The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2217119TM-การงานอาชีพ-ม2-[221212]

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กัลยกร ไชยมงคล, 2023-05-12 03:42:05

2217119TM-การงานอาชีพ-ม2-[221212]

2217119TM-การงานอาชีพ-ม2-[221212]

๔) หลักการเลือกบรรจุภัณฑ์เพื่อการจ�าหน่าย เป็นส่วนส�าคัญที่ช่วยให้ผลผลิต มีคุณค่าและมีความน่าสนใจ ดังนั้น การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ควรค�านึงถึงหลักการส�าคัญต่าง ๆ ดังนี้ วิธีกำรจ�ำหน่ำยผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็นการขายตรงและวางขาย ผลิตภัณฑ์ที่วางขายควรจัดวางเพื่อให้ผู้ซื้อได้ เลือก ต้องพิถีพิถันเรื่องบรรจุภัณฑ์มากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ผู้ขายน�าไปขายถึงตัวผู้ซื้อ โดยตรง คู่แข่งขันของผลิตภัณฑ์ ถ้ามีคู่แข่งมาก ต้องเน้นความสวยงามและความพิถีพิถัน เพื่อเอาชนะคู่แข่ง เพราะบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามกว่าย่อมได้ เปรียบมากกว่า วิธีกำรขนส่งผลิตภัณฑ์ สินค้าที่ขนส่งระยะทางไกล หรือเปราะบาง แตกหัก ได้ง่าย ต้องเลือกบรรจุภัณฑ์ที่สามารถปองกัน การเสียหายจากการกระทบกระเทือนของสินค้า วิธีกำรเก็บรักษำ ต้องค�านึงถึงลักษณะของสินค้าในการเก็บรักษา ให้คงสภาพเดิมมากที่สุด รวมถึงต้องเลือกบรรจุภัณฑ์ ที่ทนต่อสภาพดิน ฟา อากาศได้ด้วย ต้นทุนของบรรจุภัณฑ์ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่มีราคาสูง จะท�าให้ต้นทุนการผลิต สูงขึ้น ดังนั้น ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อราคา จ�าหน่ายน้อยที่สุด กฎระเบียบและข้อบังคับของกฎหมำย สินค้าบางชนิดจะมีข้อบังคับในการคุ้มครองผู้บริโภค เช่น กระปองที่ใช้บรรจุอาหาร ต้องมีความหนาของสังกะสีเคลือบตามข้อก�าหนดของอาหารชนิดนั้น ๆ SHOP ข้อควรค�ำนึง ในกำรเลือกใช้ บรรจุภัณฑ์ 8๒ ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 13. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การ จัดการกับผลงานประดิษฐวา “เมื่อผลิตชิ้นงาน เสร็จเปนที่เรียบรอยแลว ผูประดิษฐควรรูจักวิธีการ จัดการกับผลงานประดิษฐของตน เพื่อใหเกิด ความสวยงาม มีคุณคา และมีความนาสนใจมาก ยิ่งขึ้น โดยตองมีการบรรจุภัณฑที่ดี เพื่อเปนการ เพิ่มมูลคาใหกับผลงาน เนื่องจากบรรจุภัณฑที่ดี จะชวยดึงดูดความสนใจและเพิ่มแรงจูงใจในการ เลือกซื้อของผูบริโภค ทั้งนี้ ควรเลือกใชชนิดของ บรรจุภัณฑใหมีความเหมาะสมกับผลิตภัณฑ เพราะ บรรจุภัณฑแตละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกตางกัน ผูประดิษฐจึงควรคํานึงถึงการเลือกใชบรรจุภัณฑ เปนสําคัญ ไมวาจะเปนกระดาษ พลาสติก แกว โลหะ ไม ใบตอง ฯลฯ” ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการสรางบรรจุภัณฑของงาน ประดิษฐ 2. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค กิจกรรม 21st Century Skills 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน 2. สมาชิกแตละกลุมรวมกันสืบคนการประดิษฐบรรจุภัณฑใน รูปแบบตาง ๆ จากแหลงการเรียนรูอื่นๆ ที่นาสนใจ 3. สมาชิกแตละกลุมรวมกันเลือกประดิษฐบรรจุภัณฑตามที่ได สืบคนมาตามความสนใจ 1 รูปแบบ จากนั้นออกแบบบรรจุภัณฑ ตามความคิดและจินตนาการ พรอมทั้งวางแผนการทํางานกลุม รวมกัน 4. สมาชิกแตละกลุมรวมกันประดิษฐบรรจุภัณฑตามที่ออกแบบไว 5. ใหนักเรียนแตละกลุมผลัดกันออกมานําเสนอผลงานใหเพื่อนชม หนาชั้นเรียน พรอมทั้งอธิบายเกี่ยวกับวัสดุที่นํามาใชประดิษฐ บรรจุภัณฑ ขั้นตอนการประดิษฐ ปญหาในการทํางาน และ แนวทางการแกปญหา แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม นํา สอน สรุป ประเมิน T92


ขอสอบเนน การคิด เทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยให้ผู้บริโภคเกิดความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้า ๖ การจัดจำาหน่ายผลงานประดิษฐ์ การด�าเนินการเพื่อน�าผลผลิตที่ได้จากการประดิษฐ์ไปจ�าหน่าย เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงิน โดย มุ่งหวังผลก�าไรจากการจ�าหน่าย ทั้งยังเป็นกระบวนการจัดการเพื่อให้ผลผลิตที่ได้จากงานประดิษฐ์ ไปถึงมือผู้บริโภคอย่างปลอดภัยและเกิดความพึงพอใจสูงสุด ๖.๑ หลักการจัดจ�าหน่าย การจัดจ�าหน่ายผลงานประดิษฐ์ เป็นการท�าเพื่อมุ่งหวังผลก�าไร ดังนั้น ผู้จ�าหน่ายจึงต้องหา วิธีการให้ผู้ซื้อเกิดความประทับใจในสินค้าและบริการให้ได้มากที่สุดเพื่อให้การจ�าหน่ายสินค้าเป็นไป ตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยหลักการจัดจ�าหน่ายที่พึงปฏิบัติ มีดังนี้ ๖.๒ ประโยชน์ที่ได้รับจากการจัดจ�าหน่าย เมื่อมีการผลิตชิ้นงานเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการน�าชิ้นงานที่ผลิตขึ้น รูปร่าง รูปทรงของสินค้า ออกแบบสะดวกต่อการใช้งาน มีความแข็งแรง ทนทาน ดูแล บ�ารุงรักษาได้ง่าย บริการจัดส่งสินค้ารวดเร็ว ตรงเวลา และปลอดภัย บริการข้อมูลการผลิตอย่าง ตรงไปตรงมาและชัดเจน บรรจุภัณฑ์ต้องออกแบบ สวยงาม เพื่อดึงดูดความสนใจ สินค้ามีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ตรงตามฉลากสินค้า สะดวกต่อการหาซื้อ มีแหล่ง จ�าหน่ายหลายแห่ง มีความรับผิดชอบต่อสังคม และรักษาสิ่งแวดล้อม ไปจัดจ�าหน่ายเพื่อเป็นการสร้างรายได้และเพื่อเป็นการฝึก ประกอบธุรกิจขนาดเล็กด้วยตนเอง โดยประโยชน์ที่ได้รับจากการ จัดจ�าหน่ายผลงานประดิษฐ์มีหลายประการ เช่น เกิดธุรกิจการ ตลาดเพื่อการจัดจ�าหน่ายสินค้าผู้บริโภคเกิดความสะดวกสบาย ในการเลือกซื้อสินค้า เกิดการพัฒนาสินค้า เนื่องจากเกิดภาวะ การแข่งขันผู้ซื้อได้สินค้าที่มีคุณภาพในราคายุติธรรม เกิดความ สัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ ช่วยลดปัญหาอัตรา การว่างงานในชุมชนผู้ผลิตมีรายได้ส�าหรับใช้ในการด�ารงชีวิต เพิ่มมากขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนให้มีการขยายตัว หลักกำร จัดจ�ำหน่ำย SHOP การประดิษฐ์ของใช้จากวัสดุ ในท้องถิ่น 83 มีความรับผิดชอบต่อสังคม สินค้ามีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ตรงตามฉลากสินค้า 2 1 ขั้นนํา (เนนการจัดการเรียนรูแบบรวมมือ) 1. ครูกลาวคําทักทายนักเรียน พรอมทั้งทบทวน ความรูเดิมจากชั่วโมงที่ผานมาเกี่ยวกับการ จัดการกับผลงานประดิษฐที่ทําขึ้นเพื่อใชเอง และผลงานประดิษฐที่ทําขึ้นเพื่อจําหนาย 2. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • นักเรียนคิดวาผลงานที่ไดสรางสรรคขึ้นใน ชั่วโมงที่ผานมา สามารถนําไปจําหนาย เพื่อ สรางรายไดไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • ในบริเวณชุมชนของนักเรียนมีการประดิษฐ จากวัสดุในทองถิ่นหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน มีการประดิษฐชิ้นงาน จากวัสดุในทองถิ่น คือ เครื่องจักสาน โดย การนําไมไผ หรือผักตบชวามาสานขึ้นรูป เปนสิ่งของเครื่องใช เพื่ออํานวยความสะดวก ในชีวิตประวันตางๆ เชน กระเปา ตะกรา ถาดผลไม โตะ เกาอี้) 3. ครูนําภาพตัวอยางสินคาโอท็อป หลากหลายชนิด มาใหนักเรียนดู พรอมทั้งอธิบายเพิ่มเติมเพื่อ เชื่อมโยงความรูกอนเขาสูบทเรียนวา “การนํา วัสดุในทองถิ่นมาประดิษฐเปนสิ่งของเครื่องใช เพื่ออํานวยความสะดวกตางๆ หรือเพื่อการจัด จําหนาย จะสามารถชวยลดปญหาอัตราการ วางงานที่จะเกิดขึ้นภายในชุมชนเปนการผลิต ผลงาน เพื่อมุงหวังถึงผลกําไรจากการจัด จําหนาย ดังนั้น ผูจําหนายจึงตองหากลวิธีตางๆ เพื่อที่จะทําใหผูบริโภคเกิดความประทับใจ ในสินคาและการบริการ เพื่อจะไดจัดจําหนาย สินคาไดในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น” ขอใดเปนสิ่งสําคัญที่สุดของผูจําหนายผลงานประดิษฐที่ดี 1. วางแผนที่จะผลิตสินคาหลายชนิด 2. เขียนรายละเอียดของการผลิตที่ชัดเจน 3. วางจําหนายสินคาเฉพาะที่รานสะดวกซื้อเทานั้น 4. มีความรับผิดชอบตอสังคมและรักษาสิ่งแวดลอม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะผูจําหนายผลงานประดิษฐ ที่ดีควรมีความรับผิดชอบตอสังคม โดยการเสียภาษี รวมถึงรักษา สิ่งแวดลอมดวยการใชวัสดุที่เปนมิตรกับธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ไมทําลายสิ่งแวดลอม และดําเนินการจัดสงสินคาใหแกผูสั่งซื้อ อยางตรงเวลา) เกร็ดแนะครู ครูสามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เชน ใหนักเรียนแบงกลุม จากนั้น ใหแตละกลุมออกไปสํารวจรานคาที่จัดจําหนายผลงานประดิษฐบริเวณโรงเรียน พรอมทั้งสอบถามเกี่ยวกับวิธีการจัดจําหนาย แลวนํามาอภิปรายรวมกันใน ชั้นเรียน นักเรียนควรรู 1 ฉลากสินคา เปนรายละเอียดของขอมูลที่สําคัญของผลิตภัณฑชนิดนั้นๆ ซึ่งตองมีการระบุขอมูลที่เปนประโยชนตอผูบริโภค เชน วันผลิต วันหมดอายุ 2 ความรับผิดชอบตอสังคม ปจจุบันมีการเนนใหองคกร หรือหนวยงานตางๆ และบุคคลมีความรับผิดชอบตอสังคมเพิ่มมากขึ้น เชน การที่บุคคลหนึ่ง หรือ กลุมหนึ่งชวยกันรักษาสิ่งของสวนรวม หรือสิ่งของสาธารณะ นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T93


ขอสอบเนนการคิด ๖.๓ การก�าหนดราคาจ�าหน่าย การตั้งราคาการจ�าหน่ายผลผลิต เพื่อให้จ�าหน่ายได้โดยมีก�าไรเพียงพอในการด�าเนินกิจการ มีเงินทุนเพียงพอในการพัฒนากิจการ และพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพดีขึ้น ซึ่งการก�าหนดราคา จ�าหน่ายให้มีผลก�าไรนั้น ไม่จ�าเป็นต้องตั้งราคาสูงเพื่อให้ได้ผลก�าไรมาก แต่ควรตั้งราคาต่อหน่วย ต่อชิ้นพอสมควร ไม่แพงจนเกินไป ทั้งนี้ เพื่อให้การจ�าหน่ายผลิตภัณฑ์มีสภาพคล่องตัว โดยค�านึงถึง หลักในการตั้งราคาจ�าหน่าย ดังนี้ ๑) ต้นทุนการผลิต เป็นการคิดราคาซื้อวัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ในการผลิต โดยคิดเฉพาะ ส่วนที่ใช้ผลิต ๒) ค่าใช้จ่าย เป็นการจ่ายเงินทุกชนิดที่เกิดจากการผลิตชิ้นงาน เช่น ค่าวัสดุ อุปกรณ์ ค่าพาหนะ ค่าขนส่ง ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่น�ามาใช้ในการผลิตสินค้า เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าโฆษณา ๓) จ�านวนเงินที่บวกเพิ่ม เป็นจ�านวนเงินที่บวกไปในราคาผลผลิต โดยเพิ่มจากราคา ต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เรียกว่า “ก�าไร” ๖.๔ หลักการค�านวณก�าไรผลผลิตเพื่อการจ�าหน่าย วิธีการคิดราคาจ�าหน่ายเพื่อที่จะให้ได้เงินเพิ่มจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งมีหลักการคิด ก�าไรผลผลิตหลายวิธีเช่น การคิดก�าไรโดยบวกเพิ่มจ�านวนเงินต่อชิ้น การคิดก�าไรโดยบวกเพิ่ม จ�านวนเงินต่อจ�านวนครั้งของการจ�าหน่าย การคิดก�าไรจากร้อยละของราคาต้นทุนการผลิต กำรค�ำนวณโดยวิธีบวกจ�ำนวนเงินเพิ่มจำกรำคำต้นทุนกำรผลิต ราคาต้นทุน + ค่าใช้จ่ายทั้งหมด = ค่ำใช้จ่ำยในกำรผลิตชิ้นงำน ขั้นที่ ๑ คิดค่ำใช้จ่ำยในกำรผลิตชิ้นงำน ก�าไรทั้งหมด + ค่าใช้จ่ายในการผลิตชิ้นงาน = รำคำขำยผลผลิตทั้งหมด ขั้นที่ 3 คิดรำคำขำยผลผลิตทั้งหมด ( ราคาขายผลผลิตทั้งหมด จ�านวนผลผลิต ) = รำคำผลผลิตต่อชิ้น ขั้นที่ ๔ คิดรำคำผลผลิตต่อชิ้น คิดก�ำไรทั้งหมด ( ค่าใช้จ่ายในการผลิตชิ้นงาน × ก�าไรที่ต้องการ๑๐๐ ) = ก�ำไรทั้งหมด ขั้นที่ ๒ ➜ ➜ ➜ 8๔ ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่น� 1 ขั้นสอน 1. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ที่บริเวณชุมชนที่ ตนอาศัยอยูมีการประดิษฐสิ่งของเครื่องใช จากวัสดุในทองถิ่นออกมาเลาประสบการณ เกี่ยวกับสิ่งที่ไดพบเห็น ไมวาจะเปนรูปแบบของ ผลิตภัณฑ ขั้นตอนการผลิต การบรรจุภัณฑ การกําหนดราคาใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การจัดจําหนายผลงาน ประดิษฐจะมีวิธีการ หรือขั้นตอนในการปฏิบัติ ที่แตกตางกัน แตเปนการกระทําเพื่อมุงหวัง ผลกําไรจากการจัดจําหนายผลิตภัณฑในแบบ เดียวกัน โดยมีหลักการตางๆ ที่ตองคํานึงถึง และมีหลักการในการจัดจําหนายที่พึงปฏิบัติ ไดแก การบริการขอมูลการผลิตอยางตรงไป ตรงมา บรรจุภัณฑถูกออกแบบอยางสวยงาม มีความนาสนใจ สินคามีคุณภาพไดมาตรฐาน ตรงตามฉลากสินคา สะดวกตอการซื้อขาย รูปรางและรูปทรงของสินคาสะดวกตอการ ใชงาน มีความแข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษางาย บริการจัดสงรวดเร็ว ตรงเวลา ปลอดภัย มี ความรับผิดชอบตอสังคมและสิ่งแวดลอม” 3. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) ศึกษา เรื่อง การจัดจําหนายผลงานประดิษฐ จากหนังสือ เรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 4. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัด จําหนายผลงานประดิษฐ จาก PowerPoint ม.2 หนวยการเรียนรูที่ 5 จากนั้นใหแตละกลุม รวมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนความรูในเรื่องที่ได ศึกษามา 5. ครูใหนักเรียนศึกษาหลักการคํานวณกําไร ผลผลิตเพื่อการจําหนายและตัวอยางการ ประดิษฐกระถางใสเทียนหอม จากหนังสือ เรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 หนา 84-85 นักเรียนควรรู 1 ดอกเบี้ยเงินกู เปนผลตอบแทนที่ผูใหกูเรียกเก็บจากผูขอกู อัตราดอกเบี้ย เงินกูมักอยูในลักษณะรอยละตอป ซึ่งผูใหกู เชน ธนาคาร หรือบริษัทจะเรียกเก็บ จากผูกู เพื่อเปนผลตอบแทนจากการใหกู อัตราดอกเบี้ยเงินกูมีหลายประเภท และหลายอัตรา ที่พบไดบอย เชน • อัตราดอกเบี้ยเงินกูแบบคงที่ (Fixed Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่กําหนด ไวเปนตัวเลขเฉพาะ ไมขึ้น หรือลงตามตนทุนของสถาบันการเงิน คงที่ตลอด อายุสัญญาเงินกู หรือในชวงระยะเวลาที่กําหนด เชน กําหนดใหชําระดอกเบี้ย รอยละ 7 ตอป เปนเวลา 4 ป • อัตราดอกเบี้ยเงินกูแบบลอยตัว (Floating Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู ที่เปลี่ยนแปลงไปตามตนทุนของสถาบันการเงิน ซึ่งสถาบันการเงินจะประกาศ ออกมาเปนคราวๆ ไป เชน อัตราดอกเบี้ยอางอิงของธนาคารพาณิชยตางๆ การกําหนดราคาจําหนายใหมีผลกําไร ควรตั้งราคาแบบใด จึงจะเหมาะสมที่สุด (แนวตอบ ควรตั้งราคาตอหนวยตอชิ้นในราคาที่เหมาะสม ราคาไมสูงจนเกินไป ซึ่งไมควรตั้งราคาสูง เพื่อใหไดผลกําไรมาก เพื่อใหการจําหนายผลิตภัณฑมีสภาพคลองตัว) นํา สอน สรุป ประเมิน T94


ขอสอบเนน การคิด คิดต้นทุนการผลิตทั้งหมด = ๑,๒๕๐ + ๒๐๐ บาท ∴ต้นทุนการผลิตทั้งหมด = ๑,๔๕๐ บาท คิดก�าไรที่ต้องการ ร้อยละ ๔๐ ของราคาต้นทุน = ๑,๔๕๐ × ๔๐๑๐๐ บาท ∴ก�าไรที่ต้องการ ร้อยละ ๔๐ ของราคาต้นทุน = ๕๘๐ บาท คิดขายกระถางใส่เทียนหอมทั้งหมด = ๑,๔๕๐ + ๕๘๐ บาท ∴ราคาขายกระถางใส่เทียนหอมทั้งหมด = ๒,๐๓๐ บาท คิดราคาขายกระถางใส่เทียนหอมชิ้นละ = ๒,๐๓๐ ๕๐ บาท ∴ราคาขายกระถางใส่เทียนหอมชิ้นละ = ๔๐.๖ บาท วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ ๑. กระถางดินเผาขนาดเล็ก จ�านวน ๕๐ ใบ ๒. กระดาษห่อของขวัญคละลาย จ�านวน ๑๒ แผ่น ๓. เทียนหอม จ�านวน ๕๐ ชิ้น ๔. ดอกไม้แห้ง จ�านวน ๑๐ ห่อ ๕. เชือก จ�านวน ๑ ม้วน ๖. กาวลาเท็กซ์ ๑ กระปุก ต้นทุนกำรผลิต ตัวอย่ำงกำรประดิษฐ์ : กระถำงใส่เทียนหอม ขั้นที่ ๑ ขั้นที่ ๒ ขั้นที่ 3 ขั้นที่ ๔ ในการประดิษฐ์กระถางใส่เทียนหอม จ�านวน ๕๐ ใบ มีต้นทุนการผลิต ๑,๒๕๐ บาท ค่าเดินทาง ๒๐๐ บาท ต้องการก�าไรจากการขายร้อยละ ๔๐ ของต้นทุนการผลิต ดังนั้น จะต้องขาย กระถางใส่เทียนหอมให้ได้ราคาชิ้นละกี่บาท รำยจ่ำย รำคำต่อหน่วย ยอดรวม ๑. กระถางดินเผาขนาดเล็ก จ�านวน ๕๐ ใบ ๘ ๔๐๐ ๒. กระดาษห่อของขวัญคละลาย จ�านวน ๑๒ แผ่น ๔ ๔๘ ๓. เทียนหอม จ�านวน ๕๐ ชิ้น ๓ ๑๕๐ ๔. ดอกไม้แห้ง จ�านวน ๑๐ ห่อ ๖๐ ๖๐๐ ๕. เชือก จ�านวน ๑ ม้วน ๓๐ ๓๐ ๖. กาวลาเท็กซ์ ๑ กระปุก ๒๒ ๒๒ ๗. ค่าเดินทางไป-กลับ ๒๐๐ รวมค่ำใช้จ่ำยทั้งสิ้น ๑,๔๕๐ การประดิษฐ์ของใช้จากวัสดุ ในท้องถิ่น 8๕ ดอกไม้แห้ง จ� กาวลาเท็กซ์ ๑ กระปุก 1 2 ขั้นสอน 6. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมาอธิบาย ขั้นตอนการคํานวณกําไรผลผลิตเพื่อการ จําหนาย จากการศึกษาตัวอยางการประดิษฐ กระถางใสเทียนหอมใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน 7. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น วาการรูจักคํานวณกําไรผลผลิตเพื่อการ จําหนายมีประโยชนตอการวางแผนการผลิต ชิ้นงานอยางไร 8. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกัน วางแผนการจัดจําหนายผลงานประดิษฐตาม ความสนใจกลุมละ 1 ชนิด พรอมทั้งกําหนด ราคาจําหนายและคํานวณกําไรผลผลิต เพื่อการจําหนาย โดยศึกษาเพิ่มเติมจาก หนังสือเรียน หรือศึกษาเพิ่มเติมจาก อินเทอรเน็ต 9. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอการวางแผนการจัด จําหนายผลงานประดิษฐใหเพื่อนฟงหนา ชั้นเรียน โดยมีครูเปนผูคอยเสนอแนะเพิ่มเติม 10. ครูถามนักเรียนวา • การวางแผนการจัดจําหนายผลงานประดิษฐ มีประโยชนอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) 11. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ในการตั้งราคาในการ จําหนายผลิตภัณฑ ควรตั้งใหมีกําไรที่เพียงพอ ในการพัฒนากิจการตอ ไมจําเปนตองตั้ง ราคาสูง เพื่อใหไดผลกําไรมาก แตควรตั้ง ราคาตอหนวยตอชิ้นใหมีความเหมาะสมกับ คุณภาพของผลิตภัณฑ และตองคํานึงถึง ตนทุนการผลิต คาใชจาย และจํานวนเงินที่ บวกเพิ่มใหมีความสมดุล โดยใชวิธีการบวก จํานวนเงินเพิ่มจากราคาตนทุนการผลิต” ในการประดิษฐตะกราจากไมไผจํานวน 20 ใบ มีตนทุนการผลิต 400 บาท คาใชจายอยางอื่นอีก 150 บาท หากตองการกําไรจาก การขายรอยละ 30 ของราคาตนทุนการผลิต ดังนั้น จะตองขาย ตะกราใหไดราคาใบละกี่บาท (แนวตอบ ขั้นที่ 1 คิดตนทุนในการผลิตทั้งหมด = 400 + 150 บาท = 550 บาท ขั้นที่ 2 คิดกําไรที่ตองการ รอยละ 30 ของราคาตนทุน = 550 x 30 100 บาท = 165 บาท ขั้นที่ 3 คิดราคาขายตะกราไมไผทั้งหมด = 165 + 550 = 715 บาท ขั้นที่ 4 คิดราคาขายตะกราไมไผใบละ = 715 20 = 35.75 บาท ดังนั้น ราคาขายตะกราไมไผใบละ 35.75 บาท) นักเรียนควรรู 1 ดอกไมแหง วิธีการทําดอกไมแหงอยางงายมี 2 วิธี ไดแก • วิธีที่ 1 ตากลม เหมาะสําหรับดอกไมที่มีกลีบคอนขางหนาและทน เชน กุหลาบ ลาเวนเดอร แตไมเหมาะอยางยิ่งสําหรับดอกไมประเภทกลีบบาง ชํ้างาย เชน เดซี ทานตะวัน เพราะกลีบจะเหี่ยวยน ยับ หรืออาจรวงไดระหวางตากลม • วิธีที่ 2 ซิลิกาเจล เปนสารกันความชื้น เหมาะสําหรับดอกไมทุกประเภท ไมวาจะมีกลีบหนา หรือกลีบบางก็สามารถใชวิธีนี้ไดทั้งหมด 2 กาวลาเท็กซ ใชติดวัสดุที่มีลักษณะบาง หรือวัสดุที่มีลักษณะแตกตางกัน ผลิตจากสารไฮโดรคารบอนที่เรียกวา Polyvinyl acetate เปนสารที่ไมมีสี ไมมีกลิ่น และไมมีรส สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทําดอกไมแหง ไดที่ https://th.wikihow.com/ ทําดอกไมแหง นํา สอน สรุป ประเมิน T95


ขอสอบเนนการคิด ๖.๕ การท�าบัญชีรายรับ-รายจ่ายในงานประดิษฐ์ การบันทึกข้อมูลการรับและการจ ่ายของแต ่ละกิจการ หากกิจการใดไม ่มีการบันทึก รายรับ-รายจ่าย กิจการนั้นจะควบคุมการใช้เงิน วัตถุดิบ รวมถึงวัสดุและอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ยาก ดังนั้น การจัดท�าบันทึกรายรับ-รายจ่ายจึงเป็นสิ่งจ�าเป็น โดยเฉพาะในกิจการที่มีวัตถุดิบ สิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใช้ และผลผลิตจ�านวนมาก ควรบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน ๑) ประโยชน์ของการท�าบัญชีรายรับ-รายจ่าย การท�าบัญชีรายรับ-รายจ ่าย มีความส�าคัญและมีประโยชน์ต่อการประกอบกิจการต่าง ๆ เพราะช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายได้ และ วางแผนการใช้จ่ายได้อย่างรัดกุม ซึ่งประโยชน์ของการท�าบัญชีรายรับ-รายจ่ายมีหลายประการ เช่น เป็นข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับรายรับ-รายจ่าย เพื่อซื้อวัสดุ อุปกรณ์ และผลผลิตต่าง ๆ ท�าให้ทราบถึงปริมาณที่ใช้วัตถุดิบและวัตถุดิบที่คงเหลือ ช่วยให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับผลผลิต คือ จ�านวนที่ผลิต จ�านวนที่จ�าหน่ายได้ และจ�านวนผลผลิตที่คงเหลือ ใช้ตรวจสอบปัจจัยในการผลิต และค่าใช้จ่ายในการผลิต ท�าให้รู้ฐานะทางการเงิน เช่น ท�าให้ทราบต้นทุน ผลก�าไร การขาดทุน ควบคุมต้นทุนและก�าไรของกิจการ ช่วยลดปัญหาในการใช้จ่ายเงินของกิจการ ๒) การบันทึกรายรับ-รายจ่าย สามารถจัดท�าได้ตามแบบบันทึก ดังนี้ แบบที่ ๑ การบันทึกรายรับและรายจ่ายเพียง ๓ ช่อง โดยรายจ่ายทุกชนิดจะรวมไว้ในช่องเดียวกัน การบันทึก บัญชีแบบนี้เหมาะส�าหรับรายการบันทึกที่มีน้อย แบบที่ ๒ การบันทึกช่องรายรับจัดแยกประเภทรายจ่ายเป็นแบบหลายช่องไว้ล่วงหน้า และรวมยอดเมื่อสิ้นสุด ในแต่ละเดือน การบันทึกแบบนี้ท�าให้มองเห็นค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจน โปรแกรมสําเร็จรูปทางการบัญชี T i p การท�าบัญชีรายรับ-รายจ่าย มีความส�าคัญมากต่อการจัดการผลงานประดิษฐ์ ซึ่งในปัจจุบัน มีโปรแกรมส�าเร็จรูปทางการบัญชีให้เลือกใช้มากมาย ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยโปรแกรม เหล่านี้จะช่วยให้การท�าบัญชีเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เช่น Flowaccount.com, Flowadvance.com 86 ขั้นสอน 12. ครูใหนักเรียนศึกษาการทําบัญชีรายรับ-ราย จายและตัวอยางการทําบัญชีรายรับ-รายจาย จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 5 13. ครูใหนักเรียนแตละกลุมดําเนินการจําหนาย ผลงานประดิษฐตามที่ไดวางแผนไว พรอมทั้ง จดบันทึกบัญชีรายรับ-รายจายในการจัด จําหนายผลงานประดิษฐ และนําขอมูลมาใช ในชั่วโมงถัดไป 14. ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับการทําบัญชี รายรับ-รายจายขณะจัดจําหนายผลงาน ประดิษฐ และเปดโอกาสใหนักเรียนรวมกัน ตรวจสอบขอมูลการทําบัญชีรายรับ-รายจาย ของกลุมตนเอง 15. ครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดการทํางานประดิษฐจึงตองมี การทําบัญชีรายรับ-รายจาย (แนวตอบ เพื่อจะไดทราบถึงรายละเอียดทาง ดานการเงินอยางละเอียด เพื่อจะไดทราบ ตนทุนในการผลิตที่แทจริง) • หากไมมีการจัดทําบัญชีรายรับ-รายจาย ในการทํางานประดิษฐจะกอใหเกิดสิ่งใด (แนวตอบ ทําใหผูประดิษฐไมสามารถควบคุม คาใชจาย วัตถุดิบ เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ ในการทําผลงานประดิษฐได และเมื่อผลิต ผลงานออกมาแลวอาจกําหนดราคาจําหนาย ที่ไมเหมาะสม อาจทําใหขาดทุนได) • การทําบัญชีรายรับ-รายจายในชีวิตประจําวัน มีประโยชนตอนักเรียนหรือไม อยางไร (แนวตอบ มีประโยชน เนื่องจากทําใหเรา สามารถควบคุมคาใชจายได และสามารถ วางแผนการใชจายไดอยางรัดกุม) สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมุดบันทึกรายรับ-รายจาย บัญชีครัวเรือน ไดที่ http://www.dla.go.th/upload/document/type2/2012/4/10502_2. pdf?time=1334652751517 เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ในการใชจายของนักเรียนแตละวันนั้น นักเรียนควรจด บันทึกลงในบัญชีรายรับ-รายจายอยางละเอียด และควรจดใหครบทุกรายการที่ จายไป ทั้งนี้ เพื่อใหนักเรียนสามารถควบคุมงบประมาณในการใชจายของตนเอง จนเหลือเงิน เพื่อนํามาเก็บออมได การจัดทําบัญชีรายรับ-รายจายในงานประดิษฐ สามารถชวย ลดปญหาในดานใด 1. การจัดจําหนายสินคา 2. การควบคุมตนทุนการผลิต 3. การตรวจสอบปจจัยการผลิต 4. การรวบยอดเมื่อสิ้นสุดในแตละเดือน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการทําบัญชีรายรับ-รายจาย ในงานประดิษฐ จะสามารถชวยควบคุมตนทุนการผลิต ซึ่งก็คือ รายจายที่นําไปซื้อของ เพื่อนํามาใชในการประดิษฐ ทําใหทราบ ถึงการใชจายของกิจการ เพื่อนํามาวิเคราะหวางแผนการลงทุน ไดในอนาคต) นํา สอน สรุป ประเมิน T96


วัน เดือน ปี รำยกำร เลขที่ใบส�ำคัญ รำยรับ รำยจ่ำย เงินคงเหลือ บำท สต. บำท สต. บำท สต. ๑ ม.ค. 6๒ เงินคงเหลือยกมา รวม 3๑ พ.ค. 6๒ เงินคงเหลือยกไป จากตารางดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า การท�าสมุดบัญชีเงินสด ประกอบด้วย ๑ ชื่อของกิจกำร บันทึกไว้ส่วนบนของหน้าบัญชี ๒ ชื่อบัญชีเงินสด บันทึกไว้ส่วนบนของหน้าบัญชี 3 ช่องวัน เดือน ปี ส�าหรับบันทึกวันรับและวันจ่ายเงิน ๔ ช่องรำยกำร บันทึกรายละเอียดการรับและการจ่ายเงิน ๕ ช่องเลขที่ใบส�ำคัญ บันทึกหลักฐานการรับและการจ่ายเงิน โดยน�าเลขที่ใบส�าคัญนั้น ๆ มาบันทึก 6 ช่องรำยรับ บันทึกจ�านวนเงินที่เป็นรายได้ หรือจ�านวนเงินที่รับมาจากการขายสินค้า 7 ช่องรำยจ่ำย บันทึกจ�านวนเงินที่เป็นรายการซื้อ หรือค่าใช้จ่าย 8 ช่องเงินคงเหลือ บันทึกจ�านวนเงินที่เหลือจากการจ่าย โดยเอาจ�านวนเงินรายรับลบกับ จ�านวนเงินรายจ่าย ชื่อกิจกำร ......................................................................................................................................................................................................................... บัญชีเงินสด หน้ำ ...................................... ๑ ๒ 3 ๔ ๕ 6 7 8 ตัวอย่ำงกำรท�ำบันทึกรำยรับ-รำยจ่ำย การประดิษฐ์ของใช้จากวัสดุ ในท้องถิ่น 87 บัญชีเงินสด สมุดบัญชีเงินสด ประกอบด้วย 1 2 กิจกรรม สรางเสริม กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน 16. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การทําบัญชีรายรับรายจายมีความสําคัญและมีประโยชนเปน อยางมาก เพราะสามารถชวยควบคุมการใช เงิน วัตถุดิบ รวมถึงเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ และผลผลิตตางๆ สงผลใหผูประดิษฐทราบถึง รายละเอียดเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน เชน ตนทุน ผลกําไร การขาดทุน ซึ่งในปจจุบันมี โปรแกรมสําเร็จรูป เพื่อใชในการจัดทําบัญชี รายรับ-รายจายใหเลือกใชงานอยางมากมาย ดังนั้น ในการประดิษฐผลงานตางๆ เพื่อการ จําหนาย ผูประดิษฐควรจัดทําบัญชีรายรับรายจาย เพื่อควบคุมคาใชจายในการประดิษฐ ผลงาน เพื่อจะไดมีเงินทุนในการผลิตชิ้นงาน ชิ้นตอๆ ไป และมีผลกําไรเก็บไว เพื่อพัฒนา กิจการใหดียิ่งขึ้น” 17. ครูถามนักเรียนวา • หากมีบุคคลอื่นตองการคําแนะนําในการ จัดทําบัญชีรายรับ-รายจาย นักเรียนควร แนะนําอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน อาจแนะนําวาการทํา บัญชีรายรับ-รายจาย สามารถจัดทําได 2 แบบ ไดแก การบันทึกแบบรวมรายการจาย เปนการบันทึกรายรับ-รายจายเพียง 3 ชอง โดยรายการจายทุกชนิดจะรวมไวในชอง เดียวกัน การบันทึกบัญชีแบบนี้เหมาะ สําหรับรายการบันทึกที่มีนอย และการ บันทึกแบบหลายชอง เปนการบันทึกชอง รายรับจัดแยกประเภทรายการจายเปน แบบหลายชองไวลวงหนา และรวมยอด เมื่อสิ้นสุดในแตละเดือน การบันทึกแบบนี้ ทําใหมองเห็นคาใชจายที่ชัดเจนกวาการ บันทึกแบบรวมรายการจาย) ใหนักเรียนจดบันทึกรายรับ-รายจายของตนเองตลอดระยะ เวลา 1 เดือน และเมื่อครบ 1 เดือน ใหนักเรียนสรุปผลการบันทึก นําสงครูผูสอน ใหนักเรียนอานสถานการณสมมติการดําเนินกิจการที่ครูได แจกให จากนั้นใหนักเรียนจดบันทึกรายรับ-รายจาย ของกิจการ ดังกลาว เปนระยะเวลา 1 เดือน จากนั้นสรุปผลการบันทึกวา กิจการดังกลาวมีผลกําไร หรือขาดทุนอยางไร นําสงครูผูสอน นักเรียนควรรู 1 บัญชีเงินสด เปนบัญชีที่ใชสําหรับบันทึกรายรับ-รายจายในแตละวัน สามารถ ทําไดทั้งที่เปนรายบุคคลและแบบสวนรวม ซึ่งการทําบัญชีเงินสดทําใหทราบถึง รายไดและรายจายที่แทจริงวาเปนอยางไร และสามารถชวยควบคุมคาใชจายได 2 เงินสด เงินที่อยูในมือและเงินฝากธนาคารทุกประเภท แตไมรวมเงินฝาก ธนาคารประเภทที่ตองจายคืนเมื่อสิ้นระยะเวลาที่กําหนดไว เชน บัตรเงินสด บัตรเครดิต เงินสดในทางบัญชียังหมายความรวมถึงเอกสารทางการเงิน หรือ เอกสารเครดิตที่สามารถเปลี่ยนมือไดงาย สามารถเปลี่ยนเปนเงินสดไดทันที เมื่อตองการใช มีลักษณะอยูหลายชนิดที่ใชเปนสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แตในขณะเดียวกันจะเปนตัวกําหนดมูลคาทางเศรษฐกิจดวย นํา สอน สรุป ประเมิน T97


กิจกรรม Mini Project การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่ง เป็นการประดิษฐ์ชิ้นงานเพื่อประโยชน์ในการ ใช้สอย หรือไว้ใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงาม ซึ่งวัสดุที่น�ามาใช้หาได้ทั่วไปในโรงเรียนและ ท้องถิ่น อาจเป็นวัสดุเหลือใช้ หรือวัสดุธรรมชาติ ท�าให้ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ประหยัดเงินซื้อของส�าเร็จรูป เป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็น ผู้ประดิษฐ์ต้องมีความมานะ อดทน และฝึกปฏิบัติเป็นประจ�าจนเกิดความช�านาญ โดยเริ่มฝึกจากงานชิ้นที่ง่ายไปหาชิ้น ที่ยาก รวมทั้งฝึกดัดแปลงแบบ ฝึกออกแบบชิ้นงานใหม่ ๆ เพื่อให้ได้ชิ้นงานที่มีคุณค่า มีความน่าสนใจ มีความหลากหลายในรูปแบบ และยังเป็นการหารายได้พิเศษอีกทางหนึ่ง เมื่อประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการจัดการ กับผลงานประดิษฐ์ อันเป็นกระบวนการจัดการเพื่อให้ผลผลิตที่ได้จากงานประดิษฐ์ ถึงมือผู้บริโภคอย่างปลอดภัยและเกิดความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค ซึ่งการจัดการกับผลงาน ประดิษฐ์จะมีความเกี่ยวข้องกับการบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการท�าบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อช่วยควบคุมการใช้จ่ายเงินในการผลิตผลงานประดิษฐ์ได้ ทั้งนี้ การท�าบัญชีรายรับ-รายจ่ายสามารถ น�าไปใช้ได้กับงานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นงาน ประดิษฐ์งานช่าง งานเกษตร งานบ้านเพื่อช่วย ควบคุมค ่าใช้จ ่ายและวางแผนการใช้จ ่ายใน การท�างาน ซึ่งการบันทึกรายรับ-รายจ่ายเกี่ยวกับ วัสดุ สิ่งของ และผลผลิตเป็นสิ่งจ�าเป็นมาก โดยเฉพาะในกิจการที่มีวัตถุดิบ วัสดุ สิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใช้และผลผลิตจ�านวนมาก มีการจ�าหน่ายสินค้าหลายครั้ง ควรด�าเนินการ บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับรายรับ-รายจ่ายให้ ถูกต้องและชัดเจนอยู่เสมอ ในการประดิษฐ์ผลงานทุกประเภท ผู้ประดิษฐ์ควรท�าบันทึกรายรับ-รายจ ่ายทุกครั้ง เพื่อเป็นการควบคุม ค่าใช้จ่ายในการผลิตชิ้นงาน เคล็ดลับการจัดการงานบัญชีแบบมืออาชีพ งานบัญชีเป็นงานพื้นฐานที่จ�าเป็นต่อครัวเรือนและธุรกิจต่าง ๆ เป็นงานที่ต้องอาศัยความละเอียด รอบคอบ ซึ่งการจัดการงานบัญชีให้มีประสิทธิภาพท�าได้โดยจัดท�าตารางบัญชีที่เข้าใจง่าย บันทึกข้อมูล ต่อเนื่องและเป็นล�าดับ หากมีการแก้ไขข้อมูลต้องลงชื่อก�ากับเสมอ จ�าแนกเอกสารเป็นหมวดหมู่ และต้อง สรุปบัญชีทุกเดือน 88 บันทึกรายรับ-รายจ ่ายทุกครั้ง ค่าใช้จ่ายในการผลิตชิ้นงาน ผู้ประดิษฐ์ควรท� เพื่อเป็นการควบคุม 1 ขั้นสอน 18. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมสําเร็จรูป ทางการบัญชีใหนักเรียนฟงวา “ปจจุบันมี โปรแกรมสําเร็จรูปทางการบัญชีใหเลือก ใชงานอยางมากมาย ทั้งในรูปแบบออนไลน และรูปแบบออฟไลน ซึ่งโปรแกรมสําเร็จรูป ทางการบัญชีแบงเปน 2 ประเภท ดังนี้ • โปรแกรมสําเร็จรูปทางการบัญชีแบบปกติ มีวัตถุประสงคหลักเพื่อใชในงานดานบัญชี การเงินเพียงอยางเดียว ใชในการเก็บบันทึก รายการคาที่เกิดขึ้น ซึ่งตองมีหลักฐาน ประกอบการบันทึกตามที่กําหนดในมาตรฐาน การบัญชีเชนเดียวกับการบันทึกบัญชีดวยมือ และสรุปผลรายการคาในรูปของรายงาน ทางการเงิน เพื่อนําไปใชทั้งภายในและ ภายนอกกิจการ ฝายบัญชีจะทําหนาที่ใน การบันทึกรายการคาตางๆ ที่เกิดขึ้นจาก เอกสารที่ไดรับจากแผนกอื่นๆ และมีสิทธิ เขาถึงขอมูลตางๆ ในโปรแกรม ไมวาจะเปน การปอนขอมูล การประมวลผล การเรียกดู ขอมูลไดเพียงฝายเดียว • โปรแกรมสําเร็จรูปเพื่อการบริหารทรัพยากร ขององคกร มีวัตถุประสงคหลักในการเชื่อมตอ กระบวนการทางธุรกิจภายในองคกรเขา ดวยกัน เพื่อกอใหเกิดประสิทธิภาพในการ ดําเนินธุรกิจ โดยจะมีขอบเขตในการทํางาน ที่กวางขวางและซับซอนกวาโปรแกรม สําเร็จรูปทางการบัญชีแบบปกติ เนื่องจาก ควบคุมระบบการทํางานตางๆ ทั่วทั้ง องคกร และยังชวยใหระบบการทํางาน ตางๆ ซึ่งรวมถึงงานดานบัญชีสามารถ ทํางานไดอยางเปนระบบมากยิ่งขึ้น” 19. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา การทํางานประดิษฐจากวัสดุในโรงเรียน หรือทองถิ่น มีประโยชนทั้งตอตัวนักเรียน สังคม และสิ่งแวดลอม ทําใหนักเรียนรูจักใช เวลาวางใหเกิดประโยชน ฝกทักษะการทํางานในดานตางๆ ซึ่งเปนการสั่งสม ประสบการณใหกับนักเรียน ชวยใหประหยัดและเปนการใชทรัพยากรที่มีอยู อยางคุมคาและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังทําใหเกิดความภาคภูมิใจตอผลงานอีกดวย 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกันคิดสรางสรรค ชิ้นงานประดิษฐของใช ของตกแตงที่ทําจากวัสดุในโรงเรียน เพื่อเตรียมจัดจําหนายในโรงเรียน พรอมทั้งตั้งชื่อราน 2. สมาชิกแตละกลุมรวมกันวางแผนการทํางาน โดยการศึกษา คนควาขอมูลเกี่ยวกับชิ้นงานประดิษฐ วัสดุ อุปกรณที่นํามาใช และวิธีการประดิษฐ 3. สมาชิกแตละกลุมรวมกันประดิษฐชิ้นงานตามที่ไดวางแผนไว 4. ใหนักเรียนแตละกลุมนําชิ้นงานประดิษฐที่เสร็จเรียบรอยแลว มาวางจําหนายในโรงเรียน 5. สมาชิกแตละกลุมรวมกันจัดทําบัญชีรายรับ-รายจาย รานของ ตนเอง และสรุปบัญชีดังกลาววาไดผลกําไร หรือขาดทุน จากนั้น ประเมินผลการปฏิบัติงานวามีปญหา หรืออุปสรรคใด พรอมทั้ง เสนอแนะแนวทางการแกปญหา นักเรียนควรรู 1 การควบคุมคาใชจาย เปนหัวใจสําคัญอยางหนึ่งของการประกอบธุรกิจ เพราะหากคาใชจายนอยลงยอมหมายถึงตนทุนในการผลิตสินคาและบริการ ที่ลดลง ทําใหแขงขันกับคูแขงได นํา สอน สรุป ประเมิน T98


ขอสอบเนน การคิด ÊÃé Ò§ÊÃÃ¤ì ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙใบมอบหมำยงำน ¡Ô¨¡ÃÃÁ àÃ×èͧ ¡ÒûÃдÔɰ¢Í§ãªŒ ¢Í§µ¡áµ‹§¨Ò¡ÇÑÊ´Øã¹âçàÃÕ¹ ËÃ×Í·ŒÍ§¶Ôè¹ ค�ำชี้แจง ให้นักเรียนปฏิบัติงานกลุ่ม เพื่อร่วมกันประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในโรงเรียน หรือท้องถิ�น โดยปฏิบัติตามขั้นตอนที่ก�าหนดให้ ดังน�้ ๑. แต่ละกลุ่มส�ารวจวัสดุในโรงเรียน หรือท้องถิ�นที่สามารถน�ามาประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งได้ พร้อมบันทึกผลการส�ารวจ ๒. น�าวัสดุในโรงเรียน หรือท้องถิ�นอย่างน้อย ๑ ชนิด มาประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่ง พร้อมทั้ง อธิบายเหตุผลที่เลือกใช้วัสดุชนิดนั้น ๓. ประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุในโรงเรียน หรือท้องถิ�น กลุ่มละ ๑ ชิ้น โดยมีขั้นตอน การปฏิบัติ ดังน�้ • วางแผนการท�างานร่วมกันในกลุ่ม โดยการวางแผนเลือกประดิษฐ์ชิ้นงาน เลือกวัสดุ ค�านวณ ค่าใช้จ่าย และก�าหนดระยะเวลาในการปฏิบัติงาน • ปฏิบัติงานตามแผนการท�างาน หากในการท�างานต้องประสบกับปัญหาให้ใช้ทักษะ กระบวนการแก้ปัญหาในการท�างาน โดยมีขั้นตอน คือ การสังเกต การวิเคราะห์ การสร้าง ทางเลือก และการประเมินทางเลือก • บันทึกผลการท�างานและประเมินผลการท�างาน • น�าเสนอผลงานให้เพื่อนชมหน้าชั้นเรียน $ การประดิษฐ์ของใช้จากวัสดุ ในท้องถิ่น 8๙ การทํางานประดิษฐจากกระดาษรีไซเคิลเปนของใช ของตกแตง บาน ควรมีหลักการประดิษฐตามขอใด 1. มีประโยชนและมีรายไดเพิ่มมากขึ้น 2. มีรายไดเพิ่มมากขึ้นและมีกระบวนการผลิตที่ซับซอน 3. กระบวนการผลิตตองมีความปลอดภัยและมีประโยชน 4. มีรายไดเพิ่มมากขึ้นและกระบวนการผลิตตองมีความปลอดภัย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะหลักการสําคัญในการทํางาน ประดิษฐจากกระดาษรีไซเคิล คือ การนําวัสดุที่ใชแลวมาประดิษฐ เปนสิ่งของที่มีประโยชนและสามารถสรางรายไดที่เพิ่มมากขึ้น) แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การทําชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการ เรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 แบบประเมนิการจดัท ารายงาน : การจดัจา หนา่ยงานประดษิฐ์ ง 1.1 ม.2/1 ใช้ทักษะการแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาการท างาน ง 1.1ม.2/2 ใช้ทักษะกระบวนการแก้ปัญหาในการท างาน ง 1.1ม.2/3 มีจิตส านึกในการท างานและใช้ทรัพยากรในการ ปฏิบัติงานอย่างประหยัดและคุ้มค่า รายการ ประเมนิ เกณฑก์ารประเมนิ (ระดบัคณุภาพ) ระดบั ดมีาก (4) ด (ี 3) พอใช (้ 2) ปรบั ปรงุ (1) คณุภาพ 1. การจัด จ าหน่าย งานประดิษฐ์ นักเรียนสามารถ จัดจ าหน่าย งานประดิษฐ์ตาม หลักการได้ ผลลัพธ์ดีมาก นักเรียนสามารถจัด จ าหน่าย งานประดิษฐ์ตาม หลักการได้ ผลลัพธ์ดี นักเรียนสามารถจัด จ าหน่าย งานประดิษฐ์ตาม หลักการได้ ผลลัพธ์ค่อนข้างดี นักเรียนไม่ สามารถ จัดจ าหน่ายงาน ประดิษฐ์ ตามหลักการได้ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง 2. การบันทึก รายรับ- รายจ่าย ท าบันทึกรายรับรายจ่าย การจัดจ าหน่าย งานประดิษฐ์ ได้สมบูรณ์ดีมาก ท าบันทึกรายรับรายจ่าย การจัดจ าหน่ายงาน ประดิษฐ์ได้ดี ท าบันทึกรายรับรายจ่าย การจัดจ าหน่าย งานประดิษฐ์ ได้ค่อนข้างดี ท าบันทึกรายรับรายจ่าย การจัดจ าหน่าย งานประดิษฐ์ ไม่ได้ 3. ความสมบูรณ์ ของผลงาน ผลงานมีความ ครบถ้วน สมบูรณ์ ดีมาก ผลงานมีความ ครบถ้วน สมบูรณ์ ค่อนข้างดี ผลงานมีความ ครบถ้วน สมบูรณ์ดี เป็นบางส่วน ผลงานมีความ ครบถ้วน สมบูรณ์ น้อย 4. ส่งงานตรง เวลา ส่งภาระงาน ภายในเวลา ที่ก าหนด ส่งภาระงานช้ากว่า ก าหนด 1 วัน ส่งภาระงานช้ากว่า ก าหนด 2 วัน ส่งภาระงานช้า กว่าก าหนดเกิน 3 วันขึ้นไป เกณฑก์ารตดั สนิคณุภาพ ชว่งคะแนน ระดบัคณุภาพ 15 - 16 ดมีาก 12 - 14 ดี 7 - 11 พอใช้ 1 - 6 ปรบั ปรงุ ขั้นสอน 20. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การจัดจําหนายผลงานประดิษฐ โดยใหนักเรียนแตละกลุมรวบรวมขอมูลจาก การจัดจําหนายผลงานประดิษฐนอกเวลาเรียน ตามการวางแผนงานของนักเรียน จัดทําเปน รายงาน นําสงครูผูสอนในชั่วโมงถัดไป 21. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย การเรียนรูที่ 5 ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การ จัดจําหนายผลงานประดิษฐวา “การนําผลผลิต ที่ไดจากการประดิษฐไปจําหนาย เปนการนํา ผลงานไปแลกเปลี่ยนเปนเงิน ดังนั้น ผูประดิษฐจึง ควรมุงหวังถึงผลกําไร เพื่อนําผลกําไรที่ไดมาใช ในการพัฒนาผลผลิตใหดียิ่งขึ้น แตไมจําเปนตอง ตั้งราคาสูง เพื่อใหไดผลกําไรมาก ควรมีคุณธรรม และจริยธรรมตอลูกคา และควรตั้งราคาตอหนวย ตอชิ้นตามหลักในการตั้งราคาจําหนาย เพื่อให การจําหนายผลิตภัณฑมีสภาพคลองตัว” ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจหลังเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การจัดจําหนายผลงานประดิษฐ 3. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 5 4. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการ เรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางาน กลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกต คุณลักษณะอันพึงประสงค แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง นํา สอน สรุป ประเมิน T99


Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 1 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.2 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ การงานอาชีพ ม.2 - PowerPoint 1. อธิบายความรู้เกี่ยวกับ การเลี้ยงสัตว์ในบริเวณ บ้านได้ 2. เขียนขั้นตอนในการ เลี้ยงสัตว์ภายในบริเวณ บ้านได้อย่างเหมาะสม 3. วางแผนการเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้านได้ ประหยัดและคุ้มค่า 4. สืบค้นข้อมูลที่ส�ำคัญ ส�ำหรับการเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้านได้ 5. มีเจตคติที่ดีต่อการ เลี้ยงสัตว์ในบริเวณบ้าน แบบเน้น รูปแบบการ สืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจใบงานที่ 6.1.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสรุป ลงความคิดเห็น - ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหา - ทักษะการให้ เหตุผล - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่นในการ ท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ แผนฯ ที่ 2 การเลี้ยงปลา สวยงาม 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.2 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ การงานอาชีพ ม.2 - PowerPoint 1. อธิบายหลักการเลี้ยง ปลาสวยงามได้อย่าง ถูกต้อง 2. วางแผนการเลี้ยงปลา สวยงามตามขั้นตอนได้ อย่างถูกต้อง 3. เลือกสายพันธุ์ปลา ภาชนะ และอุปกรณ์ ต่างๆ ส�ำหรับการเลี้ยง ปลาสวยงามได้ถูกต้อง 4. เกิดเจตคติที่ดีต่อการ เลี้ยงปลาสวยงาม แบบเน้น ทฤษฎีการ จัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือ - ตรวจใบงานที่ 6.2.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสรุป ลงความคิดเห็น - ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหา - ทักษะการให้ เหตุผล - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่นในการ ท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ T100


แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 3 การเลี้ยงไก่ไข่ 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.2 - แบบทดสอบหลังเรียน - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ การงานอาชีพ ม.2 - PowerPoint 1. อธิบายหลักในการเลี้ยง ไก่ไข่ได้อย่างถูกต้อง 2. วางแผนการเลี้ยงไก่ไข่ ตามขั้นตอนได้อย่าง ถูกต้อง 3. เขียนแผนผังโรงเรือน ส�ำหรับการเลี้ยงไก่ไข่ ได้อย่างถูกต้อง 4. เกิดเจตคติที่ดีในการ ปฏิบัติงานและเล็งเห็น ประโยชน์คุณค่าของ ไก่ไข่ แบบเน้น รูปแบบการ สืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - ตรวจใบงานที่ 6.3.1 - ตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสรุป ลงความคิดเห็น - ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหา - ทักษะการให้ เหตุผล - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่นในการ ท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ T101


การเลี้ยงสัตว ในบริเวณบาน มีทั้งที่เลี้ยงไวเพื่อเปนอาหารและเลี้ยงไวเพื่อความเพลิดเพลิน ซึ่งสัตวเลี้ยงแตละชนิดจะมีความแตกตางกันในดานตาง ๆ ทําใหปจจัยในการเลี้ยงมี ความแตกตางกันไปดวย ดังนั้น เราจึงควรศึกษาหาขอมูลของสัตวที่ตองการจะเลี้ยง ใหละเอียดกอน เพื่อที่จะไดดําเนินการเลี้ยงสัตวชนิดนั้นไดอยางถูกวิธี ตัวชี้วัด ■ ใชทักษะการแสวงหาความรู เพื่อพัฒนาการทํางาน (ง ๑.๑ ม.๒/๑) ■ ใชทักษะกระบวนการแกปญหาในการทํางาน (ง ๑.๑ ม.๒/๒) ■ มีจิตสํานึกในการทํางานและใชทรัพยากรในการปฏิบัติงานอยางประหยัดและคุมคา (ง ๑.๑ ม.๒/๓) ö หน่วยการเรียนรู้ที่ ¡ารเลÕéย§สัµÇ ãนºริàว³ºŒาน เกร็ดแนะครู ครูควรจัดการเรียนรู โดยอธิบายเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวในบริเวณบานใหนักเรียนฟง เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจ เรื่อง ความสําคัญของการเลี้ยงสัตว ในบริเวณบาน ปจจัยของการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน และประเภทของสัตวเลี้ยงในบริเวณบาน ใชทักษะการแสวงหาความรูและทักษะกระบวนการแกปญหา ในการทํางานอยางเปนขั้นตอนในการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน ตามขั้นตอนที่ถูกตองและเหมาะสม มีจิตสํานึกในการทํางาน และใชทรัพยากรในการปฏิบัติงาน อยางประหยัดและคุมคา โดยสามารถจัดกิจกรรมได ดังนี้ • ใหนักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความคิดเห็น เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน • ใหนักเรียนอภิปรายความรูรวมกันเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรูซึ่งกันและกันกับเพื่อนรวมชั้นเรียน • ใหนักเรียนฝกปฏิบัติจริงในการเลี้ยงสัตวตามความสนใจ 1 ชนิด • ใหนักเรียนจัดทํารายงานกลุมเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวในทองถิ่นของตนเอง ขั้นนํา (5Es) ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 2. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • หากตองการเลี้ยงสัตวควรปฏิบัติตนอยางไร เพื่อใหการเลี้ยงสัตวเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) 3. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ที่เคยเลี้ยงสัตว ออกมาเลาประสบการณเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว ของตนใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน 4. ครูอธิบายเพิ่มเติม เพื่อเชื่อมโยงความรูกอน เขาสูบทเรียนวา “การเลี้ยงสัตวแตละชนิด จะมีวิธีการเลี้ยงที่แตกตางกัน เชน อาหาร และการใหอาหาร สถานที่ที่ใชเลี้ยง การดูแล รักษาและการปองกันโรค ดังนั้น ผูเลี้ยง จึงควรศึกษาขอมูลของสัตวที่ตองการเลี้ยงให เขาใจอยางละเอียดกอนดําเนินการเลี้ยง เพื่อ ใหการเลี้ยงสัตวเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ” ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกัน ศึกษา เรื่อง ความสําคัญของการเลี้ยงสัตว ปจจัย ของการเลี้ยงสัตว และประเภทของสัตวเลี้ยง ในบริเวณบาน จากหนังสือเรียน หนวยการ เรียนรูที่ 6 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความ สําคัญของการเลี้ยงสัตว ปจจัยของการเลี้ยง สัตว และประเภทของสัตวเลี้ยงในบริเวณบาน จาก PowerPoint ม.2 หนวยการเรียนรูที่ 6 นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T102


ขอสอบเนน การคิด ๑ ความสําคัญของการเลี้ยงสัตว ในบริเวณบาน การเลี้ยงสัตว์ในบริเวณบ้านมีวัตถุประสงค์ส�าคัญหลาย ประการ เช ่น เลี้ยงไว้เพื่อความเพลิดเพลิน เพื่อเป็นเพื่อน เพื่อเป็นอาหาร การเลี้ยงสัตว์จึงมีความส�าคัญต ่อสมาชิกใน ครอบครัว ดังนี้ ๑. ได้เรียนรู้วงจรชีวิตของสัตว์ เข้าใจความเป็นอยู่ และ ลักษณะนิสัยของสัตว์ ๒. มีความรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้อื่น ตรงต่อเวลา และรู้จัก ประหยัดอดออม ๓. เพลิดเพลินไปกับการเลี้ยงสัตว์ ท�าให้มีสุขภาพจิตดี มีความอ่อนโยน มีความรัก และความเมตตาต่อสัตว์ ๔. เกิดความภาคภูมิใจที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ประสบความ ส�าเร็จด้วยความสามารถของตน ๕. น�าความรู้และทักษะที่ได้จากการเลี้ยงสัตว์ไปประกอบ อาชีพได้ ๖. น�าผลผลิตที่ได้จากสัตว์ที่เลี้ยงไว้เป็นอาหารเพื่อบริโภค ในครอบครัว เป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ๗. ผลผลิตหากมีเหลือให้น�าไปจ�าหน่าย เพื่อเป็นรายได้เสริม มาเลี้ยงครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง ËÒ¡µŒÍ§¡ÒÃàÅÕé§ÊѵǏ ñ ª¹Ô´ ·Õ躌ҹ ¤Çû¯ÔºÑµÔµ¹Í‹ҧäà à¾×èÍãËŒÊÒÁÒöàÅÕé§ÊѵǏ䴌 Í‹ҧÁդسÀÒ¾ สาระการเรียนรู้แกนกลาง ■ ทักษะกระบวนการแกปญหาในการทํางาน มีขั้นตอน คือ การสังเกต วิเคราะห สรางทางเลือก และประเมินทางเลือก เชน - การเลี้ยงสัตว การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 91 ความสําคัญของการเลี้ยงสัตว ๑. ได้เรียนรู้วงจรชีวิตของสัตว์ เข้าใจความเป็นอยู่ และ ๖. น�าผลผลิตที่ได้จากสัตว์ที่เลี้ยงไว้เป็นอาหารเพื่อบริโภค 1 2 3 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายความรู เรื่อง ความสําคัญของการเลี้ยงสัตว ปจจัย ของการเลี้ยงสัตว และประเภทของสัตวเลี้ยง ในบริเวณบาน เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจ ที่ถูกตองตรงกัน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 4. ครูใหนักเรียนแตละกลุมเลือกสัตวเลี้ยงตาม ความสนใจ 1 ชนิด จากนั้นสืบคนปจจัยที่ควร คํานึงถึงในการเลี้ยงสัตวชนิดนั้นๆ พรอมทั้ง บันทึกขอมูลลงในใบงานที่ 6.1.1 เรื่อง สัตวเลี้ยง ในบริเวณบาน 5. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การเลี้ยงสัตวในบริเวณ บาน มีสิ่งที่ควรคํานึงถึง ไดแก สถานที่ที่ใชเลี้ยง ชนิดของสัตวเลี้ยง ความรูและทักษะในการเลี้ยง และปจจัยในการดําเนินการ เชน ทุน แรงงาน วัสดุ อุปกรณ” 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน 7. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ผูเลี้ยงจําเปนตองรูจักวิธี การปองกันและดูแลรักษาสัตวเลี้ยง เชน การทํา ความสะอาดที่อยูอาศัย การใหอาหารและนํ้าใน ปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสม การฉีดวัคซีน ปองกันโรค” 8. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกันปฏิบัติ กิจกรรม “ฉันตองการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน” โดยแตละกลุมจะไดรับสถานการณ คือ เพียงใจ มีพื้นที่วางในบาน 200 ตารางวา เธอตองการ เลี้ยงสัตวที่เลี้ยงไวเพื่อความเพลิดเพลินและ สัตวที่เลี้ยงไวเพื่อเปนอาหาร แตเธอขาดความรู เกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว จะมีวิธีการอยางไร เพื่อชวยเหลือเพียงใจใหสามารถเลี้ยงสัตวใน บริเวณบานไดอยางถูกตอง นักเรียนควรรู 1 การเลี้ยงสัตว มีความสําคัญตอมนุษยในดานจิตใจ ชวยใหผูเลี้ยงมีสุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี การเลี้ยงสัตวเปนการฝกฝนและกลอมเกลาจิตใจใหผูเลี้ยง มีจิตใจที่ออนโยน มีความรัก ความเมตตาตอสัตว ชวยผอนคลายจากความ ตึงเครียดได 2 วงจรชีวิตของสัตว เปนชีวิตการเจริญเติบโตของสัตวที่เจริญเติบโตมา อยางตอเนื่องและเปนระเบียบ ซึ่งสัตวแตละชนิดจะมีวงจรชีวิตที่แตกตางกัน 3 ผลผลิต เปนสิ่งที่ผูเลี้ยงสัตวตองบริหารจัดการอยางเปนระบบ เนื่องจาก ผลผลิตบางอยางสามารถนํามาบริโภคได บางอยางสามารถนําไปจําหนาย เพื่อสรางรายได บางอยางมีมูลคานอยแตสามารถนําไปเพิ่มมูลคากอนนําไป จําหนายได ดังนั้น กอนการเลี้ยงสัตวจึงควรวางแผนการเลี้ยง เพื่อใหสามารถ จัดการกับผลผลิตไดอยางเหมาะสม “การมีสุขภาพจิตที่ดี มีความออนโยน และมีความเมตตา ตอสัตว” ขอความนี้มีความสัมพันธกับขอใด 1. ปจจัยในการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน 2. หลักการเลี้ยงปลาสวยงามในบริเวณบาน 3. ความสําคัญของการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน 4. วัตถุประสงคของการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน จะทําใหสมาชิกในครอบครัวเกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ไดใช เวลาในการทํากิจกรรมตางๆ รวมกัน สงผลใหมีสุขภาพจิตที่ดี มีความรัก ความออนโยน และมีความเมตตาตอสัตว) นํา สอน สรุป ประเมิน T103


๒ ปจจัยของการเลี้ยงสัตว ในบริเวณบาน การเลี้ยงสัตว์ในบริเวณบ้านมีทั้งที่เลี้ยงไว้เพื่อการบริโภคเองในครัวเรือนและเลี้ยงไว้เพื่อ ดูเล่น เพื่อสร้างความเพลิดเพลิน ความสวยงาม ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกเลี้ยงสัตว์แต่ละชนิด ควรค�านึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ ๓ ประเภทของสัตวเลี้ยงในบริเวณบาน สัตว์เลี้ยงในบ้านมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ซึ่งหากพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของผู้เลี้ยง สามารถ จ�าแนกได้ ๒ ประเภท ดังนี้ เชน สุนัข แมว กระตาย นก ปลา ซึ่งสัตว เหลานี้นํามาเลี้ยงไวในบริเวณบานได เพื่อ ความเพลิดเพลิน สรางความผอนคลาย ใหกับผูเลี้ยง เชน ไก เปด ปลาดุก ปลานิล ปลาทับทิม สัตวเหลานี้นําไปบริโภคในครัวเรือน หากมี เหลือนําไปจําหนาย เพื่อเปนรายไดเสริม ใหแกครอบครัวได เพื่อความเพลิดเพลิน เพื่อเปนอาหาร สถานที่ • พิจารณาถึงสภาพบานและสิ่งแวดลอม ในบานวาเอื้อตอการเลี้ยงสัตวหรือไม • สถานที่ตองไมคับแคบ มีความสะดวกสบาย อากาศถายเท สะอาด ถูกสุขลักษณะ ความรูและทักษะ • มีหลักบริหารจัดการที่ดี เนื่องจากสัตว แตละชนิดมีหลักการเลี้ยงและการดูแลที่ แตกตางกัน • ศึกษาหาความรู รวมถึงฝกฝนทักษะเพื่อให การเลี้ยงสัตวของตนประสบความสําเร็จ ชนิดของสัตวเลี้ยง • พิจารณาถึงความตองการของสมาชิกใน ครอบครัววาตองการเลี้ยงสัตวชนิดใด • เลือกสัตวเลี้ยงใหตรงกับความตองการและ จุดประสงคของสมาชิกในครอบครัว ปจจัยในการดําเนินการ • ประกอบดวยเงินทุน แรงงาน วัสดุ อุปกรณ และการบริหารจัดการ • ปจจัยในการดําเนินการจะมีความแตกตางกัน เชน ชนิดของสัตว รูปแบบการเลี้ยง 9๒ กิจกรรม สรางเสริม กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 9. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันแสดงความ คิดเห็นวา ตองการเลี้ยงสัตวประเภทใด โดย ออกแบบวิธีการเลี้ยงสัตวในบริเวณบานตาม ขั้นตอนของกระบวนการทํางาน 10. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน 11. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง ความ สําคัญของการเลี้ยงสัตว ปจจัยของการเลี้ยงสัตว และประเภทของสัตวเลี้ยงในบริเวณบานวา “การ เลี้ยงสัตว มีทั้งเลี้ยงไวเพื่อความเพลิดเพลินและ เลี้ยงไวเพื่อบริโภค ผูเลี้ยงควรศึกษาขอมูลใหเขาใจ อยางละเอียด เพื่อใหเลี้ยงสัตวไดอยางถูกวิธี” แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม ใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัตวเลี้ยงที่นักเรียน ตองการเลี้ยงตามความสนใจ 1 ชนิด โดยคนหาขอมูลในประเด็น ที่ครูกําหนดให คือ หากเลี้ยงสัตวชนิดนี้จะตองมีการเตรียม ความพรอมในดานใดและเตรียมอยางไร นําขอมูลที่ไดจากการศึกษา มาสรุปลงในกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน ใหนักเรียนจับกลุมกับเพื่อนที่เลือกเลี้ยงสัตวชนิดเดียวกัน นําขอมูลที่ไดมาแลกเปลี่ยนเรียนรูซึ่งกันและกัน พรอมทั้งเปรียบเทียบ ขอมูลเพื่อหาขอมูลที่เหมือนและขอมูลที่แตกตางกัน จากนั้น ใหแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอผลงานให เพื่อนชมหนาชั้นเรียน พรอมทั้งอธิบายเหตุผลที่เลือกเลี้ยงสัตวชนิดนี้ ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบกอนเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจกอนเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 6.1.1 เรื่อง สัตวเลี้ยงใน บริเวณบาน 3. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 4. ครูประเมินผลจากการออกแบบวิธีการเลี้ยงสัตว ในบริเวณบานตามขั้นตอนของกระบวนการ ทํางาน 5. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค นํา สอน สรุป ประเมิน T104


ขอสอบเนน การคิด ปลาเทวดา ปลามังกร ๔ ตัวอยางการเลี้ยงสัตว ในบริเวณบาน การเลี้ยงสัตว์ในบริเวณบ้านจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความชอบของสมาชิกในครอบครัว ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ชนิดนั้น ๆ สถานที่ เวลาดูแลเอาใจใส่ ค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ซึ่งในที่นี้จะขอ ยกตัวอย่างสัตว์เลี้ยงที่สามารถเลี้ยงได้ทั่วไป ดังนี้ ๔.๑ การเลี้ยงปลาสวยงาม การเลี้ยงปลาสวยงามไว้ ในบ้าน หรือบริเวณบ้าน มีความส�าคัญต่อผู้เลี้ยงและสมาชิกในครอบครัว เป็นการฝกจิตใจของผู้เลี้ยงให้เกิดความรู้สึกดีงามต่อธรรมชาติ เกิดความเพลิดเพลินในการเลี้ยง ทั้งยังมีส่วนช่วยก�าจัดยุง เนื่องจากปลาสวยงามที่นิยมเลี้ยงส่วนมากจะชอบกินลูกน�้า ๑) การคัดเลือกชนิดพันธุปลา ปลาสวยงามมีหลายชนิด ซึ่งก ่อนที่จะเลี้ยงควร พิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความต้องการของสมาชิกในครอบครัวว่าต้องการเลี้ยงปลาชนิดใด พื้นที่ในการเลี้ยงเอื้อต ่อการเลี้ยงปลาชนิดนั้นหรือไม ่ ซึ่งการเลือกชนิดพันธุ์ปลาที่จะเลี้ยง มีวิธีการคัดเลือก ดังนี้ ความสวยงาม ปลาแตละชนิดมีความสวยงาม แตกตางกัน ไมวาจะเปนใน เรื่องของขนาด รูปราง สีสัน การเคลื่อนไหว เชน • ปลาขนาดเล็ก ที่มีสีสัน สวยงาม ฉูดฉาด เคลื่อนไหว ไปมาตลอดเวลา เชน ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลาซิว ปลานีออน • ปลาขนาดกลาง ที่มีสีสัน สวยงาม เคลื่อนไหวไปมา อยางชา ๆ เชน ปลาเทวดา ปลาปอมปาดัวร • ปลาขนาดใหญ ที่มีสีสัน สวยงาม เคลื่อนไหวไปมา อยางชา ๆ สงางาม เชน ปลาออสการ ปลามังกร ปลาแรด ปลากราย การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 9๓ ๔.๑ การเลี้ยงปลาสวยงาม • ปลาขนาดใหญ ที่มีสีสัน ทั้งยังมีส่วนช่วยก�าจัดยุง เนื่องจากปลาสวยงามที่นิยมเลี้ยงส่วนมากจะชอบกินลูกน�้า 1 3 2 ขั้นนํา (เนนทฤษฎีการจัดการเรียนรูแบบรวมมือ) 1. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • นักเรียนเคยเลี้ยงปลาสวยงามหรือไม ถาเคย ปลาที่เลี้ยงเปนปลาสายพันธุใด มีรูปรางและ ลักษณะนิสัยเปนอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เคยเลี้ยงปลาทอง สายพันธุ ฮอลันดา มีลําตัวคอนขางยาวและใหญ หางยาว มีครีบครบทุกครีบ สวนหัวมีวุนขึ้น คลายพันธุหัวสิงห วุนสีเหลืองสม ไมชอบอยูนิ่ง กับที่ ชอบวายนํ้าตลอดเวลา และชอบคุยทราย ตามพื้นตู) 2. ครูเปดวีดิทัศนเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาสวยงาม ใหนักเรียนดู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • หากตองการเลี้ยงปลาสวยงามแตยังขาด ความรูเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาสวยงาม ควร แกปญหาดังกลาวอยางไร (แนวตอบ ควรทดลองเลี้ยงปลาสวยงาม ที่ดูแลงายจําพวกปลาหางนกยูง ปลาสอด เพราะมีความแข็งแรง ทนทาน และราคา ไมแพงจนเกินไปกอนดําเนินการเลี้ยงจริง จนเกิดประสบการณจากการศึกษาคนควา การสังเกต และการสัมภาษณจากผูรู) • นักเรียนคิดวา การเลี้ยงปลาสวยงามควรมี หลักในการพิจารณาอยางไร (แนวตอบ การเลือกพันธุปลาสวยงาม มีหลัก ในการพิจารณา ดังนี้ • ความสวยงามของปลาแตละชนิดจะขึ้นอยู กับความชอบของผูเลี้ยงเปนหลัก • ปจจัยในการเลี้ยงปลาสวยงาม เชน ปจจัย ดานอุณหภูมิ ปจจัยดานอาหาร ปจจัย ดานสถานที่ที่ใชในการเลี้ยง • ความหลากหลายทางสายพันธุ ซึ่งปลา สวยงามแตละชนิด จะมีสายพันธุแยก ออกไปอยางหลากหลาย) นักเรียนควรรู 1 ปลาสวยงาม มีอยูดวยกันหลายสายพันธุ ซึ่งในประเทศไทยไดจัดอันดับ ปลาสวยงามไวดวยกัน 10 สายพันธุ คือ ปลาตะพัด ปลาเสือตอ ปลากัดไทย ปลากระดี่มุก ปลาฉลามหางไหม ปลากระทิงไฟ ปลาทรงเครื่อง ปลาตองลาย ปลากระแหทอง และปลากระเบนเสือดาว 2 ลูกนํ้า ปลาที่นิยมเลี้ยงเพื่อนํามาใชในการกําจัดลูกนํ้าสวนใหญจะเปน ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลากัด ฯลฯ โดยปลาจะกินลูกนํ้าเปนอาหาร ซึ่งเปน วิธีการหนึ่งที่จะชวยควบคุมและปองกันการเกิดยุงลายได 3 ปลาขนาดใหญ จัดเปนปลาสวยงามที่มีรูปรางและมีขนาดใหญ การ เคลื่อนไหวเปนไปอยางเชื่องชา สงางาม ผูเลี้ยงจําเปนตองเตรียมสถานที่ที่ใชใน การเลี้ยงปลาใหมีขนาดใหญ ไมวาจะเปนบอ หรือตู เพื่อใหปลามีการเจริญเติบโต ที่ดี มีพื้นที่ในการอยูอาศัย สามารถวายนํ้าไป-มาไดอยางสะดวก “พลตองการเปนเจาของธุรกิจสัตวเลี้ยง” พลควรคํานึงถึง ปจจัยในขอใดมากที่สุด 1. เงินทุน 2. แรงงาน 3. วัสดุ อุปกรณ 4. การบริหารจัดการ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะพลสามารถนําเงินทุนไปใช ในการจางแรงงาน ซื้อวัสดุ อุปกรณ รวมถึงวาจางผูที่มีความรู ความเชี่ยวชาญ และมีความสามารถมาชวยในการบริหารจัดการ ธุรกิจของตนใหประสบความสําเร็จได) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T105


ขอสอบเนนการคิด ปจจัยในการเลี้ยง สายพันธุ ปลาสามารถนํามาผสมขาม สายพันธุ ได โดยการดําเนิน การของมนุษย ทําใหปลา บางกลุม หรือบางชนิดมีความ หลากหลายทางสายพันธุ ดังนั้น ลักษณะของปลาที่เห็น อาจไมใชลักษณะที่แทจริง ของสายพันธุ เชน ปลาทอง ปลาเทวดา ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลานีออน ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลาออสการ ปลาแตละชนิดมีความตองการ แตกตางกัน ทําใหมีปจจัยใน การเลี้ยงแตกตางกันไป เชน • ปลาที่อาศัยอยู ในอุณหภูมิ นํ้าคอนขางสูง เชน ปลา นีออน ตองใชเครื่องให ความรอน มิฉะนั้นปลา อาจตายได • ปลาที่ตองการอาหารสด เชน ปลามังกร ผูเลี้ยงควร เตรียมอาหารแบบที่ปลา ตองการ เชน หนอนแดง • ปลาที่ตองเลี้ยงดวยตูปลา ขนาดใหญ เชน ปลาออสการ เตรียมขนาดของตูปลาให เหมาะสมกับขนาดของปลา ที่จะเลี้ยง 9๔ อยู ในอุณหภูมิ นํ้าคอนขางสูง เชน ปลา ตองการ เชน หนอนแดง ปลาสอด 1 2 3 ขั้นสอน 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกันศึกษา เรื่อง การเลี้ยงปลาสวยงาม จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือ ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต ในประเด็นที่ ครูกําหนดให คือ การคัดเลือกชนิดพันธุปลา ลักษณะนิสัยของปลา สถานที่ที่ใชในการ เลี้ยงปลา ภาชนะและอุปกรณในการเลี้ยงปลา อาหารและการใหอาหารปลา การดูแลรักษา โรคของปลา 2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยง ปลาสวยงาม จาก PowerPoint ม.2 หนวย การเรียนรูที่ 6 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปราย ความรู เรื่อง การเลี้ยงปลาสวยงาม เพื่อใหเกิด ความรู ความเขาใจที่ถูกตองตรงกัน 4. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันสรุปความรู ที่ไดรับจากการศึกษา เรื่อง การเลี้ยงปลา สวยงาม ลงในใบงานที่ 6.2.1 เรื่อง การเลี้ยง ปลาสวยงาม 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมานําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน ขั้นนํา 3. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ที่เคยเลี้ยงปลา สวยงามออกมาเลาประสบการณเกี่ยวกับการ เลี้ยงปลาของตนใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน 4. ครูอธิบายเพิ่มเติม เพื่อเชื่อมโยงความรูกอน เขาสูบทเรียนวา “การเลี้ยงปลาสวยงามขึ้น อยูกับความชอบของผูเลี้ยง สถานที่ที่ใชเลี้ยง เวลา การดูแลเอาใจใส คาใชจาย ฯลฯ โดยการ เลี้ยงปลาสวยงามเปนการฝกจิตใจของผูเลี้ยง ใหเกิดความรูสึกดีงามตอธรรมชาติ เกิด ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ทั้งยังเปนการฝก ความรับผิดชอบตอชีวิตของผูอื่นอีกดวย” นักเรียนควรรู 1 อุณหภูมินํ้า เปนสิ่งสําคัญและจําเปนอยางมากในการเลี้ยงปลาสวยงาม เนื่องจากปลาเปนสัตวเลือดเย็น ดังนั้น อุณหภูมิของรางกาย หรือกระบวนการ เผาผลาญอาหารภายในรางกาย จึงเปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิของนํ้า ซึ่ง อุณหภูมิที่เหมาะสมสําหรับเลี้ยงปลาจะอยูระหวาง 27-32 องศาเซลเซียส 2 หนอนแดง เรียกอีกอยางหนึ่งวา “ริ้นนํ้าจืด” รูปรางคลายยุง อาศัยอยู รวมกันเปนฝูงบริเวณแหลงนํ้าที่มีแสงแดดรําไร จัดเปนอาหารตามธรรมชาติ ที่นิยมนํามาใชในการเลี้ยงปลา มีคุณคาทางอาหารและใหพลังงานสูง 3 ปลาสอด เปนปลาสวยงามขนาดเล็กที่มีสีสันสวยงามและราคาไมแพง นิยมเลี้ยงในอาง บอ หรือตู ไมจําเปนตองใชเครื่องปมอากาศ สามารถเลี้ยง รวมกันเปนฝูงได การขยายพันธุจะเปนไปอยางรวดเร็ว โดยปลาสอดจะออกลูก ทุกๆ 4 สัปดาห ประมาณครั้งละ 20 ตัว “ธีรตองการเลี้ยงปลาที่มีรูปรางและรูปทรงสงางาม เคลื่อนไหว รางกายอยางชาๆ” ธีรควรเลือกเลี้ยงปลาสายพันธุใด 1. ปลาหางนกยูง 2. ปลาเทวดา 3. ปลานีออน 4. ปลาสอด (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเปนปลาที่มีขนาดใหญกวา ปลาสายพันธุอื่นๆ จัดเปนปลาสวยงามที่วายนํ้าอยางเชื่องชา การวายเปนไปอยางมั่นคงและสงางาม สวนปลาหางนกยูง ปลานีออน และปลาสอดเปนปลาที่วายนํ้าไดอยางรวดเร็ว มีความคลองตัวสูง) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T106


ขอสอบเนน การคิด T i p การขยายพันธุ • ปลาออกลูกไดเกือบตลอดป โดยออกลูก ครั้งละ ๓๐-๑๐๐ ตัว • ลูกปลาที่คลอดออกมาตัวคอนขางใหญ เมื่อเทียบกับลูกปลาของปลาที่ออกลูกเปนไข นิสัยของปลาสวยงาม ปลาสวยงามหลากหลายชนิดมักมีนิสัยที่แตกต่างกัน เช่น • ปลาที่มีนิสัยรักสงบ ชอบอยู่นิ่ง ๆ ซุกตัวอยู่ตามมุมตู้ปลา เช่น ปลาเทวดา ปลากระดี่แคระ • ปลาที่มีนิสัยก้าวร้าว ชอบกัด ต่อสู้กันเอง ไม่ชอบอยู่นิ่ง กับที่ เช่น ปลาหางนกยูง ปลากัด • ปลาที่ตกใจง่าย ต้องอยู่รวมกันเป็นฝูง เช่น ปลาซิวดอกแก้ว ปลาไวท์คลาวด์ ๒) นิสัยของปลา ควรศึกษานิสัยของปลาให้รอบคอบ เนื่องจากปลาบางชนิดมีนิสัยดุร้าย หากเลี้ยงปะปนกับปลาชนิดอื่น อาจท�าร้าย หรือจับปลาชนิดอื่นกินเป็นอาหารได้ โดยทั่วไปนิสัย ของปลาดูได้จากพฤติกรรมต่าง ๆ ดังนี้ ความอดทน • ปลาแตละชนิดจะทนทานตอการเปลี่ยนแปลง ของสภาพแวดลอมไดตางกัน เชน การเลี้ยง ในพื้นที่แคบ การเปลี่ยนสภาพแวดลอม อยางกะทันหัน สิ่งเหลานี้อาจเปนสาเหตุที่ ทําใหปลาไมทนตอสภาพการเปลี่ยนแปลง ตาง ๆ ได • เชน ปลาหางไหมและปลานีออน เมื่อถูก กระทบจากปริมาณคลอรีนจะมีผลทําให ปลาตายไดงาย การอยูรวมกัน • ปลาบางชนิดมีนิสัยดุราย อาจทํารายปลา ชนิดอื่นที่เลี้ยงรวมกัน ดังนั้น จึงควรศึกษา เกี่ยวกับปลาที่ตองการเลี้ยงใหละเอียดวา มีพฤติกรรมในการอาศัยอยูรวมกับปลาชนิด อื่นอยางไรกอนนํามาเลี้ยงรวมกัน • เชน เลี้ยงปลาเสือสุมาตรารวมกับปลานีออน ปลาเสือสุมาตราจะดุรายมากในฤดูผสมพันธุ ก็อาจทํารายปลานีออนจนตายได การคัดเลือกชนิดพันธุ์ปลาสวยงามเป็นขั้นตอนที่มีความส�าคัญส�าหรับผู้ที่เริ่มต้นเลี้ยง เพราะยังมีความรู้ ประสบการณ์ในการคัดเลือกพันธุ์ปลาไม่มากนัก ควรเลือกเลี้ยงปลาที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว มีความอดทน ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ราคาไม่แพง และหาซื้อได้ง่าย การกินอาหาร • ปลาที่กินพืช มีนิสัยไมดุราย เลี้ยงดวยอาหาร สําเร็จรูปได เชน ปลาสรอย ปลาตะเพียน • ปลาที่กินเนื้อ มีนิสัยดุราย ชอบไลลาเหยื่อ ที่มีขนาดเล็กเปนอาหาร เชน ปลามังกร การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 95 ขั้นสอน 6. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ปลาสวยงามมีหลากหลาย สายพันธุใหพิจารณาเลือกซื้อมาเลี้ยง ซึ่งกอน ที่จะดําเนินการเลี้ยง ผูเลี้ยงควรพิจารณาถึง ปจจัยตางๆ เชน ความสวยงาม ไมวาจะเปน ในเรื่องของขนาด รูปราง สีสัน การเคลื่อนไหว ปจจัยในการเลี้ยงที่แตกตางกัน หรือสายพันธุ ของปลาสวยงามที่คนสวนใหญนิยมนํามาเลี้ยง” 7. ครูถามนักเรียนวา • ในการเลือกพันธุปลาสวยงามมาเลี้ยง นอกจากจะตองคํานึงถึงเรื่องของความ สวยงามแลว ยังตองคํานึงถึงเรื่องใด (แนวตอบ ลักษณะนิสัยของปลาสวยงาม เนื่องจากปลาสวยงามแตละสายพันธุจะมี ลักษณะนิสัยที่แตกตางกัน ปลาสวยงามบาง สายพันธุไมอันตราย แตบางสายพันธุก็ดุราย เพราะกินเนื้อสัตวเปนอาหาร ดังนั้น จึงตอง คํานึงถึงการจัดสถานที่ใหปลาอยูอาศัย หาก ตองการเลี้ยงปลาที่มีสายพันธุดุรายจะตอง เลี้ยงเพียงตัวเดียว โดยแยกที่อยูจากปลา ตัวอื่นๆ เพราะปลาที่ดุรายจะทํารายปลา ที่ออนแอกวา หรือแมวาจะเปนสายพันธุที่ ดุรายเหมือนกัน ปลาจะกัดกัน จนไดรับ บาดเจ็บ) 8. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “กอนดําเนินการเลี้ยงปลา สวยงาม ผูเลี้ยงควรศึกษาลักษณะนิสัยของปลา สวยงามที่ตองการเลี้ยงใหเขาใจอยางละเอียด กอน เนื่องจากปลาสวยงามมีหลากหลาย สายพันธุ ดังนั้น ลักษณะนิสัยของปลาสวยงาม จึงมีความแตกตางกัน เชน ปลาบางสายพันธุ มีนิสัยรักสงบ ชอบอยูนิ่งๆ ปลาบางสายพันธุ มีนิสัยกาวราว ชอบกัด ตอสูกันเอง ปลาบาง สายพันธุมีนิสัยที่ตกใจงาย จึงตองเลี้ยงรวมกัน เปนฝูง” หากตองการเลี้ยงปลาสวยงาม จะมีหลักในการคัดเลือกพันธุ ปลาที่จะเลี้ยงอยางไร (แนวตอบ หากเปนการเริ่มตนเลี้ยงปลาครั้งแรก ควรเริ่มทดลอง เลี้ยงปลาที่สามารถเลี้ยงและดูแลไดงาย ราคาไมแพง มีความ แข็งแรง ทนทาน เชน ปลาหางนกยูง ซึ่งเปนปลาที่เลี้ยงไดงาย เจริญเติบโตไดอยางรวดเร็ว แข็งแรง ทนทาน นํามาเลี้ยงในอาง หรือบอ หรือตู ไมจําเปนตองใชเครื่องปมอากาศ สามารถกินอาหาร ตามธรรมชาติ หรืออาหารเม็ดสําเร็จรูปได) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาสวยงามใหนักเรียนฟงวา การเลี้ยง ปลาสวยงามรวมถึงการเลี้ยงปลาสายพันธุอื่นๆ มีสิ่งสําคัญที่ควรพิจารณาถึง คือ นํ้าที่นํามาใชในการเลี้ยง ดังนั้น กอนเลือกเลี้ยงปลาแตละสายพันธุจึงควร ศึกษาขอมูลของพันธุปลาที่ตองการเลี้ยงอยางละเอียด เพื่อใหสามารถจัดเตรียม นํ้าไดอยางเหมาะสม ปลาสวยงามที่เลี้ยงงายจะเปนสายพันธุที่อยูในเขตรอนชื้น เชน ปลาเสือเยอรมัน ปลาสอดหางดาบ ปลาหางนกยูง ปลานีออน ปลามาลาย สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับปลาสวยงามนํ้าจืด ไดที่ http://kanchanapisek. or.th/kp6/sub/book/book.php?book=29&chap=7&page=t29-7-infodetail03.html นํา สอน สรุป ประเมิน T107


กิจกรรม เสริมสรางค ุ ณลักษณะอันพึงประสงค Know M ore »Åาหางน¡ÂÙง • เปนปลาน้ําจืดขนาดเล็ก มีความยาวเต็มที่ ไมเกิน ๕ นิ้ว • ตัวผูมีขนาดเล็ก แตมีสีสันและครีบที่สวยงามกวาตัวเมีย • ตัวเมียตัวใหญกวา ทองอูม ครีบเล็กกวาตัวผู • เลี้ยงรวมกันเปนฝูง ไมตองใชเครื่องใหออกซิเจน »ÅาÊอดหางดาº • เปนปลาน้ําจืดขนาดเล็ก นิยมอยูรวมกันเปนฝูง ไมเกเร • ลําตัวยาวเรียว ครีบหางของตัวผูเรียวแหลมคลายดาบ • ตัวเมียลําตัวปอมสั้น บริเวณทองจะขยายใหญกวา  • สีมีความหลากหลายไปตามสภาพของแหลงอาศัย  »Åา¡ัด • เปนปลาน้ําจืด ชอบอยูตัวเดียว หวงอาณาเขต • ลําตัวยาว แบนขาง หัวเล็ก ครีบกนยาวจรดครีบหาง • หายใจบนผิวน้ําได โดยใชปากฮุบอากาศ • นิยมเลี้ยงในภาชนะขนาดเล็ก เชน ขวดโหล »ÅานÕออน • เปนปลาน้ําจืดขนาดเล็ก นิยมอยูรวมกันเปนฝูง รักสงบ • ลําตัวยาวรี ตาโต ครีบใส เกล็ดที่ลําตัวมีขนาดเล็ก • เสนเรืองแสงพาดตั้งแตจมูกผานลูกตายาวถึงครีบไขมัน  • ควรเลี้ยงในตูที่มีไฟใหแสงชวยเสริมใหสีของปลาสวยขึ้น ¾ัน¸Ø»ลาสÇย§าม·Õè¤นนิยมเลÕéย§ การเลี้ยงปลาสวยงามนับเปนงานอดิเรกอยางหนึ่งที่ชวยสรางความสนุกสนาน ความเพลิดเพลิน ผอนคลายความเครียดใหแกผูเลี้ยงโดยปลาสวยงามมีอยูดวยกันหลากหลายสายพันธุ ตัวอยาง พันธุปลาสวยงามที่ไดรับความนิยมเลี้ยงในปจจุบันและสามารถหาซื้อไดงาย มีดังนี้ 96 • เลี้ยงรวมกันเปนฝูง ไมตองใชเครื่องใหออกซิเจน • เปนปลาน้ําจืด ชอบอยูตัวเดียว หวงอาณาเขต • ลําตัวยาว แบนขาง หัวเล็ก ครีบกนยาวจรดครีบหาง • เสนเรืองแสงพาดตั้งแตจมูกผานลูกตายาวถึงครีบไขมัน  1 2 3 ขั้นสอน 9. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกัน ศึกษา เรื่อง พันธุปลาสวยงามที่คนนิยมเลี้ยง จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือ ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 10. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพันธุ ปลาสวยงามที่คนนิยมเลี้ยง จาก PowerPoint ม.2 หนวยการเรียนรูที่ 6 11. ครูถามนักเรียนวา • หากมีคนมาขอคําแนะนําเกี่ยวกับการเลือก ซื้อพันธุปลาสวยงาม นักเรียนจะแนะนํา วิธีการเลือกซื้ออยางไร (แนวตอบ จะตองเลือกซื้อในเวลากลางวัน เนื่องจากในเวลากลางวันแสงจะชวยใหเห็น สีสัน ดวงตา ผิว และลักษณะของปลาได อยางชัดเจน โดยสามารถสังเกตจากสีสัน ของตัวปลาแตละตัวที่อยูในตู และเลือก ซื้อปลาที่มีสีสันสดเขมตามสายพันธุของ ปลาชนิดนั้นๆ สังเกตการวายนํ้าของปลา ซึ่งปลาจะตองวายนํ้าเคลื่อนที่ไป-มาอยาง สงางาม ไมหยุดอยูกับที่และไมมีอาการ เซื่องซึม ควรเลือกปลาที่มีอวัยวะครบทุกสวน ครีบไมชํ้าหรือหุบ ควรเลือกที่ครีบกางออก เกือบตลอดเวลา มีดวงตาที่สดใส แผน ปด-เปดเหงือกเปนจังหวะสมํ่าเสมอกัน ผิวสะอาด และควรเลือกซื้อกับรานคาที่มี ความนาเชื่อถือ) • การเลี้ยงปลาสวยงามกอใหเกิดประโยชน ตอตัวของนักเรียนหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ คิดเห็นไดอยางอิสระ เชน เกิดประโยชน เพราะเปนการไดใชเวลาวางใหเกิดประโยชน ฝกความรับผิดชอบและการตรงตอเวลา) นักเรียนควรรู 1 เลี้ยงรวมกันเปนฝูง ปลาสวยงามแตละสายพันธุมีลักษณะนิสัยที่ไม เหมือนกัน ปลาที่ชอบอยูรวมกันเปนฝูง ควรเลี้ยงรวมกันใหมีจำนวนพอประมาณ และเหมาะสมกับขนาดของภาชนะที่ใชเลี้ยง ซึ่งปลาสวยงามที่นิยมเลี้ยงรวมกัน เปนฝูงสวนใหญเปนปลาขนาดเล็ก เชน ปลาเสือเยอรมัน ปลารัมมีโนส 2 ครีบหาง เรียกวา “Caudal Fin” เปนครีบที่อยูทายสุดของตัวปลา ทํา หนาที่ในการบังคับทิศทางใหปลาวายนํ้าพุงตรงไปขางหนา หรือบังคับในการเลี้ยว และการทรงตัวของปลา 3 ครีบไขมัน เรียกวา “Adipose Fin” หรือ “Fat Fin” เปนครีบไขมันที่ไมมี กานครีบ อยูบริเวณสวนบนของตัวปลาระหวางชวงครีบหางกับครีบหลัง ทํา หนาที่ในการชวยพยุง สวนใหญจะพบในปลาที่ไมมีเกล็ด เชน ปลาแขยง ปลากด ใหนักเรียนเลือกเลี้ยงปลาสวยงามตามความสนใจ 1 สายพันธุ โดยกําหนดระยะเวลาในการเลี้ยงอยางนอย 1 เดือน พรอมทั้ง จดบันทึกขอมูลในประเด็นที่ครูกําหนดให ดังนี้ • สายพันธุปลาที่เลี้ยงและลักษณะนิสัย • ภาชนะและอุปกรณที่ใชในการเลี้ยง • การดูแลรักษา การใหอาหาร และโรคของปลา • ขอมูลการเจริญเติบโตของปลาที่เลี้ยง • ความรูสึกที่ไดรับจากการเลี้ยง • ปญหาที่พบและแนวทางการแกไข จากนั้นเขียนสรุปลงในกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน (กิจกรรมนี้สรางเสริมคุณลักษณะดานซื่อสัตยสุจริต มีวินัย ใฝเรียนรู อยูอยางพอเพียง และมุงมั่นในการทํางาน) นํา สอน สรุป ประเมิน T108


ขอสอบเนน การคิด ๓) สถานที่ในการเลี้ยงปลา ควรเลือกสถานที่และจัดเตรียมอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับ ชนิดของปลาสวยงามที่จะเลี้ยง ซึ่งสถานที่ที่นิยมใช้ในการเลี้ยงปลาสวยงามมีอยู ่ด้วยกัน หลายรูปแบบ ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่และค�านึงถึงความประหยัดควบคู่ กันไปด้วย เช่น บอที่หลอขึ้นจากปูนซีเมนต แข็งแรง ทนทาน นํ้าหนักมาก เคลื่อนยายลําบาก นิยมตั้งอยู ภายนอกอาคารในบริเวณที่มี แสงแดดรําไร ผลิตจากวัสดุประเภทกระจก หรืออะคริลิก มีหลายขนาด หนาแตกตางกัน นิยมตั้งอยู ภายในบานและในบริเวณที่ แสงแดดสองไมถึง ผลิตจากวัสดุประเภทกระจก หรืออะคริลิก มีหลายขนาด นํ้าหนักเบา นิยมตั้งอยูภายใน หองตาง ๆ และในบริเวณ ที่แสงแดดสองไมถึง บอซีเมนต ภาชนะขนาดเล็ก ตูกระจก การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 9๗ แสงแดดรําไร 1 2 ขั้นสอน 12. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • ขั้นตอนการเลือกสถานที่ที่ใชในการเลี้ยง ปลาสวยงามมีความสําคัญอยางไร (แนวตอบ การเลือกสถานที่ในการเลี้ยงปลา สวยงาม ผูเลี้ยงควรพิจารณาอยางละเอียด รอบคอบ เพราะการคัดเลือกสถานที่ที่ใช ในการเลี้ยงปลาถือเปนปจจัยเบื้องตนที่มี ความสําคัญเปนอยางยิ่ง เนื่องจากสถานที่ที่ ใชในการเลี้ยงปลามีผลตอการเจริญเติบโต ของปลา จึงตองเลือกใหเหมาะสมกับสาย พันธุปลาที่ตองการเลี้ยง เพราะหากเลือก พื้นที่ไมเหมาะสม อาจสงผลกระทบตอการ เจริญเติบโตของปลาชนิดนั้นๆ ได) 13. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปราย ความรู เรื่อง การเลือกสถานที่ที่ใชในการ เลี้ยงปลา เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจที่ ถูกตองตรงกัน 14. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันยกตัวอยาง สถานที่ที่ใชในการเลี้ยงปลาสวยงามที่เหมาะสม กับสายพันธุปลาชนิดตางๆ ตามที่ไดศึกษามา พรอมทั้งอภิปรายดวยวาสถานที่ที่ใชในการเลี้ยง ปลามีลักษณะอยางไร เหมาะสมตอการเลี้ยง ปลาสายพันธุใด เชน บอซีเมนตเปนบอที่มีพื้นที่ กวางขวาง มีความแข็งแรง ทนทาน เหมาะสม ที่จะนํามาใชเลี้ยงปลาที่มีขนาดใหญ โหลเปน ภาชนะที่มีหลายขนาด นํ้าหนักเบา เคลื่อนยาย ไดสะดวก เหมาะสมกับการเลี้ยงปลาที่มี ขนาดเล็ก 15. ครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดการเลี้ยงปลามังกรจึงนิยมนํา มาเลี้ยงในตูปลาที่มีขนาดใหญ (แนวตอบ เนื่องจากปลามังกรเปนปลา สวยงามที่มีขนาดใหญ จึงตองใชพื้นที่มาก เพื่อใหปลาสามารถเจริญเติบโตไดอยาง เต็มที่และไมอึดอัด) นักเรียนควรรู 1 แสงแดดรําไร สถานที่ที่ใชในการเลี้ยงปลา ไมวาจะเปนบอ หรือตูกระจก ควรตั้งอยูในตําแหนงที่แสงแดดสองถึงในปริมาณที่เหมาะสม มีแสงแดดรําไร หรือมีแสงแดดสองถึงประมาณครึ่งวันเชา เพื่อใหแสงแดดชวยฆาเชื้อโรค หาก ตั้งอยูกลางแจง โดนแสงแดดสองถึงตลอดทั้งวัน อาจเปนสาเหตุหนึ่งที่ทําใหเกิด ตะไครนํ้า ผูเลี้ยงจึงตองทําความสะอาดมากเปนพิเศษกวาปกติ ซึ่งอาจสงผลให ปลาเกิดอาการบาดเจ็บจากการเคลื่อนยายขณะลางทําความสะอาดได 2 ตูกระจก มีหลายขนาด หลายรูปทรง การเลือกใชตูกระจกควรเลือก ที่มีความแข็งแรง ทนทาน มีความหนาเหมาะสมกับปริมาณนํ้าในตู มีขนาด เหมาะสมตอการใชงาน มีคานดานบนและดานลาง เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ขาตู ทําจากสเตนเลสหรือเหล็ก เพื่อใหสามารถรองรับนํ้าหนักของตูได มีฝาตูเพื่อ ปองกันปลากระโดด และมีไฟสองสวาง เพื่อใหปลาขับสีออกมาไดอยางสวยงาม “พิมตองการเลี้ยงปลาสวยงามไวดูเลนภายในบริเวณหอง รับแขก” พิมควรเลือกใชภาชนะเลี้ยงปลาชนิดใดจึงจะมีความ เหมาะสมมากที่สุด 1. ขวดแกว 2. ตูกระจก 3. โองมังกร 4. อางพลาสติกแบบใส (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะมีความสวยงาม แข็งแรง ทนทาน สามารถนํามาจัดวางรวมกับเครื่องเรือน เพื่อใชในการ ตกแตงหองรับแขกใหมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น ทั้งยังผลิตขึ้นจาก วัสดุที่มีความใส จึงทําใหมองเห็นความสวยงามของตัวปลาไดอยาง ชัดเจน) นํา สอน สรุป ประเมิน T109


ขอสอบเนนการคิด การเลือกที่สร้างบ่อ หรือจัดวางตู้ปลา ควรเลือกให้เหมาะสมกับสถานที่ที่จะใช้เลี้ยงปลา เพราะเมื่อสร้างบ ่อ หรือจัดวางตู้เรียบร้อยแล้ว หากเปลี่ยนสถานที่ใหม ่จะเกิดความยุ ่งยาก ในการเคลื่อนย้ายเนื่องจากต้องถ่ายน�้าออกและเคลื่อนย้ายปลาอาจท�าให้ปลาบอบช�้า หรือตู้เลี้ยง ปลาช�ารุดได้ ดังนั้น จึงต้องให้ความส�าคัญกับภาชนะและสถานที่เลี้ยงเช่นเดียวกับการคัดเลือก ชนิดพันธุ์ปลา โดยผู้เลี้ยงควรพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะการเลือกสถานที่ถือเป็นปัจจัยเบื้องต้น ที่ส�าคัญ หากเลือกพื้นที่ไม่เหมาะสมกับพันธุ์ของปลา อาจส่งผลกระทบต่อปลาชนิดนั้น ๆ ได้ จ�านวนปลาที่เลี้ยงไม่ควรมีมากเกินไปเพราะปลาแต่ละชนิดมีความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน ปลาบางชนิดต้องเลี้ยงตัวเดียวไม่เช่นนั้นจะไล่กัด หรือท�าร้ายกันเอง เช่นปลามังกรปลากัดบางชนิด ต้องเลี้ยงเป็นคู่ หรือจ�านวนไม่มากนัก เช่น ปลาออสการ์ ปลาเทวดา บางชนิดต้องเลี้ยงเป็นฝูง หรือเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่น ๆ ในจ�านวนที่เหมาะสมเพราะถ้ามากเกินไปปลาจะไม่ค่อยเจริญเติบโต เช่น ปลาสอด ปลาหางนกยูง การรักษาความสะอาดและการถ่ายน�้า ควรท�าความสะอาดและเปลี่ยนถ่ายน�้าสัปดาห์ละ ๒-๓ ครั้ง จะท�าให้น�้ามีคุณสมบัติเหมาะสมต่อ การด�ารงชีวิตของปลา หรือเปลี่ยนถ่ายน�้าทุกวัน เพื่อเร่งการเจริญเติบโต เช่น การเลี้ยงปลาทอง หากเปลี่ยนถ ่ายน�้าและท�าความสะอาดทุกวัน จะท�าให้ปลาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว วิธีการท�า ความสะอาดและถ่ายน�้าอย่างง่าย ๆ คือ ถ่ายน�้า ออกเพียง ๑ ใน ๔ ของน�้าที่มีอยู่ด้วยวิธีการ ลักน�้า ให้คาดคะเนจากระดับความลึกของน�้า เป็นหลัก เช่น ตู้สูงประมาณ ๔๐ เซนติเมตร ควรถ่ายน�้าออกประมาณ ๑๐ เซนติเมตร แล้วเติมน�้าใหม่ให้ได้ระดับเดิม ทั้งนี้ น�้าที่ใช้เลี้ยงปลา ควรเป็นน�้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการด�ารงชีวิตของปลาชนิดนั้น ๆ ด้วย การเคลื่อนย้ายปลามักท�าให้ปลาบอบช�้า เกล็ดหลุด เกิดบาดแผล ครีบหัก ฯลฯ เมื่อต้องการเปลี่ยน หรือล้างตู้ปลา ควรใช้ภาชนะที่มีขนาดใหญ ่กว ่าตัวปลาใส ่ลงในตู้ปลา แล้วค่อย ๆ ไล่ปลาเข้าภาชนะ โดยอาจใช้กระชอนช่วยแล้วยกขึ้นทั้งปลาและน�้า อาจใช้กระชอน ปิดปากภาชนะ เพื่อป้องกันปลากระโดดแล้วจึงย้ายปลาไปลงในภาชนะที่เตรียมไว้จะช่วยลดความ บอบช�้าของปลาจากการเคลื่อนย้ายได้ ปลากัดมีลักษณะนิสัยหวงถิ่นและเป็นปลานักสู้จึงเหมาะ ที่จะเลี้ยงตัวเดียว 98 ขั้นสอน • การเลี้ยงปลาสวยงามรวมกันในปริมาณที่ มากเกินไปกอใหเกิดผลกระทบอยางไร (แนวตอบ อาจกอใหเกิดผลเสียตอปลา สวยงามที่เลี้ยงไว กลาวคือ ปลาบางชนิดอาจ ไลกัดปลาตัวอื่นๆ จนตาย หรืออาจทําให ไดรับบาดเจ็บ และไมสวยงามเหมือนเดิม การอยูในสถานที่ที่แออัดอาจสงผลใหปลา สวยงามเจริญเติบโตไมเต็มที่ มีรูปราง แคระแกร็น และไมแข็งแรงได) • การทําความสะอาดสถานที่อยูของปลา สวยงามอยางสมํ่าเสมอกอใหเกิดผลดี อยางไร (แนวตอบ จะทําใหปลาสวยงามมีสุขภาพ รางกายที่แข็งแรง สมบูรณ มีสีสันที่สวยงาม มีการเจริญเติบโตอยางเต็มที่และรวดเร็ว ทั้งยังชวยปองกันการเกิดโรคระบาดได อีกดวย) • การเคลื่อนยายปลาอยางถูกวิธี ควรปฏิบัติ อยางไร (แนวตอบ ใชภาชนะที่มีขนาดใหญกวา ตัวปลาชอนปลาและนํ้าขึ้นมาพรอมกัน เพื่อ ปองกันไมใหปลาดิ้นจนไดรับการบาดเจ็บ ภาชนะที่ใชอาจเปนขัน หรือถังนํ้าพลาสติก ใชกระชอนครอบขัน หรือถังนํ้า เพื่อปองกัน ไมใหปลากระโดดออกจากภาชนะ ซึ่ง วิธีการนี้จะชวยลดการบอบชํ้าของปลา ในขณะทําการเปลี่ยนถายนํ้าได) 16. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันระดมความ คิดเห็น เพื่อวางแผนการเลี้ยงปลาสวยงาม โดยแตละกลุมตองเลี้ยงปลาสวยงามที่ไม ซํ้ากัน พรอมทั้งใหจัดเตรียมสายพันธุปลา ภาชนะ หรืออุปกรณที่จําเปนตอการเลี้ยงปลา สวยงามมาใหครบถวนในชั่วโมงถัดไป เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับนํ้าที่ใชเลี้ยงปลาใหนักเรียนฟงวา นํ้าที่ใชเลี้ยง ปลาควรเปนนํ้าสะอาดที่เหมาะสมกับพันธุปลา เพราะนํ้าจะชวยทําใหปลามี สีสันที่สวยงาม โดยทั่วไปนิยมใชนํ้าประปา เนื่องจากมีความใส สะอาด และ ผานการฆาเชื้อโรค จึงปลอดภัยจากพยาธิที่อาจปะปนมากับนํ้าได นํ้าประปา จะมีความกระดางและมีความเปนกรดเปนดางที่เหมาะสมตอการเจริญเติบโต ของปลา กอนนํานํ้าประปามาใช ผูเลี้ยงควรปฏิบัติตามขั้นตอน คือ กําจัดคลอรีน ที่ผสมอยูในนํ้าประปา โดยรองนํ้าประปาใสภาชนะเปดฝาทิ้งไว 2-3 วัน เพื่อให คลอรีนระเหยออกไปจนหมด กําจัดกาซที่สะสมอยูในนํ้า โดยทําใหนํ้ากระจายตัว มากที่สุดในขณะที่กําลังรองนํ้า และลดความเปนกรดเปนดางในนํ้า โดยการเติม ปูนขาว หรือปูนแดงประมาณ 1 ใน 3 ชอนชา ตอนํ้า 100 ลิตร ลงในถังพักนํ้า นํ้าจะลดความเปนกรดเปนดางลง จากนั้นจึงนํามาใชในการเลี้ยงปลาไดตามปกติ ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาสวยงาม 1. ปลามังกร เปนปลาที่รักสงบ ควรเลี้ยงเปนคู 2. ปลาหมอสี เปนปลาที่ดุราย ควรเลี้ยงเพียงตัวเดียว 3. ปลากัด เปนปลาที่ขยายพันธุเร็ว ควรเลี้ยงเปนคูในขวดโหล 4. ปลาเทวดา เปนปลาที่เชื่องชา ควรเลี้ยงในขวดแกวเพียงตัวเดียว (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเปนปลาที่มีนิสัยดุราย หากเลี้ยงรวมกัน หรือเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่น อาจทํารายปลา เหลานั้นได จึงควรเลี้ยงเพียงตัวเดียว สวนปลามังกร เปนปลาที่มี นิสัยดุราย ควรเลี้ยงเพียงตัวเดียว ปลากัดเปนปลาที่มีนิสัยดุราย ควรเลี้ยงในขวดแกวเพียงตัวเดียว ปลาเทวดา เปนปลาที่รักสงบ ควรเลี้ยงรวมกันเปนฝูง) นํา สอน สรุป ประเมิน T110


ขอสอบเนน การคิด การเลี้ยงปลาสวยงามนิยมเลี้ยงในตู้กระจกและตั้งตู้อยู ่ภายในห้อง หรือในอาคาร ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ได้รับแสงแดด เพื่อป้องกันการเกิดตะไคร่น�้า จึงจ�าเป็นต้องเพิ่มแสงสว่าง ในตู้ปลา เพื่อเพิ่มความสวยงาม ช่วยให้ปลาแข็งแรง ช่วยให้พรรณไม้น�้ามีการสังเคราะห์แสง ในปัจจุบันมีการผลิตหลอดนีออนที่เป็นแสงแดดเทียมส�าหรับใช้เลี้ยงปลาติดที่ฝาตู้ โดยเปิด ในเวลากลางวันและปิดในเวลากลางคืน เพื่อให้ปลาได้พักผ่อน เพราะเมื่อไม่มีแสงสว่างปลา ส่วนใหญ่จะลดการท�ากิจกรรมต่าง ๆ ลง ๔) ภาชนะและอุปกรณ ในการเลี้ยงปลา มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ควรศึกษาวิธีการใช้ และประโยชน์ของภาชนะและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เข้าใจ เพื่อจะได้เลี้ยงและดูแลปลาสวยงามให้มี สุขภาพดี มีการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ ภาชนะและอุปกรณ์ในการเลี้ยงปลาสวยงามที่ควรรู้ เช่น ภาชนะสําหรับเลี้ยงปลา รองรับจํานวนปลาที่ตองการเลี้ยง ควรเลือกใหเหมาะสมกับสถานที่เลี้ยง เครื่องทําความรอน ปรับอุณหภูมิของนํ้าใหสูงขึ้น หรือรอนขึ้น นิยมนํามาใชใน ชวงฤดูหนาว เครื่องปมอากาศ เพิ่มปริมาณออกซิเจน ละลายออกซิเจน ในตูปลา หรือภาชนะที่ใชเลี้ยงปลา อุปกรณตกแตงตูปลา เพิ่มความสวยงามใหแกตูปลา ทั้งยังเปนที่อยูอาศัยของปลาอีกดวย เครื่องกรองนํ้า กรองนํ้าภายในตูปลา เพื่อ รักษาความสะอาดของนํ้า ลดการ หมักหมมของสิ่งสกปรก กระชอน หรือสวิง จับปลา เคลื่อนยายปลา เมื่อตองการ ทําความสะอาดบอ หรือตูเลี้ยงปลา เทคนิคการจัดตูปลา การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 99 ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ได้รับแสงแดด เพื่อป้องกันการเกิดตะไคร่น�้า จึงจ�าเป็นต้องเพิ่มแสงสว่าง เครื่องกรองนํ้า 1 2 ขั้นสอน 17. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันตรวจสอบ สายพันธุปลาสวยงามที่เลือก ภาชนะ และ อุปกรณที่จําเปนตอการเลี้ยงปลาสวยงามของ กลุมตนเองตามที่ไดเตรียมมา โดยครูทําหนาที่ ในการคอยใหความชวยเหลือสําหรับนักเรียน กลุมที่จัดเตรียมอุปกรณตางๆ มาไมครบ พรอมทั้งชี้แจงรายละเอียดใหนักเรียนทราบ วา ในชั่วโมงนี้จะดําเนินการเลี้ยงปลาสวยงาม ตามที่ไดวางแผนไวในชั่วโมงที่ผานมา โดยครู เปนผูสาธิตวิธีการเลี้ยงปลาสวยงามใหนักเรียน ดูเปนตัวอยาง จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุม รวมกันดําเนินการเลี้ยงปลาสวยงามตามที่ได วางแผนไว 18. ครูแนะนําสายพันธุปลาสวยงาม ภาชนะ และ อุปกรณที่จําเปนตอการเลี้ยงปลาสวยงาม พรอมทั้งสาธิตวิธีการเลี้ยงปลาสวยงามตาม ขั้นตอนตางๆ อยางชาๆ เพื่อใหนักเรียนได สังเกตและจดจําไดอยางถูกตอง แมนยํา 19. ครูถามนักเรียนวา • พรรณไมนํ้ามีประโยชนอยางไรตอการเลี้ยง ปลาสวยงาม (แนวตอบ มีประโยชนในหลายประการ เชน เปนวัสดุที่นํามาใชในการตกแตงตูปลา เพื่อใหเกิดความสวยงาม ชวยลดแกส คารบอนไดออกไซด ชวยลดปริมาณของเสีย ในนํ้า จึงชวยใหปลาเจริญเติบโตไดอยาง รวดเร็ว แข็งแรง สมบูรณ) • หากตองการปรับอุณหภูมินํ้าควรเลือกใช อุปกรณใด (แนวตอบ ควรนําฮีตเตอรมาชวยในการปรับ อุณหภูมิของนํ้า นิยมใชในชวงฤดูหนาว เพื่อชวยใหปลาสวยงามสามารถดํารงชีวิต ไดตามปกติ) นักเรียนควรรู 1 การเกิดตะไคร เกิดจากหลายปจจัย เชน ตั้งอยูในสถานที่ที่มีแสงแดดสอง ถึงตลอดทั้งวัน ใหสารอาหารในปริมาณที่มาก หรือนอยเกินไป เนื่องจากแรธาตุ ในสารอาหารบางชนิดชวยเรงการเจริญเติบโตของตะไคร เชน ธาตุเหล็ก ขาดการดูแลเอาใจใสในการลางทําความสะอาดและเปลี่ยนถายนํ้าขาดตัว ควบคุมปริมาณตะไครที่เหมาะสม ไมเก็บปลาตายออกจากตู ฯลฯ 2 เครื่องกรองนํ้า จัดเปนอุปกรณที่จําเปนสําหรับการเลี้ยงปลา เนื่องจาก ในตูปลาจะมีของเสียจากอาหารที่ตกคางและของเสียที่เกิดจากตัวปลา เชน มูลปลา ซึ่งอาจกอใหเกิดสารพิษสะสมในนํ้า ปลาอาจเจ็บปวยดวยโรคตางๆ ดังนั้น การบําบัดของเสียในนํ้าจะทําใหนํ้าใส สะอาด สงผลใหปลามีสุขภาพดี ซึ่งเครื่องกรองนํ้าที่ใชมีอยูดวยกันหลายแบบ ผูเลี้ยงจึงควรเลือกเครื่องกรองนํ้า ใหเหมาะสมกับขนาดของตู หรือบอที่ใชเลี้ยงปลา เพราะเหตุใดจึงตองมีการกําจัดเศษอาหารและมูลปลาออกจาก ภาชนะที่ใชเลี้ยงปลา (แนวตอบ ผูเลี้ยงควรทําความสะอาดภาชนะที่ใชเลี้ยงปลา เพื่อเปนการกําจัดสิ่งที่หมักหมมและตะกอนที่ตกคางอยูในระบบ กรองนํ้า ไมวาจะเปนเศษอาหาร หรือมูลปลาออกจากตูปลา โดยทําความสะอาดอยางนอยสัปดาหละ 1-2 ครั้ง จะทําให สภาพแวดลอมที่ปลาอาศัยอยูปราศจากเชื้อโรค ปลามีสุขภาพ รางกายที่สมบูรณ แข็งแรง และมีการเจริญเติบโตไดอยางรวดเร็ว) นํา สอน สรุป ประเมิน T111


ขอสอบเนนการคิด ๕) อาหารและการให้อาหารปลา ปลาสวยงามแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน จึงต้อง การอาหารที่แตกต่างกันโดยเลือกอาหารให้เหมาะสมกับชนิดของปลานอกจากนี้ปลายังไม่สามารถ หาอาหารตามธรรมชาติได้เอง จึงต้องให้ความส�าคัญกับอาหารที่ใช้เลี้ยงปลา เพื่อให้ปลาได้รับ สารอาหารครบถ้วน ๑. ชนิดของอาหารที่ใช้เลี้ยงปลาควรให้ความส�าคัญกับอาหารที่ใช้เลี้ยง เพราะส่งผล ให้ปลามีสุขภาพดีแข็งแรง สมบูรณ์ โดยเลือกอาหารให้เหมาะสมกับชนิดของปลา ซึ่งอาหาร ที่ใช้เลี้ยงปลาสวยงามจ�าแนกเป็น ๒ ชนิด ดังนี้ • อาหารธรรมชาติเป็นอาหารที่มีชีวิตและเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเช่นไรแดง หนอนแดง ลูกน�้า ไส้เดือนดิน กุ้งฝอย ตัวอ่อน หรือดักแด้ • อาหารส�าเร็จรูป เป็นอาหารแห้งที่มีสารอาหารตรงกับความต้องการของปลา แบ่งเป็น ๓ ชนิด ดังนี้ ๒. การให้อาหารปลาควรให้อาหารทุกวันโดยเป็นอาหารที่เหมาะสมกับชนิดและขนาด ของปลา เพราะปลาสวยงามที่เลี้ยงในภาชนะตู้หรือบ่อซีเมนต์ไม่สามารถหาอาหารตามธรรมชาติ กินเองได้ และเคยชินกับการได้อาหารจากผู้เลี้ยง ดังนั้น หากปล่อยให้อดอาหารเป็นเวลา ๒-๓ วัน จะท�าให้ปลามีสุขภาพเสื่อมโทรมและท�าร้ายกันเอง การให้อาหารปลาควรให้เป็นเวลา โดยทั่วไปควรให้วันละ ๒ ครั้ง คือ เช้าและเย็น ชนิดเม็ดจม ชนิดเม็ดลอย ชนิดผง • เหมาะส�าหรับปลาที่หากิน อาหารตามพื้นก้นตู้ • ไม ่ได้รับความนิยมเท ่า ที่ควร เพราะเมื่ออาหาร ตกค้างลงในวัสดุกรองมัก ท�าให้เกิดปัญหาน�้าเน่าเสีย • เหมาะส�าหรับปลาทุกชนิด ลอยตัวอยู ่บนผิวน�้าได้ ประมาณ ๓-๕ ชั่วโมง แล้วแต่ชนิดของอาหาร • ท�าให้ปลามีเวลาในการกิน อาหารที่ดีขึ้น • เป็นอาหารที่เหมาะส�าหรับ ใช้อนุบาลลูกปลา • มี ลั กษณะเป็น ผงเนื้ อ ละเอียด อาจให้กระจายตัว ที่ผิวน�้า หรือผสมน�้าปั้น เป็นก้อนก่อนให้ก็ได้ การให้อาหารควรให้ในปริมาณที่เหมาะสม และให้ตักอาหารที่เหลือออกหลังปลากินอิ่ม ๑๕-๒๐ นาที เพื่อป้องกันอาหารตกค้าง ซึ่งเป็น สาเหตุให้น�้าเน่าเสียได้ง่าย Trick : วิธีการให้อาหารปลา หากเป็นปลาที่ยังเล็กอยู่ควรให้อาหารบ่อยกว่า ปลาที่โตแล้ว อาจให้วันละ ๓-๔ ครั้ง และ ควรเลือกชนิดของอาหารให้เหมาะสมกับชนิด ของปลา โดยเฉพาะอาหารเม็ดควรให้ขนาดที่ ปลากินได้ 100 ขั้นสอน 20. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแตละกลุมไดซักถาม ในประเด็นที่เกิดขอสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอนใน การเลี้ยงปลาสวยงาม 21. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ปลาสวยงามเปนสิ่งมี ชีวิตที่บอบบาง ดังนั้น การเปลี่ยนหรือยายที่อยู ใหมของปลาจึงตองใชเวลา ควรนําปลาที่อยู ในถุงมาลอยนํ้าในที่อยูใหมกอน เพื่อเปนการ ปรับอุณหภูมิใหมีความใกลเคียงกัน คอยๆ เติมนํ้าลงในถุง เพื่อปรับสมดุลของปลา แลว จึงปลอยปลาลงในนํ้า เพื่อเปลี่ยนที่อยูใหม” 22. ครูถามนักเรียนวา • การใหอาหารปลาในปริมาณมากและบอย ครั้ง จะสงผลตอปลาสวยงามที่เลี้ยงไว อยางไร (แนวตอบ ทําใหนํ้าในบอเลี้ยง หรือตูเลี้ยงปลา สกปรก นํ้าเกิดการเนาเสียกอนเวลาอันควร ซึ่งเมื่อนํ้าเนาเสียจะทําใหปลาติดเชื้อโรค ไดงาย ซึ่งอาจสงผลใหปลาตาย หรือไม สวยงามได) 23. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ปลาสวยงามแตละ สายพันธุจะกินอาหารแตกตางกัน ผูเลี้ยง ควรเลือกอาหารใหเหมาะสมกับสายพันธุปลา เพื่อใหปลาไดรับสารอาหารครบถวน ควรให อาหารวันละ 2 ครั้ง คือ เชาและเย็นในปริมาณ ที่เหมาะสม และตักอาหารที่เหลือออกหลัง ปลากินอิ่ม เพื่อปองกันอาหารตกคาง ซึ่งเปน สาเหตุใหนํ้าเนาเสีย” 24. ครูใหนักเรียนแตละกลุมลงมือปฏิบัติการ เลี้ยงปลาสวยงามตามขั้นตอนที่ไดวางแผนไว โดยแบงหนาที่ความรับผิดชอบรวมกันภายใน กลุม พรอมทั้งบันทึกผลการปฏิบัติงาน รวมถึง ประโยชนที่ไดรับจากการเลี้ยงปลาสวยงาม ลงในสมุดประจําตัว การใหอาหารปลาตามขอใดจะชวยทําใหลูกปลาเจริญเติบโต ไดอยางรวดเร็วยิ่งขึ้น 1. ใหอาหารวันละ 2 ครั้ง ครั้งละมากๆ 2. ใหอาหารวันละ 2 ครั้ง ครั้งละนอยๆ 3. ใหอาหารวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละมากๆ 4. ใหอาหารวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละนอยๆ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะลูกปลามีกระเพาะอาหาร ที่เล็ก จึงไมสามารถกินและยอยอาหารในปริมาณที่มากๆ ได จึงควรใหอาหารครั้งละนอยๆ แตใหบอยครั้ง ซึ่งจะชวยใหลูกปลา เจริญเติบโตไดอยางสมบูรณและแข็งแรง) บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวในประเทศกลุมอาเซียนใหนักเรียน ฟงวา การเลี้ยงสัตวในประเทศกลุมอาเซียนมีความหลากหลายเชนเดียวกับ ประเทศไทย หลายประเทศมีการเลี้ยงปลาสวยงาม โดยแตละประเทศจะนิยม เลี้ยงปลาแตกตางกันไป จึงมีการนําเขาและสงออกปลาสวยงามในประเทศ อาเซียนอยูเสมอ ประเทศไทยมีตลาดปลาสวยงามใหญที่สุดในอาเซียนตั้งอยูที่ จ. ราชบุรี ซึ่งเปนแหลงรวมผูเพาะเลี้ยงปลากวา 20,000 บอ มีอุปกรณการเลี้ยงที่ ครบวงจร มียอดจําหนายไมตํ่ากวา 10,000 ลานบาทตอป นับเปนมูลคาการสงออก ไมตํ่ากวา 5,000 ลานบาทตอป นอกจากนี้ การเลี้ยงสัตวตางๆ ยังตองคํานึงถึง วัฒนธรรมและกฎหมายของแตละประเทศรวมดวย เชน การเลี้ยงสุนัขในประเทศ มาเลเซียตองขออนุญาตจากเพื่อนบานเปนลายลักษณอักษร หากสุนัขอยูนอกบาน ตองมีเจาของดูแลตลอด มิฉะนั้นอาจถูกปรับหรือยึดได นํา สอน สรุป ประเมิน T112


ขอสอบเนน การคิด ในช่วงฤดูหนาวการเผาผลาญอาหารภายในร่างกายของปลาจะลดลงตามอุณหภูมิ ของน�้า ปลาจะต้องการอาหารลดลง จึงควรลดปริมาณอาหารที่ให้ลงและควรให้อาหารเพียง วันละครั้ง คือ ในตอนเช้า หรือเย็น หรือใช้เครื่องให้ความร้อนเพื่อควบคุมอุณหภูมิน�้า ปลาก็จะ กินอาหารได้ตามปกติ ๖) การดูแลรักษาโรคของปลา การเลี้ยงปลาสวยงามเป็นการเลี้ยงในพื้นที่แคบ ๆ ที่ขาดความสมดุลของระบบนิเวศ จึงท�าให้ปลาเกิดอาการผิดปกติได้ง่าย โดยเฉพาะการเกิด โรคระบาดต่าง ๆ ผู้เลี้ยงจ�าเป็นต้องป้องกันโรคพยาธิและหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของปลา อยู่เสมอ เช่น การว่ายน�้า การกินอาหาร และการเกิดความผิดปกติของร่างกาย เช่น สีซีดลง เมือกมากขึ้น ตกเลือด ผู้เลี้ยงต้องรีบด�าเนินการรักษาโดยทันที ซึ่งโรคระบาดที่มักเกิดขึ้นกับ ปลาสวยงาม มีดังนี้ ลักษณะอาการ • ร่างกายอ่อนแอ เคลื่อนไหวน้อยลง • บริเวณที่ติดเชื้อจะมีเส้นใยของเชื้อรา ปกคลุมอยู่ มองเห็นได้อย่างชัดเจน • ตัวด่าง เกล็ดตั้ง ตาบวม และตกเลือด • ตกเลือดบริเวณผิวหนังและอวัยวะ ภายใน • เบื่ออาหาร ผิวซีด • ว่ายน�้าผิดปกติ เอาตัวด้านข้างถูพื้น เป็นครั้งคราว การดูแลรักษา แช่ปลาที่ป่วยในน�้าเกลือแกง เข้มข้น ๑ เปอร์เซ็นต์ นาน ๒๔ ชั่วโมง และท�าทุก ๆ ๒ วัน จนกว่าปลาจะหายป่วย แช่ปลาที่ป่วยด้วยยาปฏิชีวนะ ๑-๒ กรัมต่อน�้า ๑๐๐ ลิตร และแช่นาน ๒ วัน แช่ปลาที่ป่วยด้วยน�้ายาฟอร์มาลิน ในอัตรา ๒.๕-๓.๐ ซีซีต ่อน�้า ๑๐๐ ลิตร และแช่นาน ๒-๓ วัน • โรคเห็บ • โรคปลิงใส • โรคจุดขาว • โรคหนอนสมอ เ¡ิดจา¡»รสิµ • โรคสนิม • โรคเชื้อรา • โรคล�าไส้อักเสบ เ¡ิดจา¡เช×éอรา • โรคเกล็ดพอง • โรคครีบและหางเน่า เ¡ิดจา¡áº¤·ÕเรÕย หากพบว่าปลาว่ายน�้า หรือเคลื่อนไหวแฉลบไปมา ให้ใส่น�้ายาฟอร์มาลิน ๒.๕ ซีซีต่อน�้า ๑,๐๐๐ ลิตร นาน ๓ วัน แล้วสังเกตว่าปลาว่ายน�้าได้ตามปกติหรือไม่ หากยังไม่ดีขึ้นควรจับแยกและให้สัตวแพทย์ วินิจฉัยอีกครั้ง Trick : การดูแลรักษาโรคของปลา การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 101 โรคในปลาสวยงามที่เกิดจากปรสิตคือโรคใด 1. โรคตัวดาง 2. โรคปลิงใส 3. โรคเกล็ดพอง 4. โรคลําไสอักเสบ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเปนโรคที่ปรสิตมาเกาะ บนตัวปลาบริเวณผิวหนังหรือครีบ แลวดูดเลือดปลาเปนอาหาร ทําใหปลาออนแอ ตัวบวมโปง ครีบเปอย มีจุดแดงตามโคนครีบ มีเมือกมาก ซึม ตัวซีด และเบื่ออาหาร ซึ่งสามารถรักษาไดโดย การแชนํ้ายาฟอรมาลินในอัตรา 2.5-3 ซีซีตอนํ้า 100 ลิตร เปน ระยะเวลา 2-3 วัน) แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม และการนําเสนอผลงาน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม ขั้นสอน 25. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและบันทึก ผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การเลี้ยง ปลาสวยงามวา “การเลี้ยงปลาสวยงามตองรูจัก ดูแลรักษาความสะอาดอยูเสมอ เพราะปลามีนํ้า เปนที่อยูอาศัย คุณภาพของนํ้าอาจเปลี่ยนแปลง ไดจากหลายสาเหตุ ทั้งจากสภาพแวดลอม หรือจากตัวของปลาเอง เนื่องจากมีการขับถาย อยูตลอดเวลา หากปลาอาศัยอยูในแหลงนํ้าตาม ธรรมชาติจะเกิดการปรับสภาพใหนํ้ามีคุณสมบัติที่ เหมาะสม ทําใหสิ่งมีชีวิตอยูรวมกันไดอยางสมดุล หากปลาอาศัยอยูในแหลงนํ้าที่จํากัดและไมสะอาด อาจทําใหปลาเกิดโรคตางๆ ได ดังนั้น ความสะอาด และความปลอดภัย จึงสําคัญตอการเลี้ยงปลา สวยงาม หากเราเลี้ยงปลาสวยงามไดดี ก็จะสามารถ เพาะพันธุปลาสวยงามเปนอาชีพ เพื่อกอใหเกิด รายไดแกตนเองและครอบครัว” ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบใบงานที่ 6.2.1 เรื่อง การเลี้ยงปลา สวยงาม 2. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 3. ครูประเมินผลจากการออกแบบวิธีการเลี้ยงสัตว ในบริเวณบานตามขั้นตอนของกระบวนการ ทํางาน 4. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง นํา สอน สรุป ประเมิน T113


ขอสอบเนนการคิด ๔.๒ การเลี้ยงไก่ไข่ ร่างกายของมนุษย์มีความต้องการอาหารหลายชนิด เพื่อน�ามาเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย ให้แข็งแรง ซึ่งไข่ไก่เป็นหนึ่งในอาหารที่มีประโยชน์ ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ช่วยเสริมสร้าง สุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และต้านทานโรคบางชนิดได้ ดังนั้น จึงไม่ควรมองข้ามการเลี้ยงไก่ไข่ ไว้ ในบริเวณบ้าน เพราะสามารถน�ามาบริโภคในครัวเรือนและประกอบเป็นอาชีพ เพื่อช่วยเหลือ ครอบครัวได้ ๑) การคัดเลือกชนิดพันธุ ไก่ ในปัจจุบันสายพันธุ์ไก่ไข่ที่นิยมน�ามาเลี้ยงภายในประเทศ ส่วนมากจะน�าเข้ามาจากต่างประเทศ และน�ามาปรับปรุงพันธุ์ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ของไทยที่มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น การเลี้ยงไก่ไข่จะค�านึงถึงการให้ไข่ครั้งละมาก ๆ ฟองไข่ มีขนาดโต แข็งแรง ผิวสวย และเมื่อไก่ไม่สามารถผลิตไข่ได้แล้วยังน�าเนื้อมารับประทานได้ เพื่อให้ได้สายพันธุ์ไก ่ที่สมบูรณ์ แข็งแรง ผู้เลี้ยงควรมีความรู้และความพิถีพิถันในการเลือก สายพันธุ์ไก่ โดยพันธุ์ไก่ที่นิยมเลี้ยง เช่น เล็กฮอรนขาวหงอนจักร บารพลีมัทร็อค • มีขนาดเล็ก ขนสีขาว ใหไข เร็ว ทนตออากาศรอนไดดี • เริ่มใหไขเมื่ออายุ ๕-๕ ๑ ๒เดือน โดยใหไขปละ ประมาณ ๓๐๐ ฟอง • มีขนาดเล็ก ขนสีดําสลับ สีขาวตามขวางของขน ผิวหนังสีเหลือง • เริ่มใหไขเมื่ออายุ ๕ ๑ ๒-๖ เดือน โดยใหไขปละ ประมาณ ๒๐๐-๒๕๐ ฟอง 10๒ ให้แข็งแรง ซึ่งไข่ไก่เป็นหนึ่งในอาหารที่มีประโยชน์ ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ช่วยเสริมสร้าง ๑) การคัดเลือกชนิดพันธุ ไก่ ในปัจจุบันสายพันธุ์ไก่ไข่ที่นิยมน�ามาเลี้ยงภายในประเทศ 1 2 ขั้นนํา (5Es) ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 1. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • นักเรียนเคยเลี้ยงไกหรือไม ถาเคย นักเรียน เลี้ยงไกสายพันธุใด เพราะเหตุใดจึงเลือก เลี้ยงไกสายพันธุนี้ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ คิดเห็นไดอยางอิสระ) 2. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ที่เคยเลี้ยงไกออกมา เลาประสบการณเกี่ยวกับการเลี้ยงไกของ ตนเองใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน 3. ครูเปดวีดิทัศนเกี่ยวกับการฟกไขของไกไข ใหนักเรียนดู จากนั้นครูถามนักเรียนวา • ไขไกฟกเปนตัวออกมาไดอยางไร (แนวตอบ ไขจะฟกเปนตัวไดเมื่อถึงระยะการ ฟกไข ซึ่งจะตองมีอุณหภูมิและความชื้นที่ เหมาะสมแกการฟก โดยมีระยะการฟกตาม ธรรมชาติประมาณ 21 วัน ไขที่นํามาฟกควร มีลักษณะเปนฟองกลมๆ มีหนักประมาณ 45-65 กรัมตอฟอง ผิวเรียบ สีเปลือกมีความ สมํ่าเสมอ ไมเบี้ยว หรือบุบราว) 4. ครูอธิบายเพิ่มเติม เพื่อเชื่อมโยงความรูกอน เขาสูบทเรียนวา “ไขไกเปนผลผลิตจากไกไข เปนอาหารที่นิยมนํามารับประทาน เนื่องจาก มีประโยชนและใหคุณคาทางโภชนาการสูง มีโปรตีนสูง ชวยเสริมสรางสุขภาพรางกาย ใหแข็งแรง สมบูรณ บํารุงสมองและระบบ ประสาท บํารุงความจํา ชวยตานทานโรค การ เลี้ยงไกไขที่ดี เพื่อใหไดรับผลผลิตในปริมาณ มาก ผูเลี้ยงจําเปนตองศึกษาและแสวงหา ความรูใหมๆ เกี่ยวกับปจจัยที่จําเปนตอการ เลี้ยงไกไขใหถูกตอง เหมาะสม เพื่อใหได ผลผลิตที่มีประสิทธิภาพ” นักเรียนควรรู 1 ไขไก ไขไกที่วางจําหนายอยูโดยทั่วไปจะมีขนาดและแหลงที่มาตางกัน สวนใหญเปนไขที่ไดจากอุตสาหกรรมการเกษตร ไขไกตามธรรมชาติจึงเปน อีกทางเลือกหนึ่งสําหรับผูบริโภค เนื่องจากมีการคนพบวา ไขไกตามธรรมชาติ มีเบตาแคโรทีนมากกวาไขไกจากอุตสาหกรรมการเกษตรถึง 7 เทา มีวิตามินอี มากกวา 3 เทา และมีกรดไขมันโอเมกา 3 มากกวา 2 เทา ซึ่งมีประโยชนตอ รางกายเปนอยางมาก ไขไกที่ดีสังเกตไดจากผิว ผิวไขที่สวยงามจะมีสีครีม หรือ สีนํ้าตาล ซึ่งสีของเปลือกไขจะขึ้นอยูกับพันธุกรรมและอาหารที่ไกกินเขาไป นอกจากนี้ ตองมีคราบแปงเคลือบอยู จับแลวสากมือ ผิวไมเรียบ 2 ชนิดพันธุไก นิยมเลี้ยงหลายสายพันธุ เชน โรดไอสแลนดเรด มีขนสีนํ้าตาล แกมแดง ผิวหนังและแขงมีสีเหลือง เริ่มใหไขเมื่อมีอายุ 5-6 เดือนครึ่ง โดยจะ ใหไขเฉลี่ยประมาณ 280-300 ฟองตอป การเลือกโรงเรือนเลี้ยงสัตวควรคํานึงถึงปจจัยใดนอกเหนือจาก สถานที่ที่สามารถกันแดด ลม และฝนได (แนวตอบ ผูเลี้ยงจําเปนตองคํานึงถึงวิธีการเลี้ยงสัตว เพราะ สัตวแตละชนิดมีลักษณะและความตองการที่แตกตางกัน สภาพ ภูมิอากาศ เพราะอากาศจะสงผลตอการเจริญเติบโตและการให ผลผลิตของสัตว และจุดมุงหมายในการเลี้ยงสัตว เพราะผูเลี้ยง แตละคนมีจุดประสงคในการเลี้ยงสัตวที่แตกตางกัน บางคนเลี้ยงไว เพื่อความเพลิดเพลิน บางคนเลี้ยงไวเพื่อเปนอาหาร ดังนั้น การคํานึงถึงสถานที่ที่สามารถกันแดด ลม และฝนไดจึงไมเพียงพอ ตอการเปนโรงเรือนที่ดี) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T114


ขอสอบเนน การคิด ๒) สถานที่ในการเลี้ยงไก่ ต้องเหมาะสมกับพันธุ์ไก่ที่เลี้ยง มีลักษณะโปร่ง ไม่มืดทึบ ความสูงพอเหมาะ สะดวกต่อการเข้า-ออก อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ชื้นแฉะ มีผ้าม่านป้องกันแดด ฝน และลม มีลวดตาข่ายกั้นรอบบริเวณ เพื่อป้องกันศัตรูที่จะเข้ามาท�าร้ายไก่ มีอายุการใช้งาน ยาวนาน ราคาที่ไม่แพง และที่ส�าคัญไก่สามารถอยู่ในโรงเรือนได้อย่างสบาย ไม่เกิดความเครียด เพื่อจะได้ผลิตไข่ที่ดี มีคุณภาพ โดยทั่วไปโรงเรือนไก่ไข่แบ่งเป็น ๒ ชนิด ดังนี้ ขนาดของโรงเรือนมีความส�าคัญต่อการให้ผลผลิต จึงควรสร้างโรงเรือนให้มีขนาดที่ พอเหมาะ เช่น โรงเรือนแบบปิด ใช้เลี้ยงไก่ไข่ ๓ ตัวต่อตารางเมตร แต่ถ้าท�าเป็นธุรกิจโรงเรือนหนึ่ง ไม่ควรเกิน ๓๐๐ ตัว ต้องมีระบบการบริหารจัดการที่ดี เช่น การท�าความสะอาด การจัดการขยะ มูลฝอย การเก็บวัสดุ อุปกรณ์ ให้เรียบร้อย โรงเรือนแบบเปด • ใชตนทุนตํ่า สรางขึ้นให เหมาะสมกับสภาพแวดลอม โดยเปดโลงตามธรรมชาติ อากาศถายเทไดสะดวก • ใชหลักการสรางที่คํานึงถึง แสงแดด แหง สะอาด ไม เปยกชื้น มีระบบปองกัน ศัตรูที่จะมาทําอันตรายไก โรงเรือนแบบปด • เปนโรงเรือนที่สามารถ ควบคุมสิ่งแวดลอม ไดแก การระบายอากาศ อุณหภูมิ ความชื้น และแสงสวาง ให เหมาะสมกับความเปนอยู ของสัตว • มีระบบระบายอากาศ ลด ความรอนภายในโรงเรือน โดยใชหลักการระบายความ รอนดวยนํ้าและพัดลม การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 10๓ ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายความรู เรื่อง การเลี้ยงไกไข เพื่อใหเกิดความรู ความ เขาใจที่ถูกตองตรงกัน 4. ครูถามนักเรียนวา • การเลือกพันธุไกไข ควรคํานึงถึงปจจัยใน เรื่องใด (แนวตอบ ควรคํานึงถึงปจจัยในเรื่องการให ไขครั้งละจํานวนมากๆ โดยไขแตละฟอง มีขนาดใหญ ผิวเปลือกมีความสวยงาม เปลือกมีความแข็งแรง เพราะเมื่อไดไข จํานวนมากจะทําใหมีเหลือไปจําหนาย เพื่อสรางรายได นอกจากนี้ ไขที่มีขนาดฟอง ใหญ ผิวเปลือกไขสวยจะจําหนายไดราคาดี) • หากตองการสรางโรงเรือนเลี้ยงไกไข แตมี เงินทุนไมเพียงพอ ควรสรางโรงเรือนแบบใด (แนวตอบ สรางโรงเรือนแบบเปด เนื่องจาก ใชตนทุนในการสรางไมมาก มีรูปแบบที่ เหมาะสมกับสภาพแวดลอม ไมจําเปนตอง เสียเงินซื้ออุปกรณเสริมตางๆ มาใชใน ภายในโรงเรือน) ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกัน ศึกษา เรื่อง การเลี้ยงไกไข จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 หรือศึกษาเพิ่มเติม จากอินเทอรเน็ต ในประเด็นที่ครูกําหนดให คือ ความสําคัญของการเลี้ยงไกไข การคัดเลือก ชนิดพันธุไกไข สถานที่ที่ใชในการเลี้ยงไกไข ภาชนะและอุปกรณในการเลี้ยงไกไข อาหาร และการใหอาหารไกไข และการดูแลรักษา โรคของไกไข 2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยง ไกไข จาก PowerPoint ม.2 หนวยการเรียนรู ที่ 6 เพราะเหตุใดจึงตองมีการโรยปูนขาวบริเวณโรงเรือนไกไข 1. ชวยกําจัดเชื้อโรค 2. ทําใหมูลสัตวสลายตัวไดเร็ว 3. ขับไลสัตวรายที่เขามาใกลบริเวณโรงเรือน 4. ปองกันการเพาะพันธุของแมลงและยุงลาย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะปูนขาวมีสภาพเปนกรด ชวยกําจัดเชื้อโรคบางชนิดและสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของ เชื้อโรคได จึงนิยมนําปูนขาวมาโรยบริเวณโรงเรือน เพื่อปองกัน ไมใหโรงเรือนกลายเปนแหลงแพรระบาดของเชื้อโรคตางๆ ที่อาจ กอใหเกิดอันตรายตอสัตวที่เลี้ยง เพื่อใหสัตวมีสุขภาพที่แข็งแรง ไมติดเชื้อโรคไดงาย) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงเรือนไกไขใหนักเรียนฟงวา การสรางโรงเรือน เพื่อเลี้ยงไกไขมีอยูดวยกันหลายรูปแบบ ซึ่งจะขึ้นอยูกับวัตถุประสงคของผูเลี้ยง โรงเรือนที่ดีตองสามารถกันแดด ลม และฝนได รักษาความสะอาดไดงาย ใชวัสดุ ที่คงทน แข็งแรง อากาศถายเทไดสะดวก มีขนาดเหมาะสมกับจํานวนของไก หากตองการสรางโรงเรือนเพื่อเลี้ยงไกไขในปริมาณที่ไมมาก ศูนยวิจัยและบํารุง พันธุสัตวกบินทรบุรี สํานักพัฒนาพันธุสัตว กรมปศุสัตว ไดใหคําแนะนําไววา สามารถสรางโรงเรือนบนพื้นดินในสวนที่มีตนไมใหความรมรื่น ขนาดของโรงเรือน 6 X 6 เมตร เพื่อเลี้ยงไกไขจํานวน 15-20 ตัว ตัวโรงเรือนเปนไมไผเรียงกัน ไมทึบตัน ผูเลี้ยงสามารถมองเขาไปในโรงเรือนได หลังคามุงดวยใบจาก มีบริเวณ พื้นที่วางใหไกออกมาหากินและเดินไปมาไดอยางอิสระ ไมแออัดจนเกินไป นํา สอน สรุป ประเมิน T115


ขอสอบเนนการคิด อุปกรณ ใหนํ้า รองรับนํ้า มีอยูดวยกันหลายแบบ เชน แบบรางยาว แบบขวดมีฝาครอบ เครื่องกกลูกไก ใหความอบอุนแกลูกไกแทนแมไก ในขณะ ที่ลูกไกยังมีขนาดเล็กอยู รังไข รองรับไขไก มีขนาดกวาง สามารถเคลื่อนยาย และทําความสะอาดไดงาย ระบายอากาศไดดี วัสดุรองพื้น โดยทั่วไปจะเปนวัสดุที่หาไดงายในทองถิ่น เชน ขี้เลื่อย ชานออย ฟางขาว ซังขาวโพด หลอดไฟนีออน ใหแสงสวาง โดยแสงสวางมี ความจําเปนตอการมองเห็นและ การใหไขของไก ๓) อุปกรณ ในการเลี้ยงไก่ มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ควรศึกษาวิธีการใช้และประโยชน์ ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เข้าใจ เพื่อจะได้เลี้ยงและดูแลไก่ไข่ ให้มีสุขภาพดี และมีการเจริญเติบโตอย่าง สมบูรณ์ อุปกรณ์ในการเลี้ยงไก่ไข่ที่ควรรู้ เช่น รางใหอาหารไก รองรับอาหาร โดยรางขนาดเล็กสําหรับใหอาหารลูกไก รางขนาดใหญสําหรับใหอาหารไกอายุตั้งแต ๑๕ วันขึ้นไป ในช่วงฤดูฝน ควรใช้ฟ้าทะลายโจรแห้งบดละเอียด หรือต้นสดใส่ในรางน�้าให้ไก่กิน เพื่อช่วยป้องกัน การเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหวัด โรคอุจจาระขาว Trick : สมุนไพรปองกันโรคในไก่ 10๔ 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • การสรางโรงเรือนแบบเปดและโรงเรือน แบบปด มีขอดีอยางไร (แนวตอบ ขอดีของโรงเรือนแบบเปด คือ ชวยประหยัดคาใชจายในการสรางโรงเรือน และการดูแลรักษาทําความสะอาด เนื่องจาก มีลักษณะเปดโลงตามธรรมชาติ ทําใหอากาศ ถายเทไดสะดวก และขอดีของโรงเรือน แบบปด คือ สามารถชวยปองกันโรคบางชนิด ได เนื่องจากเปนโรงเรือนที่มีอากาศถายเท ไดสะดวก ภายในโรงเรือนไมรอนอบอาว มีระบบคลายความรอนภายในโรงเรือน) • หากไมมีเครื่องกกลูกไก สามารถแกปญหา ดังกลาวไดหรือไม อยางไร (แนวตอบ ปลอยใหไกฟกไขเอง โดยกําจัดไร และเหาที่อยูบนตัวของแมไกออกใหหมด กอน เพื่อเปนการปองกันไรและเหารบกวน ในขณะที่ฟกไข วางนํ้าและอาหารใกลๆ บริเวณที่ฟกไข เพื่อปองกันไมใหแมไกทิ้งไข นานจนเกินไป เมื่อครบ 7 วัน ใหนําไขมาสอง ดูเชื้อ เพื่อคัดไขที่ไมมีเชื้อไข เชื้อตาย หรือ ไขเนาออกจากรัง แมไกจะใชเวลาฟกไขอีก ประมาณ 21 วันเมื่อลูกไกฟกออกมาหมดแลว ใหนําสิ่งที่ใชรองรังไข เปลือกไข ไปเผาทิ้ง และทําความสะอาดรังไข) • เพราะเหตุใดจึงตองมีการเปลี่ยนวัสดุรอง พื้นใหมอยูเสมอ (แนวตอบ วัสดุรองพื้นมีเชื้อโรคฝงตัวอยู ควรนําวัสดุรองพื้นไปเผาไฟ หรือใชวิธีการ ฝงกลบในหลุมดิน โดยการราดนํ้ายาเพื่อฆา เชื้อโรคใหทั่วบริเวณ โรยทับดวยปูนขาว แลว ทําการฝงกลบใหเรียบรอย) นักเรียนควรรู 1 อาหารไก อาหารที่ผสมตามสูตรแลว ควรบรรจุในภาชนะที่มีฝาปดมิดชิด เก็บไวในที่ที่สามารถปองกันแดดและฝน และไมควรเก็บไวนานเกิน 15 วัน 2 โรคอุจจาระขาว เปนโรคติดตอที่ติดเชื้อผานไขได ไกจะซึม ทองเสีย และถายเปนมูลสีขาว ผูเลี้ยงควรสังเกตสีของมูลไก เพื่อสังเกตสุขภาพของไก โดยปกติแลวมูลไกจะมีสีตามอาหารที่กิน หากมูลมีสีนํ้าตาลปลายขาว กอนใหญ สวนใหญจะเปนลักษณะของแมไกที่ฟกไขนานๆ ขับถายไมเปนเวลา หรือนานๆ ถายครั้ง เปนลักษณะของมูลที่ปกติ หากถายเปนมูกเหลวสีนํ้าตาล อาจเปนโรค อีโคไลและหลอดลมอักเสบติดเชื้อ มูลจะเหลวมากขึ้นจนกลายเปนมูกเหลว และสงกลิ่นเหม็น จึงควรแยกไกออกจากฝูง เพื่อรักษาดวยการใหยาปฏิชีวนะ หากถายเปนลิ่มเลือดสดๆ อาจเปนโรคบิด โรคพยาธิรุนแรง หรือโรคที่เกี่ยวกับ ระบบยอยอาหาร ควรทําการรักษาอยางเรงดวน “หัวอาหารมีคุณคาทางโภชนาการสูงสําหรับไกไข” นักเรียนเห็น ดวยหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ เห็นดวย เพราะหัวอาหารเปนอาหารที่ประกอบดวย วัตถุดิบชนิดเดียวกัน หรือหลายชนิดที่มีคุณคาทางอาหารสูง เมื่อ นําไปผสมกับอาหารชนิดอื่นๆ ซึ่งสวนใหญจะเปนคารโบไฮเดรต ในอัตราสวนที่เหมาะสม หรือตามสัดสวนที่กําหนดไว จะมีคุณคา ทางโภชนาการครบถวนตามความตองการของไกไขในแตละวัย) นํา สอน สรุป ประเมิน T116


กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงค การให้อาหารไก่ผู้เลี้ยงควรเลือกอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อไก่ให้ได้มากที่สุดเพราะจะท�าให้ไก่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์และออกไข่ ที่มีคุณภาพได้เป็นจ�านวนมาก การเลือกชนิดของอาหารเพื่อใช้เลี้ยงไก่ เป็นปัจจัยส�าคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพของ ผลผลิต ผู้เลี้ยงควรศึกษาท�าความเข้าใจเกี่ยวกับอาหารแต่ละชนิดที่จะน�ามาใช้ในการเลี้ยงไก่ไข่ เพื่อให้ไก่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ สูตรอาหารที่ดีต้องน�าวัตถุดิบที่ให้สารอาหารที่มีประโยชน์มาผสมกันในสัดส่วนที่ เหมาะสม เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนตามที่ไก่ต้องการ วัตถุดิบที่หาได้ทั่วไปและราคาไม่แพง เช่น ร�าละเอียด ปลายข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง โดยไก่สามารถน�าอาหารไปใช้ในการผลิตเนื้อ และไข่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไก่ในแต่ละช่วงวัยจะต้องการอาหารในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ผู้เลี้ยงควรให้อาหารในสัดส่วนที่เหมาะสมกับวัยของไก่ด้วย ๔) อาหารและการให้อาหารไก่การเลี้ยงไก่ไข่จะประสบผลส�าเร็จได้จะต้องใช้อาหาร ที่ดี มีคุณค่าทางโภชนาการผู้เลี้ยงจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการให้อาหารและเลือกอาหาร ให้ถูกต้องเหมาะสมกับวัยของไก่ เพื่อที่ไก่จะได้ผลิตไข่ที่ดีมีคุณภาพมาให้บริโภค ชนิดของอาหาร ที่ใช้เลี้ยงไก่ไข่มีมากมายหลายชนิด แต่ที่นิยมมากมีอยู่ด้วยกัน ๔ ชนิด ดังนี้ • สารเข้มข้นที่ผสมจากวัตถุดิบจ�าพวก โปรตีนจากพืช สัตว์ วิตามิน แร่ธาตุ ฯลฯ ผสมในอัตราส ่วนที่ก�าหนด เพื่อให้ได้ อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ • อาหารส�าเร็จรูปที่อยู่ในรูปของอาหารผสม ไปผ่านกรรมวิธีการอัดเม็ด • มีหลายขนาด ช่วยให้ไก่ได้รับสารอาหาร และโภชนาการที่ครบถ้วน • อาหาร หรือวัตถุดิบที่ใช้ส�าหรับผสมกับ อาหารที่จะใช้เลี้ยงไก่ • มีคุณสมบัติช่วยเสริมคุณภาพของอาหาร นั้น ๆ ให้ดีขึ้น • ผสมวัตถุดิบหลายอย่างที่บดละเอียดแล้ว เข้าไว้ด้วยกัน • สามารถน�าไปเลี้ยงไก่ได้ทันที โดยไม่ต้อง ให้อาหารเสริมอีก หัวอาหาร อาหารเสริม อาหารอัดเม็ด อาหารผสม การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 105 การเลือกชนิดของอาหารเพื่อใช้เลี้ยงไก่ ร�าละเอียด 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • การเลือกชนิดอาหารของไกไขมีความสําคัญ ตอการเลี้ยงไกไขอยางไร (แนวตอบ การเลือกชนิดอาหารของไกไข ที่ถูกตองและเหมาะสมมีความสําคัญอยางยิ่ง ตอการเลี้ยงไกไข เพราะจะสงผลถึงผลผลิต ไขที่จะไดในปริมาณมาก หรือนอย คุณภาพ ไกไขที่ได ไกไขเจริญเติบโตเร็ว ใหผลผลิตไข ไดเร็ว ดังนั้น ผูเลี้ยงจึงควรศึกษาขอมูลของ การเลี้ยงไกไขใหเขาใจอยางละเอียด เพื่อให การเลี้ยงไกไขเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ) • การใหอาหารไกอยางเหมาะสมควรคํานึงถึง เรื่องใด (แนวตอบ ในการใหอาหารไกไข ควรคํานึง ถึงชนิดและอายุของไกไขเปนหลัก เนื่องจาก ไกไขแตละชวงอายุจะตองการอาหารใน ปริมาณที่แตกตางกัน การใหอาหารควรให ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะถาใหอาหาร มากจนเกินไป อาหารจะเหลือ เปนการ สิ้นเปลือง ทั้งยังกอใหเกิดการหมักหมม และอาจกลายเปนแหลงเพาะพันธุเชื้อโรค ไดอีกดวย) • โปรตีนเปนสารอาหารที่มีความสําคัญและ จําเปนตอรางกายของไกไขอยางไร (แนวตอบ เปนสารอาหารที่ประกอบไปดวย กรดแอมิโนชนิดตางๆ ชวยในการสราง เนื้อเยื่อที่จําเปนตอการเจริญเติบโตของ รางกาย ชวยสรางและซอมแซมสวนตางๆ ของรางกาย เชน ขน เล็บ หนัง กระดูก อวัยวะ เม็ดเลือดแดง นอกจากนี้ ยังเปนสวน ประกอบของผลผลิต คือ ไข และนําไปใชใน การสรางเนื้ออีกดวย) ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ใหแตละกลุมรวมกันจัด ทําปายนิเทศนําเสนอขอมูลเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงไกตามความสนใจ 1 สายพันธุ โดยนําเสนอในประเด็นที่กําหนดให ดังนี้ • สายพันธุและลักษณะนิสัยของไก • สถานที่และอุปกรณที่ใชในการเลี้ยง • การดูแลและการใหอาหาร • โรคและการปองกันดูแลรักษา จากนั้นใหแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1-2 คน ออกมานําเสนอ ผลงานใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน (กิจกรรมนี้สรางเสริมคุณลักษณะดานซื่อสัตยสุจริต มีวินัย ใฝเรียนรู อยูอยางพอเพียง และมุงมั่นในการทํางาน) นักเรียนควรรู 1 อาหารเพื่อใชเลี้ยงไก การเลี้ยงไกไขตองคํานึงถึงตนทุนการผลิตใหตํ่าที่สุด คาเฉลี่ยของตนทุนไขไก 1 ฟอง จะเปนคาอาหารประมาณ 60% การเลี้ยงไกไข จึงตองเลือกพันธุที่ใหไขมากและมีขนาดตัวเล็ก เพื่อประหยัดพื้นที่ในโรงเรือน 2 รําละเอียด ไดมาจากการสีขาว นิยมนํามาใชเปนสวนผสมของอาหารสัตว โดยทั่วไปรํามีโปรตีนประมาณ 12% หากเปนรําจากโรงสีขนาดกลางและขนาดเล็ก จะเรียกวา “รําปนแกว” มีโปรตีนประมาณ 7% เนื่องจากมีแกลบผสมอยู และ มีไขมัน 12-13% หืนงาย เก็บไดไมนาน มีวิตามินบีหลายชนิด หากใชรําใน ปริมาณมากเปนสวนประกอบในอาหาร จะทําใหสัตวถายเหลว เนื่องจากรํามีฤทธิ์ เปนยาระบาย ผูเลี้ยงควรเลือกรําที่สดใหม ไมมีกลิ่น ไมควรเก็บไวนานเกิน 30-40 วัน เพราะจะเริ่มมีกลิ่นหืน นอกจากนี้ ควรตรวจสอบวารําที่ไดมาไมมี สิ่งตางๆ ปลอมปนอยู เชน ดินขาวปน หินฝุน ซังขาวโพดบดละเอียด นํา สอน สรุป ประเมิน T117


ขอสอบเนนการคิด ลูกไก่ที่มีอายุต�่ากว่า ๒ เดือน ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะอยู่ในช่วงที่สามารถติดเชื้อจากโรคต่าง ๆ ได้ง่าย ช่วงเวลาที่ไก่ไข่มีอายุประมาณ ๒๑-๒๒ สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นไก่สาว และอยู่ในช่วง ออกไข่ แม่ไก่จะต้องการอาหารมาก เพื่อน�าไปเปลี่ยนเป็นไข่ ต้องให้อาหารไก่ตัวละประมาณ ๑๐-๑๑๐ กรัมต่อ ๑ วัน และต้องค�านึงถึงสภาพอากาศควบคู่กันไปด้วย เช่น ในช่วงฤดูร้อน ควรให้อาหารลดลง เพราะไก่ให้ไข่น้อยแต่ในช่วงฤดูหนาวอากาศเย็นไก่จะกินอาหารมากเพื่อจะได้ มีไขมันมาสร้างความอบอุ่น และเพิ่มพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ๕) การดูแลรักษาโรคของไก่นอกจากจะต้องคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีปลูกสร้างโรงเรือน ให้มีความเหมาะสม ให้อาหารที่มีประโยชน์ ยังต้องดูแลรักษาไก่ให้มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อป้องกัน โรคติดต่อ โดยทั่วไปโรคของไก่ไข่แบ่งเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๑. โรคที่รักษาได้ด้วยยา คือ โรคบิด จะเป็นมากในลูกไก่ที่มีอายุต�่ากว่า ๒ เดือน โดยเฉพาะลูกไก่ ๓-๔ สัปดาห์ จะติดเชื้อได้ง่ายมาก • ลักษณะอาการ ถ่ายเป็นมูก มีเลือดปนออกมา ถ้าเป็นมากจะถ่ายเป็นเลือด ไม่กินอาหาร หนาวสั่น ปีกตก • การรักษา ใช้ยา เช่น ยาซัลฟา ยาซัลเมท ละลายน�้าให้ไก่กิน โดยให้ยาตาม ค�าแนะน�าของสัตวแพทย์ เช่น ให้ยา ๓ วัน หยุด ๑ วัน แล้วให้ต่ออีก ๓ วัน ไก่ก็จะหายจากโรค • ข้อควรระวัง ถ้าให้ยากลุ่มซัลฟามากไป ไก่จะแคระแกร็น และเมื่อพบว่าลูกไก่ ถ่ายเป็นเลือด ต้องรีบเปลี่ยนวัสดุรองพื้นใหม่ทันทีและโรยปูนขาวก่อนน�าวัสดุรองพื้นใหม่มาปู ซึ่งใช้ปูนขาว ๓ กิโลกรัมต่อ ๑๐ ตารางเมตร 106 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • หากไมมีอาหารสําเร็จรูปใหไกไข ควรแกปญหา ดังกลาวอยางไร เพื่อใหไกไขสามารถกิน อาหารไดตามปกติ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ คิดเห็นไดอยางอิสระ) 5. ครูเปดวีดิทัศนเกี่ยวกับการเลี้ยงไกไขให นักเรียนดู จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ในปจจุบันสายพันธุไกไขที่นิยมเลี้ยงใน ประเทศไทย โดยสวนมากจะนําเขามาจาก ตางประเทศและนํามาพัฒนาสายพันธุ เพื่อให เหมาะสมกับสภาพแวดลอมของประเทศไทย สําหรับพันธุไกไขที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย แบงเปน 2 ประเภท ดังนี้ • ไกพันธุแท เปนไกที่ไดรับการคัดเลือกและ ผสมพันธุมาเปนอยางดี จนลูกหลานในรุน ตอๆ มามีลักษณะ รูปราง ขนาด สี ฯลฯ เหมือนกับบรรพบุรุษ หรือลักษณะประจําพันธุ คงที่ ไกไขพันธุแทที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย เชน พันธุโรดไอสแลนดเรด พันธุบารพลี มัทร็อค พันธุเล็กฮอรนขาวหงอนจักร • ไกพันธุลูกผสม เปนไกที่ไดจากการนําไกไข ตั้งแต 2 สายพันธุขึ้นไปมาผสมกัน เปนไกไข ที่นิยมเลี้ยงในเชิงการคามากที่สุดในปจจุบัน เนื่องจากเปนพันธุที่ผสมขึ้นเปนพิเศษ มีการ พัฒนาและปรับปรุงพันธุใหมีประสิทธิภาพ ในการใหผลผลิตและมีคุณภาพตรงตาม ความตองการของตลาด คือ ใหไขดก ไกไข พันธุผสมที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย เชน พันธุ เอ.เอ.บราวน พันธุรอสบราวน พันธุไฮเซกซ บราวน พันธุอีซาบราวน พันธุซูเปอรฮารโก พันธุดีคารบวอรเรน พันธุฮับบารดโกเดน คอมเมต พันธุเชพเวอรสตารครอส 579” เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคการเลี้ยงไกไขใหไดไขฟองใหญและ ปริมาณมากใหนักเรียนฟงวา เทคนิคการเลี้ยงไกไขที่สามารถปฏิบัติไดดวยตนเอง มีหลายวิธี เชน ในชวงฤดูรอนไกจะออกไขฟองเล็ก จึงควรนํายอดออนสะตอเบา มาใหไกกิน จะชวยใหไกออกไขไดฟองใหญมากขึ้น นําหยวกกลวยมาใหไกกิน จะทําใหออกไขงายและไดไขแดงที่มีสีแดงสด นํานํ้าสมควันไมมาใหไกกิน จะชวยเพิ่มปริมาณวิตามิน ลดคอเลสเตอรอลในไขแดง ไกที่มีอายุมากจะออกไข ฟองเล็ก จึงควรนําตําลึงมาใหไกกิน จะชวยใหออกไขไดใบใหญขึ้น ควรใหไกกิน หญาสดบาง เพราะมีโปรตีน วิตามิน แคลเซียม และกากใยอาหารที่มีประโยชน ซึ่งมีสวนชวยในเรื่องระบบขับถาย ทําใหไกมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ และให ไขที่มีคุณภาพ ควรใหมะละกอสุก จะชวยใหไขไกมีสีแดงและมีสีเขมสมบูรณ “ในชวงฤดูหนาวไกจะกินอาหารมากกวาปกติ” นักเรียนคิดวา เปนเรื่องจริงหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ เปนเรื่องจริง เพราะในชวงฤดูหนาว อากาศจะเริ่ม หนาวเย็นมากขึ้น สงผลใหไกตองการไขมัน เพื่อนํามาใชเพิ่ม ความอบอุนใหแกรางกาย รวมถึงเพิ่มพลังงานตางๆ ใหเพียงพอ ตอความตองการของรางกายอีกดวย ดังนั้น ผูเลี้ยงจึงไมควรจํากัด การใหอาหาร เพราะปริมาณอาหารที่ไกกินเพิ่มเขาไปจะเปลี่ยนเปน ผลผลิตไขที่เพิ่มขึ้นมา) นํา สอน สรุป ประเมิน T118


๒. โรคที่รักษาไม่ได้ด้วยยา แต่ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันและควบคุม โรคระบาดที่ส�าคัญ หรือโรคที่ยากแก่การรักษา เช่น • โรคนิวคาสเซิล รักษาโดยการฉีดวัคซีนและหยอดตา ๑-๒ หยด ต่อไก่ ๑ ตัว โดยหยอดบริเวณมุมตาด้านใน ถ้าหยอดจมูกให้ใช้นิ้วปิดรูจมูกด้านหนึ่งแล้วจึงหยอด • โรคมาเร็กส์ รักษาโดยการฉีดวัคซีนเข้าใต้ผิวหนัง บริเวณท้ายทอย หรือฐานคอ ของไก่ ซึ่งจะใช้เวลา ๗-๑๔ วัน ในการสร้างภูมิคุ้มกันโรค • โรคฝีดาษไก่ รักษาโดยการฉีดวัคซีนเข้าทางปีก โดยแทงเข็มเข้าจากทางด้านล่าง ผ่านทะลุหนังของปีกไก่ ห้ามแทงผ่านขน กล้ามเนื้อ หรือกระดูก เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ • โรคอหิวาต์ไก่ รักษาโดยการฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อหน้าอก ซึ่งจะท�าให้ไก่เกิด ภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าการหยอดตา หรือหยอดจมูก การดูแลรักษาไก่ไข่ตั้งแต่แรกเกิดอายุ ๑ วัน จนถึง ๕๒-๖๐ สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะ ของการให้ไข่ ควรดูแลรักษาไก่เป็นอย่างดี เพื่อไก่จะได้ผลิตไข่ที่มีคุณภาพให้ได้บริโภค โรคที่เกิดกับไก่ไข่และวิธีการป้องกัน ผู้เลี้ยงไก่ไข่ควรท�าความเข้าใจเกี่ยวกับโรคชนิดต่าง ๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับไก่ไข่ที่เลี้ยง เพื่อหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งโรคที่มักเกิดขึ้นกับไก่ไข่ เช่น T i p โรค สาเหตุ ลักษณะอาการ การปองกัน/การรักษา อหิวาต์ไก่ เป็นโรคติดต ่อร้ายแรง ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เข้าสู่ร่างกายผ่านอาหาร หงอย ซึม กินน้อยลง เบื่ออาหาร หายใจขัด กระหายน�้า หงอนสีคล�้า ท้องร ่วง ถ ่ายเหลวเป็นสีเขียว ปนเหลือง ตายภายใน ๑-๒ วัน หากพบว่าเป็นโรค ใช้ยาปฏิชีวนะคลอร์เตตราไซคลีน หรือใช้ยาประเภทซัลฟา เพื่อฆ่าเชื้อ ซึ่งควรอยู่ภายใต้การควบคุมของ สัตวแพทย์ ฝีดาษไก่ เป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับ ลูกไก่และไก่รุ่น เกิดจาก เชื้อไวรัสที่ติดต่อกันโดย การสัมผัส มีจุดสีเทาพองตามบริเวณใบหน้า หงอน เหนียง ผิวหนังส่วนอื่น ๆ หงอย ซึม เบื่ออาหาร และตาย ในที่สุด ฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษไก่ หวัดติดต่อ ในไก่ เป็นโรคทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ ปะปนในเสมหะ น�้ามูก น�้าตาของไก่ที่ป่วย จาม น�้าตาไหล มีน�้ามูกอยู่ในช่อง จมูกส่งกลิ่นเหม็น ตาแฉะ หน้า และเหนียงบวม กินอาหารน้อยลง ใช้ยาปฏิชีวนะออกซิเตตราไซคลีน หรือใช้ยาประเภท ซัลฟา การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 10๗ • โรคนิวคาสเซิล รักษาโดยการฉีดวัคซีนและหยอดตา ๑-๒ หยด ต่อไก่ ๑ ตัว • โรคอหิวาต์ไก่ รักษาโดยการฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อหน้าอก ซึ่งจะท�าให้ไก่เกิด 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 6. ครูใหนักเรียนแบงกลุม (กลุมเดิม) รวมกันปฏิบัติ กิจกรรม “เรามาวางแผนเลี้ยงไกไขกันเถอะ” โดยประชุมรวมกันเพื่อวางแผนการเลี้ยงไกไข พรอมทั้งเขียนแผนผังโรงเรือนและบันทึกผล การวางแผนการเลี้ยงไกไข ลงในใบงานที่ 6.3.1 เรื่อง การวางแผนเลี้ยงไกไข จากสถานการณ ที่กําหนดให ดังนี้ “นายวีระมีพื้นที่บริเวณบานที่ไมไดใชประโยชน ซึ่งเปนพื้นที่โลง โปรงตามธรรมชาติ อากาศ ถายเทไดสะดวก มีลักษณะเปนรูปสี่เหลี่ยม จัตุรัส จํานวนกวา 200 ตารางวา เขาตองการเลี้ยง ไกไขในบริเวณบาน เพราะสามารถนําไขไก มาบริโภคภายในครัวเรือน หรือประกอบเปน อาชีพเพื่อหารายไดเสริม แตเขาไมมีความรู เกี่ยวกับการเลี้ยงไกไข จึงตองการไดรับ คําแนะนําเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงไกไขที่ถูกตอง ดังนั้น นักเรียนจะมีแนวทางในการเลี้ยงไกไข แนะนําใหแกนายวีระอยางไร” 7. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การเลี้ยงไกไขมีขอมูล สําคัญที่ตองศึกษาหลายประการ เชน • การคัดเลือกชนิดพันธุไกไข ตองคํานึงถึงการ ใหไขครั้งละมากๆ ไขมีขนาดใหญ ผิวสวย • สถานที่ในการเลี้ยงไกไข ควรมีลักษณะโปรง โลง ไมมืดทึบ อากาศถายเทไดสะดวก • ภาชนะและอุปกรณในการเลี้ยงไกไข ควร ศึกษาใหเขาใจและเลือกใชอยางถูกตอง • อาหารและการใหอาหารไกไข ควรศึกษา เกี่ยวกับอาหารแตละชนิดที่นํามาใช • การดูแลรักษาโรคของไกไข ควรทําความ เขาใจเกี่ยวกับโรคชนิดตางๆ ที่มีโอกาสเกิด ขึ้นกับไกไขอยางละเอียด เพื่อปองกันไมให เกิดโรคได” กิจกรรม 21st Century Skills 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ใหแตละกลุมเลือกเลี้ยง สัตวตามความสนใจ 1 ชนิด โดยแตละกลุมจะตองเลือกสัตว เลี้ยงที่ไมซํ้ากัน 2. ใหนักเรียนแตกลุมศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัตวเลี้ยงที่เลือก ดังนี้ • ประเภทของสัตวเลี้ยง • ประโยชนและความสําคัญ • ลักษณะทั่วไปและพัฒนาการการเจริญเติบโต • การดูแลและการใหอาหาร • โรคและการปองกันดูแลรักษา 3. สัมภาษณผูเลี้ยงสัตว หรือผูที่จําหนายสัตวชนิดนั้น เพื่อเพิ่มเติม ขอมูล จากนั้นใหแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมา นําเสนอขอมูลใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน สรุปขอมูลเปนแผนพับ หรือรูปแบบที่สนใจ นําสงครูผูสอน นักเรียนควรรู 1 โรคนิวคาสเซิล เปนโรคที่พบมากในสัตวปก จะติดตอจากการหายใจ การกินอาหาร หรือนํ้าที่มีเชื้อปนเปอน มีระยะฟกตัวของโรคประมาณ 2-15 วัน อาการของโรคจะแตกตางกันไปตามสายพันธุเชื้อ หากเปนชนิดรุนแรงจะทําให สัตวตายอยางรวดเร็วโดยไมแสดงอาการใดๆ ของโรค หรือมีอาการหายใจลําบาก ไอ จามเสียงดัง ซึม เบื่ออาหาร ปกตก คอบิด เดินเซ ฯลฯ หากพบวาสัตว ที่เลี้ยงไวเปนโรคดังกลาว ควรแจงสัตวแพทยทันที และผูเลี้ยงควรปองกันตนเอง ดวยการสวมใสอุปกรณปองกัน ลางมือใหสะอาดหลังจากสัมผัสกับสัตวเลี้ยง 2 โรคอหิวาตไก เปนโรคที่เกิดขึ้นกับไกทุกวัย แพรระบาดไดทุกชวงฤดูกาล โดยเฉพาะในชวงฤดูรอนจะมีการแพรระบาดที่รุนแรงมาก ไกที่เปนโรคนี้จะมี อาการไขสูง นํ้ามูก นํ้าลายไหลเปนมูก หัวตก หนาและหงอนมีสีมวงคลํ้า หายใจ ลําบาก เบื่ออาหาร กระหายนํ้า ทองรวง ขนรวง และตายใน 2-3 วัน นํา สอน สรุป ประเมิน T119


นอกจากนี้ การจัดการผลผลิตของไก่ไข่ก็นับเป็นสิ่งส�าคัญ เพราะเป็นการบริหารจัดการ เพื่อรักษาคุณภาพของไข่ไก่ให้มีความสมบูรณ์ โดยเก็บไข่ไก่ให้ถูกสุขลักษณะ ซึ่งต้องเก็บโดย ปราศจากอุจจาระปนเป้อน และน�าไปใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดเหมาะสมกับขนาดของไข่ไก่ เพื่อป้องกันการกระแทก แตกร้าว ก่อนน�าไปบริโภค หรือจัดจ�าหน่าย ถ้าต้องการเก็บไข่ไก่ไว้รับประทานนาน ๆ ควรเก็บในตู้เย็นที่ช่องแช่ไข่ โดยวางด้านแหลม ของไข่ลง จะท�าให้ไข่แดงลอยอยู่ตรงกลางพอดี ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน ๓ สัปดาห์ เพราะอาจมี เชื้อแบคทีเรียเข้าไปเพาะตัวอยู่ในไข่ขาว หรือไข่แดง จะท�าให้ไข่ไก่ไม่สด และคุณค่าทางโภชนาการ ลดลง การน�าไข่ไก่ใส่ในบรรจุภัณฑ์ นอกจากจะสะดวกและประหยัดพื้นที่ ในการขนส่งแล้ว ยังช่วยป้องกันการแตกร้าว หรือการบุบของ เปลือกไข่ ก่อนที่จะส่งถึงมือผู้บริโภค การเลี้ยงสัตวในบริเวณบานทั้งแบบที่เลี้ยงไวเพื่อความเพลิดเพลินและเลี้ยงไว เพื่อเปนอาหาร เราตองศึกษาหาขอมูลของสัตวที่ตองการจะเลี้ยงกอน เชน ชนิดพันธุ อาหาร ความเปนอยู ลักษณะนิสัย เพราะสัตวแตละชนิดมีความแตกตางกัน ทําใหการเลี้ยงดู มีลักษณะที่แตกตางกันออกไป เชน สถานที่ ในการเลี้ยง การดูแลรักษาโรค การบริหารจัดการ ดังนั้น กอนตัดสินใจเลือกเลี้ยงสัตวชนิดใด จึงจําเปนตองศึกษาหาขอมูลเกี่ยวกับสัตวชนิดนั้น ๆ กอน เพื่อที่จะไดนํามาเลี้ยงไดอยางถูกตอง หากต้องการเก็บไข่ให้ ได้นาน ให้น�าน�้ามันพืชมาทาบนเปลือกไข่ให้ทั่ว ไม่ต้องแช่เย็น น�้ามันจะช่วย ป้องกันแกสออกซิเจนซึมเข้าไปในไข่ ท�าให้เก็บไข่ไว้ได้นานขึ้น Trick : การเก็บรักษาไข่ไก่ 108 เพื่อรักษาคุณภาพของไข่ไก่ให้มีความสมบูรณ์ โดยเก็บไข่ไก่ให้ถูกสุขลักษณะ ซึ่งต้องเก็บโดย 1 2 กิจกรรม สรางเสริม กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 8. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันวางแผนการ เลี้ยงไกไข โดยมีครูเปนผูคอยใหความชวยเหลือ และรวมกันตรวจสอบความถูกตองของขั้นตอน การวางแผนการเลี้ยงไกไขภายในกลุมของ ตนเอง จากนั้นสงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมา นําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน 9. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ขนาดของไขไกหากแบง ตามขนาดของไขตามนํ้าหนัก สามารถแบง ออกเปน 6 เบอร ไดแก • ไขไกเบอร 0 เปนไขไกที่มีขนาดใหญมากเปน พิเศษ มีนํ้าหนักขั้นตํ่า 70 กรัมตอฟอง • ไขไกเบอร 1 เปนไขไกที่มีขนาดใหญมาก มีนํ้าหนัก 65-69 กรัมตอฟอง • ไขไกเบอร 2 เปนไขไกที่มีขนาดใหญ มีนํ้าหนัก 60-64 กรัมตอฟอง • ไขไกเบอร 3 เปนไขไกที่มีขนาดปานกลาง มีนํ้าหนัก 55-59 กรัมตอฟอง • ไขไกเบอร 4 เปนไขไกที่มีขนาดเล็ก มีนํ้าหนัก 50-54 กรัมตอฟอง • ไขไกเบอร 5 เปนไขไกที่มีขนาดเล็กมาก มีนํ้าหนัก 45-49 กรัมตอฟอง” ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 สรุปผล 1. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันทํา กิจกรรมสรางสรรคพัฒนาการเรียนรู 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การวางแผนการเลี้ยงสัตวใน บริเวณบาน โดยทําการวางแผนเพื่อเลี้ยงสัตว ตามหลักการที่ไดดําเนินการศึกษา พรอมทั้ง จัดทําเปนรูปเลม รายงาน และนําสงครูผูสอน นักเรียนควรรู 1 ไขไก ไขที่สดจะมีผิวนวล เมื่อจับผิวจะสาก เมื่อตอกแลวไขแดงจะนูน ไขขาวจะเปนลิ่มๆ สวนไขไกที่ไมสด ผิวจะมันลื่นเมื่อตอก ไขแดงจะแบนราบ แตถาไขแดงมาผสมรวมกับไขขาวแสดงวาเปนไขเสีย 2 เก็บไขไก ควรเก็บในชองเก็บไขในตูเย็น เพื่อปองกันการกระทบกระเทือน และปองกันการระเหยของนํ้าออกจากไข โดยวางดานแหลมใหอยูดานลาง และดานปานอยูดานบน เนื่องจากดานปานมีฟองอากาศอยูภายใน ไขแดงจะ ไมแตกเร็ว ทําใหเก็บไขไดนานขึ้น หากพบวามีรอยราว หรือแตก ใหรีบนําไป บริโภคทันที เพราะเชื้อโรคที่เปลือกไขอาจปะปนในไขได หรือตอกใสภาชนะที่มี ฝาปดสนิท นําไปแชในตูเย็น จะทําใหเก็บไดนานขึ้น ไมควรนําไขไปลางกอนเก็บ เพราะจะทําใหสารเคลือบผิวไขที่รักษาความสดถูกทําลาย หากตองการทําความ สะอาดใหเช็ดดวยผาสะอาดอยางเบามือ ใหนักเรียนศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงไก ชนิดอื่นๆ ที่ไมใชไกไข เชน ไกเนื้อ ไกชน ตามความสนใจ 1 ชนิด พรอมทั้งสรุปขอมูลสําคัญลงในกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน ใหนักเรียนนําขอมูลที่ไดจากการปฏิบัติกิจกรรมสรางเสริม มาวิเคราะห เพื่อหาความแตกตางระหวางไกพันธุที่เลือกกับ ไกไขที่ไดเรียนมา โดยสรุปในประเด็นที่พบความแตกตาง จากนั้น ออกมานําเสนอผลงานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน พรอมทั้งอธิบาย เหตุผลที่เลือกศึกษาพันธุไกชนิดนี้ นํา สอน สรุป ประเมิน T120


กิจกรรม Mini Project เร×èอ§ ¡ารเลÕéย§สัµÇ คําชี้แจง ๑. ให้นักเรียนปฏิบัติงานกลุ่ม โดยเลือกศึกษาสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไว้เพื่อความเพลิดเพลิน หรือเลี้ยง ไว้เพื่อเป็นอาหารตามความสนใจ ๑ ชนิด สรุปผลการศึกษาตามหัวข้อที่ก�าหนดให้ ดังน�้ • วัตถุประสงค์ของผู้เลี้ยง • การคัดเลือกชนิดพันธุ์ของสัตว์เลี้ยง • สถานที่ในการเลี้ยงสัตว์ • ภาชนะและอุปกรณ์ในการเลี้ยงสัตว์ • อาหารและการให้อาหารสัตว์เลี้ยง • การดูแลรักษาโรคของสัตว์เลี้ยง • พัฒนาการของสัตว์เลี้ยง ๒. ในการปฏิบัติงานกลุ่ม หากต้องประสบปัญหา ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มใช้ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหาในการท�างาน โดยมีขั้นตอน ดังน�้ • การสังเกต • การวิเคราะห์ปัญหา • การสร้างทางเลือก • การประเมินทางเลือก โดยให้นักเรียนจดบันทึกในทุกขั้นตอน พร้อมทั้งอธิบายวิธีแก้ปัญหาและผลที่ได้รับจากการ แก้ปัญหานั้น ๆ ๓. น�าผลการศึกษาและประเมินผลการปฏิบัติงาน พร้อมภาพถ่ายของสัตว์เลี้ยงที่สนใจมาน�าเสนอ หน้าชั้นเรียน Êรé า§สรร¤ì ¾ั²นา¡ารàรÕÂนรéÙใบมอบหมายงาน ¡ิจ¡รรม การเลี้ยงสัตว์ ในบริเวณบ้าน 109 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 สรุปผล 3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและบันทึก ผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 4. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวยการเรียนรูที่ 6 5. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การเลี้ยงไกไขวา “การเลี้ยงไกไขนํามาซึ่ง ผลผลิตที่เรียกวา “ไขไก” การจัดการผลผลิต ของไกไขนับเปนสิ่งสําคัญประการหนึ่งที่ จะชวยรักษาคุณภาพของไขไก เพื่อใหเกิด ปลอดภัย การเก็บรักษาคุณภาพของไขไก ใหมีความสมบูรณและถูกสุขลักษณะไดนั้น สามารถปฏิบัติไดหลายวิธี เชน การเก็บรักษา ใหปราศจากการมีมูล หรืออุจจาระปนเปอน การนําไขไกไปบรรจุภัณฑลงในบรรจุภัณฑ ที่มีขนาดเหมาะสมกับขนาดของฟองไขไก ไมควรเก็บไวนานเกิน 3 สัปดาห เพราะจะ ทําใหคุณคาทางโภชนาการของไขไกลดนอยลง” ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจหลังเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 6.3.1 เรื่อง การวางแผน เลี้ยงไกไข 3. ครูตรวจสอบชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การวางแผนการเลี้ยงสัตวในบริเวณบาน 4. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 5. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค 1. ใหนักเรียนเลือกเลี้ยงสัตวตามความสนใจ 1 ชนิด พรอมทั้งศึกษา คนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัตวที่เลือกเลี้ยง 2. นําสัตวที่ตนเองเลี้ยงมาแลกเปลี่ยนกับเพื่อน เพื่อสลับกันเลี้ยง ภายในระยะเวลา 1 วัน โดยตองมีการพูดคุยเพื่อปรึกษาหารือถึง วิธีการเลี้ยงกอนนํามาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน 3. จดบันทึกขอมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตวชนิดนั้นๆ เชน การดูแล การใหอาหาร 4. นําขอมูลที่ไดทั้งหมดมาสรุป เพื่อนําเสนอใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน รวมกับเพื่อนที่แลกเปลี่ยนกันเลี้ยงสัตว แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 6 แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง นํา สอน สรุป ประเมิน T121


Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 การเสริมสร้าง ประสบการณ์ อาชีพ 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.2 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ การงานอาชีพ ม.2 - PowerPoint 1. อธิบายหลักการและ ความส�ำคัญของการ เสริมสร้างประสบการณ์ อาชีพที่ตนเองสนใจ ได้อย่างถูกต้องและ เหมาะสม 2. ศึกษาการเตรียมตัว เข้าสู่อาชีพที่ตนเอง สนใจได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม 3. เห็นความส�ำคัญของ ทักษะพื้นฐานที่จ�ำเป็น ส�ำหรับการประกอบ อาชีพที่ตนเองสนใจ แบบเน้น รูปแบบการ สืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสรุป ลงความคิดเห็น - ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหา - ทักษะการให้ เหตุผล - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่น ในการท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ T122


แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 2 การเตรียมตัว เข้าสู่อาชีพ 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.2 - แบบทดสอบหลังเรียน - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ การงานอาชีพ ม.2 - PowerPoint 1. อธิบายวิธีการเตรียมตัว เข้าสู่อาชีพได้อย่าง ถูกต้อง 2. สืบค้นข้อมูลอาชีพที่ สนใจ เพื่อเตรียมตัว เข้าสู่อาชีพที่ตนเอง สนใจได้อย่างถูกต้อง 3. เห็นความส�ำคัญของ การเตรียมตัวเข้าสู่ อาชีพที่ตนเองสนใจ แบบเน้น รูปแบบการ สืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - ตรวจใบงานที่ 7.2.1 - ตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสรุป ลงความคิดเห็น - ทักษะกระบวนการ แก้ปัญหา - ทักษะการให้ เหตุผล - รักชาติศาสน์ กษัตริย์ - ซื่อสัตย์สุจริต - มีวินัย - ใฝ่เรียนรู้ - อยู่อย่าง พอเพียง - มุ่งมั่น ในการท�ำงาน - รักความ เป็นไทย - มีจิตสาธารณะ T123


การประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขได้นั้น เราต้องเป็นผู้ที่มีความพร้อมและมีทักษะในด้านต่าง ๆ ซึ่งการเสริมสร้างประสบการณ์อาชีพ สามารถฝึกฝนได้ตลอด โดยการเข้าร่วมกิจกรรม หรือเข้ารับการฝึกอบรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับอาชีพที่สนใจ เพื่อจะได้มีทักษะพื้นฐานที่จ�าเป็น และก้าวเข้าสู่อาชีพได้อย่างมั่นคงในอนาคต ตัวชี้วัด ■ อธิบายการเสริมสรางประสบการณอาชีพ (ง ๒.๑ ม.๒/๑) ■ ระบุการเตรียมตัวเขาสูอาชีพ (ง ๒.๑ ม.๒/๒) ■ มีทักษะพื้นฐานที่จําเปนสําหรับการประกอบอาชีพที่สนใจ (ง ๒.๑ ม.๒/๓) ÷ หน่วยการเรียนรู้ที่ ¡ÒÃàÊÃÔÁÊÌҧ»ÃÐʺ¡Òó à¾×èÍࢌาÊÙ‹ÍาªÕ¾ ขั้นนํา (5Es) ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 1. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวย การเรียนรูที่ 7 2. ครูเปดวีดิทัศนเกี่ยวกับการแขงขันทักษะ วิชาชีพใหนักเรียนดู จากนั้นรวมกันสนทนา วา “การแขงขันทักษะวิชาชีพดังกลาวมีสวน ชวยเสริมสรางประสบการณอาชีพไดอยางไร” 3. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • นักเรียนคิดวาเปนเพราะเหตุใดจึงตองมีการ เสริมสรางประสบการณอาชีพ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • หากตองการประกอบอาชีพที่สนใจ นักเรียน ควรมีการเสริมสรางประสบการณเพื่อเขาสู อาชีพไดอยางไร (แนวตอบ ตั้งใจศึกษาเลาเรียน เขารวม กิจกรรมตางๆ ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น สมัคร เปนสมาชิกของชมรมตางๆ เพื่อฝกฝนทักษะ ที่จําเปนตอการประกอบอาชีพ ศึกษาขอมูล เกี่ยวกับอาชีพที่สนใจในเรื่องคุณสมบัติของ ผูประกอบอาชีพ ระดับการศึกษา วุฒิการศึกษา ที่ใช ชองทางในการทํางาน สํารวจความ สามารถและทักษะของตนกับลักษณะของ งานที่สนใจ รวมถึงพัฒนาความรู ความ สามารถ ความเขาใจเกี่ยวกับอาชีพที่สนใจ อยูเสมอ) เกร็ดแนะครู ครูควรจัดการเรียนรู โดยอธิบายเกี่ยวกับการเสริมสรางประสบการณเพื่อเขาสูอาชีพใหนักเรียนฟง เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจเรื่องการเสริมสรางประสบการณ อาชีพและการเตรียมตัวเขาสูอาชีพ เพื่อใหนักเรียนไดตระหนักถึงการเสริมสรางประสบการณเพื่อการเขาสูอาชีพ อธิบายความสําคัญของการเสริมสรางประสบการณ อาชีพ มีพื้นฐานที่จําเปนในการประกอบอาชีพที่สนใจ รูจักความถนัดและความสามารถของตนเอง พัฒนาตนเองเพื่อเตรียมพรอมสูการประกอบอาชีพในอนาคต โดยสามารถจัดกิจกรรมได ดังนี้ • ใหนักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความคิดเห็น เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการเสริมสรางประสบการณเพื่อเขาสูอาชีพ • ใหนักเรียนเตรียมความพรอมในการประกอบอาชีพ โดยการวิเคราะหตนเอง วิเคราะหอาชีพ และวิเคราะหหนวยงานที่สนใจจะประกอบอาชีพ • ใหนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการเตรียมตัวเขาสูอาชีพ รวมกันแสดงความคิดเห็น และอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวของ ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา 1. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การเสริมสราง ประสบการณอาชีพ จากหนังสือเรียน หนวยการ เรียนรูที่ 7 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T124


ขอสอบเนน การคิด ËÒ¡µŒÍ§¡ÒûÃСͺÍÒªÕ¾ ·ÕèªÍº ¤ÇÃÁÕ¡ÒÃàÊÃÔÁÊÌҧ »ÃÐʺ¡Òóà¾×èÍࢌÒÊÙ‹ÍÒªÕ¾ Í‹ҧäà สาระการเรียนรู้แกนกลาง ■ การจัดประสบการณอาชีพ ไดแก สถานการณแรงงาน ประกาศรับสมัครงาน ความรู ความสามารถของตนเอง ผลตอบแทน ■ การเตรียมตัวเขาสูอาชีพ ไดแก การหางาน คุณสมบัติที่จําเปน ■ ทักษะที่จําเปนตอการประกอบอาชีพ ไดแก ทักษะกระบวนการทํางาน ทักษะกระบวนการแกปญหา ทักษะการทํางานรวมกัน ทักษะการแสวงหาความรู ทักษะการจัดการ ๑ การเสริมสรางประสบการณอาชีพ ปัจจุบันมีหลายอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับนักเรียนและบุคคล ทั่วไป ดังนั้น จึงควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพที่สนใจ เพื่อน�ามา เสริมสร้างประสบการณ์อาชีพ เป็นการเตรียมความพร้อมและ สั่งสมประสบการณ์ในอาชีพนั้น ๆ เพื่อที่จะก้าวไปสู่อาชีพที่ตนเอง สนใจได้อย่างมั่นคง ๑.๑ ความส�าคัญของการเสริมสร้างประสบการณ์ อาชีพ กระบวนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ได้เรียนรู้ ได้เห็นและ ได้ฝึกปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับอาชีพที่ถนัดและสนใจ โดยจัดกิจกรรม ให้ผู้เรียนได้แสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบอาชีพต่าง ๆ เช่น การจัดกิจกรรมให้ไปเยี่ยมชมธุรกิจต่าง ๆ ในท้องถิ่น การเสริมสร้างประสบการณ์อาชีพมีความส�าคัญมาก เพราะ เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับงานอาชีพต่าง ๆ ที่สนใจ ได้พัฒนา ทักษะที่จ�าเป็นต ่อการประกอบอาชีพ น�าไปสู ่การปฏิบัติจริง ในอาชีพนั้น ๆ เป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับ การประกอบอาชีพให้แก ่นักเรียน ส ่งผลให้นักเรียนได้รู้จัก ตนเอง มีโอกาสพัฒนาความรู้ ความสามารถ ทัศนคติ ศักยภาพ ให้เหมาะสมกับอาชีพที่สนใจ ช่วยให้เตรียมความพร้อมในการ เข้าสู่อาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง และประสบความส�าเร็จในการ ประกอบอาชีพในอนาคต การเสริมสร้างประสบการณ์อาชีพ ท�าได้โดยการเข้าร่วม กิจกรรม หรือเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับอาชีพที่สนใจ ศึกษา สถานการณ์ด้านแรงงานในปัจจุบันและอนาคต เข้าถึงแหล่งงาน โดยติดตามประกาศรับสมัครงาน พิจารณาความรู้ ความสามารถ ผลตอบแทนจากการประกอบอาชีพนั้น ๆ การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ 111 เข้าสู่อาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง และประสบความส�าเร็จในการ ตนเอง มีโอกาสพัฒนาความรู้ ความสามารถ ทัศนคติ ศักยภาพ 2 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา 2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสริม สรางประสบการณอาชีพ จาก PowerPoint ม.2 หนวยการเรียนรูที่ 7 จากนั้นใหนักเรียนรวมกัน อภิปรายแลกเปลี่ยนความรูในเรื่องที่ไดศึกษามา ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 3. ครูถามนักเรียนวา • การเสริมสรางประสบการณเพื่อเขาสูอาชีพ มีความสําคัญตอนักเรียนอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน เปนกระบวนการเรียนรูที่ เปดโอกาสใหไดเรียนรูเกี่ยวกับอาชีพตางๆ ที่สนใจ เพื่อเปนการพัฒนาทักษะที่จําเปนตอ การประกอบอาชีพ ไดแก ทักษะกระบวนการ ทํางาน ทักษะกระบวนการแกปญหา ทักษะ การทํางานรวมกัน ทักษะการแสวงหาความรู และทักษะการจัดการ จนนําไปสูการปฏิบัติ จริงในอาชีพ ชวยใหเตรียมความพรอมใน การเขาสูอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองและ ประสบความสําเร็จในการประกอบอาชีพ) 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การเสริมสราง ประสบการณอาชีพ เปนสิ่งที่ทําใหนักเรียนมี ความพรอมในการประกอบอาชีพที่ตองการ ในอนาคต เนื่องจากเปนแนวทางนําไปสูการ แสวงหาความรูและการพัฒนาทักษะสําคัญ ตางๆ ที่จําเปนตอการประกอบอาชีพ ซึ่ง สามารถปฏิบัติไดหลายแนวทาง เชน การศึกษา ดูงาน การเขารวมฝกอบรม ซึ่งจะทําใหเกิดการ เรียนรูและฝกฝนตนเองจนเกิดความชํานาญ มีความสามารถ มีทัศนคติที่ดีตออาชีพ และ สามารถประกอบอาชีพที่ตองการไดในอนาคต” เพราะเหตุใดจึงตองมีการเสริมสรางประสบการณอาชีพ (แนวตอบ เพื่อใหมีประสบการณเกี่ยวกับอาชีพตางๆ เปนการ เตรียมความพรอมในการประกอบอาชีพที่สนใจในอนาคต ได พัฒนาความรู ความสามารถ ทักษะการทํางาน ทัศนคติ ศักยภาพ ของตนอยางเหมาะสม เพื่อใหสามารถตัดสินใจเลือกประกอบ อาชีพที่เหมาะสมกับตนเองได) นักเรียนควรรู 1 ทัศนคติ ความรูสึก ความคิด หรือความเชื่อ และแนวโนมที่จะแสดงออก ซึ่งพฤติกรรมของบุคคล เปนปฏิกิริยาโตตอบ โดยการประเมินคาวาชอบ หรือ ไมชอบ ที่จะสงผลกระทบตอการตอบสนองของบุคคลในเชิงบวก หรือเชิงลบ ตอบุคคล สิ่งของ และสถานการณในสภาวะแวดลอมของบุคคลนั้นๆ 2 อาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง อาชีพทุกอาชีพไมไดเหมาะสมกับคนทุกคน ดังนั้น ผูที่จะเสริมสรางประสบการณอาชีพ จึงตองทราบขอมูลตางๆ เชน ลักษณะของอาชีพ ความสามารถของตนเอง ความสนใจของตนเอง เพื่อให สามารถเสริมสรางประสบการณอาชีพแลวไดรับประโยชนอยางคุมคาจนนําไปสู การตัดสินใจเลือกประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองไดในอนาคต ในการเลือก ประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองนั้น ผูที่จะเลือกประกอบอาชีพสามารถทํา แบบทดสอบเกี่ยวกับอาชีพ ซึ่งจะเปนตัวชวยในการเลือกประกอบอาชีพในสาขา ที่เหมาะสมกับตนเองได นํา สอน สรุป ประเมิน T125


ขอสอบเนนการคิด ๑.๒ สถานการณ์ด้านแรงงาน สถานการณ์เกี่ยวกับการมีงานท�า การจ้างงาน ฯลฯ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้ แรงงานการศึกษาสถานการณ์ด้านแรงงานมีความส�าคัญต่อผู้ที่จะเข้าสู่โลกของอาชีพ เพราะท�าให้ รู้ว่าในขณะนี้ตลาดแรงงานมีทิศทางเป็นอย่างไร มีความต้องการแรงงานด้านใด แรงงานใดที่ ขาดแคลน การจ้างงานเป็นอย่างไร รัฐมีบทบาทในการช่วยเหลือและคุ้มครองแรงงานอย่างไร ทั้งยังท�าให้ทราบถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางด้านแรงงานที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อจะได้ เตรียมตัวให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อสร้างอนาคตและความก้าวหน้า ในชีวิตการท�างาน ไม ่ต้องกังวลว ่าจะว ่างงาน มีการเตรียมตัวในการเลือกศึกษา ฝึกทักษะ การประกอบอาชีพให้เหมาะสมกับตนเองและสถานการณ์ด้านแรงงานของประเทศในปัจจุบัน และอนาคต หลีกเลี่ยงการเป็นผู้ว่างงาน หรือไม่ประสบความส�าเร็จในชีวิตการท�างาน ท�างาน อย่างมีความสุข มีอนาคตที่มั่นคง ซึ่งแรงงานแบ่งเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๑) แรงงานมีฝีมือ แรงงานที่ได้รับการฝึกอบรมความรู้เฉพาะทาง มีการสร้างเสริม ประสบการณ์ในวิชาชีพ ได้รับการฝึกอบรมเป็นเวลานานซึ่งแรงงานประเภทนี้ยังขาดแคลนอีกมาก ท�าให้ไม่เกิดปัญหาการว่างงานและรัฐบาลยังเร่งผลิตแรงงานประเภทนี้ให้เพียงพอต่อความต้องการ ของตลาดแรงงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันแรงงานมีฝีมือบางประเภทมีจ�านวนมาก ส่งผลให้เกิดภาวะว่างงาน หรือมีการจ้างงานที่มีอัตราค่าจ้างต�่ากว่าความสามารถ หรือท�าให้ต้อง ไปท�างานที่ไม่ถนัด ไม่ตรงกับความสามารถ ท�าให้ท�างานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ๒) แรงงานเพื่อพัฒนาฝีมือ แรงงานที่ใช้แต่ก�าลังแรงกาย ไม่ได้รับการฝึกฝนไม่ได้รับ การฝึกอบรมความรู้เฉพาะทาง ได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าแรงขั้นต�่า ค่าจ้างรายวัน รายชั่วโมง หรือค่าจ้างเป็นงาน ๆ ตามแต่จะตกลงกับนายจ้างปัจจุบันแรงงาน ประเภทนี้เป็นที่ต้องการของธุรกิจภาคเกษตรกรรม งานบริการ ท�าให้ต้องจ้างแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีค่าจ้างที่ถูกกว่าแรงงานไทย ในภาคอุตสาหกรรมมีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ส่งผลให้มีความ ต้องการแรงงานประเภทมีฝีมือมากกว่าส่งผลให้ภาครัฐเร่งพัฒนา ฝีมือแรงงานไร้ฝีมือโดยจัดฝึกอบรมวิชาชีพต่าง ๆ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพื่อให้แรงงานพัฒนาฝีมือกลายเป็นแรงงานมีฝีมือ ส่งเสริมความสามารถและประสิทธิภาพในการท�างานโดยหวังให้ แรงงานเหล่านั้นเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานต่อไป ยูทิวเบอร์ (Youtuber) เป็นอาชีพอิสระที่สามารถท�าได้ด้วยตนเอง เช่น รับจ้างรีวิวสินค้า แล้วอัปโหลดคลิปวิดีโอลง Youtube ให้ผู้คนเข้ามาติดตาม 112 รู้ว่าในขณะนี้ตลาดแรงงานมีทิศทางเป็นอย่างไร 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 5. ครูใหนักเรียนดูสถิติเกี่ยวกับแนวโนมความ ตองการแรงงานของตลาดแรงงานในประเทศ ไทย ระยะเวลา 5 ป จากชวงเวลาที่สอน เชน พ.ศ. 2560-2564 ในประเด็นตางๆ ดังนี้ • แนวโนมความตองการของตลาดแรงงาน จําแนกตามอาชีพ 10 อันดับสูงสุด พ.ศ. 2560-2564 • อัตราการเปลี่ยนแปลงของความตองการ ตลาดแรงงาน พ.ศ. 2560-2564 6. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ สถานการณดานแรงงาน โดยมีหัวขอ ดังนี้ • สถานการณการจางงานของนายจางและ ภาคธุรกิจในปจจุบันเปนอยางไร • ปจจุบันประเทศไทยมีความตองการแรงงาน ในดานใดมากที่สุด เพราะเหตุใด • แรงงานไทยในปจจุบันดานใดที่มีอยูเปน จํานวนมากและแรงงานในดานใดที่ขาดแคลน • สิ่งใดที่ชวยใหทราบถึงแนวโนมการ เปลี่ยนแปลงทางดานแรงงานที่อาจเกิดขึ้น ในอนาคต • สิ่งใดที่จะชวยเสริมสรางประสบการณใน อาชีพ เพื่อใหสามารถแขงขันกับแรงงาน ตางดาวที่เขามาทํางานในประเทศได 7. ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนคิดวาตลาดแรงงานตองการแรงงาน ที่มีคุณสมบัติอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ตองการแรงงานที่มี ความรู ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ ความเขาใจเกี่ยวกับกระบวนการทํางานของ อาชีพนั้นๆ มีทักษะการทํางานที่เหมาะสม ตออาชีพ) นักเรียนควรรู 1 ตลาดแรงงาน ตลาดแรงงานในประเทศมีการปรับตัวอยางตอเนื่องจากการ ที่เทคโนโลยีไดเขามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น ทําใหธุรกิจตางๆ ตองมีการนําเอา เทคโนโลยีสมัยใหมมาใชในการทํางานมากขึ้น สวนแรงงานตองพัฒนาตนเอง เพื่อใหมีทักษะที่สามารถปฏิบัติงานไดอยางหลากหลาย คนกลุมมิลเลนเนียล จะเขามามีบทบาทในการทํางานเพิ่มมากขึ้น โดยคนกลุมนี้ตองการทักษะ ในการทํางาน 5 ทักษะ ที่สําคัญ คือ ความคิดแปลกใหม ความฉลาดในการเขา สังคม การสรางความเขาใจเชิงลึก ความเขาใจในสื่อยุคใหม และความสามารถ หลากหลายดาน การประกอบอาชีพในขอใดจัดเปนแรงงานเพื่อพัฒนาฝมือ 1. สถาปนิก 2. ทันตแพทย 3. วิศวกรโยธา 4. กรรมกรกอสราง (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะสวนใหญผูที่ประกอบอาชีพนี้ ไมไดเรียนมาโดยตรง แตมีทักษะเกี่ยวกับการปฏิบัติงานชาง จึงจําเปนตองไดรับการอบรม ทั้งในหลักสูตรระยะสั้นและหลักสูตร ระยะยาว เพื่อพัฒนาการทํางานใหมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น) สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคนกลุมมิลเลนเนียล ไดที่ https://www.forbesthailand.com/new-detail.php?did=199 นํา สอน สรุป ประเมิน T126


ขอสอบเนน การคิด สถานการณ์์ตลาดแรงงาน ๑.๓ การประกาศรับสมัครงาน การประกาศแสดงความจำ�านงของหน ่วยงาน หรือองค์กรต ่างๆ ที่ต้องการรับพนักงาน หรือคนเข้าท�างานในต�าแหน่งต่างๆเช่น การประกาศรับสมัครพนักงานขาย พนักงานท�าความสะอาด เจำ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ การประกาศรับสมัครงานมีความส�าคัญอย่างยิ่งต่อผู้ที่ต้องการสมัครงาน เราจำึงต้องศึกษาเรียนรู้ และหาประสบการณ์ เพราะในการประกาศรับสมัครงานขององค์กรต่างๆมักระบุขอบข่ายของงาน คุณสมบัติของผู้สมัคร สวัสดิการอย่างชัดเจำน ซึ่งช่วยให้ทราบว่างานที่ต้องการสมัครนั้นมีลักษณะ อย่างไร คุณสมบัติของผู้สมัครงานที่หน่วยงาน หรือองค์กรนั้นต้องการเป็นอย่างไรซึ่งจำะช่วยให้เรา สามารถเตรียมความพร้อมในด้านทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถพิเศษ พร้อมทั้ง พัฒนาบุคลิกภาพ เพื่อพัฒนาให้มีคุณสมบัติเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ก้าวเข้าสู่อาชีพที่สนใจำ ได้อย่างมั่นคง และมีความก้าวหน้าในอาชีพที่เลือก ที่่�มา : กองบริหารข้อมูลตลาดแรงงาน กรมการจำัดหางาน นายจ้้างต้องการให้้แรงงานพััฒนาทัักษะงานในด้านต่าง ๆ ดังน้� เทัรนด์แรงงานจ้บให้ม่่ ม่้แนวโน้ม่ประกอบอาชี้พัอิสระม่ากขึ้้�น โดยม่้ อาชี้พัอิสระทั้�น่าสนใจ้ ๓อาชี้พั คืือ เกษตรกร Smart Farmer ๑ ร้านขึ้ายอาห้าร /ขึ้ายกาแฟ ขึ้ายขึ้องออนไลน์ Hard skill และ Soft skill การสร้างสรรค์และนวัตกรรม ภาษา การเป็นผู้ประกอบการ เทคโนโลยีและดิจำิทัล การท�างานได้รอบด้าน ก ๒ ๓ การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ ๑๑๓ Hard skill Soft skill 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 8. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ปจจุบันมีการพิจารณา คุณสมบัติของผูที่จะเขาทํางานในหลายๆ ดาน รวมถึงความสามารถทางดานภาษา เนื่องจาก บริษัทตางๆ ที่เปดกิจการอยูในประเทศไทยมี การดําเนินงานและบริหารงานโดยชาวตางชาติ ซึ่งตองใชภาษาตางประเทศในการติดตอ สื่อสาร หรือบริษัทที่ดําเนินงานและบริหารงาน โดยคนไทย ก็มีการใชภาษาตางประเทศใน การติดตอสื่อสารกับบุคคลภายนอกที่เปน ชาวตางชาติเชนเดียวกัน ดังนั้น นักเรียนจึง ตองฝกฝนทักษะทางดานภาษา เพื่อใหเกิด ความเชี่ยวชาญและเพื่อใหสามารถตอบสนอง ตอความตองการของตลาดแรงงานได” 9. ครูถามนักเรียนวา • การศึกษาสถานการณดานแรงงานในสังคม ปจจุบันมีประโยชนตอผูใชแรงงานอยางไร (แนวตอบ ทําใหผูใชแรงงานทราบถึงแนวโนม ความเปลี่ยนแปลงทางดานแรงงานที่ อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะสงผลใหผูใช แรงงานสามารถเตรียมความพรอม เพื่อ รองรับการเปลี่ยนแปลงตางๆ ไดอยางมั่นคง เชน การวางแผนเพื่อพัฒนาศักยภาพของ ตนเอง การวางแผนการใชจาย) • ในสังคมไทยแรงงานมีฝมือกําลังประสบกับ ปญหาใด (แนวตอบ แรงงานมีฝมือ เชน แพทย พยาบาล วิศวกร สถาปนิก ยังขาดแคลนอยูมาก แต ในขณะเดียวกันแรงงานมีฝมือในสาขาอื่นๆ กลับมีจำนวนมากเกินความตองการของ ตลาดแรงงาน สงผลใหเกิดภาวะวางงานของ บัณฑิตจบใหม หรือเกิดปญหาการทำงานที่ ไมตรงกับที่เรียนจบมา) นักเรียนควรรู 1 Hard skill ทักษะทางดานความรูของแตละอาชีพที่ใชในการทำงาน รวมถึงการใชเครื่องมือหรือเทคโนโลยีตางๆ ที่เกี่ยวของกับอาชีพนั้น เชน เชฟ มีทักษะในการประกอบอาหาร พยาบาลมีทักษะในการดูแลผูปวย นักบัญชี มีทักษะในการทำบัญชี นักรองมีทักษะในการรองเพลง โดยทักษะเหลานี้ สามารถไดมาจากการเรียนเพื่อนำไปใชในการทำงานและประสบการณชีวิต ของแตละบุคคล 2 Soft skill ทักษะทางดานอารมณและสังคม เชน การสื่อสาร การทำงาน เปนทีม การแกปญหาเฉพาะหนา การเปนผูนำ การคิดวิเคราะห การคิดสรางสรรค การมีมนุษยสัมพันธ การปรับตัว การควบคุมอารมณ การบริหารเวลา โดยทักษะ เหลานี้สามารถสรางขึ้นหรือฝกฝนใหพัฒนาขึ้นไดจากประสบการณชีวิตและ การลงมือปฏิบัติงานตางๆ ที่หลากหลาย เพราะเหตุใดจึงควรศึกษาตลาดแรงงานกอนการตัดสินใจเลือก ประกอบอาชีพ (แนวตอบ ตลาดแรงงานมีการเปลี่ยนแปลงอยูเสมอตามยุคสมัย และจํานวนประชากร ตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงจะมีผลตอการ ประกอบอาชีพ เชน ตองการบางอาชีพเพิ่มมากขึ้น บางอาชีพอาจ ถูกทดแทนดวยเครื่องมือ หรือเทคโนโลยีตางๆ ที่ทันสมัย นอกจากนี้ ยังใหขอมูลเกี่ยวกับอาชีพที่ไดรับความนิยม ผลตอบแทน และ แนวโนมความมั่นคงของอาชีพอีกดวย) นํา สอน สรุป ประเมิน T127


ขอสอบเนนการคิด ๑ ข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ต้องการรับสมัคร พนักงาน ๒ ต�าแหน่งงานที่บริษัทเปดรับสมัคร ๓ สวัสดิการที่บริษัทมอบให้แก่พนักงานของ บริษัทที่บรรจุเป็นพนักงานประจ�า ๕ รายละเอียดของงานในต�าแหน่งที่เปด รับสมัคร สิ่งที่ต้องท�าในต�าแหน่งงานนั้น ๆ ๔ คุณสมบัติที่บริษัทที่รับสมัครต้องการได้รับ จากผู้สมัครงาน ๖ วิธีการสมัครงาน เพื่อผู้สนใจจะได้ส่งใบ สมัครงานมาตามวิธีที่บริษัทก�าหนด ต�าแหน่งที่รับสมัคร : Graphic Design 2 อัตรา บริษัท Art World Media จ�ากัด บริษัทรับท�าสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อสารการตลาด ที่มีประสบการณ์ ยาวนานกว่า ๓๐ ปี บริษัทต้องการผู้ร่วมงาน เพื่อรองรับการขยายกิจการ ของบริษัทฯ ในต�าแหน่งต่าง ๆ วิธีการสมัคร ทางอีเมล : [email protected] โดยแนบไฟล์ประวัติส่วนตัวและประวัติการศึกษามาด้วย ทางเว็บไซต์ : www.ArtWorldMedia.com ทางไปรษณีย์ : ๘/๘๘๘ ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ๑๐๗๐๐ สวัสดิการ - โบนัสประจ�าปี - วันหยุดประจ�าปี - ประกันสังคม - ค่ารักษาพยาบาล - ประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุ - ทุนการศึกษาบุตร รายละเอียดของงาน - ออกแบบ Graphic Artwork - ออกแบบผลิตภัณฑ์ โปสเตอร์ ภาพโฆษณา คุณสมบัติของผู้สมัครงาน - วุฒิปริญญาตรี สาขาออกแบบ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง - เพศชาย หรือหญิง อายุ ๒๓-๒๘ ปี - สามารถใช้ โปรแกรมตระกูล Adobe เช่น Photoshop, Illustrator, Indesign ได้เป็นอย่างดี - มีความรู้ ความเข้าใจในงานดีไซน์ - มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี - ถ่ายวิดีโอและตัดต่อได้ - มีความคิดสร้างสรรค์ ในการออกแบบสื่อต่าง ๆ - หากมีทักษะในการใช้โปรแกรมด้าน 3D จะพิจารณาเป็นพิเศษ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ตัวอย่างการประกาศรับสมัครงาน AWM 11๔ ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 10. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางการประกาศ รับสมัครงาน จากหนังสือเรียน หนวยการ เรียนรูที่ 7 หนา 114 11. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหวา “จาก ตัวอยางการประกาศรับสมัครงานในหนังสือ เรียน บุคคลที่ตองการสมัครงานในตําแหนง งานดังกลาว จะตองมีการวางแผนเพื่อพัฒนา ตนเองในดานใด เพื่อเปนการเตรียมความ พรอมในการไปสมัครงาน” 12. ครูถามนักเรียนวา • หากตองการสมัครงาน นักเรียนจะสามารถ คนหาแหลงประกาศรับสมัครงานไดจาก ที่ใด (แนวตอบ สามารถคนหาแหลงประกาศรับ สมัครงานไดจากหลากหลายแหลง เชน สื่อสิ่งพิมพ เว็บไซตในอินเทอรเน็ต บอรด ประชาสัมพันธตามสถานที่ทํางานของ หนวยงานตางๆ ทั้งหนวยงานราชการและ หนวยงานเอกชน กรมการจัดหางาน) • เพราะเหตุใดในปจจุบันผูคนสวนใหญจึง หันมาใหความสนใจที่จะสมัครงานผานทาง เว็บไซตกันเพิ่มมากขึ้น (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ คิดเห็นไดอยางอิสระ) 13. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหถึงผลดีและ ผลเสียของการประกาศรับสมัครงานผานทาง เว็บไซต ผานทางหนวยงานราชการตางๆ และผานทางสื่อสิ่งพิมพ 14. ครูขออาสาสมัคร 3-4 คน ออกมาอธิบาย เกี่ยวกับชองทางการสมัครงานที่นักเรียน สนใจมากที่สุด พรอมทั้งอธิบายเหตุผล ประกอบ การประกาศรับสมัครงานในชองทางใดสะดวกและประหยัด มากที่สุด 1. ไปรษณีย 2. หนังสือพิมพ 3. เว็บไซตหางาน 4. หนวยงานราชการ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะเปนชองทางที่นิยมใชมาก ที่สุดในปจจุบัน ชวยประหยัดคาใชจายในการเดินทาง จึงสะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกาศรับสมัครงานใหนักเรียนฟงวา ประกาศ รับสมัครงานอาจติดอยูบริเวณสถานที่ทํางาน รวมถึงในเว็บไซตขององคกร หรือ หนวยงานนั้นๆ ดวย นักเรียนสามารถคนหาองคกรและตําแหนงงานที่สนใจได ดวยตนเอง โดยประกาศรับสมัครควรมีขอมูลสําคัญอยูอยางครบถวน เชน • ขอมูลของบริษัท • ตําแหนงงาน • รายละเอียดงานวาง • คุณสมบัติของผูสมัครงาน • สวัสดิการที่จะไดรับ เพื่อใหผูที่สนใจไดรับขอมูลอยางเพียงพอในการตัดสินใจ โดยผูสมัครงาน ควรคนหาตําแหนงงานที่สนใจในองคกรที่หลากหลาย เพื่อเปรียบเทียบขอมูล และเพื่อใหสามารถเลือกงานไดเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด นํา สอน สรุป ประเมิน T128


กิจกรรม เสริมสรางค ุ ณลักษณะอันพึงประสงค การประกาศรับสมัครงานมีหลากหลายวิธี โดยส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายของแต่ละ ต�าแหน่งงาน ดังนี้ ๑.๔ ความรู้และความสามารถของตนเองกับอาชีพที่สนใจ ความรู้และความสามารถเป็นสิ่งที่ได้สั่งสมมาจากการศึกษาเล่าเรียน การค้นคว้า หรือประสบการณ์ รวมทั้งความสามารถเชิงปฏิบัติและทักษะ ความเข้าใจที่ได้รับมาจากประสบการณ์ ในแต่ละสาขาอาชีพ จนเกิดความช�านาญในการปฏิบัติงานในอาชีพนั้น ๆ เช่น มีความช�านาญในการปฏิบัติงานอาชีพ นักบัญชี เพราะได้สั่งสมประสบการณ์มาจากการศึกษาเล่าเรียนในสาขาวิชาการบัญชี ความรู้และความสามารถของตนเองมีความส�าคัญส�าหรับทุกคน เพราะเป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณค่า ของบุคคล ไม่ว่าจะประกอบอาชีพใดก็ตาม จ�าเป็นต้องมีความรู้และความสามารถในสาขาวิชาชีพ นั้น ๆ เนื่องจากไม ่มีองค์กรใดปรารถนารับบุคคลที่ไร้ซึ่งความรู้และความสามารถเข้าท�างาน ในองค์กร หรือหน่วยงานของตน ดังนั้น จึงต้องหมั่นศึกษาเล่าเรียน หาประสบการณ์เพื่อเสริมสร้าง ความรู้เกี่ยวกับอาชีพที่สนใจ เป็นการเพิ่มคุณค่าและเตรียมความพร้อมในการประกอบอาชีพ จะท�า ให้เข้าสู่อาชีพที่ตัดสินใจเลือกไว้ได้เป็นอย่างดี และประสบความส�าเร็จในการประกอบอาชีพนั้น ๆ ผ่านทางสื่อสิ่งพิมพ์ • ประกาศลงในหนังสือพิมพ์รายวัน หรือหนังสืออื่น ๆ • ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ผ่านทางเว็บไซต์หางาน • ปัจจุบันได้รับความนิยมมากที่สุด • การสมัครงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ ของหน่วยงานโดยตรง หรือเว็บไซต์รับสมัครงาน ท�าได้รวดเร็ว และสะดวกยิ่งขึ้น ผ่านทางหน่วยงานราชการ • เป็นช่องทางการรับสมัครงานที่ทางราชการ จัดขึ้น เพื่อให้บริการแก่ประชาชน • ผู้ที่ว่างงานลงทะเบียนว่างงานได้ที่ส�านักงาน จัดหางานประจ�าจังหวัด หรือเขตท้องที่ต่าง ๆ เวลาการทํางาน ในการประกอบอาชีพต่าง ๆ จะมีเวลาในการปฏิบัติงานที่แตกต่างกัน แต่จะมีระยะเวลา การท�างานที่เท่ากันตามที่กฎหมายแรงงานได้ก�าหนดไว้ คือ • งานทั่วไป ไม่เกิน ๘ ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน ๔๘ ชั่วโมงต่อสัปดาห์ • งานอันตรายตามที่กฎหมายก�าหนด ไม่เกิน ๗ ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน ๔๒ ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ T i p การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ 11๕ ต�าแหน่งงาน ดังนี้ 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 15. ครูใหนักเรียนแตละคนทําการประเมินความรู ความสามารถของตนเองที่มีความถนัด และมีความสนใจวาเหมาะสมกับอาชีพใด เชน มีความถนัดและมีความสนใจทางดาน ภาษาตางประเทศ มีใจรักในงานบริการ มีมนุษยสัมพันธที่ดี จึงเหมาะสมตอการ ประกอบอาชีพเปนนักแปล ลาม มัคคุเทศก ผูสื่อขาวตางประเทศ พนักงานประสานงาน ตางประเทศ 16. ครูยกตัวอยางการประกอบอาชีพใดอาชีพ หนึ่งในชีวิตประจําวัน และใหนักเรียนรวมกัน อภิปรายถึงปจจัยที่ใชในการพิจารณาคา ตอบแทนที่ไดรับจากการทํางาน หรือคาจาง ของอาชีพดังกลาว เชน ระดับความรู ความ สามารถ ความยาก-งายของลักษณะงาน ความสําคัญของตําแหนงหนาที่ 17. ครูถามนักเรียนวา • ผลตอบแทนจากการทํางานจําแนกเปน กี่ประเภท ประกอบไปดวยสิ่งใด (แนวตอบ ผลตอบแทนจากการทํางาน สามารถจําแนกไดเปน 3 ประเภท ดังนี้ • ผลตอบแทนที่ไดเปนตัวเงิน เปนผลมา จากการปฏิบัติงานโดยตรง เรียกวา “เงิน เดือน” ซึ่งเปนคาจางที่มีการตกลงกันไว ระหวางนายจางกับลูกจาง • ผลตอบแทนที่เปนตัวเงินแตตอบแทนใน ทางออม เชน คาตอบแทนตําแหนงงาน สวัสดิการตางๆ เชน คารักษาพยาบาล คาเลาเรียนบุตร คาเบี้ยเลี้ยง • ผลตอบแทนที่ไมเปนตัวเงิน เชน การไดรับ การฝกอบรม การทำงานที่ทาทายความ สามารถ) ใหนักเรียนเลือกอาชีพที่ไดรับความนิยมของประเทศตางๆ ตามความสนใจ 1 อาชีพ จากนั้นศึกษาคนควาขอมูล เพื่อทําการ วิเคราะหและตอบคําถาม ดังนี้ • เพราะเหตุใดอาชีพนี้จึงเปนอาชีพที่ไดรับความนิยมในประเทศ นั้นๆ • นักเรียนตองการประกอบอาชีพนั้นหรือไม เพราะเหตุใด • นักเรียนตองพัฒนาตนเองในดานใด เพื่อใหสามารถประกอบ อาชีพนั้นได จากนั้นใหนักเรียนพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อนที่นั่ง ใกลๆ กัน พรอมทั้งจดบันทึกขอมูลลงในกระดาษรายงาน นําสง ครูผูสอน (กิจกรรมนี้สรางเสริมคุณลักษณะดานซื่อสัตยสุจริต ใฝเรียนรู และมุงมั่นในการทํางาน) นักเรียนควรรู 1 ตําแหนงงาน องคกร หรือหนวยงานตางๆ มีตําแหนงงานที่หลากหลาย และแตกตางกันออกไป ตําแหนงงานจะบอกถึงหนาที่และรายละเอียดของงาน เพื่อใหผูปฏิบัติงานสามารถปฏิบัติงานไดโดยไมสับสน และตําแหนงงานจะ บอกถึงระดับของพนักงานในองคกรนั้นๆ โดยทั่วไประดับของพนักงานสามารถ แบงได ดังนี้ • ระดับ 1 พนักงานปฏิบัติการ • ระดับ 2 ผูเชี่ยวชาญ • ระดับ 3 ผูจัดการ หรือหัวหนางาน • ระดับ 4 ผูอํานวยการ • ระดับ 5 ผูชวยกรรมการผูจัดการ หรือรองประธาน นํา สอน สรุป ประเมิน T129


ขอสอบเนนการคิด ๑.๕ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการประกอบอาชีพ ค่าตอบแทนที่นายจ้างจ่ายแก่ลูกจ้าง เช่น เงินเดือน เป็นค่าตอบแทนการท�างานตามสัญญา ว่าจ้าง โดยค�านวณจากระยะเวลาท�างานปกติของวันท�างาน หรือค�านวณตามผลงานที่ลูกจ้างปฏิบัติ รวมถึงเงินที่จ่ายให้ในวันหยุดและในวันลาที่ลูกจ้างไม่ได้ท�างาน แต่มีสิทธิได้รับตามที่กฎหมาย แรงงานก�าหนด ผลตอบแทนที่ได้รับจากการท�างานมีความส�าคัญต่อการตัดสินใจเข้าสู่อาชีพ เพราะเป็นสิ่งที่ ทุกคนคาดหวังจะได้รับจากการท�างานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และมีความสัมพันธ์กับอาชีพ เพราะแต่ละอาชีพจะได้รับผลตอบแทนแตกต่างกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระดับความรู้ ความสามารถของแต่ละสาขาอาชีพ ความยากง่ายของลักษณะงานความส�าคัญของต�าแหน่งหน้าที่ รายได้ หรือผลประกอบการขององค์กร การศึกษาผลตอบแทนที่ได้จากการท�างานมีความจ�าเป็นอย ่างยิ่งที่จะต้องศึกษาว ่างาน แต่ละประเภทได้รับผลตอบแทนอย่างไร เช่น ผลตอบแทน หรือค่าจ้างของงานราชการต้องเป็นไป ตามคุณสมบัติที่ทางราชการก�าหนด หากเป็นบริษัทเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจมักจ่ายค่าตอบแทน การท�างานที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถ ขนาดขององค์กร ความมั่นคง และระบบการบริหารของหน่วยงานนั้น ๆ ผลตอบแทนที่ได้จากการท�างาน มีดังนี้ ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน แต่ตอบแทนในทางอ้อม • ค่าตอบแทนต�าแหน่งงานบางต�าแหน่ง • อยู่ในรูปแบบของสวัสดิการต่าง ๆ เช่น ค่าเล่าเรียนบุตร ค่ารักษาพยาบาล ค่าเบี้ยเลี้ยง ผลตอบแทนที่ ไม่เป็นตัวเงิน • การพัฒนาพนักงานด้วยการให้เข้ารับการฝึกอบรม หรือกระบวนการอื่น ๆ ตามความเหมาะสม • จากการได้รับมอบหมายงานที่ท้าทายความสามารถ ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน • ค่าจ้าง หรือเงินเดือนตามที่มีการตกลงกันไว้ระหว่างลูกจ้างกับนายจ้าง • จ่ายตามค่าของงานที่เพิ่มขึ้น ตามผลของการท�างาน หรือให้ ในฐานะมีผลงานดีเด่น 11๖ ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 18. ครูกําหนดใหนักเรียนแตละคนสืบคนการ ประกาศรับสมัครงานของอาชีพที่นักเรียน สนใจ 1 อาชีพ โดยสืบคนในประเด็นที่ครู กําหนดให คือ ลักษณะของอาชีพ คุณสมบัติ ของผูประกอบอาชีพ คาตอบแทนที่ไดรับ และวิธีการทํางานของอาชีพ 19. ครูใหนักเรียนนําผลที่ไดจากการสืบคนการ ประกาศรับสมัครงานของอาชีพที่สนใจมาทํา การวิเคราะหเกี่ยวกับความรู ความสามารถ และความถนัดของตนเองวามีความเหมาะสม ที่จะประกอบอาชีพดังกลาวหรือไม พรอมทั้ง อธิบายเหตุผลประกอบ เพื่อใหนักเรียน สามารถเตรียมพรอมของตนเองในการ ประกอบอาชีพที่สนใจในอนาคตได พรอมทั้ง บันทึกผลการวิเคราะหอาชีพที่สนใจลงใน กระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน 20. ครูขออาสาสมัคร 3-4 คน ออกมานําเสนอ ผลการวิเคราะหอาชีพที่สนใจของตนเอง ใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน เพื่อใหเพื่อนรวม ชั้นเรียนไดเรียนรูขอมูลเกี่ยวกับอาชีพตางๆ ที่นาสนใจเพิ่มมากขึ้น 21. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลตอบแทนที่ ไดรับจากการประกอบอาชีพวา “การพิจารณา ในการเขาสูอาชีพ นอกจากจะตองพิจารณา ในเรื่องของคาตอบแทนแลว ยังตองพิจารณา ถึงผลตอบแทนอื่นๆ ที่จะไดรับดวย เพื่อให นักเรียนสามารถนําขอมูลตางๆ เหลานี้มาใช ประกอบการตัดสินใจในการประกอบอาชีพ ที่สนใจไดในอนาคต” 22. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 7 ขอใดไมใชประโยชนของการประกอบอาชีพ 1. มีรายไดเลี้ยงตนเองและสมาชิกในครอบครัว 2. ทําใหทรัพยากรเวียนกลับมาใชใหมไดเร็วขึ้น 3. มีความรับผิดชอบ เสริมสรางลักษณะนิสัยที่ดี 4. ชวยรังสรรคความเจริญใหแกสังคมและประเทศชาติ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการประกอบอาชีพทําใหไดรับ คาตอบแทนในรูปแบบตางๆ กอใหเกิดรายได มีความรับผิดชอบ สรางความเจริญใหแกสังคมและประเทศชาติ แตไมไดทําให ทรัพยากรเวียนกลับมาใชใหมไดเร็วขึ้น) บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อใหนักเรียนทราบถึงขอตกลงยอมรับรวมคุณสมบัติ นักวิชาชีพอาเซียน (Mutual Recognition Arrangements: MRA) เพื่อสามารถ ยายแรงงานไดอยางเสรี ปจจุบันประเทศสมาชิกอาเซียนไดจัดทํา MRA รวมกัน ใน 8 สาขาวิชาชีพ ไดแก • ขอตกลงยอมรับรวมสาขาวิศวกรรมของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมสาขาวิชาชีพพยาบาลของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมสาขาสถาปตยกรรมของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมสาขาวิชาชีพแพทยของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมสาขาวิชาชีพทันตแพทยของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมวิชาชีพบัญชีของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมในคุณสมบัติดานการสํารวจของอาเซียน ï • ขอตกลงยอมรับรวมในคุณสมบัติของบุคลากรวิชาชีพทองเที่ยวแหง อาเซียน นํา สอน สรุป ประเมิน T130


ÍÒªÕ¾ à Ê ÃÕ ã¹»ÃЪҤÁÍÒà«Õ¹ การรวมกลุมเปนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อสงเสริมใหอาเซียนเปนฐานผลิตเดียว มีการ เคลื่อนยายสินคา บริการ การลงทุน แรงงานฝมือ และเงินอยางเสรี สงผลใหแรงงานที่ประกอบอาชีพ ตางๆ โยกยายไปทํางานไดอยางอิสระ ภายใตขอตกลงยอมรับรวมกันกับ ๑๐ ประเทศ ตัวอยางอาชีพ เสรีในประชาคมอาเซียน เชน Know M ore * หมายเหตุ ผู้ที่จะประกอบอาชีพดังตัวอย่างที่ยกมาน�้ นอกจากจะต้องมีคุณสมบัติตามที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น ยังต้อง มี ใบประกอบอาชีพตามสายงานนั้น ๆ เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างถูกต้อง ÇÔÈÇกร • มีความรูพื้นฐานทางคณิตฯ วิทยฯ และภาษาอังกฤษ • มีไหวพริบปฏิภาณ ชอบคํานวณ มีทักษะทางดานชาง • มีความสามารถในการแกปญหาเฉพาะหนาไดดี • มีมนุษยสัมพันธที่ดี ทํางานเปนทีมได ʶา»นÔก • มีความคิดสรางสรรค มีความละเอียดรอบคอบ • มีทักษะการใชคอมพิวเตอร โปรแกรมออกแบบ  • รูจักการประยุกตใชวัสดุ เพื่อใหเกิดประโยชนสูงสุด • มีวิสัยทัศน พัฒนาศักยภาพของตนเองอยูเสมอ  ᾷ • มีความรูทางวิทยาการการแพทย ภาษาอังกฤษ วิทยฯ • มีคุณธรรม จริยธรรม ชอบชวยเหลือผูอื่นอยูเสมอ • เสียสละและอุทิศตน เพื่อชวยเหลือผูที่กําลังเดือดรอน • ซื่อสัตย ในวิชาชีพของตนเองและใชอยางเหมาะสม ¾ÂÒºÒÅ • สุขภาพแข็งแรง ไมพิการ หรือทุพพลภาพ • มีจิตใจเอื้อเฟอเผื่อแผ เมตตากรุณา ไมรังเกียจผูปวย • มีความอดทน อดกลั้น เสียสละ และกลาตัดสินใจ • มีความคลองตัวในการปฏิบัติงาน ทํางานนอกเวลาได การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ 11๗ กิจกรรม สรางเสริม กิจกรรม ทาทาย ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเรื่อง การ เสริมสรางประสบการณอาชีพวา “การเสริมสราง ประสบการณอาชีพจะทําใหไดเรียนรูและเขาใจชีวิต ของการทํางานที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเปนอีกบทบาท หนึ่งที่สําคัญของชีวิตภายหลังจากสําเร็จการศึกษา โดยการเลือกประกอบอาชีพจะคํานึงถึงแตความ ชอบและความสนใจของตนเองเพียงอยางเดียว ไมได แตจะตองพิจารณาไปถึงเรื่องตางๆ ที่ เกี่ยวของสัมพันธกันดวย เชน คาตอบแทน สวัสดิการ การพัฒนาศักยภาพการทํางาน โดย ขอมูลเหลานี้สามารถทราบไดจากการคนควา ขอมูลเกี่ยวกับบริษัทที่ตองการจะเขาทํางาน หรือ ประกาศการรับสมัครงาน ซึ่งควรนํารายละเอียด ตางๆ ที่ระบุไวมาใชเปนขอมูลในการตัดสินใจ เลือกประกอบอาชีพอยางถี่ถวน เพื่อใหเกิดการ พัฒนาและฝกฝนตนเองในแนวทางที่ถูกตอง จนมี คุณสมบัติที่เหมาะสมกับที่อาชีพที่ตนเองสนใจได” ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมระหวางเรียน เกี่ยวกับการเสริมสรางประสบการณอาชีพ โดยพิจารณาจากการบันทึกผลการวิเคราะห ความรูและความสามารถของตนเองเกี่ยวกับ อาชีพที่สนใจ 2. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 7 3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค ใหนักเรียนจับคูคนหาประกาศรับสมัครงานตามความสนใจ 3 งาน เพื่อชวยกันวิเคราะหวางานแตละประกาศใหขอมูลที่ แตกตางกันอยางไร โดยรวมกันเสนอแนะและแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับประกาศรับสมัครงานดังกลาว จากนั้นออกมานําเสนอ ผลงานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน ใหนักเรียนสัมภาษณบุคคลที่ประกอบอาชีพตางๆ ตามความ สนใจ 1 อาชีพ พรอมทั้งสรุปขอมูลสําคัญ เชน สาเหตุที่ประกอบ อาชีพนี้ ความรูสึกที่ประกอบอาชีพนี้ จากนั้นออกมานําเสนอ ผลงานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล การนําเสนอผลงาน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 7 แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 3 การท างานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมีน้ าใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม นํา สอน สรุป ประเมิน T131


ขอสอบเนนการคิด ๒ การเตรียมตัวเขาสูอาชีพ ทุกคนยอมมีอาชีพที่สนใจตางกัน การศึกษาเลาเรียน การเขารวมกิจกรรม หรือการเขารับ การฝกอบรมลวนเปนการเสริมสรางประสบการณอาชีพ เพื่อกาวเขาสูโลกของอาชีพอยางมั่นคง จึงควรเก็บเกี่ยวประสบการณอยางเต็มที่ เพราะการเตรียมตัวที่ดีจะนําไปสูความสําเร็จในอาชีพ ที่เลือก ๒.๑ ความสําคัญของการเตรียมตัวเขาสูอาชีพ การเตรียมความพรอมดานคุณสมบัติที่จําเปนใหกับตนเอง เพื่อการประกอบอาชีพที่สนใจ ในอนาคต เชน อยากประกอบอาชีพพนักงานตอนรับบนเครื่องบิน หรือแอร โฮสเตส ตองเรียน ภาษาเพิ่มเติม มีความใจเย็น ยิ้มแยม แจมใส รักงานบริการ มีสุขภาพรางกายแข็งแรง การเตรียมตัวเขาสูอาชีพมีความสําคัญอยางยิ่งตอการประกอบอาชีพทุกอาชีพ หากมีการ เตรียมการที่ดี ยอมสงผลใหการประกอบอาชีพนั้น ๆ ประสบความสําเร็จ ไมตองตกอยูในภาวะวางงาน เมื่อสําเร็จการศึกษาแลว โดยการเตรียมตัวเขาสูอาชีพแบงเปน ๓ ชวงเวลา ดังนี้ ๑) การเตรียมตัวขณะกําลังศึกษา ในขณะที่กําลังศึกษาอยู สามารถจัดสรรเวลามาใช ใหเกิดประโยชน เพื่อเปนการเตรียมความพรอมของตนเองในการกาวเขาสูอาชีพที่สนใจในอนาคต โดยการเตรียมตัวขณะกําลังศึกษาปฏิบัติได ดังนี้ การเตรียมดานประสบการณชีวิต • ทํากิจกรรมนอกหลักสูตรการเรียนอยางเปนระบบตามความสนใจของตนเองอยูเสมอ • การเขารวมกิจกรรม ทําใหไดรับประสบการณและไดพัฒนาวุฒิภาวะทางสังคม การฝกฝนความสามารถพิเศษ • ฝกฝนตนเองตามความสนใจ ความถนัด และโอกาสที่มี เชน ถายภาพ ฝกขับรถยนต • ฝกฝนความสามารถของตนเองอยูเสมอ จะชวยใหมีความสามารถในดานนั้น ๆ อยางดี การเตรียมความรูทางดานวิชาการ • ศึกษาวิชาการในสาขาวิชาที่ตนกําลังศึกษาอยูใหเขาใจอยางถองแท รอบรู รอบดาน • ผลการเรียนอยู ในระดับดี เนื่องจากผลการเรียนเปนตัววัดระดับของสติปญญา อาชีพของคนยุคใหม่ทําได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ในปจจุบันมีอาชีพเกิดขึ้นใหมอยางมากมาย ซึ่งอาชีพของคนยุคใหมที่สามารถทํา ไดงาย ๆ ที่บานมีอยูดวยกันหลายอาชีพ เชน ขายของออนไลน วล็อกเกอร (Vlogger) บล็อกเกอร (Blogger) ยูทิวเบอร (Youtuber) นักพัฒนาเว็บไซต นักเขียนอิสระ นักแปล นักออกแบบกราฟก (Graphic Designer) T i p ๑๑๘ ทํากิจกรรมนอกหลักสูตรการเรียนอยางเปนระบบตามความสนใจของตนเองอยูเสมอ • การเขารวมกิจกรรม ทําใหไดรับประสบการณและไดพัฒนาวุฒิภาวะทางสังคม บล็อกเกอร (Blogger) ยูทิวเบอร (Youtuber) นักพัฒนาเว็บไซต นักเขียนอิสระ นักแปล 1 2 ขั้นนํา (5Es) ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 1. ครูกลาวทบทวนเกี่ยวกับการเสริมสราง ประสบการณอาชีพจากที่ไดศึกษาในชั่วโมงที่ ผานมาวา “การเสริมสรางประสบการณอาชีพ จะชวยใหทราบวาตนเองมีความเหมาะสมกับ อาชีพที่สนใจหรือไม รวมถึงเปนการเตรียม ความพรอมในดานขอมูลตางๆ เกี่ยวกับอาชีพ ที่สนใจ แลวนํามาใชประกอบการตัดสินใจ เลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง ซึ่งมีประโยชน ตอนักเรียนในการเตรียมตัวเขาสูอาชีพตอไป ในอนาคต” 2. ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียนวา • นักเรียนคิดวาตนเองมีความเหมาะสมที่จะ ประกอบอาชีพที่สนใจหรือไม อยางไร (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) • นักเรียนคิดวาตนเองควรมีการเตรียมตัวเพื่อ ใหสามารถประกอบอาชีพที่สนใจไดอยางไร (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ นักเรียน) 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัวเขา สูอาชีพ เพื่อเชื่อมโยงเขาสูบทเรียนวา “การ เตรียมตัวเขาสูอาชีพมีหลายอยางที่ตองปฏิบัติ เพื่อใหสามารถประกอบอาชีพที่สนใจได ทั้งการ วางแผนดานการศึกษาตอ การฝกอบรมทักษะ ที่จําเปนตอการประกอบอาชีพ เพื่อใหตนเองมี คุณสมบัติและทักษะความสามารถเหมาะสม กับอาชีพที่สนใจ และตรงตามความตองการ ของตลาดแรงงาน ซึ่งการเตรียมตัวเขาสู อาชีพดวยวิธีการที่ถูกตอง จะชวยใหมีโอกาส กาวหนาในการประกอบอาชีพมากกวาผูที่ไมมี การเตรียมตัวเขาสูอาชีพ” นักเรียนควรรู 1 วุฒิภาวะทางสังคม การเตรียมตัวเขาสูอาชีพนอกจากจะตองพัฒนาในดาน ความรู ความสามารถแลว ยังตองมีวุฒิภาวะทางสังคมดวย เพื่อใหสามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยางราบรื่น นอกจากนี้ ผูที่จะประกอบอาชีพควรมี วุฒิภาวะดานอาชีพ (Career Maturity) คือ ความพรอมในการตัดสินใจเลือก ประกอบอาชีพ ทั้งเจตคติและความคิดตางๆ ที่มีผลตอการเลือกประกอบอาชีพ โดยวุฒิภาวะดานอาชีพที่สําคัญ มีดังนี้ • ตระหนักวาการเลือกประกอบอาชีพเปนสิ่งจําเปน • มีเจตคติที่ดีตอการประกอบอาชีพ • ทราบขอมูลเกี่ยวกับลักษณะของอาชีพ • มีทักษะการวางแผน เพื่อวางแผนชีวิตและอาชีพ • มีอิสระในการตัดสินใจ 2 บล็อกเกอร ผูที่ทําหนาที่ในการเขียนบทความ ทําวิดีโอ ถายภาพ วาดรูป และอื่นๆ อยางสรางสรรค โดยเผยแพรผานทางสื่อโซเชียลตางๆ การเรียนหนังสือในโรงเรียนจัดเปนการเตรียมตัวเขาสูอาชีพ หรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ เปนการเตรียมตัวเขาสูอาชีพ เพราะการเรียนหนังสือ เปนการเตรียมความรูทางดานวิชาการ การทํากิจกรรมตางๆ เปนการเตรียมทางดานประสบการณชีวิต และการฝกฝนตนเอง ตามความสนใจ เปนการฝกฝนความสามารถพิเศษ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T132


ขอสอบเนน การคิด ๒) การเตรียมตัวภายหลังจบการศึกษา หลังจากส�าเร็จการศึกษาแล้ว จ�าเป็นที่จะต้อง ศึกษาเพิ่มเติม เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การประกอบอาชีพ เตรียมความรู้เรื่องงานที่จะท�า ความรู้ ด้านตลาดแรงงาน เพื่อพัฒนา เพิ่มคุณค่า และเสริมสร้างคุณสมบัติที่ดีของตนเองให้สอดคล้องกับ ความต้องการของตลาดแรงงาน ดังนี้ ๓) การเตรียมตัวไปสมัครงาน หลังจากค้นหางานและต�าแหน ่งงานตามความรู้ ความสนใจ ความสามารถ และความถนัดได้ตรงกับความต้องการของตนเองแล้ว ขั้นตอนต่อไป ที่จะต้องปฏิบัติ คือ การสมัครงาน โดยการเตรียมตัวไปสมัครงานปฏิบัติได้ ดังนี้ การศึกษาเพิ่มเติม • เข้ารับการฝึกอบรมในหัวข้อที่ส�าคัญต่าง ๆ เพื่อน�ามาใช้เป็นพื้นฐานในการสมัครงาน • ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษาและคอมพิวเตอร์ เพื่อจะได้ท�างานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บุคลิกภาพ • พัฒนาบุคลิกภาพของตนเอง ให้เหมาะสมกับอาชีพที่เลือก ปรับปรุงกิริยามารยาทและ ท่าทางให้เรียบร้อย • ควรแต่งกายด้วยชุดที่สุภาพ เรียบร้อย ถูกต้องตามโอกาส และกาลเทศะ เอกสารต่าง ๆ • เตรียมเอกสารและอุปกรณ์ ต่างๆ ให้พร้อม เช่น ใบรับรอง ผลการเรียน บัตรประจ�าตัว ประชาชน ทะเบียนบ้าน • ควรเตรียมแฟ้มสะสมผลงาน ของตนเอง น�าไปใช้ประกอบ การสัมภาษณ์งาน การสื่อสาร • ควรกล่าวค�าทักทาย พูดด้วยน�้าเสียงที่สุภาพนุ่มนวล ใบหน้ายิ้มแย้ม แสดงถึงการมีมนุษยสัมพันธ์ ที่ดี แสดงความเคารพเมื่อพบ หรือจากกัน • พูดตรงประเด็น กระชับ ชัดเจน ให้ความส�าคัญกับภาษากายและการแสดงสีหน้าแววตา การเตรียมความรู้ด้านตลาดแรงงาน • ส�ารวจตลาดแรงงานของอาชีพที่สนใจ หรือเว็บไซต์ของหน่วยงานนั้น ๆ • ค้นหางานและต�าแหน่งงานจากสื่อที่หลากหลาย เช่น เว็บไซต์หางาน การเตรียมความรู้เรื่องงานที่จะท�า • ศึกษาเกี่ยวกับต�าแหน่งงานที่ต้องการท�า หน้าที่ความรับผิดชอบของงาน • ควรพิจารณาเลือกอาชีพที่เหมาะสมตามความถนัดและความสนใจของตนเอง การกรอกใบสมัครงานต้องเขียน ให้อ่านง่ายตั้งใจเขียนเพราะแสดง ให้เห็นถึงความเป็นระเบียบ เรียบร้อย ซึ่งใช้เป็นส ่วนหนึ่ง ในการพิจารณาเลือกคนเข้า ท�างาน Be careful การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ 119 ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจและคนหา 1. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การเตรียมตัวเขาสู อาชีพ จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 7 หรือศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียม ตัวเขาสูอาชีพ จาก PowerPoint ม.2 หนวยการ เรียนรูที่ 7 จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปราย แลกเปลี่ยนความรูในเรื่องที่ไดศึกษามา ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 3. ครูถามนักเรียนวา • การเตรียมตัวเขาสูอาชีพตั้งแตขณะกําลัง ศึกษามีประโยชนอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิด เห็นไดอยางอิสระ เชน ชวยใหรูจักวิเคราะห ความรู ความสามารถ ความถนัด และความ สนใจของตนเองตั้งแตเริ่มตน ซึ่งจะเปน ประโยชนในการวางแผนจัดการชีวิต เพื่อ เตรียมความพรอมสูการประกอบอาชีพใน อนาคตไดอยางรอบดาน) • ในขณะที่กําลังศึกษาอยู นักเรียนจะมีวิธีการ อยางไร เพื่อใหสามารถเตรียมตัวเขาสูอาชีพ ที่สนใจไดอยางเหมาะสม (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน การเตรียมความรูทาง ดานวิชาการ โดยศึกษาวิชาการตางๆ ที่ตน กําลังศึกษาอยูใหเขาใจอยางถองแท การ เตรียมทางดานประสบการณชีวิต โดยการ เขารวมกิจกรรม หรือชมรมตามความสนใจ การฝกฝนความสามารถพิเศษตามความ สนใจ ความถนัด ความสามารถ และโอกาส ที่มีอยูเสมอ) หากนักเรียนตองการเตรียมตัวเพื่อสมัครงานภายหลังจาก จบการศึกษา จะมีแนวทางในการปฏิบัติตนอยางไร (แนวตอบ ศึกษาเพิ่มเติมและฝกทักษะทางดานเทคโนโลยี ภาษา ตางประเทศ ความรูเฉพาะที่ตรงกับตําแหนงงานที่สนใจ จากนั้น จึงคนหาตําแหนงงานวางจากแหลงตางๆ และศึกษาขอมูลของ องคกรที่จะเลือกสมัครงานรวมดวย) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัวไปสมัครงานใหนักเรียนฟงวา การ ไปสมัครงานควรเตรียมตัวใหพรอม ทั้งตัวผูสมัครงาน เอกสาร อุปกรณตาง ๆ ที่ จําเปนตองใชในการสมัครงาน ซึ่งสิ่งสําคัญในการเตรียมตัวสมัครงาน เชน เอกสาร หลักฐาน รูปถาย ผลงานและอุปกรณตางๆ ขอมูลตําแหนงงานและหนวยงาน ที่สนใจ บุคลิกภาพ เพื่อใหเกิดความมั่นใจในการไปสมัครงาน และเพื่อสราง ความประทับใจใหแกหนวยงานที่ไปสมัคร สื่อ Digital ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัวกอนไปสมัครงาน ไดที่ http://dsd. rmutsv.ac.th/sites/dsd.rmutsv.ac.th/files/data/2559/resume.pdf นํา สอน สรุป ประเมิน T133


ขอสอบเนนการคิด ๒.๒ การเตรียมความพร้อมก่อนการสมัครงาน การสมัครงานเป็นการน�าเสนอความเป็นตัวตนในด้านความรู้ความสามารถ ทักษะ และ ประสบการณ์ให้แก่หน่วยงาน หรือบริษัทที่ต้องการจะเข้าท�างาน โดยต้องแสดงให้เห็นว่าเรามี คุณสมบัติเหมาะสมกับงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่องค์กร ดังนั้น ก่อนการสมัครงานจึงควร เตรียมความพร้อม ดังนี้ ๑) วิเคราะห์ตนเอง พิจารณาจากความชอบ ความถนัด ความสนใจ ทักษะ ความรู้ ความสามารถบุคลิกภาพของตนเองว่ามีความเหมาะสมกับอาชีพใดเช่นชอบแก้ปัญหาคิดวิเคราะห์ อย่างมีหลักการ ชอบท�างานที่ซับซ้อน อุทิศเวลาในการท�างานได้อย่างเต็มที่ เหมาะที่จะประกอบ อาชีพ เช่น จักษุแพทย์ นักเคมี นักวิจัย เภสัชกร วิศวกร นักเศรษฐศาสตร์ ๒) วิเคราะห์เลือกอาชีพ พิจารณาว่าอาชีพใดที่ต้องการผู้มีคุณสมบัติสอดคล้องกับ ทักษะ ความรู้ ความสามารถ ความชอบ ความถนัด และบุคลิกภาพของเรา รวมทั้งพิจารณาถึง ความก้าวหน้า ค่าตอบแทน สวัสดิการ และความต้องการของตลาดแรงงานของอาชีพที่สนใจ ๓) วิเคราะห์เลือกหน่วยงาน พิจารณาจากขนาดของหน่วยงาน ความก้าวหน้า ความมั่นคง สวัสดิการ ค่าตอบแทน การเดินทาง มีสิ่งแวดล้อมที่ดี สะอาด เรียบร้อย บรรยากาศ ผ่อนคลาย ไม่เคร่งเครียด มีค่านิยมและเป้าหมายตรงกับค่านิยมและเป้าหมายของเรา การศึกษาเกี่ยวกับองค์กร หรือหน่วยงานที่สนใจสมัครงานเป็นสิ่งที่จ�าเป็นอย่างยิ่ง ในการพิจารณาตัดสินใจว่าจะท�างานที่นี่หรือไม่ ดังนั้น ก่อนสมัครงานจึงควรศึกษาข้อมูลให้ได้ มากที่สุด เพื่อที่จะได้น�ามาประกอบการตัดสินใจตกลงสมัครเข้าท�างาน นักการเงิน (ภาพซ้าย) จะต้องมีความละเอียด รอบคอบ เปิดรับเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร และสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ โปรแกรมเมอร์ (ภาพขวา) จะต้องเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะในการเขียนภาษาคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี 12๐ สวัสดิการ ค่าตอบแทน 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • นักเรียนจะเตรียมความพรอมดานบุคลิกภาพ และเตรียมเอกสารตางๆ เพื่อไปสมัครงานได อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน การเตรียมความพรอม ดานบุคลิกภาพ คือ การปรับปรุงและพัฒนา บุคลิกภาพดานการพูด การเดิน กิริยามารยาท ตางๆ ตลอดจนการแตงกายใหเหมาะสมกับ ตําแหนงที่จะไปสมัคร สวนการเตรียมเอกสาร ที่สําคัญ เชน ใบรับรองผลการศึกษา สําเนา บัตรประจําตัวประชาชน สําเนาทะเบียนบาน รูปถาย แฟมสะสมผลงาน) • นักเรียนสามารถเตรียมความพรอมกอนการ สมัครงานไดอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน การเตรียมความพรอมควร เริ่มตนจากการวิเคราะหความรู ความสามารถ ความถนัด ความสนใจ และบุคลิกภาพของ ตนเองวาเหมาะสมกับการทํางาน หรือการ ประกอบอาชีพใด จากนั้นศึกษาลักษณะงาน ในตําแหนง หรือสาขาอาชีพที่สนใจ พิจารณา เลือกหนวยงาน หรือองคกรที่มีความกาวหนา มีความมั่นคง และมีสวัสดิการที่ดีใหแก พนักงาน) 4. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําใบงานที่ 7.2.1 เรื่อง การเตรียมความพรอมกอนการสมัครงาน โดยใหนักเรียนระบุชื่ออาชีพที่สนใจ จากนั้น สืบคนขอมูลในดานตางๆ ที่เกี่ยวของกับอาชีพ ดังกลาว นําขอมูลที่ไดมาบันทึกลงในใบงาน ตามประเด็นที่กําหนดให พรอมทั้งวิเคราะห ความเหมาะสมของตนเองกับอาชีพที่สนใจ กอนการสมัครงาน นักเรียนควรรู 1 สวัสดิการ การที่องคกร หรือหนวยงานใหประโยชนแกลูกจางนอกเหนือ จากรายไดประจํา ผูหาตําแหนงงานควรศึกษาเรื่องสวัสดิการของแตละองคกร รวมดวย โดยสวัสดิการจะเปนแรงจูงใจที่ทําใหอยากรวมงานกับองคกรนั้นๆ เพราะสามารถชวยเหลือพนักงานในยามฉุกเฉิน ชวยอํานวยความสะดวกในการ ทํางาน และยังทําใหพนักงานอยูกับองคกรไดนานขึ้น โดยสวัสดิการแบงเปน ประเภทใหญๆ ได ดังนี้ • สวัสดิการเพื่อความมั่นคงและสุขภาพ • สวัสดิการที่จายตอบแทนเมื่อไมไดทํางาน • สวัสดิการบริการ 2 คาตอบแทน เปนคาใชจายที่องคกรจายใหแกผูปฏิบัติงาน อาจเปนตัวเงิน หรือไมใชตัวเงินก็ได เพื่อตอบแทนการปฏิบัติงานตามหนาที่ความรับผิดชอบ จูงใจ สรางขวัญและกําลังใจใหกับผูปฏิบัติงาน รวมถึงเสริมสรางฐานะความ เปนอยูของผูปฏิบัติงานใหดียิ่งขึ้น เพราะเหตุใดการวิเคราะหเลือกหนวยงานจึงเปนการเตรียม ความพรอมอยางหนึ่งกอนการสมัครงาน (แนวตอบ การวิเคราะหเลือกหนวยงานจะทําใหสามารถเลือก หนวยงานที่เหมาะสมกับตนเองได ไดรับทราบขอมูลตางๆ ของ หนวยงาน เพื่อใชในการสัมภาษณงาน จึงเปนการเตรียมความ พรอมอยางหนึ่งกอนการสมัครงาน) นํา สอน สรุป ประเมิน T134


ขอสอบเนน การคิด ๒.๓ คุณสมบัติที่จ�าเป็นในการสมัครงาน ทักษะความสามารถของพนักงานที่หน่วยงาน หรือองค์กรทั่วไปต้องการ ซึ่งศึกษาได้จากการ ประกาศรับสมัครงานที่มีการระบุคุณสมบัติที่จ�าเป็นไว้ โดยทั่วไปคุณสมบัติที่จ�าเป็นที่บริษัทเอกชน รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐต้องการ มีดังนี้ คุณสมบัติที่จ�าเป็นในการสมัครงาน มีคุณวุฒิ หรือวุฒิ การศึกษาตรงกับที่หน่วยงาน ต้องการ มีความสามารถใน การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่จ�าเป็นได้อย่างคล่องแคล่ว ตรงต่อเวลา ซื่อสัตย์ มีวินัยในการท�างาน มีมารยาท ทางสังคม มีความรู้ทางด้าน ภาษาต่างประเทศ เช่น อังกฤษ จีน ญี่ปุน ฝรั่งเศส มีเชาวน์ปัญญาและ มีไหวพริบในการแก้ปัญหา เฉพาะหน้า มีบุคลิกภาพดีและมี มนุษยสัมพันธ์ที่ดี สามารถ ท�างานเป็นทีมได้อย่างราบรื่น มีความรู้เกี่ยวกับ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ ในส�านักงาน เรียนรู้เร็ว มีความ คิดสร้างสรรค์ จินตนาการ รอบคอบ และกระตือรือร้น มีทักษะด้านการ บริหารข้อมูลและการจัดการ อย่างเป็นระบบ มีความเชี่ยวชาญ หรือมีความรอบรู้เฉพาะด้าน ในงานที่ท�าเป็นอย่างดี 1 ๔ ๗ 1๐ 1๓ 11 12 2 ๕ ๘ 9 ๓ ๖ มีความสามารถ ในการสื่อสารกับผู้อื่นได้เป็น อย่างดี อดทน รับความ กดดันได้ดี ประพฤติตน อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ รู้จักปรับตัวเข้า กับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ไปได้ สามารถ วิเคราะห์สถานการณ์ และแก้ปัญหาได้อย่าง สร้างสรรค์ 1๔ การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ 121 มีเชาวน์ปัญญาและ มีไหวพริบในการแก้ปัญหา ๕ สร้างสรรค์ และแก้ปัญหาได้อย่าง 1 2 นักเรียนควรรู 1 ไหวพริบ ทักษะที่ปรากฏอยูภายในจิตใจ หรือจิตวิญญาณ เปนสิ่งที่สามารถ นํามาใชแกไข ปองกัน ควบคุม เหตุการณตางๆ เพื่อไมใหเกิดปญหาขึ้น ซึ่งการมีไหวพริบนับเปนคุณสมบัติที่สําคัญอยางยิ่งในการทํางาน 2 แกปญหาไดอยางสรางสรรค การสมัครงานและการสัมภาษณงานอาจเกิด อุปสรรคตางๆ ที่ไมคาดคิด ผูสมัครจึงตองคิดหาวิธีแกปญหาอยางทันทวงที การแกปญหาอยางสรางสรรคจึงเปนวิธีการที่สําคัญที่จะทําใหผานพนอุปสรรค ไปได โดยกระบวนการแกปญหาอยางสรางสรรคมีขั้นตอน ดังนี้ • คนหาขอเท็จจริง (กําหนดปญหา รวบรวมขอมูล และวิเคราะหขอมูล) • คนหาแนวคิด (ระดมความคิด และหาแนวทางแปลกใหม) • คนหาแนวทาง หรือวิธีแกปญหา (ประเมินและคัดเลือกแนวคิด พัฒนาแนวคิดสูการปฏิบัติการ ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 5. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายความรูเกี่ยวกับ คุณสมบัติที่จําเปนสําหรับผูที่ตองการสมัครงาน จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ไมวาจะสมัครงาน ทั้งของหนวยงานเอกชน รัฐวิสาหกิจ หรือ รัฐบาล หนวยงานทั้งหมดเหลานี้ตางตองการ พนักงานที่มีคุณสมบัติที่จําเปนตอการประกอบ อาชีพ และมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตอการ ทํางานในองคกรของตน ซึ่งนักเรียนควรฝกฝน และพัฒนาตนเองใหมีคุณสมบัติตางๆ ที่จําเปน และครบถวนในการสมัครงานของหนวยงานนั้น เชน มีความเชี่ยวชาญ มีความรอบรูเฉพาะดาน ในงานที่ทํา มีทักษะดานการบริหารขอมูล และการจัดการอยางเปนระบบ เรียนรูเร็ว มี จินตนาการและความคิดสรางสรรค รอบคอบ กระตือรือรน มีไหวพริบในการแกปญหา เฉพาะหนาไดดี ใชโปรแกรมคอมพิวเตอรที่ จําเปนไดอยางคลองแคลว มีบุคลิกภาพดี มีมนุษยสัมพันธที่ดี ทํางานเปนทีมไดอยาง ราบรื่น ตรงตอเวลา ซื่อสัตย มีวินัยในการ ทํางาน และมีมารยาททางสังคม” 6. ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนจะพัฒนาตนเองอยางไร เพื่อใหมี คุณสมบัติที่เหมาะสมตอการประกอบอาชีพ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ เชน ตนเองขาดความรู ความ เชี่ยวชาญทางดานทักษะภาษาตางประเทศ จะพัฒนาตนเองโดยเริ่มตนจากการฝกทักษะ การฟง พูด อาน เขียนภาษาตางประเทศอยาง จริงจัง และศึกษาเพิ่มเติมจากสื่อการเรียนรู ที่หลากหลาย เชน หนังสือ อินเทอรเน็ต รายการวิทยุ รายการโทรทัศน เปนประจํา อยางสมํ่าเสมอ) ขอใดจัดเปนการแกปญหาอยางเปนระบบและมีเหตุผลมากที่สุด 1. กําหนดแผนงานใหม เพื่อลดปญหาที่เกิดขึ้น 2. ประเมินผลงานระหวางการปฏิบัติงานทุกขั้นตอน 3. หัวหนากลุมพิจารณาและตัดสินใจแกปญหาเพียงลําพัง 4. พิจารณาสาเหตุของปญหา วิเคราะห และประเมินทางเลือก เพื่อแกปญหาในการทํางาน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการแกปญหาในการทํางาน ควรทําอยางเปนระบบ โดยมีขั้นตอน คือ สังเกต วิเคราะหและ แยกแยะปญหา สรางทางเลือกในการแกปญหา และประเมินทาง เลือกหรือวิธีในการแกปญหา เพื่อกําจัดปญหาและไมใหเกิดปญหา เดิมซํ้าขึ้นอีก) นํา สอน สรุป ประเมิน T135


ส�าหรับผู้ที่จะก้าวเข้าสู่โลกของอาชีพ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ ทั้งทางด้าน การศึกษาหาความรู้ ความสามารถของตนเอง การฝึกทักษะการประกอบอาชีพ มีการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะติดตัวเราไปตลอด นอกจากนี้ ยังต้องติดตาม สถานการณ์ด้านแรงงาน เพื่อที่จะก้าวเข้าสู่โลกของอาชีพได้อย่างมั่นคงและประสบความส�าเร็จ ๒.๔ ทักษะที่จ�าเป็นต่อการประกอบอาชีพ ในการประกอบอาชีพ ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ ความสามารถเฉพาะในอาชีพ และมีทักษะที่ จ�าเป็น เพื่อที่จะประกอบอาชีพนั้นได้ประสบความส�าเร็จ ซึ่งทักษะที่จ�าเป็นต่อการประกอบอาชีพ จะประกอบด้วยทักษะที่หลากหลาย ผู้ที่เตรียมความพร้อมก้าวสู่โลกของอาชีพจะต้องเตรียมตัว ให้พร้อม หมั่นฝึกฝนและพัฒนาทักษะต่าง ๆ เพื่อให้ก้าวสู่โลกของอาชีพได้อย่างมั่นคง ทักษะการจัดการ การจัดระบบการท�างาน เพื่อให้ส�าเร็จตามเป้าหมาย รู้ว่าสิ่งใดควรท�าก่อน สิ่งใดควรท�าทีหลัง สิ่งใด มอบหมายให้ผู้อื่นท�าแทนได้ ท�างานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน และท�างานเสร็จตรงตามเวลาที่ก�าหนด ทักษะการแสวงหาความรู้ การศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ เพราะปัจจุบัน วิทยาการต่าง ๆ ได้พัฒนาและเจริญก้าวหน้า อย่างรวดเร็ว ประกอบกับองค์กรต่าง ๆ มีการ แข่งขันสูง ดังนั้น การศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ จะน�ามาพัฒนาการท�างานได้เป็นอย่างดี ทักษะการท�างานร่วมกัน การท�างานร่วมกับผู้อื่น ต้องมีลักษณะนิสัยยืดหยุ่น ประนีประนอม เข้ากับคนได้ทุกประเภท มีการ แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้อื่นอยู่เสมอ มีความจริงใจ ไม่เอาเปรียบ ประพฤติตนเป็นที่ ไว้วางใจของผู้อื่น รับฟังความคิดเห็นและไว้วางใจผู้อื่นในทีม ทักษะกระบวนการท�างาน การเรียนรู้กระบวนการท�างานและลงมือปฏิบัติ งานด้วยตนเอง มุ่งเน้นฝึกวิธีการท�างานอย่าง สม�่าเสมอ เพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญในงานที่ท�า ทั้งการท�างานเป็นรายบุคคลและการท�างานเป็นทีม เพื่อให้ท�างานส�าเร็จตามเป้าหมาย ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา การแก้ปัญหางานที่เกิดขึ้น ประเมินสถานการณ์ หรือเข้าใจปัญหา คิดแก้ปัญหานั้นอย่างทันท่วงที อย่างมีขั้นตอน ส�ารวจปัญหา วิเคราะห์ปัญหา สร้างทางเลือก ประเมินทางเลือก วางแผนปฏิบัติ และประเมินผล 122 กิจกรรม สรางเสริม กิจกรรม ทาทาย งานร่วมกับผู้อื่น ต้องมีลักษณะนิสัยยืดหยุ่น ประนีประนอม เข้ากับคนได้ทุกประเภท มีการ 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 7. ครูใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางทักษะที่ จําเปนตอการประกอบอาชีพ พรอมทั้งอธิบาย ประโยชนที่เกิดขึ้นในดานการประกอบอาชีพ จากการฝกฝนและพัฒนาตนเองใหมีทักษะ ดังกลาว เชน ทักษะกระบวนการทํางาน ประโยชนที่เกิดขึ้น คือ เกิดความเชี่ยวชาญ ในอาชีพที่ทํา มีความแมนยําในรายละเอียด ของงาน ซึ่งจะสงผลใหงานสําเร็จตามเปาหมาย และเกิดความกาวหนาในอาชีพ 8. ครูถามนักเรียนวา • กระบวนการแกปญหามีขั้นตอนในการ ปฏิบัติอยางไร (แนวตอบ มีขั้นตอน คือ สังเกต วิเคราะห และแยกแยะปญหา สรางทางเลือกในการ แกปญหาอยางหลากหลาย และประเมิน ทางเลือก หรือวิธีในการแกปญหา) • ในการทํางานรวมกับผูอื่น นักเรียนควร ปฏิบัติตนอยางไร เพื่อใหการทํางานเปนไป อยางราบรื่น (แนวตอบ ควรมีความรับผิดชอบในหนาที่ ที่ไดรับมอบหมาย รูจักการประนีประนอม มีความยืดหยุน รูจักฟงและยอมรับความ คิดเห็นของผูอื่น กลาที่จะแสดงความคิดเห็น ของตนเอง) ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับทักษะที่จําเปนตอการประกอบ อาชีพที่สนใจ โดยระบุอาชีพที่สนใจ 1 อาชีพ และทักษะที่จําเปน ตอการประกอบอาชีพนั้น พรอมทั้งอธิบายเหตุผลประกอบลงใน กระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน ใหนักเรียนระบุทักษะที่จําเปนตอการประกอบอาชีพใหได มากที่สุด จากนั้นนํามาเขียนบนกระดานรวมกับเพื่อนในชั้นเรียน โดยไมใหซํ้ากัน และนําสิ่งที่ไดบนกระดานมาสรุปวาตนเองมีทักษะ ในดานใด และตองฝกทักษะเพิ่มเติมในดานใด เขียนลงในกระดาษ รายงาน นําสงครูผูสอน เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับทักษะที่จําเปนตอการประกอบอาชีพใหนักเรียน ฟงวา ทักษะที่จําเปนในแตละอาชีพจะมีทักษะพื้นฐานที่ใกลเคียงกัน และแตละ อาชีพจะมีทักษะเฉพาะของอาชีพนั้นๆ ดังนั้น จึงควรพัฒนาตนเองใหมีทักษะ พื้นฐานที่จําเปนตอการประกอบอาชีพ และฝกทักษะเฉพาะเพื่อประกอบอาชีพ ที่สนใจ โดยอาชีพที่ตองมีวิชาชีพเฉพาะ เชน แพทย พยาบาล กายภาพบําบัด เภสัชกร ครู วิศวกร สถาปนิก ผูตรวจสอบบัญชี เพื่อใหมีทักษะที่เหมาะสมใน การประกอบอาชีพ และสามารถประกอบอาชีพไดอยางมีความสุข ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 9. ครูแจกกระดาษโนตใหนักเรียนคนละ 1 แผน เพื่อใหนักเรียนเติมคําตอบลงไปภายใต คําถาม “ฉันอยากจะเปน...” 10. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมาตอบคําถาม “ฉันอยากจะเปน...” ใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน นักเรียนควรรู 1 ประนีประนอม บุคคลที่มีลักษณะประนีประนอม จะทํางานเปนทีม หรือ ทํางานรวมกับผูอื่นไดดี เพราะบุคคลเหลานี้จะมองเปาหมายของงานเปนสําคัญ และมีความพยายามที่จะประคับประคองการทํางานใหผานพนไปไดดวยดี นํา สอน สรุป ประเมิน T136


Êรé Ò§ÊÃÃ¤ì ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙใบมอบหมายงานที่ ๗.1 กÔ¨กรรม àÃ×èͧ ¡ÒÃàÊÃÔÁÊÌҧ»ÃÐʺ¡Òóà¾×èÍࢌÒÊÙ‹ÍÒªÕ¾ ค�าชี้แจง ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมเป็นรายบุคคล โดยตอบค�าถามที่ก�าหนดให้ ๑. การเสริมสร้างประสบการณ์อาชีพมีความส�าคัญต่อการประกอบอาชีพในอนาคตของนักเรียน อย่างไร ๒. เพราะเหตุใดจึงต้องมีการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์แรงงานในปัจจุบันก่อนตัดสินใจ เลือกประกอบอาชีพ ๓. แรงงานมีฝีมือกับแรงงานพัฒนาฝีมือ มีความเหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร ๔. หากในอนาคตนักเรียนต้องการสมัครงานจะค้นหาต�าแหน่งงานจากที่ใด เพราะเหตุใด ๕. ความรู้ ความชอบ ความถนัดของนักเรียนเหมาะสมที่จะประกอบอาชีพใด เพราะเหตุใด ๖. ในขณะก�าลังศึกษานักเรียนจะมีวิธีการในการเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพอย่างไร ๗. “บุคลิกภาพที่ดีช่วยส่งเสริมให้มีโอกาสได้งานมากขึ้น” จากข้อความน�้ นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด ๘. “วศินศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรที่สนใจจะไปสมัครงาน” จากข้อความน�้ นักเรียนเห็นด้วย กับการกระท�าของวศินหรือไม่ อย่างไร ๙. นักเรียนมีความสนใจในอาชีพใด และคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติเหมาะสมกับอาชีพที่ชอบหรือไม่ เพราะเหตุใด ๑๐. เพราะเหตุใดในการท�างานจึงต้องมีการน�าทักษะต่าง ๆ มาใช้ผสมผสานกัน การเสริมสร้างประสบการณ์ เพื่อเข้าสู่อาชีพ 12๓ เพราะเหตุใดจึงต้องมีการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์แรงงานในปัจจุบันก่อนตัดสินใจ 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 11. ครูใหนักเรียนแบงกลุมผูที่มีความสนใจใน อาชีพหมวดหมูเดียว โดยใหรวมกันเปน 1 กลุม หากหมวดหมูอาชีพใดมีจํานวน นักเรียนมากใหแบงเปน 2 กลุม หรือแบงตาม ความเหมาะสม 12. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันสืบคนขอมูล เกี่ยวกับอาชีพที่สนใจในประเด็นที่ครูกําหนดให คือ การเตรียมตัวขณะกําลังศึกษา การเตรียมตัว ภายหลังจบการศึกษา การเตรียมตัวไป สมัครงาน คุณสมบัติที่จําเปนตอการสมัครงาน และทักษะที่จําเปนตอการประกอบอาชีพ 13. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ออกมานําเสนอ ขอมูลเกี่ยวกับอาชีพที่สนใจใหเพื่อนฟงหนา ชั้นเรียน โดยมีครูเปนผูคอยเสนอแนะเพิ่มเติม 14. ครูถามนักเรียนวา • การเปนผูใฝรู รูจักพัฒนาศักยภาพของ ตนเองอยูเสมอ จะสงผลดีตอการประกอบ อาชีพอยางไร (แนวตอบ สงผลทําใหเปนคนทันสมัย มีความรู อยางรอบดาน รูเทาทันคน มีความคิด ริเริ่มสรางสรรค พรอมที่จะพัฒนาตนเองให กาวหนาอยูเสมอ) 15. ครูมอบหมายใหนักเรียนทํากิจกรรมสรางสรรค พัฒนาการเรียนรู จากหนังสือเรียน หนวย การเรียนรูที่ 7 16. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 7 17. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การเตรียมตัวเขาสูอาชีพ 18. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย การเรียนรูที่ 7 กิจกรรม 21st Century Skills 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน 2. สมาชิกแตละกลุมรวมกันสืบคนอาชีพที่ไดรับความนิยมในยุค ปจจุบัน 3. สมาชิกแตละกลุมรวมกันศึกษาขอมูลที่ได จากนั้นนํามาสรุป เพื่อนําเสนอขอมูลใหเพื่อนกลุมอื่นฟงหนาชั้นเรียน 4. แตละกลุมฟงขอมูลของทุกกลุม จากนั้นทําการวิเคราะหวา อาชีพใดเปนอาชีพที่ไดรับความนิยมมากที่สุด อาชีพใดมีความ ตองการมากที่สุด อาชีพใดมีความมั่นคงมากที่สุด และอาชีพใด มีรายไดสูงที่สุด 5. ใหนักเรียนแตละกลุมสรุปขอมูล จากนั้นนํามาติดแสดงไวที่ ปายนิเทศภายในชั้นเรียน นักเรียนควรรู 1 สถานการณแรงงานในปจจุบัน 10 แนวโนมตลาดแรงงานที่จะเกิดขึ้น ไดแก • กระบวนการคัดสรรพนักงานจะเขมขนมากขึ้น • องคกรมีการจางงานลักษณะ Outsource มากขึ้น • โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สรางโอกาส ดานอาชีพขนาดใหญ • มีการใชเทคโนโลยีมาทดแทนคนมากขึ้น • E-Commerce ทําใหเกิดการจางงานในสายงานไอที การขนสง และ บริการลูกคา • มีแรงงานระยะสั้น (Gig Worker) กระจายเกือบทุกธุรกิจ • การบริหารจัดการบุคลากร โดยเนนบริหารประสิทธิภาพแรงงานมากขึ้น • แรงงานวัยเกษียณขยายอายุการทํางานมากขึ้น • แรงงานหมุนเวียนระหวางประเทศในกลุม AEC เปดกวางขึ้น • ดิจิทัลแพลตฟอรมขยายตัวและเชื่อมโยงทุกการสื่อสาร นํา สอน สรุป ประเมิน T137


กิจกรรม Mini Project Êรé Ò§ÊÃÃ¤ì ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙใบมอบหมายงานที่ ๗.2 กÔ¨กรรม àÃ×èͧ ¡ÒÃàµÃÕÂÁµÑÇࢌÒÊÙ‹ÍÒªÕ¾·Õèʹ㨠ค�าชี้แจง ๑. ให้นักเรียนแต่ละคนวิเคราะห์ตนเองว่าอยากประกอบอาชีพใด โดยพิจารณาจากความถนัด ความสามารถ และความสนใจ ๒. จับกลุ่มกับเพื่อนที่มีผลการวิเคราะห์ตนเองที่เหมือนกัน และร่วมกันสืบค้นเกี่ยวกับการประกาศ รับสมัครงานของอาชีพที่สนใจจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต ๓. รวบรวมประกาศรับสมัครงานต่าง ๆ ติดลงบนกระดาษ เอ ๔ โดยระบุแหล่งที่มาของประกาศ สมัครงานนั้นด้วย ๔. แต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์คุณสมบัติของผู้สมัครงานที่หน่วยงาน หรือองค์กรนั้น ๆ ต้องการ มากที่สุด ๕ อันดับ เช่น อายุ เพศ วุฒิการศึกษา และให้วิเคราะห์สาขาวิชา อาชีพ ต�าแหน่ง ที่หน่วยงาน หรือองค์กรนั้น ๆ ต้องการมากที่สุด ๕ อันดับ ๕. น�าเสนอผลการวิเคราะห์ที่ได้หน้าชั้นเรียน 12๔ ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เรื่อง การ เตรียมตัวเขาสูอาชีพวา “การเตรียมตัวเขาสูอาชีพ นักเรียนสามารถปฏิบัติไดตั้งแตขณะกําลังศึกษา และภายหลังจบการศึกษา โดยสิ่งที่จะตองเตรียม ใหพรอมในการเขาสูอาชีพมีอยูดวยกันหลาย ประการ เชน การศึกษาหาความรูเพิ่มเติม การฝก อบรมเกี่ยวกับอาชีพ การฝกฝนความสามารถพิเศษ การพัฒนาบุคลิกภาพ การเตรียมเอกสารการ สมัครงาน รวมถึงการพัฒนาตนเองใหมีคุณสมบัติ ที่จําเปนตอการสมัครงาน และมีทักษะที่จําเปน ในการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ หากนักเรียนมีการ เตรียมตัวเขาสูอาชีพในเรื่องตางๆ ไดอยางถูกตอง ตั้งแตตอนนี้ ก็จะทําใหมีประสบการณในการ เตรียมพรอมดานอาชีพที่ดี ทําใหมีโอกาสได ประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง และประสบ ความสําเร็จในเสนทางอาชีพไดโดยงาย” แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 7 1. ใหนักเรียนเลือกอาชีพตามความสนใจ 1 อาชีพ พรอมทั้งอธิบาย เหตุผลประกอบ 2. วิเคราะหตนเองวา มีความสามารถ ความถนัด และความสนใจ ในอาชีพนั้นเพียงใด 3. บันทึกผลการวิเคราะหลงในตารางการพัฒนาตนเอง เพื่อ เปนการพัฒนาตนเองใหเพิ่มพูนความสามารถในการประกอบ อาชีพที่สนใจในอนาคตได 4. สรุปขอมูลที่ไดรับ จากนั้นออกมานําเสนอผลงานใหเพื่อนฟง หนาชั้นเรียน ขั้นประเมิน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อตรวจสอบความเขาใจหลังเรียนของนักเรียน 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 7.2.1 เรื่อง การเตรียม ความพรอมกอนการสมัครงาน 3. ครูตรวจสอบชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การเตรียมตัวเขาสูอาชีพ 4. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ – สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง นํา สอน สรุป ประเมิน T138


บรรณาน ุ กรม กระทรวงศึกษาธิการ, ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. ๒๕๕๑. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกน กลางกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี. กรุงเทพมหานคร : ชุมชนสหกรณ์การเกษตร แห่งประเทศไทย. เกย์, เจเรมี. ๒๕๕๐. คู่มือเลี้ยงปลาสวยงามฉบับสมบูรณ์. แปลโดย วรวรรณ สิมะโรจน์. กรุงเทพมหานคร : เนชั่นบุ๊คส์ อินเตอร์เนชั่นแนล. เคลซี่, จอห์น. ๒๕๕๑. เรียนรู้และใช้งานเครื่องมืองานช่างอย่างถูกวิธี. แปลและเรียบเรียงโดย กฤษฎา อินทรสถิตย์. กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ดยูเคชั่น. แจ็กแมน, แอน. ๒๕๕๐. ท�ำให้ส�ำเร็จ : จัดระบบการท�ำงานและระเบียบชีวิตให้บรรลุประสิทธิผลสูงสุด. แปลและ เรียบเรียงโดย จิระพล ฉายัษฐิต. กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ดยูเคชั่น. ชัยยศ ศรีสุภินานนท์. ๒๕๕๘. พื้นฐานทางช่าง. กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ดยูเคชั่น. บ้านและสวน. ๒๕๔๕.บ้านสีสด : คู่มือการจัดและตกแต่ง. กรุงเทพมหานคร : บ้านและสวน. พรรณเพ็ญ ฉายปรีชา. ๒๕๕๐.การจัดสวน. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. พิศมัย ปโชติการ. ๒๕๓๖.งานบริการอาหารและเครื่องดื่ม. กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ดยูเคชั่น. ภูวนาท นนทรีย์. ๒๕๓๖.การเลี้ยงไก่ไข่. กรุงเทพมหานคร : โครงการหนังสือเกษตรชุมชน. วิชัย จิตต์เสรี. ๒๕๔๓.ช่าง (จ�ำเป็น) ประจ�ำบ้าน : ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับบ้านท่านสามารถแก้ไขได้. กรุงเทพมหานคร : ดอกหญ้า. วิศวกร. ๒๕๑๓. ต�ำราสารพัดช่าง. พระนคร : พิทยาคม. ศักดา ประสานไทย. ๒๕๕๐.วัสดุสร้างบ้าน : คู่มือการจัดและตกแต่ง. กรุงเทพมหานคร : บ้านและสวน. ศิวะ วสุนธราภิวัฒก์. ๒๕๓๒.คู่มือการบริการอาหารและเครื่องดื่ม.กรุงเทพมหานคร : ดอกหญ้า. สุวิทย์ เฑียรทอง. ๒๕๓๐. หลักการเลี้ยงสัตว์. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์. อานนท์ อินทพัฒน์. ๒๕๔๒. การเลี้ยงไก่ไข่. กรุงเทพมหานคร : อักษรสยามการพิมพ์. โอะชิ, โทะโยะโกะ. ๒๕๖๑. เคล็ดลับงานบ้านเล่มเดียวเอาอยู่. แปลและเรียบเรียงโดย ศริลักษณ์ ชูติประชากิจ. กรุงเทพมหานคร : อินสปายร์. Arne Maynard and Anne de Verteuil. 2004. Garden Design Details. London: Conran Octopus. Atlanta Bartlett. 2000. The Relaxed Home. London: Ryland Peters & Small. Bernard Davis. 2008. Food and Beverage Management. Oxford: Elsevier/Butterworth Heinemann. David Stevens. 1992. Creative Garden Designs. London: Chancellor Press. T139


Dennis Lillicrap, John Cousins and Robert Smith. 2002. Food and Beverage Service. London: Hodder & Stoughton. Johnny Grey. 1998. The Complete Home Design Book. London: Dorling Kindersley. Leonie Highton. 1975. Light: House & Garden, Guide to Efficiency and Good Looks. Glasgow: Collins. Nicholas Barnard. 2000. Step-by-Step Home Decorating Book. London: Dorling Kindersley. P. Bryans and T.P. Cronin. 1983. Organization Theory. London: Mitchell Beazley Publishers. Peter Stensel, Andrew Tung and Soh Beng Seng. 2002. Building a Foundation with Design & Technology 1-2. Singapore: Pearson Education South Asia Pte Ltd. Thailand’s National Science and Technology Development Agency. 1998. Application of Technology Foresight. Bangkok: National Science and Technology Development Agency. Xu Sufang. 2001. Design Technology Lower Secondary. Singapore: Educational Publishing House Pte. Ltd. สื่ออิเล็กทรอนิกส์ กรมประมง. (๒๕๖๑). มาตรฐานการจัดการฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาสวยงามเพื่อการส่งออก. สืบค้นเมื่อ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑. จาก https://www.fisheries.go.th/fpo-angthong/know_f_4.htm กรมปศุสัตว์. (๒๕๖๑). การเลี้ยงไก่ไข่. สืบค้นเมื่อ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑. จาก http://region9.dld.go.th/index. php?option=com_content&view=article&id=69:2011-02-01-23-38-17&catid=50:2011-02-01-22- 54-48&Itemid=78 กรมแรงงาน. (๒๕๖๑). สถานการณ์ด้านแรงงาน. สืบค้นเมื่อ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๑. จาก http://www.mol.go.th/ academician/labour_situation/content/labor_situation_report T140


ม.๒ การงานอาชีพ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เพ็ญพร ประมวลสุข วรรณี วงศ์พานิชย์ มนตรี สมไร่ขิง ศิริรัตน์ ฉัตรศิขรินทร ดร.สถิตย์พงษ์ มั่นหลำ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ flêÐúôĀÖ úèĀÖùĆüċòĄñè..................................................................................................................................................................................... ÕÐ.- ĎéêòÿÐĀèÓćâïāíùĆēüÐāòċòĄñèòĈśÑüÖùĘāèĀÐíăðíŞċüÐÙè  úèĀÖùĆüċòĄñè òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄí ð ĝ ÙĀĔèðĀçñð÷ąÐøāêŒæĄē ĝ ÐôćŚðùāòÿÐāòċòĄñèòĈśÐāòÖāèüāÙĄí ċôŚðèĄĔ ×ĀãíăðíŞčãñ éòăøĀæ üĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞ ü׿ ×ĘāÐĀã ùĘāúòĀéĎÙśêòÿÐüéÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäòČÐèÐôāÖÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāè íćæç÷ĀÐòāÙ ĝĠĠĜčãñðĄčÓòÖùòśāÖċèĆĔüúāäāðæĄēéòăøĀæÐĘāúèãČôÿðĄëĈśċòĄñéċòĄñÖëĈśäòö× ČôÿéòòâāçăÐāò ãĀÖèĄĔ   ëĈśċòĄñéċòĄñÖ Ĝ ë÷ċíĒÜíò êòÿðöôùćÑ    ĝ èāÖöòò⥠öÖ÷ŞíāèăÙñŞ    Ğ èāñðèäòĄùðďòŚÑăÖ    ğ èāÖ÷ăòăòĀäèŞØĀäò÷ăÑòăèæò    Ġ ãòùåăäñŞíÖøŞðĀēèúôĘā   ëĈśäòö× Ĝ ò÷×üðÑöĀÜ ùćöòòâòĀÐøŞ    ĝ ë÷ ãòċéÜÜā ðÿčèÙĀñ    Ğ èāÖùćÙĄòā ċùāòŞèśüñ   éòòâāçăÐāò Ĝ èāñêŠÜÜā ùĀÖÑŞïăòðñŞ    ĝ èāñùðċÐĄñòäă ïĈŚòÿúÖøŞ éòăøĀæÑüòĀéòüÖöŚā ÓâÿëĈśäòö×ČôÿéòòâāçăÐāòãĀÖÐôŚāö ċêŢèëĈśðĄÓćâùðéĀäăċêŢèďê äāðúôĀÐċÐâàŞČôÿċÖĆēüèďÑæĄēùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèÐĘāúèã ÚąēÖďãś æĘāúèśāæĄēäòö×íă×āòâāÓćâïāíČôÿéòòâāçăÐāòúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔĎúśðĄÓöāðåĈÐäśüÖČôÿðĄÓćâïāí ĎèÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäò úāÐúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔðĄÑśüéÐíòŚüÖéòăøĀæ×ÿêòĀéêòćÖČÐśďÑČôÿùŚÖúèĀÖùĆüæĄēêòĀéêòćÖČôśö Ďúśùåāè÷ąÐøā ĎèÐòâĄðĄċèĆĔüúāďðŚåĈÐäśüÖ ďðŚċúðāÿùð ðĄëôċùĄñäŚüÐāòċòĄñèòĈś ÐŚüĎúśċÐăã ëôċùĄñúāñäŚüÐāò÷ąÐøā Óćâçòòð ×òăñçòòð ČôÿÓöāððĀēèÓÖÑüÖÙāäă éòăøĀæñăèãĄĎúś ùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèåüãåüèòāñÙĆēüüüÐ×āÐéĀÜÙĄêòÿÐā÷ÐĘāúèã úèĀÖùĆüċòĄñè Čôÿíòśüð×ÿċòĄñÐċÐĒéúèĀÖùĆüæĄē×ĘāúèŚāñæĀĔÖúðã ČôÿÙãĎÙśÓŚāċùĄñúāñĎúśÐĀé ùåāè÷ąÐøā èāñÙĀñâòÖÓŞ ôăðêřÐăääăùăè  ÐòòðÐāòëĈś×ĀãÐāòéòăøĀæüĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞü׿×ĘāÐĀã òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄíČôÿċæÓčèčôñĄ ðĝ คู่มือครู บร. วิทยาศาสตร์ ม.2 ล.1 300.- 8 858649 121349 สร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ระดับโลก คู่มือครู นร. การงานอาชีพ ม.2 300.- 8 858649 144126 ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน คู่มือครู อจท. เพิ่ม คำแนะนำการใช้ เพิ่ม คำอธิบายรายวิชา เพิ่ม Pedagogy เพิ่ม Teacher Guide Overview เพิ่ม Chapter Overview เพิ่ม ข้อสอบเน้นการคิด เพิ่ม กิจกรรม 21 Century Skills st ราคานี้เป็นของฉบับคู่มือครูเท่านั้น >> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสั่งซื้อของ อจท. บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คู่สาย) ID Line: @aksornkrumattayom www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท. ภาพปกนี้มีขนาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน ผู้เรียบเรียงคู่มือครู พรรณมณฑ์ นิลนฤนาท อัญชลี ฉายแสงจันทร์ แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน คู่มือครู ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹ ¡ÒçҹÍÒªÕ¾ Á. ๒ ม.๒ การงานอาชีพ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เพ็ญพร ประมวลสุข วรรณี วงศ์พานิชย์ มนตรี สมไร่ขิง ศิริรัตน์ ฉัตรศิขรินทร ดร.สถิตย์พงษ์ มั่นหลำ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ flêÐúôĀÖ úèĀÖùĆüċòĄñè..................................................................................................................................................................................... ÕÐ.- ĎéêòÿÐĀèÓćâïāíùĆēüÐāòċòĄñèòĈśÑüÖùĘāèĀÐíăðíŞċüÐÙè  úèĀÖùĆüċòĄñè òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄí ð ĝ ÙĀĔèðĀçñð÷ąÐøāêŒæĄē ĝ ÐôćŚðùāòÿÐāòċòĄñèòĈśÐāòÖāèüāÙĄí ċôŚðèĄĔ ×ĀãíăðíŞčãñ éòăøĀæ üĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞ ü׿ ×ĘāÐĀã ùĘāúòĀéĎÙśêòÿÐüéÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäòČÐèÐôāÖÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāè íćæç÷ĀÐòāÙ ĝĠĠĜčãñðĄčÓòÖùòśāÖċèĆĔüúāäāðæĄēéòăøĀæÐĘāúèãČôÿðĄëĈśċòĄñéċòĄñÖëĈśäòö× ČôÿéòòâāçăÐāò ãĀÖèĄĔ   ëĈśċòĄñéċòĄñÖ Ĝ ë÷ċíĒÜíò êòÿðöôùćÑ    ĝ èāÖöòò⥠öÖ÷ŞíāèăÙñŞ    Ğ èāñðèäòĄùðďòŚÑăÖ    ğ èāÖ÷ăòăòĀäèŞØĀäò÷ăÑòăèæò    Ġ ãòùåăäñŞíÖøŞðĀēèúôĘā   ëĈśäòö× Ĝ ò÷×üðÑöĀÜ ùćöòòâòĀÐøŞ    ĝ ë÷ ãòċéÜÜā ðÿčèÙĀñ    Ğ èāÖùćÙĄòā ċùāòŞèśüñ   éòòâāçăÐāò Ĝ èāñêŠÜÜā ùĀÖÑŞïăòðñŞ    ĝ èāñùðċÐĄñòäă ïĈŚòÿúÖøŞ éòăøĀæÑüòĀéòüÖöŚā ÓâÿëĈśäòö×ČôÿéòòâāçăÐāòãĀÖÐôŚāö ċêŢèëĈśðĄÓćâùðéĀäăċêŢèďê äāðúôĀÐċÐâàŞČôÿċÖĆēüèďÑæĄēùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèÐĘāúèã ÚąēÖďãś æĘāúèśāæĄēäòö×íă×āòâāÓćâïāíČôÿéòòâāçăÐāòúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔĎúśðĄÓöāðåĈÐäśüÖČôÿðĄÓćâïāí ĎèÐāò×ĀãÐāòċòĄñèòĈśäāðúôĀÐùĈäò úāÐúèĀÖùĆüċôŚðèĄĔðĄÑśüéÐíòŚüÖéòăøĀæ×ÿêòĀéêòćÖČÐśďÑČôÿùŚÖúèĀÖùĆüæĄēêòĀéêòćÖČôśö Ďúśùåāè÷ąÐøā ĎèÐòâĄðĄċèĆĔüúāďðŚåĈÐäśüÖ ďðŚċúðāÿùð ðĄëôċùĄñäŚüÐāòċòĄñèòĈś ÐŚüĎúśċÐăã ëôċùĄñúāñäŚüÐāò÷ąÐøā Óćâçòòð ×òăñçòòð ČôÿÓöāððĀēèÓÖÑüÖÙāäă éòăøĀæñăèãĄĎúś ùĘāèĀÐÖāèÓâÿÐòòðÐāòÐāò÷ąÐøāÑĀĔèíĆĔèßāèåüãåüèòāñÙĆēüüüÐ×āÐéĀÜÙĄêòÿÐā÷ÐĘāúèã úèĀÖùĆüċòĄñè Čôÿíòśüð×ÿċòĄñÐċÐĒéúèĀÖùĆüæĄē×ĘāúèŚāñæĀĔÖúðã ČôÿÙãĎÙśÓŚāċùĄñúāñĎúśÐĀé ùåāè÷ąÐøā èāñÙĀñâòÖÓŞ ôăðêřÐăääăùăè  ÐòòðÐāòëĈś×ĀãÐāòéòăøĀæüĀÐøòċ×òăÜæĀ÷èŞü׿×ĘāÐĀã òāñöăÙāíĆĔèßāè ÐāòÖāèüāÙĄíČôÿċæÓčèčôñĄ ðĝ คู่มือครู บร. วิทยาศาสตร์ ม.2 ล.1 300.- 8 858649 121349 สร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ระดับโลก คู่มือครู นร. การงานอาชีพ ม.2 300.- 8 858649 144126 ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน คู่มือครู อจท. เพิ่ม คำแนะนำการใช้ เพิ่ม คำอธิบายรายวิชา เพิ่ม Pedagogy เพิ่ม Teacher Guide Overview เพิ่ม Chapter Overview เพิ่ม ข้อสอบเน้นการคิด เพิ่ม กิจกรรม 21 Century Skills st ราคานี้เป็นของฉบับคู่มือครูเท่านั้น >> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสั่งซื้อของ อจท. บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คู่สาย) ID Line: @aksornkrumattayom www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท. ภาพปกนี้มีขนาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน ผู้เรียบเรียงคู่มือครู พรรณมณฑ์ นิลนฤนาท อัญชลี ฉายแสงจันทร์ แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน แจกฟรี เฉพาะครูผู้สอน คู่มือครู ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹ ¡ÒçҹÍÒªÕ¾ Á. ๒


Click to View FlipBook Version