The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล 63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wlpsr.joy22, 2021-07-07 08:10:41

คู่มือปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล 63

คู่มือปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล 63

แนวปฏิบตั เิ พือ่ ป้องกัน 99

และควบคมุ การติดเชอื้ ในโรงพยาบาล

ปัจจยั พนื้ ฐาน (Infrastructure) ประกอบด้วย

1. คณะกรรมการควบคมุ โรคตดิ เช้ือในโรงพยาบาล (Infection Control Committee – I.C.C.)

เป้าหมาย - ปัจจยั กลยุทธส์ ง่ เสริม กิจกรรมทส่ี ำ� คญั ระดบั คะแนน
วตั ถปุ ระสงค์ 1234
มี I.C.C.
ผู้อ�ำนวยการแตง่ ตงั้ ICC ICN I.C.C.
ซ่ึงมีองค์ประกอบ • ผา่ นการฝึกอบรม • ประชมุ สมำ�่ เสมอ
อยา่ งน้อยคือ หลักสูตร 4 เดือน ทุก 1-3 เดอื น
• แพทย์ ประธาน • มี ICN อยา่ งนอ้ ย • นำ� ผลเฝา้ ระวงั ไป
• เภสัชกร 1 คน ต่อ 250 เตียง ใช้ในการควบคุม
• พยาบาลควบคมุ การตดิ เชื้อ
การติดเช้ือ (Infection
Control Nurse-ICN)
เปน็ กรรมการและ
เลขานกุ าร

ขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

2. นโยบาย, เปา้ หมาย วัตถุประสงค์ของ IC

เปา้ หมาย - ปัจจยั กลยทุ ธ์สง่ เสรมิ กิจกรรมท่ีสำ� คัญ ระดับคะแนน
วัตถปุ ระสงค์ 1234
กำ� หนด
นโยบาย นโยบาย เปา้ หมาย • มีการเฝ้าระวัง • จำ� นวน ICN ตอ่ เตยี ง
เป้าหมาย วัตถปุ ระสงค์ ครอบคลุม : โรคแบบ prevalence ผปู้ ว่ ยพอเพยี ง
วัตถปุ ระสงค์ • อตั ราการติดเช้ือใน และ targeted • อตั ราชกุ NI อยใู่ น
ของ IPC. ตาม โรงพยาบาล การจัดการโรคระบาด เกณฑ์
บริบทของ • การควบคุมการติดเช้ือ การใชย้ าตา้ นจลุ ชีพ • การป้องกันและ
โรงพยาบาล ในโรงพยาบาลทเ่ี ปน็ ท่เี หมาะสม การอบรม ควบคมุ การตดิ เช้ือ
ปัญหา ไดแ้ ก่ ต�ำแหน่ง บคุ ลากรเกย่ี วกับ IPC. ท่ีเป็นปัญหา
ตดิ เชอื้ เชื้อดอ้ื ยา การก�ำหนดแนวทาง • อาคาร สถานท่ี
ตา้ นจลุ ชพี ปฏบิ ตั ิทาง IPC. วสั ดุ อปุ กรณเ์ พยี งพอ
โรคระบาด การจัดหาวสั ดุ และพร้อมใช้
อปุ กรณ์
ป้องกนั การติดเชอื้
ในโรงพยาบาล

ขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

100 แนวปฏบิ ัติเพื่อปอ้ งกัน

และควบคมุ การตดิ เช้ือในโรงพยาบาล

3. แนวทางปฏบิ ตั ทิ ่ีเปน็ ลายลักษณ์อกั ษร

เป้าหมาย - ปัจจัย กลยุทธ์สง่ เสรมิ กิจกรรมที่ส�ำคญั ระดบั คะแนน
วัตถปุ ระสงค์ 1234

มแี นวทางปฏิบัติ มีแนวทางปฏบิ ตั ิ เกีย่ วกับ บคุ ลากรท่เี ก่ยี วขอ้ ง มีแนวทางปฏิบัติ
ท่เี หมาะสมกับบรบิ ท • การปอ้ งกัน NI รว่ มกันจัดทำ� แนวทาง ทีเ่ หมาะสมกบั บริบท
ของโรงพยาบาล ทีส่ �ำคญั เช่น VAP, ปฏิบตั ใิ ห้ ของโรงพยาบาลเปน็
CAUTI, SSI, CLABSI, • เหมาะสมกับบริบท ลายลกั ษณ์อกั ษร
MDROs ของโรงพยาบาล
• การจดั การน้�ำ มูลฝอย • ถกู ต้องตามหลัก
หน่วยจ่ายกลาง ผา้ วิชาการ
อาหาร สิง่ แวดลอ้ ม • ทนั สมยั
• Isolation/ • ประหยดั
precautions
• Hand hygiene
• Personnel Health

ขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

4. หน่วยจ่ายกลาง (Central Sterile Supply Department-CSSD)

เป้าหมาย - ปัจจัย กลยุทธ์ส่งเสริม กจิ กรรมทีส่ �ำคญั ระดบั คะแนน
วตั ถุประสงค์ 1234
มีหนว่ ยจ่ายกลาง
ทม่ี คี ุณภาพทัง้ • มเี คร่ืองมอื เครื่องใช้ ใหค้ วามรู้ อบรมบุคลากร ตรวจสอบประสทิ ธภิ าพ
ประสิทธภิ าพ ทมี่ ีประสทิ ธิภาพ ของหนว่ ยจ่ายกลางเป็น ของการปปฏบิ ตั งิ าน
ประสทิ ธผิ ล พอเพียง ระยะๆ
ตามมาตรฐาน • มีบคุ ลากรท่ีมคี วามรู้
ความสามารถ
• มกี ารจัดการพน้ื ท่ี
เป็นบรเิ วณสกปรก
บริเวณสะอาด
จดั การจราจรใน
หน่วยจา่ ยกลาง
มที ี่เก็บของที่สะอาด
ปราศจากเช้อื
• มีแนวทางปฏบิ ัตทิ ัง้ ใน
หน่วยจา่ ยกลางและ
หนว่ ยงานท่ีรบั ผิดชอบ

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

แนวปฏบิ ัติเพื่อปอ้ งกัน 101

และควบคมุ การตดิ เช้อื ในโรงพยาบาล

5. หน่วยโภชนาการ (Food Department)

เป้าหมาย - ปจั จัย กลยทุ ธส์ ่งเสริม กิจกรรมท่ีสำ� คัญ ระดับคะแนน
วัตถปุ ระสงค์ • ตรวจอาคาร สถานที่ 1234
เครื่องมือเครื่องใช้
อาหารใน • อาคาร สถานที่ อบรมผู้ปฏบิ ตั งิ าน • สุ่มตรวจการปนเป้อื น
โรงพยาบาลมีคุณภาพ เครอ่ื งมือ เคร่อื งใช้ ของอาหาร
ด้านโภชนาการ สะอาดไม่มสี ัตวพ์ าหะ
และปลอดภัย • จดั หาวัตถุดิบทสี่ ะอาด
และ คุณภาพดี
• ประกอบ เกบ็ จดั สง่
อาหารได้ มาตรฐาน
• บุคลากรมคี วามรู้
เหมาะสม ปฏบิ ตั ิงาน
อยา่ งถกู ตอ้ ง
• บคุ ลากรไม่เป็นพาหะ
ของโรคทางเดนิ อาหาร

ขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

6. แผนกซกั ฟอก (Laundry)

เป้าหมาย - ปจั จัย กลยทุ ธ์สง่ เสริม กิจกรรมท่ีสำ� คญั ระดับคะแนน
วตั ถุประสงค์ สุ่มตรวจการปฏบิ ัตงิ าน 1234
และการปนเปือ้ นของ
บริการผ้าทว่ั ไปและ • มีอาคาร สถานท่ี อบรม ให้การศึกษา ผา้ ทซ่ี กั /รดี แลว้
ผา้ ตดิ เชื้อไดม้ าตรฐาน เครอื่ งซกั ผา้ เจา้ หน้าที่
เคร่อื งรีดผ้า เหมาะสม
• บคุ ลากรมีความรู้
ความชำ� นาญปฏบิ ตั งิ าน
ไดเ้ หมาะสมและ
ป้องกนั ตนเองจาก
การติดเชือ้
• มีค่มู อื ปฏิบตั ิ
โดยเฉพาะการแยก
ผา้ ตดิ เชอ้ื ทแ่ี หลง่ กำ� เนดิ
การใสถ่ งุ และขนสง่ ไป
ยงั แผนกซักฟอก และ
การซกั ผ้าประเภทนี ้
โดยซกั ในน�้ำรอ้ นหรือ
แชน่ ้�ำยาทำ� ลายเชอ้ื
กอ่ นซัก

ขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

102 แนวปฏิบัติเพื่อปอ้ งกนั

และควบคมุ การติดเชื้อในโรงพยาบาล

7. การจัดการมลู ฝอย (Waste - management)

เป้าหมาย - ปัจจัย กลยทุ ธ์สง่ เสรมิ กิจกรรมทส่ี ำ� คัญ ระดับคะแนน
วตั ถุประสงค์ 1234

การจัดการมลู ฝอย • มีคมู่ อื ปฏิบตั ิ การแยก • อบรมบุคลากร • การแยกประเภท
ได้แก่ การแยก ประเภท มลู ฝอย จดั การมลู ฝอย มลู ฝอย
การเกบ็ การรวบรวม การจัดเกบ็ รวบรวม • ถงุ บรรจุ ถังทใี่ ช้ • วสั ดุ อุปกรณ์
ขนสง่ และ ท�ำลายได้ ขนสง่ และทำ� ลายให้ รวบรวม มูลฝอย • สุ่มตรวจการ
ถูกตอ้ ง กบั หนว่ ยงาน แต่ละชนิดมสี ี ปฏิบตั งิ านที่
ตน้ กำ� เนดิ มลู ฝอย และ แตกตา่ งกันง่าย ตน้ ก�ำเนดิ
หนว่ ยจดั การมลู ฝอย ต่อการจำ� การรวบรวม
• มีการแยกมลู ฝอยเปน็ การขนสง่ การเกบ็
มูลฝอยท่ัวไป มูลฝอย และการท�ำลาย
อนั ตราย มลู ฝอยตดิ เชอ้ื มูลฝอย
• มถี งุ ถงั ขยะ รถขน
มลู ฝอย อาคารพัก
มูลฝอยทีถ่ กู ต้อง และ
เพยี งพอ
• บคุ ลากรจดั การ
มูลฝอยไดร้ บั วัคซนี
ปอ้ งกนั โรคอยา่ ง
เหมาะสม โดยเฉพาะ
วคั ซนี ปอ้ งกนั บาดทะยกั

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................

8. การจัดการนำ้� (Water Management)

8.1 น�้ำอปุ โภคและบรโิ ภค

เปา้ หมาย - ปจั จยั กลยุทธส์ ่งเสรมิ กจิ กรรมทีส่ ำ� คัญ ระดบั คะแนน
วัตถปุ ระสงค์ 1234

มนี ้ำ� บรโิ ภค และ • จัดหานำ�้ บริโภคและ • ให้ความรแู้ ก่บคุ ลากร • คนรบั ผดิ ชอบและ
อุปโภค อปุ โภคทีส่ ะอาดได้ เก่ียวกบั น�ำ้ บริโภค แนวปฏบิ ตั ิ
ที่ปลอดภยั มาตรฐาน และอปุ โภค • ตรวจสอบคุณภาพน้�ำ
• จดั หาทอ่ นำ�้ กอ๊ กนำ้� • รายงานผลการตรวจ ทั้งทางเคมีและ
ภาชนะบรรจนุ ำ้� คณุ ภาพน้�ำ เชอ้ื กอ่ โรคตามกำ� หนด
ที่สะอาด

8.2 การจดั การน�ำ้ เสยี

เปา้ หมาย - ปัจจยั กลยทุ ธ์ส่งเสรมิ กจิ กรรมทส่ี ำ� คญั ระดับคะแนน
วตั ถปุ ระสงค์ • จดั ระบบจดั การนำ้� เสีย อบรมบุคลากรตาม • ระบบจัดการน้ำ� เสยี 1234
น้ำ� เสยี ท่อี อก ใหม้ ีคณุ ภาพดี ได้แก่ ความเหมาะสม • ตรวจนำ้� ท่ีบำ� บดั แล้ว
จากสถานพยาบาล ซงิ ค์ ท่อน�้ำ ท่อระบาย ทง้ั ทางเคมีและ
ปลอดภยั ทั้ง น�ำ้ และโรงกำ� จัด เช้อื กอ่ โรค
ทางด้านเคมี น้ำ� เสยี ทไ่ี ด้มาตรฐาน
และเชือ้ กอ่ โรค

แนวปฏิบัติเพอ่ื ปอ้ งกนั 103

และควบคุมการตดิ เช้อื ในโรงพยาบาล

8.2 การจัดการนำ�้ เสีย (ต่อ)

เป้าหมาย - ปจั จยั กลยทุ ธส์ ่งเสริม กจิ กรรมทีส่ ำ� คัญ ระดับคะแนน
วตั ถปุ ระสงค์ • การบ�ำบดั นำ้� เสียอาจ 1234
จะเป็นระบบชีวภาพ
หรอื เคมี
• ทดสอบคุณภาพนำ้�
เสียตามกำ� หนด
• กำ� จดั กากท่เี กิดจาก
การบ�ำบดั โดยวิธที ่ี
ปลอดภยั (ผ่งึ ให้
แห้งแล้วนำ� ไปท�ำป๋ยุ
หรือนำ� ไปฝงั กลบ)

ขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

9. อนามยั สงิ่ แวดล้อม (Environmental Hygiene)

เป้าหมาย - ปัจจัย กลยทุ ธส์ ง่ เสรมิ กิจกรรมทสี่ �ำคญั ระดับคะแนน
วัตถุประสงค์ 1234
ส่งิ แวดล้อม
ปลอดภัย • มีหนว่ ยงานและ อบรมบุคลากรท�ำความ • ตรวจสอบ
ตอ่ สุขภาพ บคุ ลากรเพยี งพอ สะอาด กระบวนการ
แกก่ ารบ�ำรงุ รกั ษา ท�ำความสะอาด
สง่ิ แวดลอ้ ม • ตรวจสอบ
• มคี ่มู อื ปฏิบัติส�ำหรบั ความสะอาด
การทำ� ความสะอาด ของอาคาร
ท�ำลายเชอ้ื ใน สถานท่ี เครอื่ งมือ
สถานพยาบาล เคร่อื งใช้
• มีวัสดุ อุปกรณ์ใน
การทำ� ความสะอาด
เพยี งพอและเหมาะสม
กับบริบทของ
สถานพยาบาล

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

104 แนวปฏิบตั เิ พอื่ ปอ้ งกนั

และควบคมุ การตดิ เช้อื ในโรงพยาบาล

10. ห้องแยกโรคติดต่อ (Isolation Room) พิจารณาว่าโรงพยาบาลระดับใดควรมีห้องแยก
ประเภทใด และจ�ำนวนเทา่ ไหร่

เปา้ หมาย - ปัจจยั กลยุทธ์ส่งเสรมิ กิจกรรมทสี่ ำ� คัญ ระดับคะแนน
วัตถปุ ระสงค์ 1234

มีหอ้ งแยก • จัดทำ� ห้องแยก ฝกึ อบรม ซอ้ มการปฏิบัติ ตรวจสอบคณุ ภาพของ
ผูป้ ่วยท่เี ป็น 1. ห้องแยกโรค เป็นระยะๆ หอ้ งแยกโรค
โรคตดิ ตอ่ ทีต่ ิดตอ่ โดยการสมั ผสั • ตรวจการปฏิบตั ิ
ท่ีไดม้ าตรฐาน (Contact isolation room) ของบคุ ลากรโดย
และจ�ำนวน โดยมลี ักษณะ เฉพาะเก่ยี วกบั
เพียงพอ • เป็นห้องเดย่ี ว มี anteroom การใช้เคร่อื งป้องกัน
• มปี ระตปู ดิ มิดชิด มหี ้องนำ้� ร่างกายและการ
ในตัวส�ำหรับผู้ปว่ ย ท�ำความสะอาดมือ
• มเี ครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นการตรวจ
รกั ษาเฉพาะผปู้ ว่ ย
ในห้องแยกน้นั
• มีเคร่ืองปอ้ งกนั ร่างกาย
สำ� หรบั บคุ ลากรไวพ้ รอ้ ม
ไดแ้ ก่ เสอ้ื คลมุ ถงุ มอื ฯลฯ
• มีอ่างลา้ งมอื นำ้� ยาฆา่ เชือ้
ในหอ้ งผปู้ ว่ ย
2. หอ้ งแยกการตดิ ตอ่ ทางอากาศ
(Airborne Infection
Isolation Room)
โดยมลี กั ษณะของห้องแยก
โรคทตี่ ิดตอ่ โดยการสัมผสั
รว่ มกบั
• เป็นห้องปรบั อากาศ
• ความดนั ภายในหอ้ งเปน็ ลบ
• เครอื่ งป้องกนั รา่ งกายทเี่ พ่มิ
คอื แว่นปอ้ งกนั ตา หน้ากาก
อนามัยแบบ surgical
ส�ำหรบั ผปู้ ่วยและ N95
สำ� หรบั บุคลากรและ
ผเู้ ข้าเยีย่ ม
• จดั ทำ� คู่มอื ปฏิบัติเกย่ี วกับ
โรค/เชือ้ กอ่ โรคทีต่ อ้ งแยก
แต่ละประเภทการปฏิบัติตน
ของผู้ปว่ ย ญาติ บคุ ลากร
ระยะเวลาที่อย่ใู นหอ้ งแยก
คำ� แนะน�ำผู้ปว่ ยญาติหลงั
จำ� หนา่ ยออกจากหอ้ งแยกแลว้

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

แนวปฏบิ ตั ิเพอื่ ปอ้ งกนั 105

และควบคุมการตดิ เชือ้ ในโรงพยาบาล

11. อุปกรณ์ปอ้ งกนั รา่ งกาย (Personal Protective Equipment-PPE)

เปา้ หมาย - ปจั จัย กลยุทธส์ ่งเสริม กิจกรรมท่สี ำ� คญั ระดบั คะแนน
วัตถปุ ระสงค์ 1234
บุคลากรใช้ PPE
ถูกตอ้ ง และมี • จัดหา PPE ได้แก่ รณรงค์ การให้ความรู้ • ตรวจสอบ supply
PPE เพยี งพอ หมวก แวน่ ปอ้ งกันตา เก่ยี วกบั PPE ใช้สื่อท่ี ของ PPE
face shield หนา้ กาก เหมาะสม เช่น IT, • ตรวจสอบการใช้
อนามัย (surgical poster ฯลฯ PPE ของบคุ ลากร
mask, N95) ถุงมอื เกย่ี วกับการใส่
เสอื้ คลมุ รองเทา้ บ๊ทู การถอด การทิง้
ใหเ้ พยี งพอ การท�ำลาย
• จดั ท�ำคมู่ ือการใช้
อุปกรณป์ อ้ งกนั
รา่ งกาย
• อบรม ซอ้ มการใช้
อปุ กรณป์ อ้ งกนั
รา่ งกายเป็นระยะ ๆ

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

12. หอ้ งปฏบิ ตั ิการจุลชีววิทยา (Microbiology Laboratory)

เปา้ หมาย - ปัจจัย กลยุทธ์ส่งเสริม กิจกรรมทสี่ ำ� คญั ระดับคะแนน
วัตถุประสงค์ ประเมนิ ประสิทธผิ ลโดย 1234
สถาบันภายนอก เช่น
มีหอ้ งปฏบิ ัติการ 1. มหี อ้ งปฏบิ ตั ิการ จัดหาวัสดุ อุปกรณ์ กรมวทิ ยาศาสตร์
จุลชีววิทยา ทเ่ี ออ้ื ต่อ จลุ ชีววิทยาทเี่ หมาะแก่ ทีจ่ �ำเปน็ การแพทย์ สมาคมเทคนคิ
การตรวจ, รักษา บริบทของสถานพยาบาล • สง่ บุคลากรเข้าฝกึ การแพทย์ เปน็ ต้น
ผปู้ ว่ ยโรคติดเชือ้ และ 1.1 รพช. อบรม
บคุ ลากรปลอดภยั • ยอ้ มสตี รวจ
เหมาะสมกับบริบท เชือ้ กอ่ โรค
ของสถานพยาบาล • เกบ็ ตวั อยา่ ง
ส่งตรวจไปยงั
ห้องปฏบิ ัตกิ ารที ่
มีศักยภาพสงู กว่า
1.2 รพท. ประกอบด้วย
1.1 และ
• เพาะเชอ้ื ก่อโรค
และ
• ตรวจความไว
ของเชอ้ื ต่อ
ยาต้านจุลชีพได้

106 แนวปฏิบัติเพ่ือปอ้ งกนั

และควบคุมการติดเชอ้ื ในโรงพยาบาล

12. ห้องปฏิบัตกิ ารจลุ ชีววิทยา (Microbiology Laboratory) (ตอ่ )

เป้าหมาย - ปัจจยั กลยทุ ธ์ส่งเสรมิ กิจกรรมท่สี ำ� คญั ระดบั คะแนน
วตั ถุประสงค์ 1.3 รพศ. ประกอบด้วย 1234
1.2 และ
• ตรวจ serology
ส�ำหรบั การตดิ
เชื้อท่ีพบบ่อย
• อาจตรวจทาง
โมเลกลุ ได้
1.4 กรมวิทยาศาสตร์
การแพทย ์
โรงพยาบาลบางแหง่
โรงพยาบาล
มหาวทิ ยาลัย
ประกอบด้วย 1.3
และ
• ตรวจทางโมเลกุล
ได้
• เพาะเชอ้ื ไวรัส
และเชอ้ื ก่อโรค
ที่เพาะได้ยาก
2. มรี ะบบประสานงาน
กบั บคุ ลากรทรี่ กั ษา ปอ้ งกนั
โรคได้อย่างใกล้ชดิ
3. มรี ะบบประสานงาน
ระหว่างหอ้ งปฏบิ ัติการ

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

การตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาลทีส่ �ำคญั (Important Nosocomial Infections)

จากการศกึ ษาอตั ราชุกของการติดเชอื้ ในโรงพยาบาล พบว่า การตดิ เชอื้ ท่พี บบ่อยและส�ำคัญทจี่ ะต้องป้องกัน
และควบคมุ เปน็ อนั ดับแรก ๆ ไดแ้ ก่
1. ปอดอกั เสบทสี่ มั พันธ์กบั การใชเ้ ครอ่ื งช่วยหายใจ (Ventilator-associated pneumonia: VAP)
2. การตดิ เชอื้ ทางเดนิ ปสั สาวะทส่ี มั พนั ธก์ บั การใสส่ ายสวน (Catheter-associated Urinary Tract Infection:
CAUTI)
3. การตดิ เชอ้ื ที่แผลผ่าตดั (Surgical Site Infection: SSI)
4. การตดิ เชอ้ื ในกระแสเลอื ดทสี่ มั พนั ธก์ บั การใสส่ ายสวนเขา้ หลอดเลอื ดสว่ นกลาง(CentralLine-associated Blood
Stream Infection: CLABSI)

แนวปฏบิ ัติเพื่อปอ้ งกนั 107

และควบคมุ การติดเชอื้ ในโรงพยาบาล

การประเมนิ การปอ้ งกนั และควบคุมการติดเช้ือรวม

12. ห้องปฏิบตั ิการจุลชีววทิ ยา (Microbiology Laboratory)

เป้าหมาย - ปจั จัย กลยุทธส์ ่งเสริม กจิ กรรมที่ส�ำคัญ ระดบั คะแนน
วัตถปุ ระสงค์ 1234
อัตราการ
ตดิ เชอื้ ท่ตี �ำแหน่ง • จดั พยาบาลควบคุม • การฝึกอบรม • อัตราการติดเชื้อ
ตา่ งๆอยู่ในเกณฑ์ การตดิ เชอ้ื ให้พอทงั้ • การแจง้ ประกาศผล โดยรวมและท่ี
มาตรฐาน จำ� นวนและคณุ ภาพ ของการเฝา้ ระวัง ตำ� แหนง่ พบบ่อย
• มคี มู่ อื ปฏบิ ตั ทิ เ่ี หมาะสม • การรณรงคต์ ามโอกาส • เฝ้าสังเกตความ
• มีเครือ่ งมือ เครือ่ งใช้ อนั ควร ถูกต้องของการปฏิบัติ
เวชภัณฑ์เพียงพอ
• มหี อ้ งปฏบิ ัติการ
ทีม่ ีคุณภาพและ
ประสานงานกับ
บคุ ลากรทางคลินกิ
อย่างใกล้ชดิ

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

การประเมนิ การป้องกนั และควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลและหตั ถการทสี่ �ำคัญ

1. การป้องกนั VAP

เป้าหมาย - ปัจจัย กลยุทธส์ ง่ เสรมิ กจิ กรรมที่สำ� คัญ ระดบั คะแนน
วตั ถุประสงค์ • อัตราการเกดิ VAP 1234
• สงั เกตความถกู ตอ้ ง
อัตรา VAP อย่ใู น การดูแลผู้ป่วย ฝกึ อบรมและฝกึ ซอ้ ม ของการปฏิบัติ
เกณฑ์ มาตรฐาน W • มี weaning protocol
(ขอ้ กำ� หนดในการถอด
เครอ่ื งชว่ ยหายใจ)
H • Hand hygiene
อยา่ งถูกตอ้ ง
A • ป้องกัน aspiration โดย
■ นอนศรี ษะสูง 30-45o
■ ดูแลสิ่งคัดหล่งั ในช่องปาก
ทำ� ความสะอาดช่องปาก
และฟัน
■ หลกี เลีย่ งการใชย้ าลดกรดใน
กระเพาะอาหาร

108 แนวปฏบิ ัติเพ่ือป้องกนั

และควบคมุ การตดิ เช้ือในโรงพยาบาล

1. การป้องกนั VAP (ต่อ)

เป้าหมาย - ปจั จยั กลยทุ ธส์ ง่ เสรมิ กิจกรรมที่ส�ำคญั ระดับคะแนน
วตั ถปุ ระสงค์ ■ ให้อาหารทางสายยางโดย 1234
วิธหี ยด
P • prevention of
cross-contamination
โดยใช้ aseptic
technique และการใช้
antiseptic อยา่ งถกู ต้อง
เครอื่ งชว่ ยหายใจ
• ท�ำลายเชือ้ และทำ� ให้ปราศจาก
เชอื้ ตามมาตรฐาน
• เปล่ียนเฉพาะเมือ่ จำ� เปน็
ท่อช่วยหายใจ (Endotracheal,
tracheostomy tube)
• ควบคมุ cuff pressure ให้อยู่
ระหวา่ ง 20-30 ซ.ม. น�ำ้
• ถา้ มที อ่ ทมี่ ี subglottic suction
จะช่วยใหด้ ูดเสมหะดีขึน้
การดูดเสมหะ
• ท�ำเมอ่ื มขี อ้ บง่ ช้ี
• ดูดถกู วิธี

ขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

2. การป้องกนั CAUTI

เปา้ หมาย - ปจั จัย กลยทุ ธ์สง่ เสรมิ กิจกรรมท่ีสำ� คัญ ระดบั คะแนน
วตั ถุประสงค์ 1234
อตั รา CAUTI
อยู่ในเกณฑ์ • มแี นวทางปฏบิ ัติท่ีเปน็ ปจั จบุ ัน • อบรมผสู้ วนและผดู้ แู ล • อัตรา CAUTI ทีม่ ี
มาตรฐาน • จดั หาเครื่องมอื เครอื่ งใช้ • แจง้ อัตราการตดิ เชื้อ อาการ
เวชภณั ฑ์ เพยี งพอและพรอ้ มใช้ CAUTI ของแตล่ ะ • สังเกตความถกู ตอ้ ง
ไดแ้ ก่ หน่วยงาน การปฏิบัติ
■ สายสวน เปรียบเทียบกับเกณฑ์
■ ชดุ เครอ่ื งมอื มาตรฐาน
เครอ่ื งใชส้ �ำหรับสวน
■ ชุดรองรับปัสสาวะ
■ มบี ุคลากรทีม่ ที ักษะ

แนวปฏบิ ตั เิ พอื่ ป้องกัน 109

และควบคุมการตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล

2. การป้องกัน CAUTI (ตอ่ )

เปา้ หมาย - ปจั จยั กลยทุ ธส์ ง่ เสรมิ กิจกรรมทส่ี �ำคญั ระดบั คะแนน
วัตถุประสงค์ การสวน 1234
• เม่อื มีข้อบง่ ช้ี: ปสั สาวะไมอ่ อก
ภยันตรายตอ่ ทางเดินปัสสาวะ
ตอ้ งการวัดปริมาณปสั สาวะ
เพือ่ ประเมนิ ระบบไหลเวียน
• ใช้สายสวนขนาดพอเหมาะ
(เลก็ ทส่ี ดุ ที่ปัสสาวะไหลสะดวก
และไม่รั่วรอบสายสวน)
• ใช้ aseptic technique
การดแู ลหลงั สวนปสั สาวะ
• จัดใหป้ สั สาวะไหลลงสะดวก
• ไมเ่ ปลีย่ นชดุ รองรบั ปัสสาวะ
นอกจากช�ำรดุ
• ดแู ลความสะอาดของรเู ปดิ ท่อ
ปัสสาวะ และบรเิ วณฝีเยบ็
• การถอดสายระบายออกจาก
สายสวน การเทปสั สาวะออก
จากถุง ใหใ้ ช้ aseptic
technique
• ไม่สง่ ปัสสาวะตรวจหรือ
เพาะเชือ้ นอกจากมีเลอื ดออก
หรอื มีอาการตดิ เชื้อ
• ไมใ่ ชย้ าตา้ นจลุ ชีพป้องกัน
การติดเช้ือ

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

3. การป้องกนั SSI

เปา้ หมาย - ปัจจัย กลยุทธ์ส่งเสริม กจิ กรรมที่ส�ำคัญ ระดับคะแนน
วตั ถปุ ระสงค์ อบรม ฝกึ ซอ้ ม อตั ราการตดิ เชื้อท่ี 1234
แผลผ่าตัดโดยเฉพาะ
อัตรา SSI อยู่ใน • มคี ูม่ ือปฏิบัติ แผลสะอาด (Clean
เกณฑม์ าตรฐาน • มี check list ก�ำกบั wound infection)
โดยเฉพาะ การปฏบิ ัตงิ าน อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
CLEAN SURGERY ระยะก่อนผา่ ตดั
• รักษาการตดิ เชอื้ ในรา่ งกาย
ให้หายก่อน (ถา้ ม)ี

110 แนวปฏบิ ัติเพื่อปอ้ งกนั

และควบคมุ การตดิ เชื้อในโรงพยาบาล

3. การปอ้ งกนั SSI (ต่อ)

เป้าหมาย - ปัจจยั กลยทุ ธส์ ง่ เสรมิ กจิ กรรมที่สำ� คญั ระดับคะแนน
วตั ถปุ ระสงค์ • หยุดบุหรี่ ฝึกหายใจ 1234
• รบั ไวใ้ นโรงพยาบาลส้นั ทีส่ ดุ
กอ่ นผ่าตัด
• ควบคมุ น้�ำตาลในเลือดไมใ่ ห้สงู
กวา่ 180 mg%
• ไม่โกนขน ถ้าจ�ำเปน็ ให้ตัดขน
กอ่ นเข้าหอ้ งผา่ ตัดเล็กน้อย
• ใช้ยาต้านจลุ ชพี ป้องกัน SSI
ในรายทม่ี ีขอ้ บ่งชี้ เลอื กยาที่
เหมาะสม ให้กอ่ นผา่ ตัดภายใน
1 ช่วั โมง และใหย้ าไมเ่ กิน
24 ช่ัวโมง
ขณะผ่าตัด
• จัดหอ้ งผ่าตดั ตามมาตรฐาน
• รักษาอุณหภมู ิกายไม่ตำ�่ กวา่
35๐C ตลอดระยะเวลาผา่ ตัด
และในห้องพักฟืน้
• ใช้นำ�้ ยาฆ่าเชอื้ ที่มีแอลกอฮอล์
เปน็ ส่วนประกอบร่วมกบั
คลอเฮกซลิ ีนหรือไอโอโดฟอร์
ทาฆ่าเช้อื บนผิวหนังบรเิ วณ
ผา่ ตดั
หลงั ผ่าตัด
• ดูแลแผลผ่าตดั และสุขภาพ
ดา้ นอ่นื ตามมาตรฐาน

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

แนวปฏิบัตเิ พื่อป้องกัน 111

และควบคุมการตดิ เชอื้ ในโรงพยาบาล

4. การปอ้ งกนั CLABSI

เปา้ หมาย - ปจั จยั กลยทุ ธส์ ง่ เสรมิ กิจกรรมท่สี �ำคญั ระดับคะแนน
วตั ถปุ ระสงค์ 1234
อัตรา CLABSI
อยูใ่ นเกณฑ์ • มีแนวปฏบิ ตั ิ จัดบคุ ลากรในหอผู้ป่วย อัตรา CLABSI
มาตรฐาน • มีทมี งานเชย่ี วชาญการใส่ ให้เพียงพอ
central line ใช้ maximal • การอบรม ฝึกซ้อม
sterile barrier ไดแ้ ก่ ผ้าคลุ ม บคุ ลากร
ทงั้ ตวั ผู้ปว่ ย ผผู้ า่ ตัดใสช่ ดุ ผา่ ตัด
• ท�ำในหอ้ งผ่าตดั ถ้าท�ำแบบ
ฉุกเฉินมาก่อนให้ถอดออก
โดยเรว็ ท่ีสดุ และใสช่ ดุ ใหม่
แบบมาตรฐานแทน
• ใช้ 2% chlorhexidine
ใน 70% alcohol ฆ่าเช้อื
บนผวิ หนังบริเวณใสส่ ายสวน
• เลือกสายสวนทีม่ ีรนู อ้ ยท่สี ุด
เท่าทจี่ �ำเปน็
• ใส่สายสวนเข้าหลอดเลือด
บรเิ วณท่ีเสีย่ งตอ่ การตดิ เชอ้ื
นอ้ ยท่ีสุด เชน่ แขน หลีกเลยี่ ง
บรเิ วณขาหนีบ
• ประเมนิ ความจ�ำเป็นของการใช้
สายสวนทุกวันและถอดออก
ทันทีเมือ่ หมดขอ้ บ่งชี้
• ทำ� ความสะอาดบรเิ วณทางเขา้
สายสวน กระเปาะยาง ข้อต่อ
จดุ ฉดี ยาอยา่ งพิถพี ถิ นั
• เปล่ียนชดุ ใหส้ ารนำ้� ภายใน
96 ชว่ั โมง แตถ่ า้ ใหเ้ ลอื ด
ผลิตภัณฑข์ องเลอื ด ไขมัน ให้
เปลี่ยนทันทหี ลงั ใหเ้ สร็จ
• เชด็ ตัวผปู้ ว่ ย (อายมุ ากกว่า
2 เดอื น) ดว้ ย chlorhexidine
ทกุ วัน
• ใช้ขผ้ี ึง้ ผสมยาต้านจุลชีพ
ทาบรเิ วณใส่สายสวนเข้า
หลอดเลอื ดเพ่ือฟอกไต

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

112 แนวปฏบิ ัติเพ่ือป้องกัน

และควบคุมการติดเช้อื ในโรงพยาบาล

5. การจดั การเช้อื ด้อื ยาหลายขนาน (Multidrug-Resistant Organisms: MDROs)

เปา้ หมาย - ปจั จัย กลยุทธส์ ง่ เสริม กจิ กรรมทสี่ ำ� คญั ระดบั คะแนน
วตั ถปุ ระสงค์ 1234

ป้องกนั และควบคมุ • เปน็ นโยบายระดับชาติ • มีคณะกรรมการ ระดับ • อตั ราเช้อื ดอื้ ยา
การแพร่ของ • ให้ทกุ สถานสขุ ภาพปฏบิ ัติ ประเทศ • อตั ราการใช้ยาต้าน
เช้อื ดื้อยา • องคป์ ระกอบ • รองนายกรฐั มนตรีเป็น จุลชพี
1. การปอ้ งกนั การเกดิ เช้อื ดอื้ ยา
ตา้ นจุลชพี โดย Antimicrobial ประธาน • การปฏบิ ัตกิ ารใชย้ า
• รฐั มนตรกี ระทรวง ต้านจลุ ชีพและ
stewardship สาธารณสุข และ การปอ้ งกันการแพร่
2. การปอ้ งกนั การแพร่กระจาย
ของเช้ือดอื้ ยาต้านจลุ ชพี โดย กระทรวงเกษตรและ กระจายของ
สหกรณเ์ ปน็ กรรมการ เชือ้ ดือ้ ยาตา้ นจุลชพี
Isolation/precautions • มกี ารประชุมเพื่อ
Antimicrobial stewardship
ประกอบด้วย ตดิ ตามผลการ
ด�ำเนนิ งานและ
• นโยบาย เพ่อื รายงาน
• ผนู้ �ำเหน็ พอ้ งและสนบั สนุน
(Leadership) คณะทำ� งาน
ประกอบด้วย
• มีแนวปฏิบตั ิการใชย้ าต้าน • นกั วิชาการ
จลุ ชพี ท้งั ในคนและสตั ว์
การใหค้ วามรู้ ฝกึ อบรม • จากกระทรวง
สาธารณสขุ
การตรวจสอบและประเมนิ : กรมวทิ ยาศาสตร์
การใช้ยาตา้ นจลุ ชีพ
Isolation/precautions การแพทย์
: กรมควบคมุ โรค
• ใช้ Contact precautions : กรมการแพทย์
เปน็ หลกั ยกเว้น วัณโรคดือ้ ยา
หลายขนาน ใช้ Air - borne : ส�ำนักงานอาหาร
และยา
precautions • กระทรวงเกษตร
• กำ� หนดเชื้อทีต่ ้องการแยก
ให้ทราบทั่วกัน และสหกรณ์
: กรมปศุสัตว์
• เพมิ่ ศกั ยภาพของหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร : กรมประมง
เก่ยี วกบั การเพาะเชือ้ และ
ทดสอบความไวของเช้อื • กระทรวงศกึ ษาธิการ
: นักวชิ าการจาก
มหาวทิ ยาลยั

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

แนวปฏบิ ัตเิ พือ่ ปอ้ งกนั 113

และควบคุมการตดิ เชื้อในโรงพยาบาล

6. การท�ำความสะอาดมอื (Hand Hygiene: HH)

เปา้ หมาย - ปัจจัย กลยุทธส์ ่งเสริม กจิ กรรมที่สำ� คัญ ระดบั คะแนน
วัตถุประสงค์ 1234

1. บุคลากรทำ� • ผบู้ ริหารก�ำหนดนโยบาย • การก�ำหนดเปน็ • การสงั เกตด้วยบุคคล
ความสะอาดมอื • จดั หาวัสดุ อุปกรณ์ สำ� หรบั นโยบายของหน่วยงาน • การบนั ทกึ ดว้ ยภาพ
แบบ HYGIENIC ท�ำความสะอาดมือไวพ้ รอ้ ม • การอบรม • การบันทึกปริมาณ
ตามโอกาสและ ได้แก่ การสอนแสดง น้�ำยาฆ่าเช้ือท่ใี ช้
ทำ� ได้ถูกตอ้ ง • นำ�้ ยาฆ่าเช้ือ : • การจดั ส่ิงเตือน:
ไม่นอ้ ยกวา่ ■ Alcohol-based สงิ่ พมิ พ์ เสียงเตอื น
รอ้ ยละ 60 handrub (ABHR) แสงเตือน ฯลฯ
2. บคุ ลากรทำ� ■ 4% Chlorhoxidine • ผูบ้ ริหารและผู้นำ�
ความสะอาดมอื ■ 7.5% povidone iodine ทำ� เป็นตัวอยา่ ง
แบบ • น้�ำและอ่างลา้ งมอื • การรณรงคใ์ น
SURGICAL • ผ้าหรือกระดาษเชด็ มอื โอกาสตา่ งๆ เชน่
HAND • จัดทำ� คู่มือแนวปฏิบัติการ วนั ลา้ งมือโลก และ
WASHING ลา้ งมือ
ไดถ้ ูกต้อง • ประเภทการลา้ งมอื (normal, ด้วยวธิ ตี ่างๆ เช่น
การจัดการแขง่ ขัน
ร้อยละ 100 hygienic, surgical ฯลฯ
handwashing) การล้างมอื
แบบ hygienic
• ขอ้ บง่ ช:ี้ กอ่ นสมั ผสั ผปู้ ่วยก่อน
หยิบจบั ของสะอาด หลังสัมผสั
ตัวผู้ปว่ ย หลังสัมผัสสิง่ คดั หลง่ั
หลังสัมผสั ส่งิ แวดลอ้ มผู้ปว่ ย
• ขั้นตอนการล้างมอื 7 ขัน้ ตอน
• ระยะเวลาการล้างมือ
■ Normal handwashing
จนมอื สะอาด
■ Hygienic handwashing
ฟอกไม่นอ้ ยกว่า 20 วินาที
■ Surgical handwashing
ฟอก 3-5 นาที

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

114 แนวปฏิบตั เิ พอ่ื ป้องกัน

และควบคมุ การติดเชือ้ ในโรงพยาบาล

7. อตั ราชุกของการตดิ เช้อื ในโรงพยาบาล

ผสู้ �ำรวจ • พยาบาลควบคมุ โรคติดเชือ้ ในโรงพยาบาล
ผปู้ ่วย • ทกุ รายท่ีอยูใ่ นโรงพยาบาลขณะนน้ั
วันที่ส�ำรวจ • ปลี ะ 1 ครัง้ (เดือนมถิ ุนายน)

แผนก จ�ำนวนผู้ปว่ ย ผปู้ ว่ ยติดเชอ้ื ในโรงพยาบาล ร้อยละ
อายรุ กรรม
ศัลยกรรม
กมุ ารเวชกรรม
สตู -ิ นรเี วชกรรม
อื่นๆ (ระบ)ุ

รวมทงั้ สนิ้

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................

............................................................................................................................................................

8. เชอ้ื ดือ้ ยาเปา้ หมาย

ผรู้ ายงาน • นกั วทิ ยาศาสตรก์ ารแพทยห์ รือพยาบาลควบคุมการตดิ เชอื้
วนั ทร่ี ายงาน • ปีละ 1 คร้งั (เดือนมถิ ุนายน)

เชอ้ื จำ� นวน ไม่ได้ตรวจ
จำ� นวนท้ังหมด จำ� นวนด้ือยา (%)
• Acinetobacter baumannii
• Escherichia coli
• Klebsiella pneumoniae
• Neisseria gonorrheae
• Pseudomonas aeruginosa
• Salmonella spp.
• Staphylococcus aureus
• Streptococcus pneumonia
• Mycobacterium tuberculosis

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

แนวปฏิบัติเพื่อปอ้ งกัน 115

และควบคมุ การติดเชอื้ ในโรงพยาบาล

บ2ท0ท่ี

การประเมนิ ภายนอก

เพือ่ พัฒนาการปอ้ งกันและควบคุมการตดิ เช้อื ใน
โรงพยาบาล

การปอ้ งกนั และควบคมุ การติดเช้ือในโรงพยาบาล มีข้นั ตอนทสี่ �ำคัญ คอื

การวางนโยบาย

คณะกรรมการดำเนินการ ปจ จัยนำเขา (Input)

วางแนวปฏิบัติ

ปฏิบัติ
ปฏิบตั ิ (Process)

ติดตาม ประเมนิ ผล
Audit + Evaluation (Output)

พฒั นาคณุ ภาพ

116 แนวปฏิบตั เิ พ่อื ป้องกัน

และควบคมุ การติดเชือ้ ในโรงพยาบาล

ผปู้ ระเมนิ

• ผู้บังคับบัญชาในกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ประเมินจากสถาบันพัฒนาคุณภาพสถานพยาบาล หรือ
องคก์ รระหวา่ งประเทศ

เสนอ

• NICC (National Infection Control Commettee)

ความถ่ีในการประเมนิ

• ทุกปี (สถานบนั พฒั นาคุณภาพโรงพยาบาล จะสุ่มตรวจ)

ระดับคะแนน

1 = ต้องปรบั ปรุง
2 = ควรปรับปรงุ
3 = ยังมีชอ่ งทางพฒั นา
4 = พัฒนาเพ่อื ให้ดยี ่ิงชึ้น

การติดตามและประเมินผลเป็นข้ันตอนท่ีตรวจสอบว่าการด�ำเนินการป้องกันและควบคุมการติดเช้ือ
ในโรงพยาบาลบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคห์ รอื ไม่ มอี ปุ สรรคทจ่ี ะตอ้ งแกไ้ ขอะไรบา้ งเพอื่ เปน็ ขอ้ มลู ในการปรบั เปลยี่ นนโยบาย
และการด�ำเนินงาน อันเป็นการพฒั นาคุณภาพตอ่ ไป
การตดิ ตาม ประเมนิ ผล กระทำ� ในทกุ ขน้ั ตอนการดำ� เนนิ งาน มวี ตั ถปุ ระสงคส์ ำ� คญั ทส่ี ดุ คอื การพฒั นาคณุ ภาพ
การติดตาม ประเมินผล ควรทำ� ไปเพ่อื การพฒั นา ไมใ่ ชจ่ บั ผิด ไม่ใช่การลงโทษ
การตดิ ตามประเมนิ ผล กระทำ� โดยบคุ ลากรภายนอก (External audit+evaluation) เชน่ โดยผตู้ รวจราชการ
บุคคลจากสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (Hospital accreditation) ระดบั ประเทศหรือนานาชาตกิ ไ็ ด้ เชน่
องคก์ ารอนามัยโลก
เพื่อเป็นการเข้าใจตรงกันระหว่างผู้ปฏิบัติและผู้ตรวจสอบคุณภาพการป้องกันและควบคุมการติดเช้ือ
ในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นโรคที่จะต้องรายงานตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประเทศไทยจึงควรมีเกณฑ์
การตดิ ตาม การรายงานและการประเมินผลขน้ึ เพอ่ื เป็นมาตรฐานและใชอ้ ้างองิ ตอ่ ไป

แนวปฏิบตั เิ พอื่ ป้องกัน 117

และควบคุมการติดเชอ้ื ในโรงพยาบาล

แบบประเมินภายนอก (External audit) การปอ้ งกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล

สถานพยาบาล................................. จังหวัด.....................................
วันทีป่ ระเมนิ .................................... ผปู้ ระเมนิ .................................. หน่วยงาน..............................

รายการ รายละเอียด ระดบั คะแนน 4
ท่ี 123
การบรหิ ารและโครงการเพอื่ การควบคมุ โรคติดเชื้อในโรงพยาบาล
1. การเฝา้ ระวงั การตดิ เชื้อในโรงพยาบาล
2. การจัดการระบาดของการตดิ เช้อื ในโรงพยาบาล
3. การท�ำความสะอาดมือ
4. การปอ้ งกนั และควบคมุ การแพร่กระจายเช้ือ
5. การป้องกันปอดอกั เสบท่ีสมั พนั ธก์ ับการใชเ้ คร่อื งชว่ ยหายใจ
6. การปอ้ งกันการตดิ เชอื้ ทางเดินปสั สาวะทส่ี มั พนั ธก์ บั การใส่สายสวน
7. การป้องกนั การติดเชื้อท่ตี �ำแหนง่ ผ่าตดั
8. การปอ้ งกันการตดิ เช้อื ในกระแสเลอื ดทส่ี ัมพันธก์ ับการใสส่ ายสวนหลอดเลือดดำ�
9. สว่ นกลาง
หนว่ ยจา่ ยกลาง
10. การป้องกันและควบคมุ การแพร่กระจายของเชอ้ื ดอื้ ยา
11. สุขภาพของบคุ ลากรทางการแพทย์
12. การจดั การผา้ ในโรงพยาบาล
13. การจดั การอาหารผ้ปู ่วยในโรงพยาบาล
14. การจัดการมลู ฝอยตดิ เชอื้
15. การปอ้ งกนั และคววบคมุ การแพรก่ ระจายเชอื้ วัณโรคในโรงพยาบาล
16. ส่งิ แวดล้อมในโรงพยาบาล
17. ห้องปฏิบตั กิ ารจุลชวี วทิ ยา
18.

1 = ตอ้ งปรบั ปรงุ 2 = ควรปรบั ปรุง
3 = ยังมีชอ่ งทางพฒั นา 4 = พัฒนาเพอ่ื ใหด้ ีย่ิงขึ้น

ข้อเสนอแนะ .............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................

118 แนวปฏิบัติเพ่ือป้องกนั

และควบคุมการติดเช้อื ในโรงพยาบาล

คู่มอื ประกอบการประเมนิ ภายนอก

รายการท่ี 1. การบรหิ ารและโครงการเพอ่ื การควบคุมโรคติดเชือ้ ในโรงพยาบาล

รายละเอียด
• ผูอ้ ำ� นวยการใหก้ ารสนบั สนนุ
• มนี โยบายเปน็ ลายลักษณอ์ ักษร
• มคี ณะกรรมการการป้องกันและควบคุมการติดเชือ้ ในโรงพยาบาล
: องคป์ ระกอบส�ำคัญของคณะกรรมการ
■ ผู้อำ� นวยการ หรือ ผแู้ ทน เป็นประธาน
■ กรรมการ : แพทย์
: แพทยค์ วบคมุ การตดิ เช้ือ
: หัวหน้าพยาบาล
: พยาบาลควบคมุ การตดิ เชอ้ื
: หัวหนา้ หอ้ งชณั สูตร
: หัวหนา้ แผนกเภสัชกรรม
• มแี นวปฏิบตั ิเปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร
• มีการเฝา้ ระวังการตดิ เช้ือในโรงพยาบาล
: แบบอัตราชุก
: แบบมงุ่ เป้า
: การเฝ้าระวังเชอ้ื ดื้อยา
• มหี ้องแยกผปู้ ่วยตดิ เชือ้
: การติดเช้อื จากการสัมผัส (Contact isolations room)
: การติดเชื้อทางอากาศ (Airborne isolations room)
• มีรายงานอตั ราชุกของการตดิ เชื้อในโรงพยาบาลและเชือ้ ดอ้ื ยา

รายการท่ี 2. การเฝา้ ระวงั การตดิ เช้ือในโรงพยาบาล

รายละเอยี ด
• มกี ารเฝ้าระวงั การตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล
: การเฝ้าระวังอัตราชุกทกุ 6-12 เดือน
: การเฝา้ ระวงั ม่งุ เปา้
■ เก่ียวกบั เชือ้ กอ่ โรคบางชนดิ
■ เกย่ี วกับผู้ป่วยบางแผนก
■ การติดเชอื้ ทางเดินหายใจ
■ การติดเชอ้ื ทางเดินปัสสาวะ
■ การติดเช้ือทแี่ ผลผ่าตัด
• ผเู้ ฝา้ ระวงั การตดิ เช้ือ
■ พยาบาลควบคุมการตดิ เชื้อ
■ พยาบาลอืน่ ๆ

แนวปฏิบตั ิเพอ่ื ป้องกัน 119

และควบคุมการตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล

• วิธกี ารเฝา้ ระวัง
: ขณะผู้ป่วยอยใู่ นโรงพยาบาล
: สืบคน้ จากรายงานผปู้ ่วยที่จำ� หน่ายแล้ว
• การใชน้ ยิ ามการติดเชื้อในโรงพยาบาล
: ใชข้ องประเทศไทย
: ใชข้ ององคก์ ารอนามยั โลก
: ใชข้ องศูนยค์ วบคมุ โรคสหรัฐอเมริกา
• การรวบรวม วิเคราะห์ สงั เคราะห์ และ แปลผลข้อมลู
• การรายงานผลการเฝา้ ระวงั ต่อคณะกรรมการควบคุมการตดิ เชอ้ื ของโรงพยาบาล
: ประจ�ำทุก 3 เดอื น
: ไมม่ ีการรายงานประจ�ำ
• การน�ำข้อมลู การเฝา้ ระวงั การตดิ เชื้อไปใช้
: จดั การการระบาด
: ปรับปรุงการปฏิบตั ิงาน
• ผบู้ ริหารใหค้ วามส�ำคัญของการเฝ้าระวังการตดิ เช้ือ

รายการที่ 3. การจดั การระบาดของการติดเชอื้ ในโรงพยาบาล

รายละเอยี ด
• โรงพยาบาลมแี ผนปฏบิ ตั ิเพ่ือจดั การระบาดของการตดิ เช้ือ
• แผนรับมือการระบาดของการตดิ เชอ้ื
: มแี ผนการบังคับบญั ชา
: การจดั หาวสั ดอุ ุปกรณใ์ หเ้ พียงพอ
: เตรียมสถานที่
■ ส�ำหรบั การคดั กรอง
■ ส�ำหรับการแยกผูป้ ว่ ย
: ซักซอ้ มการปฏิบัติอยา่ งสมำ�่ เสมอ

รายการที่ 4. การทำ� ความสะอาดมอื

รายละเอียด
• การอบรม สาธติ แกบ่ คุ ลากร
• มภี าพ ข้อความ กระตนุ้ การทำ� ความสะอาดมือใหบ้ ุคลากรเหน็ โดยง่าย
• มีอุปกรณส์ ำ� หรับการท�ำความสะอาดมอื อยา่ งเพียงพอ และสะดวกตอ่ การใช้
: นำ�้ และ อ่างลา้ งมอื
: ผ้า หรอื กระดาษเช็ดมอื
: แอลกอฮอลเ์ จล
: น�ำ้ ยาฆา่ เชอ้ื ส�ำหรบั ทำ� ความสะอาดมอื (คลอเฮก็ ซดิ ีน 2%, ไอโอโดฟอร์ 10%)
• การรณรงคก์ ารท�ำความสะอาดมอื

120 แนวปฏบิ ตั ิเพ่ือป้องกัน

และควบคมุ การติดเชอ้ื ในโรงพยาบาล

รายการที่ 5. การปอ้ งกนั และควบคุมการแพรก่ ระจายเชือ้

รายละเอยี ด
• มอี ปุ กรณ์ปอ้ งกนั ร่างกาย
: หมวก
: แว่นปอ้ งกนั ตา
: ผ้าปดิ ปาก-จมกู
: ถงุ มือ
: เสื้อคลุม
: ผ้ากันเปือ้ น
: รองเทา้
• หอ้ งแยกโรคติดเช้อื
: โรคติดเชื้อท่ีแพรก่ ระจายโดยการสัมผสั (Contact precautions)
: โรคติดเชือ้ ที่แพร่กระจายโดยทางอากาศ (Airborne precautions)
• ห้องแยกโรคติดเชื้อท่แี พรโ่ ดยการสมั ผสั
: เปน็ ห้องเดยี่ ว
: มหี ้องนำ้� ในตัว
• ห้องแยกโรคติดเชื้อทแี่ พร่ทางอากาศ
: เปน็ หอ้ งเดย่ี ว
: ปรับความดันภายในห้องเปน็ ลบ
: มไี ส้กรองอากาศ HEPA filter กรองอากาศที่ออกจากหอ้ งสภู่ ายนอก
• มีผรู้ ับผิดชอบในการรบั -จำ� หนา่ ยผูป้ ว่ ย
• มีการอบรมการป้องกันแบบมาตรฐาน (Standard precautions)
• มีคู่มือการปฏบิ ตั สิ ำ� หรับการแยกโรค: ช่อื โรคและวิธกี าร
• มแี นวปฏบิ ตั ใิ นการเคลอ่ื นยา้ ยผ้ปู ว่ ยทแ่ี พรเ่ ช้อื ได้

รายการท่ี 6. การปอ้ งกันปอดอกั เสบทส่ี ัมพันธก์ ับการใช้เครอ่ื งช่วยหายใจ

รายละเอียด
• มีหน่วยงานรับผิดชอบการทำ� ความสะอาดเครอื่ งชว่ ยหายใจ
• มแี นวปฏิบตั ิ
: การเจาะคอ
: การดูดเสมหะ
: การใช้เคร่ืองชว่ ยหายใจ
: การหย่าเครอื่ งช่วยหายใจ
: การให้ผ้ปู ว่ ยนอนศีรษะหนนุ 30-45 องศา เพอื่ ป้องกนั การส�ำลกั
: การไม่ใช้ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร

แนวปฏิบตั เิ พื่อป้องกนั 121

และควบคมุ การติดเชื้อในโรงพยาบาล

รายการที่ 7. การปอ้ งกนั การตดิ เชือ้ ทางเดินปัสสาวะท่สี ัมพนั ธก์ ับการใส่สายสวน

รายละเอยี ด
• ใส่คาสายสวนปสั สาวะเม่ือมขี อ้ บง่ ช้ี และ ถอดสายสวนออกเมอ่ื หมดขอ้ บ่งชี้
• สวนปัสสาวะตามแนวปฏิบตั ิ
• ดูแลระบบระบายน�้ำปัสสาวะ ให้นำ้� ปสั สาวะไหลลงได้สะดวก
• ไมต่ รวจหรือส่งเพาะเชื้อปัสสาวะท่ีสวนออก ยกเวน้ มีอาการตดิ เชอ้ื
• ไม่เปลยี่ นสายสวน ทอ่ ระบาย และถงุ รองรบั ปสั สาวะ ยกเวน้ ตนั หรือรว่ั
• เทนำ้� ปัสสาวะออกจากถุง โดยใช้เทคนิคปลอดเช้ือ
• ท�ำความสะอาดฝีเย็บ (Perineum) ดว้ ยน้ำ� สะอาด ไม่ใชน้ ้�ำยาฆ่าเชอื้

รายการที่ 8. การป้องกนั การตดิ เชือ้ ทต่ี ำ� แหน่งผา่ ตดั

รายละเอยี ด
• รบั ผปู้ ว่ ยไว้ในโรงพยาบาลกอ่ นผ่าตัดสัน้ ท่ีสดุ
• เตรียมผู้ป่วยกอ่ นผ่าตดั โดยการรกั ษาโรค งดบหุ ร่ี ฯลฯ
• ไมโ่ กนขนบริเวณผ่าตัด
• ในรายผา่ ตัดใหญ่ อาบน้�ำผู้ป่วยด้วยสบูฆ่ ่าเชือ้ คนื กอ่ นผ่าตัด
• ห้องผ่าตัดมีคนและเคร่ืองใชน้ ้อยที่สุดเทา่ ท่จี ำ� เป็น
• ผ่าตัดผู้ป่วยติดเชื้อเปน็ รายสุดทา้ ยของวัน
• บุคลากรผา่ ตดั สวมชดุ ปอ้ งกนั การตดิ เช้อื ถกู ต้อง
• บคุ ลากรผ่าตัดทำ� ความสะอาดมอื ก่อนผ่าตัดถูกตอ้ ง
• ใช้สายระบาย (Drain) ระบบปดิ
• ใช้ยาตา้ นจลุ ชพี ป้องกันการติดเช้อื ทแี่ ผลผา่ ตดั ไมเ่ กิน 24 ชั่วโมงหลังผา่ ตดั

รายการท่ี 9. การปอ้ งกนั การตดิ เชอื้ ในกระแสเลอื ดทสี่ มั พนั ธก์ บั การใสส่ ายสวนหลอดเลอื ดดำ� สว่ นกลาง

รายละเอยี ด
• ฟอกผิวหนงั บรเิ วณจะใสส่ ายสวนด้วย 2% คลอเฮ็กซิดนี
• เชด็ ผวิ หนังบรเิ วณจะใสส่ ายสวนด้วย 0.5% คลอเฮก็ ซิดนี + แอลกอฮอล์
• ผใู้ ส่สายสวนทำ� ความสะอาดมือ ใสถ่ งุ มือ และชดุ ปอ้ งกันรา่ งกาย เหมือนกบั การผา่ ตดั
• ใชผ้ า้ คลุม (Drape) ผา่ ตดั แบบคลมุ ทง้ั ตวั (Full body)
• ใสส่ ายสวนเข้าหลอดเลือดในหอ้ งผา่ ตัด (ถา้ ท�ำได้จะดีทส่ี ดุ ) และใช้เทคนิคปลอดเช้ือ
• ใสส่ ายสวนทาง Subclavian vein
• ปดิ บริเวณแผลทางเขา้ ของสายสวนดว้ ย Transparent dressing
• ถอดสายสวนเขา้ หลอดเลือดด�ำสว่ นกลางเมอื่ หมดข้อบง่ ชี้
• ตรวจบริเวณใสส่ ายสวนทุกวัน ว่ามกี ารอักเสบ ตดิ เชื้อหรอื ไม่

122 แนวปฏิบตั ิเพอื่ ปอ้ งกนั

และควบคุมการติดเช้อื ในโรงพยาบาล

รายการท่ี 10. หนว่ ยจา่ ยกลาง

รายละเอียด
• หวั หนา้ หน่วยจา่ ยกลางผา่ นการอบรม
• สถานท่ีสำ� หรับหน่วยจ่ายกลางจัดเป็นหน่วยสกปรก เขตสะอาด และเขตเกบ็ ของปราศจากเช้อื
• หน่วยจา่ ยกลางมที ีร่ ับอปุ กรณท์ ี่ใช้แลว้ ทีล่ า้ งอปุ กรณ์ และที่จดั ชดุ อปุ กรณ์
• ตรวจสอบเครอื่ งอบไอนำ้� (Autoclave) เกยี่ วกบั อณุ หภมู ิ ความดนั สญั ญาณไฟตา่ งๆ สมำ่� เสมอ และบนั ทกึ
ก่อนใช้งาน
• มีคมู่ ือจดั ชดุ เครื่องมือ (Instrument book) ส�ำหรบั การปฏิบัติ
• ตรวจสอบ Bowie-Dick test ส�ำหรับเคร่ืองอบไอน้�ำทกุ วัน
• ตรวจ Spore test อยา่ งน้อยทุกสปั ดาห์
• ตรวจสอบความเรยี บร้อยของหีบหอ่ อปุ กรณท์ ที่ ำ� ใหป้ ราศจากเช้ือแล้วกอ่ นส่ง
• อปุ กรณ์ที่ท�ำลายหรอื ทำ� ให้ปราศจากเช้อื แล้ว ขนส่งในรถท่ปี กปดิ มิดชิด

รายการท่ี 11. การป้องกันและควบคมุ การแพรก่ ระจายของเช้อื ดอื้ ยา

รายละเอียด
• มนี โยบาย มาตรการควบคุม และรายงานเชือ้ ดือ้ ยา สำ� หรบั พ.ศ. 2564 มีดงั น้ี
1) แบคทเี รีย
กรัมลบ • Klebsiella pneumoniae
• Escherichia coli
• Acinetobacter baumannii
• Shigella species
• Neisseria gonorrhea
กรัมบวก • Staphylococcus aureus
• Streptococcus pneumoniae
2) วัณโรคด้อื ยาหลายขนาน
• มีระบบการใชย้ าต้านจุลชีพอยา่ งเหมาะสม (Antimicrobial stewardship)
• มหี ้องแยกผปู้ ่วยติดเช้อื ดอื้ ยา หรือ มีเตียงท่จี ัดไว้เฉพาะส�ำหรบั แยกผู้ป่วยติดเชอ้ื ดอื้ ยาจากผปู้ ่วยอื่น

รายการท่ี 12. สุขภาพของบคุ ลากรทางการแพทย์

รายละเอยี ด
• มีโครงการสขุ ภาพของบุคลากร (หนว่ ยงาน ผูร้ บั ผดิ ชอบ งบประมาณ)
• ประเมินสุขภาพของบุคลากรกอ่ นรบั เขา้ ปฏิบัตงิ าน
• ตรวจสุขภาพและภาพถา่ ยรังสีทรวงอกบคุ ลากรประจำ� ปที ุกคน
• มีหนว่ ยงานรักษาบคุ ลากรทีป่ ่วย
• บคุ ลากรไดร้ บั วัคซีนไขห้ วัดใหญท่ ุกปี
• บุคลากรท่ีปฏบิ ตั ิงานสมั ผสั กับผู้ปว่ ยได้รับภมู คิ ุ้มกันตบั อกั เสบบี สกุ ใส คางทูม หัด หดั เยอรมนั
• บคุ ลากรแผนกโภชนาการไดร้ บั การตรวจและรักษาพยาธิ และเชือ้ กอ่ โรคทางอจุ จาระ
• บคุ ลากรทต่ี ดิ เชอ้ื โรคตดิ ตอ่ ใหห้ ยดุ ปฏบิ ตั งิ าน หรอื เปลยี่ นตำ� แหนง่ หนา้ ที่ เพอื่ ไมใ่ หแ้ พรก่ ระจายเชอื้ จนกวา่
จะพ้นระยะการแพรเ่ ช้ือได้

แนวปฏิบัตเิ พือ่ ปอ้ งกัน 123

และควบคุมการติดเช้ือในโรงพยาบาล

รายการท่ี 13. การจัดการผา้ ในโรงพยาบาล

รายละเอียด
• มีการแยกจดั การผา้ ปนเปอื้ นเชอ้ื โรคจากผ้าปนเปื้อนทว่ั ไป
• แยกประเภทของผา้ ติดเช้อื และผา้ ปนเป้อื นทว่ั ไป ณ จุดก�ำเนิดของผา้
• ผ้าปนเปื้อนเชอื้ โรค
: ซกั ในเคร่ืองซกั ผ้า ปรับอุณหภมู ิไม่ตำ�่ กวา่ 70 องศาสเซลเซยี ส นาน 25 นาที หรือ
: ต้มเดือดนาน 20 นาที ก่อนซกั หรือ
: แชใ่ นน�้ำยา 0.5% Sodium hypochlorite นาน 30 นาทกี ่อนซกั
• ผา้ ทซี่ ักและท�ำให้แหง้ แล้วจัดเก็บในตหู้ รือชั้นเกบ็ ผ้าที่มิดชดิ
• ขนส่งผา้ ทซ่ี กั แลว้ ในรถขนส่งทป่ี กปดิ มดิ ชิด

รายการท่ี 14. การจัดการอาหารผปู้ ว่ ยในโรงพยาบาล

รายละเอียด
• โรงครัวสะอาด ไมม่ ีสตั วพ์ าหะนำ� โรค
• อปุ กรณป์ รุงอาหารและภาชนะใส่สะอาด
• บุคลากรท่ีปรงุ -แจกจา่ ยอาหาร ไมม่ โี รคผวิ หนงั พยาธิ หรอื เชื้อก่อโรคในอจุ จาระ
• บุคลากรทีป่ รงุ -แจกจ่ายอาหาร แตง่ กายสะอาด คลมุ ผม ใส่ผา้ กันเป้ือน ขณะปฏิบัติงาน
• รถส่งอาหารปกปดิ มิดชดิ
• มตี เู้ ยน็ เกบ็ ของในครวั
• ล้างภาชนะ อปุ กรณใ์ ชแ้ ล้ว และผ่งึ ใหแ้ ห้ง
• ภาชนะ อปุ กรณ์ ที่ใชก้ บั ผู้ปว่ ยติดเช้อื อนั ตรายให้ทำ� ลายเชอื้ หรอื ตม้ ก่อนลา้ ง
• อาหารเหลวให้ปรุง บรรจุดว้ ยกรรมวธิ ปี ลอดเชอื้

รายการที่ 15. การจัดการมูลฝอยตดิ เชื้อ

รายละเอียด
• แยกมูลฝอยในโรงพยาบาลเปน็ มูลฝอยติดเชือ้ มลู ฝอยอนั ตราย มลู ฝอยรีไซเคิล และมูลฝอยท่วั ไป
• ก�ำหนดมลู ฝอยตดิ เชือ้ ประกอบด้วยอะไรบา้ ง
• มีระเบยี บปฏิบตั ิ จัดเกบ็ การขนสง่ การรวบรวม และการกำ� จดั ด้วยลายลักษณ์อักษร
• มีถงุ ถัง เรอื นเก็บรวบรวมมลู ฝอยติดเชอ้ื อยา่ งเพยี งพอ
• บคุ ลากรทปี่ ฏบิ ตั หิ นา้ ทจ่ี ดั การมลู ฝอย สวมหมวก ผา้ ปดิ ปาก-จมกู เสอื้ กนั เปอ้ื น ถงุ มอื ยางหนา รองเทา้ บทู๊
ขณะปฏิบัติงาน
• มรี ถขนส่งหรือถังบรรจมุ ลู ฝอยติดเชอ้ื โดยเฉพาะ
• เผา หรือ จ้างใหห้ น่วยงานอื่นนำ� ไปเผามูลฝอยติดเช้ือ

รายการที่ 16. การปอ้ งกันและควบคุมการแพร่กระจายเชอื้ วณั โรคในโรงพยาบาล

รายละเอียด
• มีระบบการตรวจรกั ษาผ้ปู ว่ ยวัณโรค แยกจากผปู้ ว่ ยอ่ืน
• มีสถานที่เกบ็ เสมหะ เพอื่ ส่งตรวจเชื้อวณั โรค
• บุคลากรทมี่ ีโอกาสรับเชอื้ วณั โรค สวมหน้ากาก N95

124 แนวปฏิบตั ิเพ่อื ปอ้ งกัน

และควบคุมการตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล

• มีห้องแยกผ้ปู ่วยระยะแพร่เชือ้ วณั โรค
• มรี ะบบปอ้ งกนั การแพรเ่ ชอื้ วณั โรคในหอ้ งตรวจรงั สี ประกอบดว้ ย HEPA filter การใชร้ งั สี Ultraviolet และ
บคุ ลากรสวมหนา้ กาก N95

รายการที่ 17. สิ่งแวดล้อมในโรงพยาบาล

รายละเอยี ด
• มีหนว่ ยงานรบั ผดิ ชอบสงิ่ แวดลอ้ มในโรงพยาบาล
• มรี ะเบยี บปฏิบตั ิการทำ� ความสะอาด
• มหี น่วยงานรับผิดชอบ
: การจดั การน�้ำอปุ โภค บรโิ ภค นำ�้ เสีย
: การจดั การมลู ฝอย
• มีการบรหิ ารจดั การ เม่อื มกี ารซ่อมแซมหรือกอ่ สร้าง เพ่อื ลดการฟงุ้ กระจายของเช้อื รา
• มีการแจง้ เตอื นผูท้ ี่มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ ใหห้ ลีกเลี่ยงการเย่ยี มไข้

รายการที่ 18. ห้องปฏิบัตกิ ารจุลชีววทิ ยา

รายละเอียด
• มขี ดี ความสามารถการตรวจด้วย
: กล้องจุลทรรศน์
: เพาะเช้อื แบคทเี รยี เช้อื รา
: ตรวจหาเชือ้ ทางอมิ มโู นวิทยา
: ตรวจหาเชอ้ื ทางโมเลกลุ
• มรี ะบบการสง่ ตอ่ สำ� หรับการตรวจท่ีไมส่ ามารถตรวจในหน่วยงานตนเองได้
• มีระเบียบปฏบิ ตั ิการเก็บส่งิ ส่งตรวจ เพือ่ ตรวจในหน่วยงาน และส่งตรวจหนว่ ยงานภายนอก
• มตี ู้ชีวนริ ภัย : ระดบั 1
: ระดับ 2
: ระดบั 3
• บคุ ลากรสวมชดุ ปอ้ งกันร่างกาย (PPE) ขณะปฏิบตั งิ าน
• มีระบบตดิ ตอ่ ระหวา่ งห้องปฏิบตั กิ ารกับผูร้ ักษาในกรณีเร่งดว่ น

แนวปฏบิ ัติเพอ่ื ป้องกัน 125

และควบคมุ การติดเชื้อในโรงพยาบาล

บรรณานุกรม

1. ก�ำธร มาลาธรรม, และยงค์ รงค์รุ่งเรือง. (บรรณาธิการ). (2560). การเฝ้าระวังโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลใน
คู่มือปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล. (พิมพ์ครั้งท่ี 2). กรุงเทพฯ: ส�ำนักพิมพ์
อกั ษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน.์
2. ก�ำธร มาลาธรรม, และยงค์ รงค์รุ่งเรือง. (บรรณาธิการ). (2560). การป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่อง
ช่วยหายใจใน คู่มือปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการติดเช้ือในโรงพยาบาล. (พิมพ์คร้ังท่ี 2 หน้า 45-48).
กรงุ เทพฯ: ส�ำนกั พมิ พ์อักษรกราฟฟคิ แอนด์ดไี ซน์.
3. ก�ำธร มาลาธรรม, และยงค์ รงค์รุ่งเรือง. (บรรณาธิการ). (2560). การป้องกันการติดเชื้อที่สัมพันธ์กับ
การใส่สายสวนปัสสาวะในโรงพยาบาลใน คู่มือปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล.
(พมิ พค์ รัง้ ที่ 2 หน้า 49-52). กรุงเทพฯ: ส�ำนกั พมิ พอ์ กั ษรกราฟฟิคแอนดด์ ไี ซน์.
4. ก�ำธร มาลาธรรม, และยงค์ รงค์รุ่งเรือง. (บรรณาธิการ). (2560). การป้องกันการติดเชื้อที่ต�ำแหน่งผ่าตัดใน
คู่มือปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการติดเช้ือในโรงพยาบาล. (พิมพ์ครั้งที่ 2 หน้า 53-56). กรุงเทพฯ:
สำ� นักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนดด์ ไี ซน.์
5. ก�ำธร มาลาธรรม, และยงค์ รงค์รุ่งเรือง. (บรรณาธิการ). (2560). การป้องกันและควบคุมการแพร่กระจาย
ของเช้ือใน คู่มือปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการติดเช้ือในโรงพยาบาล. (พิมพ์คร้ังท่ี 2 หน้า 34-42).
กรุงเทพฯ: สำ� นักพมิ พ์อกั ษรกราฟฟิคแอนดด์ ไี ซน.์
6. ก�ำธร มาลาธรรม, และยงค์ รงค์รุ่งเรือง. (บรรณาธิการ). (2560). การจัดการการระบาดของโรคติดเชื้อใน
โรงพยาบาลใน คู่มือปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการติดเช้ือในโรงพยาบาล. (พิมพ์คร้ังท่ี 2 หน้า 17-20).
กรงุ เทพฯ: ส�ำนักพิมพ์อักษรกราฟฟคิ แอนดด์ ไี ซน.์
7. ก�ำธร มาลาธรรม, และยงค์ รงค์รุ่งเรือง. (บรรณาธิการ). (2560). การควบคุมการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาใน
คู่มือปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล. (พิมพ์ครั้งท่ี 2 หน้า 75-83). กรุงเทพฯ:
สำ� นักพมิ พ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.
8. กำ� ธร มาลาธรรม, สสุ ณั ห์ อาศนะเสน. (บรรณาธกิ าร). (2556). คมู่ อื ปฏบิ ัตกิ ารป้องกันและควบคุมโรคติดเช้อื
ในโรงพยาบาล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย.
9. กองบรหิ ารการสาธารณสขุ กระทรวงสาธารณสขุ . (บรรณาธกิ าร). (2560). มาตรฐานโรงพยาบาลอาหารปลอดภยั
(Food Safety Hospital) (พิมพ์คร้งั ที่ 2). สมทุ รสาคร: บริษทั บอร์น ทู บี พบั ลิชชิง่ จำ� กัด.
10. กองควบคุมอาหารส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. (2553). คู่มือการปฏิบัติตามประกาศกระทรวง
สาธารณสขุ เรือ่ งมาตรฐานอาหารด้านจลุ ินทรีย์ท่ีทำ� ใหเ้ กิดโรค. นนทบรุ :ี กระทรวงสาธารณสขุ
11. คำ� สงั่ กระทรวงสาธารณสขุ ที่ 84/2546 เร่ืองแตง่ ตัง้ กรรมการปอ้ งกนั และควบคมุ โรคติดเช้อื วนั ท่ี 8 ตลุ าคม
พ.ศ. 2546.
12. ค�ำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ท่ี 665/2554 เรื่องแต่งต้ังคณะกรรมการป้องกันและควบคุมโรคติดเช้ือแห่งชาติ
(National Infection Control Committee) วันท่ี 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554.
13. คำ� สัง่ คณะกรรมการโรคตดิ ต่อแห่งชาติ ที่ 2/2562 เร่อื ง แต่งตั้งคณะอนกุ รรมการด้านการป้องกนั และควบคุม
โรคตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล วนั ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2562.
14. จรยิ า แสงสจั จา. (2555). การปอ้ งกนั และควบคมุ การตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาลชมุ ชน. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พส์ ำ� นกั งาน
พระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาต.ิ

126 แนวปฏบิ ัติเพ่อื ปอ้ งกนั

และควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล

15. จริยา แสงสจั จา, ภัทร วัฒนธรรม, และวราภรณ์ เทียนทอง. (2560). คูม่ อื การปรับปรุงคุณภาพอากาศภายใน
สถานพยาบาล. นนทบุรี: สำ� นกั พิมพ์อักษรกราฟฟิกแอนดด์ ไี ซน์.
16. จฬุ าพร ยาพรม, และกญั ญดา ประจศุ ลิ ป. (2557). ผลของการใชร้ ปู แบบการเฝา้ ระวงั การตดิ เชอ้ื ตอ่ ประสทิ ธภิ าพ
การเฝา้ ระวงั การตดิ เชอื้ ทางเดนิ ปสั สาวะและจำ� นวนวนั นอนของผปู้ ว่ ย.วารสารพยาบาลทหารบก, 15(3), 296-303.
17. ชมรมควบคมุ โรคตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาบแหง่ ประเทศไทยและสถาบนั รบั รองคณุ ภาพสถานพยาบาล (องคก์ รมหาชน).
(2558). การประเมนิ ตนเองเพอ่ื การปอ้ งกนั และควบคมุ การตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณ์
การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำ� กดั .
18. ชมรมปอ้ งกนั และควบคมุ การตดิ เชอื้ ในโรงพยาบาล. (2559). แนวปฏบิ ตั กิ ารจดั การโรคตดิ ตอ่ บคุ ลากรทางการแพทย.์
กรุงเทพฯ: โรงพมิ พส์ �ำนักงานพระพุทธศาสนา.
19. เชดิ ศกั ด์ิ ธรี ะบตุ ร, สวุ รรณา ตระกลู สมบรู ณ,์ และสรุ ภี เทยี นกรมิ . (2544). การปอ้ งกนั การตดิ เชอ้ื ในหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร. ใน
สมหวัง ด่านชัยวิจิตร (บรรณาธิการ), โรคติดเชื้อในโรงพยาบาล (พิมพ์คร้ังท่ี 3 หน้า327-344). กรุงเทพฯ:
งานวารสารและสงิ่ พมิ พ์ สถานเทคโนโลยี การศกึ ษาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตรศ์ ริ ริ าชพยาบาล มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล.
20. ศศิธร แสนศักดิ,์ ปยิ รตั น์ ไชยเชษฐ์, และสุวิมล กง่ิ จนั ทร.์ (2557). การตดิ เช้ือจากการคาสายสวนปัสสาวะใน
ผู้ปว่ ยศลั ยกรรม กระดูกและขอ้ โรงพยาบาลขอนแก่น. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 23(2), 323-334.
21. ศรปี ระพา เนตรนยิ ม. (2553). แนวทางปอ้ งกนั วณั โรคในสถานพยาบาลสาธารณสขุ ภายใตภ้ าวะจำ� กดั ทางทรพั ยากร
สำ� นกั วณั โรค กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ. 2553. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พอ์ กั ษรกราฟฟคิ แอนดด์ ไี ซน.์
22. สถาบันรับรองคุณภาพ สถานพยาบาล (องค์การมหาชน). (2561). เป้าหมายความปลอดภัยของบุคลากร
สาธารณสขุ ของประเทศไทย พ.ศ. 2561. กรุงเทพฯ: เฟมสั แอนด์ ซคั เซสฟูล.
23. สถาบันพระบรมราชชนก. (2557). คู่มือแนวทางการปฏิบัติงานเพ่ือการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจาย
เชอ้ื วณั โรคในสถานพยาบาล. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พช์ มุ นุม สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จ�ำกดั .
24. สมหวงั ดา่ นชยั วจิ ติ ร (บรรณาธิการ). (2549). วธิ ีปฏบิ ตั ิเพ่อื การป้องกันและควบคุมโรคติดเช้อื ในโรงพยาบาล.
(พมิ พ์ครงั้ ท่ี 2). นนทบรุ ี: ส�ำนักจดั การความรู้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ .
25. สมหวงั ดา่ นชยั วจิ ติ ร (บรรณาธิการ). (2549). วธิ ีปฏิบตั เิ พอื่ การป้องกันและควบคมุ โรคติดเชอ้ื ในโรงพยาบาล.
(พิมพค์ รั้งท่ี 2). กรุงเทพฯ: สำ� นักจดั การความรู้ กรมควบคุมโรค.
26. สมหวงั ดา่ นชยั วจิ ติ ร, และสมุ าลี ภควรวฒุ .ิ (2537). การแยกผปู้ ว่ ยและการระมดั ระวงั ไมใ่ หเ้ ชอื้ แพรก่ ระจาย. ใน
สมหวงั ดา่ นชยั วจิ ติ ร, และทพิ วรรณ ตง้ั ตระกลู (บรรณาธกิ าร). วธิ ปี ฏบิ ตั เิ พอ่ื ปอ้ งกนั โรคตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล
(หนา้ 47-54). กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พเ์ รอื นแกว้ .
27. สพุ รพรรณ์ กจิ บรรยงเลศิ , สภุ าวดี ศรสวสั ด,ิ์ นภสั วนั ต์ เตม็ ทบั , จตั วาพร ปานแดง, ใจรพร บวั ทอง, และวงจนั ทร์
เพชรพิเชฐเชียร. (2559). ผลของการเตอื นการถอดสายสวนปัสสาวะต่อการตดิ เช้อื ในทางเดินปัสสาวะจากการ
คาสายสวนปัสสาวะ. วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย, 9(2), 104-118.
28. สาํ นักพัฒนาระบบบริการสุขภาพกรมสนับสนุน บริการสุขภาพ สํานกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสุข. (2550).
มาตรฐานงานโภชนาการในโรงพยาบาล (NSH-2550). ม.ป.ท.
29. ส�ำนักวัณโรค. (2551). การควบคุมการติดเชื้อวัณโรคในยุคของการขยายงานการดูแลรักษาผู้ติดเช้ือเอชไอวี.
กรงุ เทพฯ: โรงพิมพอ์ ักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.
30. ส�ำนกั วัณโรค กรมควบคุมโรค. (2561). แนวทางการควบคุมวัณโรคประเทศไทย. กรงุ เทพฯ: สำ� นกั พมิ พอ์ ักษร
กราฟฟคิ แอนด์ดีไซน.์
31. สำ� นกั อนามยั สง่ิ แวดลอ้ ม กรมอนามัย. (2557). คู่แนวทางการจัดการมลู ฝอยติดเช้ือ โดยเทคโนโลยีการท�ำลาย
เชอื้ ดว้ ยไอนำ้� ณ แหลง่ กำ� เนดิ (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 3). กรงุ เทพฯ: สำ� นกั งานกจิ การโรงพมิ พอ์ งคก์ ารสงเคราะหท์ หารผา่ นศกึ .
32. สำ� นกั อนามยั สงิ่ แวดลอ้ ม กรมอนามยั . (2561). เอกสารวชิ าการดา้ นการจดั การมลู ฝอยตดิ เชอื้ สาํ หรบั เจา้ หนา้ ท่ี
กรมอนามยั . กรงุ เทพฯ: สำ� นกั .
33. อะเคอื้ อณุ หเลขกะ. (2555). หลกั และแนวปฏบิ ตั ใิ นการทำ� ลายเชอ้ื และการทำ� ใหป้ ราศจากเชอื้ . (พมิ พค์ รง้ั ที่ 2).
เชียงใหม่: โรงพมิ พ์มิง่ เมอื ง.

แนวปฏิบัติเพ่อื ป้องกนั 127

และควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล

34. อะเคอ้ื อณุ หเลขกะ. (2562). หลกั และแนวปฏบิ ตั กิ ารทำ� ลายเชอื้ ในโรงพยาบาล. เชยี งใหม:่ คณะพยาบาลศาสตร์
มหาวิทยาลยั เชียงใหม.่
35. อะเค้อื อุณหเลขกะ. (2556). ระบาดวิทยาและแนวปฏิบัติในการปอ้ งกันการตดิ เชอื้ ในโรงพยาบาล. เชียงใหม:่
โรงพิมพ์ ม่งิ เมือง.
36. APIC. Guide to preventing catheter-associated urinary tract infections. 2014. Available at http//
apic.org/Resource_/EliminationGuideForm/0ff6ae59-0a3a-4640-97b5-eee38b8bed5b/File/
CAUTI_06.pdf.
37. Anderson DJ, Podgory K, Berríos-Torres SI, Bratzler DW, et al. Strategies to prevent surgical site
infections in acute care hospitals 2014 Update. Infect Control Hosp Epidemiol 2014; 35 (6):
605-627.
38. Afonso E, Blot K, Blot S. Prevention of hospital - acquired bloodstream infections through
chlorhexidine gluconate-impregnated washcloth bathing in intensive care units: a systematic
review and meta-analysis of randomised crossover trials. Euro Surveill 2016; 21 (46): 1-11.
39. Ayliffe GAJ, Lowbury EJL, Geddes AM, Williams JD. Administration and responsibility. In: Ayliffe
GAJ, Lowbury EJL, Geddes AM, Williams JD. Eds. Control of Hospital Infection. 3rd ed. London,
Glasgow, New York, Tokyo, Melbourne, Madras: Chapman and Hall Medical; 1992: pp 12-31.
40. Allegranzi A, Pittet D.Role of hand hygiene in healthcare-associated infection prevention.
J Hosp Infect. 2009; 73: 305-315.
41. Bolyard EA, Tablan OC, Williams WW, Pearson ML, Shapiro CN, Deitchmann SD. Guideline for
infection control in healthcare personnel, 1998. Hospital Infection Control Practices Advisory
Committee. Infect Control Hosp Epidemiol. 1998; 19 (6): 407-63.
42. Boyce JM, Donskey CJ. Understanding ultraviolet light surface decontamination in hospital
rooms: A primer. Infect Control Hosp Epidem. 2019; 40: 1030-3.
43. Centers for Diseases Control and Prevention. CDC/NHSN surveillance definition of
healthcare-associated infection and criteria for specific types of infections in the acute care
setting. HAI definition. Retrieved//www.cdc.gov/nhsn/pdfs/.../17pscnosinfdef_current.pdf;
January 2013.
44. Centers for Diseases Control and Prevention. Guidelines for preventing the transmission of
Mycobacterium tuberculosis in health care settings, 2005. MMWR 2005;54 (No. RR-17): 1-140
45. Centers for Diseases Control and Prevention. Guidelines for Environmental Infection Control
in Health-Care Facilities, available from:https://www/cdc.gov/infectioncontrol/guidelines/
environmental/index.html revise 2019.
46. Centers for Diseases Control and Prevention. Immunization of health-care personnel:
recommendations of the Advisory Committee on Immunization Practices (ACIP.MMWR
Recommendations and reports: MMWR Recommendations and reports/Centers for Disease
Control) .2011; 60 (RR-7): 1-45.
47. Craven DE, Steger KA, Barber TW. Preventing nosocomial pneumonia: State of the art and
perspectives for the 1990s. Am J Med 1991; 91 (suppl 3B): S44-53.
48. Cruse PJE, Foord R. The epidemiology of wound infection: 939 wound.Surg Clin North Am
A 10-year prospective study of 62, 1980 Feb;60(1): 27-40
49. Chen Y-M, Dai A-P, Shi Y, Liu Z-J, Gong M-F, Yin X-B. Effectiveness of silver-impregnated
central venous catheters for preventing catheter-related blood stream infections: a meta-analysis.
Intern J Infect Dis 2014; 29: 279-286.

128 แนวปฏบิ ตั ิเพ่ือปอ้ งกัน

และควบคุมการตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล

50. Culver DH, Horan TC, Gaynes RP, et.al. Surgical wound infection rates by wound class, operative
procedure, and patient risk index. Am J Med 1991; 91 (supp 3): 152-57.
51. Dixon RE. Investigation of endemic and epidemic nosocomial infections. In: Bennett JV, Brachman
PS eds, 3rd ed. Hospital Infections. Boston, Toronto, London: Little, Brown and Company 1995.
Pp. 109-33.
52. Danchaivijitr S, Chokloikaew S. A national prevalence study on nosocomial infections 1988. J
Med Assoc Thai 1989; 72 (suppl 2): 1-5.
53. Danchaivijitr S, Jitreecheue L, Chokloikaew S, et.al. A national study on surgical wound infection
J Med Assoc Thai 1992; 78 (supp 2): 73-77.
54. Edmond MB, Wenzel RP. Isolation In: Mandell GL, Bennett JE, Dolin R. Principles and Practices
of Infectious Diseases. New York, Edinburgh, London, Madrid, Melbourne, Milan, Tokyo: Churchill
Livingstone 1995. pp 2575-9.
55. Ellingson K, Hass JP, Aiello AE, Kasek L, Maragakis LI, Olmsted RN, et al. Strategies to prevent
health care-associated infections through hand hygiene. Infect Control Hosp Epidemiol 2014;
35: S155-171.
56. European Centre for Disease Prevention and Control. Point prevalence survey of healthcare-associated
infections and antimicrobial use in European acute care hospitals ECDC PPS validation protocol
version 3.1.2: Stockholm, January 2019
57. ESCMID guidelines for the management of the infection control measures to reduce transmission
of multidrug resistant Gram-negative bacteria in hospital patients. Clin Microbiol Infect 2014;
20: S1-55.
58. Fasugba O, Koerner J, Mitchell BG, Gardner A. A systematic review and meta-analysis of the
effectiveness of antiseptics for meatal cleaning in the prevention of catheter associated urinary
tract infections. J Hosp Infect. 2017; 95 (3): 233-242.
59. French GL, Airborne transmission, Bacteriological sampling of the environment: Practice guide
to environmental infection control in hospital. Biomerieux. France. Page 32-36
60. Garner JS. Universal precautions and isolation precautions. In: Bennett JV, Brachman PA.eds,
3rd ed. Hospital Infections. Boston, Toronto, London: Little, Brown and Company. 1992. pp 231-44.
61. Gillies D, Wallen MM, Morrison AL, Rankin K, Nagy SA, O’Riordan E. Optimal timing for intravenous
administration set replacement. Cochrane Database of Systematic Reviews 2005; Issue 4. Art.
No.: CD003588. DOI: 10.1002/14651858. CD003588.pub2.
62. Guihermetti M, Marques Wiirzler LA, Castanheira Facio B, da Silva Furlan M, et al. Antimicrobial
efficacy of alcohol-based hand gels. J Hosp Infect 2010; 74: 219-224.
63. Gould CV, Umscheid CA, Agarwal RK. Guideline for prevention of catheter-associated urinary
tract infections 2009.2019.Available at https://www.cdc.gov/infectioncontrol/guidelines/cauti/
64. Gordon SM, Serkey JM, Barr C, Cosgrove D, Potts W. The relationship between glycosylated
hemoglobin (HbA1C) levels and postoperative infections undergoing primary coronary artery
bypass surgery (CABG). Infect Control Hosp Epidimiol1997; 18: 29-58.
65. Haley RW, Culver DH, White JW, et al. The efficacy of infection surveillance and control program
in U.S. hospitals. Am J Epidemiol 1985; 121: 182-205.

แนวปฏบิ ตั เิ พอ่ื ป้องกัน 129

และควบคมุ การติดเชอ้ื ในโรงพยาบาล

66. Hass JP. An infection preventionist’s view of the compendium of strategies to prevent healthcare
-associated infections: structure, process and outcome. Infect Control Hosp Epidemiol 2014;
35: 961-3.
67. Healthcare-associated infections and antimicrobial use in European acute care hospital. Stock
holm: 2013.
68. Horan TC, Gaynes RP, Marton WJ, et.al. CDC definitions of nosocomial surgical site infections,
1992: A modification of CDC definitions of nosocomial surgical wound infections. Infect Control
Hosp Epidemiol 1992; 16: 606-8.
69. Huskins CW, Soule BM, O’Boyle CO, et al. Hospital infection prevention and control: A model
for improving the quality of hospital care in low-and middle-income countries. Infect
Control Hosp Epidemiol 1998; 19: 125-135.
70. Julia Moody SEC, Russell Olmsted, Edward Septimus, Kathy Aureden, Shannon Oriola, Gita
Wasan Patel, Kavita K. Trivedi. Antimicrobial stewardship: A collaborative partnership between
infection preventionists and health care epidemiologists. American Journal of Infection Control.
2012; 40: 94-5.
71. Kritchevsky SB & Shorr RI. Data collection in healthcare epidemiology. In: Hospital Epidemiology
and Infection Control. Mayhall CG, ed., 4th ed. Philadelphia, Baltimore, New York, London,
Buernos Aires, Hong Kong, Sydney, Tokyo: Lippincott Williams and Wilkins. 2012; 87-94.
72. Kotikula I, Chaiwarith R. Epidemiology of catheter-associated urinary tract infections at Maharaj
Nakorn Chiang Mai Hospital, Northern Thailand. Southeast Asian J Trop Med Public Health.
2018; 49 (1): 113-122.
73. Larson EL. APIC guideline for handwashing and hand antisepsis in health care settings. Am J
Infect Control 1995; 23 (4): 251-63.
74. Lamin E, Newman DK. Clean intermittent catheterization revisited. Int Urol Nephrol. 2016; 48,
931-939.
75. Lo E, Nicolle LE, Coffin SE, et al. Strategies to prevent catheter-associated urinary tract infections
in acute care hospitals: 2014 Update. Infect Control Hosp Epidemiol. 2014; 35 (5): 464-479.
76. Marigliano A, Barbadoro P, Pennacchietti L, D’Errico MM, Pros-pero E. Active training and
surveillance: good friends to reduce urinary catheterization rate. Am J Infect Control. 2012; 40:
692-695.
77. Martin EK, Salagiver EL, Bernstein DA, Simen MS, Greendyke WG, Gramstad JM, et al. Sustained
improvement in hospital cleaning associated with a novel education and culture change
program for environmental services workers. Infect Control Hosp Epidem. 2019; 40: 1024-9.
78. Martone WJ, Jarvis WR, Culver DH and Haley RW. Incidence and nature of endemic and
epidemic nosocomial infections. In: Hospital Infections. Bennett JV, Brachman Ps, eds, 3rd ed.
Boston, Toronto,London: Little, Brown and Company 1992 pp. 577-96.
79. Mangram AJ, Horan TC, Pearson ML, et.al. CDC guideline for prevention of surgical site infection,
1999. Am J Infect Control 1999; 27: 97-134.
80. Moolasart V, Manosuthi W, Thienthong V, Wachiraphan A, et.al. Prevalence and risk factors of
healthcare-associated infections in Thailand 2018: a point prevalence survey.

130 แนวปฏิบัตเิ พอื่ ป้องกัน

และควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล

81. Marik PE, Flemmer M, Harrison W. The risk of catheter-related bloodstream infection with
femoral venous catheters as compared to subclavian and internal jugular venous catheters: a
systematic review of the literature and meta-analysis. Crit Care Med 2012; 40 (8): 2479-2485.
82. National Healthcare Safety Network (NHSN). Patient Safety Component Manual. C.D.C. January
2017.
83. O’Horo JC, Silva GL, Munoz-Price LS, Safdar N. The efficacy of daily bathing with chlorhexidine
for reducing healthcare-associated bloodstream infections: a meta-analysis. Infect Control
Hosp Epidemid 2012; 33 (3): 257-267.
84. Pennington JE. Nosocomial respiratory infections. In: Mandell GL, Bennett JE, Dolin R. Principles
and Practice of Infectious Diseases. New York, Edinburgh, London, Madrid, Melbourne, Milan,
Tokyo: Churchill Libingstone 1995 pp. 2599-606.
85. Pittet D, Dharan S, Touveneau S, & et al. Bacterial contamination on the hands of hospital
staffs during routine patient cares. Arch Intern Med 1999; 159: 821-26.
86. Safety W.H.O. A guide to the implementation of the WHO multimodal hand hygiene improvement
strategy 2009.
87. Saint S, Greene MT, Krein SL, Rogers MA1, Ratz D, Fowler KE et al. A program to prevent
catheter-associated urinary tract infection in acute care. N Engl J Med. 2016; 374: 2111-119.
88. Stratton CW. Tuberculosis, infection control and the microbiology laboratory. Infect Control
Hosp Epidemiol 1993; 14: 481-7.
89. THAI AGRICULTURAL STANDARD. TAS 9023-2007 Recommended International Code of Practice
General Principles of Food Hygiene CAC/RCP 1-1969, Rev. 4-2003.
90. World Health Organization [WHO]. Guidelines on Core Components of Infection Prevention
and Control Programmes at the National and Acute Health Care Facility Level 2016 Available
from: https://creative commons.org/licenses/by-nc-sa/3.0/igo.
91. World Health Organization [WHO]. Interim Practical Manual Supporting National Implementation
of the WHO Guidelines on Core Components of Infection Prevention and Control Programmes.
Geneva,WHO 2017 (WHO/HIS/SDS/2017.8 )
92. World Health Organization [WHO]. Improving Infection Prevention and Control at the Health
Facility. Geneva. WHO. 2018 (WHO/HIS/SDS/2018.10)
93. World Health Organization [WHO]. Guide to local production: W.H.O.–recommended hand rub
formulation. Geneva 2010.
94. 5 W.H.O. Core component 4: Health care–associated infection surveillance. In: Guidelines on
Core Components of Infection Prevention and Control Programmes at the National and Acute
Healthcare Facilities Level. 2016; 44-52.
95. 5 World Health Organization [WHO]. Hand hygiene, Self-assessment Frame Work 2010 [Internet].
2010. Available from: http://www.who. int/qpsc/5may/EN PSP GPSC1 5 May 2012/en/index/html.
96. Yakasai AM, Muhammad H, Iliyasu G, et al. Efficacy of antimicrobial lock solutions in preventing
catheter -related blood stream infection in haemodialysis patients: a systematic review and
meta - analysis of prospective randomized controlled trials. Southern African J Infect Dis 2016;
31: 3, 95-102.
97. Yokoe DS, Anderson DJ, Berenholtz SM, Calfee DF, Dubberke ER, Ellingson KD, et al. A compendium
of strategies to prevent healthcare-associated infections in acute care hospitals. Infect Control
Hosp Epidemiol 2014; 35: S23-31.

แนวปฏบิ ัตเิ พ่อื ป้องกัน 131

และควบคุมการติดเช้ือในโรงพยาบาล

คณะผู้จดั ทำ�

น.ส.กชพรรณ ใจคำ� โรงพยาบาลพบพระ
นางกนกพร ทองภูเบศร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
น.ส.กนกวรรณ สินเดระดาษ โรงพยาบาลศริ ิราช
ผศ. นพ.ก�ำธร มาลาธรรม คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธบิ ดี
นางกุลดา พฤตวิ รรธน ์ สมาคมพยาบาลดา้ นการป้องกันและควบคมุ โรคตดิ เช้อื
ผศ.คคั นางค์ นาคสวัสดิ์ อิสระ
น.ส.จิตรลดา รจุ ทิ ิพย์ สถาบนั บ�ำราศนราดูร
นางจริ ภา ปญั ญานาม โรงพยาบาลบางละมุง
น.ส.จุฑาภรณ์ ค�ำภิมาบุศก์ โรงพยาบาลศิรริ าช
รศ. นพ.ชาญวทิ ย์ ตรีพุทธรตั น ์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศริ ริ าช
นางชุติมา วจิ ติ รานนท์ โรงพยาบาลบ�ำรงุ ราษฎร์
นายไชยณรงค ์ ปติ ุรตั น์ โรงพยาบาลแมส่ ะเรยี ง
น.ส.ดวงพร จนิ ตโนทยั ถาวร คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช
รศ. ดร.นงเยาว์ เกษตร์ภิบาล คณะพยาบาลศาสตร ์ ม.เชียงใหม่
น.ส.นาตยา ปรกิ ัมศีล โรงพยาบาลโพธาราม
ดร.นาตยา รตั นอมั ภา คณะพยาบาลศาสตร์ ม.มหิดล
รศ. นพ.นริ นั ดร์ วรรณประภา คณะแพทยศาสตร์ ศิรริ าชพยาบาล
นางเนาวนติ ย์ พลพนิ ิจ โรงพยาบาลอุดรธานี
นางเบญจวรรณ นครพัฒน ์ โรงพยาบาลชมุ พรเขตรอุดมศกั ด์ิ
นางปทั มา ภาคยท์ องสุข โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี
นางพจนา ร่มโพธ์ ิ โรงพยาบาลพญาไท 3
นางพเยาว ์ อภเิ นาวนเิ วศน์ โรงพยาบาลบางสะพาน
พ.อ.หญิง ไพจติ ต์ เพิ่มพลู โรงพยาบาลพระมงกุฎเกลา้

132 แนวปฏบิ ตั เิ พอ่ื ป้องกนั

และควบคมุ การตดิ เช้อื ในโรงพยาบาล

นอ.หญงิ พญ.ภาศรี มหารมณ ์ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระป่ินเกล้า

นางมยุรี ปริญญวฒั น ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

นางมาระตี ปติ รุ ตั น์ โรงพยาบาลแมส่ ะเรยี ง

ผศ. นพ.ยงค์ รงค์รงุ่ เรอื ง คณะแพทยศาสตร์ ศิรริ าชพยาบาล

นางลัดดาวัลย ์ ดวงมสุ กิ โรงพยาบาลทา่ ศาลา

พญ.ลัลธรติ า เจริญพงษ์ สถาบนั บำ� ราศนราดูร

นางวราภรณ์ เทยี นทอง สถาบนั บ�ำราศนราดรู

น.ส.วินนะดา คงเดชศกั ดา สถาบันบำ� ราศนราดูร

น.ส.วิภาพร สิทธิฤทธ ์ิ โรงพยาบาลศิริราช

รศ. ดร.วิมลรัตน์ ภวู่ ราวุฒพิ านิช คณะพยาบาลศาสตร์ ม.มหดิ ล

นพ.วิศัลย์ มลู ศาสตร์ สถาบันบ�ำราศนราดรู

นพ.วรี วัฒน์ มโนสทุ ธ ิ สถาบนั บ�ำราศนราดรู

พญ.ศรีเพชรรตั น ์ เมฆววิ ฒั นาวงศ ์ โรงพยาบาลพระน่งั เกล้า

น.ส.ศรีสุรีย์ เอื้อจิระพงษ์พันธ์ โรงพยาบาลสระบุรี

น.ส.ศิริพร ราชคมน์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิรริ าช

น.ส.ศิรวิ รรณ เลิศอุดมกจิ ไพศาล โรงพยาบาลบา้ นบึง

ศ.เกียรตคิ ณุ นพ.สมหวงั ด่านชยั วจิ ิตร ทป่ี รกึ ษากรมควบคมุ โรค

น.ส.สภุ าพร แก้วสมนึก โรงพยาบาลศริ ริ าช

นพ.สุวรรณชยั วฒั นายง่ิ เจริญชัย กรมควบคมุ โรค

ดร.สวุ รรณา ตระกูลสมบรู ณ์ คณะเทคนิคการแพทย์ วิทยาลยั นครราชสีมา

นพ.อภิชาต วชริ พันธ์ สถาบนั บ�ำราศนราดูร

ศ. ดร.อะเค้ือ อุณหเลขกะ คณะพยาบาลศาสตร ์ ม.เชียงใหม่

น.ส. อญั ชนา ถาวรวนั สถาบนั บ�ำราศนราดรู

นพ.อัษฎางค์ รวยอาจณิ กรมควบคมุ โรค

น.ส. เอมกิ าญ ไชคินี โรงพยาบาลพระน่งั เกล้า

น.ส. เออื้ ใจ แจม่ ศักด์ิ สถาบนั บำ� ราศนราดูร

นางเอ้อื มพร ฉตั รวริ ิยะ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระยพุ ราชทา่ บ่อ




Click to View FlipBook Version