3. การแก้ไขปัญหาด้านฮาร์ดแวร์เบื้องต้น เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งำนเกิดมีปัญหำ โดย เฉพำะในส่วนของฮำร์ดแวร์ซึ่งเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องใช้ไฟฟ้ำ จึงควรเป็นช่ำงหรือบุคคล ที่มีควำมรู้และควำมช�ำนำญโดยเฉพำะ เพรำะอำจจะท�ำให้เกิดควำมเสียหำยเกิดขึ้นกับฮำร์ดแวร์ มำกกว่ำเดิมได้ ดังนั้นผู้ใช้งำนควรจะแค่ส�ำรวจหรือตรวจสอบ แทนที่จะลงมือซ่อมอุปกรณ์นั้น ๆ ด้วยตนเอง ตัวอยาง ปัญหำที่เกิดขึ้นทำงด้ำนฮำร์ดแวร์ และกำรแก้ไขปัญหำเบื้องต้นที่เกิดขึ้น เมื่อเปดคอมพิวเตอร์แล้วเครื่องไม่ท�างาน หรือเครื่องท�างานแต่หน้าจอไม่ติด • สาเหตุ : ไม่ได้ต่อสำยไฟเข้ำกับเต้ำเสียบ ไม่ได้ต่อสำยพ่วงระหว่ำง จอคอมพิวเตอร์กับตัวเครื่อง หรือสำยไฟที่ต่อหลวมเกินไป • การแก้ปัญหา : ตรวจสอบกำรต่อสำยไฟระหว่ำงตัวเครื่องกับเต้ำเสียบ และ สำยพ่วงระหว่ำงตัวเครื่องกับจอคอมพิวเตอร์ว่ำ ได้ต่อหรือไม่ ถ้ำต่อแล้วก็ให้ตรวจสอบดูว่ำ หลวมหรือไม่ เมื่อเปดเครื่องแล้วได้ยินเสียง Beep หลายครั้ง • สาเหตุ : มีชิปที่ติดอยู่กับเมนบอร์ด หรืออุปกรณ์ที่เสียบอยู่กับเมนบอร์ด มีปัญหำ เช่น กำร์ดเสียบไม่แน่น กำร์ดสกปรก RAM มีปัญหำ เป็นต้น • การแก้ปัญหา : สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจำกภำยในของตัวเครื่อง เมื่อไม่มีควำมรู้ควำม ช�ำนำญควรติดต่อช่ำงหรือผู้ที่สำมำรถแก้ไขปัญหำเฉพำะทำง และแจ้งอำกำรที่เกิดขึ้นให้ครบถ้วนเพื่อหำทำงแก้ไข เปดเครื่องติด แต่เมาส์หรือคีย์บอร์ดใช้ไม่ได้ • สาเหตุ : เสียบสำยเมำส์หรือคีย์บอร์ดไม่แน่น • การแก้ปัญหา : ปิดเครื่องแล้วขยับเสียบสำยให้แน่น แล้วเปิดเครื่องใหม่อีกครั้ง 84 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน สํารวจคนหา 4. นักเรียนสังเกตปญหาทางดานฮารดแวรที่เกิดขึ้น และการแกปญหาจากตัวอยางในหนังสือเรียน อธิบายความรู 1. ครูสุมนักเรียน 3-4 คน ออกมาอธิบายถึงปญหา ที่เกิดกับคอมพิวเตอรและวิธีการแกปญหา คอมพิวเตอรที่นักเรียนพบในเบื้องตน พรอมกับ อภิปรายรวมกันในชั้นเรียน เชน ลําโพงไมมีเสียง ใชวิธีการตรวจสอบสายลําโพงและชองเสียบสาย มีอาการหนาจอสีฟา ใหจดรหัสโคดหนาจอสีฟา มาสืบคนขอมูล เมาสใชการไมได ตรวจสอบ เมาสกับชองเสียบ USB เครื่องทําการรีสตารต เอง สงศูนยบริการใหชางซอม เกร็ดแนะครู ครูอาจจะสอนเสริมความรู เรื่อง Blue Screen Code คือ หนาจอสีฟา ที่แสดงรหัสขอผิดพลาดจากปญหาในดานตางๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร เพื่อฝกใหนักเรียนสามารถประเมินหรือทํานายปญหาของเครื่องคอมพิวเตอร ในเบื้องตนได กอนที่จะสงใหชางซอมหรือทําการแกไข เพื่อชวยประหยัดเวลา ในการคนหาสาเหตุของปญหาที่เกิดขึ้น ใหนักเรียนคนหาขอมูลรหัสหนาจอสีฟาคนละ 10 รหัส แลว ทําการตรวจสอบความหมายของแตละรหัสเพื่อแบงกลุมออกเปน 3 กลุม คือ 1. รหัสที่แสดงวา เปนปญหาดานฮารดแวร 2. รหัสที่แสดงวา เปนปญหาดานซอฟตแวร 3. รหัสที่แสดงวา อาจจะเปนปญหาดานฮารดแวรหรือ ซอฟตแวรอยางใดอยางหนึ่ง หรือทั้ง 2 อยาง (ไมแนนอน) นํา สอน สรุป ประเมิน T94
ขอสอบเนน การคิด ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 1. ทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 2. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา 3. ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัว 1. ให้นักเรียนบอกชื่อฮาร์ดแวร์ที่รู้จักที่เป็นองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์มาให้มากที่สุด พร้อมอธิบายว่า ฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้น ๆ ท�าหน้าที่อะไร 2. ให้นักเรียนบอกชื่อซอฟต์แวร์ทุกชนิดที่รู้จักในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่รู้จักมาให้มากที่สุด พร้อมอธิบาย ว่า ซอฟต์แวร์ตัวนั้น ๆ ท�าหน้าที่อะไร 3. ถ้ามีความจ�าเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะเพื่อติดต่อสื่อสาร ท�าธุรกรรมทางการเงิน หรือเข้าใช้งาน เฟซบุ๊กด้วยรหัสส่วนตัว นักเรียนคิดว่า ปลอดภัยหรือไม่ อย่างไร แล้วถ้าจ�าเป็นต้องใช้งานคอมพิวเตอร์ สาธารณะ นักเรียนคิดว่า ต้องท�าอย่างไรหลังเลิกใช้งาน ระบบคอมพิวเตอร์ Com Sci activity 4. การแก้ไขปัญหาด้านซอฟต์แวร์เบื้องต้น ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการใช้งานซอฟต์แวร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งในส่วนของซอฟต์แวร์ ระบบหรือระบบปฏิบัติการ และส่วนของซอฟต์แวร์ประยุกต์ สามารถแยกเป็น 2 กรณี ได้ดังนี้ 1) กรณีที่พบปัญหาหลังการติดตั้งซอฟต์แวร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยส่วนมากมัก จะเกิดจากการติดตั้งที่ไม่สมบูรณ์หรือติดตั้งเวอร์ชัน (Version) ของซอฟต์แวร์ไม่ตรงหรือไม่สามารถ ใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันได้แนวทางการแก้ไขปัญหาในกรณีนี้คือให้ผู้ ที่มีความรู้ในการติดตั้งซอฟต์แวร์ท�าการติดตั้งซอฟต์แวร์ทับลงไปใหม่ แต่หากยังพบปัญหาอยู่อีก อาจจะต้องท�าการถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์ตัวนั้นออกจากเครื่องและท�าการติดตั้งซอฟต์แวร์ตัวนั้น ใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้ในการติดตั้งซอฟต์แวร์ต้องระวังเรื่องข้อมูลลบหายควรมีการส�ารองข้อมูล (Backup) เก็บไว้ก่อนทุกครั้งที่มีการติดตั้งซอฟต์แวร์ทับลงไปใหม่ หรือก่อนการถอนซอฟต์แวร์ตัวใดก็ตาม ออกจากเครื่อง 2) กรณีที่พบปัญหาหลังจากการใช้งานซอฟต์แวร์มาสักระยะเวลาหนึ่งส่วนมากมักเกิด จากไฟล์ที่เป็นองค์ประกอบของซอฟต์แวร์นั้น ๆ มีปัญหา เช่น อาจจะเผลอลบไฟล์ทิ้งไป หรือเกิด จากไวรัสคอมพิวเตอร์ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น คือ ต้องระมัดระวังในการลบไฟล์ และควร หาซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสมาติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือการแก้ปัญหาสุดท้ายคือการส�ารอง ข้อมูลและท�าการถอนการติดตั้ง จากนั้นท�าการติดตั้งซอฟแวร์ใหม่ 85 ขอสอบเนน การคิด ขั้นสอน อธิบายความรู 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับปญหาและการแกไข การใชงานระบบคอมพิวเตอรวา นอกจากจะมี ปญหาดานฮารดแวรและซอฟตแวรแลว ยังมี ปญหาดานไวรัสที่เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร ดังนั้น ถาพบวาคอมพิวเตอรทํางานชาลง กวาปกติ คอมพิวเตอรหยุดการตอบสนอง หรือติดขัดบอยครั้ง คอมพิวเตอรขัดของแลว เริ่มใหมทุกสองสามนาที โปรแกรมประยุกต ในคอมพิวเตอรทํางานไมถูกตอง ซึ่งปญหา ดังกลาวนี้ อาจเกิดจากการมีไวรัสที่ฝงอยูใน คอมพิวเตอร ดังนั้น จึงควรติดตั้งโปรแกรม ตรวจสอบไวรัสและหมั่นตรวจสอบอยูเสมอ เพื่อความปลอดภัยของขอมูล ขยายความเขาใจ 1. นักเรียนทํากิจกรรมที่สอดคลองกับเนื้อหา โดย การตอบคําถามเพื่อพัฒนาความรูและทักษะ การเรียนรู (Com Sci Activity) เกี่ยวกับระบบ คอมพิวเตอรลงในสมุด 2. นักเรียนทําใบงาน เรื่อง การแกปญหา คอมพิวเตอร 3. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน ออกมานําเสนอหนา ชั้นเรียน พรอมทั้งอภิปรายรวมกันภายใน ชั้นเรียน การสํารองขอมูลในรูปแบบใดมีความเสี่ยงมากที่สุด 1. สํารองไวในไดรฟ D 2. สํารองไวในแฮนดีไดรฟ 3. สํารองไวในพื้นที่แบบออนไลน 4. สํารองไวในคอมพิวเตอรเครื่องอื่น (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา การสํารองขอมูลไวในไดรฟ D จะมีความเสี่ยง คือ ขอมูลอยู บนฮารดดิสกตัวเดียวกันแตคนละไดรฟ กรณีที่เกิดปญหาดาน ฮารดแวร คือ ฮารดดิสกเสีย จะสูญเสียทั้งขอมูลหลักและขอมูล สํารอง ขอ 2. ขอ 3. และขอ 4. เปนการสํารองขอมูลไวที่แหลง เก็บขอมูลภายนอกจึงมีความเสี่ยงนอยกวา ดังนั้น ตอบขอ 1.) นํา สอน สรุป ประเมิน เกร็ดแนะครู ครูอาจจะใหความรูเพิ่มเติมวา ในปจจุบันเรามีการใชเทคโนโลยีการควบคุม ระยะไกล (Remote control) ซึ่งสามารถใชคอมพิวเตอรเครื่องหนึ่งเขาไปควบคุม หนาจอของอีกเครื่องที่อยูในเครือขายเดียวกันได โปรแกรมในการรีโมตที่รูจัก ทั่วไป คือ Remote Desktop ของระบบปฏิบัติการวินโดวส ซึ่งในหลายหนวยงาน จะมีผูดูแลระบบที่ทําหนาที่ตั้งคาเครื่องคอมพิวเตอรทุกเครื่องในองคกร ใหผูดูแล สามารถเขาไปแกปญหาดวยวิธีการควบคุมเครื่องจากระยะไกลได โดยไมตอง เสียเวลาเดินทางไปที่ตัวเครื่องหลังจากไดรับแจงปญหา ซึ่งเปนเทคโนโลยีที่มี ประโยชนมาก T95
ระบบคอมพิวเตอร์ Summary หลักการทํางานของระบบคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสาร เป็นกำรส่งข้อมูลข่ำวสำรจำกผู้ส่งสำรไปยังผู้รับสำร โดยอำศัยสื่อกลำงกำรสื่อสำร ทั้งสื่อกลำง ที่มีสำยและสื่อกลำงไร้สำยในทิศทำงต่ำง ๆ การประยุกต์ใช้งานและการแก้ปัญหาเบื้องต้น คอมพิวเตอร์กลำยเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจ�ำวันของบุคคลทั่วไป ทั้งกำรท�ำงำน กำรเรียน หนังสือ ให้ควำมบันเทิงต่ำง ๆ ทั้งนี้คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สำมำรถช�ำรุดเสียหำย หรือหมดสภำพกำรใช้งำนได้ หำกพบควำมผิดปกติของเครื่องคอมพิวเตอร์หรือซอฟต์แวร์ที่ใช้งำน ตั้งแต่แรกไม่ควรปล่อยทิ้งไว้หรือละเลยควำมผิดปกติที่เกิดขึ้น ควรรีบแก้ไขในเบื้องต้นอย่ำงทัน ท่วงที เพรำะอำจท�ำให้เกิดควำมเสียหำยจนไม่สำมำรถแก้ไขได้ องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์จะสำมำรถท�ำงำนได้ จะต้องประกอบไปด้วยส่วนประกอบที่ส�ำคัญ 5 ประกำร คือ 1) ฮำร์ดแวร์ 2) ซอฟต์แวร์ 3) บุคลำกร 4) ข้อมูลและสำรสนเทศ 5) กระบวนกำร หนวยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit: CPU) หนวยความจําสํารอง (Secondary Storage) หนวยความจําหลัก (Primary Storage) หนวยรับข้อมูล (Input Unit) หนวยแสดงผลข้อมูล (Output Unit) 86 แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ–สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 2 1 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 3 การท างานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมีน้ าใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง: ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วิธีการน าเสนอผลงาน 4 การน าไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................... เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ขั้นประเมิน ตรวจสอบผล ตารางการวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑการประเมิน ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน แบบทดสอบ หลังเรียน รอยละ 60 ผานเกณฑ ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60 ผานเกณฑ ตรวจชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมิน ชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ ประเมิน การนําเสนอ ผลงาน แบบประเมิน การนําเสนอ ผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ สังเกตพฤติกรรม การทํางาน รายบุคคล แบบสังเกต พฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ สังเกตพฤติกรรม การทํางานกลุม แบบสังเกต พฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตการนําเสนอผลงาน พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก แบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรู ที่ 4 หนวยการเรียนรูที่ 3 ขั้นสรุป ตรวจสอบผล 1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการตอบ คําถาม การนําเสนอหนาชั้นเรียน และการทํา ใบงาน 2. ครูตรวจสอบความถูกตองของผลการทําใบงาน 3. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเกี่ยวกับการ ประยุกตใชงานและการแกปญหาเบื้องตน 4. นักเรียนตรวจสอบความรูความเขาใจดวย ตนเองจากหนังสือเรียน 5. นักเรียนทําแบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรู ที่ 3 และทําชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) และ นํามาสงในชั่วโมงถัดไป 6. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวยการเรียนรู ที่ 3 เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร กิจกรรม สรางเสริม ครูอธิบายใหนักเรียนรูจัก safe mode บนคอมพิวเตอรและ ใหนักเรียนทดลองทําการเขา safe mode จากนั้นใหครู ตรวจสอบหนาจอครบทุกคน ใครที่ยังทําไมไดใหเพื่อนที่นั่งติดกัน ชวยสอนให เมื่อทําสําเร็จครบทุกคนแลว ครูสรุปประโยชนในการ เขา safe mode ใหนักเรียนฟง แลวใหนักเรียนออกจาก safe mode พรอมกัน ขั้นตอนสุดทาย คือ ใหเวลา 5 นาที ใหนักเรียนคนหา คลิปวิดีโอวิธีการแกปญหาคอมพิวเตอรดวยการเขา safe mode มาศึกษา จากนั้นครูสุมเรียกนักเรียนใหอธิบายตัวอยางในคลิป วา เปนการใช safe mode เพื่อแกปญหาในลักษณะใด นํา สอน สรุป ประเมิน T96
จงอธิบำยขั้นตอนกำรท�ำงำนของระบบคอมพิวเตอร์ ในกำรท�ำงำนของระบบคอมพิวเตอร์ องค์ประกอบใดเป็นส่วนที่ส�ำคัญที่สุด ในกำรสื่อสำรข้อมูลจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบอะไรบ้ำง จงอธิบำย กำรท�ำงำนของระบบคอมพิวเตอร์ มีหลักกำรท�ำงำนอย่ำงไร จงอธิบำย เครือข่ำยระดับประเทศ มีลักษณะอย่ำงไร เมื่อคอมพิวเตอร์ของนักเรียนเกิดปัญหำไม่สำมำรถใช้งำนได้ นักเรียนควรท�ำอย่ำงไร 1 2 3 4 5 6 Unit Question 3 ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด หากพิจารณาข้อความไม่ถูกต้อง ให้กลับไปทบทวนเนื้อหาตามหัวข้อที่ก�าหนดให้ ถูก/ผิด ทบทวนหัวข้อ 1. คอมพิวเตอร์จะสำมำรถท�ำงำนได้ต้องประกอบด้วยฮำร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูลและสำรสนเทศ บุคลำกร และกระบวนกำร 1 2. เมื่อรับข้อมูลมำแล้วข้อมูลจะถูกส่งต่อไปยัง หน่วยประมวลผลกลำง 2 3. กำรสื่อสำรทำงเดียวเป็นกำรสื่อสำรตอบโต้กันระหว่ำงผู้ส่งสำร กับผู้รับสำร 3 4. สื่อกลำงกำรสื่อสำรข้อมูล มี 2 ประเภท คือ สื่อกลำงประเภท มีสำยและไร้สำย 3 5. ถ้ำนักเรียนจะพิมพ์รำยงำนส่งคุณครู นักเรียนจะเลือกใช้ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 4 Self Check บั น ทึ ก ล ง ใ น ส มุ ด 87 แนวตอบ Self Check 1. ถูก 2. ผิด 3. ผิด 4. ถูก 5. ถูก เฉลย Unit Question 1. มี 4 ขั้นตอน คือ 1) การรับขอมูล คือ การนําเขาขอมูลผานอุปกรณฮารดแวรเขาสูเครื่อง 2) การประมวลผลขอมูล คือ การนําขอมูลที่รับเขามาเก็บไวแลว นํามาประมวลผล เสร็จแลวนําไปเก็บอีกครั้ง 3) การจัดเก็บขอมูล ขณะประมวลผลจะเก็บในหนวยความจําหลัก เวลาปกติจะเก็บในหนวยความจําสํารอง และ 4) การแสดงผลขอมูล คือ การนําขอมูลที่ผานการประมวลผลแลวมาแสดงผลผานฮารดแวรตางๆ 2. CPU เปนตัวประมวลผลขอมูล ซึ่งเปนหนาที่ที่สําคัญที่สุดของคอมพิวเตอร 3. มีองคประกอบสําคัญ 5 ประการ คือ 1) ขอมูลขาวสาร (Message) คือ ขอเท็จจริงที่ผูสงตองการถายทอดไปยังผูรับ 2) ผูสงสาร (Sender) บุคคล กลุม บุคคล หรืออุปกรณที่ทําหนาที่เปนแหลงกําเนิดขอมูลขาวสาร 3) สื่อกลาง (Medium) ตัวกลางในการสงขอมูลขาวสารไปยังผูรับ 4) ผูรับสาร (Receiver) บุคคล กลุมบุคคล หรืออุปกรณที่ทําหนาที่เปนตัวรับขอมูลขาวสาร และ 5) โปรโตคอล (Protocol) กฎหรือขอตกลงที่ใชในการสื่อสารขอมูล 4. แบงเปน 3 หนวย คือ หนวยรับขอมูล ทําหนาที่รับขอมูลเขามาเก็บไวในเครื่องคอมพิวเตอร หนวยประมวลผลขอมูล ทําหนาที่นําขอมูลมาประมวลผล และหนวยแสดงผลขอมูล ทําหนาที่นําขอมูลที่ประมวลผลเสร็จแลวมาแสดงผล 5. เปนการเชื่อมตอเครือขายคอมพิวเตอรระยะไกล ขามทวีปครอบคลุมทั่วโลก โดยใชอุปกรณแปลงสัญญาณเชื่อมตอกับระบบสื่อสารขององคการโทรศัพท 6. นักเรียนแสดงความคิดเห็นตามประสบการณของตนเอง เชน นักเรียนอาจหาขอมูลจากอาการเสียเบื้องตนกอน หากปญหาไมซับซอนและเขาใจวิธีการ แกไขแลว นักเรียนสามารถลงมือแกไขเองได หากไมแนใจใหติดตอชางหรือผูเชี่ยวชาญเทานั้น นํา สอน สรุป ประเมิน T97
แผนการจัด การเร�ยนรู สื่อที่ใช จ�ดประสงค ว�ธ�สอน ประเมิน ทักษะที่ได คุณลักษณะ อันพึงประสงค แผนฯ ที่ 1 การใช เทคโนโลยี สารสนเทศ 2 ชั่วโมง - แบบทดสอบก่อนเรียน - หนังสือเรียน รายวิชา พื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการค�านวณ) ม.2 - ใบงาน เรื่อง คุณประโยชน์และโทษ จากการใช้งานเทคโนโลยี สารสนเทศ 1. อธิบายคุณประโยชน์ และโทษจากการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศได้ ถูกต้อง (K) 2. สืบค้นปัญหาที่เกิดจาก เทคโนโลยีสารสนเทศได้ (P) 3. สนใจใฝเรียนรู้ในการ ศึกษาและน�าไปใช้ในชีวิต ประจ�าวัน (A) แบบสืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - ตรวจใบงาน - ประเมินการ น�าเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�างานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�างานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการท�างาน ร่วมกัน - ทักษะการสืบค้นข้อมูล - มีวินัย - ใฝเรียนรู้ - มุ่งมั่นใน การท�างาน แผนฯ ที่ 2 การ ปฏิบัติตนเมื่อ พบเนื้อหาที่ ไมเหมาะสม 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน รายวิชา พื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการค�านวณ) ม.2 - ใบงาน เรื่อง การปฏิบัติตน เมื่อพบเนื้อหา ที่ไม่เหมาะสม 1. อธิบายรูปแบบของเนื้อหา ต่าง ๆ ที่ไม่เหมาะสมได้ ถูกต้อง (K) 2. บอกวิธีการปฏิบัติตนเมื่อ พบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ได้ถูกต้อง (K) 3. สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมที่พบ ในขณะที่ใช้งาน อินเทอร์เน็ต (P) 4. สนใจใฝเรียนรู้ในการ ศึกษาและน�าไปใช้ในชีวิต ประจ�าวัน (A) แบบสืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจใบงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�างานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�างานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสื่อสาร - ทักษะการแลกเปลี่ยน ข้อมูล - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการท�างาน ร่วมกัน - ทักษะการสืบค้นข้อมูล - มีวินัย - ใฝเรียนรู้ - มุ่งมั่นใน การท�างาน แผนฯ ที่ 3 ความรับผิดชอบ ตอการใชงาน เทคโนโลยี สารสนเทศ 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน รายวิชา พื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการค�านวณ) ม.2 - ใบงาน เรื่อง ความรับผิดชอบต่อ การใช้งานเทคโนโลยี สารสนเทศ 1. อธิบายความหมาย ของความรับผิดชอบ ต่อตนเอง ต่อบุคคลอื่น และต่อสังคมเมื่อมีการ ใช้งานเทคโนโลยี สารสนเทศได้ถูกต้อง (K) 2. สืบค้นวิธีการกระท�า เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ต่อตนเอง ต่อบุคคลอื่น และต่อสังคมเมื่อมีการใช้ งานเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ (P) 3. สนใจใฝเรียนรู้ในการ ศึกษาและน�าไปใช้ในชีวิต ประจ�าวัน (A) แบบสืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจใบงาน - ประเมินการ น�าเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�างานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�างานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสื่อสาร - ทักษะการแลกเปลี่ยน ข้อมูล - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการสังเกต - ทักษะการท�างาน ร่วมกัน - ทักษะการสืบค้นข้อมูล - มีวินัย - ใฝเรียนรู้ - มุ่งมั่นใน การท�างาน Chapter Overview T98
แผนการจัด การเร�ยนรู สื่อที่ใช จ�ดประสงค ว�ธ�สอน ประเมิน ทักษะที่ได คุณลักษณะ อันพึงประสงค แผนฯ ที่ 4 ทรัพยสิน ทางปญญา 2 ชั่วโมง - แบบทดสอบหลังเรียน - หนังสือเรียน รายวิชา พื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการค�านวณ) ม.2 - ใบงาน เรื่อง ประเภทของลิขสิทธิ์ - ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) 1. อธิบายความหมายของ ทรัพย์สินทางปัญญา ได้ถูกต้อง (K) 2. บอกประเภทของงาน ที่มีลิขสิทธิ์ได้ถูกต้อง (K) 3. บอกความแตกต่าง ประเภทของสิทธิบัตร ได้ถูกต้อง (K) 4. สืบค้นข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สิน ทางปัญญาได้ (P) 5. สนใจใฝเรียนรู้ในการ ศึกษาและน�าไปใช้ในชีวิต ประจ�าวัน (A) แบบสืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - ตรวจใบงาน - ตรวจชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) - ประเมินการ น�าเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�างานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ทักษะการสื่อสาร - ทักษะการแลกเปลี่ยน ข้อมูล - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทักษะการท�างาน ร่วมกัน - ทักษะการสืบค้นข้อมูล - มีวินัย - ใฝเรียนรู้ - มุ่งมั่นใน การท�างาน Chapter Concept Overview หนวยการเรียนรูที่ 4 T99
ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจ�าวันของผู้คนในหลายด้าน แต่เทคโนโลยีนั้นสร้างทั้งคุณประโยชน์และโทษให้กับ ผู้ใช้หลายลักษณะ ตัวอย่างของคุณประโยชน์และโทษจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มีดังนี้ 1. คุณประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มีผลต่อการด�ารงชีวิตของทุกคนโดยไม่รู้ตัว เช่น ท�าให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ใช้อ�านวยความสะดวกในด้านการศึกษา ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา ท�าให้เกิดการจัดการทรัพยากรธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น 2. โทษจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มักเกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจ ความขาดสติ ความคึกคะนอง รวมถึงต้องเปนที่สนใจ ของสังคม เช่น ปัญหาการติดเกมจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ปัญหาสังคม เสื่อมจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ปัญหาอาชญากรรมทางข้อมูลจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ปัญหาการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลจาก การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ปัญหาอาชญากรรมที่มีผลต่อชีวิตจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การใชเทคโนโลยีสารสนเทศ 1. ความรับผิดชอบต่อตนเองเมื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เปนสิ่งที่ควรกระท�า เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือท�าให้ผู้อื่นเดือดร้อน เช่น ไม่พยายามใช้งานบัญชีของผู้อื่น ไม่ติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ผิดกฎหมาย 2. ความรับผิดชอบต่อบุคคลอื่นเมื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เปนการให้ความเคารพต่อสิทธิของแต่ละคน เปรียบได้กับมารยาททาง สังคมที่พึงกระท�า เช่น ไม่คัดลอกผลงานผู้อื่นมาแอบอ้างเปนของตนเอง ไม่ข่มขู่ หลอกลวง ท�าสิ่งใด ๆ ให้ผู้อื่นเดือดร้อน 3. ความรับผิดชอบต่อสังคมเมื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เปนความรับผิดชอบที่ทุกคนพึงมีและต้องปฏิบัติทั้งในระดับบุคคลและองค์กร เช่น ไม่น�าข้อมูลภายในองค์กรไปเผยแพร่ คัดลอก หรือดัดแปลงแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต เคารพกฎระเบียบส่วนรวม ความรับผิดชอบตอการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ รูปแบบของเนื้อหา เกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร มีวัตถุประสงค์เพื่อเร้าอารมณ์ทางเพศ ซึ่งอาจจะน�าไปสู่ปัญหาอาชญากรรม ต่างๆ เมื่อพบเนื้อหาดังกล่าว ควรแจ้ง ผู้ใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่ต�ารวจ และ ควรติดตั้งโปรแกรมที่ใช้ส�าหรับ ปองกันเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมลงบน เครื่องคอมพิวเตอร์ รูปแบบของเนื้อหา เกี่ยวกับการหลอกลวง เปนการแอบอ้างหรือน�าข้อมูลของ ผู้อื่นไปใช้ท�าให้เกิดความเสียหาย ข้อปฏิบัติที่ส�าคัญ คือ ไม่ควร เปดเผยข้อมูลส่วนตัวเปนสาธารณะ ถ้ามีใครชวนลงทุนหรือให้โอนเงิน ควรปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน รูปแบบของเนื้อหา เกี่ยวกับการคุกคามหรือขมขู เปนสิ่งที่สร้างความเดือดร้อนร�าคาญ กระทบสิทธิส่วนบุคคล และอาจน�า ไปสู่ปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ซึ่ง จะปองกันได้โดยการไม่เปดอ่าน อีเมล ที่ไม่มีการระบุตัวตน ควรรีบ แจ้งผู้ใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่ต�ารวจ เมื่อได้รับข้อความที่คิดว่าเปนการ ข่มขู่ รูปแบบของเนื้อหา เกี่ยวกับการพนัน เปนการชักจูงให้เข้ามาเล่นโดยใช้ ผลตอบแทนล่อใจ ส่วนใหญ่เล่น แล้วจะติดไปเรื่อย ๆ เพราะอยาก ได้เงินกลับคืนมา เมื่อพบเนื้อหา ดังกล่าวไม่ควรเข้าไปดู และควร แจ้งผู้ใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่ต�ารวจ การปฏิบัติตนเมื่อพบกับเนื้อหาที่ไมเหมาะสม Chapter Overview T100
Chapter Concept Overview หนวยการเรียนรูที่ 4 ทรัพย์สินทางปญญา คือ ผลงานอันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ เปนทรัพย์สินที่นอกเหนือจากสังหาริมทรัพย์และ อสังหาริมทรัพย์ 1. ประเภทของทรัพย์สินทางปัญญา 1) ลิขสิทธิ์ คือ สิทธิ์แต่ผู้เดียวที่ทางกฎหมายรับรองให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานสามารถท�าซ�้า ดัดแปลง หรือน�าออกโฆษณาได้ มีอายุ การคุ้มครอง 50 ป หลังผู้สร้างสรรค์คนสุดท้ายเสียชีวิต โดยเปนการให้ความคุ้มครองอัตโนมัติแก่ทายาทด้วย - ประเภทของงานที่มีลิขสิทธิ์ กฎหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครองแก่งานสร้างสรรค์ 9 ประเภท ตามที่กฎหมายก�าหนด ดังนี้ งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ งานนาฏกรรม เช่น การเต้น การท�าท่า งานศิลปกรรม เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม งานดนตรีกรรม เช่น ค�าร้อง ท�านอง งานโสตทัศนวัสดุ เช่น วิดีโอ ดีวีดี งานภาพยนตร์ เช่น ภาพยนตร์ รวมทั้งเสียงประกอบภาพยนตร์ งานสิ่งบันทึกเสียง เช่น เทปเพลง ซีดี งานแพร่เสียงแพร่ภาพ เช่น รายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ หรืองานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนก วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ - การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ จะมีผลทันทีที่ผู้สร้างได้สร้างสรรค์ผลงานเสร็จโดยไม่ต้องจดทะเบียน เจ้าของลิขสิทธิ์ควรปกปองคุ้มครอง สิทธิของตนเอง ควรเก็บหลักฐานในการพิสูจน์ความเปนเจ้าของไว้ด้วย - เจ้าของลิขสิทธิ์ ได้แก่ ผู้สร้างสรรค์ผลงาน ผู้สร้างสรรค์ในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง ผู้ว่าจ้างกรณีว่าจ้างให้บุคคลอื่นสร้างสรรค์ ผลงาน ผู้ดัดแปลง หน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวง ทบวง กรม และผู้รับโอนลิขสิทธิ์ - เอกสารที่ใช้ประกอบการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ ส�าเนาบัตรประชาชน ส�าเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล หนังสือมอบอ�านาจ ผลงานหรือภาพถ่ายงานลิขสิทธิ์ ส�าเนาหนังสือแต่งตั้งผู้บริหาร (กรณีหน่วยงานรัฐ) ส�าเนาบัตรประชาชนผู้ยื่นค�าขอ - ประโยชน์ของลิขสิทธิ์ เจ้าของลิขสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย มีสิทธิ์ในการท�าซ�้า ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน สามารถอนุญาตให้ผู้อื่นใช้ลิขสิทธิ์ของตนโดยได้รับค่าตอบแทนที่เปนธรรม 2) สิทธิบัตร คือ หนังสือที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์หรือการออกแบบ - ประเภทของสิทธิบัตร แบ่งเปนสิทธิบัตรการประดิษฐ์ สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ และอนุสิทธิบัตร - ความแตกต่างระหว่างอนุสิทธิบัตรและสิทธิบัตรการประดิษฐ์ อนุสิทธิบัตรเปนการคุ้มครองการประดิษฐ์ที่มีเทคนิคที่ไม่สูง มากนัก ส่วนสิทธิบัตรจะมีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น - ประโยชน์ของสิทธิบัตร ท�าให้เห็นความเปนมา พัฒนาการ และข้อบกพร่องของสิ่งประดิษฐ์ ก่อให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ ในการ พัฒนาตามมาในทางธุรกิจ ช่วยให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มของเทคโนโลยีที่ก�าลังเกิดขึ้น และประเมินความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้ 2. ข้อดี-ข้อเสียของทรัพย์สินทางปัญญา - ข้อดี ให้ความเปนธรรมแก่ผู้คิดค้นในเรื่องค่าตอบแทน คุ้มครองเจ้าของผลงาน - ข้อเสีย การตั้งราคาไม่เปนธรรมท�าให้ลิขสิทธิ์นั้นมีราคาแพง ก�าลังซื้อผู้บริโภคมีไม่พออาจส่งผลต่อชีวิต เช่น ยารักษาโรคร้ายแรง ทรัพยสินทางปญญา T101
หนวยการเรียนรูที่ ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.2/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีความรับผิดชอบ สร้างและแสดงสิทธิในการเผยแพร่ผลงาน การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศมีทั้งประโยชนและโทษ ดังนั้น ผูใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศจะตองมีความรับผิดชอบ และรูจักการปฏิบัติตนในการเขาใชงานอยางเหมาะสม 4 การใชเทคโนโลยีสารสนเทศ อยางปลอดภัย เกร็ดแนะครู เนื้อหาในบทเรียนนี้ เปนการกลาวถึงเหตุการณที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงและ สามารถพบเห็นไดทั่วไป ครูสามารถหาขอมูลตัวอยางกรณีศึกษามาประกอบ การสอน เพื่อใหนักเรียนไดเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงจากการใชเทคโนโลยี ผิดทาง ตลอดจนบทลงโทษที่ผูกระทําผิดไดรับ วิธีการปฏิบัติตนเพื่อปองกันและ หลีกเลี่ยงปญหาเหลานี้ รวมถึงคุณประโยชนจากการนําเทคโนโลยีไปใชแกปญหา อยางสรางสรรค หนวยการเรียนรูนี้จึงเปนหนวยการเรียนรูที่ควรใหนักเรียน ไดเรียนรูจากเหตุการณ กรณีศึกษา เพื่อใหสามารถนําความรูที่ไดไปใชในชีวิต ประจําวันไดจริง ขั้นนํา กระตุนความสนใจ 1. นักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการ เรียนรูที่ 4 เรื่อง การใชเทคโนโลยีสารสนเทศ อยางปลอดภัย เพื่อวัดความรูเดิมของนักเรียน กอนเขาสูกิจกรรม 2. ครูถามคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียน วา ปญหาที่เกิดจากการใชเทคโนโลยีมีอะไร บาง (แนวตอบ นักเรียนตอบตามประสบการณของ ตนเอง โดยคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ ครูผูสอน เชน การละเมิดลิขสิทธิ์ การนําขอมูล สวนบุคคลมาเผยแพร การนําผลงานของผูอื่น มาแอบอางเปนของตน) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T102
ขอสอบเนน การคิด 1 การใชเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิต ของผู้คนในหลากหลายด้าน และถือเป็นเครื่องมือที่มีความ ส�าคัญอย่างยิ่งต่อการด�าเนินชีวิตของคนในสังคมปัจจุบัน โดยเราสามารถใช้เทคโนโลยีในการเข้าถึงข้อมูลจากผู้อื่น รวมถึงสามารถแชร์ข้อมูลของตนเองไปสู่ผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ต ที่ต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการได้แล้ว เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศได้รับการพัฒนาให้มีรูปแบบที่มีความน่าสนใจและอยู่ใกล้ชิดกับ ชีวิตของมนุษย์มากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีจึงสร้างทั้งคุณประโยชน์และโทษให้กับผู้ใช้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ในปัจจุบันเกิดปัญหาทางสังคมจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งโดยตั้งใจหรือไม ่ตั้งใจใน หลากหลายลักษณะ ตัวอย่างของคุณประโยชน์และโทษของการใช้เทคโนโลยี มีดังนี้ 1. คุณประโยชนจากการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ มีประโยชน์มากมายและมีผลต่อการด�ารงชีวิตของทุกคนโดยไม่รู้ตัว เช่น • ท�าให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้นจากสิ่งอ�านวยความ สะดวกต่าง ๆ • ใช้อ�านวยความสะดวกในด้านการศึกษา เช่น ระบบการลงทะเบียน ระบบการจัด ตารางสอน นอกจากนี้ ยังใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ของผู้ใช้งาน เช่น การสืบค้น ข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต สื่อการสอน หรือบทเรียน • ประหยัดค ่าใช้จ ่ายและเวลา สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างสะดวก รวดเร็ว โดยใช้โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรือ แหล่งอื่น ๆ • ท�าให้เกิดการจัดการทรัพยากร ธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น เช่น การรวบรวมข้อมูล เรื่องคุณภาพในแม่น�้าล�าคลองสายต่าง ๆ เพื่อ น�ามาตรวจวัดมลภาวะ แล้วด�าเนินการแก้ไข ปัญหา เป็นต้น เราสามารถหลีกเลี่ยง ปญหาของการถูกขโมย ขอมูลหรือหลอกลวงให หลงเชื่อจากการใชเทคโนโลยี สารสนเทศไดอยางไรบาง ภาพที่ 4.1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อขอความช่วยเหลือ 89 แนวตอบ คําถามสําคัญประจําหัวขอ นักเรียนตอบตามประสบการณของตนเอง โดย คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ใส เครดิตที่ผลงานของตนเองเพื่อปองกันการดัดแปลง แกไข หรือปลอมแปลง ใชเทคโนโลยีสารสนเทศ อยางมีสติ ไมใหขอมูลสวนตัวกับหนวยงานที่เชื่อถือ ไมได เกร็ดแนะครู ครูอาจจะนําตัวอยางขาวสารที่มีเนื้อหาตรงกับหัวขอคุณประโยชนของ เทคโนโลยีในแตละดานในปจจุบันมานําเสนอใหนักเรียนไดศึกษาจากเหตุการณ จริงจากทั้งในประเทศและทั่วโลก เพื่อเชื่อมโยงความรูและความเขาใจของ นักเรียนใหมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น หรืออาจใหนักเรียนแบงกันสืบคนขอมูล ตามหัวขอดังกลาว แลวออกมานําเสนอหนาชั้นเรียนก็ได ขอใดจัดเปนเทคโนโลยีที่มีคุณประโยชนในดานประหยัดทั้ง คาใชจายและเวลา 1. หุนยนตสํารวจทะเลลึก 2. เตียงไฟฟาสําหรับผูปวยอัมพาต 3. ระบบเตือนภัยสึนามิในทะเลลึก 4. โทรศัพทดาวเทียมสําหรับสื่อสารไดทุกที่บนโลก (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา เทคโนโลยีที่ประหยัดทั้งคาใชจายและเวลา คือ เทคโนโลยีการ สื่อสาร ดังนั้น ตอบขอ 4.) ขั้นนํา กระตุนความสนใจ 3. จากนั้นครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอวา นักเรียนรูหรือไมวา เราสามารถหลีกเลี่ยง ปญหาของการถูกขโมยขอมูลหรือหลอกลวง ใหหลงเชื่อจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศได อยางไรบาง ขั้นสอน สํารวจคนหา 1. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน เพื่อศึกษา และอภิปรายรวมกันถึงประโยชนจากการใช เทคโนโลยีสารสนเทศในหนังสือเรียน รายวิชา พื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคํานวณ) ม.2 หรือสืบคนขอมูลจากอินเทอรเน็ตที่เครื่อง คอมพิวเตอรของตนเอง จากนั้นใหนักเรียน แตละกลุมออกมานําเสนอเกี่ยวกับคุณประโยชน จากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ พรอม อภิปรายรวมกับเพื่อนในชั้นเรียน โดยครูคอย บันทึกคําตอบของนักเรียนแตละกลุมลงบน กระดาน 2. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย และครูใหความรูเพิ่มเติมในสวนนั้นหรือ เปดโอกาสใหนักเรียนศึกษาความรูเพิ่มเติม จากอินเทอรเน็ต 3. ครูและนักเรียนรวมกันจัดอันดับคุณประโยชน จากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศจากคําตอบ ของนักเรียนบนกระดาน นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T103
ขอสอบเนนการคิด 2. โทษจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มักจะเกิด ขึ้นจากความตั้งใจและไม่ตั้งใจ ซึ่งมักจะขาดสติความยั้งคิดต่อ การรับรู้ข่าวสาร หรือเกิดจากการหลงเชื่อสิ่งที่มีการโฆษณา หลอกลวงท�าให้เกิดเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต ่อผู้คนหรือตัว ผู้ใช้ได้ โดยส่วนใหญ่สาเหตุที่เกิดขึ้นมักจะเกิดจากตัวผู้รับข่าวสาร ขาดความรู้ความเข้าใจ หรือเกิดความคึกคะนอง รวมถึงต้องการ ให้เป็นที่สนใจของสังคม 1) ปญหาการติดเกมจากการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน และยังเป็นปัญหาที่ เกิดขึ้นในวัยเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ และยังก่อให้เกิดปัญหาสังคม บ่อยครั้ง เช่น การซื้อของในเกม การเล่นเกมเป็นเวลานานจน เสียชีวิต การควบคุมอารมณ์ไม่ได้ การท�าลายทรัพย์สินของผู้อื่น หรือของตนเอง 2) ปญหาการละเมิดลิขสิทธิ์จากการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งเกิดจากผู้ที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ in Real Life Com Sci Com Sci o_O การเข้าถึงสารสนเทศในยุค ดิจิทัลเนื่องจากเป็นยุคที่มีการ ติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วและยัง สามารถเข้าถึงได้ง่ายมาก จึง ท�าให้ระบบการรักษาความ ปลอดภัยนั้นไม่สามารถท�าได้ 100% และปัจจุบันปัญหานี้ได้ เพิ่มขึ้นตลอดเวลา เนื่องจาก การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ไปในทางที่ผิด ดังนั้น การใช้ สารสนเทศจึงควรระวังในเรื่อง ของการกระท�าในทางสื่อสาร หรือเผยแพร่ เพื่อปองกันการ ถูกล ่อลวงหรือขโมยข้อมูล ส่วนตัว ภาพที่ 4.2 ปัญหาการติดเกม ภาพที่ 4.3 ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ จนน�ามาซึ่งปัญหาการเรียกร้องค่าเสียหายต่อผู้ที่กระท�าผิด เช่น การดาวน์โหลด หรือคัดลอก ข้อความ ภาพ ผลงาน และอื่น ๆ โดยไม่ได้รับการอนุญาตให้เผยแพร่หรือครอบครองก่อนได้รับ อนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ 90 ขอใดจัดเปนการแกปญหาที่ดีที่สุดหลังจากตรวจพบภายหลัง วาไดเผยแพรขาวสารขอมูลที่เปนเท็จลงไปในโซเชียล 1. ลบโพสตทิ้ง 2. แกไขโพสตแจงใหทราบวาเปนขอมูลเท็จ 3. สืบคนขอมูลที่ถูกตองมาโพสต พรอมอธิบายเพิ่มเติม 4. ทําทั้งขอ 2. และขอ 3. (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา การ แกไขโพสตเพื่อชี้แจงความจริงจะชวยใหคนที่มาอานหรือเผยแพร ขอมูลตอจากเราไปแลว ไดรับทราบวาเปนขอมูลที่เปนเท็จ และการ สืบคนขอมูลที่ถูกตองมาโพสตก็จะชวยใหผูที่เขาใจผิดไดศึกษา ทําความเขาใจความจริง เพื่อที่จะไดชวยกันเผยแพรขอมูลที่ถูกตอง ไปใหคนอื่นไดรับทราบแทนขอมูลเดิม ซึ่งมีประโยชนมากกวา การลบโพสตทิ้งไป ดังนั้น ตอบขอ 4.) เกร็ดแนะครู ครูอาจจะนําตัวอยางขาวสารขอมูลในปจจุบันที่ตรงกับโทษของการใช เทคโนโลยีในทางที่ผิดในแตละดานมานําเสนอใหนักเรียนไดศึกษาจากเหตุการณ จริงจากทั้งในประเทศและทั่วโลก เพื่อใหเห็นผลลัพธที่เกิดขึ้น แลวรวมกันอภิปราย ถึงแนวทางในการปองกันแกไขปญหาดวย ขั้นสอน สํารวจคนหา 4. นักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอเกี่ยวกับโทษ จากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ พรอมอภิปราย รวมกับเพื่อนในชั้นเรียน โดยครูคอยบันทึก คําตอบของนักเรียนแตละกลุมลงบนกระดาน อธิบายความรู ครูอธิบายเชื่อมโยงความรูสูชีวิตประจําวัน (Com Sci in Real Life) วา การเขาถึงสารสนเทศ ในยุคดิจิทัลเนื่องจากเปนยุคที่มีการติดตอสื่อสาร ที่รวดเร็วและยังสามารถเขาถึงไดงายมาก จึงทําให ระบบการรักษาความปลอดภัยนั้นไมสามารถ ทําได 100% และปจจุบันปญหานี้ไดเพิ่มขึ้นตลอด เวลา เนื่องจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศไปใน ทางที่ผิด ดังนั้น การใชสารสนเทศจึงควรระวัง ในเรื่องของการกระทําในทางสื่อสารหรือเผยแพร เพื่อปองกันการถูกลอลวงหรือขโมยขอมูล นํา สอน สรุป ประเมิน T104
ขอสอบเนน การคิด 3) ปญหาสังคมเสื่อมจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ การใชเทคโนโลยีในทางที่ ภาพที่ 4.5 ขอมูลหลอกลวง ภาพที่ 4.6 การปลอมแปลงขอมูล ภาพที่ 4.4 การใชเทคโนโลยีในวัยเด็กควรมีผูใหญให คําแนะนําหรือหลีกเลี่ยงการรับขอมูลที่ไมเหมาะสม 4) ปญหาอาชญากรรมทางขอมูลจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ เปนปญหาที่มี ผลกระทบรุนแรง เพราะเปนการนําขอมูลสวนบุคคล หรือองคกร มาดัดแปลง แกไข ปลอมแปลง หรือทําการขโมยโดยใชเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อใหไดขอมูลมา ทําใหเกิดการสูญเสียทรัพยสิน ตอผูที่ถูกกระทํา เชน ขอมูลทางการเงิน ขอมูลบัตรเครดิต ขอมูลบัตรประจําตัวประชาชน หนังสือเดินทาง (Passport) การบิดเบือนขาวสารจากความเปนจริง ผิดกําลังเปนปญหาในสังคมไทย จากการเผยแพร หรือแสดงพฤติกรรมเลียนแบบที่ไมเหมาะสม ซึ่งปจจุบันเด็กเล็กก็สามารถเขาไปรับชม รับฟง ไดงาย ทําใหเด็กเกิดอยากรูอยากลองเปน การกระทําที่เปนพฤติกรรมเลียนแบบ กอให เกิดปญหาอาชญากรรมจากการใชเทคโนโลยี มากขึ้นในวัยเด็ก เพราะเด็กยังไมมีวิจารณญาณ ในการคิดวิเคราะหสิ่งที่เห็นหรือรับฟง ซึ่งเปน ปญหาใหญที่ทําใหสังคมเสื่อมจากการใช เทคโนโลยี ดังนั้น ตองรีบแกไขโดยการปลูกฝง การใชเทคโนโลยีสารสนเทศในทางที่ถูกตอง 91 ขั้นสอน ขยายความเขาใจ 1. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย โดยครูใหความรูเพิ่มเติมในเรื่อง โทษจากการ ใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. นักเรียนทําใบงาน เรื่อง คุณประโยชนและโทษ จากการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ YouTube Kids เปนแอปรวมวิดีโอที่เหมาะสมสําหรับเด็กและ ครอบครัว เปนแอปที่ไมมีพิษภัย ผูปกครองสามารถควบคุมการ ใชงานได จากขอความขางตน เปนการปองกันปญหาการเกิดโทษ จากการใชงานเทคโนโลยีในดานใด 1. ปญหาการติดเกมจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ปญหาสังคมเสื่อมโทรมจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ 3. ปญหาการละเมิดลิขสิทธิ์จากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ 4. ปญหาอาชญากรรมทางขอมูลจากการใชเทคโนโลยี สารสนเทศ (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา จากตัวอยางในโจทยเปนการใชเทคโนโลยีปองกันเด็กจากการ เขาถึงสื่อภาพและเสียงที่ไมเหมาะสม เพื่อไมใหเกิดพฤติกรรม เลียนแบบที่ไมเหมาะสมตามมา ดังนั้น ตอบขอ 2.) เกร็ดแนะครู ครูอาจจะจัดการเรียนการสอนเปนกิจกรรมบทบาทสมมติ โดยคิด สถานการณที่สื่อถึงโทษของการใชเทคโนโลยีทั้ง 6 ขอ มาใหนักเรียนจับสลาก ออกมาแสดงละครสั้นจากสถานการณที่ครูกําหนดใหทั้ง 6 สถานการณ ขอละ ประมาณ 3-5 นาที โดยใหนักเรียนที่เปนฝายนั่งชมชวยกันสรุปในตอนทายของ ละครสั้นแตละเรื่องวาตรงกับโทษของการใชงานเทคโนโลยีในขอใด นํา สอน สรุป ประเมิน T105
ขอสอบเนนการคิด 5) ปญหาการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นการคุกคาม ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ถูกด�าเนินคดีมากมาย จากการ ก่อความร�าคาญ หรือท�าให้ผู้อื่นได้รับความ เดือดร้อนทั้งตั้งใจและไม ่ตั้งใจ เนื่องจาก ขาดความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมายทาง เทคโนโลยีสารสนเทศ และมาจากการที่ขาด จริยธรรมและมารยาทในการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ เช ่น การน�าภาพบุคคลอื่นมา แอบอ้างเป็นของตน ดัดแปลงแก้ไขข้อมูลของ ผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต การเข้าไปดูข้อมูล ภาพที่ 4.7 การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ผู้อื่นในส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาต ภาพที่ 4.8 การก่ออาชญากรรมไซเบอร์ 6) ปญหาอาชญากรรมที่มีผลต่อชีวิตจากเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นอาชญากรรม ที่ร้ายแรงและมีผลกระทบร้ายแรงในวงกว้างตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงระดับโลก ซึ่งปัญหานี้เกิด จากการน�าความสามารถทางเทคโนโลยีไปใช้ในทางที่ผิด หรือเพื่อแสวงหาผลก�าไร จนท�าให้ผู้อื่น เดือดร้อน ส่งผลต่อชีวิตของผู้ที่โดนกระท�าและส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ท�าให้มีผลกระทบ ต่อเศรษฐกิจของโลกในที่สุด เช่น การท�าลาย เปลี่ยนแปลง ขโมยข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่ง เราจะรู้จักกันดีในรูปของการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ (Cyber Crime) อาชญากรที่ก่ออาชญากรรม ประเภทนี้ มักเรียกว่า แครกเกอร์ (Cracker) ซึ่งมีอยู่หลายระดับความสามารถและมีความ มุ่งหมายในการก่ออาชญากรรมที่แตกต่างกัน ซึ่งมีทั้งผู้ที่เริ่มต้น (Novice) พวกวิกลจริต (Deranged Persons) กลุ่มอาชญากรที่กระท�า ผิด (Organized Crime) อาชญากรระดับอาชีพ (Career) ผู้ที่มีความรู้ความสามารถและทักษะ ด้านคอมพิวเตอร์ระดับสูง (Hacker/Cracker) 92 ขั้นประเมิน ตรวจสอบผล ตารางการวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑการประเมิน ตรวจแบบทดสอบ กอนเรียน แบบทดสอบ กอนเรียน ประเมินตาม สภาพจริง ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60 ผานเกณฑ ประเมิน การนําเสนอ ผลงาน แบบประเมิน การนําเสนอ ผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ สังเกตพฤติกรรม การทํางาน รายบุคคล แบบสังเกต พฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ สังเกตพฤติกรรม การทํางานกลุม แบบสังเกต พฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ นักเลงคอมพิวเตอรเยาวชนอายุ 16 ป เจาะระบบของบริษัทไอที ดานระบบรักษาความปลอดภัย ขโมยขอมูลไฟลไปกวา 70 GB ถูกจับกุมและสงฟองศาลเด็ก ขอความขางตนเกี่ยวของกับโทษ จากการใชงานเทคโนโลยีในดานใดตอไปนี้มากที่สุด 1. ปญหาสังคมเสื่อมจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ปญหาการติดเกมจากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ 3. ปญหาการละเมิดลิขสิทธิ์จากการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ 4. ปญหาอาชญากรรมที่มีผลตอชีวิตจากการใชเทคโนโลยี สารสนเทศ (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา เมื่อ บริษัทถูกเจาะระบบขโมยขอมูล ความนาเชื่อถือของบริษัทก็จะ ลดลง อาจสงผลเสียหายตามมาในหลายดาน เชน ทําใหหุนของ บริษัทตกลงมา บริษัทอาจถูกลูกคาฟองรองได ดังนั้น ตอบขอ 4.) ขั้นสอน ขยายความเขาใจ 3. นักเรียนและครูรวมกันจัดลําดับโทษจากการ ใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ จากคําตอบของ นักเรียนบนกระดาน ขั้นสรุป ตรวจสอบผล 1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการ ตอบคําถาม ความสนใจในการเรียน การทํา กิจกรรมกลุม และการทําใบงาน 2. ครูตรวจสอบความถูกตองของการทําใบงาน 3. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเกี่ยวกับการใช เทคโนโลยีสารสนเทศ แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตการนําเสนอผลงาน พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก แบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูที่ 4 หนวยการเรียนรูที่ 4 แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง:ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วิธีการน าเสนอผลงาน 4 การน าไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................... เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 3 การท างานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมีน าใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ–สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง นํา สอน สรุป ประเมิน T106
2 การปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหา ที่ ไมเหมาะสม การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบหนึ่งที่มี ผู้ใช้งานมากที่สุด คือ อินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นเครือข่าย คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์หลายเครือข่ายทั่วโลก เข้าด้วยกัน และเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านเครื่องเมื่อนักเรียนพบวาระหวาง ใชงานอินเทอรเน็ต มี ขอความขึ้นวา “คุณคือ ผูโชคดี” นักเรียนควรทํา อยางไรตอไป คอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ต โดยในการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตของ แต่ละคนก็มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน เช่น เพื่อต้องการเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อต้องการ ค้นหาข้อมูล เพื่อต้องการส ่งเอกสาร หรือแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกัน เพื่อ ต้องการเข้าสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อต้องการ ซื้อสินค้า เพื่อต้องการท�าธุรกรรมทาง การเงิน ภาพที่ 4.9 การใช้งานอินเทอร์เน็ตในที่สาธารณะ ภาพที่ 4.10 การใช้งานอินเทอร์เน็ตส่วนบุคคล โดยจะเห็นว่า การเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ใด เราสามารถที่จะพบ ข้อมูลหรือเนื้อหาที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่เหมาะสมได้ โดยเนื้อหาที่พบอาจท�าให้เกิดความเสียหาย ทั้งต่อตนเอง คนรอบข้าง และสังคมได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อสื่อสังคมออนไลน์ที่เข้ามามี บทบาทอย่างมากกับคนในสังคมไทยในทุกเพศ ทุกวัย เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมมีทั้งที่อยู่ในรูปแบบ ของข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือ เสียง เช่น เนื้อหาเกี่ยวกับการพนัน เนื้อหา เกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร เนื้อหาเกี่ยวกับการ คุกคาม เนื้อหาเกี่ยวกับการหลอกลวงหรือ ข่มขู่ต่าง ๆ 93 เกร็ดแนะครู ครูอาจจะใหนักเรียนลองชวยกันยกตัวอยางเนื้อหาที่ไมเหมาะสมในรูปแบบ ตางๆ ที่นักเรียนเคยพบเจอระหวางใชงานอินเทอรเน็ตมาประมาณ 6-8 ตัวอยาง ใหครูเขียนแตละตัวอยางลงบนกระดาน เสร็จแลวใหนักเรียนลองชวยกันจัดกลุม ดูวา มีตัวอยางใดบางที่สามารถจัดอยูในกลุมเดียวกันได ขั้นนํา กระตุนความสนใจ ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียน เพื่อกระตุนความสนใจวา เมื่อนักเรียนพบวา ระหวางใชงานอินเทอรเน็ตอยู แลวมีขอความ ขึ้นมาวา คุณคือผูโชคดี นักเรียนควรทําอยางไร ขั้นสอน สํารวจคนหา 1. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน เพื่ออภิปราย รวมกันถึงเนื้อหาตางๆ ที่ไมเหมาะสมและ พบเจอในขณะที่ใชงานอินเทอรเน็ต จากนั้น ใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมานํา เสนอเกี่ยวกับเนื้อหาตางๆ ที่ไมเหมาะสม และ พบในขณะที่ใชงานอินเทอรเน็ตหนาชั้นเรียน 2. นักเรียนแตละกลุมสืบคนขอมูลจากอินเทอรเน็ต เกี่ยวกับเนื้อหาตางๆ ที่ไมเหมาะสม และพบใน ขณะที่ใชงานอินเทอรเน็ตเพิ่มเติม กิจกรรม สรางเสริม ใหนักเรียนเขียนรายชื่อเว็บไซตที่นักเรียนใชงานอยูใน ชีวิตประจําวันที่มีชองทางนําไปสูเนื้อหาที่ไมเหมาะสม บนอินเทอรเน็ตที่นักเรียนเคยพบมาคนละ 4-5 เว็บไซต พรอมอธิบายวา มีชองทางนําไปสูเนื้อหาที่ไมเหมาะสมในรูปแบบ ใดบาง และนักเรียนควรปฏิบัติตนอยางไร เมื่อใชงานเว็บไซต ดังกลาว แนวตอบ คําถามสําคัญประจําหัวขอ นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดยคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ไมควรคลิกเขาไปชม ควรแจงเจาหนาที่หรือ แจงไปยังผูดูแลเว็บไซต นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T107
1. รูปแบบของเนื้อหาเกี่ยวกับการพนัน หรือการเสี่ยงโชค มักพบอยู ่ในรูปแบบของ เนื้อหาในการชักจูงบุคคลต่าง ๆ ให้เข้ามาเล่น ภาพที่ 4.11 เว็บไซต์การพนัน โดยแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนที่สูงกับการ ลงทุนที่น้อย หรืออาจเป็นในลักษณะของการ เล่นเพื่อความบันเทิงที่ต้องมีการเสียค่าใช้จ่าย และจะได้ผลตอบแทนกลับมา มีทั้งที่อยู ่บน เว็บไซต์ หรือในสังคมออนไลน์ต่าง ๆ บ่อยครั้ง ที่บุคคลเข้าไปในเนื้อหาที่เกี่ยวกับการพนันโดย ไม่ได้ตั้งใจ อาจจะเป็นการแนะน�าจากเพื่อน ภาพที่ 4.12 ปดกั้นการรับข้อมูลการพนัน • เมื่อพบเนื้อหาเกี่ยวกับการพนันในระหว่างการใช้งานอินเทอร์เน็ต ควรแจ้งผู้ใหญ่ หรือ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ต�ารวจ เจ้าหน้าที่ฝายปกครอง เป็นต้น การปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาเกี่ยวกับการพนัน • ไม่ควรโอนเงินให้ใคร จากเนื้อหา ที่มีการกล่าวอ้างว่าจะมีผลตอบแทนจากเงิน ที่เราโอนไป เพราะจะเข้าข่ายว่าเป็นเนื้อหา เกี่ยวกับการพนัน • เมื่อพบเห็นโฆษณาที่ไม่เหมาะสม หรือเข้าข่ายว่าเป็นการโฆษณาเชิญชวนให้ เข้าไปเล่นการพนัน ไม่ควรคลิกเข้าไปชมควร แจ้งเจ้าหน้าที่ หรือแจ้งไปยังผู้ดูแลเว็บไซต์ หรือเจ้าของแอปพลิเคชันที่โฆษณานั้น ปรากฏขึ้นมา หรือจากโฆษณาที่มีการแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนต่าง ๆ ที่สูง โดยคนส่วนใหญ่เมื่อเข้าไปแล้ว ก็จะเห็นว่าได้เงินจริง แต่เมื่อมีการเล่นจนติดและเมื่อเสียเงินจะท�าให้อยากได้เงินกลับคืนมา จึงลงทุนเล่นเพิ่มขึ้นอีกท�าให้เสียเงินจ�านวนมากขึ้นเรื่อย ๆ 94 เกร็ดแนะครู ครูอาจจะหาตัวอยางขาวเกี่ยวกับผูกระทําความผิดที่กอคดีตางๆ ที่เกี่ยวของ กับการติดหนี้การพนัน โดยเฉพาะการพนันออนไลนใหนักเรียนไดดูเปนตัวอยาง หลายๆ คดี แลวจึงพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงผลเสียจากการพนันกับนักเรียน เพื่อให เกิดความตระหนักในปญหาและรูจักระวังตัวไมเขาไปเกี่ยวของ กิจกรรม สรางเสริม ขอมูลสาเหตุสําคัญที่คนไทยติดหนี้พนันบอลจากนิดาโพล ป 2560 มีดังนี้ 31% เกิดจากคานิยมที่ชอบเลนการพนัน 26.4% เกิดจากชองทางการพนันที่งายขึ้น 20.21% เจาหนาที่รัฐรับสินบน 10.98% กฎหมายลาสมัย 6.28% มีการถายทอดสดฟุตบอลตลอด 3.68% การวิเคราะหทํานายผลของกูรู ใหนักเรียนแบงเปน 4 กลุม กําหนดเวลา 5 นาที ใหสมาชิกกลุมรวมกันวิเคราะหวา ควรจะ แกปญหาการติดหนี้พนันบอลจากสาเหตุใดเปนอันดับแรก เพราะอะไร และจะมีแนวทางอยางไรในการแกปญหาดังกลาว ใหตัวแทนแตละกลุมออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน ขั้นสอน อธิบายความรู 1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา นําเสนอเนื้อหาเพิ่มเติมหนาชั้นเรียน โดย แตละกลุมจะตองนําเสนอเนื้อหาที่พบและ ไมซํ้ากับกลุมอื่นๆ พรอมอภิปรายรวมกันใน ชั้นเรียน 2. ครูอธิบายกับนักเรียนวา เมื่อสังคมออนไลน ที่เขามามีบทบาทอยางมากกับคนในสังคม ไทยในทุกเพศทุกวัย เนื้อหาที่ไมเหมาะสม มีทั้งที่อยูในรูปแบบของขอความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือเสียง เชน เนื้อหาเกี่ยวกับ การพนัน เนื้อหาเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร เนื้อหาเกี่ยวกับการคุกคาม เนื้อหาเกี่ยวกับการ หลอกลวงหรือขมขูตางๆ 3. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัยและ ครูใหความรูเพิ่มเติมในสวนนั้น 4. ครูอธิบายรูปแบบเนื้อหาที่เกี่ยวของกับการพนัน ที่แฝงอยูในเว็บไซตตางๆ ใหนักเรียนฟง โดยมีภาพตัวอยางประกอบ และนําขอมูลขาว เกี่ยวกับโทษของการเลนการพนันออนไลนมา นําเสนอใหนักเรียนไดศึกษาตัวอยางผลการ กระทําของผูที่หลงผิดเขาไปใชบริการเว็บไซต ดังกลาว เพื่อเชื่อมโยงใหเห็นโทษของการพนัน จากเหตุการณจริงและการปฏิบัติตนเมื่อพบ เนื้อหาเกี่ยวกับการพนัน นํา สอน สรุป ประเมิน T108
ขอสอบเนน การคิด ภาพที่ 4.13 เว็บไซต์ลามกอนาจาร ภาพที่ 4.14 ปดกั้นการรับสื่อลามกอนาจาร 2. รูปแบบของเนื้อหาเกี่ยวกับสื่อ ลามกอนาจาร หรือบางครั้งเรียกว่า สื่อส�าหรับ ผู้ใหญ่ มักเป็นสื่อที่มีการแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับ เรื่องเพศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเร้าอารมณ์ ทางเพศ ท�าให้ผู้ที่รับข้อมูลเกิดอารมณ์ทาง เพศได้ง่าย เนื้อหาข้อมูลจะถูกส่งมาในรูปแบบ ของภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือเสียง รวมทั้ง ผลิตภัณฑ์ทางเพศต ่าง ๆ ที่เป็นของเทียม เนื้อหาเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารมักถูกแสดง อยู่ในรูปของเว็บไซต์และสื่อโฆษณา ซึ่งปัญหา • เมื่อพบเนื้อหาเกี่ยวกับสื่อลามก อนาจาร ควรแจ้งผู้ใหญ ่ หรือเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ต�ารวจ เจ้าหน้าที่ ฝายปกครอง เป็นต้น • ควรติดตั้งโปรแกรมในการบล็อก เว็บไซต์ที่แปลกปลอม หรือแอปพลิเคชันที่ มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม • ควรตั้งค่าความปลอยภัยในโปรแกรม หรือระบบปฏิบัติการเพื่อไม่ให้เข้าถึงเนื้อหา ที่ไม่เหมาะสม การปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร ของสื่อลามกอนาจารบ่อยครั้งอาจจะน�าไปสู่ปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ที่ผิดต่อศีลธรรมได้ 95 ขอสอบเนน การคิด จับกุมเจาของเว็บไซตลามกอนาจารเด็ก สารภาพทํามาแลว 1 ป มีรายไดจากการขายโฆษณาเว็บไซตพนันบอล จากขอความ พาดหัวขาวขางตน นักเรียนคิดวา เว็บไซตดังกลาวมีการนําเสนอ รูปแบบเนื้อหาที่ไมเหมาะสมในรูปแบบใดบาง 1. เนื้อหาเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร 2. เนื้อหาเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารและการพนัน 3. เนื้อหาเกี่ยวกับการพนันและการคุกคามหรือการขมขู 4. เนื้อหาเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารและการคุกคาม หรือการขมขู (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา จาก ตัวอยางในโจทยเว็บไซตดังกลาวถือเปนสื่อลามกอนาจาร สวน โฆษณาในเว็บไซตเกี่ยวของกับการพนัน ดังนั้น ตอบขอ 2.) เกร็ดแนะครู ครูอาจจะหาตัวอยางขาวเกี่ยวกับการจับกุมผูกระทําความผิดคดีเกี่ยวกับ สื่อลามกอนาจารมาใหนักเรียนไดศึกษาจากขาวจริง โดยใหมีการแสดงความ คิดเห็น หาแนวทางในการระวังปองกันตนเองและคนใกลชิดจากการเขาไป เกี่ยวของกับเนื้อหาที่ไมเหมาะสมจนอาจจะกลายเปนเหยื่อหรือเปนผูกระทํา ความผิดคดีเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารในภายหลังได ขั้นสอน อธิบายความรู 5. ครูอธิบายรูปแบบเนื้อหาที่เกี่ยวของกับสื่อ ลามกอนาจารที่แฝงอยูในเว็บไซตตางๆ ให นักเรียนฟง โดยนําขาวเกี่ยวกับโทษของการ เขาไปยุงเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารมานําเสนอ ใหนักเรียนไดศึกษาตัวอยางผลการกระทําของ ผูที่หลงผิดเขาไปใชบริการเว็บไซตดังกลาว หรือเปนผูเผยแพร เพื่อเชื่อมโยงใหเห็นโทษ ของสื่อลามกอนาจารจากเหตุการณจริง และ การปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาเกี่ยวกับสื่อลามก อนาจาร นํา สอน สรุป ประเมิน T109
ขอสอบเนนการคิด 3. รูปแบบของเนื้อหาเกี่ยวกับการ หลอกลวง การเติบโตของสื่อสังคมออนไลน์ หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน เช่น เฟซบุก ไลน์ ทวิตเตอร์ เว็บบล็อก ท�าให้คน ในสังคมสามารถท�าความรู้จักกัน และเปดเผย ข้อมูลส่วนตัวได้ง่ายทั้งรูปภาพ วิดีโอของตนเอง มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และความสนใจ ร ่วมกัน และมีการสร้างเป็นกลุ ่มคนหรือ เครือข ่ายของชุมชนเพื่อวัตถุประสงค์ต ่าง ๆ มากมาย เช ่น เพื่อการศึกษา เพื่อการค้า เพื่อการเมือง เพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุยในสิ่งที่ คิดเห็นเหมือนกันหรือต ่างกันก็ตาม โดยลืมตระหนักไปว ่าข้อมูลส ่วนตัวที่ได้เปดเผยไปนั้น กลุ ่มบุคคลที่อยู ่ในเครือข ่ายที่ไม ่ประสงค์ดีอาจน�าข้อมูลของเราไปใช้ เพื่อหาช ่องในการ เข้ามาหลอกลวงท�าให้เกิดความเสียหายแก่ตนเองหรือน�าไปหลอกลวงผู้อื่นได้ เช่น หลอกลวง ให้โอนเงิน หลอกลวงให้ร่วมลงทุน หลอกลวงให้ออกมาพบปะและกระท�าการไม่สมควรกับตัวเรา รวมถึงครอบครัว ภาพที่ 4.15 เว็บไซต์หลอกลวง ภาพที่ 4.16 ปดกั้นการรับสื่อข้อมูลที่หลอกลวง • ไม่เปดเผยข้อมูลส่วนตัวให้เป็น สาธารณะ • เมื่อมีใครบอกให้โอนเงิน ร่วมลงทุน หรือนัดเจอ ควรรีบแจ้งหรือปรึกษาผู้ใหญ่ ทันที • ไม ่ควรเขียนข้อความที่บ ่งบอก ถึงความเป็นตัวตนของเรา หรือเกี่ยวกับ ครอบครัวของเราต่อสาธารณะ การปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาเกี่ยวกับการหลอกลวง 96 สาวหนาตาดีโรแจงความ ถูกหนุมหลอปลอมโพรไฟล อางเปน เจาของธุรกิจ มีรถหรูขับ แชตลวงชวนรวมลงทุนกอนหลอกให โอนเงิน พบเหยื่อกวา 100 ราย สูญเงินกวา 2 แสน จากขอความพาดหัวขาวขางตน นักเรียนคิดวา มีความเกี่ยวของ กับรูปแบบเนื้อหาที่ไมเหมาะสมรูปแบบใด 1. เนื้อหาเกี่ยวกับการพนัน 2. เนื้อหาเกี่ยวกับการหลอกลวง 3. เนื้อหาเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร 4. เนื้อหาเกี่ยวกับการคุกคามหรือการขมขู (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา จากตัวอยางในโจทยคนรายใชวิธีการปลอมแปลงขอมูลใหนาเชื่อถือ จนเหยื่อหลงเชื่อ แลวจึงชักชวนลงทุนเพื่อทําการฉอโกง เปนการ สรางเนื้อหาเกี่ยวกับการหลอกลวง ดังนั้น ตอบขอ 2.) เกร็ดแนะครู ครูอาจจะหาตัวอยางขาวเกี่ยวกับผูกระทําความผิดคดีหลอกลวงผูอื่น ใหเสียทรัพย การปลอมแปลงขอมูลทําใหเกิดความเสียหายมาใหนักเรียน ไดศึกษาจากขาวจริง และใหมีการแสดงความคิดเห็น หาแนวทางในการระวัง ปองกันตนเองและคนใกลชิดจากการเขาไปเกี่ยวของกับเนื้อหาที่ไมเหมาะสม จนอาจจะกลายเปนเหยื่อหรือเปนผูกระทําความผิดคดีหลอกลวงผูอื่นให เสียทรัพยในภายหลังได ขั้นสอน อธิบายความรู 6. ครูอธิบายรูปแบบเนื้อหาที่เกี่ยวของกับการ หลอกลวงที่แฝงอยูในเว็บไซตตางๆ ให นักเรียนฟง โดยมีเว็บไซตตัวอยางใหดู และ นําขอมูลจากขาวที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการหลอก ลวงรูปแบบตางๆ มานําเสนอใหนักเรียนได ศึกษาขอมูลจากผูกระทําการหลอกลวงและ ผูที่ตกเปนเหยื่อ เพื่อเชื่อมโยงใหเห็นโทษของ สื่อลามกอนาจารจากเหตุการณจริง และการ ปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาเกี่ยวกับการหลอกลวง นํา สอน สรุป ประเมิน T110
ขอสอบเนน การคิด 4. รูปแบบของเนื้อหาเกี่ยวกับการ คุกคามหรือการข่มขู่ ถือเป็นปัญหาหนึ่ง ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ใช้งาน คอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก นอกจากจะสร้าง ความเดือดร้อนและความร�าคาญแล้ว ก็ยังมี ผลกระทบถึงสิทธิส ่วนบุคคล รวมถึงความ เป็นอยู่ในชีวิตประจ�าวัน ทั้งจิตใจและอารมณ์ ทรัพย์สิน ตลอดจนร่างกายและชีวิต ซึ่งอาจ น�าไปสู ่ปัญหาอาชญากรรมต ่าง ๆ ได้ โดย การคุกคามหรือข ่มขู ่ส ่งมาในรูปแบบที่เป็น ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือเสียง ภาพที่ 4.17 เว็บไซต์คุกคามหรือข่มขู่ โดยการใช้ระบบออนไลน์ เช่น อีเมล (E-mail) เว็บบอร์ด (Web Board) ห้องสนทนา (Chat Room) หรือผ่านสื่อสังคมออนไลน์รูปแบบต่าง ๆ ซึ่งรูปแบบในการคุกคามอาจจะเป็นการคุกคามต่อผู้ใช้ โดยตรง หรือการคุกคามโดยการยุยง ปลุกปันต่อบุคคลที่สามก็ได้ ภาพที่ 4.18 ปดกั้นการรับสื่อข้อมูลที่คุกคามหรือข่มขู่ • ไม่เปดอ่านอีเมลใด ๆ ที่ไม่รู้จักหรือ ระบุตัวตนไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือเสียงจากคนที่ไม่รู้จัก • เมื่อมีการพูดคุยกับบุคคลอื่นผ่าน เว็บบอร์ด หรือห้องสนทนา กรณีมีการถามถึง ข้อมูลส่วนตัว ครอบครัว หรือคนรู้จัก ให้ หยุดพูดคุยทันที • เมื่อมีข้อความใด ๆ ที่คิดว่าเป็นการ คุกคาม ข่มขู่ ให้รีบแจ้งผู้ใหญ่ หรือเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ต�ารวจ เจ้าหน้าที่ ฝายปกครอง เป็นต้น การปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาเกี่ยวกับการขมขู 97 ขั้นสรุป ตรวจสอบผล 1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการ ตอบคําถาม การนําเสนอหนาชั้นเรียน การทํา กิจกรรมกลุม และการทําใบงาน 2. ครูตรวจสอบความถูกตองของการทําใบงาน 3. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเกี่ยวกับการปฏิบัติ ตนเมื่อพบเนื้อหาตางๆ ที่ไมเหมาะสมจากการ ใชงานอินเทอรเน็ต ขั้นประเมิน ตรวจสอบผล ตารางการวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑการประเมิน ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60 ผานเกณฑ ประเมิน การนําเสนอ ผลงาน แบบประเมิน การนําเสนอ ผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ สังเกตพฤติกรรม การทํางาน รายบุคคล แบบสังเกต พฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ สังเกตพฤติกรรม การทํางานกลุม แบบสังเกต พฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ ขยายความเขาใจ ครูใหนักเรียนทําใบงาน เรื่อง การปฏิบัติตน เมื่อพบเนื้อหาที่ไมเหมาะสม แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตการนําเสนอผลงาน พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก แบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูที่ 4 หนวยการเรียนรูที่ 4 การรังแกในพื้นที่ไซเบอรของวัยรุนหญิงไทยพบวา วัยรุน หญิงไทยเคยถูกรังแกในพื้นที่ไซเบอรรอยละ 45.4 ซึ่งแบงเปน การรังแกในลักษณะการโจมตีขมขูออนไลนรอยละ 41.4 ถูกคุกคาม ทางเพศออนไลนรอยละ 5.3 และถูกบันทึกและเผยแพรขอมูล ออนไลนในลักษณะใหรายรอยละ 16.3 จากขอความขางตน นักเรียนคิดวามีความเกี่ยวของกับรูปแบบเนื้อหาที่ไมเหมาะสม รูปแบบใด และนักเรียนจะมีวิธีการปฏิบัติตนอยางไรเมื่อพบเจอ สถานการณนั้น (วิเคราะหคําตอบ จากตัวอยางในโจทยการถูกรังแกในพื้นที่ ไซเบอรผานการใชเทคโนโลยีเปนลักษณะของเนื้อหาเกี่ยวกับการ คุกคามหรือการขมขู การปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาที่ไมเหมาะสม ดังกลาว คือ ใหรีบแจงผูใหญหรือเจาหนาที่ที่เกี่ยวของ) แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง:ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วิธีการน าเสนอผลงาน 4 การน าไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................... เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 3 การท างานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมีน าใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ–สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง ขั้นสอน อธิบายความรู 7. ครูอธิบายรูปแบบเนื้อหาที่เกี่ยวกับการคุกคาม หรือการขมขูที่แฝงอยูในสื่อสังคมออนไลน และการปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาเกี่ยวกับการ คุกคามหรือการขมขู นํา สอน สรุป ประเมิน T111
ขอสอบเนนการคิด 3 ความรับผิดชอบตอการใชงาน เทคโนโลยีสารสนเทศ การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันมีทั้ง การใช้งานเพื่องานส่วนตัว หรือใช้งานเพื่อส่วนรวม และ ขณะใช้งานมีทั้งการใช้งานโดยตัวเราคนเดียว หรือการ ใช้งานร่วมกับบุคคลอื่น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบบใดหรือลักษณะใดก็ตามล้วนแล้ว แต่ต้องมีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งสิ้น คือ ความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อบุคคลอื่น และต่อสังคม เมื่อตองใชคอมพิวเตอร รวมกับผูอื่น จะตองทํา อยางไร เพื่อรักษาความ เปนสวนตัว และไมสราง ความเดือดรอนตอสวนรวม ภาพที่ 4.19 การใช้เทคโนโลยีร่วมกับบุคคลอื่น ภาพที่ 4.20 การใช้งานเทคโนโลยีส่วนบุคคล Log in และ Password เป็นสิ่งส�าคัญในการระบุตัวตนเพื่อใช้งานในส่วนที่ต้องการปกปด ข้อมูลส่วนตัว หรือท�าธุรกรรมทางการเงินทางอินเทอร์เน็ต ดังนั้น รหัสที่ใช้ในส่วน Log in และ Password ต้องเป็นความลับอย่างยิ่ง ซึ่งยากต่อการจดจ�า หรือคาดเดาได้และควรจดจ�าได้แค ่เพียงเจ้าตัวคนเดียว เท่านั้น โดยไม่ท�าการบันทึกหรือเขียนทิ้งไว้ และหมั่นเปลี่ยน รหัสอยู่เสมอ และสิ่งที่ส�าคัญที่สุดที่เป็นความลับมาก เช่น การ ท�าธุรกรรมทางการเงิน ไม่ควรใช้อุปกรณ์ที่เป็นสาธารณะ Com Sci Focus Log in áÅÐ Password 98 เกร็ดแนะครู ครูอาจจะลองสํารวจขอมูลจากนักเรียน และใหนักเรียนออกมาเลา ประสบการณการถูกละเมิดขอมูลสวนบุคคล เชน การถูกเปลี่ยนรหัสอีเมล ให เพื่อนรวมชั้นฟง 2-3 คน แลวใหพูดถึงแนวทางการปองกันการถูกละเมิด และ การไมไปทําการละเมิดขอมูลสวนบุคคลของผูอื่นดวย ขั้นนํา กระตุนความสนใจ ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอกับนักเรียนวา เมื่อตองใชคอมพิวเตอรรวมกับผูอื่น จะตอง ทําอยางไร เพื่อรักษาความเปนสวนตัวและไมสราง ความเดือดรอนตอสวนรวม ขั้นสอน สํารวจคนหา 1. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน เพื่อพูดคุย กันถึงความรับผิดชอบตอตนเองเมื่อมีการใช เทคโนโลยีสารสนเทศ แตละกลุมสงตัวแทน ออกมานําเสนอเกี่ยวกับความรับผิดชอบตอ ตนเองเมื่อมีการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ พรอมอภิปรายรวมกันในหองเรียน 2. นักเรียนศึกษาความรูเสริม (Com Sci Focus) จากเนื้อหาเพื่อขยายความรูของผูเรียน เรื่อง Log in และ Password 3. นักเรียนศึกษาความรับผิดชอบตอตนเองเมื่อ ใชเทคโนโลยีสารสนเทศ จากหนังสือเรียน ขอใดเปนขอควรปฏิบัติเมื่อตองใชเครื่องคอมพิวเตอรของผูอื่น 1. ติดตั้งโปรแกรมใหมๆ ใหเพื่อน 2. เขาไปลบไฟลขยะในอีเมลใหเพื่อน 3. เปลี่ยนรหัสผานเขาเครื่องคอมพิวเตอรใหจดจําไดงาย 4. หากจําเปนตองเขาสูระบบอีเมล ตองไมใหเครื่องคอม พิวเตอรจดจํารหัสผานของเรา (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา ใน การใชงานเครื่องคอมพิวเตอรของผูอื่นไมควรเขาไปยุงกับแฟม ขอมูลของเจาของเครื่องคอมพิวเตอรหรือทําอะไรโดยที่ไมไดรับ อนุญาตจากเจาของเครื่องคอมพิวเตอร และหากจําเปนตองเขาสู ระบบอีเมล ไมควรใหเครื่องคอมพิวเตอรจดจํารหัสผานของเรา ดังนั้น ตอบขอ 4.) แนวตอบ คําถามสําคัญประจําหัวขอ นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดย คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ตอง มีจริยธรรมและความรับผิดชอบตอการใชงาน เทคโนโลยีสารสนเทศ ตอตนเอง บุคคลอื่น และ สังคม นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T112
ขอสอบเนน การคิด 1. ความรับผิดชอบต่อตนเองเมื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นสิ่งที่พึงควรกระท�า เพื่อ ปองกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือส่งผลกระทบที่ท�าให้ผู้อื่นเดือดร้อน และตระหนักถึงความ รับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองได้กระท�าไประหว่างการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศด้วย ภาพที่ 4.21 การใช้รหัสผ่านเข้าระบบตนเองเพียงคนเดียว ตัวอย่างความรับผิดชอบต่อตนเองที่เราสามารถท�าได้ เช่น • ใช้งานบัญชีผู้ใช้เฉพาะของตนเองเท่านั้น การมีบัญชีในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นการระบุตัวตนของตนเองในการติดต่อสื่อสาร ดังนั้น เราจ�าเป็นต้องมีความรับผิดชอบที่จะไม่ พยายามเข้าไปใช้งานบัญชีของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บัญชีของตนเอง • ไม่ติดตั้ง หรือใช้ซอฟต์แวร์ที่ผิดกฎหมาย เมื่อต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์แล้วจ�าเป็น ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะทางในคอมพิวเตอร์ ไม่ควรน�าซอฟต์แวร์ที่ผิดกฎหมายมาติดตั้งลงบน คอมพิวเตอร์ซึ่งจะท�าให้เสี่ยงต่อการติดไวรัสหรือติดสแปมได้ • ไม่แจกจ่ายข้อมูลส่วนตัวในรูปแบบใด ๆ ให้บุคคลอื่นที่ไม่ต้องการ การส่งข้อมูลไปยัง บุคคลอื่นที่ไม่รู้จัก และผู้รับไม่ได้ต้องการข้อมูลนั้น เป็นการสร้างความร�าคาญแก่ผู้อื่นและยัง เป็นการคุกคามสิทธิส่วนบุคคลด้วย • ไม่แสดง หรือไม่เข้าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ควรตั้งค่าเพื่อบล็อกเว็บไซต์ ดังกล่าวเอาไว้ • หมั่นตรวจสอบ ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เป็นสิ่งที่เจ้าของควรกระท�าเพื่อจะได้ทราบถึงสิ่งผิดปกติจะได้รีบแก้ไขเบื้องต้นไว้ก่อน 99 ขอใดจัดวาเปนผูมีความรับผิดชอบตอตนเองในการใช เทคโนโลยี 1. โจทดลองใชบริการเว็บไซตพนันบอลออนไลน 2. จาสรางบัญชีไมระบุตัวตนเอาไวคุยกับคนที่ไมรูจัก 3. เจมสติดตั้งโปรแกรมปองกันเว็บไซตที่มีเนื้อหาไมเหมาะสม 4. จอมติดตั้งซอฟตแวรเถื่อนลงในเครื่องคอมพิวเตอรของ ตนเอง (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา การติดตั้งโปรแกรมปองกันเว็บไซตที่มีเนื้อหาไมเหมาะสม จัดเปน ความรับผิดชอบตอตนเองในการใชเทคโนโลยี ดังนั้น ตอบขอ 3.) เกร็ดแนะครู ครูอาจจะสอนแนวทางและขั้นตอนการแกปญหากรณีการถูกแอบอาง นํารูปหรือขอมูลสวนตัวไปใชใหกับนักเรียน เชน การรีพอรตเฟซบุก การสราง แฟนเพจปลอม วิธีการปองกันไมใหคนอื่นมาทําการคัดลอกรูปภาพในโซเชียล ของเราไปใช เชน การตั้งคาความเปนสวนตัวในโซเชียล การทําลายนํ้าบนรูปภาพ ขั้นสอน สํารวจคนหา 4. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน (กลุมเดิม) เพื่อพูดคุยกันถึงความรับผิดชอบตอบุคคลอื่น และตอสังคมเมื่อมีการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยนักเรียนศึกษาเนื้อหาจากหนังสือเรียนหรือ สืบคนเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 5. นักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอเกี่ยวกับ ความรับผิดชอบตอบุคคลอื่นและตอสังคม พรอมอภิปรายรวมกันในชั้นเรียน อธิบายความรู 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรับผิดชอบ ตอการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศวา ผูใช คอมพิวเตอรควรมีจรรยาบรรณในการใชงาน ดังนี้ ตองไมใชคอมพิวเตอรทํารายหรือละเมิด ผูอื่น ตองไมรบกวนการทํางานของผูอื่น ตองไม สอดแนมหรือเปดดูแฟมขอมูลของผูอื่น ตองไม ใชคอมพิวเตอรเพื่อการโจรกรรมขอมูลขาวสาร ตองไมใชคอมพิวเตอรสรางหลักฐานที่เปนเท็จ ตองไมคัดลอกโปรแกรมผูอื่นที่มีลิขสิทธิ์ นํา สอน สรุป ประเมิน T113
ขอสอบเนนการคิด 2. ความรับผิดชอบต่อบุคคลอื่นเมื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นสิ่งที่ควรกระท�าในการใช้ ชีวิตร่วมกับบุคคลอื่น เช่น ผู้ร่วมงาน ครอบครัว เพื่อน เป็นต้น เป็นการให้ความเคารพต่อสิทธิ ของแต่ละคน ซึ่งสิ่งที่ไม่ควรกระท�า คือ การกระท�าที่เป็นการคุกคาม สร้างความร�าคาญแก่ผู้อื่น อันเปรียบได้กับมารยาททางสังคมที่บุคคลพึงกระท�า ตัวอย่างความรับผิดชอบต่อบุคคลอื่นที่เราสามารถท�าได้ เช่น • ไม่พยายามที่จะใช้งานบัญชีผู้ใช้ของบุคคลอื่น เมื่อพบเจอว่ามีคนลืมออกจากระบบ คอมพิวเตอร์ที่ก�าลังใช้งาน ควรแจ้งให้เจ้าของบัญชีได้ทราบเพื่อให้เจ้าของบัญชีได้ท�าการออกจาก ระบบการใช้งานก่อน • ไม่คัดลอก หรือน�าเสนอผลงานของผู้อื่นที่ไม่ใช่ของตนเอง สิ่งที่เราน�าลงไปในเว็บไซต์ เป็นสิ่งที่ต้องมาจากการคิดเองหรือท�าขึ้นมาเอง ไม่ควรคัดลอกผลงานผู้อื่นแล้วแอบอ้างเป็นของ ตนเอง • ไม่เปลี่ยนแปลง ย้าย หรือลบไฟล์ของผู้อื่น เมื่อใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกันย่อมต้องมีงาน หลาย ๆ คนรวมอยู่ในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว ซึ่งไม่ควรที่จะเปดเข้าไปในพื้นที่ของคนอื่น • ไม่ข่มขู่ คุกคาม หลอกลวงผู้อื่นด้วยข้อมูลใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านสื่อสังคม ออนไลน์ ไม่แสดงสิ่งที่ท�าให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือกระท�าด้วยความคึกคะนอง • ไม่ส่งอีเมลที่ไม่เหมาะสม ไม่ส่งสิ่งที่อาจเกิดอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ หรือสแปม ให้กับบุคคลอื่น ควรมีการพูดคุยตกลงกันก่อนในการส่งข้อมูลไปสู่ผู้รับ ภาพที่ 4.22 การไม่แอบดูหรือใช้งานรหัสผ่านของผู้อื่น 100 ขอใดจัดวาเปนผูมีความรับผิดชอบตอบุคคลอื่นในการใชเทคโนโลยี 1. บอลสงสแปมเมลใหเพื่อน 2. บีมพยายามโจรกรรมรหัสผานอีเมลของเพื่อนสนิท 3. บาสทําการออกจากระบบบัญชีใหเพื่อนที่ลืมออกจากระบบ 4. โบคัดลอกภาพถายของเบนซไปโพสตและอางวาเปนผลงาน ของตน (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา บาส ทําการออกจากระบบบัญชีใหเพื่อนที่ลืมออกจากระบบ โดยที่ไม แอบดูบัญชีของเพื่อน และชวยไมใหเพื่อนถูกแอบดูบัญชี เปนการ แสดงความรับผิดชอบตอบุคคลอื่นในการใชเทคโนโลยี ดังนั้น ตอบขอ 3.) ขั้นสอน อธิบายความรู 2. ครูอธิบายตัวอยางความรับผิดชอบตอบุคคลอื่น เมื่อใชเทคโนโลยีที่นักเรียนสามารถทําได เชน ไมใชงานบัญชีของเพื่อนที่ลืมออกจาก ระบบ ไมลบไฟลงานของเพื่อนที่อยูบนเครื่อง คอมพิวเตอรของโรงเรียน ขยายความเขาใจ 1. นักเรียนทําใบงาน เรื่อง ความรับผิดชอบตอ การใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน ออกมานําเสนอหนา ชั้นเรียน พรอมกับอภิปรายรวมกันในหองเรียน 3. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย และ ครูใหความรูเพิ่มเติมในสวนนั้น เกร็ดแนะครู ครูอาจจะหาตัวอยางขาวเกี่ยวกับผูกระทําความผิดคดีเกี่ยวกับการปลอมแปลง ขอมูลบนโซเชียลมาใหนักเรียนไดศึกษาจากขาวจริง และใหมีการแสดงความ คิดเห็น สรุปพฤติกรรมที่ควรและไมควรกระทําในการแสดงความรับผิดชอบ ตอบุคคลอื่นเมื่อใชเทคโนโลยีสารสนเทศ นํา สอน สรุป ประเมิน T114
3. ความรับผิดชอบต่อสังคมเมื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นความรับผิดชอบทั้งในระดับ บุคคลและองค์กร เป็นสิ่งที่ทุกคนพึงมีและต้องปฏิบัติ ไม่ว่าจะต้องไปปฏิบัติงาน ประกอบอาชีพ รวมถึงการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคม ภาพที่ 4.23 มีความซื่อสัตย์ต่องานที่ได้รับมอบหมาย ไม่เปดรับหรือส่งต่อข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต ตัวอย่างความรับผิดชอบต่อสังคมที่เราสามารถท�าได้ เช่น • ไม่พยายามเข้าถึงเครือข่ายใด ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือปกปดซ่อนเร้นข้อมูลที่จะ ต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชา หรือหัวหน้าหน่วยงานที่สังกัดอยู่ • ปฏิบัติตามกฎระเบียบ หรือข้อบังคับขององค์กรในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ เคารพการใช้กฎระเบียบร่วมกับผู้อื่น • ไม่เปดอีเมล ไฟล์ หรือโปรแกรมที่ได้รับมาจากแหล่งที่ไม่รู้จัก เพราะอาจมีไวรัสหรือ สแปมที่มีผลกระทบต่อระบบขององค์กร • ไม่น�าข้อมูลสารสนเทศขององค์กรไปเผยแพร่ เพราะข้อมูลทุกอย่างถือเป็นข้อมูลของ องค์กรที่ไม่ให้มีการน�าออกไปสู่บุคคลภายนอก หรือไม่น�าออกจากองค์กรก่อนได้รับอนุญาต • ไม่พยายามเจาะระบบ เข้าสู่ระบบงาน ขโมย คัดลอก โอนย้าย หรือแก้ไข ปลอมแปลง ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต จรรยาบรรณในการเขียนบล็อก 101 ขั้นสรุป ตรวจสอบผล 1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการตอบ คําถาม การนําเสนอหนาชั้นเรียน การทํา กิจกรรมกลุม และการทําใบงาน 2. ครูตรวจสอบความถูกตองของการทําใบงาน 3. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเกี่ยวกับความ รับผิดชอบตอการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ขั้นสอน ขยายความเขาใจ 4. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางความรับผิดชอบ ตอสังคมเมื่อใชเทคโนโลยีเพิ่มเติม โดยให สแกน QR Code เรื่อง จรรยาบรรณในการ เขียนบล็อก จากหนังสือเรียน โดยใหนักเรียน สรุปประเด็นสําคัญที่ไดดูคลิปวิดีโอลงในสมุด กิจกรรม สรางเสริม ครูแบงกลุมนักเรียนเปนเลขคูจํานวน 4 หรือ 6 กลุม ตามความ เหมาะสม ใหเวลา 5 นาที โดยใหกลุมเลขคี่ชวยกันคิดพฤติกรรม ที่ควรปฏิบัติในการใชงานเครื่องคอมพิวเตอรของโรงเรียน สวน กลุมเลขคูชวยกันคิดพฤติกรรมที่ไมควรปฏิบัติในการใชงานเครื่อง คอมพิวเตอรของโรงเรียน แลวออกมานําเสนอ โดยคุณครูเปนผูชวย สรุปขอมูลบนกระดาน แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตการนําเสนอผลงาน พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล และการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก แบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูที่ 4 หนวยการเรียนรูที่ 4 ขั้นประเมิน ตรวจสอบผล ตารางการวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑการประเมิน ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60 ผานเกณฑ ประเมิน การนําเสนอ ผลงาน แบบประเมิน การนําเสนอ ผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ สังเกตพฤติกรรม การทํางาน รายบุคคล แบบสังเกต พฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ สังเกตพฤติกรรม การทํางานกลุม แบบสังเกต พฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง:ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วิธีการน าเสนอผลงาน 4 การน าไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................... เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานรายบุคคล ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 3 การท างานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมีน าใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ–สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง นํา สอน สรุป ประเมิน T115
ขอสอบเนนการคิด 4 ทรัพยสินทางปญญา ทรัพยสินทางปญญา คือ ผลงานอันเกิดจากความคิด สร้างสรรค์ของมนุษย์ เป็นทรัพย์สินอีกชนิดหนึ่ง นอกเหนือ จากสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น นาฬกา รถยนต์ เป็นต้น และอสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น บ้าน ที่ดิน 4.1 ประเภทของทรัพยสินทางปญญา 1. ลิขสิทธิ์ คือ สิทธิแต่ผู้เดียวที่กฎหมายรับรองให้ผู้สร้างสรรค์กระท�าการใด ๆ เกี่ยวกับ งานที่ได้ท�าขึ้น อันได้แก่ สิทธิที่จะท�าซ�้า ดัดแปลง หรือน�าออกโฆษณา กฎหมายลิขสิทธิ์ได้ให้ ความคุ้มครองถึงสิทธิของผู้สร้างสรรค์ผลงานด้านเทคโนโลยี มีอายุการคุ้มครอง 50 ป หลัง ผู้สร้างสรรค์คนสุดท้ายเสียชีวิต โดยเป็นการให้ความคุ้มครองอัตโนมัติแก่ทายาทด้วย 1) ประเภทของงานที่มีลิขสิทธิ์ กฎหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครองแก่งานสร้างสรรค์ 9 ประเภทตามที่กฎหมายก�าหนด ได้แก่ • งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ • งานนาฏกรรม เช่น งานที่เกี่ยวกับการร�า การเต้น การท�าท่า • งานศิลปกรรม เช่น งานจิตรกรรม งานประติมากรรม ภาพพิมพ์ งานสถาปัตยกรรม • งานดนตรีกรรม เช่น ค�าร้อง ท�านอง การเรียบเรียงเสียงประสาน • งานสิ่งบันทึกเสียง เช่น เทปเพลง ซีดี • งานโสตทัศนวัสดุ เช่น วิดีโอ เทป วีซีดี ดีวีดี แผ่นเลเซอร์ดิสก์ที่บันทึกข้อมูล • งานภาพยนตร์ เช่น ภาพยนตร์ รวมทั้งเสียงประกอบของภาพยนตร์ • งานแพร่เสียงแพร่ภาพ เช่น การกระจายเสียงวิทยุ หรือ ภาพทางโทรทัศน์ • งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือ แผนกศิลปะ นักเรียนอยากสรางสิ่งใด ที่จะเปนลิขสิทธิ์ของตนเอง บาง เพราะเหตุใดจึงตอง มีลิขสิทธิ์เปนของตนเอง ภาพที่ 4.24 งานแกะสลักไม้ 102 เกร็ดแนะครู นอกจากการขอลิขสิทธิ์แลว ครูอาจจะใหความรูเกี่ยวกับขั้นตอนการ ขออนุญาตใชลิขสิทธิ์จากเจาของที่ถูกตอง หรือการใหเครดิตรูปภาพที่นํามา ใชงาน การอางอิงขอมูลความรูจากตนฉบับ และใหนักเรียนไดทดลองทํากิจกรรม จําลองเพื่อใหเขาใจขั้นตอนตางๆ ไดมากขึ้นดวย ขั้นนํา กระตุนความสนใจ 1. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอวา นักเรียน อยากสรางสิ่งใดที่จะเปนลิขสิทธิ์ของตนเอง บางหรือไม และเพราะเหตุใดจึงตองมีลิขสิทธิ์ เปนของตนเอง 2. ครูอธิบายเพื่อเชื่อมโยงเขาสูบทเรียนวา ทรัพยสิน ทางปญญา คือ ผลงานอันเกิดจากความคิด สรางสรรคของมนุษย เปนทรัพยสินอีกชนิดหนึ่ง นอกเหนือจากสังหาริมทรัพย คือ ทรัพยสินที่ สามารถเคลื่อนยายได เชน นาฬกา รถยนต และอสังหาริมทรัพย คือ ทรัพยสินที่ไมสามารถ เคลื่อนยายได เชน บาน ที่ดิน ขั้นสอน สํารวจคนหา 1. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน เพื่ออภิปราย รวมกันถึงประเภทของงานตางๆ ที่จําเปนตอง มีการจดลิขสิทธิ์ซึ่งกฎหมายลิขสิทธิ์ใหความ คุมครองแกงานสรางสรรค 9 ประเภท ตามที่ กฎหมายกําหนด แนวตอบ คําถามสําคัญประจําหัวขอ นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดยคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ไดสิทธิ์ความเปนเจาของผลงานตางๆ เพื่อปองกัน การคัดลอก ทําซํ้า หรือดัดแปลง โปรแกรมคอมพิวเตอร ถือเปนงานลิขสิทธิ์ประเภทใด 1. งานนาฏกรรม 2. งานศิลปกรรม 3. งานวรรณกรรม 4. งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร หรือ แผนกศิลปะ (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา โปรแกรมคอมพิวเตอรเปนงานที่มีลิขสิทธิ์ประเภทงานวรรณกรรม ดังนั้น ตอบขอ 3.) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T116
ขอสอบเนน การคิด 2) การไดมาซึ่งสิทธิ์ สิทธิในลิขสิทธิ์จะเกิดขึ้นโดยทันทีนับตั้งแตผูสรางไดสรางสรรค ผลงานเสร็จโดยไมตองจดทะเบียน ดังนั้น เจาของลิขสิทธิ์จึงควรปกปองคุมครองสิทธิของตนเอง ภาพที่ 4.25 การสรางสรรคผลงานเพื่อจดเปนลิขสิทธิ์ in Real Life Com Sci Com Sci o_O ปจจุบันประเทศไทยมีหนวย งานที่ทําหนาที่ดูแลรับผิดชอบ เกี่ยวกับทรัพยสินทางปญญา และใหคําปรึกษา แนะนําแกผูที่ สรางสรรคผลงานจดเปนลิขสิทธิ์ ของตนเอง คือ กรมทรัพยสิน ทางปญญา (Department of Intellectual Property: DIP) โดยมีภาระกิจสําคัญ ไดแก การ ใหความคุมครองทรัพยสินทาง ปญญาและสงเสริมการปกปอง สิทธิในทรัพยสินทางปญญาทั้ง ในประเทศและตางประเทศ โดยการเก็บรวบรวมหลักฐานตาง ๆ ที่แสดงวา ไดทําการสรางสรรคผลงานนั้นขึ้นเพื่อประโยชน ในการพิสูจนสิทธิหรือความเปนเจาของใน โอกาสตอไป 3) เจาของลิขสิทธิ์ คือ ผูที่มีสิทธิ ในการจัดการกับงานลิขสิทธิ์ของตนเอง ไดแก บุคคลดังตอไปนี้ ผูสรางสรรคผลงาน ผูสรางสรรคในฐานะพนักงานหรือลูกจาง ผูวาจาง ในกรณีวาจางใหบุคคลอื่นใหเปนคนสรางสรรค งาน ผูดัดแปลง กระทรวง ทบวง กรม หนวย งานของรัฐหรือทองถิ่น และผูรับโอนลิขสิทธิ์ 4) เอกสารที่ใชประกอบการแจงขอมูลลิขสิทธิ์ • สําเนาบัตรประชาชน พรอมรับรองสําเนา ถูกตอง (กรณีเปนบุคคลธรรมดา) • สําเนาหนังสือรับรองนิติบุคคลที่นายทะเบียน ออกใหไมเกิน 6 เดือนของเจาของลิขสิทธิ์ (กรณีเปนนิติบุคคล) • หนังสือมอบอํานาจ พรอมสําเนาบัตรประชาชน ของผูรับมอบอํานาจ (รับรองสําเนาถูกตอง) • ผลงานหรือภาพถายงานลิขสิทธิ์ จํานวน 1 ชุด ของเจาของสิทธิ (กรณีเปนนิติบุคคล) • หนวยงานหรือองคกรของรัฐบาลใชสําเนา หนังสือแตงตั้งผูบริหารหนวยงานหรือองคกร รวมทั้งสําเนาบัตร ประชาชนของผูยื่นคําขอ (รับรองสําเนาถูกตอง) 103 ขั้นสอน สํารวจคนหา 2. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนมานําเสนอ เกี่ยวกับงานประเภทตางๆ ที่ตองมีการจด ลิขสิทธิ์ พรอมอภิปรายรวมกันภายในชั้นเรียน 3. นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียน เกี่ยวกับการไดมาซึ่งสิทธิ์ เจาของสิทธิ์ เอกสาร ใชประกอบการแจงขอมูลลิขสิทธิ์ และประโยชน ของลิขสิทธิ์ 4. นักเรียนศึกษาการเชื่อมโยงความรูสูชีวิต ประจําวัน (Com Sci in Real Life) เกี่ยวกับ หนวยงานที่ทําหนาที่ดูแลรับผิดชอบทรัพยสิน ทางปญญา และใหคําปรึกษาหรือคําแนะนําแก ผูที่สรางสรรคผลงานจดเปนลิขสิทธิ์ของตนเอง ขอใดสําคัญที่สุดในการปองกันการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ 1. การจดลิขสิทธิ์ผลงาน 2. การใสเครดิตในผลงานทุกครั้งที่เผยแพร 3. การมีพยานยืนยันความเปนเจาของลิขสิทธิ์ 4. การเก็บรวบรวมหลักฐานในการพิสูจนความเปนเจาของ ผลงานเอาไว (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา ขอ 1.) ลิขสิทธิ์เกิดขึ้นตั้งแตผูสรางสรางสรรคผลงานแลว ไมวาจะจดทะเบียน หรือไมก็ตาม แตการเก็บรวบรวมหลักฐานในการพิสูจนความเปน เจาของผลงานเอาไวจะเปนสิ่งยืนยันความเปนเจาของลิขสิทธิ์ไดดี ที่สุด ดังนั้น ตอบขอ 4.) เกร็ดแนะครู ครูอาจจะหาตัวอยางผลงานลิขสิทธิ์ของคนไทยที่มีชื่อเสียงมาใหนักเรียน ศึกษาในแตละประเภทของลิขสิทธิ์ เพื่อใหนักเรียนไดศึกษาตัวอยางของจริง และสามารถระบุไดวาผลงานแตละชิ้นถือเปนลิขสิทธิ์ประเภทใด รวมถึงใหขอมูล ความรูเกี่ยวกับตัวอยางผลประโยชนจากการเก็บคาลิขสิทธิ์ที่มีอยูในปจจุบัน เชน ขอมูลผลประโยชนจากการซื้อ-ขายแฟรนไชสธุรกิจที่มีอยูในประเทศไทย เพื่อให นักเรียนไดเชื่อมโยงความรูจากหนวยการเรียนกับขอมูลจริงในปจจุบัน เพื่อให เปนแนวทางในการตัดสินใจประกอบอาชีพในอนาคตไดดวย นํา สอน สรุป ประเมิน T117
ขอสอบเนนการคิด 5) ประโยชนของลิขสิทธิ์ เจ้าของ ลิขสิทธิ์ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ลิขสิทธิ์ และมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระท�า การใด ๆ เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ท�าขึ้น หรือผลงานตามข้อใดข้อหนึ่งตามที่กล ่าวไว้ ข้างต้น ดังนั้น เจ้าของลิขสิทธิ์จะมีสิทธิในการ ท�าซ�้า ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน และให้ เช่าต้นฉบับหรือส�าเนางานอันมีลิขสิทธิ์ของตน รวมทั้งให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น หรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้ลิขสิทธิ์ของตนทั้งหมด หรือบางส่วนก็ได้ โดยเจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมได้รับ ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม 2. สิทธิบัตร คือ หนังสือส�าคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะตามที่กฎหมายก�าหนด 1) ประเภทของสิทธิบัตร • สิทธิบัตรการประดิษฐ คือ ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับองค์ประกอบ โครงสร้าง หรือกลไกของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิต และการเก็บรักษา เช่น กลไกของเครื่องยนต์ ยารักษาโรค มีอายุคุ้มครอง 20 ป • สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ คือ ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับรูปร่างลักษณะ ภายนอก องค์ประกอบของลวดลายหรือสีของผลิตภัณฑ์ที่มองเห็นได้จากภายนอก เช่น การ ออกแบบแก้วน�้า มีอายุคุ้มครอง 10 ป • อนุสิทธิบัตร คือ หนังสือส�าคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ที่มีลักษณะ เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ และเป็นการประดิษฐ์ที่สามารถประยุกต์ใช้ในทางอุตสาหกรรมได้ มีอายุ คุ้มครอง 6 ป เงื่อนไขในการขออนุสิทธิบัตรต้องเป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม และยัง ไม่เคยมีการใช้ หรือแพร่หลายก่อนวันยื่นขอ หรือยังไม่เคยมีการเปดเผยสาระส�าคัญของการประดิษฐ์ นั้นก่อนวันยื่นขอทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถประยุกต์ใช้ในทางอุตสาหกรรมได้ 2) ความแตกต่างระหว่างอนุสิทธิบัตรและสิทธิบัตรการประดิษฐ อนุสิทธิบัตรและสิทธิบัตร การประดิษฐ์มีขอบเขตให้ความคุ้มครองการประดิษฐ์เช่นเดียวกัน แต่อนุสิทธิบัตรเป็นการคุ้มครองการ ประดิษฐ์ที่มีเทคนิคที่ไม่สูงมากนัก อาจจะเป็นการปรับปรุงเพียงเล็กน้อย ส่วนสิทธิบัตรการประดิษฐ์ จะต้องมีการแก้ไขปัญหาทางเทคนิคของสิ่งที่มีมาก่อนหรือที่เรียกว่ามีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น ภาพที่ 4.26 ผู้สร้างสรรค์ผลงานจะเป็นผู้ที่มีลิขสิทธิ์ใน ผลงานนั้น 104 ในการยื่นขออนุสิทธิบัตร ขอใดตอไปนี้ไมควรทํา 1. นําสิ่งประดิษฐไปเผยแพรกอนยื่นขออนุสิทธิบัตร 2. ทดสอบคุณภาพสิ่งประดิษฐใหผานเกณฑมาตรฐาน ที่กําหนดไว 3. ตรวจสอบคุณสมบัติของสิ่งประดิษฐใหตรงกับเงื่อนไข ในการขออนุสิทธิบัตร 4. ตรวจสอบขอมูลวามีสิ่งประดิษฐที่มีความคลายหรือ ใกลเคียงสิ่งประดิษฐของเราที่จดอนุสิทธิบัตรกอนแลว หรือไม (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา ในการ ยื่นขออนุสิทธิบัตรไมควรนําสิ่งประดิษฐไปเผยแพรกอนทําการ ยื่นขออนุสิทธิบัตร ดังนั้น ตอบขอ 1.) เกร็ดแนะครู ครูอาจจะหาตัวอยางสิ่งประดิษฐที่ไดรับการจดสิทธิบัตรแตละประเภท มาเปรียบเทียบใหนักเรียนไดเขาใจความแตกตางของเงื่อนไขในการจดทะเบียน ในแตละประเภทไดมากขึ้น และควรใหความรูเพิ่มเติมถึงหลักเกณฑในการ ขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐเพิ่มเติม ไดแก 1. เปนสิ่งประดิษฐใหม 2. มีขั้นการประดิษฐที่สูงขึ้น 3. สามารถใชในอุตสาหกรรมได ใหนักเรียนเขาใจดวย ขั้นสอน อธิบายความรู 1. ครูทบทวนเนื้อหาการเรียนเมื่อชั่วโมงที่แลว เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ 2. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน (กลุมเดิม) เพื่ออภิปรายรวมกันถึงความหมายและประเภท ของสิทธิบัตร จากหนังสือเรียน ตามหัวขอ ดังตอไปนี้ 1) ความหมายของสิทธิบัตร 2) ประเภทของสิทธิบัตร ไดแก สิทธิบัตรการ ประดิษฐ สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ และอนุสิทธิบัตร 3) ความแตกตางระหวางอนุสิทธิบัตรกับสิทธิ บัตรการประดิษฐ 4) ประโยชนของสิทธิบัตร 3. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอ เกี่ยวกับความหมายและประเภทของสิทธิบัตร พรอมอภิปรายรวมกันในหองเรียน นํา สอน สรุป ประเมิน T118
ขอสอบเนน การคิด ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 1. การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา 2. ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 3. ความมีวินัย คุณธรรม จริยธรรม 1. จงบอกข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ควรเปดเผยเป็นสาธารณะมา 5 ข้อมูล พร้อมเหตุผลประกอบของแต่ละข้อมูลว่า เพราะอะไร 2. นักเรียนคิดว่า เมื่อพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาประเภทใดก็ตาม นักเรียนควรจะแจ้งใคร ให้ทราบเป็นอันดับแรก เพราะอะไร 3. บัญชีผู้ใช้งานที่เข้าระบบต่าง ๆ นักเรียนคิดว่า มีความส�าคัญมากน้อยเพียงใด เพราะเหตุใด 4. จงบอกถึงความรับผิดชอบต่อการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียน อย่างน้อย 5 ข้อ 5. เมื่อพบเห็นการละเมิดลิขสิทธิ์ นักเรียนจะมีวิธีการอย่างไร จงยกตัวอย่าง พร้อมค�าอธิบาย การจัดการขอมูลสารสนเทศ Com Sci activity 3) ประโยชนของสิทธิบัตร นอกจากประโยชน์เชิงวิชาการที่เราจะได้เรียนรู้ความเป็นมา หรือพัฒนาการของความคิดและการประดิษฐ์นั้น ๆ ท�าให้เราเห็นข้อบกพร่อง หรือส่วนที่ควรปรับปรุง พัฒนาต่อให้เกิดความคิดใหม่ ๆ ตามมาในทางธุรกิจ ข้อมูลจากเอกสารสิทธิบัตรยังท�าให้เห็น แนวโน้มของเทคโนโลยีที่ก�าลังเกิดขึ้น ตลอดจนสามารถประเมินความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้ 4.2 ขอดี ขอเสียของทรัพยสินทางปญญา ข้อดี ข้อเสีย 1. ช่วยให้ผู้ที่คิดค้นเกิดความเป็นธรรม เพราะหาก ผู้ประกอบการรายใดต้องการน�าไปใช้ ควรมีการ ขออนุญาตและจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้คิดค้น 1. การตั้งราคาอาจไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ส่งผลต่อ การซื้อแบบถูกลิขสิทธิ์ต้องเสียเงินแพง 2. ช ่วยคุ้มครองเจ้าของผลงานที่เป็นผู้คิดและ กลั่นกรองออกมาจนเป็นผลงานที่หลายคน ต้องการ 2. ฐานะและก�าลังซื้อของผู้บริโภคในแต ่ละประเทศ แตกต่างกัน อาจจะแพงต่อผู้บริโภคในประเทศที่ยากจน ที่ไม่มีรายได้มากพอจะซื้อทรัพย์สินทางปัญญาจากต่าง ประเทศมาใช้ได้ และในบางกรณีอาจมีผลกระทบต่อชีวิต เช่น ยาต้านมะเร็ง 105 ขั้นสอน อธิบายความรู 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความจําเปนในการ จดลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรวา หากเราเปนผูผลิต อะไรก็ตามไมวาจะเปนสิ่งของเครื่องใช หรือ แมแตความคิดที่เราคิดวาเราสามารถขาย เพื่อสรางรายได หรือเพื่อใหเกิดประโยชนตอ ตัวเราและคนอื่นๆ ได หากเราไมไดไปทําการ จดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร และมีคนมา ลอกเลียนแบบการออกแบบของเรา หรือ ความคิดของเรา แลวนําไปจดสิทธิบัตรหรือ อนุสิทธิบัตรกอนเรา จะสงผลใหเราไมสามารถ ผลิต หรือจําหนายสินคาหรือความคิดนั้นๆ ไดอีก ขยายความเขาใจ 1. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย และ ครูใหความรูเพิ่มเติมในสวนนั้น หรือใหนักเรียน ศึกษาความรูเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต 2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่สอดคลองกับเนื้อหา โดยการตอบคําถามเพื่อพัฒนาความรูและ ทักษะการเรียนรู (Com Sci Activity) เกี่ยวกับ การจัดการขอมูลสารสนเทศลงในสมุด 3. นักเรียนทําใบงาน เรื่อง ประเภทของลิขสิทธิ์ การคิดคนทํานองเพลงสําหรับเลนดนตรีในนํ้ากับการคิดคน เครื่องดนตรีสําหรับเลนในนํ้า จัดเปนทรัพยสินทางปญญาประเภท ใด 1. จัดเปนลิขสิทธิ์ทั้งคู 2. จัดเปนสิทธิบัตรทั้งคู 3. ทํานองเพลงสําหรับเลนดนตรีในนํ้าจัดเปนลิขสิทธิ์ เครื่องดนตรีสําหรับเลนในนํ้าจัดเปนสิทธิบัตร 4. ทํานองเพลงสําหรับเลนดนตรีในนํ้าจัดเปนสิทธิบัตร เครื่องดนตรีสําหรับเลนในนํ้าจัดเปนลิขสิทธิ์ (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา ทํานอง เพลงสําหรับเลนดนตรีในนํ้าจัดเปนลิขสิทธิ์ประเภทงานดนตรีกรรม สวนเครื่องดนตรีสําหรับเลนในนํ้าเปนสิ่งประดิษฐที่สรางขึ้นมา ใหมจัดเปนทรัพยสินทางปญญาที่สามารถจดสิทธิบัตรได ดังนั้น ตอบขอ 3.) เกร็ดแนะครู ครูอาจจะหาขอมูลคดีความฟองรองกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจาของลิขสิทธิ์ ชนะคดีมาใหนักเรียนไดศึกษาถึงประโยชนจากการไดรับความคุมครองในฐานะ เจาของผลงานจากเหตุการณจริงประมาณ 2-3 คดี และใหนักเรียนรวมกัน อภิปรายถึงประโยชนที่ไดรับจากการเปนเจาของลิขสิทธิ์ดวย นํา สอน สรุป ประเมิน T119
ขอสอบเนนการคิด การใชเทคโนโลยีสารสนเทศ อยางปลอดภัย Summary การใชเทคโนโลยีสารสนเทศ การใชเทคโนโลยีสารสนเทศมีทั้งคุณประโยชนในการดํารงชีวิตของมนุษยใหมีความ สะดวกสบายขึ้น ซึ่งมาพรอมกับโทษพวกมีการใชโดยไมคํานึงถึงผลเสียจากการใชเปนเวลานาน และละเลยถึงความพอดีในการนําเทคโนโลยีสารสนเทศเขามาเปนสวนหนึ่งของชีวิต การปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาที่ ไมเหมาะสม การใชเทคโนโลยีในบางครั้งอาจพบเจอกับเนื้อหาที่ไมเหมาะสม ซึ่งเราควรมีทักษะพิจารณา ถึงขอมูลที่ไมเหมาะสม รวมถึงรูจักวิธีแกปญหา พรอมรับมือหรือหลีกเลี่ยงเนื้อหาที่ไมเหมาะสม ดังกลาว อันเปนวิธีปองกันตนเอง ความรับผิดชอบตอการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศ การใชเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นตองมีความรับผิดชอบตอตนเอง บุคคลอื่น และสังคมได อยางถูกตอง และตองรูจักกฎระเบียบในการใชงานเทคโนโลยีสารสนเทศของแตละองคกร เพื่อไม ใหเกิดการรั่วไหลขอมูลสวนตัวของบุคคลหรือองคกรออกไปสูบุคคลภายนอกได ทรัพยสินทางปญญา ทรัพยสินทางปญญา คือ ผลงานอันเกิดจากความคิดสรางสรรคของมนุษย เปนทรัพยสิน อีกชนิดหนึ่ง นอกเหนือจากสังหาริมทรัพยและอสังหาริมทรัพย ทรัพยสินทางปญญาที่ควรรูจัก ไดแก ลิขสิทธิ์ และสิทธิบัตร 106 ขั้นสรุป ตรวจสอบผล 1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการ ตอบคําถาม การนําเสนอหนาชั้นเรียน การทํา กิจกรรมกลุม และการทําใบงาน 2. นักเรียนตรวจสอบความรู ความเขาใจดวย ตนเอง จากหนังสือเรียน 3. นักเรียนทําแบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรู ที่ 4 โดยใหบันทึกลงในสมุด และทําชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การใชเทคโนโลยี สารสนเทศอยางปลอดภัย เพื่อตรวจสอบความ เขาใจ และนํามาสงในชั่วโมงถัดไป 4. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวยการ เรียนรูที่ 4 เรื่อง การใชเทคโนโลยีสารสนเทศ อยางปลอดภัย ขั้นประเมิน ตรวจสอบผล ตารางการวัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑการประเมิน ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน แบบทดสอบ หลังเรียน รอยละ 60 ผานเกณฑ ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60 ผานเกณฑ ตรวจชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมิน ชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ ประเมิน การนําเสนอ ผลงาน แบบประเมิน การนําเสนอ ผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ สังเกตพฤติกรรม การทํางานกลุม แบบสังเกต พฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถสังเกตการนําเสนอผลงาน พฤติกรรมการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน และ แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูที่ 4 หนวยการเรียนรูที่ 4 แบบสังเกตพฤติกรรมการท างานกลุ่ม ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ ชื่อ–สกุล ของนักเรียน การแสดง ความคิดเห็น การยอมรับ ฟังคนอื่น การท างาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย ความมีน้ าใจ การมี ส่วนร่วมใน การปรับปรุง ผลงานกลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง:ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วิธีการน าเสนอผลงาน 4 การน าไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................... เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ตัวอยางการประดิษฐขอใดตอไปนี้สามารถนํามายื่นจดสิทธิบัตร การประดิษฐได 1. การคนพบจํานวนเฉพาะจํานวนใหม ขนาด 23 ลานหลัก 2. การคนพบวิธีการรักษาและยับยั้งโรคกระดูกพรุนและ ขอเสื่อมแบบไมตองใชยา 3. เครื่องพนยามะพราวสําหรับติดตั้งกับรถไถเล็กที่ควบคุม ปริมาณและทิศทางของนํ้ายาได 4. โปรแกรมฐานขอมูลที่เพิ่มจํานวนหมวดหมูไดไมจํากัด (วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา ฐาน ขอมูล โปรแกรมคอมพิวเตอร ทฤษฎีหรือกฎวิทยาศาสตร หรือ คณิตศาสตร วิธีการวินิจฉัยและรักษาโรคใหกับมนุษยและสัตว ไมสามารถนํามายื่นจดสิทธิบัตรการประดิษฐได ดังนั้น ตอบขอ 3.) นํา สอน สรุป ประเมิน T120
ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด หากพิจารณาข้อความไม่ถูกต้อง ให้กลับไปทบทวนเนื้อหาตามหัวข้อที่ก�าหนดให้ ถูก/ผิด ทบทวนหัวข้อ 1. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเวลานาน ท�าให้เราติด และให้โทษ 1 2. เราควรมีรหัสผ่านเอาไว้ใช้เล่น ๆ และบอกคนอื่นได้ 2 3. เมื่อใช้คอมพิวเตอร์เสร็จแล้วเราควรออกจากระบบการใช้งาน ให้เรียบร้อย 3 4. เมื่อเราอยากรู้จักเพื่อนคนอื่น เราจึงจดรหัสผ่านของเพื่อน แล้วน�าไปเข้าระบบของเพื่อนเพื่อดูข้อมูล 3 5. สิทธิการเป็นเจ้าของผลงาน คือ คนที่น�าชิ้นงานนั้นมาจากคน อื่นที่เป็นคนสร้างสรรค์ 4 Self Check บั น ทึ ก ล ง ใ น ส มุ ด เทคโนโลยีสารสนเทศมีความส�าคัญอย่างไรในยุคปัจจุบัน ชิ้นงานที่มีลิขสิทธิ์ชิ้นใดบ้างที่เราสามารถน�ามาใช้ได้ ยกตัวอย่างมา 5 ชิ้นงาน เมื่อเราพบเห็นว่า เครื่องคอมพิวเตอร์มีการเข้าระบบค้างไว้โดยคนใช้งานคนเดิมยังไม่ได้ ออกจากระบบ เราควรท�าอย่างไร เมื่อพบเห็นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมปรากฏขึ้นมา แต่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่บริเวณใกล้เคียง เราจะ ปฏิบัติอย่างไร จงเขียนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีต่อตัวเอง บุคคลอื่น และสังคม มาอย่างละ 1 ข้อ นักเรียนจะน�าความรู้เรื่อง การใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย ไปใช้ในชีวิตประจ�าวันอย่างไร ได้บ้าง 1 2 3 4 5 6 Unit Question 4 107 แนวตอบ Unit Question 1. ใชในการรับ-สง และเผยแพรขอมูลผานเครือขาย ใชอํานวยความสะดวกในการสื่อสารผานระบบที่มีทั้งภาพและเสียง การเขาถึงแหลงขอมูลที่ตองการ ไดอยางรวดเร็ว และอํานวยความสะดวกในชีวิตประจําวันไดอีกหลายดาน 2. ขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน การรวบรวมโปสเตอรความละเอียดสูงของวัตถุตางๆ ในระบบสุริยะจักรวาลที่ถายโดยนักบินอวกาศและยานอวกาศ โดยทีมงาน Spaceth.co ของ NASA มาแจกใหดาวนโหลดนําไปใชงานไดฟรี 3. แจงใหเจาของบัญชีทราบ หากไมรูจักหรือหาเจาของบัญชีไมเจอ ใหทําการออกจากระบบแทนเจาของบัญชี 4. ปดหนาเว็บไซตที่มีเนื้อหาไมเหมาะสมนั้น และเตือนเพื่อนใหระวังเว็บไซตที่มีเนื้อหาไมเหมาะสมดังกลาว 5. การติดตั้งซอฟตแวรผิดกฎหมาย การคัดลอกผลงานของผูอื่นมาแอบอางเปนผลงานของตนเอง การพยายามเจาะระบบเพื่อเขาถึงขอมูลสวนตัวของผูอื่น โดยที่ไมไดรับอนุญาต 6. ระวังปองกันตนเองจากการถูกละเมิดและขโมยขอมูลสวนบุคคล การหลอกลวงผานการใชเทคโนโลยีสารสนเทศในรูปแบบตางๆ และเตือนคนใกลตัวให ระวังภัยจากการใชเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในปจจุบัน แนวตอบ Self Check 1. ถูก 2. ผิด 3. ถูก 4. ผิด 5. ผิด นํา สอน สรุป ประเมิน T121
ชนินทร เฉลิมสุข และอภิชาติ ค�ำปลิว. 2562. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการค�ำนวณ) ม.2. พิมพ์ ครั้งที่ 2. นนทบุรี : ไทยร่มเกล้า. ชาตรี เกิดธรรม. 2542. การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ : เซ็นเตอร์ ดิสคัฟเวอรี. ทิศนา แขมมณี. 2556. ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 17. กรุงเทพฯ : ส�ำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พิมพันธ์ เดชะคุปต์. 2544. การจัดการเรียนการสอนด้วยวิธีการสอนแบบสืบสวน. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์กรุ๊ปแมเนจเม้นท์. . 2544. การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ : แนวคิดวิธีและเทคนิคการสอน 1. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์ กรุ๊ปแมเนจเม้นท์. ภพ เลาหไพบูลย์. 2542. แนวการสอนวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง). พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช. วรรณทิพา รอดแรงค้า และจิต นวนแก้ว. 2542. การพัฒนาการคิดของนักเรียนด้วยกิจกรรมทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์กรุ๊ปแมเนจเม้นท์. วราภรณ์ ชัยโอภาส. 2521. การพัฒนาสมรรถภาพในการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ประเสริฐศิริ. วิจารณ์ พานิช. 2555. วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ : ตถาตา พับลิเคชั่น. วิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, ส�ำนัก. 2555. แนวทาง การจัดการกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิด ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษา (ฉบับปรับปรุง). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แห่งประเทศไทย. ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ, สถาบัน. 2560. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ. โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. สมบัติ การจนารักพงค์. 2545. เทคนิคการสอนให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิด. กรุงเทพฯ : ธารอักษร. สรศักดิ์ แพรด�ำ. 2544. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์. อุบลราชธานี : สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี. ส�ำนักบริหารวิชาการ วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์, แผนกบริหารหลักสูตร. 2557. เอกสารเผยแพร่ความรู้วิชาการศึกษา : วิธีการสอน (Teaching Methodology). กรุงเทพฯ : วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์. สุวิทย์ มูลค�ำ และอรทัย มูลค�ำ. 2547. 21 วิธีการจัดการเรียนรู้ : เพื่อพัฒนากระบวนการคิด. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์. อํานวย รุ่งรัศมี. 2525. การสอนวิทยาศาสตร์แบบก้าวหน้า. มหาสารคาม : ภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. บรรณาน ุ กรม T122
คู่มือครู บร. วิทยาศาสตร์ ม.2 ล.1 300.- 8 858649 121349 ราคานี้เป็นของฉบับคู่มือครูเท่านั้น >> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสั่งซื้อของ อจท. คู่มือครู นร.เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 300.- 8 858649 144072 สร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้ระดับโลก บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด 142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คู่สาย) ID Line: @aksornkrumattayom www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท.