๑.๑ ประเภทของพืชที่ปลูก พืชมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีลักษณะ รูปร่าง คุณค่าทางอาหาร ประโยชน์ ในการน�ามาใช้งานที่แตกต่างกัน โดยพืชที่นิยมปลูกกันทั่วไปแบ่งเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๑) พืชไร่เป็นพืชที่ปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่ ดูแลรักษาง่าย ต้องการน�้าน้อย มีอายุการปลูก และการเก็บเกี่ยวไม่นาน ส่วนใหญ่เป็นพืชล้มลุก ซึ่งเป็นพืชที่มีความส�าคัญทางเศรษฐกิจและชีวิต ประจ�าวันของมนุษย์ ซึ่งพืชไร่จ�าแนกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ ดังนี้ พืชที่ปลูกบริเวณที่ดอน เป็นพืชที่เจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีในสภาพ พื้นที่ที่ไม่มีน�้าท่วมขัง มีความต้องการใช้น�้า เพื่อสร้างการเจริญเติบโตในปริมาณปานกลาง พืชที่ปลูกบริเวณที่ลุ่ม เป็นพืชที่เจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีในสภาพ พื้นที่ที่มีน�้าท่วมขัง มีความต้องการใช้น�้า เพื่อ สร้างการเจริญเติบโตในปริมาณมากกว่าพืชที่ ปลูกบริเวณที่ดอน ตัวอย่าง ตัวอย่าง ข้าวโพด มันส�าปะหลัง ข้าว แห้ว อ้อย บัว ข้าวฟ่าง กระจับ จ�าแนกตามลักษณะของการใช้ที่ดิน แบ่งเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ 80 มันส�าปะหลัง ข้าว กระจับ 1 2 3 นักเรียนควรรู 1 มันสําปะหลัง เปนอาหารประเภทแปง หรือคารโบไฮเดรตที่ใหพลังงาน สําหรับมนุษยและสัตว ตลอดจนนํามาใชในอุตสาหกรรมประเภทตางๆ เชน อุตสาหกรรมกาว กระดาษ นํ้าตาล รวมทั้งใชหมักทําแอลกอฮอล เพื่อใชแทน นํ้ามันเบนซิน สําหรับเครื่องยนต 2 ขาว ประเทศไทยมีการปลูกขาว 2 ฤดูกาล ไดแก ขาวนาป ปลูกในชวง ฤดูฝนของทุกป (กรกฎาคม-กันยายน) และเก็บเกี่ยวในชวงฤดูหนาว (พฤศจิกายน-มกราคม) ซึ่งถือเปนผลผลิตหลักของประเทศ และขาวนาปรัง ปลูกนอกชวงฤดูฝน ซึ่งเปนพันธุขาวที่สามารถปลูกไดตลอดทั้งป 3 กระจับ เปนพืชนํ้าลมลุก หัวอยูใตนํ้า ลําตนอยูเหนือผิวนํ้า ผลเกิดใตนํ้า มีสีดํา ขนาดใหญ เปลือกหนาและแข็ง มีเขาโคงงอคลายลักษณะของเขาควาย มีสรรพคุณหลายประการ เชน บํารุงคนไข ฟนฟูลําไสหลังอาการทองเสีย กิจกรรม 21st Century Skills 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ใหแตละกลุมรวมกัน ศึกษาเกี่ยวกับพืชเศรษฐกิจของไทย จากสื่อการเรียนรูที่หลากหลาย เชน หนังสือเรียน อินเทอรเน็ต 2. ใหนักเรียนแตละกลุมนําความรูที่ไดจากการศึกษามา แลกเปลี่ยนเรียนรูซึ่งกันและกันภายในกลุม 3. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงแนวโนมการเปลี่ยนแปลงของ พืชเศรษฐกิจไทยในอนาคตตามความสนใจ 1 หัวขอ เชน พืชผัก ผลไมดาวรุง พืชออรแกนิกมาแรง เห็ดคอนโดสรางเงินลาน 4. ใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมา นําเสนอผลงานใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน โดยครูเปดโอกาสให นักเรียนรวมกันซักถามในประเด็นที่สงสัย โดยครูเปนผูคอยอธิบาย เพิ่มเติม ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 6. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง ประเภทของพืชที่ปลูก จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หรือศึกษา เพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 7. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภท ของพืชที่ปลูก จาก PowerPoint ม.5 หนวย การเรียนรูที่ 5 8. ครูนําภาพพืชไรชนิดตางๆ มาใหนักเรียนดู จากนั้นครูขออาสาสมัคร 3 คู ออกมาชวยกัน จําแนกประเภทของพืชไร โดยครูกําหนดให • คูที่ 1 จําแนกตามลักษณะของการใชดิน (พืชที่ปลูกบริเวณที่ดอนและพืชที่ปลูกบริเวณ ที่ลุม) • คูที่ 2 จําแนกตามลักษณะทางพฤกษศาสตร (พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู) • คูที่ 3 จําแนกตามลักษณะการใชประโยชน ครูและนักเรียนที่เหลือชวยกันตรวจสอบ ความถูกตองของการจําแนกประเภทของ พืชไร 9. ครูถามนักเรียนวา • พืชไรมีความสําคัญทางเศรษฐกิจอยางไร (แนวตอบ ผลผลิตของพืชไรนอกจากจะนํา มาใชเพื่อการบริโภคภายในครัวเรือนแลว ยังจัดจําหนายเปนสินคาสงออกไปยัง ประเทศตางๆ พืชไรจัดเปนพืชเศรษฐกิจของ ประเทศที่สามารถนํารายไดเขาสูประเทศ เปนจํานวนมาก พืชไรที่นิยมสงออกไป จําหนายมีอยูดวยกันหลายชนิด เชน ขาว ขาวโพด ออย ถั่วชนิดตางๆ ยาสูบ ฝาย มันสําปะหลัง ซึ่งขาวเปนผลผลิตทางเกษตร ที่สงออกมากที่สุดของประเทศ ตามมาดวย มันสําปะหลังและขาวโพด) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T90
ขอสอบเนน การคิด ข้าวโพด มะม่วง มะพร้าว ตาล พริก ถั่วฝักยาว หมากมะนาว T i p ความแตกต่างของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่ ลักษณะเด่นที่ท�าให้พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่มีความแตกต่างกัน มีดังนี้ พืช กลีบดอก เส้นใย แคมเบียม ท่อล�ำเลียง ระบบรำก เมล็ด ใบเลี้ยงเดี่ยว ๓ หรือทวีคูณ ของ ๓ขนาน ไม่มี กระจายทั่ว ล�าต้น รากฝอย มีซีกเดียว ใบเลี้ยงคู่ ๔, ๕ หรือ ทวีคูณของ ๔, ๕ ร่างแห มี เรียงเป็น วงกลมรอบ ล�าต้น รากแก้ว มี ๒ ซีก พืชใบเลี้ยงเดี่ยว เป็นพืชที่มีใบเลี้ยงเดี่ยว ๑ ใบ ลักษณะเส้นใบ ขนานตามความยาวของใบ ล�าต้นเรียวเห็นข้อ ปล้องได้อย่างชัดเจน ส่วนมากจะเป็นพืชล้มลุก พืชใบเลี้ยงคู่ เป็นพืชที่มีใบเลี้ยงเป็นคู่ๆ ลักษณะเส้นใบเป็น ร่างแห มองเห็นข้อและปล้องของล�าต้นไม่ชัดเจน เท่าพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เพราะมีเปลือกแข็งห่อหุ้มอยู่ ตัวอย่าง ตัวอย่าง จ�าแนกตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ แบ่งเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ งานเกษตร 81 เพราะเหตุใดในพื้นที่ที่มีการปลูกขาว เกษตรกรจึงนิยมปลูกพืช ตระกูลถั่วในชวงพักดิน (แนวตอบ เนื่องจากขาวเปนพืชที่มีความตองการธาตุไนโตรเจนสูง เมื่อมีการปลูกขาวในที่เดิมซํ้าๆ ทุกป ดินจะเสื่อมคุณภาพลง การปลูกพืชตระกูลถั่ว เชน ถั่วเขียว ถั่วดํา ถั่วแดง ถั่วแระ ถั่วลันเตา ในนาขาว จึงเปนเสมือนการเติมธาตุไนโตรเจนลงในดินที่ไดผลดี และมีราคาถูกกวาการใชสารเคมี) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจําแนกพืชตามลักษณะทางพฤกษศาสตร ใหนักเรียนฟงวา การจําแนกพืชตามลักษณะทางพฤกษศาสตร สามารถแบงเปน 2 ประเภท ดังนี้ • พืชใบเลี้ยงเดี่ยว หรือ Monocotyledon เปนพืชที่มีใบเลี้ยง 1 ใบ ลักษณะ เสนใบขนานตามความยาวของใบ เชน พืชตระกูลหญา พืชตระกูลปาลม พืชเจริญเติบโตโดยใชระบบรากแกว จัดเปนพืชที่มีความสําคัญทาง เศรษฐกิจและในชีวิตประจําวันของมนุษยและสัตว • พืชใบเลี้ยงคู หรือ Dicotyledonous เปนพืชที่มีใบเลี้ยงเปนคูๆ ลักษณะ เสนใบเปนรางแห เชน พืชตระกูลถั่ว พืชอื่นๆ ที่มีลักษณะดังกลาว พืชเจริญเติบโตโดยใชระบบรากฝอย จัดเปนพืชที่มีความสําคัญทางเศรษฐกิจ และในชีวิตประจําวันของมนุษยและสัตว รองลงมาจากพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู • พืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีลักษณะพิเศษอยางไร (แนวตอบ พืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีลักษณะพิเศษ หลายประการ เชน การเจริญเติบโตของ ลําตนสวนใหญจะอยูใตดิน หรือผิวดิน ราก ของพืชจะเปนระบบรากฝอย ไมมีการแตก กิ่งกานสาขาออกทางดานขาง อายุของพืช จะสั้น ซึ่งอาจมีอายุเพียง 1 ป หรือมากกวานั้น เล็กนอย เจริญเติบโตไดดีกวาพืชใบเลี้ยงคู ใหผลผลิตเร็ว ซึ่งพืชบางชนิดใชเวลาเจริญ เติบโตไมถึง 1 ป ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได จัดเปนพืชที่มีความสําคัญทางเศรษฐกิจเปน อยางมาก เชน ขาว ขาวโพด) • พืชใบเลี้ยงคูมีลักษณะพิเศษอยางไร (แนวตอบ พืชใบเลี้ยงคูมีลักษณะพิเศษหลาย ประการ เชน มีทั้งชนิดที่เปนพืชลมลุกและ พืชยืนตน รากของพืชจะเปนระบบรากแกว ซึ่งจะชวยใหลําตนมีความมั่นคง แข็งแรง มีการแตกกิ่งกานสาขาออกทางดานขาง อายุของพืชจะยาวกวาพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ให ผลผลิตชา เชน มะมวง พริก ถั่วชนิดตางๆ) • หากนักเรียนประกอบอาชีพเปนเกษตรกร นักเรียนจะเลือกปลูกพืชใบเลี้ยงเดี่ยว หรือ พืชใบเลี้ยงคู เพราะเหตุใดจึงเปนเชนนั้น (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • การศึกษาเรื่องความแตกตางของพืชใบเลี้ยง เดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู มีความสําคัญตอ เกษตรกรผูปลูกพืชไรหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T91
๑. ธัญพืช พืชตระกูลหญ้าที่น�าเมล็ด มาปลูกให้เจริญเติบโตได้ มนุษย์และสัตว์ใช้ทั้งต้น และเมล็ดเป็นอาหาร ข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวไรย์ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ๒. พืชตระกูลถั่ว พืชยอดนิยมใช้ปลูกคลุมดิน ปรับปรุงดิน หรือท�าเป็น ปุ๋ยสด น�ามาประกอบอาหาร เพราะมีโปรตีนสูง ถั่วเขียว ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วด�า ต้นแค ต้นจามจุรี ๓. พืชอำหำรสัตว์ พืชจ�าพวกหญ้า ผัก หรือถั่ว อาจอยู่ในรูปลักษณะสด หรือ แห้งก็ได้ น�าไปเลี้ยงสัตว์ ฟางอัดแห้งเป็นฟ่อน ถั่ว ข้าวฟ่าง หญ้าพันธ์ุต่างๆ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ๔. พืชที่ใช้รำกและ หัวเป็นประโยชน์ พืชที่น�ารากและหัวมาใช้ ประโยชน์ในการประกอบ อาหาร น�ามาประกอบอาหาร มันส�าปะหลัง มันฝรั่ง เผือก มันเทศ ๕. พืชเส้นใย พืชที่ให้เส้นใยที่มีลักษณะ เป็นเส้นยาวเรียว ซึ่งได้ มาจากพืช น�าเส้นใยไปใช้ในทาง อุตสาหกรรม ฝ้าย ป่าน ปอ งิ้ว นุ่น ๖. พืชที่ให้น�้ำตำล พืชที่ให้ความหวาน สามารถ น�าเอาส่วนใดส่วนหนึ่งมา ผลิตน�้าตาล น�ามาประกอบอาหาร อ้อย บีตรูต ๗. พืชที่ให้น�้ำมัน พืชที่น�าผลผลิตไปแปรรูป เป็นน�้ามัน แล้วน�าน�้ามันไป ใช้เพื่อประกอบอาหาร น�ามาประกอบอาหาร หรือน�าไปใช้เป็นเชื้อเพลิง ส�าหรับเครื่องยนต์ดีเซล ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ปาล์ม น�้ามันละหุ่ง ข้าวโพด งา ฝ้าย ทานตะวัน ๘. พืชที่ให้น�้ำยำง พืชที่สามารถให้น�้ายางและ น�ามาใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ ได้ น�าน�้ายางมาแปรรูปเป็น วัตถุดิบในการผลิตเป็น ผลิตภัณฑ์ส�าเร็จรูป ยางพารา ยางสน ยางนา ๙. พืชชวนเสพ พืชที่ม่ีสารออกฤทธิ์กระตุ้น ประสาท ถ้าใช้เป็นเวลา นาน ๆ อาจท�าให้ติดได้ _ ยาสูบ ชา กาแฟ ฝิ่น ประเภท ความส�าคัญ การใช้ประโยชน์ ตัวอย่าง จ�าแนกตามลักษณะการใช้ประโยชน์ แบ่งเป็น ๙ ประเภท ได้แก่ 82 ฝ้าย ป่าน ปอ งิ้ว นุ่น น�้ามันละหุ่ง ข้าวโพด งา ยาสูบ ชา กาแฟ ฝิ่น 1 2 3 กิจกรรม ทาทาย นักเรียนควรรู 1 งิ้ว มีประโยชนหลายประการ เชน เปลือกตนใหเสนใย นํามาใชทําเชือกได มีความเหนียว แตจะแข็งและหยาบ จึงเหมาะสําหรับใชมัดของที่มีขนาดใหญ 2 นํ้ามันละหุง เปนไมพุม จัดอยูในประเภทเดียวกันกับยางพารา นิยมนํามาใช ในอุตสาหกรรมเคมีและรถยนต ทั้งยังมีฤทธิ์เปนยาระบายออนๆ สําหรับเด็กและ ผูใหญ ในการสกัดนํ้ามันออกจากเมล็ดตองใชวิธีการบีบออก โดยไมใชความรอน หรือใชวิธีการบีบเย็น เพื่อปองกันไมใหโปรตีนที่เปนพิษติดออกมา เนื่องจาก สวนที่เปนพิษจะไมนํามาใชทําเปนยา 3 ยาสูบ มีประสิทธิภาพในการชวยปองกันและกําจัดแมลงศัตรูพืช เชน เพลี้ยออน เพลี้ยไฟ ขอดีของการใชสารสกัดจากยาสูบ คือ ราคาถูกและปลอดภัย ตอเกษตรกรผูใชมากกวาการใชสารเคมี ไมมีสารพิษตกคางในผลผลิตจึงมีความ ปลอดภัยตอผูบริโภค ครูใหนักเรียนสํารวจและจดบันทึกพืชที่พบในบริเวณบาน ใน ทองถิ่น หรือในชุมชน พรอมทั้งจําแนกประเภทตามลักษณะการใช ประโยชน จากนั้นออกมานําเสนอผลงานใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน กิจกรรม สรางเสริม ครูใหนักเรียนศึกษาประเภทของพืชที่ปรากฏอยูในหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หนา 82 ตามความสนใจ 1 ชนิด โดยคนหา ขอมูลดานการใชประโยชนเพิ่มเติมนอกเหนือจากการศึกษาใน หนังสือเรียน แลวทดลองปฏิบัติตามวิธีที่ไดศึกษามา จากนั้นออกมา นําเสนอผลงานใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน พรอมนําเสนอชิ้นงาน ประกอบ (ถามี) ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู • นักเรียนเคยรับประทานธัญพืชหรือไม หาก เคยชอบรับประทานธัญพืชชนิดใด และ ธัญพืชชนิดนั้นมีประโยชนอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ชอบรับประทานขาวเจา ซึ่งขาวเจามีประโยชนหลายประการ เชน ชวยบํารุงรางกาย เสริมสรางการเจริญเติบโต ใหพลังงานแกรางกาย เสริมสรางกระดูก และฟนใหแข็งแรง ควบคุมความดันโลหิต ชอบรับประทานขาวโอต ซึ่งขาวโอตมี ประโยชนหลายประการ เชน อุดมไปดวย สารตานอนุมูลอิสระ กระตุนการทํางาน ของระบบภูมิคุมกัน ชวยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมนํ้าหนัก ปองกันการเกิดโรคเบาหวาน รักษาระดับนํ้าตาลในเลือด) • พืชตระกูลถั่วนอกจากจะนิยมนํามาใชใน การประกอบอาหารแลว ยังนิยมนํามาใช ประโยชนในดานใดอีกบาง (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ชวยปรับปรุงคุณภาพ ของดินใหมีความอุดมสมบูรณ สงผลใหพืช เจริญเติบโตไดดี และใหผลผลิตที่มีคุณภาพ เพราะหลังจากที่พืชตระกูลถั่วมีการยอย สลายแลวจะใหปุยอินทรียที่มีปริมาณสูง ทําใหพืชปลอดภัยจากสารเคมีและไมกอให เกิดอันตรายเมื่อนํามาบริโภค) • เพราะเหตุใดยางพาราจึงจัดเปนสินคาสงออก ลําดับตนๆ ของโลก (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน สามารถนํามาแปรรูปเปน ผลิตภัณฑตางๆ ไดอยางหลากหลาย เชน ยางรถยนต ถุงมือทางการแพทย รองเทา อุปกรณกีฬา ยางรัดของ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T92
ขอสอบเนน การคิด ๒) พืชสวน เป็นพืชที่ต้องดูแลอย่างพิถีพิถันและเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด มีขอบเขต ในการปลูก จ�าแนกตามลักษณะและการใช้ประโยชน์ ดังนี้ ไม้ผล ไม้ยืนต้นที่มีอายุหลายปี ให้ผลผลิตที่เรียกว่า “ผลไม้” ในการปลูกต้องอาศัยระยะเวลานาน กว่าจะได้ผลผลิต ผู้ปลูกต้องศึกษาเกี่ยวกับ พืชที่ปลูกให้ดี บ�ารุงรักษาอย่างสม�่าเสมอ จึงจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า พืชผัก พืชที่ใช้ราก ล�าต้น ใบ ดอก และผล เพื่อน�ามา ประกอบเป็นอาหาร หรือเครื่องปรุงแต่ง กลิ่นอาหารประเภทต่าง ๆ บางชนิดนิยมน�ามา ปลูกไว้ ในครัวเรือนเรียกว่า “ผักสวนครัว” ตัวอย่าง ตัวอย่าง มังคุด กวางตุ้ง น้อยหน่า กะหล�่าดอก ลองกอง ผักกาดขาว แก้วมังกร ขิง ส้ม ข่า ขนุน ตะไคร้ งานเกษตร 83 พิจารณาขอมูล แลวตอบคําถาม 1. มีอายุยืน 2. สวนใหญมีกลิ่นหอม 3. ใชตกแตงสถานที่ใหสวยงาม 4. ตองดูแลเอาใจใสอยางใกลชิด ขอใดเปนลักษณะของพืชสวน 1. 1, 2 2. 1, 3 3. 1, 4 4. 2, 3 (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. 1, 4 เพราะมีอายุยืนเปนลักษณะ ของไมผลและพืชสวนทุกชนิด ตองดูแลเอาใจใสอยางใกลชิด สวน คําตอบในขออื่น คือ สวนใหญมีกลิ่นหอมและใชตกแตงสถานที่ให สวยงามเปนลักษณะของไมดอก) บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายใหนักเรียนเห็นความสําคัญของบทบาทการเปนผูสงออกไมผล ของกลุมประเทศในอาเซียน โดยอาจยกตัวอยางประเทศที่ใหญที่สุดในเอเชีย ตะวันออกเฉียงใตอยางประเทศจีน ซึ่งเคยนําเขาผลไมจากประเทศชิลีมาก เปนอันดับ 1 แตจากขอมูลลาสุดปรากฏวา ประเทศจีนไดมีการนําเขาผลไม จากประเทศไทยมากเปนอันดับ 1 และเมื่อพิจารณามูลคาการนําเขาผลไมของ ประเทศจีน 5 อันดับแรก พบวาเปนประเทศในอาเซียนถึง 3 ประเทศ ไดแก ประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และประเทศฟลิปปนส ดังนั้น อาเซียนจึงถือเปน ภูมิภาคที่มีมูลคาการสงออกผลไมไปประเทศจีนมากที่สุด ซึ่งนักเรียนสามารถ ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมไดที่ กรมสงเสริมการคาระหวางประเทศ กระทรวงพาณิชย หรือ www.ditp.go.th ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 10. ครูนําผักและผลไมตามฤดูกาลหลากหลาย ชนิดมาใหนักเรียนดู ซึ่งอาจเปนผักและผลไม ที่ปลูกภายในชุมชน หรือทองถิ่นของนักเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • ผักและผลไมจัดเปนพืชชนิดใด และมี ลักษณะอยางไร (แนวตอบ เปนพืชที่สามารถปลูกไดทั้งในพื้นที่ มากและพื้นที่นอย แตตองไดรับการดูแล เอาใจใสมากเปนพิเศษ โดยเริ่มตั้งแตการ เพาะเมล็ด การเตรียมดิน การจัดระยะปลูก การใหปุย การใหนํ้า การพรวนดิน การปองกัน กําจัดศัตรูพืช และการเก็บเกี่ยว เปนพืช อายุยืน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได หลายครั้ง) 11. ครูใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางพืชสวนที่ ปลูกมากในชุมชนของตนเอง พรอมทั้งอธิบาย เกี่ยวกับสาเหตุที่ทําใหคนในชุมชนนิยมปลูก พืชชนิดนี้ เชน พืชสวนที่ปลูกมากในชุมชน คือ ไมผล ไดแก เงาะ มังคุด และลองกอง สาเหตุ ที่มีการปลูกพืชชนิดนี้มากในชุมชน เนื่องจาก สภาพดินและสภาพอากาศมีความเหมาะสม ตอการเจริญเติบโตของพืช ดินในชุมชนเปน ดินรวน ลักษณะภูมิอากาศเปนแบบรอนชื้น และมีฝนตกตลอดทั้งป จึงเหมาะสมตอการ ปลูกไมผลทั้ง 3 ชนิดนี้มากที่สุด 12. ครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดอาชีพการทําสวนผลไมจึงเปน อาชีพสําคัญของคนไทยอีกอาชีพหนึ่ง (แนวตอบ ประเทศไทยมีสภาพภูมิอากาศ และสภาพแวดลอมที่เหมาะสมตอการ เพาะปลูกผลไมหลายขนิด จึงสงผลใหมีการ ทําสวนผลไมอยูทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T93
ขอสอบเนนการคิด ตัวอย่าง ตัวอย่าง ๓) ไม้ดอก ไม้ประดับ เป็นพันธุ์ ไม้ที่นิยมน�ามาปลูก เพื่อท�าให้เกิดความสวยงาม ทั้งภายในบริเวณบ้าน ภายนอกตัวบ้าน หรืออาคาร ซึ่งไม้ดอก ไม้ประดับจ�าแนกเป็นประเภท ต่าง ๆ ได้ ดังนี้ ไม้ดอกประดับ เป็นพรรณไม้ที่มีดอกสวยงาม ไม่นิยมตัดดอก เพราะดอกไม่คงทาน เหี่ยวเฉาง่าย นิยมน�ามา ปลูกเป็นกลุ่ม เป็นแปลงประดับ ตกแต่งอาคาร สถานที่ ไม้ตัดดอก เป็นไม้ดอกที่ปลูกเพื่อตัดดอกมาใช้ประโยชน์ โดยตรง เช่น ประดับแจกัน ประดับตกแต่ง ในงานพิธีต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสวยงาม หรือ ปลูกตัดดอกเพื่อการค้า ไม้ดอก พืชที่ปลูกขึ้นเพื่อน�าดอกไปใช้ประโยชน์ เช่น น�าไปตกแต่งอาคารสถานที่ให้สวยงาม หรือตัดดอก เพื่อน�าไปจ�าหน่าย แบ่งเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ กล้วยไม้ คาร์เนชัน รักเร่ หงอนไก่ บานชื่น ซ่อนกลิ่นฝรั่ง กุหลาบ เบญจมาศ ชวนชม ทองอุไร ชบา ลิลลี่ 84 ขอใดจัดเปนประโยชนของการใชระบบนํ้าหยดในการดูแลรักษาพืช 1. ชวยประหยัดนํ้า 2. ชวยประหยัดแรงงาน 3. ชวยควบคุมปริมาณการจายนํ้า 4. ถูกทุกขอ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการใหนํ้าแกพืชโดยการ ใชระบบนํ้าหยดเหมาะสําหรับการรดนํ้าบริเวณโคนตน หรือพื้นที่ ตางระดับ เพื่อใหนํ้ามีเวลาดูดซึมลงดิน ไมไหลไปยังจุดอื่นๆ ซึ่งถือเปนการควบคุมปริมาณการจายนํ้า ชวยใหประหยัดนํ้า และยังชวยลดการใชแรงงานคนไดอีกทาง) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชนของไมดอกใหนักเรียนฟงวา ไมดอก นอกจากจะมีลักษณะสีสันที่สวยงามแลว ยังนิยมนํามาใชในการประดับ ตกแตง สิ่งของ หรือสถานที่ตางๆ เพื่อเพิ่มความสวยงามอีกดวย นอกจากนี้ ไมดอก หลายชนิดยังมีสรรพคุณทางยา สามารถนํามาใชเพื่อรักษารักษาโรคตางๆ ได ดังตัวอยาง • จําปา เปลือกและรากใชรักษาฝที่มีหนอง ดอกและเมล็ดใชทํายาแกไข คลื่นไส อาเจียน วิงเวียนศีรษะ • บัวหลวง เกสรนํามาผสมในยาหอมใชบํารุงหัวใจ บํารุงกําลัง แกอาการ หนามืด วิงเวียนศีรษะ • มะลิ ดอกสดนํามาตําแลวพอกที่ขมับแกปวดศีรษะ ดอกที่โรยคาตน นํามาชงเปนชา มีรสชาติดีและมีกลิ่นหอมชื่นใจ ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 13. ครูใหนักเรียนเลนเกม โดยใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกันทายชื่อภาพไมดอก ซึ่ง มีกติกาในการเลนเกม คือ ภาพไมดอก 1 ภาพ จะแบงเปนภาพเล็กๆ จํานวน 9 ภาพ เรียงลําดับ หมายเลข 1-9 ครูจับสลากหมายเลขขึ้นมา 1 หมายเลข หากตรงกับหมายเลขใดจะเปด ภาพที่ตรงกับหมายเลขนั้น โดย 1 ภาพ จะเปด ไดเพียง 3 หมายเลข ใหนักเรียนแตละกลุม รวมกันทายชื่อภาพไมดอก กลุมใดทายถูก จะได 1 คะแนน เลนจนครบ 10 ภาพ กลุมใด ไดคะแนนมากที่สุดเปนฝายชนะ 14. ครูนําภาพไมดอกซึ่งเปนภาพปริศนาทั้งหมด ติดลงบนกระดานดํา จากนั้นใหนักเรียน ชวยกันจําแนกประเภทของไมดอกวา ภาพ ไมดอกชนิดใดเปนไมตัดดอกและภาพไมดอก ชนิดใดเปนไมดอกประดับ 15. ครูถามนักเรียนวา • ที่บานของนักเรียนปลูกไมดอกเหมือนใน ภาพหรือไม หากมี ปลูกไมดอกชนิดใดและ ปลูกอยางไร หากไมมี ปลูกไมดอกชนิดใด และปลูกอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ที่บานปลูกกุหลาบ เหมือนในภาพปริศนา โดยปลูกบริเวณที่โลง อากาศถายเทไดสะดวก แตละตนปลูกหางกัน 30 เซนติเมตร เพื่อความสะดวกในการ ตกแตงกิ่ง ใชเศษหญาคลุมที่โคนตน เพื่อชวย รักษาความชื้นในดิน รดนํ้าอยางสมํ่าเสมอ ในปริมาณที่เหมาะสม โดยระมัดระวังไมให ดินแฉะ หรือมีนํ้าทวมขัง เพราะอาจทําให รากเนาได และใสปุยเม็ดสูตร 15-15-15 ตนละ 5-10 กรัม ทุก 2 สัปดาห) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T94
ขอสอบเนน การคิด ตัวอย่าง ไม้ตัดใบ เป็นพรรณไม้ที่ใบมีรูปทรง สีสันสวยงามสะดุดตา พรรณไม้ชนิดนี้จะไม่เน้น ความสวยงามของดอก มี ทั้งที่ปลูกในร่มและปลูก กลางแจ้ง ไม้กระถาง เป็นพรรณไม้ประดับที่น�า มาปลูกให้เจริญเติบโต ได้ดีในกระถาง เพื่อใช้ ประดับตกแต่งอาคาร สถานที่ให้เกิดความ สวยงาม ไม้ดัดและไม้แคระ เป็นพรรณไม้ประดับที่ ผู้ปลูกต้องคอยตัดแต่ง และดูแลเอาใจใส่เป็น พิเศษ ต้องมีศิลปะในการ ตกแต่ง สามารถเลี้ยงเป็น งานอดิเรก หรือท�าเป็น อาชีพได้ ไม้ประดับ เป็นพรรณไม้ที่ปลูกเพื่อน�ามาใช้ประดับตกแต่งอาคารสถานที่ มีรูปทรง ล�าต้น และใบที่สวยงาม แบ่งเป็น ๓ ประเภท ได้แก่ บอนสี ชวนชม ลิ้นมังกร เฟิน มะสัง วาสนา ข่อย เดหลี บัลเดียนัม งานเกษตร 85 บอนสี 1 ขอใดไมจัดเปนวิธีการเพิ่มมูลคาใหแกไมประดับ 1. ตัด หรือตกแตงใหสวยงาม 2. จัดวางในสถานที่กลางแจง 3. เลือกใชภาชนะที่สวยงามและมีขนาดเหมาะสม 4. ระมัดระวังเรื่องความชื้น เพราะอาจทําใหตนไมเกิดโรคได (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะไมประดับบางชนิดมีความ ตองการแสงแดดที่ไมเทากัน จึงไมสามารถนําไมประดับมาจัดวาง ภายนอกอาคารหรือสถานที่กลางแจงไดเหมือนกันทั้งหมด เนื่องจากแสงแดดอาจทําใหใบกลายเปนสีนํ้าตาล แหง กรอบ อาจสงผลใหเหี่ยวเฉาและตายลงได) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมดัดใหนักเรียนฟงวา การปลูกไมดัดเปนที่นิยม อยางยิ่งในสมัยรัชกาลที่ 1 พระองคทรงใหปลูกไมดัดไวในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งยังมีใหเห็นอยูในปจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานปรากฏอยูในกลอนเสภา เรื่อง ขุนชางขุนแผน ตอน ขุนแผนขึ้นเรือนขุนชาง ความวา “กระถางแถวแกวเกดพิกุลแกม ยี่สุนแซมมะสังดัดดูไสว สมอรัดดัดทรงสมละไม ตะขบขอยคัดไวจังหวะกัน” นักเรียนควรรู 1 บอนสี เปนไมใบที่มีสีสันและลวดลายที่สวยงาม จนไดรับการขนานนามวา “ราชินีแหงไมใบ” ในการปลูกบอนสีจะตองระมัดระวังในเรื่องของแสงแดด เพราะ หากไดรับแสงแดดมาก หรือนอยเกินไป จะสงผลกระทบตอสีของใบได ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 16. ครูนําภาพตนไมชนิดตางๆ มาใหนักเรียนดู จากนั้นใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหวา ภาพใด จัดเปนไมประดับที่นิยมปลูก เพื่อนํามาใช ประดับตกแตงอาคารสถานที่ 17. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ไมประดับจะแบงตาม ลักษณะของการใชงานได 2 ประเภท คือ ไมประดับภายในอาคาร หรือในรม จะตองการ แสงนอยถึงปานกลาง สวนมากปลูกอยูใน อาคารที่มีแสงแดดสองถึงเล็กนอย เชน แกวหนามา เดหลี และไมประดับภายนอก อาคารหรือกลางแจง จะตองการแสงมาก สวนมากปลูกอยูภายนอกอาคาร หรือบริเวณ สนามตางๆ เชน โกสน ปาลม” 18. ครูถามนักเรียนวา • การปลูกไมดอก ไมประดับมีขอดีอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ชวยทําใหบานดูสดชื่นขึ้น จากสีสันของดอกไม ชวยผอนคลายความ ตึงเครียด ทําใหบานนาอยูอาศัยมากขึ้น เปนการใชเวลาวางใหเเกิดประโยชน ชวย รักษาสิ่งแวดลอม ตอยอดเพื่อสรางเปน อาชีพไดในอนาคต) • เพราะเหตุใดในปจจุบันไมดอก ไมประดับ จึงมีความสําคัญทางเศรษฐกิจ (แนวตอบ ปจจุบันการปลูกไมดอก ไมประดับ เพื่อนํามาใชในการตกแตงบานเรือน ตกแตง อาคาร หรือจัดดอกไมตามสถานที่ตางๆ กําลังไดรับความนิยมเปนอยางมาก เพราะ จะทําใหสถานที่นั้นๆ ดูสวยงาม มีความ สดชื่น และการจัดดอกไมตามงานตางๆ ยังเปนการสรางบรรยากาศที่ดีใหกับงาน อีกดวย) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T95
กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงค ๑. แก้ว : ส่งผลให้มี คนรักดั่งแก้วตาดวงใจ ๒. กระดังงา : คนในบ้าน มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่นับหน้าถือตา ๓. บานไม่รู้ โรย : ความรัก ของผู้อยู่อาศัย และคู่กันจะผูกพัน มั่นคงต่อกัน ๔. จ�าปา : น�าโชคลาภและ ความโชคดี มาให้ผู้อาศัย ๕. เข็ม : สมองปลอดโปร่งเกิดความคิดอ่านที่ดี ความคิด เฉียบขาด ๖. กล้วยไม้: จะท�าให้เกิดความประทับใจ คนในบ้านมีจริยธรรม ๗. ชบา : การงานเจริญก้าวหน้า ไร้ซึ่งปัญหาและอุปสรรค ๘. มะลิ : เสริมสร้างสิริมงคล มีจิตใจ ที่บริสุทธิ์ รักและคิดถึงคนรอบข้าง ๙. พุด : มีความเจริญ มั่นคง แข็งแรง สมบูรณ์ ๑๐. ดาวเรือง : ส่งเสริมให้ชีวิตเจริญก้าวหน้า มีเงิน มีทองไหลมาเทมา ดอกไม้ที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมปลูกกัน ในบ้านมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ซึ่งขึ้นอยู่ กับความชอบของแต่ละบุคคล โดยดอกไม้ แต่ละชนิดจะมีความสวยความที่แตกต่าง กัน รวมถึงความหมายยกตัวอย่างดอกไม้ มงคล ๑๐ ชนิด ที่นิยมปลูก เพื่อเพิ่มโชค ดอกไม้มงคลเพิ่มโชคลาภ ลาภ มีดังนี้ 86 บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายใหนักเรียนฟงวา ดอกไมมงคลนอกจากจะนิยมปลูกในประเทศไทย เนื่องจากคานิยมทางดานความเชื่อแลว ยังพบความนิยมในลักษณะเชนเดียวกัน กับประเทศอื่นๆ อีกดวย เชน ราชพฤกษหรือคูน จัดเปนไมมงคลและเปน สัญลักษณประจําชาติไทย พบวานิยมปลูกเปนไมประดับในบริเวณตอนใตของ ปากีสถาน อินเดีย ศรีลังกา รวมถึงประเทศอาเซียนอยางเมียนมาดวย เนื่องจาก พรรณไมชนิดนี้มีประโยชนหลากหลายประการ เชน มีสรรพคุณทางการแพทย สามารถนํามาใชเปนยาระบาย ขับเสมหะ บํารุงโลหิต บรรเทาอาการแนนหนาอก ลดคอเลสเตอรอล แกอาการกระหายนํ้า แกอาการปวดฟน อาการจุกเสียด ขับพยาธิไสเดือนในทอง และดวยลักษณะของตนที่จัดเปนไมยืนตนขนาดใหญ จึงนิยมนํามาปลูกไวในสถานที่ตางๆ เพื่อชวยปองกันแสงแดด ลดความรอน และประหยัดพลังงาน ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง การปลูกตนไมตามความเชื่อ โดยศึกษาทั้งไมมงคลและไมอวมงคล จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมา นําเสนอผลงานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน โดยครูอธิบายเสริมเพื่อ ใหเกิดความเชื่อมโยงระหวางความเชื่อกับภาพสะทอนทางสังคม เปนตนวา วิถีชีวิต ระบบความคิด สภาพจิตใจของคนในสังคม ในยุคปจจุบัน พรอมทั้งสรุปวา การที่จะทําใหครอบครัวมีความสุข ไดนั้น ไมไดขึ้นอยูกับการปลูกไมมงคลเพียงอยางเดียว แตสมาชิก ในครอบครัวทุกคนจะตองปฏิบัติตนตามหนาที่ที่ไดรับมอบหมาย อยางเหมาะสมอีกดวย (กิจกรรมนี้เสริมสรางคุณลักษณะดานมีวินัยและมุงมั่นในการ ทํางาน) ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 19. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง ดอกไมมงคล เพิ่มโชคลาภ ในกรอบ Know More จาก หนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หนา 86 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 20. ครูถามนักเรียนวา • จากการศึกษา เรื่อง ดอกไมมงคลเพิ่ม โชคลาภ มีดอกไมที่นักเรียนชื่นชอบบาง หรือไม เพราะเหตุใดจึงชอบดอกไมชนิดนี้ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ชอบดอกมะลิ เพราะ มีกลิ่นหอม สามารถนํามาใชประโยชนได อยางหลากหลาย รวมถึงยังมีความหมาย ที่เปนมงคลอีกดวย) • นอกจากตัวอยางดอกไมที่นักเรียนไดศึกษา จากกรอบ Know More นักเรียนยังทราบ ความหมายของดอกไมชนิดอื่นอีกหรือไม จงยกตัวอยาง (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เข็ม : มีสติปญญา เฉียบแหลม มีความคิดความอานที่ดี คูน : มีศักดิ์ศรี มีเกียรติยศชื่อเสียง กุหลาบ : สงางาม สมภาคภูมิ โปยเซียน : นําโชค ลาภและความโชคดีมาสูครอบครัว อัญชัน : เสริมใหประสบความสําเร็จในชีวิต) 21. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ในการเลือกซื้อดอกไม ชนิดใดๆ มาปลูก ควรศึกษาขอมูลเกี่ยวกับ ดอกไมชนิดนั้นๆ ใหเขาใจอยางละเอียด หรือ สอบถามจากผูรู หรือผูจําหนาย เพื่อจะได ทําการปลูก ดูแล บํารุงรักษาไดอยางถูกตอง เลือกตนที่ใบมีสีสด ไมมีโรคแมลง กระถาง และกนกระถางไมแตกหัก หากกําลังออกดอก ควรเลือกตนที่ดอกตูมใกลจะบาน เพื่อที่จะให ดอกบานเต็มที่เมื่อนํามาปลูก” นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T96
ขอสอบเนน การคิด ๑.๒ การศึกษาข้อมูลและวางแผนปลูกพืช การปลูกพืชในปัจจุบันผู้ปลูกจ�าเป็นต้องมีวัตถุประสงค์ในการปลูกพืชแต่ละครั้ง และศึกษา ข้อมูลของพืชที่จะท�าการปลูก ตลอดจนส�ารวจความต้องการของผู้บริโภคทุกครั้งก่อนที่จะท�าการ ปลูก เพื่อน�าข้อมูลต่างๆ ไปวางแผนการปลูกพืช นอกจากนี้ ผู้ปลูกควรมีองค์ความรู้ด้านการขยาย พันธุ์พืชแบบต่าง ๆ เพื่อน�าไปใช้ปลูกพืชครั้งต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๑) กำรศึกษำข้อมูลในกำรปลูกพืช ในการปลูกพืชทุกครั้ง ผู้ปลูกจะต้องมีการ วางแผนการปลูกพืชและศึกษาข้อมูลในการปลูกพืชแต่ละชนิด ส�าหรับแหล่งข้อมูลที่จะให้ความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีการปลูกพืชชนิดต่าง ๆ นั้น มีหลายทาง ดังนี้ บุคคล ผู้ที่มีความรู้ หรือประสบการณ์ในการปลูกพืช ชนิดต่างๆ ประจ�าท้องถิ่น เช่น ชาวสวน ผู้ประกอบอาชีพทางธุรกิจจ�าหน่ายไม้ดอก ไม้ประดับ ครูอาจารย์ที่สอนวิชาเกษตรกรรม และเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร สื่อมวลชน แหล่งข้อมูลข่าวสารที่ให้ความรู้เข้าสู่ครัวเรือน ซึ่งพบได้ ในชีวิตประจ�าวัน เช่น หนังสือพิมพ์ รายวัน นิตยสารการเกษตร รายการวิทยุ โทรทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร ซึ่งควร ศึกษาเป็นประจ�า เพื่อจะได้ความรู้ที่หลากหลาย มากขึ้น หน่วยงาน มีทั้งหน่วยงานของทางราชการและเอกชน ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือ ส่งเสริม เผยแพร่ และ ให้ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปลูกพืช ประจ�าท้องถิ่น หน่วยงานราชการ เช่น เกษตร ต�าบล ส�านักงานเกษตรอ�าเภอ หน่วยงาน เอกชน เช่น บริษัทจ�าหน่ายเมล็ดพันธุ์ เคมี การเกษตร เครื่องจักรกลทางการเกษตร เครือข่ายอินเทอร์เน็ต แหล่งค้นคว้าข้อมูลที่ส�าคัญและมีความทันสมัย มากที่สุด ในปัจจุบันมีเว็บไซต์มากมายที่บรรจุ ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการเกษตรทั้งแบบที่เป็น ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งสามารถค้นหา ข้อมูลได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว งานเกษตร 87 ท้องถิ่น เช่น ชาวสวน หน่ายเมล็ดพันธุ์ เคมี 1 2 เพราะเหตุใดจึงตองสํารวจความตองการของผูบริโภคกอนการ ปลูกพืช (แนวตอบ การสํารวจความตองการของผูบริโภคกอนการ ปลูกพืชมีความสําคัญและมีความจําเปนอยางยิ่ง เพราะจะชวย ใหทราบความตองการของผูบริโภค ซึ่งจะทําใหสามารถปลูกพืช เพื่อใหไดผลผลิตตรงตามความตองการของตลาด และสงผลให สามารถจําหนายพืชไดในราคาดี) นักเรียนควรรู 1 ชาวสวน ผูประกอบอาชีพนี้จะตองมีความรู ความชํานาญในอาชีพเกษตรกร มีความขยัน อดทน ชอบเรียนรูในสิ่งใหมๆ สามารถใหคําแนะนํา หรือใหขอมูล อันเปนประโยชนเกี่ยวกับพืชและวิธีการปลูกพืชไดเปนอยางดี 2 เมล็ดพันธุ การพิจารณาคุณภาพสามารถพิจารณาไดจากสภาพภายนอก คือ หากเปนเมล็ดพันธุใหมจะมีสีสดใส (เมล็ดพันธุเกาสีจะขุน) เมล็ดสมบูรณ ไมแตกหัก ไมมีเศษผง ไมมีรอยเจาะของแมลง และการพิจารณาไดจากลักษณะ ภายใน คือ ความชื้นในเมล็ดตํ่า มีเปอรเซ็นตการงอกสูง และเมล็ดมีความแข็งแรง สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอมูลในการปลูกพืช ไดที่ http://www.doae.go.th ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 22. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การศึกษาขอมูล และวางแผนการปลูกพืช จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หรือศึกษาเพิ่มเติมจาก อินเทอรเน็ต 23. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษา ขอมูลและวางแผนการปลูกพืช จาก PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรูที่ 5 24. ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนสามารถศึกษาขอมูลเกี่ยวกับการ ปลูกพืชไดจากแหลงใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน สามารถศึกษาขอมูล เกี่ยวกับการปลูกพืชไดจากเกษตรกรผูปลูกพืช ชนิดที่ตนสนใจ นักวิชาการเกษตร บุคคลที่ มีความรูเกี่ยวกับการปลูกพืช เว็บไซตตางๆ ที่เกี่ยวของกับการปลูกพืช สื่อสิ่งพิมพ หนังสือ หรือวารสารทางการเกษตร) 25. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “หากตองการทราบขอมูล เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกพืชนอกเหนือจาก ที่แนะนําไวในหนังสือเรียน นักเรียนสามารถ สอบถามขอมูลจากหนวยงานที่รัฐบาลจัดขึ้น คือ สํานักงานเกษตรจังหวัด สังกัดกรมสงเสริม การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ ซึ่งหนวยงานนี้จะทําหนาที่ในการสงเสริม และพัฒนาเกษตรกร องคกรเกษตรกร และ วิสาหกิจของชุมชน สงเสริมและประสาน ถายทอดความรูดานการผลิต การจัดการ ผลผลิตพืช ประมง และปศุสัตว กํากับดูแล และสนับสนุนการปฏิบัติงานของสํานักงาน เกษตรอําเภอ ปฏิบัติงานรวมกัน หรือ สนับสนุนการปฏิบัติงานของหนวยงานอื่น ที่เกี่ยวของ หรือที่ไดรับมอบหมาย” นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T97
ขอสอบเนนการคิด ๒) กำรวำงแผนกำรปลูกพืช เป็นการก�าหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ขั้นตอน วิธีการด�าเนินงานตั้งแต่เริ่มต้นปลูกพืชจนถึงการใช้ประโยชน์จากพืชที่ปลูก โดยมีความมุ่งหวัง ให้การปลูกพืชได้รับผลส�าเร็จ คุ้มค่าต่อการลงทุน แนวทางการวางแผนการปลูกพืช มีดังนี้ ก�าหนดชนิดของพืชและแนวทาง การใช้ประโยชน์ ค�านึงถึงฤดูกาลและสภาพพื้นที่ว่าเหมาะสมกับ พืชที่ปลูกหรือไม่ หรือผู้ปลูกก�าหนดวัตถุประสงค์ ในการปลูกก่อนว่าเมื่อปลูกแล้วจะน�าผลผลิต ไปบริโภคในครัวเรือน หรือปลูกเพื่อจ�าหน่าย และมีช่องทางการตลาดมากน้อยเพียงใด การจัดท�าตารางการปฏิบัติงาน ก�าหนดรายการปฏิบัติงานในแต่ละวัน ผู้รับผิดชอบ ควรระบุเวลา ขั้นตอนการปฏิบัติงานตั้งแต่ การเตรียมดิน การเตรียมพันธุ์ การเพาะเมล็ด การปลูก การให้ปุ๋ย การป้องกันและก�าจัดศัตรูพืช การเก็บเกี่ยว การใช้ประโยชน์ จากผลผลิต และการจัดจ�าหน่าย การเตรียมพันธุ์พืช เครื่องมือ อุปกรณ์ ในการปลูกพืช ควรจัดเตรียมพันธุ์พืชที่จะปลูกให้มีปริมาณ เหมาะสมกับพื้นที่ปลูก และควรเป็นพันธุ์ที่มี คุณภาพ ส่วนเครื่องมือ อุปกรณ์ การปลูกพืช ควรจัดเตรียมให้ เพียงพอกับแผนการที่ได้วางไว้ ก�าหนดพื้นที่เพาะปลูกพืช พิจารณาพื้นที่ที่ใช้ปลูกให้เหมาะสมกับพืชที่ปลูก เช่น จะปลูกพืชชนิดใด ใช้พื้นที่กี่ไร่ ควรปรับ สภาพพื้นที่อย่างไร รวมถึงเก็บวัชพืช หินกรวด ขนาดใหญ่ออก เพื่อความสะดวกในการใช้ เครื่องมือ อุปกรณ์ทางการเกษตร ขณะปฏิบัติงาน การเตรียมทุนและแรงงานในการปลูกพืช จะหาเงินทุนมาจากแหล่งลงทุนชนิดใด จ�าเป็น ต้องใช้แรงงานเท่าใดจึงจะเหมาะสมกับสภาพงาน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างลงมือ ปฏิบัติการปลูกพืช 88 หนดพื้นที่เพาะปลูกพืช การปลูก การให้ปุ๋ย การป้องกันและก� จัดศัตรูพืช 1 2 3 คุณลักษณะสําคัญในขอใดมีความจําเปนนอยที่สุดสําหรับ ผูประกอบอาชีพเกษตรกร 1. การมีวินัย 2. ความขยัน อดทน 3. มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ 4. มีเครือขายทางสังคมออนไลน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะคุณลักษณะสําคัญพื้นฐาน ที่ผูประกอบอาชีพเกษตรกรพึงมี คือ การมีวินัย ไมมักงาย มีความ ขยันอดทน เนื่องจากตองดูแลเอาใจใสในกระบวนการผลิต เปนเวลานาน และที่สําคัญจะตองมีจรรยาบรรณในวิชาชีพของตน โดยไมเอารัดเอาเปรียบผูบริโภค) นักเรียนควรรู 1 พื้นที่เพาะปลูกพืช หากในพื้นที่เดียวกันมีการปลูกพืชหลายชนิด ควรจัด ระบบใหมีการปลูกพืชหมุนเวียนตามหลักการใชประโยชนจากดิน เพื่อใหการ ทําเกษตรกรรมมีประสิทธิภาพและเกิดความคุมคาสูงสุด 2 การใหปุย หากเกษตรกรตองการใชปุยเคมี ควรมีขอที่พึงปฏิบัติ คือ ไมใสปุย ในขณะที่ฝนตก หรือมีลมพายุพัดแรง เพราะนํ้าและลมจะชะลางปุย ทําใหไมไดผล ตามตองการ ระวังอยาใหปุยคางบนใบพืช เพราะจะทําใหใบไหม ไมควรใชปุย ติดตอกันเปนเวลานาน เพราะทําใหดินเปนกรดและเสื่อมสภาพ 3 ศัตรูพืช ปจจัยทางชีวภาพ สิ่งมีชีวิต หรืออื่นๆ ที่เปนอันตรายตอการปลูกพืช กอใหเกิดความเสียหายตอระบบการผลิต โดยศัตรูพืชจะเขามาสรางความเสียหาย แกพืชใน 3 ระยะ คือ ระยะการผลิตพืช ระยะหลังเก็บเกี่ยว และระยะการขยายพันธุ ขั้นนํา ขั้นที่ 1 สังเกตและรับรู 26. ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับการ วางแผนการปลูกพืช จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดพื้นที่ตางๆ ของประเทศไทย จึงสามารถปลูกพืชไดดี (แนวตอบ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศ ลักษณะของดินที่มีความอุดมสมบูรณ สภาพอากาศที่เหมาะสมตอการปลูกพืช จึงทําใหสามารถปลูกพืชไดทั่วทุกภาคของ ประเทศไทย) • ในการปลูกพืช ผูปลูกควรมีแนวทางในการ วางแผนการปฏิบัติงานอยางไร (แนวตอบ ควรมีการกําหนดชนิดของพืช และแนวทางการใชประโยชน กําหนดพื้นที่ เพาะปลูก การจัดทําตารางการปฏิบัติงาน การเตรียมทุนและแรงงานในการปลูกพืช การเตรียมพันธุพืชและเครื่องมืออุปกรณ ในการปลูกพืช) • หากตองการเพาะปลูกพืช 1 ชนิด ที่บาน นักเรียนควรปฏิบัติอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ควรศึกษาขอมูลเกี่ยวกับ พืชที่ตองการปลูกใหเขาใจอยางละเอียด ถี่ถวน โดยศึกษาขอมูลจากแหลงการเรียนรู ตางๆ อยางหลากหลาย หรือสอบถามจากผูรู เชน เกษตรกรที่ปลูกพืชชนิดนั้นๆ ศึกษา ดูงานจากสถานที่จริงที่เปนแหลงปลูกพืช ชนิดนั้น เมื่อไดขอมูลมาแลวจึงทําการ วางแผนการปลูกพืช โดยกําหนดพื้นที่ปลูก จัดทําตารางการปฏิบัติงาน เตรียมทุนและ แรงงานในการปลูกพืช เตรียมพันธุพืชและ เครื่องมือในการปลูกพืชใหพรอม จากนั้น จึงลงมือปลูกพืชตามขอมูลที่ไดศึกษามา) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T98
ขอสอบเนน การคิด ๓) กำรปลูกพืชในท้องถิ่น ในท้องถิ่นแต่ละแห่งจะมีการปลูกพืชหลากหลายชนิด แตกต่างกันไปตามลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ เช่น ภาคเหนือ ภูมิประเทศส่วนใหญ่ มีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าสะวันนา จึงนิยมปลูกผักและผลไม้ เมืองหนาว เช่น ชา กะหล�่าปลี มะเขือเทศ สตรอว์เบอร์รี ทิวลิป บัวตอง ทองกวาว ตัวอย่าง การปลูกพืชในท้องถิ่น มีดังนี้ กำรเลือกพื้นที่ปลูก ๑. การปลูกคะน้าในครัวเรือน มีหลักการเลือก ดังนี้ • เป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ ร่วนปนทราย หรือ ร่วนซุย • เป็นพื้นที่น�้าท่วมไม่ถึง • เป็นที่ราบ หรือลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อ ความสะดวกในการเตรียมดิน การรดน�้า และป้องกันการพังทลายของดินที่เกิดจาก การกัดเซาะของน�้า • เป็นบริเวณที่อยู่ใกล้แหล่งน�้าเพื่อน�าน�้า มาใช้รดผักได้อย่างเพียงพอตลอดระยะ การปลูก ๒. การปลูกคะน้าในโรงเรียนควรปลูกช่วง ปลายฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว เป็นช่วงที่ผัก เจริญงอกงามดีส่วนการท�าแปลงนั้น นิยม ท�าแปลงแบบมาตรฐาน คือ กว้าง ๑ เมตร ยาว ๔ เมตร ผักคะน้า คะน้าเป็นผักชนิดหนึ่งที่ผู้คนนิยมบริโภคกัน อย่างแพร่หลาย มีราคาไม่แพง ปลูกได้ทุกฤดูกาล ที่นิยมปลูกมี ๒ พันธุ์ คือ คะน้ายอด เป็นพันธุ์ที่ปลูก เพื่อใช้ยอดหรือล�าต้นอ่อนไปปรุงอาหาร ช่วงอายุสั้น เจริญเติบโตเร็ว ล�าต้นมีลักษณะเป็นสีเหลืองอมเขียว และคะน้าใบ ช่วงอายุมากกว่าคะน้ายอด เมื่อเจริญ เติบโตเต็มที่ โคนยอดอวบ ช่อดอกมีสีขาว นิยมน�าไป ปรุงอาหารขณะก�าลังเริ่มเป็นช่อดอกอ่อนๆ เพราะมี รสชาติหวาน กรอบ อร่อย กำรเตรียมดิน ๑. การเตรียมดินเพาะเมล็ด การเพาะเมล็ดท�าได้ ๒ วิธี คือ การเพาะในกระบะและการเพาะในแปลงเพาะ ซึ่งการเพาะเมล็ดต้องท�าล่วงหน้าก่อนถึงก�าหนดปลูก และการท�าแปลงปลูกควรเตรียมดินผึ่งแดดไว้พร้อมกับ การเพาะเมล็ด ซึ่งมีทั้งเตรียมดิน ย่อยดิน และเมื่อเตรียม แปลงปลูกเสร็จก็จะพอดีกับต้นกล้า ซึ่งมีอายุพอที่จะย้าย ปลูกได้ คือ ๑๐-๑๕ วัน วิธีปลูกผักบุ้ง 89 อย่างแพร่หลาย มีราคาไม่แพง ปลูกได้ทุกฤดูกาล ที่นิยมปลูกมี ๒ พันธุ์ คือ คะน้ายอด เป็นพันธุ์ที่ปลูก 1 ปจจัยใดในทองถิ่นที่มีผลตอการเลือกชนิดของพืชมากที่สุด 1. สภาพสังคม 2. สภาพดินและอากาศ 3. แรงงานที่มีในทองถิ่น 4. วิถีชีวิตของคนในทองถิ่น (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะสภาพดินและอากาศใน แตละทองถิ่นจะมีสภาพดินและสภาพอากาศที่แตกตางกันออกไป ซึ่งการปลูกพืชแตละชนิดจะตองเลือกพันธุพืชใหเหมาะสมกับ สภาพดินและสภาพอากาศในทองถิ่นของตน จึงจะทําใหไดผลผลิต ที่ดียิ่งขึ้น) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชนของคะนาใหนักเรียนฟงวา คะนาเปนผัก ที่มีวิตามินหลากหลายชนิด เชน เบตาแคโรทีน ซึ่งชวยลดความเสี่ยงในการเกิด โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลําไส มะเร็งปอด วิตามินซีชวยเสริมสราง เนื้อเยื่อ ทําใหระบบภูมิคุมกันโรคแข็งแรง วิตามินอีชวยชะลอปญหาเกี่ยวกับ ความจําเสื่อม ชะลอการเสื่อมของอายุสมอง นักเรียนควรรู 1 คะนายอด กรมสงเสริมการเกษตรประสบความสําเร็จในการขยายพันธุ คะนายอดดวยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ โดยการนําสวนปลายยอด หรือตาขาง จากตนแมพันธุดีมาเพาะเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห ซึ่งเหมาะสําหรับการสงเสริม ใหปลูกเพื่อผลิตยอดออนสําหรับบริโภค หรือจําหนาย ขั้นสอน ขั้นที่ 2 ทําตามแบบ 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) ศึกษา เรื่อง การปลูกพืชในทองถิ่น : ผักคะนา จาก หนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หรือศึกษา เพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 2. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • ควรเลือกพื้นที่ปลูกผักคะนาอยางไร เพื่อให ไดผักคะนาที่สมบูรณและนารับประทาน (แนวตอบ ปลูกในแปลงปลูก โดยยกรอง มีคูนํ้าลอมรอบ หรือยกรองธรรมดาตาม ความเหมาะสม หากปลูกเพื่อการคาอาจ ปลูกในแปลงนา โดยการไถพรวน โรยเมล็ด เปนแถว ดินที่ใชควรเปนดินรวนปนทราย หรือดินผสมปุยคอกและปุยหมัก) • การเตรียมดินในแปลงเพาะกลา มีวิธีในการ ปฏิบัติอยางไร (แนวตอบ ไถและพรวนดินใหละเอียด ตากดิน ทิ้งไว 5-7 วัน เพื่อฆาเชื้อโรค แลวจึงคลุกเคลา ดินดวยปุยคอก หรือปุยหมักที่สลายตัวดีแลว พรวนยอยดินใหละเอียด โดยเฉพาะผิวหนาดิน เพื่อปองกันไมใหเมล็ดที่มีขนาดเล็กตกในดิน ลึกจนเกินไป) • การเตรียมดินแปลงปลูก มีวิธีในการปฏิบัติ อยางไร (แนวตอบ ยกแปลงสูงประมาณ 30 เซนติเมตร กวาง 1 เมตร ยาวตามความยาวของพื้นที่ จัดระยะปลูก 50 x 50 เซนติเมตร (แถวคู) ขุดหลุมลึก 15-20 เซนติเมตร ใสปุยหมัก รองกนหลุม 200 กรัม ตอหลุม ยายตนกลา ลงไปปลูก รดนํ้าใหชุม) 3. ครูนําเมล็ดพันธุผักคะนา พรอมทั้งอุปกรณ ในการปลูกผักคะนามาใหนักเรียนดู เพื่อทําการ สาธิตวิธีการปลูกผักคะนา นํา สอน สรุป ประเมิน T99
ขอสอบเนนการคิด ๒. การเตรียมดินปลูก มีขั้นตอน ดังนี้ • ตัดต้นไม้ที่กีดขวาง หรือไม่ต้องการออก ดายหญ้า ท�าความสะอาดบริเวณที่จะเพาะปลูก • ใช้เชือกวัดท�าเป็นแปลงตามต้องการ หากท�าเป็น อาชีพอาจใช้รถแทรกเตอร์ไถบุกเบิก ผึ่งแดด ให้แห้งประมาณ ๑ สัปดาห์ ย่อยดินให้ละเอียด ก่อนจัดรูปแบบเป็นแปลงตามต้องการ • ขุดย่อยดิน แล้วยกขอบแปลงให้สูงจากทางเดิน ประมาณ ๑๐ ซม. และเก็บเศษไม้ เศษหญ้าออก • น�าปุ๋ยคอกใส่ลงไปในแปลงปลูก ตารางเมตรละ ๑-๒ ปี๊บ ผสมดินกับปุ๋ยคอกให้เข้ากัน เกลี่ยหน้า ดินให้เรียบ ย่อยดินให้ละเอียดพร้อมที่จะลงมือ ปลูกได้ วิธีกำรปลูก ๑. การหว่านเมล็ดลงไปในแปลงปลูก ซึ่งเป็นวิธีที่ ง่ายและสะดวก การปลูกโดยวิธีนี้จะได้ต้นอ่อนไป บริโภค ซึ่งใช้ระยะเวลาน้อยกว่าวิธีการปลูกแบบ ย้ายต้นกล้าไปไว้ในแปลง ๒. การย้ายต้นกล้าที่เพาะไว้ไปปลูกในแปลง จะท�าให้ ได้ต้นคะน้าที่สมบูรณ์ ดูแลรักษาง่าย การย้าย ควรท�าในช่วงบ่ายถึงเย็น ควรบังแดดให้ในช่วง ๒-๓ วันแรก เมื่อปลูกแล้วต้องรดน�้าทันที แต่ไม่ควร รดน�้าจนโชก กำรดูแลรักษำแปลงปลูก ๑. รดน�้าในตอนเช้าและตอนเย็นให้ชุ่มทุกวันจนกว่า จะตัดช่อดอก หรือยอดไปบริโภค ๒. หมั่นก�าจัดวัชพืชและพรวนดิน รวมถึงศัตรูพืช เช่น เพลี้ย หนอน เพื่อไม่ให้เข้ามาท�าลายผัก ๓. ใส่ปุ๋ยคอกเมื่อคะน้ามีอายุ ๑๐-๑๕ วัน นับจาก วันปลูก และใส่ปุ๋ยครั้งที่ ๒ เมื่อคะน้ามีอายุ ๓-๔ สัปดาห์ นับจากวันปลูก ๔. ใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ หรือปุ๋ยเคมี เพื่อเร่งการเจริญ เติบโต ส่วนใหญ่นิยมใช้ปุ๋ยยูเรีย กำรเก็บเกี่ยว ๑. ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว สามารถท�าได้ ๓ ระยะ ดังนี้ • เก็บเกี่ยวขณะที่ต้นคะน้าก�าลังเป็นต้นอ่อน บริโภค ได้ทั้งต้นและใบ อายุการเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันเพาะ เมล็ดประมาณ ๒๕-๓๐ วัน • เก็บเกี่ยวขณะที่ต้นคะน้าก�าลังเจริญเติบโต คือ ขณะที่คะน้าก�าลังเป็นยอดอวบ อายุนับจากวัน ปลูกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ ๓๐-๔๐ วัน • เก็บเกี่ยวขณะที่คะน้าก�าลังออกช่อดอก ซึ่ง จะตัดช่อดอกไปประกอบอาหาร อายุนับจาก วันปลูกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ ๔๐ วันขึ้นไป ๒. วิธีการเก็บเกี่ยว ควรปฏิบัติ ดังนี้ • ตัดยอดคะน้าด้วยมีด หรือกรรไกร แล้วน�าไป ประกอบอาหาร จะได้คะน้าที่สด มีรสชาติหวาน • ควรตัดคะน้าในตอนเย็นแล้วน�าไปจ�าหน่ายใน ตอนเช้า ไม่ควรตัดไปแช่น�้าก่อนจ�าหน่าย ทางที่ดีควรพรมน�้าแล้วเก็บไว้ ในที่เย็น • หลังจากตัดยอดคะน้าออกไปแล้ว ควรรดน�้า พรวนดินต้นตอที่เหลืออยู่ในแปลง เพื่อจะได้ แตกยอดใหม่ออกมาให้เก็บเกี่ยว • ในการเก็บต้นอ่อนให้ถอนมาทั้งต้น โดยเลือก จากแปลงเพาะที่มีต้นอ่อนหนาแน่นเกินไป เพื่อให้เหลือต้นที่แข็งแรงไว้ปลูกต่อไป หรืออาจ ถอนเป็นแปลง ๆ ก็ได้เช่นกัน 90 การกําจัดศัตรูพืชโดยไมใชสารเคมี มีแนวทางในการปฏิบัติอยางไร (แนวตอบ การกําจัดศัตรูพืชโดยไมใชสารเคมี มีแนวทางใน การปฏิบัติหลายวิธี เชน การควบคุมดวยชีววิธี คือ การใชเชื้อ แบคทีเรีย เชื้อไวรัสนิวเคลียร และไสเดือนฝอย การควบคุมโดยใช สมุนไพร เชน สะเดา โลติ๊น ขมิ้นชัน และการควบคุมดวยวิธีกล เชน การใชตาขายไนลอนสีขาว หรือสีฟาคลุมแปลงผัก การใชกาว ดักจับแมลงที่มีการเคลื่อนไหวเร็ว การใชวิธีทางฟสิกส คือ การใช แสง เสียง อุณหภูมิในการลอไลฆาทําลายศัตรูพืช) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคที่พบในการปลูกคะนาใหนักเรียนฟงวา โรคที่พบ ในการปลูกคะนามีอยูดวยกันหลายโรค เชน • โรคเนาคอดิน เกิดจากเชื้อรา ปองกันโดยไมหวานเมล็ดจนแนน ไมควร ปลอยใหมีนํ้าขังในแปลงขณะเปนตนกลา หรือยกแปลงสูง เพื่อใหระบายนํ้า ไดเร็ว ใชยาปองกันกําจัดเชื้อราละลายนํ้าในอัตราความเขมขนนอยๆ รดลงไปบนผิวดินใหทั่ว 1-2 ครั้ง • โรครานํ้าคาง ปองกันโดยฉีดพนดวยยาปองกันกําจัดเชื้อรา หรือยาชนิดอื่นๆ ที่มีสารทองแดงเปนองคประกอบ แตไมควรใชในระยะที่ยังเปนตนกลา เพราะจะเปนพิษตอตนกลา • โรคแผลวงกลมสีนํ้าตาลไหม เกิดจากเชื้อรา ปองกันโดยฉีดพนยาปองกัน กําจัดเชื้อราอยางสมํ่าเสมอ ชวยปองกันกําจัดเชื้อราชนิดนี้และชนิด อื่นๆ ได ขั้นสอน ขั้นที่ 2 ทําตามแบบ 4. ครูสาธิตการปลูกผักคะนาใหนักเรียนดูเปน ตัวอยาง พรอมทั้งอธิบายประกอบทีละขั้นตอน อยางชาๆ เพื่อใหนักเรียนไดสังเกตและติดตาม แตละขั้นตอนไดทัน 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมปลูกผักคะนา หาก นักเรียนเกิดขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน หรือ ตองการความชวยเหลือใหสอบถามครู โดย ครูจะคอยสังเกตการปฏิบัติงานของนักเรียน อยางใกลชิดและคอยใหความชวยเหลือ และ เนนยํ้าใหตระหนักถึงความปลอดภัยในขณะ ปฏิบัติงานรวมดวย 6. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวิธีการปลูกผักคะนา โดยครูเปนผูตรวจสอบความถูกตอง และอธิบาย เพิ่มเติมในสวนที่ยังขาดตกบกพรองจากการ ปฏิบัติงาน ขั้นที่ 3 ทําเองโดยไมมีแบบ 7. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันปลูกผัก หรือพืช ในทองถิ่นตามความสนใจ 1 ชนิด หากนักเรียน เกิดขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน หรือตองการ ความชวยเหลือใหสอบถามครู โดยครูจะคอย สังเกตการปฏิบัติงานของนักเรียนอยางใกลชิด และคอยใหความชวยเหลือ และเนนยํ้าให ตระหนักถึงความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงาน รวมดวย 8. ครูถามนักเรียนวา • เมื่อคะนาเจริญเติบโตสมบูรณดีแลว นักเรียน จะมีแนวทางในการเก็บเกี่ยวผักคะนาอยางไร (แนวตอบ เก็บในชวงเชา โดยใชมีดขนาด เล็กๆ ตัด และนําไปเก็บไวในที่รม อากาศ ถายเทไดสะดวก ภาชนะที่ใชมีความสะอาด ปราศจากเชื้อโรคเจือปน) นํา สอน สรุป ประเมิน T100
ขอสอบเนน การคิด เตรียมดินเพาะให้มีส่วน ผสมของทรายและขุย มะพร้าวในอัตราส่วน ๑ : ๑ โรยเมล็ดที่เพาะเป็นแถว เมื่อต้นกล้าอายุ ๕-๗ วัน ย้ายปลูกลง ในกระถาง หรือย้ายปลูกใส่ลงถุงด�าที่มี ดินผสม ให้ปุ๋ยสูตรเสมอ ๑๕-๑๕-๑๕ หรือ ๑๖-๑๖-๑๖ ในอัตรา ๑ กรัม ต่อน�้า ๑ ลิตร รดน�้าต้นกล้า ๒-๓ วัน ต่อครั้ง เมื่อต้นกล้าอายุ ๒๕-๓๐ วัน ย้ายไปปลูกในกระถาง หรือ ในแปลงตามความต้องการ ต่อไป ๑.๓ การขยายพัันธุ์์�พัืช โดยทั่วไปที่นิยมน�าไปใช้กัน ได้แก่ การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด การขยายพันธุ์ โดยใช้ส่วนต่าง ๆ ของพืช และการขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ซึ่งมีรายละเอียดและวิธีการ ดังนี้ ๑) การขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด เป็นการขยายพันธุ์ที่เป็นผลจากการผสมเกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย ส่วนที่ได้จากการผสมพันธุ์ คือ เมล็ด ลักษณะของลูก หรือเมล็ดที่เกิดขึ้นจาก การผสมนี้อาจเหมือนหรือไม่เหมือนต้นพันธุ์พ่อต้นพันธุ์แม่ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับละอองเกสรตัวผู้ และชนิดของไข่เกสรตัวเมีย ประโยชน์ของการขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ท�าให้ได้พันธุ์พืชเร็ว ปริมาณมาก ขยายพันธุ์ได้ ง่ายและสะดวกกว่าวิธีอื่น ๆ ตลอดจนผสมพันธุ์ และปรับปรุงพันธุ์จนเกิดพันธุ์ใหม่ที่ดีกว่าเดิม ท�าให้ได้ต้นกล้าที่แข็งแรงส�าหรับน�าไปปลูกใน แปลง หรือในภาชนะ รวมถึงท�าให้เกิดต้นตอ ส�าหรับเตรียมไว้ขยายพันธุ์ โดยการติดตา ต่อกิ่ง เสียบกิ่ง ทาบกิ่ง ฯลฯ พันธุ์ ไม้ที่นิยมขยายพันธุ์ • ไม้ดอก ที่นิยมเพาะเมล็ด เช่น บานไม่รู้โรย ดาวเรือง ดาวกระจาย บานชื่น แพงพวย • ไม้ประดับ ที่นิยมเพาะด้วยเมล็ด เช่น ไทร ชาฮกเกี้ยน ปาล์ม หมาก มะขาม มะขามเทศ • พืชผักสวนครัว ที่นิยมเพาะด้วยเมล็ด เช่น ผักบุ้ง คะน้า กะหล�่าปลี ผักกาด พืชตระกูลแตง พืชเหล่านี้ก่อนปลูกจะต้องเพาะเมล็ด เพื่อให้ เกิดเป็นต้นกล้า เมื่อเจริญเติบโตดีแล้วจึงน�า ต้นกล้าไปปลูกในภาชนะ หรือกระถาง และ ในแปลงปลูกต่อไป ขั้นตอนการขยายพันธ์ุด้วยเมล็ด งานเกษตร 91 ชาฮกเกี้ยน ปาล์ม หมาก มะขาม มะขามเทศ 1 “การทําใหพืชออกรากโดยไมใชเมล็ด” จากขอความนี้มีความ สัมพันธกับขอใด 1. การกลายพันธุ 2. การขยายพันธุพืช 3. ความสมดุลทางชีวภาพ 4. ความหลากหลายทางชีวภาพ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการขยายพันธุพืช เปนการ ทําใหพืชออกรากโดยไมใชเมล็ด ซึ่งเปนหลักการของการขยาย พันธุพืชโดยใชสวนตางๆ ของพืช หรือใชวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ สามารถทําไดหลายวิธี เชน การปกชํา การตอนกิ่ง การติดตา การเสียบยอด วิธีการเหลานี้จะทําใหพืชมีรากงอกออกมาใหมและ แตกยอดเจริญเปนพืชตนใหมได) เกร็ดแนะครู ครูควรนําตัวอยางตนกลาที่ขยายพันธุดวยเมล็ดมาใหนักเรียนดู เพื่อใช ประกอบการอธิบายถึงวิธีการเพาะเมล็ด สาธิตวิธีการเพาะเมล็ด รวมถึงแนะนํา เทคนิคตางๆ ที่เกี่ยวของกับการเพาะเมล็ด เชน ตองคัดเลือกเมล็ดพันธุที่ดี งอกไดงาย สามารถจัดการกับสภาพแวดลอมไดดี เชน ความชื้น อุณหภูมิ ภาชนะ และวัสดุในการเพาะเมล็ด แนะนําเทคนิคในการเพาะเมล็ดในภาชนะ การเพาะเมล็ด ในแปลงปลูก เพื่อใหนักเรียนสามารถนําไปปฏิบัติไดจริงในชีวิตประจําวัน นักเรียนควรรู 1 ชาฮกเกี้ยน จัดเปนไมพุมขนาดเล็กที่มีแหลงกําเนิดจากประเทศจีน นิยม นํามาดัด หรือตกแตงเปนรูปทรงตางๆ หรือปลูกเปนทางยาวขนานไปกับรั้วกําแพง ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ฝกใหเกิดความชํานาญ 9. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การขยายพันธุพืช จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หรือ ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 10. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ ขยายพันธุพืช จาก PowerPoint ม.5 หนวย การเรียนรูที่ 5 11. ครูถามนักเรียนวา • การขยายพันธุพืชดวยเมล็ดมีขอดีอยางไร (แนวตอบ การขยายพันธุพืชดวยเมล็ด เปน วิธีที่สามารถปฏิบัติไดงาย ไดพืชใหมเปน จํานวนมาก ทําใหไดตนกลาที่สมบูรณ ได ตนตอที่แข็งแรงในการขยายพันธุครั้งตอไป) • เมล็ดพันธุที่ดี ควรมีลักษณะอยางไร (แนวตอบ เมล็ดพันธุที่ดีเปนเมล็ดพันธุที่มี คุณภาพ มีลักษณะตรงตามสายพันธุ เมื่อ ปลูกแลวไมกลายพันธุ ไมมีเมล็ดแตกราว หรือหักปน มีการงอกที่ดี ไมมีเชื้อรา หรือ ลักษณะของโรคพืชติดมา หรือมีสิ่งปนเปอน ปรากฏใหเห็น) 12. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การคัดเลือกเมล็ดพันธุ เพื่อนํามาใชในการปลูก ควรมีการทดสอบ คุณภาพของเมล็ดพันธุกอนวาเปนเมล็ดพันธุดี หรือเปนเมล็ดพันธุเสีย โดยมีวิธีการปฏิบัติ คือ ใหแชเมล็ดพันธุลงในนํ้า โดยนํานํ้าสะอาดเทใส ในถัง แลวสุมหยิบเมล็ดพันธุจากภาชนะบรรจุ ใสลงไปในถังนํ้า ทิ้งไวสักครู จากนั้นสังเกตที่ เมล็ดพันธุ หากเมล็ดพันธุเสียจะลอยนํ้าขึ้นมา สวนเมล็ดพันธุดีจะจมนํ้า หากมีเมล็ดพันธุ ลอยนํ้าอยูเปนจํานวนมาก แสดงวามีเมล็ดพันธุ เสียมาก จึงไมควรซื้อมาปลูก เพราะเมล็ดพันธุ จะไมงอกเปนตนกลา” นํา สอน สรุป ประเมิน T101
๒) กำรขยำยพันธุ์โดยใช้ส่วนต่ำง ๆ ของพืช ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างการขยายพันธุ์ โดยใช้ส่วนต่าง ๆ ของพืชให้ศึกษา ดังนี้ การน�าส่วนต่างๆ ของพืช เช่น กิ่ง ล�าต้น ราก ใบ มาตัดและปักช�าลงในวัสดุเพาะช�า เพื่อให้เกิดราก หรือแตกยอดกลายเป็นพืช ต้นใหม่ วิธีนี้จะท�าให้ชิ้นส่วนของพืชที่อยู่ในวัสดุ เพาะช�าสร้างรากพร้อมกับพัฒนาแตกส่วนยอด หรือต้นอ่อนขึ้นมา เมื่อทั้ง ๒ ส่วนแข็งแรง จึงย้ายต้นพืชใหม่ไปปลูกต่อ ในกรณีชิ้นส่วน ของพืชไม่ออกราก หรือออกรากช้า จะต้องใช้ ฮอร์ โมนเร่งการออกรากให้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งพืชที่ นิยมน�ามาตัดช�า เช่น โกสน เล็บมือนาง โมก เทียนทอง ชบา มะลิ ลั่นทม ประโยชน์ของกำรตัดช�ำ ๑. เป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่ง่าย และไม่ยุ่งยากซับซ้อน ๒. ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย และให้ผลในระยะเวลาอันสั้น ๓. พืชต้นใหม่มีลักษณะเหมือนต้นแม่พันธุ์ทุกประการ ขั้นตอนกำรปฏิบัติ ๑. ควรพิจารณาลักษณะของเนื้อไม้ หากเป็นต้นที่มี ล�าต้นสีเขียวจัดว่าเป็นกิ่งอ่อน ตัดกิ่งยาวประมาณ ๓-๖ นิ้ว โดยตัดใต้ข้อ ให้ตัดเฉียงประมาณ ๔๕ องศา เพื่อเพิ่มพื้นที่การแตกรากให้มากขึ้น ๒. ควรตัดให้มีใบติดอยู่ หากใบมากให้ปลิดออกเหลือ ใบที่ปลายยอด ๓-๔ ใบ ลิดใบล่างออกให้หมด เพื่อ ลดการคายน�้า ๓. หากเป็นไม้เนื้อแข็งตัดให้มีความยาวประมาณ ๖-๘ นิ้ว กดเป็นรอยแผลตรงๆ ยาวประมาณ ๒ ซม. ๓-๔ รอยเพื่อเพิ่มพื้นที่การแตกราก หรือจุ่มฮอร์โมนเร่งราก และริดใบออกให้หมด ๔. ปักช�าลงในวัสดุประเภทขี้เถ้า แกลบ หลังจากปักช�า เสร็จให้รดน�้าตามทันที อาจใช้สารป้องกันเชื้อรา รดในขั้นตอนนี้ก็ได้ ๕. หากปักช�าพร้อมกันมากๆ ควรคุมกระบะเพาะช�า ด้วยพลาสติก เพื่อเก็บรักษาความชื้น และหากปักช�า ไม่มาก อาจใช้ถุงพลาสติก หรือขวดพลาสติก ครอบได้ ๖. หากปักช�าในกระบะ หรือภาชนะที่เคลื่อนย้าย ได้ง่าย ควรน�าไปวางบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึง เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต การตัดช�า โดยใช้กิ่ง หรือล�าต้น 92 กิจกรรม ทาทาย สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือและอุปกรณการเกษตร ไดที่ http://agric-tool.blogspot.com/2011/02/blog-post.html ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอดี ขอเสีย และ ผลขางเคียงจากการขยายพันธุพืชโดยวิธีการตัดชํา เขียนสรุป ในรูปแบบแผนผังความคิด (Mind Mapping) ตกแตงใหสวยงาม สงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม ครูใหนักเรียนเลือกพันธุพืชที่สามารถขยายพันธุไดดวยวิธีการ ตอนกิ่งตามความสนใจคนละ 1 ชนิด จากนั้นฝกปฏิบัติการตอนกิ่ง และนําผลงานที่เสร็จเรียบรอยแลวออกมานําเสนอใหเพื่อนชม หนาชั้นเรียน พรอมทั้งอธิบายขั้นตอนการตอนกิ่งที่ถูกตองประกอบ เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบาย แนะนํา และสาธิตวิธีการใชเครื่องมือและอุปกรณการเกษตร ที่นํามาใชในการตัดชํา หลักความปลอดภัยในการใชเครื่องมือ และการดูแลรักษา เครื่องมือและอุปกรณการเกษตรใหนักเรียนฟง เชน การตัดชํา อุปกรณที่จําเปน ตองใช คือ กรรไกรตัดกิ่ง ซึ่งเปนอุปกรณที่ใชสําหรับตัดแตงกิ่งไมที่มีขนาดเล็ก หลังจากใชงานเสร็จควรเช็ดทําความสะอาด ทานํ้ามันเพื่อปองกันสนิม และ หยอดนํ้ามันบริเวณสปริงขากรรไกร เก็บเขาที่ใหเรียบรอย และเก็บใหพนมือเด็ก ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ฝกใหเกิดความชํานาญ 13. ครูเปดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการขยายพันธุพืช ดวยวิธีการตางๆ ใหนักเรียนดู จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • การตัดชําเปนวิธีการขยายพันธุพืชใน รูปแบบใด (แนวตอบ เปนการขยายพันธุพืช โดยนํา สวนตางๆ ของพืชมาตัดและปกชําลงใน วัสดุเพาะชํา เพื่อใหไดพืชตนใหมที่มีลักษณะ เหมือนตนแมทุกประการ) • พืชที่นิยมนํามาขยายพันธุพืชดวยวิธีการ ตัดชําสวนใหญจะเปนพืชประเภทใด (แนวตอบ สวนใหญจะเปนไมดอก ไมประดับ เชน ชบา เข็ม มะลิ นอกจากนี้ ยังใช ขยายพันธุไมผลที่ออกรากงาย เชน องุน สาเก มะนาว สมบางชนิด) 14. ครูนําตนไม พรอมทั้งอุปกรณในการตัดชํา มาใหนักเรียนดู เพื่อทําการสาธิตวิธีการ ขยายพันธุพืชดวยวิธีการตัดชํา 15. ครูสาธิตวิธีการตัดชําใหนักเรียนดูเปนตัวอยาง พรอมทั้งอธิบายประกอบทีละขั้นตอนอยาง ชาๆ เพื่อใหนักเรียนไดสังเกตและติดตาม แตละขั้นตอนไดทัน 16. ครูใหนักเรียนฝกการตัดชํา หากนักเรียนเกิด ขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน หรือตองการความ ชวยเหลือใหสอบถามครู โดยครูจะคอยสังเกต การปฏิบัติงานของนักเรียนอยางใกลชิดและ คอยใหความชวยเหลือ และเนนยํ้าใหตระหนัก ถึงความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงานรวมดวย 17. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวิธีการขยายพันธุพืช ดวยวิธีการตัดชํา โดยครูเปนผูตรวจสอบ ความถูกตอง และอธิบายเพิ่มเติมในสวนที่ยัง ขาดตกบกพรองจากการปฏิบัติงาน นํา สอน สรุป ประเมิน T102
ขอสอบเนน การคิด ขั้นตอนกำรปฏิบัติ ๑. เลือกกิ่งที่ไม่อ่อน หรือแก่จนเกินไป ไม่มีโรค ไม่มีแมลง มาท�าลาย ๒. ท�าแผลบนกิ่ง โดยควั่นแผลห่างกันประมาณ ๒-๓ ซม. แล้วลอกเปลือกระหว่างรอยควั่นออก ๓. ใช้มีดตอนกิ่งขูดรอยควั่นออก เพื่อท�าลายเยื่อเจริญ ๔. หุ้มรอยควั่นด้วยวัสดุอมความชื้นที่สะอาด เช่น ขุย มะพร้าว รากผักตบชวา กาบมะพร้าว ๕. ใช้พลาสติก หุ้มทับวัสดุหุ้มกิ่งตอน เพื่อรักษาความชื้นไว้ ได้นาน ๆ ๖. ให้น�้ากิ่งตอน เมื่อเห็นว่ามีรากออกมาให้เห็นเป็น สีน�้าตาล จึงตัดไปช�าลงถุง หรือกระถาง ทิ้งไว้ ในที่ร่ม มีแดดร�าไรก่อนประมาณ ๑๕-๓๐ วัน เมื่อรากแข็งแรง ดีแล้วจึงน�าไปปลูกได้ การท�าให้กิ่งของพืชออกรากขึ้นในขณะที่ยัง ติดกับต้นแม่พันธุ์ เมื่อกิ่งตอนออกรากและแข็งแรง ดีแล้วจึงตัดไปปลูก หรือน�าไปช�าไว้ก่อน เพื่อให้ ต้นพืชแข็งแรง เมื่อต้นเจริญเติบโตดีจึงย้ายไป ปลูกในภาชนะในแปลง หรือในหลุมปลูกต่อไป ดังนั้น โอกาสที่พืชจะรอดจึงดีกว่าการขยายพันธุ์ โดยวิธีการตัดช�า แต่มีข้อเสีย คือ ใช้เวลามาก จึงท�าได้ช้ากว่าการตัดช�า ซึ่งพืชที่นิยมน�ามาตอนกิ่ง เช่น กุหลาบ มะลิ เข็ม ชบา โกสน เทียนทอง ยี่โถ เล็บครุฑ การตอนกิ่ง ประโยชน์ของกำรตอนกิ่ง ๑. ช่วยให้ ได้ต้นพืชที่มีขนาดใหญ่กว่า การขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตัดช�า ๒. ได้ต้นพืชที่ไม่กลายพันธุ์ ๓. กิ่งตอนที่ตัดออกมาจากต้นแม่พันธ์ุสามารถ เก็บไว้ได้นานหลายวันและสะดวกในการขนส่ง 93 การขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ได้ต้นพืชที่ไม่กลายพันธุ์ กิ่งตอนที่ตัดออกมาจากต้นแม่พันธ์ุสามารถ 1 2 “ตรงตามพันธุและสามารถเพิ่มจํานวนตนพืชที่ตองการนําไปปลูก ไดจํานวนมากในเวลาอันสั้น” จากขอความนี้มีความสัมพันธกับ ขอใด 1. การติดตา 2. การตอนกิ่ง 3. การเสียบยอด 4. การปลูกดวยเมล็ด (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเปนวิธีการขยายพันธุพืช ที่ทําใหไดตนพืชตรงตามพันธุและสามารถเพิ่มจํานวนตนพืช ที่ตองการนําไปปลูกไดจํานวนมากในเวลาไมนาน สวนการปลูก ดวยเมล็ดอาจมีการกลายพันธุได การติดตาและการเสียบยอด จะใชเวลานาน) นักเรียนควรรู 1 การขยายพันธุ การขยายพันธุพืชใหประสบผลสําเร็จ จะตองศึกษาเพื่อ ใหเกิดความเขาใจอยางถูกตองและตองรูจักโครงสรางภายในของตนพืช การเจริญเติบโตของพืช และควรมีความรูพื้นฐานทางดานพฤกษศาสตรพืชสวน พันธุศาสตร และสรีรวิทยาของพืช ซึ่งพืชแตละชนิดจะมีความยากงายในการ ขยายพันธุที่แตกตางกันออกไป 2 กิ่งตอน การดูแลรักษากิ่งตอนจะตองหมั่นดูแลตุมตอนใหมีความชื้น อยูเสมอ โดยสังเกตจากความชื้นของตุมตอน หากยังมีฝาไอนํ้าจับอยูที่ผิวของ พลาสติกภายในตุมตอนแสดงวายังมีความชื้นอยู หากไมมีฝาไอนํ้าจะตองให นํ้าเพิ่มจนกวากิ่งตอนจะออกราก เมื่อกิ่งตอนมีอายุประมาณ 30-45 วัน รากจะ งอกแทงผานวัสดุหุม เมื่อจํานวนรากมีมากพอและปลายรากมีสีขาว จึงจะ สามารถตัดกิ่งไปชําได ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ฝกใหเกิดความชํานาญ 18. ครูถามนักเรียนวา • การตอนกิ่งเปนวิธีการขยายพันธุในรูปแบบใด (แนวตอบ นิยมนํามาใชในการแกปญหากับ พืชบางชนิดที่ไมสามารถออกรากไดดวย วิธีการตัดชํา แตออกรากไดโดยการตอนกิ่ง สามารถทําไดงายทั้งกลางแจงและในเรือน เพาะชํา นอกจากนี้ กิ่งที่ตอนยังมีรากมากกวา กิ่งตัดชํา เมื่อนําไปปลูกจึงมีโอกาสตั้งตัว ไดเร็วกวา พืชตนใหมที่ไดจากการตอนกิ่ง จะมีลักษณะเปนพุมเตี้ย จึงสะดวกตอการ ดูแลรักษาและการเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะ ไมประดับจะไดทรงพุมที่สวยงาม ซึ่งพืช ที่นิยมนํามาขยายพันธุดวยวิธีการตอนกิ่ง เชน มะนาว สมโอ) 19. ครูนําตนไม พรอมทั้งอุปกรณในการตอนกิ่ง มาใหนักเรียนดู เพื่อทําการสาธิตวิธีการขยาย พันธุพืชดวยวิธีการตอนกิ่ง 20. ครูสาธิตวิธีการตอนกิ่งใหนักเรียนดูเปน ตัวอยาง พรอมทั้งอธิบายประกอบทีละขั้นตอน อยางชาๆ เพื่อใหนักเรียนไดสังเกตและติดตาม แตละขั้นตอนไดทัน 21. ครูใหนักเรียนฝกการตอนกิ่ง หากนักเรียนเกิด ขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน หรือตองการความ ชวยเหลือใหสอบถามครู โดยครูจะคอยสังเกต การปฏิบัติงานของนักเรียนอยางใกลชิดและ คอยใหความชวยเหลือ และเนนยํ้าใหตระหนัก ถึงความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงานรวมดวย 22. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวิธีการขยายพันธุพืช ดวยวิธีการตอนกิ่ง โดยครูเปนผูตรวจสอบความ ถูกตอง และอธิบายเพิ่มเติมในสวนที่ยังขาดตก บกพรองจากการปฏิบัติงาน นํา สอน สรุป ประเมิน T103
แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความ คิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมี น้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ขอสอบเนนการคิด ขั้นตอนกำรปฏิบัติ ๑. เตรียมอาหารส�าหรับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ซึ่งประกอบด้วยสารกลุ่มอนินทรีย์และสารกลุ่มอินทรีย์ ๒. เตรียมคัดเลือกเนื้อเยื่อพืช โดยเลือกเนื้อเยื่อที่ดีได้ส่วนที่ถูกต้อง ก่อนท�าการฟอกฆ่าเชื้อ ๓. ท�าการฟอกฆ่าเชื้อ เพื่อให้ชิ้นส่วนเนื้อเยื่อของพืชปลอดเชื้อ โดยการใช้สารเคมี ได้แก่ สารเคมีที่มีคุณสมบัติ ระงับเชื้อและท�าลายเชื้อโรค ซึ่งจะท�าให้ส่วนประกอบที่ส�าคัญของจุลินทรีย์เสียไปก่อนที่จะน�ามาเพาะเลี้ยง ในอาหาร ๔. ขยายพันธุ์เพิ่มจ�านวนต้นพืช โดยท�าการเพาะเลี้ยงในอาหารที่มีสารควบคุมการเจริญเติบโตกลุ่มไซโตไคนิน ๕. ต้นพืชที่ได้จากการเพิ่มจ�านวนต้น สามารถชักน�าให้เกิดรากในอาหารที่มีสารควบคุมการเจริญเติบโตกลุ่ม ออกซิน ซึ่งจะส่งเสริมการเกิดรากและยับยั้งการเกิดยอด ๖. การย้ายออกปลูก เพื่อปรับสภาพของต้นพืชให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมภายนอกก่อนประมาณ ๒-๔ สัปดาห์ จะท�าให้อัตราการตายของต้นพืชเนื่องจากการย้ายปลูกลดลง การ เพาะเลี้ยง เนื้อเยื่อพืช ประโยชน์ของกำรเพำะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ๑. ขยายพันธุ์พืชได้ปริมาณมาก ในระยะเวลาอันสั้น ๒. ผลิตพันธุ์พืชที่ปลอดโรคได้ ๓. ใช้ปรับปรุงพันธุ์พืชใหม่ ๔. ผลิตยาและสกัดสารเคมีจากพืชได้ ๕. เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาทางด้านชีวเคมี สรีรวิทยา และพันธุศาสตร์ ๖. ช่วยอนุรักษ์พันธุ์พืช การชักน�าเซลล์ หรือชิ้นส่วนพืชให้เกิด การเจริญเติบโต หรือเกิดการเปลี่ยนแปลง ตามความต้องการบนอาหารสังเคราะห์ ภายใต้ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น แสงสว่างที่สามารถควบคุมได้ใน สภาพที่ปลอดเชื้อ โดยใช้สมดุลของสาร ควบคุมการเจริญเติบโต พืชเป็นตัวกระตุ้นให้ เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของเนื้อเยื่อ ที่น�ามาเพาะเลี้ยง 94 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 ขอใดไมไดใชเทคโนโลยีในการปลูกพืช 1. การดัดแปลงพันธุกรรม 2. การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ 3. การใชฮอรโมน 4. การใชรังสี (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะฮอรโมน คือ สารควบคุม การเจริญเติบโตของพืช ไมไดใชเทคโนโลยีในการปลูกพืช สวน คําตอบในขอ 1. เปนกระบวนการทางพันธุวิศวกรรม เพื่อใหพืช มีลักษณะตามความตองการ และขอ 2. เปนการเลี้ยงพืชดวยอาหาร วิทยาศาสตร ทําใหพืชพันธุใหมขึ้นมาทดแทน) ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ฝกใหเกิดความชํานาญ 23. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เปนการขยายพันธุพืช เก็บรักษา และอนุรักษ เชื้อพันธุพืชตางๆ โดยอาศัยการเก็บกลุมเซลล ที่เรียกวา “แคลลัส” ของพืชไวที่อุณหภูมิเย็นจัด ถึง -196 องศาเซลเซียส ภายใตไนโตรเจนเหลว วิธีนี้จะทําใหเก็บพืชไดนานขึ้น โดยไมมีการ กลายพันธุ” 24. ครูใหนักเรียนฝกขยายพันธุพืชดวยวิธีการ ตัดชํา หรือตอนกิ่งตามความสนใจ 1 ประเภท หากนักเรียนเกิดขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน หรือตองการความชวยเหลือใหสอบถามครู โดยครูจะคอยสังเกตการปฏิบัติงานของนักเรียน อยางใกลชิดและคอยใหความชวยเหลือ และ เนนยํ้าใหตระหนักถึงความปลอดภัยในขณะ ปฏิบัติงานรวมดวย ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การปลูกพืช 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําใบงานที่ 5.1.1 เรื่อง การปลูกพืช ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบกอนเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจกอนเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 5.1.1 เรื่อง การปลูกพืช 3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการ เรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางาน รายบุคคล สังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค นํา สอน สรุป ประเมิน T104
ขอสอบเนน การคิด กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านชนิดหนึ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ นิยมเลี้ยง เพื่อความเพลิดเพลินใจ ๒ การเลี้ยงสัตว์ การด�ารงชีวิตของมนุษย์จ�าเป็นต้องกินอาหารจากพืชและสัตว์บางชนิด เชื่อกันว่ามนุษย์ ในสมัยโบราณเริ่มรู้จักเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะโค กระบือ ให้เชื่อง เพื่อใช้เป็นแรงงาน เป็นอาหาร และ เป็นเครื่องชี้วัดฐานความร�่ารวยของมนุษย์ในยุคนั้น นอกจากนี้ การเลี้ยงสัตว์ปีก เช่น ไก่ เป็ด ห่าน นก สัตว์เล็ก ยังมีการเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่น ๆ เช่น แพะ แกะ กวาง สุกร อีกด้วย ๒.๑ ประโยชน์ของการเลี้ยงสัตว์ การเลี้ยงสัตว์มีประโยชน์มากมาย ดังนี้ 1. ใช้เป็นอาหาร เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จาก สัตว์ให้สารอาหารที่ส�าคัญต่อร่างกายโดยเฉพาะ โปรตีน สร้างการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วน ที่สึกหรอให้กับร่างกาย 2. รักษาและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ แก่ดิน โดยเฉพาะมูลสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่เรียกว่า “ปุ๋ยคอก” “ปุ๋ยอินทรีย์ หรือ ปุ๋ยธรรมชาติ” ซึ่งมีอัตราการสลายตัวช้า ท�าให้ โครงสร้างของ ดินโปร่ง ระบายน�้าและอากาศได้ดี นอกจากนี้ ยังมีธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักที่จ�าเป็นต่อการเจริญ เติบโตของพืช 3. ใช้ประโยชน์ทางด้านแรงงาน ปัจจุบัน ก�าลังประสบปัญหาด้านพลังงานที่ใช้น�้ามัน เป็นเชื้อเพลิงส�าหรับใช้กับเครื่องยนต์ทุ่นแรง มีราคาสูงขึ้น ท�าให้ต้นทุนการผลิตสูงตาม เกษตรกรบางส่วนจึงน�าแรงงานสัตว์โดยเฉพาะ โค กระบือ กลับมาใช้ท�านา ท�าไร่ แรงงานที่ใช้ ในเกษตรกรรมในชนบทส่วนใหญ่จึงมาจากการ เลี้ยงโคและกระบือไปด้วย 4. รักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ สวยงาม เช่น เลี้ยงปลาสวยงาม สีสันของปลาและ พรรณไม้น�้าที่เลี้ยงตามสถานที่ต่างๆ จะช่วย ท�าให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายความเครียดได้ 5. ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า น�าสิ่งเหลือใช้ จากสัตว์ เช่น หนัง ขนสัตว์ กระดูก มาผลิตเป็น ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น หนังสัตว์น�าไป ท�ากระเป๋า รองเท้า เข็มขัด กระดูกสัตว์น�าไปท�า กาว วัสดุฟอกน�้าตาลให้มีความบริสุทธิ์มากขึ้น 6. ลดต้นทุนการผลิต เช่น การเลี้ยงห่านใน สวนส้ม ห่านจะช่วยก�าจัดวัชพืชและให้มูลแก่ ต้นส้ม ท�าให้ต้นส้มเจริญเติบโตและให้ผลดกขึ้น งานเกษตร 95 “ปุ๋ยคอก” “ปุ๋ยอินทรีย์ หรือ ปุ๋ยธรรมชาติ” จากสัตว์ เช่น หนัง ขนสัตว์ กระดูก มาผลิตเป็น กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านชนิดหนึ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ นิยมเลี้ยง เพื่อความเพลิดเพลินใจ 1 2 3 การผลิตสัตวเศรษฐกิจเชิงระบบมีลักษณะอยางไร 1. วางระบบการเลี้ยงสัตวถูกตองตามหลักวิชาการ เพิ่มคาใชจาย ในการลงทุน 2. ผลิตสัตวใหมีจํานวนมากขึ้น และนําเศษเหลือจากการผลิตสัตว มาใชประโยชนในดานอื่นๆ 3. วางระบบการเลี้ยงสัตวถูกตองตามหลักวิชาการ เพิ่มจํานวน แรงงานและคาใชจายในการผลิตสัตว 4. ผลิตสัตวใหมีจํานวนมากขึ้น เพิ่มจํานวนอุปกรณในการเลี้ยงสัตว และคาใชจายในการผลิตสัตว (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะจะตองมีหลักการในการ วางแผนที่ถูกตอง โรงเรือนมีมาตรฐาน มีการจัดการดานสุขาภิบาล อยางเหมาะสม และคํานึงถึงสิ่งแวดลอมเปนสําคัญ เพิ่มจํานวน แรงงานและคาใชจายในการผลิตสัตว) นักเรียนควรรู 1 ปุยคอก ขอควรคํานึงในการใชปุยคอก คือ ไมควรนําปุยคอกไปผึ่งแดด เพราะจะทําใหสูญเสียธาตุไนโตรเจน ไมควรใสปุยคอกใกลบริเวณโคนตน ควรใสปุยขณะที่ดินมีความชื้นพอเหมาะ 2 กระดูก สามารถนําไปเปนสวนประกอบในการทําผลิตภัณฑหลากหลาย ประเภท เชน ใชเปนอาหารปลา ใชเปนปุยแกพืช หรืออาหารแกสัตว ใชเปน วัตถุดิบในการทําเจลาติน ฟลมถายรูป แคปซูล 3 กระตาย มีขอควรคํานึงในการเลือกซื้อหลายประการ เชน กระตายจะมี ลักษณะสดใส ราเริง กินอาหารเกง ใบหูมีการตอบสนองเมื่อไดยินเสียงตางๆ ดวงตาโตสดใส ขนรอบตาเรียบ จมูกแหง ไมมีเสียงดังขณะหายใจ ไมมีนํ้าลาย ไหลเลอะถึงใตคาง ปากเคี้ยวอาหารไดตามปกติ นิ้วเทาและผิวหนังใตขนนุม ไมมีกอนตางๆ ขึ้นบริเวณผิวหนัง ถายอุจจาระเปนกอน ขั้นนํา (ใชโครงการเปนฐาน) ขั้นที่ 1 ใหความรูพื้นฐาน 1. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • เพราะเหตุใดวัตถุประสงคของการเลี้ยงสัตว ในปจจุบันจึงเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต ที่ผานมา (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ในอดีตการเลี้ยงสัตว สวนใหญจะเปนไปเพื่อการบริโภค เชน เปด ไก สุกร และเพื่อใชเปนแรงงาน เชน โค กระบือ แตในปจจุบันการเลี้ยงสัตวจะเปนไป เพื่อการคา มีการเลี้ยงสัตวเปนฟารมปศุสัตว โดยยึดถือเปนอาชีพหลัก ไมไดเลี้ยงเพื่อใช เปนแรงงานดังเชนในอดีต) 2. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การเลี้ยงสัตว จาก หนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หรือศึกษา เพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 3. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว จาก PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรูที่ 5 4. ครูถามนักเรียนวา • ที่บานของนักเรียนมีการเลี้ยงสัตวหรือไม หากมี เลี้ยงสัตวชนิดใด เพราะเหตุใดจึง เลี้ยงสัตวชนิดนี้ หากไมมี เพราะเหตุใดจึง ไมเลี้ยงสัตว และหากสามารถเลี้ยงสัตวได 1 ชนิด นักเรียนจะเลือกเลี้ยงสัตวชนิดใด เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) 5. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การเลี้ยงสัตวแตละชนิด จะมีวิธีการเลี้ยงที่แตกตางกันออกไป ดังนั้น ผูเลี้ยงจึงควรศึกษาขอมูลเกี่ยวกับสัตวที่ ตองการเลี้ยงใหเขาใจอยางละเอียด เพื่อให สามารถดําเนินการเลี้ยงสัตวที่ตองการไดอยาง มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล” นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T105
ขอสอบเนนการคิด ๒.๒ ปัจจัยที่มีผลต่อการเลี้ยงสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ให้ประสบความส�าเร็จ สภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวสัตว์จัดเป็นปัจจัยส�าคัญ ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของสัตว์ ปัจจัยที่มีผลต่อการเลี้ยงสัตว์ มีดังนี้ ๑) ภูมิอำกำศ มีอิทธิพลต่อการเลี้ยงสัตว์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนี้ อุณหภูมิ สัตว์แต่ละชนิดต้องการอุณหภูมิของอากาศ แตกต่างกัน เช่น โคในเขตร้อน อุณหภูมิที่ เหมาะสมอยู่ระหว่าง ๑๕-๒๗ องศาเซลเซียส สุกรจะเจริญเติบโตดีในอุณหภูมิประมาณ ๒๔ องศาเซลเซียส แต่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยที่เหมาะสม ต่อการเจริญเติบโตของสัตว์โดยทั่วไป คือ ประมาณ ๒๕ องศาเซลเซียส ลม หรือการระบายอากาศ มีส่วนส�าคัญในการถ่ายเทระบายความร้อนส่วน ที่เกินของสัตว์ ทั้งยังช่วยให้การระเหยของน�้า หรือเหงื่อเร็วขึ้น ลดความร้อนของอากาศและ ควบคุมความชื้นภายในโรงเรือน ท�าให้สัตว์ ภายในโรงเรือนรู้สึกสบาย ช่วยระบายอากาศเสีย ที่เกิดจากการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีผลต่อ สุขภาพและการเจริญเติบโตของสัตว์ ความชื้น มีผลต่อการระบายความร้อนจากร่างกายของ สัตว์ โดยธรรมชาติสัตว์จะระบายความร้อน ออกจากร่างกายด้วยวิธีระเหยน�้าทางเหงื่อ หรือลมหายใจ ความชื้นยังมีผลทางอ้อมต่อการ เลี้ยงสัตว์ อาจท�าให้สัตว์เจ็บป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับ ระบบทางเดินหายใจอีกด้วย แสงแดด แสงแดดอ่อนๆ มีความจ�าเป็นต่อชีวิตของสัตว์ เนื่องจากผิวหนังเมื่อถูกแสงแดดจะสังเคราะห์ วิตามินดี ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูก สัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้รับแสงแดดจะเป็นโรคกระดูก อ่อน ผู้เลี้ยงจ�าเป็นต้องจัดหาร่มเงาให้กับสัตว์ แต่ละชนิด เพื่อป้องกันอันตรายจาก แสงแดดที่อาจเกิดแก่สัตว์เลี้ยง ปริมาณน�้าฝน มีส่วนเกี่ยวข้องกับความชื้นและอุณหภูมิของ อากาศ ฝนมีส่วนท�าให้ความชื้นของอากาศ สูงขึ้น อุณหภูมิของอากาศเย็นสบาย มีผลต่อ การเจริญเติบโตของสัตว์และการให้ผลผลิต สัตว์เลี้ยงที่ควรเลี้ยงในช่วงฤดูฝน เช่น โค กระบือ โดยเลี้ยงแบบปล่อยหากินเองตามธรรมชาติ จะมีอัตราการเจริญเติบโตสูง แสงสว่าง ความยาวช่วงแสงระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ถึงพระอาทิตย์ตก ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเจริญ เติบโตของพืชอาหารสัตว์และการแสดงออก ของสัตว์ เช่น ในฤดูร้อน อุณหภูมิสูง ความยาว ของช่วงแสงจะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางเพศ โดยสัตว์เพศเมียจะมีความสมบูรณ์พันธุ์ลดลง สัตว์เพศผู้คุณภาพของน�้าเชื้อลดลง 96 สัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้รับแสงแดดจะเป็นโรคกระดูก อ่อน ผู้เลี้ยงจ� 1 เกร็ดแนะครู ครูอาจเชิญเกษตรกรผูเลี้ยงสัตว หรือนักวิชาการเกษตร มาใหความรู เกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงสัตวเศรษฐกิจที่เลี้ยงภายในทองถิ่น หรือพานักเรียนไปศึกษา ดูงานในสถานที่เลี้ยงสัตวจริง เพื่อใหนักเรียนเกิดความรู ความเขาใจที่เพิ่ม มากขึ้น รวมถึงไดสอบถามความรูเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงสัตวที่ถูกตอง นักเรียนควรรู 1 โรคกระดูกออน เปนโรคที่มักพบในลูกสุนัขที่มีอายุนอย สาเหตุมาจากการ ใหอาหารที่ขาดแรธาตุสําคัญ เชน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินดี โดยสุนัขจะมี อาการขาโกง บางตัวขาหักไดงาย สามารถรักษาใหหายไดดวยการใหแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินดี ทั้งการฉีด การกิน และพาไปออกกําลังกาย เพื่อใหได รับแสงแดดออนๆ เปนประจําทุกวัน หากตองการสรางโรงเรือนใหมีความแข็งแรง ทนทาน และสามารถระบายอากาศไดดี ควรสรางโรงเรือนแบบใด 1. แบบหนาจั่ว 2. แบบจั่วสองชั้น 3. แบบเพิงหมาแหงน 4. แบบเพิงหมาแหงนกลาย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเปนแบบที่สามารถทนแดด ทนฝนไดดีกวาแบบเพิงหมาแหงนและแบบเพิงหมาแหงนกลาย ทั้งยังเปนแบบที่ดัดแปลงมาจากแบบหนาจั่ว โดยการเพิ่มจั่วยกสูง อีกชั้น เพื่อชวยใหระบายอากาศดีมากยิ่งขึ้น) ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ 6. ครูเปดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวชนิด ตางๆ ใหนักเรียนดู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • สภาพภูมิอากาศมีความสําคัญตอการ เลี้ยงสัตวอยางไร จงยกตัวอยาง (แนวตอบ สภาพภูมิอากาศ ไดแก อุณหภูมิ ความชื้น ลม หรือการระบายอากาศ แสงแดด แสงสวาง และปริมาณนํ้าฝน ลวนมีผลตอ การเจริญเติบโตของสัตวเลี้ยงทั้งสิ้น เชน การเลี้ยงไกไข จะตองเลือกสถานที่ใหเหมาะสม ตอการสรางโรงเรือน ทิศทางลม อยาให โรงเรือนถูกแดดจัด ควรใหมีลมพัดผาน มีการระบายอากาศที่ดี หากอากาศรอนจัด จะทําใหไกไขมีสุขภาพที่ไมดี สงผลทําให ไมออกไขได) • เพราะเหตุใดการสรางโรงเรือนจึงตองคํานึงถึง ลม หรือการระบายอากาศมาเปนลําดับแรก (แนวตอบ ในการสรางโรงเรือนเพื่อใชใน การเลี้ยงสัตวจะตองใหความสําคัญกับการ ถายเทความรอน ชวยลดความรอนในตัว ของสัตว ทําใหสัตวที่อาศัยอยูในโรงเรือน เกิดความรูสึกสบาย นอกจากนี้ ยังเปน การระบายของเสียที่เกิดจากสัตว เชน กลิ่นมูลสัตว กลิ่นของสัตว) • เพราะเหตุใดสัตวเลี้ยงจึงควรไดรับแสงแดด ในปริมาณที่เหมาะสม (แนวตอบ แสงแดดเปนปจจัยสําคัญตอการ เจริญเติบโตและความแข็งแรงของสัตว เมื่อ ถูกแสงแดดจะมีการสังเคราะหวิตามินดีขึ้น ซึ่งรางกายของสัตวสามารถนําไปใชประโยชน ตอการเจริญเติบโตของกระดูก ซึ่งเปน โครงสรางหลักของรางกายไดอยางเหมาะสม) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T106
ขอสอบเนน การคิด ๒) ภูมิประเทศ เป็นลักษณะทางธรรมชาติของพื้นโลก เช่น ลักษณะความสูงต�่าของ พื้นที่ ความเป็นกรดด่างของดิน ความอุดมสมบูรณ์ของดินและแหล่งน�้า ภูมิประเทศมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการเลี้ยงสัตว์มาก เช่น ภูมิประเทศที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ย่อมปลูกพืชอาหารสัตว์ได้ผลดี ท�าให้ค่าอาหารถูกลง ช่วยลดต้นทุนได้มาก หรือถ้าโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน�้า ซึ่งสะดวก ในการน�าน�้ามาล้างท�าความสะอาดโรงเรือน จะท�าให้สัตว์ปลอดภัยจากเชื้อโรค ๓) อำหำร การเลี้ยงสัตว์เพื่อให้ได้ ผลตอบแทนสูงที่สุดจะต้องเลือกและจัดสรร อาหารในปริมาณที่พอเหมาะให้แก่สัตว์ ไม่มาก หรือน้อยเกินไป และอาหารนั้นต้องมีสารอาหาร ครบตามที่สัตว์ต้องการ เมื่อสัตว์กินเข้าไปแล้ว จะมีการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ แข็งแรง ให้ผลผลิต ที่ดีและมีคุณภาพ อาหารสัตว์มีหลายชนิด แตกต่างกันไปตามประเภทของสัตว์ที่เลี้ยง เช่น หญ้าสด หญ้าแห้ง ข้าวโพด ข้าวเปลือก ข้าวฟ่าง ร�าข้าว ปลายข้าว ฟางข้าว ถั่วเหลือง ปลาป่น กระดูกป่น ๔) โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความส�าคัญต่อการเลี้ยงสัตว์ เพราะ โรงเรือนเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ โดยหลักการสร้างโรงเรือนที่ดี มีดังนี้ ป้องกันแสงแดด ฝน และลมได้เป็นอย่างดี มีลักษณะโปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น สัตว์เลี้ยงต้องการอยู่ในอุณหภูมิ ระหว่าง ๒๐-๒๕ องศาเซลเซียส ความชื้น ประมาณร้อยละ ๕๐-๘๐ สร้างให้เหมาะสมกับจ�านวนสัตว์ที่จะเลี้ยง เช่น ไก่เล็กต้องการพื้นที่ ๑๐-๑๒ ตัวต่อตารางเมตร สุกรขุนต้องการพื้นที่ ๑.๑๐-๑.๕๐ ตารางเมตรต่อตัว หรือโคขุนต้องการพื้นที่ ๘-๑๐ ตารางเมตรต่อตัว การให้อาหารแก่สัตว์เลี้ยงในปริมาณที่พอเหมาะและมี สารอาหารครบถ้วน ย่อมท�าให้สัตว์เจริญเติบโตดีและแข็งแรง งานเกษตร 97 ให้ค่าอาหารถูกลง ช่วยลดต้นทุนได้มาก หรือถ้าโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน�้ เช่น หญ้าสด หญ้าแห้ง ข้าวโพด ข้าวเปลือก หรือโคขุนต้องการพื้นที่ ๘-๑๐ ตารางเมตรต่อตัว 1 2 3 เพราะเหตุใดจึงตองใหความสําคัญในการคัดเลือกอาหาร และการใหอาหารแกสัตวเลี้ยง (แนวตอบ อาหารเปนปจจัยสําคัญที่มีผลตอการเจริญเติบโต ของสัตว ดังนั้น ผูเลี้ยงจึงตองพิถีพิถันและเอาใจใสเปนพิเศษ โดยเลือกอาหารที่มีคุณภาพดี มีสารอาหารครบถวนตามที่สัตว ควรไดรับในแตละชวงวัย และจะตองคํานึงถึงความเหมาะสมกับ ประเภทของสัตวแตละชนิดดวย) นักเรียนควรรู 1 โรงเรือน เกษตรกรนิยมโรงเรือนระบบปด หรือแบบอีแวป (EvaporativeCool System) โดยเปนการนําเทคโนโลยีการลดอุณหภูมิดวยนํ้ามาใชในการ เลี้ยงสัตว ซึ่งวิธีนี้จะชวยปองกันการระบาดของโรคไขหวัดนกได 2 ขาวโพด เปนพืชเศรษฐกิจที่มีความสําคัญเปนอยางมากตออุตสาหกรรม อาหารสัตว โดยรอยละ 94 ของผลผลิตขาวโพดในประเทศไทยจะถูกนํามา ใชในอุตสาหกรรมอาหารสัตว โดยพันธุขาวโพดเลี้ยงสัตวที่นิยมปลูกจะเปน พันธุลูกผสมเดี่ยว มีลักษณะตนเตี้ย รากแข็งแรง ทนทานตอการหักลมไดดี ตอบสนองตอการใชปุยไดดี และใหผลผลิตสูง 3 โคขุน การเลี้ยงโคใหเจริญเติบโตอยางรวดเร็ว ผลิตเนื้อที่ดี มีคุณภาพ โดยวิธีใหอาหารดี เชน หญา ฟาง อาหารเสริม ในชวงเวลาสั้น แหลงผลิตโคขุน ที่สําคัญในประเทศไทย คือ โคขุนโพนยางคํา จังหวัดสกลนคร ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ 7. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ในการเลือกทําเลที่ตั้ง ที่ใชในการเลี้ยงสัตวมีขอควรคํานึงหลายประการ เชน หากทําเลที่ตั้งอยูหางไกลจากแหลงชุมชน การคมนาคมขนสงไมสะดวก ในการจําหนาย ผลผลิตอาจมีคาใชจายในการขนสงมากขึ้น ทําใหตนทุนเพิ่มสูงขึ้น หรือสงผลกระทบตอ คุณภาพของผลผลิต เชน การขนสงนํ้านมดิบ ไปยังโรงงานแปรรูปนํ้านม หากใชระยะเวลา ในการขนสงนาน ยอมทําใหคุณภาพของนํ้านม เสื่อมลง ซึ่งจะสงผลตอราคานํ้านมดิบ” 8. ครูใหนักเรียนดูภาพอาหารสัตวหลากหลาย ชนิด จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดการใหอาหารสัตวจึงตองเลือก และจัดสรรอยางเหมาะสม (แนวตอบ อาหารเปนปจจัยสําคัญที่มีผล ตอการเจริญเติบโตของสัตว ดังนั้น การ ใหอาหารสัตวแตละชนิดจึงตองพิถีพิถัน เปนพิเศษ โดยจะตองเปนอาหารที่ดีและมี คุณภาพ มีสารอาหารครบถวนเหมาะสม กับความตองการของสัตวแตละประเภท และแตละชวงวัย ควรใหอาหารในปริมาณ ที่เหมาะสมตามประเภทของสัตวแตละชนิด) 9. ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับหลักการ สรางโรงเรือนที่ดี จากนั้นครูถามนักเรียนวา • บริเวณที่ตั้งโรงเรือนเลี้ยงสัตวที่ดี ควรมี ลักษณะอยางไร (แนวตอบ เปนที่ดอน นํ้าไมทวมขังไดงาย มีพื้นที่กวางขวาง อากาศถายเทไดสะดวก มีแหลงอาหารตามธรรมชาติ ไมมีการระบาด ของโรคและแมลง จําพวกมดและไร ปองกัน แดด ลม และฝนได) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T107
ขอสอบเนนการคิด ๕) กำรสุขำภิบำล การเลี้ยงสัตว์ให้ได้ผลดีนั้น สัตว์เลี้ยงต้องปลอดเชื้อโรคและพยาธิ เพราะเชื้อโรคและพยาธิเป็นสาเหตุที่ท�าให้สัตว์ตายและยังส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต การผสม พันธุ์ และผลผลิตที่สัตว์ผลิตออกมา โรคของสัตว์อาจเกิดจากสิ่งมีชีวิต หรือไม่มีชีวิตก็ได้ รวมถึง การขาดธาตุอาหาร เมื่อสัตว์เป็นโรคย่อมท�าให้การเจริญเติบโตของสัตว์ลดลง ในบางครั้งอาจท�าให้ สัตว์ตาย หรือเจ็บป่วยด้วยอาการเรื้อรัง ผู้เลี้ยงควรมีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันไม่ให้สัตว์ป่วย เป็นโรค ดังนี้ 1. ท�าความสะอาดคอก ภาชนะ อุปกรณ์ และ บริเวณที่เลี้ยงสัตว์ การท�าลายเชื้อโรคนี้มักจะ ท�ากันในโรงเรือน ส่วนใหญ่นิยมใช้ยาฆ่าเชื้อ โรคจ�าพวกโซเดียมไฮโปคลอไรต์และแคลเซียม ไฮโปคลอไรต์ที่มีความเข้มข้น ๑๕-๑๗ เปอร์เซ็นต์ ผสมกับน�้าในอัตราส่วน ๕๐ ส่วนต่อน�้าล้านส่วน เพื่อใช้ล้างพื้นคอก หรืออาจใช้ไบโอเทน ๑ ช้อนโต๊ะ ผสมกับน�้า ๑ ปีบแทนได้ หลังจากท�าความสะอาด ควรทิ้งไว้อย่างน้อย ๓ วัน จึงน�าสัตว์เข้าไปเลี้ยง 2.หมุนเวียนทุ่งหญ้า หรือสถานที่ที่ใช้เลี้ยงสัตว์ เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคกับสัตว์ เพราะการ เลี้ยงสัตว์ชนิดเดียวกันบนพื้นที่เดิมนานเกินไป เชื้อโรคต่างๆ อาจจะสะสมและเกิดการฟักตัว จนมีปริมาณมากพอที่จะท�าให้เกิดอันตรายต่อ สัตว์เลี้ยงได้ 3. ให้อาหารที่สดและสะอาดทุกครั้ง เพราะอาหาร ที่บูดเน่าและมีความชื้นมาก อาจท�าให้สัตว์ท้องเสีย หรือเป็นโรคอหิวาต์ได้ และยังต้องค�านึงถึง ความสะอาดของรางน�้าและรางอาหารอีกด้วย 4.ส�ารวจและตรวจสุขภาพของสัตว์อยู่เสมอ โดยส�ารวจว่าสัตว์แข็งแรงมากน้อยเพียงใด มีส่วนใดของร่างกายผิดปกติหรือไม่ อุณหภูมิ ภายในร่างกายเป็นอย่างไร ถ้าพบว่ามีอาการ ผิดปกติ หรือสงสัยว่าจะเป็นโรค ควรรีบปรึกษา สัตวแพทย์ทันที 5.ฉีดวัคซีนป้องกันโรค เพื่อให้สัตว์สร้าง ภูมิคุ้มกันและสามารถท�าลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ ร่างกายได้ การให้วัคซีนต้องพิจารณาถึงชนิด ของสัตว์ เพราะสัตว์แต่ละชนิดต้องการวัคซีน ไม่เหมือนกัน ควรขอค�าแนะน�าจากสัตวแพทย์ก่อน 6. คัดสัตว์ป่วยเป็นโรคออกจากฝูง เพื่อป้องกัน การระบาดของโรค สัตว์เลี้ยงบางรุ่นที่ยังเล็กอยู่ อาจไม่แสดงอาการผิดปกติให้เห็น แต่เมื่อมีอายุ มากขึ้น อาการผิดปกติบางอย่างอาจแสดงออก มาให้เห็น เช่น ขาเก เป็นโรคต่าง ๆ 7.ขังสัตว์เพื่อดูอาการก่อนน�าไปเลี้ยง เพื่อให้ เกิดความมั่นใจว่าสัตว์ปลอดภัยจากโรคจริง และ ไม่มีโรคติดต่อ 8. ท�าลายซากสัตว์ที่ตายแล้ว การท�าลายซากสัตว์ เป็นสิ่งที่จ�าเป็นอย่างยิ่ง เพราะเชื้อบางอย่างรุนแรง และทนทานต่อการท�าลาย อาจติดต่อไปยังสัตว์ อื่น ๆ ได้ วิธีการก�าจัดซากสัตว์ที่ดีที่สุด คือ การ ขุดหลุมฝัง หรือการเผา 9. ท�าความสะอาดสัตว์เลี้ยงตามความเหมาะสม เช่น อาบน�้า ก�าจัดศัตรูของสัตว์ เช่น เห็บสุนัข ทุก ๆ ๑-๒ สัปดาห์ 98 ให้ได้ผลดีนั้น สัตว์เลี้ยงต้องปลอดเชื้อโรคและพยาธิ พวกโซเดียมไฮโปคลอไรต์และแคลเซียม ไฮโปคลอไรต์ที่มีความเข้มข้น ๑๕-๑๗ เปอร์เซ็นต์ 1 2 3 ขอใดกลาวถึงการสุขาภิบาลไมถูกตอง 1. ทําความสะอาดโรงเรือนอยางสมํ่าเสมอ 2. มีขนาดโรงเรือนเพียงพอตอจํานวนสัตว 3. แยกสัตวที่มีอาการปวยออกมาเลี้ยงแบบเดี่ยว 4. ไมกักกันสัตวใหมกอนนํามาเลี้ยงในโรงเรือนรวม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการนําสัตวใหมเขามาเลี้ยง ควรมีการกักกันสัตวกอน เพื่อเฝาดูอาการของโรคที่อาจติดมากับ สัตว และเพื่อชวยปองกันไมใหเชื้อโรคแพรสูสัตวเลี้ยงตัวอื่นๆ ได) นักเรียนควรรู 1 พยาธิ เปนสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยูในรางกายของมนุษยและสัตว มีอยูดวยกัน หลายชนิด โดยทั่วไปจะปะปนอยูในธรรมชาติที่มีความเหมาะสมตอการ เจริญเติบโต เชน ดิน นํ้า หญา เนื้อสัตว ผักชนิดตางๆ 2 โซเดียมไฮโปคลอไรต เปนสารประกอบประเภทเกลือ ซึ่งใชเปนสาร ทําความสะอาด สามารถฆาเชื้อโรคได เนื่องจากมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญ เติบโตของแบคทีเรียไดหลายชนิด นิยมใชทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร ภาคการแพทย และภาคครัวเรือน 3 แคลเซียมไฮโปคลอไรต เปนสารประกอบคลอรีน ใชสําหรับฆาเชื้อวัตถุดิบ และฆาเชื้อในนํ้าที่ใชในกระบวนการ เชน นํ้าหลอเย็น นํ้าที่ละลายวัตถุดิบที่ผาน การแชเยือกแข็ง นอกจากการใชเพื่อฆาเชื้อแลว เมื่อรวมตัวกับเพกทินในผนังเซลล ของผักและผลไม จะทําใหผนังเซลลแข็งแรงและตานทานโรคไดดีขึ้น ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ 10. ครูนําภาพสัตวชนิดตางๆ ที่ปวยเปนโรค มาใหนักเรียนดู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • นักเรียนคิดวาเปนเพราะสาเหตุใดสัตวที่ เลี้ยงไวจึงปวยเปนโรค (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ผูเลี้ยงขาดการสุขาภิบาล ที่ดี มีเชื้อโรคปะปนอยูในอาหาร โรงเรือน ไมสะอาด สัตวขาดการดูแลเอาใจใสอยาง ถูกวิธี เชน การใหวัคซีน เพื่อปองกันโรค) • การดูแลสัตวเลี้ยงใหมีสุขภาพที่ดี สามารถ ปฏิบัติไดอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ใหอาหารที่ดีมีคุณภาพ ในปริมาณที่เหมาะสมในแตละชวงวัย โรงเรือนสะอาด ปราศจากการหมักหมม ของสิ่งสกปรก หรือปฏิกูลตางๆ อากาศ ภายในโรงเรือนถายเทไดสะดวก มีการให วัคซีน เพื่อปองกันโรค รวมถึงการตรวจ สุขภาพของสัตวอยางทั่วถึง) • “การดูแลรักษาความสะอาดชวยลดการ เกิดโรคระบาดในสัตวได” จากขอความนี้ นักเรียนเห็นดวยหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เห็นดวย เนื่องจาก เชื้อโรคทุกชนิดสามารถเจริญเติบโตไดดี ในที่สกปรกและชื้นแฉะ ดังนั้น การดูแล รักษาความสะอาดจึงเปนสิ่งที่จําเปนและ สําคัญเปนอยางยิ่ง ที่จะชวยลดปริมาณ ของเชื้อโรคและปองกันการแพรระบาด ของเชื้อโรคไปยังสัตวเลี้ยงได) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T108
ขอสอบเนน การคิด ๒.๓ การเลี้ยงสัตว์ ในครัวเรือน สัตว์เลี้ยงในครัวเรือนมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด โดยการเลี้ยงสัตว์แต่ละชนิดจะมีวิธีในการเลี้ยง ที่แตกต่างกันตามชนิดของสัตว์ ตัวอย่างการเลี้ยงสัตว์ ในครัวเรือน มีดังนี้ โคนมเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มนุษย์เลี้ยงไว้ เพื่อน�าน�้านมมาบริโภค โดยโคนมพันธุ์แท้เป็น พันธุ์ที่มีถิ่นก�าเนิดอยู่ในเขตประเทศที่มีอากาศ หนาว เมื่อถูกน�าเข้ามาเลี้ยงในประเทศไทยจึง มักให้ผลผลิตน�้านมได้ไม่ดี เนื่องจากสภาพ อากาศร้อนและมีศัตรูรบกวนมาก ต่อมาได้มี การศึกษา พัฒนา และปรังปรุงพันธุ์ โดยน�า น�้าเชื้อของโคนมพันธุ์ดีเพศผู้มาผสมกับแม่โค ที่ทนต่ออากาศร้อนในประเทศไทยได้ดี จนได้ โคลูกผสมที่สามารถทนต่ออากาศร้อนและโรค ได้ดี ผลิตน�้านมได้มากขึ้น และสามารถเลี้ยง ได้ดีประเทศไทย พันธุ์ โคนมที่นิยมน�ำมำเลี้ยงในประเทศไทย มีหลำยชนิด เช่น พันธุ์ ไทยฟรีเซียน • โคนมพันธุ์ผสมที่มีเลือดโคนมพันธุ์ โฮลส์สไตน์ ฟรีเซียนมากกว่า ๗๕% • สีของตัวจะเป็นสีขาวตัดกับสีด�าโดยเด็ดขาด บางตัว อาจมีสีขาว หรือสีด�ามาก • ผลิตน�้านมเฉลี่ย ๔,๐๐๐-๕,๐๐๐ กก. • เพศผู้หนักประมาณ ๕๕๐-๖๐๐ กก. • เพศเมียหนักประมาณ ๕๐๐ กก. พันธุ์ โฮลส์สไตน์ฟรีเซียน • มีถิ่นก�าเนิดในประเทศเนเธอร์แลนด์ • นิสัยเชื่องช้า รีดนมง่าย ไม่อั้นนม • สีของตัวจะเป็นสีขาว หรือสีด�า โดยจะขาว หรือด�า มากกว่าก็ได้ • ผลิตน�้านมเฉลี่ย ๖,๐๐๐-๗,๐๐๐ กก. • เพศผู้หนักประมาณ ๘๐๐-๑,๐๐๐ กก. • เพศเมียหนักประมาณ ๕๐๐-๘๐๐ กก. พันธุ์ทีเอ็มแซด • โคนมพันธุ์ผสมที่มีเลือดโคนมพันธุ์โฮลส์สไตน์ฟรีเซียน มากกว่า ๗๕% และพันธุ์ซีบู หรือพันธุ์พื้นเมือง ๒๕% • สีของตัวจะเป็นสีขาวตัดกับสีด�าโดยเด็ดขาด บางตัว อาจมีสีขาว หรือสีด�ามาก • ผลิตน�้านมเฉลี่ย ๓,๐๐๐-๓,๕๐๐ กก. • เพศผู้หนักประมาณ ๕๐๐-๖๐๐ กก. • เพศเมียหนักประมาณ ๔๕๐-๕๐๐ กก. พันธุ์ซำฮิวำล • มีถิ่นก�าเนิดในประเทศปากีสถาน • ทนร้อน ทนโรค ทนต่อสภาพขาดแคลนอาหารได้ดี • สีของตัวจะเป็นสีน�้าตาล อาจมีสีขาวบริเวณใต้ท้อง • ผลิตน�้านมเฉลี่ย ๒,๕๐๐-๓,๐๐๐ กก. • เพศผู้หนักประมาณ ๖๐๐-๗๐๐ กก. • เพศเมียหนักประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ กก. โคนม 99 สมุนไพรในขอใดมีสรรพคุณสามารถกําจัดพยาธิในโคได 1. ตะไคร 2. มะกรูด 3. กระเทียม 4. บอระเพ็ด (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะเกือบทุกสวนของบอระเพ็ด สามารถนํามาใชเปนสวนผสมของยารักษาโรคได หากตองการ กําจัดพยาธิในโค เกษตรกรสามารถใชเถาบอระเพ็ดมาตัดเปน ชิ้นเล็ก ทุบใหแตก หมักกับนํ้าซาวขาวและเกลือทิ้งไวประมาณ 7 วัน จากนั้นนํานํ้าหมักที่ไดผสมกับนํ้าดื่มของโค นํ้าหมักจะชวยกําจัด พยาธิออกไปได) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงโคนมในประเทศไทยใหนักเรียนฟงวา การเลี้ยงโคนม เพื่อนํานํ้านมมาบริโภคมีมานานแลว แตเพิ่งมีการเลี้ยงอยาง จริงจัง เมื่อรัชกาลที่ 9 ไดทรงสถาปนาศูนยฝกอบรมการเลี้ยงโคนมไทยเดนมารกขึ้น ที่อําเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี รวมกับพระเจาเฟรเดริคที่ 9 แหงประเทศเดนมารก ตอมาไดพัฒนาเปนองคกรสงเสริมกิจการโคนมแหง ประเทศไทย มีฐานะเปนรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ พระองค ไดทรงทดลองเลี้ยงโคนมดวยพระองคเองในบริเวณสวนจิตรลดา และเมื่อ เกษตรกรผูเลี้ยงโคนมสามารถผลิตนํ้านมดิบไดเกินความตองการของตลาด ก็ทรงโปรดเกลาฯ ใหสรางโรงงานนมผงและศูนยรับนม ทั้งยังทรงริเริ่มใหมี การจัดตั้งสหกรณโคมนมหนองโพราชบุรี จํากัด (ในพระบรมราชูปถัมภ) เพื่อ ดําเนินการผลิตนมผงอีกดวย ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ 11. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การเลี้ยงสัตวใน ครัวเรือน : โคนม จากหนังสือเรียน หนวยการ เรียนรูที่ 5 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 12. ครูถามนักเรียนวา • ในชุมชนของนักเรียนมีการเลี้ยงโคนม หรือไม หากไมมี ในชุมชนของนักเรียน เลี้ยงสัตวชนิดใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • นักเรียนทราบหรือไมวานมที่ดื่มนั้นผลิต จากแหลงใด และแหลงนํ้านมดิบไดมาจาก แหลงใด (แนวตอบ แหลงเลี้ยงวัวนมที่สําคัญที่สุด ของโลก เชน ประเทศอินเดีย กลุมประเทศที่ ผลิตนํ้านมดิบไดมากที่สุด คือ สหภาพยุโรป แหลงเลี้ยงวัวนมที่สําคัญของประเทศไทย อยูในหลายจังหวัด เชน สระบุรี นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ เพชรบุรี สาเหตุที่ประเทศ ไทยนิยมเลี้ยงวัวนมกันมากขึ้น เพราะมี ภูมิประเทศที่เหมาะสมตอการทําปศุสัตว เนื่องจากอุดมสมบูรณไปดวยอาหารสัตว เชน ทุงหญาเลี้ยงสัตว ผลผลิตพืชไร วัสดุ เหลือใชจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีราคา ไมสูง และสามารถเลือกใชทดแทนกันได หากสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้น) 13. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ประเทศไทยไดมีการ สงเสริมใหประชาชนประกอบอาชีพเลี้ยง โคนม มาตั้งแต พ.ศ.2504 โดยไดรับการ ชวยเหลือจากรัฐบาลเดนมารกใหจัดตั้งฟารม โคนมแหงแรกขึ้นที่อําเภอมวกเหล็ก จังหวัด สระบุรี หลังจากนั้นอาชีพเลี้ยงโคนมได แพรหลายไปทั่วทั้งประเทศ และมีแนวโนม การขยายตัวเพิ่มมากขึ้น” นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T109
วิธีกำรเลี้ยง วิธีการเลี้ยงโคนมที่นิยมในปัจจุบันแบ่งเป็น ๓ วิธี ดังนี้ ๑. การเลี้ยงแบบยืนโรงอยู่กับที่ เป็นการน�าโคมาเลี้ยง อยู่ในช่อง หรือซองขอแต่ละตัว ไม่เปิดโอกาสให้ โคได้เดิน หรือเคลื่อนไหวมากนัก ๒. การเลี้ยงแบบปล่อยอิสระอยู่ภายในคอก โคจะ มีพื้นที่ภายในคอกพอให้เดิน หรือเคลื่อนไหวได้ อย่างอิสระ โดยอยู่รวมกันเป็นฝูง ๓. การเลี้ยงแบบปล่อยให้หาอาหารกินเองในแปลง หญ้า ช่วยประหยัดแรงงานและค่าใช้จ่ายในการ สร้างโรงเรือน โดยการปล่อยให้โคออกไปหา อาหารกินเองในแปลงหญ้าที่ก�าหนดไว้ให้อย่าง อิสระ และจะถูกต้อนให้เข้าคอกเมื่อถึงเวลารีดนม T i p วันโคนมแห่งชาติ วันที่ ๑๗ มกราคมของทุกปี ถือเป็น “วันโคนมแห่งชาติ” ซึ่งถือเป็นวันส�าคัญของผู้ประกอบอาชีพ เลี้ยงโคนม และเพื่อน้อมร�าลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ได้ทรงพระราชทานอาชีพนี้ ให้แก่ปวงชนชาวไทย ตามที่พระองค์ได้ทรงตั้งพระราชปณิธานที่จะส่งเสริมการเลี้ยงโคนมในประเทศ ให้เป็นหนึ่งในอาชีพของเกษตรกรไทย ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน อำหำรและกำรให้อำหำร อาหารส�าหรับโคนม แบ่งเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๑. อาหารหยาบ เป็นอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น หญ้าชนิดต่าง ๆ ทั้งหญ้าสด หญ้าแห้ง หญ้าหมัก ฟางข้าว ใบกระถิน ต้นถั่วชนิดต่างๆ อาหารหยาบ เป็นอาหารหลักส�าหรับโคนม ผู้เลี้ยงต้องน�าอาหาร ประเภทนี้ให้โคนมกินอย่างเพียงพอเพื่อให้ผลิต น�้านมได้มากขึ้น ในกรณีที่เลี้ยงแบบปล่อยให้ หาอาหารกินเองในแปลงหญ้า ผู้เลี้ยงควรใช้วิธีการ ปลูกหญ้าเป็นแปลง แล้วเกี่ยวหญ้ามาให้กินเพื่อ ประหยัดค่าใช้จ่าย ๒. อาหารข้น เป็นอาหารที่มีเยื่อใยต�่า แต่มีสารอาหาร ประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ และวิตามินสูง เช่น กากถั่วเหลือง ร�าละเอียด ข้าวโพดป่น มันส�าปะหลังอัดเม็ด ปลายข้าว ปลาป่น กระดูกป่น โดยโปรตีนจะช่วยในการเจริญ เติบโตและผลิตน�้านม ผู้เลี้ยงจึงต้องให้โคนมกิน อาหารข้นอย่างเพียงพอ 100 กิจกรรม ทาทาย อาหารข้น เป็นอาหารที่มีเยื่อใยต�่ 1 นักเรียนควรรู 1 อาหารขน เปนวัตถุดิบที่มีความเขมขนของโภชนะตอหนวยนํ้าหนักสูง มีเยื่อใยตํ่ากวา 18 เปอรเซ็นต แบงเปน 2 ประเภท คือ อาหารหลักหรือ อาหารพลังงาน (Basal Feed หรือ Energy Feed) เปนวัตถุดิบอาหารสัตวที่ให พลังงานสูง หรือมีคารโบไฮเดรตมาก มีโปรตีนตํ่ากวา 20 เปอรเซ็นต เปนวัตถุดิบ ที่ใชมากถึง 50-80 เปอรเซ็นต ในการประกอบสูตรอาหาร และอาหารเสริม (Supplements) เปนวัตถุดิบที่เสริมลงไปในอาหารหลักในการประกอบสูตร อาหาร ครูใหนักเรียนศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสําคัญของ การเลี้ยงโคนมในประเทศไทย จากนั้นสรุปความรูที่ไดในรูปแบบ แผนพับ ตกแตงใหสวยงาม นําสงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม ครูใหนักเรียนวางแผนการเลี้ยงสัตวในทองถิ่นตามความสนใจ 1 ชนิด โดยใชความรูที่ไดจากการศึกษาเรื่องการเลี้ยงโคนมเปน แนวทางในการปฏิบัติงาน จากนั้นออกมานําเสนอแผนงานใหเพื่อน ฟงหนาชั้นเรียน โดยมีครูเปนผูคอยเสนอแนะความถูกตอง จากนั้น ลงมือปฏิบัติการเลี้ยงสัตวจริง โดยมีการจดบันทึกพัฒนาการ การเจริญเติบโตของสัตวรวมดวย และนําเสนอครูผูสอนเดือนละ 1 ครั้ง สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารและการใหอาหารโคนม ไดที่ https://pvloknr. dld.go.th/webosm_61/webfifile/bowchow/bowchow1.pdf ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ 14. ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับวิธีการ เลี้ยงโคนม อาหาร และการใหอาหาร จากนั้น ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนคิดวา สิ่งใดเปนปจจัยสําคัญเริ่มตน สําหรับผูที่ตองการเลี้ยงโคนมเปนอาชีพ (แนวตอบ ปจจัยสําคัญที่ผูเลี้ยงโคนมเปน อาชีพตองคํานึงถึง เชน ทุน สถานที่ที่ใชใน การเลี้ยง ตลาด และปจจัยอื่นๆ ซึ่งปจจัยที่ สําคัญที่สุด คือ ทุน โดยทุนสามารถแบงออก เปน 5 รายการ คือ ทุนสําหรับซื้อพอพันธุ แมพันธุโคนม ทุนสําหรับสรางโรงเรือน หรือ คอกสําหรับเลี้ยงสัตว ทุนสําหรับเตรียม แปลงหญา ทุนสําหรับหาแหลงนํ้า หรือ ชลประทาน ทุนสําหรับคาอาหาร คาแรงงาน และอื่นๆ) • การใหอาหารโคนมดวยอาหารหยาบควรให อยางไรจึงจะเหมาะสม (แนวตอบ คุณคาทางอาหารจะเปลี่ยนแปลง ไปตามฤดูกาล สภาพดิน และชนิดของ อาหาร ซึ่งโดยทั่วไปจะใหคุณคาทางอาหาร คอนขางตํ่า ผูเลี้ยงจึงควรใหอาหารใน ปริมาณที่เพียงพอ เพื่อชวยใหกระบวนการ ยอยอาหารและการผลิตไขมันในนํ้านมเปน ไปอยางมีประสิทธิภาพ การใหอาหารไมควร ตํ่ากวา 1-1.5% ของนํ้าหนักตัว หรือมี ADF ไมตํ่ากวา 19-21% หรือ CF ไมตํ่ากวา 18%) • เพราะเหตุใดจึงตองมีการเสริมอาหารขน ใหแกโคนม (แนวตอบ หากโคนมกินแตอาหารหยาบ จะทําใหเจริญเติบโตชา จึงตองเสริมดวย อาหารขน ซึ่งเปนอาหารที่ใหพลังงานและ มีโปรตีนสูงแกโคนม) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T110
ขอสอบเนน การคิด ในการปลูกพืชให้เจริญเติบโตนั้น จะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับการเจริญเติบโตของพืชที่จะปลูก โดยศึกษาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ รวมทั้งวางแผน การจัดการอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการท�างาน นอกจากนี้ควรเลือก สถานที่ในการปลูกพืช เตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ ในการปลูกพืช เตรียมพันธุ์พืช เตรียมดินที่ใช้ ปลูกพืช การปฏิบัติดูแลรักษา ตลอดจนการเก็บเกี่ยวพืชอย่างถูกต้องและเหมาะสม ก็จะท�าให้การ ปลูกพืชประสบผลส�าเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ส�าหรับการเลี้ยงสัตว์ให้ประสบความส�าเร็จ ต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ที่จะเลี้ยง ไม่ว่า จะเป็นลักษณะนิสัย พันธุ์สัตว์ วิธีการเลี้ยง สถานที่และโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ อาหารสัตว์ การป้องกัน โรค และการสุขาภิบาลที่เหมาะสม เพื่อน�ามาใช้ประกอบในการวางแผนเลี้ยงสัตว์และเป็นแนวทาง ในการปฏิบัติต่อไป ที่ส�าคัญอีกประการหนึ่ง คือ ผู้เลี้ยงสัตว์ต้องมีใจรัก ชอบการเลี้ยงสัตว์มีความ รับผิดชอบในการดูแลสัตว์เลี้ยง เพื่อให้การเลี้ยงสัตว์มีประสิทธิภาพ ให้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพและ ผู้เลี้ยงมีความสุขในการเลี้ยงสัตว์ สรุป วิธีกำรรีดนมโค การรีดนมโคท�าได้ ๒ วิธี คือ การรีดด้วยมือและการ รีดด้วยเครื่องมือรีดนม ซึ่งมีวิธีปฏิบัติ ดังนี้ ๑. ก่อนและระหว่างการรีดนม จะต้องให้โคอยู่ใน อารมณ์ดีและมีความสบายใจ พร้อมที่จะให้น�้านม ๒. คนรีดนมโคแต่ละตัวควรเป็นบุคคลคนเดียวกัน ไม่ควรเปลี่ยนคนรีดนมบ่อย ๆ การรีดนมด้วยมือ การรีดนมด้วยเครื่องมือรีดนม ๓. ก่อนรีดนมควรท�าความสะอาดและเช็ดเต้านม ทุกครั้ง เพื่อฆ่าเชื้อโรคบางส่วนบริเวณภายนอก และยังช่วยกระตุ้นให้โคปล่อยน�้านมออกมา ๔. รีดนมให้หมดเต้าทุกครั้ง และไม่ควรใช้เวลาใน การรีดนมนานจนเกินไป ควรรีดให้เสร็จและหมด เต้าภายใน ๕-๗ นาที งานเกษตร 101 การรีดนมโคเพื่อใหไดปริมาณนํ้านมที่มาก มีวิธีในการปฏิบัติอยางไร 1. เปลี่ยนคนรีดนมทุกวัน 2. ใหอาหารโคกอนการรีด 3. เปดเพลงใหโคฟงทุกวัน 4. คอยๆ รีดนมโคอยางชาๆ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการเปดเพลงใหโคฟงทุกวัน จะทําใหโครูสึกผอนคลาย มีอารมณดี ไมเครียด สงผลใหสามารถ รีดนํ้านมโคไดปริมาณมากขึ้นกวาปกติ 30-40 เปอรเซ็นต) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการรีดนมโคดวยมือใหนักเรียนฟงวา กอน รีดนมควรทําความสะอาดเตานมดวยผาชุบนํ้าอุน จากนั้นใชผาแหงเช็ดแลว ทําการนวดเตานม โดยใชเวลาทําความสะอาดและนวดเตานมประมาณ 1 นาทีครึ่ง แลวจึงลงมือรีดทันที เนื่องจากเปนระยะการปลอยนม การทํางาน ของฮอรโมนจะทํางานประมาณ 6-8 นาที หากรีดชาฮอรโมนจะหยุดทํางาน สงผลใหนํ้านมหยุดไหลได ในการรีดนมโคดวยมือ ผูรีดควรใชนิ้วหัวแมมือและ นิ้วชี้รัดที่ตอนบนของหัวนมเพื่อปองกันไมใหนมไหลกลับ จากนั้นบีบไลนิ้วที่เหลือ ทั้งสามนิ้วลงมาตามลําดับ เมื่อนมถูกบีบไลออกมาหมดหัวนมแลว จึงปลอยนิ้ว หัวแมมือและนิ้วชี้ใหนมไหลมาแทนที่ โดยทําสลับกันระหวางนิ้วมือทั้ง 2 ขาง ซึ่งการรีดควรรีดเปนคูๆ เชน รีดคูหนากอน พอเห็นวาชาลงจึงรีดคูหลังสลับกันไป ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ 15. ครูเปดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับวิธีการรีดนมโคให นักเรียนดู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • การรีดนมโค เพื่อใหไดนํ้านมที่สะอาดควร ปฏิบัติอยางไร (แนวตอบ ขั้นตอนการรีดนมโค ปฏิบัติได ดังนี้ • เตรียมนํ้ายาฆาเชื้อ โดยใชนํ้ายาคลอรีน เจือจาง • เตรียมอุปกรณการรีด ผูรีด และแมโค ใหพรอม ซึ่งการเตรียมการตางๆ ควรทําให สะอาดและฆาเชื้อโรคดวยนํ้ายาคลอรีน • ทําความสะอาดตัวแมโคบริเวณที่สกปรก ดวยนํ้ายาคลอรีน • ลางเตานมดวยนํ้าอุน หรือนํ้ายาคลอรีน พรอมกับนวดและเช็ดอยางเบามือ • กอนรีดนมควรตรวจสอบความผิดปกติ ของนํ้านม และรีดนมที่คางอยูในหัวนม ทิ้งกอน จากนั้นใหรีดนมอยางเร็วที่สุด และตองรีดนมใหหมดทุกเตา) • นักเรียนจะมีวิธีการแนะนําเกษตรกรผูเริ่มตน เลี้ยงโคนมอยางไร (แนวตอบ เริ่มตนหา หรือซื้อแมโคพันธุพื้นเมือง หรือแมโคที่มีสายเลือดที่ดี ไมเปนโรคติดตอ มาเลี้ยง ใชวิธีการผสมเทียมกับสายเลือด โคนมพันธุของยุโรปพันธุใดพันธุหนึ่ง เมื่อ ไดลูกผสมตัวเมียก็จะมีเลือดโคนมครึ่งหนึ่ง เมื่อเลี้ยงดูไปอีกประมาณ 30-36 เดือน ก็จะ ใหลูกตัวแรก แมโคตัวนี้ก็จะเริ่มรีดนม ได หรือหาซื้อลูกโคนมพันธุผสมเพศเมีย มาเลี้ยง โดยอาศัยนมเทียม หรือหางนมผง ละลายนํ้าใหกินในปริมาณที่จํากัด พรอมทั้ง ใหอาหารขนลูกโคออนและหญา จนกระทั่ง หยานมถึงอายุผสมพันธุ ตั้งทอง คลอดลูก และเริ่มรีดนมได) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T111
ขอสอบเนนการคิด สร้ างสรรค์ พัฒนาการเรียนรู้กิจกรรม ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมเป็นกลุ่ม โดยปฏิบัติงานตาม ที่ก�าหนด เรื่อง การปลูกพืช ในท้องถิ่น ใบมอบหมายงานที่ 5.1 ๑. แบ่งกลุ่ม เพื่อศึกษาวิธีการปลูกพืชในท้องถิ่นตามความสนใจกลุ่มละ ๑ ชนิด ๒. ศึกษาข้อมูลวิธีการปลูกพืชจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ เกษตรกรในท้องถิ่น เกษตรอ�าเภอ หรือสืบค้นจากอินเทอร์เน็ต ตามความเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น ๓. บันทึกผลการปลูกพืชลงในแบบฝึกปฏิบัติการวางแผนปลูกพืช ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ แบบฝึกปฏิบัติกำรวำงแผนปลูกพืช กลุ่มที่ : ..................................... ชื่อกลุ่ม : ........................................... รำยชื่อสมำชิกในกลุ่ม ๑. ......................................................................................... ๔. ................................................................................................ ๒. ......................................................................................... ๕. ................................................................................................ ๓. ......................................................................................... ๖. ................................................................................................ พืชที่จะผลิต : .................................................................. อายุการเก็บเกี่ยว : ............................... วัน จ�านวนพื้นที่ใช้ผลิต : ...................................... ตารางเมตร แนวทางการใช้ประโยชน์จากผลผลิตพืช : ................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................... ขั้นตอนกำรปฏิบัติงำน วัน/เดือน/ปี รำยกำรปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบ หมำยเหตุ ........................... ........................... ........................... .......................................................................................... .......................................................................................... .......................................................................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ..................................... ๔. น�าเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน จากนั้นอภิปรายและสรุปผลการวางแผนการปลูกพืช ๕. น�าผลงานการวางแผนการปลูกพืชไปฝึกปฏิบัติจริงในแปลงปลูกพืช หรือปลูกพืชในภาชนะของโรงเรียน หรือปลูกที่บ้านตามความเหมาะสม 102 สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคํานวณนํ้าหนักโคจากความยาวรอบอก ไดที่ https://pvlo-knr.dld.go.th/webosm_61/webfif ile/bowchow/bowchow1.pdf ในการวางแผนการเลี้ยงสัตว ควรทําสิ่งใดกอนเปนลําดับแรก 1. กําหนดตนทุน 2. กําหนดขั้นตอน 3. กําหนดวัตถุประสงค 4. กําหนดวิธีการดําเนินงาน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะในการเลี้ยงสัตวแตละชนิด จะตองมีการกําหนดวัตถุประสงคกอนวาจะเลี้ยงสัตวชนิดใด เลี้ยงเพื่อสิ่งใด จากนั้นจึงปฏิบัติตามขั้นตอนของกระบวนการ ทํางานใหถูกตอง เหมาะสม เพื่อใหการเลี้ยงสัตวเปนไปอยางมี ประสิทธิภาพ) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคํานวณนํ้าหนักโคจากความยาวรอบอก ใหนักเรียนฟงวา หากผูเลี้ยงทราบนํ้าหนักของโค จะกอใหเกิดประโยชนอยางมาก ในการเลี้ยงดูโควาสามารถเลี้ยงไดอยางถูกตองหรือไม โคมีการเจริญเติบโต ที่ดีตามที่ควรจะเปนหรือไม การใชเครื่องชั่งในการชั่งนํ้าหนักโคจะมีราคาสูง ไมเหมาะสมสําหรับเกษตรกรผูมีรายไดตํ่า โดยวิธีการที่สะดวกและประหยัด คาใชจายในการชั่งนํ้าหนักโค คือ การวัดรอบอก บริเวณซอกขาหนาหลังตะโหงก แลวนําความยาวที่ไดมาเทียบเปนนํ้าหนักแทน ขั้นนํา ขั้นที่ 2 กระตุนความสนใจ • เพราะเหตุใดเกษตรกรไทยจึงนิยมเลี้ยง โคนมเพิ่มมากขึ้น (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เห็นตัวอยางจากเกษตร ที่ยึดอาชีพเลี้ยงโคนมวามีรายไดดี ครอบครัว มีฐานะความเปนอยูที่ดีขึ้น และไดรับ ผลพลอยไดอื่นๆ ตามมา เชน เปนการใช เวลาวางใหเกิดประโยชน มูลสัตวนํามาใช เปนปุย เพื่อบํารุงดินใหมีความสมบูรณ) ขั้นสอน ขั้นที่ 3 จัดกลุมรวมมือ 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกัน สืบคนขอมูลเกี่ยวกับงานเกษตร แลวเลือก ปฏิบัติงานเกษตรตามความสนใจ 1 งาน เพื่อจัดทําโครงงาน เรื่อง งานเกษตรของฉัน 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมแบงหนาที่ความ รับผิดชอบตามความถนัดและความสามารถ ของแตละบุคคล โดยครูเปนผูใหคําปรึกษา เกี่ยวกับการวางแผนแบงหนาที่ของสมาชิกใน แตละกลุม 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันปฏิบัติตาม โครงงาน เรื่อง งานเกษตรของฉัน ซึ่งอาจเปน การปลูกพืช หรือการเลี้ยงสัตวตามหนาที่ที่ ไดรับมอบหมาย โดยชวยกันปฏิบัติตาม ขั้นตอนอยางเครงครัด ขั้นที่ 4 แสวงหาความรู 4. ครูและนักเรียนแตละกลุมรวมกันตรวจสอบ ผลงานที่กลุมของตนเองไดปฏิบัติ และพิจารณา ถึงสิ่งที่ตองปรับปรุงแกไข หรือพัฒนา เพื่อนํา ไปใชในการปฏิบัติกิจกรรมในครั้งตอไป นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T112
แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความ คิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมี น้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12-15 ดี 8-11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง กิจกรรม Mini Project ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมเป็นรายบุคคล โดยปฏิบัติงาน ตามที่ก�าหนดให้ เรื่อง การเลี้ยงสัตว์ ใบมอบหมายงานที่ 5.2 ๑. ให้นักเรียนศึกษาวิธีการเลี้ยงสัตว์ตามความสนใจ ๑ ชนิด ๒. ศึกษาข้อมูลการเลี้ยงสัตว์จากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ เกษตรอ�าเภอ ผู้รู้ ในท้องถิ่น หรือสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ตามความเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น ๓. บันทึกผลการเลี้ยงสัตว์ลงในแบบฝึกปฏิบัติการวางแผนเลี้ยงสัตว์ มีรายละเอียด ดังนี้ แบบฝึกปฏิบัติกำรวำงแผนเลี้ยงสัตว์ สัตว์ที่สนใจและต้องการเลี้ยง : ......................................................................................... วัตถุประสงค์ ในการเลี้ยงสัตว์ : .......................................................... สถานที่ใช้เลี้ยงสัตว์ : .......................................................... ขั้นตอนกำรเลี้ยงสัตว์ ๑. วิธีการเตรียมพันธุ์ ๒. แหล่งที่มาของพันธุ์ ๓. วัสดุ อุปกรณ์ ในการเลี้ยง ๔. อาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์ ๕. โรคและการป้องกันโรคของสัตว์เลี้ยง • โรคที่ส�าคัญของสัตว์เลี้ยง • ศัตรูที่ส�าคัญของสัตว์เลี้ยง • วิธีการป้องกันโรคและศัตรู ๖. น�าเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ พร้อมทั้งสรุปผลการวางแผนเลี้ยงสัตว์ ๗. น�าผลงานการวางแผนเลี้ยงสัตว์ไปฝึกปฏิบัติจริงในโรงเรือนของโรงเรียน หรือที่บ้านตามความเหมาะสม งานเกษตร 103 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน สมมติบทบาทเปนเกษตรกร ผูกําลังลงทุนเลี้ยงสัตวเศรษฐกิจ จากนั้น สํารวจสัตวเลี้ยงใน ทองถิ่นในประเด็นที่ครูกําหนดใหประเด็น ดังนี้ • สัตวเศรษฐกิจที่นิยมเลี้ยงในทองถิ่น คือ สัตวชนิดใด • สัตวเศรษฐกิจที่ไมปรากฏในทองถิ่น คือ สัตวชนิดใด • วิธีการเลี้ยงและดูแลสัตว • เครื่องมือ อุปกรณ สถานที่ และตนทุนอื่นๆ ที่ใชในการเลี้ยงสัตว • ปญหาที่พบและแนวทางในการแกปญหา 2. ใหนักเรียนแตละกลุมเขียนรายงานขอมูลและระบุชนิดของสัตว ที่เลือกเลี้ยง พรอมอธิบายเหตุผลประกอบ จากนั้นใหสงตัวแทน กลุมละ 1 คน นําเสนอผลงานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน โดยมีครู เปนผูใหคําแนะนําและชี้แนะเพิ่มเติม ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจหลังเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) โครงงาน เรื่อง งานเกษตรของฉัน 3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการ เรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 สรุปสิ่งที่ไดเรียนรู 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การเลี้ยงสัตว 2. ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนไดความรูใดจากการทําโครงงาน เรื่อง งานเกษตรของฉัน (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) ขั้นที่ 6 นําเสนอผลงาน 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอโครงงาน เรื่อง งานเกษตร ของฉัน ใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน โดยครูให นักเรียนกลุมอื่นรวมกันวิเคราะห วิจารณ และ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทําโครงงาน ของกลุมที่ออกมานําเสนอ 4. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย การเรียนรูที่ 5 เรื่อง งานเกษตร นํา สอน สรุป ประเมิน T113
Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 แนวทางการ ประกอบอาชีพ 1 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.5 - แบบทดสอบก่อนเรียน - PowerPoint 1. อธิบายแนวทาง การเข้าสู่อาชีพที่สนใจ ได้อย่างถูกต้อง 2. มีประสบการณ์ใน อาชีพที่ตนเองถนัดและ สนใจ 3. มีคุณลักษณะที่ดีต่อ อาชีพที่สนใจ หรืออาชีพอื่นๆ แบกระบวน การเรียน ความรู้ ความเข้าใจ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจใบงานที่ 6.1.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการส�ำรวจ ค้นหา - ทักษะการสังเกต วิธีการท�ำงาน เพื่อการด�ำรงชีวิต - ทักษะการคิด วิเคราะห์ - ทักษะกระบวน การคิดแก้ปัญหา - ทักษะการสรุป ลงความเห็น - ทักษะการประเมิน - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่นใน การท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ T114
แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 2 ความรู้ ในงานอาชีพ 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.5 - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint 1. อธิบายวิธีการเลือกใช้ เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสมกับการ ประกอบอาชีพได้ อย่างถูกต้อง 2. อธิบายประสบการณ์ ในอาชีพได้อย่างถูกต้อง 3. อธิบายคุณลักษณะที่ดี ต่ออาชีพได้อย่างถูกต้อง แบบ กระบวนการ กลุ่ม - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - ตรวจใบงานที่ 6.2.1 - ตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการส�ำรวจ ค้นหา - ทักษะการสังเกต วิธีการท�ำงาน เพื่อการด�ำรงชีวิต - ทักษะการคิด วิเคราะห์ - ทักษะกระบวน การคิดแก้ปัญหา - ทักษะการสรุป ลงความเห็น - ทักษะการประเมิน - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่นใน การท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ T115
สาระการเรียนรู้แกนกลาง ■ แนวทางเขาสูอาชีพ - เตรียมตัวหางานและพัฒนาบุคลิกภาพ - การสัมภาษณ - ลักษณะความมั่นคงและความกาวหนา - การทํางาน - การสมัครงาน - การเปลี่ยนงาน ■ การเลือกและใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับอาชีพ - วิธีการ - หลักการ - เหตุผล ■ ประสบการณในอาชีพ - การจําลองอาชีพ - กิจกรรมอาชีพ ■ คุณลักษณะที่ดีตออาชีพ - คุณธรรม - จริยธรรม - คานิยม ตัวชี้วัด ■ อภิปรายแนวทางเขาสูอาชีพที่สนใจ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๑) ■ เลือกและใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับอาชีพ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๒) ■ มีประสบการณในอาชีพที่ถนัดและสนใจ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๓) ■ มีคุณลักษณะที่ดีตออาชีพ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๔) ñ แนวทางการเข้าสู่อาชีพ อาชีพเป็นการท�ากิจกรรม การท�างาน หรือการประกอบการที่ไม่เป็นโทษแก่สังคม และมีรายได้ ตอบแทน โดยอาศัยแรงงาน ความรู้ ทักษะ อุปกรณ์ เครื่องมือ วิธีการที่แตกต่างกันไปเพื่อเลี้ยงชีพ ตนเองและครอบครัว ส่วนแนวทางการเข้าสู่อาชีพเป็นกระบวนการ หรือการกระท�าใด ๆ ที่สามารถ สร้างโอกาสให้ได้ประกอบอาชีพที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด ซึ่งแนวทางการเข้าสู่อาชีพของ แต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความสนใจ ความสามารถ ความถนัด ความพร้อม ในด้านความรู้ทักษะอาชีพ เงินทุน และการให้โอกาสของผู้ประกอบการ §านÍาªÕ¾ หน่วยการเรียนรู้ที่ ö ËÒ¡µŒÍ§¡ÒÃËÒÃÒÂä´Œ¾ÔàÈÉ ÃÐËNjҧ»´ÀÒ¤àÃÕ¹ ¨ÐÁÕÇÔ¸Õ àµÃÕÂÁµÑÇËÒ§Ò¹ ÊÁѤçҹ áÅÐÊÑÁÀÒɳ§Ò¹Í‹ҧäà 10๔ เกร็ดแนะครู ครูควรจัดการเรียนรู โดยอธิบายเกี่ยวกับแนวทางการเขาสูอาชีพที่สนใจ การเตรียมตัวหางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ การสมัครงาน การสัมภาษณ หลักการทํางาน การเปลี่ยนงาน การเลือกใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ มีประสบการณในอาชีพที่ตนเองถนัดและสนใจ มีคุณลักษณะที่ดี ตออาชีพ โดยสามารถจัดกิจกรรมได ดังนี้ • ใหนักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความคิดเห็น เพื่อใหนักเรียนเกิดความรู ความเขาใจเกี่ยวกับแนวทางการเขาสูอาชีพ การเลือกใชเทคโนโลยี อยางเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ ประสบการณในอาชีพ และคุณลักษณะที่ดีตออาชีพ • ใหนักเรียนสํารวจตนเองวามีความตองการที่จะประกอบอาชีพใด บุคลิกภาพและความสามารถในลักษณะของอาชีพนั้นๆ เหมาะสมกับตนเองหรือไม • ใหนักเรียนทําแบบทดสอบความสนใจในอาชีพ เนื่องจากนักเรียนบางคนอาจยังไมรูวาตนเองมีความตองการที่จะประกอบอาชีพใด ซึ่งหากไดทําแบบทดสอบ ดังกลาว อาจทําใหรูจักตนเองมากขึ้น เพื่อจะไดเตรียมความพรอมในการประกอบอาชีพนั้นๆ ไดอยางเหมาะสม ขั้นนํา (กระบวนการเรียน ความรูความเขาใจ) 1. ครูแจงชื่อเรื่องที่จะเรียนรูและผลการเรียนรู ใหนักเรียนทราบ จากนั้นใหนักเรียนแตละคน ทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 เรื่อง งานอาชีพ 2. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • อาชีพที่นักเรียนใฝฝนอยากเปนในอนาคต คืออาชีพใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน แพทย พยาบาล วิศวกร สถาปนิก ครู ตํารวจ ทหาร นักธุรกิจ นักออกแบบเสื้อผา เชฟ ชางภาพ นักแสดง นักกฎหมาย ที่ปรึกษาดานการลงทุน นักประชาสัมพันธ) • นักเรียนมีการวางแผนชีวิต เพื่อวางแนวทาง เขาสูอาชีพที่ตนเองใฝฝนไดอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ศึกษาขอมูลที่มีความ เกี่ยวของกับอาชีพที่สนใจ เพื่อศึกษารูปแบบ และลักษณะการทํางาน รวมถึงความตองการ ของตลาดแรงงาน และตั้งเปาหมายการเรียน ใหมีความสอดคลองกับอาชีพที่สนใจ เชน อาชีพทันตแพทย โดยเลือกเรียนในสายวิทย และคณิตฯ แลวสอบเขาเรียนตอในคณะ ทันตแพทย สาขาทันตแพทยศาสตร) • นักเรียนคิดวาตนเองสามารถทําตามแผนที่ วางไวไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ทําตามแผนที่วางไวได เนื่องจากมีความมุงมั่นและตั้งใจในการ ศึกษาเลาเรียน ชอบศึกษาคนควาหาความรู ใหมๆ อยูเสมอ เพื่อใหสามารถสอบเขาเรียนตอ ในคณะทันตแพทย สาขาทันตแพทยศาสตร ในมหาวิทยาลัยที่สนใจได) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T116 T117
ขอสอบเนน การคิด ดังนั้น เราจึงจ�าเป็นที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวหางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ ลักษณะความมั่นคงและความก้าวหน้าในการท�างาน การสมัครงาน การสัมภาษณ์ การท�างาน อย่างมีความสุข และการเปลี่ยนงาน นอกจากนี้ จะต้องรู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับอาชีพ เพราะมีส่วนช่วยในการพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสิ่งส�าคัญที่สุดของการประกอบอาชีพ คือ การมีคุณธรรม จริยธรรม และมีค่านิยมที่ดีต่อการประกอบอาชีพ เพราะมีส่วนช่วยให้มีโอกาส ในการพัฒนางานให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น เสริมสร้างแนวทางการเข้าสู่อาชีพที่ตนเองสนใจ ให้ประสบความส�าเร็จ การเข้าสู่อาชีพเปนการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่การ ท�างาน หรือการประกอบอาชีพตามที่ใฝฝน หรือต้องการ โดย จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อศึกษาท�าความเข้าใจเกี่ยวกับ ลักษณะของอาชีพและพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ ให้มีคุณสมบัติ เหมาะสมกับอาชีพนั้น ๆ เนื่องจากจะส่งผลให้สามารถประกอบ อาชีพที่ต้องการได้อย่างมีคุณภาพและประสบความส�าเร็จ งานอาชีพ 10๕ เราจึงจ�าเป็นที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวหางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ 1 การประกอบอาชีพมีความสําคัญตอตัวบุคคลอยางไร 1. เปนที่รูจักของคนในสังคม 2. ยกระดับฐานะของตนเองใหดีขึ้น 3. มีเงินออมในแตละเดือนเพิ่มมากขึ้น 4. สรางรายไดใหแกตนเองและครอบครัว (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการประกอบอาชีพนับเปน สิ่งจําเปนและสําคัญในวิถีการดํารงชีวิตของมนุษยในปจจุบัน เปนสิ่งที่ชวยสรางคุณคาใหแกตนเอง ชวยสรางรายได เพื่อนํามา ใชในการเลี้ยงชีพของตนเองและครอบครัว และเปนสิ่งสําคัญ อยางหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ ชุมชน และความ เจริญกาวหนาของประเทศชาติ) นักเรียนควรรู 1 พัฒนาบุคลิกภาพ บุคลิกภาพของแตละคนจะมีลักษณะเฉพาะที่แตกตาง กันออกไป ในการพัฒนาบุคลิกภาพตองเริ่มตนจากการวิเคราะหตนเอง เพื่อหา ขอบกพรองที่ตองการปรับปรุงแกไข ลงมือแกไขขอบกพรอง แลวใหปฏิบัติ จนเกิดเปนนิสัย จากนั้นประเมินวาสิ่งที่แกไขแลวนั้นดีขึ้นหรือไม ยังมีอุปสรรค ในการปฏิบัติอยางไร และจะมีแนวทางแกไขอยางไร เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคําวา “ผูประกอบการ” ใหนักเรียนฟงวา ผูประกอบการ คือ ผูที่เปนเจาของกิจการ หรือผูรวบรวมปจจัยการผลิต ไดแก ที่ดิน แรงงาน และทุน มาผลิตเปนสินคาและบริการ คุณลักษณะของการเปน ผูประกอบการที่ดี คือ ตองมีแรงผลักดัน ลมแลวกลาที่จะลุก มีความเชื่อมั่น ในตนเอง กลาที่จะเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนวิกฤตใหเปนโอกาสได ขั้นนํา 3. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมาเลาความฝน เกี่ยวกับการประกอบอาชีพในอนาคตของตนเอง ใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน จากนั้นใหเพื่อนรวม ชั้นเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวาเพื่อน คนดังกลาวมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตออาชีพ ที่สนใจหรือไม ขั้นสอน ขั้นที่ 1 สังเกต ตระหนัก 1. ครูเปดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ ตางๆ ใหนักเรียนดู เชน ขาราชการ ตํารวจ ทหาร ครู พิธีกร นักเขียน นักแสดง สถาปนิก ฯลฯ 2. ครูถามนักเรียนวา • จากคลิปวิดีโอที่ไดชมไปนั้น มีอาชีพที่ นักเรียนตองการประกอบในอนาคตหรือไม หากมี นักเรียนคิดวาตนเองมีคุณสมบัติ ที่เหมาะสมกับอาชีพนั้นหรือไม อยางไร หากไมมี นักเรียนสนใจอาชีพใด และคิดวา ตนเองมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับอาชีพนั้น หรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การที่นักเรียนตองการ จะประกอบอาชีพใดๆ นั้น นักเรียนจะตองหมั่น รูจักสังเกตตนเองอยูเสมอวามีความชอบ ความ สนใจ ความถนัด และความสามารถในดานใด เพราะหากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับอาชีพ ที่สนใจ ก็ยอมสงผลใหตนเองสามารถประกอบ อาชีพที่สนใจไดอยางมีคุณภาพ ประสบความ สําเร็จ และมีความสุขในการทํางาน” นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T116 T117
ขอสอบเนนการคิด ๑.๑ การเตรียมตัวหางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ การเตรียมตัวหางาน ควรเริ่มต้นตั้งแต่การรู้จัก “ความเป็นตนเองกับอาชีพที่สนใจ” ด้วยการ วิเคราะห์ เปรียบเทียบ หรือพิจารณาในแง่มุมต่าง ๆ ระหว่างตนเองกับอาชีพที่สนใจ เพื่อให้เห็น ภาพลักษณ์ของความเหมาะสมในการประกอบอาชีพนั้น ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับอาชีพ เป็นไปในลักษณะใด เพื่อเลือกอาชีพให้เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด พร้อมทั้งพัฒนาบุคลิกภาพ ให้สอดคล้องกับอาชีพนั้น ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการหางานท�าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๑) การเลือกอาชีพให้เหมาะสมกับตนเอง เป็นการเลือกประกอบอาชีพให้สอดคล้อง กับบุคลิกภาพ ความถนัดความสามารถและความสนใจของตนเอง เพราะหากเลือกอาชีพที่ท�าให้ เกิดความสุขในการท�างาน จะช่วยเสริมสร้างโอกาสที่จะประสบความส�าเร็จในการประกอบอาชีพ การเลือกอาชีพให้เหมาะสมกับตนเองมีหลักส�าคัญอยู่ ๔ ประการ ดังนี้ รู้จักตนเองเป็นอย่างดี ทั้งอุปนิสัย ความรู้ความถนัด ความสามารถ ความสนใจ บุคลิกภาพ สุขภาพ ทัศนคติเกี่ยวกับ อาชีพนั้น ๆ และฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว มีความรู้ ความเข้าใจถึงแนวโน้ม ของเศรษฐกิจในประเทศ โดยพิจารณาจากความต้องการของตลาดแรงงาน ในสาขาวิชาชีพปัจจุบันและอนาคตที่มีการ เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาวะ เศรษฐกิจและสังคมโลก ทั้งจากหนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ ตลอดจนรายงานการวิจัยเกี่ยวกับแนวโน้มความ ต้องการแรงงาน โดยเฉพาะอาชีพที่เกิดขึ้นใหม่ มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ ทั้งลักษณะของงานสถานที่ท�างานความต้องการ ของตลาดแรงงานรายได้สวัสดิการความก้าวหน้า และความมั่นคงของงาน ช่างภาพอิสระ เป็นหนึ่งในอาชีพที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เป็นบุคคลที่มีความช�านาญในการถ ่ายภาพในมุมมองที่ หลากหลาย 106 สิ่งสําคัญที่ควรคํานึงถึงเปนลําดับแรกในการตัดสินใจเลือก ประกอบอาชีพคือขอใด 1. ความกาวหนาจากการทํางาน 2. คานิยมของคนในสังคมปจจุบัน 3. คาตอบแทนและสวัสดิการที่จะไดรับ 4. ความรู ความชอบ และความสามารถของตนเอง (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะในการตัดสินใจเลือกประกอบ อาชีพจะตองคํานึงถึงความรู ความชอบ และความสามารถ ของตนเองกอนเปนลําดับแรก เพื่อใหสามารถเลือกประกอบ อาชีพไดเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด เพื่อใหเกิดความสุขในการ ทํางาน และเพื่อใหประสบความสําเร็จในอนาคต) ขั้นสอน ขั้นที่ 2 วางแผนปฏิบัติ 4. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การเตรียมตัวหางาน และการพัฒนาบุคลิกภาพ ลักษณะความมั่นคง และความกาวหนาในการทํางาน การสมัครงาน การสัมภาษณงาน หลักการทํางาน และการ เปลี่ยนงาน จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรู ที่ 6 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 5. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัว หางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ ลักษณะ ความมั่นคงและความกาวหนาในการทํางาน การสมัครงาน การสัมภาษณงาน หลักการ ทํางาน และการเปลี่ยนงาน จาก PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรูที่ 6 6. ครูถามนักเรียนวา • การเตรียมตัวหางานเพื่อประกอบอาชีพควร เริ่มตนจากสิ่งใดกอนเปนลําดับแรก (แนวตอบ กอนการเตรียมตัวหางาน ควรเริ่มตน จากการรูจักตนเองกอนวาตนเองมีความชอบ ความสนใจ ความถนัด ความสามารถใน เรื่องใดเปนพิเศษ และคุณสมบัติที่ตนเองมี ความเหมาะสมตอการประกอบอาชีพนั้น หรือไม) • การเลือกอาชีพใหเหมาะสมกับตนเองมีหลัก ในการเลือกอยางไร (แนวตอบ หลักในการเลือกอาชีพใหเหมาะสม กับตนเอง มีหลักการสําคัญอยูหลายประการ เชน ควรรูจักตนเองเปนอยางดี มีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับอาชีพตางๆ ที่สนใจ มีการติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาวะ เศรษฐกิจและสังคมโลก มีความรู ความเขาใจ ถึงแนวโนมของเศรษฐกิจในประเทศ) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลิกภาพใหนักเรียนฟงวา การพัฒนา บุคลิกภาพมีอยูดวยกันหลายดาน เชน ดานความรูสึกนึกคิด คือ ตองมีความ เชื่อมั่นในตนเอง มีความซื่อสัตย มีความกระตือรือรน มีความคิดริเริ่มสรางสรรค มีความรอบรู มีความจําดี และวางตัวไดอยางเหมาะสมกับกาลเทศะ ดานอารมณ คือ ตองสามารถควบคุมอารมณของตนเองใหมีความมั่นคง ไมแสดงพฤติกรรม ทางอารมณอยางชัดเจน เชน ดีใจ เสียใจ โกรธ ขบขัน ดานรางกาย คือ ตองแสดงพฤติกรรมตางๆ ออกมาใหอยูในลักษณะที่ถูกตองเหมาะสมใน ทุกๆ โอกาส ทุกๆ สถานที่ ไมวาจะเปนการพูด การเดิน การแสดงกิริยาทาทาง มีการจัดการกับตนเองใหเขาใจในสถานการณตางๆ ไดอยางถูกตอง เหมาะสม ดานสังคม คือ ตองมีความเปนผูนําและผูตามที่ดี ใหความรวมมือกับผูอื่นในการ ประกอบกิจกรรมตางๆ มีระเบียบวินัย มีความออนนอมถอมตน มีการวางตัว อยางเหมาะสม มีความเปนกันเอง มีมนุษยสัมพันธที่ดีกับผูอื่น สามารถปรับตัว กับการเปลี่ยนแปลงในดานตางๆ ไดดี นํา สอน สรุป ประเมิน T118 T119
ขอสอบเนน การคิด ๒) การพัฒนาบุคลิกภาพ เป็นการเตรียม หรือปรับปรุงตนเองให้มีคุณสมบัติ และบุคลิกภาพเหมาะสมกับงาน ซึ่งการพัฒนาบุคลิกภาพเป็นสิ่งส�าคัญที่ทุกคนต้องเรียนรู้และ พัฒนาอยู่เสมอ เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะที่ดีให้เกิดขึ้นแก่ตนเองและเพื่อการยอมรับจากสังคม การพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อการประกอบอาชีพก็เช่นเดียวกัน จะต้องปฏิบัติและพัฒนาเป็นประจ�า อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และทักษะในการท�างาน เพราะผู้ที่มีบุคลิกภาพที่ดีจะสามารถปรับตัวในการท�างานได้ดีส่งผลให้ประสบความส�าเร็จและมี ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ๑. แนวทางในการพัฒนาบุคลิกภาพ บุคคลจะมีบุคลิกภาพที่ดีได้นั้นจะต้องมีการ ปรับปรุงและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ แนวทางในการพัฒนาบุคลิกภาพมีขั้นตอน ดังนี้ หาหนังสือมาอ่าน หนังสือที่อ่านควรเป็นหนังสือแนะน�าวิธีการส�ารวจตนเอง หนังสือ เกี่ยวกับมารยาทที่พึงปฏิบัติเพราะหนังสือเหล่านี้มีวิธี ปฏิบัติที่ถูกวิธีและเหมาะสมให้ปฏิบัติตาม หาผู้ที่มีความรู้ ความสามารถมาช่วยฝึกฝน ควรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลิกภาพและมารยาททางสังคม ซึ่งจะช่วย แก้ไขจุดบกพร่องของเราได้ในระยะเวลาอันสั้น ส�ารวจตนเอง โดยสังเกตและประเมินบุคลิกภาพ ของตนเอง เช่น รูปร่างหน้าตา ทรงผม การเดิน การยืน การ แต่งกายการพูดจาและหากพบ ข้อบกพร่องควรท�าการปรับปรุง แก้ไขทันที จดลงสมุดบันทึก บันทึกสิ่งต่าง ๆ ที่ตนเองมีความ รู้สึกพึงพอใจ หรือไม่พึงพอใจ จากนั้นให้พิจารณาดูว่ามีสิ่งใดที่ ต้องการปรับเปลี่ยน หรือต้องการ พัฒนาให้น�ามาแก้ไข สอบถามคนรอบข้าง เพื่อให้คนรอบข้างประเมิน บุคลิกภาพให้ว ่าควรปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสิ่งใด ขอค�าแนะน�า จากผู้ที่มีความรู้ ในการพัฒนาบุคลิกภาพ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการ พัฒนาบุคลิกภาพของตนเอง โดยรับฟังค�าแนะน�าด้วยท ่าที สุภาพ โดยผู้ที่ให้ค�าแนะน�าจะต้องเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพดี เพราะเป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับ บุคลิกภาพที่ดีที่สุด งานอาชีพ 107 หาผู้ที่มีความรู้ ความสามารถมาช่วยฝึกฝน ควรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลิกภาพและมารยาททางสังคม ในระยะเวลาอันสั้น 1 “มะนาวตองการพัฒนาบุคลิกภาพของตนเอง ไมวาจะเปน ในเรื่องของรูปราง หนาตา กิริยาทาทาง และการแตงกาย” สิ่งแรกที่ มะนาวควรปฏิบัติคือขอใด 1. สังเกตและสํารวจบุคลิกภาพของตนเอง 2. เขารับการฝกอบรมการพัฒนาบุคลิกภาพ 3. ลอกเลียนแบบบุคลิกภาพของบุคคลที่ชื่นชอบ 4. ศึกษาขอมูลเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลิกภาพจากสื่อตางๆ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะการมีบุคลิกภาพที่ดีจะชวย สรางความประทับใจใหแกผูที่ไดพบเห็น กอนการพัฒนาบุคลิกภาพ จึงควรสังเกตและสํารวจบุคลิกภาพของตนเองกอน เพื่อจะได ปรับปรุงแกไขไดอยางถูกตอง) ขั้นสอน ขั้นที่ 2 วางแผนปฏิบัติ 7. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเรื่อง การพัฒนา บุคลิกภาพ จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดจึงตองพัฒนาบุคลิกภาพของ ตนเองอยูเสมอ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ชวยเสริมสรางคุณลักษณะ ที่ดีใหเกิดขึ้นกับตนเองและเพื่อการยอมรับ ของสังคม) • ผูที่มีบุคลิกภาพที่ดีจะสงผลตอการทํางาน อยางไร (แนวตอบ ชวยใหสามารถปรับตัวในการ ทํางานไดดี สงผลใหประสบความสําเร็จ และมีความเจริญกาวหนาในหนาที่การงาน) • แนวทางในการพัฒนาบุคลิกภาพมีขั้นตอน อยางไร (แนวตอบ แนวทางในการพัฒนาบุคลิกภาพ มีขั้นตอน คือ การสํารวจตนเอง จดลงสมุด บันทึก สอบถามคนรอบขาง ขอคําแนะนํา จากผูที่มีความรูในการพัฒนาบุคลิกภาพ หาหนังสือมาอาน และหาผูที่มีความรู ความสามารถมาชวยในการฝกฝน) • การสํารวจตนเองเพื่อพัฒนาบุคลิกภาพ ควรสํารวจสิ่งใด (แนวตอบ ควรสํารวจในหลายๆ ดาน เชน รูปราง หนาตา การเดิน การยืน การแตงกาย การพูด) • “การสังเกตบุคลิกภาพภายนอกสามารถ บงบอกไดวาผูนั้นมีบุคลิกภาพที่ดี” นักเรียน เห็นดวยหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ไมเห็นดวย เพราะผูที่มีบุคลิกภาพดี จะตองมีการแสดงออกที่ดีทั้งบุคลิกภาพ ภายใน เชน ความคิด ความรูสึก และบุคลิกภาพ ภายนอก เชน การแตงกาย การพูด กิริยา ทาทางตางๆ) สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับมารยาททางสังคม ไดที่ • https://www.mculture.go.th/young/ewt_news.php?nid= 122&filename=index • https://www.winnews.tv/news/2583 • https://issue247.com/life/etiquette-rules-that-everyone-need-toknow/ นักเรียนควรรู 1 มารยาททางสังคม เปนกรอบ หรือระเบียบแบบแผนที่ควรประพฤติ ปฏิบัติ หรือละเวนในสวนที่มีความเกี่ยวของกับผูอื่น รวมถึงชุมชน หรือคนในสังคม หมูมาก ซึ่งมารยาททางสังคมที่ควรรูจักและพึงปฏิบัติมีอยูดวยกันหลายประการ เชน กลาวคํา “ขอบคุณ” เมื่อผูอื่นใหสิ่งของ ใหบริการ หรือใหความชวยเหลือ ในเรื่องตางๆ กลาวคํา “ขอโทษ” เมื่อตองการรบกวนใหผูอื่นชวยเหลือ หรือกลาวเมื่อกระทําผิด ทําในสิ่งที่ไมถูกตอง ไมเหมาะสม โดยไมไดตั้งใจ นํา สอน สรุป ประเมิน T118 T119
T i p บุคลิกภาพเปรียบเสมือนภาพลักษณ์ภายนอกที่ส�าคัญ ถือเป็นหน้าตา หรือภาพลักษณ์ของตนเองที่มี ต่อสายตาผู้อื่น การสร้างบุคลิกภาพที่ดีขึ้นอยู่กับความพร้อมและความต้องการของตนเอง ซึ่งเทคนิคและ หลักปฏิบัติในการปรับปรุงและพัฒนาบุคลิกภาพ มีดังนี้ ๒. หลักการพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อประกอบอาชีพ เป็นการพัฒนาบุคลิกภาพ ให้เป็นผู้มีความพร้อมที่จะประกอบอาชีพ โดยต้องพัฒนาบุคลิกภาพทั้งภายในและภายนอก ดังนี้ บุคลิกภาพภายใน บุคลิกภาพที่ดีควรเริ่มต้นจากภายใน และควร พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการประกอบอาชีพ ให้ประสบความส�าเร็จ เช่น มีความเชื่อมั่น ในตนเอง มีความกระตือรือร้น มีความรอบรู้ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ บุคลิกภาพภายนอก บุคลิกภาพภายนอกเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน จาก สภาพภายนอกของแต่ละบุคคล และสามารถ พัฒนาปรับปรุงได้ เช่น การแต่งกาย กิริยา ท่าทาง สายตา การใช้น�้าเสียง การใช้ภาษา ศิลปะการพูด การจัดทรงผม เลือกทรงผมให้เหมาะสมกับกาลเทศะ โอกาส และบุคลิกภาพของตนเอง การแต่งกาย เลือกสวมใส ่เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับรูปร ่าง บุคลิก ลักษณะและสถานที่ที่จะไป การเดิน นั่ง และยืน ยืดตัว หน้าตรง เดินแกว่งแขนไปมาเล็กน้อย การใช้สายตา สบตากับผู้ที่สนทนาด้วย ไม่หลบ หรือหลีกเลี่ยงการ ปะทะสายตา การใช้ค�าพูดและน�้าเสียง ใช้ค�าพูดสุภาพ หลีกเลี่ยงการใช้ค�าพูดดูถูกดูหมิ่น เหน็บแนม หรือใช้ค�าพูดที่แสดงความก้าวร้าว การแสดงพฤติกรรมอื่น ๆ สนใจในขณะที่ผู้อื่นก�าลังพูด ไม่พูดเรื่องของตนเอง มากจนเกินไป ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ เทคนิคการมีบุคลิกภาพที่ดี 108 ๒. หลักการพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อประกอบอาชีพ เป็นการพัฒนาบุคลิกภาพ พัฒนาปรับปรุงได้ เช่น การแต่งกาย กิริยา ท่าทาง สายตา การใช้น�้าเสียง การใช้ภาษา ศิลปะการพูด 1 2 3 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 2 วางแผนปฏิบัติ • บุคลิกภาพภายในและบุคลิกภาพภายนอก มีความแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ บุคลิกภาพภายใน เปนสิ่งที่เกิดขึ้น จากภายในตัวบุคคล เชน ความเชื่อมั่น ในตนเอง ความกระตือรือรน ความรอบรู ความคิดริเริ่มสรางสรรค สวนบุคลิกภาพ ภายนอก เปนสิ่งที่เห็นไดอยางชัดเจนจาก ตัวบุคคล เชน การแตงกาย กิริยาทาทาง การพูด การแสดงออกในลักษณะตางๆ) 8. ครูใหนักเรียนแตละคนศึกษาเรื่อง เทคนิคการ มีบุคลิกภาพที่ดี ในกรอบ Tip จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 และใหนักเรียนสํารวจ ตนเองวาตนเองมีลักษณะที่บงบอกวาเปน ผูที่มีบุคลิกภาพที่ดีหรือไม จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • นักเรียนคิดวาตนเองมีบุคลิกภาพที่ดีหรือไมดี หากดี จะมีแนวทางการพัฒนาบุคลิกภาพ ของตนเองใหดียิ่งขึ้นไดอยางไร หากไมดี จะมีแนวทางในการแกไขและพัฒนา บุคลิกภาพของตนเองอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) 9. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกัน แสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกับเรื่องที่ไดศึกษามา โดยจะตองนําเสนอในเรื่องการเตรียมตัวหางาน และการพัฒนาบุคลิกภาพ การสมัครงาน และการสัมภาษณงาน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 10. ครูใหนักเรียนแตละกลุมผลัดกันออกมาแสดง บทบาทสมมติใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน จากนั้น ใหเพื่อนรวมชั้นเรียนรวมกันเสนอแนะเพิ่มเติม นักเรียนควรรู 1 บุคลิกภาพ เปนสิ่งที่มีอิทธิพลตอการเลือกอาชีพ เชน ผูที่มีอารมณสุนทรีย ชื่นชอบทางดานศิลปะ เหมาะสมกับอาชีพสถาปนิก จิตรกร ครูสอนการแสดง 2 การใชนํ้าเสียง เพื่อใหการสื่อสารเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ ผูพูดควรใช นํ้าเสียงในการสื่อสารอยางเปนธรรมชาติ พูดดวยความรูสึกจริงใจ พูดใหเสียงดัง ฟงชัด จังหวะในการพูดไมชา หรือเร็วจนเกินไป หลีกเลี่ยงการพูดเออ-อา ระหวาง การสนทนา ไมควรพูดเหมือนอานหนังสือ หรือการทองจํา 3 ศิลปะการพูด การพูดเปนสิ่งที่จําเปนและสําคัญตอการประกอบอาชีพตางๆ เพราะในทุกสาขาอาชีพลวนตองอาศัยการพูด เพื่อสื่อความหมายระหวางผูพูด กับผูฟง เพื่อใหเกิดความเขาใจและเกิดการรับรูที่ตรงกัน ซึ่งศิลปะการพูด มีความสําคัญ คือ ชวยใหมนุษยมีความเขาใจซึ่งกันและกัน ชวยใหเกิดการรับรู ความหมายรวมกัน ชวยใหเกิดการตอบสนองระหวางกัน และชวยเสริมสราง ความเปนประชาธิปไตย ใหนักเรียนสํารวจบุคลิกภาพของตนเอง จากนั้นจดบันทึก สิ่งที่ตองการปรับปรุงแกไข และแนวทางในการพัฒนาบุคลิกภาพ ลงในกระดาษ A4 นําสงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม ใหนักเรียนเลือกบุคคลตนแบบที่เปนแรงบันดาลใจในเรื่อง ของการมีบุคลิกภาพที่ดีตามความสนใจ 1 ทาน เขียนอธิบายเหตุผล ในการเลือกบุคคลทานนี้เปนตนแบบ และสิ่งที่เปนแรงบันดาลใจ ใหดําเนินตามแบบอยาง จากนั้นออกมานําเสนอผลงานใหเพื่อนชม หนาชั้นเรียน นํา สอน สรุป ประเมิน T120 T121
ขอสอบเนน การคิด ๓) การเตรียมความพร้อมในการหางานท�า ก่อนหางานท�าจะต้องค้นพบตนเอง ให้ชัดเจนก่อน เพื่อน�าไปสู่ความส�าเร็จในการประกอบอาชีพที่ตั้งเป้าหมายไว้ ดังนี้ ๑. การค้นพบตนเองให้ชัดเจนด้วยการวิเคราะห์ SWOT เป็นการวิเคราะห์ สภาพองค์กร หรือหน่วยงานในปัจจุบัน เพื่อค้นหาจุดแข็ง จุดด้อย หรือสิ่งที่อาจเป็นปัญหาส�าคัญ ในการท�างาน ทั้งนี้ สามารถน�าหลักการวิเคราะห์ SWOT มาใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ ตนเอง เพื่อเลือกอาชีพให้เหมาะสมกับตนเองได้ ดังนี้ หลังจากรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการวิเคราะห์ SWOT แล้ว ให้ประเมินตนเอง เพื่อการค้นพบตนเองให้ชัดเจนก่อนหางานท�า โดยการวิเคราะห์เริ่มต้นจากเป้าหมายเป็นหลักก่อน เช่น ต้องการเป็นครู เป็นนักข่าวชื่อดัง เป็นเจ้าของร้านกาแฟ จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร จุดแข็ง ต่าง ๆ ที่มีสามารถท�าให้ไปถึงฝันได้หรือไม่ หรือมีจุดอ่อนใดที่ต้องปรับปรุง Opportunities โอกาส ปัจจัยและสถานการณ์ ภายนอกที่สร้างโอกาส ให้ได้งานง่ายขึ้น ควรรู้ว่า เป้าหมายคือสิ่งใด สิ่งใด คือสิ่งที่ต้องการ และมี ความเป็นไปได้หรือไม่ที่ จะบรรลุตามเป้าหมาย ที่ตั้งไว้ Weaknesses จุดอ่อน ข้อเสีย หรือปัญหาที่ท�า ให้เกิดอุปสรรคในการ ท�างาน เช ่น ควบคุม อารมณ์ไม่ได้ หงุดหงิด ง่าย โกรธง่าย อารมณ์ ร้อน สมาธิสั้น ไม่กล้า ตัดสินใจ ขาดความ เชื่อมั่นในตนเอง สิ่ง เหล่านี้ถือเป็นข้อเสียที่ ควรปรับปรุงอย่างเร่งด่วน เพราะอาจส่งผลเสียต่อ การท�างานได้ Strengths จุดแข็ง ลักษณะเด่นที่เป็นตนเอง เช่น การมีมนุษยสัมพันธ์ ที่ดีความซื่อสัตย์ มั่นคง หนักแน ่น งานที่เลือก ตรงกับสาขาที่เรียน หรือ ประสบการณ์ที่มี หาก รู้ว ่าตนเองมีจุดแข็งใด ควรหาวิธีพัฒนาอยู่เสมอ Threats อุปสรรค ปัจจัยและสถานการณ์ ภายนอกที่ขัดขวาง เป็น อุปสรรค หรือปัญหา ท�าให้ไม ่สามารถบรรลุ ตามวัตถุประสงค์ได้ เช่น ต้องการเป็นแพทย์ แต่ กลัวเลือด หรือขาดทุน ทรัพย์ในการเรียน การวิเคราะห์อุปสรรคเพื่อ ที่จะได้หาวิธีแก้ปัญหา หรืออุปสรรคได้อย ่าง ทันท่วงที S W O T งานอาชีพ 109 จุดอ่อน ควรปรับปรุงอย่างเร่งด่วน โอกาส 1 2 3 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 11. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) ศึกษา เรื่อง การคนพบตนเองใหชัดเจนดวยการวิเคราะห SWOT จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 12. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคนพบ ตนเองใหชัดเจนดวยการวิเคราะห SWOT จาก PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรูที่ 6 13. ครูถามนักเรียนวา • การวิเคราะหตนเองดวยการใชหลัก SWOT เพื่อชวยเลือกอาชีพใหเหมาะสมกับตนเอง มีหลักในการวิเคราะหอยางไร (แนวตอบ การวิเคราะห SWOT มีหลักในการ วิเคราะหที่สําคัญ 4 ประการ คือ การวิเคราะห จุดแข็ง การวิเคราะหจุดออน การวิเคราะห โอกาส และการวิเคราะหอุปสรรค) • หลักการ SWOT มีประโยชนอยางไร (แนวตอบ ชวยใหตนเองทราบวาเหมาะสม ที่จะประกอบอาชีพใด รูขอดีและขอเสียของ ตนเอง รวมถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น เพื่อจะ ไดแกปญหาไดอยางถูกตอง) 14. ครูแจกกรณีตัวอยางบุคคลที่ตองการประกอบ อาชีพใดอาชีพหนึ่งใหกับนักเรียนแตละกลุม จากนั้นใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหวาอาชีพ ดังกลาวมีความเหมาะสมกับบุคคลนั้นหรือไม โดยนําการวิเคราะห SWOT มาใชใหครบ ทุกขั้นตอน ไดแก S (Strengths) จุดแข็ง W (Weaknesses) จุดออน O (Opportunities) โอกาส และ T (Threats) อุปสรรค “บริษัท ABC นําหลักการวิเคราะห SWOT มาวิเคราะหสภาพ องคกร” SWOT สามารถชวยใหขอมูลแกบริษัท ABC ไดอยางไร 1. พนักงานสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองไดดียิ่งขึ้น 2. ทําใหเขาถึงขอมูลตางๆ ภายในองคกรไดอยางรวดเร็ว 3. รูจุดแข็ง จุดออน หรือสิ่งที่เปนปญหาในการทํางาน 4. เขาใจแนวโนมการเปลี่ยนแปลงขององคกร (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะ SWOT เปนเครื่องมืออยางหนึ่ง ที่องคกรตางๆ นิยมนํามาใชในการวิเคราะหสภาพขององคกร หรือหนวยงาน เพื่อคนหาจุดแข็ง จุดออน หรือสิ่งที่เปนปญหา ในการทํางาน เพื่อสรางความไดเปรียบทางการตลาด) นักเรียนควรรู 1 จุดออน ในการระบุจุดออนของตนเองตองกระทําอยางซื่อสัตย ดวยใจ เปนกลาง เพราะบางคนมักจะคิดอยูเสมอวาตนเองมีแตจุดแข็ง ไมมีจุดออน จึงมักมองขามไป หรือบางคนมักไมคอยยอมรับจุดออนที่ตนเองมี 2 ปรับปรุง ในการลงมือปฏิบัติเพื่อปรับปรุงตนเองนั้น จะตองมีความตั้งใจ มีความพยายาม อยาลมเลิก หากเรารูสึกทอ หรือพบเจอกับปญหา ใหคิดวา ปญหาเปนสิ่งทาทาย หากเราขามพนปญหาไปได โอกาสที่จะประสบผลสําเร็จ ก็จะมีสูง 3 โอกาส โอกาสในการประกอบอาชีพของแตละบุคคลนั้นมีความแตกตางกัน บางคนทํางานหารายไดตั้งแตวัยเรียน บางคนชวยเหลือกิจการของครอบครัว ตั้งแตเด็ก โอกาสในการทํางานตางๆ ทําใหแตละบุคคลมีทักษะประจําตัว ที่แตกตางกัน ซึ่งสามารถพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพของตนเองได ทําใหพรอมที่ จะประกอบอาชีพที่ใฝฝน ดังนั้น เมื่อมีโอกาสในการทําสิ่งใหมๆ จึงควรทดลอง ปฏิบัติ เพื่อหาความถนัดและเพิ่มความสามารถของตนเอง นํา สอน สรุป ประเมิน T120 T121
การวิเคราะห์ SWOT เพื่อค้นพบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง 1 ขั้นตอน การตั้งเป้าหมาย อาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หรือแอร์ โฮสเตส ✘ ๓ วิเคราะห์จุดอ่อน • ไม่เก่งภาษาอังกฤษ (ขาดทักษะการพูด การฟัง) • ชอบทานขนมหวาน จึงท�าให้มีน�้าหนักมาก ๔ วิเคราะห์โอกาส • เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือเวลาว่างหลังเลิกเรียน • งดการรับประทานขนมหวาน ออกก�าลังกายเป็นประจ�า เพื่อควบคุมน�้าหนัก ๕ วิเคราะห์อุปสรรค • ผู้ปกครองไม่สนับสนุนให้ประกอบอาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน • ไม่มีความสามารถในการว่ายน�้า 6 การประเมิน ต้องปรับจุดอ ่อนเรื่องภาษาอังกฤษ โดยหาเวลาว ่างไปลงเรียนเพิ่มเติม จัดตารางการบริโภคอาหารอย่างเหมาะสม งดรับประทานขนมหวาน เพื่อเป็น การควบคุมน�้าหนักและออกก�าลังกายเป็นประจ�า เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์สร้างโอกาสให้ตนเองด้วยการชักจูงใจให้ผู้ปกครองเล็งเห็นความส�าคัญ และความมั่นคงของทุกอาชีพ รวมทั้งอาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเนื่องจาก เป็นอาชีพหนึ่งที่มีค ่าตอบแทนสูง ได้เดินทางท ่องเที่ยวไปยังประเทศต ่าง ๆ มีสวัสดิการในการเดินทางที่ดีให้กับตนเองและครอบครัว ตลอดจนหาเวลาเรียน ว่ายน�้าควบคู่กันไปด้วย ๒ วิเคราะห์จุดแข็ง • ชอบงานบริการ • มีความขยัน อดทน • พูดจาฉะฉาน • มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี • นิสัยร่าเริง สนุกสนาน • มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง 110 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 15. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอผลการวิเคราะหเกี่ยวกับ การประกอบอาชีพของบุคคลจากกรณีตัวอยาง ที่กําหนดใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน จากนั้นให เพื่อนรวมชั้นเรียนรวมกันเสนอแนะเพิ่มเติม โดยมีครูเปนผูชวยตรวจสอบความถูกตอง 16. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันสรุปกรณี ตัวอยางบุคคลที่ตองการประกอบอาชีพใด อาชีพหนึ่ง โดยใหนักเรียนแตละกลุมสง ตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมาสรุปใหเพื่อนฟง หนาชั้นเรียน 17. ครูใหนักเรียนแตละคนยกตัวอยางอาชีพที่ สนใจมา 1 อาชีพ เพื่อวางแนวทางการเขาสู อาชีพของตนเอง โดยนําการวิเคราะห SWOT มาใช เพื่อคนหาจุดแข็ง จุดออน หรือสิ่งที่ อาจเปนปญหาสําคัญตอการประกอบอาชีพ ของตนเอง จากนั้นบันทึกผลการวิเคราะห แนวทางการเขาสูอาชีพลงในใบงานที่ 6.1.1 เรื่อง การวิเคราะห SWOT เพื่อคนพบอาชีพ ที่เหมาะสมกับตนเอง 18. ครูใหสมาชิกแตละคนภายในกลุมผลัดกัน อภิปรายเรื่อง แนวทางการเขาสูอาชีพของ ตนเองดวยการวิเคราะห SWOT และการ วิเคราะหความพึงพอใจของตนเองตออาชีพ นั้นๆ ใหสมาชิกภายในกลุมฟง 19. ครูใหสมาชิกภายในกลุมรวมกันแสดง ความคิดเห็น หรือเสนอแนะเพิ่มเติมวา เพื่อน คนดังกลาวมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตอการ ประกอบอาชีพตามที่ทําการวิเคราะหดวย หลักการ SWOT หรือไม โดยมีครูเปนผูชวย ตรวจสอบความถูกตอง บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 8 วิชาชีพ ที่สามารถยายแรงงานฝมืออยางเสรี ในประชาคมอาเซียน ไดแก • วิชาชีพดานวิศวกรรม (Engineering Services) • วิชาชีพพยาบาล (Nursing Services) • วิชาชีพดานสถาปตยกรรม (Architectural Services) • วิชาชีพเกี่ยวกับการสํารวจ หรือนักสํารวจ (Survey Qualifif ication) • วิชาชีพบัญชี (Accountancy Services) • วิชาชีพเกี่ยวกับทันตกรรม (Dental Practitioners) • วิชาชีพเกี่ยวกับการรักษา หรือการแพทย (Medical Practitioners) • วิชาชีพเกี่ยวกับการบริการและการทองเที่ยว (Tourism) เพื่อเพิ่มอัตราการแขงขันทางเศรษฐกิจในภูมิภาคโลก สงเสริมอาเซียนให เปนตลาดเดียวและมีฐานการผลิตรวมกัน ใหนักเรียนยกตัวอยางอาชีพที่ตนเองมีความสนใจ 1 อาชีพ จากนั้นทําการวิเคราะหโดยใชหลักการวิเคราะห SWOT เพื่อคนพบ อาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง เขียนลงในกระดาษ A4 จากนั้น ออกมานําเสนอผลการวิเคราะหใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน นําสง ครูผูสอน กิจกรรม ทาทาย ใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห SWOT ซึ่งประกอบไปดวยจุดแข็ง (Strengths) จุดออน (Weaknesses) โอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threats) โดยสรุปความรู ที่ไดรับในรูปแบบของแผนพับ ตกแตงใหสวยงาม นําสงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T122 T123
ขอสอบเนน การคิด ๒. การติดตามข่าวสาร เป็นสิ่งที่ต้องตระหนักถึงก่อนสิ่งอื่นใด ต้องกระตือรือร้น ในการหาข่าวสารด้วยความสนใจอย่างจริงจัง เพราะช่วงเวลาของการโฆษณารับสมัครงานของ แต่ละองค์กรมีระยะเวลาจ�ากัด บางองค์กรระบุวันหมดเขตรับสมัครไว้ ท�าให้เมื่อเวลาผ่านไป โอกาสในการสมัครงานและได้รับคัดเลือกไปสัมภาษณ์งานย่อมน้อยลง ดังนั้น จึงต้องกระตือรือร้น ที่จะสืบหาข้อมูลข่าวสารของการรับสมัครงานให้มากที่สุดเท่าที่จะท�าได้ ในระหว่างที่ก�าลังหา งานท�าควรเตรียมเอกสารส�าหรับการสมัครงานให้พร้อมและท�าส�าเนาเอาไว้หลายชุด จะได้ ไม่ต้องเสียเวลาหาหลักฐาน ยิ่งขยันหาแหล่งรับสมัครงาน โอกาสที่จะประสบความส�าเร็จใน การหางานก็จะมีมากยิ่งขึ้น ๓. การมองหาแหล ่งงาน ต่าง ๆ เป็นการค้นหาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ องค์กรที่เปิดรับสมัครงานซึ่งหาได้จากหลายวิธี เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสาร อินเทอร์เน็ต ส�านัก จัดหางานซึี่งมีอยู่ทั่วประเทศ หน่วยจัดหางาน ของสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่เป็นตัวกลาง จัดหางานให้แก่นิสิต นักศึกษาในระหว่างภาค ฤดูร้อนและเมื่อส�าเร็จการศึกษา ส�านักงาน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ส�านักงาน ก.พ.) ซึ่งเป็นองค์การกลางทางด้านของการ บริหารทรัพยากรบุคคลในราชการพลเรือน ส�าหรับผู้ที่มุ่งจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐตลอดจนถาม จากญาติสนิท หรือบุคคลที่รู้จัก ๑.๒ ลักษณะความมั่นคงและความก้าวหน้าในการท�างาน การประกอบอาชีพใด ๆ ก็ตาม ที่สร้างรายได้อย่างสม�่าเสมอมีความมั่นคง มี โอกาสเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน หรือต�าแหน่งเมื่อมีประสบการณ์ในการท�างานมากขึ้น ซึ่งการตัดสินใจเลือก สมัครงานในบริษัท หรือหน่วยงานใด ๆ ที่มีความมั่นคงและมีความก้าวหน้า นับว่ามีความส�าคัญ อย่างยิ่ง เพราะจะท�าให้ผู้ท�างานในอาชีพนั้น ๆ อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยมุมมอง หรือ ความรู้สึกของบุคคลเกี่ยวกับลักษณะความมั่นคงและความก้าวหน้าในการท�างานจะมีความแตกต่าง กันไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการตั้งเป้าหมายในชีวิตการท�างานของแต่ละบุคคล ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีส่วนช่วยในการค้นหาข้อมูล การรับสมัครงาน ท�าให้สามารถสืบค้นข้อมูลได้สะดวกและ รวดเร็วยิ่งขึ้น งานอาชีพ 111 เพราะช่วงเวลาของการโฆษณารับสมัครงานของ อินเทอร์เน็ต 1 2 ขอใดจัดเปนทักษะสําคัญในการปฏิบัติงาน เพื่อใหเกิดความรู และความชํานาญในการปฏิบัติงาน 1. ปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่กําหนดและมีวิธีการตรวจสอบ ที่ละเอียดรอบคอบ 2. ลงมือปฏิบัติงานโดยทันทีและปลอยใหความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เปนประสบการณ 3. ศึกษาขอมูลการปฏิบัติงานใหเขาใจกอนลงมือปฏิบัติงานจริง 4. ปฏิบัติงานควบคูไปกับการวางแผนการทํางาน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการปฏิบัติงานที่ดีจะทําใหเกิด ความรู ความชํานาญในการปฏิบัติงานนั้นๆ ซึ่งจําเปนตองศึกษา ขอมูลในการปฏิบัติงานใหเขาใจกอน เพื่อจะไดนําความรูไปใชใน การปฏิบัติงานไดอยางเหมาะสม) นักเรียนควรรู 1 การโฆษณา เปนการนําเสนอขอมูล หรือขาวสารตางๆ เพื่อเปนการโนมนาว หรือชักจูงใหกลุมเปาหมายเกิดความรูสึกคลอยตาม ซึ่งลักษณะของการโฆษณา คือ เปนการสื่อสารจูงใจ เปนการจูงใจดวยเหตุจริงและเหตุสมมติ เปนการ นําเสนอผานสื่อมวลชนประเภทตางๆ เปนการเสนอขายความคิดของสินคาและ บริการ ตองมีการระบุผูสนับสนุน หรือตัวผูโฆษณา และตองจายคาตอบแทน ในการโฆษณาใหสื่อตางๆ ดวย 2 อินเทอรเน็ต ขอควรระวังในการใชอินเทอรเน็ต มีดังนี้ • ไมควรใหขอมูลสวนตัวกับผูอื่นที่พบกันทางอินเทอรเน็ต • ตองไมแสดงความคิดเห็นในกระดานขาวที่แนะนําใหทําสิ่งที่อาจเปน อันตราย ขอความลามก ขอความชวนทะเลาะ หรือขมขู • หามนัดพบกับผูอื่นที่พบเจอกันทางอินเทอรเน็ต โดยที่ไมไดบอกให ผูปกครองรับทราบ • พึงระลึกไวเสมอวา ขอมูลที่พบเห็นทางอินเทอรเน็ต มิไดเปนความจริง หรือเปนสิ่งที่ถูกตองเสมอไป และเปนชองทางหนึ่งที่มิจฉาชีพใชเขามาเพื่อ แสวงหาผลประโยชน ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 20. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายเรื่อง ลักษณะความมั่นคงและความกาวหนา จากนั้น ครูถามนักเรียนวา • ความมั่นคงและความกาวหนาในอาชีพ มีหมายความวาอยางไร (แนวตอบ ความมั่นคงและความกาวหนาใน อาชีพ เปนการทํางาน หรือการประกอบอาชีพ ใดๆ ก็ตามที่สามารถสรางรายได ใหกับตนเอง และครอบครัวอยางสมํ่าเสมอ มีความมั่นคง และมีโอกาสเจริญกาวหนาในหนาที่การงาน เมื่อมีประสบการณในการทํางานนั้นๆ มากขึ้น) • นักเรียนคิดวาอาชีพใดมีความมั่นคงและ มีความกาวหนา และนักเรียนตองการ ประกอบอาชีพนั้นหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน อาชีพแพทย เพราะเปน อาชีพที่มีความมั่นคงและมีความกาวหนา ในหนาที่การงานสูง ตนเองมีความใฝฝน ที่อยากจะประกอบอาชีพนี้ และครอบครัว ก็ใหการสนับสนุนเปนอยางดี เพราะแพทย เปนอาชีพที่สามารถชวยเหลือชีวิตของเพื่อน มนุษย รวมถึงชวยเหลือผูที่เจ็บไขไดปวย ทั้งยังนําความรูมาใช ในการดูแลคุณพอ คุณแม เมื่อทานเจ็บปวยไดอีกดวย) • นักเรียนจะมีแนวทางการสรางความมั่นคง และความกาวหนาในการทํางานของตนเอง ในอนาคตไดอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน มีความขยัน มีความ พยายาม มีความมุงมั่นตั้งใจทํางาน รวมถึง มีใจรักในงานที่ทํา) นํา สอน สรุป ประเมิน T122 T123
ขอสอบเนนการคิด ๑.๓ การสมัครงาน การสมัครงานเป็นการแสดงเจตจ�านงของบุคคลที่ต้องการเข้าร่วมท�างานในกระบวนการสรรหา ให้ท�าหน้าที่ในต�าแหน่งที่องค์กรนั้น ๆ ต้องการ การสมัครงานจัดเป็นกระบวนการที่มีความส�าคัญ เพราะเป็นกระบวนการที่ท�าให้องค์กรมีโอกาสได้คัดสรรบุคลากรที่มีความสามารถตรงตามความ ต้องการขององค์กร หรือหน่วยงานมากที่สุดเข้าสู่ระบบงาน การสมัครงานมีข้อควรพิจารณา ดังนี้ ๑) วิธีการสมัครงาน ปัจจุบันมีวิธีการสมัครงานหลากหลายรูปแบบ เช่น สมัครผ่าน ทางอีเมล (E-mail) สมัครด้วยตนเอง สมัครผ่านทางจดหมาย ๒) ขั้นตอนการสมัครงาน หลังจากที่ได้ทราบแหล่งงานและสามารถที่จะจ�าแนกทักษะ ความช�านาญ ความพอใจของตนเอง รวมทั้งงานที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของตนเองแล้ว ก็จะต้องด�าเนินการสมัครงาน โดยมีล�าดับขั้นตอนในการปฏิบัติ ดังนี้ ๑) เป้าหมายส�าคัญของการท�างาน โดยเป้าหมายในการท�างานของบุคคลทั่วไป สามารถสรุปได้ ดังนี้ ๒) แนวทางการสร้างความมั่นคงและความก้าวหน้าในการท�างานความมั่นคง และความก้าวหน้าในการท�างานไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือกเข้าท�างานในบริษัท หรือหน่วยงาน ที่มีความมั่นคงเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับผู้ท�างานอาชีพนั้น ๆ เป็นส�าคัญด้วย และเพื่อให้การท�างาน บรรลุตามเป้าหมายชีวิตการท�างาน จึงควรยึดหลักธรรมค�าสอนทางพระพุทธศาสนาที่สอนให้ คนท�างานได้ส�าเร็จเรียกว่า “อิทธิบาท ๔ ” ประกอบด้วย ท�างานเพื่อ ให้ ได้เงิน ท�ำงำนเพื่อ ให้ ได้อ�านาจ ท�ำงำนเพื่อ ให้ ได้ต�าแหน่ง ทางสังคม ท�ำงำนเพื่อ แสดงว่ำตนเอง มีความสามารถ ท�ำงำนให้แก่ สังคมและ ส่วนรวม เช่น สมำคมสงเครำะห์ มูลนิธิกำรกุศล ฉันทะ ความพอใจ รักใคร่ มีใจรักในงาน ที่จะท�า วิริยะ ความขยันหมั่นเพียร มีความพยายาม ที่จะท�างานให้ ประสบผลส�าเร็จ จิตตะ การมีจิตใจ ฝักใฝ่ มุ่งมั่น ที่จะท�างานให้ ประสบผลส�าเร็จ วิมังสา การตรวจสอบ ไตร่ตรอง โดยใช้ ปัญญา งานก็จะ ประสบผลส�าเร็จ 11๒ หากตองการไปสมัครงานที่บริษัทแหงหนึ่ง ควรมีการเตรียม ความพรอมของตนเองอยางไร (แนวตอบ ควรเตรียมสําเนาหลักฐานที่เปนเอกสารสําคัญใหพรอม ไดแก สําเนาบัตรประจําตัวประชาชน สําเนาทะเบียนบาน สําเนา วุฒิการศึกษา ประวัติยอ (Resume) รูปถาย เกียรติบัตร วุฒิบัตร และใบรับรองการผานงาน หรือใบรับรองการผานฝกอบรมตางๆ เพื่อนําเสนอถึงประสบการณและความสามารถที่มีอยูใหบริษัท ไดรับทราบ และนําไปคัดเลือกเขาสูตําแหนงที่เหมาะสมในบริษัท นั้นตอไป) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการสมัครงานใหนักเรียนฟงวา ปจจุบัน การสมัครงานมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพราะมีชองทางในการสมัครงานที่ หลากหลาย ซึ่งการใชอินเทอรเน็ตก็เปนอีกวิธีหนึ่งที่ชวยใหสมัครงานไดงายขึ้น ซึ่งมีวิธีในการปฏิบัติ คือ จะตองสงใบสมัครงานใหไดมากที่สุด เนื่องจากปจจุบัน มีการแขงขันสูง ตองสรางประวัติยอ (Resume) ของตนเองใหดีที่สุด เพื่อเปน การนําเสนอตนเองใหนายจางไดรูจัก เลือกใชเครื่องมือคนหางาน (Job Search Engine) หลายๆ ตัว เพื่อเพิ่มโอกาสในการหางาน เขียนประวัติยอเปนภาษา อังกฤษ เพราะจะทําใหเปนที่สนใจของฝายทรัพยากรมนุษย หมั่นตรวจสอบ อีเมลอยูเสมอ เพราะหลายบริษัทนิยมนัดสัมภาษณงานผานอีเมล และควรแจง ฝายทรัพยากรมนุษยทุกครั้งที่ตองการยกเลิกนัดสัมภาษณ ปจจุบันมีเว็บไซต สมัครงานใหเลือกใชบริการอยูหลายเว็บไซต เชน www.jobsugoi.com, www. jobtopgun.com, www.jobbkk.com, www.jobthai.com ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 21. ครูถามนักเรียนวา • หากตองการสมัครงาน นักเรียนสามารถ สมัครงานไดจากแหลงใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เว็บไซตตางๆ อินเทอรเน็ต หนังสือพิมพ นิตยสาร ประกาศของกรม จัดหางาน กระทรวงแรงงาน) • ชองทางใดเปนชองทางการสมัครงานที่ นักเรียนคิดวาดีที่สุด เพราะเหตุใดจึงเปน เชนนั้น (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน การสมัครงานผานทาง อีเมล เพราะสามารถทําไดอยางสะดวก รวดเร็ว ไมตองเสียคาใชจาย และไมตอง เสียเวลาในการเดินทางไปสมัครงานยังบริษัท) 22. ครูใหนักเรียนทดลองคนหาตําแหนงงานที่ นักเรียนสนใจ 1 ตําแหนง และทําการคนหา แหลงสมัครงานจากในหนังสือพิมพ หรือจาก เว็บไซตที่เกี่ยวของกับการรับสมัครงาน เพื่อให นักเรียนไดฝกและมีทักษะในการสมัครงาน เพื่อเปนการเตรียมความพรอมในอนาคต 23. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมานําเสนอ ผลงานใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน ในประเด็นที่ ครูกําหนดให ดังนี้ • ตําแหนงงานที่สนใจสมัคร • คุณสมบัติของผูสมัครงานที่ตองการ • แหลงคนหาขอมูล เพื่อทําการสมัครงาน จากนั้นใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น หรือเสนอแนะเพิ่มเติม โดยมีครูเปนผูชวย ตรวจสอบความถูกตอง นํา สอน สรุป ประเมิน T124 T125
ขอสอบเนน การคิด 1 การเตรียมตัวก่อนการสมัครงาน เตรียมหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ที่จ�าเป็นต้องใช้ในการสมัครงานให้พร้อมเช่น ส�าเนาบัตร ประจ�าตัวประชาชน ส�าเนาทะเบียนบ้าน ส�าเนาใบรับรองผลการศึกษา ส�าเนาใบปริญญาบัตร ส�าเนาเกียรติบัตรต่าง ๆ ๓ การเขียนประวัติย่อ (Resume) ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้สมัครโดยย่อพร้อมรูปถ่าย จะท�าให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย และรวดเร็ว เปรียบได้กับใบโฆษณาคุณสมบัติของตนเองผู้สมัครจึงควรเขียนประวัติย่อ ที่แสดงถึงความรู้ ความสามารถ คุณสมบัติที่เหมาะสมกับงานที่สมัคร ๕ การสอบข้อเขียน บริษัท หรือหน่วยงานบางแห่งอาจมีการสอบข้อเขียน หรือวัดแววความสามารถซึ่งอาจ เป็นการทดสอบเชาวน์ปัญญาความถนัดบุคลิกภาพ ทัศนคติทดสอบความรู้เฉพาะสาขา วิชา เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ การใช้เครื่องคิดเลข ความรู้เกี่ยวกับต�าแหน่งงานที่สมัคร ๒ การกรอกใบสมัคร ใบสมัครนับเป็นเครื่องมือล�าดับแรกในการคัดเลือกบุคลากรเข้าท�างานโดยผู้ประกอบการ หรือผู้สัมภาษณ์จะพิจารณาจากรายละเอียดในใบสมัคร ดังนั้น ผู้สมัครจึงควรที่แสดงถึง ความรู้ความสามารถ คุณสมบัติที่เหมาะสมกับงานที่สมัคร ๔ ส่งประวั ติย่อไปหน่วยงานที่รับสมัครงาน โดยการส่งประวัติย่อไปยังเว็บไซต์รับสมัครงาน หรือส่งประวัติวุฒิการศึกษาแฟ้มรวบรวม ผลงานของตนเองไปยังหน่วยงานที่รับสมัครงานโดยตรง เพื่อให้ฝ่ายบุคคลพิจารณาถึง คุณสมบัติของตนว่ามีความเหมาะสมกับต�าแหน่งงานในบริษัทมากน้อยเพียงใด 6 การสัมภาษณ์ ผู้สมัครควรเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งงาน หรือบริษัทที่ไปสมัครงาน เช่น รายละเอียด ของธุรกิจสาขาสินค้าการตลาดคู่แข่งขันความส�าเร็จเพื่อให้นายจ้างทราบว่าเราสนใจ ท�างานกับบริษัทจริง 7 การติดตามผล หลังจากสอบสัมภาษณ์แล้ว ควรกล่าวขอบคุณผู้สัมภาษณ์ซึ่งเป็นการสร้างโอกาส ที่จะได้งานท�ามากขึ้น และคอยผลการตอบรับจากการสมัครงาน การสมัครงาน ขั้นตอน งานอาชีพ 11๓ เตรียมหลักฐานเอกสารต่างๆ การกรอกใบสมัคร การเขียนประวัติย่อ (Resume) 1 2 3 ขอใดคือการเขียนประวัติยอ (Resume) ที่ดี 1. ใชคําพูดที่ฟุมเฟอย 2. จัดรูปแบบใหเหมาะสม 3. เขียนขอมูลใหไดมากที่สุด 4. เขียนคุณสมบัติเกินความเปนจริง (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการเขียนประวัติยอ (Resume) ที่ดีนั้น ควรคํานึงถึงรูปแบบของการจัดวาง เนื่องจากจะทําให ดึงดูดความสนใจตอผูอานและเกิดความประทับใจ โดยจะตอง จัดวางรูปแบบใหอานงาย ไมควรพิมพขอความใหเกินออกมา จนดูไมเปนระเบียบ ใชตัวอักษรที่เปนทางการ และควรใชกระดาษ ที่มีคุณภาพ สีขาว ไมมีเสน) ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 24. ครูใหนักเรียนศึกษาเรื่อง ขั้นตอนการสมัครงาน จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือ ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 25. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอน การสมัครงาน จาก PowerPoint ม.5 หนวย การเรียนรูที่ 6 26. ครูถามนักเรียนวา • กอนการสมัครงานตองมีการเตรียมความพรอม ของตนเองอยางไร (แนวตอบ เตรียมหลักฐานเอกสารสําคัญตางๆ ใหเรียบรอย เชน สําเนาบัตรประจําตัว ประชาชน สําเนาทะเบียนบาน สําเนาใบ รับรองผลการศึกษาสําเนาใบปริญญาบัตร) • หากตองการเขียนประวัติยอ (Resume) ของตนเองใหมีความนาสนใจ ควรเขียนใน ลักษณะใด (แนวตอบ ควรเขียนเปนภาษาอังกฤษ หรือ เขียนเปนภาษาไทยก็ได แตตองเขียนให ผูอานเขาใจงาย ขอความสั้น กระชับ ไดใจความ และเขียนคุณสมบัติของตนเองใหชัดเจน เพื่อเปนการประกอบการพิจารณาในการ รับเขาทํางาน) 27. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การเขียนประวัติยอ (Resume) ที่ดีนั้น ไมควรเขียนใหมีความยาว เกิน 2 หนากระดาษ ควรใชกระดาษสีขาว แบบไมมีเสน และตองประกอบดวยชื่อของ ผูเขียน ตําแหนงที่ตองการสมัคร การศึกษา ประสบการณ คุณสมบัติพิเศษ หรือความ สามารถพิเศษ และรายละเอียดสวนตัว เชน เพศ อายุ วันเดือนปเกิด สัญชาติ เชื้อชาติ หมูเลือด สุขภาพ ที่อยู งานอดิเรก ความสนใจ” นักเรียนควรรู 1 หลักฐานเอกสารตางๆ ในการนําหลักฐานเอกสารตางๆ ไปใชสมัครงาน หรือทําธุรกรรมทางการเงินใดๆ ถาเอกสาร หรือหลักฐานนั้นเปนสําเนา ควรเซ็น รับรองสําเนาถูกตอง และเขียนชื่อของตนเองกํากับไวทุกแผน ทุกครั้ง 2 การกรอกใบสมัคร เปนขั้นตอนแรกในการเลือกคนเขาทํางาน จึงควรศึกษา รายละเอียดของตําแหนงงานและคุณสมบัติที่ไดประกาศไวอยางละเอียด เนื่องจาก แตละตําแหนงจะมีลักษณะงานและความตองการคุณสมบัติของผูที่ทํางาน แตกตางกัน จากนั้นกรอกขอมูลใหครบถวน รวมถึงแนบเอกสารประกอบการ สมัครงานใหพรอม 3 Resume เคล็ดลับการเขียนประวัติยอเพื่อใหไดงาน คือ คุณสมบัติที่มี ตองตรงกับตําแหนงงาน เขียนใหสั้น กระชับ ตัวหนังสืออานงาย ใชคําเชิงบวก เขียนประวัติการศึกษาและประสบการณที่เกี่ยวกับตําแหนงงานใหชัดเจน สะกด คําถูกตอง สรางขอโดดเดน เพื่อใหบริษัทเกิดความรูสึกสนใจในตัวเรามากขึ้น นํา สอน สรุป ประเมิน T124 T125
ขอสอบเนนการคิด T i p เทคนิคการสัมภาษณ์เพื่อให้ได้งาน ผู้สมัครต้องน�าเสนอตนเองให้ผู้สัมภาษณ์เกิดความรู้สึกว่าเราเหมาะสมกับงานนี้ และเห็นว่าเราจะเป็น ผู้ร่วมงานที่ดีที่สุด เทคนิคการสัมภาษณ์เพื่อให้ได้งานมีวิธีการ ดังนี้ ๑. ยิ้มแย้มแจ่มใส จะท�าให้ผู้สัมภาษณ์เกิดความ รู้สึกประทับใจและต้องการให้มาท�างานร่วมกัน ๒. ระมัดระวังกิริยาตลอดเวลาสัมภาษณ์งาน ควร รักษากิริยามารยาทให้เรียบร้อย ไม่แสดงอาการ หลุกหลิก ลุกลี้ลุกลน ขยับขาไปมา เกาศีรษะ ๓. พูดอย่างฉลาด มีไหวพริบ พูดเสียงดังฟังชัด ควรมีจังหวะในการพูด และพูดออกมาด้วยความ มั่นใจ และมีไหวพริบในการตอบค�าถาม ๔. เป็นผู้ฟังที่ดี ควรตั้งใจฟังค�าถามให้จบก ่อน ตอบค�าถาม หากไม่เข้าใจ ควรถามให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้ตอบค�าถามได้ตรงประเด็น ทั้งยัง แสดงถึงการให้ความส�าคัญกับผู้พูดอีกด้วย ๕. ไม ่ควรถามเรื่องค ่าตอบแทน ควรเก็บเรื่อง ค่าตอบแทนไว้สอบถามภายหลัง เพราะหาก ถามเรื่องค่าตอบแทนเร็วเกินไป ผู้สัมภาษณ์อาจ มองว่าสนใจค่าตอบแทนมากกว่าการท�างาน ๑.๔ การสัมภาษณ การสัมภาษณ์เป็นการสนทนา หรือการซักถามที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อจะให้มีโอกาสทราบ รายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้สมัคร ที่ไม่สามารถพิจารณาได้จากใบสมัคร หรือประวัติส่วนตัว เช่น บุคลิกภาพ ทัศนคติ ปฏิภาณไหวพริบ เพื่อคัดเลือกผู้สมัครที่เหมาะสมกับต�าแหน่งงานที่ว่าง การ สัมภาษณ์เป็นขั้นตอนการสมัครงานที่มีความส�าคัญ เพราะการสัมภาษณ์เป็นการเปิดโอกาสแสดง ให้เห็นว่าเรามีความกระตือรือร้นและสามารถปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี สร้างโอกาสในการสมัครงาน ให้ตนเอง โดยการเตรียมตัวในการแสดงออกทางความคิดและการแนะน�าคุณสมบัติของตนเอง มีดังนี้ 1 ผู้สัมภาษณ์ บุคคลซึ่งท�าหน้าที่ในการคัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมกับ ต�าแหน่งงานที่ว่าง ๒ ผู้ ให้สัมภาษณ์ บุคคลที่ตั้งใจมาสมัครงานในต�าแหน่งงานที่ว่าง หรือต�าแหน่ง งานที่เปิดรับสมัครไว้ ๓ เรื่องที่จะสัมภาษณ์ โดยทั่วไปจะเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงวิธีคิด ทัศนคติต่าง ๆ ของผู้ ให้สัมภาษณ์ ๔ เป้าหมายในการสัมภาษณ์ เพื่อให้ทราบรายละเอียดต่าง ๆ ที่จ�าเป็นต่อการ ท�างาน วัดความรู้ ความสามารถ ความคิดทางสติปัญญา ๕ วิธีการสัมภาษณ์ แบ่งเป็น ๔ ลักษณะ คือ การสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว การสัมภาษณ์ โดยใช้แบบทดสอบ การสัมภาษณ์ โดยใช้ โทรศัพท์ และการ สัมภาษณ์ โดยการร้องขอทางวิทยุ องค์ประกอบ ของการสัมภาษณ์ 11๔ ตอบคําถามอยางไรใหไดงาน เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการตอบคําถามในการสัมภาษณงานให นักเรียนฟง โดยยกตัวอยางคําถามและคําตอบ ดังนี้ • เลาเรื่องราวเกี่ยวกับตัวคุณใหเราฟงหนอย ดิฉันจบมาจากคณะ............ประสบการณการทํางานที่ผานมา คือ.............. • ทําไมเราถึงตองเลือกคุณเขามาทํางาน ดิฉันมีความสามารถดาน...........ซึ่งสิ่งนี้จะมีประโยชนกับองคกรในอนาคต • ทําไมคุณถึงสนใจงานนี้ งานนี้มีความทาทาย ดิฉันคิดวาสามารถทํางานไดจากคุณสมบัติที่ดิฉันมี • เปาหมายระยะยาวของคุณคือสิ่งใด อีก 5 ปขางหนา อยากมีธุรกิจเปนของตนเอง ซึ่งทําควบคูไปกับงานประจํา • ถาคุณไดเขามาทํางาน คุณคิดวาจะทําสิ่งใดใหกับบริษัท ดิฉันตั้งใจที่จะ...เพื่อชวยพัฒนาองคกรใหเจริญเติบโตอยางยั่งยืน การสัมภาษณงานแบบบุคคลตอบุคคลมีวัตถุประสงคเพื่อสิ่งใด 1. ตองการทราบคุณสมบัติของผูสมัครเบื้องตน 2. ทําใหไดบุคคลเขามาทํางานในตําแหนงทั่วๆ ไป 3. ทําใหผูสัมภาษณเล็งเห็นความสามารถของผูสมัครงาน 4. ตองการบุคคลที่มีตําแหนงและมีความสําคัญกับบริษัท (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการสัมภาษณงานแบบ บุคคลตอบุคคล เปนการสัมภาษณที่ใชกันทั่วไปสําหรับหนวยงาน หรือบริษัทที่ตองการคัดเลือกพนักงานในตําแหนงทั่วๆ ไป โดย ผูสัมภาษณอาจพิจารณาและตัดสินใจไดดวยตนเอง) ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 28. ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนคนใดมีประสบการณในการสัมภาษณ บุคคลอื่น และนักเรียนมีความรูสึกอยางไร เมื่อตนเองเปนผูสัมภาษณ (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) 29. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมาเลาประสบการณ ในการสัมภาษณบุคคลอื่นใหเพื่อนฟงหนา ชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • หากนักเรียนเปนผูถูกสัมภาษณจะตอง มีการเตรียมตัวอยางไร โดยเฉพาะการ สัมภาษณงาน (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) • เพราะเหตุใดการสัมภาษณงานจึงเปน ขั้นตอนที่สําคัญที่สุด (แนวตอบ เปนการเปดโอกาสใหไดแสดงออก ทางความคิด ไดแนะนําคุณสมบัติของ ตนเอง แสดงใหเห็นถึงความกระตือรือรน) • ในการสัมภาษณงานจะประกอบไปดวยองค ประกอบใด (แนวตอบ ผูสัมภาษณ ผูใหสัมภาษณ เรื่อง ที่จะสัมภาษณ เปาหมายในการสัมภาษณ และวิธีการสัมภาษณ) • หากตองไปสัมภาษณงาน นักเรียนควร เตรียมตัวอยางไร (แนวตอบ ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท หรือหนวยงานที่จะไปสัมภาษณ ศึกษา เสนทางการเดินทาง เตรียมเอกสารสําคัญ ใหพรอม เตรียมเสื้อผาและเครื่องแตงกาย ใหพรอม และฝกซอมทักษะการพูด การเดิน การนั่ง เพื่อสรางความมั่นใจใหกับตนเอง) นํา สอน สรุป ประเมิน T126 T127
ขอสอบเนน การคิด ๑.๕ หลักการท�างาน การที่จะท�างานให้มีความมั่นคงได้นั้น จะต้องรู้จักวิธีการครองตน ครองคน และครองงาน ตามหลักการท�างาน ดังนี้ การรู้จักตนเองการมีเป้าหมายที่แน่นอนรู้จักควบคุมตน หรือมีวินัยแห ่งตน เพื่อท�างานให้ส�าเร็จด้วยตนเอง การครองตนที่ดีมีหลักการ ดังนี้ • รู้จักตนเอง มีความมั่นคงตั้งมั่นกับเป้าหมายแห่งตน มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป • มีความขยัน พึ่งพาตนเองได้ และให้ความร่วมมือกับ บุคคลอื่นเพื่อให้การท�างานเป็นทีมประสบความส�าเร็จ • มีความอดทน อดกลั้น รู้จักสงบเสงี่ยม ให้เกียรติกับ บุคคลทุกระดับชั้นอย่างเท่าเทียมกัน • ไม่ท�าตนให้อยู่ในความประมาท เช่น ไม่ลุ่มหลงใน อบายมุข พัฒนาตนเอง แสวงหาความรู้อยู่เสมอ • รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ยกตนข่มท่าน ไม่อวดเก่ง อวดดีมีจิตส�านึกในคุณงามความดีของตนเองและผู้อื่น 1 ศึกษารวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท หรือหน่วยงานที่จะไปสอบสัมภาษณ์ จากสื่อต่าง ๆ ให้มากที่สุด ๒ รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ไม่ควรวิตกกังวล หรือมีความเครียดมาก เกินไป และควรพักผ่อนให้เพียงพอ ๓ ศึกษาเส้นทางการเดินทางระหว่างบ้านกับบริษัท หรือหน่วยงานที่จะไปสอบ สัมภาษณ์ เพื่อวางแผนการเดินทางไปสอบสัมภาษณ์ ได้อย่างเหมาะสม ๔ เตรียมเอกสารส�าคัญและอุปกรณ์เครื่องเขียนให้พร้อม เช่น รูปถ่าย ส�าเนา บัตรประจ�าตัวประชาชน ส�าเนาทะเบียนบ้าน ส�าเนาใบรับรองผลการศึกษา ๕ จัดเตรียมเสื้อผ้าและเครื่องแต ่งกายให้พร้อมใช้งานก ่อนวันไปสัมภาษณ์ ควรเป็นเสื้อผ้าที่สุภาพ เรียบร้อย สีสันไม่ควรฉูดฉาดมากเกินไป 6 ฝึกซ้อมทักษะการพูดให้สัมภาษณ์เพื่อสร้างความมั่นใจในการสอบสัมภาษณ์ และเพื่อช่วยลดอาการประหม่าในขณะก�าลังสอบสัมภาษณ์ การเตรียมตัว เพื่อสอบสัมภาษณ์ การครองตน งานอาชีพ 11๕ 1 บุคคลในขอใดมีหลักการทํางานที่ถูกตอง 1. หยกขยันและใหเกียรติบุคคลทุกระดับชั้น 2. ยิมออนนอมถอมตนและชอบใหผูอื่นชวยงานอยูเสมอ 3. แยมไมมีเปาหมายของตนเอง แตสามารถพึ่งพาตนเองได 4. โยพัฒนาตนเองอยูเสมอ ไมลุมหลงในอบายมุข แตชอบทําตัว ยกตนขมทาน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะความขยันและการใหเกียรติ บุคคลทุกระดับชั้นเปนหลักการทํางานที่ควรปฏิบัติ สวนที่ ไมควรปฏิบัติในขออื่น คือ ชอบใหผูอื่นชวยงานอยูเสมอ ไมมี เปาหมายของตนเอง และชอบทําตัวยกตนขมทาน) ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 30. ครูใหนักเรียนศึกษาเรื่อง หลักการทํางาน จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือ ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 31. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการ ทํางาน จาก PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรู ที่ 6 32. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเรื่อง หลักการ ทํางาน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • หลักการทํางานใหประสบความสําเร็จมีหลัก การอยางไร (แนวตอบ หลักการทํางานใหประสบความ สําเร็จ ประกอบไปดวยหลักในการครองตน การครองคน และการครองงาน) • หลักการครองตนมีหลักการอยางไร (แนวตอบ หลักการครองตนมีหลักการ คือ ตองรูจักตนเอง มีความขยัน มีความอดทน ไมทําตนใหอยูในความประมาท และมีความ ออนนอมถอมตน) • หลักการครองคนมีหลักการอยางไร (แนวตอบ หลักการครองคนมีหลักการ คือ ตองรูจักการเสียสละ ใชวาจาที่สุภาพ ออนหวาน ใหความจริงใจกับผูอื่น เปนคน เสมอตนเสมอปลาย) • หลักการครองงานมีหลักการอยางไร (แนวตอบ หลักการครองงานมีหลักการ คือ สามารถใชความรูและสติปญญาที่มีอยาง ชาญฉลาด ใชหลักธรรมมุงมั่นสูความสําเร็จ ใหความรักและความเคารพในงานอาชีพ ของตนเอง) • ในการทํางาน หากไมไดนําหลักการทํางาน มาใชจะกอใหเกิดสิ่งใด (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) นักเรียนควรรู 1 การเตรียมตัวเพื่อสอบสัมภาษณ เพื่อใหการสอบสัมภาษณเปนไปอยางราบรื่น มีสิ่งที่ควรปฏิบัติ คือ ศึกษาขอมูลของบริษัทอยางละเอียด ฟงคําถามและคิด วิเคราะหอยางละเอียดถี่ถวนกอนจึงตอบ มีเหตุผลมาสนับสนุนในทุกคําตอบ ตอบคําถามอยางจริงใจ และเตรียมคําถามไวถามผูสัมภาษณ สวนสิ่งที่ไมควร ปฏิบัติ คือ การพูดโกหก พูดถึงจุดดอยของตนเอง ถามเรื่องคาตอบแทนมาเปน ลําดับแรก ตอบรับวาทําไดในสิ่งที่ไมชอบ หรือไมถนัด และพาเพื่อนไปนั่งรอ ที่บริษัท สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคล็ดลับวิธีการทําใหไดงาน ไดที่ https://mgronline.com/management/detail/9590000029293 นํา สอน สรุป ประเมิน T126 T127
กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงค การรู้จักคนอื่นและมองคนอื่นในแง่ดีโดยอาศัยหลักธรรม ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งได้ก�าหนดไว้อย่างชัดเจน ดังนี้ • รู้จักเสียสละแบ่งปันด้วยจิตใจที่โอบอ้อมอารีเป็นการ ครองใจคนที่ดีวิธีหนึ่งจะท�าให้ผู้อื่นเกิดความรักความ ศรัทธาในตัวเรา • รู้จักเลือกใช้วาจาที่อ ่อนหวาน ที่ท�าให้คนฟังรู้สึก สบายใจ อยากอยู่ใกล้ อยากคบค้าสมาคมด้วย • แสดงความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีหรือกล่าวยกย่องชมเชย เมื่อผู้อื่นท�างานประสบความส�าเร็จให้ความช่วยเหลือ ในโอกาสอันควร • ท�าตนให้เป็นคนเสมอต้นเสมอปลายคือติดต่อสัมพันธ์ กับบุคคลอื่นอย่างสม�่าเสมอ มีน�้าใจต่อกัน ไม่โอ้อวด เมื่อตนเองได้ดีหรือมีต�าแหน่งการงานสูง รู้จักงานที่ตนเองก�าลังท�าและท�างานอย่างมีความสุข รักและชอบในงานที่ตนเองก�าลังท�าอยู่ มีหลักในการ ครองงาน ดังนี้ • รู้จักใช้ความรู้และสติปัญญาอย่างชาญฉลาด คือ รู้จัก แสวงหาความรู้ใหม่ ๆ มาช่วยพัฒนางานที่ตนเองท�าอยู่ ให้ดีขึ้น • รู้จักใช้หลักธรรมมุ่งสู่ความส�าเร็จ คือ มีใจรัก มีความ พากเพียร ตั้งใจฝักใฝ่ และการใช้ปัญญาไตร่ตรอง ซึ่ง จะท�าให้งานส�าเร็จได้ • รู้จักให้ความรักและความเคารพในอาชีพของตนไม่ดูถูก หรือให้ใครดูหมิ่นงานที่ท�า ตลอดจนมีจริยธรรมในการ ท�างาน คือ การซื่อสัตย์ต่องานในหน้าที่ของตน • รู้จักคิดริเริ่มสร้างสรรค์ หาหลักการ แนวทาง หรือ วิธีการใหม่ ๆ มาใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงานให้มี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การครองคน การครองงาน 116 ทางพระพุทธศาสนา โดยอาศัยหลักธรรม การซื่อสัตย์ต่องานในหน้าที่ของตน 1 2 3 นักเรียนควรรู 1 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ในการทํางานทุกคนตางตองการประสบ ความสําเร็จดวยกันทั้งสิ้น ดังนั้น จึงควรมีการนอมนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา มาใชในการทํางาน เพื่อใหการทํางานบรรลุผลสําเร็จตามเปาหมายที่ไดวางไว เชน อิทธิบาท 4 ประกอบดวยฉันทะ (ความพอใจ : ชอบ ศรัทธา มีความสุขในงาน ที่ทํา) วิริยะ (ความพากเพียร : ขยันทํางาน ฝกฝนตนเองอยูเสมอ) จิตตะ (ความเอาใจใส : มีความรอบคอบและรับผิดชอบในงานที่ทํา) และวิมังสา (ความสอดสองในเหตุและผล : เขาใจงานอยางลึกซึ้ง ทั้งในแงของขั้นตอนและ ผลสําเร็จของงาน) 2 การครองงาน ตองรูจักใชความรูและสติปญญาอยางชาญฉลาด รูจักใช หลักธรรมที่มุงมั่นสูความสําเร็จ และรูจักใหความเคารพรักในอาชีพของตน 3 การซื่อสัตย เปนการกระทําในเชิงบวก คือ มีความซื่อตรง จริงใจ ปราศจาก ความรูสึกอคติ ไมคดโกง ไมหลอกลวงผูอื่น และมีความตรงไปตรงมา ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 33. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “หลักในการครองคนนั้น ในทางพระพุทธศาสนาไดมีหลักธรรมที่เกี่ยวของ กับการครองคน คือ “ฆราวาสธรรม 4”ซึ่งเปน หลักการปฏิบัติตนเปนฆราวาสที่ดี ไดแก • สัจจะ (มีความซื่อสัตยตอกัน) • ทมะ (การรูจักขมใจ) • ขันติ (ความอดทนทั้งกายและใจ) • จาคะ (ความรูจักเสียสละและบริจาคใหแก บุคคลที่ควรให) โดยหลักธรรมนี้จะเปนคุณธรรมพื้นฐานของ จิตใจในการที่จะสรางความสัมพันธอันดีงาม กับผูอื่นที่จะอยูรวมกัน หรือติดตอเกี่ยวของ กัน เพื่อประโยชนสุขทั้งแกชีวิตของตนเองและ ผูอื่นในสังคม” 34. ครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดการครองคนจึงถือวาเปนเรื่อง ที่ยากที่สุด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เพราะคนเรามีความ แตกตางกัน ไมวาจะเปนในเรื่องของความรู ความสามารถ ลักษณะนิสัยของแตละคน ที่ยากจะเขาใจ ดังนั้น เราจึงควรปรับตัวให เขากับผูอื่นอยูเสมอ เพื่อที่เราจะไดสามารถ ดํารงอยูในสังคมไดอยางมีความสุข) • หลักในการครองคนที่ดีประกอบไปดวย สิ่งใด (แนวตอบ หลักในการครองคนที่ดี ประกอบ ไปดวยการรูจักเสียสละ รูจักเลือกใชวาจา ที่สุภาพออนหวาน การแสดงความยินดี เมื่อผูอื่นไดดี และการทําตนใหเปนคน เสมอตนเสมอปลาย) ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ใหแตละกลุมปฏิบัติ กิจกรรมบนพื้นฐานการเปนพุทธมามกะ เพื่อเปนแนวทางสูการฝกฝน ตนเองใหมีระเบียบวินัยในการปฏิบัติงานในอนาคต โดยใหนักเรียน ปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ 1. จัดทําปายนิเทศ หรือใบปลิว นําเสนอความรูเกี่ยวกับเรื่อง หลักธรรมในการครองงาน 2. จัดทําหองคลินิกหลักธรรม เพื่อเปดโอกาสใหบุคคลทั่วไป เขามาทําสมาธิภายในหองนี้ (กิจกรรมนี้เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงคดานความมี วินัย และมุงมั่นในการทํางาน) นํา สอน สรุป ประเมิน T128 T129
แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับ คะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความ คิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมี น้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม ขอสอบเนน การคิด ๑.๖ การเปลี่ยนงาน การเปลี่ยนที่ท�างาน หรือเปลี่ยนลักษณะของงาน เกิดจากสาเหตุส�าคัญ ดังนี้ ปัจจัยภายใน เกิดจากการท�างานกับองค์กรใดองค์กรหนึ่งนาน ๆ จนเกิดความเบื่อหน่าย ต้องการท�างานที่ท้าทาย ความสามารถ โดยค�านึงถึงผลตอบแทนและ ความก้าวหน้า ปัจจัยภายนอก เกิดจากสิ่งล ่อใจที่กลไกการจ้างงานในตลาด น�ามาใช้กับคนท�างาน ซึ่งในความเป็นจริงบุคคล เหล่านั้นยังไม่คิดที่จะเปลี่ยนงานแต่พอมีข้อเสนอ ดี ๆ อาจเกิดอาการลังเลและท�าให้อยากเปลี่ยนงาน หากบุคคลใดต้องการเปลี่ยนงาน ไม่ว่าจะเกิดสาเหตุจากปัจจัยภายใน หรือภายนอกควรมี แนวทางในการเปลี่ยนงานให้ประสบผลส�าเร็จ โดยค�านึงถึงหลักการส�าคัญ ดังนี้ การเปลี่ยนงานอาจท�าให้มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น หรืออาจมีชั่วโมงการท�างานที่มากขึ้นจึงควรพิจารณา ให้ดีว่าคุณภาพชีวิตยังดีหรือไม่ และการเปลี่ยนงานท�าให้มีเงินเก็บมากขึ้นหรือไม่ เพราะนอกจาก งานที่ท�าจะเป็นงานที่ชอบแล้ว รายได้ก็ควรส่งเสริมให้มีชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต องค์กรเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาตนเอง ส่งเสริมให้พนักงานเพิ่มระดับความรู้ความสามารถ ในหลาย ๆ ด้าน หากองค์กรใดมีพนักงานที่มีความสามารถอยู่เป็นจ�านวนมาก องค์กรนั้นจะยั่งยืน และมีความมั่นคง เพื่อช่วยลดรายจ่ายในอนาคตหากพนักงานเกิดการเจ็บป่วย ซึ่งแต่ละองค์กรจะมีสวัสดิการ ในส ่วนนี้แตกต ่างกัน หากมีไม ่เพียงพออาจต้องเสียเงินท�าประกันสุขภาพเพิ่มเติมด้วย ตนเอง ดังนั้น เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรสอบถามเมื่อไปสัมภาษณ์งานใหม่ ควรสอบถามเพื่อน�าไปค�านวณในแผนรายได้ระยะยาว เพราะบางองค์กรอาจให้เงินเดือน เริ่มต้นที่สูงกว่าแต่หากพิจารณาถึงอัตราการปรับขึ้นเงินเดือนต่อปีหรือคิดรวมโบนัสในอดีต ที่จ่ายให้กับพนักงาน อาจได้ผลลัพธ์อีกแบบหนึ่ง จึงควรน�ามาค�านวณเพื่อเปรียบเทียบ ก่อนการตัดสินใจ อาจมีกองทุนส�ารองเลี้ยงชีพให้พนักงานได้สะสมเงินเข้าไป และบริษัทสมทบเงินเข้าไปใน กองทุนให้กับพนักงาน ซึ่งจะเป็นเงินทุนก้อนส�าคัญที่ให้พนักงานใช้หลังจากเกษียณ มีรายได้ต่อเดือนที่เหมาะสม มีการฝึกอบรมอยู่เสมอ มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล มีอัตราการปรับเงินเดือนที่เหมาะสม มีแผนเกษียณอายุการท�างาน งานอาชีพ 117 การเปลี่ยนงานบอยสงผลเสียตอตนเองอยางไร (แนวตอบ ทําใหขาดประสบการณในการทํางานอยางตอเนื่อง ถึงแมวาจะมีความรูในการทํางานหลายๆ เรื่อง จากที่ทํางานเดิม หลากหลายที่ แตก็ยังคงไมมีความชํานาญกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อยางจริงจัง เนื่องจากทุกครั้งที่ยายที่ทํางานใหม จะตองเรียนรู งานใหม และหากคิดวางานนี้ไมตรงกับความตองการของตน ก็จะเริ่มเปลี่ยนงานใหมเชนนี้ไปเรื่อยๆ จึงเปนสาเหตุใหการทํางาน หรือการประกอบอาชีพของตนเองยังไมมีความกาวหนา หรือไม ประสบความสําเร็จเทาที่ควร) ขั้นสอน ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ 35. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเรื่อง การเปลี่ยน งาน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • การเปลี่ยนงานเกิดจากสาเหตุใด (แนวตอบ เกิดจากหลายสาเหตุ เชน ตองการความกาวหนา สภาพแวดลอม คาตอบแทน สวัสดิการที่ไมเหมาะสม) ขั้นที่ 4 พัฒนาความรู ความเขาใจ 36. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกัน สรางแบบสํารวจความพึงพอใจตออาชีพ แลวนําแบบสํารวจนั้นไปสํารวจกับบุคคลที่ อาศัยอยูในชุมชน จํานวน 20 ทาน จากนั้น จึงนําผลการสํารวจมาวิเคราะห ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบกอนเรียน 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 6.1.1 เรื่อง การวิเคราะห SWOT เพื่อคนพบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง 3. ครูตรวจสอบแบบสํารวจความพึงพอใจตอ อาชีพ 4. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรม การเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการ ทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการ สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเรื่อง แนวทาง การเขาสูอาชีพและการวางแนวทางการเขาสู อาชีพของตนเอง 2. ครูตรวจสอบความรู ความเขาใจของนักเรียน จากการนําเสนอผลการวิเคราะห วิจารณ และ การสรุปความรู แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 นํา สอน สรุป ประเมิน T128 T129
ขอสอบเนนการคิด ๒ การเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างมากมาย เพื่อให้เลือกและน�าเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วย ในการท�างาน หรือการประกอบอาชีพได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของมนุษย์แต่ละคน โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานในการบริโภคเทคโนโลยีเหล่านั้นเช่นการน�าเครื่องจักรกลมาช่วยในการ ท�านาการน�าเครื่องจักรกลพร้อมเทคนิควิธีการมาใช้ในการประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้างการน�า คอมพิวเตอร์มาใช้ ในการท�างานแทนการใช้แรงงานคน จากที่กล่าวมานั้น จึงเป็นเหตุผลให้มนุษย์ น�าเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ในการประกอบอาชีพเพิ่มมากขึ้น ๒.๑ วิธีการเลือกใช้เทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ อาชีพเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ หรือสถานภาพของมนุษย์แต่ละคนที่ใช้ความรู้ ความสามารถ ความเข้าใจ ทักษะกระบวนการ และการบริหารจัดการอาชีพมาใช้ในการด�าเนิน กิจกรรมในการประกอบอาชีพต่าง ๆ เช่นมีความสะดวกสบายใช้เวลาท�างานน้อยลงมีความปลอดภัย มีปริมาณและคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ท�าให้เกิดความมั่นคงในอาชีพของตนวิธีการเลือกใช้เทคโนโลยี ในการประกอบอาชีพ มีดังนี้ 1. เลือกใช้เครื่องมือ เครื่องจักร วัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับ ลักษณะอาชีพของตนเอง เพื่อจะท�า ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ในการท�างานและการประกอบอาชีพ ๒. น�าเทคนิค วิธีการใหม่ ๆ เข้ามา ปรับปรุงการท�างานและการประกอบ อาชีพ จะท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไปในทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ๓. ค�านึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเทคโนโลยีใน ปัจจุบันมีอยู ่ด้วยกันหลายรูปแบบ จึงต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับอาชีพ และเมื่อน�ามาใช้จะต้องไม ่ท�าลาย สิ่งแวดล้อมด้วย การน�าเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการท�างานจะช่วยท�าให้งานประสบผลส�าเร็จ อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างรวดเร็ว 118 เลือกใช้เครื่องมือ เครื่องจักร ๒.๑ วิธีการเลือกใช้เทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ การเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ 3 2 1 การเลือกใชเทคโนโลยีในการประกอบอาชีพควรคํานึงถึงเรื่องใด มากที่สุด (แนวตอบ สิ่งสําคัญที่ควรคํานึงถึงในการเลือกใชเทคโนโลยี ในการประกอบอาชีพ คือ ความปลอดภัย เนื่องจากเทคโนโลยี บางอยางที่เปนเครื่องจักรมีกลไกการทํางานที่ซับซอน หากไมมี การปองกันความปลอดภัยอาจเกิดอันตรายตอชีวิตและทรัพยสินได) ขั้นนํา (เนนกระบวนการกลุม) 1. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • คําวา “เทคโนโลยี” หมายถึงสิ่งใด (แนวตอบ เทคโนโลยีเปนวิทยาการที่มีการนํา ความรูทางวิทยาศาสตรมาประยุกตใช ในการทํางาน หรือแกปญหาตางๆ ชวยใหเกิด การเปลี่ยนแปลงในการทํางานที่ดียิ่งขึ้น ชวยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลจาก การทํางาน เพื่อชวยใหการดํารงชีวิตของ มนุษยมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น) • การนําเทคโนโลยีมาใชจะตองคํานึงถึงสิ่งใด เปนสําคัญ (แนวตอบ ตองคํานึงถึงหลักการสําคัญ ไดแก ประสิทธิภาพ คือ จะตองชวยใหการทํางาน บรรลุวัตถุประสงคที่ตั้งไวอยางรวดเร็วและ แมนยํา ประสิทธิผล คือ จะตองชวยใหได ผลผลิตที่คุมคาและมีประสิทธิภาพสูงสุด และประหยัด คือ จะตองชวยประหยัดทั้ง ทุน เวลา และแรงงาน) • อาชีพใดเปนอาชีพที่จําเปนตองใชเทคโนโลยี ในการทํางานมากที่สุด และอาชีพใดใช เทคโนโลยีในการทํางานนอยที่สุด หรือไม จําเปนตองใช (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) 2. ครูเปดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ ตางๆ ที่มีการนําเทคโนโลยีมาใชในการทํางาน ใหนักเรียนดู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เทคโนโลยีมีความสําคัญตอการประกอบ อาชีพอยางไร (แนวตอบ อํานวยความสะดวกในการทํางาน หรือการประกอบอาชีพไดอยางเหมาะสม กับความตองการของมนุษย เชน การนํา เครื่องจักรมาชวยในการกอสราง และการ ทําสวนแทนแรงงานคน) นักเรียนควรรู 1 เทคโนโลยี จะมีการเปลี่ยนแปลง หรือพัฒนาเมื่อเวลาไดผานไป ซึ่งการ เปลี่ยนแปลง หรือการพัฒนาจะขึ้นอยูกับวิวัฒนาการของเครื่องมือ หรือระบบ ตางๆ ดังนั้น คําวา “วิวัฒนาการทางเทคโนโลยี” จึงหมายถึง การเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นกับเครื่องมือ หรือระบบตางๆ อยางซับซอน และจะเปลี่ยนแปลงตาม ลําดับอยางตอเนื่อง ซึ่งมีสาเหตุมาจากปจจัยตางๆ 2 การเลือกใชเทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ ควรพิจารณาถึงสภาพแวดลอม ภายในและสภาพแวดลอมภายนอกขององคกร เพื่อจะไดตัดสินใจเลือกใช เทคโนโลยีที่ตรงตอความตองการของผูใช โดยมีหลักที่ตองคํานึงถึง คือ วัตถุประสงคของการนํามาใชและความคุมคา 3 เครื่องจักร การใชเครื่องจักรอยางปลอดภัย มีขอควรปฏิบัติหลายประการ เชน สวมใสอุปกรณปองกันอันตรายที่เหมาะสมกับงาน อยาใหมือ หรือสวนใด สวนหนึ่งของรางกายเขาใกลจุดหมุน จุดหนีบ หรือสวนที่เคลื่อนไหวของเครื่องจักร กอนปฏิบัติงานควรตรวจสอบสภาพของเครื่องจักรกอนทุกครั้ง นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T130 T131
๒.๒ หลักการเลือกใช้เทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ การเลือกใช้เทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ ควรค�านึงถึงหลักการส�าคัญ ดังนี้ ๒.๓ ปัจจัยที่ต้องน�าเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ในการประกอบอาชีพ การน�าเทคโนโลยีมาใช้ ในการประกอบอาชีพจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ 1. ความพอประมาณ มีความพอเพียงในการ เลือกใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม พอประมาณ กับศักยภาพของตน ด้วยการวิเคราะห์ประเมิน ตรวจสอบความสามารถของตนในการเลือกใช้ เทคโนโลยีเพื่อการประกอบอาชีพ ๒. ความมีเหตุผล มีเหตุมีผลในการเลือกใช้ เทคโนโลยี เพราะปัจจุบันเป็นยุคแห่งการแข่งขัน เทคโนโลยีเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว ท�าให้เกิดผลกระทบ ต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ๓. ความปลอดภัย การเลือกใช้เทคโนโลยี ทุกชนิดมาประกอบอาชีพต้องค�านึงถึงความ ปลอดภัยของตนเอง รวมถึงความปลอดภัยของ สังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นส�าคัญ ๔. มีภูมิคุ้มกัน มีวิจารณญาณโดยเลือกใช้ เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมและพอเพียงมาใช้ใน การประกอบอาชีพ ตอบสนองความต้องการของ ตนเองให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการด�ารงชีวิต ๕. ไม่ขัดต่อศีลธรรม ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณีต่าง ๆ ของสังคมและประเทศชาติ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพต่าง ๆ ล้วนต้องมีการแข่งขัน จึงท�าให้มีการน�าเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในธุรกิจ อุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มปริมาณและคุณภาพของ ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า ปัจจัยด้านสังคม สังคมปัจจุบันจ�าเป็นต้องเรียนรู้และก้าวตามให้ ทันเทคโนโลยีจึงท�าให้มีการปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาเทคโนโลยีมาใช้ประกอบอาชีพในเชิง อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัจจัยด้านเทคโนโลยี ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและน�าเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่ในการประกอบอาชีพให้เหมาะสม กับเวลา หรือสถานการณ์ เพื่อให้เกิดการพัฒนา เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยด้านความต้องการ มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการเป็นผู้น�าแห่ง ความส�าเร็จ จึงเป็นเหตุให้มีการตัดสินใจลงทุน ประกอบธุรกิจ เพื่อแสวงหาผลก�าไร โดยใช้ เทคโนโลยีเป็นปัจจัยพื้นฐาน การเลือกใช้เทคโนโลยีในการประกอบอาชีพจะต้องค�านึงถึง ความปลอดภัยและไม่ท�าลายสิ่งแวดล้อม งานอาชีพ 119 ขั้นนํา 3. ครูใหนักเรียนศึกษาเรื่อง การเลือกใช เทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับการประกอบ อาชีพ จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 4. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ เลือกใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับการ ประกอบอาชีพ จาก PowerPoint ม.5 หนวย การเรียนรูที่ 6 5. ครูถามนักเรียนวา • อาชีพใดที่มีการนําเทคโนโลยีตางๆ มาใช ในการประกอบอาชีพ (แนวตอบ ทุกอาชีพ เพราะวาปจจุบัน เทคโนโลยีไดเขามามีสวนชวยในการทํางาน หรือการประกอบอาชีพไดอยางเหมาะสม) • การเลือกใชเทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ ควรคํานึงถึงหลักการในขอใด (แนวตอบ ควรคํานึงถึงหลักการสําคัญตางๆ คือ มีความพอประมาณในการเลือกใช เทคโนโลยีอยางเหมาะสม มีเหตุผลในการ เลือกใชเทคโนโลยีมาประกอบอาชีพ คํานึงถึง ความปลอดภัยของตนเอง สังคม และ สิ่งแวดลอมเปนสําคัญ มีวิจารณญาณในการ เลือกใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสม ไมขัด ตอหลักศีลธรรม ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณีตางๆ ของสังคมและประเทศชาติ) • การเลือกใชเทคโนโลยีในการประกอบอาชีพ มีวิธีการอยางไร (แนวตอบ ควรเลือกใชเทคโนโลยีจําพวก เครื่องมือ เครื่องจักร วัสดุ อุปกรณตางๆ ให เหมาะสมกับลักษณะของอาชีพ หรือลักษณะ ของงาน และนําเทคนิควิธีการใหมๆ เขามา ปรับปรุงการทํางานและการประกอบอาชีพ ของตนอยูเสมอ เพื่อที่จะทําใหเกิดการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น) กิจกรรม 21st Century Skills 1. ใหนักเรียนแบงกลุมออกเปน 5 กลุม กลุมละเทาๆ กัน 2. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับอาชีพ ตางๆ ที่มีการนําเทคโนโลยีเขามามีสวนชวยในการปฏิบัติงาน โดยใหแตละกลุมยกตัวอยางอาชีพที่สนใจกลุมละ 3 อาชีพ พรอมทั้งตอบคําถามในประเด็นที่ครูกําหนดให ดังนี้ • มีการนําเทคโนโลยีเขามามีสวนชวยในการปฏิบัติงานอยางไร • เทคโนโลยีดังกลาวมีสวนชวยทําใหงานประสบความสําเร็จ ตามเปาหมายที่ตั้งไวหรือไม อยางไร • เทคโนโลยีที่นํามาใชมีลักษณะและรูปแบบที่เหมาะสมกับงาน หรือไม อยางไร เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีสะอาดใหนักเรียนฟงวา เทคโนโลยี สะอาด (Clean Technology: CT) เปนการพัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง กระบวนการผลิต เพื่อใหการใชวัตถุดิบ พลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติ ตางๆ เปนไปอยางมีประสิทธิภาพ เพื่อใหสงผลกระทบตอมนุษยและสิ่งแวดลอม นอยที่สุด ซึ่งวิธีการทํางานของเทคโนโลยีสะอาดแบงเปน 2 ขั้นตอน ดังนี้ • การลดมลพิษที่แหลงกําเนิด ไดแก การปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ การปรับ เปลี่ยนกระบวนการผลิต คือ การปรับเปลี่ยนวัตถุดิบ การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี และการบริหารดําเนินการ • การนํามาใชซํ้า ไดแก การใชหมุนเวียนและการใชเทคโนโลยีหมุนเวียน ซึ่งประโยชนที่จะไดรับจากเทคโนโลยีสะอาดมีอยูดวยกันหลายประการ เชน ทําใหสุขภาพรางกายแข็งแรง มีสภาพแวดลอมและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ประหยัด คาใชจายในการรักษาพยาบาล ลดการเกิดมลพิษ มีทรัพยากรธรรมชาติเหลือใช อยางเพียงพอ นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T130 T131
ขอสอบเนนการคิด ๓.๒ กิจกรรมอาชีพ ปัจจุบันมีกิจกรรมอาชีพมากมายที่สามารถน�ามาฝึกทักษะกระบวนการอาชีพ เพื่อให้มี ประสบการณ์มีความถนัดและมีความมั่นใจในการประกอบอาชีพที่สนใจในอนาคตกิจกรรมอาชีพ ที่นิยมจัดในสถานศึกษา มีดังนี้ ๓ ประสบการณ์ในอาชีพ เป็นการจัดประสบการณ์ให้ได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับอาชีพที่ตนเองถนัด และสนใจด้วยการจ�าลองอาชีพและจัดกิจกรรมอาชีพ เพื่อส่งเสริมให้มีประสบการณ์ในอาชีพ สามารถน�าประสบการณ์ที่ได้ไปใช้เป็นแนวทางในการประกอบอาชีพให้ประสบความส�าเร็จในอนาคต ๓.๑ การจ�าลองอาชีพ การจ�าลองอาชีพเป็นการจัดกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพที่สถานศึกษาจัดท�าให้เสมือน จริง เพื่อให้มีทักษะการท�างาน เห็นคุณค่าของงานสุจริต และเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ การจ�าลองอาชีพมีหลายแนวทาง ดังนี้ การจัดนิทรรศการ เป็นการแสดงผลงาน แสดงสินค้า หรือกิจกรรม ต่าง ๆ เพื่อเผยแพร ่ หรือประกาศ โฆษณา ประชาสัมพันธ์ซึ่งการจัดนิทรรศการแบ่งเป็น ๓ รูปแบบ ได้แก่ นิทรรศการถาวร นิทรรศการ ชั่วคราว และนิทรรศการเคลื่อนที่ การแสดงบทบาทสมมติ เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้ความรู้สึก นึกคิดเรียนรู้ที่จะเข้าใจผู้อื่นรู้จักเอาใจเขามาใส่ ใจเรา โดยให้นักเรียนสวมบทบาทในการประกอบ อาชีพจากสถานการณ์ซึ่งมีความใกล้เคียงกับ ความเป็นจริง การจัดท�าโครงงานอาชีพ เช่น โครงงานจ�าหน่ายน�้าดื่ม โครงงานจ�าหน่ายอาหารกลางวัน โครงงานให้บริการพิมพ์งานคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจเป็นโครงงานอาชีพ ที่ปฏิบัติเป็นรายบุคคล หรือปฏิบัติเป็นกลุ่มก็ได้ การจัดตั้งบริษัทจ�าลอง ต้องปฏิบัติกิจกรรมเป็นกลุ่ม เป็นกิจกรรมที่มีระบบธุรกิจเข้ามา เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ฝึกฝนทักษะการบริหารจัดการอาชีพอย่างเป็น ระบบเช่นบริษัทผลิตและจ�าหน่ายสินค้ากิฟต์ช็อปธุรกิจแฟรนไชส์ ลูกชิ้นปิ้ง การจัดกิจกรรม ฝึกทักษะอาชีพแบบทวิภาคี เป็นการจัดกิจกรรมฝึกทักษะ อาชีพร ่วมกันระหว ่างสถาน ศึกษาและองค์กรธุรกิจ เป็น การส ่งเสริมให้ฝึกทักษะการ ท�างานตามห้างร้าน โรงงาน อุตสาหกรรม หรือองค์กรธุรกิจ อื่น ๆ เช่น ท�างานเป็นแคชเชียร์ ตามห้างสรรพสินค้า หรือร้าน สะดวกซื้อ 1๒0 ฝึกทักษะอาชีพแบบทวิภาคี ธุรกิจแฟรนไชส์ 1 2 เพราะเหตุใดโรงงานอุตสาหกรรมจึงมีสวนทําใหเกิดผลกระทบ ตอสิ่งแวดลอม (แนวตอบ โรงงานอุตสาหกรรมบางแหงมักปลอยนํ้าเสีย กาซพิษ ฝุนละออง ฯลฯ ซึ่งสงผลกระทบตอสิ่งแวดลอม ทําใหสิ่งแวดลอม เสื่อมโทรม อากาศไมบริสุทธิ์ หากรางกายสัมผัส หรือสูดอากาศ หายใจนานๆ สารพิษจะสะสมในรางกาย ทําใหเกิดโรคตางๆ ตามมาได) นักเรียนควรรู 1 ทวิภาคี เปนระบบการศึกษารูปแบบหนึ่ง โดยเรียนรูจากโรงเรียนและ สถานประกอบการรวมกัน ใชเวลาอยางนอย 25% ในสถานประกอบการ ปจจุบันประเทศไทยมีโรงเรียนในสังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาที่เปดสอน ในรูปแบบทวิภาคีมากกวา 300 แหงทั่วประเทศ ซึ่งประโยชนที่ผูเรียนจะไดรับ จากการศึกษาในรูปแบบนี้ คือ ไดรับประสบการณตรงจากการฝกปฏิบัติงาน ในสถานประกอบการ มีทักษะการทํางานที่ตรงกับความตองการของ สถานประกอบการ ไดเรียนรูเเละเขาใจระบบการทํางานในสถานประกอบการ นําความรูทางทฤษฎีไปประยุกตใชในการทํางานไดอยางเหมาะสม พัฒนา เสริมสรางบุคลิกภาพและสรางเสริมลักษณะนิสัยที่ดีในการทํางาน และฝกใหมี ความรับผิดชอบ 2 ธุรกิจแฟรนไชส การทําธุรกิจรวมกันระหวางบริษัทที่ประสบความสําเร็จ ในทางธุรกิจและตองการขยายกิจการกับผูที่ตองการเริ่มตนธุรกิจโดยวิธีสําเร็จรูป ซึี่งบริษัทที่ขายแฟรนไชสจะเปนตนแบบในดานสินคาและบริการ หรือรูปแบบ การดําเนินงานภายใตมาตรฐานเดียวกัน ขั้นสอน 1. ครูใหนักเรียนศึกษาเรื่อง ประสบการณในอาชีพ จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือ ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 2. ครูถามนักเรียนวา • การจําลองอาชีพและการจัดกิจกรรมอาชีพ ทําใหไดเรียนรูประสบการณในอาชีพได อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ชวยสงเสริมใหมีประสบการณ ดานอาชีพที่ตนเองมีความชอบ ความถนัด และความสนใจ ซึ่งสามารถนําประสบการณ ที่ไดรับมาปรับใช เพื่อเปนแนวทางในการ ประกอบอาชีพใหประสบความสําเร็จใน อนาคต) • กิจกรรมอาชีพที่นิยมจัดในสถานศึกษาคือ กิจกรรมใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน กิจกรรมอาชีพที่นิยม จัดมีอยูหลายกิจกรรม เชน การจัดทําโครงงาน อาชีพ การจัดตั้งบริษัทจําลอง การจัดกิจกรรม ฝกทักษะอาชีพ) 3. ครูใหนักเรียนแตละคนทําแบบทดสอบคนหา ตนเองจาก http://ez.eduzones.com/test/ จากนั้นนําขอมูลที่ไดมาทําการวิเคราะหและ สรุปผลรวมกัน โดยครูยกตัวอยางอาชีพ ที่นาสนใจและอธิบายเพิ่มเติม เพื่อใหเกิด ความรูที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น 4. ครูถามนักเรียนวา • จากผลการทําแบบทดสอบคนหาตนเอง นักเรียนไดผลลัพธที่ตรงกับอาชีพที่ตนเอง ใฝฝนหรือไม อยางไร (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) นํา สอน สรุป ประเมิน T132 T133
ลักษณะของอาชีพ อัปโหลดสื่อวิดีิโอตาง ๆ ที่นาสนใจ และสรางสรรคผานเว็บไซตใหผูที่สนใจ เขามาชม ซึ่งผลงานที่นําเสนอจะตองเปน ผลงานที่จัดทําขึ้นดวยตนเอง ไมเปน ผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผูอื่น ไมอนาจาร และไมขัดตอหลักคุณธรรม จริยธรรมที่ดี િ Chef การ»รÐกÍบÍาªÕ¾·Õèน‹าÊน㨠ในปัจจุบันมีอาชีพที่ได้รับความ นิยมเกิดขึ้นใหม่อย่างมากมาย ซึ่ง แต่ละอาชีพจะมีรูปแบบและลักษณะ การท�างานที่แตกต ่างกัน รวมถึง ทักษะต่าง ๆ ที่จ�าเป็นต่อการประกอบ อาชีพ ตัวอย่างการประกอบอาชีพที่ น่าสนใจมีดังนี้ ÂÙ·ÔÇàºÍà YouTuber ลักษณะของอาชีพ ประกอบอาหารคาวและอาหารหวาน ใหบุคคลทั่วไปไดบริโภค คิดสูตรอาหารใหมีความแปลกใหมและหลากหลาย คิดรายการอาหาร ที่อุดมไปดวยคุณคาทางโภชนาการ รวมถึงการจัดการในครัวอยาง เปนระบบ คุณสมบัติที่จ�าเปน มีทักษะในการสื่อสารที่ดี นําเสนอ ผลงานไดอยางสรางสรรค มีจินตนาการ และความคิดสรางสรรค ทันตอกระแส สังคมหรือเหตุการณที่เกิดขึ้นในสังคม ปจจุบัน มีความสามารถในการจัด ตําแหนงภาพ เลือกโทนสีที่ใช ในคลิป ตัดตอวิดีโอได คุณสมบัติที่จ�าเปน มีความสามารถในการเตรียม ประกอบ จัด และตกแตงอาหาร มีความรูเกี่ยวกับโภชนาการ และ อาหารหลัก ๕ หมู รักการทํา อาหาร มีความคิดสรางสรรค มีความรับผิดชอบสูง อดทน รักความสะอาด สามารถแกไข เหตุการณเฉพาะหนาไดดี ลักษณะของอาชีพ ชงกาแฟชนิดตาง ๆ ใหบุคคล ทั่วไปไดบริโภค คิดคนสูตรกาแฟ ใหมีความแปลกใหมและหลาก หลาย มีรสชาติที่แตกตางไปจาก กาแฟโดยทั่วไป จัดตกแตงกาแฟ ใหสวยงามนารับประทาน คุณสมบัติที่จ�าเปน มีความเชี่ยวชาญในการชงกาแฟทุกประเภท มีความรอบรูเกี่ยวกับ กาแฟ คิดคนเมนูใหม ๆ อยูเสมอ มีความคิดสรางสรรคมนุษยสัมพันธ ที่ดี มีไหวพริบ สามารถแกไขเหตุการณเฉพาะหนาไดดี รักงาน บริการ ขยัน อดทน มีความสามารถในการบริหารจัดการ บารÔʵา Barista งานอาชีพ 1๒1 ชงกาแฟชนิดตาง ๆ ใหบุคคล 1 กิจกรรม ทาทาย ใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมอาชีพ ที่นิยมจัดขึ้นในสถานศึกษา โดยสรุปความรูที่ไดรับในรูปแบบของ แผนพับ ตกแตงใหสวยงาม นําสงครูผูสอน ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน จัดทําโครงงานอาชีพ ตามความสนใจกลุมละ 1 โครงงาน โดยใหเขียนโครงรางของ โครงงานดังกลาวสงครูผูสอน ในประเด็นที่ครูกําหนดให ดังนี้ • หลักการและเหตุผล • การดําเนินงาน • วัตถุประสงค • งบประมาณ • ประโยชนที่คาดวาจะไดรับ ขั้นสอน 5. ครูใหนักเรียนแบงกลุมตามผลการทดสอบคนหา ตนเอง จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมรวมกัน ระดมความคิดเกี่ยวกับอาชีพที่กลุมของตนเอง สนใจ เพื่อทําการสัมภาษณบุคคลที่ประกอบ อาชีพนั้นๆ 1 ทาน โดยมีประเด็นในการ สัมภาษณ คือ ลักษณะของอาชีพ คุณสมบัติ ที่เหมาะสมกับอาชีพ การสัมภาษณงาน และ คุณลักษณะที่ดีตออาชีพ 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมลงมือปฏิบัติการ สัมภาษณบุคคลที่กลุมของตนเองเลือก ซึ่ง อาจเปนบุคคลที่นักเรียนรูจัก หรือเปนบุคคล ในครอบครัว โดยแตละกลุมจะตองรวมกัน วางแผนการทํางาน ซึ่งสมาชิกทุกคนภายใน กลุมจะตองมีหนาที่ความรับผิดชอบรวมกัน ระหวางการสัมภาษณตองมีการจดบันทึกผล การสัมภาษณไวดวย เพื่อนําขอมูลที่ไดจาก การสัมภาษณมาเรียบเรียง แลวสรุปผลการ สัมภาษณ จัดทําเปนรายงาน นําสงครูผูสอน 7. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอผลการสัมภาษณบุคคลที่กลุม ของตนเองเลือกใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน พรอมทั้ง เลาถึงประสบการณในการไปสัมภาษณบุคคล ดังกลาววามีความประทับใจ หรือมีความรูสึก อยางไร เมื่อไดสัมภาษณบุคคลที่ประสบความ สําเร็จในชีวิต ไดรับแรงบันดาลใจในการประกอบ อาชีพหรือไม ไดขอคิดใดเพื่อเตรียมตัวเขาสู อาชีพ ซึ่งนอกเหนือจากการจัดทําเปนรูปเลม รายงานแลว อาจมีภาพ หรือสิ่งอื่นๆ มาใช ประกอบการนําเสนอผลงานได โดยมีครูเปน ผูตรวจสอบความถูกตองและอธิบายเพิ่มเติม เพื่อใหเกิดความรูที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น นํา สอน สรุป ประเมิน กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู 1 กาแฟ ผลการวิจัยพบวา ผูที่ดื่มกาแฟเปนประจําจะชวยลดการเกิดภาวะเสี่ยง ตอการเปนโรคอัลไซเมอรไดถึง 60% และลดภาวะเสี่ยงตอการเกิดโรคพารกินสัน ไดถึง 30-60% เกร็ดแนะครู ครูสามารถแนะนํานักเรียนเพิ่มเติมวา ปจจุบันมีอาชีพเกิดขึ้นใหมที่นาสนใจ และมีผูประกอบอาชีพนี้มากขึ้น เชน ยูทิวเบอร ซึ่งเปนอาชีพอิสระที่เปนการ สรางสรรคผลงานในรูปแบบตาง ๆ ที่ไมผิดศีลธรรม และไมละเมิดสิทธิของ ผูอื่นผานเว็บไซตใหผูที่สนใจเขามาเลือกชม ขายสินคาออนไลน ซึ่งไดรับความ นิยมเปนอยางมาก เนื่องจากสะดวกตอผูซื้อที่ไมตองไปหาซื้อสินคาตามทองตลาด ดวยตนเอง เพียงแคสั่งสินคาทางชองทางออนไลน สินคาก็ถึงมือผูซื้อไดอยาง รวดเร็ว T132 T133
ขอสอบเนนการคิด การประกอบอาชีพใด ๆ ก็ตาม นอกจากจะต้องมีความ รอบรู้ในงานแล้ว ยังต้องมีคุณธรรม และจริยธรรม จึงจะ สามารถท�างานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ๔ คุณลักษณะที่ดีต่ออาชีพ การจะท�างานให้ประสบความส�าเร็จและได้รับการยอมรับนับถือจากบุคคลต่าง ๆ จ�าเป็นต้อง มีคุณลักษณะที่ดีต่ออาชีพ ดังนี้ ๔.๑ คุณธรรมและจริยธรรมในการประกอบอาชีพ ผู้ประกอบอาชีพจะต้องยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมต่ออาชีพของตนเอง เพื่อให้ การท�างานประสบความส�าเร็จ ซึ่งคุณธรรมและจริยธรรมในการประกอบอาชีพ มีดังนี้ 1. มีความขยัน ตั้งใจกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติงาน อย่างเต็มความสามารถเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ และส�าเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย ๒. มีความรับผิดชอบ มุ ่งมั่นในการท�างาน ท�างานเสร็จตามเวลาและตรงตามวัตถุประสงค์ที่ ก�าหนด โดยใช้เวลาอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ ๓. มีความอดทน ไม่ว่างานที่ท�าจะหนักหนา เพียงใดก็ตาม ไม่ควรท้อถอย เมื่อเจออุปสรรค หรือปัญหาในการท�างาน ๔. มีความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งต่อตนเอง เพื่อน ร่วมงาน และองค์กร ๕. มีความเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน�้าใจ ไม่เห็นแก่ตัว เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และพร้อมที่จะให้ ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่เฉพาะแต่ปัญหา เรื่องงานแต่ยังรวมถึงปัญหาส่วนตัวด้วย ตรงต่อเวลา ท�างานเสร็จทัน ตามเวลาที่ก�าหนด ขยันหมั่นเพียร กระตือรือร้น กระฉับกระเฉง ในการท�างาน แสวงหาความรู้อยู่เสมอ เพื่อให้เกิดความรู้ ความช�านาญในอาชีพที่ท�า มีมนุษยสัมพันธ์ดี ท�าตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น พูดจาสุภาพ สร้างความรู้สึกที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน สุขภาพแข็งแรง ทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ 6. มีวินัยในการท�างาน การยึดมั่นในระเบียบ แบบแผนข้อบังคับและข้อปฏิบัติเช่น ท�างานเสร็จ ทันตามก�าหนดเวลา มาท�างานตรงเวลา 7. มีความสามัคคีร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติงาน ให้บรรลุตามเป้าหมาย ไม่ทะเลาะวิวาท ไม่เอารัด เอาเปรียบเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย 1๒๒ ร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติงาน ไม่เฉพาะแต่ปัญหา และค่านิยมต่ออาชีพของตนเอง 2 3 1 บุคคลในขอใดมีคุณธรรมและจริยธรรมในการประกอบอาชีพ 1. โปงขึ้นราคาอาหารในชวงที่เกิดภัยพิบัติ 2. เปนําขนมและเครื่องดื่มมาแจกเด็กๆ ชาวเขา 3. ปนเรียกลูกคาใหกลับมารับเงินทอนที่ลูกนองทอนขาด 4. ปานปรับตาชั่งผลไมใหมีนํ้าหนักเกินไปจากความเปนจริง (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการประกอบอาชีพใดๆ ก็ตาม ควรมีคุณธรรมและจริยธรรมเปนพื้นฐานในการประกอบอาชีพ กลาวคือ จะตองทําในสิ่งที่ถูกตอง ประพฤติปฏิบัติตนในกรอบ ที่ดีงาม แกปญหาไดอยางถูกตองและเปนธรรม มีความซื่อสัตยสุจริต ไมคดโกง ไมเอาเปรียบผูอื่นไมวาจะทางตรง หรือทางออมก็ตาม) นักเรียนควรรู 1 คานิยมตออาชีพของตนเอง เปนสิ่งที่ผูปฏิบัติงานคิดและคาดหวังวาควรจะ ไดรับผลตอบแทนจากการทํางาน เชน ความสําเร็จ ความชวยเหลือ ความคิด สรางสรรค ความมีสติปญญา ความเปลี่ยนแปลง ความมีชื่อเสียง ความมีอํานาจ ความมีอิสระ ความสามารถในการจัดการ ความมั่นคง ความปลอดภัย ความเปนอยู ในสิ่งแวดลอมที่ดี ความสัมพันธกับผูอื่น 2 รวมมือรวมใจกันปฏิบัติงาน ทุกฝายจะตองสรางสัมพันธภาพในการทํางาน รวมกัน ชวยเหลือซึ่งกันและกัน โดยอาศัยความเขาใจ หรือการตกลงรวมกัน มีการรวบรวมกําลังความคิด วิธีการ และเทคนิค เพื่อใหสามารถปฏิบัติงาน ไดอยางบรรลุจุดมุงหมายเดียวกัน 3 ปญหา มีองคประกอบสําคัญ 3 ประการ คือ ความเบี่ยงเบนแตกตาง จากภาพตามเหตุการณที่ควรจะเปนตามเปาหมาย มีแนวโนมวาจะเกิดปญหา ในอนาคต ความไมแนนอนที่อาจเกิดขึ้นไดในอนาคต โดยมีเหตุการณแทรกแซง เกิดขึ้น ขั้นสอน 8. ครูใหนักเรียนศึกษาเรื่อง คุณลักษณะที่ดีตอ อาชีพ จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 9. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณลักษณะ ที่ดีตออาชีพ จาก PowerPoint ม.5 หนวย การเรียนรูที่ 6 10. ครูถามนักเรียนวา • การทํางานใหประสบความสําเร็จจะตองมี คุณลักษณะที่ดีตออาชีพในเรื่องใด (แนวตอบ มีสุขภาพรางกายแข็งแรง ตรงตอ เวลา มีความขยันหมั่นเพียร แสวงหาความรู อยูเสมอ มีมนุษยสัมพันธที่ดีตอผูอื่น) • คําวา “คุณธรรมและจริยธรรม” หมายถึง สิ่งใด (แนวตอบ คุณธรรม หมายถึง ธรรมที่เปน ขอประพฤติปฏิบัติ ศีลธรรม หลักเกณฑ หรือกฎที่สังคมใชตัดสินวาการกระทําใด เปนสิ่งที่ถูกตอง ดีงาม ควรปฏิบัติ และ การกระทําใดเปนสิ่งที่ไมควรปฏิบัติ สวน จริยธรรม หมายถึง การประพฤติปฏิบัติตน ในกรอบที่ดีงาม สามารถตัดสินใจแกปญหา ไดถูกตองและเปนธรรม ซึ่งสอดคลองกับ หลักธรรมและคําสอนของศาสนา สามารถ แยกแยะสิ่งถูกผิดได สามารถอบรมสั่งสอน ใหผูอื่นปฏิบัติตนในสิ่งที่ถูกตอง มีสติ สัมปชัญญะ มีความรับผิดชอบชั่วดีตาม ทํานองคลองธรรม) • คุณธรรมและจริยธรรมมีความสําคัญตอ ผูประกอบอาชีพอยางไร (แนวตอบ เปนสิ่งที่ชวยควบคุมและสงเสริม ใหผูประกอบอาชีพทํางานอยางมีประสิทธิภาพ โดยมีความสํานึกในหนาที่และความรับผิดชอบ ในงานของตนเอง) นํา สอน สรุป ประเมิน T134 T135
การ ประกอบอาชีพใด ๆ ที่สนใจให้ประสบความส�าเร็จในอนาคตตามเป้าหมายที่ ตั้งไว้ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการมองเห็นแนวทางการเข้าสู่อาชีพที่ตนเองสนใจอย่างชัดเจน ทั้งใน เรื่องการเตรียมตัวหางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ ลักษณะความมั่นคงและความก้าวหน้า การ สมัครงาน การสัมภาษณ์ การท�างาน และการเปลี่ยนงาน ตลอดจนการเลือกและใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสมกับอาชีพ นอกจากนี้ ยังจะต้องมีประสบการณ์ ในอาชีพที่ตนถนัดและสนใจด้วยคุณลักษณะ ที่ดีต่ออาชีพนั้น ๆ ด้วย สรุป นักรีวิวสินค้าแนะน�าสินค้าสาธิตการใช้ มีการอัปโหลดสื่อวิดีโอผ ่านเว็บไซต์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ได้ท้าทายความสามารถ ส่งเสริมการกล้าแสดงออกและการมีความ คิดสร้างสรรค์ ๔.๒ ค่านิยมในการประกอบอาชีพ ค่านิยมเป็นความเชื่อที่กลุ่มมีร่วมกันของบุคลากรทุกระดับในองค์กร ว่าพฤติกรรมใดควรท�า และพฤติกรรมใดไม่ควรท�า เพื่อให้บรรลุผลส�าเร็จทั้งในระดับบุคคล ระดับหน่วยงาน ระดับองค์กร และผู้รับบริการ ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ค่านิยมในการประกอบอาชีพเป็นสิ่งที่ยึดถือว่าดีงามและพึงปฏิบัติเช่นค่านิยมเรื่องความซื่อสัตย์ ความมั่นคง ความเสียสละ หากคิดเพียงแต่ขอให้ได้งานโดยไม่ตระหนักถึงค่านิยมของตนเอง และธรรมชาติของงาน ก็จะไม่มีความสุขกับการท�างาน ท�าให้ต้องเปลี่ยนงานอยู่เสมอ ดังนั้น การรู้จักค่านิยมของตนเองจึงถือเป็นหัวใจส�าคัญในการท�างานอย่างมีความสุข ค่านิยมในการ ประกอบอาชีพแบ่งเป็น ๒ ลักษณะ ดังนี้ 1. ค่านิยมภายในตัวงาน เป็นค่านิยมที่ให้คุณค่าในตัวงาน ผู้ที่ มีค่านิยมในตัวงานจะชอบท�างานที่ท้าทายและมีการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เช่น งานที่น่าสนใจ งานที่ท้าทายความสามารถ การได้ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ การร่วมสร้างสรรค์สิ่งส�าคัญ การแสดงศักยภาพ ของตนในงานได้อย่างเต็มที่ ความรับผิดชอบและความเป็นตัวเอง การมีความคิดสร้างสรรค์ ๒. ค่านิยมภายนอกตัวงาน เป็นการให้คุณค่าแก่สิ่งแวดล้อมอื่น นอกจากตัวงาน ผู้ที่มีค ่านิยมนอกตัวงานจะให้ความส�าคัญกับ เงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ ความมั่นคงในการท�างาน การได้รับ ค ่าตอบแทนจากการท�างาน การมีฐานะในชุมชน การมีความ สัมพันธ์กับสังคม การมีเวลาให้กับครอบครัว และการมีเวลา เพื่อท�างานอดิเรกที่ตนเองชอบ งานอาชีพ 1๒๓ ขั้นสอน 11. ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับ คานิยมในการประกอบอาชีพ จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • คําวา “คานิยม” หมายถึงสิ่งใด (แนวตอบ คานิยม หมายถึง ความเชื่อที่กลุม มีรวมกันของบุคลากรทุกระดับในองคกร วาพฤติกรรมใดควรทําและพฤติกรรมใด ไมควรทํา เพื่อใหบรรลุผลสําเร็จทั้งในระดับ บุคคล ระดับหนวยงาน ระดับองคกร และ ผูรับบริการ ตลอดจนผูมีสวนไดสวนเสีย) • คานิยมในการประกอบอาชีพหมายถึงสิ่งใด จงยกตัวอยางประกอบ (แนวตอบ คานิยมในการประกอบอาชีพ หมายถึง สิ่งที่ยึดถือวาดีงาม มีความสมควร ที่จะปฏิบัติตาม เชน คานิยมเรื่องความซื่อสัตย ความมั่นคง ความปลอดภัย ความเสียสละ ความมีระเบียบวินัย ความขยันหมั่นเพียร) • คานิยมในการประกอบอาชีพแบงเปน กี่ลักษณะ แตละลักษณะมีคุณสมบัติอยางไร (แนวตอบ คานิยมในการประกอบอาชีพ แบงเปน 2 ลักษณะ ไดแก • คานิยมภายในตัวงาน เปนคานิยมที่ให คุณคาในตัวงาน ซึ่งผูที่มีคานิยมในตัวงาน จะชอบทํางานที่ทาทาย มีการเรียนรูใน สิ่งใหมๆ อยูเสมอ ชอบที่จะพัฒนาความคิด สรางสรรคของตน • คานิยมภายนอกตัวงาน เปนการใหคุณคา แกสิ่งแวดลอมอื่นๆ ที่นอกเหนือจากตัวงาน ซึ่งผูที่มีคานิยมภายนอกตัวงานจะใหความ สําคัญกับเงินเดือน คาจาง คาคอมมิชชัน และสวัสดิการตางๆ นอกเหนือจากตัวงาน ที่ตองปฏิบัติ) 12. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําใบงานที่ 6.2.1 เรื่อง ความรูในการงานอาชีพ กิจกรรม Mini Project 1. ใหนักเรียนสํารวจความตองการของตลาดแรงงานไทยในปจจุบัน จากแหลงการเรียนรูที่หลากหลาย เชน อินเทอรเน็ต 2. นําขอมูลที่ไดรับมาทําการวิเคราะหวามีอาชีพใดที่เหมาะสมกับ ตนเอง โดยใชการวิเคราะห SWOT เปนพื้นฐาน 3. สรางสถานการณจําลองเกี่ยวกับการรับสมัครงาน การสัมภาษณ เพื่อเขาทํางาน (ตามอาชีพที่เลือก) โดยกําหนดใหมีตัวแทนนักเรียน 2-3 คน แสดงบทบาทสมมติเปนผูประกอบการ และนักเรียน แสดงบทบาทสมมติเปนผูมาสมัครงาน เกร็ดแนะครู ครูแนะนําเกี่ยวกับอาชีพที่ไดรับความนิยมจากนักศึกษาจบใหมใหนักเรียน ฟงวา จากการสํารวจของเว็บไซตหางาน JobThai.com มีอาชีพที่นักศึกษา จบใหมนิยมสมัครมากที่สุด ไดแก • งานธุรการ, จัดซื้อ รอยละ 15.3 • งานผลิต, งานควบคุมคุณภาพ รอยละ 9.2 • งานวิศวกรรม รอยละ 9.2 • งานบัญชี, การเงิน รอยละ 8.2 • งานทรัพยากรบุคคล รอยละ 7.3 • งานโลจิสติกสและซัปพลายเชน รอยละ 6.9 • งานขาย รอยละ 6.9 • งานวิทยาศาสตร, งานวิจัยพัฒนา รอยละ 5.7 • งานบริการลูกคา รอยละ 5.5 • งานการตลาด รอยละ 4.2 ซึ่งในอนาคตนักเรียนสามารถศึกษาเกี่ยวกับทิศทางของตลาดแรงงานไทย ไดจากกรมการจัดหางาน หรือที่ www.doe.go.th นํา สอน สรุป ประเมิน T134 T135
แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับ คะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความ คิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมี น้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การ ปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม ขอสอบเนนการคิด Êรé Ò§ÊÃÃ¤ì ¾Ñ²นาการàรÕÂนรéÙกÔ¨กรรม ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมเป็นรายบุคคล โดยเขียน ตอบตามที่ก�าหนด àÃ×èͧ ¤ÇÒÁÃٌ㹡ÒçҹÍÒªÕ¾ ใบมอบหมายงาน ๑. นักเรียนมีวิธีการเตรียมตัวหางานที่ตนเองสนใจอย่างไร ๒. การพัฒนาบุคลิกภาพของตนเองเพื่อการประกอบอาชีพในอนาคตมีความส�าคัญหรือไม่ อย่างไร ๓. การท�างานเพื่อให้เกิดความมั�นคงและความเจริญก้าวหน้าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร ๔. ในการไปสมัครงานควรเตรียมความพร้อมในเรื่องใด เพราะเหตุใด ๕. ในการเข้ารับการสัมภาษณ์งาน ผู้สัมภาษณ์ควรปฏิบัติตนอย่างไร เพื่อให้ได้โอกาสในการท�างานมากขึ้น ๖. นักเรียนสามารถน�าหลักการท�างานที่จะต้องรู้จักการครองตน การครองคน และการครองงานมาประยุกต์ ใช้ ในการเรียนได้อย่างไร ๗. เพราะเหตุใดเราจึงต้องรู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับอาชีพของตน ๘. การจ�าลองอาชีพและกิจกรรมอาชีพช่วยให้เกิดประสบการณ์ในอาชีพได้อย่างไร ๙. ค่านิยมในการประกอบอาชีพมีความส�าคัญต่อการท�างานอย่างไร ๑๐. ค่านิยมทางสังคมมีส่วนท�าให้การตัดสินใจเลือกอาชีพของนักเรียนเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ อย่างไร 1๒๔ ขั้นสรุป 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง งาน อาชีพ 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย การเรียนรูที่ 6 ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจหลังเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 6.2.1 เรื่อง ความรูใน การงานอาชีพ 3. ครูตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การสัมภาษณบุคคลที่ประสบความสําเร็จ 4. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 ขอใดคือสิ่งสําคัญในการทํางานใหประสบผลสําเร็จดวยตนเอง 1. เสียสละและมีนํ้าใจตอผูอื่น 2. พูดจาสุภาพออนหวานตอบุคคลทั่วไป 3. พัฒนาตนเองอยูเสมอ มีความขยันและอดทน 4. แสดงความยินดี เมื่อผูอื่นประสบความสําเร็จ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการทํางานใดๆ ใหประสบ ผลสําเร็จ ผูปฏิบัติงานจะตองรูจักพัฒนาตนเองอยูเสมอ เพื่อเปน การเพิ่มศักยภาพในการทํางาน รวมถึงตองมีความขยันและอดทน เพื่อใหการทํางานเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ) นํา สอน สรุป ประเมิน T136 T137
บรรณาน ุ กรม กรมการจัดหางาน กองวิชาการและแผนงาน. ๒๕๔๔. แนะน�ำกรมการจัดหางาน. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย. กรมการจัดหางาน กองส่งเสริมการมีงานท�ำ. ๒๕๔๐. คู่มือการแนะแนวอาชีพ. (เอกสารเย็บเล่ม) กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม กรมการจัดหางาน. ๒๕๔๔. ๘ ปี กรมการจัดหางาน. กรุงเทพมหานคร : ชุมชนสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย. เกริก ท่วมกลาง. ๒๕๔๗. เทคนิคการปลูกผักสวนครัว ผักปลอดสารพิษ. กรุงเทพมหานคร : สถาพรบุ๊คส์. . ๒๕๔๗. เทคนิคการปลูกผักพื้นบ้าน ผักริมรั้ว. กรุงเทพมหานคร : สถาพรบุ๊คส์. กฤษฎา สัมพันธารักษ์. ๒๕๔๖. ปรับปรุงพันธุ์พืช : พื้นฐาน วิธีการ และแนวคิด. กรุงเทพมหานคร : ส�ำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์. จุฑามาศ อ่อนวิมล. ๒๕๔๗. ไม้ตัดดอก. กรุงเทพมหานคร : โครงการหนังสือเกษตรชุมชน. เจียมจิตร เผือกศรี. ๒๕๔๕. การออกแบบเสื้อ ๑. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์ส่งเสริมวิชาการ. ณัฐกิตต์ ธรรมเจริญ. ๒๕๔๕. สิ่งประดิษฐ์จากภูมิปัญญาไทย. กรุงเทพมหานคร : นาคาอินเตอร์มีเดีย. ประศาสตร์ เกื้อมณี. ๒๕๓๘. เทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช. กรุงเทพมหานคร : โอ. เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. ผจญ เฉลิมสาร. ๒๕๔๕. ๕ ส : คู่มือการปรับปรุงส�ำนักงาน. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ประชาชน. พรรณงาม สุวรรณเสวก. ๒๕๔๑. แนะน�ำวิธีเย็บ...เสื้อผ้า. กรุงเทพมหานคร : พรานนกวิทยา. มนัสวี ธาดาสีห์. ๒๕๔๕. คู่มือการบริหารกิจกรรม ๕ ส. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ประชาชน. รังสฤษดิ์ กาวีต๊ะ. ๒๕๔๕. การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช : หลักการและเทคนิค. กรุงเทพมหานคร : ส�ำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ลือชัย ทองนิล. ๒๕๔๗. คู่มืองานช่างในบ้าน ช่างไฟฟ้าในบ้าน. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. วิชัย จิตต์เสรี. ๒๕๔๓. ช่าง (จ�ำเป็น) ประจ�ำบ้าน : ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับบ้าน ท่านสามารถแก้ไขได้. กรุงเทพมหานคร : ดอกหญ้า ๒๐๐๐. วิโรจน์ ภัทรจินดา. ๒๕๔๖. โคนม = Dairy cattle. กรุงเทพมหานคร : ส�ำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ศุภชัย อาชีวระงับโรค. ๒๕๔๖. Practical PDCA : แก้ปัญหาและปรับปรุงงานเพื่อความส�ำเร็จ. กรุงเทพมหานคร : ซีโน ดีไซน์. T136 T137
ศิระ จันทร์สวาสดิ์. ๒๕๕๓. คู่มืองานช่างในบ้าน ช่างไม้ในบ้าน. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. สมชาย ศรีพลู. ๒๕๔๕. ค�ำบรรยายวิชา หลักการเลี้ยงสัตว์.นครสวรรค์ : คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. สุพัสดา ศรีอุดร และสมัย ศรีอุดร. ๒๕๕๑. การร้อยมาลัยดอกไม้สด. กรุงเทพมหานคร : วาดศิลป์. อภิรัติ โสฬศ. ๒๕๔๙. ศิลปะประดิษฐ์. กรุงเทพมหานคร : โอ. เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. อาภา จงจิตต์. ๒๕๕๐. การแกะสลักผักสดและผลไม้. กรุงเทพมหานคร : ทิพย์วิสุทธิ์. ฮอฟฟ์มัน, เอ็ดเวิร์ด. ๒๕๔๕. เมื่อบริษัทต้องคัดเลือกคน. กรุงเทพมหานคร : เอ็กเปอร์เน็ท. Busch, Akiko. 1984. Product Design. Hong Kong : Toppan Printing. Smith, D.M. 1994. DO-IT-YOURSELF MANUAL. North Sydney : Murdoch Book. สื่ออิเล็กทรอนิกส์ กรมปศุสัตว์. (๒๕๕๓). วัตถุดิบอาหารสัตว์. สืบค้นเมื่อ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๓, จาก http://www.dld.go.th/nutrition/Nutrition_Knowledge/nutrition_1.html กรมส่งเสริมการเกษตร. (๒๕๕๓). ไม้ดอกไม้ประดับ. สืบค้นเมื่อ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๓, จาก http://www.doae.go.th/library/html/ detail/dawrueng/dawrueng.html T138
การงานอาชีพ ม.๕ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน มนตรี สมไร่ขิง เพ็ญพร ประมวลสุข ปัญญา สังข์ภิรมย์ วรรณี วงศ์พานิชย์ ศิริรัตน์ ฉัตรศิขรินทร ดร.สถิตย์พงษ์ มั่นหลำ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ÕÐ.- หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน การงานอาชีพ ม. ๕ flêÐúôĀÖ úèĀÖùĆüċòĄñè..................................................................................................................................................................................... ĎéêòÿÐĀèÓćâïāíùĆēüÐāòċòĄñèòĈśÑüÖùĘāèĀÐíăðíŞċüÐÙè úèĀÖùĆüċòĄñè òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄí ð Ġ ÙĀĔèðĀçñð÷ąÐøāêŒæĄē Ġ ÐôćŚðùāòÿÐāòċòĄñèòĈśÐāòÖāèüāÙĄí ċôŚðèĄĔ ×ĀãíăðíŞčãñ éòăøĀæ üĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞ ü׿ ×ĘāÐĀã ùĘāúòĀéĎÙśêòÿÐüéÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäòČÐèÐôāÖÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāè íćæç÷ĀÐòāÙ ĝĠĠĜčãñðĄčÓòÖùòśāÖċèĆĔüúāäāðæĄēéòăøĀæÐĘāúèãČôÿðĄëĈśċòĄñéċòĄñÖëĈśäòö× ČôÿéòòâāçăÐāò ãĀÖèĄĔ ëĈśċòĄñéċòĄñÖ Ĝ èāñðèäòĄùðďòŚÑăÖ ĝ ë÷ċíĒÜíò êòÿðöôùćÑ Ğ èāñêŠÜÜā ùĀÖÑŞïăòðñŞ ğ èāÖöòò⥠öÖ÷ŞíāèăÙñŞ Ġ èāÖ÷ăòăòĀäèŞØĀäò÷ăÑòăèæò ġ ãòùåăäñŞíÖøŞðĀēèúôĘā ëĈśäòö× Ĝ ò÷×üðÑöĀÜ ùćöòòâòĀÐøŞ ĝ ë÷ ãòċéÜÜā ðÿčèÙĀñ Ğ èāÖùāöÐćúôāé ôā÷èĀèæŞ éòòâāçăÐāò èāñùðċÐĄñòäă ïĈŚòÿúÖøŞ éòăøĀæÑüòĀéòüÖöŚā ÓâÿëĈśäòö×ČôÿéòòâāçăÐāòãĀÖÐôŚāö ċêŢèëĈśðĄÓćâùðéĀäăċêŢèďê äāðúôĀÐċÐâàŞČôÿċÖĆēüèďÑæĄēùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèÐĘāúèã ÚąēÖďãś æĘāúèśāæĄēäòö×íă×āòâāÓćâïāíČôÿéòòâāçăÐāòúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔĎúśðĄÓöāðåĈÐäśüÖČôÿðĄÓćâïāí ĎèÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäò úāÐúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔðĄÑśüéÐíòŚüÖéòăøĀæ×ÿêòĀéêòćÖČÐśďÑČôÿùŚÖúèĀÖùĆüæĄēêòĀéêòćÖČôśö Ďúśùåāè÷ąÐøā ĎèÐòâĄðĄċèĆĔüúāďðŚåĈÐäśüÖ ďðŚċúðāÿùð ðĄëôċùĄñäŚüÐāòċòĄñèòĈś ÐŚüĎúśċÐăã ëôċùĄñúāñäŚüÐāò÷ąÐøā Óćâçòòð ×òăñçòòð ČôÿÓöāððĀēèÓÖÑüÖÙāäă éòăøĀæñăèãĄĎúś ùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèåüãåüèòāñÙĆēüüüÐ×āÐéĀÜÙĄêòÿÐā÷ÐĘāúèã úèĀÖùĆüċòĄñè Čôÿíòśüð×ÿċòĄñÐċÐĒéúèĀÖùĆüæĄē×ĘāúèŚāñæĀĔÖúðã ČôÿÙãĎÙśÓŚāċùĄñúāñĎúśÐĀé ùåāè÷ąÐøā èāñÙĀñâòÖÓŞ ôăðêřÐăääăùăè ÐòòðÐāòëĈś×ĀãÐāòéòăøĀæüĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞü׿×ĘāÐĀã òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄíČôÿċæÓčèčôñĄ ðĠ คู่มือครู บร. วิทยาศาสตร์ ม.2 ล.1 300.- 8 858649 121349 สร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ระดับโลก ม.๕ คู่มือครู นร. การงานอาชีพ ม.5 300.- 8 858649 144294 เพ็ญพร ประมวลสุข ปัญญา สังข์ภิรมย์ ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน คู่มือครู อจท. เพิ่ม คำแนะนำการใช้ เพิ่ม คำอธิบายรายวิชา เพิ่ม Pedagogy เพิ่ม Teacher Guide Overview เพิ่ม Chapter Overview เพิ่ม ข้อสอบเน้นการคิด เพิ่ม กิจกรรม 21 Century Skills st ราคานี้เป็นของฉบับคู่มือครูเท่านั้น >> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสั่งซื้อของ อจท. บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คู่สาย) ID Line: @aksornkrumattayom www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท. ภาพปกนี้มีขนาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน ผู้เรียบเรียงคู่มือครู พรรณมณฑ์ นิลนฤนาท อัญชลี ฉายแสงจันทร์ แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน คู่มือครู ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹ ¡ÒçҹÍÒªÕ¾ Á. ๕ การงานอาชีพ ม.๕ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน มนตรี สมไร่ขิง เพ็ญพร ประมวลสุข ปัญญา สังข์ภิรมย์ วรรณี วงศ์พานิชย์ ศิริรัตน์ ฉัตรศิขรินทร ดร.สถิตย์พงษ์ มั่นหลำ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ÕÐ.- หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน การงานอาชีพ ม. ๕ flêÐúôĀÖ úèĀÖùĆüċòĄñè..................................................................................................................................................................................... ĎéêòÿÐĀèÓćâïāíùĆēüÐāòċòĄñèòĈśÑüÖùĘāèĀÐíăðíŞċüÐÙè úèĀÖùĆüċòĄñè òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄí ð Ġ ÙĀĔèðĀçñð÷ąÐøāêŒæĄē Ġ ÐôćŚðùāòÿÐāòċòĄñèòĈśÐāòÖāèüāÙĄí ċôŚðèĄĔ ×ĀãíăðíŞčãñ éòăøĀæ üĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞ ü׿ ×ĘāÐĀã ùĘāúòĀéĎÙśêòÿÐüéÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäòČÐèÐôāÖÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāè íćæç÷ĀÐòāÙ ĝĠĠĜčãñðĄčÓòÖùòśāÖċèĆĔüúāäāðæĄēéòăøĀæÐĘāúèãČôÿðĄëĈśċòĄñéċòĄñÖëĈśäòö× ČôÿéòòâāçăÐāò ãĀÖèĄĔ ëĈśċòĄñéċòĄñÖ Ĝ èāñðèäòĄùðďòŚÑăÖ ĝ ë÷ċíĒÜíò êòÿðöôùćÑ Ğ èāñêŠÜÜā ùĀÖÑŞïăòðñŞ ğ èāÖöòò⥠öÖ÷ŞíāèăÙñŞ Ġ èāÖ÷ăòăòĀäèŞØĀäò÷ăÑòăèæò ġ ãòùåăäñŞíÖøŞðĀēèúôĘā ëĈśäòö× Ĝ ò÷×üðÑöĀÜ ùćöòòâòĀÐøŞ ĝ ë÷ ãòċéÜÜā ðÿčèÙĀñ Ğ èāÖùāöÐćúôāé ôā÷èĀèæŞ éòòâāçăÐāò èāñùðċÐĄñòäă ïĈŚòÿúÖøŞ éòăøĀæÑüòĀéòüÖöŚā ÓâÿëĈśäòö×ČôÿéòòâāçăÐāòãĀÖÐôŚāö ċêŢèëĈśðĄÓćâùðéĀäăċêŢèďê äāðúôĀÐċÐâàŞČôÿċÖĆēüèďÑæĄēùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèÐĘāúèã ÚąēÖďãś æĘāúèśāæĄēäòö×íă×āòâāÓćâïāíČôÿéòòâāçăÐāòúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔĎúśðĄÓöāðåĈÐäśüÖČôÿðĄÓćâïāí ĎèÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäò úāÐúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔðĄÑśüéÐíòŚüÖéòăøĀæ×ÿêòĀéêòćÖČÐśďÑČôÿùŚÖúèĀÖùĆüæĄēêòĀéêòćÖČôśö Ďúśùåāè÷ąÐøā ĎèÐòâĄðĄċèĆĔüúāďðŚåĈÐäśüÖ ďðŚċúðāÿùð ðĄëôċùĄñäŚüÐāòċòĄñèòĈś ÐŚüĎúśċÐăã ëôċùĄñúāñäŚüÐāò÷ąÐøā Óćâçòòð ×òăñçòòð ČôÿÓöāððĀēèÓÖÑüÖÙāäă éòăøĀæñăèãĄĎúś ùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèåüãåüèòāñÙĆēüüüÐ×āÐéĀÜÙĄêòÿÐā÷ÐĘāúèã úèĀÖùĆüċòĄñè Čôÿíòśüð×ÿċòĄñÐċÐĒéúèĀÖùĆüæĄē×ĘāúèŚāñæĀĔÖúðã ČôÿÙãĎÙśÓŚāċùĄñúāñĎúśÐĀé ùåāè÷ąÐøā èāñÙĀñâòÖÓŞ ôăðêřÐăääăùăè ÐòòðÐāòëĈś×ĀãÐāòéòăøĀæüĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞü׿×ĘāÐĀã òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄíČôÿċæÓčèčôñĄ ðĠ คู่มือครู บร. วิทยาศาสตร์ ม.2 ล.1 300.- 8 858649 121349 สร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ระดับโลก ม.๕ คู่มือครู นร. การงานอาชีพ ม.5 300.- 8 858649 144294 เพ็ญพร ประมวลสุข ปัญญา สังข์ภิรมย์ ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน คู่มือครู อจท. เพิ่ม คำแนะนำการใช้ เพิ่ม คำอธิบายรายวิชา เพิ่ม Pedagogy เพิ่ม Teacher Guide Overview เพิ่ม Chapter Overview เพิ่ม ข้อสอบเน้นการคิด เพิ่ม กิจกรรม 21 Century Skills st ราคานี้เป็นของฉบับคู่มือครูเท่านั้น >> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสั่งซื้อของ อจท. บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คู่สาย) ID Line: @aksornkrumattayom www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท. ภาพปกนี้มีขนาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน ผู้เรียบเรียงคู่มือครู พรรณมณฑ์ นิลนฤนาท อัญชลี ฉายแสงจันทร์ แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน คู่มือครู ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹ ¡ÒçҹÍÒªÕ¾ Á. ๕
