาดภาพตามจ านวนที่ก าหนด - กิจกรรมที่ 6 “ตัวเลขหายไปไหนนะ !” ให้เด็กท าแบบฝึกเติมจ านวนที่ขาดหายไป 3. คุณครูกล่าวชมเชยเด็ก เมื่อเด็กลงมือปฏิบัติได้ 4. ครูใช้เวลาในการสังเกตการเรียนรู้ค่าของจ านวน 1 – 10 เป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2567 – 26 มกราคม 2567 โดยมีการบันทึกแบบประเมินกิจกรรมตัวเลขหรรษา 5.น าแบบประเมินกิจกรรมตัวเลขหรรษาก่อนการทดลอง และหลังการทดลองมาเปรียบเทียบการเรียนรู้ค่าของจ านวน 1 – 10 6. สรุปผลการวิจัย และเสนอแนะ โดยมีวิธีด าเนินงานด้วยการวิจัยดังนี้ กิจกรรมที่ วัน/เดือน/ปี ชื่อกิจกรรม หมายเหตุ 1 8/มกราคม/2567 กิจกรรม“นกฮูกนับเลข” ปฏิบัติกิจกรรมตาม 2 12/มกราคม/2567 กิจกรรม “แม่ไก่ออกไข่” วันที่ก าหนด 3 15/มกราคม/2567 กิจกรรม “นักปั้นหรรษา” 4 19/มกราคม/2567 กิจกรรม “มาคู่กันเถอะ” 5 22/มกราคม/2567 กิจกรรม“ มาวาดรูปกัน” 6 26/มกราคม/2567 กิจกรรม “ตัวเลขหายไปไหนนะ !” 8. สรุปผลการวิจัย ภายหลังจากการส่งเสริมการเรียนรู้ค่าของจ านวน 1 – 10 พบว่า เด็กชายอัษฎา เทียนสุข สามารถท าแบบฝึกหัดได้เช่น เติมจ านวนที่ขาดหายไปได้ บอกค่าของจ านวนที่น้อยกว่า และมากกว่าได้ แทนค่าจ านวนด้วยตัวเลขได้วาดภาพตามจ านวนที่ ก าหนดให้ได้ดีขึ้น 9. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย 1. ควรมีการศึกษาการน ากิจกรรมตัวเลขหรรษาไปใช้ในการแก้ไขปัญหาด้านการเรียนรู้ทักษะทางคณิตศาสตร์ใน ด้านต่าง ๆ 2. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างผลการจัดกิจกรรมตัวเลขหรรษา รูปแบบอื่น ๆ เพื่อน าผลที่ได้มาเป็นแนวทางในการ การส่งเสริมการเรียนรู้ค่าของจ านวน 1 – 10 ลงชื่อ......................................ผู้รายงาน ลงชื่อ.........................................หัวหน้าระดับวิชาการปฐมวัย (นางสาวณัชชา ศรีชัย) (นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน)
งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัย การส่งเสริมพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กก่อนปฐมวัยโดยใช้กิจกรรมสร้างสรรค์และ กิจกรรมเสรี 2. ชื่อผู้วิจัย นางจุฑารัฐ นิลสูตร์ วิชา บูรณาการ ชั้น ก่อนปฐมวัย 3. ความส าคัญและที่มา ความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กมีความส าคัญและจ าเป็นต่อการด ารงชีวิตประจ าวัน โดยกล้ามเนื้อ มัดเล็กเป็นอวัยวะหนึ่งในการประกอบกิจกรรมต่างๆของเด็กก่อนปฐมวัย เช่น การติดกระดุม การผูกเชือกรองเท้า การจับช้อนส้อมในการรับประทานอาหาร การท างานศิลปะ รวมทั้งการขีดเขียน ถ้าเด็กมีกล้ามเนื้อมัดเล็กแข็งแรง และสามารถใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กได้อย่างคล่องแคล่ว จะช่วยเสริมความพร้อมสมบูรณ์ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และ สติปัญญา อีกทั้งยังเป็นการวางรากฐานในการใช้มือที่ถนัดและเตรียมความพร้อมที่จะเขียนและการเรียนรู้ในอนาคต จากการสังเกตพฤติกรรมเด็กก่อนปฐมวัย พบว่ามีเด็กจ านวน 7 คน ขาดทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก คือกล้ามเนื้อมัดเล็กไม่แข็งแรง ไม่สามารถใช้มือได้อย่างคล่องแคล่ว และในขณะที่ท ากิจกรรมศิลปะ ระบายสี ด้วยความเร็ว ออกนอกกรอบ และการจับสีเทียนแบบผิดวิธีท าให้เกิดความล้าได้ง่าย ผู้วิจัยเล็งเห็นว่าการส่งเสริม พัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กก่อนปฐมวัยเป็นสิ่งส าคัญ จากการศึกษาพบว่าการส่งเสริมพัฒนาการกล้ามเนื้อ มัดเล็กของเด็กก่อนปฐมวัยโดยใช้กิจกรรมสร้างสรรค์จะท าให้เด็กได้พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กแข็งแรงและ คล่องแคล่วขึ้น 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กให้แข็งแรงและคล่องแคล่วขึ้น 2. เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของเด็ก 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เพื่อช่วยให้เด็กระดับก่อนปฐมวัยได้ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กแข็งแรงและคล่องแคล่วขึ้น 2. เพื่อเป็นแนวทางส าหรับผู้ดูแลเด็กก่อนปฐมวัยที่จะส่งเสริมการพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดเล็ก 6. วิธีด าเนินการวิจัย 1. ก่อนการทดลอง สังเกตและบันทึกพฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กโดยบันทึกลงในแบบพฤติกรรม 2. ก าหนดรูปแบบกิจกรรมสร้างสรรค์ได้แก่ 1.กิจกรรมปั้นดินน้ ามันตามจินตนาการ 2.กิจกรรมร้อยลูกปัด ตามจินตนาการ 3.กิจกรรมระบายสี4.กิจกรรมเล่นต่อบล็อกไม้ต่อ ในขณะที่ท ากิจกรรมได้สังเกตและบันทึก พฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก 3. น าผลการสังเกตพฤติกรรมการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ มาเปรียบเทียบ 4. ใช้ระยะเวลา 4 เดือนตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน 2566 โดยให้เด็กท ากิจกรรมสร้างสรรค์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง 5. สรุปผลการวิจัยและเสนอแนะ 7. ผลการวิจัย ผลสรุปพัฒนาการด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กก่อนปฐมวัย โดยก่อนการทดลองเป็นระยะที่ผู้วิจัย ได้สังเกตและบันทึกพฤติกรรมซึ่งไม่ได้ใช้กิจกรรมใดๆ พบว่าเด็กจ านวน 7 คน มีกล้ามเนื้อมัดเล็กไม่แข็งแรง ไม่สามารถใช้มือได้อย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่ท ากิจกรรมต่างๆ ต่อมาได้ใช้เทคนิคกิจกรรมสร้างสรรค์จ านวน 4 กิจกรรม พบว่าคะแนนพัฒนาการด้านการใช้กล้ามเนื้อ มัดเล็กสูงขึ้นกว่าก่อนการจัดกิจกรรม ซึ่งเกิดจากการฝึกฝน การเรียนรู้ พร้อมกับค าแนะน าที่ถูกวิธี ส่งเสริมการท า ฝ่ายวิชาการ
2 กิจกรรมต่างๆให้ดีขึ้น จะเห็นได้ว่าพัฒนาการด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กสูงขึ้นนั้นน่าจะเป็นผลมาจากการได้รับการ จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ดังปรากฏในตาราง 8. สรุปผลการวิจัย ผลจากการพัฒนาการด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กก่อนปฐมวัย โดยการใช้กิจกรรมสร้างสรรค์ซึ่งการ พัฒนาการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้จากการลงมือกระท าและปฏิบัติจริงกับสื่อ อุปกรณ์ ท าให้เด็กเข้าใจและรวบรวมประสบการณ์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ซึ่งในขณะที่เด็กได้ท ากิจกรรมเด็กได้พัฒนา กล้ามเนื้อมือมัดเล็กได้เป็นอย่างดีพร้อมกับครูให้ค าแนะน าที่ถูกวิธีเด็กมีพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงจากกล้ามเนื้อ มัดเล็กที่ไม่แข็งแรงจนกระทั่งมีการพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็กที่แข็งแรงขึ้น สามารถใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กได้อย่าง คล่องแคล่วขึ้น มีผลงานและการขีดเขียนที่ดีขึ้น 9. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย ครูควรมีบทบาทในการดูแลให้ความช่วยเหลือ ให้ค าแนะน าเมื่อเด็กต้องการ กระตุ้นเด็กโดยให้เด็กได้ทดลอง ท าตามความคิดของตนเอง ให้แรงเสริมกล่าวค าชมเชยในผลงานของเด็ก ท าให้เด็กมีความมั่นใจและตั้งใจท ากิจกรรม ลงชื่อ..................................ผู้รายงาน ลงชื่อ..................................................ผู้ช่วยฝ่ายวิชาการระดับปฐมวัย (นางจุฑารัฐ นิลสูตร์) (นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน)
3 ภาคผนวก กล้ามเนื้อมัดเล็กไม่แข็งแรง ระบายสีออกนอกกรอบ จับสีเทียนผิดวิธี
4 แบบบันทึกพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กก่อนปฐมวัย ปีการศึกษา 2566 ก่อนและหลังการใช้กิจกรรม คนที่ ชื่อ-สกุล กิจกรรมที่ 1 ปั้นดินน้ ามันตามจินตนาการ ก่อนทดลอง หลังทดลอง ปฏิบัติ ได้ดี 3 คะแนน ปฏิบัติ ได้บางครั้ง 2 คะแนน ควร ส่งเสริม 1 คะแนน ปฏิบัติ ได้ดี 3 คะแนน ปฏิบัติ ได้บางครั้ง 2 คะแนน ควร ส่งเสริม 1 คะแนน 1 ด.ช.ภัทรนันท์เพชรพลอยนิล 2 ด.ช.ธีรเดช จิ๋วประหัต 3 ด.ช.ปุญญพัฒน์ชัยเมืองเขียว 4 ด.ช.ศิรภัส สิทธิชัย 5 ด.ช.ภาสกร มุสิกะพงษ์ 6 ด.ช. พีรภาพ ต่วนชะเอม 7 ด.ญ.ปริณรดา วารุลังค์ รวม 4 5 6 10 คน ที่ ชื่อ-สกุล กิจกรรมที่ 2 ร้อยลูกปัดตามจินตนาการ ก่อนทดลอง หลังทดลอง ปฏิบัติ ได้ดี 3 คะแนน ปฏิบัติ ได้บางครั้ง 2 คะแนน ควร ส่งเสริม 1 คะแนน ปฏิบัติ ได้ดี 3 คะแนน ปฏิบัติ ได้บางครั้ง 2 คะแนน ควร ส่งเสริม 1 คะแนน 1 ด.ช.ภัทรนันท์เพชรพลอยนิล 2 ด.ช.ธีรเดช จิ๋วประหัต 3 ด.ช.ปุญญพัฒน์ชัยเมืองเขียว 4 ด.ช.ศิรภัส สิทธิชัย 5 ด.ช.ภาสกร มุสิกะพงษ์ 6 ด.ช. พีรภาพ ต่วนชะเอม 7 ด.ญ.ปริณรดา วารุลังค์ รวม 8 3 15 4
5 คนที่ ชื่อ-สกุล กิจกรรมที่ 3 ระบายสี ก่อนทดลอง หลังทดลอง ปฏิบัติ ได้ดี 3 คะแนน ปฏิบัติ ได้บางครั้ง 2 คะแนน ควร ส่งเสริม 1 คะแนน ปฏิบัติ ได้ดี 3 คะแนน ปฏิบัติ ได้บางครั้ง 2 คะแนน ควร ส่งเสริม 1 คะแนน 1 ด.ช.ภัทรนันท์เพชรพลอยนิล 2 ด.ช.ธีรเดช จิ๋วประหัต 3 ด.ช.ปุญญพัฒน์ชัยเมืองเขียว 4 ด.ช.ศิรภัส สิทธิชัย 5 ด.ช.ภาสกร มุสิกะพงษ์ 6 ด.ช. พีรภาพ ต่วนชะเอม 7 ด.ญ.ปริณรดา วารุลังค์ รวม 2 6 3 12 คนที่ ชื่อ-สกุล กิจกรรมที่ 4 เล่นต่อบล็อกไม้ต่อความคิด ก่อนทดลอง หลังทดลอง ปฏิบัติ ได้ดี 3 คะแนน ปฏิบัติ ได้บางครั้ง 2 คะแนน ควร ส่งเสริม 1 คะแนน ปฏิบัติ ได้ดี 3 คะแนน ปฏิบัติ ได้บางครั้ง 2 คะแนน ควร ส่งเสริม 1 คะแนน 1 ด.ช.ภัทรนันท์เพชรพลอยนิล 2 ด.ช.ธีรเดช จิ๋วประหัต 3 ด.ช.ปุญญพัฒน์ชัยเมืองเขียว 4 ด.ช.ศิรภัส สิทธิชัย 5 ด.ช.ภาสกร มุสิกะพงษ์ 6 ด.ช. พีรภาพ ต่วนชะเอม 7 ด.ญ.ปริณรดา วารุลังค์ รวม 12 1 21
งานวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่องานวิจัย การส่งเสริมพัฒนาจริยธรรมความซื่อสัตย์ของเด็กโดยใช้การเล่านิทาน 2. ชื่อผู้วิจัย นางกัญญาพัชร พุ่มเปี่ยม วิชาบูรณาการ ชั้นปฐมวัยปีที่ 3/1 3. ความส าคัญและที่มา จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ชั้นอนุบาล 3/1 พบว่ามีเด็กจ านวน 1 คน มีพฤติกรรมชอบหยิบของผู้อื่นมาเป็น ของตน จึงเป็นเหตุผลให้ครูผู้สอนสนใจที่จะปรับแก้ไขพฤติกรรมของเด็กให้มีจริยธรรมความซื่อสัตย์ในเรื่องการไม่หยิบของ ผู้อื่นมาเป็นของตน การที่ครูผู้สอนน าเอากิจกรรมจากนิทานส่งเสริมจริยธรรมความซื่อสัตย์ท าให้เด็กมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น เด็กสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 4. จุดมุ่งหมายในการวิจัย 1. เพื่อพัฒนาจริยธรรมความซื่อสัตย์ 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กมีการพัฒนาจริยธรรมความซื่อสัตย์ที่ดีขึ้น 2. เด็กมีพัฒนาการด้านอารมณ์ – จิตใจ มากขึ้น 6. เครื่องมือการวิจัย 1. แบบประเมินการสังเกตทักษะด้านการพูด 7. วิธีด าเนินการวิจัย ประชากรที่ใช้ในการวิจัย เด็กชายวัชญพัฒน์ สิทธิอัครานนท์ นักเรียนระดับปฐมวัยปีที่3/1 โรงเรียนลาสัซาลโชติ รวีนครสวรรค์ 18 ถ.โกสีย์ ต าบลปากน้ าโพ เมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 1. ครูใช้กิจกรรมเล่านิทานในการพัฒนาจริยธรรมความซื่อสัตย์ เป็นระยเวลา 4 สัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 5 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 ดังนี้ สัปดาห์ที่ 1 วันที่ 5-9 กุมภาพันธ์ 2567 สัปดาห์ที่ 2 วันที่ 12-16 กุมภาพันธ์ 2567 สัปดาห์ที่ 3 วันที่ 19-23 กุมภาพันธ์ 2567 สัปดาห์ที่ 4 วันที่ 26-29 กุมภาพันธ์ 2567 2. เครื่องมือที่ใช้ แบบสังเกตพฤติกรรม 3. การเก็บรวบรวมข้อมูลสังเกตพฤติกรรมของเด็กหลังจากฟังนิทานที่ครูเล่า โดยใช้เกณฑ์การประเมิน ดังนี้ เกณฑ์การประเมิน ปฎิบัติได้ (เด็กไม่หยิบของผู้อื่น) ปฎิบัติไม่ได้ (เด็กหยิบของผู้อื่น) ฝ่ายวิชาการ
4. สรุปผลที่ได้ไปปรับปรุงแก้ไขการจัดกิจกรรมครั้งต่อไป 8. ผลการวิจัย ผลการวิจัยครั้งนี้เห็นว่าการจัดกิจกรรมเล่านิทานช่วยพัฒนาจริยธรรมความซื่อสัตย์ของเด็กปฐมวัย ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยสามารถศึกษาและใช้เป็นแนวทางในการจัดประสบการณ์เรียนรู้ส าหรับเด็ก ปฐมวัยและเป็นการปูพื้นฐานด้านจริยธรรมความซื่อสัตย์เพื่อให้เด็กสามารถปรับตัวในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี ความสุข 9. ข้อเสนอแนะจากการวิจัย ควรมีนิทานจริยธรรมความซื่อสัตย์เพิ่มมากขึ้นเพื่อความหลากหลาย ลงชื่อ............................................ผู้รายงาน ลงชื่อ....................................ฝ่ายวิชาการระดับปฐมวัย ( นางกัญญาพัชร พุ่มเปี่ยม ) ( นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน )
ภาคผนวก
แบบสังเกตพฤติกรรม การมีจริยธรรมความซื่อสัตย์ โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ นิทาน วัน/เดือน/ปี ผลการสังเกต ปฏิบัติได้ ปฏิบัติไม่ได้ สัปดาห์ที่ 1 วันที่ 5-9 ก.พ 2567 นิทานเรื่อง “ขยะทองค า” วันที่ 5 ก.พ 2567 / วันที่ 6 ก.พ 2567 / วันที่ 7 ก.พ 2567 / วันที่ 8 ก.พ 2567 / วันที่ 9 ก.พ 2567 / สัปดาห์ที่ 2 วันที่ 12-16 ก.พ 2567 นิทานเรื่อง “น้องไข่เจียวผู้ซื่ออสัตย์” วันที12 ก.พ 2567 / วันที่ 16 ก.พ 2567 / วันที่ 17 ก.พ 2567 / วันที่ 18 ก.พ 2567 / วันที่ 19 ก.พ 2567 / สัปดาห์ที่ 3 วันที่ 19 - 23 ก.พ 2567 นิทานเรื่อง “เจ้านนท์จอมขโมย” วันที่ 19 ก.พ 2567 / วันที่ 20 ก.พ 2567 / วันที่ 21 ก.พ 2567 / วันที่ 22 ก.พ 2567 / วันที่ 23 ก.พ 2567 /
นิทาน วัน/เดือน/ปี ผลการสังเกต ปฏิบัติได้ ปฏิบัติไม่ได้ สัปดาห์ที่4 วันที่ 26 - 29 ก.พ 2567 นิทานเรื่อง “เจนนี่ผูซื่อสัตย์” วันที่ 26 ก.พ 2567 / วันที่ 27 ก.พ 2567 / วันที่ 28 ก.พ 2567 / วันที่ 29 ก.พ 2567 / เกณฑ์การประเมิน ปฎิบัติได้ (เด็กไม่หยิบของผู้อื่น) ปฎิบัติไม่ได้ (เด็กหยิบของผู้อื่น)
นิทานเสริมสร้างจริธรรมความซื่อสัตย์
ฝ่ายวิชาการ วิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 1. ชื่อเรื่อง การแก้ไขปัญหานักเรียนสวมรองเท้าสลับข้างโดยการเล่นเกมของเด็กชั้นอนุบาล 1/3 โรงเรียนลาซาลโชติรวี นครสวรรค์ 2. ชื่อผู้วิจัย นางพรประภา ไตรนิรันดร เลขประจ าตัว 171 3. ความส าคัญและที่มา เด็กปฐมวัยช่วงอายุ 3-6 ปี ควรมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามวัยในการช่วยเหลือตนเอง ในการปฏิบัติกิจวัตร ประจ าวันเนื่องจากผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะให้การช่วยเหลือเด็กๆมากกว่าการฝึกให้เด็กสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเองจากการ สังเกตพฤติกรรมของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 1/3 เมื่อเปิดภาคเรียนที่ 2 พบว่ามีนักเรียนสวมรองเท้าสลับข้าง 3 คน คือ ด.ช.อชิระ อิ่มเขียว ด.ช.กฤตลักษณ์ พับแผ่นทอง ด.ช.ณัฐวรรธน์ ฟูค า ด.ญ.นัทธมน ยิ้มแช่ม จึงได้ด าเนินการวิจัยเพื่อแก้ปัญหานักเรียน สวมรองเท้าสลับข้างเพื่อพัฒนาให้เด็กปฐมวัย มีทักษะในการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจ าวันดีขึ้น 4. จุดมุ่งหมายของการวิจัย 1. เพื่อแก้ปัญหานักเรียนสวมรองเท้าสลับข้าง 2. เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการสวมรองเท้าก่อนและหลังการสังเกต 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กสามารถใส่รองเท้าได้ถูกต้อง 2. เด็กเกิดความภาคภูมิใจเมื่อสามารถท าสิ่งต่างๆได้ด้วยตนเอง 6. วิธีด าเนินการวิจัย 1. ครูสังเกตพฤติกรรมนักเรียนในขณะใส่รองเท้าในการออกไปท ากิจกรรมข้างนอกห้องเรียนเป็นรายบุคคล 2. ครูน าผลการสังเกตพฤติกรรมมาจัดกิจกรรมการเล่นเกม “วิ่งจับคู่รองเท้ามาใส่ให้ถูกข้าง”โดยใช้ระยะเวลาท าการทดลอง 1 เดือน วันที่ 1 – 30 พฤศจิกายน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ๆละ 3 ครั้ง วันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ในกิจกรรมกลางแจ้ง 3. ครูสาธิตวิธีการเล่นเกมโดยให้เด็กๆน ารองเท้าของตนเองไปใส่ในตะกร้าที่เตรียมไว้และมายืนเรียงแถวหน้ากระดานเรียงกัน แถวละ 4 คนเมื่อได้ยินสัญญาณเป่านกหวีดให้เด็กๆวิ่งไปหยิบรองเท้าของตนเองที่วางอยู่ในตะกร้ามาใส่ให้ถูกข้างและวิ่ง กลับมาที่จุดเริ่มต้นโดบแบ่งออกเป็น 2 ระยะดังนี้ - ระยะก่อนการทดลอง สัปดาห์ที่ 1 - 2 ครูฝึกให้เด็กเล่นเกมโดยครูคอยแนะน าในขณะเด็กท ากิจกรรม และจดลงในแบบ บันทึก - ระยะหลังท าการทดลอง สัปดาห์ที่ 3 - 4 ครูให้เด็กฝึกเล่นเกมด้วยตนเอง และคอยสังเกตพฤติกรรมเด็กพร้อมกับให้ดาว เป็นการชมเชยเมื่อเด็กสามารถปฏิบัติได้ 4. น าผลการสังเกตพฤติกรรม ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมมาเปรียบเทียบ 5. สรุปผลการวิจัยและเสนอแนะ 7. ผลการวิจัย - เด็กชั้นอนุบาล 1/3 จ านวน 4 คน มีทักษะการช่วยเหลือตนเองในการใส่รองเท้าถูกต้องได้ดีขึ้นตามวัย 8. สรุปผลการวิจัย - เมื่อเด็กได้เรียนรู้และได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ าเสมอทั้งที่บ้านและที่โรงเรียนท าให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตามวัย 9. ข้อเสนอแนะ - การส่งเสริมและพัฒนาทักษะการช่วยเหลือตนเองในการปฏิบัติกิจวัตรประจ าวันของเด็กปฐมวัยจ าเป็นต้องอาศัยความ ร่วมมือกันระหว่างครูและผู้ปกครองเพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาเด็กให้มีความพร้อมมากยิ่งขึ้น ลงชื่อ..................................................ผู้รายงาน ลงชื่อ..................................................วิชาการระดับปฐมวัย ( นางพรประภา ไตรนิรันดร ) ( นางอ่อนนุช นุ่นอ่อน )
ฝ่ายวิชาการ แบบสังเกตพฤติกรรมการสวมรองเท้าสลับข้างก่อนและหลังการสังเกต ของ ด.ช.อชิระ อิ่มเขียว วัน / เดือน /ปี ก่อนการสังเกต วัน / เดือน /ปี หลังการสังเกต 3 2 1 3 2 1 1 พ.ย. 2566 15 พ.ย. 2566 3 พ.ย. 2566 17 พ.ย. 2566 6 พ.ย. 2566 20 พ.ย. 2566 8 พ.ย. 2566 24 พ.ย. 2566 10 พ.ย. 2566 27 พ.ย. 2566 13 พ.ย. 2566 29 พ.ย. 2566 รวมคะแนน รวมคะแนน คะแนนเฉลี่ย คะแนนเฉลี่ย แบบสังเกตพฤติกรรมการสวมรองเท้าสลับข้างก่อนและหลังการสังเกต ของ ด.ช.กฤตลักษณ์ พับแผ่นทอง วัน / เดือน /ปี ก่อนการสังเกต วัน / เดือน /ปี หลังการสังเกต 3 2 1 3 2 1 1 พ.ย. 2566 15 พ.ย. 2566 3 พ.ย. 2566 17 พ.ย. 2566 6 พ.ย. 2566 20 พ.ย. 2566 8 พ.ย. 2566 24 พ.ย. 2566 10 พ.ย. 2566 27 พ.ย. 2566 13 พ.ย. 2566 29 พ.ย. 2566 รวมคะแนน รวมคะแนน คะแนนเฉลี่ย คะแนนเฉลี่ย
ฝ่ายวิชาการ แบบสังเกตพฤติกรรมการสวมรองเท้าสลับข้างก่อนและหลังการสังเกต ของ ด.ช.ณัฐวรรธน์ ฟูค า วัน / เดือน /ปี ก่อนการสังเกต วัน / เดือน /ปี หลังการสังเกต 3 2 1 3 2 1 1 พ.ย. 2566 15 พ.ย. 2566 3 พ.ย. 2566 17 พ.ย. 2566 6 พ.ย. 2566 20 พ.ย. 2566 8 พ.ย. 2566 24 พ.ย. 2566 10 พ.ย. 2566 27 พ.ย. 2566 13 พ.ย. 2566 29 พ.ย. 2566 รวมคะแนน รวมคะแนน คะแนนเฉลี่ย คะแนนเฉลี่ย แบบสังเกตพฤติกรรมการสวมรองเท้าสลับข้างก่อนและหลังการสังเกต ของ ด.ญ.นัทธมน ยิ้มแช่ม วัน / เดือน /ปี ก่อนการสังเกต วัน / เดือน /ปี หลังการสังเกต 3 2 1 3 2 1 1 พ.ย. 2566 15 พ.ย. 2566 3 พ.ย. 2566 17 พ.ย. 2566 6 พ.ย. 2566 20 พ.ย. 2566 8 พ.ย. 2566 24 พ.ย. 2566 10 พ.ย. 2566 27 พ.ย. 2566 13 พ.ย. 2566 29 พ.ย. 2566 รวมคะแนน รวมคะแนน คะแนนเฉลี่ย คะแนนเฉลี่ย
ฝ่ายวิชาการ เกณฑ์การประเมิน ระดับ 3 : เด็กปฏิบัติได้เองโดยไม่มีการกระตุ้นในขณะท ากิจกรรม ระดับ 2 : เด็กปฏิบัติได้เองโดยมีการกระตุ้นเล็กน้อยในขณะท ากิจกรรม ระดับ 1 : เด็กปฏิบัติได้เองโดยมีการกระตุ้นอยู่ตลอดเวลาขณะท ากิจกรรม
โรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์