The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

3517003TM-คู่มือครู-การงานอาชีพ-ม5-[221221]

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กัลยกร ไชยมงคล, 2023-05-12 03:59:15

3517003TM-คู่มือครู-การงานอาชีพ-ม5-[221221]

3517003TM-คู่มือครู-การงานอาชีพ-ม5-[221221]

๑.๑ ประเภทของพืชที่ปลูก พืชมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีลักษณะ รูปร่าง คุณค่าทางอาหาร ประโยชน์ ในการน�ามาใช้งานที่แตกต่างกัน โดยพืชที่นิยมปลูกกันทั่วไปแบ่งเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๑) พืชไร่เป็นพืชที่ปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่ ดูแลรักษาง่าย ต้องการน�้าน้อย มีอายุการปลูก และการเก็บเกี่ยวไม่นาน ส่วนใหญ่เป็นพืชล้มลุก ซึ่งเป็นพืชที่มีความส�าคัญทางเศรษฐกิจและชีวิต ประจ�าวันของมนุษย์ ซึ่งพืชไร่จ�าแนกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ ดังนี้ พืชที่ปลูกบริเวณที่ดอน เป็นพืชที่เจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีในสภาพ พื้นที่ที่ไม่มีน�้าท่วมขัง มีความต้องการใช้น�้า เพื่อสร้างการเจริญเติบโตในปริมาณปานกลาง พืชที่ปลูกบริเวณที่ลุ่ม เป็นพืชที่เจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีในสภาพ พื้นที่ที่มีน�้าท่วมขัง มีความต้องการใช้น�้า เพื่อ สร้างการเจริญเติบโตในปริมาณมากกว่าพืชที่ ปลูกบริเวณที่ดอน ตัวอย่าง ตัวอย่าง ข้าวโพด มันส�าปะหลัง ข้าว แห้ว อ้อย บัว ข้าวฟ่าง กระจับ จ�าแนกตามลักษณะของการใช้ที่ดิน แบ่งเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ 80 มันส�าปะหลัง ข้าว กระจับ 1 2 3 นักเรียนควรรู 1 มันสําปะหลัง เปนอาหารประเภทแปง หรือคารโบไฮเดรตที่ใหพลังงาน สําหรับมนุษยและสัตว ตลอดจนนํามาใชในอุตสาหกรรมประเภทตางๆ เชน อุตสาหกรรมกาว กระดาษ นํ้าตาล รวมทั้งใชหมักทําแอลกอฮอล เพื่อใชแทน นํ้ามันเบนซิน สําหรับเครื่องยนต 2 ขาว ประเทศไทยมีการปลูกขาว 2 ฤดูกาล ไดแก ขาวนาป ปลูกในชวง ฤดูฝนของทุกป (กรกฎาคม-กันยายน) และเก็บเกี่ยวในชวงฤดูหนาว (พฤศจิกายน-มกราคม) ซึ่งถือเปนผลผลิตหลักของประเทศ และขาวนาปรัง ปลูกนอกชวงฤดูฝน ซึ่งเปนพันธุขาวที่สามารถปลูกไดตลอดทั้งป 3 กระจับ เปนพืชนํ้าลมลุก หัวอยูใตนํ้า ลําตนอยูเหนือผิวนํ้า ผลเกิดใตนํ้า มีสีดํา ขนาดใหญ เปลือกหนาและแข็ง มีเขาโคงงอคลายลักษณะของเขาควาย มีสรรพคุณหลายประการ เชน บํารุงคนไข ฟนฟูลําไสหลังอาการทองเสีย กิจกรรม 21st Century Skills 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ใหแตละกลุมรวมกัน ศึกษาเกี่ยวกับพืชเศรษฐกิจของไทย จากสื่อการเรียนรูที่หลากหลาย เชน หนังสือเรียน อินเทอรเน็ต 2. ใหนักเรียนแตละกลุมนําความรูที่ไดจากการศึกษามา แลกเปลี่ยนเรียนรูซึ่งกันและกันภายในกลุม 3. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงแนวโนมการเปลี่ยนแปลงของ พืชเศรษฐกิจไทยในอนาคตตามความสนใจ 1 หัวขอ เชน พืชผัก ผลไมดาวรุง พืชออรแกนิกมาแรง เห็ดคอนโดสรางเงินลาน 4. ใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมา นําเสนอผลงานใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน โดยครูเปดโอกาสให นักเรียนรวมกันซักถามในประเด็นที่สงสัย โดยครูเปนผูคอยอธิบาย เพิ่มเติม ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 6. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง ประเภทของพืชที่ปลูก จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หรือศึกษา เพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 7. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภท ของพืชที่ปลูก จาก PowerPoint ม.5 หนวย การเรียนรูที่ 5 8. ครูนําภาพพืชไรชนิดตางๆ มาใหนักเรียนดู จากนั้นครูขออาสาสมัคร 3 คู ออกมาชวยกัน จําแนกประเภทของพืชไร โดยครูกําหนดให • คูที่ 1 จําแนกตามลักษณะของการใชดิน (พืชที่ปลูกบริเวณที่ดอนและพืชที่ปลูกบริเวณ ที่ลุม) • คูที่ 2 จําแนกตามลักษณะทางพฤกษศาสตร (พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู) • คูที่ 3 จําแนกตามลักษณะการใชประโยชน ครูและนักเรียนที่เหลือชวยกันตรวจสอบ ความถูกตองของการจําแนกประเภทของ พืชไร 9. ครูถามนักเรียนวา • พืชไรมีความสําคัญทางเศรษฐกิจอยางไร (แนวตอบ ผลผลิตของพืชไรนอกจากจะนํา มาใชเพื่อการบริโภคภายในครัวเรือนแลว ยังจัดจําหนายเปนสินคาสงออกไปยัง ประเทศตางๆ พืชไรจัดเปนพืชเศรษฐกิจของ ประเทศที่สามารถนํารายไดเขาสูประเทศ เปนจํานวนมาก พืชไรที่นิยมสงออกไป จําหนายมีอยูดวยกันหลายชนิด เชน ขาว ขาวโพด ออย ถั่วชนิดตางๆ ยาสูบ ฝาย มันสําปะหลัง ซึ่งขาวเปนผลผลิตทางเกษตร ที่สงออกมากที่สุดของประเทศ ตามมาดวย มันสําปะหลังและขาวโพด) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T90


ขอสอบเนน การคิด ข้าวโพด มะม่วง มะพร้าว ตาล พริก ถั่วฝักยาว หมากมะนาว T i p ความแตกต่างของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ ลักษณะเด่นที่ท�าให้พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่มีความแตกต่างกัน มีดังนี้ พืช กลีบดอก เส้นใย แคมเบียม ท่อล�ำเลียง ระบบรำก เมล็ด ใบเลี้ยงเดี่ยว ๓ หรือทวีคูณ ของ ๓ขนาน ไม่มี กระจายทั่ว ล�าต้น รากฝอย มีซีกเดียว ใบเลี้ยงคู่ ๔, ๕ หรือ ทวีคูณของ ๔, ๕ ร่างแห มี เรียงเป็น วงกลมรอบ ล�าต้น รากแก้ว มี ๒ ซีก พืชใบเลี้ยงเดี่ยว เป็นพืชที่มีใบเลี้ยงเดี่ยว ๑ ใบ ลักษณะเส้นใบ ขนานตามความยาวของใบ ล�าต้นเรียวเห็นข้อ ปล้องได้อย่างชัดเจน ส่วนมากจะเป็นพืชล้มลุก พืชใบเลี้ยงคู่ เป็นพืชที่มีใบเลี้ยงเป็นคู่ๆ ลักษณะเส้นใบเป็น ร่างแห มองเห็นข้อและปล้องของล�าต้นไม่ชัดเจน เท่าพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เพราะมีเปลือกแข็งห่อหุ้มอยู่ ตัวอย่าง ตัวอย่าง จ�าแนกตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ แบ่งเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ งานเกษตร 81 เพราะเหตุใดในพื้นที่ที่มีการปลูกขาว เกษตรกรจึงนิยมปลูกพืช ตระกูลถั่วในชวงพักดิน (แนวตอบ เนื่องจากขาวเปนพืชที่มีความตองการธาตุไนโตรเจนสูง เมื่อมีการปลูกขาวในที่เดิมซํ้าๆ ทุกป ดินจะเสื่อมคุณภาพลง การปลูกพืชตระกูลถั่ว เชน ถั่วเขียว ถั่วดํา ถั่วแดง ถั่วแระ ถั่วลันเตา ในนาขาว จึงเปนเสมือนการเติมธาตุไนโตรเจนลงในดินที่ไดผลดี และมีราคาถูกกวาการใชสารเคมี) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจําแนกพืชตามลักษณะทางพฤกษศาสตร ใหนักเรียนฟงวา การจําแนกพืชตามลักษณะทางพฤกษศาสตร สามารถแบงเปน 2 ประเภท ดังนี้ • พืชใบเลี้ยงเดี่ยว หรือ Monocotyledon เปนพืชที่มีใบเลี้ยง 1 ใบ ลักษณะ เสนใบขนานตามความยาวของใบ เชน พืชตระกูลหญา พืชตระกูลปาลม พืชเจริญเติบโตโดยใชระบบรากแกว จัดเปนพืชที่มีความสําคัญทาง เศรษฐกิจและในชีวิตประจําวันของมนุษยและสัตว • พืชใบเลี้ยงคู หรือ Dicotyledonous เปนพืชที่มีใบเลี้ยงเปนคูๆ ลักษณะ เสนใบเปนรางแห เชน พืชตระกูลถั่ว พืชอื่นๆ ที่มีลักษณะดังกลาว พืชเจริญเติบโตโดยใชระบบรากฝอย จัดเปนพืชที่มีความสําคัญทางเศรษฐกิจ และในชีวิตประจําวันของมนุษยและสัตว รองลงมาจากพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู • พืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีลักษณะพิเศษอยางไร (แนวตอบ พืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีลักษณะพิเศษ หลายประการ เชน การเจริญเติบโตของ ลําตนสวนใหญจะอยูใตดิน หรือผิวดิน ราก ของพืชจะเปนระบบรากฝอย ไมมีการแตก กิ่งกานสาขาออกทางดานขาง อายุของพืช จะสั้น ซึ่งอาจมีอายุเพียง 1 ป หรือมากกวานั้น เล็กนอย เจริญเติบโตไดดีกวาพืชใบเลี้ยงคู ใหผลผลิตเร็ว ซึ่งพืชบางชนิดใชเวลาเจริญ เติบโตไมถึง 1 ป ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได จัดเปนพืชที่มีความสําคัญทางเศรษฐกิจเปน อยางมาก เชน ขาว ขาวโพด) • พืชใบเลี้ยงคูมีลักษณะพิเศษอยางไร (แนวตอบ พืชใบเลี้ยงคูมีลักษณะพิเศษหลาย ประการ เชน มีทั้งชนิดที่เปนพืชลมลุกและ พืชยืนตน รากของพืชจะเปนระบบรากแกว ซึ่งจะชวยใหลําตนมีความมั่นคง แข็งแรง มีการแตกกิ่งกานสาขาออกทางดานขาง อายุของพืชจะยาวกวาพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ให ผลผลิตชา เชน มะมวง พริก ถั่วชนิดตางๆ) • หากนักเรียนประกอบอาชีพเปนเกษตรกร นักเรียนจะเลือกปลูกพืชใบเลี้ยงเดี่ยว หรือ พืชใบเลี้ยงคู เพราะเหตุใดจึงเปนเชนนั้น (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • การศึกษาเรื่องความแตกตางของพืชใบเลี้ยง เดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู มีความสําคัญตอ เกษตรกรผูปลูกพืชไรหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T91


๑. ธัญพืช พืชตระกูลหญ้าที่น�าเมล็ด มาปลูกให้เจริญเติบโตได้ มนุษย์และสัตว์ใช้ทั้งต้น และเมล็ดเป็นอาหาร ข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวไรย์ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ๒. พืชตระกูลถั่ว พืชยอดนิยมใช้ปลูกคลุมดิน ปรับปรุงดิน หรือท�าเป็น ปุ๋ยสด น�ามาประกอบอาหาร เพราะมีโปรตีนสูง ถั่วเขียว ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วด�า ต้นแค ต้นจามจุรี ๓. พืชอำหำรสัตว์ พืชจ�าพวกหญ้า ผัก หรือถั่ว อาจอยู่ในรูปลักษณะสด หรือ แห้งก็ได้ น�าไปเลี้ยงสัตว์ ฟางอัดแห้งเป็นฟ่อน ถั่ว ข้าวฟ่าง หญ้าพันธ์ุต่างๆ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ๔. พืชที่ใช้รำกและ หัวเป็นประโยชน์ พืชที่น�ารากและหัวมาใช้ ประโยชน์ในการประกอบ อาหาร น�ามาประกอบอาหาร มันส�าปะหลัง มันฝรั่ง เผือก มันเทศ ๕. พืชเส้นใย พืชที่ให้เส้นใยที่มีลักษณะ เป็นเส้นยาวเรียว ซึ่งได้ มาจากพืช น�าเส้นใยไปใช้ในทาง อุตสาหกรรม ฝ้าย ป่าน ปอ งิ้ว นุ่น ๖. พืชที่ให้น�้ำตำล พืชที่ให้ความหวาน สามารถ น�าเอาส่วนใดส่วนหนึ่งมา ผลิตน�้าตาล น�ามาประกอบอาหาร อ้อย บีตรูต ๗. พืชที่ให้น�้ำมัน พืชที่น�าผลผลิตไปแปรรูป เป็นน�้ามัน แล้วน�าน�้ามันไป ใช้เพื่อประกอบอาหาร น�ามาประกอบอาหาร หรือน�าไปใช้เป็นเชื้อเพลิง ส�าหรับเครื่องยนต์ดีเซล ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ปาล์ม น�้ามันละหุ่ง ข้าวโพด งา ฝ้าย ทานตะวัน ๘. พืชที่ให้น�้ำยำง พืชที่สามารถให้น�้ายางและ น�ามาใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ ได้ น�าน�้ายางมาแปรรูปเป็น วัตถุดิบในการผลิตเป็น ผลิตภัณฑ์ส�าเร็จรูป ยางพารา ยางสน ยางนา ๙. พืชชวนเสพ พืชที่ม่ีสารออกฤทธิ์กระตุ้น ประสาท ถ้าใช้เป็นเวลา นาน ๆ อาจท�าให้ติดได้ _ ยาสูบ ชา กาแฟ ฝิ่น ประเภท ความส�าคัญ การใช้ประโยชน์ ตัวอย่าง จ�าแนกตามลักษณะการใช้ประโยชน์ แบ่งเป็น ๙ ประเภท ได้แก่ 82 ฝ้าย ป่าน ปอ งิ้ว นุ่น น�้ามันละหุ่ง ข้าวโพด งา ยาสูบ ชา กาแฟ ฝิ่น 1 2 3 กิจกรรม ทาทาย นักเรียนควรรู 1 งิ้ว มีประโยชนหลายประการ เชน เปลือกตนใหเสนใย นํามาใชทําเชือกได มีความเหนียว แตจะแข็งและหยาบ จึงเหมาะสําหรับใชมัดของที่มีขนาดใหญ 2 นํ้ามันละหุง เปนไมพุม จัดอยูในประเภทเดียวกันกับยางพารา นิยมนํามาใช ในอุตสาหกรรมเคมีและรถยนต ทั้งยังมีฤทธิ์เปนยาระบายออนๆ สําหรับเด็กและ ผูใหญ ในการสกัดนํ้ามันออกจากเมล็ดตองใชวิธีการบีบออก โดยไมใชความรอน หรือใชวิธีการบีบเย็น เพื่อปองกันไมใหโปรตีนที่เปนพิษติดออกมา เนื่องจาก สวนที่เปนพิษจะไมนํามาใชทําเปนยา 3 ยาสูบ มีประสิทธิภาพในการชวยปองกันและกําจัดแมลงศัตรูพืช เชน เพลี้ยออน เพลี้ยไฟ ขอดีของการใชสารสกัดจากยาสูบ คือ ราคาถูกและปลอดภัย ตอเกษตรกรผูใชมากกวาการใชสารเคมี ไมมีสารพิษตกคางในผลผลิตจึงมีความ ปลอดภัยตอผูบริโภค ครูใหนักเรียนสํารวจและจดบันทึกพืชที่พบในบริเวณบาน ใน ทองถิ่น หรือในชุมชน พรอมทั้งจําแนกประเภทตามลักษณะการใช ประโยชน จากนั้นออกมานําเสนอผลงานใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน กิจกรรม สรางเสริม ครูใหนักเรียนศึกษาประเภทของพืชที่ปรากฏอยูในหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หนา 82 ตามความสนใจ 1 ชนิด โดยคนหา ขอมูลดานการใชประโยชนเพิ่มเติมนอกเหนือจากการศึกษาใน หนังสือเรียน แลวทดลองปฏิบัติตามวิธีที่ไดศึกษามา จากนั้นออกมา นําเสนอผลงานใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน พรอมนําเสนอชิ้นงาน ประกอบ (ถามี) ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู • นักเรียนเคยรับประทานธัญพืชหรือไม หาก เคยชอบรับประทานธัญพืชชนิดใด และ ธัญพืชชนิดนั้นมีประโยชนอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ชอบรับประทานขาวเจา ซึ่งขาวเจามีประโยชนหลายประการ เชน ชวยบํารุงรางกาย เสริมสรางการเจริญเติบโต ใหพลังงานแกรางกาย เสริมสรางกระดูก และฟนใหแข็งแรง ควบคุมความดันโลหิต ชอบรับประทานขาวโอต ซึ่งขาวโอตมี ประโยชนหลายประการ เชน อุดมไปดวย สารตานอนุมูลอิสระ กระตุนการทํางาน ของระบบภูมิคุมกัน ชวยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมนํ้าหนัก ปองกันการเกิดโรคเบาหวาน รักษาระดับนํ้าตาลในเลือด) • พืชตระกูลถั่วนอกจากจะนิยมนํามาใชใน การประกอบอาหารแลว ยังนิยมนํามาใช ประโยชนในดานใดอีกบาง (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ชวยปรับปรุงคุณภาพ ของดินใหมีความอุดมสมบูรณ สงผลใหพืช เจริญเติบโตไดดี และใหผลผลิตที่มีคุณภาพ เพราะหลังจากที่พืชตระกูลถั่วมีการยอย สลายแลวจะใหปุยอินทรียที่มีปริมาณสูง ทําใหพืชปลอดภัยจากสารเคมีและไมกอให เกิดอันตรายเมื่อนํามาบริโภค) • เพราะเหตุใดยางพาราจึงจัดเปนสินคาสงออก ลําดับตนๆ ของโลก (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน สามารถนํามาแปรรูปเปน ผลิตภัณฑตางๆ ไดอยางหลากหลาย เชน ยางรถยนต ถุงมือทางการแพทย รองเทา อุปกรณกีฬา ยางรัดของ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T92


ขอสอบเนน การคิด ๒) พืชสวน เป็นพืชที่ต้องดูแลอย่างพิถีพิถันและเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด มีขอบเขต ในการปลูก จ�าแนกตามลักษณะและการใช้ประโยชน์ ดังนี้ ไม้ผล ไม้ยืนต้นที่มีอายุหลายปี ให้ผลผลิตที่เรียกว่า “ผลไม้” ในการปลูกต้องอาศัยระยะเวลานาน กว่าจะได้ผลผลิต ผู้ปลูกต้องศึกษาเกี่ยวกับ พืชที่ปลูกให้ดี บ�ารุงรักษาอย่างสม�่าเสมอ จึงจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า พืชผัก พืชที่ใช้ราก ล�าต้น ใบ ดอก และผล เพื่อน�ามา ประกอบเป็นอาหาร หรือเครื่องปรุงแต่ง กลิ่นอาหารประเภทต่าง ๆ บางชนิดนิยมน�ามา ปลูกไว้ ในครัวเรือนเรียกว่า “ผักสวนครัว” ตัวอย่าง ตัวอย่าง มังคุด กวางตุ้ง น้อยหน่า กะหล�่าดอก ลองกอง ผักกาดขาว แก้วมังกร ขิง ส้ม ข่า ขนุน ตะไคร้ งานเกษตร 83 พิจารณาขอมูล แลวตอบคําถาม 1. มีอายุยืน 2. สวนใหญมีกลิ่นหอม 3. ใชตกแตงสถานที่ใหสวยงาม 4. ตองดูแลเอาใจใสอยางใกลชิด ขอใดเปนลักษณะของพืชสวน 1. 1, 2 2. 1, 3 3. 1, 4 4. 2, 3 (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. 1, 4 เพราะมีอายุยืนเปนลักษณะ ของไมผลและพืชสวนทุกชนิด ตองดูแลเอาใจใสอยางใกลชิด สวน คําตอบในขออื่น คือ สวนใหญมีกลิ่นหอมและใชตกแตงสถานที่ให สวยงามเปนลักษณะของไมดอก) บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายใหนักเรียนเห็นความสําคัญของบทบาทการเปนผูสงออกไมผล ของกลุมประเทศในอาเซียน โดยอาจยกตัวอยางประเทศที่ใหญที่สุดในเอเชีย ตะวันออกเฉียงใตอยางประเทศจีน ซึ่งเคยนําเขาผลไมจากประเทศชิลีมาก เปนอันดับ 1 แตจากขอมูลลาสุดปรากฏวา ประเทศจีนไดมีการนําเขาผลไม จากประเทศไทยมากเปนอันดับ 1 และเมื่อพิจารณามูลคาการนําเขาผลไมของ ประเทศจีน 5 อันดับแรก พบวาเปนประเทศในอาเซียนถึง 3 ประเทศ ไดแก ประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และประเทศฟลิปปนส ดังนั้น อาเซียนจึงถือเปน ภูมิภาคที่มีมูลคาการสงออกผลไมไปประเทศจีนมากที่สุด ซึ่งนักเรียนสามารถ ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมไดที่ กรมสงเสริมการคาระหวางประเทศ กระทรวงพาณิชย หรือ www.ditp.go.th ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 10. ครูนําผักและผลไมตามฤดูกาลหลากหลาย ชนิดมาใหนักเรียนดู ซึ่งอาจเปนผักและผลไม ที่ปลูกภายในชุมชน หรือทองถิ่นของนักเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • ผักและผลไมจัดเปนพืชชนิดใด และมี ลักษณะอยางไร (แนวตอบ เปนพืชที่สามารถปลูกไดทั้งในพื้นที่ มากและพื้นที่นอย แตตองไดรับการดูแล เอาใจใสมากเปนพิเศษ โดยเริ่มตั้งแตการ เพาะเมล็ด การเตรียมดิน การจัดระยะปลูก การใหปุย การใหนํ้า การพรวนดิน การปองกัน กําจัดศัตรูพืช และการเก็บเกี่ยว เปนพืช อายุยืน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได หลายครั้ง) 11. ครูใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางพืชสวนที่ ปลูกมากในชุมชนของตนเอง พรอมทั้งอธิบาย เกี่ยวกับสาเหตุที่ทําใหคนในชุมชนนิยมปลูก พืชชนิดนี้ เชน พืชสวนที่ปลูกมากในชุมชน คือ ไมผล ไดแก เงาะ มังคุด และลองกอง สาเหตุ ที่มีการปลูกพืชชนิดนี้มากในชุมชน เนื่องจาก สภาพดินและสภาพอากาศมีความเหมาะสม ตอการเจริญเติบโตของพืช ดินในชุมชนเปน ดินรวน ลักษณะภูมิอากาศเปนแบบรอนชื้น และมีฝนตกตลอดทั้งป จึงเหมาะสมตอการ ปลูกไมผลทั้ง 3 ชนิดนี้มากที่สุด 12. ครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดอาชีพการทําสวนผลไมจึงเปน อาชีพสําคัญของคนไทยอีกอาชีพหนึ่ง (แนวตอบ ประเทศไทยมีสภาพภูมิอากาศ และสภาพแวดลอมที่เหมาะสมตอการ เพาะปลูกผลไมหลายขนิด จึงสงผลใหมีการ ทําสวนผลไมอยูทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T93


ขอสอบเนนการคิด ตัวอย่าง ตัวอย่าง ๓) ไม้ดอก ไม้ประดับ เป็นพันธุ์ ไม้ที่นิยมน�ามาปลูก เพื่อท�าให้เกิดความสวยงาม ทั้งภายในบริเวณบ้าน ภายนอกตัวบ้าน หรืออาคาร ซึ่งไม้ดอก ไม้ประดับจ�าแนกเป็นประเภท ต่าง ๆ ได้ ดังนี้ ไม้ดอกประดับ เป็นพรรณไม้ที่มีดอกสวยงาม ไม่นิยมตัดดอก เพราะดอกไม่คงทาน เหี่ยวเฉาง่าย นิยมน�ามา ปลูกเป็นกลุ่ม เป็นแปลงประดับ ตกแต่งอาคาร สถานที่ ไม้ตัดดอก เป็นไม้ดอกที่ปลูกเพื่อตัดดอกมาใช้ประโยชน์ โดยตรง เช่น ประดับแจกัน ประดับตกแต่ง ในงานพิธีต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสวยงาม หรือ ปลูกตัดดอกเพื่อการค้า ไม้ดอก พืชที่ปลูกขึ้นเพื่อน�าดอกไปใช้ประโยชน์ เช่น น�าไปตกแต่งอาคารสถานที่ให้สวยงาม หรือตัดดอก เพื่อน�าไปจ�าหน่าย แบ่งเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ กล้วยไม้ คาร์เนชัน รักเร่ หงอนไก่ บานชื่น ซ่อนกลิ่นฝรั่ง กุหลาบ เบญจมาศ ชวนชม ทองอุไร ชบา ลิลลี่ 84 ขอใดจัดเปนประโยชนของการใชระบบนํ้าหยดในการดูแลรักษาพืช 1. ชวยประหยัดนํ้า 2. ชวยประหยัดแรงงาน 3. ชวยควบคุมปริมาณการจายนํ้า 4. ถูกทุกขอ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการใหนํ้าแกพืชโดยการ ใชระบบนํ้าหยดเหมาะสําหรับการรดนํ้าบริเวณโคนตน หรือพื้นที่ ตางระดับ เพื่อใหนํ้ามีเวลาดูดซึมลงดิน ไมไหลไปยังจุดอื่นๆ ซึ่งถือเปนการควบคุมปริมาณการจายนํ้า ชวยใหประหยัดนํ้า และยังชวยลดการใชแรงงานคนไดอีกทาง) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชนของไมดอกใหนักเรียนฟงวา ไมดอก นอกจากจะมีลักษณะสีสันที่สวยงามแลว ยังนิยมนํามาใชในการประดับ ตกแตง สิ่งของ หรือสถานที่ตางๆ เพื่อเพิ่มความสวยงามอีกดวย นอกจากนี้ ไมดอก หลายชนิดยังมีสรรพคุณทางยา สามารถนํามาใชเพื่อรักษารักษาโรคตางๆ ได ดังตัวอยาง • จําปา เปลือกและรากใชรักษาฝที่มีหนอง ดอกและเมล็ดใชทํายาแกไข คลื่นไส อาเจียน วิงเวียนศีรษะ • บัวหลวง เกสรนํามาผสมในยาหอมใชบํารุงหัวใจ บํารุงกําลัง แกอาการ หนามืด วิงเวียนศีรษะ • มะลิ ดอกสดนํามาตําแลวพอกที่ขมับแกปวดศีรษะ ดอกที่โรยคาตน นํามาชงเปนชา มีรสชาติดีและมีกลิ่นหอมชื่นใจ ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 13. ครูใหนักเรียนเลนเกม โดยใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกันทายชื่อภาพไมดอก ซึ่ง มีกติกาในการเลนเกม คือ ภาพไมดอก 1 ภาพ จะแบงเปนภาพเล็กๆ จํานวน 9 ภาพ เรียงลําดับ หมายเลข 1-9 ครูจับสลากหมายเลขขึ้นมา 1 หมายเลข หากตรงกับหมายเลขใดจะเปด ภาพที่ตรงกับหมายเลขนั้น โดย 1 ภาพ จะเปด ไดเพียง 3 หมายเลข ใหนักเรียนแตละกลุม รวมกันทายชื่อภาพไมดอก กลุมใดทายถูก จะได 1 คะแนน เลนจนครบ 10 ภาพ กลุมใด ไดคะแนนมากที่สุดเปนฝายชนะ 14. ครูนําภาพไมดอกซึ่งเปนภาพปริศนาทั้งหมด ติดลงบนกระดานดํา จากนั้นใหนักเรียน ชวยกันจําแนกประเภทของไมดอกวา ภาพ ไมดอกชนิดใดเปนไมตัดดอกและภาพไมดอก ชนิดใดเปนไมดอกประดับ 15. ครูถามนักเรียนวา • ที่บานของนักเรียนปลูกไมดอกเหมือนใน ภาพหรือไม หากมี ปลูกไมดอกชนิดใดและ ปลูกอยางไร หากไมมี ปลูกไมดอกชนิดใด และปลูกอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ที่บานปลูกกุหลาบ เหมือนในภาพปริศนา โดยปลูกบริเวณที่โลง อากาศถายเทไดสะดวก แตละตนปลูกหางกัน 30 เซนติเมตร เพื่อความสะดวกในการ ตกแตงกิ่ง ใชเศษหญาคลุมที่โคนตน เพื่อชวย รักษาความชื้นในดิน รดนํ้าอยางสมํ่าเสมอ ในปริมาณที่เหมาะสม โดยระมัดระวังไมให ดินแฉะ หรือมีนํ้าทวมขัง เพราะอาจทําให รากเนาได และใสปุยเม็ดสูตร 15-15-15 ตนละ 5-10 กรัม ทุก 2 สัปดาห) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T94


ขอสอบเนน การคิด ตัวอย่าง ไม้ตัดใบ เป็นพรรณไม้ที่ใบมีรูปทรง สีสันสวยงามสะดุดตา พรรณไม้ชนิดนี้จะไม่เน้น ความสวยงามของดอก มี ทั้งที่ปลูกในร่มและปลูก กลางแจ้ง ไม้กระถาง เป็นพรรณไม้ประดับที่น�า มาปลูกให้เจริญเติบโต ได้ดีในกระถาง เพื่อใช้ ประดับตกแต่งอาคาร สถานที่ให้เกิดความ สวยงาม ไม้ดัดและไม้แคระ เป็นพรรณไม้ประดับที่ ผู้ปลูกต้องคอยตัดแต่ง และดูแลเอาใจใส่เป็น พิเศษ ต้องมีศิลปะในการ ตกแต่ง สามารถเลี้ยงเป็น งานอดิเรก หรือท�าเป็น อาชีพได้ ไม้ประดับ เป็นพรรณไม้ที่ปลูกเพื่อน�ามาใช้ประดับตกแต่งอาคารสถานที่ มีรูปทรง ล�าต้น และใบที่สวยงาม แบ่งเป็น ๓ ประเภท ได้แก่ บอนสี ชวนชม ลิ้นมังกร เฟิน มะสัง วาสนา ข่อย เดหลี บัลเดียนัม งานเกษตร 85 บอนสี 1 ขอใดไมจัดเปนวิธีการเพิ่มมูลคาใหแกไมประดับ 1. ตัด หรือตกแตงใหสวยงาม 2. จัดวางในสถานที่กลางแจง 3. เลือกใชภาชนะที่สวยงามและมีขนาดเหมาะสม 4. ระมัดระวังเรื่องความชื้น เพราะอาจทําใหตนไมเกิดโรคได (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะไมประดับบางชนิดมีความ ตองการแสงแดดที่ไมเทากัน จึงไมสามารถนําไมประดับมาจัดวาง ภายนอกอาคารหรือสถานที่กลางแจงไดเหมือนกันทั้งหมด เนื่องจากแสงแดดอาจทําใหใบกลายเปนสีนํ้าตาล แหง กรอบ อาจสงผลใหเหี่ยวเฉาและตายลงได) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมดัดใหนักเรียนฟงวา การปลูกไมดัดเปนที่นิยม อยางยิ่งในสมัยรัชกาลที่ 1 พระองคทรงใหปลูกไมดัดไวในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งยังมีใหเห็นอยูในปจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานปรากฏอยูในกลอนเสภา เรื่อง ขุนชางขุนแผน ตอน ขุนแผนขึ้นเรือนขุนชาง ความวา “กระถางแถวแกวเกดพิกุลแกม ยี่สุนแซมมะสังดัดดูไสว สมอรัดดัดทรงสมละไม ตะขบขอยคัดไวจังหวะกัน” นักเรียนควรรู 1 บอนสี เปนไมใบที่มีสีสันและลวดลายที่สวยงาม จนไดรับการขนานนามวา “ราชินีแหงไมใบ” ในการปลูกบอนสีจะตองระมัดระวังในเรื่องของแสงแดด เพราะ หากไดรับแสงแดดมาก หรือนอยเกินไป จะสงผลกระทบตอสีของใบได ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 16. ครูนําภาพตนไมชนิดตางๆ มาใหนักเรียนดู จากนั้นใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหวา ภาพใด จัดเปนไมประดับที่นิยมปลูก เพื่อนํามาใช ประดับตกแตงอาคารสถานที่ 17. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ไมประดับจะแบงตาม ลักษณะของการใชงานได 2 ประเภท คือ ไมประดับภายในอาคาร หรือในรม จะตองการ แสงนอยถึงปานกลาง สวนมากปลูกอยูใน อาคารที่มีแสงแดดสองถึงเล็กนอย เชน แกวหนามา เดหลี และไมประดับภายนอก อาคารหรือกลางแจง จะตองการแสงมาก สวนมากปลูกอยูภายนอกอาคาร หรือบริเวณ สนามตางๆ เชน โกสน ปาลม” 18. ครูถามนักเรียนวา • การปลูกไมดอก ไมประดับมีขอดีอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ชวยทําใหบานดูสดชื่นขึ้น จากสีสันของดอกไม ชวยผอนคลายความ ตึงเครียด ทําใหบานนาอยูอาศัยมากขึ้น เปนการใชเวลาวางใหเเกิดประโยชน ชวย รักษาสิ่งแวดลอม ตอยอดเพื่อสรางเปน อาชีพไดในอนาคต) • เพราะเหตุใดในปจจุบันไมดอก ไมประดับ จึงมีความสําคัญทางเศรษฐกิจ (แนวตอบ ปจจุบันการปลูกไมดอก ไมประดับ เพื่อนํามาใชในการตกแตงบานเรือน ตกแตง อาคาร หรือจัดดอกไมตามสถานที่ตางๆ กําลังไดรับความนิยมเปนอยางมาก เพราะ จะทําใหสถานที่นั้นๆ ดูสวยงาม มีความ สดชื่น และการจัดดอกไมตามงานตางๆ ยังเปนการสรางบรรยากาศที่ดีใหกับงาน อีกดวย) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T95


กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงค ๑. แก้ว : ส่งผลให้มี คนรักดั่งแก้วตาดวงใจ ๒. กระดังงา : คนในบ้าน มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่นับหน้าถือตา ๓. บานไม่รู้ โรย : ความรัก ของผู้อยู่อาศัย และคู่กันจะผูกพัน มั่นคงต่อกัน ๔. จ�าปา : น�าโชคลาภและ ความโชคดี มาให้ผู้อาศัย ๕. เข็ม : สมองปลอดโปร่งเกิดความคิดอ่านที่ดี ความคิด เฉียบขาด ๖. กล้วยไม้: จะท�าให้เกิดความประทับใจ คนในบ้านมีจริยธรรม ๗. ชบา : การงานเจริญก้าวหน้า ไร้ซึ่งปัญหาและอุปสรรค ๘. มะลิ : เสริมสร้างสิริมงคล มีจิตใจ ที่บริสุทธิ์ รักและคิดถึงคนรอบข้าง ๙. พุด : มีความเจริญ มั่นคง แข็งแรง สมบูรณ์ ๑๐. ดาวเรือง : ส่งเสริมให้ชีวิตเจริญก้าวหน้า มีเงิน มีทองไหลมาเทมา ดอกไม้ที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมปลูกกัน ในบ้านมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ซึ่งขึ้นอยู่ กับความชอบของแต่ละบุคคล โดยดอกไม้ แต่ละชนิดจะมีความสวยความที่แตกต่าง กัน รวมถึงความหมายยกตัวอย่างดอกไม้ มงคล ๑๐ ชนิด ที่นิยมปลูก เพื่อเพิ่มโชค ดอกไม้มงคลเพิ่มโชคลาภ ลาภ มีดังนี้ 86 บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายใหนักเรียนฟงวา ดอกไมมงคลนอกจากจะนิยมปลูกในประเทศไทย เนื่องจากคานิยมทางดานความเชื่อแลว ยังพบความนิยมในลักษณะเชนเดียวกัน กับประเทศอื่นๆ อีกดวย เชน ราชพฤกษหรือคูน จัดเปนไมมงคลและเปน สัญลักษณประจําชาติไทย พบวานิยมปลูกเปนไมประดับในบริเวณตอนใตของ ปากีสถาน อินเดีย ศรีลังกา รวมถึงประเทศอาเซียนอยางเมียนมาดวย เนื่องจาก พรรณไมชนิดนี้มีประโยชนหลากหลายประการ เชน มีสรรพคุณทางการแพทย สามารถนํามาใชเปนยาระบาย ขับเสมหะ บํารุงโลหิต บรรเทาอาการแนนหนาอก ลดคอเลสเตอรอล แกอาการกระหายนํ้า แกอาการปวดฟน อาการจุกเสียด ขับพยาธิไสเดือนในทอง และดวยลักษณะของตนที่จัดเปนไมยืนตนขนาดใหญ จึงนิยมนํามาปลูกไวในสถานที่ตางๆ เพื่อชวยปองกันแสงแดด ลดความรอน และประหยัดพลังงาน ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง การปลูกตนไมตามความเชื่อ โดยศึกษาทั้งไมมงคลและไมอวมงคล จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมา นําเสนอผลงานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน โดยครูอธิบายเสริมเพื่อ ใหเกิดความเชื่อมโยงระหวางความเชื่อกับภาพสะทอนทางสังคม เปนตนวา วิถีชีวิต ระบบความคิด สภาพจิตใจของคนในสังคม ในยุคปจจุบัน พรอมทั้งสรุปวา การที่จะทําใหครอบครัวมีความสุข ไดนั้น ไมไดขึ้นอยูกับการปลูกไมมงคลเพียงอยางเดียว แตสมาชิก ในครอบครัวทุกคนจะตองปฏิบัติตนตามหนาที่ที่ไดรับมอบหมาย อยางเหมาะสมอีกดวย (กิจกรรมนี้เสริมสรางคุณลักษณะดานมีวินัยและมุงมั่นในการ ทํางาน) ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 19. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง ดอกไมมงคล เพิ่มโชคลาภ ในกรอบ Know More จาก หนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หนา 86 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 20. ครูถามนักเรียนวา • จากการศึกษา เรื่อง ดอกไมมงคลเพิ่ม โชคลาภ มีดอกไมที่นักเรียนชื่นชอบบาง หรือไม เพราะเหตุใดจึงชอบดอกไมชนิดนี้ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ชอบดอกมะลิ เพราะ มีกลิ่นหอม สามารถนํามาใชประโยชนได อยางหลากหลาย รวมถึงยังมีความหมาย ที่เปนมงคลอีกดวย) • นอกจากตัวอยางดอกไมที่นักเรียนไดศึกษา จากกรอบ Know More นักเรียนยังทราบ ความหมายของดอกไมชนิดอื่นอีกหรือไม จงยกตัวอยาง (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เข็ม : มีสติปญญา เฉียบแหลม มีความคิดความอานที่ดี คูน : มีศักดิ์ศรี มีเกียรติยศชื่อเสียง กุหลาบ : สงางาม สมภาคภูมิ โปยเซียน : นําโชค ลาภและความโชคดีมาสูครอบครัว อัญชัน : เสริมใหประสบความสําเร็จในชีวิต) 21. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ในการเลือกซื้อดอกไม ชนิดใดๆ มาปลูก ควรศึกษาขอมูลเกี่ยวกับ ดอกไมชนิดนั้นๆ ใหเขาใจอยางละเอียด หรือ สอบถามจากผูรู หรือผูจําหนาย เพื่อจะได ทําการปลูก ดูแล บํารุงรักษาไดอยางถูกตอง เลือกตนที่ใบมีสีสด ไมมีโรคแมลง กระถาง และกนกระถางไมแตกหัก หากกําลังออกดอก ควรเลือกตนที่ดอกตูมใกลจะบาน เพื่อที่จะให ดอกบานเต็มที่เมื่อนํามาปลูก” นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T96


ขอสอบเนน การคิด ๑.๒ การศึกษาข้อมูลและวางแผนปลูกพืช การปลูกพืชในปัจจุบันผู้ปลูกจ�าเป็นต้องมีวัตถุประสงค์ในการปลูกพืชแต่ละครั้ง และศึกษา ข้อมูลของพืชที่จะท�าการปลูก ตลอดจนส�ารวจความต้องการของผู้บริโภคทุกครั้งก่อนที่จะท�าการ ปลูก เพื่อน�าข้อมูลต่างๆ ไปวางแผนการปลูกพืช นอกจากนี้ ผู้ปลูกควรมีองค์ความรู้ด้านการขยาย พันธุ์พืชแบบต่าง ๆ เพื่อน�าไปใช้ปลูกพืชครั้งต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๑) กำรศึกษำข้อมูลในกำรปลูกพืช ในการปลูกพืชทุกครั้ง ผู้ปลูกจะต้องมีการ วางแผนการปลูกพืชและศึกษาข้อมูลในการปลูกพืชแต่ละชนิด ส�าหรับแหล่งข้อมูลที่จะให้ความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีการปลูกพืชชนิดต่าง ๆ นั้น มีหลายทาง ดังนี้ บุคคล ผู้ที่มีความรู้ หรือประสบการณ์ในการปลูกพืช ชนิดต่างๆ ประจ�าท้องถิ่น เช่น ชาวสวน ผู้ประกอบอาชีพทางธุรกิจจ�าหน่ายไม้ดอก ไม้ประดับ ครูอาจารย์ที่สอนวิชาเกษตรกรรม และเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร สื่อมวลชน แหล่งข้อมูลข่าวสารที่ให้ความรู้เข้าสู่ครัวเรือน ซึ่งพบได้ ในชีวิตประจ�าวัน เช่น หนังสือพิมพ์ รายวัน นิตยสารการเกษตร รายการวิทยุ โทรทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร ซึ่งควร ศึกษาเป็นประจ�า เพื่อจะได้ความรู้ที่หลากหลาย มากขึ้น หน่วยงาน มีทั้งหน่วยงานของทางราชการและเอกชน ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม เผยแพร่ และ ให้ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกพืช ประจ�าท้องถิ่น หน่วยงานราชการ เช่น เกษตร ต�าบล ส�านักงานเกษตรอ�าเภอ หน่วยงาน เอกชน เช่น บริษัทจ�าหน่ายเมล็ดพันธุ์ เคมี การเกษตร เครื่องจักรกลทางการเกษตร เครือข่ายอินเทอร์เน็ต แหล่งค้นคว้าข้อมูลที่ส�าคัญและมีความทันสมัย มากที่สุด ในปัจจุบันมีเว็บไซต์มากมายที่บรรจุ ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการเกษตรทั้งแบบที่เป็น ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งสามารถค้นหา ข้อมูลได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว งานเกษตร 87 ท้องถิ่น เช่น ชาวสวน หน่ายเมล็ดพันธุ์ เคมี 1 2 เพราะเหตุใดจึงตองสํารวจความตองการของผูบริโภคกอนการ ปลูกพืช (แนวตอบ การสํารวจความตองการของผูบริโภคกอนการ ปลูกพืชมีความสําคัญและมีความจําเปนอยางยิ่ง เพราะจะชวย ใหทราบความตองการของผูบริโภค ซึ่งจะทําใหสามารถปลูกพืช เพื่อใหไดผลผลิตตรงตามความตองการของตลาด และสงผลให สามารถจําหนายพืชไดในราคาดี) นักเรียนควรรู 1 ชาวสวน ผูประกอบอาชีพนี้จะตองมีความรู ความชํานาญในอาชีพเกษตรกร มีความขยัน อดทน ชอบเรียนรูในสิ่งใหมๆ สามารถใหคําแนะนํา หรือใหขอมูล อันเปนประโยชนเกี่ยวกับพืชและวิธีการปลูกพืชไดเปนอยางดี 2 เมล็ดพันธุ การพิจารณาคุณภาพสามารถพิจารณาไดจากสภาพภายนอก คือ หากเปนเมล็ดพันธุใหมจะมีสีสดใส (เมล็ดพันธุเกาสีจะขุน) เมล็ดสมบูรณ ไมแตกหัก ไมมีเศษผง ไมมีรอยเจาะของแมลง และการพิจารณาไดจากลักษณะ ภายใน คือ ความชื้นในเมล็ดตํ่า มีเปอรเซ็นตการงอกสูง และเมล็ดมีความแข็งแรง สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอมูลในการปลูกพืช ไดที่ http://www.doae.go.th ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 22. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การศึกษาขอมูล และวางแผนการปลูกพืช จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หรือศึกษาเพิ่มเติมจาก อินเทอรเน็ต 23. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษา ขอมูลและวางแผนการปลูกพืช จาก PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรูที่ 5 24. ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนสามารถศึกษาขอมูลเกี่ยวกับการ ปลูกพืชไดจากแหลงใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน สามารถศึกษาขอมูล เกี่ยวกับการปลูกพืชไดจากเกษตรกรผูปลูกพืช ชนิดที่ตนสนใจ นักวิชาการเกษตร บุคคลที่ มีความรูเกี่ยวกับการปลูกพืช เว็บไซตตางๆ ที่เกี่ยวของกับการปลูกพืช สื่อสิ่งพิมพ หนังสือ หรือวารสารทางการเกษตร) 25. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “หากตองการทราบขอมูล เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกพืชนอกเหนือจาก ที่แนะนําไวในหนังสือเรียน นักเรียนสามารถ สอบถามขอมูลจากหนวยงานที่รัฐบาลจัดขึ้น คือ สํานักงานเกษตรจังหวัด สังกัดกรมสงเสริม การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ ซึ่งหนวยงานนี้จะทําหนาที่ในการสงเสริม และพัฒนาเกษตรกร องคกรเกษตรกร และ วิสาหกิจของชุมชน สงเสริมและประสาน ถายทอดความรูดานการผลิต การจัดการ ผลผลิตพืช ประมง และปศุสัตว กํากับดูแล และสนับสนุนการปฏิบัติงานของสํานักงาน เกษตรอําเภอ ปฏิบัติงานรวมกัน หรือ สนับสนุนการปฏิบัติงานของหนวยงานอื่น ที่เกี่ยวของ หรือที่ไดรับมอบหมาย” นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T97


ขอสอบเนนการคิด ๒) กำรวำงแผนกำรปลูกพืช เป็นการก�าหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ขั้นตอน วิธีการด�าเนินงานตั้งแต่เริ่มต้นปลูกพืชจนถึงการใช้ประโยชน์จากพืชที่ปลูก โดยมีความมุ่งหวัง ให้การปลูกพืชได้รับผลส�าเร็จ คุ้มค่าต่อการลงทุน แนวทางการวางแผนการปลูกพืช มีดังนี้ ก�าหนดชนิดของพืชและแนวทาง การใช้ประโยชน์ ค�านึงถึงฤดูกาลและสภาพพื้นที่ว่าเหมาะสมกับ พืชที่ปลูกหรือไม่ หรือผู้ปลูกก�าหนดวัตถุประสงค์ ในการปลูกก่อนว่าเมื่อปลูกแล้วจะน�าผลผลิต ไปบริโภคในครัวเรือน หรือปลูกเพื่อจ�าหน่าย และมีช่องทางการตลาดมากน้อยเพียงใด การจัดท�าตารางการปฏิบัติงาน ก�าหนดรายการปฏิบัติงานในแต่ละวัน ผู้รับผิดชอบ ควรระบุเวลา ขั้นตอนการปฏิบัติงานตั้งแต่ การเตรียมดิน การเตรียมพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปลูก การให้ปุ๋ย การป้องกันและก�าจัดศัตรูพืช การเก็บเกี่ยว การใช้ประโยชน์ จากผลผลิต และการจัดจ�าหน่าย การเตรียมพันธุ์พืช เครื่องมือ อุปกรณ์ ในการปลูกพืช ควรจัดเตรียมพันธุ์พืชที่จะปลูกให้มีปริมาณ เหมาะสมกับพื้นที่ปลูก และควรเป็นพันธุ์ที่มี คุณภาพ ส่วนเครื่องมือ อุปกรณ์ การปลูกพืช ควรจัดเตรียมให้ เพียงพอกับแผนการที่ได้วางไว้ ก�าหนดพื้นที่เพาะปลูกพืช พิจารณาพื้นที่ที่ใช้ปลูกให้เหมาะสมกับพืชที่ปลูก เช่น จะปลูกพืชชนิดใด ใช้พื้นที่กี่ไร่ ควรปรับ สภาพพื้นที่อย่างไร รวมถึงเก็บวัชพืช หินกรวด ขนาดใหญ่ออก เพื่อความสะดวกในการใช้ เครื่องมือ อุปกรณ์ทางการเกษตร ขณะปฏิบัติงาน การเตรียมทุนและแรงงานในการปลูกพืช จะหาเงินทุนมาจากแหล่งลงทุนชนิดใด จ�าเป็น ต้องใช้แรงงานเท่าใดจึงจะเหมาะสมกับสภาพงาน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างลงมือ ปฏิบัติการปลูกพืช 88 หนดพื้นที่เพาะปลูกพืช การปลูก การให้ปุ๋ย การป้องกันและก� จัดศัตรูพืช 1 2 3 คุณลักษณะสําคัญในขอใดมีความจําเปนนอยที่สุดสําหรับ ผูประกอบอาชีพเกษตรกร 1. การมีวินัย 2. ความขยัน อดทน 3. มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ 4. มีเครือขายทางสังคมออนไลน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะคุณลักษณะสําคัญพื้นฐาน ที่ผูประกอบอาชีพเกษตรกรพึงมี คือ การมีวินัย ไมมักงาย มีความ ขยันอดทน เนื่องจากตองดูแลเอาใจใสในกระบวนการผลิต เปนเวลานาน และที่สําคัญจะตองมีจรรยาบรรณในวิชาชีพของตน โดยไมเอารัดเอาเปรียบผูบริโภค) นักเรียนควรรู 1 พื้นที่เพาะปลูกพืช หากในพื้นที่เดียวกันมีการปลูกพืชหลายชนิด ควรจัด ระบบใหมีการปลูกพืชหมุนเวียนตามหลักการใชประโยชนจากดิน เพื่อใหการ ทําเกษตรกรรมมีประสิทธิภาพและเกิดความคุมคาสูงสุด 2 การใหปุย หากเกษตรกรตองการใชปุยเคมี ควรมีขอที่พึงปฏิบัติ คือ ไมใสปุย ในขณะที่ฝนตก หรือมีลมพายุพัดแรง เพราะนํ้าและลมจะชะลางปุย ทําใหไมไดผล ตามตองการ ระวังอยาใหปุยคางบนใบพืช เพราะจะทําใหใบไหม ไมควรใชปุย ติดตอกันเปนเวลานาน เพราะทําใหดินเปนกรดและเสื่อมสภาพ 3 ศัตรูพืช ปจจัยทางชีวภาพ สิ่งมีชีวิต หรืออื่นๆ ที่เปนอันตรายตอการปลูกพืช กอใหเกิดความเสียหายตอระบบการผลิต โดยศัตรูพืชจะเขามาสรางความเสียหาย แกพืชใน 3 ระยะ คือ ระยะการผลิตพืช ระยะหลังเก็บเกี่ยว และระยะการขยายพันธุ ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 26. ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับการ วางแผนการปลูกพืช จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดพื้นที่ตางๆ ของประเทศไทย จึงสามารถปลูกพืชไดดี (แนวตอบ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศ ลักษณะของดินที่มีความอุดมสมบูรณ สภาพอากาศที่เหมาะสมตอการปลูกพืช จึงทําใหสามารถปลูกพืชไดทั่วทุกภาคของ ประเทศไทย) • ในการปลูกพืช ผูปลูกควรมีแนวทางในการ วางแผนการปฏิบัติงานอยางไร (แนวตอบ ควรมีการกําหนดชนิดของพืช และแนวทางการใชประโยชน กําหนดพื้นที่ เพาะปลูก การจัดทําตารางการปฏิบัติงาน การเตรียมทุนและแรงงานในการปลูกพืช การเตรียมพันธุพืชและเครื่องมืออุปกรณ ในการปลูกพืช) • หากตองการเพาะปลูกพืช 1 ชนิด ที่บาน นักเรียนควรปฏิบัติอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ควรศึกษาขอมูลเกี่ยวกับ พืชที่ตองการปลูกใหเขาใจอยางละเอียด ถี่ถวน โดยศึกษาขอมูลจากแหลงการเรียนรู ตางๆ อยางหลากหลาย หรือสอบถามจากผูรู เชน เกษตรกรที่ปลูกพืชชนิดนั้นๆ ศึกษา ดูงานจากสถานที่จริงที่เปนแหลงปลูกพืช ชนิดนั้น เมื่อไดขอมูลมาแลวจึงทําการ วางแผนการปลูกพืช โดยกําหนดพื้นที่ปลูก จัดทําตารางการปฏิบัติงาน เตรียมทุนและ แรงงานในการปลูกพืช เตรียมพันธุพืชและ เครื่องมือในการปลูกพืชใหพรอม จากนั้น จึงลงมือปลูกพืชตามขอมูลที่ไดศึกษามา) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T98


ขอสอบเนน การคิด ๓) กำรปลูกพืชในท้องถิ่น ในท้องถิ่นแต่ละแห่งจะมีการปลูกพืชหลากหลายชนิด แตกต่างกันไปตามลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ เช่น ภาคเหนือ ภูมิประเทศส่วนใหญ่ มีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าสะวันนา จึงนิยมปลูกผักและผลไม้ เมืองหนาว เช่น ชา กะหล�่าปลี มะเขือเทศ สตรอว์เบอร์รี ทิวลิป บัวตอง ทองกวาว ตัวอย่าง การปลูกพืชในท้องถิ่น มีดังนี้ กำรเลือกพื้นที่ปลูก ๑. การปลูกคะน้าในครัวเรือน มีหลักการเลือก ดังนี้ • เป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ ร่วนปนทราย หรือ ร่วนซุย • เป็นพื้นที่น�้าท่วมไม่ถึง • เป็นที่ราบ หรือลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อ ความสะดวกในการเตรียมดิน การรดน�้า และป้องกันการพังทลายของดินที่เกิดจาก การกัดเซาะของน�้า • เป็นบริเวณที่อยู่ใกล้แหล่งน�้าเพื่อน�าน�้า มาใช้รดผักได้อย่างเพียงพอตลอดระยะ การปลูก ๒. การปลูกคะน้าในโรงเรียนควรปลูกช่วง ปลายฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว เป็นช่วงที่ผัก เจริญงอกงามดีส่วนการท�าแปลงนั้น นิยม ท�าแปลงแบบมาตรฐาน คือ กว้าง ๑ เมตร ยาว ๔ เมตร ผักคะน้า คะน้าเป็นผักชนิดหนึ่งที่ผู้คนนิยมบริโภคกัน อย่างแพร่หลาย มีราคาไม่แพง ปลูกได้ทุกฤดูกาล ที่นิยมปลูกมี ๒ พันธุ์ คือ คะน้ายอด เป็นพันธุ์ที่ปลูก เพื่อใช้ยอดหรือล�าต้นอ่อนไปปรุงอาหาร ช่วงอายุสั้น เจริญเติบโตเร็ว ล�าต้นมีลักษณะเป็นสีเหลืองอมเขียว และคะน้าใบ ช่วงอายุมากกว่าคะน้ายอด เมื่อเจริญ เติบโตเต็มที่ โคนยอดอวบ ช่อดอกมีสีขาว นิยมน�าไป ปรุงอาหารขณะก�าลังเริ่มเป็นช่อดอกอ่อนๆ เพราะมี รสชาติหวาน กรอบ อร่อย กำรเตรียมดิน ๑. การเตรียมดินเพาะเมล็ด การเพาะเมล็ดท�าได้ ๒ วิธี คือ การเพาะในกระบะและการเพาะในแปลงเพาะ ซึ่งการเพาะเมล็ดต้องท�าล่วงหน้าก่อนถึงก�าหนดปลูก และการท�าแปลงปลูกควรเตรียมดินผึ่งแดดไว้พร้อมกับ การเพาะเมล็ด ซึ่งมีทั้งเตรียมดิน ย่อยดิน และเมื่อเตรียม แปลงปลูกเสร็จก็จะพอดีกับต้นกล้า ซึ่งมีอายุพอที่จะย้าย ปลูกได้ คือ ๑๐-๑๕ วัน วิธีปลูกผักบุ้ง 89 อย่างแพร่หลาย มีราคาไม่แพง ปลูกได้ทุกฤดูกาล ที่นิยมปลูกมี ๒ พันธุ์ คือ คะน้ายอด เป็นพันธุ์ที่ปลูก 1 ปจจัยใดในทองถิ่นที่มีผลตอการเลือกชนิดของพืชมากที่สุด 1. สภาพสังคม 2. สภาพดินและอากาศ 3. แรงงานที่มีในทองถิ่น 4. วิถีชีวิตของคนในทองถิ่น (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะสภาพดินและอากาศใน แตละทองถิ่นจะมีสภาพดินและสภาพอากาศที่แตกตางกันออกไป ซึ่งการปลูกพืชแตละชนิดจะตองเลือกพันธุพืชใหเหมาะสมกับ สภาพดินและสภาพอากาศในทองถิ่นของตน จึงจะทําใหไดผลผลิต ที่ดียิ่งขึ้น) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชนของคะนาใหนักเรียนฟงวา คะนาเปนผัก ที่มีวิตามินหลากหลายชนิด เชน เบตาแคโรทีน ซึ่งชวยลดความเสี่ยงในการเกิด โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลําไส มะเร็งปอด วิตามินซีชวยเสริมสราง เนื้อเยื่อ ทําใหระบบภูมิคุมกันโรคแข็งแรง วิตามินอีชวยชะลอปญหาเกี่ยวกับ ความจําเสื่อม ชะลอการเสื่อมของอายุสมอง นักเรียนควรรู 1 คะนายอด กรมสงเสริมการเกษตรประสบความสําเร็จในการขยายพันธุ คะนายอดดวยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ โดยการนําสวนปลายยอด หรือตาขาง จากตนแมพันธุดีมาเพาะเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห ซึ่งเหมาะสําหรับการสงเสริม ใหปลูกเพื่อผลิตยอดออนสําหรับบริโภค หรือจําหนาย ขั้นสอน ขั้นที่ 2 ทําตามแบบ 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) ศึกษา เรื่อง การปลูกพืชในทองถิ่น : ผักคะนา จาก หนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หรือศึกษา เพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 2. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • ควรเลือกพื้นที่ปลูกผักคะนาอยางไร เพื่อให ไดผักคะนาที่สมบูรณและนารับประทาน (แนวตอบ ปลูกในแปลงปลูก โดยยกรอง มีคูนํ้าลอมรอบ หรือยกรองธรรมดาตาม ความเหมาะสม หากปลูกเพื่อการคาอาจ ปลูกในแปลงนา โดยการไถพรวน โรยเมล็ด เปนแถว ดินที่ใชควรเปนดินรวนปนทราย หรือดินผสมปุยคอกและปุยหมัก) • การเตรียมดินในแปลงเพาะกลา มีวิธีในการ ปฏิบัติอยางไร (แนวตอบ ไถและพรวนดินใหละเอียด ตากดิน ทิ้งไว 5-7 วัน เพื่อฆาเชื้อโรค แลวจึงคลุกเคลา ดินดวยปุยคอก หรือปุยหมักที่สลายตัวดีแลว พรวนยอยดินใหละเอียด โดยเฉพาะผิวหนาดิน เพื่อปองกันไมใหเมล็ดที่มีขนาดเล็กตกในดิน ลึกจนเกินไป) • การเตรียมดินแปลงปลูก มีวิธีในการปฏิบัติ อยางไร (แนวตอบ ยกแปลงสูงประมาณ 30 เซนติเมตร กวาง 1 เมตร ยาวตามความยาวของพื้นที่ จัดระยะปลูก 50 x 50 เซนติเมตร (แถวคู) ขุดหลุมลึก 15-20 เซนติเมตร ใสปุยหมัก รองกนหลุม 200 กรัม ตอหลุม ยายตนกลา ลงไปปลูก รดนํ้าใหชุม) 3. ครูนําเมล็ดพันธุผักคะนา พรอมทั้งอุปกรณ ในการปลูกผักคะนามาใหนักเรียนดู เพื่อทําการ สาธิตวิธีการปลูกผักคะนา นํา สอน สรุป ประเมิน T99


ขอสอบเนนการคิด ๒. การเตรียมดินปลูก มีขั้นตอน ดังนี้ • ตัดต้นไม้ที่กีดขวาง หรือไม่ต้องการออก ดายหญ้า ท�าความสะอาดบริเวณที่จะเพาะปลูก • ใช้เชือกวัดท�าเป็นแปลงตามต้องการ หากท�าเป็น อาชีพอาจใช้รถแทรกเตอร์ไถบุกเบิก ผึ่งแดด ให้แห้งประมาณ ๑ สัปดาห์ ย่อยดินให้ละเอียด ก่อนจัดรูปแบบเป็นแปลงตามต้องการ • ขุดย่อยดิน แล้วยกขอบแปลงให้สูงจากทางเดิน ประมาณ ๑๐ ซม. และเก็บเศษไม้ เศษหญ้าออก • น�าปุ๋ยคอกใส่ลงไปในแปลงปลูก ตารางเมตรละ ๑-๒ ปี๊บ ผสมดินกับปุ๋ยคอกให้เข้ากัน เกลี่ยหน้า ดินให้เรียบ ย่อยดินให้ละเอียดพร้อมที่จะลงมือ ปลูกได้ วิธีกำรปลูก ๑. การหว่านเมล็ดลงไปในแปลงปลูก ซึ่งเป็นวิธีที่ ง่ายและสะดวก การปลูกโดยวิธีนี้จะได้ต้นอ่อนไป บริโภค ซึ่งใช้ระยะเวลาน้อยกว่าวิธีการปลูกแบบ ย้ายต้นกล้าไปไว้ในแปลง ๒. การย้ายต้นกล้าที่เพาะไว้ไปปลูกในแปลง จะท�าให้ ได้ต้นคะน้าที่สมบูรณ์ ดูแลรักษาง่าย การย้าย ควรท�าในช่วงบ่ายถึงเย็น ควรบังแดดให้ในช่วง ๒-๓ วันแรก เมื่อปลูกแล้วต้องรดน�้าทันที แต่ไม่ควร รดน�้าจนโชก กำรดูแลรักษำแปลงปลูก ๑. รดน�้าในตอนเช้าและตอนเย็นให้ชุ่มทุกวันจนกว่า จะตัดช่อดอก หรือยอดไปบริโภค ๒. หมั่นก�าจัดวัชพืชและพรวนดิน รวมถึงศัตรูพืช เช่น เพลี้ย หนอน เพื่อไม่ให้เข้ามาท�าลายผัก ๓. ใส่ปุ๋ยคอกเมื่อคะน้ามีอายุ ๑๐-๑๕ วัน นับจาก วันปลูก และใส่ปุ๋ยครั้งที่ ๒ เมื่อคะน้ามีอายุ ๓-๔ สัปดาห์ นับจากวันปลูก ๔. ใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ หรือปุ๋ยเคมี เพื่อเร่งการเจริญ เติบโต ส่วนใหญ่นิยมใช้ปุ๋ยยูเรีย กำรเก็บเกี่ยว ๑. ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว สามารถท�าได้ ๓ ระยะ ดังนี้ • เก็บเกี่ยวขณะที่ต้นคะน้าก�าลังเป็นต้นอ่อน บริโภค ได้ทั้งต้นและใบ อายุการเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันเพาะ เมล็ดประมาณ ๒๕-๓๐ วัน • เก็บเกี่ยวขณะที่ต้นคะน้าก�าลังเจริญเติบโต คือ ขณะที่คะน้าก�าลังเป็นยอดอวบ อายุนับจากวัน ปลูกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ ๓๐-๔๐ วัน • เก็บเกี่ยวขณะที่คะน้าก�าลังออกช่อดอก ซึ่ง จะตัดช่อดอกไปประกอบอาหาร อายุนับจาก วันปลูกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ ๔๐ วันขึ้นไป ๒. วิธีการเก็บเกี่ยว ควรปฏิบัติ ดังนี้ • ตัดยอดคะน้าด้วยมีด หรือกรรไกร แล้วน�าไป ประกอบอาหาร จะได้คะน้าที่สด มีรสชาติหวาน • ควรตัดคะน้าในตอนเย็นแล้วน�าไปจ�าหน่ายใน ตอนเช้า ไม่ควรตัดไปแช่น�้าก่อนจ�าหน่าย ทางที่ดีควรพรมน�้าแล้วเก็บไว้ ในที่เย็น • หลังจากตัดยอดคะน้าออกไปแล้ว ควรรดน�้า พรวนดินต้นตอที่เหลืออยู่ในแปลง เพื่อจะได้ แตกยอดใหม่ออกมาให้เก็บเกี่ยว • ในการเก็บต้นอ่อนให้ถอนมาทั้งต้น โดยเลือก จากแปลงเพาะที่มีต้นอ่อนหนาแน่นเกินไป เพื่อให้เหลือต้นที่แข็งแรงไว้ปลูกต่อไป หรืออาจ ถอนเป็นแปลง ๆ ก็ได้เช่นกัน 90 การกําจัดศัตรูพืชโดยไมใชสารเคมี มีแนวทางในการปฏิบัติอยางไร (แนวตอบ การกําจัดศัตรูพืชโดยไมใชสารเคมี มีแนวทางใน การปฏิบัติหลายวิธี เชน การควบคุมดวยชีววิธี คือ การใชเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อไวรัสนิวเคลียร และไสเดือนฝอย การควบคุมโดยใช สมุนไพร เชน สะเดา โลติ๊น ขมิ้นชัน และการควบคุมดวยวิธีกล เชน การใชตาขายไนลอนสีขาว หรือสีฟาคลุมแปลงผัก การใชกาว ดักจับแมลงที่มีการเคลื่อนไหวเร็ว การใชวิธีทางฟสิกส คือ การใช แสง เสียง อุณหภูมิในการลอไลฆาทําลายศัตรูพืช) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคที่พบในการปลูกคะนาใหนักเรียนฟงวา โรคที่พบ ในการปลูกคะนามีอยูดวยกันหลายโรค เชน • โรคเนาคอดิน เกิดจากเชื้อรา ปองกันโดยไมหวานเมล็ดจนแนน ไมควร ปลอยใหมีนํ้าขังในแปลงขณะเปนตนกลา หรือยกแปลงสูง เพื่อใหระบายนํ้า ไดเร็ว ใชยาปองกันกําจัดเชื้อราละลายนํ้าในอัตราความเขมขนนอยๆ รดลงไปบนผิวดินใหทั่ว 1-2 ครั้ง • โรครานํ้าคาง ปองกันโดยฉีดพนดวยยาปองกันกําจัดเชื้อรา หรือยาชนิดอื่นๆ ที่มีสารทองแดงเปนองคประกอบ แตไมควรใชในระยะที่ยังเปนตนกลา เพราะจะเปนพิษตอตนกลา • โรคแผลวงกลมสีนํ้าตาลไหม เกิดจากเชื้อรา ปองกันโดยฉีดพนยาปองกัน กําจัดเชื้อราอยางสมํ่าเสมอ ชวยปองกันกําจัดเชื้อราชนิดนี้และชนิด อื่นๆ ได ขั้นสอน ขั้นที่ 2 ทําตามแบบ 4. ครูสาธิตการปลูกผักคะนาใหนักเรียนดูเปน ตัวอยาง พรอมทั้งอธิบายประกอบทีละขั้นตอน อยางชาๆ เพื่อใหนักเรียนไดสังเกตและติดตาม แตละขั้นตอนไดทัน 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมปลูกผักคะนา หาก นักเรียนเกิดขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน หรือ ตองการความชวยเหลือใหสอบถามครู โดย ครูจะคอยสังเกตการปฏิบัติงานของนักเรียน อยางใกลชิดและคอยใหความชวยเหลือ และ เนนยํ้าใหตระหนักถึงความปลอดภัยในขณะ ปฏิบัติงานรวมดวย 6. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวิธีการปลูกผักคะนา โดยครูเปนผูตรวจสอบความถูกตอง และอธิบาย เพิ่มเติมในสวนที่ยังขาดตกบกพรองจากการ ปฏิบัติงาน ขั้นที่ 3 ทําเองโดยไมมีแบบ 7. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันปลูกผัก หรือพืช ในทองถิ่นตามความสนใจ 1 ชนิด หากนักเรียน เกิดขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน หรือตองการ ความชวยเหลือใหสอบถามครู โดยครูจะคอย สังเกตการปฏิบัติงานของนักเรียนอยางใกลชิด และคอยใหความชวยเหลือ และเนนยํ้าให ตระหนักถึงความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงาน รวมดวย 8. ครูถามนักเรียนวา • เมื่อคะนาเจริญเติบโตสมบูรณดีแลว นักเรียน จะมีแนวทางในการเก็บเกี่ยวผักคะนาอยางไร (แนวตอบ เก็บในชวงเชา โดยใชมีดขนาด เล็กๆ ตัด และนําไปเก็บไวในที่รม อากาศ ถายเทไดสะดวก ภาชนะที่ใชมีความสะอาด ปราศจากเชื้อโรคเจือปน) นํา สอน สรุป ประเมิน T100


ขอสอบเนน การคิด เตรียมดินเพาะให้มีส่วน ผสมของทรายและขุย มะพร้าวในอัตราส่วน ๑ : ๑ โรยเมล็ดที่เพาะเป็นแถว เมื่อต้นกล้าอายุ ๕-๗ วัน ย้ายปลูกลง ในกระถาง หรือย้ายปลูกใส่ลงถุงด�าที่มี ดินผสม ให้ปุ๋ยสูตรเสมอ ๑๕-๑๕-๑๕ หรือ ๑๖-๑๖-๑๖ ในอัตรา ๑ กรัม ต่อน�้า ๑ ลิตร รดน�้าต้นกล้า ๒-๓ วัน ต่อครั้ง เมื่อต้นกล้าอายุ ๒๕-๓๐ วัน ย้ายไปปลูกในกระถาง หรือ ในแปลงตามความต้องการ ต่อไป ๑.๓ การขยายพัันธุ์์�พัืช โดยทั่วไปที่นิยมน�าไปใช้กัน ได้แก่ การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด การขยายพันธุ์ โดยใช้ส่วนต่าง ๆ ของพืช และการขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ซึ่งมีรายละเอียดและวิธีการ ดังนี้ ๑) การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด เป็นการขยายพันธุ์ที่เป็นผลจากการผสมเกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย ส่วนที่ได้จากการผสมพันธุ์ คือ เมล็ด ลักษณะของลูก หรือเมล็ดที่เกิดขึ้นจาก การผสมนี้อาจเหมือนหรือไม่เหมือนต้นพันธุ์พ่อต้นพันธุ์แม่ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับละอองเกสรตัวผู้ และชนิดของไข่เกสรตัวเมีย ประโยชน์ของการขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ท�าให้ได้พันธุ์พืชเร็ว ปริมาณมาก ขยายพันธุ์ได้ ง่ายและสะดวกกว่าวิธีอื่น ๆ ตลอดจนผสมพันธุ์ และปรับปรุงพันธุ์จนเกิดพันธุ์ใหม่ที่ดีกว่าเดิม ท�าให้ได้ต้นกล้าที่แข็งแรงส�าหรับน�าไปปลูกใน แปลง หรือในภาชนะ รวมถึงท�าให้เกิดต้นตอ ส�าหรับเตรียมไว้ขยายพันธุ์ โดยการติดตา ต่อกิ่ง เสียบกิ่ง ทาบกิ่ง ฯลฯ พันธุ์  ไม้ที่นิยมขยายพันธุ์ • ไม้ดอก ที่นิยมเพาะเมล็ด เช่น บานไม่รู้โรย ดาวเรือง ดาวกระจาย บานชื่น แพงพวย • ไม้ประดับ ที่นิยมเพาะด้วยเมล็ด เช่น ไทร ชาฮกเกี้ยน ปาล์ม หมาก มะขาม มะขามเทศ • พืชผักสวนครัว ที่นิยมเพาะด้วยเมล็ด เช่น ผักบุ้ง คะน้า กะหล�่าปลี ผักกาด พืชตระกูลแตง พืชเหล่านี้ก่อนปลูกจะต้องเพาะเมล็ด เพื่อให้ เกิดเป็นต้นกล้า เมื่อเจริญเติบโตดีแล้วจึงน�า ต้นกล้าไปปลูกในภาชนะ หรือกระถาง และ ในแปลงปลูกต่อไป ขั้นตอนการขยายพันธ์ุด้วยเมล็ด งานเกษตร 91 ชาฮกเกี้ยน ปาล์ม หมาก มะขาม มะขามเทศ 1 “การทําใหพืชออกรากโดยไมใชเมล็ด” จากขอความนี้มีความ สัมพันธกับขอใด 1. การกลายพันธุ 2. การขยายพันธุพืช 3. ความสมดุลทางชีวภาพ 4. ความหลากหลายทางชีวภาพ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการขยายพันธุพืช เปนการ ทําใหพืชออกรากโดยไมใชเมล็ด ซึ่งเปนหลักการของการขยาย พันธุพืชโดยใชสวนตางๆ ของพืช หรือใชวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ สามารถทําไดหลายวิธี เชน การปกชํา การตอนกิ่ง การติดตา การเสียบยอด วิธีการเหลานี้จะทําใหพืชมีรากงอกออกมาใหมและ แตกยอดเจริญเปนพืชตนใหมได) เกร็ดแนะครู ครูควรนําตัวอยางตนกลาที่ขยายพันธุดวยเมล็ดมาใหนักเรียนดู เพื่อใช ประกอบการอธิบายถึงวิธีการเพาะเมล็ด สาธิตวิธีการเพาะเมล็ด รวมถึงแนะนํา เทคนิคตางๆ ที่เกี่ยวของกับการเพาะเมล็ด เชน ตองคัดเลือกเมล็ดพันธุที่ดี งอกไดงาย สามารถจัดการกับสภาพแวดลอมไดดี เชน ความชื้น อุณหภูมิ ภาชนะ และวัสดุในการเพาะเมล็ด แนะนําเทคนิคในการเพาะเมล็ดในภาชนะ การเพาะเมล็ด ในแปลงปลูก เพื่อใหนักเรียนสามารถนําไปปฏิบัติไดจริงในชีวิตประจําวัน นักเรียนควรรู 1 ชาฮกเกี้ยน จัดเปนไมพุมขนาดเล็กที่มีแหลงกําเนิดจากประเทศจีน นิยม นํามาดัด หรือตกแตงเปนรูปทรงตางๆ หรือปลูกเปนทางยาวขนานไปกับรั้วกําแพง ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ฝกใหเกิดความชํานาญ 9. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การขยายพันธุพืช จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หรือ ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 10. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ ขยายพันธุพืช จาก PowerPoint ม.5 หนวย การเรียนรูที่ 5 11. ครูถามนักเรียนวา • การขยายพันธุพืชดวยเมล็ดมีขอดีอยางไร (แนวตอบ การขยายพันธุพืชดวยเมล็ด เปน วิธีที่สามารถปฏิบัติไดงาย ไดพืชใหมเปน จํานวนมาก ทําใหไดตนกลาที่สมบูรณ ได ตนตอที่แข็งแรงในการขยายพันธุครั้งตอไป) • เมล็ดพันธุที่ดี ควรมีลักษณะอยางไร (แนวตอบ เมล็ดพันธุที่ดีเปนเมล็ดพันธุที่มี คุณภาพ มีลักษณะตรงตามสายพันธุ เมื่อ ปลูกแลวไมกลายพันธุ ไมมีเมล็ดแตกราว หรือหักปน มีการงอกที่ดี ไมมีเชื้อรา หรือ ลักษณะของโรคพืชติดมา หรือมีสิ่งปนเปอน ปรากฏใหเห็น) 12. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การคัดเลือกเมล็ดพันธุ เพื่อนํามาใชในการปลูก ควรมีการทดสอบ คุณภาพของเมล็ดพันธุกอนวาเปนเมล็ดพันธุดี หรือเปนเมล็ดพันธุเสีย โดยมีวิธีการปฏิบัติ คือ ใหแชเมล็ดพันธุลงในนํ้า โดยนํานํ้าสะอาดเทใส ในถัง แลวสุมหยิบเมล็ดพันธุจากภาชนะบรรจุ ใสลงไปในถังนํ้า ทิ้งไวสักครู จากนั้นสังเกตที่ เมล็ดพันธุ หากเมล็ดพันธุเสียจะลอยนํ้าขึ้นมา สวนเมล็ดพันธุดีจะจมนํ้า หากมีเมล็ดพันธุ ลอยนํ้าอยูเปนจํานวนมาก แสดงวามีเมล็ดพันธุ เสียมาก จึงไมควรซื้อมาปลูก เพราะเมล็ดพันธุ จะไมงอกเปนตนกลา” นํา สอน สรุป ประเมิน T101


๒) กำรขยำยพันธุ์โดยใช้ส่วนต่ำง ๆ ของพืช ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างการขยายพันธุ์ โดยใช้ส่วนต่าง ๆ ของพืชให้ศึกษา ดังนี้ การน�าส่วนต่างๆ ของพืช เช่น กิ่ง ล�าต้น ราก ใบ มาตัดและปักช�าลงในวัสดุเพาะช�า เพื่อให้เกิดราก หรือแตกยอดกลายเป็นพืช ต้นใหม่ วิธีนี้จะท�าให้ชิ้นส่วนของพืชที่อยู่ในวัสดุ เพาะช�าสร้างรากพร้อมกับพัฒนาแตกส่วนยอด หรือต้นอ่อนขึ้นมา เมื่อทั้ง ๒ ส่วนแข็งแรง จึงย้ายต้นพืชใหม่ไปปลูกต่อ ในกรณีชิ้นส่วน ของพืชไม่ออกราก หรือออกรากช้า จะต้องใช้ ฮอร์ โมนเร่งการออกรากให้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งพืชที่ นิยมน�ามาตัดช�า เช่น โกสน เล็บมือนาง โมก เทียนทอง ชบา มะลิ ลั่นทม ประโยชน์ของกำรตัดช�ำ ๑. เป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่ง่าย และไม่ยุ่งยากซับซ้อน ๒. ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย และให้ผลในระยะเวลาอันสั้น ๓. พืชต้นใหม่มีลักษณะเหมือนต้นแม่พันธุ์ทุกประการ ขั้นตอนกำรปฏิบัติ ๑. ควรพิจารณาลักษณะของเนื้อไม้ หากเป็นต้นที่มี ล�าต้นสีเขียวจัดว่าเป็นกิ่งอ่อน ตัดกิ่งยาวประมาณ ๓-๖ นิ้ว โดยตัดใต้ข้อ ให้ตัดเฉียงประมาณ ๔๕ องศา เพื่อเพิ่มพื้นที่การแตกรากให้มากขึ้น ๒. ควรตัดให้มีใบติดอยู่ หากใบมากให้ปลิดออกเหลือ ใบที่ปลายยอด ๓-๔ ใบ ลิดใบล่างออกให้หมด เพื่อ ลดการคายน�้า ๓. หากเป็นไม้เนื้อแข็งตัดให้มีความยาวประมาณ ๖-๘ นิ้ว กดเป็นรอยแผลตรงๆ ยาวประมาณ ๒ ซม. ๓-๔ รอยเพื่อเพิ่มพื้นที่การแตกราก หรือจุ่มฮอร์โมนเร่งราก และริดใบออกให้หมด ๔. ปักช�าลงในวัสดุประเภทขี้เถ้า แกลบ หลังจากปักช�า เสร็จให้รดน�้าตามทันที อาจใช้สารป้องกันเชื้อรา รดในขั้นตอนนี้ก็ได้ ๕. หากปักช�าพร้อมกันมากๆ ควรคุมกระบะเพาะช�า ด้วยพลาสติก เพื่อเก็บรักษาความชื้น และหากปักช�า ไม่มาก อาจใช้ถุงพลาสติก หรือขวดพลาสติก ครอบได้ ๖. หากปักช�าในกระบะ หรือภาชนะที่เคลื่อนย้าย ได้ง่าย ควรน�าไปวางบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึง เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต การตัดช�า โดยใช้กิ่ง หรือล�าต้น 92 กิจกรรม ทาทาย สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือและอุปกรณการเกษตร ไดที่ http://agric-tool.blogspot.com/2011/02/blog-post.html ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอดี ขอเสีย และ ผลขางเคียงจากการขยายพันธุพืชโดยวิธีการตัดชํา เขียนสรุป ในรูปแบบแผนผังความคิด (Mind Mapping) ตกแตงใหสวยงาม สงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม ครูใหนักเรียนเลือกพันธุพืชที่สามารถขยายพันธุไดดวยวิธีการ ตอนกิ่งตามความสนใจคนละ 1 ชนิด จากนั้นฝกปฏิบัติการตอนกิ่ง และนําผลงานที่เสร็จเรียบรอยแลวออกมานําเสนอใหเพื่อนชม หนาชั้นเรียน พรอมทั้งอธิบายขั้นตอนการตอนกิ่งที่ถูกตองประกอบ เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบาย แนะนํา และสาธิตวิธีการใชเครื่องมือและอุปกรณการเกษตร ที่นํามาใชในการตัดชํา หลักความปลอดภัยในการใชเครื่องมือ และการดูแลรักษา เครื่องมือและอุปกรณการเกษตรใหนักเรียนฟง เชน การตัดชํา อุปกรณที่จําเปน ตองใช คือ กรรไกรตัดกิ่ง ซึ่งเปนอุปกรณที่ใชสําหรับตัดแตงกิ่งไมที่มีขนาดเล็ก หลังจากใชงานเสร็จควรเช็ดทําความสะอาด ทานํ้ามันเพื่อปองกันสนิม และ หยอดนํ้ามันบริเวณสปริงขากรรไกร เก็บเขาที่ใหเรียบรอย และเก็บใหพนมือเด็ก ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ฝกใหเกิดความชํานาญ 13. ครูเปดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการขยายพันธุพืช ดวยวิธีการตางๆ ใหนักเรียนดู จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • การตัดชําเปนวิธีการขยายพันธุพืชใน รูปแบบใด (แนวตอบ เปนการขยายพันธุพืช โดยนํา สวนตางๆ ของพืชมาตัดและปกชําลงใน วัสดุเพาะชํา เพื่อใหไดพืชตนใหมที่มีลักษณะ เหมือนตนแมทุกประการ) • พืชที่นิยมนํามาขยายพันธุพืชดวยวิธีการ ตัดชําสวนใหญจะเปนพืชประเภทใด (แนวตอบ สวนใหญจะเปนไมดอก ไมประดับ เชน ชบา เข็ม มะลิ นอกจากนี้ ยังใช ขยายพันธุไมผลที่ออกรากงาย เชน องุน สาเก มะนาว สมบางชนิด) 14. ครูนําตนไม พรอมทั้งอุปกรณในการตัดชํา มาใหนักเรียนดู เพื่อทําการสาธิตวิธีการ ขยายพันธุพืชดวยวิธีการตัดชํา 15. ครูสาธิตวิธีการตัดชําใหนักเรียนดูเปนตัวอยาง พรอมทั้งอธิบายประกอบทีละขั้นตอนอยาง ชาๆ เพื่อใหนักเรียนไดสังเกตและติดตาม แตละขั้นตอนไดทัน 16. ครูใหนักเรียนฝกการตัดชํา หากนักเรียนเกิด ขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน หรือตองการความ ชวยเหลือใหสอบถามครู โดยครูจะคอยสังเกต การปฏิบัติงานของนักเรียนอยางใกลชิดและ คอยใหความชวยเหลือ และเนนยํ้าใหตระหนัก ถึงความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงานรวมดวย 17. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวิธีการขยายพันธุพืช ดวยวิธีการตัดชํา โดยครูเปนผูตรวจสอบ ความถูกตอง และอธิบายเพิ่มเติมในสวนที่ยัง ขาดตกบกพรองจากการปฏิบัติงาน นํา สอน สรุป ประเมิน T102


ขอสอบเนน การคิด ขั้นตอนกำรปฏิบัติ ๑. เลือกกิ่งที่ไม่อ่อน หรือแก่จนเกินไป ไม่มีโรค ไม่มีแมลง มาท�าลาย ๒. ท�าแผลบนกิ่ง โดยควั่นแผลห่างกันประมาณ ๒-๓ ซม. แล้วลอกเปลือกระหว่างรอยควั่นออก ๓. ใช้มีดตอนกิ่งขูดรอยควั่นออก เพื่อท�าลายเยื่อเจริญ ๔. หุ้มรอยควั่นด้วยวัสดุอมความชื้นที่สะอาด เช่น ขุย มะพร้าว รากผักตบชวา กาบมะพร้าว ๕. ใช้พลาสติก หุ้มทับวัสดุหุ้มกิ่งตอน เพื่อรักษาความชื้นไว้ ได้นาน ๆ ๖. ให้น�้ากิ่งตอน เมื่อเห็นว่ามีรากออกมาให้เห็นเป็น สีน�้าตาล จึงตัดไปช�าลงถุง หรือกระถาง ทิ้งไว้ ในที่ร่ม มีแดดร�าไรก่อนประมาณ ๑๕-๓๐ วัน เมื่อรากแข็งแรง ดีแล้วจึงน�าไปปลูกได้ การท�าให้กิ่งของพืชออกรากขึ้นในขณะที่ยัง ติดกับต้นแม่พันธุ์ เมื่อกิ่งตอนออกรากและแข็งแรง ดีแล้วจึงตัดไปปลูก หรือน�าไปช�าไว้ก่อน เพื่อให้ ต้นพืชแข็งแรง เมื่อต้นเจริญเติบโตดีจึงย้ายไป ปลูกในภาชนะในแปลง หรือในหลุมปลูกต่อไป ดังนั้น โอกาสที่พืชจะรอดจึงดีกว่าการขยายพันธุ์ โดยวิธีการตัดช�า แต่มีข้อเสีย คือ ใช้เวลามาก จึงท�าได้ช้ากว่าการตัดช�า ซึ่งพืชที่นิยมน�ามาตอนกิ่ง เช่น กุหลาบ มะลิ เข็ม ชบา โกสน เทียนทอง ยี่โถ เล็บครุฑ การตอนกิ่ง ประโยชน์ของกำรตอนกิ่ง ๑. ช่วยให้ ได้ต้นพืชที่มีขนาดใหญ่กว่า การขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตัดช�า ๒. ได้ต้นพืชที่ไม่กลายพันธุ์ ๓. กิ่งตอนที่ตัดออกมาจากต้นแม่พันธ์ุสามารถ เก็บไว้ได้นานหลายวันและสะดวกในการขนส่ง 93 การขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ได้ต้นพืชที่ไม่กลายพันธุ์ กิ่งตอนที่ตัดออกมาจากต้นแม่พันธ์ุสามารถ 1 2 “ตรงตามพันธุและสามารถเพิ่มจํานวนตนพืชที่ตองการนําไปปลูก ไดจํานวนมากในเวลาอันสั้น” จากขอความนี้มีความสัมพันธกับ ขอใด 1. การติดตา 2. การตอนกิ่ง 3. การเสียบยอด 4. การปลูกดวยเมล็ด (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเปนวิธีการขยายพันธุพืช ที่ทําใหไดตนพืชตรงตามพันธุและสามารถเพิ่มจํานวนตนพืช ที่ตองการนําไปปลูกไดจํานวนมากในเวลาไมนาน สวนการปลูก ดวยเมล็ดอาจมีการกลายพันธุได การติดตาและการเสียบยอด จะใชเวลานาน) นักเรียนควรรู 1 การขยายพันธุ การขยายพันธุพืชใหประสบผลสําเร็จ จะตองศึกษาเพื่อ ใหเกิดความเขาใจอยางถูกตองและตองรูจักโครงสรางภายในของตนพืช การเจริญเติบโตของพืช และควรมีความรูพื้นฐานทางดานพฤกษศาสตรพืชสวน พันธุศาสตร และสรีรวิทยาของพืช ซึ่งพืชแตละชนิดจะมีความยากงายในการ ขยายพันธุที่แตกตางกันออกไป 2 กิ่งตอน การดูแลรักษากิ่งตอนจะตองหมั่นดูแลตุมตอนใหมีความชื้น อยูเสมอ โดยสังเกตจากความชื้นของตุมตอน หากยังมีฝาไอนํ้าจับอยูที่ผิวของ พลาสติกภายในตุมตอนแสดงวายังมีความชื้นอยู หากไมมีฝาไอนํ้าจะตองให นํ้าเพิ่มจนกวากิ่งตอนจะออกราก เมื่อกิ่งตอนมีอายุประมาณ 30-45 วัน รากจะ งอกแทงผานวัสดุหุม เมื่อจํานวนรากมีมากพอและปลายรากมีสีขาว จึงจะ สามารถตัดกิ่งไปชําได ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ฝกใหเกิดความชํานาญ 18. ครูถามนักเรียนวา • การตอนกิ่งเปนวิธีการขยายพันธุในรูปแบบใด (แนวตอบ นิยมนํามาใชในการแกปญหากับ พืชบางชนิดที่ไมสามารถออกรากไดดวย วิธีการตัดชํา แตออกรากไดโดยการตอนกิ่ง สามารถทําไดงายทั้งกลางแจงและในเรือน เพาะชํา นอกจากนี้ กิ่งที่ตอนยังมีรากมากกวา กิ่งตัดชํา เมื่อนําไปปลูกจึงมีโอกาสตั้งตัว ไดเร็วกวา พืชตนใหมที่ไดจากการตอนกิ่ง จะมีลักษณะเปนพุมเตี้ย จึงสะดวกตอการ ดูแลรักษาและการเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะ ไมประดับจะไดทรงพุมที่สวยงาม ซึ่งพืช ที่นิยมนํามาขยายพันธุดวยวิธีการตอนกิ่ง เชน มะนาว สมโอ) 19. ครูนําตนไม พรอมทั้งอุปกรณในการตอนกิ่ง มาใหนักเรียนดู เพื่อทําการสาธิตวิธีการขยาย พันธุพืชดวยวิธีการตอนกิ่ง 20. ครูสาธิตวิธีการตอนกิ่งใหนักเรียนดูเปน ตัวอยาง พรอมทั้งอธิบายประกอบทีละขั้นตอน อยางชาๆ เพื่อใหนักเรียนไดสังเกตและติดตาม แตละขั้นตอนไดทัน 21. ครูใหนักเรียนฝกการตอนกิ่ง หากนักเรียนเกิด ขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน หรือตองการความ ชวยเหลือใหสอบถามครู โดยครูจะคอยสังเกต การปฏิบัติงานของนักเรียนอยางใกลชิดและ คอยใหความชวยเหลือ และเนนยํ้าใหตระหนัก ถึงความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงานรวมดวย 22. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวิธีการขยายพันธุพืช ดวยวิธีการตอนกิ่ง โดยครูเปนผูตรวจสอบความ ถูกตอง และอธิบายเพิ่มเติมในสวนที่ยังขาดตก บกพรองจากการปฏิบัติงาน นํา สอน สรุป ประเมิน T103


แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความ คิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมี น้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ขอสอบเนนการคิด ขั้นตอนกำรปฏิบัติ ๑. เตรียมอาหารส�าหรับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ซึ่งประกอบด้วยสารกลุ่มอนินทรีย์และสารกลุ่มอินทรีย์ ๒. เตรียมคัดเลือกเนื้อเยื่อพืช โดยเลือกเนื้อเยื่อที่ดีได้ส่วนที่ถูกต้อง ก่อนท�าการฟอกฆ่าเชื้อ ๓. ท�าการฟอกฆ่าเชื้อ เพื่อให้ชิ้นส่วนเนื้อเยื่อของพืชปลอดเชื้อ โดยการใช้สารเคมี ได้แก่ สารเคมีที่มีคุณสมบัติ ระงับเชื้อและท�าลายเชื้อโรค ซึ่งจะท�าให้ส่วนประกอบที่ส�าคัญของจุลินทรีย์เสียไปก่อนที่จะน�ามาเพาะเลี้ยง ในอาหาร ๔. ขยายพันธุ์เพิ่มจ�านวนต้นพืช โดยท�าการเพาะเลี้ยงในอาหารที่มีสารควบคุมการเจริญเติบโตกลุ่มไซโตไคนิน ๕. ต้นพืชที่ได้จากการเพิ่มจ�านวนต้น สามารถชักน�าให้เกิดรากในอาหารที่มีสารควบคุมการเจริญเติบโตกลุ่ม ออกซิน ซึ่งจะส่งเสริมการเกิดรากและยับยั้งการเกิดยอด ๖. การย้ายออกปลูก เพื่อปรับสภาพของต้นพืชให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายนอกก่อนประมาณ ๒-๔ สัปดาห์ จะท�าให้อัตราการตายของต้นพืชเนื่องจากการย้ายปลูกลดลง การ เพาะเลี้ยง เนื้อเยื่อพืช ประโยชน์ของกำรเพำะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ๑. ขยายพันธุ์พืชได้ปริมาณมาก ในระยะเวลาอันสั้น ๒. ผลิตพันธุ์พืชที่ปลอดโรคได้ ๓. ใช้ปรับปรุงพันธุ์พืชใหม่ ๔. ผลิตยาและสกัดสารเคมีจากพืชได้ ๕. เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาทางด้านชีวเคมี สรีรวิทยา และพันธุศาสตร์ ๖. ช่วยอนุรักษ์พันธุ์พืช การชักน�าเซลล์ หรือชิ้นส่วนพืชให้เกิด การเจริญเติบโต หรือเกิดการเปลี่ยนแปลง ตามความต้องการบนอาหารสังเคราะห์ ภายใต้ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น แสงสว่างที่สามารถควบคุมได้ใน สภาพที่ปลอดเชื้อ โดยใช้สมดุลของสาร ควบคุมการเจริญเติบโต พืชเป็นตัวกระตุ้นให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของเนื้อเยื่อ ที่น�ามาเพาะเลี้ยง 94 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 ขอใดไมไดใชเทคโนโลยีในการปลูกพืช 1. การดัดแปลงพันธุกรรม 2. การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ 3. การใชฮอรโมน 4. การใชรังสี (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะฮอรโมน คือ สารควบคุม การเจริญเติบโตของพืช ไมไดใชเทคโนโลยีในการปลูกพืช สวน คําตอบในขอ 1. เปนกระบวนการทางพันธุวิศวกรรม เพื่อใหพืช มีลักษณะตามความตองการ และขอ 2. เปนการเลี้ยงพืชดวยอาหาร วิทยาศาสตร ทําใหพืชพันธุใหมขึ้นมาทดแทน) ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ฝกใหเกิดความชํานาญ 23. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เปนการขยายพันธุพืช เก็บรักษา และอนุรักษ เชื้อพันธุพืชตางๆ โดยอาศัยการเก็บกลุมเซลล ที่เรียกวา “แคลลัส” ของพืชไวที่อุณหภูมิเย็นจัด ถึง -196 องศาเซลเซียส ภายใตไนโตรเจนเหลว วิธีนี้จะทําใหเก็บพืชไดนานขึ้น โดยไมมีการ กลายพันธุ” 24. ครูใหนักเรียนฝกขยายพันธุพืชดวยวิธีการ ตัดชํา หรือตอนกิ่งตามความสนใจ 1 ประเภท หากนักเรียนเกิดขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน หรือตองการความชวยเหลือใหสอบถามครู โดยครูจะคอยสังเกตการปฏิบัติงานของนักเรียน อยางใกลชิดและคอยใหความชวยเหลือ และ เนนยํ้าใหตระหนักถึงความปลอดภัยในขณะ ปฏิบัติงานรวมดวย ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การปลูกพืช 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําใบงานที่ 5.1.1 เรื่อง การปลูกพืช ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบกอนเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจกอนเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 5.1.1 เรื่อง การปลูกพืช 3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการ เรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค นํา สอน สรุป ประเมิน T104


ขอสอบเนน การคิด กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านชนิดหนึ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ นิยมเลี้ยง เพื่อความเพลิดเพลินใจ ๒ การเลี้ยงสัตว์ การด�ารงชีวิตของมนุษย์จ�าเป็นต้องกินอาหารจากพืชและสัตว์บางชนิด เชื่อกันว่ามนุษย์ ในสมัยโบราณเริ่มรู้จักเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะโค กระบือ ให้เชื่อง เพื่อใช้เป็นแรงงาน เป็นอาหาร และ เป็นเครื่องชี้วัดฐานความร�่ารวยของมนุษย์ในยุคนั้น นอกจากนี้ การเลี้ยงสัตว์ปีก เช่น ไก่ เป็ด ห่าน นก สัตว์เล็ก ยังมีการเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่น ๆ เช่น แพะ แกะ กวาง สุกร อีกด้วย ๒.๑ ประโยชน์ของการเลี้ยงสัตว์ การเลี้ยงสัตว์มีประโยชน์มากมาย ดังนี้ 1. ใช้เป็นอาหาร เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จาก สัตว์ให้สารอาหารที่ส�าคัญต่อร่างกายโดยเฉพาะ โปรตีน สร้างการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วน ที่สึกหรอให้กับร่างกาย 2. รักษาและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ แก่ดิน โดยเฉพาะมูลสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่เรียกว่า “ปุ๋ยคอก” “ปุ๋ยอินทรีย์ หรือ ปุ๋ยธรรมชาติ” ซึ่งมีอัตราการสลายตัวช้า ท�าให้ โครงสร้างของ ดินโปร่ง ระบายน�้าและอากาศได้ดี นอกจากนี้ ยังมีธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักที่จ�าเป็นต่อการเจริญ เติบโตของพืช 3. ใช้ประโยชน์ทางด้านแรงงาน ปัจจุบัน ก�าลังประสบปัญหาด้านพลังงานที่ใช้น�้ามัน เป็นเชื้อเพลิงส�าหรับใช้กับเครื่องยนต์ทุ่นแรง มีราคาสูงขึ้น ท�าให้ต้นทุนการผลิตสูงตาม เกษตรกรบางส่วนจึงน�าแรงงานสัตว์โดยเฉพาะ โค กระบือ กลับมาใช้ท�านา ท�าไร่ แรงงานที่ใช้ ในเกษตรกรรมในชนบทส่วนใหญ่จึงมาจากการ เลี้ยงโคและกระบือไปด้วย 4. รักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ สวยงาม เช่น เลี้ยงปลาสวยงาม สีสันของปลาและ พรรณไม้น�้าที่เลี้ยงตามสถานที่ต่างๆ จะช่วย ท�าให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายความเครียดได้ 5. ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า น�าสิ่งเหลือใช้ จากสัตว์ เช่น หนัง ขนสัตว์ กระดูก มาผลิตเป็น ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น หนังสัตว์น�าไป ท�ากระเป๋า รองเท้า เข็มขัด กระดูกสัตว์น�าไปท�า กาว วัสดุฟอกน�้าตาลให้มีความบริสุทธิ์มากขึ้น 6. ลดต้นทุนการผลิต เช่น การเลี้ยงห่านใน สวนส้ม ห่านจะช่วยก�าจัดวัชพืชและให้มูลแก่ ต้นส้ม ท�าให้ต้นส้มเจริญเติบโตและให้ผลดกขึ้น งานเกษตร 95 “ปุ๋ยคอก” “ปุ๋ยอินทรีย์ หรือ ปุ๋ยธรรมชาติ” จากสัตว์ เช่น หนัง ขนสัตว์ กระดูก มาผลิตเป็น กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านชนิดหนึ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ นิยมเลี้ยง เพื่อความเพลิดเพลินใจ 1 2 3 การผลิตสัตวเศรษฐกิจเชิงระบบมีลักษณะอยางไร 1. วางระบบการเลี้ยงสัตวถูกตองตามหลักวิชาการ เพิ่มคาใชจาย ในการลงทุน 2. ผลิตสัตวใหมีจํานวนมากขึ้น และนําเศษเหลือจากการผลิตสัตว มาใชประโยชนในดานอื่นๆ 3. วางระบบการเลี้ยงสัตวถูกตองตามหลักวิชาการ เพิ่มจํานวน แรงงานและคาใชจายในการผลิตสัตว 4. ผลิตสัตวใหมีจํานวนมากขึ้น เพิ่มจํานวนอุปกรณในการเลี้ยงสัตว และคาใชจายในการผลิตสัตว (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะจะตองมีหลักการในการ วางแผนที่ถูกตอง โรงเรือนมีมาตรฐาน มีการจัดการดานสุขาภิบาล อยางเหมาะสม และคํานึงถึงสิ่งแวดลอมเปนสําคัญ เพิ่มจํานวน แรงงานและคาใชจายในการผลิตสัตว) นักเรียนควรรู 1 ปุยคอก ขอควรคํานึงในการใชปุยคอก คือ ไมควรนําปุยคอกไปผึ่งแดด เพราะจะทําใหสูญเสียธาตุไนโตรเจน ไมควรใสปุยคอกใกลบริเวณโคนตน ควรใสปุยขณะที่ดินมีความชื้นพอเหมาะ 2 กระดูก สามารถนําไปเปนสวนประกอบในการทําผลิตภัณฑหลากหลาย ประเภท เชน ใชเปนอาหารปลา ใชเปนปุยแกพืช หรืออาหารแกสัตว ใชเปน วัตถุดิบในการทําเจลาติน ฟลมถายรูป แคปซูล 3 กระตาย มีขอควรคํานึงในการเลือกซื้อหลายประการ เชน กระตายจะมี ลักษณะสดใส ราเริง กินอาหารเกง ใบหูมีการตอบสนองเมื่อไดยินเสียงตางๆ ดวงตาโตสดใส ขนรอบตาเรียบ จมูกแหง ไมมีเสียงดังขณะหายใจ ไมมีนํ้าลาย ไหลเลอะถึงใตคาง ปากเคี้ยวอาหารไดตามปกติ นิ้วเทาและผิวหนังใตขนนุม ไมมีกอนตางๆ ขึ้นบริเวณผิวหนัง ถายอุจจาระเปนกอน ขั้นนํา (ใชโครงการเปนฐาน) ขั้นที่ 1 ใหความรูพื้นฐาน 1. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • เพราะเหตุใดวัตถุประสงคของการเลี้ยงสัตว ในปจจุบันจึงเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต ที่ผานมา (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ในอดีตการเลี้ยงสัตว สวนใหญจะเปนไปเพื่อการบริโภค เชน เปด ไก สุกร และเพื่อใชเปนแรงงาน เชน โค กระบือ แตในปจจุบันการเลี้ยงสัตวจะเปนไป เพื่อการคา มีการเลี้ยงสัตวเปนฟารมปศุสัตว โดยยึดถือเปนอาชีพหลัก ไมไดเลี้ยงเพื่อใช เปนแรงงานดังเชนในอดีต) 2. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การเลี้ยงสัตว จาก หนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หรือศึกษา เพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 3. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว จาก PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรูที่ 5 4. ครูถามนักเรียนวา • ที่บานของนักเรียนมีการเลี้ยงสัตวหรือไม หากมี เลี้ยงสัตวชนิดใด เพราะเหตุใดจึง เลี้ยงสัตวชนิดนี้ หากไมมี เพราะเหตุใดจึง ไมเลี้ยงสัตว และหากสามารถเลี้ยงสัตวได 1 ชนิด นักเรียนจะเลือกเลี้ยงสัตวชนิดใด เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) 5. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การเลี้ยงสัตวแตละชนิด จะมีวิธีการเลี้ยงที่แตกตางกันออกไป ดังนั้น ผูเลี้ยงจึงควรศึกษาขอมูลเกี่ยวกับสัตวที่ ตองการเลี้ยงใหเขาใจอยางละเอียด เพื่อให สามารถดําเนินการเลี้ยงสัตวที่ตองการไดอยาง มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล” นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T105


ขอสอบเนนการคิด ๒.๒ ปัจจัยที่มีผลต่อการเลี้ยงสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ให้ประสบความส�าเร็จ สภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวสัตว์จัดเป็นปัจจัยส�าคัญ ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของสัตว์ ปัจจัยที่มีผลต่อการเลี้ยงสัตว์ มีดังนี้ ๑) ภูมิอำกำศ มีอิทธิพลต่อการเลี้ยงสัตว์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนี้ อุณหภูมิ สัตว์แต่ละชนิดต้องการอุณหภูมิของอากาศ แตกต่างกัน เช่น โคในเขตร้อน อุณหภูมิที่ เหมาะสมอยู่ระหว่าง ๑๕-๒๗ องศาเซลเซียส สุกรจะเจริญเติบโตดีในอุณหภูมิประมาณ ๒๔ องศาเซลเซียส แต่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยที่เหมาะสม ต่อการเจริญเติบโตของสัตว์โดยทั่วไป คือ ประมาณ ๒๕ องศาเซลเซียส ลม หรือการระบายอากาศ มีส่วนส�าคัญในการถ่ายเทระบายความร้อนส่วน ที่เกินของสัตว์ ทั้งยังช่วยให้การระเหยของน�้า หรือเหงื่อเร็วขึ้น ลดความร้อนของอากาศและ ควบคุมความชื้นภายในโรงเรือน ท�าให้สัตว์ ภายในโรงเรือนรู้สึกสบาย ช่วยระบายอากาศเสีย ที่เกิดจากการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีผลต่อ สุขภาพและการเจริญเติบโตของสัตว์ ความชื้น มีผลต่อการระบายความร้อนจากร่างกายของ สัตว์ โดยธรรมชาติสัตว์จะระบายความร้อน ออกจากร่างกายด้วยวิธีระเหยน�้าทางเหงื่อ หรือลมหายใจ ความชื้นยังมีผลทางอ้อมต่อการ เลี้ยงสัตว์ อาจท�าให้สัตว์เจ็บป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับ ระบบทางเดินหายใจอีกด้วย แสงแดด แสงแดดอ่อนๆ มีความจ�าเป็นต่อชีวิตของสัตว์ เนื่องจากผิวหนังเมื่อถูกแสงแดดจะสังเคราะห์ วิตามินดี ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูก สัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้รับแสงแดดจะเป็นโรคกระดูก อ่อน ผู้เลี้ยงจ�าเป็นต้องจัดหาร่มเงาให้กับสัตว์ แต่ละชนิด เพื่อป้องกันอันตรายจาก แสงแดดที่อาจเกิดแก่สัตว์เลี้ยง ปริมาณน�้าฝน มีส่วนเกี่ยวข้องกับความชื้นและอุณหภูมิของ อากาศ ฝนมีส่วนท�าให้ความชื้นของอากาศ สูงขึ้น อุณหภูมิของอากาศเย็นสบาย มีผลต่อ การเจริญเติบโตของสัตว์และการให้ผลผลิต สัตว์เลี้ยงที่ควรเลี้ยงในช่วงฤดูฝน เช่น โค กระบือ โดยเลี้ยงแบบปล่อยหากินเองตามธรรมชาติ จะมีอัตราการเจริญเติบโตสูง แสงสว่าง ความยาวช่วงแสงระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ถึงพระอาทิตย์ตก ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเจริญ เติบโตของพืชอาหารสัตว์และการแสดงออก ของสัตว์ เช่น ในฤดูร้อน อุณหภูมิสูง ความยาว ของช่วงแสงจะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางเพศ โดยสัตว์เพศเมียจะมีความสมบูรณ์พันธุ์ลดลง สัตว์เพศผู้คุณภาพของน�้าเชื้อลดลง 96 สัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้รับแสงแดดจะเป็นโรคกระดูก อ่อน ผู้เลี้ยงจ� 1 เกร็ดแนะครู ครูอาจเชิญเกษตรกรผูเลี้ยงสัตว หรือนักวิชาการเกษตร มาใหความรู เกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงสัตวเศรษฐกิจที่เลี้ยงภายในทองถิ่น หรือพานักเรียนไปศึกษา ดูงานในสถานที่เลี้ยงสัตวจริง เพื่อใหนักเรียนเกิดความรู ความเขาใจที่เพิ่ม มากขึ้น รวมถึงไดสอบถามความรูเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงสัตวที่ถูกตอง นักเรียนควรรู 1 โรคกระดูกออน เปนโรคที่มักพบในลูกสุนัขที่มีอายุนอย สาเหตุมาจากการ ใหอาหารที่ขาดแรธาตุสําคัญ เชน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินดี โดยสุนัขจะมี อาการขาโกง บางตัวขาหักไดงาย สามารถรักษาใหหายไดดวยการใหแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินดี ทั้งการฉีด การกิน และพาไปออกกําลังกาย เพื่อใหได รับแสงแดดออนๆ เปนประจําทุกวัน หากตองการสรางโรงเรือนใหมีความแข็งแรง ทนทาน และสามารถระบายอากาศไดดี ควรสรางโรงเรือนแบบใด 1. แบบหนาจั่ว 2. แบบจั่วสองชั้น 3. แบบเพิงหมาแหงน 4. แบบเพิงหมาแหงนกลาย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเปนแบบที่สามารถทนแดด ทนฝนไดดีกวาแบบเพิงหมาแหงนและแบบเพิงหมาแหงนกลาย ทั้งยังเปนแบบที่ดัดแปลงมาจากแบบหนาจั่ว โดยการเพิ่มจั่วยกสูง อีกชั้น เพื่อชวยใหระบายอากาศดีมากยิ่งขึ้น) ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ 6. ครูเปดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวชนิด ตางๆ ใหนักเรียนดู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • สภาพภูมิอากาศมีความสําคัญตอการ เลี้ยงสัตวอยางไร จงยกตัวอยาง (แนวตอบ สภาพภูมิอากาศ ไดแก อุณหภูมิ ความชื้น ลม หรือการระบายอากาศ แสงแดด แสงสวาง และปริมาณนํ้าฝน ลวนมีผลตอ การเจริญเติบโตของสัตวเลี้ยงทั้งสิ้น เชน การเลี้ยงไกไข จะตองเลือกสถานที่ใหเหมาะสม ตอการสรางโรงเรือน ทิศทางลม อยาให โรงเรือนถูกแดดจัด ควรใหมีลมพัดผาน มีการระบายอากาศที่ดี หากอากาศรอนจัด จะทําใหไกไขมีสุขภาพที่ไมดี สงผลทําให ไมออกไขได) • เพราะเหตุใดการสรางโรงเรือนจึงตองคํานึงถึง ลม หรือการระบายอากาศมาเปนลําดับแรก (แนวตอบ ในการสรางโรงเรือนเพื่อใชใน การเลี้ยงสัตวจะตองใหความสําคัญกับการ ถายเทความรอน ชวยลดความรอนในตัว ของสัตว ทําใหสัตวที่อาศัยอยูในโรงเรือน เกิดความรูสึกสบาย นอกจากนี้ ยังเปน การระบายของเสียที่เกิดจากสัตว เชน กลิ่นมูลสัตว กลิ่นของสัตว) • เพราะเหตุใดสัตวเลี้ยงจึงควรไดรับแสงแดด ในปริมาณที่เหมาะสม (แนวตอบ แสงแดดเปนปจจัยสําคัญตอการ เจริญเติบโตและความแข็งแรงของสัตว เมื่อ ถูกแสงแดดจะมีการสังเคราะหวิตามินดีขึ้น ซึ่งรางกายของสัตวสามารถนําไปใชประโยชน ตอการเจริญเติบโตของกระดูก ซึ่งเปน โครงสรางหลักของรางกายไดอยางเหมาะสม) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T106


ขอสอบเนน การคิด ๒) ภูมิประเทศ เป็นลักษณะทางธรรมชาติของพื้นโลก เช่น ลักษณะความสูงต�่าของ พื้นที่ ความเป็นกรดด่างของดิน ความอุดมสมบูรณ์ของดินและแหล่งน�้า ภูมิประเทศมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการเลี้ยงสัตว์มาก เช่น ภูมิประเทศที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ย่อมปลูกพืชอาหารสัตว์ได้ผลดี ท�าให้ค่าอาหารถูกลง ช่วยลดต้นทุนได้มาก หรือถ้าโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน�้า ซึ่งสะดวก ในการน�าน�้ามาล้างท�าความสะอาดโรงเรือน จะท�าให้สัตว์ปลอดภัยจากเชื้อโรค ๓) อำหำร การเลี้ยงสัตว์เพื่อให้ได้ ผลตอบแทนสูงที่สุดจะต้องเลือกและจัดสรร อาหารในปริมาณที่พอเหมาะให้แก่สัตว์ ไม่มาก หรือน้อยเกินไป และอาหารนั้นต้องมีสารอาหาร ครบตามที่สัตว์ต้องการ เมื่อสัตว์กินเข้าไปแล้ว จะมีการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ แข็งแรง ให้ผลผลิต ที่ดีและมีคุณภาพ อาหารสัตว์มีหลายชนิด แตกต่างกันไปตามประเภทของสัตว์ที่เลี้ยง เช่น หญ้าสด หญ้าแห้ง ข้าวโพด ข้าวเปลือก ข้าวฟ่าง ร�าข้าว ปลายข้าว ฟางข้าว ถั่วเหลือง ปลาป่น กระดูกป่น ๔) โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความส�าคัญต่อการเลี้ยงสัตว์ เพราะ โรงเรือนเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ โดยหลักการสร้างโรงเรือนที่ดี มีดังนี้ ป้องกันแสงแดด ฝน และลมได้เป็นอย่างดี มีลักษณะโปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น สัตว์เลี้ยงต้องการอยู่ในอุณหภูมิ ระหว่าง ๒๐-๒๕ องศาเซลเซียส ความชื้น ประมาณร้อยละ ๕๐-๘๐ สร้างให้เหมาะสมกับจ�านวนสัตว์ที่จะเลี้ยง เช่น ไก่เล็กต้องการพื้นที่ ๑๐-๑๒ ตัวต่อตารางเมตร สุกรขุนต้องการพื้นที่ ๑.๑๐-๑.๕๐ ตารางเมตรต่อตัว หรือโคขุนต้องการพื้นที่ ๘-๑๐ ตารางเมตรต่อตัว การให้อาหารแก่สัตว์เลี้ยงในปริมาณที่พอเหมาะและมี สารอาหารครบถ้วน ย่อมท�าให้สัตว์เจริญเติบโตดีและแข็งแรง งานเกษตร 97 ให้ค่าอาหารถูกลง ช่วยลดต้นทุนได้มาก หรือถ้าโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน�้ เช่น หญ้าสด หญ้าแห้ง ข้าวโพด ข้าวเปลือก หรือโคขุนต้องการพื้นที่ ๘-๑๐ ตารางเมตรต่อตัว 1 2 3 เพราะเหตุใดจึงตองใหความสําคัญในการคัดเลือกอาหาร และการใหอาหารแกสัตวเลี้ยง (แนวตอบ อาหารเปนปจจัยสําคัญที่มีผลตอการเจริญเติบโต ของสัตว ดังนั้น ผูเลี้ยงจึงตองพิถีพิถันและเอาใจใสเปนพิเศษ โดยเลือกอาหารที่มีคุณภาพดี มีสารอาหารครบถวนตามที่สัตว ควรไดรับในแตละชวงวัย และจะตองคํานึงถึงความเหมาะสมกับ ประเภทของสัตวแตละชนิดดวย) นักเรียนควรรู 1 โรงเรือน เกษตรกรนิยมโรงเรือนระบบปด หรือแบบอีแวป (EvaporativeCool System) โดยเปนการนําเทคโนโลยีการลดอุณหภูมิดวยนํ้ามาใชในการ เลี้ยงสัตว ซึ่งวิธีนี้จะชวยปองกันการระบาดของโรคไขหวัดนกได 2 ขาวโพด เปนพืชเศรษฐกิจที่มีความสําคัญเปนอยางมากตออุตสาหกรรม อาหารสัตว โดยรอยละ 94 ของผลผลิตขาวโพดในประเทศไทยจะถูกนํามา ใชในอุตสาหกรรมอาหารสัตว โดยพันธุขาวโพดเลี้ยงสัตวที่นิยมปลูกจะเปน พันธุลูกผสมเดี่ยว มีลักษณะตนเตี้ย รากแข็งแรง ทนทานตอการหักลมไดดี ตอบสนองตอการใชปุยไดดี และใหผลผลิตสูง 3 โคขุน การเลี้ยงโคใหเจริญเติบโตอยางรวดเร็ว ผลิตเนื้อที่ดี มีคุณภาพ โดยวิธีใหอาหารดี เชน หญา ฟาง อาหารเสริม ในชวงเวลาสั้น แหลงผลิตโคขุน ที่สําคัญในประเทศไทย คือ โคขุนโพนยางคํา จังหวัดสกลนคร ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ 7. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ในการเลือกทําเลที่ตั้ง ที่ใชในการเลี้ยงสัตวมีขอควรคํานึงหลายประการ เชน หากทําเลที่ตั้งอยูหางไกลจากแหลงชุมชน การคมนาคมขนสงไมสะดวก ในการจําหนาย ผลผลิตอาจมีคาใชจายในการขนสงมากขึ้น ทําใหตนทุนเพิ่มสูงขึ้น หรือสงผลกระทบตอ คุณภาพของผลผลิต เชน การขนสงนํ้านมดิบ ไปยังโรงงานแปรรูปนํ้านม หากใชระยะเวลา ในการขนสงนาน ยอมทําใหคุณภาพของนํ้านม เสื่อมลง ซึ่งจะสงผลตอราคานํ้านมดิบ” 8. ครูใหนักเรียนดูภาพอาหารสัตวหลากหลาย ชนิด จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดการใหอาหารสัตวจึงตองเลือก และจัดสรรอยางเหมาะสม (แนวตอบ อาหารเปนปจจัยสําคัญที่มีผล ตอการเจริญเติบโตของสัตว ดังนั้น การ ใหอาหารสัตวแตละชนิดจึงตองพิถีพิถัน เปนพิเศษ โดยจะตองเปนอาหารที่ดีและมี คุณภาพ มีสารอาหารครบถวนเหมาะสม กับความตองการของสัตวแตละประเภท และแตละชวงวัย ควรใหอาหารในปริมาณ ที่เหมาะสมตามประเภทของสัตวแตละชนิด) 9. ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับหลักการ สรางโรงเรือนที่ดี จากนั้นครูถามนักเรียนวา • บริเวณที่ตั้งโรงเรือนเลี้ยงสัตวที่ดี ควรมี ลักษณะอยางไร (แนวตอบ เปนที่ดอน นํ้าไมทวมขังไดงาย มีพื้นที่กวางขวาง อากาศถายเทไดสะดวก มีแหลงอาหารตามธรรมชาติ ไมมีการระบาด ของโรคและแมลง จําพวกมดและไร ปองกัน แดด ลม และฝนได) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T107


ขอสอบเนนการคิด ๕) กำรสุขำภิบำล การเลี้ยงสัตว์ให้ได้ผลดีนั้น สัตว์เลี้ยงต้องปลอดเชื้อโรคและพยาธิ เพราะเชื้อโรคและพยาธิเป็นสาเหตุที่ท�าให้สัตว์ตายและยังส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต การผสม พันธุ์ และผลผลิตที่สัตว์ผลิตออกมา โรคของสัตว์อาจเกิดจากสิ่งมีชีวิต หรือไม่มีชีวิตก็ได้ รวมถึง การขาดธาตุอาหาร เมื่อสัตว์เป็นโรคย่อมท�าให้การเจริญเติบโตของสัตว์ลดลง ในบางครั้งอาจท�าให้ สัตว์ตาย หรือเจ็บป่วยด้วยอาการเรื้อรัง ผู้เลี้ยงควรมีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันไม่ให้สัตว์ป่วย เป็นโรค ดังนี้ 1. ท�าความสะอาดคอก ภาชนะ อุปกรณ์ และ บริเวณที่เลี้ยงสัตว์ การท�าลายเชื้อโรคนี้มักจะ ท�ากันในโรงเรือน ส่วนใหญ่นิยมใช้ยาฆ่าเชื้อ โรคจ�าพวกโซเดียมไฮโปคลอไรต์และแคลเซียม ไฮโปคลอไรต์ที่มีความเข้มข้น ๑๕-๑๗ เปอร์เซ็นต์ ผสมกับน�้าในอัตราส่วน ๕๐ ส่วนต่อน�้าล้านส่วน เพื่อใช้ล้างพื้นคอก หรืออาจใช้ไบโอเทน ๑ ช้อนโต๊ะ ผสมกับน�้า ๑ ปีบแทนได้ หลังจากท�าความสะอาด ควรทิ้งไว้อย่างน้อย ๓ วัน จึงน�าสัตว์เข้าไปเลี้ยง 2.หมุนเวียนทุ่งหญ้า หรือสถานที่ที่ใช้เลี้ยงสัตว์ เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคกับสัตว์ เพราะการ เลี้ยงสัตว์ชนิดเดียวกันบนพื้นที่เดิมนานเกินไป เชื้อโรคต่างๆ อาจจะสะสมและเกิดการฟักตัว จนมีปริมาณมากพอที่จะท�าให้เกิดอันตรายต่อ สัตว์เลี้ยงได้ 3. ให้อาหารที่สดและสะอาดทุกครั้ง เพราะอาหาร ที่บูดเน่าและมีความชื้นมาก อาจท�าให้สัตว์ท้องเสีย หรือเป็นโรคอหิวาต์ได้ และยังต้องค�านึงถึง ความสะอาดของรางน�้าและรางอาหารอีกด้วย 4.ส�ารวจและตรวจสุขภาพของสัตว์อยู่เสมอ โดยส�ารวจว่าสัตว์แข็งแรงมากน้อยเพียงใด มีส่วนใดของร่างกายผิดปกติหรือไม่ อุณหภูมิ ภายในร่างกายเป็นอย่างไร ถ้าพบว่ามีอาการ ผิดปกติ หรือสงสัยว่าจะเป็นโรค ควรรีบปรึกษา สัตวแพทย์ทันที 5.ฉีดวัคซีนป้องกันโรค เพื่อให้สัตว์สร้าง ภูมิคุ้มกันและสามารถท�าลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ ร่างกายได้ การให้วัคซีนต้องพิจารณาถึงชนิด ของสัตว์ เพราะสัตว์แต่ละชนิดต้องการวัคซีน ไม่เหมือนกัน ควรขอค�าแนะน�าจากสัตวแพทย์ก่อน 6. คัดสัตว์ป่วยเป็นโรคออกจากฝูง เพื่อป้องกัน การระบาดของโรค สัตว์เลี้ยงบางรุ่นที่ยังเล็กอยู่ อาจไม่แสดงอาการผิดปกติให้เห็น แต่เมื่อมีอายุ มากขึ้น อาการผิดปกติบางอย่างอาจแสดงออก มาให้เห็น เช่น ขาเก เป็นโรคต่าง ๆ 7.ขังสัตว์เพื่อดูอาการก่อนน�าไปเลี้ยง เพื่อให้ เกิดความมั่นใจว่าสัตว์ปลอดภัยจากโรคจริง และ ไม่มีโรคติดต่อ 8. ท�าลายซากสัตว์ที่ตายแล้ว การท�าลายซากสัตว์ เป็นสิ่งที่จ�าเป็นอย่างยิ่ง เพราะเชื้อบางอย่างรุนแรง และทนทานต่อการท�าลาย อาจติดต่อไปยังสัตว์ อื่น ๆ ได้ วิธีการก�าจัดซากสัตว์ที่ดีที่สุด คือ การ ขุดหลุมฝัง หรือการเผา 9. ท�าความสะอาดสัตว์เลี้ยงตามความเหมาะสม เช่น อาบน�้า ก�าจัดศัตรูของสัตว์ เช่น เห็บสุนัข ทุก ๆ ๑-๒ สัปดาห์ 98 ให้ได้ผลดีนั้น สัตว์เลี้ยงต้องปลอดเชื้อโรคและพยาธิ พวกโซเดียมไฮโปคลอไรต์และแคลเซียม ไฮโปคลอไรต์ที่มีความเข้มข้น ๑๕-๑๗ เปอร์เซ็นต์ 1 2 3 ขอใดกลาวถึงการสุขาภิบาลไมถูกตอง 1. ทําความสะอาดโรงเรือนอยางสมํ่าเสมอ 2. มีขนาดโรงเรือนเพียงพอตอจํานวนสัตว 3. แยกสัตวที่มีอาการปวยออกมาเลี้ยงแบบเดี่ยว 4. ไมกักกันสัตวใหมกอนนํามาเลี้ยงในโรงเรือนรวม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการนําสัตวใหมเขามาเลี้ยง ควรมีการกักกันสัตวกอน เพื่อเฝาดูอาการของโรคที่อาจติดมากับ สัตว และเพื่อชวยปองกันไมใหเชื้อโรคแพรสูสัตวเลี้ยงตัวอื่นๆ ได) นักเรียนควรรู 1 พยาธิ เปนสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยูในรางกายของมนุษยและสัตว มีอยูดวยกัน หลายชนิด โดยทั่วไปจะปะปนอยูในธรรมชาติที่มีความเหมาะสมตอการ เจริญเติบโต เชน ดิน นํ้า หญา เนื้อสัตว ผักชนิดตางๆ 2 โซเดียมไฮโปคลอไรต เปนสารประกอบประเภทเกลือ ซึ่งใชเปนสาร ทําความสะอาด สามารถฆาเชื้อโรคได เนื่องจากมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญ เติบโตของแบคทีเรียไดหลายชนิด นิยมใชทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร ภาคการแพทย และภาคครัวเรือน 3 แคลเซียมไฮโปคลอไรต เปนสารประกอบคลอรีน ใชสําหรับฆาเชื้อวัตถุดิบ และฆาเชื้อในนํ้าที่ใชในกระบวนการ เชน นํ้าหลอเย็น นํ้าที่ละลายวัตถุดิบที่ผาน การแชเยือกแข็ง นอกจากการใชเพื่อฆาเชื้อแลว เมื่อรวมตัวกับเพกทินในผนังเซลล ของผักและผลไม จะทําใหผนังเซลลแข็งแรงและตานทานโรคไดดีขึ้น ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ 10. ครูนําภาพสัตวชนิดตางๆ ที่ปวยเปนโรค มาใหนักเรียนดู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • นักเรียนคิดวาเปนเพราะสาเหตุใดสัตวที่ เลี้ยงไวจึงปวยเปนโรค (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ผูเลี้ยงขาดการสุขาภิบาล ที่ดี มีเชื้อโรคปะปนอยูในอาหาร โรงเรือน ไมสะอาด สัตวขาดการดูแลเอาใจใสอยาง ถูกวิธี เชน การใหวัคซีน เพื่อปองกันโรค) • การดูแลสัตวเลี้ยงใหมีสุขภาพที่ดี สามารถ ปฏิบัติไดอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ใหอาหารที่ดีมีคุณภาพ ในปริมาณที่เหมาะสมในแตละชวงวัย โรงเรือนสะอาด ปราศจากการหมักหมม ของสิ่งสกปรก หรือปฏิกูลตางๆ อากาศ ภายในโรงเรือนถายเทไดสะดวก มีการให วัคซีน เพื่อปองกันโรค รวมถึงการตรวจ สุขภาพของสัตวอยางทั่วถึง) • “การดูแลรักษาความสะอาดชวยลดการ เกิดโรคระบาดในสัตวได” จากขอความนี้ นักเรียนเห็นดวยหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เห็นดวย เนื่องจาก เชื้อโรคทุกชนิดสามารถเจริญเติบโตไดดี ในที่สกปรกและชื้นแฉะ ดังนั้น การดูแล รักษาความสะอาดจึงเปนสิ่งที่จําเปนและ สําคัญเปนอยางยิ่ง ที่จะชวยลดปริมาณ ของเชื้อโรคและปองกันการแพรระบาด ของเชื้อโรคไปยังสัตวเลี้ยงได) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T108


ขอสอบเนน การคิด ๒.๓ การเลี้ยงสัตว์ ในครัวเรือน สัตว์เลี้ยงในครัวเรือนมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด โดยการเลี้ยงสัตว์แต่ละชนิดจะมีวิธีในการเลี้ยง ที่แตกต่างกันตามชนิดของสัตว์ ตัวอย่างการเลี้ยงสัตว์ ในครัวเรือน มีดังนี้ โคนมเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มนุษย์เลี้ยงไว้ เพื่อน�าน�้านมมาบริโภค โดยโคนมพันธุ์แท้เป็น พันธุ์ที่มีถิ่นก�าเนิดอยู่ในเขตประเทศที่มีอากาศ หนาว เมื่อถูกน�าเข้ามาเลี้ยงในประเทศไทยจึง มักให้ผลผลิตน�้านมได้ไม่ดี เนื่องจากสภาพ อากาศร้อนและมีศัตรูรบกวนมาก ต่อมาได้มี การศึกษา พัฒนา และปรังปรุงพันธุ์ โดยน�า น�้าเชื้อของโคนมพันธุ์ดีเพศผู้มาผสมกับแม่โค ที่ทนต่ออากาศร้อนในประเทศไทยได้ดี จนได้ โคลูกผสมที่สามารถทนต่ออากาศร้อนและโรค ได้ดี ผลิตน�้านมได้มากขึ้น และสามารถเลี้ยง ได้ดีประเทศไทย พันธุ์ โคนมที่นิยมน�ำมำเลี้ยงในประเทศไทย มีหลำยชนิด เช่น พันธุ์ ไทยฟรีเซียน • โคนมพันธุ์ผสมที่มีเลือดโคนมพันธุ์ โฮลส์สไตน์ ฟรีเซียนมากกว่า ๗๕% • สีของตัวจะเป็นสีขาวตัดกับสีด�าโดยเด็ดขาด บางตัว อาจมีสีขาว หรือสีด�ามาก • ผลิตน�้านมเฉลี่ย ๔,๐๐๐-๕,๐๐๐ กก. • เพศผู้หนักประมาณ ๕๕๐-๖๐๐ กก. • เพศเมียหนักประมาณ ๕๐๐ กก. พันธุ์ โฮลส์สไตน์ฟรีเซียน • มีถิ่นก�าเนิดในประเทศเนเธอร์แลนด์ • นิสัยเชื่องช้า รีดนมง่าย ไม่อั้นนม • สีของตัวจะเป็นสีขาว หรือสีด�า โดยจะขาว หรือด�า มากกว่าก็ได้ • ผลิตน�้านมเฉลี่ย ๖,๐๐๐-๗,๐๐๐ กก. • เพศผู้หนักประมาณ ๘๐๐-๑,๐๐๐ กก. • เพศเมียหนักประมาณ ๕๐๐-๘๐๐ กก. พันธุ์ทีเอ็มแซด • โคนมพันธุ์ผสมที่มีเลือดโคนมพันธุ์โฮลส์สไตน์ฟรีเซียน มากกว่า ๗๕% และพันธุ์ซีบู หรือพันธุ์พื้นเมือง ๒๕% • สีของตัวจะเป็นสีขาวตัดกับสีด�าโดยเด็ดขาด บางตัว อาจมีสีขาว หรือสีด�ามาก • ผลิตน�้านมเฉลี่ย ๓,๐๐๐-๓,๕๐๐ กก. • เพศผู้หนักประมาณ ๕๐๐-๖๐๐ กก. • เพศเมียหนักประมาณ ๔๕๐-๕๐๐ กก. พันธุ์ซำฮิวำล • มีถิ่นก�าเนิดในประเทศปากีสถาน • ทนร้อน ทนโรค ทนต่อสภาพขาดแคลนอาหารได้ดี • สีของตัวจะเป็นสีน�้าตาล อาจมีสีขาวบริเวณใต้ท้อง • ผลิตน�้านมเฉลี่ย ๒,๕๐๐-๓,๐๐๐ กก. • เพศผู้หนักประมาณ ๖๐๐-๗๐๐ กก. • เพศเมียหนักประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ กก. โคนม 99 สมุนไพรในขอใดมีสรรพคุณสามารถกําจัดพยาธิในโคได 1. ตะไคร 2. มะกรูด 3. กระเทียม 4. บอระเพ็ด (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะเกือบทุกสวนของบอระเพ็ด สามารถนํามาใชเปนสวนผสมของยารักษาโรคได หากตองการ กําจัดพยาธิในโค เกษตรกรสามารถใชเถาบอระเพ็ดมาตัดเปน ชิ้นเล็ก ทุบใหแตก หมักกับนํ้าซาวขาวและเกลือทิ้งไวประมาณ 7 วัน จากนั้นนํานํ้าหมักที่ไดผสมกับนํ้าดื่มของโค นํ้าหมักจะชวยกําจัด พยาธิออกไปได) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงโคนมในประเทศไทยใหนักเรียนฟงวา การเลี้ยงโคนม เพื่อนํานํ้านมมาบริโภคมีมานานแลว แตเพิ่งมีการเลี้ยงอยาง จริงจัง เมื่อรัชกาลที่ 9 ไดทรงสถาปนาศูนยฝกอบรมการเลี้ยงโคนมไทยเดนมารกขึ้น ที่อําเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี รวมกับพระเจาเฟรเดริคที่ 9 แหงประเทศเดนมารก ตอมาไดพัฒนาเปนองคกรสงเสริมกิจการโคนมแหง ประเทศไทย มีฐานะเปนรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ พระองค ไดทรงทดลองเลี้ยงโคนมดวยพระองคเองในบริเวณสวนจิตรลดา และเมื่อ เกษตรกรผูเลี้ยงโคนมสามารถผลิตนํ้านมดิบไดเกินความตองการของตลาด ก็ทรงโปรดเกลาฯ ใหสรางโรงงานนมผงและศูนยรับนม ทั้งยังทรงริเริ่มใหมี การจัดตั้งสหกรณโคมนมหนองโพราชบุรี จํากัด (ในพระบรมราชูปถัมภ) เพื่อ ดําเนินการผลิตนมผงอีกดวย ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ 11. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การเลี้ยงสัตวใน ครัวเรือน : โคนม จากหนังสือเรียน หนวยการ เรียนรูที่ 5 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 12. ครูถามนักเรียนวา • ในชุมชนของนักเรียนมีการเลี้ยงโคนม หรือไม หากไมมี ในชุมชนของนักเรียน เลี้ยงสัตวชนิดใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • นักเรียนทราบหรือไมวานมที่ดื่มนั้นผลิต จากแหลงใด และแหลงนํ้านมดิบไดมาจาก แหลงใด (แนวตอบ แหลงเลี้ยงวัวนมที่สําคัญที่สุด ของโลก เชน ประเทศอินเดีย กลุมประเทศที่ ผลิตนํ้านมดิบไดมากที่สุด คือ สหภาพยุโรป แหลงเลี้ยงวัวนมที่สําคัญของประเทศไทย อยูในหลายจังหวัด เชน สระบุรี นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ เพชรบุรี สาเหตุที่ประเทศ ไทยนิยมเลี้ยงวัวนมกันมากขึ้น เพราะมี ภูมิประเทศที่เหมาะสมตอการทําปศุสัตว เนื่องจากอุดมสมบูรณไปดวยอาหารสัตว เชน ทุงหญาเลี้ยงสัตว ผลผลิตพืชไร วัสดุ เหลือใชจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีราคา ไมสูง และสามารถเลือกใชทดแทนกันได หากสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้น) 13. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ประเทศไทยไดมีการ สงเสริมใหประชาชนประกอบอาชีพเลี้ยง โคนม มาตั้งแต พ.ศ.2504 โดยไดรับการ ชวยเหลือจากรัฐบาลเดนมารกใหจัดตั้งฟารม โคนมแหงแรกขึ้นที่อําเภอมวกเหล็ก จังหวัด สระบุรี หลังจากนั้นอาชีพเลี้ยงโคนมได แพรหลายไปทั่วทั้งประเทศ และมีแนวโนม การขยายตัวเพิ่มมากขึ้น” นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T109


วิธีกำรเลี้ยง วิธีการเลี้ยงโคนมที่นิยมในปัจจุบันแบ่งเป็น ๓ วิธี ดังนี้ ๑. การเลี้ยงแบบยืนโรงอยู่กับที่ เป็นการน�าโคมาเลี้ยง อยู่ในช่อง หรือซองขอแต่ละตัว ไม่เปิดโอกาสให้ โคได้เดิน หรือเคลื่อนไหวมากนัก ๒. การเลี้ยงแบบปล่อยอิสระอยู่ภายในคอก โคจะ มีพื้นที่ภายในคอกพอให้เดิน หรือเคลื่อนไหวได้ อย่างอิสระ โดยอยู่รวมกันเป็นฝูง ๓. การเลี้ยงแบบปล่อยให้หาอาหารกินเองในแปลง หญ้า ช่วยประหยัดแรงงานและค่าใช้จ่ายในการ สร้างโรงเรือน โดยการปล่อยให้โคออกไปหา อาหารกินเองในแปลงหญ้าที่ก�าหนดไว้ให้อย่าง อิสระ และจะถูกต้อนให้เข้าคอกเมื่อถึงเวลารีดนม T i p วันโคนมแห่งชาติ วันที่ ๑๗ มกราคมของทุกปี ถือเป็น “วันโคนมแห่งชาติ” ซึ่งถือเป็นวันส�าคัญของผู้ประกอบอาชีพ เลี้ยงโคนม และเพื่อน้อมร�าลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ได้ทรงพระราชทานอาชีพนี้ ให้แก่ปวงชนชาวไทย ตามที่พระองค์ได้ทรงตั้งพระราชปณิธานที่จะส่งเสริมการเลี้ยงโคนมในประเทศ ให้เป็นหนึ่งในอาชีพของเกษตรกรไทย ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน อำหำรและกำรให้อำหำร อาหารส�าหรับโคนม แบ่งเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๑. อาหารหยาบ เป็นอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น หญ้าชนิดต่าง ๆ ทั้งหญ้าสด หญ้าแห้ง หญ้าหมัก ฟางข้าว ใบกระถิน ต้นถั่วชนิดต่างๆ อาหารหยาบ เป็นอาหารหลักส�าหรับโคนม ผู้เลี้ยงต้องน�าอาหาร ประเภทนี้ให้โคนมกินอย่างเพียงพอเพื่อให้ผลิต น�้านมได้มากขึ้น ในกรณีที่เลี้ยงแบบปล่อยให้ หาอาหารกินเองในแปลงหญ้า ผู้เลี้ยงควรใช้วิธีการ ปลูกหญ้าเป็นแปลง แล้วเกี่ยวหญ้ามาให้กินเพื่อ ประหยัดค่าใช้จ่าย ๒. อาหารข้น เป็นอาหารที่มีเยื่อใยต�่า แต่มีสารอาหาร ประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ และวิตามินสูง เช่น กากถั่วเหลือง ร�าละเอียด ข้าวโพดป่น มันส�าปะหลังอัดเม็ด ปลายข้าว ปลาป่น กระดูกป่น โดยโปรตีนจะช่วยในการเจริญ เติบโตและผลิตน�้านม ผู้เลี้ยงจึงต้องให้โคนมกิน อาหารข้นอย่างเพียงพอ 100 กิจกรรม ทาทาย อาหารข้น เป็นอาหารที่มีเยื่อใยต�่ 1 นักเรียนควรรู 1 อาหารขน เปนวัตถุดิบที่มีความเขมขนของโภชนะตอหนวยนํ้าหนักสูง มีเยื่อใยตํ่ากวา 18 เปอรเซ็นต แบงเปน 2 ประเภท คือ อาหารหลักหรือ อาหารพลังงาน (Basal Feed หรือ Energy Feed) เปนวัตถุดิบอาหารสัตวที่ให พลังงานสูง หรือมีคารโบไฮเดรตมาก มีโปรตีนตํ่ากวา 20 เปอรเซ็นต เปนวัตถุดิบ ที่ใชมากถึง 50-80 เปอรเซ็นต ในการประกอบสูตรอาหาร และอาหารเสริม (Supplements) เปนวัตถุดิบที่เสริมลงไปในอาหารหลักในการประกอบสูตร อาหาร ครูใหนักเรียนศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสําคัญของ การเลี้ยงโคนมในประเทศไทย จากนั้นสรุปความรูที่ไดในรูปแบบ แผนพับ ตกแตงใหสวยงาม นําสงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม ครูใหนักเรียนวางแผนการเลี้ยงสัตวในทองถิ่นตามความสนใจ 1 ชนิด โดยใชความรูที่ไดจากการศึกษาเรื่องการเลี้ยงโคนมเปน แนวทางในการปฏิบัติงาน จากนั้นออกมานําเสนอแผนงานใหเพื่อน ฟงหนาชั้นเรียน โดยมีครูเปนผูคอยเสนอแนะความถูกตอง จากนั้น ลงมือปฏิบัติการเลี้ยงสัตวจริง โดยมีการจดบันทึกพัฒนาการ การเจริญเติบโตของสัตวรวมดวย และนําเสนอครูผูสอนเดือนละ 1 ครั้ง สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารและการใหอาหารโคนม ไดที่ https://pvloknr. dld.go.th/webosm_61/webfifile/bowchow/bowchow1.pdf ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ 14. ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับวิธีการ เลี้ยงโคนม อาหาร และการใหอาหาร จากนั้น ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนคิดวา สิ่งใดเปนปจจัยสําคัญเริ่มตน สําหรับผูที่ตองการเลี้ยงโคนมเปนอาชีพ (แนวตอบ ปจจัยสําคัญที่ผูเลี้ยงโคนมเปน อาชีพตองคํานึงถึง เชน ทุน สถานที่ที่ใชใน การเลี้ยง ตลาด และปจจัยอื่นๆ ซึ่งปจจัยที่ สําคัญที่สุด คือ ทุน โดยทุนสามารถแบงออก เปน 5 รายการ คือ ทุนสําหรับซื้อพอพันธุ แมพันธุโคนม ทุนสําหรับสรางโรงเรือน หรือ คอกสําหรับเลี้ยงสัตว ทุนสําหรับเตรียม แปลงหญา ทุนสําหรับหาแหลงนํ้า หรือ ชลประทาน ทุนสําหรับคาอาหาร คาแรงงาน และอื่นๆ) • การใหอาหารโคนมดวยอาหารหยาบควรให อยางไรจึงจะเหมาะสม (แนวตอบ คุณคาทางอาหารจะเปลี่ยนแปลง ไปตามฤดูกาล สภาพดิน และชนิดของ อาหาร ซึ่งโดยทั่วไปจะใหคุณคาทางอาหาร คอนขางตํ่า ผูเลี้ยงจึงควรใหอาหารใน ปริมาณที่เพียงพอ เพื่อชวยใหกระบวนการ ยอยอาหารและการผลิตไขมันในนํ้านมเปน ไปอยางมีประสิทธิภาพ การใหอาหารไมควร ตํ่ากวา 1-1.5% ของนํ้าหนักตัว หรือมี ADF ไมตํ่ากวา 19-21% หรือ CF ไมตํ่ากวา 18%) • เพราะเหตุใดจึงตองมีการเสริมอาหารขน ใหแกโคนม (แนวตอบ หากโคนมกินแตอาหารหยาบ จะทําใหเจริญเติบโตชา จึงตองเสริมดวย อาหารขน ซึ่งเปนอาหารที่ใหพลังงานและ มีโปรตีนสูงแกโคนม) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T110


ขอสอบเนน การคิด ในการปลูกพืชให้เจริญเติบโตนั้น จะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับการเจริญเติบโตของพืชที่จะปลูก โดยศึกษาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ รวมทั้งวางแผน การจัดการอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการท�างาน นอกจากนี้ควรเลือก สถานที่ในการปลูกพืช เตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ ในการปลูกพืช เตรียมพันธุ์พืช เตรียมดินที่ใช้ ปลูกพืช การปฏิบัติดูแลรักษา ตลอดจนการเก็บเกี่ยวพืชอย่างถูกต้องและเหมาะสม ก็จะท�าให้การ ปลูกพืชประสบผลส�าเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ส�าหรับการเลี้ยงสัตว์ให้ประสบความส�าเร็จ ต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ที่จะเลี้ยง ไม่ว่า จะเป็นลักษณะนิสัย พันธุ์สัตว์ วิธีการเลี้ยง สถานที่และโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ อาหารสัตว์ การป้องกัน โรค และการสุขาภิบาลที่เหมาะสม เพื่อน�ามาใช้ประกอบในการวางแผนเลี้ยงสัตว์และเป็นแนวทาง ในการปฏิบัติต่อไป ที่ส�าคัญอีกประการหนึ่ง คือ ผู้เลี้ยงสัตว์ต้องมีใจรัก ชอบการเลี้ยงสัตว์มีความ รับผิดชอบในการดูแลสัตว์เลี้ยง เพื่อให้การเลี้ยงสัตว์มีประสิทธิภาพ ให้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพและ ผู้เลี้ยงมีความสุขในการเลี้ยงสัตว์ สรุป วิธีกำรรีดนมโค การรีดนมโคท�าได้ ๒ วิธี คือ การรีดด้วยมือและการ รีดด้วยเครื่องมือรีดนม ซึ่งมีวิธีปฏิบัติ ดังนี้ ๑. ก่อนและระหว่างการรีดนม จะต้องให้โคอยู่ใน อารมณ์ดีและมีความสบายใจ พร้อมที่จะให้น�้านม ๒. คนรีดนมโคแต่ละตัวควรเป็นบุคคลคนเดียวกัน ไม่ควรเปลี่ยนคนรีดนมบ่อย ๆ การรีดนมด้วยมือ การรีดนมด้วยเครื่องมือรีดนม ๓. ก่อนรีดนมควรท�าความสะอาดและเช็ดเต้านม ทุกครั้ง เพื่อฆ่าเชื้อโรคบางส่วนบริเวณภายนอก และยังช่วยกระตุ้นให้โคปล่อยน�้านมออกมา ๔. รีดนมให้หมดเต้าทุกครั้ง และไม่ควรใช้เวลาใน การรีดนมนานจนเกินไป ควรรีดให้เสร็จและหมด เต้าภายใน ๕-๗ นาที งานเกษตร 101 การรีดนมโคเพื่อใหไดปริมาณนํ้านมที่มาก มีวิธีในการปฏิบัติอยางไร 1. เปลี่ยนคนรีดนมทุกวัน 2. ใหอาหารโคกอนการรีด 3. เปดเพลงใหโคฟงทุกวัน 4. คอยๆ รีดนมโคอยางชาๆ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการเปดเพลงใหโคฟงทุกวัน จะทําใหโครูสึกผอนคลาย มีอารมณดี ไมเครียด สงผลใหสามารถ รีดนํ้านมโคไดปริมาณมากขึ้นกวาปกติ 30-40 เปอรเซ็นต) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการรีดนมโคดวยมือใหนักเรียนฟงวา กอน รีดนมควรทําความสะอาดเตานมดวยผาชุบนํ้าอุน จากนั้นใชผาแหงเช็ดแลว ทําการนวดเตานม โดยใชเวลาทําความสะอาดและนวดเตานมประมาณ 1 นาทีครึ่ง แลวจึงลงมือรีดทันที เนื่องจากเปนระยะการปลอยนม การทํางาน ของฮอรโมนจะทํางานประมาณ 6-8 นาที หากรีดชาฮอรโมนจะหยุดทํางาน สงผลใหนํ้านมหยุดไหลได ในการรีดนมโคดวยมือ ผูรีดควรใชนิ้วหัวแมมือและ นิ้วชี้รัดที่ตอนบนของหัวนมเพื่อปองกันไมใหนมไหลกลับ จากนั้นบีบไลนิ้วที่เหลือ ทั้งสามนิ้วลงมาตามลําดับ เมื่อนมถูกบีบไลออกมาหมดหัวนมแลว จึงปลอยนิ้ว หัวแมมือและนิ้วชี้ใหนมไหลมาแทนที่ โดยทําสลับกันระหวางนิ้วมือทั้ง 2 ขาง ซึ่งการรีดควรรีดเปนคูๆ เชน รีดคูหนากอน พอเห็นวาชาลงจึงรีดคูหลังสลับกันไป ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ 15. ครูเปดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับวิธีการรีดนมโคให นักเรียนดู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • การรีดนมโค เพื่อใหไดนํ้านมที่สะอาดควร ปฏิบัติอยางไร (แนวตอบ ขั้นตอนการรีดนมโค ปฏิบัติได ดังนี้ • เตรียมนํ้ายาฆาเชื้อ โดยใชนํ้ายาคลอรีน เจือจาง • เตรียมอุปกรณการรีด ผูรีด และแมโค ใหพรอม ซึ่งการเตรียมการตางๆ ควรทําให สะอาดและฆาเชื้อโรคดวยนํ้ายาคลอรีน • ทําความสะอาดตัวแมโคบริเวณที่สกปรก ดวยนํ้ายาคลอรีน • ลางเตานมดวยนํ้าอุน หรือนํ้ายาคลอรีน พรอมกับนวดและเช็ดอยางเบามือ • กอนรีดนมควรตรวจสอบความผิดปกติ ของนํ้านม และรีดนมที่คางอยูในหัวนม ทิ้งกอน จากนั้นใหรีดนมอยางเร็วที่สุด และตองรีดนมใหหมดทุกเตา) • นักเรียนจะมีวิธีการแนะนําเกษตรกรผูเริ่มตน เลี้ยงโคนมอยางไร (แนวตอบ เริ่มตนหา หรือซื้อแมโคพันธุพื้นเมือง หรือแมโคที่มีสายเลือดที่ดี ไมเปนโรคติดตอ มาเลี้ยง ใชวิธีการผสมเทียมกับสายเลือด โคนมพันธุของยุโรปพันธุใดพันธุหนึ่ง เมื่อ ไดลูกผสมตัวเมียก็จะมีเลือดโคนมครึ่งหนึ่ง เมื่อเลี้ยงดูไปอีกประมาณ 30-36 เดือน ก็จะ ใหลูกตัวแรก แมโคตัวนี้ก็จะเริ่มรีดนม ได หรือหาซื้อลูกโคนมพันธุผสมเพศเมีย มาเลี้ยง โดยอาศัยนมเทียม หรือหางนมผง ละลายนํ้าใหกินในปริมาณที่จํากัด พรอมทั้ง ใหอาหารขนลูกโคออนและหญา จนกระทั่ง หยานมถึงอายุผสมพันธุ ตั้งทอง คลอดลูก และเริ่มรีดนมได) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T111


ขอสอบเนนการคิด สร้ างสรรค์ พัฒนาการเรียนรู้กิจกรรม ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมเป็นกลุ่ม โดยปฏิบัติงานตาม ที่ก�าหนด เรื่อง การปลูกพืช ในท้องถิ่น ใบมอบหมายงานที่ 5.1 ๑. แบ่งกลุ่ม เพื่อศึกษาวิธีการปลูกพืชในท้องถิ่นตามความสนใจกลุ่มละ ๑ ชนิด ๒. ศึกษาข้อมูลวิธีการปลูกพืชจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ เกษตรกรในท้องถิ่น เกษตรอ�าเภอ หรือสืบค้นจากอินเทอร์เน็ต ตามความเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น ๓. บันทึกผลการปลูกพืชลงในแบบฝึกปฏิบัติการวางแผนปลูกพืช ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ แบบฝึกปฏิบัติกำรวำงแผนปลูกพืช กลุ่มที่ : ..................................... ชื่อกลุ่ม : ........................................... รำยชื่อสมำชิกในกลุ่ม ๑. ......................................................................................... ๔. ................................................................................................ ๒. ......................................................................................... ๕. ................................................................................................ ๓. ......................................................................................... ๖. ................................................................................................ พืชที่จะผลิต : .................................................................. อายุการเก็บเกี่ยว : ............................... วัน จ�านวนพื้นที่ใช้ผลิต : ...................................... ตารางเมตร แนวทางการใช้ประโยชน์จากผลผลิตพืช : ................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................... ขั้นตอนกำรปฏิบัติงำน วัน/เดือน/ปี รำยกำรปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบ หมำยเหตุ ........................... ........................... ........................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ๔. น�าเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน จากนั้นอภิปรายและสรุปผลการวางแผนการปลูกพืช ๕. น�าผลงานการวางแผนการปลูกพืชไปฝึกปฏิบัติจริงในแปลงปลูกพืช หรือปลูกพืชในภาชนะของโรงเรียน หรือปลูกที่บ้านตามความเหมาะสม 102 สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคํานวณนํ้าหนักโคจากความยาวรอบอก ไดที่ https://pvlo-knr.dld.go.th/webosm_61/webfif ile/bowchow/bowchow1.pdf ในการวางแผนการเลี้ยงสัตว ควรทําสิ่งใดกอนเปนลําดับแรก 1. กําหนดตนทุน 2. กําหนดขั้นตอน 3. กําหนดวัตถุประสงค 4. กําหนดวิธีการดําเนินงาน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะในการเลี้ยงสัตวแตละชนิด จะตองมีการกําหนดวัตถุประสงคกอนวาจะเลี้ยงสัตวชนิดใด เลี้ยงเพื่อสิ่งใด จากนั้นจึงปฏิบัติตามขั้นตอนของกระบวนการ ทํางานใหถูกตอง เหมาะสม เพื่อใหการเลี้ยงสัตวเปนไปอยางมี ประสิทธิภาพ) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคํานวณนํ้าหนักโคจากความยาวรอบอก ใหนักเรียนฟงวา หากผูเลี้ยงทราบนํ้าหนักของโค จะกอใหเกิดประโยชนอยางมาก ในการเลี้ยงดูโควาสามารถเลี้ยงไดอยางถูกตองหรือไม โคมีการเจริญเติบโต ที่ดีตามที่ควรจะเปนหรือไม การใชเครื่องชั่งในการชั่งนํ้าหนักโคจะมีราคาสูง ไมเหมาะสมสําหรับเกษตรกรผูมีรายไดตํ่า โดยวิธีการที่สะดวกและประหยัด คาใชจายในการชั่งนํ้าหนักโค คือ การวัดรอบอก บริเวณซอกขาหนาหลังตะโหงก แลวนําความยาวที่ไดมาเทียบเปนนํ้าหนักแทน ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ • เพราะเหตุใดเกษตรกรไทยจึงนิยมเลี้ยง โคนมเพิ่มมากขึ้น (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เห็นตัวอยางจากเกษตร ที่ยึดอาชีพเลี้ยงโคนมวามีรายไดดี ครอบครัว มีฐานะความเปนอยูที่ดีขึ้น และไดรับ ผลพลอยไดอื่นๆ ตามมา เชน เปนการใช เวลาวางใหเกิดประโยชน มูลสัตวนํามาใช เปนปุย เพื่อบํารุงดินใหมีความสมบูรณ) ขั้นสอน ขั้นที่ 3 จัดกลุมรวมมือ 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกัน สืบคนขอมูลเกี่ยวกับงานเกษตร แลวเลือก ปฏิบัติงานเกษตรตามความสนใจ 1 งาน เพื่อจัดทําโครงงาน เรื่อง งานเกษตรของฉัน 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมแบงหนาที่ความ รับผิดชอบตามความถนัดและความสามารถ ของแตละบุคคล โดยครูเปนผูใหคําปรึกษา เกี่ยวกับการวางแผนแบงหนาที่ของสมาชิกใน แตละกลุม 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันปฏิบัติตาม โครงงาน เรื่อง งานเกษตรของฉัน ซึ่งอาจเปน การปลูกพืช หรือการเลี้ยงสัตวตามหนาที่ที่ ไดรับมอบหมาย โดยชวยกันปฏิบัติตาม ขั้นตอนอยางเครงครัด ขั้นที่ 4 แสวงหาความรู 4. ครูและนักเรียนแตละกลุมรวมกันตรวจสอบ ผลงานที่กลุมของตนเองไดปฏิบัติ และพิจารณา ถึงสิ่งที่ตองปรับปรุงแกไข หรือพัฒนา เพื่อนํา ไปใชในการปฏิบัติกิจกรรมในครั้งตอไป นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T112


แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความ คิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมี น้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง กิจกรรม Mini Project ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมเป็นรายบุคคล โดยปฏิบัติงาน ตามที่ก�าหนดให้ เรื่อง การเลี้ยงสัตว์ ใบมอบหมายงานที่ 5.2 ๑. ให้นักเรียนศึกษาวิธีการเลี้ยงสัตว์ตามความสนใจ ๑ ชนิด ๒. ศึกษาข้อมูลการเลี้ยงสัตว์จากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ เกษตรอ�าเภอ ผู้รู้ ในท้องถิ่น หรือสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ตามความเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น ๓. บันทึกผลการเลี้ยงสัตว์ลงในแบบฝึกปฏิบัติการวางแผนเลี้ยงสัตว์ มีรายละเอียด ดังนี้ แบบฝึกปฏิบัติกำรวำงแผนเลี้ยงสัตว์ สัตว์ที่สนใจและต้องการเลี้ยง : ......................................................................................... วัตถุประสงค์ ในการเลี้ยงสัตว์ : .......................................................... สถานที่ใช้เลี้ยงสัตว์ : .......................................................... ขั้นตอนกำรเลี้ยงสัตว์ ๑. วิธีการเตรียมพันธุ์ ๒. แหล่งที่มาของพันธุ์ ๓. วัสดุ อุปกรณ์ ในการเลี้ยง ๔. อาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์ ๕. โรคและการป้องกันโรคของสัตว์เลี้ยง • โรคที่ส�าคัญของสัตว์เลี้ยง • ศัตรูที่ส�าคัญของสัตว์เลี้ยง • วิธีการป้องกันโรคและศัตรู ๖. น�าเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ พร้อมทั้งสรุปผลการวางแผนเลี้ยงสัตว์ ๗. น�าผลงานการวางแผนเลี้ยงสัตว์ไปฝึกปฏิบัติจริงในโรงเรือนของโรงเรียน หรือที่บ้านตามความเหมาะสม งานเกษตร 103 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน สมมติบทบาทเปนเกษตรกร ผูกําลังลงทุนเลี้ยงสัตวเศรษฐกิจ จากนั้น สํารวจสัตวเลี้ยงใน ทองถิ่นในประเด็นที่ครูกําหนดใหประเด็น ดังนี้ • สัตวเศรษฐกิจที่นิยมเลี้ยงในทองถิ่น คือ สัตวชนิดใด • สัตวเศรษฐกิจที่ไมปรากฏในทองถิ่น คือ สัตวชนิดใด • วิธีการเลี้ยงและดูแลสัตว • เครื่องมือ อุปกรณ สถานที่ และตนทุนอื่นๆ ที่ใชในการเลี้ยงสัตว • ปญหาที่พบและแนวทางในการแกปญหา 2. ใหนักเรียนแตละกลุมเขียนรายงานขอมูลและระบุชนิดของสัตว ที่เลือกเลี้ยง พรอมอธิบายเหตุผลประกอบ จากนั้นใหสงตัวแทน กลุมละ 1 คน นําเสนอผลงานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน โดยมีครู เปนผูใหคําแนะนําและชี้แนะเพิ่มเติม ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจหลังเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) โครงงาน เรื่อง งานเกษตรของฉัน 3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการ เรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 สรุปสิ่งที่ไดเรียนรู 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การเลี้ยงสัตว 2. ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนไดความรูใดจากการทําโครงงาน เรื่อง งานเกษตรของฉัน (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) ขั้นที่ 6 นําเสนอผลงาน 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอโครงงาน เรื่อง งานเกษตร ของฉัน ใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน โดยครูให นักเรียนกลุมอื่นรวมกันวิเคราะห วิจารณ และ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทําโครงงาน ของกลุมที่ออกมานําเสนอ 4. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย การเรียนรูที่ 5 เรื่อง งานเกษตร นํา สอน สรุป ประเมิน T113


Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 แนวทางการ ประกอบอาชีพ 1 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.5 - แบบทดสอบก่อนเรียน - PowerPoint 1. อธิบายแนวทาง การเข้าสู่อาชีพที่สนใจ ได้อย่างถูกต้อง 2. มีประสบการณ์ใน อาชีพที่ตนเองถนัดและ สนใจ 3. มีคุณลักษณะที่ดีต่อ อาชีพที่สนใจ หรืออาชีพอื่นๆ แบกระบวน การเรียน ความรู้ ความเข้าใจ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจใบงานที่ 6.1.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการส�ำรวจ ค้นหา - ทักษะการสังเกต วิธีการท�ำงาน เพื่อการด�ำรงชีวิต - ทักษะการคิด วิเคราะห์ - ทักษะกระบวน การคิดแก้ปัญหา - ทักษะการสรุป ลงความเห็น - ทักษะการประเมิน - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่นใน การท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ T114


แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 2 ความรู้  ในงานอาชีพ 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.5 - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint 1. อธิบายวิธีการเลือกใช้ เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสมกับการ ประกอบอาชีพได้ อย่างถูกต้อง 2. อธิบายประสบการณ์ ในอาชีพได้อย่างถูกต้อง 3. อธิบายคุณลักษณะที่ดี ต่ออาชีพได้อย่างถูกต้อง แบบ กระบวนการ กลุ่ม - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - ตรวจใบงานที่ 6.2.1 - ตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการส�ำรวจ ค้นหา - ทักษะการสังเกต วิธีการท�ำงาน เพื่อการด�ำรงชีวิต - ทักษะการคิด วิเคราะห์ - ทักษะกระบวน การคิดแก้ปัญหา - ทักษะการสรุป ลงความเห็น - ทักษะการประเมิน - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่นใน การท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ T115


สาระการเรียนรู้แกนกลาง ■ แนวทางเขาสูอาชีพ - เตรียมตัวหางานและพัฒนาบุคลิกภาพ - การสัมภาษณ - ลักษณะความมั่นคงและความกาวหนา - การทํางาน - การสมัครงาน - การเปลี่ยนงาน ■ การเลือกและใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับอาชีพ - วิธีการ - หลักการ - เหตุผล ■ ประสบการณในอาชีพ - การจําลองอาชีพ - กิจกรรมอาชีพ ■ คุณลักษณะที่ดีตออาชีพ - คุณธรรม - จริยธรรม - คานิยม ตัวชี้วัด ■ อภิปรายแนวทางเขาสูอาชีพที่สนใจ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๑) ■ เลือกและใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับอาชีพ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๒) ■ มีประสบการณในอาชีพที่ถนัดและสนใจ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๓) ■ มีคุณลักษณะที่ดีตออาชีพ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๔) ñ แนวทางการเข้าสู่อาชีพ อาชีพเป็นการท�ากิจกรรม การท�างาน หรือการประกอบการที่ไม่เป็นโทษแก่สังคม และมีรายได้ ตอบแทน โดยอาศัยแรงงาน ความรู้ ทักษะ อุปกรณ์ เครื่องมือ วิธีการที่แตกต่างกันไปเพื่อเลี้ยงชีพ ตนเองและครอบครัว ส่วนแนวทางการเข้าสู่อาชีพเป็นกระบวนการ หรือการกระท�าใด ๆ ที่สามารถ สร้างโอกาสให้ได้ประกอบอาชีพที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด ซึ่งแนวทางการเข้าสู่อาชีพของ แต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความสนใจ ความสามารถ ความถนัด ความพร้อม ในด้านความรู้ทักษะอาชีพ เงินทุน และการให้โอกาสของผู้ประกอบการ §านÍาªÕ¾ หน่วยการเรียนรู้ที่ ö ËÒ¡µŒÍ§¡ÒÃËÒÃÒÂä´Œ¾ÔàÈÉ ÃÐËNjҧ»´ÀÒ¤àÃÕ¹ ¨ÐÁÕÇÔ¸Õ àµÃÕÂÁµÑÇËÒ§Ò¹ ÊÁѤçҹ áÅÐÊÑÁÀÒɳ§Ò¹Í‹ҧäà 10๔ เกร็ดแนะครู ครูควรจัดการเรียนรู โดยอธิบายเกี่ยวกับแนวทางการเขาสูอาชีพที่สนใจ การเตรียมตัวหางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ การสมัครงาน การสัมภาษณ หลักการทํางาน การเปลี่ยนงาน การเลือกใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ มีประสบการณในอาชีพที่ตนเองถนัดและสนใจ มีคุณลักษณะที่ดี ตออาชีพ โดยสามารถจัดกิจกรรมได ดังนี้ • ใหนักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความคิดเห็น เพื่อใหนักเรียนเกิดความรู ความเขาใจเกี่ยวกับแนวทางการเขาสูอาชีพ การเลือกใชเทคโนโลยี อยางเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ ประสบการณในอาชีพ และคุณลักษณะที่ดีตออาชีพ • ใหนักเรียนสํารวจตนเองวามีความตองการที่จะประกอบอาชีพใด บุคลิกภาพและความสามารถในลักษณะของอาชีพนั้นๆ เหมาะสมกับตนเองหรือไม • ใหนักเรียนทําแบบทดสอบความสนใจในอาชีพ เนื่องจากนักเรียนบางคนอาจยังไมรูวาตนเองมีความตองการที่จะประกอบอาชีพใด ซึ่งหากไดทําแบบทดสอบ ดังกลาว อาจทําใหรูจักตนเองมากขึ้น เพื่อจะไดเตรียมความพรอมในการประกอบอาชีพนั้นๆ ไดอยางเหมาะสม ขั้นนํา (กระบวนการเรียน ความรูความเขาใจ) 1. ครูแจงชื่อเรื่องที่จะเรียนรูและผลการเรียนรู ใหนักเรียนทราบ จากนั้นใหนักเรียนแตละคน ทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 เรื่อง งานอาชีพ 2. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • อาชีพที่นักเรียนใฝฝนอยากเปนในอนาคต คืออาชีพใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน แพทย พยาบาล วิศวกร สถาปนิก ครู ตํารวจ ทหาร นักธุรกิจ นักออกแบบเสื้อผา เชฟ ชางภาพ นักแสดง นักกฎหมาย ที่ปรึกษาดานการลงทุน นักประชาสัมพันธ) • นักเรียนมีการวางแผนชีวิต เพื่อวางแนวทาง เขาสูอาชีพที่ตนเองใฝฝนไดอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ศึกษาขอมูลที่มีความ เกี่ยวของกับอาชีพที่สนใจ เพื่อศึกษารูปแบบ และลักษณะการทํางาน รวมถึงความตองการ ของตลาดแรงงาน และตั้งเปาหมายการเรียน ใหมีความสอดคลองกับอาชีพที่สนใจ เชน อาชีพทันตแพทย โดยเลือกเรียนในสายวิทย และคณิตฯ แลวสอบเขาเรียนตอในคณะ ทันตแพทย สาขาทันตแพทยศาสตร) • นักเรียนคิดวาตนเองสามารถทําตามแผนที่ วางไวไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ทําตามแผนที่วางไวได เนื่องจากมีความมุงมั่นและตั้งใจในการ ศึกษาเลาเรียน ชอบศึกษาคนควาหาความรู ใหมๆ อยูเสมอ เพื่อใหสามารถสอบเขาเรียนตอ ในคณะทันตแพทย สาขาทันตแพทยศาสตร ในมหาวิทยาลัยที่สนใจได) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T116 T117


ขอสอบเนน การคิด ดังนั้น เราจึงจ�าเป็นที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวหางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ ลักษณะความมั่นคงและความก้าวหน้าในการท�างาน การสมัครงาน การสัมภาษณ์ การท�างาน อย่างมีความสุข และการเปลี่ยนงาน นอกจากนี้ จะต้องรู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับอาชีพ เพราะมีส่วนช่วยในการพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสิ่งส�าคัญที่สุดของการประกอบอาชีพ คือ การมีคุณธรรม จริยธรรม และมีค่านิยมที่ดีต่อการประกอบอาชีพ เพราะมีส่วนช่วยให้มีโอกาส ในการพัฒนางานให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น เสริมสร้างแนวทางการเข้าสู่อาชีพที่ตนเองสนใจ ให้ประสบความส�าเร็จ การเข้าสู่อาชีพเปนการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่การ ท�างาน หรือการประกอบอาชีพตามที่ใฝฝน หรือต้องการ โดย จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อศึกษาท�าความเข้าใจเกี่ยวกับ ลักษณะของอาชีพและพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ ให้มีคุณสมบัติ เหมาะสมกับอาชีพนั้น ๆ เนื่องจากจะส่งผลให้สามารถประกอบ อาชีพที่ต้องการได้อย่างมีคุณภาพและประสบความส�าเร็จ งานอาชีพ 10๕ เราจึงจ�าเป็นที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวหางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ 1 การประกอบอาชีพมีความสําคัญตอตัวบุคคลอยางไร 1. เปนที่รูจักของคนในสังคม 2. ยกระดับฐานะของตนเองใหดีขึ้น 3. มีเงินออมในแตละเดือนเพิ่มมากขึ้น 4. สรางรายไดใหแกตนเองและครอบครัว (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการประกอบอาชีพนับเปน สิ่งจําเปนและสําคัญในวิถีการดํารงชีวิตของมนุษยในปจจุบัน เปนสิ่งที่ชวยสรางคุณคาใหแกตนเอง ชวยสรางรายได เพื่อนํามา ใชในการเลี้ยงชีพของตนเองและครอบครัว และเปนสิ่งสําคัญ อยางหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ ชุมชน และความ เจริญกาวหนาของประเทศชาติ) นักเรียนควรรู 1 พัฒนาบุคลิกภาพ บุคลิกภาพของแตละคนจะมีลักษณะเฉพาะที่แตกตาง กันออกไป ในการพัฒนาบุคลิกภาพตองเริ่มตนจากการวิเคราะหตนเอง เพื่อหา ขอบกพรองที่ตองการปรับปรุงแกไข ลงมือแกไขขอบกพรอง แลวใหปฏิบัติ จนเกิดเปนนิสัย จากนั้นประเมินวาสิ่งที่แกไขแลวนั้นดีขึ้นหรือไม ยังมีอุปสรรค ในการปฏิบัติอยางไร และจะมีแนวทางแกไขอยางไร เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคําวา “ผูประกอบการ” ใหนักเรียนฟงวา ผูประกอบการ คือ ผูที่เปนเจาของกิจการ หรือผูรวบรวมปจจัยการผลิต ไดแก ที่ดิน แรงงาน และทุน มาผลิตเปนสินคาและบริการ คุณลักษณะของการเปน ผูประกอบการที่ดี คือ ตองมีแรงผลักดัน ลมแลวกลาที่จะลุก มีความเชื่อมั่น ในตนเอง กลาที่จะเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนวิกฤตใหเปนโอกาสได ขั้นนํา 3. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมาเลาความฝน เกี่ยวกับการประกอบอาชีพในอนาคตของตนเอง ใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน จากนั้นใหเพื่อนรวม ชั้นเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวาเพื่อน คนดังกลาวมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตออาชีพ ที่สนใจหรือไม ขั้นสอน ขั้นที่ 1 สังเกต ตระหนัก 1. ครูเปดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ ตางๆ ใหนักเรียนดู เชน ขาราชการ ตํารวจ ทหาร ครู พิธีกร นักเขียน นักแสดง สถาปนิก ฯลฯ 2. ครูถามนักเรียนวา • จากคลิปวิดีโอที่ไดชมไปนั้น มีอาชีพที่ นักเรียนตองการประกอบในอนาคตหรือไม หากมี นักเรียนคิดวาตนเองมีคุณสมบัติ ที่เหมาะสมกับอาชีพนั้นหรือไม อยางไร หากไมมี นักเรียนสนใจอาชีพใด และคิดวา ตนเองมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับอาชีพนั้น หรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การที่นักเรียนตองการ จะประกอบอาชีพใดๆ นั้น นักเรียนจะตองหมั่น รูจักสังเกตตนเองอยูเสมอวามีความชอบ ความ สนใจ ความถนัด และความสามารถในดานใด เพราะหากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับอาชีพ ที่สนใจ ก็ยอมสงผลใหตนเองสามารถประกอบ อาชีพที่สนใจไดอยางมีคุณภาพ ประสบความ สําเร็จ และมีความสุขในการทํางาน” นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T116 T117


ขอสอบเนนการคิด ๑.๑ การเตรียมตัวหางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ การเตรียมตัวหางาน ควรเริ่มต้นตั้งแต่การรู้จัก “ความเป็นตนเองกับอาชีพที่สนใจ” ด้วยการ วิเคราะห์ เปรียบเทียบ หรือพิจารณาในแง่มุมต่าง ๆ ระหว่างตนเองกับอาชีพที่สนใจ เพื่อให้เห็น ภาพลักษณ์ของความเหมาะสมในการประกอบอาชีพนั้น ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับอาชีพ เป็นไปในลักษณะใด เพื่อเลือกอาชีพให้เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด พร้อมทั้งพัฒนาบุคลิกภาพ ให้สอดคล้องกับอาชีพนั้น ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการหางานท�าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๑) การเลือกอาชีพให้เหมาะสมกับตนเอง เป็นการเลือกประกอบอาชีพให้สอดคล้อง กับบุคลิกภาพ ความถนัดความสามารถและความสนใจของตนเอง เพราะหากเลือกอาชีพที่ท�าให้ เกิดความสุขในการท�างาน จะช่วยเสริมสร้างโอกาสที่จะประสบความส�าเร็จในการประกอบอาชีพ การเลือกอาชีพให้เหมาะสมกับตนเองมีหลักส�าคัญอยู่ ๔ ประการ ดังนี้ รู้จักตนเองเป็นอย่างดี ทั้งอุปนิสัย ความรู้ความถนัด ความสามารถ ความสนใจ บุคลิกภาพ สุขภาพ ทัศนคติเกี่ยวกับ อาชีพนั้น ๆ และฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว มีความรู้ ความเข้าใจถึงแนวโน้ม ของเศรษฐกิจในประเทศ โดยพิจารณาจากความต้องการของตลาดแรงงาน ในสาขาวิชาชีพปัจจุบันและอนาคตที่มีการ เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาวะ เศรษฐกิจและสังคมโลก ทั้งจากหนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ ตลอดจนรายงานการวิจัยเกี่ยวกับแนวโน้มความ ต้องการแรงงาน โดยเฉพาะอาชีพที่เกิดขึ้นใหม่ มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ ทั้งลักษณะของงานสถานที่ท�างานความต้องการ ของตลาดแรงงานรายได้สวัสดิการความก้าวหน้า และความมั่นคงของงาน ช่างภาพอิสระ เป็นหนึ่งในอาชีพที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เป็นบุคคลที่มีความช�านาญในการถ ่ายภาพในมุมมองที่ หลากหลาย 106 สิ่งสําคัญที่ควรคํานึงถึงเปนลําดับแรกในการตัดสินใจเลือก ประกอบอาชีพคือขอใด 1. ความกาวหนาจากการทํางาน 2. คานิยมของคนในสังคมปจจุบัน 3. คาตอบแทนและสวัสดิการที่จะไดรับ 4. ความรู ความชอบ และความสามารถของตนเอง (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะในการตัดสินใจเลือกประกอบ อาชีพจะตองคํานึงถึงความรู ความชอบ และความสามารถ ของตนเองกอนเปนลําดับแรก เพื่อใหสามารถเลือกประกอบ อาชีพไดเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด เพื่อใหเกิดความสุขในการ ทํางาน และเพื่อใหประสบความสําเร็จในอนาคต) ขั้นสอน ขั้นที่ 2 วางแผนปฏิบัติ 4. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การเตรียมตัวหางาน และการพัฒนาบุคลิกภาพ ลักษณะความมั่นคง และความกาวหนาในการทํางาน การสมัครงาน การสัมภาษณงาน หลักการทํางาน และการ เปลี่ยนงาน จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรู ที่ 6 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 5. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัว หางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ ลักษณะ ความมั่นคงและความกาวหนาในการทํางาน การสมัครงาน การสัมภาษณงาน หลักการ ทํางาน และการเปลี่ยนงาน จาก PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรูที่ 6 6. ครูถามนักเรียนวา • การเตรียมตัวหางานเพื่อประกอบอาชีพควร เริ่มตนจากสิ่งใดกอนเปนลําดับแรก (แนวตอบ กอนการเตรียมตัวหางาน ควรเริ่มตน จากการรูจักตนเองกอนวาตนเองมีความชอบ ความสนใจ ความถนัด ความสามารถใน เรื่องใดเปนพิเศษ และคุณสมบัติที่ตนเองมี ความเหมาะสมตอการประกอบอาชีพนั้น หรือไม) • การเลือกอาชีพใหเหมาะสมกับตนเองมีหลัก ในการเลือกอยางไร (แนวตอบ หลักในการเลือกอาชีพใหเหมาะสม กับตนเอง มีหลักการสําคัญอยูหลายประการ เชน ควรรูจักตนเองเปนอยางดี มีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับอาชีพตางๆ ที่สนใจ มีการติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาวะ เศรษฐกิจและสังคมโลก มีความรู ความเขาใจ ถึงแนวโนมของเศรษฐกิจในประเทศ) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลิกภาพใหนักเรียนฟงวา การพัฒนา บุคลิกภาพมีอยูดวยกันหลายดาน เชน ดานความรูสึกนึกคิด คือ ตองมีความ เชื่อมั่นในตนเอง มีความซื่อสัตย มีความกระตือรือรน มีความคิดริเริ่มสรางสรรค มีความรอบรู มีความจําดี และวางตัวไดอยางเหมาะสมกับกาลเทศะ ดานอารมณ คือ ตองสามารถควบคุมอารมณของตนเองใหมีความมั่นคง ไมแสดงพฤติกรรม ทางอารมณอยางชัดเจน เชน ดีใจ เสียใจ โกรธ ขบขัน ดานรางกาย คือ ตองแสดงพฤติกรรมตางๆ ออกมาใหอยูในลักษณะที่ถูกตองเหมาะสมใน ทุกๆ โอกาส ทุกๆ สถานที่ ไมวาจะเปนการพูด การเดิน การแสดงกิริยาทาทาง มีการจัดการกับตนเองใหเขาใจในสถานการณตางๆ ไดอยางถูกตอง เหมาะสม ดานสังคม คือ ตองมีความเปนผูนําและผูตามที่ดี ใหความรวมมือกับผูอื่นในการ ประกอบกิจกรรมตางๆ มีระเบียบวินัย มีความออนนอมถอมตน มีการวางตัว อยางเหมาะสม มีความเปนกันเอง มีมนุษยสัมพันธที่ดีกับผูอื่น สามารถปรับตัว กับการเปลี่ยนแปลงในดานตางๆ ไดดี นํา สอน สรุป ประเมิน T118 T119


ขอสอบเนน การคิด ๒) การพัฒนาบุคลิกภาพ เป็นการเตรียม หรือปรับปรุงตนเองให้มีคุณสมบัติ และบุคลิกภาพเหมาะสมกับงาน ซึ่งการพัฒนาบุคลิกภาพเป็นสิ่งส�าคัญที่ทุกคนต้องเรียนรู้และ พัฒนาอยู่เสมอ เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะที่ดีให้เกิดขึ้นแก่ตนเองและเพื่อการยอมรับจากสังคม การพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อการประกอบอาชีพก็เช่นเดียวกัน จะต้องปฏิบัติและพัฒนาเป็นประจ�า อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และทักษะในการท�างาน เพราะผู้ที่มีบุคลิกภาพที่ดีจะสามารถปรับตัวในการท�างานได้ดีส่งผลให้ประสบความส�าเร็จและมี ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ๑. แนวทางในการพัฒนาบุคลิกภาพ บุคคลจะมีบุคลิกภาพที่ดีได้นั้นจะต้องมีการ ปรับปรุงและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ แนวทางในการพัฒนาบุคลิกภาพมีขั้นตอน ดังนี้ หาหนังสือมาอ่าน หนังสือที่อ่านควรเป็นหนังสือแนะน�าวิธีการส�ารวจตนเอง หนังสือ เกี่ยวกับมารยาทที่พึงปฏิบัติเพราะหนังสือเหล่านี้มีวิธี ปฏิบัติที่ถูกวิธีและเหมาะสมให้ปฏิบัติตาม หาผู้ที่มีความรู้ ความสามารถมาช่วยฝึกฝน ควรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลิกภาพและมารยาททางสังคม ซึ่งจะช่วย แก้ไขจุดบกพร่องของเราได้ในระยะเวลาอันสั้น ส�ารวจตนเอง โดยสังเกตและประเมินบุคลิกภาพ ของตนเอง เช่น รูปร่างหน้าตา ทรงผม การเดิน การยืน การ แต่งกายการพูดจาและหากพบ ข้อบกพร่องควรท�าการปรับปรุง แก้ไขทันที จดลงสมุดบันทึก บันทึกสิ่งต่าง ๆ ที่ตนเองมีความ รู้สึกพึงพอใจ หรือไม่พึงพอใจ จากนั้นให้พิจารณาดูว่ามีสิ่งใดที่ ต้องการปรับเปลี่ยน หรือต้องการ พัฒนาให้น�ามาแก้ไข สอบถามคนรอบข้าง เพื่อให้คนรอบข้างประเมิน บุคลิกภาพให้ว ่าควรปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสิ่งใด ขอค�าแนะน�า จากผู้ที่มีความรู้ ในการพัฒนาบุคลิกภาพ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการ พัฒนาบุคลิกภาพของตนเอง โดยรับฟังค�าแนะน�าด้วยท ่าที สุภาพ โดยผู้ที่ให้ค�าแนะน�าจะต้องเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพดี เพราะเป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับ บุคลิกภาพที่ดีที่สุด งานอาชีพ 107 หาผู้ที่มีความรู้ ความสามารถมาช่วยฝึกฝน ควรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลิกภาพและมารยาททางสังคม ในระยะเวลาอันสั้น 1 “มะนาวตองการพัฒนาบุคลิกภาพของตนเอง ไมวาจะเปน ในเรื่องของรูปราง หนาตา กิริยาทาทาง และการแตงกาย” สิ่งแรกที่ มะนาวควรปฏิบัติคือขอใด 1. สังเกตและสํารวจบุคลิกภาพของตนเอง 2. เขารับการฝกอบรมการพัฒนาบุคลิกภาพ 3. ลอกเลียนแบบบุคลิกภาพของบุคคลที่ชื่นชอบ 4. ศึกษาขอมูลเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลิกภาพจากสื่อตางๆ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะการมีบุคลิกภาพที่ดีจะชวย สรางความประทับใจใหแกผูที่ไดพบเห็น กอนการพัฒนาบุคลิกภาพ จึงควรสังเกตและสํารวจบุคลิกภาพของตนเองกอน เพื่อจะได ปรับปรุงแกไขไดอยางถูกตอง) ขั้นสอน ขั้นที่ 2 วางแผนปฏิบัติ 7. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเรื่อง การพัฒนา บุคลิกภาพ จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดจึงตองพัฒนาบุคลิกภาพของ ตนเองอยูเสมอ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ชวยเสริมสรางคุณลักษณะ ที่ดีใหเกิดขึ้นกับตนเองและเพื่อการยอมรับ ของสังคม) • ผูที่มีบุคลิกภาพที่ดีจะสงผลตอการทํางาน อยางไร (แนวตอบ ชวยใหสามารถปรับตัวในการ ทํางานไดดี สงผลใหประสบความสําเร็จ และมีความเจริญกาวหนาในหนาที่การงาน) • แนวทางในการพัฒนาบุคลิกภาพมีขั้นตอน อยางไร (แนวตอบ แนวทางในการพัฒนาบุคลิกภาพ มีขั้นตอน คือ การสํารวจตนเอง จดลงสมุด บันทึก สอบถามคนรอบขาง ขอคําแนะนํา จากผูที่มีความรูในการพัฒนาบุคลิกภาพ หาหนังสือมาอาน และหาผูที่มีความรู ความสามารถมาชวยในการฝกฝน) • การสํารวจตนเองเพื่อพัฒนาบุคลิกภาพ ควรสํารวจสิ่งใด (แนวตอบ ควรสํารวจในหลายๆ ดาน เชน รูปราง หนาตา การเดิน การยืน การแตงกาย การพูด) • “การสังเกตบุคลิกภาพภายนอกสามารถ บงบอกไดวาผูนั้นมีบุคลิกภาพที่ดี” นักเรียน เห็นดวยหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ไมเห็นดวย เพราะผูที่มีบุคลิกภาพดี จะตองมีการแสดงออกที่ดีทั้งบุคลิกภาพ ภายใน เชน ความคิด ความรูสึก และบุคลิกภาพ ภายนอก เชน การแตงกาย การพูด กิริยา ทาทางตางๆ) สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับมารยาททางสังคม ไดที่ • https://www.mculture.go.th/young/ewt_news.php?nid= 122&filename=index • https://www.winnews.tv/news/2583 • https://issue247.com/life/etiquette-rules-that-everyone-need-toknow/ นักเรียนควรรู 1 มารยาททางสังคม เปนกรอบ หรือระเบียบแบบแผนที่ควรประพฤติ ปฏิบัติ หรือละเวนในสวนที่มีความเกี่ยวของกับผูอื่น รวมถึงชุมชน หรือคนในสังคม หมูมาก ซึ่งมารยาททางสังคมที่ควรรูจักและพึงปฏิบัติมีอยูดวยกันหลายประการ เชน กลาวคํา “ขอบคุณ” เมื่อผูอื่นใหสิ่งของ ใหบริการ หรือใหความชวยเหลือ ในเรื่องตางๆ กลาวคํา “ขอโทษ” เมื่อตองการรบกวนใหผูอื่นชวยเหลือ หรือกลาวเมื่อกระทําผิด ทําในสิ่งที่ไมถูกตอง ไมเหมาะสม โดยไมไดตั้งใจ นํา สอน สรุป ประเมิน T118 T119


T i p บุคลิกภาพเปรียบเสมือนภาพลักษณ์ภายนอกที่ส�าคัญ ถือเป็นหน้าตา หรือภาพลักษณ์ของตนเองที่มี ต่อสายตาผู้อื่น การสร้างบุคลิกภาพที่ดีขึ้นอยู่กับความพร้อมและความต้องการของตนเอง ซึ่งเทคนิคและ หลักปฏิบัติในการปรับปรุงและพัฒนาบุคลิกภาพ มีดังนี้ ๒. หลักการพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อประกอบอาชีพ เป็นการพัฒนาบุคลิกภาพ ให้เป็นผู้มีความพร้อมที่จะประกอบอาชีพ โดยต้องพัฒนาบุคลิกภาพทั้งภายในและภายนอก ดังนี้ บุคลิกภาพภายใน บุคลิกภาพที่ดีควรเริ่มต้นจากภายใน และควร พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการประกอบอาชีพ ให้ประสบความส�าเร็จ เช่น มีความเชื่อมั่น ในตนเอง มีความกระตือรือร้น มีความรอบรู้ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ บุคลิกภาพภายนอก บุคลิกภาพภายนอกเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน จาก สภาพภายนอกของแต่ละบุคคล และสามารถ พัฒนาปรับปรุงได้ เช่น การแต่งกาย กิริยา ท่าทาง สายตา การใช้น�้าเสียง การใช้ภาษา ศิลปะการพูด การจัดทรงผม เลือกทรงผมให้เหมาะสมกับกาลเทศะ โอกาส และบุคลิกภาพของตนเอง การแต่งกาย เลือกสวมใส ่เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับรูปร ่าง บุคลิก ลักษณะและสถานที่ที่จะไป การเดิน นั่ง และยืน ยืดตัว หน้าตรง เดินแกว่งแขนไปมาเล็กน้อย การใช้สายตา สบตากับผู้ที่สนทนาด้วย ไม่หลบ หรือหลีกเลี่ยงการ ปะทะสายตา การใช้ค�าพูดและน�้าเสียง ใช้ค�าพูดสุภาพ หลีกเลี่ยงการใช้ค�าพูดดูถูกดูหมิ่น เหน็บแนม หรือใช้ค�าพูดที่แสดงความก้าวร้าว การแสดงพฤติกรรมอื่น ๆ สนใจในขณะที่ผู้อื่นก�าลังพูด ไม่พูดเรื่องของตนเอง มากจนเกินไป ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ เทคนิคการมีบุคลิกภาพที่ดี 108 ๒. หลักการพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อประกอบอาชีพ เป็นการพัฒนาบุคลิกภาพ พัฒนาปรับปรุงได้ เช่น การแต่งกาย กิริยา ท่าทาง สายตา การใช้น�้าเสียง การใช้ภาษา ศิลปะการพูด 1 2 3 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 2 วางแผนปฏิบัติ • บุคลิกภาพภายในและบุคลิกภาพภายนอก มีความแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ บุคลิกภาพภายใน เปนสิ่งที่เกิดขึ้น จากภายในตัวบุคคล เชน ความเชื่อมั่น ในตนเอง ความกระตือรือรน ความรอบรู ความคิดริเริ่มสรางสรรค สวนบุคลิกภาพ ภายนอก เปนสิ่งที่เห็นไดอยางชัดเจนจาก ตัวบุคคล เชน การแตงกาย กิริยาทาทาง การพูด การแสดงออกในลักษณะตางๆ) 8. ครูใหนักเรียนแตละคนศึกษาเรื่อง เทคนิคการ มีบุคลิกภาพที่ดี ในกรอบ Tip จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 และใหนักเรียนสํารวจ ตนเองวาตนเองมีลักษณะที่บงบอกวาเปน ผูที่มีบุคลิกภาพที่ดีหรือไม จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • นักเรียนคิดวาตนเองมีบุคลิกภาพที่ดีหรือไมดี หากดี จะมีแนวทางการพัฒนาบุคลิกภาพ ของตนเองใหดียิ่งขึ้นไดอยางไร หากไมดี จะมีแนวทางในการแกไขและพัฒนา บุคลิกภาพของตนเองอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) 9. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกัน แสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกับเรื่องที่ไดศึกษามา โดยจะตองนําเสนอในเรื่องการเตรียมตัวหางาน และการพัฒนาบุคลิกภาพ การสมัครงาน และการสัมภาษณงาน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 10. ครูใหนักเรียนแตละกลุมผลัดกันออกมาแสดง บทบาทสมมติใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน จากนั้น ใหเพื่อนรวมชั้นเรียนรวมกันเสนอแนะเพิ่มเติม นักเรียนควรรู 1 บุคลิกภาพ เปนสิ่งที่มีอิทธิพลตอการเลือกอาชีพ เชน ผูที่มีอารมณสุนทรีย ชื่นชอบทางดานศิลปะ เหมาะสมกับอาชีพสถาปนิก จิตรกร ครูสอนการแสดง 2 การใชนํ้าเสียง เพื่อใหการสื่อสารเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ ผูพูดควรใช นํ้าเสียงในการสื่อสารอยางเปนธรรมชาติ พูดดวยความรูสึกจริงใจ พูดใหเสียงดัง ฟงชัด จังหวะในการพูดไมชา หรือเร็วจนเกินไป หลีกเลี่ยงการพูดเออ-อา ระหวาง การสนทนา ไมควรพูดเหมือนอานหนังสือ หรือการทองจํา 3 ศิลปะการพูด การพูดเปนสิ่งที่จําเปนและสําคัญตอการประกอบอาชีพตางๆ เพราะในทุกสาขาอาชีพลวนตองอาศัยการพูด เพื่อสื่อความหมายระหวางผูพูด กับผูฟง เพื่อใหเกิดความเขาใจและเกิดการรับรูที่ตรงกัน ซึ่งศิลปะการพูด มีความสําคัญ คือ ชวยใหมนุษยมีความเขาใจซึ่งกันและกัน ชวยใหเกิดการรับรู ความหมายรวมกัน ชวยใหเกิดการตอบสนองระหวางกัน และชวยเสริมสราง ความเปนประชาธิปไตย ใหนักเรียนสํารวจบุคลิกภาพของตนเอง จากนั้นจดบันทึก สิ่งที่ตองการปรับปรุงแกไข และแนวทางในการพัฒนาบุคลิกภาพ ลงในกระดาษ A4 นําสงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม ใหนักเรียนเลือกบุคคลตนแบบที่เปนแรงบันดาลใจในเรื่อง ของการมีบุคลิกภาพที่ดีตามความสนใจ 1 ทาน เขียนอธิบายเหตุผล ในการเลือกบุคคลทานนี้เปนตนแบบ และสิ่งที่เปนแรงบันดาลใจ ใหดําเนินตามแบบอยาง จากนั้นออกมานําเสนอผลงานใหเพื่อนชม หนาชั้นเรียน นํา สอน สรุป ประเมิน T120 T121


ขอสอบเนน การคิด ๓) การเตรียมความพร้อมในการหางานท�า ก่อนหางานท�าจะต้องค้นพบตนเอง ให้ชัดเจนก่อน เพื่อน�าไปสู่ความส�าเร็จในการประกอบอาชีพที่ตั้งเป้าหมายไว้ ดังนี้ ๑. การค้นพบตนเองให้ชัดเจนด้วยการวิเคราะห์ SWOT เป็นการวิเคราะห์ สภาพองค์กร หรือหน่วยงานในปัจจุบัน เพื่อค้นหาจุดแข็ง จุดด้อย หรือสิ่งที่อาจเป็นปัญหาส�าคัญ ในการท�างาน ทั้งนี้ สามารถน�าหลักการวิเคราะห์ SWOT มาใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ ตนเอง เพื่อเลือกอาชีพให้เหมาะสมกับตนเองได้ ดังนี้ หลังจากรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการวิเคราะห์ SWOT แล้ว ให้ประเมินตนเอง เพื่อการค้นพบตนเองให้ชัดเจนก่อนหางานท�า โดยการวิเคราะห์เริ่มต้นจากเป้าหมายเป็นหลักก่อน เช่น ต้องการเป็นครู เป็นนักข่าวชื่อดัง เป็นเจ้าของร้านกาแฟ จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร จุดแข็ง ต่าง ๆ ที่มีสามารถท�าให้ไปถึงฝันได้หรือไม่ หรือมีจุดอ่อนใดที่ต้องปรับปรุง Opportunities โอกาส ปัจจัยและสถานการณ์ ภายนอกที่สร้างโอกาส ให้ได้งานง่ายขึ้น ควรรู้ว่า เป้าหมายคือสิ่งใด สิ่งใด คือสิ่งที่ต้องการ และมี ความเป็นไปได้หรือไม่ที่ จะบรรลุตามเป้าหมาย ที่ตั้งไว้ Weaknesses จุดอ่อน ข้อเสีย หรือปัญหาที่ท�า ให้เกิดอุปสรรคในการ ท�างาน เช ่น ควบคุม อารมณ์ไม่ได้ หงุดหงิด ง่าย โกรธง่าย อารมณ์ ร้อน สมาธิสั้น ไม่กล้า ตัดสินใจ ขาดความ เชื่อมั่นในตนเอง สิ่ง เหล่านี้ถือเป็นข้อเสียที่ ควรปรับปรุงอย่างเร่งด่วน เพราะอาจส่งผลเสียต่อ การท�างานได้ Strengths จุดแข็ง ลักษณะเด่นที่เป็นตนเอง เช่น การมีมนุษยสัมพันธ์ ที่ดีความซื่อสัตย์ มั่นคง หนักแน ่น งานที่เลือก ตรงกับสาขาที่เรียน หรือ ประสบการณ์ที่มี หาก รู้ว ่าตนเองมีจุดแข็งใด ควรหาวิธีพัฒนาอยู่เสมอ Threats อุปสรรค ปัจจัยและสถานการณ์ ภายนอกที่ขัดขวาง เป็น อุปสรรค หรือปัญหา ท�าให้ไม ่สามารถบรรลุ ตามวัตถุประสงค์ได้ เช่น ต้องการเป็นแพทย์ แต่ กลัวเลือด หรือขาดทุน ทรัพย์ในการเรียน การวิเคราะห์อุปสรรคเพื่อ ที่จะได้หาวิธีแก้ปัญหา หรืออุปสรรคได้อย ่าง ทันท่วงที S W O T งานอาชีพ 109 จุดอ่อน ควรปรับปรุงอย่างเร่งด่วน โอกาส 1 2 3 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 11. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) ศึกษา เรื่อง การคนพบตนเองใหชัดเจนดวยการวิเคราะห SWOT จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 12. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคนพบ ตนเองใหชัดเจนดวยการวิเคราะห SWOT จาก PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรูที่ 6 13. ครูถามนักเรียนวา • การวิเคราะหตนเองดวยการใชหลัก SWOT เพื่อชวยเลือกอาชีพใหเหมาะสมกับตนเอง มีหลักในการวิเคราะหอยางไร (แนวตอบ การวิเคราะห SWOT มีหลักในการ วิเคราะหที่สําคัญ 4 ประการ คือ การวิเคราะห จุดแข็ง การวิเคราะหจุดออน การวิเคราะห โอกาส และการวิเคราะหอุปสรรค) • หลักการ SWOT มีประโยชนอยางไร (แนวตอบ ชวยใหตนเองทราบวาเหมาะสม ที่จะประกอบอาชีพใด รูขอดีและขอเสียของ ตนเอง รวมถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น เพื่อจะ ไดแกปญหาไดอยางถูกตอง) 14. ครูแจกกรณีตัวอยางบุคคลที่ตองการประกอบ อาชีพใดอาชีพหนึ่งใหกับนักเรียนแตละกลุม จากนั้นใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหวาอาชีพ ดังกลาวมีความเหมาะสมกับบุคคลนั้นหรือไม โดยนําการวิเคราะห SWOT มาใชใหครบ ทุกขั้นตอน ไดแก S (Strengths) จุดแข็ง W (Weaknesses) จุดออน O (Opportunities) โอกาส และ T (Threats) อุปสรรค “บริษัท ABC นําหลักการวิเคราะห SWOT มาวิเคราะหสภาพ องคกร” SWOT สามารถชวยใหขอมูลแกบริษัท ABC ไดอยางไร 1. พนักงานสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองไดดียิ่งขึ้น 2. ทําใหเขาถึงขอมูลตางๆ ภายในองคกรไดอยางรวดเร็ว 3. รูจุดแข็ง จุดออน หรือสิ่งที่เปนปญหาในการทํางาน 4. เขาใจแนวโนมการเปลี่ยนแปลงขององคกร (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะ SWOT เปนเครื่องมืออยางหนึ่ง ที่องคกรตางๆ นิยมนํามาใชในการวิเคราะหสภาพขององคกร หรือหนวยงาน เพื่อคนหาจุดแข็ง จุดออน หรือสิ่งที่เปนปญหา ในการทํางาน เพื่อสรางความไดเปรียบทางการตลาด) นักเรียนควรรู 1 จุดออน ในการระบุจุดออนของตนเองตองกระทําอยางซื่อสัตย ดวยใจ เปนกลาง เพราะบางคนมักจะคิดอยูเสมอวาตนเองมีแตจุดแข็ง ไมมีจุดออน จึงมักมองขามไป หรือบางคนมักไมคอยยอมรับจุดออนที่ตนเองมี 2 ปรับปรุง ในการลงมือปฏิบัติเพื่อปรับปรุงตนเองนั้น จะตองมีความตั้งใจ มีความพยายาม อยาลมเลิก หากเรารูสึกทอ หรือพบเจอกับปญหา ใหคิดวา ปญหาเปนสิ่งทาทาย หากเราขามพนปญหาไปได โอกาสที่จะประสบผลสําเร็จ ก็จะมีสูง 3 โอกาส โอกาสในการประกอบอาชีพของแตละบุคคลนั้นมีความแตกตางกัน บางคนทํางานหารายไดตั้งแตวัยเรียน บางคนชวยเหลือกิจการของครอบครัว ตั้งแตเด็ก โอกาสในการทํางานตางๆ ทําใหแตละบุคคลมีทักษะประจําตัว ที่แตกตางกัน ซึ่งสามารถพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพของตนเองได ทําใหพรอมที่ จะประกอบอาชีพที่ใฝฝน ดังนั้น เมื่อมีโอกาสในการทําสิ่งใหมๆ จึงควรทดลอง ปฏิบัติ เพื่อหาความถนัดและเพิ่มความสามารถของตนเอง นํา สอน สรุป ประเมิน T120 T121


การวิเคราะห์ SWOT เพื่อค้นพบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง 1 ขั้นตอน การตั้งเป้าหมาย อาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หรือแอร์ โฮสเตส ✘ ๓ วิเคราะห์จุดอ่อน • ไม่เก่งภาษาอังกฤษ (ขาดทักษะการพูด การฟัง) • ชอบทานขนมหวาน จึงท�าให้มีน�้าหนักมาก ๔ วิเคราะห์โอกาส • เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือเวลาว่างหลังเลิกเรียน • งดการรับประทานขนมหวาน ออกก�าลังกายเป็นประจ�า เพื่อควบคุมน�้าหนัก ๕ วิเคราะห์อุปสรรค • ผู้ปกครองไม่สนับสนุนให้ประกอบอาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน • ไม่มีความสามารถในการว่ายน�้า 6 การประเมิน ต้องปรับจุดอ ่อนเรื่องภาษาอังกฤษ โดยหาเวลาว ่างไปลงเรียนเพิ่มเติม จัดตารางการบริโภคอาหารอย่างเหมาะสม งดรับประทานขนมหวาน เพื่อเป็น การควบคุมน�้าหนักและออกก�าลังกายเป็นประจ�า เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์สร้างโอกาสให้ตนเองด้วยการชักจูงใจให้ผู้ปกครองเล็งเห็นความส�าคัญ และความมั่นคงของทุกอาชีพ รวมทั้งอาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเนื่องจาก เป็นอาชีพหนึ่งที่มีค ่าตอบแทนสูง ได้เดินทางท ่องเที่ยวไปยังประเทศต ่าง ๆ มีสวัสดิการในการเดินทางที่ดีให้กับตนเองและครอบครัว ตลอดจนหาเวลาเรียน ว่ายน�้าควบคู่กันไปด้วย ๒ วิเคราะห์จุดแข็ง • ชอบงานบริการ • มีความขยัน อดทน • พูดจาฉะฉาน • มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี • นิสัยร่าเริง สนุกสนาน • มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง 110 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 15. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอผลการวิเคราะหเกี่ยวกับ การประกอบอาชีพของบุคคลจากกรณีตัวอยาง ที่กําหนดใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน จากนั้นให เพื่อนรวมชั้นเรียนรวมกันเสนอแนะเพิ่มเติม โดยมีครูเปนผูชวยตรวจสอบความถูกตอง 16. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันสรุปกรณี ตัวอยางบุคคลที่ตองการประกอบอาชีพใด อาชีพหนึ่ง โดยใหนักเรียนแตละกลุมสง ตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมาสรุปใหเพื่อนฟง หนาชั้นเรียน 17. ครูใหนักเรียนแตละคนยกตัวอยางอาชีพที่ สนใจมา 1 อาชีพ เพื่อวางแนวทางการเขาสู อาชีพของตนเอง โดยนําการวิเคราะห SWOT มาใช เพื่อคนหาจุดแข็ง จุดออน หรือสิ่งที่ อาจเปนปญหาสําคัญตอการประกอบอาชีพ ของตนเอง จากนั้นบันทึกผลการวิเคราะห แนวทางการเขาสูอาชีพลงในใบงานที่ 6.1.1 เรื่อง การวิเคราะห SWOT เพื่อคนพบอาชีพ ที่เหมาะสมกับตนเอง 18. ครูใหสมาชิกแตละคนภายในกลุมผลัดกัน อภิปรายเรื่อง แนวทางการเขาสูอาชีพของ ตนเองดวยการวิเคราะห SWOT และการ วิเคราะหความพึงพอใจของตนเองตออาชีพ นั้นๆ ใหสมาชิกภายในกลุมฟง 19. ครูใหสมาชิกภายในกลุมรวมกันแสดง ความคิดเห็น หรือเสนอแนะเพิ่มเติมวา เพื่อน คนดังกลาวมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตอการ ประกอบอาชีพตามที่ทําการวิเคราะหดวย หลักการ SWOT หรือไม โดยมีครูเปนผูชวย ตรวจสอบความถูกตอง บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 8 วิชาชีพ ที่สามารถยายแรงงานฝมืออยางเสรี ในประชาคมอาเซียน ไดแก • วิชาชีพดานวิศวกรรม (Engineering Services) • วิชาชีพพยาบาล (Nursing Services) • วิชาชีพดานสถาปตยกรรม (Architectural Services) • วิชาชีพเกี่ยวกับการสํารวจ หรือนักสํารวจ (Survey Qualifif ication) • วิชาชีพบัญชี (Accountancy Services) • วิชาชีพเกี่ยวกับทันตกรรม (Dental Practitioners) • วิชาชีพเกี่ยวกับการรักษา หรือการแพทย (Medical Practitioners) • วิชาชีพเกี่ยวกับการบริการและการทองเที่ยว (Tourism) เพื่อเพิ่มอัตราการแขงขันทางเศรษฐกิจในภูมิภาคโลก สงเสริมอาเซียนให เปนตลาดเดียวและมีฐานการผลิตรวมกัน ใหนักเรียนยกตัวอยางอาชีพที่ตนเองมีความสนใจ 1 อาชีพ จากนั้นทําการวิเคราะหโดยใชหลักการวิเคราะห SWOT เพื่อคนพบ อาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง เขียนลงในกระดาษ A4 จากนั้น ออกมานําเสนอผลการวิเคราะหใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน นําสง ครูผูสอน กิจกรรม ทาทาย ใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห SWOT ซึ่งประกอบไปดวยจุดแข็ง (Strengths) จุดออน (Weaknesses) โอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threats) โดยสรุปความรู ที่ไดรับในรูปแบบของแผนพับ ตกแตงใหสวยงาม นําสงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T122 T123


ขอสอบเนน การคิด ๒. การติดตามข่าวสาร เป็นสิ่งที่ต้องตระหนักถึงก่อนสิ่งอื่นใด ต้องกระตือรือร้น ในการหาข่าวสารด้วยความสนใจอย่างจริงจัง เพราะช่วงเวลาของการโฆษณารับสมัครงานของ แต่ละองค์กรมีระยะเวลาจ�ากัด บางองค์กรระบุวันหมดเขตรับสมัครไว้ ท�าให้เมื่อเวลาผ่านไป โอกาสในการสมัครงานและได้รับคัดเลือกไปสัมภาษณ์งานย่อมน้อยลง ดังนั้น จึงต้องกระตือรือร้น ที่จะสืบหาข้อมูลข่าวสารของการรับสมัครงานให้มากที่สุดเท่าที่จะท�าได้ ในระหว่างที่ก�าลังหา งานท�าควรเตรียมเอกสารส�าหรับการสมัครงานให้พร้อมและท�าส�าเนาเอาไว้หลายชุด จะได้ ไม่ต้องเสียเวลาหาหลักฐาน ยิ่งขยันหาแหล่งรับสมัครงาน โอกาสที่จะประสบความส�าเร็จใน การหางานก็จะมีมากยิ่งขึ้น ๓. การมองหาแหล ่งงาน ต่าง ๆ เป็นการค้นหาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ องค์กรที่เปิดรับสมัครงานซึ่งหาได้จากหลายวิธี เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสาร อินเทอร์เน็ต ส�านัก จัดหางานซึี่งมีอยู่ทั่วประเทศ หน่วยจัดหางาน ของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่เป็นตัวกลาง จัดหางานให้แก่นิสิต นักศึกษาในระหว่างภาค ฤดูร้อนและเมื่อส�าเร็จการศึกษา ส�านักงาน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ส�านักงาน ก.พ.) ซึ่งเป็นองค์การกลางทางด้านของการ บริหารทรัพยากรบุคคลในราชการพลเรือน ส�าหรับผู้ที่มุ่งจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐตลอดจนถาม จากญาติสนิท หรือบุคคลที่รู้จัก ๑.๒ ลักษณะความมั่นคงและความก้าวหน้าในการท�างาน การประกอบอาชีพใด ๆ ก็ตาม ที่สร้างรายได้อย่างสม�่าเสมอมีความมั่นคง มี โอกาสเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน หรือต�าแหน่งเมื่อมีประสบการณ์ในการท�างานมากขึ้น ซึ่งการตัดสินใจเลือก สมัครงานในบริษัท หรือหน่วยงานใด ๆ ที่มีความมั่นคงและมีความก้าวหน้า นับว่ามีความส�าคัญ อย่างยิ่ง เพราะจะท�าให้ผู้ท�างานในอาชีพนั้น ๆ อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยมุมมอง หรือ ความรู้สึกของบุคคลเกี่ยวกับลักษณะความมั่นคงและความก้าวหน้าในการท�างานจะมีความแตกต่าง กันไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการตั้งเป้าหมายในชีวิตการท�างานของแต่ละบุคคล ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีส่วนช่วยในการค้นหาข้อมูล การรับสมัครงาน ท�าให้สามารถสืบค้นข้อมูลได้สะดวกและ รวดเร็วยิ่งขึ้น งานอาชีพ 111 เพราะช่วงเวลาของการโฆษณารับสมัครงานของ อินเทอร์เน็ต 1 2 ขอใดจัดเปนทักษะสําคัญในการปฏิบัติงาน เพื่อใหเกิดความรู และความชํานาญในการปฏิบัติงาน 1. ปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่กําหนดและมีวิธีการตรวจสอบ ที่ละเอียดรอบคอบ 2. ลงมือปฏิบัติงานโดยทันทีและปลอยใหความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เปนประสบการณ 3. ศึกษาขอมูลการปฏิบัติงานใหเขาใจกอนลงมือปฏิบัติงานจริง 4. ปฏิบัติงานควบคูไปกับการวางแผนการทํางาน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการปฏิบัติงานที่ดีจะทําใหเกิด ความรู ความชํานาญในการปฏิบัติงานนั้นๆ ซึ่งจําเปนตองศึกษา ขอมูลในการปฏิบัติงานใหเขาใจกอน เพื่อจะไดนําความรูไปใชใน การปฏิบัติงานไดอยางเหมาะสม) นักเรียนควรรู 1 การโฆษณา เปนการนําเสนอขอมูล หรือขาวสารตางๆ เพื่อเปนการโนมนาว หรือชักจูงใหกลุมเปาหมายเกิดความรูสึกคลอยตาม ซึ่งลักษณะของการโฆษณา คือ เปนการสื่อสารจูงใจ เปนการจูงใจดวยเหตุจริงและเหตุสมมติ เปนการ นําเสนอผานสื่อมวลชนประเภทตางๆ เปนการเสนอขายความคิดของสินคาและ บริการ ตองมีการระบุผูสนับสนุน หรือตัวผูโฆษณา และตองจายคาตอบแทน ในการโฆษณาใหสื่อตางๆ ดวย 2 อินเทอรเน็ต ขอควรระวังในการใชอินเทอรเน็ต มีดังนี้ • ไมควรใหขอมูลสวนตัวกับผูอื่นที่พบกันทางอินเทอรเน็ต • ตองไมแสดงความคิดเห็นในกระดานขาวที่แนะนําใหทําสิ่งที่อาจเปน อันตราย ขอความลามก ขอความชวนทะเลาะ หรือขมขู • หามนัดพบกับผูอื่นที่พบเจอกันทางอินเทอรเน็ต โดยที่ไมไดบอกให ผูปกครองรับทราบ • พึงระลึกไวเสมอวา ขอมูลที่พบเห็นทางอินเทอรเน็ต มิไดเปนความจริง หรือเปนสิ่งที่ถูกตองเสมอไป และเปนชองทางหนึ่งที่มิจฉาชีพใชเขามาเพื่อ แสวงหาผลประโยชน ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 20. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายเรื่อง ลักษณะความมั่นคงและความกาวหนา จากนั้น ครูถามนักเรียนวา • ความมั่นคงและความกาวหนาในอาชีพ มีหมายความวาอยางไร (แนวตอบ ความมั่นคงและความกาวหนาใน อาชีพ เปนการทํางาน หรือการประกอบอาชีพ ใดๆ ก็ตามที่สามารถสรางรายได ใหกับตนเอง และครอบครัวอยางสมํ่าเสมอ มีความมั่นคง และมีโอกาสเจริญกาวหนาในหนาที่การงาน เมื่อมีประสบการณในการทํางานนั้นๆ มากขึ้น) • นักเรียนคิดวาอาชีพใดมีความมั่นคงและ มีความกาวหนา และนักเรียนตองการ ประกอบอาชีพนั้นหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน อาชีพแพทย เพราะเปน อาชีพที่มีความมั่นคงและมีความกาวหนา ในหนาที่การงานสูง ตนเองมีความใฝฝน ที่อยากจะประกอบอาชีพนี้ และครอบครัว ก็ใหการสนับสนุนเปนอยางดี เพราะแพทย เปนอาชีพที่สามารถชวยเหลือชีวิตของเพื่อน มนุษย รวมถึงชวยเหลือผูที่เจ็บไขไดปวย ทั้งยังนําความรูมาใช ในการดูแลคุณพอ คุณแม เมื่อทานเจ็บปวยไดอีกดวย) • นักเรียนจะมีแนวทางการสรางความมั่นคง และความกาวหนาในการทํางานของตนเอง ในอนาคตไดอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน มีความขยัน มีความ พยายาม มีความมุงมั่นตั้งใจทํางาน รวมถึง มีใจรักในงานที่ทํา) นํา สอน สรุป ประเมิน T122 T123


ขอสอบเนนการคิด ๑.๓ การสมัครงาน การสมัครงานเป็นการแสดงเจตจ�านงของบุคคลที่ต้องการเข้าร่วมท�างานในกระบวนการสรรหา ให้ท�าหน้าที่ในต�าแหน่งที่องค์กรนั้น ๆ ต้องการ การสมัครงานจัดเป็นกระบวนการที่มีความส�าคัญ เพราะเป็นกระบวนการที่ท�าให้องค์กรมีโอกาสได้คัดสรรบุคลากรที่มีความสามารถตรงตามความ ต้องการขององค์กร หรือหน่วยงานมากที่สุดเข้าสู่ระบบงาน การสมัครงานมีข้อควรพิจารณา ดังนี้ ๑) วิธีการสมัครงาน ปัจจุบันมีวิธีการสมัครงานหลากหลายรูปแบบ เช่น สมัครผ่าน ทางอีเมล (E-mail) สมัครด้วยตนเอง สมัครผ่านทางจดหมาย ๒) ขั้นตอนการสมัครงาน หลังจากที่ได้ทราบแหล่งงานและสามารถที่จะจ�าแนกทักษะ ความช�านาญ ความพอใจของตนเอง รวมทั้งงานที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของตนเองแล้ว ก็จะต้องด�าเนินการสมัครงาน โดยมีล�าดับขั้นตอนในการปฏิบัติ ดังนี้ ๑) เป้าหมายส�าคัญของการท�างาน โดยเป้าหมายในการท�างานของบุคคลทั่วไป สามารถสรุปได้ ดังนี้ ๒) แนวทางการสร้างความมั่นคงและความก้าวหน้าในการท�างานความมั่นคง และความก้าวหน้าในการท�างานไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือกเข้าท�างานในบริษัท หรือหน่วยงาน ที่มีความมั่นคงเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับผู้ท�างานอาชีพนั้น ๆ เป็นส�าคัญด้วย และเพื่อให้การท�างาน บรรลุตามเป้าหมายชีวิตการท�างาน จึงควรยึดหลักธรรมค�าสอนทางพระพุทธศาสนาที่สอนให้ คนท�างานได้ส�าเร็จเรียกว่า “อิทธิบาท ๔ ” ประกอบด้วย ท�างานเพื่อ ให้ ได้เงิน ท�ำงำนเพื่อ ให้ ได้อ�านาจ ท�ำงำนเพื่อ ให้ ได้ต�าแหน่ง ทางสังคม ท�ำงำนเพื่อ แสดงว่ำตนเอง มีความสามารถ ท�ำงำนให้แก่ สังคมและ ส่วนรวม เช่น   สมำคมสงเครำะห์  มูลนิธิกำรกุศล ฉันทะ ความพอใจ รักใคร่ มีใจรักในงาน ที่จะท�า วิริยะ ความขยันหมั่นเพียร มีความพยายาม ที่จะท�างานให้ ประสบผลส�าเร็จ จิตตะ การมีจิตใจ ฝักใฝ่ มุ่งมั่น ที่จะท�างานให้ ประสบผลส�าเร็จ วิมังสา การตรวจสอบ ไตร่ตรอง โดยใช้ ปัญญา งานก็จะ ประสบผลส�าเร็จ 11๒ หากตองการไปสมัครงานที่บริษัทแหงหนึ่ง ควรมีการเตรียม ความพรอมของตนเองอยางไร (แนวตอบ ควรเตรียมสําเนาหลักฐานที่เปนเอกสารสําคัญใหพรอม ไดแก สําเนาบัตรประจําตัวประชาชน สําเนาทะเบียนบาน สําเนา วุฒิการศึกษา ประวัติยอ (Resume) รูปถาย เกียรติบัตร วุฒิบัตร และใบรับรองการผานงาน หรือใบรับรองการผานฝกอบรมตางๆ เพื่อนําเสนอถึงประสบการณและความสามารถที่มีอยูใหบริษัท ไดรับทราบ และนําไปคัดเลือกเขาสูตําแหนงที่เหมาะสมในบริษัท นั้นตอไป) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการสมัครงานใหนักเรียนฟงวา ปจจุบัน การสมัครงานมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพราะมีชองทางในการสมัครงานที่ หลากหลาย ซึ่งการใชอินเทอรเน็ตก็เปนอีกวิธีหนึ่งที่ชวยใหสมัครงานไดงายขึ้น ซึ่งมีวิธีในการปฏิบัติ คือ จะตองสงใบสมัครงานใหไดมากที่สุด เนื่องจากปจจุบัน มีการแขงขันสูง ตองสรางประวัติยอ (Resume) ของตนเองใหดีที่สุด เพื่อเปน การนําเสนอตนเองใหนายจางไดรูจัก เลือกใชเครื่องมือคนหางาน (Job Search Engine) หลายๆ ตัว เพื่อเพิ่มโอกาสในการหางาน เขียนประวัติยอเปนภาษา อังกฤษ เพราะจะทําใหเปนที่สนใจของฝายทรัพยากรมนุษย หมั่นตรวจสอบ อีเมลอยูเสมอ เพราะหลายบริษัทนิยมนัดสัมภาษณงานผานอีเมล และควรแจง ฝายทรัพยากรมนุษยทุกครั้งที่ตองการยกเลิกนัดสัมภาษณ ปจจุบันมีเว็บไซต สมัครงานใหเลือกใชบริการอยูหลายเว็บไซต เชน www.jobsugoi.com, www. jobtopgun.com, www.jobbkk.com, www.jobthai.com ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 21. ครูถามนักเรียนวา • หากตองการสมัครงาน นักเรียนสามารถ สมัครงานไดจากแหลงใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เว็บไซตตางๆ อินเทอรเน็ต หนังสือพิมพ นิตยสาร ประกาศของกรม จัดหางาน กระทรวงแรงงาน) • ชองทางใดเปนชองทางการสมัครงานที่ นักเรียนคิดวาดีที่สุด เพราะเหตุใดจึงเปน เชนนั้น (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน การสมัครงานผานทาง อีเมล เพราะสามารถทําไดอยางสะดวก รวดเร็ว ไมตองเสียคาใชจาย และไมตอง เสียเวลาในการเดินทางไปสมัครงานยังบริษัท) 22. ครูใหนักเรียนทดลองคนหาตําแหนงงานที่ นักเรียนสนใจ 1 ตําแหนง และทําการคนหา แหลงสมัครงานจากในหนังสือพิมพ หรือจาก เว็บไซตที่เกี่ยวของกับการรับสมัครงาน เพื่อให นักเรียนไดฝกและมีทักษะในการสมัครงาน เพื่อเปนการเตรียมความพรอมในอนาคต 23. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมานําเสนอ ผลงานใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน ในประเด็นที่ ครูกําหนดให ดังนี้ • ตําแหนงงานที่สนใจสมัคร • คุณสมบัติของผูสมัครงานที่ตองการ • แหลงคนหาขอมูล เพื่อทําการสมัครงาน จากนั้นใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น หรือเสนอแนะเพิ่มเติม โดยมีครูเปนผูชวย ตรวจสอบความถูกตอง นํา สอน สรุป ประเมิน T124 T125


ขอสอบเนน การคิด 1 การเตรียมตัวก่อนการสมัครงาน เตรียมหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ที่จ�าเป็นต้องใช้ในการสมัครงานให้พร้อมเช่น ส�าเนาบัตร ประจ�าตัวประชาชน ส�าเนาทะเบียนบ้าน ส�าเนาใบรับรองผลการศึกษา ส�าเนาใบปริญญาบัตร ส�าเนาเกียรติบัตรต่าง ๆ ๓ การเขียนประวัติย่อ (Resume) ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้สมัครโดยย่อพร้อมรูปถ่าย จะท�าให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย และรวดเร็ว เปรียบได้กับใบโฆษณาคุณสมบัติของตนเองผู้สมัครจึงควรเขียนประวัติย่อ ที่แสดงถึงความรู้ ความสามารถ คุณสมบัติที่เหมาะสมกับงานที่สมัคร ๕ การสอบข้อเขียน บริษัท หรือหน่วยงานบางแห่งอาจมีการสอบข้อเขียน หรือวัดแววความสามารถซึ่งอาจ เป็นการทดสอบเชาวน์ปัญญาความถนัดบุคลิกภาพ ทัศนคติทดสอบความรู้เฉพาะสาขา วิชา เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ การใช้เครื่องคิดเลข ความรู้เกี่ยวกับต�าแหน่งงานที่สมัคร ๒ การกรอกใบสมัคร ใบสมัครนับเป็นเครื่องมือล�าดับแรกในการคัดเลือกบุคลากรเข้าท�างานโดยผู้ประกอบการ หรือผู้สัมภาษณ์จะพิจารณาจากรายละเอียดในใบสมัคร ดังนั้น ผู้สมัครจึงควรที่แสดงถึง ความรู้ความสามารถ คุณสมบัติที่เหมาะสมกับงานที่สมัคร ๔ ส่งประวั ติย่อไปหน่วยงานที่รับสมัครงาน โดยการส่งประวัติย่อไปยังเว็บไซต์รับสมัครงาน หรือส่งประวัติวุฒิการศึกษาแฟ้มรวบรวม ผลงานของตนเองไปยังหน่วยงานที่รับสมัครงานโดยตรง เพื่อให้ฝ่ายบุคคลพิจารณาถึง คุณสมบัติของตนว่ามีความเหมาะสมกับต�าแหน่งงานในบริษัทมากน้อยเพียงใด 6 การสัมภาษณ์ ผู้สมัครควรเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งงาน หรือบริษัทที่ไปสมัครงาน เช่น รายละเอียด ของธุรกิจสาขาสินค้าการตลาดคู่แข่งขันความส�าเร็จเพื่อให้นายจ้างทราบว่าเราสนใจ ท�างานกับบริษัทจริง 7 การติดตามผล หลังจากสอบสัมภาษณ์แล้ว ควรกล่าวขอบคุณผู้สัมภาษณ์ซึ่งเป็นการสร้างโอกาส ที่จะได้งานท�ามากขึ้น และคอยผลการตอบรับจากการสมัครงาน การสมัครงาน ขั้นตอน งานอาชีพ 11๓ เตรียมหลักฐานเอกสารต่างๆ การกรอกใบสมัคร การเขียนประวัติย่อ (Resume) 1 2 3 ขอใดคือการเขียนประวัติยอ (Resume) ที่ดี 1. ใชคําพูดที่ฟุมเฟอย 2. จัดรูปแบบใหเหมาะสม 3. เขียนขอมูลใหไดมากที่สุด 4. เขียนคุณสมบัติเกินความเปนจริง (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการเขียนประวัติยอ (Resume) ที่ดีนั้น ควรคํานึงถึงรูปแบบของการจัดวาง เนื่องจากจะทําให ดึงดูดความสนใจตอผูอานและเกิดความประทับใจ โดยจะตอง จัดวางรูปแบบใหอานงาย ไมควรพิมพขอความใหเกินออกมา จนดูไมเปนระเบียบ ใชตัวอักษรที่เปนทางการ และควรใชกระดาษ ที่มีคุณภาพ สีขาว ไมมีเสน) ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 24. ครูใหนักเรียนศึกษาเรื่อง ขั้นตอนการสมัครงาน จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือ ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 25. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอน การสมัครงาน จาก PowerPoint ม.5 หนวย การเรียนรูที่ 6 26. ครูถามนักเรียนวา • กอนการสมัครงานตองมีการเตรียมความพรอม ของตนเองอยางไร (แนวตอบ เตรียมหลักฐานเอกสารสําคัญตางๆ ใหเรียบรอย เชน สําเนาบัตรประจําตัว ประชาชน สําเนาทะเบียนบาน สําเนาใบ รับรองผลการศึกษาสําเนาใบปริญญาบัตร) • หากตองการเขียนประวัติยอ (Resume) ของตนเองใหมีความนาสนใจ ควรเขียนใน ลักษณะใด (แนวตอบ ควรเขียนเปนภาษาอังกฤษ หรือ เขียนเปนภาษาไทยก็ได แตตองเขียนให ผูอานเขาใจงาย ขอความสั้น กระชับ ไดใจความ และเขียนคุณสมบัติของตนเองใหชัดเจน เพื่อเปนการประกอบการพิจารณาในการ รับเขาทํางาน) 27. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การเขียนประวัติยอ (Resume) ที่ดีนั้น ไมควรเขียนใหมีความยาว เกิน 2 หนากระดาษ ควรใชกระดาษสีขาว แบบไมมีเสน และตองประกอบดวยชื่อของ ผูเขียน ตําแหนงที่ตองการสมัคร การศึกษา ประสบการณ คุณสมบัติพิเศษ หรือความ สามารถพิเศษ และรายละเอียดสวนตัว เชน เพศ อายุ วันเดือนปเกิด สัญชาติ เชื้อชาติ หมูเลือด สุขภาพ ที่อยู งานอดิเรก ความสนใจ” นักเรียนควรรู 1 หลักฐานเอกสารตางๆ ในการนําหลักฐานเอกสารตางๆ ไปใชสมัครงาน หรือทําธุรกรรมทางการเงินใดๆ ถาเอกสาร หรือหลักฐานนั้นเปนสําเนา ควรเซ็น รับรองสําเนาถูกตอง และเขียนชื่อของตนเองกํากับไวทุกแผน ทุกครั้ง 2 การกรอกใบสมัคร เปนขั้นตอนแรกในการเลือกคนเขาทํางาน จึงควรศึกษา รายละเอียดของตําแหนงงานและคุณสมบัติที่ไดประกาศไวอยางละเอียด เนื่องจาก แตละตําแหนงจะมีลักษณะงานและความตองการคุณสมบัติของผูที่ทํางาน แตกตางกัน จากนั้นกรอกขอมูลใหครบถวน รวมถึงแนบเอกสารประกอบการ สมัครงานใหพรอม 3 Resume เคล็ดลับการเขียนประวัติยอเพื่อใหไดงาน คือ คุณสมบัติที่มี ตองตรงกับตําแหนงงาน เขียนใหสั้น กระชับ ตัวหนังสืออานงาย ใชคําเชิงบวก เขียนประวัติการศึกษาและประสบการณที่เกี่ยวกับตําแหนงงานใหชัดเจน สะกด คําถูกตอง สรางขอโดดเดน เพื่อใหบริษัทเกิดความรูสึกสนใจในตัวเรามากขึ้น นํา สอน สรุป ประเมิน T124 T125


ขอสอบเนนการคิด T i p เทคนิคการสัมภาษณ์เพื่อให้ได้งาน ผู้สมัครต้องน�าเสนอตนเองให้ผู้สัมภาษณ์เกิดความรู้สึกว่าเราเหมาะสมกับงานนี้ และเห็นว่าเราจะเป็น ผู้ร่วมงานที่ดีที่สุด เทคนิคการสัมภาษณ์เพื่อให้ได้งานมีวิธีการ ดังนี้ ๑. ยิ้มแย้มแจ่มใส จะท�าให้ผู้สัมภาษณ์เกิดความ รู้สึกประทับใจและต้องการให้มาท�างานร่วมกัน ๒. ระมัดระวังกิริยาตลอดเวลาสัมภาษณ์งาน ควร รักษากิริยามารยาทให้เรียบร้อย ไม่แสดงอาการ หลุกหลิก ลุกลี้ลุกลน ขยับขาไปมา เกาศีรษะ ๓. พูดอย่างฉลาด มีไหวพริบ พูดเสียงดังฟังชัด ควรมีจังหวะในการพูด และพูดออกมาด้วยความ มั่นใจ และมีไหวพริบในการตอบค�าถาม ๔. เป็นผู้ฟังที่ดี ควรตั้งใจฟังค�าถามให้จบก ่อน ตอบค�าถาม หากไม่เข้าใจ ควรถามให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้ตอบค�าถามได้ตรงประเด็น ทั้งยัง แสดงถึงการให้ความส�าคัญกับผู้พูดอีกด้วย ๕. ไม ่ควรถามเรื่องค ่าตอบแทน ควรเก็บเรื่อง ค่าตอบแทนไว้สอบถามภายหลัง เพราะหาก ถามเรื่องค่าตอบแทนเร็วเกินไป ผู้สัมภาษณ์อาจ มองว่าสนใจค่าตอบแทนมากกว่าการท�างาน ๑.๔ การสัมภาษณ การสัมภาษณ์เป็นการสนทนา หรือการซักถามที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อจะให้มีโอกาสทราบ รายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้สมัคร ที่ไม่สามารถพิจารณาได้จากใบสมัคร หรือประวัติส่วนตัว เช่น บุคลิกภาพ ทัศนคติ ปฏิภาณไหวพริบ เพื่อคัดเลือกผู้สมัครที่เหมาะสมกับต�าแหน่งงานที่ว่าง การ สัมภาษณ์เป็นขั้นตอนการสมัครงานที่มีความส�าคัญ เพราะการสัมภาษณ์เป็นการเปิดโอกาสแสดง ให้เห็นว่าเรามีความกระตือรือร้นและสามารถปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี สร้างโอกาสในการสมัครงาน ให้ตนเอง โดยการเตรียมตัวในการแสดงออกทางความคิดและการแนะน�าคุณสมบัติของตนเอง มีดังนี้ 1 ผู้สัมภาษณ์ บุคคลซึ่งท�าหน้าที่ในการคัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมกับ ต�าแหน่งงานที่ว่าง ๒ ผู้ ให้สัมภาษณ์ บุคคลที่ตั้งใจมาสมัครงานในต�าแหน่งงานที่ว่าง หรือต�าแหน่ง งานที่เปิดรับสมัครไว้ ๓ เรื่องที่จะสัมภาษณ์ โดยทั่วไปจะเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงวิธีคิด ทัศนคติต่าง ๆ ของผู้ ให้สัมภาษณ์ ๔ เป้าหมายในการสัมภาษณ์ เพื่อให้ทราบรายละเอียดต่าง ๆ ที่จ�าเป็นต่อการ ท�างาน วัดความรู้ ความสามารถ ความคิดทางสติปัญญา ๕ วิธีการสัมภาษณ์ แบ่งเป็น ๔ ลักษณะ คือ การสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว การสัมภาษณ์ โดยใช้แบบทดสอบ การสัมภาษณ์ โดยใช้ โทรศัพท์ และการ สัมภาษณ์ โดยการร้องขอทางวิทยุ องค์ประกอบ ของการสัมภาษณ์ 11๔ ตอบคําถามอยางไรใหไดงาน เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการตอบคําถามในการสัมภาษณงานให นักเรียนฟง โดยยกตัวอยางคําถามและคําตอบ ดังนี้ • เลาเรื่องราวเกี่ยวกับตัวคุณใหเราฟงหนอย ดิฉันจบมาจากคณะ............ประสบการณการทํางานที่ผานมา คือ.............. • ทําไมเราถึงตองเลือกคุณเขามาทํางาน ดิฉันมีความสามารถดาน...........ซึ่งสิ่งนี้จะมีประโยชนกับองคกรในอนาคต • ทําไมคุณถึงสนใจงานนี้ งานนี้มีความทาทาย ดิฉันคิดวาสามารถทํางานไดจากคุณสมบัติที่ดิฉันมี • เปาหมายระยะยาวของคุณคือสิ่งใด อีก 5 ปขางหนา อยากมีธุรกิจเปนของตนเอง ซึ่งทําควบคูไปกับงานประจํา • ถาคุณไดเขามาทํางาน คุณคิดวาจะทําสิ่งใดใหกับบริษัท ดิฉันตั้งใจที่จะ...เพื่อชวยพัฒนาองคกรใหเจริญเติบโตอยางยั่งยืน การสัมภาษณงานแบบบุคคลตอบุคคลมีวัตถุประสงคเพื่อสิ่งใด 1. ตองการทราบคุณสมบัติของผูสมัครเบื้องตน 2. ทําใหไดบุคคลเขามาทํางานในตําแหนงทั่วๆ ไป 3. ทําใหผูสัมภาษณเล็งเห็นความสามารถของผูสมัครงาน 4. ตองการบุคคลที่มีตําแหนงและมีความสําคัญกับบริษัท (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการสัมภาษณงานแบบ บุคคลตอบุคคล เปนการสัมภาษณที่ใชกันทั่วไปสําหรับหนวยงาน หรือบริษัทที่ตองการคัดเลือกพนักงานในตําแหนงทั่วๆ ไป โดย ผูสัมภาษณอาจพิจารณาและตัดสินใจไดดวยตนเอง) ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 28. ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนคนใดมีประสบการณในการสัมภาษณ บุคคลอื่น และนักเรียนมีความรูสึกอยางไร เมื่อตนเองเปนผูสัมภาษณ (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) 29. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมาเลาประสบการณ ในการสัมภาษณบุคคลอื่นใหเพื่อนฟงหนา ชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • หากนักเรียนเปนผูถูกสัมภาษณจะตอง มีการเตรียมตัวอยางไร โดยเฉพาะการ สัมภาษณงาน (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) • เพราะเหตุใดการสัมภาษณงานจึงเปน ขั้นตอนที่สําคัญที่สุด (แนวตอบ เปนการเปดโอกาสใหไดแสดงออก ทางความคิด ไดแนะนําคุณสมบัติของ ตนเอง แสดงใหเห็นถึงความกระตือรือรน) • ในการสัมภาษณงานจะประกอบไปดวยองค ประกอบใด (แนวตอบ ผูสัมภาษณ ผูใหสัมภาษณ เรื่อง ที่จะสัมภาษณ เปาหมายในการสัมภาษณ และวิธีการสัมภาษณ) • หากตองไปสัมภาษณงาน นักเรียนควร เตรียมตัวอยางไร (แนวตอบ ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท หรือหนวยงานที่จะไปสัมภาษณ ศึกษา เสนทางการเดินทาง เตรียมเอกสารสําคัญ ใหพรอม เตรียมเสื้อผาและเครื่องแตงกาย ใหพรอม และฝกซอมทักษะการพูด การเดิน การนั่ง เพื่อสรางความมั่นใจใหกับตนเอง) นํา สอน สรุป ประเมิน T126 T127


ขอสอบเนน การคิด ๑.๕ หลักการท�างาน การที่จะท�างานให้มีความมั่นคงได้นั้น จะต้องรู้จักวิธีการครองตน ครองคน และครองงาน ตามหลักการท�างาน ดังนี้ การรู้จักตนเองการมีเป้าหมายที่แน่นอนรู้จักควบคุมตน หรือมีวินัยแห ่งตน เพื่อท�างานให้ส�าเร็จด้วยตนเอง การครองตนที่ดีมีหลักการ ดังนี้ • รู้จักตนเอง มีความมั่นคงตั้งมั่นกับเป้าหมายแห่งตน มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป • มีความขยัน พึ่งพาตนเองได้ และให้ความร่วมมือกับ บุคคลอื่นเพื่อให้การท�างานเป็นทีมประสบความส�าเร็จ • มีความอดทน อดกลั้น รู้จักสงบเสงี่ยม ให้เกียรติกับ บุคคลทุกระดับชั้นอย่างเท่าเทียมกัน • ไม่ท�าตนให้อยู่ในความประมาท เช่น ไม่ลุ่มหลงใน อบายมุข พัฒนาตนเอง แสวงหาความรู้อยู่เสมอ • รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ยกตนข่มท่าน ไม่อวดเก่ง อวดดีมีจิตส�านึกในคุณงามความดีของตนเองและผู้อื่น 1 ศึกษารวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท หรือหน่วยงานที่จะไปสอบสัมภาษณ์ จากสื่อต่าง ๆ ให้มากที่สุด ๒ รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ไม่ควรวิตกกังวล หรือมีความเครียดมาก เกินไป และควรพักผ่อนให้เพียงพอ ๓ ศึกษาเส้นทางการเดินทางระหว่างบ้านกับบริษัท หรือหน่วยงานที่จะไปสอบ สัมภาษณ์ เพื่อวางแผนการเดินทางไปสอบสัมภาษณ์ ได้อย่างเหมาะสม ๔ เตรียมเอกสารส�าคัญและอุปกรณ์เครื่องเขียนให้พร้อม เช่น รูปถ่าย ส�าเนา บัตรประจ�าตัวประชาชน ส�าเนาทะเบียนบ้าน ส�าเนาใบรับรองผลการศึกษา ๕ จัดเตรียมเสื้อผ้าและเครื่องแต ่งกายให้พร้อมใช้งานก ่อนวันไปสัมภาษณ์ ควรเป็นเสื้อผ้าที่สุภาพ เรียบร้อย สีสันไม่ควรฉูดฉาดมากเกินไป 6 ฝึกซ้อมทักษะการพูดให้สัมภาษณ์เพื่อสร้างความมั่นใจในการสอบสัมภาษณ์ และเพื่อช่วยลดอาการประหม่าในขณะก�าลังสอบสัมภาษณ์ การเตรียมตัว เพื่อสอบสัมภาษณ์ การครองตน งานอาชีพ 11๕ 1 บุคคลในขอใดมีหลักการทํางานที่ถูกตอง 1. หยกขยันและใหเกียรติบุคคลทุกระดับชั้น 2. ยิมออนนอมถอมตนและชอบใหผูอื่นชวยงานอยูเสมอ 3. แยมไมมีเปาหมายของตนเอง แตสามารถพึ่งพาตนเองได 4. โยพัฒนาตนเองอยูเสมอ ไมลุมหลงในอบายมุข แตชอบทําตัว ยกตนขมทาน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะความขยันและการใหเกียรติ บุคคลทุกระดับชั้นเปนหลักการทํางานที่ควรปฏิบัติ สวนที่ ไมควรปฏิบัติในขออื่น คือ ชอบใหผูอื่นชวยงานอยูเสมอ ไมมี เปาหมายของตนเอง และชอบทําตัวยกตนขมทาน) ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 30. ครูใหนักเรียนศึกษาเรื่อง หลักการทํางาน จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือ ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 31. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการ ทํางาน จาก PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรู ที่ 6 32. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเรื่อง หลักการ ทํางาน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • หลักการทํางานใหประสบความสําเร็จมีหลัก การอยางไร (แนวตอบ หลักการทํางานใหประสบความ สําเร็จ ประกอบไปดวยหลักในการครองตน การครองคน และการครองงาน) • หลักการครองตนมีหลักการอยางไร (แนวตอบ หลักการครองตนมีหลักการ คือ ตองรูจักตนเอง มีความขยัน มีความอดทน ไมทําตนใหอยูในความประมาท และมีความ ออนนอมถอมตน) • หลักการครองคนมีหลักการอยางไร (แนวตอบ หลักการครองคนมีหลักการ คือ ตองรูจักการเสียสละ ใชวาจาที่สุภาพ ออนหวาน ใหความจริงใจกับผูอื่น เปนคน เสมอตนเสมอปลาย) • หลักการครองงานมีหลักการอยางไร (แนวตอบ หลักการครองงานมีหลักการ คือ สามารถใชความรูและสติปญญาที่มีอยาง ชาญฉลาด ใชหลักธรรมมุงมั่นสูความสําเร็จ ใหความรักและความเคารพในงานอาชีพ ของตนเอง) • ในการทํางาน หากไมไดนําหลักการทํางาน มาใชจะกอใหเกิดสิ่งใด (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) นักเรียนควรรู 1 การเตรียมตัวเพื่อสอบสัมภาษณ เพื่อใหการสอบสัมภาษณเปนไปอยางราบรื่น มีสิ่งที่ควรปฏิบัติ คือ ศึกษาขอมูลของบริษัทอยางละเอียด ฟงคําถามและคิด วิเคราะหอยางละเอียดถี่ถวนกอนจึงตอบ มีเหตุผลมาสนับสนุนในทุกคําตอบ ตอบคําถามอยางจริงใจ และเตรียมคําถามไวถามผูสัมภาษณ สวนสิ่งที่ไมควร ปฏิบัติ คือ การพูดโกหก พูดถึงจุดดอยของตนเอง ถามเรื่องคาตอบแทนมาเปน ลําดับแรก ตอบรับวาทําไดในสิ่งที่ไมชอบ หรือไมถนัด และพาเพื่อนไปนั่งรอ ที่บริษัท สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคล็ดลับวิธีการทําใหไดงาน ไดที่ https://mgronline.com/management/detail/9590000029293 นํา สอน สรุป ประเมิน T126 T127


กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงค การรู้จักคนอื่นและมองคนอื่นในแง่ดีโดยอาศัยหลักธรรม ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งได้ก�าหนดไว้อย่างชัดเจน ดังนี้ • รู้จักเสียสละแบ่งปันด้วยจิตใจที่โอบอ้อมอารีเป็นการ ครองใจคนที่ดีวิธีหนึ่งจะท�าให้ผู้อื่นเกิดความรักความ ศรัทธาในตัวเรา • รู้จักเลือกใช้วาจาที่อ ่อนหวาน ที่ท�าให้คนฟังรู้สึก สบายใจ อยากอยู่ใกล้ อยากคบค้าสมาคมด้วย • แสดงความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีหรือกล่าวยกย่องชมเชย เมื่อผู้อื่นท�างานประสบความส�าเร็จให้ความช่วยเหลือ ในโอกาสอันควร • ท�าตนให้เป็นคนเสมอต้นเสมอปลายคือติดต่อสัมพันธ์ กับบุคคลอื่นอย่างสม�่าเสมอ มีน�้าใจต่อกัน ไม่โอ้อวด เมื่อตนเองได้ดีหรือมีต�าแหน่งการงานสูง รู้จักงานที่ตนเองก�าลังท�าและท�างานอย่างมีความสุข รักและชอบในงานที่ตนเองก�าลังท�าอยู่ มีหลักในการ ครองงาน ดังนี้ • รู้จักใช้ความรู้และสติปัญญาอย่างชาญฉลาด คือ รู้จัก แสวงหาความรู้ใหม่ ๆ มาช่วยพัฒนางานที่ตนเองท�าอยู่ ให้ดีขึ้น • รู้จักใช้หลักธรรมมุ่งสู่ความส�าเร็จ คือ มีใจรัก มีความ พากเพียร ตั้งใจฝักใฝ่ และการใช้ปัญญาไตร่ตรอง ซึ่ง จะท�าให้งานส�าเร็จได้ • รู้จักให้ความรักและความเคารพในอาชีพของตนไม่ดูถูก หรือให้ใครดูหมิ่นงานที่ท�า ตลอดจนมีจริยธรรมในการ ท�างาน คือ การซื่อสัตย์ต่องานในหน้าที่ของตน • รู้จักคิดริเริ่มสร้างสรรค์ หาหลักการ แนวทาง หรือ วิธีการใหม่ ๆ มาใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงานให้มี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การครองคน การครองงาน 116 ทางพระพุทธศาสนา โดยอาศัยหลักธรรม การซื่อสัตย์ต่องานในหน้าที่ของตน 1 2 3 นักเรียนควรรู 1 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ในการทํางานทุกคนตางตองการประสบ ความสําเร็จดวยกันทั้งสิ้น ดังนั้น จึงควรมีการนอมนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา มาใชในการทํางาน เพื่อใหการทํางานบรรลุผลสําเร็จตามเปาหมายที่ไดวางไว เชน อิทธิบาท 4 ประกอบดวยฉันทะ (ความพอใจ : ชอบ ศรัทธา มีความสุขในงาน ที่ทํา) วิริยะ (ความพากเพียร : ขยันทํางาน ฝกฝนตนเองอยูเสมอ) จิตตะ (ความเอาใจใส : มีความรอบคอบและรับผิดชอบในงานที่ทํา) และวิมังสา (ความสอดสองในเหตุและผล : เขาใจงานอยางลึกซึ้ง ทั้งในแงของขั้นตอนและ ผลสําเร็จของงาน) 2 การครองงาน ตองรูจักใชความรูและสติปญญาอยางชาญฉลาด รูจักใช หลักธรรมที่มุงมั่นสูความสําเร็จ และรูจักใหความเคารพรักในอาชีพของตน 3 การซื่อสัตย เปนการกระทําในเชิงบวก คือ มีความซื่อตรง จริงใจ ปราศจาก ความรูสึกอคติ ไมคดโกง ไมหลอกลวงผูอื่น และมีความตรงไปตรงมา ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 33. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “หลักในการครองคนนั้น ในทางพระพุทธศาสนาไดมีหลักธรรมที่เกี่ยวของ กับการครองคน คือ “ฆราวาสธรรม 4”ซึ่งเปน หลักการปฏิบัติตนเปนฆราวาสที่ดี ไดแก • สัจจะ (มีความซื่อสัตยตอกัน) • ทมะ (การรูจักขมใจ) • ขันติ (ความอดทนทั้งกายและใจ) • จาคะ (ความรูจักเสียสละและบริจาคใหแก บุคคลที่ควรให) โดยหลักธรรมนี้จะเปนคุณธรรมพื้นฐานของ จิตใจในการที่จะสรางความสัมพันธอันดีงาม กับผูอื่นที่จะอยูรวมกัน หรือติดตอเกี่ยวของ กัน เพื่อประโยชนสุขทั้งแกชีวิตของตนเองและ ผูอื่นในสังคม” 34. ครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดการครองคนจึงถือวาเปนเรื่อง ที่ยากที่สุด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เพราะคนเรามีความ แตกตางกัน ไมวาจะเปนในเรื่องของความรู ความสามารถ ลักษณะนิสัยของแตละคน ที่ยากจะเขาใจ ดังนั้น เราจึงควรปรับตัวให เขากับผูอื่นอยูเสมอ เพื่อที่เราจะไดสามารถ ดํารงอยูในสังคมไดอยางมีความสุข) • หลักในการครองคนที่ดีประกอบไปดวย สิ่งใด (แนวตอบ หลักในการครองคนที่ดี ประกอบ ไปดวยการรูจักเสียสละ รูจักเลือกใชวาจา ที่สุภาพออนหวาน การแสดงความยินดี เมื่อผูอื่นไดดี และการทําตนใหเปนคน เสมอตนเสมอปลาย) ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ใหแตละกลุมปฏิบัติ กิจกรรมบนพื้นฐานการเปนพุทธมามกะ เพื่อเปนแนวทางสูการฝกฝน ตนเองใหมีระเบียบวินัยในการปฏิบัติงานในอนาคต โดยใหนักเรียน ปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ 1. จัดทําปายนิเทศ หรือใบปลิว นําเสนอความรูเกี่ยวกับเรื่อง หลักธรรมในการครองงาน 2. จัดทําหองคลินิกหลักธรรม เพื่อเปดโอกาสใหบุคคลทั่วไป เขามาทําสมาธิภายในหองนี้ (กิจกรรมนี้เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงคดานความมี วินัย และมุงมั่นในการทํางาน) นํา สอน สรุป ประเมิน T128 T129


แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับ คะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความ คิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมี น้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม ขอสอบเนน การคิด ๑.๖ การเปลี่ยนงาน การเปลี่ยนที่ท�างาน หรือเปลี่ยนลักษณะของงาน เกิดจากสาเหตุส�าคัญ ดังนี้ ปัจจัยภายใน เกิดจากการท�างานกับองค์กรใดองค์กรหนึ่งนาน ๆ จนเกิดความเบื่อหน่าย ต้องการท�างานที่ท้าทาย ความสามารถ โดยค�านึงถึงผลตอบแทนและ ความก้าวหน้า ปัจจัยภายนอก เกิดจากสิ่งล ่อใจที่กลไกการจ้างงานในตลาด น�ามาใช้กับคนท�างาน ซึ่งในความเป็นจริงบุคคล เหล่านั้นยังไม่คิดที่จะเปลี่ยนงานแต่พอมีข้อเสนอ ดี ๆ อาจเกิดอาการลังเลและท�าให้อยากเปลี่ยนงาน หากบุคคลใดต้องการเปลี่ยนงาน ไม่ว่าจะเกิดสาเหตุจากปัจจัยภายใน หรือภายนอกควรมี แนวทางในการเปลี่ยนงานให้ประสบผลส�าเร็จ โดยค�านึงถึงหลักการส�าคัญ ดังนี้ การเปลี่ยนงานอาจท�าให้มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น หรืออาจมีชั่วโมงการท�างานที่มากขึ้นจึงควรพิจารณา ให้ดีว่าคุณภาพชีวิตยังดีหรือไม่ และการเปลี่ยนงานท�าให้มีเงินเก็บมากขึ้นหรือไม่ เพราะนอกจาก งานที่ท�าจะเป็นงานที่ชอบแล้ว รายได้ก็ควรส่งเสริมให้มีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต องค์กรเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาตนเอง ส่งเสริมให้พนักงานเพิ่มระดับความรู้ความสามารถ ในหลาย ๆ ด้าน หากองค์กรใดมีพนักงานที่มีความสามารถอยู่เป็นจ�านวนมาก องค์กรนั้นจะยั่งยืน และมีความมั่นคง เพื่อช่วยลดรายจ่ายในอนาคตหากพนักงานเกิดการเจ็บป่วย ซึ่งแต่ละองค์กรจะมีสวัสดิการ ในส ่วนนี้แตกต ่างกัน หากมีไม ่เพียงพออาจต้องเสียเงินท�าประกันสุขภาพเพิ่มเติมด้วย ตนเอง ดังนั้น เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรสอบถามเมื่อไปสัมภาษณ์งานใหม่ ควรสอบถามเพื่อน�าไปค�านวณในแผนรายได้ระยะยาว เพราะบางองค์กรอาจให้เงินเดือน เริ่มต้นที่สูงกว่าแต่หากพิจารณาถึงอัตราการปรับขึ้นเงินเดือนต่อปีหรือคิดรวมโบนัสในอดีต ที่จ่ายให้กับพนักงาน อาจได้ผลลัพธ์อีกแบบหนึ่ง จึงควรน�ามาค�านวณเพื่อเปรียบเทียบ ก่อนการตัดสินใจ อาจมีกองทุนส�ารองเลี้ยงชีพให้พนักงานได้สะสมเงินเข้าไป และบริษัทสมทบเงินเข้าไปใน กองทุนให้กับพนักงาน ซึ่งจะเป็นเงินทุนก้อนส�าคัญที่ให้พนักงานใช้หลังจากเกษียณ มีรายได้ต่อเดือนที่เหมาะสม มีการฝึกอบรมอยู่เสมอ มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล มีอัตราการปรับเงินเดือนที่เหมาะสม มีแผนเกษียณอายุการท�างาน งานอาชีพ 117 การเปลี่ยนงานบอยสงผลเสียตอตนเองอยางไร (แนวตอบ ทําใหขาดประสบการณในการทํางานอยางตอเนื่อง ถึงแมวาจะมีความรูในการทํางานหลายๆ เรื่อง จากที่ทํางานเดิม หลากหลายที่ แตก็ยังคงไมมีความชํานาญกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อยางจริงจัง เนื่องจากทุกครั้งที่ยายที่ทํางานใหม จะตองเรียนรู งานใหม และหากคิดวางานนี้ไมตรงกับความตองการของตน ก็จะเริ่มเปลี่ยนงานใหมเชนนี้ไปเรื่อยๆ จึงเปนสาเหตุใหการทํางาน หรือการประกอบอาชีพของตนเองยังไมมีความกาวหนา หรือไม ประสบความสําเร็จเทาที่ควร) ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 35. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเรื่อง การเปลี่ยน งาน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • การเปลี่ยนงานเกิดจากสาเหตุใด (แนวตอบ เกิดจากหลายสาเหตุ เชน ตองการความกาวหนา สภาพแวดลอม คาตอบแทน สวัสดิการที่ไมเหมาะสม) ขั้นที่ 4 พัฒนาความรู ความเขาใจ 36. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกัน สรางแบบสํารวจความพึงพอใจตออาชีพ แลวนําแบบสํารวจนั้นไปสํารวจกับบุคคลที่ อาศัยอยูในชุมชน จํานวน 20 ทาน จากนั้น จึงนําผลการสํารวจมาวิเคราะห ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบกอนเรียน 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 6.1.1 เรื่อง การวิเคราะห SWOT เพื่อคนพบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง 3. ครูตรวจสอบแบบสํารวจความพึงพอใจตอ อาชีพ 4. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรม การเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการ ทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการ สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเรื่อง แนวทาง การเขาสูอาชีพและการวางแนวทางการเขาสู อาชีพของตนเอง 2. ครูตรวจสอบความรู ความเขาใจของนักเรียน จากการนําเสนอผลการวิเคราะห วิจารณ และ การสรุปความรู แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 นํา สอน สรุป ประเมิน T128 T129


ขอสอบเนนการคิด ๒ การเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างมากมาย เพื่อให้เลือกและน�าเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วย ในการท�างาน หรือการประกอบอาชีพได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของมนุษย์แต่ละคน โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานในการบริโภคเทคโนโลยีเหล่านั้นเช่นการน�าเครื่องจักรกลมาช่วยในการ ท�านาการน�าเครื่องจักรกลพร้อมเทคนิควิธีการมาใช้ในการประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้างการน�า คอมพิวเตอร์มาใช้ ในการท�างานแทนการใช้แรงงานคน จากที่กล่าวมานั้น จึงเป็นเหตุผลให้มนุษย์ น�าเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ในการประกอบอาชีพเพิ่มมากขึ้น ๒.๑ วิธีการเลือกใช้เทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ อาชีพเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ หรือสถานภาพของมนุษย์แต่ละคนที่ใช้ความรู้ ความสามารถ ความเข้าใจ ทักษะกระบวนการ และการบริหารจัดการอาชีพมาใช้ในการด�าเนิน กิจกรรมในการประกอบอาชีพต่าง ๆ เช่นมีความสะดวกสบายใช้เวลาท�างานน้อยลงมีความปลอดภัย มีปริมาณและคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ท�าให้เกิดความมั่นคงในอาชีพของตนวิธีการเลือกใช้เทคโนโลยี ในการประกอบอาชีพ มีดังนี้ 1. เลือกใช้เครื่องมือ เครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับ ลักษณะอาชีพของตนเอง เพื่อจะท�า ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ในการท�างานและการประกอบอาชีพ ๒. น�าเทคนิค วิธีการใหม่ ๆ เข้ามา ปรับปรุงการท�างานและการประกอบ อาชีพ จะท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไปในทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ๓. ค�านึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเทคโนโลยีใน ปัจจุบันมีอยู ่ด้วยกันหลายรูปแบบ จึงต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับอาชีพ และเมื่อน�ามาใช้จะต้องไม ่ท�าลาย สิ่งแวดล้อมด้วย การน�าเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการท�างานจะช่วยท�าให้งานประสบผลส�าเร็จ อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างรวดเร็ว 118 เลือกใช้เครื่องมือ เครื่องจักร ๒.๑ วิธีการเลือกใช้เทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ การเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ 3 2 1 การเลือกใชเทคโนโลยีในการประกอบอาชีพควรคํานึงถึงเรื่องใด มากที่สุด (แนวตอบ สิ่งสําคัญที่ควรคํานึงถึงในการเลือกใชเทคโนโลยี ในการประกอบอาชีพ คือ ความปลอดภัย เนื่องจากเทคโนโลยี บางอยางที่เปนเครื่องจักรมีกลไกการทํางานที่ซับซอน หากไมมี การปองกันความปลอดภัยอาจเกิดอันตรายตอชีวิตและทรัพยสินได) ขั้นนํา (เนนกระบวนการกลุม) 1. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • คําวา “เทคโนโลยี” หมายถึงสิ่งใด (แนวตอบ เทคโนโลยีเปนวิทยาการที่มีการนํา ความรูทางวิทยาศาสตรมาประยุกตใช ในการทํางาน หรือแกปญหาตางๆ ชวยใหเกิด การเปลี่ยนแปลงในการทํางานที่ดียิ่งขึ้น ชวยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลจาก การทํางาน เพื่อชวยใหการดํารงชีวิตของ มนุษยมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น) • การนําเทคโนโลยีมาใชจะตองคํานึงถึงสิ่งใด เปนสําคัญ (แนวตอบ ตองคํานึงถึงหลักการสําคัญ ไดแก ประสิทธิภาพ คือ จะตองชวยใหการทํางาน บรรลุวัตถุประสงคที่ตั้งไวอยางรวดเร็วและ แมนยํา ประสิทธิผล คือ จะตองชวยใหได ผลผลิตที่คุมคาและมีประสิทธิภาพสูงสุด และประหยัด คือ จะตองชวยประหยัดทั้ง ทุน เวลา และแรงงาน) • อาชีพใดเปนอาชีพที่จําเปนตองใชเทคโนโลยี ในการทํางานมากที่สุด และอาชีพใดใช เทคโนโลยีในการทํางานนอยที่สุด หรือไม จําเปนตองใช (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) 2. ครูเปดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ ตางๆ ที่มีการนําเทคโนโลยีมาใชในการทํางาน ใหนักเรียนดู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เทคโนโลยีมีความสําคัญตอการประกอบ อาชีพอยางไร (แนวตอบ อํานวยความสะดวกในการทํางาน หรือการประกอบอาชีพไดอยางเหมาะสม กับความตองการของมนุษย เชน การนํา เครื่องจักรมาชวยในการกอสราง และการ ทําสวนแทนแรงงานคน) นักเรียนควรรู 1 เทคโนโลยี จะมีการเปลี่ยนแปลง หรือพัฒนาเมื่อเวลาไดผานไป ซึ่งการ เปลี่ยนแปลง หรือการพัฒนาจะขึ้นอยูกับวิวัฒนาการของเครื่องมือ หรือระบบ ตางๆ ดังนั้น คําวา “วิวัฒนาการทางเทคโนโลยี” จึงหมายถึง การเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นกับเครื่องมือ หรือระบบตางๆ อยางซับซอน และจะเปลี่ยนแปลงตาม ลําดับอยางตอเนื่อง ซึ่งมีสาเหตุมาจากปจจัยตางๆ 2 การเลือกใชเทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ ควรพิจารณาถึงสภาพแวดลอม ภายในและสภาพแวดลอมภายนอกขององคกร เพื่อจะไดตัดสินใจเลือกใช เทคโนโลยีที่ตรงตอความตองการของผูใช โดยมีหลักที่ตองคํานึงถึง คือ วัตถุประสงคของการนํามาใชและความคุมคา 3 เครื่องจักร การใชเครื่องจักรอยางปลอดภัย มีขอควรปฏิบัติหลายประการ เชน สวมใสอุปกรณปองกันอันตรายที่เหมาะสมกับงาน อยาใหมือ หรือสวนใด สวนหนึ่งของรางกายเขาใกลจุดหมุน จุดหนีบ หรือสวนที่เคลื่อนไหวของเครื่องจักร กอนปฏิบัติงานควรตรวจสอบสภาพของเครื่องจักรกอนทุกครั้ง นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T130 T131


๒.๒ หลักการเลือกใช้เทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ การเลือกใช้เทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ ควรค�านึงถึงหลักการส�าคัญ ดังนี้ ๒.๓ ปัจจัยที่ต้องน�าเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ในการประกอบอาชีพ การน�าเทคโนโลยีมาใช้ ในการประกอบอาชีพจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ 1. ความพอประมาณ มีความพอเพียงในการ เลือกใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม พอประมาณ กับศักยภาพของตน ด้วยการวิเคราะห์ประเมิน ตรวจสอบความสามารถของตนในการเลือกใช้ เทคโนโลยีเพื่อการประกอบอาชีพ ๒. ความมีเหตุผล มีเหตุมีผลในการเลือกใช้ เทคโนโลยี เพราะปัจจุบันเป็นยุคแห่งการแข่งขัน เทคโนโลยีเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว ท�าให้เกิดผลกระทบ ต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ๓. ความปลอดภัย การเลือกใช้เทคโนโลยี ทุกชนิดมาประกอบอาชีพต้องค�านึงถึงความ ปลอดภัยของตนเอง รวมถึงความปลอดภัยของ สังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นส�าคัญ ๔. มีภูมิคุ้มกัน มีวิจารณญาณโดยเลือกใช้ เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมและพอเพียงมาใช้ใน การประกอบอาชีพ ตอบสนองความต้องการของ ตนเองให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการด�ารงชีวิต ๕. ไม่ขัดต่อศีลธรรม ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณีต่าง ๆ ของสังคมและประเทศชาติ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพต่าง ๆ ล้วนต้องมีการแข่งขัน จึงท�าให้มีการน�าเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในธุรกิจ อุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มปริมาณและคุณภาพของ ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า ปัจจัยด้านสังคม สังคมปัจจุบันจ�าเป็นต้องเรียนรู้และก้าวตามให้ ทันเทคโนโลยีจึงท�าให้มีการปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาเทคโนโลยีมาใช้ประกอบอาชีพในเชิง อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัจจัยด้านเทคโนโลยี ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและน�าเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่ในการประกอบอาชีพให้เหมาะสม กับเวลา หรือสถานการณ์ เพื่อให้เกิดการพัฒนา เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยด้านความต้องการ มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการเป็นผู้น�าแห่ง ความส�าเร็จ จึงเป็นเหตุให้มีการตัดสินใจลงทุน ประกอบธุรกิจ เพื่อแสวงหาผลก�าไร โดยใช้ เทคโนโลยีเป็นปัจจัยพื้นฐาน การเลือกใช้เทคโนโลยีในการประกอบอาชีพจะต้องค�านึงถึง ความปลอดภัยและไม่ท�าลายสิ่งแวดล้อม งานอาชีพ 119 ขั้นนํา 3. ครูใหนักเรียนศึกษาเรื่อง การเลือกใช เทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับการประกอบ อาชีพ จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 4. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ เลือกใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับการ ประกอบอาชีพ จาก PowerPoint ม.5 หนวย การเรียนรูที่ 6 5. ครูถามนักเรียนวา • อาชีพใดที่มีการนําเทคโนโลยีตางๆ มาใช ในการประกอบอาชีพ (แนวตอบ ทุกอาชีพ เพราะวาปจจุบัน เทคโนโลยีไดเขามามีสวนชวยในการทํางาน หรือการประกอบอาชีพไดอยางเหมาะสม) • การเลือกใชเทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ ควรคํานึงถึงหลักการในขอใด (แนวตอบ ควรคํานึงถึงหลักการสําคัญตางๆ คือ มีความพอประมาณในการเลือกใช เทคโนโลยีอยางเหมาะสม มีเหตุผลในการ เลือกใชเทคโนโลยีมาประกอบอาชีพ คํานึงถึง ความปลอดภัยของตนเอง สังคม และ สิ่งแวดลอมเปนสําคัญ มีวิจารณญาณในการ เลือกใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสม ไมขัด ตอหลักศีลธรรม ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณีตางๆ ของสังคมและประเทศชาติ) • การเลือกใชเทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ มีวิธีการอยางไร (แนวตอบ ควรเลือกใชเทคโนโลยีจําพวก เครื่องมือ เครื่องจักร วัสดุ อุปกรณตางๆ ให เหมาะสมกับลักษณะของอาชีพ หรือลักษณะ ของงาน และนําเทคนิควิธีการใหมๆ เขามา ปรับปรุงการทํางานและการประกอบอาชีพ ของตนอยูเสมอ เพื่อที่จะทําใหเกิดการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น) กิจกรรม 21st Century Skills 1. ใหนักเรียนแบงกลุมออกเปน 5 กลุม กลุมละเทาๆ กัน 2. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับอาชีพ ตางๆ ที่มีการนําเทคโนโลยีเขามามีสวนชวยในการปฏิบัติงาน โดยใหแตละกลุมยกตัวอยางอาชีพที่สนใจกลุมละ 3 อาชีพ พรอมทั้งตอบคําถามในประเด็นที่ครูกําหนดให ดังนี้ • มีการนําเทคโนโลยีเขามามีสวนชวยในการปฏิบัติงานอยางไร • เทคโนโลยีดังกลาวมีสวนชวยทําใหงานประสบความสําเร็จ ตามเปาหมายที่ตั้งไวหรือไม อยางไร • เทคโนโลยีที่นํามาใชมีลักษณะและรูปแบบที่เหมาะสมกับงาน หรือไม อยางไร เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีสะอาดใหนักเรียนฟงวา เทคโนโลยี สะอาด (Clean Technology: CT) เปนการพัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง กระบวนการผลิต เพื่อใหการใชวัตถุดิบ พลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติ ตางๆ เปนไปอยางมีประสิทธิภาพ เพื่อใหสงผลกระทบตอมนุษยและสิ่งแวดลอม นอยที่สุด ซึ่งวิธีการทํางานของเทคโนโลยีสะอาดแบงเปน 2 ขั้นตอน ดังนี้ • การลดมลพิษที่แหลงกําเนิด ไดแก การปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ การปรับ เปลี่ยนกระบวนการผลิต คือ การปรับเปลี่ยนวัตถุดิบ การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี และการบริหารดําเนินการ • การนํามาใชซํ้า ไดแก การใชหมุนเวียนและการใชเทคโนโลยีหมุนเวียน ซึ่งประโยชนที่จะไดรับจากเทคโนโลยีสะอาดมีอยูดวยกันหลายประการ เชน ทําใหสุขภาพรางกายแข็งแรง มีสภาพแวดลอมและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ประหยัด คาใชจายในการรักษาพยาบาล ลดการเกิดมลพิษ มีทรัพยากรธรรมชาติเหลือใช อยางเพียงพอ นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T130 T131


ขอสอบเนนการคิด ๓.๒ กิจกรรมอาชีพ ปัจจุบันมีกิจกรรมอาชีพมากมายที่สามารถน�ามาฝึกทักษะกระบวนการอาชีพ เพื่อให้มี ประสบการณ์มีความถนัดและมีความมั่นใจในการประกอบอาชีพที่สนใจในอนาคตกิจกรรมอาชีพ ที่นิยมจัดในสถานศึกษา มีดังนี้ ๓ ประสบการณ์ในอาชีพ เป็นการจัดประสบการณ์ให้ได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับอาชีพที่ตนเองถนัด และสนใจด้วยการจ�าลองอาชีพและจัดกิจกรรมอาชีพ เพื่อส่งเสริมให้มีประสบการณ์ในอาชีพ สามารถน�าประสบการณ์ที่ได้ไปใช้เป็นแนวทางในการประกอบอาชีพให้ประสบความส�าเร็จในอนาคต ๓.๑ การจ�าลองอาชีพ การจ�าลองอาชีพเป็นการจัดกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพที่สถานศึกษาจัดท�าให้เสมือน จริง เพื่อให้มีทักษะการท�างาน เห็นคุณค่าของงานสุจริต และเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ การจ�าลองอาชีพมีหลายแนวทาง ดังนี้ การจัดนิทรรศการ เป็นการแสดงผลงาน แสดงสินค้า หรือกิจกรรม ต่าง ๆ เพื่อเผยแพร ่ หรือประกาศ โฆษณา ประชาสัมพันธ์ซึ่งการจัดนิทรรศการแบ่งเป็น ๓ รูปแบบ ได้แก่ นิทรรศการถาวร นิทรรศการ ชั่วคราว และนิทรรศการเคลื่อนที่ การแสดงบทบาทสมมติ เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้ความรู้สึก นึกคิดเรียนรู้ที่จะเข้าใจผู้อื่นรู้จักเอาใจเขามาใส่ ใจเรา โดยให้นักเรียนสวมบทบาทในการประกอบ อาชีพจากสถานการณ์ซึ่งมีความใกล้เคียงกับ ความเป็นจริง การจัดท�าโครงงานอาชีพ เช่น โครงงานจ�าหน่ายน�้าดื่ม โครงงานจ�าหน่ายอาหารกลางวัน โครงงานให้บริการพิมพ์งานคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจเป็นโครงงานอาชีพ ที่ปฏิบัติเป็นรายบุคคล หรือปฏิบัติเป็นกลุ่มก็ได้ การจัดตั้งบริษัทจ�าลอง ต้องปฏิบัติกิจกรรมเป็นกลุ่ม เป็นกิจกรรมที่มีระบบธุรกิจเข้ามา เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ฝึกฝนทักษะการบริหารจัดการอาชีพอย่างเป็น ระบบเช่นบริษัทผลิตและจ�าหน่ายสินค้ากิฟต์ช็อปธุรกิจแฟรนไชส์ ลูกชิ้นปิ้ง การจัดกิจกรรม ฝึกทักษะอาชีพแบบทวิภาคี เป็นการจัดกิจกรรมฝึกทักษะ อาชีพร ่วมกันระหว ่างสถาน ศึกษาและองค์กรธุรกิจ เป็น การส ่งเสริมให้ฝึกทักษะการ ท�างานตามห้างร้าน โรงงาน อุตสาหกรรม หรือองค์กรธุรกิจ อื่น ๆ เช่น ท�างานเป็นแคชเชียร์ ตามห้างสรรพสินค้า หรือร้าน สะดวกซื้อ 1๒0 ฝึกทักษะอาชีพแบบทวิภาคี ธุรกิจแฟรนไชส์ 1 2 เพราะเหตุใดโรงงานอุตสาหกรรมจึงมีสวนทําใหเกิดผลกระทบ ตอสิ่งแวดลอม (แนวตอบ โรงงานอุตสาหกรรมบางแหงมักปลอยนํ้าเสีย กาซพิษ ฝุนละออง ฯลฯ ซึ่งสงผลกระทบตอสิ่งแวดลอม ทําใหสิ่งแวดลอม เสื่อมโทรม อากาศไมบริสุทธิ์ หากรางกายสัมผัส หรือสูดอากาศ หายใจนานๆ สารพิษจะสะสมในรางกาย ทําใหเกิดโรคตางๆ ตามมาได) นักเรียนควรรู 1 ทวิภาคี เปนระบบการศึกษารูปแบบหนึ่ง โดยเรียนรูจากโรงเรียนและ สถานประกอบการรวมกัน ใชเวลาอยางนอย 25% ในสถานประกอบการ ปจจุบันประเทศไทยมีโรงเรียนในสังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาที่เปดสอน ในรูปแบบทวิภาคีมากกวา 300 แหงทั่วประเทศ ซึ่งประโยชนที่ผูเรียนจะไดรับ จากการศึกษาในรูปแบบนี้ คือ ไดรับประสบการณตรงจากการฝกปฏิบัติงาน ในสถานประกอบการ มีทักษะการทํางานที่ตรงกับความตองการของ สถานประกอบการ ไดเรียนรูเเละเขาใจระบบการทํางานในสถานประกอบการ นําความรูทางทฤษฎีไปประยุกตใชในการทํางานไดอยางเหมาะสม พัฒนา เสริมสรางบุคลิกภาพและสรางเสริมลักษณะนิสัยที่ดีในการทํางาน และฝกใหมี ความรับผิดชอบ 2 ธุรกิจแฟรนไชส การทําธุรกิจรวมกันระหวางบริษัทที่ประสบความสําเร็จ ในทางธุรกิจและตองการขยายกิจการกับผูที่ตองการเริ่มตนธุรกิจโดยวิธีสําเร็จรูป ซึี่งบริษัทที่ขายแฟรนไชสจะเปนตนแบบในดานสินคาและบริการ หรือรูปแบบ การดําเนินงานภายใตมาตรฐานเดียวกัน ขั้นสอน 1. ครูใหนักเรียนศึกษาเรื่อง ประสบการณในอาชีพ จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือ ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 2. ครูถามนักเรียนวา • การจําลองอาชีพและการจัดกิจกรรมอาชีพ ทําใหไดเรียนรูประสบการณในอาชีพได อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ชวยสงเสริมใหมีประสบการณ ดานอาชีพที่ตนเองมีความชอบ ความถนัด และความสนใจ ซึ่งสามารถนําประสบการณ ที่ไดรับมาปรับใช เพื่อเปนแนวทางในการ ประกอบอาชีพใหประสบความสําเร็จใน อนาคต) • กิจกรรมอาชีพที่นิยมจัดในสถานศึกษาคือ กิจกรรมใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน กิจกรรมอาชีพที่นิยม จัดมีอยูหลายกิจกรรม เชน การจัดทําโครงงาน อาชีพ การจัดตั้งบริษัทจําลอง การจัดกิจกรรม ฝกทักษะอาชีพ) 3. ครูใหนักเรียนแตละคนทําแบบทดสอบคนหา ตนเองจาก http://ez.eduzones.com/test/ จากนั้นนําขอมูลที่ไดมาทําการวิเคราะหและ สรุปผลรวมกัน โดยครูยกตัวอยางอาชีพ ที่นาสนใจและอธิบายเพิ่มเติม เพื่อใหเกิด ความรูที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น 4. ครูถามนักเรียนวา • จากผลการทําแบบทดสอบคนหาตนเอง นักเรียนไดผลลัพธที่ตรงกับอาชีพที่ตนเอง ใฝฝนหรือไม อยางไร (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) นํา สอน สรุป ประเมิน T132 T133


ลักษณะของอาชีพ อัปโหลดสื่อวิดีิโอตาง ๆ ที่นาสนใจ และสรางสรรคผานเว็บไซตใหผูที่สนใจ เขามาชม ซึ่งผลงานที่นําเสนอจะตองเปน ผลงานที่จัดทําขึ้นดวยตนเอง ไมเปน ผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผูอื่น ไมอนาจาร และไมขัดตอหลักคุณธรรม จริยธรรมที่ดี િ Chef การ»รÐกÍบÍาªÕ¾·Õèน‹าÊน㨠ในปัจจุบันมีอาชีพที่ได้รับความ นิยมเกิดขึ้นใหม่อย่างมากมาย ซึ่ง แต่ละอาชีพจะมีรูปแบบและลักษณะ การท�างานที่แตกต ่างกัน รวมถึง ทักษะต่าง ๆ ที่จ�าเป็นต่อการประกอบ อาชีพ ตัวอย่างการประกอบอาชีพที่ น่าสนใจมีดังนี้ ÂÙ·ÔÇàºÍÏ YouTuber ลักษณะของอาชีพ ประกอบอาหารคาวและอาหารหวาน ใหบุคคลทั่วไปไดบริโภค คิดสูตรอาหารใหมีความแปลกใหมและหลากหลาย คิดรายการอาหาร ที่อุดมไปดวยคุณคาทางโภชนาการ รวมถึงการจัดการในครัวอยาง เปนระบบ คุณสมบัติที่จ�าเปน มีทักษะในการสื่อสารที่ดี นําเสนอ ผลงานไดอยางสรางสรรค มีจินตนาการ และความคิดสรางสรรค ทันตอกระแส สังคมหรือเหตุการณที่เกิดขึ้นในสังคม ปจจุบัน มีความสามารถในการจัด ตําแหนงภาพ เลือกโทนสีที่ใช ในคลิป ตัดตอวิดีโอได คุณสมบัติที่จ�าเปน มีความสามารถในการเตรียม ประกอบ จัด และตกแตงอาหาร มีความรูเกี่ยวกับโภชนาการ และ อาหารหลัก ๕ หมู รักการทํา อาหาร มีความคิดสรางสรรค มีความรับผิดชอบสูง อดทน รักความสะอาด สามารถแกไข เหตุการณเฉพาะหนาไดดี ลักษณะของอาชีพ ชงกาแฟชนิดตาง ๆ ใหบุคคล ทั่วไปไดบริโภค คิดคนสูตรกาแฟ ใหมีความแปลกใหมและหลาก หลาย มีรสชาติที่แตกตางไปจาก กาแฟโดยทั่วไป จัดตกแตงกาแฟ ใหสวยงามนารับประทาน คุณสมบัติที่จ�าเปน มีความเชี่ยวชาญในการชงกาแฟทุกประเภท มีความรอบรูเกี่ยวกับ กาแฟ คิดคนเมนูใหม ๆ อยูเสมอ มีความคิดสรางสรรคมนุษยสัมพันธ ที่ดี มีไหวพริบ สามารถแกไขเหตุการณเฉพาะหนาไดดี รักงาน บริการ ขยัน อดทน มีความสามารถในการบริหารจัดการ บารÔʵา Barista งานอาชีพ 1๒1 ชงกาแฟชนิดตาง ๆ ใหบุคคล 1 กิจกรรม ทาทาย ใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมอาชีพ ที่นิยมจัดขึ้นในสถานศึกษา โดยสรุปความรูที่ไดรับในรูปแบบของ แผนพับ ตกแตงใหสวยงาม นําสงครูผูสอน ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน จัดทําโครงงานอาชีพ ตามความสนใจกลุมละ 1 โครงงาน โดยใหเขียนโครงรางของ โครงงานดังกลาวสงครูผูสอน ในประเด็นที่ครูกําหนดให ดังนี้ • หลักการและเหตุผล • การดําเนินงาน • วัตถุประสงค • งบประมาณ • ประโยชนที่คาดวาจะไดรับ ขั้นสอน 5. ครูใหนักเรียนแบงกลุมตามผลการทดสอบคนหา ตนเอง จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมรวมกัน ระดมความคิดเกี่ยวกับอาชีพที่กลุมของตนเอง สนใจ เพื่อทําการสัมภาษณบุคคลที่ประกอบ อาชีพนั้นๆ 1 ทาน โดยมีประเด็นในการ สัมภาษณ คือ ลักษณะของอาชีพ คุณสมบัติ ที่เหมาะสมกับอาชีพ การสัมภาษณงาน และ คุณลักษณะที่ดีตออาชีพ 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมลงมือปฏิบัติการ สัมภาษณบุคคลที่กลุมของตนเองเลือก ซึ่ง อาจเปนบุคคลที่นักเรียนรูจัก หรือเปนบุคคล ในครอบครัว โดยแตละกลุมจะตองรวมกัน วางแผนการทํางาน ซึ่งสมาชิกทุกคนภายใน กลุมจะตองมีหนาที่ความรับผิดชอบรวมกัน ระหวางการสัมภาษณตองมีการจดบันทึกผล การสัมภาษณไวดวย เพื่อนําขอมูลที่ไดจาก การสัมภาษณมาเรียบเรียง แลวสรุปผลการ สัมภาษณ จัดทําเปนรายงาน นําสงครูผูสอน 7. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอผลการสัมภาษณบุคคลที่กลุม ของตนเองเลือกใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน พรอมทั้ง เลาถึงประสบการณในการไปสัมภาษณบุคคล ดังกลาววามีความประทับใจ หรือมีความรูสึก อยางไร เมื่อไดสัมภาษณบุคคลที่ประสบความ สําเร็จในชีวิต ไดรับแรงบันดาลใจในการประกอบ อาชีพหรือไม ไดขอคิดใดเพื่อเตรียมตัวเขาสู อาชีพ ซึ่งนอกเหนือจากการจัดทําเปนรูปเลม รายงานแลว อาจมีภาพ หรือสิ่งอื่นๆ มาใช ประกอบการนําเสนอผลงานได โดยมีครูเปน ผูตรวจสอบความถูกตองและอธิบายเพิ่มเติม เพื่อใหเกิดความรูที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น นํา สอน สรุป ประเมิน กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู 1 กาแฟ ผลการวิจัยพบวา ผูที่ดื่มกาแฟเปนประจําจะชวยลดการเกิดภาวะเสี่ยง ตอการเปนโรคอัลไซเมอรไดถึง 60% และลดภาวะเสี่ยงตอการเกิดโรคพารกินสัน ไดถึง 30-60% เกร็ดแนะครู ครูสามารถแนะนํานักเรียนเพิ่มเติมวา ปจจุบันมีอาชีพเกิดขึ้นใหมที่นาสนใจ และมีผูประกอบอาชีพนี้มากขึ้น เชน ยูทิวเบอร ซึ่งเปนอาชีพอิสระที่เปนการ สรางสรรคผลงานในรูปแบบตาง ๆ ที่ไมผิดศีลธรรม และไมละเมิดสิทธิของ ผูอื่นผานเว็บไซตใหผูที่สนใจเขามาเลือกชม ขายสินคาออนไลน ซึ่งไดรับความ นิยมเปนอยางมาก เนื่องจากสะดวกตอผูซื้อที่ไมตองไปหาซื้อสินคาตามทองตลาด ดวยตนเอง เพียงแคสั่งสินคาทางชองทางออนไลน สินคาก็ถึงมือผูซื้อไดอยาง รวดเร็ว T132 T133


ขอสอบเนนการคิด การประกอบอาชีพใด ๆ ก็ตาม นอกจากจะต้องมีความ รอบรู้ในงานแล้ว ยังต้องมีคุณธรรม และจริยธรรม จึงจะ สามารถท�างานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ๔ คุณลักษณะที่ดีต่ออาชีพ การจะท�างานให้ประสบความส�าเร็จและได้รับการยอมรับนับถือจากบุคคลต่าง ๆ จ�าเป็นต้อง มีคุณลักษณะที่ดีต่ออาชีพ ดังนี้ ๔.๑ คุณธรรมและจริยธรรมในการประกอบอาชีพ ผู้ประกอบอาชีพจะต้องยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมต่ออาชีพของตนเอง เพื่อให้ การท�างานประสบความส�าเร็จ ซึ่งคุณธรรมและจริยธรรมในการประกอบอาชีพ มีดังนี้ 1. มีความขยัน ตั้งใจกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติงาน อย่างเต็มความสามารถเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ และส�าเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย ๒. มีความรับผิดชอบ มุ ่งมั่นในการท�างาน ท�างานเสร็จตามเวลาและตรงตามวัตถุประสงค์ที่ ก�าหนด โดยใช้เวลาอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ ๓. มีความอดทน ไม่ว่างานที่ท�าจะหนักหนา เพียงใดก็ตาม ไม่ควรท้อถอย เมื่อเจออุปสรรค หรือปัญหาในการท�างาน ๔. มีความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งต่อตนเอง เพื่อน ร่วมงาน และองค์กร ๕. มีความเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน�้าใจ ไม่เห็นแก่ตัว เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และพร้อมที่จะให้ ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่เฉพาะแต่ปัญหา เรื่องงานแต่ยังรวมถึงปัญหาส่วนตัวด้วย ตรงต่อเวลา ท�างานเสร็จทัน ตามเวลาที่ก�าหนด ขยันหมั่นเพียร กระตือรือร้น กระฉับกระเฉง ในการท�างาน แสวงหาความรู้อยู่เสมอ เพื่อให้เกิดความรู้ ความช�านาญในอาชีพที่ท�า มีมนุษยสัมพันธ์ดี ท�าตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น พูดจาสุภาพ สร้างความรู้สึกที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน สุขภาพแข็งแรง ทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ 6. มีวินัยในการท�างาน การยึดมั่นในระเบียบ แบบแผนข้อบังคับและข้อปฏิบัติเช่น ท�างานเสร็จ ทันตามก�าหนดเวลา มาท�างานตรงเวลา 7. มีความสามัคคีร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติงาน ให้บรรลุตามเป้าหมาย ไม่ทะเลาะวิวาท ไม่เอารัด เอาเปรียบเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย 1๒๒ ร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติงาน ไม่เฉพาะแต่ปัญหา และค่านิยมต่ออาชีพของตนเอง 2 3 1 บุคคลในขอใดมีคุณธรรมและจริยธรรมในการประกอบอาชีพ 1. โปงขึ้นราคาอาหารในชวงที่เกิดภัยพิบัติ 2. เปนําขนมและเครื่องดื่มมาแจกเด็กๆ ชาวเขา 3. ปนเรียกลูกคาใหกลับมารับเงินทอนที่ลูกนองทอนขาด 4. ปานปรับตาชั่งผลไมใหมีนํ้าหนักเกินไปจากความเปนจริง (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการประกอบอาชีพใดๆ ก็ตาม ควรมีคุณธรรมและจริยธรรมเปนพื้นฐานในการประกอบอาชีพ กลาวคือ จะตองทําในสิ่งที่ถูกตอง ประพฤติปฏิบัติตนในกรอบ ที่ดีงาม แกปญหาไดอยางถูกตองและเปนธรรม มีความซื่อสัตยสุจริต ไมคดโกง ไมเอาเปรียบผูอื่นไมวาจะทางตรง หรือทางออมก็ตาม) นักเรียนควรรู 1 คานิยมตออาชีพของตนเอง เปนสิ่งที่ผูปฏิบัติงานคิดและคาดหวังวาควรจะ ไดรับผลตอบแทนจากการทํางาน เชน ความสําเร็จ ความชวยเหลือ ความคิด สรางสรรค ความมีสติปญญา ความเปลี่ยนแปลง ความมีชื่อเสียง ความมีอํานาจ ความมีอิสระ ความสามารถในการจัดการ ความมั่นคง ความปลอดภัย ความเปนอยู ในสิ่งแวดลอมที่ดี ความสัมพันธกับผูอื่น 2 รวมมือรวมใจกันปฏิบัติงาน ทุกฝายจะตองสรางสัมพันธภาพในการทํางาน รวมกัน ชวยเหลือซึ่งกันและกัน โดยอาศัยความเขาใจ หรือการตกลงรวมกัน มีการรวบรวมกําลังความคิด วิธีการ และเทคนิค เพื่อใหสามารถปฏิบัติงาน ไดอยางบรรลุจุดมุงหมายเดียวกัน 3 ปญหา มีองคประกอบสําคัญ 3 ประการ คือ ความเบี่ยงเบนแตกตาง จากภาพตามเหตุการณที่ควรจะเปนตามเปาหมาย มีแนวโนมวาจะเกิดปญหา ในอนาคต ความไมแนนอนที่อาจเกิดขึ้นไดในอนาคต โดยมีเหตุการณแทรกแซง เกิดขึ้น ขั้นสอน 8. ครูใหนักเรียนศึกษาเรื่อง คุณลักษณะที่ดีตอ อาชีพ จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 9. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณลักษณะ ที่ดีตออาชีพ จาก PowerPoint ม.5 หนวย การเรียนรูที่ 6 10. ครูถามนักเรียนวา • การทํางานใหประสบความสําเร็จจะตองมี คุณลักษณะที่ดีตออาชีพในเรื่องใด (แนวตอบ มีสุขภาพรางกายแข็งแรง ตรงตอ เวลา มีความขยันหมั่นเพียร แสวงหาความรู อยูเสมอ มีมนุษยสัมพันธที่ดีตอผูอื่น) • คําวา “คุณธรรมและจริยธรรม” หมายถึง สิ่งใด (แนวตอบ คุณธรรม หมายถึง ธรรมที่เปน ขอประพฤติปฏิบัติ ศีลธรรม หลักเกณฑ หรือกฎที่สังคมใชตัดสินวาการกระทําใด เปนสิ่งที่ถูกตอง ดีงาม ควรปฏิบัติ และ การกระทําใดเปนสิ่งที่ไมควรปฏิบัติ สวน จริยธรรม หมายถึง การประพฤติปฏิบัติตน ในกรอบที่ดีงาม สามารถตัดสินใจแกปญหา ไดถูกตองและเปนธรรม ซึ่งสอดคลองกับ หลักธรรมและคําสอนของศาสนา สามารถ แยกแยะสิ่งถูกผิดได สามารถอบรมสั่งสอน ใหผูอื่นปฏิบัติตนในสิ่งที่ถูกตอง มีสติ สัมปชัญญะ มีความรับผิดชอบชั่วดีตาม ทํานองคลองธรรม) • คุณธรรมและจริยธรรมมีความสําคัญตอ ผูประกอบอาชีพอยางไร (แนวตอบ เปนสิ่งที่ชวยควบคุมและสงเสริม ใหผูประกอบอาชีพทํางานอยางมีประสิทธิภาพ โดยมีความสํานึกในหนาที่และความรับผิดชอบ ในงานของตนเอง) นํา สอน สรุป ประเมิน T134 T135


การ ประกอบอาชีพใด ๆ ที่สนใจให้ประสบความส�าเร็จในอนาคตตามเป้าหมายที่ ตั้งไว้ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการมองเห็นแนวทางการเข้าสู่อาชีพที่ตนเองสนใจอย่างชัดเจน ทั้งใน เรื่องการเตรียมตัวหางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ ลักษณะความมั่นคงและความก้าวหน้า การ สมัครงาน การสัมภาษณ์ การท�างาน และการเปลี่ยนงาน ตลอดจนการเลือกและใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสมกับอาชีพ นอกจากนี้ ยังจะต้องมีประสบการณ์ ในอาชีพที่ตนถนัดและสนใจด้วยคุณลักษณะ ที่ดีต่ออาชีพนั้น ๆ ด้วย สรุป นักรีวิวสินค้าแนะน�าสินค้าสาธิตการใช้ มีการอัปโหลดสื่อวิดีโอผ ่านเว็บไซต์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ได้ท้าทายความสามารถ ส่งเสริมการกล้าแสดงออกและการมีความ คิดสร้างสรรค์ ๔.๒ ค่านิยมในการประกอบอาชีพ ค่านิยมเป็นความเชื่อที่กลุ่มมีร่วมกันของบุคลากรทุกระดับในองค์กร ว่าพฤติกรรมใดควรท�า และพฤติกรรมใดไม่ควรท�า เพื่อให้บรรลุผลส�าเร็จทั้งในระดับบุคคล ระดับหน่วยงาน ระดับองค์กร และผู้รับบริการ ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ค่านิยมในการประกอบอาชีพเป็นสิ่งที่ยึดถือว่าดีงามและพึงปฏิบัติเช่นค่านิยมเรื่องความซื่อสัตย์ ความมั่นคง ความเสียสละ หากคิดเพียงแต่ขอให้ได้งานโดยไม่ตระหนักถึงค่านิยมของตนเอง และธรรมชาติของงาน ก็จะไม่มีความสุขกับการท�างาน ท�าให้ต้องเปลี่ยนงานอยู่เสมอ ดังนั้น การรู้จักค่านิยมของตนเองจึงถือเป็นหัวใจส�าคัญในการท�างานอย่างมีความสุข ค่านิยมในการ ประกอบอาชีพแบ่งเป็น ๒ ลักษณะ ดังนี้ 1. ค่านิยมภายในตัวงาน เป็นค่านิยมที่ให้คุณค่าในตัวงาน ผู้ที่ มีค่านิยมในตัวงานจะชอบท�างานที่ท้าทายและมีการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เช่น งานที่น่าสนใจ งานที่ท้าทายความสามารถ การได้ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ การร่วมสร้างสรรค์สิ่งส�าคัญ การแสดงศักยภาพ ของตนในงานได้อย่างเต็มที่ ความรับผิดชอบและความเป็นตัวเอง การมีความคิดสร้างสรรค์ ๒. ค่านิยมภายนอกตัวงาน เป็นการให้คุณค่าแก่สิ่งแวดล้อมอื่น นอกจากตัวงาน ผู้ที่มีค ่านิยมนอกตัวงานจะให้ความส�าคัญกับ เงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ ความมั่นคงในการท�างาน การได้รับ ค ่าตอบแทนจากการท�างาน การมีฐานะในชุมชน การมีความ สัมพันธ์กับสังคม การมีเวลาให้กับครอบครัว และการมีเวลา เพื่อท�างานอดิเรกที่ตนเองชอบ งานอาชีพ 1๒๓ ขั้นสอน 11. ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับ คานิยมในการประกอบอาชีพ จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • คําวา “คานิยม” หมายถึงสิ่งใด (แนวตอบ คานิยม หมายถึง ความเชื่อที่กลุม มีรวมกันของบุคลากรทุกระดับในองคกร วาพฤติกรรมใดควรทําและพฤติกรรมใด ไมควรทํา เพื่อใหบรรลุผลสําเร็จทั้งในระดับ บุคคล ระดับหนวยงาน ระดับองคกร และ ผูรับบริการ ตลอดจนผูมีสวนไดสวนเสีย) • คานิยมในการประกอบอาชีพหมายถึงสิ่งใด จงยกตัวอยางประกอบ (แนวตอบ คานิยมในการประกอบอาชีพ หมายถึง สิ่งที่ยึดถือวาดีงาม มีความสมควร ที่จะปฏิบัติตาม เชน คานิยมเรื่องความซื่อสัตย ความมั่นคง ความปลอดภัย ความเสียสละ ความมีระเบียบวินัย ความขยันหมั่นเพียร) • คานิยมในการประกอบอาชีพแบงเปน กี่ลักษณะ แตละลักษณะมีคุณสมบัติอยางไร (แนวตอบ คานิยมในการประกอบอาชีพ แบงเปน 2 ลักษณะ ไดแก • คานิยมภายในตัวงาน เปนคานิยมที่ให คุณคาในตัวงาน ซึ่งผูที่มีคานิยมในตัวงาน จะชอบทํางานที่ทาทาย มีการเรียนรูใน สิ่งใหมๆ อยูเสมอ ชอบที่จะพัฒนาความคิด สรางสรรคของตน • คานิยมภายนอกตัวงาน เปนการใหคุณคา แกสิ่งแวดลอมอื่นๆ ที่นอกเหนือจากตัวงาน ซึ่งผูที่มีคานิยมภายนอกตัวงานจะใหความ สําคัญกับเงินเดือน คาจาง คาคอมมิชชัน และสวัสดิการตางๆ นอกเหนือจากตัวงาน ที่ตองปฏิบัติ) 12. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําใบงานที่ 6.2.1 เรื่อง ความรูในการงานอาชีพ กิจกรรม Mini Project 1. ใหนักเรียนสํารวจความตองการของตลาดแรงงานไทยในปจจุบัน จากแหลงการเรียนรูที่หลากหลาย เชน อินเทอรเน็ต 2. นําขอมูลที่ไดรับมาทําการวิเคราะหวามีอาชีพใดที่เหมาะสมกับ ตนเอง โดยใชการวิเคราะห SWOT เปนพื้นฐาน 3. สรางสถานการณจําลองเกี่ยวกับการรับสมัครงาน การสัมภาษณ เพื่อเขาทํางาน (ตามอาชีพที่เลือก) โดยกําหนดใหมีตัวแทนนักเรียน 2-3 คน แสดงบทบาทสมมติเปนผูประกอบการ และนักเรียน แสดงบทบาทสมมติเปนผูมาสมัครงาน เกร็ดแนะครู ครูแนะนําเกี่ยวกับอาชีพที่ไดรับความนิยมจากนักศึกษาจบใหมใหนักเรียน ฟงวา จากการสํารวจของเว็บไซตหางาน JobThai.com มีอาชีพที่นักศึกษา จบใหมนิยมสมัครมากที่สุด ไดแก • งานธุรการ, จัดซื้อ รอยละ 15.3 • งานผลิต, งานควบคุมคุณภาพ รอยละ 9.2 • งานวิศวกรรม รอยละ 9.2 • งานบัญชี, การเงิน รอยละ 8.2 • งานทรัพยากรบุคคล รอยละ 7.3 • งานโลจิสติกสและซัปพลายเชน รอยละ 6.9 • งานขาย รอยละ 6.9 • งานวิทยาศาสตร, งานวิจัยพัฒนา รอยละ 5.7 • งานบริการลูกคา รอยละ 5.5 • งานการตลาด รอยละ 4.2 ซึ่งในอนาคตนักเรียนสามารถศึกษาเกี่ยวกับทิศทางของตลาดแรงงานไทย ไดจากกรมการจัดหางาน หรือที่ www.doe.go.th นํา สอน สรุป ประเมิน T134 T135


แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับ คะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความ คิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมี น้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม ขอสอบเนนการคิด Êรé Ò§ÊÃÃ¤ì ¾Ñ²นาการàรÕÂนรéÙกÔ¨กรรม ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมเป็นรายบุคคล โดยเขียน ตอบตามที่ก�าหนด àÃ×èͧ ¤ÇÒÁÃٌ㹡ÒçҹÍÒªÕ¾ ใบมอบหมายงาน ๑. นักเรียนมีวิธีการเตรียมตัวหางานที่ตนเองสนใจอย่างไร ๒. การพัฒนาบุคลิกภาพของตนเองเพื่อการประกอบอาชีพในอนาคตมีความส�าคัญหรือไม่ อย่างไร ๓. การท�างานเพื่อให้เกิดความมั�นคงและความเจริญก้าวหน้าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร ๔. ในการไปสมัครงานควรเตรียมความพร้อมในเรื่องใด เพราะเหตุใด ๕. ในการเข้ารับการสัมภาษณ์งาน ผู้สัมภาษณ์ควรปฏิบัติตนอย่างไร เพื่อให้ได้โอกาสในการท�างานมากขึ้น ๖. นักเรียนสามารถน�าหลักการท�างานที่จะต้องรู้จักการครองตน การครองคน และการครองงานมาประยุกต์ ใช้ ในการเรียนได้อย่างไร ๗. เพราะเหตุใดเราจึงต้องรู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับอาชีพของตน ๘. การจ�าลองอาชีพและกิจกรรมอาชีพช่วยให้เกิดประสบการณ์ในอาชีพได้อย่างไร ๙. ค่านิยมในการประกอบอาชีพมีความส�าคัญต่อการท�างานอย่างไร ๑๐. ค่านิยมทางสังคมมีส่วนท�าให้การตัดสินใจเลือกอาชีพของนักเรียนเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ อย่างไร 1๒๔ ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง งาน อาชีพ 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย การเรียนรูที่ 6 ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจหลังเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 6.2.1 เรื่อง ความรูใน การงานอาชีพ 3. ครูตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การสัมภาษณบุคคลที่ประสบความสําเร็จ 4. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 ขอใดคือสิ่งสําคัญในการทํางานใหประสบผลสําเร็จดวยตนเอง 1. เสียสละและมีนํ้าใจตอผูอื่น 2. พูดจาสุภาพออนหวานตอบุคคลทั่วไป 3. พัฒนาตนเองอยูเสมอ มีความขยันและอดทน 4. แสดงความยินดี เมื่อผูอื่นประสบความสําเร็จ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการทํางานใดๆ ใหประสบ ผลสําเร็จ ผูปฏิบัติงานจะตองรูจักพัฒนาตนเองอยูเสมอ เพื่อเปน การเพิ่มศักยภาพในการทํางาน รวมถึงตองมีความขยันและอดทน เพื่อใหการทํางานเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ) นํา สอน สรุป ประเมิน T136 T137


บรรณาน ุ กรม กรมการจัดหางาน กองวิชาการและแผนงาน. ๒๕๔๔. แนะน�ำกรมการจัดหางาน. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย. กรมการจัดหางาน กองส่งเสริมการมีงานท�ำ. ๒๕๔๐. คู่มือการแนะแนวอาชีพ. (เอกสารเย็บเล่ม) กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม กรมการจัดหางาน. ๒๕๔๔. ๘ ปี กรมการจัดหางาน. กรุงเทพมหานคร : ชุมชนสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย. เกริก ท่วมกลาง. ๒๕๔๗. เทคนิคการปลูกผักสวนครัว ผักปลอดสารพิษ. กรุงเทพมหานคร : สถาพรบุ๊คส์. . ๒๕๔๗. เทคนิคการปลูกผักพื้นบ้าน ผักริมรั้ว. กรุงเทพมหานคร : สถาพรบุ๊คส์. กฤษฎา สัมพันธารักษ์. ๒๕๔๖. ปรับปรุงพันธุ์พืช : พื้นฐาน วิธีการ และแนวคิด. กรุงเทพมหานคร : ส�ำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์. จุฑามาศ อ่อนวิมล. ๒๕๔๗. ไม้ตัดดอก. กรุงเทพมหานคร : โครงการหนังสือเกษตรชุมชน. เจียมจิตร เผือกศรี. ๒๕๔๕. การออกแบบเสื้อ ๑. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์ส่งเสริมวิชาการ. ณัฐกิตต์ ธรรมเจริญ. ๒๕๔๕. สิ่งประดิษฐ์จากภูมิปัญญาไทย. กรุงเทพมหานคร : นาคาอินเตอร์มีเดีย. ประศาสตร์ เกื้อมณี. ๒๕๓๘. เทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช. กรุงเทพมหานคร : โอ. เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. ผจญ เฉลิมสาร. ๒๕๔๕. ๕ ส : คู่มือการปรับปรุงส�ำนักงาน. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ประชาชน. พรรณงาม สุวรรณเสวก. ๒๕๔๑. แนะน�ำวิธีเย็บ...เสื้อผ้า. กรุงเทพมหานคร : พรานนกวิทยา. มนัสวี ธาดาสีห์. ๒๕๔๕. คู่มือการบริหารกิจกรรม ๕ ส. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ประชาชน. รังสฤษดิ์ กาวีต๊ะ. ๒๕๔๕. การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช : หลักการและเทคนิค. กรุงเทพมหานคร : ส�ำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ลือชัย ทองนิล. ๒๕๔๗. คู่มืองานช่างในบ้าน ช่างไฟฟ้าในบ้าน. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. วิชัย จิตต์เสรี. ๒๕๔๓. ช่าง (จ�ำเป็น) ประจ�ำบ้าน : ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับบ้าน ท่านสามารถแก้ไขได้. กรุงเทพมหานคร : ดอกหญ้า ๒๐๐๐. วิโรจน์ ภัทรจินดา. ๒๕๔๖. โคนม = Dairy cattle. กรุงเทพมหานคร : ส�ำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ศุภชัย อาชีวระงับโรค. ๒๕๔๖. Practical PDCA : แก้ปัญหาและปรับปรุงงานเพื่อความส�ำเร็จ. กรุงเทพมหานคร : ซีโน ดีไซน์. T136 T137


ศิระ จันทร์สวาสดิ์. ๒๕๕๓. คู่มืองานช่างในบ้าน ช่างไม้ในบ้าน. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. สมชาย ศรีพลู. ๒๕๔๕. ค�ำบรรยายวิชา หลักการเลี้ยงสัตว์.นครสวรรค์ : คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. สุพัสดา ศรีอุดร และสมัย ศรีอุดร. ๒๕๕๑. การร้อยมาลัยดอกไม้สด. กรุงเทพมหานคร : วาดศิลป์. อภิรัติ โสฬศ. ๒๕๔๙. ศิลปะประดิษฐ์. กรุงเทพมหานคร : โอ. เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. อาภา จงจิตต์. ๒๕๕๐. การแกะสลักผักสดและผลไม้. กรุงเทพมหานคร : ทิพย์วิสุทธิ์. ฮอฟฟ์มัน, เอ็ดเวิร์ด. ๒๕๔๕. เมื่อบริษัทต้องคัดเลือกคน. กรุงเทพมหานคร : เอ็กเปอร์เน็ท. Busch, Akiko. 1984. Product Design. Hong Kong : Toppan Printing. Smith, D.M. 1994. DO-IT-YOURSELF MANUAL. North Sydney : Murdoch Book. สื่ออิเล็กทรอนิกส์ กรมปศุสัตว์. (๒๕๕๓). วัตถุดิบอาหารสัตว์. สืบค้นเมื่อ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๓, จาก http://www.dld.go.th/nutrition/Nutrition_Knowledge/nutrition_1.html กรมส่งเสริมการเกษตร. (๒๕๕๓). ไม้ดอกไม้ประดับ. สืบค้นเมื่อ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๓, จาก http://www.doae.go.th/library/html/ detail/dawrueng/dawrueng.html T138


การงานอาชีพ ม.๕ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน มนตรี สมไร่ขิง เพ็ญพร ประมวลสุข ปัญญา สังข์ภิรมย์ วรรณี วงศ์พานิชย์ ศิริรัตน์ ฉัตรศิขรินทร ดร.สถิตย์พงษ์ มั่นหลำ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ÕÐ.- หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน การงานอาชีพ ม. ๕ flêÐúôĀÖ úèĀÖùĆüċòĄñè..................................................................................................................................................................................... ĎéêòÿÐĀèÓćâïāíùĆēüÐāòċòĄñèòĈśÑüÖùĘāèĀÐíăðíŞċüÐÙè  úèĀÖùĆüċòĄñè òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄí ð Ġ ÙĀĔèðĀçñð÷ąÐøāêŒæĄē Ġ ÐôćŚðùāòÿÐāòċòĄñèòĈśÐāòÖāèüāÙĄí ċôŚðèĄĔ ×ĀãíăðíŞčãñ éòăøĀæ üĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞ ü׿ ×ĘāÐĀã ùĘāúòĀéĎÙśêòÿÐüéÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäòČÐèÐôāÖÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāè íćæç÷ĀÐòāÙ ĝĠĠĜčãñðĄčÓòÖùòśāÖċèĆĔüúāäāðæĄēéòăøĀæÐĘāúèãČôÿðĄëĈśċòĄñéċòĄñÖëĈśäòö× ČôÿéòòâāçăÐāò ãĀÖèĄĔ   ëĈśċòĄñéċòĄñÖ Ĝ èāñðèäòĄùðďòŚÑăÖ    ĝ ë÷ċíĒÜíò êòÿðöôùćÑ    Ğ èāñêŠÜÜā ùĀÖÑŞïăòðñŞ    ğ èāÖöòò⥠öÖ÷ŞíāèăÙñŞ    Ġ èāÖ÷ăòăòĀäèŞØĀäò÷ăÑòăèæò    ġ ãòùåăäñŞíÖøŞðĀēèúôĘā   ëĈśäòö× Ĝ ò÷×üðÑöĀÜ ùćöòòâòĀÐøŞ    ĝ ë÷ ãòċéÜÜā ðÿčèÙĀñ    Ğ èāÖùāöÐćúôāé ôā÷èĀèæŞ   éòòâāçăÐāò èāñùðċÐĄñòäă ïĈŚòÿúÖøŞ éòăøĀæÑüòĀéòüÖöŚā ÓâÿëĈśäòö×ČôÿéòòâāçăÐāòãĀÖÐôŚāö ċêŢèëĈśðĄÓćâùðéĀäăċêŢèďê äāðúôĀÐċÐâàŞČôÿċÖĆēüèďÑæĄēùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèÐĘāúèã ÚąēÖďãś æĘāúèśāæĄēäòö×íă×āòâāÓćâïāíČôÿéòòâāçăÐāòúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔĎúśðĄÓöāðåĈÐäśüÖČôÿðĄÓćâïāí ĎèÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäò úāÐúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔðĄÑśüéÐíòŚüÖéòăøĀæ×ÿêòĀéêòćÖČÐśďÑČôÿùŚÖúèĀÖùĆüæĄēêòĀéêòćÖČôśö Ďúśùåāè÷ąÐøā ĎèÐòâĄðĄċèĆĔüúāďðŚåĈÐäśüÖ ďðŚċúðāÿùð ðĄëôċùĄñäŚüÐāòċòĄñèòĈś ÐŚüĎúśċÐăã ëôċùĄñúāñäŚüÐāò÷ąÐøā Óćâçòòð ×òăñçòòð ČôÿÓöāððĀēèÓÖÑüÖÙāäă éòăøĀæñăèãĄĎúś ùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèåüãåüèòāñÙĆēüüüÐ×āÐéĀÜÙĄêòÿÐā÷ÐĘāúèã úèĀÖùĆüċòĄñè Čôÿíòśüð×ÿċòĄñÐċÐĒéúèĀÖùĆüæĄē×ĘāúèŚāñæĀĔÖúðã ČôÿÙãĎÙśÓŚāċùĄñúāñĎúśÐĀé ùåāè÷ąÐøā èāñÙĀñâòÖÓŞ ôăðêřÐăääăùăè  ÐòòðÐāòëĈś×ĀãÐāòéòăøĀæüĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞü׿×ĘāÐĀã òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄíČôÿċæÓčèčôñĄ ðĠ คู่มือครู บร. วิทยาศาสตร์ ม.2 ล.1 300.- 8 858649 121349 สร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ระดับโลก ม.๕ คู่มือครู นร. การงานอาชีพ ม.5 300.- 8 858649 144294 เพ็ญพร ประมวลสุข ปัญญา สังข์ภิรมย์ ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน คู่มือครู อจท. เพิ่ม คำแนะนำการใช้ เพิ่ม คำอธิบายรายวิชา เพิ่ม Pedagogy เพิ่ม Teacher Guide Overview เพิ่ม Chapter Overview เพิ่ม ข้อสอบเน้นการคิด เพิ่ม กิจกรรม 21 Century Skills st ราคานี้เป็นของฉบับคู่มือครูเท่านั้น >> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสั่งซื้อของ อจท. บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คู่สาย) ID Line: @aksornkrumattayom www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท. ภาพปกนี้มีขนาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน ผู้เรียบเรียงคู่มือครู พรรณมณฑ์ นิลนฤนาท อัญชลี ฉายแสงจันทร์ แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน คู่มือครู ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹ ¡ÒçҹÍÒªÕ¾ Á. ๕ การงานอาชีพ ม.๕ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน มนตรี สมไร่ขิง เพ็ญพร ประมวลสุข ปัญญา สังข์ภิรมย์ วรรณี วงศ์พานิชย์ ศิริรัตน์ ฉัตรศิขรินทร ดร.สถิตย์พงษ์ มั่นหลำ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ÕÐ.- หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน การงานอาชีพ ม. ๕ flêÐúôĀÖ úèĀÖùĆüċòĄñè..................................................................................................................................................................................... ĎéêòÿÐĀèÓćâïāíùĆēüÐāòċòĄñèòĈśÑüÖùĘāèĀÐíăðíŞċüÐÙè  úèĀÖùĆüċòĄñè òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄí ð Ġ ÙĀĔèðĀçñð÷ąÐøāêŒæĄē Ġ ÐôćŚðùāòÿÐāòċòĄñèòĈśÐāòÖāèüāÙĄí ċôŚðèĄĔ ×ĀãíăðíŞčãñ éòăøĀæ üĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞ ü׿ ×ĘāÐĀã ùĘāúòĀéĎÙśêòÿÐüéÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäòČÐèÐôāÖÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāè íćæç÷ĀÐòāÙ ĝĠĠĜčãñðĄčÓòÖùòśāÖċèĆĔüúāäāðæĄēéòăøĀæÐĘāúèãČôÿðĄëĈśċòĄñéċòĄñÖëĈśäòö× ČôÿéòòâāçăÐāò ãĀÖèĄĔ   ëĈśċòĄñéċòĄñÖ Ĝ èāñðèäòĄùðďòŚÑăÖ    ĝ ë÷ċíĒÜíò êòÿðöôùćÑ    Ğ èāñêŠÜÜā ùĀÖÑŞïăòðñŞ    ğ èāÖöòò⥠öÖ÷ŞíāèăÙñŞ    Ġ èāÖ÷ăòăòĀäèŞØĀäò÷ăÑòăèæò    ġ ãòùåăäñŞíÖøŞðĀēèúôĘā   ëĈśäòö× Ĝ ò÷×üðÑöĀÜ ùćöòòâòĀÐøŞ    ĝ ë÷ ãòċéÜÜā ðÿčèÙĀñ    Ğ èāÖùāöÐćúôāé ôā÷èĀèæŞ   éòòâāçăÐāò èāñùðċÐĄñòäă ïĈŚòÿúÖøŞ éòăøĀæÑüòĀéòüÖöŚā ÓâÿëĈśäòö×ČôÿéòòâāçăÐāòãĀÖÐôŚāö ċêŢèëĈśðĄÓćâùðéĀäăċêŢèďê äāðúôĀÐċÐâàŞČôÿċÖĆēüèďÑæĄēùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèÐĘāúèã ÚąēÖďãś æĘāúèśāæĄēäòö×íă×āòâāÓćâïāíČôÿéòòâāçăÐāòúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔĎúśðĄÓöāðåĈÐäśüÖČôÿðĄÓćâïāí ĎèÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäò úāÐúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔðĄÑśüéÐíòŚüÖéòăøĀæ×ÿêòĀéêòćÖČÐśďÑČôÿùŚÖúèĀÖùĆüæĄēêòĀéêòćÖČôśö Ďúśùåāè÷ąÐøā ĎèÐòâĄðĄċèĆĔüúāďðŚåĈÐäśüÖ ďðŚċúðāÿùð ðĄëôċùĄñäŚüÐāòċòĄñèòĈś ÐŚüĎúśċÐăã ëôċùĄñúāñäŚüÐāò÷ąÐøā Óćâçòòð ×òăñçòòð ČôÿÓöāððĀēèÓÖÑüÖÙāäă éòăøĀæñăèãĄĎúś ùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèåüãåüèòāñÙĆēüüüÐ×āÐéĀÜÙĄêòÿÐā÷ÐĘāúèã úèĀÖùĆüċòĄñè Čôÿíòśüð×ÿċòĄñÐċÐĒéúèĀÖùĆüæĄē×ĘāúèŚāñæĀĔÖúðã ČôÿÙãĎÙśÓŚāċùĄñúāñĎúśÐĀé ùåāè÷ąÐøā èāñÙĀñâòÖÓŞ ôăðêřÐăääăùăè  ÐòòðÐāòëĈś×ĀãÐāòéòăøĀæüĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞü׿×ĘāÐĀã òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄíČôÿċæÓčèčôñĄ ðĠ คู่มือครู บร. วิทยาศาสตร์ ม.2 ล.1 300.- 8 858649 121349 สร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ระดับโลก ม.๕ คู่มือครู นร. การงานอาชีพ ม.5 300.- 8 858649 144294 เพ็ญพร ประมวลสุข ปัญญา สังข์ภิรมย์ ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน คู่มือครู อจท. เพิ่ม คำแนะนำการใช้ เพิ่ม คำอธิบายรายวิชา เพิ่ม Pedagogy เพิ่ม Teacher Guide Overview เพิ่ม Chapter Overview เพิ่ม ข้อสอบเน้นการคิด เพิ่ม กิจกรรม 21 Century Skills st ราคานี้เป็นของฉบับคู่มือครูเท่านั้น >> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสั่งซื้อของ อจท. บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คู่สาย) ID Line: @aksornkrumattayom www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท. ภาพปกนี้มีขนาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน ผู้เรียบเรียงคู่มือครู พรรณมณฑ์ นิลนฤนาท อัญชลี ฉายแสงจันทร์ แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน คู่มือครู ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹ ¡ÒçҹÍÒªÕ¾ Á. ๕


Click to View FlipBook Version