§”π”
Àπ—ß ◊Õ·∫∫‡√’¬π™ÿ¥πÈ’ ®—¥∑”¢÷Èπμ“¡À≈—° Ÿμ√Õ‘ ≈“¡»÷°…“¿“§øí√Æ˝Õ—¬πå
ª√–®”¡— ¬‘¥ (μ“¥’°“) æÿ∑∏»—°√“™ 2548 ‚¥¬°”Àπ¥ “√–°“√‡√’¬π√⟄π
·μà≈–°≈¡àÿ “√–·μ≈à –Àπ«à ¬°“√‡√¬’ π√⟄À‡â ªìπ‰ªμ“¡¡“μ√∞“πÀ≈°— Ÿμ√ ·≈–¡“μ√∞“π
°“√»÷°…“ ´Ë÷ß§≥–ºŸâ®—¥∑”‰¥â∑”°“√«‘‡§√“–ÀåÀ≈—° Ÿμ√∑È—ßÀ¡¥μ“¡≈”¥—∫¢È—πμÕπ
‡æÕË◊ °”Àπ¥‡πÕÈ◊ À“ “√–°“√‡√¬’ π√Ÿâ ·≈–§«“¡ π„®¢Õߺ‡âŸ √¬’ π „π·μ≈à –Àπ«à ¬°“√‡√¬’ π√âŸ
ºŸâ‡√’¬π®–‰¥â√—∫§«“¡√Ÿâ ·≈– “¡“√∂𔉪„™â‰¥®â √‘ß„π™’«μ‘ ª√–®”«π—
Àπ—ß ◊Õ·∫∫‡√’¬π™ÿ¥πÈ’ ®–‡ªìπª√–‚¬™πåμàÕ°“√‡√’¬π°“√ Õπ¿“§øí√Æ˝Õ—¬πå
ª√–®”¡— ¬‘¥ Õ¬à“߉√°Áμ“¡À“°¡’¢âÕ∫°æ√àÕßÀ√◊Õ¡’¢âÕ‡ πÕ·π–„¥Ê‡°Ë’¬«°—∫
·∫∫‡√’¬ππÈ’ ¢Õ‰¥â‚ª√¥·®âß„Àâ ”π—°ß“π§≥–°√√¡°“√Õ‘ ≈“¡ª√–®”®—ßÀ«—¥ ߢ≈“
‡æË◊Õ®–‰¥âª√—∫ª√ÿß·°â ‰¢μàÕ‰ª ◊∫‡πË◊Õß®“°‡ªìπ·∫∫‡√’¬π™ÿ¥π’ȇªìπ™ÿ¥·√°∑Ë’∑“ß
”π—°ß“π§≥–°√√¡°“√Õ‘ ≈“¡ª√–®”®—ßÀ«—¥ ߢ≈“ ‚¥¬ΩÉ“¬°“√»÷°…“√à«¡°—∫
¡“§¡§√Ÿ Õπ»“ π“Õ‘ ≈“¡¿“§øí√Æ˝Õ—¬πå (¿“§∫—ß§—∫) ®—ßÀ«—¥ ߢ≈“ ‰¥â√à«¡°—π
®¥— ∑” Õ“®®–¡¢’ Õâ ∫°æ√àÕßÀ√Õ◊ ‰¡à ¡∫Ÿ√≥å„π∫“ß°≈ÿ¡à “√–°“√‡√¬’ π√Ÿâ
·≈–À«—߇ªìπÕ¬à“߬ˑ߫à“Àπ—ß ◊Õ·∫∫‡√’¬π™ÿ¥π’È ®–™à«¬„Àâ°“√‡√’¬π√ŸâÕ‘ ≈“¡
»÷°…“¢Õß∫ÿμ√À≈“π‡ªìπ‰ªμ“¡‡ªÑ“À¡“¬∑Ë’∑ÿ°§π¡àÿßÀ«—ß ´Ë÷ß®–¬—ߺ≈μàÕ°“√æ—≤π“
‡¬“«™π¡ÿ ≈‘¡ ß— §¡¡ÿ ≈¡‘ ·≈–™“μ‘∫â“π‡¡Õ◊ ßμàÕ‰ª
(π“¬√Õ‡´¥Á ‡∫Áπ·À≈–·Àπ–)
À«— Àπ“â ΩÉ“¬°“√»÷°…“ ”π—°ß“π§≥–°√√¡°“√Õ ‘ ≈“¡ª√–®”®ß— À«—¥ ߢ≈“
ÊÒúÑÞ 1
5
º··Õè 1 ÍÑÅËдÕÉ 8
º··èÕ 2 ËŒÒÁÊÒºÒ¹à·ç¨ 12
º··Õè 3 ¡Ò÷íÒ¤ÇÒÁ´äÕ ´·Œ Ø¡ÃٻẺ 15
º··èÕ 4 ÁÒÃÂҷ㹡ÒÃÃѺ»ÃзҹÍÒËÒà 18
º··Õè 5 ¡ÒÃäÁ´‹ ‹ÒNjҺԴÒÁÒôҵ¹àͧ 22
º··èÕ 6 Ê·Ô ¸ÔÁÊØ ÅÔÁ 25
º··èÕ 7 ¡Ò÷Òí »ÃÐ⪹à¾×èÍʋǹËÇÁ 28
º··Õè 8 ¡Òõͺ᷹¢Í§¼·ŒÙ Õ¢è Ò´¤ÇÒÁàÁµµÒ 31
º··èÕ 9 Ê·Ô ¸àÔ ¾Í×è ¹ºÒŒ ¹ 34
º··èÕ 10 »Ãеá٠˧‹ ¡Ò÷Òí ¤ÇÒÁ´Õ 37
º··Õè 11 ¡Ò÷íÒ¤ÇÒÁ´µÕ ‹Í¾‹ÍáÁ‹ 42
º··Õè 12 ¤íÒ¡Å‹ÒÇàÁè×ÍàÊÃ¨ç ¨Ò¡¡ÒûÃЪÁØ 47
º··èÕ 13 »ÃÐàÀ·¢Í§ÍÅÑ ËдÉÕ
º··Õè 14 ¡ÒÃÃÙŒ¨Ñ¡ãª»Œ ÃÐ⪹
บทที่ 1 อลั หะดษี
ความหมายของอัลหะดีษ
ความหมายทางภาษา
คำ�วา่ อลั หะดษี ในภาษาอาหรับมคี วามหมายดงั น้ี
1. แปลว่า ใหม่ ซึ่งตรงข้ามกับคำ�ว่า กอดีม ซึ่งแปลว่า เก่า
2. แปลว่า คำ�พูด เช่น อัลหะดีษของอับดุลลอฮฺ หมายถึง คำ�พดู ของ
อับดุลลอฮฺ เป็นต้น
ความหมายทางวชิ าการ
อัลหะดีษ คือ คำ�พูด การกระทำ� การยอมรับ และคุณลักษณะ
ตลอดจนชีวประวัติของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
อิบนุหะญัร อัล-อัสกอลานีย์ ให้นิยามของ
อลั หะดษี วา่ “ทกุ ๆ สง่ิ ทพ่ี าดพงิ ถงึ ทา่ นนบี ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะซลั ลมั ”
คำ�ทีม่ คี วามหมายใกล้เคียงกับอัลหะดษี 1
1. ซุนนะฮฺ
2. อะษัร
3. คอบัร
วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
1. ซนุ นะฮ ฺ เดิมนั้นแปลว่า แนวทาง หรือ แบบอย่าง ส่วนความ
หมายทางวิชาการนั้นมีหลายนิยาม
นักปราชญ์วิชาอัลหะดีษและปราชญ์อุศูลุลฟิกฮฺให้ความหมายซุนนะฮฺ
เช่นเดียวกับคำ�ว่าอัลหะดีษ
นักปราชญ์วิชาฟิกฮฺให้ความหมายซุนนะฮฺว่า สิ่งที่มีบัญญัติพึงกระทำ�
หากละเวน้ ไมก่ ระท�ำ กไ็ มม่ บี ทลงโทษใดๆ ซง่ึ ตรงขา้ มกบั ค�ำ วา่ วาญบิ (จ�ำ เปน็ )
หรือฟัรฎู (บังคับต้องกระทำ�)
นักปราชญ์ทั่วไปใช้คำ�ว่าซุนนะฮฺในบางครั้งหมายถึง สิ่งตรงข้ามกับคำ�
ว่าบิดอะฮฺ (อุตริกรรม)
2. อะษัร ความหมายเดิมคือ ร่องรอย เครื่องหมาย หรือสิ่งที่
หลงเหลือนักปราชญ์วิชาอัลหะดีษให้ความหมายอะษัรเช่นเดียวกับคำ�ว่า
อัลหะดษี นกั ปราชญบ์ างทา่ นใหค้ วามหมายวา่ ค�ำ พดู หรอื การกระท�ำ ของศอ
หาบะฮฺและตาบิอีน
3. คอบัร ความหมายเดิมคือ ข่าว เรื่องราว
นกั ปราชญว์ ชิ าอลั หะดษี ใหค้ วามหมายคอบรั เชน่ เดยี วกบั คำ�วา่ อลั หะดษี
นักปราชญ์บางท่านให้ความหมายว่าอัลหะดีษคือสิ่งที่มาจากท่าน
รอซู้ลส่วนคอบัรคือสิ่งที่มาจากผู้อื่น
*ปราชญ์บางท่านก็จำ�แนกคำ�ที่กล่าวมาข้างต้นดังนี้
หะดีษ คือสิ่งที่มาจากท่านรอซู้ล
อะษัร คอื สง่ิ ทม่ี าจากศอหาบะฮฺ ตาบอี นี และผทู้ ม่ี าหลงั จากพวกเขา
คอบรั คือชีวประวัติของบรรดากษัตริย์สมัยโบราณและบุคคล
สำ�คัญในประวัติศาสตร์
2 วิชาอลั หะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
ความแตกตา่ งระหวา่ งอลั กรุ อานกับอลั หะดษี
1. อัลกุรอานคือ (คำ�ดำ�รัสของอัลลอฮฺ) ทั้งถ้อยคำ�และความหมาย
ส่วนอัลหะดีษเป็นวะหฺย ู (วิวรณ์) จากอัลลอฮฺในด้านความหมายเพียง
อย่างเดียว
2. อัลกุรอานมีความเป็นมหัศจรรย์ และความท้าทาย ทั้ง
ถ้อยคำ�และความหมายซึ่งต่างกับอัลหะดีษ
3. ผู้อ่านอัลกุรอานจะได้รับผลบุญถึง 10 เท่าในทุกพยัญชนะของการอ่าน
สว่ นอลั หะดษี ไมเ่ ปน็ เชน่ นน้ั
4. ผู้หญิงที่มาประจำ�เดือน ผู้หญิงมีเลือดหลังคลอด (นิฟาส) ผู้มีหะดัษ
(คือยังไม่อาบนํ้าละหมาดหลังจากได้เสียนํ้าละหมาดไม่ว่ากรณีใดๆ) หรือผมู้ ี
ญุนุบ(คือยังไม่อาบน้ํายกหะดัษหลังจากหลับนอนกับภรรยาหรือฝันเปียก)
พวกเขาเหล่าน้ันไม่อนุญาตให้แตะต้องคัมภีร์อัลกุรอานเด็ดขาด ส่วนตำ�รา
อัลหะดีษไม่มีข้อห้ามแต่ประการใด
5. อัลกุรอานนั้นถูกบัญญัติให้นำ�มาอ่านในละหมาด ส่วนอัลหะดีษไม่
อนุญาตนำ�มาอ่านในละหมาด
6. อัลกุรอานถูกถ่ายทอดรุ่นแล้วรุ่นเล่าด้วยกระบวนการ มุตะวาติรฺ
(มีบุคคลจำ�นวนมากรายงาน) ซึ่งต่างกับอัลหะดีษบางส่วนเป็นมุตะวาติรฺ
บางส่วนเป็น อาหาด (อัลหะดีษไม่ถึงระดับมุตะวาติรฺ)
7. ไม่อนุญาตให้รายงานอัลกุรอานด้วยความหมาย แต่อัลหะดีษสามารถ
รายงานด้วยความหมายได้ตามเงื่อนไขที่มุหัดดิษีน (ปราชญ์อัลหะดีษ)
วางไว้
วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6 3
ประเภทของอลั หะดีษ
การจำ�แนกประเภทของอัลหะดีษนั้นนักวิชาการได้จำ�แนกอัลหะดีษเป็นดังนี้
1. จำ�แนกตามลักษณะของกระแสรายงาน
2. จำ�แนกตามลักษณะของการนำ�มาใช้มาเป็นหลักฐานอ้างอิง
3. จำ�แนกตามลักษณะของผู้สืบ
4 วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
บทท่ี 2 หา้ มสาบานเทจ็
ความว่า : จากอบีฮุรัยเราะฮฺ เล่าว่าฉันได้ยินท่านรอซู้ลุลลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “การสาบานน้ันจะทำ�ให้สินค้า
หมดไปแตจ่ ะทำ�ก�ำ ไรขาดหาย”
(รายงานโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)
อธบิ ายอลั หะดีษ
ในอัลหะดีษบทนี้ได้บอกถึงเรื่องการสาบานเท็จ ว่าจริง ๆ แล้วการขาย
สินค้าที่มีแต่คำ�สาบาน เพื่อต้องการให้ผู้ซื้อเชื่อ และจะได้ซื้อในตัวของสินค้า
แต่โดยความเป็นจริงแล้วเป็นการสาบานที่โกหก การกระทำ�เช่นนั้นเป็นสิ่งที่
จะนำ�พาพ่อค้าเข้าสู่การขาดทุน หรือถึงแม้ว่าจะมีรายได้เข้ามาก็จริง แต่เป็น
รายได้ที่ขาดความบะรอกะฮฺ หรือขาดความเป็นสิริมงคลในชีวิตนั่นเอง
วิชาอัลหะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6 5
ส่งิ ท่ไี ดร้ ับจากอัลหะดีษ
1. ต้องมีนํ้าใจในการซื้อขายสินค้า
2. หลีกเลี่ยงจากการชอบสาบานเท็จ
3. การซื่อสัตย์ต้องมีในทุกสภาวการณ์
4. หลีกเลี่ยงการค้าขายที่หวังผลกำ�ไรมากเกินไป
คำ�ศพั ท์ใหมใ่ นบทเรียน
ค�ำ ศัพท์ คำ�อา่ น คำ�แปล ค�ำ ศัพท ์ ค�ำ อา่ น คำ�แปล
อัลหะลิฟุ สาบาน มัมหะกอตุน ขาดหาย
มันฟะกอตุน ยังไม่หมด อัรริบหุ กำ�ไร
อัซซิลอะตุ สินค้า ยะกลู ุ กล่าว/พูด
แบบฝกึ หดั
1. อิสลามส่งเสริมการค้าขายในรูปแบบใดบ้าง?
2. การค้าขายในรูปแบบใดท่ศี าสนาอิสลามไม่อนุญาตและไม่ส่งเสริม
ให้กระทำ�?
6 วิชาอลั หะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
กจิ กรรมเสนอแนะ
1. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาท�ำ ความเขา้ ใจและคดั อายะฮอฺ ลั กรุ อานทเี่ กยี่ วขอ้ ง
กับการซื้อขาย ดั่งที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสว่า :
ความว่า “ความหายนะจงประสบแด่บรรดาผู้คดโกง (การตวงชงั่ )”
ความว่า “คือบรรดาผู้ท่ีเม่ือพวกเขาตวงชั่งเอาจากคนอ่ืนพวกเขาก็จะ
ตวงเอาเต็ม” (อัลมุฏ็อฟฟิฟีน : 1-2)
วิชาอัลหะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6 7
บทท่ี 3 การท�ำ ความดี
ไดท้ ุกรปู แบบ
ความว่า : จากท่านอบีฮุรัยเราะฮฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า : ท่าน
รอซลู้ ุลลอฮฺ ศอ็ ลลลั ลอฮุอะลัยฮวิ ะซลั ลมั กลา่ ววา่ “ทุกๆ ขอ้ ต่อของ
ร่างกายมนุษย์จำ�เป็นต้องทำ�การบริจาคทานศอดะกอฮฺ (เพ่อื เปน็ การ
ขอบคณุ ทดแทนตอ่ อลั ลอฮทฺ ท่ี รงประทานขอ้ ตอ่ เหลา่ นน้ั ) ในทกุ ๆ วนั ท่ี
ดวงอาทิตย์ยังข้ึนอยู่ ซึ่งการที่ท่านให้ความเป็นธรรมระหว่างคนสอง
คนกเ็ ปน็ การบริจาคทาน การทีท่ ่านช่วยเหลือชายคนหนง่ึ ในเรือ่ งสตั ว์
พาหนะของเขา โดยท่านพยุงเขาให้ข้ึนขี่มัน หรือช่วยยกสัมภาระขึ้น
บนสตั วพ์ าหนะของเขา ล้วนเป็นการบริจาคทาน ค�ำ พูดท่ดี กี ็เป็นการ
บริจาคทาน ทกุ ๆ ย่างกา้ วทีท่ า่ นเดนิ ไปละหมาดก็เปน็ การบริจาคทาน
และการที่ท่านขจัดส่ิงที่เป็นอันตรายหรืออาจก่อความเดือดร้อนออก
8 วิชาอลั หะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
จากทอ้ งถนนกเ็ ป็นการบริจาคทานเชน่ กัน”
(รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม)
อธิบายอลั หะดษี
อัลลอฮฺทรงเอ็นดูเมตตามนุษย์อย่างมากมาย จึงจำ�เป็นอย่างยิ่ง
ที่มนุษย์จะต้องขอบคุณพระองค์ ส่วนหนึ่งจากความเมตตาก็คือ การที่
พระองค์ทรงให้มนุษย์มีอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายครบถ้วน พระองค์เท่านั้น
มคี วามสามารถทจี่ ะใหอ้ วยั วะเหลา่ นนั้ ท�ำ งานไดห้ รอื ท�ำ งานไมไ่ ด้ เมอื่ พระองค์
ทรงใหอ้ วยั วะมาแลว้ มนษุ ยจ์ ะขอบคณุ พระองคอ์ ยา่ งไร ในอัลหะดีษบทนี้ได้
นำ�เสนอไว้หลายแนวทางด้วยกันคือ การทำ�หน้าที่ประนีประนอมระหว่างคู่
กรณี การช่วยเหลือผู้เดินทางให้เขาขึ้นสู่ยานพาหนะ การชว่ ยหยบิ ยกสงิ่ ของ
สง่ ให้ การพดู ดี ท�ำ ดี ฯลฯ ทัง้ หมดนีล้ ว้ นแต่แสดงความขอบคณุ ต่ออัลลอฮฺทัง้
สิ้น
ส่ิงที่ไดร้ บั จากอลั หะดีษ
1. ในร่างกายของเรา มสี ิทธิต์ อ้ งท�ำ ซะกาฮหฺ รอื ศอดะกอฮฺ เชน่ เดยี วกับ
ในเรื่องทรัพย์สิน ซึ่งซะกาฮฺของร่างกายก็คือ การใช้อวัยวะส่วนนั้นทำ�ความ
ดีนั้นเอง
2. หนทางแหง่ การท�ำ ความดใี นทศั นะอสิ ลามนนั้ มมี ากมายท�ำ ไดห้ ลาย
วิธีดังระบุในอัลหะดีษบทนี้ เช่น การไกล่เกลี่ยระหว่างคู่พิพาท ช่วยหยิบยก
สมั ภาระ ค�ำ พดู ทดี่ ี การเดนิ ไปมสั ญดิ และการเกบ็ สงิ่ กดี ขวางบนถนน เปน็ ตน้
3. การกระท�ำ ความดตี า่ ง ๆ ทที่ �ำ ใหอ้ ลั ลอฮทฺ รงพอพระทยั และยนิ ดหี รอื
เปน็ อบิ าดะฮนฺ นั้ มไิ ดห้ มายถงึ ตอ้ งปฏบิ ตั ใิ นรปู แบบพธิ กี รรมเทา่ นนั้ แตส่ ามารถ
วิชาอลั หะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6 9
ทำ�ได้ตลอดในชีวิตประจำ�วันของเรา
ค�ำ ศพั ท์ใหม่ในบทเรยี น
ค�ำ ศัพท์ ค�ำ อ่าน คำ�แปล ค�ำ ศพั ท์ คำ�อา่ น ค�ำ แปล
กุลลุ ทุกๆ ดาบบะตุน
สัตว์
สุลามา ข้อต่อ ตะหฺมิลุ พยุง
อันนาสุ มนุษย์ ตัรฺฟะอุ ยก
ศอดะกอตุน ทำ�ทาน มะตาอุน สัมภาระ
เยามุน วัน อัลกะลิมะตุ คำ�พดู
ตัฏลุอุ ขึ้น อัฏฏัยยิบะตุ ดี
อัชชัมสุ ดวงอาทิตย์ คอฏวะตุน ย่างก้าว
ตะอฺดิลุ ให้ความเป็นธรรม ตัมชี เดิน
อิษนัยนิ สอง อัศศอลาฮฺ ละหมาด
ตุอีนุ ช่วยเหลือ อัลอะษะ สิ่งที่เป็นอันตราย
อัรรอญุลุ ชายคนหนึ่ง อัฏฏอรีกุ ถนน
10 วิชาอลั หะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
แบบฝึกหดั
1. หนทางแห่งการทำ�ความดีมีอะไรบ้าง?
2. การทำ�ความดีสามารถกระทำ�ได้เมื่อใด?
3. ใครบ้างที่ต้องทำ�ความดี?
กจิ กรรมเสนอแนะ
1. ใหบ้ นั ทกึ ผลงานของตนเองทกี่ ระท�ำ ดตี อ่ สงั คม ลงในสมดุ บนั ทกึ ของ
นักเรียนเป็นรายบุคคล
2. ให้นักเรียนออกมาเล่าประสบการณ์ของตนเองที่เคยทำ�ดี คิดดีต่อ
สังคมส่วนรวม ให้เพื่อนร่วมห้องได้รับทราบและเพื่อเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้อื่น
วิชาอัลหะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6 11
บทท่ี 4 มารยาทในการ
รบั ประทานอาหาร
ความว่า : จากอบฮี รุ ัยเราะฮฺ รอฎยิ ัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านรอซู้ลุลลอฮฺ
ศ็อลลลั ลอฮอุ ะลัยฮวิ ะซลั ลัม กล่าวว่า : “มสุ ลมิ จะรับประทานอาหาร
ในปรมิ าณเพยี งกระเพาะเดียว สว่ นคนกาฟิรฺจะรบั ประทานอาหารใน
ปรมิ าณเจ็ดกระเพาะ” (รายงานโดยบุคอรีย์)
อธบิ ายอัลหะดษี
มสุ ลมิ เราทกุ คนตอ้ งรบั ประทานอาหารทกุ วนั เพราะอาหารเปน็ สงิ่ ทที่ �ำ ให้
ร่างกายของเราเจริญเติบโต กระเพาะอาหารจึงเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
ที่รองรับอาหารดังกล่าว
ในบทอลั หะดษี ไดบ้ อกถงึ แบบฉบบั ของการรบั ประทานอาหารของมุสลิม
ที่ถูกต้อง และเป็นที่พึงปฏิบัติ เพื่อสุขภาพของกระเพาะจะได้ใช้บริโภค
อาหารได้นาน ๆ
12 วิชาอลั หะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6
อ าหาใทรน่าหทนนุกนักคบ รีไแั้งดขล้แอะบ ง่ง ก กา31 ร ระ รสเับพำ�ปาหะรระอับทอนากํ้านเ ปอ ็นอาีก ห 3า ร 13 ส ม่ว สนุสำ�โลดหิมยรทับใชุกล้ คม นห 13 ตา ้อ ยขงใอคจงำ�กนรึงะตเพลาอะดเพคือื่อ
ความสะอาด ความถูกต้องตามหลักการศาสนา ไม่ฟุ่มเฟือย อันเป็นสาเหตุ
ที่จะนำ�ไปสู่ความอดอยากและยากจนในอนาคต
ดังนั้นศาสนาอิสลามจึงห้ามการสุรุ่ยสุร่ายต่อการบริโภคอาหารหรือกิน
แบบทิ้งขว้าง เพราะเป็นการกระทำ�ของชัยฏอนมารร้าย
มุสลิมที่ดีต้องรู้จักการบริโภค รู้คุณค่าของอาหาร ที่สำ�คัญที่สุดคือ
ต้องบริโภคอาหารตามแบบฉบับของท่านนบี
สิ่งทไี่ ดร้ บั จากอลั หะดษี
1. ควรรับประทานอาหารแต่พออิ่ม แต่ไม่ควรรับประทานอาหารเกิน
ความพอดี เพราะจะทำ�ให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ เช่น ทำ�ให้เป็นโรคอ้วน
มีไขมันสูง ซึ่งก็เป็นต้นเหตุแห่งโรคหลายชนิด เช่น เบาหวาน ความดัน
โรคไต โรคหัวใจ ที่จะติดตามมา
2. ในหลกั การอสิ ลาม จดุ ประสงคข์ องการกนิ คอื เพอื่ ใหม้ กี ำ�ลงั วงั ชาใน
การทำ�อิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ ไม่ใช่อยู่เพื่อกินแต่กินเพื่ออยู่
3. คนกาฟิรนั้นรับประทานอาหารมากไม่อิ่มเสียที แต่มุสลิมนั้นรับ
ประทานอาหารเพียงเล็กน้อยก็อิ่มแล้ว เพราะมีบะรอกะฮฺในอาหารที่รับ
ประทานนั้น
วิชาอลั หะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6 13
แบบฝึกหดั
• ให้นักเรียนบอกมารยาทในการรับประทานอาหารมาพอสังเขป
• บอกวิธีการแบ่งส่วนของกระเพาะอาหารสำ�หรับแต่ละมื้อของการ
รับประทานอาหารต้องทำ�อย่างไร ?
กิจกรรมเสนอแนะ
1. สนทนาเกี่ยวกับมารยาทก่อนรับประทานอาหารโดยวิธีสุ่มถาม
บอกแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในการ
รับประทานอาหาร
2. เขียนโองการอัลกุรอานต่อไปนี้
ความหมาย “สูเจ้าทง้ั หลายจงกนิ จงดื่ม แตอ่ ยา่ สรุ ่ยุ สรุ ่าย”
(อัลอะอฺรอฟ : 31)
3. ให้นักเรียนเขียนบทดุอาอฺก่อนรับประทานอาหารพร้อมใส่สระให้
สมบรู ณ์
14 วิชาอลั หะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6
บทที่ 5 การไม่ด่าว่า
บิดามารดาตนเอง
ความวา่ : รายงานจากอบั ดลุ ลอฮฺ บนิ อมั รฺ รอฎยิ ลั ลอฮอุ นั ฮมุ า วา่ ทา่ น
รอซลู้ ลุ ลอฮฺ ศ็อลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮิวะซัลลมั ได้กล่าววา่ “สว่ นหนง่ึ ของ
บาปใหญน่ นั้ คือ การท่ีคน ๆ หนึง่ สาปแช่งพอ่ แมข่ องเขา ศอหาบะฮฺ
ถามวา่ โอท้ า่ นรอซลู้ ลุ ลอฮฺ มคี นสาปแชง่ พอ่ แมข่ องเขาดว้ ยหรอื ?ทา่ น
ตอบว่า “ใช่ นั่นคือ เขาไปด่าว่าพ่อของคนอื่น และเขาคนน้ันก็
ดา่ ว่าพ่อของเขากลับ และเขาไปดา่ วา่ แม่ของคนอน่ื และเขาคนนน้ั ก็
ดา่ วา่ แม่ของเขากลบั ”
(รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม)
วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6 15
อธบิ ายอัลหะดีษ
การด่าทอสาปแช่งต่อพ่อแม่ ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ ซึ่งกฎเกณฑ์ข้อ
หนงึ่ ของการสารภาพผดิ ส�ำ หรบั ผทู้ ลี่ ะเมดิ สทิ ธขิ องผอู้ นื่ กค็ อื ตอ้ งขออภยั จาก
ผทู้ เี่ ปน็ เจา้ ของสทิ ธนิ นั้ ดว้ ยและจ�ำ เปน็ เหนอื ทา่ นจะตอ้ งท�ำ ความดี แสดงความ
ออ่ นโยน และนอบนอ้ มตอ่ ทา่ นทงั้ สองจนทา่ นทงั้ สองพอใจและอภยั ใหก้ บั ทา่ น
ซึ่งดังกล่าวเป็นสิ่งจำ�เป็นอย่างยิ่ง
สิง่ ท่ีไดร้ บั จากอัลหะดษี
1. การสาปแช่งพ่อแม่นั้น เป็นบาปที่ใหญ่หลวงยิ่ง
2. ให้ความคารพต่อพ่อแม่ไม่ว่าอยู่ต่อหน้าหรือลับหลัง แม้ว่าท่านทั้ง
สองไม่ได้นับถือศาสนาเดียวกับเรา
3. ต้องนอบน้อมถ่อมตน และยกย่อง ให้เกียรติต่อพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็น
คำ�พูดหรือการกระทำ�
4. ความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ย่อมทำ�ให้ผู้กระทำ� ได้รับความดี
จากอัลลอฮฺ
5. ตอ้ งหยบิ ยน่ื ความดที ง้ั หลาย ใหแ้ กท่ า่ นทง้ั สอง ตามความสามารถที่
มีอยู่
16 วิชาอัลหะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6
คำ�ศัพท์ใหม่ในบทเรยี น
คำ�ศัพท ์ ค�ำ อ่าน คำ�แปล ค�ำ ศัพท์ ค�ำ อ่าน ค�ำ แปล
อักบะริ ใหญ่ อัรรอญุลุ
คนๆ หนึ่ง
อัลกะบาอิริ บาป ยะสุบบุ
ด่า
ยัลอะนะ สาปแช่ง วาลิดัยฮิ พ่อแม่
แบบฝึกหดั
1. ให้นักเรียนบอกมารยาทมารยาทต่อพ่อแม่พอสังเขป
2. เมื่อใดที่ลกู ที่จะต้องกระทำ�ดีต่อพ่อแม่ ?
3. เราควรปฏิบัติดีต่อพ่อแม่ในเรื่องใดบ้าง?
กิจกรรมเสนอแนะ
1. ใหท้ อ่ งจ�ำ และบนั ทกึ บทขอพร ขออภยั ใหแ้ กท่ า่ นทงั้ สองทอี่ ลั ลอฮตฺ รสั
ว่า
ความว่า “และจงกล่าวว่า พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ขอพระองค์
ทรงมีพระเมตตาแก่ท่านท้ังสอง เหมือนด่ังที่ท่านท้ังสองได้อภิบาลข้า
พระองคม์ าแตเ่ ยาว์วยั ” (อัลอิสรออฺ : 24)
วิชาอัลหะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6 17
บทท่ี 6 สิทธิมสุ ลมิ
ความว่า จากอัซซุฮฺรีย์เล่าว่า ท่านรอซู้ลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ
วะซลั ลัม ไดก้ ล่าววา่ “มสุ ลมิ ตอ้ งปฏิบตั ติ อ่ พีน่ อ้ งดว้ ยกัน 5 ประการ
คอื การรบั สลาม การตอบรบั คนทจ่ี าม การตอบรบั ค�ำ เชญิ ไปงานส�ำ คญั
การเย่ยี มคนปว่ ย การติดตามไปส่งศพที่หลมุ ฝงั ศพ”
(รายงานโดยมุสลิม)
อธิบายอลั หะดษี
จากโอวาทของทา่ นรอซลู้ ดงั กลา่ วแสดงใหเ้ หน็ วา่ ศาสนาอสิ ลามมคี วาม
ห่วงใยสัมพันธภาพของพี่น้องมุสลิม ส่งเสริมให้มุสลิมทุกคนมีความสัมพันธ์
และสบื ทอดความรกั ความหว่ งใยใหม้ ตี อ่ กนั ตลอดไป เพอื่ ใหพ้ นี่ อ้ งมสุ ลมิ ทกุ
คนเปน็ สว่ นหนงึ่ ของสงั คมมสุ ลมิ จะมคี วามสขุ กต็ อ่ เมอื่ พนี่ อ้ งมสุ ลมิ สว่ นใหญ่
มีความสุข จะรู้สึกเดือดร้อน ถ้าพี่น้องมุสลิมส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อน
18 วิชาอลั หะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
สายสมั พนั ธ์ 5 ประการ ซงึ่ เปน็ สทิ ธิ และหนา้ ทขี่ องพนี่ อ้ งมสุ ลมิ ที่จำ�เป็น
จะต้องปฏิบัติต่อกัน ซึ่งแต่ละประการมีส่วนในการสร้างความสัมพันธ์ให้
เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างดี นั้นก็คือ
ประการที่ 1
เมื่อพบปะกันก็จงให้สลาม ด้วยการกล่าวคำ�ว่า
และให้ตอบรับสลามด้วยการกล่าวคำ�ว่า ซึ่งการ
กล่าวเช่นนี้ จะทำ�ให้พี่น้องมุสลิมกระชับความสัมพันธ์ และมีความรักใคร่ต่อ
กันมากยิ่งขึ้น
ประการที่ 2
เมื่อพี่น้องมุสลิมเชื้อเชิญ ก็จงตอบรับการเชิญชวนนั้น เพราะการตอบ
รับคำ�เชิญ จะทำ�ให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และจะช่วยขจัดความ
บาดหมางให้หมดไปได้อีกด้วย
ประการที่ 3
เมื่อเขาจาม และกล่าวว่า เป็นการสรรเสริญอัลลอฮฺท่านก็
จงกล่าวตอบว่า
ประการที่ 4
เมอื่ มพี นี่ อ้ งมสุ ลมิ คนใดเจบ็ ปว่ ย กค็ วรไปเยยี่ มเขา เพอื่ ท�ำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยปลมื้
ใจ และอบอุ่นใจที่มีพี่น้อง เพื่อนฝงู คอยให้กำ�ลังใจ และห่วงใยอยู่เสมอ
ประการที่ 5
เมื่อมีพี่น้องมุสลิมท่านใดเสียชีวิต ก็ให้ร่วมติดตามศพไปด้วย เช่น การ
ร่วมละหมาด ร่วมส่งศพและฝังศพที่กุบูร เป็นต้น
วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6 19
ส่งิ ท่ีได้รบั จากอลั หะดษี
1. การปฏบิ ตั ติ ามค�ำ สอนของทา่ นรอซลู้ ทงั้ หา้ ประการดงั กลา่ วนบั เปน็
หน้าที่ของพี่น้องมุสลิมทุกคน อันจะนำ�มาซึ่งผลประโยชน์ของส่วนรวม และ
สังคม
2. ชี้ให้เห็นว่า โครงสร้างของสังคมมุสลิมนั้น จะเน้นในการสร้างสรรค์
3. ชี้ให้เห็นว่า ถึงแม้พี่น้องมุสลิมจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม แต่สิทธิที่มี
ต่อกันยังไม่เจือจางไปแต่อย่างใด
ค�ำ ศพั ท์ใหม่ในบทเรยี น คำ�แปล
ค�ำ ศัพท์ ค�ำ อ่าน คำ�แปล ค�ำ ศพั ท ์ คำ�อา่ น ตอบรับ
คำ�เชิญ
ค็อมซุน ห้า อิญาบะตุน เยี่ยมเยียน
คนป่วย
ยะญิบุ จำ�เป็น อัดดะอฺวะตุ ศพ
ตอบรับ
ร็อดดุน ตอบรับ อิยาดะตุน
อัลอาฏิซุ คนที่จาม อัลมะรีฎุ
อิตติบาอุน ติดตาม อัลญะนาอิซ
อัสลามุ สลาม ตัชมีตุน
แบบฝกึ หัด
1. ให้นักเรียนตอบคำ�ถามต่อไปนี้
1.1 มุสลิมพึงปฏิบัติต่อมุสลิมด้วยกันกี่ประการ? อะไรบ้าง?
1.2 เมื่อมีการจามควรกล่าวถ้อยคำ�ใด ?
20 วิชาอัลหะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6
1.3 เมื่อเราได้ยินคนจามกล่าวสรรเสริญต่ออัลลอฮฺผู้ได้ยินควร
ตอบว่าอย่างไร?
1.4 เมื่อเพื่อนคนหนึ่งป่วยเราควรปฏิบัติตนอย่างไร?
กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนท่องจำ�ดุอาอฺต่อไปนี้
1. ดอุ าอฺเยย่ี มผู้ตาย
ความวา่ โอพ้ ระองคอ์ ลั ลอฮฺ ! ขอโปรดทรงประทานอภยั ใหแ้ ก.่ ......(ระบุ
ชอื่ ผตู้ าย) โปรดทรงเลอ่ื นต�ำ แหนง่ ของเขาใหอ้ ยใู่ นกลมุ่ ผไู้ ดร้ บั ทางน�ำ
โปรดทรงสืบทอดทายาทของเขาให้อยใู่ นหมคู่ นทห่ี ลงเหลอื โปรดทรง
ประทานอภยั แกพ่ วกเราและแกเ่ ขาเถดิ โอพ้ ระเจา้ แหง่ สากลโลก
และโปรดทรงขยายหลมุ ศพใหก้ วา้ งขวางและท�ำ มนั ใหส้ วา่ งไสวส�ำ หรบั เขา
2. ดุอาอฺเยย่ี มเยียนคนป่วย
ความว่า โอ้พระองคอ์ ลั ลอฮฺ ! โอ้พระเจา้ ของมนษุ ย์ ! ขอโปรดทรงให้
ป่วยหายไปและโปรดทรงรักษาเขาด้วยเถิดเพราะพระองค์คือผู้รักษา
ไมม่ กี ารหายปว่ ยนอกจากดว้ ยการรกั ษาของพระองค์ เปน็ การหายปว่ ย
ทไ่ี มท่ ้ิงโรคข้างเคยี งใด ๆ
วิชาอัลหะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6 21
บทท่ี 7 การท�ำ ประโยชน์
เพ่ือสว่ นร่วม
ความว่า : อบีฮุรัยเราะฮฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่านบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะ
ซัลลัม กล่าวว่า :
“แท้จริงฉันได้เห็นชายคนหนึ่งกำ�ลังกลิ้งตัวอย่างมีความสุขใน
สวรรค์ เน่ืองจากเขาเคยตัดท้ิงต้นไม้ท่ีล้มทับบนถนน เพื่อมิให้สร้าง
ความเดือดร้อนแก่ผูค้ นทส่ี ญั จรไปมา” (รายงานโดยมุสลิม)
อธบิ ายอัลหะดษี
ในอลั หะดษี บทนไี้ ดบ้ ง่ บอกถงึ การท�ำ ประโยชนเ์ พอื่ สว่ นรวม คอื การขจดั
ภัยอันตรายต่าง ๆ ไม่ว่าภัยดังกล่าวนั้น จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม เช่น
การนำ�ของขวางกั้นออกไปจากถนนหนทาง เป็นต้น ส่วนผลหรือรางวัลที่ผู้ทำ�
เช่นนี้ได้รับคือสรวงสวรรค์อันสถาพร
22 วิชาอลั หะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
สง่ิ ท่ีได้รับจากอัลหะดีษ
1. การเอากิ่งไม้ซึ่งมีหนามคมอันอาจทำ�อันตรายต่อผู้คนที่เดินผ่าน
ออกจากทางเดิน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำ�ให้ได้เข้าสวรรค์
2. การงานเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะมีผลบุญมหาศาลได้ หากมีเจตนา
ที่ดี
คำ�ศัพท ์ ค�ำ ศพั ท์ใหม่ในบทเรียน
ค�ำ อา่ น ค�ำ แปล คำ�ศัพท์ คำ�อ่าน คำ�แปล
รออา ได้เห็น กอฏออะ ตัดทิ้ง
ยะตะกอลละบุ กำ�ลังกลิ้ง อัฏฏอรีกิ ถนน
อัลญันนะติ สวรรค์ ตุอฺซีย์ สรา้ งความเดอื ดรอ้ น
ชะญะรอติน ต้นไม้ อันนาสะ ผู้คน
แบบฝกึ หัด
1. เมื่อใดเราต้องทำ�ความดีต่อสังคมส่วนรวม?
2. เราควรที่จะเลือกทำ�ดีต่อสังคมหรือไม่? เพราะเหตุใด?
3. การปฏิบัติดีต่อสังคมควรเป็นหน้าที่ของใคร?
วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6 23
กจิ กรรมเสนอแนะ
1. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาคน้ ควา้ อายะฮอฺ ลั กรุ อานทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การท�ำ ดตี อ่
สังคมส่วนรวม
2. ให้นักเรียนท่องจำ�บทดุอาอฺให้สังคมส่วนรวมได้รับความดีทั้งโลก
นี้และโลกหน้า
24 วิชาอัลหะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6
บทท่ี 8 การตอบแทนของ
ผ้ทู ีข่ าดความเมตตา
ความว่า : จากอุซามะฮฺ บุตร ซัยดฺเล่าว่า ท่านรอซู้ลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ
อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “อลั ลอฮจฺ ะทรงมีพระเมตตา (เป็นกรณีพิเศษ)
เฉพาะแก่บ่าวของพระองค์ท่มี เี มตตากรุณาเทา่ นัน้ ”
(รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม)
อธิบายอัลหะดษี
ผู้ท่ีไร้ซ่ึงคุณธรรมความเมตตากรุณาต่อผู้อ่ืนย่อมไม่ได้รับความเมตตา
กรณุ าของอลั ลอฮตฺ อบแทนเชน่ กนั เมอื่ ไมเ่ คยคดิ ทจี่ ะสงสารและเมตตา กรณุ า
ต่อผู้อื่นก็สมควรแล้วที่จะไม่ได้รับการเหลียวแลจากอัลลอฮฺ
มสุ ลมิ ผฉู้ ลาดและมวี สิ ยั ทศั นม์ องการณไ์ กลตอ้ งหมนั่ ตระหนกั และสงั วร
ไว้เสมอว่า คุณธรรมความเมตตากรุณา คือคุณธรรมสงู สุดข้อหนึ่งของมุสลิม
ทีจ่ ะละเลยหรอื เพกิ เฉยอกี ตอ่ ไปไมไ่ ด้ เพราะคณุ ธรรมขอ้ นผี้ กู พนั กบั คณุ ธรรม
ความดีอื่นๆ อีกมายมาย ความเมตตากรุณาของมนุษย์ที่สามารถหยิบยื่น
และแบ่งปันให้กันและกันได้ในโลกดุนยานี้เป็นเพียงแค่ 1 ใน 100 ส่วนของ
วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6 25
ความเมตตากรุณาของอลั ลอฮตฺ ะอาลาทีท่ รงมีและจะประทานใหใ้ นโลกหนา้
อาคิเราะฮฺ เราอย่าเป็นคนโง่ที่หวงแหนและตระหนี่ไม่ยอมแบ่งปันความดี 1
สว่ นนใี้ หก้ บั ผอู้ นื่ จนเปน็ เหตใุ หต้ อ้ งสญู เสยี และพลาดความเมตตาของอลั ลอฮฺ
อีก 99 ส่วน
อนึ่งผู้ไม่มีนิสัยเมตตากรุณามักเป็นผู้ที่มีนิสัยใจคอที่โหดเหี้ยมและ
โหดร้ายขาดสติและการยับยั้งชั่งใจ นิยมที่จะใช้อารมณ์และความรุนแรงจน
มองไม่เห็นความทุกข์ร้อนของผู้อื่น จนกระทั่งว่าไม่สามารถที่จะใช้ชีวิต
ให้เป็นปกติสุขเหมือนประชาชนคนทั่วไปได้ ท่านรอซู้ลุลลอฮฺเรียกคน
ประเภทนี้ว่า “ชะกีย์ ( ) หรือ ผู้ไม่มีความสุขในการดำ�เนินชีวิต” แต่
สำ�หรับผู้ที่มีจิตใจเมตตากรุณาต่อผู้อื่นอยู่เสมอ ท่านรอซู้ลุลลอฮฺก็บอกให้
ภูมิใจและเตรียมดีใจไว้ล่วงหน้าได้เลยว่า ด้วยพระประสงค์และพระเมตตา
แห่งอัลลอฮฺตะอาลาเขาจักต้องได้เป็นผู้โชคดีมีวาสนาได้เข้าสู่อุทยานสวรรค์
บุญสถานที่อุดมและพรั่งพร้อมไปด้วยความสุขสารพัดนึกที่อัลลอฮฺทรงจัด
เตรียมไว้ เพื่อเป็นการสมนาคุณตอบแทนแก่เขาในความดีมีคุณธรรมและ
ความเมตตากรุณา
สิ่งทีไ่ ด้รบั จากอัลหะดษี
1. มุสลิมผู้มีศรัทธาต้องมีเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเกื้อกูล สงสารเอ็นดู
ช่วยเหลือกันและกัน
2. คุณธรรมความเมตตากรุณานั้น สมควรหรือจำ�เป็นที่จะต้องเป็น
คุณสมบัติและลักษณะนิสัยที่ดีของทุกคน
3. มสุ ลมิ ผมู้ ศี รทั ธาตอ้ งใสใ่ จและตระหนกั เสมอวา่ มสุ ลมิ และมอุ มฺ นิ ทกุ
คนเป็นพี่น้องกัน
4. มุสลิมผู้มีศรัทธาต้องเคารพในศักดิ์และสิทธิ์ซึ่งกันและกัน
26 วิชาอัลหะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6
ค�ำ ศัพทใ์ หม่ในบทเรียน คำ�แปล
ค�ำ ศัพท ์ ค�ำ อ่าน คำ�แปล ค�ำ ศพั ท ์ ค�ำ อา่ น บ่าว
จาก
อินนะมา แท้จริง อิบาดิ
ยัรหะมุ เมตตา มิน
แบบฝกึ หัด
1. อัลลอฮฺทรงเมตตาสงสารแก่ผู้ใด?
2. ผู้ที่เมตตาสงสารต่อผู้อื่นจะได้รับสิ่งใดตอบแทน?
3. หากมนษุ ยข์ าดความเมตตาสงสารจะมผี ลกระทบตอ่ สงั คมสว่ นรวม
อย่างไร?
กิจกรรมเสนอแนะ
1. ให้นักเรียนคัดอัลหะดีษต่อไปนี้ให้สวยงามพร้อมความหมาย
ความหมาย “พวกท่านพงึ มเี มตตาตอ่ ผ้อู ่นื เถดิ แลว้ พวกทา่ นจักได้รบั
กรุณาธิคณุ ของอลั ลอฮตฺ อบแทน” บันทึกโดยอะหมัด
2. ให้นักเรียนสรุปเนื้อหาอัลหะดีษบทนี้ลงในสมุดของแต่ละคน
วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6 27
บทที่ 9 สิทธเิ พอ่ื นบา้ น
ความว่า : จากบุตรอับบาสเล่าว่าฉันได้ยินท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะ
ซัลลัม กล่าวว่า “ย่อมเปน็ ผู้ศรัทธาทสี่ มบรู ณไ์ ม่ได้ สำ�หรับผู้ท่ีอิ่มท้อง
และในขณะที่เพ่ือนบา้ นของเขาหิวโซ” (รายงานโดยฏ็อบรอนีย์)
อธิบายอลั หะดีษ
ในอัลหะดีษบทนี้ได้ส่งเสริมให้ผู้ศรัทธาทั้งหลายมีจิตสำ�นึกต่อคนข้าง
เคียงหรือเพื่อนบ้าน โดยท่านนบี ได้กำ�ชับว่าการเป็นผู้ศรัทธาที่สมบรู ณ์แบบ
นั้นคือต้องช่วยเหลือผู้อื่นที่ทุกข์ร้อน ต้องไม่นิ่งดูดายต่อเพื่อนบ้านที่มีความ
อดอยากหิวโซ และเป็นความจำ�เป็นเร่งด่วนที่จะต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันของ
คนในสังคม
เพื่อนบ้าน หมายถึง ผู้ที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็น
มุสลิมหรือไม่ใช่มุสลิมก็ตามนอกจากนี้คำ�ว่าเพื่อนบ้านนั้นมิได้มีความหมาย
ถงึ เฉพาะผทู้ มี่ บี า้ นเรอื นชดิ ตดิ กนั หรอื มรี วั้ ตดิ กนั เทา่ นนั้ แตย่ งั รวมถงึ เพอื่ นบา้ น
ที่อยู่ห่างออกไปที่อยู่ในละแวกเดียวกันหรือหมู่บ้านเดียวกันถึงแม้ว่าบ้านจะ
ไม่ติดกันก็ตาม
28 วิชาอลั หะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
เพื่อนบ้านนน้ั สามารถแบง่ ออกได้เปน็ 3 ประเภท คือ
1 – เพื่อนบ้านที่เป็นมุสลิม และเป็นญาติใกล้ชิดด้วย
2 – เพื่อนบ้านที่เป็นมุสลิม แต่ไม่ได้เป็นญาติใกล้ชิด
3 – เพื่อนบ้านที่ไม่ใช่มุสลิม
ส่งิ ที่ไดร้ บั จากอลั หะดีษ
1. ผู้มีศรัทธาที่แท้จริงต้องมีความรักต่อเพื่อนบ้าน
2. ต้องให้ความสำ�คัญกับเพื่อนบ้านตามคำ�สอนของอิสลาม
3. เพื่อนบ้านต้องได้รับความปลอดภัยจากความเดือดร้อนต่าง ๆ
4. เพื่อนบ้านต้องได้รับการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และการยกย่องให้เกียรติ
5. เพื่อนบ้านต้องได้รับการอำ�นวยความสะดวกและการให้ความร่วม
มือด้วยดี
คำ�ศพั ทใ์ หมใ่ นบทเรียน
คำ�ศัพท ์ ค�ำ อ่าน ค�ำ แปล คำ�ศพั ท ์ คำ�อ่าน ค�ำ แปล
ลัยสะ ไม่ ยัชบะอุ อิ่ม
อัลมุอฺมินุ ผู้ศรัทธา ญาอิอุน ผู้หิวโซ
วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6 29
แบบฝกึ หัด
1. เพื่อนบ้านแบ่งออกเป็นกี่ประเภทและอะไรบ้าง ?
2. เพื่อนบ้านหมายถึงใคร ?
3. เมื่อใดที่ควรจะช่วยเหลือเพื่อนบ้าน ?
4. อะไรคือหน้าที่ของมุสลิมที่พึงมีต่อผู้ที่ไม่ได้รับนับถือศาสนา
อิสลาม ?
กิจกรรมเสนอแนะ
1. ให้นักเรยี นเลา่ ประสบการณ์ที่เคยช่วยเหลอื เพื่อนบา้ นใหเ้ พื่อนๆ ฟงั
2. ให้นักเรียนจดบันทึกความดีของเพื่อน ๆ ที่เคยทำ�ดีต่อเรา
30 วิชาอัลหะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6
บทที่ 10 ประตแู หง่ การทำ�ความดี
ความวา่ : จากอบฮี รุ ยั เราะฮฺ รอฎยิ ลั ลอฮอุ นั ฮุ เลา่ วา่ : ทา่ นรอซลู้ ลุ ลอฮฺ
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า “ส่วนหน่ึงจากความดีแห่ง
อิสลามในคน ๆ หนึง่ นน้ั คอื ละทิ้งส่งิ ทีไ่ ม่เป็นประโยชนแ์ ก่เขา”
(รายงานโดยติรมิซีย์และท่านอื่นๆ)
อธิบายอลั หะดีษ
อิสลามส่งเสริมสังคมที่ปลอดภัย และให้มนุษย์มีความเป็นอยู่ที่สงบ
เรียบร้อย ไม่มีความขัดแย้งและการพิพาท ดังเช่นที่อิสลามได้ส่งเสริมความ
ปลอดภัยของบุคคล และการมีชีวิตในดุนยาที่มีความสุข เป็นมิตรต่อกัน
ไดร้ บั การใหเ้ กยี รตแิ ละไมถ่ กู ท�ำ รา้ ย สว่ นใหญแ่ ลว้ สงิ่ ทที่ �ำ ใหเ้ กดิ การแตกแยก
ระหว่างผู้คน ทำ�ให้สังคมเสื่อมเสีย และสร้างความหายนะให้แก่มนุษย์ก็คือ
การเข้าไปยุ่งเรื่องของผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา
และเนอื่ งจากสิ่งดังกลา่ วนีเ้ องเครื่องหมายทีบ่ ่งบอกถงึ ความมนั่ คงและความ
สัจจริงของอีมานของเขาก็คือการละทิ้งการเข้าไปยุ่งในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์
ต่อตัวเขา
วิชาอลั หะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6 31
ส่ิงทไ่ี ดร้ บั จากอลั หะดีษ
1. การใหค้ วามสนใจกบั สงิ่ ทไี่ มเ่ ปน็ ประโยชนน์ นั้ คอื การทำ�ใหส้ ญู เปลา่
และทำ�ให้อีมานอ่อน
2. การหนั หลงั ใหก้ บั สงิ่ ทไี่ มม่ ปี ระโยชนน์ นั้ เปน็ หนทางสคู่ วามสนั ตแิ ละ
ความสำ�เร็จ
3. หัวใจที่มุ่งอยู่กับอัลลอฮฺตะอาลาจะไม่ให้ความสนใจต่อกิจการของ
มนุษย์ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขา
4. ให้ห่างไกลจากเรื่องหยุมหยิมของมนุษย์
5. ให้ละทิ้งสิ่งที่ไม่เหมาะสมและไม่มีประโยชน์ต่อตนเอง
ค�ำ ศัพท์ใหมใ่ นบทเรียน ค�ำ แปล
ค�ำ ศพั ท์ คำ�อ่าน คำ�แปล ค�ำ ศพั ท์ คำ�อา่ น ละทิ้ง
สิ่งที่
หุสนิ ความดี ตัรกุ
อัลมัรอิ คนๆ หนึ่ง มา
แบบฝึกหดั
1. การที่จะเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์แบบได้นั้นจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร?
2. การกระท�ำ สงิ่ ทไี่ มเ่ ปน็ ประโยชน์ จะมผี ลตอ่ ตนเองและสงั คมอยา่ งไร?
3. มุสลิมที่ดีต้องกระทำ�ตนอย่างไร?
32 วิชาอลั หะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6
กจิ กรรมเสนอแนะ
1. ให้นักเรียนท่องอัลหะดีษบทนี้พร้อมความหมาย
2. ใหน้ กั เรยี นคดั อลั หะดษี บทนพี้ รอ้ มความหมาย ลงในสมดุ บนั ทกึ ของ
แต่ละคน
วิชาอลั หะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6 33
บทท่ี 11 การทำ�ความดตี อ่ พอ่ แม่
ความว่า : ทา่ นอบฮี รุ ยั เราะฮฺ รอฎิยัลลอฮุอนั ฮุ กลา่ ววา่ :บุรษุ หนง่ึ ไดม้ า
หาทา่ นรอซลู้ ลุ ลอฮฺ ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะซลั ลมั แลว้ ถามวา่ ผใู้ ดทฉ่ี นั
ควรท�ำ ดตี อ่ เขามากทสี่ ดุ ? ทา่ นตอบวา่ “มารดาของทา่ น” บรุ ษุ ผนู้ นั้ ได้
ถามตอ่ วา่ หลังจากนัน้ ละ่ ? ท่านตอบอกี ว่า “มารดาของทา่ น” เขาถาม
ทา่ นตอ่ อกี วา่ หลงั จากนนั้ เปน็ ผใู้ ดตอ่ ? ทา่ นยงั ตอบอกี วา่ “มารดาของ
ทา่ น” บรุ ษุ ผนู้ น้ั ยงั ไมห่ ยดุ ถามวา่ หลงั จากนนั้ เปน็ ใครอกี ? ในทส่ี ดุ ทา่ น
จงึ ตอบว่า “บดิ าของท่าน”
(รายงานโดยมุสลิม)
34 วิชาอลั หะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
อธิบายอัลหะดษี
พ่อแม่เป็นบุคคลสำ�คัญที่สุดในชีวิตของมนุษย์แต่ละคน ทั้งสองคือผู้ให้
กำ�เนิด ผเู้ ลีย้ งดู อบรมสัง่ สอนลกู ตั้งแต่ยงั เปน็ ทารกแบเบาะดว้ ยความเหนือ่ ย
ยากล�ำ บาก จนเขาเตบิ โตเปน็ ผใู้ หญม่ งี านมกี ารและครอบครวั เปน็ ของตนเอง
ดว้ ยเพราะพอ่ แมม่ คี วามส�ำ คญั ตอ่ มนษุ ยถ์ งึ เพยี งนี้ อสิ ลามจงึ ไดส้ งั่ ก�ำ ชบั
ให้มนุษย์ทุกคนทำ�ดีและแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดาของตน ความ
กตญั ญแู ละการท�ำ ดีตอ่ พอ่ แม่นั้น เปน็ หนา้ ที่ที่สงู สง่ และสำ�คญั รองลงมาจาก
การเคารพภักดีอัลลอฮฺเลยทีเดียว เช่นที่พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
ความว่า “สูเจ้าท้ังหลายจงเคารพภักดีอัลลอฮฺและอย่าได้ต้ังภาคีใดๆ
ตอ่ พระองค์ และกบั บดิ ามารดานัน้ สเู จา้ จงทำ�ดกี ับท้ังสอง”
(ซเู ราะฮฺ อันนิสาอฺ: 36)
สิง่ ที่ไดร้ ับจากอลั หะดษี
1. ความสำ�คัญของแม่จะต้องได้รับการทำ�ดีมากกว่าผู้เป็นพ่อถึงสาม
เท่า เพราะเหตุจากความยากลำ�บากในการอุ้มท้อง การคลอดและการให้นม
2. การอกตัญญูต่อพ่อแม่นั้นเป็นความผิดที่ร้ายแรง แต่การอกตัญญู
ต่อแม่นั้นมีบาปที่มหันต์ยิ่งกว่า
3. ผู้ที่สมควรที่สุดในการยกย่องให้เกียรติ คือ แม่ หลังจากนั้นคือพ่อ
4. ลูกที่ดีที่ต้องปฏิบัติดีต่อพ่อแม่อย่างสม่ำ�เสมอเพื่อให้ได้รับความ
โปรดปราน ความเมตตาปรานีจากอัลลอฮฺ
วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6 35
5. บญุ คณุ ของพอ่ แมย่ งิ่ ใหญน่ กั ลกู ทกุ คนจะตอ้ งตอบแทนบญุ คณุ ของ
ท่านทั้งสอง
ค�ำ ศพั ทใ์ หม่ในบทเรียน
คำ�ศพั ท ์ คำ�อา่ น ค�ำ แปล ค�ำ ศัพท์ คำ�อ่าน คำ�แปล
ญาอะ ได้มา อันนาสุ มนุษย์
รอญุลุน บุรุษหนึ่ง หุสนุน ดี
มัน ผู้ใด ศอหาบะตุน เพื่อน
อะบุน บิดา อุมมุน มารดา
แบบฝกึ หดั
1. บุคคลแรกที่ลกู จะต้องทำ�ดีควรจะเป็นใคร?
2. พ่อแม่มีความสำ�คัญต่อชีวิตเราอย่างไร?
3. เมื่อใดที่ลูกทุกคนต้องทำ�ดีต่อพ่อแม่?
4. ให้นักเรียนบอกการกระทำ�ที่นำ�ไปสู่การกตัญญูต่อพ่อแม่มา 5 ข้อ
กิจกรรมเสนอแนะ
1. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาคน้ ควา้ อายะฮอฺ ลั กรุ อานทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การท�ำ ดตี อ่
พ่อแม่
2. ให้นักเรียน ท่องจำ�บทดุอาอฺให้พ่อแม่ได้รับความดีทั้งดุนยาและ
อาคิเราะฮฺ
36 วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
บทท่ี 12 ค�ำ กล่าวเมื่อเสร็จจาก
การประชมุ
ความว่า : จากทา่ นอบีบัรซะฮฺ อัลอสั ละมีย์ รอฎยิ ลั ลอฮอุ ันฮุ ไดก้ ลา่ ว
ว่า ปรากฏว่าทา่ นรอซลู้ ลุ ลอฮฺ ศอ็ ลลลั ลอฮอุ ะลัยฮิวะซลั ลมั เคยกล่าว
ขณะที่ต้องการเลกิ ประชมุ วา่ :
ความหมาย : มหาบริสุทธ์ิแด่พระองค์ ข้าแต่อัลลอฮฺ และด้วยการ
สรรเสริญของพระองค์ ฉันขอปฏิญาณวา่ ไม่มพี ระเจ้าอนื่ ใดนอกจาก
พระองค์ ฉันขออภยั โทษและขอส�ำ นึกผดิ ต่อพระองค์
(รายงานโดยอบดู าวุด)
วิชาอลั หะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6 37
อธิบายอัลหะดษี
การประชุมเป็นซุนนะฮฺของท่านรอซู้ลุลลอฮฺ ไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม
ที่ไม่ขัดต่อหลักการของอิสลาม อิสลามส่งเสริมให้มีการประชุมปรึกษาหารือ
กันในเรื่องที่มีประโยชน์เกิดขึ้นสังคม เพราะท่านรอซูลุ้ลลอฮฺก็มีแบบอย่าง
การประชุมกับบรรดาศอหาบะฮฺอยู่เนือง ๆ
วธิ ีการประชมุ
1. จะตอ้ งมอี ะมรี หนงึ่ คนท�ำ หนา้ ทใี่ นการตดั สนิ (คนทเี่ ปน็ อะมรี จะตอ้ ง
มีประสบการณ์ เข้าใจงานที่จะตัดสิน อะมีรนั้นมาจากการแต่งตั้ง)
2. อะมีรมีหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม มีหน้าที่ในการซักถาม
3. ผู้ที่ร่วมประชุมให้พยายามเสนอความคิดเห็น
4. การเสนออย่าทับถมความคิดเห็นของคนอื่น ไม่ต้องแสดงเหตุผล
ถ้าอะมีรไม่ได้ถาม หรือหากต้องการแสดงเหตุผล ควรขอนุญาตจาก
อะมีรก่อน
5. ทุกคนที่นั่งประชุมต้องตะวัจญุอฺต่ออัลลอฮฺคิดเสมอว่าอัลลอฮฺอยู่
พร้อมกับพวกเรา
6. นั่งในวงประชุมด้วยกับให้ความสำ�คัญ และด้วยกับฟิกีร
7. การประชุมจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของอะมานะฮฺ
8. การประชุมอยู่บนพื้นฐานของความนิ่มนวล ไม่ว่าการเสนอการ
ตัดสิน ถ้ามีความนิ่มนวลทุกคนจะอยู่ร่วมกับการประชุม
9. นั่งหันหน้าเข้าหากัน ด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน
10. จะต้องไม่ผูกติดกับความคิดเห็นของตนเอง หรือคนอื่น
11. พร้อมที่รับผลของการประชุม ไม่ว่าจะออกมาอย่างไรก็ตาม
12. เอาความตอ้ งการศาสนาไวข้ า้ งหนา้ เอาความตอ้ งการของเราไวข้ า้ ง
หลัง
38 วิชาอลั หะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
13. เสนอในส่งิ ท่ดี ีท่สี ุดในความคิดเห็นของเรา แต่ต้องไม่คิดว่าข้อเสนอ
ของเราดีกว่าคนอื่น
14. เมื่อเราจะเสนอคนอื่นให้ทำ�หน้าที่ใด ให้เราเรียกชื่อเต็มของเขา
หรือชี้เขาด้วยการผายมือ อย่าชี้ด้วยนิ้วชี้
15. เมื่ออะมีรรับข้อเสนอของเราให้เราอิสติฆฟาร
16. ถ้าอะมีรไม่รับข้อเสนอของเราให้กล่าว อัลหัมดุลิลลาฮฺ
17. อยา่ กดดนั ทีป่ ระชมุ ใหร้ บั ขอ้ เสนอของเรา อยา่ ดือ้ ดงึ และอยา่ ทะนง
ตนกับขอเสนอของเรา
18. เมอ่ื อะมรี ตดั สนิ ในเรอ่ื งการประชมุ ตา่ งจากความเหน็ ของญะมาอะฮฺ สม
ควรทญี่ ะมาอะฮจฺ ะตอ้ งยอมรบั การตดั สนิ อยา่ ขดั แยง้ กบั อะมรี และใหท้ กุ คน
มุ่งหวัง ในเรื่องของความดี
19. อย่าทำ�ลายวงประชุม อย่าออกจากที่ประชุมโดยไม่ได้รับอนุญาต
20. ผลการมุชาวะเราะฮฺจะออกมาในรูปใดก็ตามถือว่าเป็นความดี เรา
จะต้องไม่รู้สึกผิดหวังจากการประชุม
คุณค่าของการประชุม
1. สถานที่ใดที่มีการมุชาวะเราะฮฺตามซุนนะฮฺของท่านนะบี ศ็อลลัล
ลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะซลั ลมั จะใกลเ้ ราะหมฺ ะฮแฺ ละจะหา่ งไกลอะซาบ (การลงโทษ)
2. การประชมุ ตามซนุ นะฮจฺ ะดงึ นสุ เราะฮกฺ ารชว่ ยเหลอื จากอลั ลอฮฺ และ
จะรวมหัวใจคนในญะมาอะฮฺเป็นหนึ่งเดียว
3. ด้วยการมุชาวะเราะฮฺจะรักษาทุกคนให้ห่างไกลจากการขัดแย้งกัน
ห่างไกลจากการตามนัฟซู และชัยฏอน
วิชาอัลหะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6 39
สิง่ ทไี่ ด้รบั จากอัลหะดีษ
1. การประชุมเป็นคำ�สั่งใช้ของอัลลอฮฺ และเป็นซุนนะฮฺของท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
2. ปรึกษาหารือกันในทุก ๆ กิจการและหาข้อสรุป จากทุก ๆ ความ
คิดเห็น โดยผ่านจากการประชุมตามแบบอย่างของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ
อะลัยฮิวะซัลลัม
3. เมื่อเสร็จสิ้นการประชุม ให้ทุกคนกล่าวดุอาอฺปิดประชุม เพื่อเป็น
ความสิริมงคล
ค�ำ ศพั ท์ใหมใ่ นบทเรียน
ค�ำ ศัพท์ คำ�อา่ น คำ�แปล คำ�ศพั ท์ คำ�อ่าน คำ�แปล
อะรอดะ ต้องการ อัลมัจญ์ลิซิ ที่ประชุม
อิซะ เมื่อ อาคิรอติ สุดท้าย
แบบฝึกหัด
1. องค์ประกอบที่สำ�คัญของการประชุมมีอะไรบ้าง?
2. การประชุมตามแบบฉบับของท่านนบีเป็นอย่างไรอธิบายพอสังเขป ?
40 วิชาอลั หะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6
กจิ กรรมเสนอแนะ
1. ครนู ำ�เสนอรปู แบบการประชุมทั่ว ๆ ไปให้นักเรียนฟัง
2. ให้นักเรียนนำ�เสนอการประชุมตามแบบฉบับของท่านนบี
3. ครูนำ�เสนอเกี่ยวกับองค์ประกอบของการประชุมตามแบบฉบับ
ของท่านนบี และบทดุอาอฺที่ใช้อ่านขณะเปิด และปิดการประชุม
4. ให้นักเรียนท่องจำ�บทดุอาอฺเพื่อนำ�ไปใช้ในชีวิตประจำ�วันเมื่อมีการ
ประชุมในโอกาสต่อไป
5. ให้นักเรียนบันทึกตัวบทอัลกุรอานต่อไปนี้ลงในสมุดแบบฝึกหัด
ความว่า : “และสูเจ้าจงปรึกษาหารือกับพวกเขาในกิจการงานต่างๆ
ครั้นเมื่อเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว ก็จงมอบหมายต่ออัลลอฮฺเถิด แท้จริง
อัลลอฮทฺ รงรกั บรรดาผูท้ ี่มอบหมาย” (อาลิอิมรอน : 159 )
วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6 41
บทที่ 13 ประเภทของอัลหะดษี
นกั วชิ าการไดแ้ บง่ อลั หะดษี ทสี่ ามารถนำ�มาท�ำ เปน็ หลกั ฐานไดห้ รอื ไมไ่ ด้
ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกันคือ
1. อลั หะดษี ศอเหยี ะหฺ
อัลหะดีษศอเหียะหฺ คือ อัลหะดีษที่มีการรายงานอย่างต่อเนื่องไม่ขาด
สาย จากผู้รายงานที่มีคุณธรรม ความจำ�ดีเยี่ยม ตั้งแต่ผู้รายงานลำ�ดับแรก
จนถงึ ทา่ นนบศี อ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะซลั ลมั หรอื ศอหาบะฮฺ หรอื บคุ คลทีอ่ ยใู่ น
สมัยถัดมา
42 วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
องคป์ ระกอบของอลั หะดีษศอเหียะหฺ
จากคำ�นิยามข้างต้นจะเห็นได้ว่าอัลหะดีษศอเหียะหฺประกอบด้วย
5 อยา่ ง ด้วยกัน คือ
1. ต้องมีสายรายงานอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ตั้งแต่ผู้รายงานล�ำ ดบั
แรกถงึ ทา่ นนบศี อ็ ลลลั ลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะซลั ลมั หรอื บรรดาศอหาบะฮฺ หรอื คนรนุ่
ถัดมา เพราะอัลหะดีษใดที่เกิดสายรายงานขาดตอนลงไป ย่อมไม่สามารถ
พิสูจน์ได้ว่าผู้รายงานที่มิได้กล่าวถึงจะมีสถานภาพอย่างไร เชื่อถือได้หรือไม่
อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำ�ให้เกิดการไม่ยอมรับในอัลหะดีษ
2. ตอ้ งไมข่ ดั แยง้ กบั ลกั ษณะของอลั หะดษี ทมี่ สี ายรายงานทแี่ ขง็ แรงกวา่
ในกรณีที่ไม่สามารถหาทางประสานกันได้ ก็จะไม่ทำ�ให้มีฐานะด้อยลงแต่
ประการใด
3. ตอ้ งเป็นอลั หะดีษทีไ่ ม่มีความบกพรอ่ ง จะบกพร่องโดยเปดิ เผยหรอื
แอบแฝงก็ตามการบกพร่องโดยเปิดเผย เช่น ผู้รายงานท่านหนึ่งอ้างว่าได้รับ
รายงานมาจากอกี ทา่ นหนงึ่ ซงึ่ เปน็ ทรี่ กู้ นั วา่ บคุ คลทงั้ สองดงั กลา่ วไมเ่ คยพบปะ
กนั เลย และการบกพรอ่ งโดยแอบแฝง เชน่ ผรู้ ายงานทงั้ สองมีชีวิตอยู่ในสมัย
เดียวกัน โดยผู้รายงานคนหนึ่งอ้างว่าได้ยินอัลหะดีษบทนี้มาจากผู้รายงาน
คนที่สอง ซึ่งโดยความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทั้งสองรปู แบบนี้ นักวิชาการ
อัลหะดีษถือว่ามีความบกพร่อง จะนำ�เอามาเป็นหลักฐานไม่ได้
4. ผู้รายงานอัลหะดีษทุกคนต้องมีความจำ�ดีเยี่ยม
5. ต้องเป็นผู้มีคุณธรรม หมายถึง ต้องเป็นมุสลิม บรรลุศาสนภาวะ
ไม่เคยประกอบความผิดสถานหนัก หรือไม่เป็นผู้ที่กระทำ�ความผิดสถานเบา
อยู่เสมอ
วิชาอัลหะดีษ ช้ันอิสสลามศึกษาปีที่ 6 43
2. อลั หะดษี หะซัน
อัลหะดีษหะซัน หมายถึง อัลหะดีษที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับ
อัลหะดีษศอเหียะหฺ ต่างกันตรงที่ผู้รายงานอัลหะดีษในสายรายงานบางคน
มีความจำ�ไม่ดีเยี่ยมและไม่ถึงกับเลอะเลือน
อัลหะดีษหะซัน มี 2 ประเภท คอื
1. หะซนั โดยตวั เอง คอื อลั หะดษี หะซนั โดยตวั มนั เอง และตามค�ำ นยิ าม
ข้างต้น
2. หะซันโดยสิ่งอื่นมาสนับสนุน คือ อัลหะดีษที่ฐานะไม่ถึงระดับ
หะซัน แต่ได้รับการสนับสนุนจากอัลหะดีษอื่นที่มีสายรายงานอันเป็นที่
ยอมรบั
อัลหะดีษหะซัน แม้จะขาดความสมบรู ณ์ไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่านำ�ไปใช้
เป็นหลักฐานได้เช่นเดียวกับอัลหะดีษศอเหียะหฺ แต่ในกรณีที่ไปขัดแย้ง
กับอัลหะดีษศอเหียะหฺจนไม่สามารถหาทางประสานกันได้ ก็ให้ถือเอา
อัลหะดีษศอเหียะหฺเป็นเกณฑ์
3. อลั หะดษี ฎออีฟ
อลั หะดษี ฎออฟี คอื อลั หะดษี ทไี่ มม่ คี ณุ ลกั ษณะอลั หะดษี ศอเหยี ะหหฺ รอื
อัลหะดีษหะซันแต่อย่างใด
เง่อื นไขการปฏบิ ตั ิดว้ ยอลั หะดีษฎออฟี มี 3 ประการ
1. ต้องเป็นอัลหะดีษที่ฎออีฟไม่มาก คือ ในสายรายงานต้องไม่มี
44 วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6
รายงานเท็จ หรือเป็นผู้ที่ถกู กล่าวว่ารายงานเท็จ
2. ตอ้ งไมย่ ดึ มนั่ วา่ อลั หะดษี ฎออฟี ทนี่ �ำ มาปฏบิ ตั นิ นั้ ไดร้ บั การยนื ยนั ถกู
ต้อง แต่ให้ถือว่าเป็นการกระทำ�เผื่อเท่านั้น
3. ต้องอยู่ภายใต้หลักมูลฐานทั่วไป เช่น อัลหะดีษที่ว่า
“ใครที่ถูกถามเก่ียวกับความรู้ แล้วเขาก็ได้ปิดบังไว้ อัลลอฮฺจะ
ครอบเขาดว้ ยไฟนรกในวันกยิ ามะฮ”ฺ
อัลหะดีษนี้เป็นอัลหะดีษฎออีฟ ที่อยู่ภายใต้ความหมายของอัล
กุรอาน ที่ว่า
“แท้จริงที่ปิดบังสิ่งที่เราได้ลงมาจากข้อชี้แจงและทางนำ� ภาย
หลังจากเราไดแ้ จ้งสง่ิ น้แี ก่มนษุ ยไ์ ว้ในคัมภีร์ พวกเขาเหลา่ นั้น อลั ลอฮฺ
ไดส้ าปแช่งพวกเขา และผ้ทู ถี่ ูกสาปแชง่ กจ็ ะสาปแช่งพวกเขา”
(อัลบะกอเราะฮฺ : 159)
วิชาอัลหะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6 45
แบบฝึกหดั
1. อัลหะดีษที่สามารถนำ�มาเป็นหลักฐานได้มีกี่ประเภท?
............................................................................................................
............................................................................................................
2. อัลหะดีษศอเหียะหฺ หมายถึงอะไร?
............................................................................................................
............................................................................................................
3. องค์ประกอบของอัลหะดีษศอเหียะหฺ มีกี่อย่าง?
............................................................................................................
............................................................................................................
4. อัลหะดีษหะซัน หมายถึง?
............................................................................................................
............................................................................................................
5. ประเภทของอัลหะดีษหะซัน มีกี่อย่าง?
............................................................................................................
............................................................................................................
6. อัลหะดีษฎออีฟ หมายถึง?
............................................................................................................
............................................................................................................
7. สิ่งที่ควรปฏิบัติกับอัลหะดีษฎออีฟ มีอะไรบ้าง?
............................................................................................................
............................................................................................................
46 วิชาอลั หะดีษ ชั้นอิสสลามศึกษาปีที่ 6