๔) หลักการเลือกบรรจุภัณฑ์เพื่อการจ�าหน่าย เป็นส่วนส�าคัญที่ช่วยให้ผลผลิต มีคุณค่าและมีความน่าสนใจ ดังนั้น การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ควรค�านึงถึงหลักการส�าคัญต่าง ๆ ดังนี้ วิธีกำรจ�ำหน่ำยผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็นการขายตรงและวางขาย ผลิตภัณฑ์ที่วางขายควรจัดวางเพื่อให้ผู้ซื้อได้ เลือก ต้องพิถีพิถันเรื่องบรรจุภัณฑ์มากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ผู้ขายน�าไปขายถึงตัวผู้ซื้อ โดยตรง คู่แข่งขันของผลิตภัณฑ์ ถ้ามีคู่แข่งมาก ต้องเน้นความสวยงามและความพิถีพิถัน เพื่อเอาชนะคู่แข่ง เพราะบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามกว่าย่อมได้ เปรียบมากกว่า วิธีกำรขนส่งผลิตภัณฑ์ สินค้าที่ขนส่งระยะทางไกล หรือเปราะบาง แตกหัก ได้ง่าย ต้องเลือกบรรจุภัณฑ์ที่สามารถปองกัน การเสียหายจากการกระทบกระเทือนของสินค้า วิธีกำรเก็บรักษำ ต้องค�านึงถึงลักษณะของสินค้าในการเก็บรักษา ให้คงสภาพเดิมมากที่สุด รวมถึงต้องเลือกบรรจุภัณฑ์ ที่ทนต่อสภาพดิน ฟา อากาศได้ด้วย ต้นทุนของบรรจุภัณฑ์ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีราคาสูง จะท�าให้ต้นทุนการผลิต สูงขึ้น ดังนั้น ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อราคา จ�าหน่ายน้อยที่สุด กฎระเบียบและข้อบังคับของกฎหมำย สินค้าบางชนิดจะมีข้อบังคับในการคุ้มครองผู้บริโภค เช่น กระปองที่ใช้บรรจุอาหาร ต้องมีความหนาของสังกะสีเคลือบตามข้อก�าหนดของอาหารชนิดนั้น ๆ SHOP ข้อควรค�ำนึง ในกำรเลือกใช้ บรรจุภัณฑ์ 8๒ ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 13. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การ จัดการกับผลงานประดิษฐวา “เมื่อผลิตชิ้นงาน เสร็จเปนที่เรียบรอยแลว ผูประดิษฐควรรูจักวิธีการ จัดการกับผลงานประดิษฐของตน เพื่อใหเกิด ความสวยงาม มีคุณคา และมีความนาสนใจมาก ยิ่งขึ้น โดยตองมีการบรรจุภัณฑที่ดี เพื่อเปนการ เพิ่มมูลคาใหกับผลงาน เนื่องจากบรรจุภัณฑที่ดี จะชวยดึงดูดความสนใจและเพิ่มแรงจูงใจในการ เลือกซื้อของผูบริโภค ทั้งนี้ ควรเลือกใชชนิดของ บรรจุภัณฑใหมีความเหมาะสมกับผลิตภัณฑ เพราะ บรรจุภัณฑแตละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกตางกัน ผูประดิษฐจึงควรคํานึงถึงการเลือกใชบรรจุภัณฑ เปนสําคัญ ไมวาจะเปนกระดาษ พลาสติก แกว โลหะ ไม ใบตอง ฯลฯ” ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการสรางบรรจุภัณฑของงาน ประดิษฐ 2. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค กิจกรรม 21st Century Skills 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน 2. สมาชิกแตละกลุมรวมกันสืบคนการประดิษฐบรรจุภัณฑใน รูปแบบตาง ๆ จากแหลงการเรียนรูอื่นๆ ที่นาสนใจ 3. สมาชิกแตละกลุมรวมกันเลือกประดิษฐบรรจุภัณฑตามที่ได สืบคนมาตามความสนใจ 1 รูปแบบ จากนั้นออกแบบบรรจุภัณฑ ตามความคิดและจินตนาการ พรอมทั้งวางแผนการทํางานกลุม รวมกัน 4. สมาชิกแตละกลุมรวมกันประดิษฐบรรจุภัณฑตามที่ออกแบบไว 5. ใหนักเรียนแตละกลุมผลัดกันออกมานําเสนอผลงานใหเพื่อนชม หนาชั้นเรียน พรอมทั้งอธิบายเกี่ยวกับวัสดุที่นํามาใชประดิษฐ บรรจุภัณฑ ขั้นตอนการประดิษฐ ปญหาในการทํางาน และ แนวทางการแกปญหา แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม นํา สอน สรุป ประเมิน T92
ขอสอบเนน การคิด เทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยให้ผู้บริโภคเกิดความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้า ๖ การจัดจำาหน่ายผลงานประดิษฐ์ การด�าเนินการเพื่อน�าผลผลิตที่ได้จากการประดิษฐ์ไปจ�าหน่าย เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงิน โดย มุ่งหวังผลก�าไรจากการจ�าหน่าย ทั้งยังเป็นกระบวนการจัดการเพื่อให้ผลผลิตที่ได้จากงานประดิษฐ์ ไปถึงมือผู้บริโภคอย่างปลอดภัยและเกิดความพึงพอใจสูงสุด ๖.๑ หลักการจัดจ�าหน่าย การจัดจ�าหน่ายผลงานประดิษฐ์ เป็นการท�าเพื่อมุ่งหวังผลก�าไร ดังนั้น ผู้จ�าหน่ายจึงต้องหา วิธีการให้ผู้ซื้อเกิดความประทับใจในสินค้าและบริการให้ได้มากที่สุดเพื่อให้การจ�าหน่ายสินค้าเป็นไป ตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยหลักการจัดจ�าหน่ายที่พึงปฏิบัติ มีดังนี้ ๖.๒ ประโยชน์ที่ได้รับจากการจัดจ�าหน่าย เมื่อมีการผลิตชิ้นงานเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการน�าชิ้นงานที่ผลิตขึ้น รูปร่าง รูปทรงของสินค้า ออกแบบสะดวกต่อการใช้งาน มีความแข็งแรง ทนทาน ดูแล บ�ารุงรักษาได้ง่าย บริการจัดส่งสินค้ารวดเร็ว ตรงเวลา และปลอดภัย บริการข้อมูลการผลิตอย่าง ตรงไปตรงมาและชัดเจน บรรจุภัณฑ์ต้องออกแบบ สวยงาม เพื่อดึงดูดความสนใจ สินค้ามีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ตรงตามฉลากสินค้า สะดวกต่อการหาซื้อ มีแหล่ง จ�าหน่ายหลายแห่ง มีความรับผิดชอบต่อสังคม และรักษาสิ่งแวดล้อม ไปจัดจ�าหน่ายเพื่อเป็นการสร้างรายได้และเพื่อเป็นการฝึก ประกอบธุรกิจขนาดเล็กด้วยตนเอง โดยประโยชน์ที่ได้รับจากการ จัดจ�าหน่ายผลงานประดิษฐ์มีหลายประการ เช่น เกิดธุรกิจการ ตลาดเพื่อการจัดจ�าหน่ายสินค้าผู้บริโภคเกิดความสะดวกสบาย ในการเลือกซื้อสินค้า เกิดการพัฒนาสินค้า เนื่องจากเกิดภาวะ การแข่งขันผู้ซื้อได้สินค้าที่มีคุณภาพในราคายุติธรรม เกิดความ สัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ ช่วยลดปัญหาอัตรา การว่างงานในชุมชนผู้ผลิตมีรายได้ส�าหรับใช้ในการด�ารงชีวิต เพิ่มมากขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนให้มีการขยายตัว หลักกำร จัดจ�ำหน่ำย SHOP การประดิษฐ์ของใช้จากวัสดุ ในท้องถิ่น 83 มีความรับผิดชอบต่อสังคม สินค้ามีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ตรงตามฉลากสินค้า 2 1 ขั้นนํา (เนนการจัดการเรียนรูแบบรวมมือ) 1. ครูกลาวคําทักทายนักเรียน พรอมทั้งทบทวน ความรูเดิมจากชั่วโมงที่ผานมาเกี่ยวกับการ จัดการกับผลงานประดิษฐที่ทําขึ้นเพื่อใชเอง และผลงานประดิษฐที่ทําขึ้นเพื่อจําหนาย 2. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • นักเรียนคิดวาผลงานที่ไดสรางสรรคขึ้นใน ชั่วโมงที่ผานมา สามารถนําไปจําหนาย เพื่อ สรางรายไดไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • ในบริเวณชุมชนของนักเรียนมีการประดิษฐ จากวัสดุในทองถิ่นหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน มีการประดิษฐชิ้นงาน จากวัสดุในทองถิ่น คือ เครื่องจักสาน โดย การนําไมไผ หรือผักตบชวามาสานขึ้นรูป เปนสิ่งของเครื่องใช เพื่ออํานวยความสะดวก ในชีวิตประวันตางๆ เชน กระเปา ตะกรา ถาดผลไม โตะ เกาอี้) 3. ครูนําภาพตัวอยางสินคาโอท็อป หลากหลายชนิด มาใหนักเรียนดู พรอมทั้งอธิบายเพิ่มเติมเพื่อ เชื่อมโยงความรูกอนเขาสูบทเรียนวา “การนํา วัสดุในทองถิ่นมาประดิษฐเปนสิ่งของเครื่องใช เพื่ออํานวยความสะดวกตางๆ หรือเพื่อการจัด จําหนาย จะสามารถชวยลดปญหาอัตราการ วางงานที่จะเกิดขึ้นภายในชุมชนเปนการผลิต ผลงาน เพื่อมุงหวังถึงผลกําไรจากการจัด จําหนาย ดังนั้น ผูจําหนายจึงตองหากลวิธีตางๆ เพื่อที่จะทําใหผูบริโภคเกิดความประทับใจ ในสินคาและการบริการ เพื่อจะไดจัดจําหนาย สินคาไดในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น” ขอใดเปนสิ่งสําคัญที่สุดของผูจําหนายผลงานประดิษฐที่ดี 1. วางแผนที่จะผลิตสินคาหลายชนิด 2. เขียนรายละเอียดของการผลิตที่ชัดเจน 3. วางจําหนายสินคาเฉพาะที่รานสะดวกซื้อเทานั้น 4. มีความรับผิดชอบตอสังคมและรักษาสิ่งแวดลอม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะผูจําหนายผลงานประดิษฐ ที่ดีควรมีความรับผิดชอบตอสังคม โดยการเสียภาษี รวมถึงรักษา สิ่งแวดลอมดวยการใชวัสดุที่เปนมิตรกับธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ไมทําลายสิ่งแวดลอม และดําเนินการจัดสงสินคาใหแกผูสั่งซื้อ อยางตรงเวลา) เกร็ดแนะครู ครูสามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เชน ใหนักเรียนแบงกลุม จากนั้น ใหแตละกลุมออกไปสํารวจรานคาที่จัดจําหนายผลงานประดิษฐบริเวณโรงเรียน พรอมทั้งสอบถามเกี่ยวกับวิธีการจัดจําหนาย แลวนํามาอภิปรายรวมกันใน ชั้นเรียน นักเรียนควรรู 1 ฉลากสินคา เปนรายละเอียดของขอมูลที่สําคัญของผลิตภัณฑชนิดนั้นๆ ซึ่งตองมีการระบุขอมูลที่เปนประโยชนตอผูบริโภค เชน วันผลิต วันหมดอายุ 2 ความรับผิดชอบตอสังคม ปจจุบันมีการเนนใหองคกร หรือหนวยงานตางๆ และบุคคลมีความรับผิดชอบตอสังคมเพิ่มมากขึ้น เชน การที่บุคคลหนึ่ง หรือ กลุมหนึ่งชวยกันรักษาสิ่งของสวนรวม หรือสิ่งของสาธารณะ นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T93
ขอสอบเนนการคิด ๖.๓ การก�าหนดราคาจ�าหน่าย การตั้งราคาการจ�าหน่ายผลผลิต เพื่อให้จ�าหน่ายได้โดยมีก�าไรเพียงพอในการด�าเนินกิจการ มีเงินทุนเพียงพอในการพัฒนากิจการ และพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพดีขึ้น ซึ่งการก�าหนดราคา จ�าหน่ายให้มีผลก�าไรนั้น ไม่จ�าเป็นต้องตั้งราคาสูงเพื่อให้ได้ผลก�าไรมาก แต่ควรตั้งราคาต่อหน่วย ต่อชิ้นพอสมควร ไม่แพงจนเกินไป ทั้งนี้ เพื่อให้การจ�าหน่ายผลิตภัณฑ์มีสภาพคล่องตัว โดยค�านึงถึง หลักในการตั้งราคาจ�าหน่าย ดังนี้ ๑) ต้นทุนการผลิต เป็นการคิดราคาซื้อวัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ในการผลิต โดยคิดเฉพาะ ส่วนที่ใช้ผลิต ๒) ค่าใช้จ่าย เป็นการจ่ายเงินทุกชนิดที่เกิดจากการผลิตชิ้นงาน เช่น ค่าวัสดุ อุปกรณ์ ค่าพาหนะ ค่าขนส่ง ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่น�ามาใช้ในการผลิตสินค้า เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าโฆษณา ๓) จ�านวนเงินที่บวกเพิ่ม เป็นจ�านวนเงินที่บวกไปในราคาผลผลิต โดยเพิ่มจากราคา ต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เรียกว่า “ก�าไร” ๖.๔ หลักการค�านวณก�าไรผลผลิตเพื่อการจ�าหน่าย วิธีการคิดราคาจ�าหน่ายเพื่อที่จะให้ได้เงินเพิ่มจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งมีหลักการคิด ก�าไรผลผลิตหลายวิธีเช่น การคิดก�าไรโดยบวกเพิ่มจ�านวนเงินต่อชิ้น การคิดก�าไรโดยบวกเพิ่ม จ�านวนเงินต่อจ�านวนครั้งของการจ�าหน่าย การคิดก�าไรจากร้อยละของราคาต้นทุนการผลิต กำรค�ำนวณโดยวิธีบวกจ�ำนวนเงินเพิ่มจำกรำคำต้นทุนกำรผลิต ราคาต้นทุน + ค่าใช้จ่ายทั้งหมด = ค่ำใช้จ่ำยในกำรผลิตชิ้นงำน ขั้นที่ ๑ คิดค่ำใช้จ่ำยในกำรผลิตชิ้นงำน ก�าไรทั้งหมด + ค่าใช้จ่ายในการผลิตชิ้นงาน = รำคำขำยผลผลิตทั้งหมด ขั้นที่ 3 คิดรำคำขำยผลผลิตทั้งหมด ( ราคาขายผลผลิตทั้งหมด จ�านวนผลผลิต ) = รำคำผลผลิตต่อชิ้น ขั้นที่ ๔ คิดรำคำผลผลิตต่อชิ้น คิดก�ำไรทั้งหมด ( ค่าใช้จ่ายในการผลิตชิ้นงาน × ก�าไรที่ต้องการ๑๐๐ ) = ก�ำไรทั้งหมด ขั้นที่ ๒ ➜ ➜ ➜ 8๔ ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่น� 1 ขั้นสอน 1. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ที่บริเวณชุมชนที่ ตนอาศัยอยูมีการประดิษฐสิ่งของเครื่องใช จากวัสดุในทองถิ่นออกมาเลาประสบการณ เกี่ยวกับสิ่งที่ไดพบเห็น ไมวาจะเปนรูปแบบของ ผลิตภัณฑ ขั้นตอนการผลิต การบรรจุภัณฑ การกําหนดราคาใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การจัดจําหนายผลงาน ประดิษฐจะมีวิธีการ หรือขั้นตอนในการปฏิบัติ ที่แตกตางกัน แตเปนการกระทําเพื่อมุงหวัง ผลกําไรจากการจัดจําหนายผลิตภัณฑในแบบ เดียวกัน โดยมีหลักการตางๆ ที่ตองคํานึงถึง และมีหลักการในการจัดจําหนายที่พึงปฏิบัติ ไดแก การบริการขอมูลการผลิตอยางตรงไป ตรงมา บรรจุภัณฑถูกออกแบบอยางสวยงาม มีความนาสนใจ สินคามีคุณภาพไดมาตรฐาน ตรงตามฉลากสินคา สะดวกตอการซื้อขาย รูปรางและรูปทรงของสินคาสะดวกตอการ ใชงาน มีความแข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษางาย บริการจัดสงรวดเร็ว ตรงเวลา ปลอดภัย มี ความรับผิดชอบตอสังคมและสิ่งแวดลอม” 3. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) ศึกษา เรื่อง การจัดจําหนายผลงานประดิษฐ จากหนังสือ เรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 4. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัด จําหนายผลงานประดิษฐ จาก PowerPoint ม.2 หนวยการเรียนรูที่ 5 จากนั้นใหแตละกลุม รวมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนความรูในเรื่องที่ได ศึกษามา 5. ครูใหนักเรียนศึกษาหลักการคํานวณกําไร ผลผลิตเพื่อการจําหนายและตัวอยางการ ประดิษฐกระถางใสเทียนหอม จากหนังสือ เรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หนา 84-85 นักเรียนควรรู 1 ดอกเบี้ยเงินกู เปนผลตอบแทนที่ผูใหกูเรียกเก็บจากผูขอกู อัตราดอกเบี้ย เงินกูมักอยูในลักษณะรอยละตอป ซึ่งผูใหกู เชน ธนาคาร หรือบริษัทจะเรียกเก็บ จากผูกู เพื่อเปนผลตอบแทนจากการใหกู อัตราดอกเบี้ยเงินกูมีหลายประเภท และหลายอัตรา ที่พบไดบอย เชน • อัตราดอกเบี้ยเงินกูแบบคงที่ (Fixed Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่กําหนด ไวเปนตัวเลขเฉพาะ ไมขึ้น หรือลงตามตนทุนของสถาบันการเงิน คงที่ตลอด อายุสัญญาเงินกู หรือในชวงระยะเวลาที่กําหนด เชน กําหนดใหชําระดอกเบี้ย รอยละ 7 ตอป เปนเวลา 4 ป • อัตราดอกเบี้ยเงินกูแบบลอยตัว (Floating Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู ที่เปลี่ยนแปลงไปตามตนทุนของสถาบันการเงิน ซึ่งสถาบันการเงินจะประกาศ ออกมาเปนคราวๆ ไป เชน อัตราดอกเบี้ยอางอิงของธนาคารพาณิชยตางๆ การกําหนดราคาจําหนายใหมีผลกําไร ควรตั้งราคาแบบใด จึงจะเหมาะสมที่สุด (แนวตอบ ควรตั้งราคาตอหนวยตอชิ้นในราคาที่เหมาะสม ราคาไมสูงจนเกินไป ซึ่งไมควรตั้งราคาสูง เพื่อใหไดผลกําไรมาก เพื่อใหการจําหนายผลิตภัณฑมีสภาพคลองตัว) นํา สอน สรุป ประเมิน T94
ขอสอบเนน การคิด คิดต้นทุนการผลิตทั้งหมด = ๑,๒๕๐ + ๒๐๐ บาท ∴ต้นทุนการผลิตทั้งหมด = ๑,๔๕๐ บาท คิดก�าไรที่ต้องการ ร้อยละ ๔๐ ของราคาต้นทุน = ๑,๔๕๐ × ๔๐๑๐๐ บาท ∴ก�าไรที่ต้องการ ร้อยละ ๔๐ ของราคาต้นทุน = ๕๘๐ บาท คิดขายกระถางใส่เทียนหอมทั้งหมด = ๑,๔๕๐ + ๕๘๐ บาท ∴ราคาขายกระถางใส่เทียนหอมทั้งหมด = ๒,๐๓๐ บาท คิดราคาขายกระถางใส่เทียนหอมชิ้นละ = ๒,๐๓๐ ๕๐ บาท ∴ราคาขายกระถางใส่เทียนหอมชิ้นละ = ๔๐.๖ บาท วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ ๑. กระถางดินเผาขนาดเล็ก จ�านวน ๕๐ ใบ ๒. กระดาษห่อของขวัญคละลาย จ�านวน ๑๒ แผ่น ๓. เทียนหอม จ�านวน ๕๐ ชิ้น ๔. ดอกไม้แห้ง จ�านวน ๑๐ ห่อ ๕. เชือก จ�านวน ๑ ม้วน ๖. กาวลาเท็กซ์ ๑ กระปุก ต้นทุนกำรผลิต ตัวอย่ำงกำรประดิษฐ์ : กระถำงใส่เทียนหอม ขั้นที่ ๑ ขั้นที่ ๒ ขั้นที่ 3 ขั้นที่ ๔ ในการประดิษฐ์กระถางใส่เทียนหอม จ�านวน ๕๐ ใบ มีต้นทุนการผลิต ๑,๒๕๐ บาท ค่าเดินทาง ๒๐๐ บาท ต้องการก�าไรจากการขายร้อยละ ๔๐ ของต้นทุนการผลิต ดังนั้น จะต้องขาย กระถางใส่เทียนหอมให้ได้ราคาชิ้นละกี่บาท รำยจ่ำย รำคำต่อหน่วย ยอดรวม ๑. กระถางดินเผาขนาดเล็ก จ�านวน ๕๐ ใบ ๘ ๔๐๐ ๒. กระดาษห่อของขวัญคละลาย จ�านวน ๑๒ แผ่น ๔ ๔๘ ๓. เทียนหอม จ�านวน ๕๐ ชิ้น ๓ ๑๕๐ ๔. ดอกไม้แห้ง จ�านวน ๑๐ ห่อ ๖๐ ๖๐๐ ๕. เชือก จ�านวน ๑ ม้วน ๓๐ ๓๐ ๖. กาวลาเท็กซ์ ๑ กระปุก ๒๒ ๒๒ ๗. ค่าเดินทางไป-กลับ ๒๐๐ รวมค่ำใช้จ่ำยทั้งสิ้น ๑,๔๕๐ การประดิษฐ์ของใช้จากวัสดุ ในท้องถิ่น 8๕ ดอกไม้แห้ง จ� กาวลาเท็กซ์ ๑ กระปุก 1 2 ขั้นสอน 6. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมาอธิบาย ขั้นตอนการคํานวณกําไรผลผลิตเพื่อการ จําหนาย จากการศึกษาตัวอยางการประดิษฐ กระถางใสเทียนหอมใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน 7. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น วาการรูจักคํานวณกําไรผลผลิตเพื่อการ จําหนายมีประโยชนตอการวางแผนการผลิต ชิ้นงานอยางไร 8. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกัน วางแผนการจัดจําหนายผลงานประดิษฐตาม ความสนใจกลุมละ 1 ชนิด พรอมทั้งกําหนด ราคาจําหนายและคํานวณกําไรผลผลิต เพื่อการจําหนาย โดยศึกษาเพิ่มเติมจาก หนังสือเรียน หรือศึกษาเพิ่มเติมจาก อินเทอรเน็ต 9. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอการวางแผนการจัด จําหนายผลงานประดิษฐใหเพื่อนฟงหนา ชั้นเรียน โดยมีครูเปนผูคอยเสนอแนะเพิ่มเติม 10. ครูถามนักเรียนวา • การวางแผนการจัดจําหนายผลงานประดิษฐ มีประโยชนอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) 11. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ในการตั้งราคาในการ จําหนายผลิตภัณฑ ควรตั้งใหมีกําไรที่เพียงพอ ในการพัฒนากิจการตอ ไมจําเปนตองตั้ง ราคาสูง เพื่อใหไดผลกําไรมาก แตควรตั้ง ราคาตอหนวยตอชิ้นใหมีความเหมาะสมกับ คุณภาพของผลิตภัณฑ และตองคํานึงถึง ตนทุนการผลิต คาใชจาย และจํานวนเงินที่ บวกเพิ่มใหมีความสมดุล โดยใชวิธีการบวก จํานวนเงินเพิ่มจากราคาตนทุนการผลิต” ในการประดิษฐตะกราจากไมไผจํานวน 20 ใบ มีตนทุนการผลิต 400 บาท คาใชจายอยางอื่นอีก 150 บาท หากตองการกําไรจาก การขายรอยละ 30 ของราคาตนทุนการผลิต ดังนั้น จะตองขาย ตะกราใหไดราคาใบละกี่บาท (แนวตอบ ขั้นที่ 1 คิดตนทุนในการผลิตทั้งหมด = 400 + 150 บาท = 550 บาท ขั้นที่ 2 คิดกําไรที่ตองการ รอยละ 30 ของราคาตนทุน = 550 x 30 100 บาท = 165 บาท ขั้นที่ 3 คิดราคาขายตะกราไมไผทั้งหมด = 165 + 550 = 715 บาท ขั้นที่ 4 คิดราคาขายตะกราไมไผใบละ = 715 20 = 35.75 บาท ดังนั้น ราคาขายตะกราไมไผใบละ 35.75 บาท) นักเรียนควรรู 1 ดอกไมแหง วิธีการทําดอกไมแหงอยางงายมี 2 วิธี ไดแก • วิธีที่ 1 ตากลม เหมาะสําหรับดอกไมที่มีกลีบคอนขางหนาและทน เชน กุหลาบ ลาเวนเดอร แตไมเหมาะอยางยิ่งสําหรับดอกไมประเภทกลีบบาง ชํ้างาย เชน เดซี ทานตะวัน เพราะกลีบจะเหี่ยวยน ยับ หรืออาจรวงไดระหวางตากลม • วิธีที่ 2 ซิลิกาเจล เปนสารกันความชื้น เหมาะสําหรับดอกไมทุกประเภท ไมวาจะมีกลีบหนา หรือกลีบบางก็สามารถใชวิธีนี้ไดทั้งหมด 2 กาวลาเท็กซ ใชติดวัสดุที่มีลักษณะบาง หรือวัสดุที่มีลักษณะแตกตางกัน ผลิตจากสารไฮโดรคารบอนที่เรียกวา Polyvinyl acetate เปนสารที่ไมมีสี ไมมีกลิ่น และไมมีรส สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทําดอกไมแหง ไดที่ https://th.wikihow.com/ ทําดอกไมแหง นํา สอน สรุป ประเมิน T95
ขอสอบเนนการคิด ๖.๕ การท�าบัญชีรายรับ-รายจ่ายในงานประดิษฐ์ การบันทึกข้อมูลการรับและการจ ่ายของแต ่ละกิจการ หากกิจการใดไม ่มีการบันทึก รายรับ-รายจ่าย กิจการนั้นจะควบคุมการใช้เงิน วัตถุดิบ รวมถึงวัสดุและอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ยาก ดังนั้น การจัดท�าบันทึกรายรับ-รายจ่ายจึงเป็นสิ่งจ�าเป็น โดยเฉพาะในกิจการที่มีวัตถุดิบ สิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใช้ และผลผลิตจ�านวนมาก ควรบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน ๑) ประโยชน์ของการท�าบัญชีรายรับ-รายจ่าย การท�าบัญชีรายรับ-รายจ ่าย มีความส�าคัญและมีประโยชน์ต่อการประกอบกิจการต่าง ๆ เพราะช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายได้ และ วางแผนการใช้จ่ายได้อย่างรัดกุม ซึ่งประโยชน์ของการท�าบัญชีรายรับ-รายจ่ายมีหลายประการ เช่น เป็นข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับรายรับ-รายจ่าย เพื่อซื้อวัสดุ อุปกรณ์ และผลผลิตต่าง ๆ ท�าให้ทราบถึงปริมาณที่ใช้วัตถุดิบและวัตถุดิบที่คงเหลือ ช่วยให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับผลผลิต คือ จ�านวนที่ผลิต จ�านวนที่จ�าหน่ายได้ และจ�านวนผลผลิตที่คงเหลือ ใช้ตรวจสอบปัจจัยในการผลิต และค่าใช้จ่ายในการผลิต ท�าให้รู้ฐานะทางการเงิน เช่น ท�าให้ทราบต้นทุน ผลก�าไร การขาดทุน ควบคุมต้นทุนและก�าไรของกิจการ ช่วยลดปัญหาในการใช้จ่ายเงินของกิจการ ๒) การบันทึกรายรับ-รายจ่าย สามารถจัดท�าได้ตามแบบบันทึก ดังนี้ แบบที่ ๑ การบันทึกรายรับและรายจ่ายเพียง ๓ ช่อง โดยรายจ่ายทุกชนิดจะรวมไว้ในช่องเดียวกัน การบันทึก บัญชีแบบนี้เหมาะส�าหรับรายการบันทึกที่มีน้อย แบบที่ ๒ การบันทึกช่องรายรับจัดแยกประเภทรายจ่ายเป็นแบบหลายช่องไว้ล่วงหน้า และรวมยอดเมื่อสิ้นสุด ในแต่ละเดือน การบันทึกแบบนี้ท�าให้มองเห็นค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจน โปรแกรมสําเร็จรูปทางการบัญชี T i p การท�าบัญชีรายรับ-รายจ่าย มีความส�าคัญมากต่อการจัดการผลงานประดิษฐ์ ซึ่งในปัจจุบัน มีโปรแกรมส�าเร็จรูปทางการบัญชีให้เลือกใช้มากมาย ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยโปรแกรม เหล่านี้จะช่วยให้การท�าบัญชีเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เช่น Flowaccount.com, Flowadvance.com 86 ขั้นสอน 12. ครูใหนักเรียนศึกษาการทําบัญชีรายรับ-ราย จายและตัวอยางการทําบัญชีรายรับ-รายจาย จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 13. ครูใหนักเรียนแตละกลุมดําเนินการจําหนาย ผลงานประดิษฐตามที่ไดวางแผนไว พรอมทั้ง จดบันทึกบัญชีรายรับ-รายจายในการจัด จําหนายผลงานประดิษฐ และนําขอมูลมาใช ในชั่วโมงถัดไป 14. ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับการทําบัญชี รายรับ-รายจายขณะจัดจําหนายผลงาน ประดิษฐ และเปดโอกาสใหนักเรียนรวมกัน ตรวจสอบขอมูลการทําบัญชีรายรับ-รายจาย ของกลุมตนเอง 15. ครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดการทํางานประดิษฐจึงตองมี การทําบัญชีรายรับ-รายจาย (แนวตอบ เพื่อจะไดทราบถึงรายละเอียดทาง ดานการเงินอยางละเอียด เพื่อจะไดทราบ ตนทุนในการผลิตที่แทจริง) • หากไมมีการจัดทําบัญชีรายรับ-รายจาย ในการทํางานประดิษฐจะกอใหเกิดสิ่งใด (แนวตอบ ทําใหผูประดิษฐไมสามารถควบคุม คาใชจาย วัตถุดิบ เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ ในการทําผลงานประดิษฐได และเมื่อผลิต ผลงานออกมาแลวอาจกําหนดราคาจําหนาย ที่ไมเหมาะสม อาจทําใหขาดทุนได) • การทําบัญชีรายรับ-รายจายในชีวิตประจําวัน มีประโยชนตอนักเรียนหรือไม อยางไร (แนวตอบ มีประโยชน เนื่องจากทําใหเรา สามารถควบคุมคาใชจายได และสามารถ วางแผนการใชจายไดอยางรัดกุม) สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมุดบันทึกรายรับ-รายจาย บัญชีครัวเรือน ไดที่ http://www.dla.go.th/upload/document/type2/2012/4/10502_2. pdf?time=1334652751517 เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ในการใชจายของนักเรียนแตละวันนั้น นักเรียนควรจด บันทึกลงในบัญชีรายรับ-รายจายอยางละเอียด และควรจดใหครบทุกรายการที่ จายไป ทั้งนี้ เพื่อใหนักเรียนสามารถควบคุมงบประมาณในการใชจายของตนเอง จนเหลือเงิน เพื่อนํามาเก็บออมได การจัดทําบัญชีรายรับ-รายจายในงานประดิษฐ สามารถชวย ลดปญหาในดานใด 1. การจัดจําหนายสินคา 2. การควบคุมตนทุนการผลิต 3. การตรวจสอบปจจัยการผลิต 4. การรวบยอดเมื่อสิ้นสุดในแตละเดือน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการทําบัญชีรายรับ-รายจาย ในงานประดิษฐ จะสามารถชวยควบคุมตนทุนการผลิต ซึ่งก็คือ รายจายที่นําไปซื้อของ เพื่อนํามาใชในการประดิษฐ ทําใหทราบ ถึงการใชจายของกิจการ เพื่อนํามาวิเคราะหวางแผนการลงทุน ไดในอนาคต) นํา สอน สรุป ประเมิน T96
วัน เดือน ปี รำยกำร เลขที่ใบส�ำคัญ รำยรับ รำยจ่ำย เงินคงเหลือ บำท สต. บำท สต. บำท สต. ๑ ม.ค. 6๒ เงินคงเหลือยกมา รวม 3๑ พ.ค. 6๒ เงินคงเหลือยกไป จากตารางดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า การท�าสมุดบัญชีเงินสด ประกอบด้วย ๑ ชื่อของกิจกำร บันทึกไว้ส่วนบนของหน้าบัญชี ๒ ชื่อบัญชีเงินสด บันทึกไว้ส่วนบนของหน้าบัญชี 3 ช่องวัน เดือน ปี ส�าหรับบันทึกวันรับและวันจ่ายเงิน ๔ ช่องรำยกำร บันทึกรายละเอียดการรับและการจ่ายเงิน ๕ ช่องเลขที่ใบส�ำคัญ บันทึกหลักฐานการรับและการจ่ายเงิน โดยน�าเลขที่ใบส�าคัญนั้น ๆ มาบันทึก 6 ช่องรำยรับ บันทึกจ�านวนเงินที่เป็นรายได้ หรือจ�านวนเงินที่รับมาจากการขายสินค้า 7 ช่องรำยจ่ำย บันทึกจ�านวนเงินที่เป็นรายการซื้อ หรือค่าใช้จ่าย 8 ช่องเงินคงเหลือ บันทึกจ�านวนเงินที่เหลือจากการจ่าย โดยเอาจ�านวนเงินรายรับลบกับ จ�านวนเงินรายจ่าย ชื่อกิจกำร ......................................................................................................................................................................................................................... บัญชีเงินสด หน้ำ ...................................... ๑ ๒ 3 ๔ ๕ 6 7 8 ตัวอย่ำงกำรท�ำบันทึกรำยรับ-รำยจ่ำย การประดิษฐ์ของใช้จากวัสดุ ในท้องถิ่น 87 บัญชีเงินสด สมุดบัญชีเงินสด ประกอบด้วย 1 2 กิจกรรม สรางเสริม กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน 16. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การทําบัญชีรายรับรายจายมีความสําคัญและมีประโยชนเปน อยางมาก เพราะสามารถชวยควบคุมการใช เงิน วัตถุดิบ รวมถึงเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ และผลผลิตตางๆ สงผลใหผูประดิษฐทราบถึง รายละเอียดเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน เชน ตนทุน ผลกําไร การขาดทุน ซึ่งในปจจุบันมี โปรแกรมสําเร็จรูป เพื่อใชในการจัดทําบัญชี รายรับ-รายจายใหเลือกใชงานอยางมากมาย ดังนั้น ในการประดิษฐผลงานตางๆ เพื่อการ จําหนาย ผูประดิษฐควรจัดทําบัญชีรายรับรายจาย เพื่อควบคุมคาใชจายในการประดิษฐ ผลงาน เพื่อจะไดมีเงินทุนในการผลิตชิ้นงาน ชิ้นตอๆ ไป และมีผลกําไรเก็บไว เพื่อพัฒนา กิจการใหดียิ่งขึ้น” 17. ครูถามนักเรียนวา • หากมีบุคคลอื่นตองการคําแนะนําในการ จัดทําบัญชีรายรับ-รายจาย นักเรียนควร แนะนําอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน อาจแนะนําวาการทํา บัญชีรายรับ-รายจาย สามารถจัดทําได 2 แบบ ไดแก การบันทึกแบบรวมรายการจาย เปนการบันทึกรายรับ-รายจายเพียง 3 ชอง โดยรายการจายทุกชนิดจะรวมไวในชอง เดียวกัน การบันทึกบัญชีแบบนี้เหมาะ สําหรับรายการบันทึกที่มีนอย และการ บันทึกแบบหลายชอง เปนการบันทึกชอง รายรับจัดแยกประเภทรายการจายเปน แบบหลายชองไวลวงหนา และรวมยอด เมื่อสิ้นสุดในแตละเดือน การบันทึกแบบนี้ ทําใหมองเห็นคาใชจายที่ชัดเจนกวาการ บันทึกแบบรวมรายการจาย) ใหนักเรียนจดบันทึกรายรับ-รายจายของตนเองตลอดระยะ เวลา 1 เดือน และเมื่อครบ 1 เดือน ใหนักเรียนสรุปผลการบันทึก นําสงครูผูสอน ใหนักเรียนอานสถานการณสมมติการดําเนินกิจการที่ครูได แจกให จากนั้นใหนักเรียนจดบันทึกรายรับ-รายจาย ของกิจการ ดังกลาว เปนระยะเวลา 1 เดือน จากนั้นสรุปผลการบันทึกวา กิจการดังกลาวมีผลกําไร หรือขาดทุนอยางไร นําสงครูผูสอน นักเรียนควรรู 1 บัญชีเงินสด เปนบัญชีที่ใชสําหรับบันทึกรายรับ-รายจายในแตละวัน สามารถ ทําไดทั้งที่เปนรายบุคคลและแบบสวนรวม ซึ่งการทําบัญชีเงินสดทําใหทราบถึง รายไดและรายจายที่แทจริงวาเปนอยางไร และสามารถชวยควบคุมคาใชจายได 2 เงินสด เงินที่อยูในมือและเงินฝากธนาคารทุกประเภท แตไมรวมเงินฝาก ธนาคารประเภทที่ตองจายคืนเมื่อสิ้นระยะเวลาที่กําหนดไว เชน บัตรเงินสด บัตรเครดิต เงินสดในทางบัญชียังหมายความรวมถึงเอกสารทางการเงิน หรือ เอกสารเครดิตที่สามารถเปลี่ยนมือไดงาย สามารถเปลี่ยนเปนเงินสดไดทันที เมื่อตองการใช มีลักษณะอยูหลายชนิดที่ใชเปนสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แตในขณะเดียวกันจะเปนตัวกําหนดมูลคาทางเศรษฐกิจดวย นํา สอน สรุป ประเมิน T97
กิจกรรม Mini Project การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่ง เป็นการประดิษฐ์ชิ้นงานเพื่อประโยชน์ในการ ใช้สอย หรือไว้ใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงาม ซึ่งวัสดุที่น�ามาใช้หาได้ทั่วไปในโรงเรียนและ ท้องถิ่น อาจเป็นวัสดุเหลือใช้ หรือวัสดุธรรมชาติ ท�าให้ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ประหยัดเงินซื้อของส�าเร็จรูป เป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็น ผู้ประดิษฐ์ต้องมีความมานะ อดทน และฝึกปฏิบัติเป็นประจ�าจนเกิดความช�านาญ โดยเริ่มฝึกจากงานชิ้นที่ง่ายไปหาชิ้น ที่ยาก รวมทั้งฝึกดัดแปลงแบบ ฝึกออกแบบชิ้นงานใหม่ ๆ เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่มีคุณค่า มีความน่าสนใจ มีความหลากหลายในรูปแบบ และยังเป็นการหารายได้พิเศษอีกทางหนึ่ง เมื่อประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการจัดการ กับผลงานประดิษฐ์ อันเป็นกระบวนการจัดการเพื่อให้ผลผลิตที่ได้จากงานประดิษฐ์ ถึงมือผู้บริโภคอย่างปลอดภัยและเกิดความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค ซึ่งการจัดการกับผลงาน ประดิษฐ์จะมีความเกี่ยวข้องกับการบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการท�าบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อช่วยควบคุมการใช้จ่ายเงินในการผลิตผลงานประดิษฐ์ได้ ทั้งนี้ การท�าบัญชีรายรับ-รายจ่ายสามารถ น�าไปใช้ได้กับงานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นงาน ประดิษฐ์งานช่าง งานเกษตร งานบ้านเพื่อช่วย ควบคุมค ่าใช้จ ่ายและวางแผนการใช้จ ่ายใน การท�างาน ซึ่งการบันทึกรายรับ-รายจ่ายเกี่ยวกับ วัสดุ สิ่งของ และผลผลิตเป็นสิ่งจ�าเป็นมาก โดยเฉพาะในกิจการที่มีวัตถุดิบ วัสดุ สิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใช้และผลผลิตจ�านวนมาก มีการจ�าหน่ายสินค้าหลายครั้ง ควรด�าเนินการ บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับรายรับ-รายจ่ายให้ ถูกต้องและชัดเจนอยู่เสมอ ในการประดิษฐ์ผลงานทุกประเภท ผู้ประดิษฐ์ควรท�าบันทึกรายรับ-รายจ ่ายทุกครั้ง เพื่อเป็นการควบคุม ค่าใช้จ่ายในการผลิตชิ้นงาน เคล็ดลับการจัดการงานบัญชีแบบมืออาชีพ งานบัญชีเป็นงานพื้นฐานที่จ�าเป็นต่อครัวเรือนและธุรกิจต่าง ๆ เป็นงานที่ต้องอาศัยความละเอียด รอบคอบ ซึ่งการจัดการงานบัญชีให้มีประสิทธิภาพท�าได้โดยจัดท�าตารางบัญชีที่เข้าใจง่าย บันทึกข้อมูล ต่อเนื่องและเป็นล�าดับ หากมีการแก้ไขข้อมูลต้องลงชื่อก�ากับเสมอ จ�าแนกเอกสารเป็นหมวดหมู่ และต้อง สรุปบัญชีทุกเดือน 88 บันทึกรายรับ-รายจ ่ายทุกครั้ง ค่าใช้จ่ายในการผลิตชิ้นงาน ผู้ประดิษฐ์ควรท� เพื่อเป็นการควบคุม 1 ขั้นสอน 18. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมสําเร็จรูป ทางการบัญชีใหนักเรียนฟงวา “ปจจุบันมี โปรแกรมสําเร็จรูปทางการบัญชีใหเลือก ใชงานอยางมากมาย ทั้งในรูปแบบออนไลน และรูปแบบออฟไลน ซึ่งโปรแกรมสําเร็จรูป ทางการบัญชีแบงเปน 2 ประเภท ดังนี้ • โปรแกรมสําเร็จรูปทางการบัญชีแบบปกติ มีวัตถุประสงคหลักเพื่อใชในงานดานบัญชี การเงินเพียงอยางเดียว ใชในการเก็บบันทึก รายการคาที่เกิดขึ้น ซึ่งตองมีหลักฐาน ประกอบการบันทึกตามที่กําหนดในมาตรฐาน การบัญชีเชนเดียวกับการบันทึกบัญชีดวยมือ และสรุปผลรายการคาในรูปของรายงาน ทางการเงิน เพื่อนําไปใชทั้งภายในและ ภายนอกกิจการ ฝายบัญชีจะทําหนาที่ใน การบันทึกรายการคาตางๆ ที่เกิดขึ้นจาก เอกสารที่ไดรับจากแผนกอื่นๆ และมีสิทธิ เขาถึงขอมูลตางๆ ในโปรแกรม ไมวาจะเปน การปอนขอมูล การประมวลผล การเรียกดู ขอมูลไดเพียงฝายเดียว • โปรแกรมสําเร็จรูปเพื่อการบริหารทรัพยากร ขององคกร มีวัตถุประสงคหลักในการเชื่อมตอ กระบวนการทางธุรกิจภายในองคกรเขา ดวยกัน เพื่อกอใหเกิดประสิทธิภาพในการ ดําเนินธุรกิจ โดยจะมีขอบเขตในการทํางาน ที่กวางขวางและซับซอนกวาโปรแกรม สําเร็จรูปทางการบัญชีแบบปกติ เนื่องจาก ควบคุมระบบการทํางานตางๆ ทั่วทั้ง องคกร และยังชวยใหระบบการทํางาน ตางๆ ซึ่งรวมถึงงานดานบัญชีสามารถ ทํางานไดอยางเปนระบบมากยิ่งขึ้น” 19. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา การทํางานประดิษฐจากวัสดุในโรงเรียน หรือทองถิ่น มีประโยชนทั้งตอตัวนักเรียน สังคม และสิ่งแวดลอม ทําใหนักเรียนรูจักใช เวลาวางใหเกิดประโยชน ฝกทักษะการทํางานในดานตางๆ ซึ่งเปนการสั่งสม ประสบการณใหกับนักเรียน ชวยใหประหยัดและเปนการใชทรัพยากรที่มีอยู อยางคุมคาและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังทําใหเกิดความภาคภูมิใจตอผลงานอีกดวย 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกันคิดสรางสรรค ชิ้นงานประดิษฐของใช ของตกแตงที่ทําจากวัสดุในโรงเรียน เพื่อเตรียมจัดจําหนายในโรงเรียน พรอมทั้งตั้งชื่อราน 2. สมาชิกแตละกลุมรวมกันวางแผนการทํางาน โดยการศึกษา คนควาขอมูลเกี่ยวกับชิ้นงานประดิษฐ วัสดุ อุปกรณที่นํามาใช และวิธีการประดิษฐ 3. สมาชิกแตละกลุมรวมกันประดิษฐชิ้นงานตามที่ไดวางแผนไว 4. ใหนักเรียนแตละกลุมนําชิ้นงานประดิษฐที่เสร็จเรียบรอยแลว มาวางจําหนายในโรงเรียน 5. สมาชิกแตละกลุมรวมกันจัดทําบัญชีรายรับ-รายจาย รานของ ตนเอง และสรุปบัญชีดังกลาววาไดผลกําไร หรือขาดทุน จากนั้น ประเมินผลการปฏิบัติงานวามีปญหา หรืออุปสรรคใด พรอมทั้ง เสนอแนะแนวทางการแกปญหา นักเรียนควรรู 1 การควบคุมคาใชจาย เปนหัวใจสําคัญอยางหนึ่งของการประกอบธุรกิจ เพราะหากคาใชจายนอยลงยอมหมายถึงตนทุนในการผลิตสินคาและบริการ ที่ลดลง ทําใหแขงขันกับคูแขงได นํา สอน สรุป ประเมิน T98
ขอสอบเนน การคิด ÊÃé Ò§ÊÃÃ¤ì ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙใบมอบหมำยงำน ¡Ô¨¡ÃÃÁ àÃ×èͧ ¡ÒûÃдÔɰ¢Í§ãªŒ ¢Í§µ¡áµ‹§¨Ò¡ÇÑÊ´Øã¹âçàÃÕ¹ ËÃ×Í·ŒÍ§¶Ôè¹ ค�ำชี้แจง ให้นักเรียนปฏิบัติงานกลุ่ม เพื่อร่วมกันประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในโรงเรียน หรือท้องถิ�น โดยปฏิบัติตามขั้นตอนที่ก�าหนดให้ ดังน�้ ๑. แต่ละกลุ่มส�ารวจวัสดุในโรงเรียน หรือท้องถิ�นที่สามารถน�ามาประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งได้ พร้อมบันทึกผลการส�ารวจ ๒. น�าวัสดุในโรงเรียน หรือท้องถิ�นอย่างน้อย ๑ ชนิด มาประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่ง พร้อมทั้ง อธิบายเหตุผลที่เลือกใช้วัสดุชนิดนั้น ๓. ประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในโรงเรียน หรือท้องถิ�น กลุ่มละ ๑ ชิ้น โดยมีขั้นตอน การปฏิบัติ ดังน�้ • วางแผนการท�างานร่วมกันในกลุ่ม โดยการวางแผนเลือกประดิษฐ์ชิ้นงาน เลือกวัสดุ ค�านวณ ค่าใช้จ่าย และก�าหนดระยะเวลาในการปฏิบัติงาน • ปฏิบัติงานตามแผนการท�างาน หากในการท�างานต้องประสบกับปัญหาให้ใช้ทักษะ กระบวนการแก้ปัญหาในการท�างาน โดยมีขั้นตอน คือ การสังเกต การวิเคราะห์ การสร้าง ทางเลือก และการประเมินทางเลือก • บันทึกผลการท�างานและประเมินผลการท�างาน • น�าเสนอผลงานให้เพื่อนชมหน้าชั้นเรียน $ การประดิษฐ์ของใช้จากวัสดุ ในท้องถิ่น 8๙ การทํางานประดิษฐจากกระดาษรีไซเคิลเปนของใช ของตกแตง บาน ควรมีหลักการประดิษฐตามขอใด 1. มีประโยชนและมีรายไดเพิ่มมากขึ้น 2. มีรายไดเพิ่มมากขึ้นและมีกระบวนการผลิตที่ซับซอน 3. กระบวนการผลิตตองมีความปลอดภัยและมีประโยชน 4. มีรายไดเพิ่มมากขึ้นและกระบวนการผลิตตองมีความปลอดภัย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะหลักการสําคัญในการทํางาน ประดิษฐจากกระดาษรีไซเคิล คือ การนําวัสดุที่ใชแลวมาประดิษฐ เปนสิ่งของที่มีประโยชนและสามารถสรางรายไดที่เพิ่มมากขึ้น) แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การทําชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการ เรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 แบบประเมนิการจดัท ารายงาน : การจดัจา หนา่ยงานประดษิฐ์ ง 1.1 ม.2/1 ใช้ทักษะการแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาการท างาน ง 1.1ม.2/2 ใช้ทักษะกระบวนการแก้ปัญหาในการท างาน ง 1.1ม.2/3 มีจิตส านึกในการท างานและใช้ทรัพยากรในการ ปฏิบัติงานอย่างประหยัดและคุ้มค่า รายการ ประเมนิ เกณฑก์ารประเมนิ (ระดบัคณุภาพ) ระดบั ดมีาก (4) ด (ี 3) พอใช (้ 2) ปรบั ปรงุ (1) คณุภาพ 1. การจัด จ าหน่าย งานประดิษฐ์ นักเรียนสามารถ จัดจ าหน่าย งานประดิษฐ์ตาม หลักการได้ ผลลัพธ์ดีมาก นักเรียนสามารถจัด จ าหน่าย งานประดิษฐ์ตาม หลักการได้ ผลลัพธ์ดี นักเรียนสามารถจัด จ าหน่าย งานประดิษฐ์ตาม หลักการได้ ผลลัพธ์ค่อนข้างดี นักเรียนไม่ สามารถ จัดจ าหน่ายงาน ประดิษฐ์ ตามหลักการได้ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง 2. การบันทึก รายรับ- รายจ่าย ท าบันทึกรายรับรายจ่าย การจัดจ าหน่าย งานประดิษฐ์ ได้สมบูรณ์ดีมาก ท าบันทึกรายรับรายจ่าย การจัดจ าหน่ายงาน ประดิษฐ์ได้ดี ท าบันทึกรายรับรายจ่าย การจัดจ าหน่าย งานประดิษฐ์ ได้ค่อนข้างดี ท าบันทึกรายรับรายจ่าย การจัดจ าหน่าย งานประดิษฐ์ ไม่ได้ 3. ความสมบูรณ์ ของผลงาน ผลงานมีความ ครบถ้วน สมบูรณ์ ดีมาก ผลงานมีความ ครบถ้วน สมบูรณ์ ค่อนข้างดี ผลงานมีความ ครบถ้วน สมบูรณ์ดี เป็นบางส่วน ผลงานมีความ ครบถ้วน สมบูรณ์ น้อย 4. ส่งงานตรง เวลา ส่งภาระงาน ภายในเวลา ที่ก าหนด ส่งภาระงานช้ากว่า ก าหนด 1 วัน ส่งภาระงานช้ากว่า ก าหนด 2 วัน ส่งภาระงานช้า กว่าก าหนดเกิน 3 วันขึ้นไป เกณฑก์ารตดั สนิคณุภาพ ชว่งคะแนน ระดบัคณุภาพ 15 - 16 ดมีาก 12 - 14 ดี 7 - 11 พอใช้ 1 - 6 ปรบั ปรงุ ขั้นสอน 20. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การจัดจําหนายผลงานประดิษฐ โดยใหนักเรียนแตละกลุมรวบรวมขอมูลจาก การจัดจําหนายผลงานประดิษฐนอกเวลาเรียน ตามการวางแผนงานของนักเรียน จัดทําเปน รายงาน นําสงครูผูสอนในชั่วโมงถัดไป 21. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย การเรียนรูที่ 5 ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การ จัดจําหนายผลงานประดิษฐวา “การนําผลผลิต ที่ไดจากการประดิษฐไปจําหนาย เปนการนํา ผลงานไปแลกเปลี่ยนเปนเงิน ดังนั้น ผูประดิษฐจึง ควรมุงหวังถึงผลกําไร เพื่อนําผลกําไรที่ไดมาใช ในการพัฒนาผลผลิตใหดียิ่งขึ้น แตไมจําเปนตอง ตั้งราคาสูง เพื่อใหไดผลกําไรมาก ควรมีคุณธรรม และจริยธรรมตอลูกคา และควรตั้งราคาตอหนวย ตอชิ้นตามหลักในการตั้งราคาจําหนาย เพื่อให การจําหนายผลิตภัณฑมีสภาพคลองตัว” ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจหลังเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การจัดจําหนายผลงานประดิษฐ 3. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 4. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการ เรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางาน กลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกต คุณลักษณะอันพึงประสงค แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง นํา สอน สรุป ประเมิน T99
Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 1 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.2 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ การงานอาชีพ ม.2 - PowerPoint 1. อธิบายความรู้เกี่ยวกับ การเลี้ยงสัตว์ในบริเวณ บ้านได้ 2. เขียนขั้นตอนในการ เลี้ยงสัตว์ภายในบริเวณ บ้านได้อย่างเหมาะสม 3. วางแผนการเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้านได้ ประหยัดและคุ้มค่า 4. สืบค้นข้อมูลที่ส�ำคัญ ส�ำหรับการเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้านได้ 5. มีเจตคติที่ดีต่อการ เลี้ยงสัตว์ในบริเวณบ้าน แบบเน้น รูปแบบการ สืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจใบงานที่ 6.1.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสรุป ลงความคิดเห็น - ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหา - ทักษะการให้ เหตุผล - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่นในการ ท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ แผนฯ ที่ 2 การเลี้ยงปลา สวยงาม 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.2 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ การงานอาชีพ ม.2 - PowerPoint 1. อธิบายหลักการเลี้ยง ปลาสวยงามได้อย่าง ถูกต้อง 2. วางแผนการเลี้ยงปลา สวยงามตามขั้นตอนได้ อย่างถูกต้อง 3. เลือกสายพันธุ์ปลา ภาชนะ และอุปกรณ์ ต่างๆ ส�ำหรับการเลี้ยง ปลาสวยงามได้ถูกต้อง 4. เกิดเจตคติที่ดีต่อการ เลี้ยงปลาสวยงาม แบบเน้น ทฤษฎีการ จัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือ - ตรวจใบงานที่ 6.2.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสรุป ลงความคิดเห็น - ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหา - ทักษะการให้ เหตุผล - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่นในการ ท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ T100
แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 3 การเลี้ยงไก่ไข่ 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.2 - แบบทดสอบหลังเรียน - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ การงานอาชีพ ม.2 - PowerPoint 1. อธิบายหลักในการเลี้ยง ไก่ไข่ได้อย่างถูกต้อง 2. วางแผนการเลี้ยงไก่ไข่ ตามขั้นตอนได้อย่าง ถูกต้อง 3. เขียนแผนผังโรงเรือน ส�ำหรับการเลี้ยงไก่ไข่ ได้อย่างถูกต้อง 4. เกิดเจตคติที่ดีในการ ปฏิบัติงานและเล็งเห็น ประโยชน์คุณค่าของ ไก่ไข่ แบบเน้น รูปแบบการ สืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - ตรวจใบงานที่ 6.3.1 - ตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสรุป ลงความคิดเห็น - ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหา - ทักษะการให้ เหตุผล - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่นในการ ท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ T101
การเลี้ยงสัตว ในบริเวณบาน มีทั้งที่เลี้ยงไวเพื่อเปนอาหารและเลี้ยงไวเพื่อความเพลิดเพลิน ซึ่งสัตวเลี้ยงแตละชนิดจะมีความแตกตางกันในดานตาง ๆ ทําใหปจจัยในการเลี้ยงมี ความแตกตางกันไปดวย ดังนั้น เราจึงควรศึกษาหาขอมูลของสัตวที่ตองการจะเลี้ยง ใหละเอียดกอน เพื่อที่จะไดดําเนินการเลี้ยงสัตวชนิดนั้นไดอยางถูกวิธี ตัวชี้วัด ■ ใชทักษะการแสวงหาความรู เพื่อพัฒนาการทํางาน (ง ๑.๑ ม.๒/๑) ■ ใชทักษะกระบวนการแกปญหาในการทํางาน (ง ๑.๑ ม.๒/๒) ■ มีจิตสํานึกในการทํางานและใชทรัพยากรในการปฏิบัติงานอยางประหยัดและคุมคา (ง ๑.๑ ม.๒/๓) ö หน่วยการเรียนรู้ที่ ¡ารเลÕéย§สัµÇ ãนºริàว³ºŒาน เกร็ดแนะครู ครูควรจัดการเรียนรู โดยอธิบายเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวในบริเวณบานใหนักเรียนฟง เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจ เรื่อง ความสําคัญของการเลี้ยงสัตว ในบริเวณบาน ปจจัยของการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน และประเภทของสัตวเลี้ยงในบริเวณบาน ใชทักษะการแสวงหาความรูและทักษะกระบวนการแกปญหา ในการทํางานอยางเปนขั้นตอนในการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน ตามขั้นตอนที่ถูกตองและเหมาะสม มีจิตสํานึกในการทํางาน และใชทรัพยากรในการปฏิบัติงาน อยางประหยัดและคุมคา โดยสามารถจัดกิจกรรมได ดังนี้ • ใหนักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความคิดเห็น เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน • ใหนักเรียนอภิปรายความรูรวมกันเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรูซึ่งกันและกันกับเพื่อนรวมชั้นเรียน • ใหนักเรียนฝกปฏิบัติจริงในการเลี้ยงสัตวตามความสนใจ 1 ชนิด • ใหนักเรียนจัดทํารายงานกลุมเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวในทองถิ่นของตนเอง ขั้นนํา (5Es) ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 2. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • หากตองการเลี้ยงสัตวควรปฏิบัติตนอยางไร เพื่อใหการเลี้ยงสัตวเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) 3. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ที่เคยเลี้ยงสัตว ออกมาเลาประสบการณเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว ของตนใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน 4. ครูอธิบายเพิ่มเติม เพื่อเชื่อมโยงความรูกอน เขาสูบทเรียนวา “การเลี้ยงสัตวแตละชนิด จะมีวิธีการเลี้ยงที่แตกตางกัน เชน อาหาร และการใหอาหาร สถานที่ที่ใชเลี้ยง การดูแล รักษาและการปองกันโรค ดังนั้น ผูเลี้ยง จึงควรศึกษาขอมูลของสัตวที่ตองการเลี้ยงให เขาใจอยางละเอียดกอนดําเนินการเลี้ยง เพื่อ ใหการเลี้ยงสัตวเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ” ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกัน ศึกษา เรื่อง ความสําคัญของการเลี้ยงสัตว ปจจัย ของการเลี้ยงสัตว และประเภทของสัตวเลี้ยง ในบริเวณบาน จากหนังสือเรียน หนวยการ เรียนรูที่ 6 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความ สําคัญของการเลี้ยงสัตว ปจจัยของการเลี้ยง สัตว และประเภทของสัตวเลี้ยงในบริเวณบาน จาก PowerPoint ม.2 หนวยการเรียนรูที่ 6 นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T102
ขอสอบเนน การคิด ๑ ความสําคัญของการเลี้ยงสัตว ในบริเวณบาน การเลี้ยงสัตว์ในบริเวณบ้านมีวัตถุประสงค์ส�าคัญหลาย ประการ เช ่น เลี้ยงไว้เพื่อความเพลิดเพลิน เพื่อเป็นเพื่อน เพื่อเป็นอาหาร การเลี้ยงสัตว์จึงมีความส�าคัญต ่อสมาชิกใน ครอบครัว ดังนี้ ๑. ได้เรียนรู้วงจรชีวิตของสัตว์ เข้าใจความเป็นอยู่ และ ลักษณะนิสัยของสัตว์ ๒. มีความรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้อื่น ตรงต่อเวลา และรู้จัก ประหยัดอดออม ๓. เพลิดเพลินไปกับการเลี้ยงสัตว์ ท�าให้มีสุขภาพจิตดี มีความอ่อนโยน มีความรัก และความเมตตาต่อสัตว์ ๔. เกิดความภาคภูมิใจที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ประสบความ ส�าเร็จด้วยความสามารถของตน ๕. น�าความรู้และทักษะที่ได้จากการเลี้ยงสัตว์ไปประกอบ อาชีพได้ ๖. น�าผลผลิตที่ได้จากสัตว์ที่เลี้ยงไว้เป็นอาหารเพื่อบริโภค ในครอบครัว เป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ๗. ผลผลิตหากมีเหลือให้น�าไปจ�าหน่าย เพื่อเป็นรายได้เสริม มาเลี้ยงครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง ËÒ¡µŒÍ§¡ÒÃàÅÕé§ÊÑµÇ ñ ª¹Ô´ ·Õ躌ҹ ¤Çû¯ÔºÑµÔµ¹Í‹ҧäà à¾×èÍãËŒÊÒÁÒöàÅÕé§ÊѵÇä´Œ Í‹ҧÁդسÀÒ¾ สาระการเรียนรู้แกนกลาง ■ ทักษะกระบวนการแกปญหาในการทํางาน มีขั้นตอน คือ การสังเกต วิเคราะห สรางทางเลือก และประเมินทางเลือก เชน - การเลี้ยงสัตว การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 91 ความสําคัญของการเลี้ยงสัตว ๑. ได้เรียนรู้วงจรชีวิตของสัตว์ เข้าใจความเป็นอยู่ และ ๖. น�าผลผลิตที่ได้จากสัตว์ที่เลี้ยงไว้เป็นอาหารเพื่อบริโภค 1 2 3 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายความรู เรื่อง ความสําคัญของการเลี้ยงสัตว ปจจัย ของการเลี้ยงสัตว และประเภทของสัตวเลี้ยง ในบริเวณบาน เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจ ที่ถูกตองตรงกัน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 4. ครูใหนักเรียนแตละกลุมเลือกสัตวเลี้ยงตาม ความสนใจ 1 ชนิด จากนั้นสืบคนปจจัยที่ควร คํานึงถึงในการเลี้ยงสัตวชนิดนั้นๆ พรอมทั้ง บันทึกขอมูลลงในใบงานที่ 6.1.1 เรื่อง สัตวเลี้ยง ในบริเวณบาน 5. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การเลี้ยงสัตวในบริเวณ บาน มีสิ่งที่ควรคํานึงถึง ไดแก สถานที่ที่ใชเลี้ยง ชนิดของสัตวเลี้ยง ความรูและทักษะในการเลี้ยง และปจจัยในการดําเนินการ เชน ทุน แรงงาน วัสดุ อุปกรณ” 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน 7. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ผูเลี้ยงจําเปนตองรูจักวิธี การปองกันและดูแลรักษาสัตวเลี้ยง เชน การทํา ความสะอาดที่อยูอาศัย การใหอาหารและนํ้าใน ปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสม การฉีดวัคซีน ปองกันโรค” 8. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกันปฏิบัติ กิจกรรม “ฉันตองการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน” โดยแตละกลุมจะไดรับสถานการณ คือ เพียงใจ มีพื้นที่วางในบาน 200 ตารางวา เธอตองการ เลี้ยงสัตวที่เลี้ยงไวเพื่อความเพลิดเพลินและ สัตวที่เลี้ยงไวเพื่อเปนอาหาร แตเธอขาดความรู เกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว จะมีวิธีการอยางไร เพื่อชวยเหลือเพียงใจใหสามารถเลี้ยงสัตวใน บริเวณบานไดอยางถูกตอง นักเรียนควรรู 1 การเลี้ยงสัตว มีความสําคัญตอมนุษยในดานจิตใจ ชวยใหผูเลี้ยงมีสุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี การเลี้ยงสัตวเปนการฝกฝนและกลอมเกลาจิตใจใหผูเลี้ยง มีจิตใจที่ออนโยน มีความรัก ความเมตตาตอสัตว ชวยผอนคลายจากความ ตึงเครียดได 2 วงจรชีวิตของสัตว เปนชีวิตการเจริญเติบโตของสัตวที่เจริญเติบโตมา อยางตอเนื่องและเปนระเบียบ ซึ่งสัตวแตละชนิดจะมีวงจรชีวิตที่แตกตางกัน 3 ผลผลิต เปนสิ่งที่ผูเลี้ยงสัตวตองบริหารจัดการอยางเปนระบบ เนื่องจาก ผลผลิตบางอยางสามารถนํามาบริโภคได บางอยางสามารถนําไปจําหนาย เพื่อสรางรายได บางอยางมีมูลคานอยแตสามารถนําไปเพิ่มมูลคากอนนําไป จําหนายได ดังนั้น กอนการเลี้ยงสัตวจึงควรวางแผนการเลี้ยง เพื่อใหสามารถ จัดการกับผลผลิตไดอยางเหมาะสม “การมีสุขภาพจิตที่ดี มีความออนโยน และมีความเมตตา ตอสัตว” ขอความนี้มีความสัมพันธกับขอใด 1. ปจจัยในการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน 2. หลักการเลี้ยงปลาสวยงามในบริเวณบาน 3. ความสําคัญของการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน 4. วัตถุประสงคของการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน จะทําใหสมาชิกในครอบครัวเกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ไดใช เวลาในการทํากิจกรรมตางๆ รวมกัน สงผลใหมีสุขภาพจิตที่ดี มีความรัก ความออนโยน และมีความเมตตาตอสัตว) นํา สอน สรุป ประเมิน T103
๒ ปจจัยของการเลี้ยงสัตว ในบริเวณบาน การเลี้ยงสัตว์ในบริเวณบ้านมีทั้งที่เลี้ยงไว้เพื่อการบริโภคเองในครัวเรือนและเลี้ยงไว้เพื่อ ดูเล่น เพื่อสร้างความเพลิดเพลิน ความสวยงาม ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกเลี้ยงสัตว์แต่ละชนิด ควรค�านึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ ๓ ประเภทของสัตวเลี้ยงในบริเวณบาน สัตว์เลี้ยงในบ้านมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ซึ่งหากพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของผู้เลี้ยง สามารถ จ�าแนกได้ ๒ ประเภท ดังนี้ เชน สุนัข แมว กระตาย นก ปลา ซึ่งสัตว เหลานี้นํามาเลี้ยงไวในบริเวณบานได เพื่อ ความเพลิดเพลิน สรางความผอนคลาย ใหกับผูเลี้ยง เชน ไก เปด ปลาดุก ปลานิล ปลาทับทิม สัตวเหลานี้นําไปบริโภคในครัวเรือน หากมี เหลือนําไปจําหนาย เพื่อเปนรายไดเสริม ใหแกครอบครัวได เพื่อความเพลิดเพลิน เพื่อเปนอาหาร สถานที่ • พิจารณาถึงสภาพบานและสิ่งแวดลอม ในบานวาเอื้อตอการเลี้ยงสัตวหรือไม • สถานที่ตองไมคับแคบ มีความสะดวกสบาย อากาศถายเท สะอาด ถูกสุขลักษณะ ความรูและทักษะ • มีหลักบริหารจัดการที่ดี เนื่องจากสัตว แตละชนิดมีหลักการเลี้ยงและการดูแลที่ แตกตางกัน • ศึกษาหาความรู รวมถึงฝกฝนทักษะเพื่อให การเลี้ยงสัตวของตนประสบความสําเร็จ ชนิดของสัตวเลี้ยง • พิจารณาถึงความตองการของสมาชิกใน ครอบครัววาตองการเลี้ยงสัตวชนิดใด • เลือกสัตวเลี้ยงใหตรงกับความตองการและ จุดประสงคของสมาชิกในครอบครัว ปจจัยในการดําเนินการ • ประกอบดวยเงินทุน แรงงาน วัสดุ อุปกรณ และการบริหารจัดการ • ปจจัยในการดําเนินการจะมีความแตกตางกัน เชน ชนิดของสัตว รูปแบบการเลี้ยง 9๒ กิจกรรม สรางเสริม กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 9. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันแสดงความ คิดเห็นวา ตองการเลี้ยงสัตวประเภทใด โดย ออกแบบวิธีการเลี้ยงสัตวในบริเวณบานตาม ขั้นตอนของกระบวนการทํางาน 10. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน 11. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง ความ สําคัญของการเลี้ยงสัตว ปจจัยของการเลี้ยงสัตว และประเภทของสัตวเลี้ยงในบริเวณบานวา “การ เลี้ยงสัตว มีทั้งเลี้ยงไวเพื่อความเพลิดเพลินและ เลี้ยงไวเพื่อบริโภค ผูเลี้ยงควรศึกษาขอมูลใหเขาใจ อยางละเอียด เพื่อใหเลี้ยงสัตวไดอยางถูกวิธี” แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม ใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัตวเลี้ยงที่นักเรียน ตองการเลี้ยงตามความสนใจ 1 ชนิด โดยคนหาขอมูลในประเด็น ที่ครูกําหนดให คือ หากเลี้ยงสัตวชนิดนี้จะตองมีการเตรียม ความพรอมในดานใดและเตรียมอยางไร นําขอมูลที่ไดจากการศึกษา มาสรุปลงในกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน ใหนักเรียนจับกลุมกับเพื่อนที่เลือกเลี้ยงสัตวชนิดเดียวกัน นําขอมูลที่ไดมาแลกเปลี่ยนเรียนรูซึ่งกันและกัน พรอมทั้งเปรียบเทียบ ขอมูลเพื่อหาขอมูลที่เหมือนและขอมูลที่แตกตางกัน จากนั้น ใหแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอผลงานให เพื่อนชมหนาชั้นเรียน พรอมทั้งอธิบายเหตุผลที่เลือกเลี้ยงสัตวชนิดนี้ ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบกอนเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจกอนเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 6.1.1 เรื่อง สัตวเลี้ยงใน บริเวณบาน 3. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 4. ครูประเมินผลจากการออกแบบวิธีการเลี้ยงสัตว ในบริเวณบานตามขั้นตอนของกระบวนการ ทํางาน 5. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค นํา สอน สรุป ประเมิน T104
ขอสอบเนน การคิด ปลาเทวดา ปลามังกร ๔ ตัวอยางการเลี้ยงสัตว ในบริเวณบาน การเลี้ยงสัตว์ในบริเวณบ้านจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความชอบของสมาชิกในครอบครัว ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ชนิดนั้น ๆ สถานที่ เวลาดูแลเอาใจใส่ ค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ซึ่งในที่นี้จะขอ ยกตัวอย่างสัตว์เลี้ยงที่สามารถเลี้ยงได้ทั่วไป ดังนี้ ๔.๑ การเลี้ยงปลาสวยงาม การเลี้ยงปลาสวยงามไว้ ในบ้าน หรือบริเวณบ้าน มีความส�าคัญต่อผู้เลี้ยงและสมาชิกในครอบครัว เป็นการฝกจิตใจของผู้เลี้ยงให้เกิดความรู้สึกดีงามต่อธรรมชาติ เกิดความเพลิดเพลินในการเลี้ยง ทั้งยังมีส่วนช่วยก�าจัดยุง เนื่องจากปลาสวยงามที่นิยมเลี้ยงส่วนมากจะชอบกินลูกน�้า ๑) การคัดเลือกชนิดพันธุปลา ปลาสวยงามมีหลายชนิด ซึ่งก ่อนที่จะเลี้ยงควร พิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความต้องการของสมาชิกในครอบครัวว่าต้องการเลี้ยงปลาชนิดใด พื้นที่ในการเลี้ยงเอื้อต ่อการเลี้ยงปลาชนิดนั้นหรือไม ่ ซึ่งการเลือกชนิดพันธุ์ปลาที่จะเลี้ยง มีวิธีการคัดเลือก ดังนี้ ความสวยงาม ปลาแตละชนิดมีความสวยงาม แตกตางกัน ไมวาจะเปนใน เรื่องของขนาด รูปราง สีสัน การเคลื่อนไหว เชน • ปลาขนาดเล็ก ที่มีสีสัน สวยงาม ฉูดฉาด เคลื่อนไหว ไปมาตลอดเวลา เชน ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลาซิว ปลานีออน • ปลาขนาดกลาง ที่มีสีสัน สวยงาม เคลื่อนไหวไปมา อยางชา ๆ เชน ปลาเทวดา ปลาปอมปาดัวร • ปลาขนาดใหญ ที่มีสีสัน สวยงาม เคลื่อนไหวไปมา อยางชา ๆ สงางาม เชน ปลาออสการ ปลามังกร ปลาแรด ปลากราย การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 9๓ ๔.๑ การเลี้ยงปลาสวยงาม • ปลาขนาดใหญ ที่มีสีสัน ทั้งยังมีส่วนช่วยก�าจัดยุง เนื่องจากปลาสวยงามที่นิยมเลี้ยงส่วนมากจะชอบกินลูกน�้า 1 3 2 ขั้นนํา (เนนทฤษฎีการจัดการเรียนรูแบบรวมมือ) 1. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • นักเรียนเคยเลี้ยงปลาสวยงามหรือไม ถาเคย ปลาที่เลี้ยงเปนปลาสายพันธุใด มีรูปรางและ ลักษณะนิสัยเปนอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เคยเลี้ยงปลาทอง สายพันธุ ฮอลันดา มีลําตัวคอนขางยาวและใหญ หางยาว มีครีบครบทุกครีบ สวนหัวมีวุนขึ้น คลายพันธุหัวสิงห วุนสีเหลืองสม ไมชอบอยูนิ่ง กับที่ ชอบวายนํ้าตลอดเวลา และชอบคุยทราย ตามพื้นตู) 2. ครูเปดวีดิทัศนเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาสวยงาม ใหนักเรียนดู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • หากตองการเลี้ยงปลาสวยงามแตยังขาด ความรูเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาสวยงาม ควร แกปญหาดังกลาวอยางไร (แนวตอบ ควรทดลองเลี้ยงปลาสวยงาม ที่ดูแลงายจําพวกปลาหางนกยูง ปลาสอด เพราะมีความแข็งแรง ทนทาน และราคา ไมแพงจนเกินไปกอนดําเนินการเลี้ยงจริง จนเกิดประสบการณจากการศึกษาคนควา การสังเกต และการสัมภาษณจากผูรู) • นักเรียนคิดวา การเลี้ยงปลาสวยงามควรมี หลักในการพิจารณาอยางไร (แนวตอบ การเลือกพันธุปลาสวยงาม มีหลัก ในการพิจารณา ดังนี้ • ความสวยงามของปลาแตละชนิดจะขึ้นอยู กับความชอบของผูเลี้ยงเปนหลัก • ปจจัยในการเลี้ยงปลาสวยงาม เชน ปจจัย ดานอุณหภูมิ ปจจัยดานอาหาร ปจจัย ดานสถานที่ที่ใชในการเลี้ยง • ความหลากหลายทางสายพันธุ ซึ่งปลา สวยงามแตละชนิด จะมีสายพันธุแยก ออกไปอยางหลากหลาย) นักเรียนควรรู 1 ปลาสวยงาม มีอยูดวยกันหลายสายพันธุ ซึ่งในประเทศไทยไดจัดอันดับ ปลาสวยงามไวดวยกัน 10 สายพันธุ คือ ปลาตะพัด ปลาเสือตอ ปลากัดไทย ปลากระดี่มุก ปลาฉลามหางไหม ปลากระทิงไฟ ปลาทรงเครื่อง ปลาตองลาย ปลากระแหทอง และปลากระเบนเสือดาว 2 ลูกนํ้า ปลาที่นิยมเลี้ยงเพื่อนํามาใชในการกําจัดลูกนํ้าสวนใหญจะเปน ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลากัด ฯลฯ โดยปลาจะกินลูกนํ้าเปนอาหาร ซึ่งเปน วิธีการหนึ่งที่จะชวยควบคุมและปองกันการเกิดยุงลายได 3 ปลาขนาดใหญ จัดเปนปลาสวยงามที่มีรูปรางและมีขนาดใหญ การ เคลื่อนไหวเปนไปอยางเชื่องชา สงางาม ผูเลี้ยงจําเปนตองเตรียมสถานที่ที่ใชใน การเลี้ยงปลาใหมีขนาดใหญ ไมวาจะเปนบอ หรือตู เพื่อใหปลามีการเจริญเติบโต ที่ดี มีพื้นที่ในการอยูอาศัย สามารถวายนํ้าไป-มาไดอยางสะดวก “พลตองการเปนเจาของธุรกิจสัตวเลี้ยง” พลควรคํานึงถึง ปจจัยในขอใดมากที่สุด 1. เงินทุน 2. แรงงาน 3. วัสดุ อุปกรณ 4. การบริหารจัดการ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะพลสามารถนําเงินทุนไปใช ในการจางแรงงาน ซื้อวัสดุ อุปกรณ รวมถึงวาจางผูที่มีความรู ความเชี่ยวชาญ และมีความสามารถมาชวยในการบริหารจัดการ ธุรกิจของตนใหประสบความสําเร็จได) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T105
ขอสอบเนนการคิด ปจจัยในการเลี้ยง สายพันธุ ปลาสามารถนํามาผสมขาม สายพันธุ ได โดยการดําเนิน การของมนุษย ทําใหปลา บางกลุม หรือบางชนิดมีความ หลากหลายทางสายพันธุ ดังนั้น ลักษณะของปลาที่เห็น อาจไมใชลักษณะที่แทจริง ของสายพันธุ เชน ปลาทอง ปลาเทวดา ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลานีออน ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลาออสการ ปลาแตละชนิดมีความตองการ แตกตางกัน ทําใหมีปจจัยใน การเลี้ยงแตกตางกันไป เชน • ปลาที่อาศัยอยู ในอุณหภูมิ นํ้าคอนขางสูง เชน ปลา นีออน ตองใชเครื่องให ความรอน มิฉะนั้นปลา อาจตายได • ปลาที่ตองการอาหารสด เชน ปลามังกร ผูเลี้ยงควร เตรียมอาหารแบบที่ปลา ตองการ เชน หนอนแดง • ปลาที่ตองเลี้ยงดวยตูปลา ขนาดใหญ เชน ปลาออสการ เตรียมขนาดของตูปลาให เหมาะสมกับขนาดของปลา ที่จะเลี้ยง 9๔ อยู ในอุณหภูมิ นํ้าคอนขางสูง เชน ปลา ตองการ เชน หนอนแดง ปลาสอด 1 2 3 ขั้นสอน 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกันศึกษา เรื่อง การเลี้ยงปลาสวยงาม จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือ ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต ในประเด็นที่ ครูกําหนดให คือ การคัดเลือกชนิดพันธุปลา ลักษณะนิสัยของปลา สถานที่ที่ใชในการ เลี้ยงปลา ภาชนะและอุปกรณในการเลี้ยงปลา อาหารและการใหอาหารปลา การดูแลรักษา โรคของปลา 2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยง ปลาสวยงาม จาก PowerPoint ม.2 หนวย การเรียนรูที่ 6 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปราย ความรู เรื่อง การเลี้ยงปลาสวยงาม เพื่อใหเกิด ความรู ความเขาใจที่ถูกตองตรงกัน 4. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันสรุปความรู ที่ไดรับจากการศึกษา เรื่อง การเลี้ยงปลา สวยงาม ลงในใบงานที่ 6.2.1 เรื่อง การเลี้ยง ปลาสวยงาม 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน ขั้นนํา 3. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ที่เคยเลี้ยงปลา สวยงามออกมาเลาประสบการณเกี่ยวกับการ เลี้ยงปลาของตนใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน 4. ครูอธิบายเพิ่มเติม เพื่อเชื่อมโยงความรูกอน เขาสูบทเรียนวา “การเลี้ยงปลาสวยงามขึ้น อยูกับความชอบของผูเลี้ยง สถานที่ที่ใชเลี้ยง เวลา การดูแลเอาใจใส คาใชจาย ฯลฯ โดยการ เลี้ยงปลาสวยงามเปนการฝกจิตใจของผูเลี้ยง ใหเกิดความรูสึกดีงามตอธรรมชาติ เกิด ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ทั้งยังเปนการฝก ความรับผิดชอบตอชีวิตของผูอื่นอีกดวย” นักเรียนควรรู 1 อุณหภูมินํ้า เปนสิ่งสําคัญและจําเปนอยางมากในการเลี้ยงปลาสวยงาม เนื่องจากปลาเปนสัตวเลือดเย็น ดังนั้น อุณหภูมิของรางกาย หรือกระบวนการ เผาผลาญอาหารภายในรางกาย จึงเปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิของนํ้า ซึ่ง อุณหภูมิที่เหมาะสมสําหรับเลี้ยงปลาจะอยูระหวาง 27-32 องศาเซลเซียส 2 หนอนแดง เรียกอีกอยางหนึ่งวา “ริ้นนํ้าจืด” รูปรางคลายยุง อาศัยอยู รวมกันเปนฝูงบริเวณแหลงนํ้าที่มีแสงแดดรําไร จัดเปนอาหารตามธรรมชาติ ที่นิยมนํามาใชในการเลี้ยงปลา มีคุณคาทางอาหารและใหพลังงานสูง 3 ปลาสอด เปนปลาสวยงามขนาดเล็กที่มีสีสันสวยงามและราคาไมแพง นิยมเลี้ยงในอาง บอ หรือตู ไมจําเปนตองใชเครื่องปมอากาศ สามารถเลี้ยง รวมกันเปนฝูงได การขยายพันธุจะเปนไปอยางรวดเร็ว โดยปลาสอดจะออกลูก ทุกๆ 4 สัปดาห ประมาณครั้งละ 20 ตัว “ธีรตองการเลี้ยงปลาที่มีรูปรางและรูปทรงสงางาม เคลื่อนไหว รางกายอยางชาๆ” ธีรควรเลือกเลี้ยงปลาสายพันธุใด 1. ปลาหางนกยูง 2. ปลาเทวดา 3. ปลานีออน 4. ปลาสอด (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเปนปลาที่มีขนาดใหญกวา ปลาสายพันธุอื่นๆ จัดเปนปลาสวยงามที่วายนํ้าอยางเชื่องชา การวายเปนไปอยางมั่นคงและสงางาม สวนปลาหางนกยูง ปลานีออน และปลาสอดเปนปลาที่วายนํ้าไดอยางรวดเร็ว มีความคลองตัวสูง) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T106
ขอสอบเนน การคิด T i p การขยายพันธุ • ปลาออกลูกไดเกือบตลอดป โดยออกลูก ครั้งละ ๓๐-๑๐๐ ตัว • ลูกปลาที่คลอดออกมาตัวคอนขางใหญ เมื่อเทียบกับลูกปลาของปลาที่ออกลูกเปนไข นิสัยของปลาสวยงาม ปลาสวยงามหลากหลายชนิดมักมีนิสัยที่แตกต่างกัน เช่น • ปลาที่มีนิสัยรักสงบ ชอบอยู่นิ่ง ๆ ซุกตัวอยู่ตามมุมตู้ปลา เช่น ปลาเทวดา ปลากระดี่แคระ • ปลาที่มีนิสัยก้าวร้าว ชอบกัด ต่อสู้กันเอง ไม่ชอบอยู่นิ่ง กับที่ เช่น ปลาหางนกยูง ปลากัด • ปลาที่ตกใจง่าย ต้องอยู่รวมกันเป็นฝูง เช่น ปลาซิวดอกแก้ว ปลาไวท์คลาวด์ ๒) นิสัยของปลา ควรศึกษานิสัยของปลาให้รอบคอบ เนื่องจากปลาบางชนิดมีนิสัยดุร้าย หากเลี้ยงปะปนกับปลาชนิดอื่น อาจท�าร้าย หรือจับปลาชนิดอื่นกินเป็นอาหารได้ โดยทั่วไปนิสัย ของปลาดูได้จากพฤติกรรมต่าง ๆ ดังนี้ ความอดทน • ปลาแตละชนิดจะทนทานตอการเปลี่ยนแปลง ของสภาพแวดลอมไดตางกัน เชน การเลี้ยง ในพื้นที่แคบ การเปลี่ยนสภาพแวดลอม อยางกะทันหัน สิ่งเหลานี้อาจเปนสาเหตุที่ ทําใหปลาไมทนตอสภาพการเปลี่ยนแปลง ตาง ๆ ได • เชน ปลาหางไหมและปลานีออน เมื่อถูก กระทบจากปริมาณคลอรีนจะมีผลทําให ปลาตายไดงาย การอยูรวมกัน • ปลาบางชนิดมีนิสัยดุราย อาจทํารายปลา ชนิดอื่นที่เลี้ยงรวมกัน ดังนั้น จึงควรศึกษา เกี่ยวกับปลาที่ตองการเลี้ยงใหละเอียดวา มีพฤติกรรมในการอาศัยอยูรวมกับปลาชนิด อื่นอยางไรกอนนํามาเลี้ยงรวมกัน • เชน เลี้ยงปลาเสือสุมาตรารวมกับปลานีออน ปลาเสือสุมาตราจะดุรายมากในฤดูผสมพันธุ ก็อาจทํารายปลานีออนจนตายได การคัดเลือกชนิดพันธุ์ปลาสวยงามเป็นขั้นตอนที่มีความส�าคัญส�าหรับผู้ที่เริ่มต้นเลี้ยง เพราะยังมีความรู้ ประสบการณ์ในการคัดเลือกพันธุ์ปลาไม่มากนัก ควรเลือกเลี้ยงปลาที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว มีความอดทน ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ราคาไม่แพง และหาซื้อได้ง่าย การกินอาหาร • ปลาที่กินพืช มีนิสัยไมดุราย เลี้ยงดวยอาหาร สําเร็จรูปได เชน ปลาสรอย ปลาตะเพียน • ปลาที่กินเนื้อ มีนิสัยดุราย ชอบไลลาเหยื่อ ที่มีขนาดเล็กเปนอาหาร เชน ปลามังกร การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 95 ขั้นสอน 6. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ปลาสวยงามมีหลากหลาย สายพันธุใหพิจารณาเลือกซื้อมาเลี้ยง ซึ่งกอน ที่จะดําเนินการเลี้ยง ผูเลี้ยงควรพิจารณาถึง ปจจัยตางๆ เชน ความสวยงาม ไมวาจะเปน ในเรื่องของขนาด รูปราง สีสัน การเคลื่อนไหว ปจจัยในการเลี้ยงที่แตกตางกัน หรือสายพันธุ ของปลาสวยงามที่คนสวนใหญนิยมนํามาเลี้ยง” 7. ครูถามนักเรียนวา • ในการเลือกพันธุปลาสวยงามมาเลี้ยง นอกจากจะตองคํานึงถึงเรื่องของความ สวยงามแลว ยังตองคํานึงถึงเรื่องใด (แนวตอบ ลักษณะนิสัยของปลาสวยงาม เนื่องจากปลาสวยงามแตละสายพันธุจะมี ลักษณะนิสัยที่แตกตางกัน ปลาสวยงามบาง สายพันธุไมอันตราย แตบางสายพันธุก็ดุราย เพราะกินเนื้อสัตวเปนอาหาร ดังนั้น จึงตอง คํานึงถึงการจัดสถานที่ใหปลาอยูอาศัย หาก ตองการเลี้ยงปลาที่มีสายพันธุดุรายจะตอง เลี้ยงเพียงตัวเดียว โดยแยกที่อยูจากปลา ตัวอื่นๆ เพราะปลาที่ดุรายจะทํารายปลา ที่ออนแอกวา หรือแมวาจะเปนสายพันธุที่ ดุรายเหมือนกัน ปลาจะกัดกัน จนไดรับ บาดเจ็บ) 8. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “กอนดําเนินการเลี้ยงปลา สวยงาม ผูเลี้ยงควรศึกษาลักษณะนิสัยของปลา สวยงามที่ตองการเลี้ยงใหเขาใจอยางละเอียด กอน เนื่องจากปลาสวยงามมีหลากหลาย สายพันธุ ดังนั้น ลักษณะนิสัยของปลาสวยงาม จึงมีความแตกตางกัน เชน ปลาบางสายพันธุ มีนิสัยรักสงบ ชอบอยูนิ่งๆ ปลาบางสายพันธุ มีนิสัยกาวราว ชอบกัด ตอสูกันเอง ปลาบาง สายพันธุมีนิสัยที่ตกใจงาย จึงตองเลี้ยงรวมกัน เปนฝูง” หากตองการเลี้ยงปลาสวยงาม จะมีหลักในการคัดเลือกพันธุ ปลาที่จะเลี้ยงอยางไร (แนวตอบ หากเปนการเริ่มตนเลี้ยงปลาครั้งแรก ควรเริ่มทดลอง เลี้ยงปลาที่สามารถเลี้ยงและดูแลไดงาย ราคาไมแพง มีความ แข็งแรง ทนทาน เชน ปลาหางนกยูง ซึ่งเปนปลาที่เลี้ยงไดงาย เจริญเติบโตไดอยางรวดเร็ว แข็งแรง ทนทาน นํามาเลี้ยงในอาง หรือบอ หรือตู ไมจําเปนตองใชเครื่องปมอากาศ สามารถกินอาหาร ตามธรรมชาติ หรืออาหารเม็ดสําเร็จรูปได) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาสวยงามใหนักเรียนฟงวา การเลี้ยง ปลาสวยงามรวมถึงการเลี้ยงปลาสายพันธุอื่นๆ มีสิ่งสําคัญที่ควรพิจารณาถึง คือ นํ้าที่นํามาใชในการเลี้ยง ดังนั้น กอนเลือกเลี้ยงปลาแตละสายพันธุจึงควร ศึกษาขอมูลของพันธุปลาที่ตองการเลี้ยงอยางละเอียด เพื่อใหสามารถจัดเตรียม นํ้าไดอยางเหมาะสม ปลาสวยงามที่เลี้ยงงายจะเปนสายพันธุที่อยูในเขตรอนชื้น เชน ปลาเสือเยอรมัน ปลาสอดหางดาบ ปลาหางนกยูง ปลานีออน ปลามาลาย สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับปลาสวยงามนํ้าจืด ไดที่ http://kanchanapisek. or.th/kp6/sub/book/book.php?book=29&chap=7&page=t29-7-infodetail03.html นํา สอน สรุป ประเมิน T107
กิจกรรม เสริมสรางค ุ ณลักษณะอันพึงประสงค Know M ore »Åาหางน¡ÂÙง • เปนปลาน้ําจืดขนาดเล็ก มีความยาวเต็มที่ ไมเกิน ๕ นิ้ว • ตัวผูมีขนาดเล็ก แตมีสีสันและครีบที่สวยงามกวาตัวเมีย • ตัวเมียตัวใหญกวา ทองอูม ครีบเล็กกวาตัวผู • เลี้ยงรวมกันเปนฝูง ไมตองใชเครื่องใหออกซิเจน »ÅาÊอดหางดาº • เปนปลาน้ําจืดขนาดเล็ก นิยมอยูรวมกันเปนฝูง ไมเกเร • ลําตัวยาวเรียว ครีบหางของตัวผูเรียวแหลมคลายดาบ • ตัวเมียลําตัวปอมสั้น บริเวณทองจะขยายใหญกวา • สีมีความหลากหลายไปตามสภาพของแหลงอาศัย »Åา¡ัด • เปนปลาน้ําจืด ชอบอยูตัวเดียว หวงอาณาเขต • ลําตัวยาว แบนขาง หัวเล็ก ครีบกนยาวจรดครีบหาง • หายใจบนผิวน้ําได โดยใชปากฮุบอากาศ • นิยมเลี้ยงในภาชนะขนาดเล็ก เชน ขวดโหล »ÅานÕออน • เปนปลาน้ําจืดขนาดเล็ก นิยมอยูรวมกันเปนฝูง รักสงบ • ลําตัวยาวรี ตาโต ครีบใส เกล็ดที่ลําตัวมีขนาดเล็ก • เสนเรืองแสงพาดตั้งแตจมูกผานลูกตายาวถึงครีบไขมัน • ควรเลี้ยงในตูที่มีไฟใหแสงชวยเสริมใหสีของปลาสวยขึ้น ¾ัน¸Ø»ลาสÇย§าม·Õè¤นนิยมเลÕéย§ การเลี้ยงปลาสวยงามนับเปนงานอดิเรกอยางหนึ่งที่ชวยสรางความสนุกสนาน ความเพลิดเพลิน ผอนคลายความเครียดใหแกผูเลี้ยงโดยปลาสวยงามมีอยูดวยกันหลากหลายสายพันธุ ตัวอยาง พันธุปลาสวยงามที่ไดรับความนิยมเลี้ยงในปจจุบันและสามารถหาซื้อไดงาย มีดังนี้ 96 • เลี้ยงรวมกันเปนฝูง ไมตองใชเครื่องใหออกซิเจน • เปนปลาน้ําจืด ชอบอยูตัวเดียว หวงอาณาเขต • ลําตัวยาว แบนขาง หัวเล็ก ครีบกนยาวจรดครีบหาง • เสนเรืองแสงพาดตั้งแตจมูกผานลูกตายาวถึงครีบไขมัน 1 2 3 ขั้นสอน 9. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกัน ศึกษา เรื่อง พันธุปลาสวยงามที่คนนิยมเลี้ยง จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือ ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 10. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพันธุ ปลาสวยงามที่คนนิยมเลี้ยง จาก PowerPoint ม.2 หนวยการเรียนรูที่ 6 11. ครูถามนักเรียนวา • หากมีคนมาขอคําแนะนําเกี่ยวกับการเลือก ซื้อพันธุปลาสวยงาม นักเรียนจะแนะนํา วิธีการเลือกซื้ออยางไร (แนวตอบ จะตองเลือกซื้อในเวลากลางวัน เนื่องจากในเวลากลางวันแสงจะชวยใหเห็น สีสัน ดวงตา ผิว และลักษณะของปลาได อยางชัดเจน โดยสามารถสังเกตจากสีสัน ของตัวปลาแตละตัวที่อยูในตู และเลือก ซื้อปลาที่มีสีสันสดเขมตามสายพันธุของ ปลาชนิดนั้นๆ สังเกตการวายนํ้าของปลา ซึ่งปลาจะตองวายนํ้าเคลื่อนที่ไป-มาอยาง สงางาม ไมหยุดอยูกับที่และไมมีอาการ เซื่องซึม ควรเลือกปลาที่มีอวัยวะครบทุกสวน ครีบไมชํ้าหรือหุบ ควรเลือกที่ครีบกางออก เกือบตลอดเวลา มีดวงตาที่สดใส แผน ปด-เปดเหงือกเปนจังหวะสมํ่าเสมอกัน ผิวสะอาด และควรเลือกซื้อกับรานคาที่มี ความนาเชื่อถือ) • การเลี้ยงปลาสวยงามกอใหเกิดประโยชน ตอตัวของนักเรียนหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ คิดเห็นไดอยางอิสระ เชน เกิดประโยชน เพราะเปนการไดใชเวลาวางใหเกิดประโยชน ฝกความรับผิดชอบและการตรงตอเวลา) นักเรียนควรรู 1 เลี้ยงรวมกันเปนฝูง ปลาสวยงามแตละสายพันธุมีลักษณะนิสัยที่ไม เหมือนกัน ปลาที่ชอบอยูรวมกันเปนฝูง ควรเลี้ยงรวมกันใหมีจำนวนพอประมาณ และเหมาะสมกับขนาดของภาชนะที่ใชเลี้ยง ซึ่งปลาสวยงามที่นิยมเลี้ยงรวมกัน เปนฝูงสวนใหญเปนปลาขนาดเล็ก เชน ปลาเสือเยอรมัน ปลารัมมีโนส 2 ครีบหาง เรียกวา “Caudal Fin” เปนครีบที่อยูทายสุดของตัวปลา ทํา หนาที่ในการบังคับทิศทางใหปลาวายนํ้าพุงตรงไปขางหนา หรือบังคับในการเลี้ยว และการทรงตัวของปลา 3 ครีบไขมัน เรียกวา “Adipose Fin” หรือ “Fat Fin” เปนครีบไขมันที่ไมมี กานครีบ อยูบริเวณสวนบนของตัวปลาระหวางชวงครีบหางกับครีบหลัง ทํา หนาที่ในการชวยพยุง สวนใหญจะพบในปลาที่ไมมีเกล็ด เชน ปลาแขยง ปลากด ใหนักเรียนเลือกเลี้ยงปลาสวยงามตามความสนใจ 1 สายพันธุ โดยกําหนดระยะเวลาในการเลี้ยงอยางนอย 1 เดือน พรอมทั้ง จดบันทึกขอมูลในประเด็นที่ครูกําหนดให ดังนี้ • สายพันธุปลาที่เลี้ยงและลักษณะนิสัย • ภาชนะและอุปกรณที่ใชในการเลี้ยง • การดูแลรักษา การใหอาหาร และโรคของปลา • ขอมูลการเจริญเติบโตของปลาที่เลี้ยง • ความรูสึกที่ไดรับจากการเลี้ยง • ปญหาที่พบและแนวทางการแกไข จากนั้นเขียนสรุปลงในกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน (กิจกรรมนี้สรางเสริมคุณลักษณะดานซื่อสัตยสุจริต มีวินัย ใฝเรียนรู อยูอยางพอเพียง และมุงมั่นในการทํางาน) นํา สอน สรุป ประเมิน T108
ขอสอบเนน การคิด ๓) สถานที่ในการเลี้ยงปลา ควรเลือกสถานที่และจัดเตรียมอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับ ชนิดของปลาสวยงามที่จะเลี้ยง ซึ่งสถานที่ที่นิยมใช้ในการเลี้ยงปลาสวยงามมีอยู ่ด้วยกัน หลายรูปแบบ ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่และค�านึงถึงความประหยัดควบคู่ กันไปด้วย เช่น บอที่หลอขึ้นจากปูนซีเมนต แข็งแรง ทนทาน นํ้าหนักมาก เคลื่อนยายลําบาก นิยมตั้งอยู ภายนอกอาคารในบริเวณที่มี แสงแดดรําไร ผลิตจากวัสดุประเภทกระจก หรืออะคริลิก มีหลายขนาด หนาแตกตางกัน นิยมตั้งอยู ภายในบานและในบริเวณที่ แสงแดดสองไมถึง ผลิตจากวัสดุประเภทกระจก หรืออะคริลิก มีหลายขนาด นํ้าหนักเบา นิยมตั้งอยูภายใน หองตาง ๆ และในบริเวณ ที่แสงแดดสองไมถึง บอซีเมนต ภาชนะขนาดเล็ก ตูกระจก การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 9๗ แสงแดดรําไร 1 2 ขั้นสอน 12. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • ขั้นตอนการเลือกสถานที่ที่ใชในการเลี้ยง ปลาสวยงามมีความสําคัญอยางไร (แนวตอบ การเลือกสถานที่ในการเลี้ยงปลา สวยงาม ผูเลี้ยงควรพิจารณาอยางละเอียด รอบคอบ เพราะการคัดเลือกสถานที่ที่ใช ในการเลี้ยงปลาถือเปนปจจัยเบื้องตนที่มี ความสําคัญเปนอยางยิ่ง เนื่องจากสถานที่ที่ ใชในการเลี้ยงปลามีผลตอการเจริญเติบโต ของปลา จึงตองเลือกใหเหมาะสมกับสาย พันธุปลาที่ตองการเลี้ยง เพราะหากเลือก พื้นที่ไมเหมาะสม อาจสงผลกระทบตอการ เจริญเติบโตของปลาชนิดนั้นๆ ได) 13. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปราย ความรู เรื่อง การเลือกสถานที่ที่ใชในการ เลี้ยงปลา เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจที่ ถูกตองตรงกัน 14. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันยกตัวอยาง สถานที่ที่ใชในการเลี้ยงปลาสวยงามที่เหมาะสม กับสายพันธุปลาชนิดตางๆ ตามที่ไดศึกษามา พรอมทั้งอภิปรายดวยวาสถานที่ที่ใชในการเลี้ยง ปลามีลักษณะอยางไร เหมาะสมตอการเลี้ยง ปลาสายพันธุใด เชน บอซีเมนตเปนบอที่มีพื้นที่ กวางขวาง มีความแข็งแรง ทนทาน เหมาะสม ที่จะนํามาใชเลี้ยงปลาที่มีขนาดใหญ โหลเปน ภาชนะที่มีหลายขนาด นํ้าหนักเบา เคลื่อนยาย ไดสะดวก เหมาะสมกับการเลี้ยงปลาที่มี ขนาดเล็ก 15. ครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดการเลี้ยงปลามังกรจึงนิยมนํา มาเลี้ยงในตูปลาที่มีขนาดใหญ (แนวตอบ เนื่องจากปลามังกรเปนปลา สวยงามที่มีขนาดใหญ จึงตองใชพื้นที่มาก เพื่อใหปลาสามารถเจริญเติบโตไดอยาง เต็มที่และไมอึดอัด) นักเรียนควรรู 1 แสงแดดรําไร สถานที่ที่ใชในการเลี้ยงปลา ไมวาจะเปนบอ หรือตูกระจก ควรตั้งอยูในตําแหนงที่แสงแดดสองถึงในปริมาณที่เหมาะสม มีแสงแดดรําไร หรือมีแสงแดดสองถึงประมาณครึ่งวันเชา เพื่อใหแสงแดดชวยฆาเชื้อโรค หาก ตั้งอยูกลางแจง โดนแสงแดดสองถึงตลอดทั้งวัน อาจเปนสาเหตุหนึ่งที่ทําใหเกิด ตะไครนํ้า ผูเลี้ยงจึงตองทําความสะอาดมากเปนพิเศษกวาปกติ ซึ่งอาจสงผลให ปลาเกิดอาการบาดเจ็บจากการเคลื่อนยายขณะลางทําความสะอาดได 2 ตูกระจก มีหลายขนาด หลายรูปทรง การเลือกใชตูกระจกควรเลือก ที่มีความแข็งแรง ทนทาน มีความหนาเหมาะสมกับปริมาณนํ้าในตู มีขนาด เหมาะสมตอการใชงาน มีคานดานบนและดานลาง เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ขาตู ทําจากสเตนเลสหรือเหล็ก เพื่อใหสามารถรองรับนํ้าหนักของตูได มีฝาตูเพื่อ ปองกันปลากระโดด และมีไฟสองสวาง เพื่อใหปลาขับสีออกมาไดอยางสวยงาม “พิมตองการเลี้ยงปลาสวยงามไวดูเลนภายในบริเวณหอง รับแขก” พิมควรเลือกใชภาชนะเลี้ยงปลาชนิดใดจึงจะมีความ เหมาะสมมากที่สุด 1. ขวดแกว 2. ตูกระจก 3. โองมังกร 4. อางพลาสติกแบบใส (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะมีความสวยงาม แข็งแรง ทนทาน สามารถนํามาจัดวางรวมกับเครื่องเรือน เพื่อใชในการ ตกแตงหองรับแขกใหมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น ทั้งยังผลิตขึ้นจาก วัสดุที่มีความใส จึงทําใหมองเห็นความสวยงามของตัวปลาไดอยาง ชัดเจน) นํา สอน สรุป ประเมิน T109
ขอสอบเนนการคิด การเลือกที่สร้างบ่อ หรือจัดวางตู้ปลา ควรเลือกให้เหมาะสมกับสถานที่ที่จะใช้เลี้ยงปลา เพราะเมื่อสร้างบ ่อ หรือจัดวางตู้เรียบร้อยแล้ว หากเปลี่ยนสถานที่ใหม ่จะเกิดความยุ ่งยาก ในการเคลื่อนย้ายเนื่องจากต้องถ่ายน�้าออกและเคลื่อนย้ายปลาอาจท�าให้ปลาบอบช�้า หรือตู้เลี้ยง ปลาช�ารุดได้ ดังนั้น จึงต้องให้ความส�าคัญกับภาชนะและสถานที่เลี้ยงเช่นเดียวกับการคัดเลือก ชนิดพันธุ์ปลา โดยผู้เลี้ยงควรพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะการเลือกสถานที่ถือเป็นปัจจัยเบื้องต้น ที่ส�าคัญ หากเลือกพื้นที่ไม่เหมาะสมกับพันธุ์ของปลา อาจส่งผลกระทบต่อปลาชนิดนั้น ๆ ได้ จ�านวนปลาที่เลี้ยงไม่ควรมีมากเกินไปเพราะปลาแต่ละชนิดมีความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน ปลาบางชนิดต้องเลี้ยงตัวเดียวไม่เช่นนั้นจะไล่กัด หรือท�าร้ายกันเอง เช่นปลามังกรปลากัดบางชนิด ต้องเลี้ยงเป็นคู่ หรือจ�านวนไม่มากนัก เช่น ปลาออสการ์ ปลาเทวดา บางชนิดต้องเลี้ยงเป็นฝูง หรือเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่น ๆ ในจ�านวนที่เหมาะสมเพราะถ้ามากเกินไปปลาจะไม่ค่อยเจริญเติบโต เช่น ปลาสอด ปลาหางนกยูง การรักษาความสะอาดและการถ่ายน�้า ควรท�าความสะอาดและเปลี่ยนถ่ายน�้าสัปดาห์ละ ๒-๓ ครั้ง จะท�าให้น�้ามีคุณสมบัติเหมาะสมต่อ การด�ารงชีวิตของปลา หรือเปลี่ยนถ่ายน�้าทุกวัน เพื่อเร่งการเจริญเติบโต เช่น การเลี้ยงปลาทอง หากเปลี่ยนถ ่ายน�้าและท�าความสะอาดทุกวัน จะท�าให้ปลาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว วิธีการท�า ความสะอาดและถ่ายน�้าอย่างง่าย ๆ คือ ถ่ายน�้า ออกเพียง ๑ ใน ๔ ของน�้าที่มีอยู่ด้วยวิธีการ ลักน�้า ให้คาดคะเนจากระดับความลึกของน�้า เป็นหลัก เช่น ตู้สูงประมาณ ๔๐ เซนติเมตร ควรถ่ายน�้าออกประมาณ ๑๐ เซนติเมตร แล้วเติมน�้าใหม่ให้ได้ระดับเดิม ทั้งนี้ น�้าที่ใช้เลี้ยงปลา ควรเป็นน�้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการด�ารงชีวิตของปลาชนิดนั้น ๆ ด้วย การเคลื่อนย้ายปลามักท�าให้ปลาบอบช�้า เกล็ดหลุด เกิดบาดแผล ครีบหัก ฯลฯ เมื่อต้องการเปลี่ยน หรือล้างตู้ปลา ควรใช้ภาชนะที่มีขนาดใหญ ่กว ่าตัวปลาใส ่ลงในตู้ปลา แล้วค่อย ๆ ไล่ปลาเข้าภาชนะ โดยอาจใช้กระชอนช่วยแล้วยกขึ้นทั้งปลาและน�้า อาจใช้กระชอน ปิดปากภาชนะ เพื่อป้องกันปลากระโดดแล้วจึงย้ายปลาไปลงในภาชนะที่เตรียมไว้จะช่วยลดความ บอบช�้าของปลาจากการเคลื่อนย้ายได้ ปลากัดมีลักษณะนิสัยหวงถิ่นและเป็นปลานักสู้จึงเหมาะ ที่จะเลี้ยงตัวเดียว 98 ขั้นสอน • การเลี้ยงปลาสวยงามรวมกันในปริมาณที่ มากเกินไปกอใหเกิดผลกระทบอยางไร (แนวตอบ อาจกอใหเกิดผลเสียตอปลา สวยงามที่เลี้ยงไว กลาวคือ ปลาบางชนิดอาจ ไลกัดปลาตัวอื่นๆ จนตาย หรืออาจทําให ไดรับบาดเจ็บ และไมสวยงามเหมือนเดิม การอยูในสถานที่ที่แออัดอาจสงผลใหปลา สวยงามเจริญเติบโตไมเต็มที่ มีรูปราง แคระแกร็น และไมแข็งแรงได) • การทําความสะอาดสถานที่อยูของปลา สวยงามอยางสมํ่าเสมอกอใหเกิดผลดี อยางไร (แนวตอบ จะทําใหปลาสวยงามมีสุขภาพ รางกายที่แข็งแรง สมบูรณ มีสีสันที่สวยงาม มีการเจริญเติบโตอยางเต็มที่และรวดเร็ว ทั้งยังชวยปองกันการเกิดโรคระบาดได อีกดวย) • การเคลื่อนยายปลาอยางถูกวิธี ควรปฏิบัติ อยางไร (แนวตอบ ใชภาชนะที่มีขนาดใหญกวา ตัวปลาชอนปลาและนํ้าขึ้นมาพรอมกัน เพื่อ ปองกันไมใหปลาดิ้นจนไดรับการบาดเจ็บ ภาชนะที่ใชอาจเปนขัน หรือถังนํ้าพลาสติก ใชกระชอนครอบขัน หรือถังนํ้า เพื่อปองกัน ไมใหปลากระโดดออกจากภาชนะ ซึ่ง วิธีการนี้จะชวยลดการบอบชํ้าของปลา ในขณะทําการเปลี่ยนถายนํ้าได) 16. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันระดมความ คิดเห็น เพื่อวางแผนการเลี้ยงปลาสวยงาม โดยแตละกลุมตองเลี้ยงปลาสวยงามที่ไม ซํ้ากัน พรอมทั้งใหจัดเตรียมสายพันธุปลา ภาชนะ หรืออุปกรณที่จําเปนตอการเลี้ยงปลา สวยงามมาใหครบถวนในชั่วโมงถัดไป เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับนํ้าที่ใชเลี้ยงปลาใหนักเรียนฟงวา นํ้าที่ใชเลี้ยง ปลาควรเปนนํ้าสะอาดที่เหมาะสมกับพันธุปลา เพราะนํ้าจะชวยทําใหปลามี สีสันที่สวยงาม โดยทั่วไปนิยมใชนํ้าประปา เนื่องจากมีความใส สะอาด และ ผานการฆาเชื้อโรค จึงปลอดภัยจากพยาธิที่อาจปะปนมากับนํ้าได นํ้าประปา จะมีความกระดางและมีความเปนกรดเปนดางที่เหมาะสมตอการเจริญเติบโต ของปลา กอนนํานํ้าประปามาใช ผูเลี้ยงควรปฏิบัติตามขั้นตอน คือ กําจัดคลอรีน ที่ผสมอยูในนํ้าประปา โดยรองนํ้าประปาใสภาชนะเปดฝาทิ้งไว 2-3 วัน เพื่อให คลอรีนระเหยออกไปจนหมด กําจัดกาซที่สะสมอยูในนํ้า โดยทําใหนํ้ากระจายตัว มากที่สุดในขณะที่กําลังรองนํ้า และลดความเปนกรดเปนดางในนํ้า โดยการเติม ปูนขาว หรือปูนแดงประมาณ 1 ใน 3 ชอนชา ตอนํ้า 100 ลิตร ลงในถังพักนํ้า นํ้าจะลดความเปนกรดเปนดางลง จากนั้นจึงนํามาใชในการเลี้ยงปลาไดตามปกติ ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาสวยงาม 1. ปลามังกร เปนปลาที่รักสงบ ควรเลี้ยงเปนคู 2. ปลาหมอสี เปนปลาที่ดุราย ควรเลี้ยงเพียงตัวเดียว 3. ปลากัด เปนปลาที่ขยายพันธุเร็ว ควรเลี้ยงเปนคูในขวดโหล 4. ปลาเทวดา เปนปลาที่เชื่องชา ควรเลี้ยงในขวดแกวเพียงตัวเดียว (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเปนปลาที่มีนิสัยดุราย หากเลี้ยงรวมกัน หรือเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่น อาจทํารายปลา เหลานั้นได จึงควรเลี้ยงเพียงตัวเดียว สวนปลามังกร เปนปลาที่มี นิสัยดุราย ควรเลี้ยงเพียงตัวเดียว ปลากัดเปนปลาที่มีนิสัยดุราย ควรเลี้ยงในขวดแกวเพียงตัวเดียว ปลาเทวดา เปนปลาที่รักสงบ ควรเลี้ยงรวมกันเปนฝูง) นํา สอน สรุป ประเมิน T110
ขอสอบเนน การคิด การเลี้ยงปลาสวยงามนิยมเลี้ยงในตู้กระจกและตั้งตู้อยู ่ภายในห้อง หรือในอาคาร ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ได้รับแสงแดด เพื่อป้องกันการเกิดตะไคร่น�้า จึงจ�าเป็นต้องเพิ่มแสงสว่าง ในตู้ปลา เพื่อเพิ่มความสวยงาม ช่วยให้ปลาแข็งแรง ช่วยให้พรรณไม้น�้ามีการสังเคราะห์แสง ในปัจจุบันมีการผลิตหลอดนีออนที่เป็นแสงแดดเทียมส�าหรับใช้เลี้ยงปลาติดที่ฝาตู้ โดยเปิด ในเวลากลางวันและปิดในเวลากลางคืน เพื่อให้ปลาได้พักผ่อน เพราะเมื่อไม่มีแสงสว่างปลา ส่วนใหญ่จะลดการท�ากิจกรรมต่าง ๆ ลง ๔) ภาชนะและอุปกรณ ในการเลี้ยงปลา มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ควรศึกษาวิธีการใช้ และประโยชน์ของภาชนะและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เข้าใจ เพื่อจะได้เลี้ยงและดูแลปลาสวยงามให้มี สุขภาพดี มีการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ภาชนะและอุปกรณ์ในการเลี้ยงปลาสวยงามที่ควรรู้ เช่น ภาชนะสําหรับเลี้ยงปลา รองรับจํานวนปลาที่ตองการเลี้ยง ควรเลือกใหเหมาะสมกับสถานที่เลี้ยง เครื่องทําความรอน ปรับอุณหภูมิของนํ้าใหสูงขึ้น หรือรอนขึ้น นิยมนํามาใชใน ชวงฤดูหนาว เครื่องปมอากาศ เพิ่มปริมาณออกซิเจน ละลายออกซิเจน ในตูปลา หรือภาชนะที่ใชเลี้ยงปลา อุปกรณตกแตงตูปลา เพิ่มความสวยงามใหแกตูปลา ทั้งยังเปนที่อยูอาศัยของปลาอีกดวย เครื่องกรองนํ้า กรองนํ้าภายในตูปลา เพื่อ รักษาความสะอาดของนํ้า ลดการ หมักหมมของสิ่งสกปรก กระชอน หรือสวิง จับปลา เคลื่อนยายปลา เมื่อตองการ ทําความสะอาดบอ หรือตูเลี้ยงปลา เทคนิคการจัดตูปลา การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 99 ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ได้รับแสงแดด เพื่อป้องกันการเกิดตะไคร่น�้า จึงจ�าเป็นต้องเพิ่มแสงสว่าง เครื่องกรองนํ้า 1 2 ขั้นสอน 17. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันตรวจสอบ สายพันธุปลาสวยงามที่เลือก ภาชนะ และ อุปกรณที่จําเปนตอการเลี้ยงปลาสวยงามของ กลุมตนเองตามที่ไดเตรียมมา โดยครูทําหนาที่ ในการคอยใหความชวยเหลือสําหรับนักเรียน กลุมที่จัดเตรียมอุปกรณตางๆ มาไมครบ พรอมทั้งชี้แจงรายละเอียดใหนักเรียนทราบ วา ในชั่วโมงนี้จะดําเนินการเลี้ยงปลาสวยงาม ตามที่ไดวางแผนไวในชั่วโมงที่ผานมา โดยครู เปนผูสาธิตวิธีการเลี้ยงปลาสวยงามใหนักเรียน ดูเปนตัวอยาง จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุม รวมกันดําเนินการเลี้ยงปลาสวยงามตามที่ได วางแผนไว 18. ครูแนะนําสายพันธุปลาสวยงาม ภาชนะ และ อุปกรณที่จําเปนตอการเลี้ยงปลาสวยงาม พรอมทั้งสาธิตวิธีการเลี้ยงปลาสวยงามตาม ขั้นตอนตางๆ อยางชาๆ เพื่อใหนักเรียนได สังเกตและจดจําไดอยางถูกตอง แมนยํา 19. ครูถามนักเรียนวา • พรรณไมนํ้ามีประโยชนอยางไรตอการเลี้ยง ปลาสวยงาม (แนวตอบ มีประโยชนในหลายประการ เชน เปนวัสดุที่นํามาใชในการตกแตงตูปลา เพื่อใหเกิดความสวยงาม ชวยลดแกส คารบอนไดออกไซด ชวยลดปริมาณของเสีย ในนํ้า จึงชวยใหปลาเจริญเติบโตไดอยาง รวดเร็ว แข็งแรง สมบูรณ) • หากตองการปรับอุณหภูมินํ้าควรเลือกใช อุปกรณใด (แนวตอบ ควรนําฮีตเตอรมาชวยในการปรับ อุณหภูมิของนํ้า นิยมใชในชวงฤดูหนาว เพื่อชวยใหปลาสวยงามสามารถดํารงชีวิต ไดตามปกติ) นักเรียนควรรู 1 การเกิดตะไคร เกิดจากหลายปจจัย เชน ตั้งอยูในสถานที่ที่มีแสงแดดสอง ถึงตลอดทั้งวัน ใหสารอาหารในปริมาณที่มาก หรือนอยเกินไป เนื่องจากแรธาตุ ในสารอาหารบางชนิดชวยเรงการเจริญเติบโตของตะไคร เชน ธาตุเหล็ก ขาดการดูแลเอาใจใสในการลางทําความสะอาดและเปลี่ยนถายนํ้าขาดตัว ควบคุมปริมาณตะไครที่เหมาะสม ไมเก็บปลาตายออกจากตู ฯลฯ 2 เครื่องกรองนํ้า จัดเปนอุปกรณที่จําเปนสําหรับการเลี้ยงปลา เนื่องจาก ในตูปลาจะมีของเสียจากอาหารที่ตกคางและของเสียที่เกิดจากตัวปลา เชน มูลปลา ซึ่งอาจกอใหเกิดสารพิษสะสมในนํ้า ปลาอาจเจ็บปวยดวยโรคตางๆ ดังนั้น การบําบัดของเสียในนํ้าจะทําใหนํ้าใส สะอาด สงผลใหปลามีสุขภาพดี ซึ่งเครื่องกรองนํ้าที่ใชมีอยูดวยกันหลายแบบ ผูเลี้ยงจึงควรเลือกเครื่องกรองนํ้า ใหเหมาะสมกับขนาดของตู หรือบอที่ใชเลี้ยงปลา เพราะเหตุใดจึงตองมีการกําจัดเศษอาหารและมูลปลาออกจาก ภาชนะที่ใชเลี้ยงปลา (แนวตอบ ผูเลี้ยงควรทําความสะอาดภาชนะที่ใชเลี้ยงปลา เพื่อเปนการกําจัดสิ่งที่หมักหมมและตะกอนที่ตกคางอยูในระบบ กรองนํ้า ไมวาจะเปนเศษอาหาร หรือมูลปลาออกจากตูปลา โดยทําความสะอาดอยางนอยสัปดาหละ 1-2 ครั้ง จะทําให สภาพแวดลอมที่ปลาอาศัยอยูปราศจากเชื้อโรค ปลามีสุขภาพ รางกายที่สมบูรณ แข็งแรง และมีการเจริญเติบโตไดอยางรวดเร็ว) นํา สอน สรุป ประเมิน T111
ขอสอบเนนการคิด ๕) อาหารและการให้อาหารปลา ปลาสวยงามแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน จึงต้อง การอาหารที่แตกต่างกันโดยเลือกอาหารให้เหมาะสมกับชนิดของปลานอกจากนี้ปลายังไม่สามารถ หาอาหารตามธรรมชาติได้เอง จึงต้องให้ความส�าคัญกับอาหารที่ใช้เลี้ยงปลา เพื่อให้ปลาได้รับ สารอาหารครบถ้วน ๑. ชนิดของอาหารที่ใช้เลี้ยงปลาควรให้ความส�าคัญกับอาหารที่ใช้เลี้ยง เพราะส่งผล ให้ปลามีสุขภาพดีแข็งแรง สมบูรณ์ โดยเลือกอาหารให้เหมาะสมกับชนิดของปลา ซึ่งอาหาร ที่ใช้เลี้ยงปลาสวยงามจ�าแนกเป็น ๒ ชนิด ดังนี้ • อาหารธรรมชาติเป็นอาหารที่มีชีวิตและเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเช่นไรแดง หนอนแดง ลูกน�้า ไส้เดือนดิน กุ้งฝอย ตัวอ่อน หรือดักแด้ • อาหารส�าเร็จรูป เป็นอาหารแห้งที่มีสารอาหารตรงกับความต้องการของปลา แบ่งเป็น ๓ ชนิด ดังนี้ ๒. การให้อาหารปลาควรให้อาหารทุกวันโดยเป็นอาหารที่เหมาะสมกับชนิดและขนาด ของปลา เพราะปลาสวยงามที่เลี้ยงในภาชนะตู้หรือบ่อซีเมนต์ไม่สามารถหาอาหารตามธรรมชาติ กินเองได้ และเคยชินกับการได้อาหารจากผู้เลี้ยง ดังนั้น หากปล่อยให้อดอาหารเป็นเวลา ๒-๓ วัน จะท�าให้ปลามีสุขภาพเสื่อมโทรมและท�าร้ายกันเอง การให้อาหารปลาควรให้เป็นเวลา โดยทั่วไปควรให้วันละ ๒ ครั้ง คือ เช้าและเย็น ชนิดเม็ดจม ชนิดเม็ดลอย ชนิดผง • เหมาะส�าหรับปลาที่หากิน อาหารตามพื้นก้นตู้ • ไม ่ได้รับความนิยมเท ่า ที่ควร เพราะเมื่ออาหาร ตกค้างลงในวัสดุกรองมัก ท�าให้เกิดปัญหาน�้าเน่าเสีย • เหมาะส�าหรับปลาทุกชนิด ลอยตัวอยู ่บนผิวน�้าได้ ประมาณ ๓-๕ ชั่วโมง แล้วแต่ชนิดของอาหาร • ท�าให้ปลามีเวลาในการกิน อาหารที่ดีขึ้น • เป็นอาหารที่เหมาะส�าหรับ ใช้อนุบาลลูกปลา • มี ลั กษณะเป็น ผงเนื้ อ ละเอียด อาจให้กระจายตัว ที่ผิวน�้า หรือผสมน�้าปั้น เป็นก้อนก่อนให้ก็ได้ การให้อาหารควรให้ในปริมาณที่เหมาะสม และให้ตักอาหารที่เหลือออกหลังปลากินอิ่ม ๑๕-๒๐ นาที เพื่อป้องกันอาหารตกค้าง ซึ่งเป็น สาเหตุให้น�้าเน่าเสียได้ง่าย Trick : วิธีการให้อาหารปลา หากเป็นปลาที่ยังเล็กอยู่ควรให้อาหารบ่อยกว่า ปลาที่โตแล้ว อาจให้วันละ ๓-๔ ครั้ง และ ควรเลือกชนิดของอาหารให้เหมาะสมกับชนิด ของปลา โดยเฉพาะอาหารเม็ดควรให้ขนาดที่ ปลากินได้ 100 ขั้นสอน 20. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแตละกลุมไดซักถาม ในประเด็นที่เกิดขอสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอนใน การเลี้ยงปลาสวยงาม 21. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ปลาสวยงามเปนสิ่งมี ชีวิตที่บอบบาง ดังนั้น การเปลี่ยนหรือยายที่อยู ใหมของปลาจึงตองใชเวลา ควรนําปลาที่อยู ในถุงมาลอยนํ้าในที่อยูใหมกอน เพื่อเปนการ ปรับอุณหภูมิใหมีความใกลเคียงกัน คอยๆ เติมนํ้าลงในถุง เพื่อปรับสมดุลของปลา แลว จึงปลอยปลาลงในนํ้า เพื่อเปลี่ยนที่อยูใหม” 22. ครูถามนักเรียนวา • การใหอาหารปลาในปริมาณมากและบอย ครั้ง จะสงผลตอปลาสวยงามที่เลี้ยงไว อยางไร (แนวตอบ ทําใหนํ้าในบอเลี้ยง หรือตูเลี้ยงปลา สกปรก นํ้าเกิดการเนาเสียกอนเวลาอันควร ซึ่งเมื่อนํ้าเนาเสียจะทําใหปลาติดเชื้อโรค ไดงาย ซึ่งอาจสงผลใหปลาตาย หรือไม สวยงามได) 23. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ปลาสวยงามแตละ สายพันธุจะกินอาหารแตกตางกัน ผูเลี้ยง ควรเลือกอาหารใหเหมาะสมกับสายพันธุปลา เพื่อใหปลาไดรับสารอาหารครบถวน ควรให อาหารวันละ 2 ครั้ง คือ เชาและเย็นในปริมาณ ที่เหมาะสม และตักอาหารที่เหลือออกหลัง ปลากินอิ่ม เพื่อปองกันอาหารตกคาง ซึ่งเปน สาเหตุใหนํ้าเนาเสีย” 24. ครูใหนักเรียนแตละกลุมลงมือปฏิบัติการ เลี้ยงปลาสวยงามตามขั้นตอนที่ไดวางแผนไว โดยแบงหนาที่ความรับผิดชอบรวมกันภายใน กลุม พรอมทั้งบันทึกผลการปฏิบัติงาน รวมถึง ประโยชนที่ไดรับจากการเลี้ยงปลาสวยงาม ลงในสมุดประจําตัว การใหอาหารปลาตามขอใดจะชวยทําใหลูกปลาเจริญเติบโต ไดอยางรวดเร็วยิ่งขึ้น 1. ใหอาหารวันละ 2 ครั้ง ครั้งละมากๆ 2. ใหอาหารวันละ 2 ครั้ง ครั้งละนอยๆ 3. ใหอาหารวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละมากๆ 4. ใหอาหารวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละนอยๆ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะลูกปลามีกระเพาะอาหาร ที่เล็ก จึงไมสามารถกินและยอยอาหารในปริมาณที่มากๆ ได จึงควรใหอาหารครั้งละนอยๆ แตใหบอยครั้ง ซึ่งจะชวยใหลูกปลา เจริญเติบโตไดอยางสมบูรณและแข็งแรง) บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวในประเทศกลุมอาเซียนใหนักเรียน ฟงวา การเลี้ยงสัตวในประเทศกลุมอาเซียนมีความหลากหลายเชนเดียวกับ ประเทศไทย หลายประเทศมีการเลี้ยงปลาสวยงาม โดยแตละประเทศจะนิยม เลี้ยงปลาแตกตางกันไป จึงมีการนําเขาและสงออกปลาสวยงามในประเทศ อาเซียนอยูเสมอ ประเทศไทยมีตลาดปลาสวยงามใหญที่สุดในอาเซียนตั้งอยูที่ จ. ราชบุรี ซึ่งเปนแหลงรวมผูเพาะเลี้ยงปลากวา 20,000 บอ มีอุปกรณการเลี้ยงที่ ครบวงจร มียอดจําหนายไมตํ่ากวา 10,000 ลานบาทตอป นับเปนมูลคาการสงออก ไมตํ่ากวา 5,000 ลานบาทตอป นอกจากนี้ การเลี้ยงสัตวตางๆ ยังตองคํานึงถึง วัฒนธรรมและกฎหมายของแตละประเทศรวมดวย เชน การเลี้ยงสุนัขในประเทศ มาเลเซียตองขออนุญาตจากเพื่อนบานเปนลายลักษณอักษร หากสุนัขอยูนอกบาน ตองมีเจาของดูแลตลอด มิฉะนั้นอาจถูกปรับหรือยึดได นํา สอน สรุป ประเมิน T112
ขอสอบเนน การคิด ในช่วงฤดูหนาวการเผาผลาญอาหารภายในร่างกายของปลาจะลดลงตามอุณหภูมิ ของน�้า ปลาจะต้องการอาหารลดลง จึงควรลดปริมาณอาหารที่ให้ลงและควรให้อาหารเพียง วันละครั้ง คือ ในตอนเช้า หรือเย็น หรือใช้เครื่องให้ความร้อนเพื่อควบคุมอุณหภูมิน�้า ปลาก็จะ กินอาหารได้ตามปกติ ๖) การดูแลรักษาโรคของปลา การเลี้ยงปลาสวยงามเป็นการเลี้ยงในพื้นที่แคบ ๆ ที่ขาดความสมดุลของระบบนิเวศ จึงท�าให้ปลาเกิดอาการผิดปกติได้ง่าย โดยเฉพาะการเกิด โรคระบาดต่าง ๆ ผู้เลี้ยงจ�าเป็นต้องป้องกันโรคพยาธิและหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของปลา อยู่เสมอ เช่น การว่ายน�้า การกินอาหาร และการเกิดความผิดปกติของร่างกาย เช่น สีซีดลง เมือกมากขึ้น ตกเลือด ผู้เลี้ยงต้องรีบด�าเนินการรักษาโดยทันที ซึ่งโรคระบาดที่มักเกิดขึ้นกับ ปลาสวยงาม มีดังนี้ ลักษณะอาการ • ร่างกายอ่อนแอ เคลื่อนไหวน้อยลง • บริเวณที่ติดเชื้อจะมีเส้นใยของเชื้อรา ปกคลุมอยู่ มองเห็นได้อย่างชัดเจน • ตัวด่าง เกล็ดตั้ง ตาบวม และตกเลือด • ตกเลือดบริเวณผิวหนังและอวัยวะ ภายใน • เบื่ออาหาร ผิวซีด • ว่ายน�้าผิดปกติ เอาตัวด้านข้างถูพื้น เป็นครั้งคราว การดูแลรักษา แช่ปลาที่ป่วยในน�้าเกลือแกง เข้มข้น ๑ เปอร์เซ็นต์ นาน ๒๔ ชั่วโมง และท�าทุก ๆ ๒ วัน จนกว่าปลาจะหายป่วย แช่ปลาที่ป่วยด้วยยาปฏิชีวนะ ๑-๒ กรัมต่อน�้า ๑๐๐ ลิตร และแช่นาน ๒ วัน แช่ปลาที่ป่วยด้วยน�้ายาฟอร์มาลิน ในอัตรา ๒.๕-๓.๐ ซีซีต ่อน�้า ๑๐๐ ลิตร และแช่นาน ๒-๓ วัน • โรคเห็บ • โรคปลิงใส • โรคจุดขาว • โรคหนอนสมอ เ¡ิดจา¡»รสิµ • โรคสนิม • โรคเชื้อรา • โรคล�าไส้อักเสบ เ¡ิดจา¡เช×éอรา • โรคเกล็ดพอง • โรคครีบและหางเน่า เ¡ิดจา¡áº¤·ÕเรÕย หากพบว่าปลาว่ายน�้า หรือเคลื่อนไหวแฉลบไปมา ให้ใส่น�้ายาฟอร์มาลิน ๒.๕ ซีซีต่อน�้า ๑,๐๐๐ ลิตร นาน ๓ วัน แล้วสังเกตว่าปลาว่ายน�้าได้ตามปกติหรือไม่ หากยังไม่ดีขึ้นควรจับแยกและให้สัตวแพทย์ วินิจฉัยอีกครั้ง Trick : การดูแลรักษาโรคของปลา การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 101 โรคในปลาสวยงามที่เกิดจากปรสิตคือโรคใด 1. โรคตัวดาง 2. โรคปลิงใส 3. โรคเกล็ดพอง 4. โรคลําไสอักเสบ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเปนโรคที่ปรสิตมาเกาะ บนตัวปลาบริเวณผิวหนังหรือครีบ แลวดูดเลือดปลาเปนอาหาร ทําใหปลาออนแอ ตัวบวมโปง ครีบเปอย มีจุดแดงตามโคนครีบ มีเมือกมาก ซึม ตัวซีด และเบื่ออาหาร ซึ่งสามารถรักษาไดโดย การแชนํ้ายาฟอรมาลินในอัตรา 2.5-3 ซีซีตอนํ้า 100 ลิตร เปน ระยะเวลา 2-3 วัน) แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม และการนําเสนอผลงาน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม ขั้นสอน 25. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและบันทึก ผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การเลี้ยง ปลาสวยงามวา “การเลี้ยงปลาสวยงามตองรูจัก ดูแลรักษาความสะอาดอยูเสมอ เพราะปลามีนํ้า เปนที่อยูอาศัย คุณภาพของนํ้าอาจเปลี่ยนแปลง ไดจากหลายสาเหตุ ทั้งจากสภาพแวดลอม หรือจากตัวของปลาเอง เนื่องจากมีการขับถาย อยูตลอดเวลา หากปลาอาศัยอยูในแหลงนํ้าตาม ธรรมชาติจะเกิดการปรับสภาพใหนํ้ามีคุณสมบัติที่ เหมาะสม ทําใหสิ่งมีชีวิตอยูรวมกันไดอยางสมดุล หากปลาอาศัยอยูในแหลงนํ้าที่จํากัดและไมสะอาด อาจทําใหปลาเกิดโรคตางๆ ได ดังนั้น ความสะอาด และความปลอดภัย จึงสําคัญตอการเลี้ยงปลา สวยงาม หากเราเลี้ยงปลาสวยงามไดดี ก็จะสามารถ เพาะพันธุปลาสวยงามเปนอาชีพ เพื่อกอใหเกิด รายไดแกตนเองและครอบครัว” ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบใบงานที่ 6.2.1 เรื่อง การเลี้ยงปลา สวยงาม 2. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 3. ครูประเมินผลจากการออกแบบวิธีการเลี้ยงสัตว ในบริเวณบานตามขั้นตอนของกระบวนการ ทํางาน 4. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง นํา สอน สรุป ประเมิน T113
ขอสอบเนนการคิด ๔.๒ การเลี้ยงไก่ไข่ ร่างกายของมนุษย์มีความต้องการอาหารหลายชนิด เพื่อน�ามาเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย ให้แข็งแรง ซึ่งไข่ไก่เป็นหนึ่งในอาหารที่มีประโยชน์ ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ช่วยเสริมสร้าง สุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และต้านทานโรคบางชนิดได้ ดังนั้น จึงไม่ควรมองข้ามการเลี้ยงไก่ไข่ ไว้ ในบริเวณบ้าน เพราะสามารถน�ามาบริโภคในครัวเรือนและประกอบเป็นอาชีพ เพื่อช่วยเหลือ ครอบครัวได้ ๑) การคัดเลือกชนิดพันธุ ไก่ ในปัจจุบันสายพันธุ์ไก่ไข่ที่นิยมน�ามาเลี้ยงภายในประเทศ ส่วนมากจะน�าเข้ามาจากต่างประเทศ และน�ามาปรับปรุงพันธุ์ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ของไทยที่มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น การเลี้ยงไก่ไข่จะค�านึงถึงการให้ไข่ครั้งละมาก ๆ ฟองไข่ มีขนาดโต แข็งแรง ผิวสวย และเมื่อไก่ไม่สามารถผลิตไข่ได้แล้วยังน�าเนื้อมารับประทานได้ เพื่อให้ได้สายพันธุ์ไก ่ที่สมบูรณ์ แข็งแรง ผู้เลี้ยงควรมีความรู้และความพิถีพิถันในการเลือก สายพันธุ์ไก่ โดยพันธุ์ไก่ที่นิยมเลี้ยง เช่น เล็กฮอรนขาวหงอนจักร บารพลีมัทร็อค • มีขนาดเล็ก ขนสีขาว ใหไข เร็ว ทนตออากาศรอนไดดี • เริ่มใหไขเมื่ออายุ ๕-๕ ๑ ๒เดือน โดยใหไขปละ ประมาณ ๓๐๐ ฟอง • มีขนาดเล็ก ขนสีดําสลับ สีขาวตามขวางของขน ผิวหนังสีเหลือง • เริ่มใหไขเมื่ออายุ ๕ ๑ ๒-๖ เดือน โดยใหไขปละ ประมาณ ๒๐๐-๒๕๐ ฟอง 10๒ ให้แข็งแรง ซึ่งไข่ไก่เป็นหนึ่งในอาหารที่มีประโยชน์ ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ช่วยเสริมสร้าง ๑) การคัดเลือกชนิดพันธุ ไก่ ในปัจจุบันสายพันธุ์ไก่ไข่ที่นิยมน�ามาเลี้ยงภายในประเทศ 1 2 ขั้นนํา (5Es) ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 1. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • นักเรียนเคยเลี้ยงไกหรือไม ถาเคย นักเรียน เลี้ยงไกสายพันธุใด เพราะเหตุใดจึงเลือก เลี้ยงไกสายพันธุนี้ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ คิดเห็นไดอยางอิสระ) 2. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ที่เคยเลี้ยงไกออกมา เลาประสบการณเกี่ยวกับการเลี้ยงไกของ ตนเองใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน 3. ครูเปดวีดิทัศนเกี่ยวกับการฟกไขของไกไข ใหนักเรียนดู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • ไขไกฟกเปนตัวออกมาไดอยางไร (แนวตอบ ไขจะฟกเปนตัวไดเมื่อถึงระยะการ ฟกไข ซึ่งจะตองมีอุณหภูมิและความชื้นที่ เหมาะสมแกการฟก โดยมีระยะการฟกตาม ธรรมชาติประมาณ 21 วัน ไขที่นํามาฟกควร มีลักษณะเปนฟองกลมๆ มีหนักประมาณ 45-65 กรัมตอฟอง ผิวเรียบ สีเปลือกมีความ สมํ่าเสมอ ไมเบี้ยว หรือบุบราว) 4. ครูอธิบายเพิ่มเติม เพื่อเชื่อมโยงความรูกอน เขาสูบทเรียนวา “ไขไกเปนผลผลิตจากไกไข เปนอาหารที่นิยมนํามารับประทาน เนื่องจาก มีประโยชนและใหคุณคาทางโภชนาการสูง มีโปรตีนสูง ชวยเสริมสรางสุขภาพรางกาย ใหแข็งแรง สมบูรณ บํารุงสมองและระบบ ประสาท บํารุงความจํา ชวยตานทานโรค การ เลี้ยงไกไขที่ดี เพื่อใหไดรับผลผลิตในปริมาณ มาก ผูเลี้ยงจําเปนตองศึกษาและแสวงหา ความรูใหมๆ เกี่ยวกับปจจัยที่จําเปนตอการ เลี้ยงไกไขใหถูกตอง เหมาะสม เพื่อใหได ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพ” นักเรียนควรรู 1 ไขไก ไขไกที่วางจําหนายอยูโดยทั่วไปจะมีขนาดและแหลงที่มาตางกัน สวนใหญเปนไขที่ไดจากอุตสาหกรรมการเกษตร ไขไกตามธรรมชาติจึงเปน อีกทางเลือกหนึ่งสําหรับผูบริโภค เนื่องจากมีการคนพบวา ไขไกตามธรรมชาติ มีเบตาแคโรทีนมากกวาไขไกจากอุตสาหกรรมการเกษตรถึง 7 เทา มีวิตามินอี มากกวา 3 เทา และมีกรดไขมันโอเมกา 3 มากกวา 2 เทา ซึ่งมีประโยชนตอ รางกายเปนอยางมาก ไขไกที่ดีสังเกตไดจากผิว ผิวไขที่สวยงามจะมีสีครีม หรือ สีนํ้าตาล ซึ่งสีของเปลือกไขจะขึ้นอยูกับพันธุกรรมและอาหารที่ไกกินเขาไป นอกจากนี้ ตองมีคราบแปงเคลือบอยู จับแลวสากมือ ผิวไมเรียบ 2 ชนิดพันธุไก นิยมเลี้ยงหลายสายพันธุ เชน โรดไอสแลนดเรด มีขนสีนํ้าตาล แกมแดง ผิวหนังและแขงมีสีเหลือง เริ่มใหไขเมื่อมีอายุ 5-6 เดือนครึ่ง โดยจะ ใหไขเฉลี่ยประมาณ 280-300 ฟองตอป การเลือกโรงเรือนเลี้ยงสัตวควรคํานึงถึงปจจัยใดนอกเหนือจาก สถานที่ที่สามารถกันแดด ลม และฝนได (แนวตอบ ผูเลี้ยงจําเปนตองคํานึงถึงวิธีการเลี้ยงสัตว เพราะ สัตวแตละชนิดมีลักษณะและความตองการที่แตกตางกัน สภาพ ภูมิอากาศ เพราะอากาศจะสงผลตอการเจริญเติบโตและการให ผลผลิตของสัตว และจุดมุงหมายในการเลี้ยงสัตว เพราะผูเลี้ยง แตละคนมีจุดประสงคในการเลี้ยงสัตวที่แตกตางกัน บางคนเลี้ยงไว เพื่อความเพลิดเพลิน บางคนเลี้ยงไวเพื่อเปนอาหาร ดังนั้น การคํานึงถึงสถานที่ที่สามารถกันแดด ลม และฝนไดจึงไมเพียงพอ ตอการเปนโรงเรือนที่ดี) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T114
ขอสอบเนน การคิด ๒) สถานที่ในการเลี้ยงไก่ ต้องเหมาะสมกับพันธุ์ไก่ที่เลี้ยง มีลักษณะโปร่ง ไม่มืดทึบ ความสูงพอเหมาะ สะดวกต่อการเข้า-ออก อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ชื้นแฉะ มีผ้าม่านป้องกันแดด ฝน และลม มีลวดตาข่ายกั้นรอบบริเวณ เพื่อป้องกันศัตรูที่จะเข้ามาท�าร้ายไก่ มีอายุการใช้งาน ยาวนาน ราคาที่ไม่แพง และที่ส�าคัญไก่สามารถอยู่ในโรงเรือนได้อย่างสบาย ไม่เกิดความเครียด เพื่อจะได้ผลิตไข่ที่ดี มีคุณภาพ โดยทั่วไปโรงเรือนไก่ไข่แบ่งเป็น ๒ ชนิด ดังนี้ ขนาดของโรงเรือนมีความส�าคัญต่อการให้ผลผลิต จึงควรสร้างโรงเรือนให้มีขนาดที่ พอเหมาะ เช่น โรงเรือนแบบปิด ใช้เลี้ยงไก่ไข่ ๓ ตัวต่อตารางเมตร แต่ถ้าท�าเป็นธุรกิจโรงเรือนหนึ่ง ไม่ควรเกิน ๓๐๐ ตัว ต้องมีระบบการบริหารจัดการที่ดี เช่น การท�าความสะอาด การจัดการขยะ มูลฝอย การเก็บวัสดุ อุปกรณ์ ให้เรียบร้อย โรงเรือนแบบเปด • ใชตนทุนตํ่า สรางขึ้นให เหมาะสมกับสภาพแวดลอม โดยเปดโลงตามธรรมชาติ อากาศถายเทไดสะดวก • ใชหลักการสรางที่คํานึงถึง แสงแดด แหง สะอาด ไม เปยกชื้น มีระบบปองกัน ศัตรูที่จะมาทําอันตรายไก โรงเรือนแบบปด • เปนโรงเรือนที่สามารถ ควบคุมสิ่งแวดลอม ไดแก การระบายอากาศ อุณหภูมิ ความชื้น และแสงสวาง ให เหมาะสมกับความเปนอยู ของสัตว • มีระบบระบายอากาศ ลด ความรอนภายในโรงเรือน โดยใชหลักการระบายความ รอนดวยนํ้าและพัดลม การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 10๓ ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายความรู เรื่อง การเลี้ยงไกไข เพื่อใหเกิดความรู ความ เขาใจที่ถูกตองตรงกัน 4. ครูถามนักเรียนวา • การเลือกพันธุไกไข ควรคํานึงถึงปจจัยใน เรื่องใด (แนวตอบ ควรคํานึงถึงปจจัยในเรื่องการให ไขครั้งละจํานวนมากๆ โดยไขแตละฟอง มีขนาดใหญ ผิวเปลือกมีความสวยงาม เปลือกมีความแข็งแรง เพราะเมื่อไดไข จํานวนมากจะทําใหมีเหลือไปจําหนาย เพื่อสรางรายได นอกจากนี้ ไขที่มีขนาดฟอง ใหญ ผิวเปลือกไขสวยจะจําหนายไดราคาดี) • หากตองการสรางโรงเรือนเลี้ยงไกไข แตมี เงินทุนไมเพียงพอ ควรสรางโรงเรือนแบบใด (แนวตอบ สรางโรงเรือนแบบเปด เนื่องจาก ใชตนทุนในการสรางไมมาก มีรูปแบบที่ เหมาะสมกับสภาพแวดลอม ไมจําเปนตอง เสียเงินซื้ออุปกรณเสริมตางๆ มาใชใน ภายในโรงเรือน) ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกัน ศึกษา เรื่อง การเลี้ยงไกไข จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือศึกษาเพิ่มเติม จากอินเทอรเน็ต ในประเด็นที่ครูกําหนดให คือ ความสําคัญของการเลี้ยงไกไข การคัดเลือก ชนิดพันธุไกไข สถานที่ที่ใชในการเลี้ยงไกไข ภาชนะและอุปกรณในการเลี้ยงไกไข อาหาร และการใหอาหารไกไข และการดูแลรักษา โรคของไกไข 2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยง ไกไข จาก PowerPoint ม.2 หนวยการเรียนรู ที่ 6 เพราะเหตุใดจึงตองมีการโรยปูนขาวบริเวณโรงเรือนไกไข 1. ชวยกําจัดเชื้อโรค 2. ทําใหมูลสัตวสลายตัวไดเร็ว 3. ขับไลสัตวรายที่เขามาใกลบริเวณโรงเรือน 4. ปองกันการเพาะพันธุของแมลงและยุงลาย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะปูนขาวมีสภาพเปนกรด ชวยกําจัดเชื้อโรคบางชนิดและสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของ เชื้อโรคได จึงนิยมนําปูนขาวมาโรยบริเวณโรงเรือน เพื่อปองกัน ไมใหโรงเรือนกลายเปนแหลงแพรระบาดของเชื้อโรคตางๆ ที่อาจ กอใหเกิดอันตรายตอสัตวที่เลี้ยง เพื่อใหสัตวมีสุขภาพที่แข็งแรง ไมติดเชื้อโรคไดงาย) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงเรือนไกไขใหนักเรียนฟงวา การสรางโรงเรือน เพื่อเลี้ยงไกไขมีอยูดวยกันหลายรูปแบบ ซึ่งจะขึ้นอยูกับวัตถุประสงคของผูเลี้ยง โรงเรือนที่ดีตองสามารถกันแดด ลม และฝนได รักษาความสะอาดไดงาย ใชวัสดุ ที่คงทน แข็งแรง อากาศถายเทไดสะดวก มีขนาดเหมาะสมกับจํานวนของไก หากตองการสรางโรงเรือนเพื่อเลี้ยงไกไขในปริมาณที่ไมมาก ศูนยวิจัยและบํารุง พันธุสัตวกบินทรบุรี สํานักพัฒนาพันธุสัตว กรมปศุสัตว ไดใหคําแนะนําไววา สามารถสรางโรงเรือนบนพื้นดินในสวนที่มีตนไมใหความรมรื่น ขนาดของโรงเรือน 6 X 6 เมตร เพื่อเลี้ยงไกไขจํานวน 15-20 ตัว ตัวโรงเรือนเปนไมไผเรียงกัน ไมทึบตัน ผูเลี้ยงสามารถมองเขาไปในโรงเรือนได หลังคามุงดวยใบจาก มีบริเวณ พื้นที่วางใหไกออกมาหากินและเดินไปมาไดอยางอิสระ ไมแออัดจนเกินไป นํา สอน สรุป ประเมิน T115
ขอสอบเนนการคิด อุปกรณ ใหนํ้า รองรับนํ้า มีอยูดวยกันหลายแบบ เชน แบบรางยาว แบบขวดมีฝาครอบ เครื่องกกลูกไก ใหความอบอุนแกลูกไกแทนแมไก ในขณะ ที่ลูกไกยังมีขนาดเล็กอยู รังไข รองรับไขไก มีขนาดกวาง สามารถเคลื่อนยาย และทําความสะอาดไดงาย ระบายอากาศไดดี วัสดุรองพื้น โดยทั่วไปจะเปนวัสดุที่หาไดงายในทองถิ่น เชน ขี้เลื่อย ชานออย ฟางขาว ซังขาวโพด หลอดไฟนีออน ใหแสงสวาง โดยแสงสวางมี ความจําเปนตอการมองเห็นและ การใหไขของไก ๓) อุปกรณ ในการเลี้ยงไก่ มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ควรศึกษาวิธีการใช้และประโยชน์ ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เข้าใจ เพื่อจะได้เลี้ยงและดูแลไก่ไข่ ให้มีสุขภาพดี และมีการเจริญเติบโตอย่าง สมบูรณ์ อุปกรณ์ในการเลี้ยงไก่ไข่ที่ควรรู้ เช่น รางใหอาหารไก รองรับอาหาร โดยรางขนาดเล็กสําหรับใหอาหารลูกไก รางขนาดใหญสําหรับใหอาหารไกอายุตั้งแต ๑๕ วันขึ้นไป ในช่วงฤดูฝน ควรใช้ฟ้าทะลายโจรแห้งบดละเอียด หรือต้นสดใส่ในรางน�้าให้ไก่กิน เพื่อช่วยป้องกัน การเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหวัด โรคอุจจาระขาว Trick : สมุนไพรปองกันโรคในไก่ 10๔ 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • การสรางโรงเรือนแบบเปดและโรงเรือน แบบปด มีขอดีอยางไร (แนวตอบ ขอดีของโรงเรือนแบบเปด คือ ชวยประหยัดคาใชจายในการสรางโรงเรือน และการดูแลรักษาทําความสะอาด เนื่องจาก มีลักษณะเปดโลงตามธรรมชาติ ทําใหอากาศ ถายเทไดสะดวก และขอดีของโรงเรือน แบบปด คือ สามารถชวยปองกันโรคบางชนิด ได เนื่องจากเปนโรงเรือนที่มีอากาศถายเท ไดสะดวก ภายในโรงเรือนไมรอนอบอาว มีระบบคลายความรอนภายในโรงเรือน) • หากไมมีเครื่องกกลูกไก สามารถแกปญหา ดังกลาวไดหรือไม อยางไร (แนวตอบ ปลอยใหไกฟกไขเอง โดยกําจัดไร และเหาที่อยูบนตัวของแมไกออกใหหมด กอน เพื่อเปนการปองกันไรและเหารบกวน ในขณะที่ฟกไข วางนํ้าและอาหารใกลๆ บริเวณที่ฟกไข เพื่อปองกันไมใหแมไกทิ้งไข นานจนเกินไป เมื่อครบ 7 วัน ใหนําไขมาสอง ดูเชื้อ เพื่อคัดไขที่ไมมีเชื้อไข เชื้อตาย หรือ ไขเนาออกจากรัง แมไกจะใชเวลาฟกไขอีก ประมาณ 21 วันเมื่อลูกไกฟกออกมาหมดแลว ใหนําสิ่งที่ใชรองรังไข เปลือกไข ไปเผาทิ้ง และทําความสะอาดรังไข) • เพราะเหตุใดจึงตองมีการเปลี่ยนวัสดุรอง พื้นใหมอยูเสมอ (แนวตอบ วัสดุรองพื้นมีเชื้อโรคฝงตัวอยู ควรนําวัสดุรองพื้นไปเผาไฟ หรือใชวิธีการ ฝงกลบในหลุมดิน โดยการราดนํ้ายาเพื่อฆา เชื้อโรคใหทั่วบริเวณ โรยทับดวยปูนขาว แลว ทําการฝงกลบใหเรียบรอย) นักเรียนควรรู 1 อาหารไก อาหารที่ผสมตามสูตรแลว ควรบรรจุในภาชนะที่มีฝาปดมิดชิด เก็บไวในที่ที่สามารถปองกันแดดและฝน และไมควรเก็บไวนานเกิน 15 วัน 2 โรคอุจจาระขาว เปนโรคติดตอที่ติดเชื้อผานไขได ไกจะซึม ทองเสีย และถายเปนมูลสีขาว ผูเลี้ยงควรสังเกตสีของมูลไก เพื่อสังเกตสุขภาพของไก โดยปกติแลวมูลไกจะมีสีตามอาหารที่กิน หากมูลมีสีนํ้าตาลปลายขาว กอนใหญ สวนใหญจะเปนลักษณะของแมไกที่ฟกไขนานๆ ขับถายไมเปนเวลา หรือนานๆ ถายครั้ง เปนลักษณะของมูลที่ปกติ หากถายเปนมูกเหลวสีนํ้าตาล อาจเปนโรค อีโคไลและหลอดลมอักเสบติดเชื้อ มูลจะเหลวมากขึ้นจนกลายเปนมูกเหลว และสงกลิ่นเหม็น จึงควรแยกไกออกจากฝูง เพื่อรักษาดวยการใหยาปฏิชีวนะ หากถายเปนลิ่มเลือดสดๆ อาจเปนโรคบิด โรคพยาธิรุนแรง หรือโรคที่เกี่ยวกับ ระบบยอยอาหาร ควรทําการรักษาอยางเรงดวน “หัวอาหารมีคุณคาทางโภชนาการสูงสําหรับไกไข” นักเรียนเห็น ดวยหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ เห็นดวย เพราะหัวอาหารเปนอาหารที่ประกอบดวย วัตถุดิบชนิดเดียวกัน หรือหลายชนิดที่มีคุณคาทางอาหารสูง เมื่อ นําไปผสมกับอาหารชนิดอื่นๆ ซึ่งสวนใหญจะเปนคารโบไฮเดรต ในอัตราสวนที่เหมาะสม หรือตามสัดสวนที่กําหนดไว จะมีคุณคา ทางโภชนาการครบถวนตามความตองการของไกไขในแตละวัย) นํา สอน สรุป ประเมิน T116
กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงค การให้อาหารไก่ผู้เลี้ยงควรเลือกอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อไก่ให้ได้มากที่สุดเพราะจะท�าให้ไก่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์และออกไข่ ที่มีคุณภาพได้เป็นจ�านวนมาก การเลือกชนิดของอาหารเพื่อใช้เลี้ยงไก่ เป็นปัจจัยส�าคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพของ ผลผลิต ผู้เลี้ยงควรศึกษาท�าความเข้าใจเกี่ยวกับอาหารแต่ละชนิดที่จะน�ามาใช้ในการเลี้ยงไก่ไข่ เพื่อให้ไก่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ สูตรอาหารที่ดีต้องน�าวัตถุดิบที่ให้สารอาหารที่มีประโยชน์มาผสมกันในสัดส่วนที่ เหมาะสม เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนตามที่ไก่ต้องการ วัตถุดิบที่หาได้ทั่วไปและราคาไม่แพง เช่น ร�าละเอียด ปลายข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง โดยไก่สามารถน�าอาหารไปใช้ในการผลิตเนื้อ และไข่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไก่ในแต่ละช่วงวัยจะต้องการอาหารในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ผู้เลี้ยงควรให้อาหารในสัดส่วนที่เหมาะสมกับวัยของไก่ด้วย ๔) อาหารและการให้อาหารไก่การเลี้ยงไก่ไข่จะประสบผลส�าเร็จได้จะต้องใช้อาหาร ที่ดี มีคุณค่าทางโภชนาการผู้เลี้ยงจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการให้อาหารและเลือกอาหาร ให้ถูกต้องเหมาะสมกับวัยของไก่ เพื่อที่ไก่จะได้ผลิตไข่ที่ดีมีคุณภาพมาให้บริโภค ชนิดของอาหาร ที่ใช้เลี้ยงไก่ไข่มีมากมายหลายชนิด แต่ที่นิยมมากมีอยู่ด้วยกัน ๔ ชนิด ดังนี้ • สารเข้มข้นที่ผสมจากวัตถุดิบจ�าพวก โปรตีนจากพืช สัตว์ วิตามิน แร่ธาตุ ฯลฯ ผสมในอัตราส ่วนที่ก�าหนด เพื่อให้ได้ อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ • อาหารส�าเร็จรูปที่อยู่ในรูปของอาหารผสม ไปผ่านกรรมวิธีการอัดเม็ด • มีหลายขนาด ช่วยให้ไก่ได้รับสารอาหาร และโภชนาการที่ครบถ้วน • อาหาร หรือวัตถุดิบที่ใช้ส�าหรับผสมกับ อาหารที่จะใช้เลี้ยงไก่ • มีคุณสมบัติช่วยเสริมคุณภาพของอาหาร นั้น ๆ ให้ดีขึ้น • ผสมวัตถุดิบหลายอย่างที่บดละเอียดแล้ว เข้าไว้ด้วยกัน • สามารถน�าไปเลี้ยงไก่ได้ทันที โดยไม่ต้อง ให้อาหารเสริมอีก หัวอาหาร อาหารเสริม อาหารอัดเม็ด อาหารผสม การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 105 การเลือกชนิดของอาหารเพื่อใช้เลี้ยงไก่ ร�าละเอียด 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • การเลือกชนิดอาหารของไกไขมีความสําคัญ ตอการเลี้ยงไกไขอยางไร (แนวตอบ การเลือกชนิดอาหารของไกไข ที่ถูกตองและเหมาะสมมีความสําคัญอยางยิ่ง ตอการเลี้ยงไกไข เพราะจะสงผลถึงผลผลิต ไขที่จะไดในปริมาณมาก หรือนอย คุณภาพ ไกไขที่ได ไกไขเจริญเติบโตเร็ว ใหผลผลิตไข ไดเร็ว ดังนั้น ผูเลี้ยงจึงควรศึกษาขอมูลของ การเลี้ยงไกไขใหเขาใจอยางละเอียด เพื่อให การเลี้ยงไกไขเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ) • การใหอาหารไกอยางเหมาะสมควรคํานึงถึง เรื่องใด (แนวตอบ ในการใหอาหารไกไข ควรคํานึง ถึงชนิดและอายุของไกไขเปนหลัก เนื่องจาก ไกไขแตละชวงอายุจะตองการอาหารใน ปริมาณที่แตกตางกัน การใหอาหารควรให ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะถาใหอาหาร มากจนเกินไป อาหารจะเหลือ เปนการ สิ้นเปลือง ทั้งยังกอใหเกิดการหมักหมม และอาจกลายเปนแหลงเพาะพันธุเชื้อโรค ไดอีกดวย) • โปรตีนเปนสารอาหารที่มีความสําคัญและ จําเปนตอรางกายของไกไขอยางไร (แนวตอบ เปนสารอาหารที่ประกอบไปดวย กรดแอมิโนชนิดตางๆ ชวยในการสราง เนื้อเยื่อที่จําเปนตอการเจริญเติบโตของ รางกาย ชวยสรางและซอมแซมสวนตางๆ ของรางกาย เชน ขน เล็บ หนัง กระดูก อวัยวะ เม็ดเลือดแดง นอกจากนี้ ยังเปนสวน ประกอบของผลผลิต คือ ไข และนําไปใชใน การสรางเนื้ออีกดวย) ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ใหแตละกลุมรวมกันจัด ทําปายนิเทศนําเสนอขอมูลเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงไกตามความสนใจ 1 สายพันธุ โดยนําเสนอในประเด็นที่กําหนดให ดังนี้ • สายพันธุและลักษณะนิสัยของไก • สถานที่และอุปกรณที่ใชในการเลี้ยง • การดูแลและการใหอาหาร • โรคและการปองกันดูแลรักษา จากนั้นใหแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1-2 คน ออกมานําเสนอ ผลงานใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน (กิจกรรมนี้สรางเสริมคุณลักษณะดานซื่อสัตยสุจริต มีวินัย ใฝเรียนรู อยูอยางพอเพียง และมุงมั่นในการทํางาน) นักเรียนควรรู 1 อาหารเพื่อใชเลี้ยงไก การเลี้ยงไกไขตองคํานึงถึงตนทุนการผลิตใหตํ่าที่สุด คาเฉลี่ยของตนทุนไขไก 1 ฟอง จะเปนคาอาหารประมาณ 60% การเลี้ยงไกไข จึงตองเลือกพันธุที่ใหไขมากและมีขนาดตัวเล็ก เพื่อประหยัดพื้นที่ในโรงเรือน 2 รําละเอียด ไดมาจากการสีขาว นิยมนํามาใชเปนสวนผสมของอาหารสัตว โดยทั่วไปรํามีโปรตีนประมาณ 12% หากเปนรําจากโรงสีขนาดกลางและขนาดเล็ก จะเรียกวา “รําปนแกว” มีโปรตีนประมาณ 7% เนื่องจากมีแกลบผสมอยู และ มีไขมัน 12-13% หืนงาย เก็บไดไมนาน มีวิตามินบีหลายชนิด หากใชรําใน ปริมาณมากเปนสวนประกอบในอาหาร จะทําใหสัตวถายเหลว เนื่องจากรํามีฤทธิ์ เปนยาระบาย ผูเลี้ยงควรเลือกรําที่สดใหม ไมมีกลิ่น ไมควรเก็บไวนานเกิน 30-40 วัน เพราะจะเริ่มมีกลิ่นหืน นอกจากนี้ ควรตรวจสอบวารําที่ไดมาไมมี สิ่งตางๆ ปลอมปนอยู เชน ดินขาวปน หินฝุน ซังขาวโพดบดละเอียด นํา สอน สรุป ประเมิน T117
ขอสอบเนนการคิด ลูกไก่ที่มีอายุต�่ากว่า ๒ เดือน ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะอยู่ในช่วงที่สามารถติดเชื้อจากโรคต่าง ๆ ได้ง่าย ช่วงเวลาที่ไก่ไข่มีอายุประมาณ ๒๑-๒๒ สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นไก่สาว และอยู่ในช่วง ออกไข่ แม่ไก่จะต้องการอาหารมาก เพื่อน�าไปเปลี่ยนเป็นไข่ ต้องให้อาหารไก่ตัวละประมาณ ๑๐-๑๑๐ กรัมต่อ ๑ วัน และต้องค�านึงถึงสภาพอากาศควบคู่กันไปด้วย เช่น ในช่วงฤดูร้อน ควรให้อาหารลดลง เพราะไก่ให้ไข่น้อยแต่ในช่วงฤดูหนาวอากาศเย็นไก่จะกินอาหารมากเพื่อจะได้ มีไขมันมาสร้างความอบอุ่น และเพิ่มพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ๕) การดูแลรักษาโรคของไก่นอกจากจะต้องคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีปลูกสร้างโรงเรือน ให้มีความเหมาะสม ให้อาหารที่มีประโยชน์ ยังต้องดูแลรักษาไก่ให้มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อป้องกัน โรคติดต่อ โดยทั่วไปโรคของไก่ไข่แบ่งเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๑. โรคที่รักษาได้ด้วยยา คือ โรคบิด จะเป็นมากในลูกไก่ที่มีอายุต�่ากว่า ๒ เดือน โดยเฉพาะลูกไก่ ๓-๔ สัปดาห์ จะติดเชื้อได้ง่ายมาก • ลักษณะอาการ ถ่ายเป็นมูก มีเลือดปนออกมา ถ้าเป็นมากจะถ่ายเป็นเลือด ไม่กินอาหาร หนาวสั่น ปีกตก • การรักษา ใช้ยา เช่น ยาซัลฟา ยาซัลเมท ละลายน�้าให้ไก่กิน โดยให้ยาตาม ค�าแนะน�าของสัตวแพทย์ เช่น ให้ยา ๓ วัน หยุด ๑ วัน แล้วให้ต่ออีก ๓ วัน ไก่ก็จะหายจากโรค • ข้อควรระวัง ถ้าให้ยากลุ่มซัลฟามากไป ไก่จะแคระแกร็น และเมื่อพบว่าลูกไก่ ถ่ายเป็นเลือด ต้องรีบเปลี่ยนวัสดุรองพื้นใหม่ทันทีและโรยปูนขาวก่อนน�าวัสดุรองพื้นใหม่มาปู ซึ่งใช้ปูนขาว ๓ กิโลกรัมต่อ ๑๐ ตารางเมตร 106 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • หากไมมีอาหารสําเร็จรูปใหไกไข ควรแกปญหา ดังกลาวอยางไร เพื่อใหไกไขสามารถกิน อาหารไดตามปกติ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ คิดเห็นไดอยางอิสระ) 5. ครูเปดวีดิทัศนเกี่ยวกับการเลี้ยงไกไขให นักเรียนดู จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ในปจจุบันสายพันธุไกไขที่นิยมเลี้ยงใน ประเทศไทย โดยสวนมากจะนําเขามาจาก ตางประเทศและนํามาพัฒนาสายพันธุ เพื่อให เหมาะสมกับสภาพแวดลอมของประเทศไทย สําหรับพันธุไกไขที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย แบงเปน 2 ประเภท ดังนี้ • ไกพันธุแท เปนไกที่ไดรับการคัดเลือกและ ผสมพันธุมาเปนอยางดี จนลูกหลานในรุน ตอๆ มามีลักษณะ รูปราง ขนาด สี ฯลฯ เหมือนกับบรรพบุรุษ หรือลักษณะประจําพันธุ คงที่ ไกไขพันธุแทที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย เชน พันธุโรดไอสแลนดเรด พันธุบารพลี มัทร็อค พันธุเล็กฮอรนขาวหงอนจักร • ไกพันธุลูกผสม เปนไกที่ไดจากการนําไกไข ตั้งแต 2 สายพันธุขึ้นไปมาผสมกัน เปนไกไข ที่นิยมเลี้ยงในเชิงการคามากที่สุดในปจจุบัน เนื่องจากเปนพันธุที่ผสมขึ้นเปนพิเศษ มีการ พัฒนาและปรับปรุงพันธุใหมีประสิทธิภาพ ในการใหผลผลิตและมีคุณภาพตรงตาม ความตองการของตลาด คือ ใหไขดก ไกไข พันธุผสมที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย เชน พันธุ เอ.เอ.บราวน พันธุรอสบราวน พันธุไฮเซกซ บราวน พันธุอีซาบราวน พันธุซูเปอรฮารโก พันธุดีคารบวอรเรน พันธุฮับบารดโกเดน คอมเมต พันธุเชพเวอรสตารครอส 579” เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคการเลี้ยงไกไขใหไดไขฟองใหญและ ปริมาณมากใหนักเรียนฟงวา เทคนิคการเลี้ยงไกไขที่สามารถปฏิบัติไดดวยตนเอง มีหลายวิธี เชน ในชวงฤดูรอนไกจะออกไขฟองเล็ก จึงควรนํายอดออนสะตอเบา มาใหไกกิน จะชวยใหไกออกไขไดฟองใหญมากขึ้น นําหยวกกลวยมาใหไกกิน จะทําใหออกไขงายและไดไขแดงที่มีสีแดงสด นํานํ้าสมควันไมมาใหไกกิน จะชวยเพิ่มปริมาณวิตามิน ลดคอเลสเตอรอลในไขแดง ไกที่มีอายุมากจะออกไข ฟองเล็ก จึงควรนําตําลึงมาใหไกกิน จะชวยใหออกไขไดใบใหญขึ้น ควรใหไกกิน หญาสดบาง เพราะมีโปรตีน วิตามิน แคลเซียม และกากใยอาหารที่มีประโยชน ซึ่งมีสวนชวยในเรื่องระบบขับถาย ทําใหไกมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ และให ไขที่มีคุณภาพ ควรใหมะละกอสุก จะชวยใหไขไกมีสีแดงและมีสีเขมสมบูรณ “ในชวงฤดูหนาวไกจะกินอาหารมากกวาปกติ” นักเรียนคิดวา เปนเรื่องจริงหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ เปนเรื่องจริง เพราะในชวงฤดูหนาว อากาศจะเริ่ม หนาวเย็นมากขึ้น สงผลใหไกตองการไขมัน เพื่อนํามาใชเพิ่ม ความอบอุนใหแกรางกาย รวมถึงเพิ่มพลังงานตางๆ ใหเพียงพอ ตอความตองการของรางกายอีกดวย ดังนั้น ผูเลี้ยงจึงไมควรจํากัด การใหอาหาร เพราะปริมาณอาหารที่ไกกินเพิ่มเขาไปจะเปลี่ยนเปน ผลผลิตไขที่เพิ่มขึ้นมา) นํา สอน สรุป ประเมิน T118
๒. โรคที่รักษาไม่ได้ด้วยยา แต่ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันและควบคุม โรคระบาดที่ส�าคัญ หรือโรคที่ยากแก่การรักษา เช่น • โรคนิวคาสเซิล รักษาโดยการฉีดวัคซีนและหยอดตา ๑-๒ หยด ต่อไก่ ๑ ตัว โดยหยอดบริเวณมุมตาด้านใน ถ้าหยอดจมูกให้ใช้นิ้วปิดรูจมูกด้านหนึ่งแล้วจึงหยอด • โรคมาเร็กส์ รักษาโดยการฉีดวัคซีนเข้าใต้ผิวหนัง บริเวณท้ายทอย หรือฐานคอ ของไก่ ซึ่งจะใช้เวลา ๗-๑๔ วัน ในการสร้างภูมิคุ้มกันโรค • โรคฝีดาษไก่ รักษาโดยการฉีดวัคซีนเข้าทางปีก โดยแทงเข็มเข้าจากทางด้านล่าง ผ่านทะลุหนังของปีกไก่ ห้ามแทงผ่านขน กล้ามเนื้อ หรือกระดูก เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ • โรคอหิวาต์ไก่ รักษาโดยการฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อหน้าอก ซึ่งจะท�าให้ไก่เกิด ภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าการหยอดตา หรือหยอดจมูก การดูแลรักษาไก่ไข่ตั้งแต่แรกเกิดอายุ ๑ วัน จนถึง ๕๒-๖๐ สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะ ของการให้ไข่ ควรดูแลรักษาไก่เป็นอย่างดี เพื่อไก่จะได้ผลิตไข่ที่มีคุณภาพให้ได้บริโภค โรคที่เกิดกับไก่ไข่และวิธีการป้องกัน ผู้เลี้ยงไก่ไข่ควรท�าความเข้าใจเกี่ยวกับโรคชนิดต่าง ๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับไก่ไข่ที่เลี้ยง เพื่อหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งโรคที่มักเกิดขึ้นกับไก่ไข่ เช่น T i p โรค สาเหตุ ลักษณะอาการ การปองกัน/การรักษา อหิวาต์ไก่ เป็นโรคติดต ่อร้ายแรง ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เข้าสู่ร่างกายผ่านอาหาร หงอย ซึม กินน้อยลง เบื่ออาหาร หายใจขัด กระหายน�้า หงอนสีคล�้า ท้องร ่วง ถ ่ายเหลวเป็นสีเขียว ปนเหลือง ตายภายใน ๑-๒ วัน หากพบว่าเป็นโรค ใช้ยาปฏิชีวนะคลอร์เตตราไซคลีน หรือใช้ยาประเภทซัลฟา เพื่อฆ่าเชื้อ ซึ่งควรอยู่ภายใต้การควบคุมของ สัตวแพทย์ ฝีดาษไก่ เป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับ ลูกไก่และไก่รุ่น เกิดจาก เชื้อไวรัสที่ติดต่อกันโดย การสัมผัส มีจุดสีเทาพองตามบริเวณใบหน้า หงอน เหนียง ผิวหนังส่วนอื่น ๆ หงอย ซึม เบื่ออาหาร และตาย ในที่สุด ฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษไก่ หวัดติดต่อ ในไก่ เป็นโรคทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ ปะปนในเสมหะ น�้ามูก น�้าตาของไก่ที่ป่วย จาม น�้าตาไหล มีน�้ามูกอยู่ในช่อง จมูกส่งกลิ่นเหม็น ตาแฉะ หน้า และเหนียงบวม กินอาหารน้อยลง ใช้ยาปฏิชีวนะออกซิเตตราไซคลีน หรือใช้ยาประเภท ซัลฟา การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 10๗ • โรคนิวคาสเซิล รักษาโดยการฉีดวัคซีนและหยอดตา ๑-๒ หยด ต่อไก่ ๑ ตัว • โรคอหิวาต์ไก่ รักษาโดยการฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อหน้าอก ซึ่งจะท�าให้ไก่เกิด 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 6. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกันปฏิบัติ กิจกรรม “เรามาวางแผนเลี้ยงไกไขกันเถอะ” โดยประชุมรวมกันเพื่อวางแผนการเลี้ยงไกไข พรอมทั้งเขียนแผนผังโรงเรือนและบันทึกผล การวางแผนการเลี้ยงไกไข ลงในใบงานที่ 6.3.1 เรื่อง การวางแผนเลี้ยงไกไข จากสถานการณ ที่กําหนดให ดังนี้ “นายวีระมีพื้นที่บริเวณบานที่ไมไดใชประโยชน ซึ่งเปนพื้นที่โลง โปรงตามธรรมชาติ อากาศ ถายเทไดสะดวก มีลักษณะเปนรูปสี่เหลี่ยม จัตุรัส จํานวนกวา 200 ตารางวา เขาตองการเลี้ยง ไกไขในบริเวณบาน เพราะสามารถนําไขไก มาบริโภคภายในครัวเรือน หรือประกอบเปน อาชีพเพื่อหารายไดเสริม แตเขาไมมีความรู เกี่ยวกับการเลี้ยงไกไข จึงตองการไดรับ คําแนะนําเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงไกไขที่ถูกตอง ดังนั้น นักเรียนจะมีแนวทางในการเลี้ยงไกไข แนะนําใหแกนายวีระอยางไร” 7. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การเลี้ยงไกไขมีขอมูล สําคัญที่ตองศึกษาหลายประการ เชน • การคัดเลือกชนิดพันธุไกไข ตองคํานึงถึงการ ใหไขครั้งละมากๆ ไขมีขนาดใหญ ผิวสวย • สถานที่ในการเลี้ยงไกไข ควรมีลักษณะโปรง โลง ไมมืดทึบ อากาศถายเทไดสะดวก • ภาชนะและอุปกรณในการเลี้ยงไกไข ควร ศึกษาใหเขาใจและเลือกใชอยางถูกตอง • อาหารและการใหอาหารไกไข ควรศึกษา เกี่ยวกับอาหารแตละชนิดที่นํามาใช • การดูแลรักษาโรคของไกไข ควรทําความ เขาใจเกี่ยวกับโรคชนิดตางๆ ที่มีโอกาสเกิด ขึ้นกับไกไขอยางละเอียด เพื่อปองกันไมให เกิดโรคได” กิจกรรม 21st Century Skills 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ใหแตละกลุมเลือกเลี้ยง สัตวตามความสนใจ 1 ชนิด โดยแตละกลุมจะตองเลือกสัตว เลี้ยงที่ไมซํ้ากัน 2. ใหนักเรียนแตกลุมศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัตวเลี้ยงที่เลือก ดังนี้ • ประเภทของสัตวเลี้ยง • ประโยชนและความสําคัญ • ลักษณะทั่วไปและพัฒนาการการเจริญเติบโต • การดูแลและการใหอาหาร • โรคและการปองกันดูแลรักษา 3. สัมภาษณผูเลี้ยงสัตว หรือผูที่จําหนายสัตวชนิดนั้น เพื่อเพิ่มเติม ขอมูล จากนั้นใหแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมา นําเสนอขอมูลใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน สรุปขอมูลเปนแผนพับ หรือรูปแบบที่สนใจ นําสงครูผูสอน นักเรียนควรรู 1 โรคนิวคาสเซิล เปนโรคที่พบมากในสัตวปก จะติดตอจากการหายใจ การกินอาหาร หรือนํ้าที่มีเชื้อปนเปอน มีระยะฟกตัวของโรคประมาณ 2-15 วัน อาการของโรคจะแตกตางกันไปตามสายพันธุเชื้อ หากเปนชนิดรุนแรงจะทําให สัตวตายอยางรวดเร็วโดยไมแสดงอาการใดๆ ของโรค หรือมีอาการหายใจลําบาก ไอ จามเสียงดัง ซึม เบื่ออาหาร ปกตก คอบิด เดินเซ ฯลฯ หากพบวาสัตว ที่เลี้ยงไวเปนโรคดังกลาว ควรแจงสัตวแพทยทันที และผูเลี้ยงควรปองกันตนเอง ดวยการสวมใสอุปกรณปองกัน ลางมือใหสะอาดหลังจากสัมผัสกับสัตวเลี้ยง 2 โรคอหิวาตไก เปนโรคที่เกิดขึ้นกับไกทุกวัย แพรระบาดไดทุกชวงฤดูกาล โดยเฉพาะในชวงฤดูรอนจะมีการแพรระบาดที่รุนแรงมาก ไกที่เปนโรคนี้จะมี อาการไขสูง นํ้ามูก นํ้าลายไหลเปนมูก หัวตก หนาและหงอนมีสีมวงคลํ้า หายใจ ลําบาก เบื่ออาหาร กระหายนํ้า ทองรวง ขนรวง และตายใน 2-3 วัน นํา สอน สรุป ประเมิน T119
นอกจากนี้ การจัดการผลผลิตของไก่ไข่ก็นับเป็นสิ่งส�าคัญ เพราะเป็นการบริหารจัดการ เพื่อรักษาคุณภาพของไข่ไก่ให้มีความสมบูรณ์ โดยเก็บไข่ไก่ให้ถูกสุขลักษณะ ซึ่งต้องเก็บโดย ปราศจากอุจจาระปนเป้อน และน�าไปใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดเหมาะสมกับขนาดของไข่ไก่ เพื่อป้องกันการกระแทก แตกร้าว ก่อนน�าไปบริโภค หรือจัดจ�าหน่าย ถ้าต้องการเก็บไข่ไก่ไว้รับประทานนาน ๆ ควรเก็บในตู้เย็นที่ช่องแช่ไข่ โดยวางด้านแหลม ของไข่ลง จะท�าให้ไข่แดงลอยอยู่ตรงกลางพอดี ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน ๓ สัปดาห์ เพราะอาจมี เชื้อแบคทีเรียเข้าไปเพาะตัวอยู่ในไข่ขาว หรือไข่แดง จะท�าให้ไข่ไก่ไม่สด และคุณค่าทางโภชนาการ ลดลง การน�าไข่ไก่ใส่ในบรรจุภัณฑ์ นอกจากจะสะดวกและประหยัดพื้นที่ ในการขนส่งแล้ว ยังช่วยป้องกันการแตกร้าว หรือการบุบของ เปลือกไข่ ก่อนที่จะส่งถึงมือผู้บริโภค การเลี้ยงสัตวในบริเวณบานทั้งแบบที่เลี้ยงไวเพื่อความเพลิดเพลินและเลี้ยงไว เพื่อเปนอาหาร เราตองศึกษาหาขอมูลของสัตวที่ตองการจะเลี้ยงกอน เชน ชนิดพันธุ อาหาร ความเปนอยู ลักษณะนิสัย เพราะสัตวแตละชนิดมีความแตกตางกัน ทําใหการเลี้ยงดู มีลักษณะที่แตกตางกันออกไป เชน สถานที่ ในการเลี้ยง การดูแลรักษาโรค การบริหารจัดการ ดังนั้น กอนตัดสินใจเลือกเลี้ยงสัตวชนิดใด จึงจําเปนตองศึกษาหาขอมูลเกี่ยวกับสัตวชนิดนั้น ๆ กอน เพื่อที่จะไดนํามาเลี้ยงไดอยางถูกตอง หากต้องการเก็บไข่ให้ ได้นาน ให้น�าน�้ามันพืชมาทาบนเปลือกไข่ให้ทั่ว ไม่ต้องแช่เย็น น�้ามันจะช่วย ป้องกันแกสออกซิเจนซึมเข้าไปในไข่ ท�าให้เก็บไข่ไว้ได้นานขึ้น Trick : การเก็บรักษาไข่ไก่ 108 เพื่อรักษาคุณภาพของไข่ไก่ให้มีความสมบูรณ์ โดยเก็บไข่ไก่ให้ถูกสุขลักษณะ ซึ่งต้องเก็บโดย 1 2 กิจกรรม สรางเสริม กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 8. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันวางแผนการ เลี้ยงไกไข โดยมีครูเปนผูคอยใหความชวยเหลือ และรวมกันตรวจสอบความถูกตองของขั้นตอน การวางแผนการเลี้ยงไกไขภายในกลุมของ ตนเอง จากนั้นสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมา นําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน 9. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ขนาดของไขไกหากแบง ตามขนาดของไขตามนํ้าหนัก สามารถแบง ออกเปน 6 เบอร ไดแก • ไขไกเบอร 0 เปนไขไกที่มีขนาดใหญมากเปน พิเศษ มีนํ้าหนักขั้นตํ่า 70 กรัมตอฟอง • ไขไกเบอร 1 เปนไขไกที่มีขนาดใหญมาก มีนํ้าหนัก 65-69 กรัมตอฟอง • ไขไกเบอร 2 เปนไขไกที่มีขนาดใหญ มีนํ้าหนัก 60-64 กรัมตอฟอง • ไขไกเบอร 3 เปนไขไกที่มีขนาดปานกลาง มีนํ้าหนัก 55-59 กรัมตอฟอง • ไขไกเบอร 4 เปนไขไกที่มีขนาดเล็ก มีนํ้าหนัก 50-54 กรัมตอฟอง • ไขไกเบอร 5 เปนไขไกที่มีขนาดเล็กมาก มีนํ้าหนัก 45-49 กรัมตอฟอง” ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 สรุปผล 1. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันทํา กิจกรรมสรางสรรคพัฒนาการเรียนรู 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การวางแผนการเลี้ยงสัตวใน บริเวณบาน โดยทําการวางแผนเพื่อเลี้ยงสัตว ตามหลักการที่ไดดําเนินการศึกษา พรอมทั้ง จัดทําเปนรูปเลม รายงาน และนําสงครูผูสอน นักเรียนควรรู 1 ไขไก ไขที่สดจะมีผิวนวล เมื่อจับผิวจะสาก เมื่อตอกแลวไขแดงจะนูน ไขขาวจะเปนลิ่มๆ สวนไขไกที่ไมสด ผิวจะมันลื่นเมื่อตอก ไขแดงจะแบนราบ แตถาไขแดงมาผสมรวมกับไขขาวแสดงวาเปนไขเสีย 2 เก็บไขไก ควรเก็บในชองเก็บไขในตูเย็น เพื่อปองกันการกระทบกระเทือน และปองกันการระเหยของนํ้าออกจากไข โดยวางดานแหลมใหอยูดานลาง และดานปานอยูดานบน เนื่องจากดานปานมีฟองอากาศอยูภายใน ไขแดงจะ ไมแตกเร็ว ทําใหเก็บไขไดนานขึ้น หากพบวามีรอยราว หรือแตก ใหรีบนําไป บริโภคทันที เพราะเชื้อโรคที่เปลือกไขอาจปะปนในไขได หรือตอกใสภาชนะที่มี ฝาปดสนิท นําไปแชในตูเย็น จะทําใหเก็บไดนานขึ้น ไมควรนําไขไปลางกอนเก็บ เพราะจะทําใหสารเคลือบผิวไขที่รักษาความสดถูกทําลาย หากตองการทําความ สะอาดใหเช็ดดวยผาสะอาดอยางเบามือ ใหนักเรียนศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงไก ชนิดอื่นๆ ที่ไมใชไกไข เชน ไกเนื้อ ไกชน ตามความสนใจ 1 ชนิด พรอมทั้งสรุปขอมูลสําคัญลงในกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน ใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการปฏิบัติกิจกรรมสรางเสริม มาวิเคราะห เพื่อหาความแตกตางระหวางไกพันธุที่เลือกกับ ไกไขที่ไดเรียนมา โดยสรุปในประเด็นที่พบความแตกตาง จากนั้น ออกมานําเสนอผลงานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน พรอมทั้งอธิบาย เหตุผลที่เลือกศึกษาพันธุไกชนิดนี้ นํา สอน สรุป ประเมิน T120
กิจกรรม Mini Project เร×èอ§ ¡ารเลÕéย§สัµÇ คําชี้แจง ๑. ให้นักเรียนปฏิบัติงานกลุ่ม โดยเลือกศึกษาสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไว้เพื่อความเพลิดเพลิน หรือเลี้ยง ไว้เพื่อเป็นอาหารตามความสนใจ ๑ ชนิด สรุปผลการศึกษาตามหัวข้อที่ก�าหนดให้ ดังน�้ • วัตถุประสงค์ของผู้เลี้ยง • การคัดเลือกชนิดพันธุ์ของสัตว์เลี้ยง • สถานที่ในการเลี้ยงสัตว์ • ภาชนะและอุปกรณ์ในการเลี้ยงสัตว์ • อาหารและการให้อาหารสัตว์เลี้ยง • การดูแลรักษาโรคของสัตว์เลี้ยง • พัฒนาการของสัตว์เลี้ยง ๒. ในการปฏิบัติงานกลุ่ม หากต้องประสบปัญหา ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มใช้ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหาในการท�างาน โดยมีขั้นตอน ดังน�้ • การสังเกต • การวิเคราะห์ปัญหา • การสร้างทางเลือก • การประเมินทางเลือก โดยให้นักเรียนจดบันทึกในทุกขั้นตอน พร้อมทั้งอธิบายวิธีแก้ปัญหาและผลที่ได้รับจากการ แก้ปัญหานั้น ๆ ๓. น�าผลการศึกษาและประเมินผลการปฏิบัติงาน พร้อมภาพถ่ายของสัตว์เลี้ยงที่สนใจมาน�าเสนอ หน้าชั้นเรียน Êรé า§สรร¤ì ¾ั²นา¡ารàรÕÂนรéÙใบมอบหมายงาน ¡ิจ¡รรม การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 109 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 สรุปผล 3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและบันทึก ผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 4. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 5. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การเลี้ยงไกไขวา “การเลี้ยงไกไขนํามาซึ่ง ผลผลิตที่เรียกวา “ไขไก” การจัดการผลผลิต ของไกไขนับเปนสิ่งสําคัญประการหนึ่งที่ จะชวยรักษาคุณภาพของไขไก เพื่อใหเกิด ปลอดภัย การเก็บรักษาคุณภาพของไขไก ใหมีความสมบูรณและถูกสุขลักษณะไดนั้น สามารถปฏิบัติไดหลายวิธี เชน การเก็บรักษา ใหปราศจากการมีมูล หรืออุจจาระปนเปอน การนําไขไกไปบรรจุภัณฑลงในบรรจุภัณฑ ที่มีขนาดเหมาะสมกับขนาดของฟองไขไก ไมควรเก็บไวนานเกิน 3 สัปดาห เพราะจะ ทําใหคุณคาทางโภชนาการของไขไกลดนอยลง” ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจหลังเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 6.3.1 เรื่อง การวางแผน เลี้ยงไกไข 3. ครูตรวจสอบชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การวางแผนการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน 4. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 5. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค 1. ใหนักเรียนเลือกเลี้ยงสัตวตามความสนใจ 1 ชนิด พรอมทั้งศึกษา คนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัตวที่เลือกเลี้ยง 2. นําสัตวที่ตนเองเลี้ยงมาแลกเปลี่ยนกับเพื่อน เพื่อสลับกันเลี้ยง ภายในระยะเวลา 1 วัน โดยตองมีการพูดคุยเพื่อปรึกษาหารือถึง วิธีการเลี้ยงกอนนํามาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน 3. จดบันทึกขอมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวชนิดนั้นๆ เชน การดูแล การใหอาหาร 4. นําขอมูลที่ไดทั้งหมดมาสรุป เพื่อนําเสนอใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน รวมกับเพื่อนที่แลกเปลี่ยนกันเลี้ยงสัตว แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง นํา สอน สรุป ประเมิน T121
Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 การเสริมสร้าง ประสบการณ์ อาชีพ 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.2 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ การงานอาชีพ ม.2 - PowerPoint 1. อธิบายหลักการและ ความส�ำคัญของการ เสริมสร้างประสบการณ์ อาชีพที่ตนเองสนใจ ได้อย่างถูกต้องและ เหมาะสม 2. ศึกษาการเตรียมตัว เข้าสู่อาชีพที่ตนเอง สนใจได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม 3. เห็นความส�ำคัญของ ทักษะพื้นฐานที่จ�ำเป็น ส�ำหรับการประกอบ อาชีพที่ตนเองสนใจ แบบเน้น รูปแบบการ สืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสรุป ลงความคิดเห็น - ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหา - ทักษะการให้ เหตุผล - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่น ในการท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ T122
แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 2 การเตรียมตัว เข้าสู่อาชีพ 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.2 - แบบทดสอบหลังเรียน - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ การงานอาชีพ ม.2 - PowerPoint 1. อธิบายวิธีการเตรียมตัว เข้าสู่อาชีพได้อย่าง ถูกต้อง 2. สืบค้นข้อมูลอาชีพที่ สนใจ เพื่อเตรียมตัว เข้าสู่อาชีพที่ตนเอง สนใจได้อย่างถูกต้อง 3. เห็นความส�ำคัญของ การเตรียมตัวเข้าสู่ อาชีพที่ตนเองสนใจ แบบเน้น รูปแบบการ สืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - ตรวจใบงานที่ 7.2.1 - ตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสรุป ลงความคิดเห็น - ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหา - ทักษะการให้ เหตุผล - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่น ในการท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ T123
การประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขได้นั้น เราต้องเป็นผู้ที่มีความพร้อมและมีทักษะในด้านต่าง ๆ ซึ่งการเสริมสร้างประสบการณ์อาชีพ สามารถฝึกฝนได้ตลอด โดยการเข้าร่วมกิจกรรม หรือเข้ารับการฝึกอบรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับอาชีพที่สนใจ เพื่อจะได้มีทักษะพื้นฐานที่จ�าเป็น และก้าวเข้าสู่อาชีพได้อย่างมั่นคงในอนาคต ตัวชี้วัด ■ อธิบายการเสริมสรางประสบการณอาชีพ (ง ๒.๑ ม.๒/๑) ■ ระบุการเตรียมตัวเขาสูอาชีพ (ง ๒.๑ ม.๒/๒) ■ มีทักษะพื้นฐานที่จําเปนสําหรับการประกอบอาชีพที่สนใจ (ง ๒.๑ ม.๒/๓) ÷ หน่วยการเรียนรู้ที่ ¡ÒÃàÊÃÔÁÊÌҧ»ÃÐʺ¡Òó à¾×èÍࢌาÊÙ‹ÍาªÕ¾ ขั้นนํา (5Es) ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวย การเรียนรูที่ 7 2. ครูเปดวีดิทัศนเกี่ยวกับการแขงขันทักษะ วิชาชีพใหนักเรียนดู จากนั้นรวมกันสนทนา วา “การแขงขันทักษะวิชาชีพดังกลาวมีสวน ชวยเสริมสรางประสบการณอาชีพไดอยางไร” 3. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • นักเรียนคิดวาเปนเพราะเหตุใดจึงตองมีการ เสริมสรางประสบการณอาชีพ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • หากตองการประกอบอาชีพที่สนใจ นักเรียน ควรมีการเสริมสรางประสบการณเพื่อเขาสู อาชีพไดอยางไร (แนวตอบ ตั้งใจศึกษาเลาเรียน เขารวม กิจกรรมตางๆ ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น สมัคร เปนสมาชิกของชมรมตางๆ เพื่อฝกฝนทักษะ ที่จําเปนตอการประกอบอาชีพ ศึกษาขอมูล เกี่ยวกับอาชีพที่สนใจในเรื่องคุณสมบัติของ ผูประกอบอาชีพ ระดับการศึกษา วุฒิการศึกษา ที่ใช ชองทางในการทํางาน สํารวจความ สามารถและทักษะของตนกับลักษณะของ งานที่สนใจ รวมถึงพัฒนาความรู ความ สามารถ ความเขาใจเกี่ยวกับอาชีพที่สนใจ อยูเสมอ) เกร็ดแนะครู ครูควรจัดการเรียนรู โดยอธิบายเกี่ยวกับการเสริมสรางประสบการณเพื่อเขาสูอาชีพใหนักเรียนฟง เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจเรื่องการเสริมสรางประสบการณ อาชีพและการเตรียมตัวเขาสูอาชีพ เพื่อใหนักเรียนไดตระหนักถึงการเสริมสรางประสบการณเพื่อการเขาสูอาชีพ อธิบายความสําคัญของการเสริมสรางประสบการณ อาชีพ มีพื้นฐานที่จําเปนในการประกอบอาชีพที่สนใจ รูจักความถนัดและความสามารถของตนเอง พัฒนาตนเองเพื่อเตรียมพรอมสูการประกอบอาชีพในอนาคต โดยสามารถจัดกิจกรรมได ดังนี้ • ใหนักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความคิดเห็น เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการเสริมสรางประสบการณเพื่อเขาสูอาชีพ • ใหนักเรียนเตรียมความพรอมในการประกอบอาชีพ โดยการวิเคราะหตนเอง วิเคราะหอาชีพ และวิเคราะหหนวยงานที่สนใจจะประกอบอาชีพ • ใหนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการเตรียมตัวเขาสูอาชีพ รวมกันแสดงความคิดเห็น และอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวของ ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา 1. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การเสริมสราง ประสบการณอาชีพ จากหนังสือเรียน หนวยการ เรียนรูที่ 7 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T124
ขอสอบเนน การคิด ËÒ¡µŒÍ§¡ÒûÃСͺÍÒªÕ¾ ·ÕèªÍº ¤ÇÃÁÕ¡ÒÃàÊÃÔÁÊÌҧ »ÃÐʺ¡Òóà¾×èÍࢌÒÊÙ‹ÍÒªÕ¾ Í‹ҧäà สาระการเรียนรู้แกนกลาง ■ การจัดประสบการณอาชีพ ไดแก สถานการณแรงงาน ประกาศรับสมัครงาน ความรู ความสามารถของตนเอง ผลตอบแทน ■ การเตรียมตัวเขาสูอาชีพ ไดแก การหางาน คุณสมบัติที่จําเปน ■ ทักษะที่จําเปนตอการประกอบอาชีพ ไดแก ทักษะกระบวนการทํางาน ทักษะกระบวนการแกปญหา ทักษะการทํางานรวมกัน ทักษะการแสวงหาความรู ทักษะการจัดการ ๑ การเสริมสรางประสบการณอาชีพ ปัจจุบันมีหลายอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับนักเรียนและบุคคล ทั่วไป ดังนั้น จึงควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพที่สนใจ เพื่อน�ามา เสริมสร้างประสบการณ์อาชีพ เป็นการเตรียมความพร้อมและ สั่งสมประสบการณ์ในอาชีพนั้น ๆ เพื่อที่จะก้าวไปสู่อาชีพที่ตนเอง สนใจได้อย่างมั่นคง ๑.๑ ความส�าคัญของการเสริมสร้างประสบการณ์ อาชีพ กระบวนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ได้เรียนรู้ ได้เห็นและ ได้ฝึกปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับอาชีพที่ถนัดและสนใจ โดยจัดกิจกรรม ให้ผู้เรียนได้แสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบอาชีพต่าง ๆ เช่น การจัดกิจกรรมให้ไปเยี่ยมชมธุรกิจต่าง ๆ ในท้องถิ่น การเสริมสร้างประสบการณ์อาชีพมีความส�าคัญมาก เพราะ เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับงานอาชีพต่าง ๆ ที่สนใจ ได้พัฒนา ทักษะที่จ�าเป็นต ่อการประกอบอาชีพ น�าไปสู ่การปฏิบัติจริง ในอาชีพนั้น ๆ เป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับ การประกอบอาชีพให้แก ่นักเรียน ส ่งผลให้นักเรียนได้รู้จัก ตนเอง มีโอกาสพัฒนาความรู้ ความสามารถ ทัศนคติ ศักยภาพ ให้เหมาะสมกับอาชีพที่สนใจ ช่วยให้เตรียมความพร้อมในการ เข้าสู่อาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง และประสบความส�าเร็จในการ ประกอบอาชีพในอนาคต การเสริมสร้างประสบการณ์อาชีพ ท�าได้โดยการเข้าร่วม กิจกรรม หรือเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับอาชีพที่สนใจ ศึกษา สถานการณ์ด้านแรงงานในปัจจุบันและอนาคต เข้าถึงแหล่งงาน โดยติดตามประกาศรับสมัครงาน พิจารณาความรู้ ความสามารถ ผลตอบแทนจากการประกอบอาชีพนั้น ๆ การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ 111 เข้าสู่อาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง และประสบความส�าเร็จในการ ตนเอง มีโอกาสพัฒนาความรู้ ความสามารถ ทัศนคติ ศักยภาพ 2 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา 2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสริม สรางประสบการณอาชีพ จาก PowerPoint ม.2 หนวยการเรียนรูที่ 7 จากนั้นใหนักเรียนรวมกัน อภิปรายแลกเปลี่ยนความรูในเรื่องที่ไดศึกษามา ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 3. ครูถามนักเรียนวา • การเสริมสรางประสบการณเพื่อเขาสูอาชีพ มีความสําคัญตอนักเรียนอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เปนกระบวนการเรียนรูที่ เปดโอกาสใหไดเรียนรูเกี่ยวกับอาชีพตางๆ ที่สนใจ เพื่อเปนการพัฒนาทักษะที่จําเปนตอ การประกอบอาชีพ ไดแก ทักษะกระบวนการ ทํางาน ทักษะกระบวนการแกปญหา ทักษะ การทํางานรวมกัน ทักษะการแสวงหาความรู และทักษะการจัดการ จนนําไปสูการปฏิบัติ จริงในอาชีพ ชวยใหเตรียมความพรอมใน การเขาสูอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองและ ประสบความสําเร็จในการประกอบอาชีพ) 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การเสริมสราง ประสบการณอาชีพ เปนสิ่งที่ทําใหนักเรียนมี ความพรอมในการประกอบอาชีพที่ตองการ ในอนาคต เนื่องจากเปนแนวทางนําไปสูการ แสวงหาความรูและการพัฒนาทักษะสําคัญ ตางๆ ที่จําเปนตอการประกอบอาชีพ ซึ่ง สามารถปฏิบัติไดหลายแนวทาง เชน การศึกษา ดูงาน การเขารวมฝกอบรม ซึ่งจะทําใหเกิดการ เรียนรูและฝกฝนตนเองจนเกิดความชํานาญ มีความสามารถ มีทัศนคติที่ดีตออาชีพ และ สามารถประกอบอาชีพที่ตองการไดในอนาคต” เพราะเหตุใดจึงตองมีการเสริมสรางประสบการณอาชีพ (แนวตอบ เพื่อใหมีประสบการณเกี่ยวกับอาชีพตางๆ เปนการ เตรียมความพรอมในการประกอบอาชีพที่สนใจในอนาคต ได พัฒนาความรู ความสามารถ ทักษะการทํางาน ทัศนคติ ศักยภาพ ของตนอยางเหมาะสม เพื่อใหสามารถตัดสินใจเลือกประกอบ อาชีพที่เหมาะสมกับตนเองได) นักเรียนควรรู 1 ทัศนคติ ความรูสึก ความคิด หรือความเชื่อ และแนวโนมที่จะแสดงออก ซึ่งพฤติกรรมของบุคคล เปนปฏิกิริยาโตตอบ โดยการประเมินคาวาชอบ หรือ ไมชอบ ที่จะสงผลกระทบตอการตอบสนองของบุคคลในเชิงบวก หรือเชิงลบ ตอบุคคล สิ่งของ และสถานการณในสภาวะแวดลอมของบุคคลนั้นๆ 2 อาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง อาชีพทุกอาชีพไมไดเหมาะสมกับคนทุกคน ดังนั้น ผูที่จะเสริมสรางประสบการณอาชีพ จึงตองทราบขอมูลตางๆ เชน ลักษณะของอาชีพ ความสามารถของตนเอง ความสนใจของตนเอง เพื่อให สามารถเสริมสรางประสบการณอาชีพแลวไดรับประโยชนอยางคุมคาจนนําไปสู การตัดสินใจเลือกประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองไดในอนาคต ในการเลือก ประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองนั้น ผูที่จะเลือกประกอบอาชีพสามารถทํา แบบทดสอบเกี่ยวกับอาชีพ ซึ่งจะเปนตัวชวยในการเลือกประกอบอาชีพในสาขา ที่เหมาะสมกับตนเองได นํา สอน สรุป ประเมิน T125
ขอสอบเนนการคิด ๑.๒ สถานการณ์ด้านแรงงาน สถานการณ์เกี่ยวกับการมีงานท�า การจ้างงาน ฯลฯ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้ แรงงานการศึกษาสถานการณ์ด้านแรงงานมีความส�าคัญต่อผู้ที่จะเข้าสู่โลกของอาชีพ เพราะท�าให้ รู้ว่าในขณะนี้ตลาดแรงงานมีทิศทางเป็นอย่างไร มีความต้องการแรงงานด้านใด แรงงานใดที่ ขาดแคลน การจ้างงานเป็นอย่างไร รัฐมีบทบาทในการช่วยเหลือและคุ้มครองแรงงานอย่างไร ทั้งยังท�าให้ทราบถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางด้านแรงงานที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อจะได้ เตรียมตัวให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อสร้างอนาคตและความก้าวหน้า ในชีวิตการท�างาน ไม ่ต้องกังวลว ่าจะว ่างงาน มีการเตรียมตัวในการเลือกศึกษา ฝึกทักษะ การประกอบอาชีพให้เหมาะสมกับตนเองและสถานการณ์ด้านแรงงานของประเทศในปัจจุบัน และอนาคต หลีกเลี่ยงการเป็นผู้ว่างงาน หรือไม่ประสบความส�าเร็จในชีวิตการท�างาน ท�างาน อย่างมีความสุข มีอนาคตที่มั่นคง ซึ่งแรงงานแบ่งเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๑) แรงงานมีฝีมือ แรงงานที่ได้รับการฝึกอบรมความรู้เฉพาะทาง มีการสร้างเสริม ประสบการณ์ในวิชาชีพ ได้รับการฝึกอบรมเป็นเวลานานซึ่งแรงงานประเภทนี้ยังขาดแคลนอีกมาก ท�าให้ไม่เกิดปัญหาการว่างงานและรัฐบาลยังเร่งผลิตแรงงานประเภทนี้ให้เพียงพอต่อความต้องการ ของตลาดแรงงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันแรงงานมีฝีมือบางประเภทมีจ�านวนมาก ส่งผลให้เกิดภาวะว่างงาน หรือมีการจ้างงานที่มีอัตราค่าจ้างต�่ากว่าความสามารถ หรือท�าให้ต้อง ไปท�างานที่ไม่ถนัด ไม่ตรงกับความสามารถ ท�าให้ท�างานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ๒) แรงงานเพื่อพัฒนาฝีมือ แรงงานที่ใช้แต่ก�าลังแรงกาย ไม่ได้รับการฝึกฝนไม่ได้รับ การฝึกอบรมความรู้เฉพาะทาง ได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าแรงขั้นต�่า ค่าจ้างรายวัน รายชั่วโมง หรือค่าจ้างเป็นงาน ๆ ตามแต่จะตกลงกับนายจ้างปัจจุบันแรงงาน ประเภทนี้เป็นที่ต้องการของธุรกิจภาคเกษตรกรรม งานบริการ ท�าให้ต้องจ้างแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีค่าจ้างที่ถูกกว่าแรงงานไทย ในภาคอุตสาหกรรมมีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ส่งผลให้มีความ ต้องการแรงงานประเภทมีฝีมือมากกว่าส่งผลให้ภาครัฐเร่งพัฒนา ฝีมือแรงงานไร้ฝีมือโดยจัดฝึกอบรมวิชาชีพต่าง ๆ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพื่อให้แรงงานพัฒนาฝีมือกลายเป็นแรงงานมีฝีมือ ส่งเสริมความสามารถและประสิทธิภาพในการท�างานโดยหวังให้ แรงงานเหล่านั้นเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานต่อไป ยูทิวเบอร์ (Youtuber) เป็นอาชีพอิสระที่สามารถท�าได้ด้วยตนเอง เช่น รับจ้างรีวิวสินค้า แล้วอัปโหลดคลิปวิดีโอลง Youtube ให้ผู้คนเข้ามาติดตาม 112 รู้ว่าในขณะนี้ตลาดแรงงานมีทิศทางเป็นอย่างไร 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 5. ครูใหนักเรียนดูสถิติเกี่ยวกับแนวโนมความ ตองการแรงงานของตลาดแรงงานในประเทศ ไทย ระยะเวลา 5 ป จากชวงเวลาที่สอน เชน พ.ศ. 2560-2564 ในประเด็นตางๆ ดังนี้ • แนวโนมความตองการของตลาดแรงงาน จําแนกตามอาชีพ 10 อันดับสูงสุด พ.ศ. 2560-2564 • อัตราการเปลี่ยนแปลงของความตองการ ตลาดแรงงาน พ.ศ. 2560-2564 6. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ สถานการณดานแรงงาน โดยมีหัวขอ ดังนี้ • สถานการณการจางงานของนายจางและ ภาคธุรกิจในปจจุบันเปนอยางไร • ปจจุบันประเทศไทยมีความตองการแรงงาน ในดานใดมากที่สุด เพราะเหตุใด • แรงงานไทยในปจจุบันดานใดที่มีอยูเปน จํานวนมากและแรงงานในดานใดที่ขาดแคลน • สิ่งใดที่ชวยใหทราบถึงแนวโนมการ เปลี่ยนแปลงทางดานแรงงานที่อาจเกิดขึ้น ในอนาคต • สิ่งใดที่จะชวยเสริมสรางประสบการณใน อาชีพ เพื่อใหสามารถแขงขันกับแรงงาน ตางดาวที่เขามาทํางานในประเทศได 7. ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนคิดวาตลาดแรงงานตองการแรงงาน ที่มีคุณสมบัติอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ตองการแรงงานที่มี ความรู ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ ความเขาใจเกี่ยวกับกระบวนการทํางานของ อาชีพนั้นๆ มีทักษะการทํางานที่เหมาะสม ตออาชีพ) นักเรียนควรรู 1 ตลาดแรงงาน ตลาดแรงงานในประเทศมีการปรับตัวอยางตอเนื่องจากการ ที่เทคโนโลยีไดเขามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น ทําใหธุรกิจตางๆ ตองมีการนําเอา เทคโนโลยีสมัยใหมมาใชในการทํางานมากขึ้น สวนแรงงานตองพัฒนาตนเอง เพื่อใหมีทักษะที่สามารถปฏิบัติงานไดอยางหลากหลาย คนกลุมมิลเลนเนียล จะเขามามีบทบาทในการทํางานเพิ่มมากขึ้น โดยคนกลุมนี้ตองการทักษะ ในการทํางาน 5 ทักษะ ที่สําคัญ คือ ความคิดแปลกใหม ความฉลาดในการเขา สังคม การสรางความเขาใจเชิงลึก ความเขาใจในสื่อยุคใหม และความสามารถ หลากหลายดาน การประกอบอาชีพในขอใดจัดเปนแรงงานเพื่อพัฒนาฝมือ 1. สถาปนิก 2. ทันตแพทย 3. วิศวกรโยธา 4. กรรมกรกอสราง (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะสวนใหญผูที่ประกอบอาชีพนี้ ไมไดเรียนมาโดยตรง แตมีทักษะเกี่ยวกับการปฏิบัติงานชาง จึงจําเปนตองไดรับการอบรม ทั้งในหลักสูตรระยะสั้นและหลักสูตร ระยะยาว เพื่อพัฒนาการทํางานใหมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น) สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคนกลุมมิลเลนเนียล ไดที่ https://www.forbesthailand.com/new-detail.php?did=199 นํา สอน สรุป ประเมิน T126
ขอสอบเนน การคิด สถานการณ์์ตลาดแรงงาน ๑.๓ การประกาศรับสมัครงาน การประกาศแสดงความจำ�านงของหน ่วยงาน หรือองค์กรต ่างๆ ที่ต้องการรับพนักงาน หรือคนเข้าท�างานในต�าแหน่งต่างๆเช่น การประกาศรับสมัครพนักงานขาย พนักงานท�าความสะอาด เจำ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ การประกาศรับสมัครงานมีความส�าคัญอย่างยิ่งต่อผู้ที่ต้องการสมัครงาน เราจำึงต้องศึกษาเรียนรู้ และหาประสบการณ์ เพราะในการประกาศรับสมัครงานขององค์กรต่างๆมักระบุขอบข่ายของงาน คุณสมบัติของผู้สมัคร สวัสดิการอย่างชัดเจำน ซึ่งช่วยให้ทราบว่างานที่ต้องการสมัครนั้นมีลักษณะ อย่างไร คุณสมบัติของผู้สมัครงานที่หน่วยงาน หรือองค์กรนั้นต้องการเป็นอย่างไรซึ่งจำะช่วยให้เรา สามารถเตรียมความพร้อมในด้านทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถพิเศษ พร้อมทั้ง พัฒนาบุคลิกภาพ เพื่อพัฒนาให้มีคุณสมบัติเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ก้าวเข้าสู่อาชีพที่สนใจำ ได้อย่างมั่นคง และมีความก้าวหน้าในอาชีพที่เลือก ที่่�มา : กองบริหารข้อมูลตลาดแรงงาน กรมการจำัดหางาน นายจ้้างต้องการให้้แรงงานพััฒนาทัักษะงานในด้านต่าง ๆ ดังน้� เทัรนด์แรงงานจ้บให้ม่่ ม่้แนวโน้ม่ประกอบอาชี้พัอิสระม่ากขึ้้�น โดยม่้ อาชี้พัอิสระทั้�น่าสนใจ้ ๓อาชี้พั คืือ เกษตรกร Smart Farmer ๑ ร้านขึ้ายอาห้าร /ขึ้ายกาแฟ ขึ้ายขึ้องออนไลน์ Hard skill และ Soft skill การสร้างสรรค์และนวัตกรรม ภาษา การเป็นผู้ประกอบการ เทคโนโลยีและดิจำิทัล การท�างานได้รอบด้าน ก ๒ ๓ การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ ๑๑๓ Hard skill Soft skill 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 8. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ปจจุบันมีการพิจารณา คุณสมบัติของผูที่จะเขาทํางานในหลายๆ ดาน รวมถึงความสามารถทางดานภาษา เนื่องจาก บริษัทตางๆ ที่เปดกิจการอยูในประเทศไทยมี การดําเนินงานและบริหารงานโดยชาวตางชาติ ซึ่งตองใชภาษาตางประเทศในการติดตอ สื่อสาร หรือบริษัทที่ดําเนินงานและบริหารงาน โดยคนไทย ก็มีการใชภาษาตางประเทศใน การติดตอสื่อสารกับบุคคลภายนอกที่เปน ชาวตางชาติเชนเดียวกัน ดังนั้น นักเรียนจึง ตองฝกฝนทักษะทางดานภาษา เพื่อใหเกิด ความเชี่ยวชาญและเพื่อใหสามารถตอบสนอง ตอความตองการของตลาดแรงงานได” 9. ครูถามนักเรียนวา • การศึกษาสถานการณดานแรงงานในสังคม ปจจุบันมีประโยชนตอผูใชแรงงานอยางไร (แนวตอบ ทําใหผูใชแรงงานทราบถึงแนวโนม ความเปลี่ยนแปลงทางดานแรงงานที่ อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะสงผลใหผูใช แรงงานสามารถเตรียมความพรอม เพื่อ รองรับการเปลี่ยนแปลงตางๆ ไดอยางมั่นคง เชน การวางแผนเพื่อพัฒนาศักยภาพของ ตนเอง การวางแผนการใชจาย) • ในสังคมไทยแรงงานมีฝมือกําลังประสบกับ ปญหาใด (แนวตอบ แรงงานมีฝมือ เชน แพทย พยาบาล วิศวกร สถาปนิก ยังขาดแคลนอยูมาก แต ในขณะเดียวกันแรงงานมีฝมือในสาขาอื่นๆ กลับมีจำนวนมากเกินความตองการของ ตลาดแรงงาน สงผลใหเกิดภาวะวางงานของ บัณฑิตจบใหม หรือเกิดปญหาการทำงานที่ ไมตรงกับที่เรียนจบมา) นักเรียนควรรู 1 Hard skill ทักษะทางดานความรูของแตละอาชีพที่ใชในการทำงาน รวมถึงการใชเครื่องมือหรือเทคโนโลยีตางๆ ที่เกี่ยวของกับอาชีพนั้น เชน เชฟ มีทักษะในการประกอบอาหาร พยาบาลมีทักษะในการดูแลผูปวย นักบัญชี มีทักษะในการทำบัญชี นักรองมีทักษะในการรองเพลง โดยทักษะเหลานี้ สามารถไดมาจากการเรียนเพื่อนำไปใชในการทำงานและประสบการณชีวิต ของแตละบุคคล 2 Soft skill ทักษะทางดานอารมณและสังคม เชน การสื่อสาร การทำงาน เปนทีม การแกปญหาเฉพาะหนา การเปนผูนำ การคิดวิเคราะห การคิดสรางสรรค การมีมนุษยสัมพันธ การปรับตัว การควบคุมอารมณ การบริหารเวลา โดยทักษะ เหลานี้สามารถสรางขึ้นหรือฝกฝนใหพัฒนาขึ้นไดจากประสบการณชีวิตและ การลงมือปฏิบัติงานตางๆ ที่หลากหลาย เพราะเหตุใดจึงควรศึกษาตลาดแรงงานกอนการตัดสินใจเลือก ประกอบอาชีพ (แนวตอบ ตลาดแรงงานมีการเปลี่ยนแปลงอยูเสมอตามยุคสมัย และจํานวนประชากร ตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงจะมีผลตอการ ประกอบอาชีพ เชน ตองการบางอาชีพเพิ่มมากขึ้น บางอาชีพอาจ ถูกทดแทนดวยเครื่องมือ หรือเทคโนโลยีตางๆ ที่ทันสมัย นอกจากนี้ ยังใหขอมูลเกี่ยวกับอาชีพที่ไดรับความนิยม ผลตอบแทน และ แนวโนมความมั่นคงของอาชีพอีกดวย) นํา สอน สรุป ประเมิน T127
ขอสอบเนนการคิด ๑ ข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ต้องการรับสมัคร พนักงาน ๒ ต�าแหน่งงานที่บริษัทเปดรับสมัคร ๓ สวัสดิการที่บริษัทมอบให้แก่พนักงานของ บริษัทที่บรรจุเป็นพนักงานประจ�า ๕ รายละเอียดของงานในต�าแหน่งที่เปด รับสมัคร สิ่งที่ต้องท�าในต�าแหน่งงานนั้น ๆ ๔ คุณสมบัติที่บริษัทที่รับสมัครต้องการได้รับ จากผู้สมัครงาน ๖ วิธีการสมัครงาน เพื่อผู้สนใจจะได้ส่งใบ สมัครงานมาตามวิธีที่บริษัทก�าหนด ต�าแหน่งที่รับสมัคร : Graphic Design 2 อัตรา บริษัท Art World Media จ�ากัด บริษัทรับท�าสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อสารการตลาด ที่มีประสบการณ์ ยาวนานกว่า ๓๐ ปี บริษัทต้องการผู้ร่วมงาน เพื่อรองรับการขยายกิจการ ของบริษัทฯ ในต�าแหน่งต่าง ๆ วิธีการสมัคร ทางอีเมล : [email protected] โดยแนบไฟล์ประวัติส่วนตัวและประวัติการศึกษามาด้วย ทางเว็บไซต์ : www.ArtWorldMedia.com ทางไปรษณีย์ : ๘/๘๘๘ ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ๑๐๗๐๐ สวัสดิการ - โบนัสประจ�าปี - วันหยุดประจ�าปี - ประกันสังคม - ค่ารักษาพยาบาล - ประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุ - ทุนการศึกษาบุตร รายละเอียดของงาน - ออกแบบ Graphic Artwork - ออกแบบผลิตภัณฑ์ โปสเตอร์ ภาพโฆษณา คุณสมบัติของผู้สมัครงาน - วุฒิปริญญาตรี สาขาออกแบบ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง - เพศชาย หรือหญิง อายุ ๒๓-๒๘ ปี - สามารถใช้ โปรแกรมตระกูล Adobe เช่น Photoshop, Illustrator, Indesign ได้เป็นอย่างดี - มีความรู้ ความเข้าใจในงานดีไซน์ - มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี - ถ่ายวิดีโอและตัดต่อได้ - มีความคิดสร้างสรรค์ ในการออกแบบสื่อต่าง ๆ - หากมีทักษะในการใช้โปรแกรมด้าน 3D จะพิจารณาเป็นพิเศษ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ตัวอย่างการประกาศรับสมัครงาน AWM 11๔ ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 10. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางการประกาศ รับสมัครงาน จากหนังสือเรียน หนวยการ เรียนรูที่ 7 หนา 114 11. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหวา “จาก ตัวอยางการประกาศรับสมัครงานในหนังสือ เรียน บุคคลที่ตองการสมัครงานในตําแหนง งานดังกลาว จะตองมีการวางแผนเพื่อพัฒนา ตนเองในดานใด เพื่อเปนการเตรียมความ พรอมในการไปสมัครงาน” 12. ครูถามนักเรียนวา • หากตองการสมัครงาน นักเรียนจะสามารถ คนหาแหลงประกาศรับสมัครงานไดจาก ที่ใด (แนวตอบ สามารถคนหาแหลงประกาศรับ สมัครงานไดจากหลากหลายแหลง เชน สื่อสิ่งพิมพ เว็บไซตในอินเทอรเน็ต บอรด ประชาสัมพันธตามสถานที่ทํางานของ หนวยงานตางๆ ทั้งหนวยงานราชการและ หนวยงานเอกชน กรมการจัดหางาน) • เพราะเหตุใดในปจจุบันผูคนสวนใหญจึง หันมาใหความสนใจที่จะสมัครงานผานทาง เว็บไซตกันเพิ่มมากขึ้น (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ คิดเห็นไดอยางอิสระ) 13. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหถึงผลดีและ ผลเสียของการประกาศรับสมัครงานผานทาง เว็บไซต ผานทางหนวยงานราชการตางๆ และผานทางสื่อสิ่งพิมพ 14. ครูขออาสาสมัคร 3-4 คน ออกมาอธิบาย เกี่ยวกับชองทางการสมัครงานที่นักเรียน สนใจมากที่สุด พรอมทั้งอธิบายเหตุผล ประกอบ การประกาศรับสมัครงานในชองทางใดสะดวกและประหยัด มากที่สุด 1. ไปรษณีย 2. หนังสือพิมพ 3. เว็บไซตหางาน 4. หนวยงานราชการ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะเปนชองทางที่นิยมใชมาก ที่สุดในปจจุบัน ชวยประหยัดคาใชจายในการเดินทาง จึงสะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกาศรับสมัครงานใหนักเรียนฟงวา ประกาศ รับสมัครงานอาจติดอยูบริเวณสถานที่ทํางาน รวมถึงในเว็บไซตขององคกร หรือ หนวยงานนั้นๆ ดวย นักเรียนสามารถคนหาองคกรและตําแหนงงานที่สนใจได ดวยตนเอง โดยประกาศรับสมัครควรมีขอมูลสําคัญอยูอยางครบถวน เชน • ขอมูลของบริษัท • ตําแหนงงาน • รายละเอียดงานวาง • คุณสมบัติของผูสมัครงาน • สวัสดิการที่จะไดรับ เพื่อใหผูที่สนใจไดรับขอมูลอยางเพียงพอในการตัดสินใจ โดยผูสมัครงาน ควรคนหาตําแหนงงานที่สนใจในองคกรที่หลากหลาย เพื่อเปรียบเทียบขอมูล และเพื่อใหสามารถเลือกงานไดเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด นํา สอน สรุป ประเมิน T128
กิจกรรม เสริมสรางค ุ ณลักษณะอันพึงประสงค การประกาศรับสมัครงานมีหลากหลายวิธี โดยส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายของแต่ละ ต�าแหน่งงาน ดังนี้ ๑.๔ ความรู้และความสามารถของตนเองกับอาชีพที่สนใจ ความรู้และความสามารถเป็นสิ่งที่ได้สั่งสมมาจากการศึกษาเล่าเรียน การค้นคว้า หรือประสบการณ์ รวมทั้งความสามารถเชิงปฏิบัติและทักษะ ความเข้าใจที่ได้รับมาจากประสบการณ์ ในแต่ละสาขาอาชีพ จนเกิดความช�านาญในการปฏิบัติงานในอาชีพนั้น ๆ เช่น มีความช�านาญในการปฏิบัติงานอาชีพ นักบัญชี เพราะได้สั่งสมประสบการณ์มาจากการศึกษาเล่าเรียนในสาขาวิชาการบัญชี ความรู้และความสามารถของตนเองมีความส�าคัญส�าหรับทุกคน เพราะเป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณค่า ของบุคคล ไม่ว่าจะประกอบอาชีพใดก็ตาม จ�าเป็นต้องมีความรู้และความสามารถในสาขาวิชาชีพ นั้น ๆ เนื่องจากไม ่มีองค์กรใดปรารถนารับบุคคลที่ไร้ซึ่งความรู้และความสามารถเข้าท�างาน ในองค์กร หรือหน่วยงานของตน ดังนั้น จึงต้องหมั่นศึกษาเล่าเรียน หาประสบการณ์เพื่อเสริมสร้าง ความรู้เกี่ยวกับอาชีพที่สนใจ เป็นการเพิ่มคุณค่าและเตรียมความพร้อมในการประกอบอาชีพ จะท�า ให้เข้าสู่อาชีพที่ตัดสินใจเลือกไว้ได้เป็นอย่างดี และประสบความส�าเร็จในการประกอบอาชีพนั้น ๆ ผ่านทางสื่อสิ่งพิมพ์ • ประกาศลงในหนังสือพิมพ์รายวัน หรือหนังสืออื่น ๆ • ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ผ่านทางเว็บไซต์หางาน • ปัจจุบันได้รับความนิยมมากที่สุด • การสมัครงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ ของหน่วยงานโดยตรง หรือเว็บไซต์รับสมัครงาน ท�าได้รวดเร็ว และสะดวกยิ่งขึ้น ผ่านทางหน่วยงานราชการ • เป็นช่องทางการรับสมัครงานที่ทางราชการ จัดขึ้น เพื่อให้บริการแก่ประชาชน • ผู้ที่ว่างงานลงทะเบียนว่างงานได้ที่ส�านักงาน จัดหางานประจ�าจังหวัด หรือเขตท้องที่ต่าง ๆ เวลาการทํางาน ในการประกอบอาชีพต่าง ๆ จะมีเวลาในการปฏิบัติงานที่แตกต่างกัน แต่จะมีระยะเวลา การท�างานที่เท่ากันตามที่กฎหมายแรงงานได้ก�าหนดไว้ คือ • งานทั่วไป ไม่เกิน ๘ ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน ๔๘ ชั่วโมงต่อสัปดาห์ • งานอันตรายตามที่กฎหมายก�าหนด ไม่เกิน ๗ ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน ๔๒ ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ T i p การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ 11๕ ต�าแหน่งงาน ดังนี้ 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 15. ครูใหนักเรียนแตละคนทําการประเมินความรู ความสามารถของตนเองที่มีความถนัด และมีความสนใจวาเหมาะสมกับอาชีพใด เชน มีความถนัดและมีความสนใจทางดาน ภาษาตางประเทศ มีใจรักในงานบริการ มีมนุษยสัมพันธที่ดี จึงเหมาะสมตอการ ประกอบอาชีพเปนนักแปล ลาม มัคคุเทศก ผูสื่อขาวตางประเทศ พนักงานประสานงาน ตางประเทศ 16. ครูยกตัวอยางการประกอบอาชีพใดอาชีพ หนึ่งในชีวิตประจําวัน และใหนักเรียนรวมกัน อภิปรายถึงปจจัยที่ใชในการพิจารณาคา ตอบแทนที่ไดรับจากการทํางาน หรือคาจาง ของอาชีพดังกลาว เชน ระดับความรู ความ สามารถ ความยาก-งายของลักษณะงาน ความสําคัญของตําแหนงหนาที่ 17. ครูถามนักเรียนวา • ผลตอบแทนจากการทํางานจําแนกเปน กี่ประเภท ประกอบไปดวยสิ่งใด (แนวตอบ ผลตอบแทนจากการทํางาน สามารถจําแนกไดเปน 3 ประเภท ดังนี้ • ผลตอบแทนที่ไดเปนตัวเงิน เปนผลมา จากการปฏิบัติงานโดยตรง เรียกวา “เงิน เดือน” ซึ่งเปนคาจางที่มีการตกลงกันไว ระหวางนายจางกับลูกจาง • ผลตอบแทนที่เปนตัวเงินแตตอบแทนใน ทางออม เชน คาตอบแทนตําแหนงงาน สวัสดิการตางๆ เชน คารักษาพยาบาล คาเลาเรียนบุตร คาเบี้ยเลี้ยง • ผลตอบแทนที่ไมเปนตัวเงิน เชน การไดรับ การฝกอบรม การทำงานที่ทาทายความ สามารถ) ใหนักเรียนเลือกอาชีพที่ไดรับความนิยมของประเทศตางๆ ตามความสนใจ 1 อาชีพ จากนั้นศึกษาคนควาขอมูล เพื่อทําการ วิเคราะหและตอบคําถาม ดังนี้ • เพราะเหตุใดอาชีพนี้จึงเปนอาชีพที่ไดรับความนิยมในประเทศ นั้นๆ • นักเรียนตองการประกอบอาชีพนั้นหรือไม เพราะเหตุใด • นักเรียนตองพัฒนาตนเองในดานใด เพื่อใหสามารถประกอบ อาชีพนั้นได จากนั้นใหนักเรียนพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อนที่นั่ง ใกลๆ กัน พรอมทั้งจดบันทึกขอมูลลงในกระดาษรายงาน นําสง ครูผูสอน (กิจกรรมนี้สรางเสริมคุณลักษณะดานซื่อสัตยสุจริต ใฝเรียนรู และมุงมั่นในการทํางาน) นักเรียนควรรู 1 ตําแหนงงาน องคกร หรือหนวยงานตางๆ มีตําแหนงงานที่หลากหลาย และแตกตางกันออกไป ตําแหนงงานจะบอกถึงหนาที่และรายละเอียดของงาน เพื่อใหผูปฏิบัติงานสามารถปฏิบัติงานไดโดยไมสับสน และตําแหนงงานจะ บอกถึงระดับของพนักงานในองคกรนั้นๆ โดยทั่วไประดับของพนักงานสามารถ แบงได ดังนี้ • ระดับ 1 พนักงานปฏิบัติการ • ระดับ 2 ผูเชี่ยวชาญ • ระดับ 3 ผูจัดการ หรือหัวหนางาน • ระดับ 4 ผูอํานวยการ • ระดับ 5 ผูชวยกรรมการผูจัดการ หรือรองประธาน นํา สอน สรุป ประเมิน T129
ขอสอบเนนการคิด ๑.๕ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการประกอบอาชีพ ค่าตอบแทนที่นายจ้างจ่ายแก่ลูกจ้าง เช่น เงินเดือน เป็นค่าตอบแทนการท�างานตามสัญญา ว่าจ้าง โดยค�านวณจากระยะเวลาท�างานปกติของวันท�างาน หรือค�านวณตามผลงานที่ลูกจ้างปฏิบัติ รวมถึงเงินที่จ่ายให้ในวันหยุดและในวันลาที่ลูกจ้างไม่ได้ท�างาน แต่มีสิทธิได้รับตามที่กฎหมาย แรงงานก�าหนด ผลตอบแทนที่ได้รับจากการท�างานมีความส�าคัญต่อการตัดสินใจเข้าสู่อาชีพ เพราะเป็นสิ่งที่ ทุกคนคาดหวังจะได้รับจากการท�างานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และมีความสัมพันธ์กับอาชีพ เพราะแต่ละอาชีพจะได้รับผลตอบแทนแตกต่างกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระดับความรู้ ความสามารถของแต่ละสาขาอาชีพ ความยากง่ายของลักษณะงานความส�าคัญของต�าแหน่งหน้าที่ รายได้ หรือผลประกอบการขององค์กร การศึกษาผลตอบแทนที่ได้จากการท�างานมีความจ�าเป็นอย ่างยิ่งที่จะต้องศึกษาว ่างาน แต่ละประเภทได้รับผลตอบแทนอย่างไร เช่น ผลตอบแทน หรือค่าจ้างของงานราชการต้องเป็นไป ตามคุณสมบัติที่ทางราชการก�าหนด หากเป็นบริษัทเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจมักจ่ายค่าตอบแทน การท�างานที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถ ขนาดขององค์กร ความมั่นคง และระบบการบริหารของหน่วยงานนั้น ๆ ผลตอบแทนที่ได้จากการท�างาน มีดังนี้ ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน แต่ตอบแทนในทางอ้อม • ค่าตอบแทนต�าแหน่งงานบางต�าแหน่ง • อยู่ในรูปแบบของสวัสดิการต่าง ๆ เช่น ค่าเล่าเรียนบุตร ค่ารักษาพยาบาล ค่าเบี้ยเลี้ยง ผลตอบแทนที่ ไม่เป็นตัวเงิน • การพัฒนาพนักงานด้วยการให้เข้ารับการฝึกอบรม หรือกระบวนการอื่น ๆ ตามความเหมาะสม • จากการได้รับมอบหมายงานที่ท้าทายความสามารถ ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน • ค่าจ้าง หรือเงินเดือนตามที่มีการตกลงกันไว้ระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง • จ่ายตามค่าของงานที่เพิ่มขึ้น ตามผลของการท�างาน หรือให้ ในฐานะมีผลงานดีเด่น 11๖ ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 18. ครูกําหนดใหนักเรียนแตละคนสืบคนการ ประกาศรับสมัครงานของอาชีพที่นักเรียน สนใจ 1 อาชีพ โดยสืบคนในประเด็นที่ครู กําหนดให คือ ลักษณะของอาชีพ คุณสมบัติ ของผูประกอบอาชีพ คาตอบแทนที่ไดรับ และวิธีการทํางานของอาชีพ 19. ครูใหนักเรียนนําผลที่ไดจากการสืบคนการ ประกาศรับสมัครงานของอาชีพที่สนใจมาทํา การวิเคราะหเกี่ยวกับความรู ความสามารถ และความถนัดของตนเองวามีความเหมาะสม ที่จะประกอบอาชีพดังกลาวหรือไม พรอมทั้ง อธิบายเหตุผลประกอบ เพื่อใหนักเรียน สามารถเตรียมพรอมของตนเองในการ ประกอบอาชีพที่สนใจในอนาคตได พรอมทั้ง บันทึกผลการวิเคราะหอาชีพที่สนใจลงใน กระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน 20. ครูขออาสาสมัคร 3-4 คน ออกมานําเสนอ ผลการวิเคราะหอาชีพที่สนใจของตนเอง ใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน เพื่อใหเพื่อนรวม ชั้นเรียนไดเรียนรูขอมูลเกี่ยวกับอาชีพตางๆ ที่นาสนใจเพิ่มมากขึ้น 21. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลตอบแทนที่ ไดรับจากการประกอบอาชีพวา “การพิจารณา ในการเขาสูอาชีพ นอกจากจะตองพิจารณา ในเรื่องของคาตอบแทนแลว ยังตองพิจารณา ถึงผลตอบแทนอื่นๆ ที่จะไดรับดวย เพื่อให นักเรียนสามารถนําขอมูลตางๆ เหลานี้มาใช ประกอบการตัดสินใจในการประกอบอาชีพ ที่สนใจไดในอนาคต” 22. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 7 ขอใดไมใชประโยชนของการประกอบอาชีพ 1. มีรายไดเลี้ยงตนเองและสมาชิกในครอบครัว 2. ทําใหทรัพยากรเวียนกลับมาใชใหมไดเร็วขึ้น 3. มีความรับผิดชอบ เสริมสรางลักษณะนิสัยที่ดี 4. ชวยรังสรรคความเจริญใหแกสังคมและประเทศชาติ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการประกอบอาชีพทําใหไดรับ คาตอบแทนในรูปแบบตางๆ กอใหเกิดรายได มีความรับผิดชอบ สรางความเจริญใหแกสังคมและประเทศชาติ แตไมไดทําให ทรัพยากรเวียนกลับมาใชใหมไดเร็วขึ้น) บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อใหนักเรียนทราบถึงขอตกลงยอมรับรวมคุณสมบัติ นักวิชาชีพอาเซียน (Mutual Recognition Arrangements: MRA) เพื่อสามารถ ยายแรงงานไดอยางเสรี ปจจุบันประเทศสมาชิกอาเซียนไดจัดทํา MRA รวมกัน ใน 8 สาขาวิชาชีพ ไดแก • ขอตกลงยอมรับรวมสาขาวิศวกรรมของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมสาขาวิชาชีพพยาบาลของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมสาขาสถาปตยกรรมของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมสาขาวิชาชีพแพทยของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมสาขาวิชาชีพทันตแพทยของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมวิชาชีพบัญชีของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมในคุณสมบัติดานการสํารวจของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมในคุณสมบัติของบุคลากรวิชาชีพทองเที่ยวแหง อาเซียน นํา สอน สรุป ประเมิน T130
ÍÒªÕ¾ à Ê ÃÕ ã¹»ÃЪҤÁÍÒà«Õ¹ การรวมกลุมเปนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อสงเสริมใหอาเซียนเปนฐานผลิตเดียว มีการ เคลื่อนยายสินคา บริการ การลงทุน แรงงานฝมือ และเงินอยางเสรี สงผลใหแรงงานที่ประกอบอาชีพ ตางๆ โยกยายไปทํางานไดอยางอิสระ ภายใตขอตกลงยอมรับรวมกันกับ ๑๐ ประเทศ ตัวอยางอาชีพ เสรีในประชาคมอาเซียน เชน Know M ore * หมายเหตุ ผู้ที่จะประกอบอาชีพดังตัวอย่างที่ยกมาน�้ นอกจากจะต้องมีคุณสมบัติตามที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น ยังต้อง มี ใบประกอบอาชีพตามสายงานนั้น ๆ เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างถูกต้อง ÇÔÈÇกร • มีความรูพื้นฐานทางคณิตฯ วิทยฯ และภาษาอังกฤษ • มีไหวพริบปฏิภาณ ชอบคํานวณ มีทักษะทางดานชาง • มีความสามารถในการแกปญหาเฉพาะหนาไดดี • มีมนุษยสัมพันธที่ดี ทํางานเปนทีมได ʶา»นÔก • มีความคิดสรางสรรค มีความละเอียดรอบคอบ • มีทักษะการใชคอมพิวเตอร โปรแกรมออกแบบ • รูจักการประยุกตใชวัสดุ เพื่อใหเกิดประโยชนสูงสุด • มีวิสัยทัศน พัฒนาศักยภาพของตนเองอยูเสมอ á¾·Â • มีความรูทางวิทยาการการแพทย ภาษาอังกฤษ วิทยฯ • มีคุณธรรม จริยธรรม ชอบชวยเหลือผูอื่นอยูเสมอ • เสียสละและอุทิศตน เพื่อชวยเหลือผูที่กําลังเดือดรอน • ซื่อสัตย ในวิชาชีพของตนเองและใชอยางเหมาะสม ¾ÂÒºÒÅ • สุขภาพแข็งแรง ไมพิการ หรือทุพพลภาพ • มีจิตใจเอื้อเฟอเผื่อแผ เมตตากรุณา ไมรังเกียจผูปวย • มีความอดทน อดกลั้น เสียสละ และกลาตัดสินใจ • มีความคลองตัวในการปฏิบัติงาน ทํางานนอกเวลาได การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ 11๗ กิจกรรม สรางเสริม กิจกรรม ทาทาย ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเรื่อง การ เสริมสรางประสบการณอาชีพวา “การเสริมสราง ประสบการณอาชีพจะทําใหไดเรียนรูและเขาใจชีวิต ของการทํางานที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเปนอีกบทบาท หนึ่งที่สําคัญของชีวิตภายหลังจากสําเร็จการศึกษา โดยการเลือกประกอบอาชีพจะคํานึงถึงแตความ ชอบและความสนใจของตนเองเพียงอยางเดียว ไมได แตจะตองพิจารณาไปถึงเรื่องตางๆ ที่ เกี่ยวของสัมพันธกันดวย เชน คาตอบแทน สวัสดิการ การพัฒนาศักยภาพการทํางาน โดย ขอมูลเหลานี้สามารถทราบไดจากการคนควา ขอมูลเกี่ยวกับบริษัทที่ตองการจะเขาทํางาน หรือ ประกาศการรับสมัครงาน ซึ่งควรนํารายละเอียด ตางๆ ที่ระบุไวมาใชเปนขอมูลในการตัดสินใจ เลือกประกอบอาชีพอยางถี่ถวน เพื่อใหเกิดการ พัฒนาและฝกฝนตนเองในแนวทางที่ถูกตอง จนมี คุณสมบัติที่เหมาะสมกับที่อาชีพที่ตนเองสนใจได” ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมระหวางเรียน เกี่ยวกับการเสริมสรางประสบการณอาชีพ โดยพิจารณาจากการบันทึกผลการวิเคราะห ความรูและความสามารถของตนเองเกี่ยวกับ อาชีพที่สนใจ 2. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 7 3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค ใหนักเรียนจับคูคนหาประกาศรับสมัครงานตามความสนใจ 3 งาน เพื่อชวยกันวิเคราะหวางานแตละประกาศใหขอมูลที่ แตกตางกันอยางไร โดยรวมกันเสนอแนะและแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับประกาศรับสมัครงานดังกลาว จากนั้นออกมานําเสนอ ผลงานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน ใหนักเรียนสัมภาษณบุคคลที่ประกอบอาชีพตางๆ ตามความ สนใจ 1 อาชีพ พรอมทั้งสรุปขอมูลสําคัญ เชน สาเหตุที่ประกอบ อาชีพนี้ ความรูสึกที่ประกอบอาชีพนี้ จากนั้นออกมานําเสนอ ผลงานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล การนําเสนอผลงาน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 7 แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 3 การท างานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมีน้ าใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม นํา สอน สรุป ประเมิน T131
ขอสอบเนนการคิด ๒ การเตรียมตัวเขาสูอาชีพ ทุกคนยอมมีอาชีพที่สนใจตางกัน การศึกษาเลาเรียน การเขารวมกิจกรรม หรือการเขารับ การฝกอบรมลวนเปนการเสริมสรางประสบการณอาชีพ เพื่อกาวเขาสูโลกของอาชีพอยางมั่นคง จึงควรเก็บเกี่ยวประสบการณอยางเต็มที่ เพราะการเตรียมตัวที่ดีจะนําไปสูความสําเร็จในอาชีพ ที่เลือก ๒.๑ ความสําคัญของการเตรียมตัวเขาสูอาชีพ การเตรียมความพรอมดานคุณสมบัติที่จําเปนใหกับตนเอง เพื่อการประกอบอาชีพที่สนใจ ในอนาคต เชน อยากประกอบอาชีพพนักงานตอนรับบนเครื่องบิน หรือแอร โฮสเตส ตองเรียน ภาษาเพิ่มเติม มีความใจเย็น ยิ้มแยม แจมใส รักงานบริการ มีสุขภาพรางกายแข็งแรง การเตรียมตัวเขาสูอาชีพมีความสําคัญอยางยิ่งตอการประกอบอาชีพทุกอาชีพ หากมีการ เตรียมการที่ดี ยอมสงผลใหการประกอบอาชีพนั้น ๆ ประสบความสําเร็จ ไมตองตกอยูในภาวะวางงาน เมื่อสําเร็จการศึกษาแลว โดยการเตรียมตัวเขาสูอาชีพแบงเปน ๓ ชวงเวลา ดังนี้ ๑) การเตรียมตัวขณะกําลังศึกษา ในขณะที่กําลังศึกษาอยู สามารถจัดสรรเวลามาใช ใหเกิดประโยชน เพื่อเปนการเตรียมความพรอมของตนเองในการกาวเขาสูอาชีพที่สนใจในอนาคต โดยการเตรียมตัวขณะกําลังศึกษาปฏิบัติได ดังนี้ การเตรียมดานประสบการณชีวิต • ทํากิจกรรมนอกหลักสูตรการเรียนอยางเปนระบบตามความสนใจของตนเองอยูเสมอ • การเขารวมกิจกรรม ทําใหไดรับประสบการณและไดพัฒนาวุฒิภาวะทางสังคม การฝกฝนความสามารถพิเศษ • ฝกฝนตนเองตามความสนใจ ความถนัด และโอกาสที่มี เชน ถายภาพ ฝกขับรถยนต • ฝกฝนความสามารถของตนเองอยูเสมอ จะชวยใหมีความสามารถในดานนั้น ๆ อยางดี การเตรียมความรูทางดานวิชาการ • ศึกษาวิชาการในสาขาวิชาที่ตนกําลังศึกษาอยูใหเขาใจอยางถองแท รอบรู รอบดาน • ผลการเรียนอยู ในระดับดี เนื่องจากผลการเรียนเปนตัววัดระดับของสติปญญา อาชีพของคนยุคใหม่ทําได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ในปจจุบันมีอาชีพเกิดขึ้นใหมอยางมากมาย ซึ่งอาชีพของคนยุคใหมที่สามารถทํา ไดงาย ๆ ที่บานมีอยูดวยกันหลายอาชีพ เชน ขายของออนไลน วล็อกเกอร (Vlogger) บล็อกเกอร (Blogger) ยูทิวเบอร (Youtuber) นักพัฒนาเว็บไซต นักเขียนอิสระ นักแปล นักออกแบบกราฟก (Graphic Designer) T i p ๑๑๘ ทํากิจกรรมนอกหลักสูตรการเรียนอยางเปนระบบตามความสนใจของตนเองอยูเสมอ • การเขารวมกิจกรรม ทําใหไดรับประสบการณและไดพัฒนาวุฒิภาวะทางสังคม บล็อกเกอร (Blogger) ยูทิวเบอร (Youtuber) นักพัฒนาเว็บไซต นักเขียนอิสระ นักแปล 1 2 ขั้นนํา (5Es) ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 1. ครูกลาวทบทวนเกี่ยวกับการเสริมสราง ประสบการณอาชีพจากที่ไดศึกษาในชั่วโมงที่ ผานมาวา “การเสริมสรางประสบการณอาชีพ จะชวยใหทราบวาตนเองมีความเหมาะสมกับ อาชีพที่สนใจหรือไม รวมถึงเปนการเตรียม ความพรอมในดานขอมูลตางๆ เกี่ยวกับอาชีพ ที่สนใจ แลวนํามาใชประกอบการตัดสินใจ เลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง ซึ่งมีประโยชน ตอนักเรียนในการเตรียมตัวเขาสูอาชีพตอไป ในอนาคต” 2. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • นักเรียนคิดวาตนเองมีความเหมาะสมที่จะ ประกอบอาชีพที่สนใจหรือไม อยางไร (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) • นักเรียนคิดวาตนเองควรมีการเตรียมตัวเพื่อ ใหสามารถประกอบอาชีพที่สนใจไดอยางไร (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัวเขา สูอาชีพ เพื่อเชื่อมโยงเขาสูบทเรียนวา “การ เตรียมตัวเขาสูอาชีพมีหลายอยางที่ตองปฏิบัติ เพื่อใหสามารถประกอบอาชีพที่สนใจได ทั้งการ วางแผนดานการศึกษาตอ การฝกอบรมทักษะ ที่จําเปนตอการประกอบอาชีพ เพื่อใหตนเองมี คุณสมบัติและทักษะความสามารถเหมาะสม กับอาชีพที่สนใจ และตรงตามความตองการ ของตลาดแรงงาน ซึ่งการเตรียมตัวเขาสู อาชีพดวยวิธีการที่ถูกตอง จะชวยใหมีโอกาส กาวหนาในการประกอบอาชีพมากกวาผูที่ไมมี การเตรียมตัวเขาสูอาชีพ” นักเรียนควรรู 1 วุฒิภาวะทางสังคม การเตรียมตัวเขาสูอาชีพนอกจากจะตองพัฒนาในดาน ความรู ความสามารถแลว ยังตองมีวุฒิภาวะทางสังคมดวย เพื่อใหสามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยางราบรื่น นอกจากนี้ ผูที่จะประกอบอาชีพควรมี วุฒิภาวะดานอาชีพ (Career Maturity) คือ ความพรอมในการตัดสินใจเลือก ประกอบอาชีพ ทั้งเจตคติและความคิดตางๆ ที่มีผลตอการเลือกประกอบอาชีพ โดยวุฒิภาวะดานอาชีพที่สําคัญ มีดังนี้ • ตระหนักวาการเลือกประกอบอาชีพเปนสิ่งจําเปน • มีเจตคติที่ดีตอการประกอบอาชีพ • ทราบขอมูลเกี่ยวกับลักษณะของอาชีพ • มีทักษะการวางแผน เพื่อวางแผนชีวิตและอาชีพ • มีอิสระในการตัดสินใจ 2 บล็อกเกอร ผูที่ทําหนาที่ในการเขียนบทความ ทําวิดีโอ ถายภาพ วาดรูป และอื่นๆ อยางสรางสรรค โดยเผยแพรผานทางสื่อโซเชียลตางๆ การเรียนหนังสือในโรงเรียนจัดเปนการเตรียมตัวเขาสูอาชีพ หรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ เปนการเตรียมตัวเขาสูอาชีพ เพราะการเรียนหนังสือ เปนการเตรียมความรูทางดานวิชาการ การทํากิจกรรมตางๆ เปนการเตรียมทางดานประสบการณชีวิต และการฝกฝนตนเอง ตามความสนใจ เปนการฝกฝนความสามารถพิเศษ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T132
ขอสอบเนน การคิด ๒) การเตรียมตัวภายหลังจบการศึกษา หลังจากส�าเร็จการศึกษาแล้ว จ�าเป็นที่จะต้อง ศึกษาเพิ่มเติม เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การประกอบอาชีพ เตรียมความรู้เรื่องงานที่จะท�า ความรู้ ด้านตลาดแรงงาน เพื่อพัฒนา เพิ่มคุณค่า และเสริมสร้างคุณสมบัติที่ดีของตนเองให้สอดคล้องกับ ความต้องการของตลาดแรงงาน ดังนี้ ๓) การเตรียมตัวไปสมัครงาน หลังจากค้นหางานและต�าแหน ่งงานตามความรู้ ความสนใจ ความสามารถ และความถนัดได้ตรงกับความต้องการของตนเองแล้ว ขั้นตอนต่อไป ที่จะต้องปฏิบัติ คือ การสมัครงาน โดยการเตรียมตัวไปสมัครงานปฏิบัติได้ ดังนี้ การศึกษาเพิ่มเติม • เข้ารับการฝึกอบรมในหัวข้อที่ส�าคัญต่าง ๆ เพื่อน�ามาใช้เป็นพื้นฐานในการสมัครงาน • ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษาและคอมพิวเตอร์ เพื่อจะได้ท�างานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บุคลิกภาพ • พัฒนาบุคลิกภาพของตนเอง ให้เหมาะสมกับอาชีพที่เลือก ปรับปรุงกิริยามารยาทและ ท่าทางให้เรียบร้อย • ควรแต่งกายด้วยชุดที่สุภาพ เรียบร้อย ถูกต้องตามโอกาส และกาลเทศะ เอกสารต่าง ๆ • เตรียมเอกสารและอุปกรณ์ ต่างๆ ให้พร้อม เช่น ใบรับรอง ผลการเรียน บัตรประจ�าตัว ประชาชน ทะเบียนบ้าน • ควรเตรียมแฟ้มสะสมผลงาน ของตนเอง น�าไปใช้ประกอบ การสัมภาษณ์งาน การสื่อสาร • ควรกล่าวค�าทักทาย พูดด้วยน�้าเสียงที่สุภาพนุ่มนวล ใบหน้ายิ้มแย้ม แสดงถึงการมีมนุษยสัมพันธ์ ที่ดี แสดงความเคารพเมื่อพบ หรือจากกัน • พูดตรงประเด็น กระชับ ชัดเจน ให้ความส�าคัญกับภาษากายและการแสดงสีหน้าแววตา การเตรียมความรู้ด้านตลาดแรงงาน • ส�ารวจตลาดแรงงานของอาชีพที่สนใจ หรือเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้น ๆ • ค้นหางานและต�าแหน่งงานจากสื่อที่หลากหลาย เช่น เว็บไซต์หางาน การเตรียมความรู้เรื่องงานที่จะท�า • ศึกษาเกี่ยวกับต�าแหน่งงานที่ต้องการท�า หน้าที่ความรับผิดชอบของงาน • ควรพิจารณาเลือกอาชีพที่เหมาะสมตามความถนัดและความสนใจของตนเอง การกรอกใบสมัครงานต้องเขียน ให้อ่านง่ายตั้งใจเขียนเพราะแสดง ให้เห็นถึงความเป็นระเบียบ เรียบร้อย ซึ่งใช้เป็นส ่วนหนึ่ง ในการพิจารณาเลือกคนเข้า ท�างาน Be careful การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ 119 ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจและคนหา 1. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การเตรียมตัวเขาสู อาชีพ จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 7 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียม ตัวเขาสูอาชีพ จาก PowerPoint ม.2 หนวยการ เรียนรูที่ 7 จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปราย แลกเปลี่ยนความรูในเรื่องที่ไดศึกษามา ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 3. ครูถามนักเรียนวา • การเตรียมตัวเขาสูอาชีพตั้งแตขณะกําลัง ศึกษามีประโยชนอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิด เห็นไดอยางอิสระ เชน ชวยใหรูจักวิเคราะห ความรู ความสามารถ ความถนัด และความ สนใจของตนเองตั้งแตเริ่มตน ซึ่งจะเปน ประโยชนในการวางแผนจัดการชีวิต เพื่อ เตรียมความพรอมสูการประกอบอาชีพใน อนาคตไดอยางรอบดาน) • ในขณะที่กําลังศึกษาอยู นักเรียนจะมีวิธีการ อยางไร เพื่อใหสามารถเตรียมตัวเขาสูอาชีพ ที่สนใจไดอยางเหมาะสม (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน การเตรียมความรูทาง ดานวิชาการ โดยศึกษาวิชาการตางๆ ที่ตน กําลังศึกษาอยูใหเขาใจอยางถองแท การ เตรียมทางดานประสบการณชีวิต โดยการ เขารวมกิจกรรม หรือชมรมตามความสนใจ การฝกฝนความสามารถพิเศษตามความ สนใจ ความถนัด ความสามารถ และโอกาส ที่มีอยูเสมอ) หากนักเรียนตองการเตรียมตัวเพื่อสมัครงานภายหลังจาก จบการศึกษา จะมีแนวทางในการปฏิบัติตนอยางไร (แนวตอบ ศึกษาเพิ่มเติมและฝกทักษะทางดานเทคโนโลยี ภาษา ตางประเทศ ความรูเฉพาะที่ตรงกับตําแหนงงานที่สนใจ จากนั้น จึงคนหาตําแหนงงานวางจากแหลงตางๆ และศึกษาขอมูลของ องคกรที่จะเลือกสมัครงานรวมดวย) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัวไปสมัครงานใหนักเรียนฟงวา การ ไปสมัครงานควรเตรียมตัวใหพรอม ทั้งตัวผูสมัครงาน เอกสาร อุปกรณตาง ๆ ที่ จําเปนตองใชในการสมัครงาน ซึ่งสิ่งสําคัญในการเตรียมตัวสมัครงาน เชน เอกสาร หลักฐาน รูปถาย ผลงานและอุปกรณตางๆ ขอมูลตําแหนงงานและหนวยงาน ที่สนใจ บุคลิกภาพ เพื่อใหเกิดความมั่นใจในการไปสมัครงาน และเพื่อสราง ความประทับใจใหแกหนวยงานที่ไปสมัคร สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัวกอนไปสมัครงาน ไดที่ http://dsd. rmutsv.ac.th/sites/dsd.rmutsv.ac.th/files/data/2559/resume.pdf นํา สอน สรุป ประเมิน T133
ขอสอบเนนการคิด ๒.๒ การเตรียมความพร้อมก่อนการสมัครงาน การสมัครงานเป็นการน�าเสนอความเป็นตัวตนในด้านความรู้ความสามารถ ทักษะ และ ประสบการณ์ให้แก่หน่วยงาน หรือบริษัทที่ต้องการจะเข้าท�างาน โดยต้องแสดงให้เห็นว่าเรามี คุณสมบัติเหมาะสมกับงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่องค์กร ดังนั้น ก่อนการสมัครงานจึงควร เตรียมความพร้อม ดังนี้ ๑) วิเคราะห์ตนเอง พิจารณาจากความชอบ ความถนัด ความสนใจ ทักษะ ความรู้ ความสามารถบุคลิกภาพของตนเองว่ามีความเหมาะสมกับอาชีพใดเช่นชอบแก้ปัญหาคิดวิเคราะห์ อย่างมีหลักการ ชอบท�างานที่ซับซ้อน อุทิศเวลาในการท�างานได้อย่างเต็มที่ เหมาะที่จะประกอบ อาชีพ เช่น จักษุแพทย์ นักเคมี นักวิจัย เภสัชกร วิศวกร นักเศรษฐศาสตร์ ๒) วิเคราะห์เลือกอาชีพ พิจารณาว่าอาชีพใดที่ต้องการผู้มีคุณสมบัติสอดคล้องกับ ทักษะ ความรู้ ความสามารถ ความชอบ ความถนัด และบุคลิกภาพของเรา รวมทั้งพิจารณาถึง ความก้าวหน้า ค่าตอบแทน สวัสดิการ และความต้องการของตลาดแรงงานของอาชีพที่สนใจ ๓) วิเคราะห์เลือกหน่วยงาน พิจารณาจากขนาดของหน่วยงาน ความก้าวหน้า ความมั่นคง สวัสดิการ ค่าตอบแทน การเดินทาง มีสิ่งแวดล้อมที่ดี สะอาด เรียบร้อย บรรยากาศ ผ่อนคลาย ไม่เคร่งเครียด มีค่านิยมและเป้าหมายตรงกับค่านิยมและเป้าหมายของเรา การศึกษาเกี่ยวกับองค์กร หรือหน่วยงานที่สนใจสมัครงานเป็นสิ่งที่จ�าเป็นอย่างยิ่ง ในการพิจารณาตัดสินใจว่าจะท�างานที่นี่หรือไม่ ดังนั้น ก่อนสมัครงานจึงควรศึกษาข้อมูลให้ได้ มากที่สุด เพื่อที่จะได้น�ามาประกอบการตัดสินใจตกลงสมัครเข้าท�างาน นักการเงิน (ภาพซ้าย) จะต้องมีความละเอียด รอบคอบ เปิดรับเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร และสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ โปรแกรมเมอร์ (ภาพขวา) จะต้องเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะในการเขียนภาษาคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี 12๐ สวัสดิการ ค่าตอบแทน 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • นักเรียนจะเตรียมความพรอมดานบุคลิกภาพ และเตรียมเอกสารตางๆ เพื่อไปสมัครงานได อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน การเตรียมความพรอม ดานบุคลิกภาพ คือ การปรับปรุงและพัฒนา บุคลิกภาพดานการพูด การเดิน กิริยามารยาท ตางๆ ตลอดจนการแตงกายใหเหมาะสมกับ ตําแหนงที่จะไปสมัคร สวนการเตรียมเอกสาร ที่สําคัญ เชน ใบรับรองผลการศึกษา สําเนา บัตรประจําตัวประชาชน สําเนาทะเบียนบาน รูปถาย แฟมสะสมผลงาน) • นักเรียนสามารถเตรียมความพรอมกอนการ สมัครงานไดอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน การเตรียมความพรอมควร เริ่มตนจากการวิเคราะหความรู ความสามารถ ความถนัด ความสนใจ และบุคลิกภาพของ ตนเองวาเหมาะสมกับการทํางาน หรือการ ประกอบอาชีพใด จากนั้นศึกษาลักษณะงาน ในตําแหนง หรือสาขาอาชีพที่สนใจ พิจารณา เลือกหนวยงาน หรือองคกรที่มีความกาวหนา มีความมั่นคง และมีสวัสดิการที่ดีใหแก พนักงาน) 4. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําใบงานที่ 7.2.1 เรื่อง การเตรียมความพรอมกอนการสมัครงาน โดยใหนักเรียนระบุชื่ออาชีพที่สนใจ จากนั้น สืบคนขอมูลในดานตางๆ ที่เกี่ยวของกับอาชีพ ดังกลาว นําขอมูลที่ไดมาบันทึกลงในใบงาน ตามประเด็นที่กําหนดให พรอมทั้งวิเคราะห ความเหมาะสมของตนเองกับอาชีพที่สนใจ กอนการสมัครงาน นักเรียนควรรู 1 สวัสดิการ การที่องคกร หรือหนวยงานใหประโยชนแกลูกจางนอกเหนือ จากรายไดประจํา ผูหาตําแหนงงานควรศึกษาเรื่องสวัสดิการของแตละองคกร รวมดวย โดยสวัสดิการจะเปนแรงจูงใจที่ทําใหอยากรวมงานกับองคกรนั้นๆ เพราะสามารถชวยเหลือพนักงานในยามฉุกเฉิน ชวยอํานวยความสะดวกในการ ทํางาน และยังทําใหพนักงานอยูกับองคกรไดนานขึ้น โดยสวัสดิการแบงเปน ประเภทใหญๆ ได ดังนี้ • สวัสดิการเพื่อความมั่นคงและสุขภาพ • สวัสดิการที่จายตอบแทนเมื่อไมไดทํางาน • สวัสดิการบริการ 2 คาตอบแทน เปนคาใชจายที่องคกรจายใหแกผูปฏิบัติงาน อาจเปนตัวเงิน หรือไมใชตัวเงินก็ได เพื่อตอบแทนการปฏิบัติงานตามหนาที่ความรับผิดชอบ จูงใจ สรางขวัญและกําลังใจใหกับผูปฏิบัติงาน รวมถึงเสริมสรางฐานะความ เปนอยูของผูปฏิบัติงานใหดียิ่งขึ้น เพราะเหตุใดการวิเคราะหเลือกหนวยงานจึงเปนการเตรียม ความพรอมอยางหนึ่งกอนการสมัครงาน (แนวตอบ การวิเคราะหเลือกหนวยงานจะทําใหสามารถเลือก หนวยงานที่เหมาะสมกับตนเองได ไดรับทราบขอมูลตางๆ ของ หนวยงาน เพื่อใชในการสัมภาษณงาน จึงเปนการเตรียมความ พรอมอยางหนึ่งกอนการสมัครงาน) นํา สอน สรุป ประเมิน T134
ขอสอบเนน การคิด ๒.๓ คุณสมบัติที่จ�าเป็นในการสมัครงาน ทักษะความสามารถของพนักงานที่หน่วยงาน หรือองค์กรทั่วไปต้องการ ซึ่งศึกษาได้จากการ ประกาศรับสมัครงานที่มีการระบุคุณสมบัติที่จ�าเป็นไว้ โดยทั่วไปคุณสมบัติที่จ�าเป็นที่บริษัทเอกชน รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐต้องการ มีดังนี้ คุณสมบัติที่จ�าเป็นในการสมัครงาน มีคุณวุฒิ หรือวุฒิ การศึกษาตรงกับที่หน่วยงาน ต้องการ มีความสามารถใน การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่จ�าเป็นได้อย่างคล่องแคล่ว ตรงต่อเวลา ซื่อสัตย์ มีวินัยในการท�างาน มีมารยาท ทางสังคม มีความรู้ทางด้าน ภาษาต่างประเทศ เช่น อังกฤษ จีน ญี่ปุน ฝรั่งเศส มีเชาวน์ปัญญาและ มีไหวพริบในการแก้ปัญหา เฉพาะหน้า มีบุคลิกภาพดีและมี มนุษยสัมพันธ์ที่ดี สามารถ ท�างานเป็นทีมได้อย่างราบรื่น มีความรู้เกี่ยวกับ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ในส�านักงาน เรียนรู้เร็ว มีความ คิดสร้างสรรค์ จินตนาการ รอบคอบ และกระตือรือร้น มีทักษะด้านการ บริหารข้อมูลและการจัดการ อย่างเป็นระบบ มีความเชี่ยวชาญ หรือมีความรอบรู้เฉพาะด้าน ในงานที่ท�าเป็นอย่างดี 1 ๔ ๗ 1๐ 1๓ 11 12 2 ๕ ๘ 9 ๓ ๖ มีความสามารถ ในการสื่อสารกับผู้อื่นได้เป็น อย่างดี อดทน รับความ กดดันได้ดี ประพฤติตน อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ รู้จักปรับตัวเข้า กับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ไปได้ สามารถ วิเคราะห์สถานการณ์ และแก้ปัญหาได้อย่าง สร้างสรรค์ 1๔ การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ 121 มีเชาวน์ปัญญาและ มีไหวพริบในการแก้ปัญหา ๕ สร้างสรรค์ และแก้ปัญหาได้อย่าง 1 2 นักเรียนควรรู 1 ไหวพริบ ทักษะที่ปรากฏอยูภายในจิตใจ หรือจิตวิญญาณ เปนสิ่งที่สามารถ นํามาใชแกไข ปองกัน ควบคุม เหตุการณตางๆ เพื่อไมใหเกิดปญหาขึ้น ซึ่งการมีไหวพริบนับเปนคุณสมบัติที่สําคัญอยางยิ่งในการทํางาน 2 แกปญหาไดอยางสรางสรรค การสมัครงานและการสัมภาษณงานอาจเกิด อุปสรรคตางๆ ที่ไมคาดคิด ผูสมัครจึงตองคิดหาวิธีแกปญหาอยางทันทวงที การแกปญหาอยางสรางสรรคจึงเปนวิธีการที่สําคัญที่จะทําใหผานพนอุปสรรค ไปได โดยกระบวนการแกปญหาอยางสรางสรรคมีขั้นตอน ดังนี้ • คนหาขอเท็จจริง (กําหนดปญหา รวบรวมขอมูล และวิเคราะหขอมูล) • คนหาแนวคิด (ระดมความคิด และหาแนวทางแปลกใหม) • คนหาแนวทาง หรือวิธีแกปญหา (ประเมินและคัดเลือกแนวคิด พัฒนาแนวคิดสูการปฏิบัติการ ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 5. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายความรูเกี่ยวกับ คุณสมบัติที่จําเปนสําหรับผูที่ตองการสมัครงาน จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ไมวาจะสมัครงาน ทั้งของหนวยงานเอกชน รัฐวิสาหกิจ หรือ รัฐบาล หนวยงานทั้งหมดเหลานี้ตางตองการ พนักงานที่มีคุณสมบัติที่จําเปนตอการประกอบ อาชีพ และมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตอการ ทํางานในองคกรของตน ซึ่งนักเรียนควรฝกฝน และพัฒนาตนเองใหมีคุณสมบัติตางๆ ที่จําเปน และครบถวนในการสมัครงานของหนวยงานนั้น เชน มีความเชี่ยวชาญ มีความรอบรูเฉพาะดาน ในงานที่ทํา มีทักษะดานการบริหารขอมูล และการจัดการอยางเปนระบบ เรียนรูเร็ว มี จินตนาการและความคิดสรางสรรค รอบคอบ กระตือรือรน มีไหวพริบในการแกปญหา เฉพาะหนาไดดี ใชโปรแกรมคอมพิวเตอรที่ จําเปนไดอยางคลองแคลว มีบุคลิกภาพดี มีมนุษยสัมพันธที่ดี ทํางานเปนทีมไดอยาง ราบรื่น ตรงตอเวลา ซื่อสัตย มีวินัยในการ ทํางาน และมีมารยาททางสังคม” 6. ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนจะพัฒนาตนเองอยางไร เพื่อใหมี คุณสมบัติที่เหมาะสมตอการประกอบอาชีพ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ตนเองขาดความรู ความ เชี่ยวชาญทางดานทักษะภาษาตางประเทศ จะพัฒนาตนเองโดยเริ่มตนจากการฝกทักษะ การฟง พูด อาน เขียนภาษาตางประเทศอยาง จริงจัง และศึกษาเพิ่มเติมจากสื่อการเรียนรู ที่หลากหลาย เชน หนังสือ อินเทอรเน็ต รายการวิทยุ รายการโทรทัศน เปนประจํา อยางสมํ่าเสมอ) ขอใดจัดเปนการแกปญหาอยางเปนระบบและมีเหตุผลมากที่สุด 1. กําหนดแผนงานใหม เพื่อลดปญหาที่เกิดขึ้น 2. ประเมินผลงานระหวางการปฏิบัติงานทุกขั้นตอน 3. หัวหนากลุมพิจารณาและตัดสินใจแกปญหาเพียงลําพัง 4. พิจารณาสาเหตุของปญหา วิเคราะห และประเมินทางเลือก เพื่อแกปญหาในการทํางาน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการแกปญหาในการทํางาน ควรทําอยางเปนระบบ โดยมีขั้นตอน คือ สังเกต วิเคราะหและ แยกแยะปญหา สรางทางเลือกในการแกปญหา และประเมินทาง เลือกหรือวิธีในการแกปญหา เพื่อกําจัดปญหาและไมใหเกิดปญหา เดิมซํ้าขึ้นอีก) นํา สอน สรุป ประเมิน T135
ส�าหรับผู้ที่จะก้าวเข้าสู่โลกของอาชีพ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ ทั้งทางด้าน การศึกษาหาความรู้ ความสามารถของตนเอง การฝึกทักษะการประกอบอาชีพ มีการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะติดตัวเราไปตลอด นอกจากนี้ ยังต้องติดตาม สถานการณ์ด้านแรงงาน เพื่อที่จะก้าวเข้าสู่โลกของอาชีพได้อย่างมั่นคงและประสบความส�าเร็จ ๒.๔ ทักษะที่จ�าเป็นต่อการประกอบอาชีพ ในการประกอบอาชีพ ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ ความสามารถเฉพาะในอาชีพ และมีทักษะที่ จ�าเป็น เพื่อที่จะประกอบอาชีพนั้นได้ประสบความส�าเร็จ ซึ่งทักษะที่จ�าเป็นต่อการประกอบอาชีพ จะประกอบด้วยทักษะที่หลากหลาย ผู้ที่เตรียมความพร้อมก้าวสู่โลกของอาชีพจะต้องเตรียมตัว ให้พร้อม หมั่นฝึกฝนและพัฒนาทักษะต่าง ๆ เพื่อให้ก้าวสู่โลกของอาชีพได้อย่างมั่นคง ทักษะการจัดการ การจัดระบบการท�างาน เพื่อให้ส�าเร็จตามเป้าหมาย รู้ว่าสิ่งใดควรท�าก่อน สิ่งใดควรท�าทีหลัง สิ่งใด มอบหมายให้ผู้อื่นท�าแทนได้ ท�างานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน และท�างานเสร็จตรงตามเวลาที่ก�าหนด ทักษะการแสวงหาความรู้ การศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ เพราะปัจจุบัน วิทยาการต่าง ๆ ได้พัฒนาและเจริญก้าวหน้า อย่างรวดเร็ว ประกอบกับองค์กรต่าง ๆ มีการ แข่งขันสูง ดังนั้น การศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ จะน�ามาพัฒนาการท�างานได้เป็นอย่างดี ทักษะการท�างานร่วมกัน การท�างานร่วมกับผู้อื่น ต้องมีลักษณะนิสัยยืดหยุ่น ประนีประนอม เข้ากับคนได้ทุกประเภท มีการ แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้อื่นอยู่เสมอ มีความจริงใจ ไม่เอาเปรียบ ประพฤติตนเป็นที่ ไว้วางใจของผู้อื่น รับฟังความคิดเห็นและไว้วางใจผู้อื่นในทีม ทักษะกระบวนการท�างาน การเรียนรู้กระบวนการท�างานและลงมือปฏิบัติ งานด้วยตนเอง มุ่งเน้นฝึกวิธีการท�างานอย่าง สม�่าเสมอ เพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญในงานที่ท�า ทั้งการท�างานเป็นรายบุคคลและการท�างานเป็นทีม เพื่อให้ท�างานส�าเร็จตามเป้าหมาย ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา การแก้ปัญหางานที่เกิดขึ้น ประเมินสถานการณ์ หรือเข้าใจปัญหา คิดแก้ปัญหานั้นอย่างทันท่วงที อย่างมีขั้นตอน ส�ารวจปัญหา วิเคราะห์ปัญหา สร้างทางเลือก ประเมินทางเลือก วางแผนปฏิบัติ และประเมินผล 122 กิจกรรม สรางเสริม กิจกรรม ทาทาย งานร่วมกับผู้อื่น ต้องมีลักษณะนิสัยยืดหยุ่น ประนีประนอม เข้ากับคนได้ทุกประเภท มีการ 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 7. ครูใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางทักษะที่ จําเปนตอการประกอบอาชีพ พรอมทั้งอธิบาย ประโยชนที่เกิดขึ้นในดานการประกอบอาชีพ จากการฝกฝนและพัฒนาตนเองใหมีทักษะ ดังกลาว เชน ทักษะกระบวนการทํางาน ประโยชนที่เกิดขึ้น คือ เกิดความเชี่ยวชาญ ในอาชีพที่ทํา มีความแมนยําในรายละเอียด ของงาน ซึ่งจะสงผลใหงานสําเร็จตามเปาหมาย และเกิดความกาวหนาในอาชีพ 8. ครูถามนักเรียนวา • กระบวนการแกปญหามีขั้นตอนในการ ปฏิบัติอยางไร (แนวตอบ มีขั้นตอน คือ สังเกต วิเคราะห และแยกแยะปญหา สรางทางเลือกในการ แกปญหาอยางหลากหลาย และประเมิน ทางเลือก หรือวิธีในการแกปญหา) • ในการทํางานรวมกับผูอื่น นักเรียนควร ปฏิบัติตนอยางไร เพื่อใหการทํางานเปนไป อยางราบรื่น (แนวตอบ ควรมีความรับผิดชอบในหนาที่ ที่ไดรับมอบหมาย รูจักการประนีประนอม มีความยืดหยุน รูจักฟงและยอมรับความ คิดเห็นของผูอื่น กลาที่จะแสดงความคิดเห็น ของตนเอง) ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับทักษะที่จําเปนตอการประกอบ อาชีพที่สนใจ โดยระบุอาชีพที่สนใจ 1 อาชีพ และทักษะที่จําเปน ตอการประกอบอาชีพนั้น พรอมทั้งอธิบายเหตุผลประกอบลงใน กระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน ใหนักเรียนระบุทักษะที่จําเปนตอการประกอบอาชีพใหได มากที่สุด จากนั้นนํามาเขียนบนกระดานรวมกับเพื่อนในชั้นเรียน โดยไมใหซํ้ากัน และนําสิ่งที่ไดบนกระดานมาสรุปวาตนเองมีทักษะ ในดานใด และตองฝกทักษะเพิ่มเติมในดานใด เขียนลงในกระดาษ รายงาน นําสงครูผูสอน เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับทักษะที่จําเปนตอการประกอบอาชีพใหนักเรียน ฟงวา ทักษะที่จําเปนในแตละอาชีพจะมีทักษะพื้นฐานที่ใกลเคียงกัน และแตละ อาชีพจะมีทักษะเฉพาะของอาชีพนั้นๆ ดังนั้น จึงควรพัฒนาตนเองใหมีทักษะ พื้นฐานที่จําเปนตอการประกอบอาชีพ และฝกทักษะเฉพาะเพื่อประกอบอาชีพ ที่สนใจ โดยอาชีพที่ตองมีวิชาชีพเฉพาะ เชน แพทย พยาบาล กายภาพบําบัด เภสัชกร ครู วิศวกร สถาปนิก ผูตรวจสอบบัญชี เพื่อใหมีทักษะที่เหมาะสมใน การประกอบอาชีพ และสามารถประกอบอาชีพไดอยางมีความสุข ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 9. ครูแจกกระดาษโนตใหนักเรียนคนละ 1 แผน เพื่อใหนักเรียนเติมคําตอบลงไปภายใต คําถาม “ฉันอยากจะเปน...” 10. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมาตอบคําถาม “ฉันอยากจะเปน...” ใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน นักเรียนควรรู 1 ประนีประนอม บุคคลที่มีลักษณะประนีประนอม จะทํางานเปนทีม หรือ ทํางานรวมกับผูอื่นไดดี เพราะบุคคลเหลานี้จะมองเปาหมายของงานเปนสําคัญ และมีความพยายามที่จะประคับประคองการทํางานใหผานพนไปไดดวยดี นํา สอน สรุป ประเมิน T136
Êรé Ò§ÊÃÃ¤ì ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙใบมอบหมายงานที่ ๗.1 กÔ¨กรรม àÃ×èͧ ¡ÒÃàÊÃÔÁÊÌҧ»ÃÐʺ¡Òóà¾×èÍࢌÒÊÙ‹ÍÒªÕ¾ ค�าชี้แจง ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมเป็นรายบุคคล โดยตอบค�าถามที่ก�าหนดให้ ๑. การเสริมสร้างประสบการณ์อาชีพมีความส�าคัญต่อการประกอบอาชีพในอนาคตของนักเรียน อย่างไร ๒. เพราะเหตุใดจึงต้องมีการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์แรงงานในปัจจุบันก่อนตัดสินใจ เลือกประกอบอาชีพ ๓. แรงงานมีฝีมือกับแรงงานพัฒนาฝีมือ มีความเหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร ๔. หากในอนาคตนักเรียนต้องการสมัครงานจะค้นหาต�าแหน่งงานจากที่ใด เพราะเหตุใด ๕. ความรู้ ความชอบ ความถนัดของนักเรียนเหมาะสมที่จะประกอบอาชีพใด เพราะเหตุใด ๖. ในขณะก�าลังศึกษานักเรียนจะมีวิธีการในการเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพอย่างไร ๗. “บุคลิกภาพที่ดีช่วยส่งเสริมให้มีโอกาสได้งานมากขึ้น” จากข้อความน�้ นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด ๘. “วศินศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรที่สนใจจะไปสมัครงาน” จากข้อความน�้ นักเรียนเห็นด้วย กับการกระท�าของวศินหรือไม่ อย่างไร ๙. นักเรียนมีความสนใจในอาชีพใด และคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติเหมาะสมกับอาชีพที่ชอบหรือไม่ เพราะเหตุใด ๑๐. เพราะเหตุใดในการท�างานจึงต้องมีการน�าทักษะต่าง ๆ มาใช้ผสมผสานกัน การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ 12๓ เพราะเหตุใดจึงต้องมีการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์แรงงานในปัจจุบันก่อนตัดสินใจ 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 11. ครูใหนักเรียนแบงกลุมผูที่มีความสนใจใน อาชีพหมวดหมูเดียว โดยใหรวมกันเปน 1 กลุม หากหมวดหมูอาชีพใดมีจํานวน นักเรียนมากใหแบงเปน 2 กลุม หรือแบงตาม ความเหมาะสม 12. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันสืบคนขอมูล เกี่ยวกับอาชีพที่สนใจในประเด็นที่ครูกําหนดให คือ การเตรียมตัวขณะกําลังศึกษา การเตรียมตัว ภายหลังจบการศึกษา การเตรียมตัวไป สมัครงาน คุณสมบัติที่จําเปนตอการสมัครงาน และทักษะที่จําเปนตอการประกอบอาชีพ 13. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมานําเสนอ ขอมูลเกี่ยวกับอาชีพที่สนใจใหเพื่อนฟงหนา ชั้นเรียน โดยมีครูเปนผูคอยเสนอแนะเพิ่มเติม 14. ครูถามนักเรียนวา • การเปนผูใฝรู รูจักพัฒนาศักยภาพของ ตนเองอยูเสมอ จะสงผลดีตอการประกอบ อาชีพอยางไร (แนวตอบ สงผลทําใหเปนคนทันสมัย มีความรู อยางรอบดาน รูเทาทันคน มีความคิด ริเริ่มสรางสรรค พรอมที่จะพัฒนาตนเองให กาวหนาอยูเสมอ) 15. ครูมอบหมายใหนักเรียนทํากิจกรรมสรางสรรค พัฒนาการเรียนรู จากหนังสือเรียน หนวย การเรียนรูที่ 7 16. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 7 17. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การเตรียมตัวเขาสูอาชีพ 18. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย การเรียนรูที่ 7 กิจกรรม 21st Century Skills 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน 2. สมาชิกแตละกลุมรวมกันสืบคนอาชีพที่ไดรับความนิยมในยุค ปจจุบัน 3. สมาชิกแตละกลุมรวมกันศึกษาขอมูลที่ได จากนั้นนํามาสรุป เพื่อนําเสนอขอมูลใหเพื่อนกลุมอื่นฟงหนาชั้นเรียน 4. แตละกลุมฟงขอมูลของทุกกลุม จากนั้นทําการวิเคราะหวา อาชีพใดเปนอาชีพที่ไดรับความนิยมมากที่สุด อาชีพใดมีความ ตองการมากที่สุด อาชีพใดมีความมั่นคงมากที่สุด และอาชีพใด มีรายไดสูงที่สุด 5. ใหนักเรียนแตละกลุมสรุปขอมูล จากนั้นนํามาติดแสดงไวที่ ปายนิเทศภายในชั้นเรียน นักเรียนควรรู 1 สถานการณแรงงานในปจจุบัน 10 แนวโนมตลาดแรงงานที่จะเกิดขึ้น ไดแก • กระบวนการคัดสรรพนักงานจะเขมขนมากขึ้น • องคกรมีการจางงานลักษณะ Outsource มากขึ้น • โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สรางโอกาส ดานอาชีพขนาดใหญ • มีการใชเทคโนโลยีมาทดแทนคนมากขึ้น • E-Commerce ทําใหเกิดการจางงานในสายงานไอที การขนสง และ บริการลูกคา • มีแรงงานระยะสั้น (Gig Worker) กระจายเกือบทุกธุรกิจ • การบริหารจัดการบุคลากร โดยเนนบริหารประสิทธิภาพแรงงานมากขึ้น • แรงงานวัยเกษียณขยายอายุการทํางานมากขึ้น • แรงงานหมุนเวียนระหวางประเทศในกลุม AEC เปดกวางขึ้น • ดิจิทัลแพลตฟอรมขยายตัวและเชื่อมโยงทุกการสื่อสาร นํา สอน สรุป ประเมิน T137
กิจกรรม Mini Project Êรé Ò§ÊÃÃ¤ì ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙใบมอบหมายงานที่ ๗.2 กÔ¨กรรม àÃ×èͧ ¡ÒÃàµÃÕÂÁµÑÇࢌÒÊÙ‹ÍÒªÕ¾·Õèʹ㨠ค�าชี้แจง ๑. ให้นักเรียนแต่ละคนวิเคราะห์ตนเองว่าอยากประกอบอาชีพใด โดยพิจารณาจากความถนัด ความสามารถ และความสนใจ ๒. จับกลุ่มกับเพื่อนที่มีผลการวิเคราะห์ตนเองที่เหมือนกัน และร่วมกันสืบค้นเกี่ยวกับการประกาศ รับสมัครงานของอาชีพที่สนใจจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต ๓. รวบรวมประกาศรับสมัครงานต่าง ๆ ติดลงบนกระดาษ เอ ๔ โดยระบุแหล่งที่มาของประกาศ สมัครงานนั้นด้วย ๔. แต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์คุณสมบัติของผู้สมัครงานที่หน่วยงาน หรือองค์กรนั้น ๆ ต้องการ มากที่สุด ๕ อันดับ เช่น อายุ เพศ วุฒิการศึกษา และให้วิเคราะห์สาขาวิชา อาชีพ ต�าแหน่ง ที่หน่วยงาน หรือองค์กรนั้น ๆ ต้องการมากที่สุด ๕ อันดับ ๕. น�าเสนอผลการวิเคราะห์ที่ได้หน้าชั้นเรียน 12๔ ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การ เตรียมตัวเขาสูอาชีพวา “การเตรียมตัวเขาสูอาชีพ นักเรียนสามารถปฏิบัติไดตั้งแตขณะกําลังศึกษา และภายหลังจบการศึกษา โดยสิ่งที่จะตองเตรียม ใหพรอมในการเขาสูอาชีพมีอยูดวยกันหลาย ประการ เชน การศึกษาหาความรูเพิ่มเติม การฝก อบรมเกี่ยวกับอาชีพ การฝกฝนความสามารถพิเศษ การพัฒนาบุคลิกภาพ การเตรียมเอกสารการ สมัครงาน รวมถึงการพัฒนาตนเองใหมีคุณสมบัติ ที่จําเปนตอการสมัครงาน และมีทักษะที่จําเปน ในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ หากนักเรียนมีการ เตรียมตัวเขาสูอาชีพในเรื่องตางๆ ไดอยางถูกตอง ตั้งแตตอนนี้ ก็จะทําใหมีประสบการณในการ เตรียมพรอมดานอาชีพที่ดี ทําใหมีโอกาสได ประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง และประสบ ความสําเร็จในเสนทางอาชีพไดโดยงาย” แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 7 1. ใหนักเรียนเลือกอาชีพตามความสนใจ 1 อาชีพ พรอมทั้งอธิบาย เหตุผลประกอบ 2. วิเคราะหตนเองวา มีความสามารถ ความถนัด และความสนใจ ในอาชีพนั้นเพียงใด 3. บันทึกผลการวิเคราะหลงในตารางการพัฒนาตนเอง เพื่อ เปนการพัฒนาตนเองใหเพิ่มพูนความสามารถในการประกอบ อาชีพที่สนใจในอนาคตได 4. สรุปขอมูลที่ไดรับ จากนั้นออกมานําเสนอผลงานใหเพื่อนฟง หนาชั้นเรียน ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจหลังเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 7.2.1 เรื่อง การเตรียม ความพรอมกอนการสมัครงาน 3. ครูตรวจสอบชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การเตรียมตัวเขาสูอาชีพ 4. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง นํา สอน สรุป ประเมิน T138
บรรณาน ุ กรม กระทรวงศึกษาธิการ, ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. ๒๕๕๑. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกน กลางกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี. กรุงเทพมหานคร : ชุมชนสหกรณ์การเกษตร แห่งประเทศไทย. เกย์, เจเรมี. ๒๕๕๐. คู่มือเลี้ยงปลาสวยงามฉบับสมบูรณ์. แปลโดย วรวรรณ สิมะโรจน์. กรุงเทพมหานคร : เนชั่นบุ๊คส์ อินเตอร์เนชั่นแนล. เคลซี่, จอห์น. ๒๕๕๑. เรียนรู้และใช้งานเครื่องมืองานช่างอย่างถูกวิธี. แปลและเรียบเรียงโดย กฤษฎา อินทรสถิตย์. กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ดยูเคชั่น. แจ็กแมน, แอน. ๒๕๕๐. ท�ำให้ส�ำเร็จ : จัดระบบการท�ำงานและระเบียบชีวิตให้บรรลุประสิทธิผลสูงสุด. แปลและ เรียบเรียงโดย จิระพล ฉายัษฐิต. กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ดยูเคชั่น. ชัยยศ ศรีสุภินานนท์. ๒๕๕๘. พื้นฐานทางช่าง. กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ดยูเคชั่น. บ้านและสวน. ๒๕๔๕.บ้านสีสด : คู่มือการจัดและตกแต่ง. กรุงเทพมหานคร : บ้านและสวน. พรรณเพ็ญ ฉายปรีชา. ๒๕๕๐.การจัดสวน. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. พิศมัย ปโชติการ. ๒๕๓๖.งานบริการอาหารและเครื่องดื่ม. กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ดยูเคชั่น. ภูวนาท นนทรีย์. ๒๕๓๖.การเลี้ยงไก่ไข่. กรุงเทพมหานคร : โครงการหนังสือเกษตรชุมชน. วิชัย จิตต์เสรี. ๒๕๔๓.ช่าง (จ�ำเป็น) ประจ�ำบ้าน : ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับบ้านท่านสามารถแก้ไขได้. กรุงเทพมหานคร : ดอกหญ้า. วิศวกร. ๒๕๑๓. ต�ำราสารพัดช่าง. พระนคร : พิทยาคม. ศักดา ประสานไทย. ๒๕๕๐.วัสดุสร้างบ้าน : คู่มือการจัดและตกแต่ง. กรุงเทพมหานคร : บ้านและสวน. ศิวะ วสุนธราภิวัฒก์. ๒๕๓๒.คู่มือการบริการอาหารและเครื่องดื่ม.กรุงเทพมหานคร : ดอกหญ้า. สุวิทย์ เฑียรทอง. ๒๕๓๐. หลักการเลี้ยงสัตว์. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์. อานนท์ อินทพัฒน์. ๒๕๔๒. การเลี้ยงไก่ไข่. กรุงเทพมหานคร : อักษรสยามการพิมพ์. โอะชิ, โทะโยะโกะ. ๒๕๖๑. เคล็ดลับงานบ้านเล่มเดียวเอาอยู่. แปลและเรียบเรียงโดย ศริลักษณ์ ชูติประชากิจ. กรุงเทพมหานคร : อินสปายร์. Arne Maynard and Anne de Verteuil. 2004. Garden Design Details. London: Conran Octopus. Atlanta Bartlett. 2000. The Relaxed Home. London: Ryland Peters & Small. Bernard Davis. 2008. Food and Beverage Management. Oxford: Elsevier/Butterworth Heinemann. David Stevens. 1992. Creative Garden Designs. London: Chancellor Press. T139
Dennis Lillicrap, John Cousins and Robert Smith. 2002. Food and Beverage Service. London: Hodder & Stoughton. Johnny Grey. 1998. The Complete Home Design Book. London: Dorling Kindersley. Leonie Highton. 1975. Light: House & Garden, Guide to Efficiency and Good Looks. Glasgow: Collins. Nicholas Barnard. 2000. Step-by-Step Home Decorating Book. London: Dorling Kindersley. P. Bryans and T.P. Cronin. 1983. Organization Theory. London: Mitchell Beazley Publishers. Peter Stensel, Andrew Tung and Soh Beng Seng. 2002. Building a Foundation with Design & Technology 1-2. Singapore: Pearson Education South Asia Pte Ltd. Thailand’s National Science and Technology Development Agency. 1998. Application of Technology Foresight. Bangkok: National Science and Technology Development Agency. Xu Sufang. 2001. Design Technology Lower Secondary. Singapore: Educational Publishing House Pte. Ltd. สื่ออิเล็กทรอนิกส์ กรมประมง. (๒๕๖๑). มาตรฐานการจัดการฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาสวยงามเพื่อการส่งออก. สืบค้นเมื่อ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑. จาก https://www.fisheries.go.th/fpo-angthong/know_f_4.htm กรมปศุสัตว์. (๒๕๖๑). การเลี้ยงไก่ไข่. สืบค้นเมื่อ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑. จาก http://region9.dld.go.th/index. php?option=com_content&view=article&id=69:2011-02-01-23-38-17&catid=50:2011-02-01-22- 54-48&Itemid=78 กรมแรงงาน. (๒๕๖๑). สถานการณ์ด้านแรงงาน. สืบค้นเมื่อ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑. จาก http://www.mol.go.th/ academician/labour_situation/content/labor_situation_report T140
ม.๒ การงานอาชีพ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เพ็ญพร ประมวลสุข วรรณี วงศ์พานิชย์ มนตรี สมไร่ขิง ศิริรัตน์ ฉัตรศิขรินทร ดร.สถิตย์พงษ์ มั่นหลำ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ flêÐúôĀÖ úèĀÖùĆüċòĄñè..................................................................................................................................................................................... ÕÐ.- ĎéêòÿÐĀèÓćâïāíùĆēüÐāòċòĄñèòĈśÑüÖùĘāèĀÐíăðíŞċüÐÙè úèĀÖùĆüċòĄñè òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄí ð ĝ ÙĀĔèðĀçñð÷ąÐøāêŒæĄē ĝ ÐôćŚðùāòÿÐāòċòĄñèòĈśÐāòÖāèüāÙĄí ċôŚðèĄĔ ×ĀãíăðíŞčãñ éòăøĀæ üĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞ ü׿ ×ĘāÐĀã ùĘāúòĀéĎÙśêòÿÐüéÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäòČÐèÐôāÖÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāè íćæç÷ĀÐòāÙ ĝĠĠĜčãñðĄčÓòÖùòśāÖċèĆĔüúāäāðæĄēéòăøĀæÐĘāúèãČôÿðĄëĈśċòĄñéċòĄñÖëĈśäòö× ČôÿéòòâāçăÐāò ãĀÖèĄĔ ëĈśċòĄñéċòĄñÖ Ĝ ë÷ċíĒÜíò êòÿðöôùćÑ ĝ èāÖöòò⥠öÖ÷ŞíāèăÙñŞ Ğ èāñðèäòĄùðďòŚÑăÖ ğ èāÖ÷ăòăòĀäèŞØĀäò÷ăÑòăèæò Ġ ãòùåăäñŞíÖøŞðĀēèúôĘā ëĈśäòö× Ĝ ò÷×üðÑöĀÜ ùćöòòâòĀÐøŞ ĝ ë÷ ãòċéÜÜā ðÿčèÙĀñ Ğ èāÖùćÙĄòā ċùāòŞèśüñ éòòâāçăÐāò Ĝ èāñêŠÜÜā ùĀÖÑŞïăòðñŞ ĝ èāñùðċÐĄñòäă ïĈŚòÿúÖøŞ éòăøĀæÑüòĀéòüÖöŚā ÓâÿëĈśäòö×ČôÿéòòâāçăÐāòãĀÖÐôŚāö ċêŢèëĈśðĄÓćâùðéĀäăċêŢèďê äāðúôĀÐċÐâàŞČôÿċÖĆēüèďÑæĄēùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèÐĘāúèã ÚąēÖďãś æĘāúèśāæĄēäòö×íă×āòâāÓćâïāíČôÿéòòâāçăÐāòúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔĎúśðĄÓöāðåĈÐäśüÖČôÿðĄÓćâïāí ĎèÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäò úāÐúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔðĄÑśüéÐíòŚüÖéòăøĀæ×ÿêòĀéêòćÖČÐśďÑČôÿùŚÖúèĀÖùĆüæĄēêòĀéêòćÖČôśö Ďúśùåāè÷ąÐøā ĎèÐòâĄðĄċèĆĔüúāďðŚåĈÐäśüÖ ďðŚċúðāÿùð ðĄëôċùĄñäŚüÐāòċòĄñèòĈś ÐŚüĎúśċÐăã ëôċùĄñúāñäŚüÐāò÷ąÐøā Óćâçòòð ×òăñçòòð ČôÿÓöāððĀēèÓÖÑüÖÙāäă éòăøĀæñăèãĄĎúś ùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèåüãåüèòāñÙĆēüüüÐ×āÐéĀÜÙĄêòÿÐā÷ÐĘāúèã úèĀÖùĆüċòĄñè Čôÿíòśüð×ÿċòĄñÐċÐĒéúèĀÖùĆüæĄē×ĘāúèŚāñæĀĔÖúðã ČôÿÙãĎÙśÓŚāċùĄñúāñĎúśÐĀé ùåāè÷ąÐøā èāñÙĀñâòÖÓŞ ôăðêřÐăääăùăè ÐòòðÐāòëĈś×ĀãÐāòéòăøĀæüĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞü׿×ĘāÐĀã òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄíČôÿċæÓčèčôñĄ ðĝ คู่มือครู บร. วิทยาศาสตร์ ม.2 ล.1 300.- 8 858649 121349 สร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ระดับโลก คู่มือครู นร. การงานอาชีพ ม.2 300.- 8 858649 144126 ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน คู่มือครู อจท. เพิ่ม คำแนะนำการใช้ เพิ่ม คำอธิบายรายวิชา เพิ่ม Pedagogy เพิ่ม Teacher Guide Overview เพิ่ม Chapter Overview เพิ่ม ข้อสอบเน้นการคิด เพิ่ม กิจกรรม 21 Century Skills st ราคานี้เป็นของฉบับคู่มือครูเท่านั้น >> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสั่งซื้อของ อจท. บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คู่สาย) ID Line: @aksornkrumattayom www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท. ภาพปกนี้มีขนาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน ผู้เรียบเรียงคู่มือครู พรรณมณฑ์ นิลนฤนาท อัญชลี ฉายแสงจันทร์ แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน คู่มือครู ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹ ¡ÒçҹÍÒªÕ¾ Á. ๒ ม.๒ การงานอาชีพ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เพ็ญพร ประมวลสุข วรรณี วงศ์พานิชย์ มนตรี สมไร่ขิง ศิริรัตน์ ฉัตรศิขรินทร ดร.สถิตย์พงษ์ มั่นหลำ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ flêÐúôĀÖ úèĀÖùĆüċòĄñè..................................................................................................................................................................................... ÕÐ.- ĎéêòÿÐĀèÓćâïāíùĆēüÐāòċòĄñèòĈśÑüÖùĘāèĀÐíăðíŞċüÐÙè úèĀÖùĆüċòĄñè òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄí ð ĝ ÙĀĔèðĀçñð÷ąÐøāêŒæĄē ĝ ÐôćŚðùāòÿÐāòċòĄñèòĈśÐāòÖāèüāÙĄí ċôŚðèĄĔ ×ĀãíăðíŞčãñ éòăøĀæ üĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞ ü׿ ×ĘāÐĀã ùĘāúòĀéĎÙśêòÿÐüéÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäòČÐèÐôāÖÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāè íćæç÷ĀÐòāÙ ĝĠĠĜčãñðĄčÓòÖùòśāÖċèĆĔüúāäāðæĄēéòăøĀæÐĘāúèãČôÿðĄëĈśċòĄñéċòĄñÖëĈśäòö× ČôÿéòòâāçăÐāò ãĀÖèĄĔ ëĈśċòĄñéċòĄñÖ Ĝ ë÷ċíĒÜíò êòÿðöôùćÑ ĝ èāÖöòò⥠öÖ÷ŞíāèăÙñŞ Ğ èāñðèäòĄùðďòŚÑăÖ ğ èāÖ÷ăòăòĀäèŞØĀäò÷ăÑòăèæò Ġ ãòùåăäñŞíÖøŞðĀēèúôĘā ëĈśäòö× Ĝ ò÷×üðÑöĀÜ ùćöòòâòĀÐøŞ ĝ ë÷ ãòċéÜÜā ðÿčèÙĀñ Ğ èāÖùćÙĄòā ċùāòŞèśüñ éòòâāçăÐāò Ĝ èāñêŠÜÜā ùĀÖÑŞïăòðñŞ ĝ èāñùðċÐĄñòäă ïĈŚòÿúÖøŞ éòăøĀæÑüòĀéòüÖöŚā ÓâÿëĈśäòö×ČôÿéòòâāçăÐāòãĀÖÐôŚāö ċêŢèëĈśðĄÓćâùðéĀäăċêŢèďê äāðúôĀÐċÐâàŞČôÿċÖĆēüèďÑæĄēùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèÐĘāúèã ÚąēÖďãś æĘāúèśāæĄēäòö×íă×āòâāÓćâïāíČôÿéòòâāçăÐāòúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔĎúśðĄÓöāðåĈÐäśüÖČôÿðĄÓćâïāí ĎèÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäò úāÐúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔðĄÑśüéÐíòŚüÖéòăøĀæ×ÿêòĀéêòćÖČÐśďÑČôÿùŚÖúèĀÖùĆüæĄēêòĀéêòćÖČôśö Ďúśùåāè÷ąÐøā ĎèÐòâĄðĄċèĆĔüúāďðŚåĈÐäśüÖ ďðŚċúðāÿùð ðĄëôċùĄñäŚüÐāòċòĄñèòĈś ÐŚüĎúśċÐăã ëôċùĄñúāñäŚüÐāò÷ąÐøā Óćâçòòð ×òăñçòòð ČôÿÓöāððĀēèÓÖÑüÖÙāäă éòăøĀæñăèãĄĎúś ùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèåüãåüèòāñÙĆēüüüÐ×āÐéĀÜÙĄêòÿÐā÷ÐĘāúèã úèĀÖùĆüċòĄñè Čôÿíòśüð×ÿċòĄñÐċÐĒéúèĀÖùĆüæĄē×ĘāúèŚāñæĀĔÖúðã ČôÿÙãĎÙśÓŚāċùĄñúāñĎúśÐĀé ùåāè÷ąÐøā èāñÙĀñâòÖÓŞ ôăðêřÐăääăùăè ÐòòðÐāòëĈś×ĀãÐāòéòăøĀæüĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞü׿×ĘāÐĀã òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄíČôÿċæÓčèčôñĄ ðĝ คู่มือครู บร. วิทยาศาสตร์ ม.2 ล.1 300.- 8 858649 121349 สร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ระดับโลก คู่มือครู นร. การงานอาชีพ ม.2 300.- 8 858649 144126 ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน คู่มือครู อจท. เพิ่ม คำแนะนำการใช้ เพิ่ม คำอธิบายรายวิชา เพิ่ม Pedagogy เพิ่ม Teacher Guide Overview เพิ่ม Chapter Overview เพิ่ม ข้อสอบเน้นการคิด เพิ่ม กิจกรรม 21 Century Skills st ราคานี้เป็นของฉบับคู่มือครูเท่านั้น >> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสั่งซื้อของ อจท. บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คู่สาย) ID Line: @aksornkrumattayom www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท. ภาพปกนี้มีขนาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน ผู้เรียบเรียงคู่มือครู พรรณมณฑ์ นิลนฤนาท อัญชลี ฉายแสงจันทร์ แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน คู่มือครู ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹ ¡ÒçҹÍÒªÕ¾ Á. ๒