The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประโยชน์องความรู้ภูมิปัญญาสมุนไพรจากป่าชุมชน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by หนังสือ, 2023-09-25 04:39:03

ประโยชน์องความรู้ภูมิปัญญาสมุนไพรจากป่าชุมชน

ประโยชน์องความรู้ภูมิปัญญาสมุนไพรจากป่าชุมชน

ÃÒ§¨×´ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Thunbergia laurifolia Lindl. ชื่อวงศ์ : ACANTHACEAE


คำนำ เอกสารเผยแพร่ เรื่อง ประโยชน์องค์ความรู้ภูมิปัญญาสมุนไพรจากป่าชุมชน ได้จากการรวบรวมผลการศึกษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น กิจกรรมพัฒนา วนศาสตร์ชุมชน เนื้อหาภายในเล่มประกอบด้วยค�บอกเล่าเกี่ยวกับองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสมุนไพรส�หรับสตรีหลังคลอดบุตร สมุนไพรใช้ต้มอาบ สมุนไพรใช้ต้มดื่ม สมุนไพรแก้อาการฟกช�้า สมุนไพรลดอาการอักเสบ ตลอดจน ผลผลิต ผลิตภัณฑ์ จากสมุนไพร เพื่อการส่งเสริมและพัฒนา ได้แก่ ทานาคา ผลิตภัณฑ์จากกระแจะ การท�ยาสีฟันจากใบข่อย และการใช้ประโยชน์จากชะมวง คณะผู้จัดท�หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารเผยแพร่ฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ ส�หรับผู้สนใจด้านการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรไทย หรือเพื่อการพัฒนาต่อยอด สรรพคุณสมุนไพร ส�หรับอ�นวยประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของชุมชน หรือการลด รายจ่ายภายในครัวเรือน หรือการขยายผลการปลูกพืชสมุนไพรในป่าชุมชนมาสู่ ครัวเรือน เพื่อเป็นวัตถุดิบด้านการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน เป็นต้น ส�นักจัดการป่าชุมชน กรมป่าไม้


สารบัญ หัวขอเรื่อง หนา องคความรูภูมิปญญาทองถิ่น ดานสมุนไพรกับสตรีหลังคลอดบุตร õ สมุนไพรเพิ่มนํ้านม ö - ¼Ñ¡âËÁ˹ÒÁ ö - ËÑÇ»ÅÕ ÷ - ¡ØÂª‹Ò ø - ¡ÃÐà¾ÃÒ ø - ¢Ô§ ù - ãºáÁ§ÅÑ¡ ù - ¾ÃÔ¡ä·Â ñð - ÁÐÅÐ¡Í ñð - àÁÅç´¢¹Ø¹ ññ - ¿˜¡·Í§ ññ - ãºÁÐÃØÁ ñò - µÓÅÖ§ ñó สมุนไพรใชตมนํ้าอาบ ñõ - ãºÂ‹Ò¹Ò§ ñö - ãºÁТÒÁËÃ×Íá¡‹¹ÁТÒÁ ñö - ãºË¹Ò´ ñ÷ - ãºÊŒÁÅÁ ñ÷ - ¼ÅÁСÃÙ´ ñ÷


สารบัญ (ตอ) หัวขอเรื่อง หนา สมุนไพรใชตมดื่ม ñù - ‹ҹҧᴧ òð - µŒÍ§áÅ‹§ (¹Á¹ŒÍÂ) òð สมุนไพรแกอาการฟกชํ้า òò - ÃÒ§¨×´ òô - ä¾Å òô - ¢Ô§ òõ - âËÃÐ¾Ò òõ - ਵÁÙÅà¾ÅÔ§¢ÒÇ òö - ÁТÒÁ»‡ÍÁ òö - ¨Í¡ ò÷ สมุนไพรลดอาการอักเสบ òù - ÅÔÅÑÇËÃ×;ÅѺ¾ÅÖ§ òù - ºÍÃÐà¾ç´ óð - เครือเขาคลอน ๓๒ ผลผลิต ผลิตภัณฑ จากสมุนไพร ó÷ - กระแจะ (ทานาคา) ๓๘ - ¡Ò÷ÓÂÒÊÕ¿˜¹¨Ò¡ãº¢‹Í ôô - การใช้ประโยชน์จากชะมวง ๕๑


ô | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน ใบแมงลัก ชื่อวิทยาศาสตร์ : ocimum africanum Lour. ชื่อวงศ์ : LAMIACEAE


สมุนไพรที่ใชกับสตรีหลังคลอดบุตร การใช้สมุนไพรกับสตรีหลังคลอดบุตรนั้น มีทั้งการใช้สมุนไพรส�หรับ เพิ่มน�้านม การใช้สมุนไพรส�หรับต้มน�้าอาบ และการใช้สมุนไพรส�หรับดื่มเพื่อรักษา อาการบาดเจ็บภายใน โดยมีการใช้ในลักษณะต่าง ๆ กัน ซึ่งจะได้กล่าวถึงรายละเอียด ดังนี้ ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | õ องคความรูภูมิปญญาทองถิ่น ดานสมุนไพรกับสตรีหลังคลอดบุตร ระยะหลังคลอด (Puerperium, Postpartum period, Puerperal period) หมายถึง ระยะเวลาตั้งแต่แรกคลอดไปจนถึง ๖-๘ สัปดาห์หลังคลอด ซึ่งเป็นª‹Ç§ ที่มีการปรับตัวทั้งด้านกายวิภาคและสรีรวิทยาของอวัยวะต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไปเนื่องจาก การตั้งครรภ์และการคลอด รวมถึงภาวะจิตใจให้กลับคืนสู่สภาพปกติเหมือนก่อน การตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังรวมถึงการปรับตัว ด้านบทบาทของความเป็นมารดา และการคงบทบาทของภรรยาระยะหลังคลอด ระยะหลังคลอดอาจเกิดได้ทั้งภาวะ ปกติและผิดปกติ ถ้าเป็นระยะหลังคลอดในภาวะผิดปกติจะหมายถึง ภาวะที่มีการ ตกเลือดหลังคลอด การติดเชื้อหลังคลอด ซึ่งหมายถึงการติดเชื้อที่ระบบสืบพันธุ์ ระบบทางเดินปัสสาวะ เต้านม และระบบไหลเวียนเลือดโดยความผิดปกติจะเกิดขึ้น ๖-๘ สัปดาห์ แล้วอาจหายเป็นปกติภายใน ๖-๘ สัปดาห์ หรือใช้เวลานานกว่านี้ ซึ่งภาวะดังกล่าวท�ให้การปรับตัวด้านกายวิภาคและสรีรของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับ การคลอด และสภาพจิตใจของมารดาหลังคลอดไม่กลับคืนสู่สภาพเหมือนก่อนตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบถึงการปรับบทบาทความเป็นมารดา และการคงไว้ซึ่งบทบาท ภรรยาด้วย ซึ่งต้องได้รับการฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ ให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว ที่สุดซึ่งภูมิปัญญาท้องถิ่นเดิม ได้มีความแยบยลในการดูแล และฟื้นฟูร่างกาย จิตใจ ของสตรีหลังคลอดได้เป็นอย่างดีและเป็นข้อปฏิบัติที่มีเหตุผล แฝงการผสมผสาน ที่สอดคล้องกับแนวทางการแพทย์แผนปัจจุบัน


ผักโหมหนาม ชื่อวิทยาศาสตร์ Amaranthus Spinosus L. ชื่อวงศ์ AMARANTHACEAE ผักชนิดนี้เป็นผักที่สร้างน�้านมให้เพิ่ม มากขึ้น ในสูตรหลังคลอด ความจริงผักโหมหนาม นั้นขึ้นเองอยู่โดยทั่วไป ริมถนนป่าละเมาะ ริมคูน�้า ท้องไร่ท้องนาเก็บเอามาใช้ประโยชน์ ได้เสมอ นี่เปนสมุนไพร ที่ชวยในการ สรางนํ้านม วิธีการ ไปเอาผักโหมหนาม มาสัก ๒ ต้น ล้างท�ความสะอาดให้ดี ตัดเป็นท่อน ให้ได้สัก ๔ ถ้วยตวง ใส่น�้าสะอาดพอท่วม แล้วเอาขึ้นตั้งไฟ ต้มเคี่ยวให้เหลือน�้า ๑/๓ ปล่อยเอาไว้ให้เย็น ดื่มเป็นยาได้ทันที ใช้ดื่มเช้า กลางวัน และเย็น ครั้งละ ๑ แก้ว อีกอย่างหนึ่ง อาจจะเอาผักโหมหนามนี้มาท�แกงเลียงก็ได้ โดยเด็ดเอาส่วนยอด และใบ มาแกงเลียงรับประทานเป็นอาหารด้วยก็ดี เอามาแกงจืดก็ได้ เพราะผักโหมหนามนี้ แกงจืดได้อร่อยด้วย เอามาแกงจืดใส่หมูน�้านมของมารดาจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ö | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน สมุนไพรเพิ่มนํ้านม สตรีเมื่อคลอดแล้วร่างกายก็จะเสื่อมลงอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองจึงจะต้อง มีการบ�รุงร่างกายให้ดี เอาใจใส่ต่อสุขภาพให้มากในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การพักผ่อน ต้องปฏิบัติตนเองให้ดีที่สุด เรื่องของยาที่จะเอามาใช้ต้องระมัดระวัง เรื่องสุขภาพ การใช้ยาสมุนไพรเพื่อเพิ่มน�้านมกับตัวเอง เพื่อประโยชน์ของลูกน้อยที่ คลอดออกมานั้นมีความส�คัญเป็นอันมาก มีสมุนไพรหลายชนิดที่เอามาเพิ่ม น�้านมได้ดี


ชื่อวิทยาศาสตร์ Musa spp. ชื่อวงศ์ MUSACEAE หัวปลี หัวปลีนั้นเป็นสมุนไพรเพิ่มน�้านมอีกชนิดหนึ่ง รวมทั้งเป็นสมุนไพรอย่างหนึ่ง เป็นผักอีกด้วย ความจริงหัวปลีนี้ก็เป็นดอกกล้วยนั่นเอง เมื่อกล้วยออกเครือแล้ว หัวปลีจะคงอยู่ น�เอามาเป็นผักรับประทานได้ วิธีการ เอาหัวปลีมาปลอกจนเหลือข้างในเป็นสีขาว อ่อนกรอบ เอามาผ่าแล้ว หั่นซอยเป็นชิ้นบาง ๆ แช่เอาไว้ในน�้ามะนาวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความด�ไม่น่า รับประทาน เอาหัวปลี มาแกงเลียง ใส่กุ้งแห้ง กุ้งสด ใบแมงลัก ได้ตามที่ชอบแล้ว น�มารับประทาน มารดาจะมีนํ้านมเพิ่มมากขึ้นกวาปกติ ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ÷


กุยชาย ชื่อวิทยาศาสตร์ Allium tuberosum Rottler ex Spreng. ชื่อวงศ์ AMARYLLIDACEAE ต้นกุยช่าย นี้ก็เช่นเดียวกัน เอามาปรุงอาหาร ให้มารดาที่คลอด รับประทานกันบอยๆ นํ้านมจะเกิดมีมากยิ่งขึ้นกวาปกติไดเชนกัน วิธีการ เอามาปรุงอาหารรับประทานได้เลย ไม่ว่าจะเอามาผัดหมู ไก่ เนื้อ ก็ได้ ทั้งนั้น ท�แกงจืด แกงเลียงเหมือนรับประทานเป็นอาหารได้เลย มารดาจะมีน�้านม เพิ่มมากขึ้น กระเพรา ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum tenuiflorum L. ชื่อวงศ์ LAMIACEAE คุณคา มีธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส เส้นใยอาหารสูง ความรอนจากใบกะเพรา ชวยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ชวยให มีนํ้านมมากขึ้น ช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ในเด็กด้วย วิธีการ น�ไปประกอบอาหารได้หลายอย่างทั้งแกงเลียง หรือแกงป่า ø | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน


ขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe. ชื่อวงศ์ ZINGIBERACEAE คุณคา มีโปรตีน ไขมัน แคลเซียม วิตามินเอ บีหนึ่ง บีสอง คาร์โบไฮเดรต ขิง ช่วยขับลม แก้อาเจียน ช่วยย่อยไขมันได้ดี ลดการบีบตัวของล�ไส้ บรรเทาอาการ ปวดท้องเกร็ง ขับเหงื่อ เพิ่มการไหลเวียนเลือด ทำใหนํ้านมไหลไดดีลดอาการ อาเจียน และเชื่อว่าเมื่อคุณแม่กินเข้าไป สรรพคุณที่ดีของขิงจะผ่านทางน�้านม ไปสู่ลูก ท�ให้ลูกไม่ปวดท้อง วิธีการ น�ไปย�ขิง ย�ปลาทูใส่ขิง ไก่ผัดขิง มันหรือถั่วเขียวต้มน�้าขิง ไข่หวาน น�้าขิงต้มอุ่นๆ โจ๊กใส่ขิง ใบแมงลัก ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum africanum Lour. ชื่อวงศ์ LAMIATAE คุณคา มีธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินบี และวิตามินซีสูง วิธีการ ใส่แกงเลียง กินสด แกล้มกับขนมจีน หรือใส่แกงป่า ต่างๆ ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ù


ñð | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน พริกไทย ชื่อวิทยาศาสตร์ Piper nigrum L. ชื่อวงศ์ PIPERACEAE คุณคา มีน�้ามันหอมระเหย โปรตีน สรรพคุณ มีรสรอน ทำใหนํ้านมไหลไดดี ขับลม ขับเหงื่อ วิธีการ ใส่ในแกงเลียง ใส่ในผัด มะละกอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Carica papaya L. ชื่อวงศ์ CARICACEAE คุณคา มีธาตุเหล็กและแคลเซียมสูง ฟอสฟอรัส วิตามินเอ บี ซี และมีเอนไซม์ ที่ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย รวมถึงมีเสนใย อาหาร ในปริมาณมาก สรรพคุณ ชวยขับนํ้านม บำรุงเลือด บ�รุงกระดูก สายตา ป้องกันโรคลักปิด ลักเปิด วิธีการ กินสุกเป็นผลไม้ หรือถ้าแบบดิบ มักจะน�มาใส่แกงส้ม


ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ññ เมล็ดขนุน ชื่อวิทยาศาสตร์ Artocarpus heterophyllus Lam. ชื่อวงศ์ MORACEAE คุณคา มีคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามินบีหนึ่ง ฟอสฟอรัส เหล็ก สรรพคุณ ชวยบำรุง นํ้านม ทำใหนํ้านมมีมาก บ�รุงประสาท วิธีการ เอาเม็ดขนุนต้มกินเป็นขนมทุกวันกินจนอิ่มวันละ ๑ ครั้ง กิน ๗-๑๐ วัน ฟกทอง ชื่อวิทยาศาสตร์Cucurbita moschata Duchesne. ชื่อวงศ์ CUCURBITACEAE คุณคา ฟักทองมีสารอาหารส�คัญเพื่อ บ�รุง ร่างกาย จ�นวนมาก ทั้งวิตามินเอ บี ซี ฟอสฟอรัส บีตาแคโรทีน สรรพคุณ ชวยขับนํ้านม ชวยเสริมสรางคอลลาเจน ใตผิวหนัง ท�ให้ผิวพรรณ สดใส และอาจจะชวยใหหนาทองลายนอยลง วิธีการ ท�เป็นอาหารฟักทองผัดไข่ แกงเลียงฟัก


ใบมะรุม ชื่อวิทยาศาสตร์ Moringa oleifera Lam. ชื่อวงศ์ MORINGACEAE คุณคา ใบมะรุมมีวิตามินซีสูงกว่าส้ม ๗ เท่า มีแคลเซียม สูงกว่านม ๔ เท่า มีวิตามินเอสูงกว่า แครอท ๔ เท่า มีโพแทสเซียมสูงกว่ากล้วย ๓ เท่า มีโปรตีนสูง กว่านม ๒ เท่า สรรพคุณ มะรุมมีสารอาหารที่ดีมากสำหรับมารดา และทารก มะรุมถูกน�มา ใช้รักษาโรคขาดสารอาหารในเด็กแรกเกิดถึง ๑๐ ขวบ ในกรณีของเด็กแรกเกิด การให้มะรุมท�ได้ดีที่สุดโดยผ่านทางน�้านมมารดาที่กินใบมะรุมอย่างสม�่าเสมอ สารอาหารส�คัญจะผ่านสู่ทารกได้โดยง่าย อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มแคลเซียมเข้าไป เสริมกระดูกมารดาได้เป็นอย่างดี ใบและดอกของมะรุมมีสรรพคุณในการขับนํ้านม ซึ่งปัจจุบันมีการศึกษายืนยันฤทธิ์ในการขับน�้านมของมะรุมแล้ว วิธีการ น�ไปแกงส้มใบหรือดอกมะรุม ñò | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน


ตำลึง ชื่อวิทยาศาสตร์ Coccinia grandis (L.) Voigt ชื่อวงศ์ CUCURBITACEAE คุณคา มีโปรตีน มีวิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีสอง วิตามินบีสาม วิตามินซี แคลเซียม เหล็ก เส้นใยอาหารในปริมาณมาก สรรพคุณ ชวยบำรุงนํ้านม ทำใหนํ้านมมีมาก บำรุงเลือด บ�รุงกระดูก บ�รุงสายตาบ�ารุงผม บ�รุงประสาท วิธีการ น�ไปแกงเลียงต�ลึง หรือแกงกะทิลูกต�ลึง ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ñó


ñô | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน มะขาม ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tamarindus Indica L. ชื่อวงศ์ : FABACEAE


โดยทั่วไปการอาบน�้าส�หรับหญิงหลังคลอดบุตรจะใชนํ้าสมุนไพรใน การอาบ เพื่อป้องกันและบรรเทาอาการวิงเวียน ผดผื่นคัน ระคายเคืองร่างกาย ป้องกันผิวหนังอักเสบ ช่วยให้เบาเนื้อเบาตัว เลือดลมไหลเวียนดี ชวยขับนํ้า คาวปลา สมุนไพรที่ใช้ในการอาบน�้าจะมีอยู่หลายชนิดแล้วแต่ถิ่นที่พอจะหาได้ หากหาสมุนไพร ได้ชนิดเดียวก็ใช้ต้มอาบได้เลย หรือหากมีสมุนไพรหลายชนิด ก็สามารถใช้ต้มรวมกันได้ก็จะยิ่งดี การใช้สมุนไพรต้มอาบนี้ จะอาบน�้าสมุนไพร ตลอดระยะเวลาที่อยู่ไฟ วันละ ๓-๔ ครั้ง โดยใช้น�้าอุ่นมากกว่าระดับอุ่นปกติออก ร้อนนิด ๆ แต่ไม่ร้อนมาก ประมาณ ๓๕-๔๐ องศา สมุนไพรที่นิยมใช้ต้มอาบ มีดังนี้ สมุนไพรใชตมนํ้าอาบ ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ñõ


ใบยานางแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Lysiphyllum strychnifolium (Craib) A. Schmitz ชื่อวงศ์ FABACEAE สรรพคุณ ล�ต้น หรือรากใช้ส�หรับสตรีหลังการคลอดบุตรขณะอยู่ไฟ จะชวย ทำให มดลูกเขาอูเร็วขึ้น ใบมะขามหรือแกนมะขาม ชื่อวิทยาศาสตร์ Tamarindus indica L. ชื่อวงศ์ FABACEAE สรรพคุณ แก่นมะขามมีส่วนช่วย เปนยาชักมดลูกใหเขาอูเร็ว ñö | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน


ใบหนาด ชื่อวิทยาศาสตร์ Blumea balsamifera (L.) DC. ชื่อวงศ์ ASTERACEAE สรรพคุณ ใบใช้เป็นส่วนผสมใน ยาสมุนไพรอาบ เพื่อรักษาอาการ ผิดเดือนสำหรับสตรีหลังคลอด ใบสมลม (เครือสมลม) ชื่อวิทยาศาสตร์ Aganonerion polymorphum Pierre ex Spire ชื่อวงศ์ APOCYNACEAE สรรพคุณ แก้ตกขาวของสตรี ผลมะกรูด ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus hystrix DC. ชื่อวงศ์ RUTACEAE สรรพคุณ แกวิงเวียน ออนเพลีย ไม่มีแรง ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ñ÷


ñø | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน ย่านางแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lysiphyllum strychnifolium (Craib) A. Schmitz ชื่อวงศ์ : FABACEAE


ถ้าจะให้ดีน�้าที่ใช้ดื่มควรจะดื่มน�้าสมุนไพรแทนน�้าเปล่าปกติ เพื่อให้ มดลูกกระชับตัวเร็ว หรือที่เรียกว่ามดลูกเข้าอู่เร็ว ไม่เจ็บปวดเมื่อยร่างกาย สมานแผล ภายใน ยังรวมไปถึงช่วยท�ให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ไม่แก่ ไม่เฒ่า ไม่เหี่ยวย่น ไม่เป็นสิว ไม่เป็นฝ้า ไม่ตกกระ ดูมีน�้ามีนวล ใช้ดื่มทั้งขณะอยู่ไฟและเลิกอยู่ไฟ ก็สามารถดื่มต่อไปเรื่อย ๆ ยิ่งดื่มมากยิ่งดี การใช้ก็เช่นเดียวกับการต้มสมุนไพรอาบ กล่าวคือ หากมีสมุนไพรชนิดเดียวก็สามารถต้มดื่มเพียงชนิดเดียวได้เลย หรือ หากมีสมุนไพรหลายชนิดก็สามารถน�มาต้มรวมกันแล้วใช้ดื่มก็ยิ่งดีเช่นกัน สมุนไพรขับเลือด ขับน�้าคาวปลา: “รากมะละกอตัวผู้ แก่นต้นมะขาม ต้นตังกอผี น�มาต้มรวมในหม้อเดียวกัน รินเอาน�้ากิน ช่วยขับเลือด” และนอกจากนั้นยังมี สมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนช่วยขับเลือด ขับลม สมุนไพรที่นิยมใช้ต้มดื่มมีดังนี้ สมุนไพรใชตมดื่ม ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ñù


ยานางแดง ชื่อวิทยาศาสตร์ Lysiphyllum strychnifolium (Craib) A. Schmitz ชื่อวงศ์ FABACEAE ส่วนที่น�ไปใช้ (ใช้ทั้งใบและเถา) ใบย่านางแดง และเถาที่แก่จัด น�้าที่ได้จากการต้มย่านางแดง สรรพคุณ ชวยใหมดลูกเขาอูเร็วขึ้น ตองแลง(นมนอย) ชื่อวิทยาศาสตร์ Polyalthia evecta (Pierre) Finet &Gagnep. ชื่อวงศ์ ANNONACEAE òð | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน สรรพคุณ ราก: ตมนํ้าดื่มขณะอยูไฟหลังคลอดบุตร


ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ๒๑


สมุนไพรแกอาการฟกชํ้า òò | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน


สมุนไพรแกอาการฟกชํ้า แผลฟกช�้า เป็นการเปลี่ยนแปลงสีผิวของผิวหนัง ซึ่งรอยช�้านั้นบ่งชี้ถึงการมี เลือดออก จากการที่เส้นเลือดใต้ผิวหนังได้รับบาดเจ็บ แล้วรวมตัวกันบริเวณใกล้ผิว ด้านบน ท�ให้มองเห็นเป็นรอยสีคล�้าด� และม่วง สาเหตุ มักเกิดขึ้นเมื่อคุณเผลอไปชนกับบางสิ่งบางอย่างเข้าอย่างแรง หรือมีของแข็ง หรือของมีน�้าหนักมากระแทกโดนตัว ถ้าคุณเป็นคนที่เกิดรอยฟกช�้าได้ง่ายโดยไม่ทราบ สาเหตุที่ชัดเจน คุณอาจมีอาการของภาวะเลือดออกผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณมีเลือดก�เดาหรือเลือดออกตามเหงือกบ่อยครั้ง คนที่มีแขนและขาผอมบาง มีโอกาสที่จะเกิดแผลฟกช�้าได้ง่าย ลักษณะรอยฟกชํ้ามีดังนี้ รอยฟกช�้ามีสีคล�้าด�และม่วง แล้วค่อยๆ จางเป็นสีเหลือง รอยฟกช�้า ถือเป็นการเปลี่ยนแปลง สีผิวของผิวหนัง เกิดจากการมีเลือดออกจากเส้นเลือด ฝอยใต้ผิวหนัง ที่ได้รับบาดเจ็บ โดยทั่วไปรอยฟกช�้านี้จะจางหายไปเองประมาณ ๒ สัปดาห์ อาจมีอาการ ปวดบวมอักเสบร่วมด้วย เจ็บหรือไม่เจ็บก็ได้ วิธีรักษาแผล ฟกช�้าที่ดีที่สุดคือการรักษาทันทีที่เป็น ตอนที่รอยฟกช�้า ยังมีสีแดงอยู่ โดยใช้วิธี ประคบเย็นที่รอยฟกช�้าทันที จะช่วยลดความเจ็บปวด และ ลดอาการบวมของรอยช�้า น�ผ้าไปจุ่มน�้าเย็นแล้ววางลงบนแผลที่ฟกช�้าทุกๆ ๒-๓ นาที ท�เช่นนี้ต่อเนื่องไป ประมาณ ๑๕ นาที ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | òó


ใบรางจืด ใช้ใบรางจืดสด ๑ ก�มือ ล้างน�้าให้ สะอาด แล้วต�ให้ละเอียด ผสมการบูรประมาณ ๑ หยิบมือ คลุกเคล้าให้ทั่วแล้วห่อด้วยผ้าขาวบาง ท�เป็นลูกประคบ ก่อนน�มาใช้ควรนึ่งให้อุ่น ใช้ประคบบริเวณที่ฟกช�้านานประมาณ ๑๐ นาที ทุกวันเช้าและเย็นจนกว่าจะหาย สมัยโบราณ จะใช้ลูกประคบที่นึ่งแล้วจุ่มใน เหล้าขาวก่อน น�มาประคบ เพราะเหล้าขาวเป็นตัวน�ยา (หรือ กษัยยา) ช่วยท�ให้สมุนไพรซึมเข้าสู่ผิวหนัง ได้ดีและชวยลบรอยฟกชํ้าไดเร็วขึ้น รางจืด ชื่อวิทยาศาสตร์ Thunbergia laurifolia Lindl. ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE ไพล ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber montanum (J.Koenig) ex A.Dietr. ชื่อวงศ์ Zingiberaceae หัวไพล ใช้ไพลประมาณ ๑ หัว ต�แล้ว คั้นเอาเฉพาะน�้าทาถูบริเวณที่มีอาการ หรือน�มาท�เป็นลูกประคบด้วยวิธีเดียว กับใบรางจืด เพื่อชวยบรรเทาปวด และลดรอยฟกชํ้าไดเช่นกัน òô | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน �มือ ล้างน�้


ขิง ชื่ออื่น ๆ : ขิงเผือก (เชียงใหม่) ขิงแดง ขิงแกลง (จันทบุรี) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Zingiber officinale Roscoe วงศ์ : ZINGIBERACEAE ส่วนที่ใช้ : ต้น ใบ ดอก ผล ราก เหง้า เปลือกเหง้า น�้ามันระเหยใช้เป็นยา สรรพคุณ : ลดการฟกชํ้าจากการหกลมหรือ กระทบกระแทก โดยใช้เหง้าสด น�มาผสม กับเหง้า พอกหรือใช้น�้าคั้นจากใบสด ๑ ถ้วย ตังกุย Angelica sinensin Diels.) ประมาณ ๑๐๐ กรัม บดเป็นผง ผสมกับเหง้ากินติดต่อกัน ประมาณ ๓ วัน โหระพา ชื่ออื่น ๆ : ห่อกวยซวย ห่อวอซุ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) อิ่มคิมขาว (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ocimum basilicum L. วงศ์ : LAMIACEAE ส่วนที่ใช้ : ทั้งต้น เมล็ด และราก สรรพคุณ : ลดการฟกชํ้าจากหกลม หรือกระทบกระแทก งูกัด วิธีและปริมาณที่ใช้ : ทั้งต้น – แห้ง ๖-๑๐ กรัม ต้มน�้าดื่ม หรือใช้สดคั้นเอาน�้าดื่ม ใช้ภายนอก ต�พอก หรือต้มน�้าชะล้าง หรือเผาเป็นเถ้าบดเป็นผง ผสมทา ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | òõ


เจตมูลเพลิงขาว ชื่ออื่น ๆ : ป๋ายฮัวตาน (จีนกลาง),แปะฮวยตัง (แต้จิ๋ว), ปิดปิดขาว (ภาคเหนือ),ตั้งชู้อ้วย,ตอชูวา (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Plumbago zeylanica Linn. วงศ์ : PLUMBAGINACEAE ส่วนที่ใช้ : ราก และใบ สรรพคุณ : ราก ใชเปนแกปวดขอ วิธีการใช : น�มาต�พอกแกฟกชํ้าหรือฝบวม ข้อห้ามใช้ : ส�หรับหญิงที่มีครรภ์ห้ามรับประทาน เป็นอันขาดเพราะจะมีสารบางอย่าง เหมือน ๆ กับเจตมูลเพลิงแดงซึ่งจะท�ให้แท้งได้ แต่ฤทธิ์ ของเจตมูลเพลิงขาวนี้จะอ่อนกว่า มะขามปอม ชื่ออื่นๆ : สันยาส่า, มั่งลู่ (กะเหรี่ยง- แม่ฮ่องสอน) ก�ทวด (ราชบุรี), กันโตด (เขมร-จันทบุรี) อิ่ว, อ�โมเหล็ก (จีน) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phyllanthus emblica L. วงศ์ : PHYLLANTHACEAE ส่วนที่ใช้ : เปลือก ล�ต้น ใบ ปมที่ก้าน ผลราก สรรพคุณ : เปลือกล�ต้น ใช้เปลือกล�ต้นแห้งแล้ว น�มาบดให้เป็นผงละเอียด ใชโรยแกบาดแผล เลือดออก แผลฟกชํ้า หรือน�มาต้มเอาน�้ากินเป็นยาแก้โรคบิด เป็นต้น òö | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน


จอก ชื่ออื่น ๆ : ผักกอก (เชียงใหม่), กากอก (ภาคเหนือ) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pistia stratiotes L วงศ์ : ARACEAE ส่วนที่ใช้ : ใบ สรรพคุณ : ใบ น�ใบที่เจริญเติบโต เต็มที่และควรจะเก็บใบในหน้าร้อนถึงจะดี น�มาล้างให้สะอาด ตัดรากออกให้หมด พยายามอย่าให้รากติดได้ยิ่งดี น�มาตากแห้ง ซึ่งจะมีรสเค็ม เย็น และฉุนจะเป็นยา แกหัดผื่นหรือมีนํ้าเหลืองแกบอบชํ้า ใบสด ผสมกับน�้าตาลกรวดด�อุ่นให้ร้อนใช้ ¾Í¡ºÃÔàdz·Õèä´ŒÃѺ ¡ÒáÃзº¡ÃÐà·×͹ ËÃ×Í¿¡ªíéÒ ขอหามใช ๑. รากมีพิษเล็กน้อย เวลาที่เราน�ใบมาต้มควรจะล้างให้สะอาดและตัดรากออก ให้หมด ๒. สตรีที่ตั้งครรภ์ห้ามรับประทาน ๓. จอกเป็นพรรณไม้ที่ดูดสารมีพิษได้ดีมาก ฉะนั้นถ้าขึ้นอยู่ในท้องน�้าที่เป็นพิษ หรือต้นมีรสขม อย่าน�มารับประทาน ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ò÷


òø | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน เครือเขาคลอน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dregea vollubilis (L.f.) Benth.ex Hook.f. ชื่อวงศ์ : APOCYNACEAE


สมุนไพรลดอาการอักเสบ ชื่ออื่นๆ : ลิลัว (ภาคเหนือ) พลับพลึง (ภาคกลาง) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Crinum asiaticum L. var. asiaticum วงศ์ : AMARYLLIDACEAE ส่วนที่ใช้ : ใบ สรรพคุณ : ชวยแกอาการปวดบวม ฟกชํ้าดำเขียว ÍÒ¡ÒÃ เคล็ดขัดยอก ข้อเท้าพลิกแพลงได้ วิธีการใช้ : น�ใบพลับพลึงน�มา อังไฟพอตายนึ่งหรือลนไฟอ่อนๆ จนให้ใบนิ่มอ่อนตัวลง แล้วน�มา พันรอบบริเวณที่ฟกช�้า ท�เช่นนี้ ทุกวันเช้าและเย็นจนกว่าจะหาย ช่วยลดอาการปวดบวมได ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | òù ลิลัวหรือพลับพลึง


บอระเพ็ด ชื่อสมุนไพร บอระเพ็ด ชื่อวิทยาศาสตร์ Tinospora crispa (L.) Hook.f. & Thomson ชื่อวงศ์ MENISPERMACEAE ชื่อพื้นเมือง บอระเพ็ด (ทั่วไป) เครือเทาฮอ,จุ่มจิง,จุ้งจะลิง (ภาคเหนือ) เจตมูลหนาม (หนองคาย) ตัวเจตมูลยานเถาหัวด้วน (สระบุรี) หางหนู (สระบุรี), อุบลราชธานี) จุ้งจาลิงตัวแม่ สรรพคุณ ราก แก้ไข้เหนือ ไข้สันนิบาต แก้ไข้พิษ ไข้จับสั่น ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ เจริญอาหาร ตน แก้ไข้ แก้ไข้พิษ แก้ไข้กาฬ แก้ไข้เหนือ บ�รุงก�ลัง บ�รุงธาตุ แก้อาการ แทรกซ้อน ขณะที่เป็นไข้ทรพิษ แก้ไข้เพื่อโลหิต แก้เลือดพิการ แก้ร้อนใน กระหายน�้า แก้สะอึก แก้พิษฝีดาษ óð | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน


ใบ แก้ไข้ แก้ไข้พิษ แก้ไข้กาฬ แก้ไข้จับสั่น ขับพยาธิ แก้ปวดฝี บ�รุงธาตุ ยาลดความร้อน ทำใหผิวพรรณผองใส หน้าตาสดชื่น รักษาโรคผิวหนัง ผดผื่นคัน ตามร่างกาย ช่วยให้เสียงไพเราะ แก้โลหิตคั่งในสมอง เป็นยาอายุวัฒนะ ดอก ฆ่าพยาธิในท้อง ในฟัน ในหู ผล แก้เสมหะเป็นพิษ แกไขพิษ แก้สะอึก และสมุฎฐานก�เริบ ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | óñ


เครือเขาคลอน ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dregea volubilis (L.f.) Benth.ex Hook.f. วงศ์ : APOCYNACEAE ชื่ออื่นๆ : กระทุงหมาบ้า กระทงหมาบ้า คันชุนสุนัขบ้า (ภาคกลาง), เครือเขาคลอน (อุบลราชธานี), เครือเขาหมู (ภาคเหนือ),ผักง่วนหมู ต้นง่วนหมู หัวเขาคอน (ร้อยเอ็ด), ผักฮ้วนหมู (เชียงใหม่), มวนหูกวาง (เพชรบุรี), ฮ้วนหมู (ภาคเหนือ) ลักษณะทางพฤกษศาสตร ไมเถา : เนื้อแข็ง มียางขาว ยาวได้ถึง ๑๐ ม. เถาอ่อน สีเขียว เถาแก่สีน�้าตาล ผิวกิ่งตะปุ่มตะป�่า และมีช่องอากาศ ใบ : เดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่หรือ เกือบกลม กว้าง ๕-๑๐ ซม. ยาว ๗.๕-๑๕ ซม. ปลายแหลม โคนเว้า หรือป้าน ก้านใบยาวประมาณ ๔ ซม. ชอดอก : แบบช่อกระจุก ออกตามง่ามใบหรือระหว่าง ก้านใบ เส้นผ่านศูนย์กลางดอกประมาณ ๑ ซม. กลีบเลี้ยง ๕ กลีบ กลีบดอก ๕ กลีบ สีเขียวอ่อนบิดเวียนกัน เส้าเกสร ๕ กลีบ ฝก : ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ยาว ๗.๕-๑๐ ซม. โคนป่องแล้วค่อยๆ เรียวไปหาปลาย มีครีบตามยาว ผิวมีขนสีน�้าตาลอ่อนนุ่มคล้ายก�มะหยี่ óò | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน เดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่หรือ เกือบกลม


เมล็ด : สีน�้าตาลอมเหลือง รูปไข่หรือรีกว้าง โค้งเว้า ผิวเรียบ เป็นมันวาว ขอบบางเป็นครีบ มีพู่ขน สีขาวเป็นมันอย่างเส้นไหม การขยายพันธุ : เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นตามบริเวณชายป่า ขยายพันธุ์ด้วยวิธีปักช� การกระจายพันธุ : อินเดียจนถึงจีนตอนใต้ ไต้หวัน ภูมิภาคอินโดจีน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ สวนที่ใช : ล�ต้น ใบ ผล ราก เถา สรรพคุณ : ลำตน แก้โรคตา แก้หวัด ท�ให้จาม พิษงูกัด ใบ แกแผลที่ถูกนํ้ารอนลวก แกบวม แก้ฝี วิธีใช้โดยการน� ใบสด มาต�ให้ละเอียดแล้วใช้ทา ราก ท�ให้อาเจียน ขับพิษร้อน กระทุ้งพิษ พิษฝี พิษไข้หัว ไข้กาฬ แก้ปัสสาวะพิการ แก้พิษน�้าดีก�เริบ ช่วยให้นอนหลับ ผล เป็นยารักษาโรคให้สัตว์ เถา เป็นยาเย็นขับปัสสาวะ ถิ่นที่อยู : เครือเขาคลอนเป็นพรรณไม้ที่มีขึ้นตามบริเวณป่าดิบ หรือ ป่าราบ ทั่วไปในประเทศไทย ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | óó


สมุนไพรเครือเขาคลอน (แคปซูล) วัตถุดิบ ๑. เครือเขาคลอน ๑ กิโลกรัม อุปกรณ์ ๑. กระจาด ๒. มีด ๓. กะละมัง ๔. เครื่องบดละเอียด ๕. เตาอบ/เครื่องอบ ๖. เครื่องบรรจุแคปซูล ๗. แคปซูล ๓๐๐ เม็ด วิธีทำ ๑.จัดหาเครือเขาคลอนตามป่าชุมชน ให้เลือกต้นที่มีอายุ ประมาณ ๑๐ ปี ขึ้นไป ล�ต้นใหญ่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๕ เซนติเมตรขึ้นไป ๒. น�มาล้างดินด้วยน�้าให้สะอาด แล้วขูดเปลือกออกให้หมดแล้วท�ความสะอาด óô | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน


๓. จากนั้นน�มาฝานให้เป็นแผ่นบางๆ ๔. พึ่งลมให้แห้ง ประมาณ ๒ วัน / อบแห้งประมาณ ๖๐ นาที ให้แห้ง ๕. น�เครือเขาคลอนที่แห้งมาท�การบดละเอียด ๖. จากนั้นน�มาบรรจุในแคปซูลที่เตรียมไว้บรรจุใส่ภาชนะ ติดฉลากให้เรียบร้อย เป็นอันเสร็จสิ้น สรรพคุณในการรักษา : รักษาอาการปวดขอ ปวดกระดูก วิธีการรับประทาน : รับประทาน ครั้งละ ๑-๒ แคปซูล วันละ ๓ มื้อ ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | óõ


óö | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน ชะมวง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Garcinia cowa Roxb. ex Choisy ชื่อวงศ์ : CLUSIACEAE


ผลผลิต ผลิตภัณฑ จากสมุนไพร ทานาคา ผลิตภัณฑจากกระแจะ ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ó÷


กระแจะ (ทานาคา) ชื่อวิทยาศาสตร์ Naringi crenulata (Roxb.) Nicolson ชื่อวงศ์ RUTACEAE ชื่อสามัญ กระแจะ ชื่อพื้นเมือง กระแจะ, ขะแจะ (ภาคเหนือ), ตุมตัง (ภาคกลาง) ลักษณะวิสัย ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง ๓-๘ เมตร กิ่งก้านมีหนาม ลักษณะใบ ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อย ๔-๑๓ ใบ รูปวงรี แกมไข่กลับ ก้านใบแผ่เป็นปีก ลักษณะดอก ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ กลีบดอกสีขาว ลักษณะผล ผลสด รูปทรงกลม สรรพคุณ ต�รายาไทยใช้ ใบ แก้ลมบ้าหมู ราก เป็นยาถ่าย ผล เป็นยาบ�รุง แกน ดองเหล้ากินแก้กษัย (การป่วยที่เกิดจากหลายสาเหตุ ท�ให้ร่างกายเสื่อมโทรม ซูบผอม โลหิตจาง) โลหิตพิการ ดับพิษร้อน ยาพื้นบ้านใช้ ตน ต้มน�้าดื่ม ครั้งละ ครึ่งแก้ว วันละ ๓ ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น แก้ปวดตามข้อ ปวดเมื่อย เส้นตึง แก้ร้อนใน แก้โรคประดง (อาการโรคผิวหนังมีผื่นคัน เป็นเม็ดขึ้นคล้ายผด คันมาก มักมีไข้ร่วมด้วย) เนื้อไมและเปลือก มีสีเหลืองออนบดเปนผงมีกลิ่นหอมออนๆ ใชทาประทินผิว ทำใหผิวเนียนออกสีเหลือง ชาวพมานิยมใชกันมากเรียกวา "ทานาคา” óø | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน


ภาพที่ ๑ ลักษณะลำตน และใบ ภาพที่ ๒ ดอก และผล ทานาคา ผลิตภัณฑจากกระแจะ สาวพม่าใช้ทานาคามานานกว่า ๒๐๐ ปี แทบทุกบ้านมักมีท่อนไม้ทานาคา วางไว้คู่กับกระจกเสมอ เวลาใช้ก็นำเอาทอนไมทานาคามาฝน กับแผนหิน เจือดวยนํ้าเล็กนอย แลวใชทาเรือนรางโดยเฉพาะใบหนา ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | óù


ทานาคา มีสารตอตานอนุมูลอิสระอยูสูงมาก ที่เปลือกของทานาคา มีสาร OPC เช่นเดียวกับ ที่พบในเปลือกสนฝรั่งเศส และที่เนื้อในของ ทานาคามีสาร Curcuminoid ที่มักพบ ในขมิ้นชันที่ประเทศไทย ท�าให้ทานาคา มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะต่อต้านความเสื่อม ของเซลล์และยังช่วยป้องกันการเกิดสิว ด้วยคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และช่วย ลดผดผื่นคัน ลดการเกิดจุดด่างด� และฝ้ามีฤทธิ์ลดการสรางเม็ดสีเมลานิน และยังช่วยป้องกันการท�ลายผิวจากรังสียูวี ผงทานาคาที่ดีจะต้องมาจากไม้ทานาคาที่ตากแห้งตามธรรมชาติและน�มาบด เป็นผงให้ละเอียด โดยจะมีสรรพคุณในการชะลอความชราของผิวได้ดีในการ ต้านอนุมูลอิสระของทานาคา ที่มีประสิทธิภาพสูง และคงตัวได้ดี ไม่สลายไป เมื่อโดนออกซิเจน เหมือน วิตามินซี หรือ วิตามินอี วิธีการใชทานาคา ๑. ฝนกับน�้าสะอาดธรรมดา ไม่ต้องอุ่น ไม่ต้องเย็น ๒. ถ้าหน้าเป็นสิวอักเสบสามารถใช้ได้แต่ห้ามขัดโดยเด็ดขาด ๓. ทานาคาเหมาะที่จะขัดกับคนที่ไม่มีสิวแล้ว และไม่ว่าจะผิวแห้งผิวมัน ผิวผสม ขัดให้เบามือโดยการลูบเบาที่ผิวหน้า ห้ามกดแรงลงบนนิ้วขณะขัดและขัดประมาณ ๕ นาที แล้วทิ้งไว้จนแห้ง ôð | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน


๔.ท�การล้างด้วยน�้าธรรมดา ห้ามล้างด้วยน�้าอุ่นโดยเด็ดขาด โดยการเปิดฝักบัว เบาๆ แล้วปล่อยให้ราดลงบนผิวหน้าไปประมาณ ๒-๓ นาที แล้วจึงใช้ฝ่ามือลูบเบาๆ เพื่อให้สะอาด ๕. จากนั้นน�น�้าผึ้งผสมน�้าเปล่าธรรมดา ทาหน้าทิ้งไว้โดยนวดเล็กน้อย ทิ้งไว้ ประมาณ ๑๐ นาที จึงล้างออก ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ôñ


สรรพคุณในการประทินผิว ๑. ปรับผิวขาวขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ปลอดภัย เพราะเป็นสมุนไพร ๒. ลด ฝ้า กระ จุดด่างด� รักษารอยแผลเป็นต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๓. รักษาผดผื่น คัน ผิวอักเสบแดง อาการแพ้ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว สามารถใช้ ผสมน�้าทาให้เด็กๆที่เป็นผื่นได้ ๔. ควบคุมความมัน ท�ให้สิวอักเสบ แห้งเร็ว และยุบตัว และไม่ให้เกิดสิวใหม่ ๕. ต่อต้านริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดริ้วรอยที่มีอยู่ให้ผิวคงความอ่อนเยาว์ ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ๖. ป้องกันแสงแดดให้กับผิวได้อย่างดี โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ๗. ระงับกลิ่นตามร่างกาย ôò | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน


ขอมูลดานเศรษฐกิจ การตลาด - เนื้อไม้ผง กิโลกรัมละ ๔๐๐ บาท - ไม้ทานาคา (ท่อน) ท่อนละ ๙๐ บาท (ยาว ๑๐ ซม.) ส�รวจเมื่อ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ณ อ�เภอ แม่สาย จังหวัดเชียงราย ผลิตภัณฑแปรรูปจากทานาคา ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ôó


การทำยาสีฟนจากใบขอย ชื่อทั่วไป : ข่อย ชื่อท้องถิ่น : กักไม้ฝอย (ภาคเหนือ), ข่อย (ทั่วไป), ซะโยเส่ (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน), ตองขะแหน่ (กะเหรี่ยงกาญจนบุรี), ข่อย(ร้อยเอ็ด), สะนาย (เขมร) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Streblus asper Lour. ลักษณะทางพฤกษศาสตร ตน : เป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงถึง ๕-๑๐ เมตร เปลือกสีเทาอม เขียว เปลือกในสีขาวหนา ผิวเรียบบาง มักมีขนอยู่โดยทั่วไป มียางขาวข้น แตกกิ่ง ก้านหนาแน่น ใบ : เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กลับหรือรูปรี กว้าง ๒-๔ เซนติเมตร ยาว ๔-๘ เซนติเมตร โคนสอบแคบ ปลายแหลมและมีติ่งแหลมสั้น ผิวใบทั้ง ด้านบน และด้านล่างหนามาก สากคายเหมือนกระดาษทราย ขอบใบหยักฟันเลื่อย ก้านใบสั้นมาก ยาว ๑-๓ มิลลิเมตร หูใบรูปหอก ยาว ๒-๕ มิลลิเมตร มีขนราบ หลุดร่วงง่าย เส้นใบที่โคนมี ๑ คู่ สั้น ไม่มีต่อม ôô | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน ยาว ๔-๘ เซนติเมตร โคนสอบแคบ ปลายแหลมและมีติ่งแหลมสั้น ผิวใบทั้ง ด้านบน ขอบใบหยักฟันเลื่อย ก้านใบสั้นมาก ยาว ๑-๓ มิลลิเมตร หูใบรูปหอก ยาว ๒-๕ มิลลิเมตร มีขนราบ


ดอก : ออกเป็นช่อตามซอกใบ สีเขียวอ่อน มีกลิ่นหอม ดอกย่อย มีขนาดเล็กมาก ดอกแยกเพศ ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน ช่อดอกเพศผู้เป็นกระจุกกลม มี ๕-๑๕ ดอก เส้นผ่านศูนย์กลางยาว ๖-๑๐ มิลลิเมตร ก้านช่อดอกยาว ๓-๑๕ มิลลิเมตร มีขนเล็กน้อย หรือเกลี้ยง มีใบประดับเล็ก ๆ ๑-๒ ใบ ที่โคนก้านใบ บางครั้งพบมีอีก ๑ ใบ บนก้าน และมีใบประดับเล็กๆ อีก ๒-๓ ใบ ที่ปลายก้าน ดอกเพศผู้มีก้านสั้น กลิ่นหอม มีส่วนต่าง ๆ จ�นวน ๔ วงกลีบรวม ยาว ๑ มิลลิเมตร มีขนเล็กน้อย เกสรเพศผู้สีขาว ดอกเพศเมียออกเดี่ยว มีก้านยาว กลีบดอกสีเขียว ปนเหลือง มีก้านดอกเล็ก ยาว ๑-๔ มิลลิเมตร มีขนเล็กน้อย ใบประดับมี ๒ ใบ รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๑-๒ มิลลิเมตร แนบไปกับวงกลีบรวม วงกลีบรวมยาว ๒ มิลลิเมตร รูปไข่แหลม มีขนเล็กน้อย ก้านเกสรเพศเมียยาว ๑ มิลลิเมตร และ ยาวขึ้นถึง ๖-๑๒ มิลลิเมตร เกลี้ยง ออกดอกช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ผล : รูปกลม หรือรูปไข่ ผลสด ขนาดประมาณ ๐.๘ เซนติเมตร มีเมล็ดเดียว ผลแก่สีเหลืองหรือส้ม ฉ�่าน�้า เมื่อแรกรวมอยู่กับวงกลีบรวมที่ใหญ่ขึ้น ยาว ๕-๘ มิลลิเมตร ต่อไปเมื่อแก่จะโผล่จากวงกลีบรวม และวงกลีบรวมจะงอพับ มีกลีบเลี้ยง สีเขียวหุ้ม ปลายผลมีก้านเกสรตัวเมียคล้ายเส้นด้ายติดอยู่ ก้านผลยาว ๗-๒๗ มิลลิเมตร เมล็ดกลม กว้าง ๔-๕ มิลลิเมตร สีขาวแกมเทา นิเวศวิทยาและการกระจายพันธุ พบในประเทศอินเดีย จีนตอนใต้ จนถึงมาเลเซีย ในประเทศไทยพบขึ้น ทั่วไปตามที่ลุ่มและป่าละเมาะ ที่ระดับความสูงใกล้น�้าทะเลจนถึง 600 เมตร ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ôõ


การใชประโยชน ๑. ต�รายาไทย - กิ่งสด ขนาดเล็กน�มาทุบใช้สีฟัน ท�ให้เหงือกและฟันแข็งแรง - เปลือกตน รสเมาฝาดขม น�มาต้มใส่เกลือให้เค็มใช้รักษาโรคร�มะนาด แก้โรคฟัน รักษาฟันให้แข็งแรง แก้ปวดฟัน ดับพิษในกระดูกในเส้น แก้พยาธิผิวหนัง เรื้อน มะเร็ง หุงเป็นน�้ามันทาหัวริดสีดวง ปรุงเป็นยาแก้ท้องร่วง - เปลือก ใช้มวนสูบรักษาริดสีดวงจมูก เปลือกต้นต้มกับน�้าใช้ชะล้างบาดแผล และโรคผิวหนัง - ราก รสเมาฝาดขม ปรุงเป็นยารักษาแผลเรื้อรัง แก้โรคคอตีบ เป็นส่วนผสม ในยารักษากระดูก ปวดเส้นประสาทและปวดเอว ฆ่าพยาธิ - เปลือกราก รสเมาขมบ�รุงหัวใจ พบมีสารบ�รุงหัวใจ - ใบ รสเมาเฝื่อน น�้าต้มแก้โรคบิด ใบข่อยคั่วชงน�้าดื่มก่อนมีประจ�เดือน ส�หรับสตรีที่มักมีอาการปวดท้องขณะมีประจ�เดือน จะบรรเทาอาการปวด ประจ�เดือน ใบคั่วกินแก้โรคไต ขับน�้านม แก้บิด ใช้ภายนอกแก้โรคริดสีดวงทวาร ต�ผสมข้าวสารคั้นเอาน�้าดื่มครึ่งถ้วยชา ท�ให้อาเจียนถอนพิษยาเบื่อยาเมา หรืออาหารแสลง ชงกับน�้าร้อนดื่มระบายท้อง แก้ปวดท้องขณะมีประจ�เดือน แก้ปวดเมื่อย บ�รุงธาตุ ยาระบายอ่อนๆ ขับผายลม แก้ท้องอืดเฟ้อ - ตน ต้มใส่เกลือ แก้ฟันผุ กระพี้ รสเมาฝาดขม แก้พยาธิ แก้มะเร็ง ฝนกับ น�้าปูนใสทาแก้ผื่นคัน เยื่อหุ้มกระพี้ รสเมาฝาดเย็น ขูดเอามาใช้ท�ยาสูบแก้ริดสีดวงจมูก ôö | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน


- ผล รสเมาหวานร้อน บ�รุงธาตุ แก้ลม แก้กระษัย ขับลมจุกเสียด เป็นยาอายุวัฒนะ - เมล็ด รสเมามันร้อน เป็นยาอายุวัฒนะ บ�รุงธาตุเจริญอาหาร ขับผายลม แก้ท้องอืดเฟ้อ แก้โลหิตและลม ขับลมในล�ไส้ ๒. ต�รายานครราชสีมา - ใบ แก้ท้องเสียโดยน�ใบ ๑ ก�มือ ต�ให้แหลกผสมกับน�้าประมาณ ครึ่งแก้วดื่ม - เปลือกตน แก้ร�มะนาด โดยน�เปลือกผสมกับเกลือทะเลอย่างละเท่าๆ กัน ต้มให้เกลือละลาย อมเช้า-เย็น หลังอาหารและก่อนนอน ๓. ต�ราเภสัชกรรมล้านนา - ใบ เปลือก ราก และเมล็ด รักษาอาการไอ ขับเสมหะ แก้เจ็บคอ รักษาเหงือก แก้ปวดฟัน ๔. ประเทศพม่า - เปลือกตน แก้ท้องร่วง แก้ปวดฟัน ช่วยให้ฟันแข็งแรง ต้มน�้ากินแก้ไข้ แก้บิด แก้ท้องเสียและแก้มะเร็ง เป็นยาอายุวัฒนะ ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน | ô÷


ยาสีฟนจากใบขอย วัตถุดิบ ๑. ใบข่อยสด ๓ กิโลกรัม ๒. ถ่าน ๑ กิโลกรัม ๓. การบูร ๑ ขีด ๔. พิมเสน ๑ ขีด ๕. เกลือแกง ๑ ขีด ๖. สารส้ม ๑ ขีด ๗. เมลทอล ๑ ขีด ใบขอย ๑. ล้างให้สะเด็ดน�้า ตากแดด ๒ แดด จับดูให้ใบข่อยกรอบ ๒. น�ไปบดในครก แล้วน�ผงใบข่อยที่ได้ใส่ลงในเครื่องร่อน (ร่อนที่ความละเอียด ตะแกรง ๑๐๐) เพื่อแยกเอาผงข่อยที่ละเอียดออกมา หมายเหตุ : วัตถุดิบทั้งหมดให้ชั่งน�้าหนักก่อน แล้วจึงบดละเอียด ôø | ประโยชน์องค์ความรู้ ภูมิปัญญาสมุนไพร จากป่าชุมชน


Click to View FlipBook Version