คํานํา
น
ั
่
หนงสือคูมอการปลูกฝังและสร้างเสริริมอุดมการณ์ณ์ทางทหารของกองบัญชชาการกองทัพพไทย ซึงจัดททําโดย
แ
ื
่
ั
คณะทางานจดทําคมอการปลูกฝงและสร้างเสรมอดมการณทางทหารของกองบญชาาการกองทัพไทย เปนการรปฏบต ิ
ื
ณ
ั
์
อ
ั
ุ
ง
ิ
ํ
่
ู
็
ิ
ิ
ั
ไ
ร
ง
้
ู
ั
์
ตามนโยบายของ พลเอก พรพิพฒน เบญญศรี ผบญชาาการทหารสูงสุด โดยมจจดมงหมายให้ผบงคบหนนวยใน
ั
ง
ใ
ั
พ
ู
้
ย
ญ
ุ
ี
่
ุ
่
ั
ื
ํ
่
ช
็
บ
ํ
ั
น
ี
ุ
่
ั
์
ทุกระดับในกองบญชาการกองทพไทย นาไปเปนคูมอในการปลูกฝงและอบรมกาลัลังพลของหนวยให้มอดมมการณ
ก
พ
ั
้
ต
่
ย
ั
์
์
ิ
ิ
ั
ึ
น
ั
ส
่
้
า
่
็
ี
ทางทหารทเขมแข็งและเปนมาตรฐานยิงขึน ยดมนใน สถาบนชาต ศาสนา พระะมหากษตรย และการปกกครอง
ย
ุ
ั
์
์
ิ
็
์
อ
ในระบอบประชาธิปไไตยอนมพระมหากษตรยทรงเปนประะมข มความเสียสละ คานนงถึงผลประโยชนของชาาตและ
ิ
ะ
ํ
ี
ึ
ึ
ี
ั
ะ
ํ
ั
ุ
ห
ประโยชนสุขของประชาชน การจดทําเอกสารเล่มนมไดมงหมายใหนาไปใช้ในลักษณณะของคาบรรยายทจะนาไไปอาน
จ
ร
่
ี
ิ
ะ
่
้
ี
้
ป
ั
ํ
ํ
่
์
น
้
น
ั
า
้
้
ั
ุ
ั
้
ู
่
ี
่
ร
ู
์
้
้
ั
ง
ให้ผเข้ารบการปลูกฝฝงอดมการณทางทหารฟังโดยตรง ฉะะนนผททําหนาทีในการปลูลูกฝงอดมการณดงกล่าวจจะตอง
ั
ั
ณ
์
์
้
ุ
บ
ั
ห
ั
ุ
ุ
้
น
ื
บ
ํ
ิ
่
้
ว
ศึกษาคนคว้าเอกสารรอนประกอบตามความเหมาะสมรวมทงจดทําคาบรรยายประกกอบให้เหมาะสมกบคณวุฒและ
ั
้
ู
ร
ี
ค
ั
้
พืนฐานความรูของผเเข้ารบการปลูกฝงอดมการณทางทหารเปนกรณไป
้
ุ
์
ั
ล
็
ร
ู
การทจะปฏิบตตามคมอการปลูกฝงและสร้างเสรมอดมการณทางทหารนไไดอยางสมบรณนน จาเปปนตอง
ิ
์
้
์
่
ู
บ
ี
่
้
้
์
ุ
ี
่
ู
ิ
ก
็
ั
ั
ํ
้
ื
็
แ
ั
ั
่
ั
ํ
ว
ท
อาศยความร่วมมอร่วมใจจากผทีเกยวข้องตาง ๆ ในหนวย ตงแตผบงคบบญชาลงงไปจนถึงกาลงพลภายในนหนวย
้
ล
ู
้
ว
่
่
ว
ู
่
ี
ี
่
ั
้
ื
ั
า
่
ั
ง
ั
ทุกคน ทจะร่วมกนมงมนพฒนาตนเอง และหนวยให้มอดมการณอนกล้าแกรง เเปนทหารอาชีพทีมคานยมและ
ม
ี
ิ
่
่
่
ี
่
ั
่
่
ั
น
ท
ี
็
ี
ั
ย
ุ
ั
ุ
่
์
ิ
น
็
บ
า
่
่
น
ไ
ิ
ั
มาตรฐาน ในการปฏบตงานจนเปนทียอมรับจากสังคมและปประชาชนทัวไป
ั
ั
กองบญชาการกองงทัพไทย
บ
สารบบัญ
หนา
้
ํ
่
บทที ๑ บทนา ๑
ก
ร
บทที ๒ คานยมและมาตรฐานของกองบญชาการกองทัพไทย ๓
่
ิ
ม
ั
่
่
ป
บทที ๓ ศลปะในการปกครองบงคับบญชา ๖
ิ
บ
ั
ั
้
ห
บทที ๔ กระบวนการปลูกฝังและสรางเสริมอดมการณทางทหารของกองบญชาการกองททัพไทย ๑๙
์
่
ุ
ญ
ั
ร
ป
บทที ๕ แนวทางการปลูกฝังอดมการณ์ทางทหารของกองบญชชาการกองทัพไทย ๒๒
า
ุ
ร
ป
พ
ั
่
ภ
ิ
ห
ั
ั
ั
ุ
ู
ก
ณ
๕.๑ การปลกฝังอดมการณ์ความจงรกภกดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรย์ ๒๒
ท
ั
ิ
ณ
เ
ู
ก
๕.๒ การปลกฝังวนย และเสริมสร้างคุณลักษณะทางทหาร ๒๕
๕.๓ อุดมการณ์ในด้านความรบผิดชอบต่อหนาที ๒๙
า
ั
ร
้
่
ต
่
า
่
ื
ก
๕.๔ อุดมการณ์ในด้านความเสียสละ เพอความผาสุกของประชาชน และความอยรอดของประเทศชาติ ๓๐
พ
ู
ช
ร
็
ง
่
๕.๕ การสร้างหนวยให้ทํางานเปนทีม ๓๑
ก
ก
ู
ท
อ
ิ
๕.๖ การปลกฝังค่านยมของกองบัญชาการกองทัพไทย ๓๒
ั
ย
ร
ื
่
๕.๗ การอบรมในเรองวินยทหาร ๓๓
๕.๘ การปลกฝังคุณธรรมและจริยธรรมทหาร ๓๕
ก
ู
แ
ิ
ั
๕.๙ สิงสําคญญทีทหารควรปฏบติและละเว้นการปฏบติิ ๓๗
่
ป
ต
ั
ั
่
ิ
ร
๕.๑๐ การสร้างความสามัคคในหมูทหาร ๓๘
่
ค
ี
้
ว
ภาคผนวก
ก
น
ธ
ก พฤติกรรมตัวอยางทีเห็นวาเปนพฤติกรรมทีมีคณธรรรมและจริยธรรม
็
่
่
่
ุ
่
ต
ุ
อ
็
ื
ข พฤติกรรมตัวอยางทีเห็นว่าเปนพฤติกรรมทีไม่มี หรือขาด หรอด้อย คณธรรรมและจรยธรรม
่
่
่
ต
ิ
ร
ก
น
ห
ค คาขวัญปลูกฝังอดมการณ์ทางทหาร
ํ
ณ
ุ
น
ั
ง พระราชบญญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศศ. ๒๔๗๖
ญ
ิ
ร
ั
๖
จ พระราชบญญัติมาตรฐานทางจรยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒
ิ
ั
ี
ร
ห
๕
ฉ ระเบยบกระทรวงกลาโหม ลงวนที ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๕๑ ว่าด้วย ประมวลจรยธธรรม พ.ศ.๒๕๕๑
่
น
ั
่
ํ
ั
่
่
ง
ื
ื
ร
ั
ั
ิ
ช คาสังกองบบญชาการกองทัพไทย ลงวันที ๒๖ เมษาายน ๒๕๖๑ เรองการตรวจและกวดขนวนยของ
กาลังพลสังกดกองบญชาการกองทัพไทย
ั
ไ
ั
ํ
ง
-
-----------------------
่
บทที ๑
บทนา
ํ
ิ
่
ิ
็
่
็
่
อดมการณ คอ “จนตนาการ ทีถือว่าเปนมาตรฐานแห่งความดีงามและความจรง ซึงถอวาเปน
ุ
ื
์
ื
ิ
่
่
์
ุ
ั
้
้
็
่
ํ
เปาหมายแห่งชีวตอนสูงส่งทีจูงใจให้มนษยพยายาม มุงมันทีจะทําหรือบรรลุถง”เปนพลังอานาจทีทําใหเกิด
ึ
่
่
ี
ึ
่
่
ความกลมเกลยวเป็นปกแผ่นและจิตสํานึกร่วมในสังคม กองทัพไทยเป็นสถาบันสําคัญหนึงทีเกียวข้องกับการปลูกฝัง
่
่
็
ิ
่
่
ื
ี
ื
ึ
อดมการณ์ โดยเปนการปลูกฝังให้ยดถอในหลักการ ทัศนคติ ความเชือ คานยมหรอทฤษฎบางอยาง
ุ
ิ
ั
ิ
่
ั
ี
็
ซึงเปนวถปฏบติทีสืบทอดกนมาในสังคม
่
ุ
อดมการณทางทหาร คอ “มาตรฐานแห่งความดีงามอนสุดยอดในหนาทีของนักรบของชาติ
์
ื
้
ั
่
้
็
้
ั
่
ทีต้องมุงมัน อทิศตนเพอให้บรรลุถึง” ซึงความสําคญดังกล่าวจะเหนได้ว่าในด้านการปองกนประเทศนันเปนหนาท ่ ี
็
่
่
ั
ื
้
ุ
่
่
ั
ํ
้
ี
ิ
้
่
ของคนไทยทุกคนทีจะปกปองประเทศบานเกิดเมืองนอนในทุกวถทางเท่าทีจะสามารถทาได้และรฐธรรมนญ
ู
่
่
ได้กาหนดให้ชายไทยทกคนต้องเป็นทหารรับใช้ชาติ อุดมการณ์ทางทหารจึงเป็นสิงทีสําคัญและจําเป็นอย่างยิง
่
ุ
่
ํ
ี
่
ต่อความเป็นทหารอาชีพ การมอุดมการณทางทหารทฝังแนนจะเปนแนวทางให้ทหารเกดความสํานกในหน้าท
ี
ึ
ี
่
์
็
่
ิ
่
ยดมันในผลสําเร็จของภารกจ ซึงจะเปนหลักประกันได้ว่าผูทมีอดมการณ์ทางทหารทีฝังแน่นและกล้าแกร่งจะนํา
ิ
่
่
ึ
็
ี
้
่
ุ
่
้
่
ผลดีมาสูกองทัพและประเทศชาติได้อยางไม่มีขอกังขา
ความสําคญและบรบทของอดมการณทางทหาร
ิ
์
ั
ุ
่
้
ี
ํ
้
ทหารทีมีอดมการณ์กล้าแขงต้องศรทธาต่อภารกจตามหนาท ตังใจทา อทิศตน และเสียสละ
ิ
่
ุ
ั
็
ุ
่
ชีนาตนเองได้ว่าต้องทาอะไรบางเพอให้ชาติมันคงและปลอดภย โดยประสิทธิภาพหน่วยทหารนันขึนอยูกับ
ั
้
ํ
่
้
้
้
ํ
่
ื
ุ
ความสามารถของคนเหนอกวาอาวธยทโธปกรณ ์
ื
ุ
่
ู
้
์
ั
ผนากับการพฒนาอุดมการณทางทหาร
ํ
่
็
ั
้
็
่
่
่
่
่
สังคมทหารเปนสังคมทีอยูร่วมกันเปนกลุมก้อนภายในพืนทีคายทหารของหนวย มีการพบปะกนอย ่ ู
เปนเนองนจ เปนสังคมทีใกล้ชิดช่วยเหลือเกือกลกนตลอดเวลา จึงเป็นการง่ายทีจะเอาใจใส่ดูแลทุกข์สุข
ั
ิ
็
็
่
ู
้
ื
่
ู
ในความเป็นอยประจาวันของกนและกน
ั
ั
ํ
่
ผูบงคบบญชาพงแสดงตัวอยางในความประพฤติ ความเปนอยและการทางานไม่ให้เกดการเปรียบเทยบ
ี
้
่
็
ั
่
ู
ํ
ิ
ึ
ั
ั
้
่
ั
ู
่
ั
้
ั
ไม่ให้ผูใต้บงคบบญชาดูถกดูแคลนหรือขาดความเคารพเลือมใส ผูใต้บงคับบญชาทุกคนย่อมมองไปทีผูบังคับบัญชา
ั
ั
้
ื
่
ิ
้
หรอผูทีเหนอกวา หากได้แสดงตนเป็นแบบอยางทดีงามผูใต้บงคบบญชาย่อมจะปฏบติตาม ทหารจะอยกบ
ั
ื
่
่
ี
่
ู
ั
่
ั
ั
ั
้
ั
ั
้
ั
ั
ั
ั
้
ั
ผูบงคบบญชาและตายพร้อมกบผูบงคบบญชาได้เสมอ จะต้องไม่เห็นแกได้แม้ในสิงอนเล็กน้อยต้องละเว้นการล่วงสิทธิ
่
ั
่
้
้
็
้
อนควรมีควรได้ของทหาร หากจําเปนจะต้องขอใหเสียสละกันบางกต้องชีแจงให้ทหารเขาใจและยอมรับด้วยความ
ั
็
้
สมัครใจ
็
สังคมทหารมใช่สังคมศกดินาแตเปนสังคมของเพอนคชีวิตซึงสามารถตายแทนกันได้
ิ
่
่
่
่
ื
ั
ู
่
้
ั
่
ั
ั
ทหารไมเคยทอดทิงกนในยามยากหรือในยามมีภยอนตรายร่วมกัน ทํางานกันตามหน้าทีในลักษณะของความเป็นหน่วย
้
้
่
ั
ั
ั
่
ั
้
ั
ั
ี
ซึงมีพร้อมทงผูบงคบบญชาและผูใต้บงคบบญชา โดยต่างฝ่ายต่างให้เกยรติซึงกนและกน ตามชันยศ
้
ั
ั
ั
้
ํ
่
ุ
และอานาจหนาที ทหารเป็นกลุมคนทีถออาวธตามกฎหมาย หากไม่มีการบังคบบญชา ไม่มีระเบียบวนัย
ั
ั
่
ิ
ื
่
๒
ั
ั
ั
่
ั
็
่
ั
ุ
ํ
ํ
่
่
ั
ั
คอยควบคมกากบแล้วกจะมีสภาพไม่แตกต่างกบโจรปา ทีไม่อาจสงการกนได้ในยามคบขนอนจะนามาซึงความ
้
่
ั
สูญเสียหรือพายแพได้ ทหารทุกระดับชันต่างกมีเกยรติเทาเทียมกน เนองจากแต่ละคนต้องรบผิดชอบในหนาท ี ่
้
ื
้
ี
ั
่
็
่
้
้
้
้
ื
เพอชาติทังสิน ถ้าอยากจะให้ผูใต้บังคับบัญชามีระเบียบวินัย ผูบังคับบัญชาหรือผูใหญ่ก็จะต้องมีระเบียบ มีวินัยด้วย
่
้
ิ
ั
ั
ั
้
่
้
่
่
ู
่
ั
เมืออยร่วมกันได้อยางราบรืนและเขาใจกนดี ความจงรักภกดีต่อผูบงคบบญชาย่อมจะมีมาเอง อันจะส่งผลก่อให้เกด
ั
้
้
ทังความเขมแขงและประสทธภาพในการทํางานของหนวยนน ๆ
่
ั
้
ิ
็
ิ
------------------------------------------------
่
บทที ๒
ั
่
คานิยมและมาตรฐานของกองบญชาการกองทัพไทย
็
่
ํ
้
ื
ิ
่
ั
่
ื
ิ
คานยม หมายถึง หลักพนฐานของขวญและกาลังใจซึงเปนเรองของลักษณะนสัยภายใน
็
ั
็
็
ื
่
ิ
่
ี
่
้
่
และจตสํานกและเปนเรองทควรใชเปนแนวทางในการพฒนาตนไปสูรูปแบบของการเป็นทหารทีควรจะเปน
ึ
มาตรฐาน หมายถึง ตัวชีวดทีกาหนดทิศทางของการประพฤติปฏบติซึงส่งผลอย่างถาวรต่อสภาพ
้
ั
่
ั
ิ
ํ
่
ื
ของขวัญกาลังใจและหลักพนฐานของคุณธรรมของทหาร
้
ํ
ิ
วิสัยทัศน์ พันธกจ ค่านยมหลักของกองบัญชาการกองทัพไทย
ิ
์
ั
ั
วิสัยทัศนของกองบญชาการกองทพไทย :
ั
ิ
์
“เปนองคกรนาทีทันสมยในการอานวยการร่วม ดานการปองกนประเทศ และการปฏบตการ
้
ิ
็
ํ
ั
่
ั
ํ
้
็
ิ
่
ั
่
่
่
็
ั
่
ทางทหาร เพอความมนคงเปนทีเชือมนของรัฐบาล ประชาชน และเปนทียอมรับของมตรประเทศ”
่
ื
่
่
“เปน DIGITAL Headquarter ภายใน พ.ศ. ๒๕๖๕ และมงสูการเปน SMART Headquarter
ุ
็
็
ภายใน พ.ศ. ๒๕๘๐”
ั
พนธกจ :
ิ
้
๑. ปกปอง เทิดทูน พิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษตริย์ และส่งเสริมการปกครองในระบอบ
ั
ิ
็
ั
์
ประชาธปไตยอนมีพระมหากษัตริยทรงเปนประมุข
ํ
้
่
๒. อานวยการการปฏบติการรวมของทุกเหล่าทัพ และเสริมสร้างขีดความสามารถในการปองกัน
ิ
ั
ั
ประเทศ จากภยคกคามทุกรูปแบบ
ุ
ั
ั
ั
๓. สนบสนนรฐบาลในการแกไขปญหาสําคัญของชาติ การพัฒนาประเทศ และการช่วยเหลือ
้
ุ
ประชาชน
ั
์
ุ
๔. คมครอง และพิทักษ์รกษาผลประโยชนแห่งชาติ
้
ั
้
ื
่
้
่
่
๕. เสริมสรางความร่วมมือด้านความมันคงกบประเทศเพอนบาน กลุมประเทศอาเซียน
มิตรประเทศ
ั
ุ
ี
๖. สนบสนนการรักษาความสงบเรยบร้อยภายในประเทศโดยยึดหลักมนษยธรรม และสันติวิธ ี
ุ
ื
ํ
่
ิ
ี
ื
่
ั
๗. ปฏบติการเพอสันติภาพภายใต้กรอบของสหประชาชาต เพอธารงเกยรติและศักดิศรี
ิ
์
ในประชาคมโลก
ั
คานยมหลักของ กองบญชาการกองทพไทย :
่
ั
ิ
ความเป็นทหารอาชีพ (Professionalism)
ั
ความจงรักภกดี (Loyalty)
ความกล้าหาญ (Courage)
การทางานเปนทีม (Teamwork)
็
ํ
๔
็
ความเปนทหารอาชีพ (Professionalism)
่
่
่
่
ํ
คอ ความมุงมันสําหรบสิงทีดีทีสุดจากการปฏิบติงานในหนาทีโดยการทางานอยางทุมเท
ื
ั
่
้
่
ั
่
่
่
่
ุ
่
ี
ู
ื
่
ั
และทําให้ดีทีสุดตามขดความสามารถทีมีอยเพอให้ได้ผลงานทีมีคณภาพสูง ยงผลให้เกดความภาคภมิใจถงผลของงาน
่
ิ
ู
ึ
ึ
่
่
ิ
่
ั
่
้
ทีปรากฏออกมา รวมถงมุงแสวงหาหนทางทีจะปรบปรุงประสิทธภาพของการทํางานให้ดียิงขึนอย่างต่อเนือง
่
่
่
่
ิ
ั
ื
่
์
้
ั
้
ั
โดยการพยายามค้นหาเพอขจดสิงทีไม่มีประสิทธภาพและไร้ประโยชน ซึงในการปฏิบติงานนนจะตองพร้อม
ิ
ํ
ี
่
ั
่
ทีจะปรับเปลยนกระบวนการและวธีการทางานตามสภาวะแวดล้อมทีเปลียนแปลงไป ผูปฏบติงานในแต่ละตําแหนง
่
่
้
่
ิ
้
ู
่
หนาทีจะต้องให้คําแนะนาทีถกต้อง ทันเวลา ครอบคลุม และยุติธรรม รวมทังประพฤติปฏิบัติตนให้แสดงออก
ํ
้
่
ํ
่
ั
ึ
ั
่
ิ
ํ
ถงมาตรฐานสูงสุดของความซือสัตยอยางแทจรงในการปกครองและกากบดูแลกาลังพล ผูบงคับบญชาแต่ละ
้
้
ั
์
ิ
ระดับชันจะต้องมีความยุติธรรมและพร้อมรับผิดต่อการกระทําและการตัดสินใจของตนเอง จะไม่ยนยอมใหมีการ
้
้
่
่
ิ
ิ
ประพฤติปฏบติในสิงทขดต่อจรรยาวชาชีพทหารด้วยการปกปดพฤติกรรมดังกล่าว ซึงจะนาไปสการเสือมเสีย
ํ
่
ั
่
ี
ั
ิ
ู
่
็
่
ชือเสียงหนวย สําหรับความหมายของพฤติกรรมการเปนทหารอาชีพ สรปได้ ดังน ี ้
ุ
่
- ความมีวินย (Disciplinary) - ความเปนผูนา (Leadership)
ํ
ั
็
้
์
- การมุงผลสัมฤทธ (Result-based) - ความซือสัตย (Integrity)
ิ
์
่
่
้
- การสรางนวตกรรม (Innovation)
ั
ั
ั
ความจงรกภกด (Loyalty)
ี
ื
คอ การยึดมันและแสดงออกซึงการปกป้อง เทิดทูนและพิทักษ์รักษา ๓ สถาบันหลัก
่
่
้
่
ิ
่
ิ
ํ
ํ
์
ั
ั
ิ
ได้แก สถาบนชาติ ศาสนา และพระมหากษตรย์ โดยแสดงออกซึงพฤตกรรมทีนอมนาพระบรมราโชวาทและคาสัตยปฏญาณ
่
ิ
ิ
ํ
่
่
้
ึ
ึ
ในการปฏบติราชการ มาใช้ในการปฏบติงานทีได้รบมอบหมายทีหนวยงานกาหนดขน รวมถงพฤติกรรมการปฏิบัติ
ั
่
ั
ั
่
กบเพอนร่วมงานในทุกระดับชันด้วยความเท่าเทียม ดูแลเอาใจใส่และเห็นอกเห็นใจซึงกนและกันเพอนามา
ั
ื
้
ื
ั
่
่
ํ
่
ั
ู
่
์
ั
่
ซึงประโยชนสูงสุดของปวงชนชาวไทยและประเทศชาติ ส่งผลต่อการธํารงรกษาไว้ซึงสถาบนหลักให้คงอยตลอดไป
ความกล้าหาญ (Courage) ประกอบด้วย
ิ
ิ
ึ
่
ความกล้าหาญด้านจตใจ (Moral Courage) หมายถง ลักษณะนสัยทีตรงไปตรงมากล้า
่
ื
ั
แสดงออกและยนหยดในสิงทีถูกต้อง กล้าเปิดเผยในสิงทีผิดหรือไม่ถูกต้อง กล้ายอมรับคําวิจารณ์ทีมีเหตุผล และ
่
่
่
่
ั
่
้
่
ื
ยอมรับขอบกพรองต่าง ๆ เพอการเรียนรูและปรับปรุง รวมถงให้ขอมูลในการประเมินผลการปฏิบติงานตามความ
้
้
ึ
เปนจรง
็
ิ
ความกล้าหาญทางกาย (Physical Courage) หมายถง ความไม่เกรงกลัวในการเผชิญหน้า
ึ
ิ
ิ
ั
ต่อภยนตรายต่าง ๆ ทงทีเกดผลต่อชีวตโดยตรงและโดยอ้อม (ไม่เกดกบรางกายโดยตรง)
้
ั
่
ิ
่
ั
็
การทํางานเปนทีม (Teamwork)
ุ
ึ
ั
ื
คอ การปฏบติงานรวมกนด้วยความเคารพ เชือถือและตระหนกถงจดประสงค์ของการ
่
ิ
่
ั
ั
่
ู
ี
่
้
้
็
่
มีส่วนรวมของทุกคน การทางานเปนทมจะได้รับการปลกฝังให้เปนวฒนธรรมทเขมแข็งทัวทังกองบัญชาการกองทัพไทย
ํ
ี
ั
็
ึ
รวมถงการมีภาวะผนาด้านบวกและการรับฟงความเห็น เพอนาไปสความต้องการร่วมกนของสมาชิกในทีม
ํ
่
้
ู
ู
ื
ั
ํ
่
ั
่
ั
็
็
ื
็
ั
่
่
ึ
ี
ี
่
ั
ึ
การทํางานเปนทมของกองบญชาการกองทพไทย ถอเปนการรวมเปนหนงเดียวกนในทุกสิงททํา ซึงแสดงถง
ั
่
์
ความสัมพนธกันในการทางานรวมกนภายในกองบัญชาการกองทัพไทยให้ประจักษ์ต่อหน่วยงานอืน ๆ
ํ
่
ั
๕
ั
ั
ั
้
ั
่
ั
่
่
ี
โดยผูบงคบบญชาแต่ละระดับจะต้องสนบสุนนให้มีบรรยากาศการทํางานทการช่วยเหลือให้ความรวมมือซึงกนและกัน
็
ั
่
ี
มีการสอสารกันอยางเปิดเผย และแก้ไขปญหาเปนหมูคณะ ส่งเสริมให้มีการแสดงความคิดเห็นและใช้ความได้เปรยบ
่
ื
่
ํ
ู
้
ในความหลากหลายของความรและประสบการณเฉพาะตนของกาลังพล
์
------------------------------------------------
่
บทที ๓
ั
ศิลปะในการปกครองบังคบบัญชา
่
ั
ิ
้
ิ
ั
ั
้
ั
ั
ั
สังคมทหารต้องมีผูบงคบบญชาและผูใต้บงคบบญชา การทีจะให้ผูใต้บงคบบญชาสามารถปฏบติภารกจ
้
ั
ั
ั
ั
ั
็
่
ั
ั
ั
สําเร็จตามเป้าหมายทีวางไว้ ย่อมต้องมีการบริหารจดการและการปกครองบังคบบญชาเปนสําคญ
ั
ั
ั
้
ั
ิ
ํ
้
หากผูบงคบบญชาสามารถชักนาผูใต้บงคบบญชาปฏบัติภารกิจให้ลุล่วงได้ ย่อมส่งผลถึงความสําเร็จในภาพรวม
ั
ั
ั
่
่
่
ี
่
ิ
ภารกจของหน่วยอกด้วย โดยเฉพาะอยางยง กองบญชาการกองทัพไทย มีหนวยภายใต้การปกครองทีหลากหลาย
ิ
ั
่
้
ื
่
ซึงทุกหนวยต่างมีความสําคญและมีบทบาทต่อการกาหนดทิศทางในการขบเคลอนกองทัพไปสูเปาหมาย
่
ั
่
ํ
ํ
้
่
ี
่
้
โดยมีขดจากัดภายใต้กรอบของงบประมาณและเวลา จึงเป็นสิงทีท้าทายของผูบังคับบัญชาในแต่ละระดับชัน
ั
ั
ั
ทีจะต้องอาศยเทคนคการปกครองและเทคนิคการบงคบบญชามาบูรณาการใชควบคูกนไปประกอบกบ
ั
ั
่
ิ
่
ั
้
้
ี
ั
่
ั
่
แบบธรรมเนยมทหารทมีชันยศ กฎ ระเบียบ ขอบงคบเปนกรอบในการบงคบบญชาบรรลุสูความสําเรจ
็
ั
ั
็
ี
้
ั
้
ั
ั
่
่
ึ
จากความหมายของคําวา “การบงคับบญชา” (Commanding) หมายถง ภาระหน้าทีของผูบริหาร
ั
ิ
่
ในการใช้ความสามารถในการชักจงหรือหวานล้อมผูใต้บงคบบญชาให้ปฏบติงานตามคาสังจนสามารถทําให้องคกร
ั
์
ั
ู
ํ
่
ั
้
ั
้
ึ
ั
บรรลผลสําเร็จได้ การบงคบบญชาจงถอวาเปนทังศาสตร์และศลปในการขับเคลอนองค์กรทีผูบงคับบญชาแต่ละ
ุ
็
้
์
ื
่
ั
ิ
ื
ั
่
่
ั
่
่
ระดับต้องศึกษาและสังสมไว้ในตนเอง เพือใช้ในการบริหารจัดการทังคนและงานให้เป็นไปอย่างราบรืน
่
้
ี
ิ
และมประสิทธภาพ
ั
ศลปะในการบงคบบญชา
ั
ิ
ั
1
้
ผูบงคบบญชา หมายถึง บุคคลทีได้รับแต่งตังอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานให้ดํารงตําแหน่ง
ั
้
ั
่
ั
ื
้
ั
้
ี
็
ิ
ึ
ั
้
่
่
ํ
ั
่
หัวหนาหรอให้มีอานาจหนาทีดําเนนการอย่างใดอย่างหนงให้เปนไปตามกฎ ระเบยบของหนวยงาน ผูบงคบบญชา
้
ึ
็
ั
ั
็
่
่
ุ
จงเปนบคคลทีมีตําแหนงเปนหัวหนางานตามสายการบังคบบญชา มีอํานาจ ควบคุมบังคับบัญชา และสังการบุคคล
่
ั
ิ
ั
ั
ในอานาจบงคบบญชาปฏบติตาม
ํ
ั
2
่
ความแตกต่างระหวาง ผูนาและผูบงคบบญชา (Difference between Leader and Commander)
ั
้
ั
้
ํ
ั
ํ
็
ํ
ั
้
ั
ํ
ู
้
่
มีการใช้คาว่า ผูนา (Leader) และผบงคับบญชา (Commander) เสมือนว่าเปนคาทีมีความหมายเหมือนกัน
็
ิ
แต่ความจรงแล้วทังสองคามีความหมายแตกต่างกัน ดังนนจึงจาเปนทจะต้องทําความเข้าใจความแตกต่างของผนา
้
ู
่
ํ
ี
ํ
้
ั
้
ํ
ู
ั
้
ั
(Leader) และผบงคบบญชา (Commander) เสียกอน กล่าวคือ ผูนําอาจเป็นผูบังคับบัญชาหรืออาจไม่เป็นผูบังคับบัญชา
่
ั
้
้
้
ํ
้
่
ั
่
้
็
ั
ั
้
้
ั
้
ั
ี
่
ั
ื
ํ
ึ
่
ู
็
กได้ ทงนขนอยกบอานาจ หรอตําแหน่งทีได้รบแต่งตังมอบหมายอย่างเปนทางการ ซึงผูนาทีเปนผูบงคบบญชา
็
้
้
้
คอผูทีสามารถโนมน้าวจูงใจให้ผูตาม (Follower) ทํางานเพือบรรลุเป้าหมายได้ด้วยความเต็มใจ และเป็นผูมีตําแหน่ง
้
่
่
ื
้
้
ั
่
้
ํ
หรือมีอานาจทีได้รบการแตงตังมอบหมายอยางเปนทางการ ส่วนผูนาทีไม่ได้เปนผูบงคับบญชา คอ ผูทีสามารถโนมนาว
่
้
่
ั
็
ํ
ั
่
่
้
็
้
้
ื
้
้
ื
ู
่
้
่
จงใจใหผูตามx(Follower)xทํางานเพอบรรลุเป้าหมายได้ด้วยความเต็มใจ โดยไม่ได้เป็นผูทีมีตําแหน่ง หรืออํานาจ
้
ทีได้รับการแต่งตังมอบหมายอย่างเปนทางการแต่อยางใด
่
็
่
1
ิ
เอกสารประกอบการศกษา นฝ.๑๑๐๑ ความเป็นผนํา หมวดวิชาท ๑ ความเป็นผนําและการบรหาร หลกสตรนายทหารชันผบังคบฝง พ.ศ. ๒๕๕๒
ั
่
ู
้
ู
ั
้
ู
้
ู
้
ึ
ี
ู
้
หนา ๒
2
Ibid. p. 2.
๗
ั
ึ
ี
้
้
้
้
ั
้
้
ั
็
ู
่
ั
้
ผูบงคบบญชาอาจเปนผูนาหรืออาจไม่เปนผูนากได้ ทงนขนอยกบความสามารถในการโนมนาว
ั
้
ํ
ํ
็
็
ั
่
้
่
่
ื
้
ั
ั
่
จงใจผูใต้บงคบบญชา กล่าวคอ ผูบงคบบญชาทีเปนผูนา คอ ผูทีมีตําแหนงหรอมีอํานาจทีได้รับการแต่งตัง
ั
ํ
็
ื
้
ั
ื
้
้
ั
ู
้
่
ั
่
ั
่
ั
่
้
็
้
ู
้
็
มอบหมายอยางเปนทางการและเปนผูทีสามารถโนมนาวจูงใจผใต้บงคบบญชาให้ทํางานให้แกหนวยงานจนบรรลุ
่
ั
ั
้
้
ื
ั
้
็
้
่
้
่
เปาหมายทีวางไวด้วยความเตมใจได้ด้วย ส่วนผูบงคับบญชาทีไม่มีความเป็นผูนา คอ ผูบงคับบัญชาทีใช้อํานาจ
ํ
ิ
ั
ั
ั
ู
่
้
้
็
หนาทีในตําแหนงบงคบหรือขมขให้ผูใต้บงคบบญชาทํางานโดยไม่มีศลปะในการโน้มนาวจงใจ ดังนนจะเหนได้ว่า
ั
้
้
ั
ั
่
่
ู
่
ั
ั
ั
ึ
็
้
ั
่
้
ผูนาจงอาจเปนผูบงคบบญชาหรืออาจไม่เปนผูบงคบบญชาก็ได้ ซึงการปฏบติภารกจให้สําเร็จลุล่วงได้นัน ต้องอาศัย
้
ํ
ั
ิ
ิ
ั
็
ั
้
ั
ั
ศลปะการการบงคบบญชา ซึงมีองคประกอบทีสําคญ ประกอบด้วย
ิ
์
่
่
ั
ั
๑. ภาวะผูนาแบบ “เข้าใจ – เขาถึง – พฒนา”
้
้
ั
ํ
ู
้
“เข้าใจ” หลักในการส่งเสริมความศรัทธาของลกนอง
ิ
่
ึ
้
“เข้าถง” หลักในการส่งเสรมความเชือใจและไว้วางใจจากลูกนอง
ั
ุ
้
ั
ั
ั
ั
“พฒนา” หลักในการเสริมสร้างศกยภาพทีมงานสําหรับผูบงคบบญชายคใหม่
้
ื
่
่
ิ
่
่
๒. ศลปะในการสอสารกับผูใต้บังคับบัญชา : การสือสารทีดีจะนําไปสูความเข้าใจและความร่วมมือ
็
ทีนาไปสูความสําเรจ
่
ํ
่
็
ั
ํ
๓. การสรางแรงจงใจในการทํางานอยางสร้างสรรค เปนการเสริมสร้างขวญและกาลังใจในการทางาน
ํ
่
์
้
ู
ให้ผูใต้บงคบบญชาปฏบติงานด้วยความเต็มใจและเต็มศักยภาพ
ั
ั
้
ั
ิ
ั
็
ุ
้
่
๔. การสรางหนวยให้ทํางานเป็นทีม เพราะทีมงานเปนกญแจสําคัญแห่งความสําเร็จ และความล้มเหลว
ํ
่
ั
้
ํ
้
ั
ในการทางานได้ ทีมงานทีมีประสิทธภาพจะต้องมีผูนาทีมีความสามารถ มีการยอมรบซึงกนและกน มีความไววางใจ
ิ
่
ั
่
ุ
ั
ิ
่
่
มีความรักใครในทีมงาน ร่วมมือรวมใจในการทํางานอย่างจรงจงจริงใจ ขจดปญหาความขดแย้ง ระหวางบคคล
ั
่
ั
ั
ในทีมงาน มีการติดต่อประสานงานทีดี
่
๕. การควบคุมและติดตามงานทีมีประสิทธิภาพ จะต้องติดตามตรวจสอบผลการปฏิบัติงาน
่
ี
ิ
้
้
ึ
่
้
ื
้
ํ
ํ
่
ั
เปรียบเทียบกบเปาหมายทได้กาหนดไว เพอนาไปพฒนาปรับปรุงแกไขขอบกพร่องทเกดขน
่
้
ั
ี
้
ั
ิ
ิ
ิ
ั
ั
๖. จตวิทยาในการปกครองบงคบบญชา ผูบงคบบญชาจะตองมีจิตวทยา มีการบรหารงานและการบงคับ
ั
ั
ั
้
ั
ั
ั
่
ึ
ั
้
่
้
ั
บญชาผูใต้บงคบบญชา จงจะสามารถขับเคลือนงานทีได้รับมอบหมายไปสูความสําเร็จตามเปาหมายทีกําหนดไว้
่
่
่
ํ
ั
ั
ั
่
ุ
ุ
กาลังพลในกองบัญชาการกองทพไทยในปจจบน ประกอบด้วยกลมคนทีหลากหลาย Generation
่
่
่
ทีต่างก็มีอตลักษณเฉพาะตนx(Identity)xทีมีทศนคติ มุมมองและความคิดทีแตกต่างกนไปแต่สิงทีจะทําให ้
ั
ั
่
่
์
ั
้
ั
ั
กองบญชาการกองทัพไทยดํารงอยได้ ผูบงคบบัญชาจะต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ ในการปกครองบังคับบัญชา
ั
่
ู
้
ั
้
่
ั
ั
ั
้
ผูใต้บงคบบญชาทหลากหลายเหลานนให้ปรับตัวเขากบสภาวะแวดลอมทีเปลียนแปลงไปดังนนสิงทจะกล่าวต่อไป
่
ั
้
้
่
ี
่
ั
่
่
ี
ซึงควรทีจะมีอยูในผูบงคบบญชาทีเปนผูนาทีดีนนคอคณลักษณะของความเป็นผูนํา โดยใช้หลักการของความเป็น
่
้
้
่
ํ
่
็
ั
ั
่
่
ุ
ื
ั
้
้
ั
้
ุ
ํ
ผูนามาปรับและประยกต์ใช้ดังต่อไปน ี ้
๘
3
ํ
ู
้
ุ
็
คณลักษณะของความเปนผนา (Leadership Traits)
่
ุ
่
ํ
ุ
่
้
้
็
ผูนาทีมีประสิทธิภาพมีบคลิกลักษณะ (Characteristics) ทีโดดเด่น ซึงคณสมบัติเหล่านจะเปน
ี
้
ํ
้
รากฐานสําหรับการกาวสูสถานการณ์ของความเปนผูนาคณลักษณะ ๖ ประการ ซึงมีความจาเปนอยางยง
็
ุ
ิ
่
่
็
ํ
่
่
มีดังต่อไปนี ้
ุ
๑. การยึดมันในคณธรรม (Integrity)
่
่
่
่
้
่
ึ
่
การยดมันในคุณธรรมคือเป็นคุณลักษณะทีมีความสําคัญมาก เนืองจากเป็นสิงทีควบคุมผูนําจากภายในตัว
ึ
้
ึ
ุ
ผูนาเอง (Self-control) การยดมันในคุณธรรมประกอบขนด้วยบคลิกคณลักษณะ (Characteristics) หลายประการอันจะ
ุ
่
้
ํ
้
ื
ขาดเสียไม่ได้ต่อการรับราชการทหาร ดังต่อไปนีคอ
ํ
่
้
ี
๑.๑ ความกลาหาญ (Courage) ผูนาต้องมีความกลาหาญเพยงพอทีจะยนหยัดบนหลักการและทาในสิ่ง
้
้
ื
ํ
้
่
ู
็
ั
่
้
ทีถกต้อง ถึงแม้วาประสบกับความยากลําบากเพียงใดกตาม ฉะนนผูทมีความยดมันในคุณธรรมจะต้องมีความกลาหาญ
ึ
้
่
ี
่
ิ
ู
่
่
ทางจรยธรรม (Moral Courage) และกล้าทําในสิงทีถกต้อง
์
ิ
่
์
ู
่
ื
่
ุ
่
ิ
ํ
ู
ี
้
๑.๒ ความซือสัตย (Honesty) ผูนาต้องมีความซือสัตย กล่าวคอ มีอปนสัยทีถกทควร พดจรง ทําจริง
่
้
่
่
่
การรักษาคําพูดของตนจะทําให้ผูอืนเกิดความเชือถือ ความซือสัตย์จึงเป็นรากฐานของการสร้างความน่าเชือถือ
้
ํ
(Trust) ของความเปนทหารอาชีพ ดังคากล่าวของ จอร์จ วอชิงตัน (George Washington) ว่า “ขาพเจาหวังว่า
็
้
่
่
่
ั
ขาพเจ้าจะคงไว้ซึงความหนกแนนและความดีงามเพยงพอทีจะรกษาความประพฤติอนซือสัตย์ของข้าพเจาตลอดไป
่
้
ั
ี
ั
้
่
ซึงขาพเจาถอวาเปนคณสมบติทีสูงส่งกวาทุกสิง” และคากล่าวของ เบนจมิน แฟลงคลน (Benjamin Franklin)
่
็
ิ
ุ
้
ํ
่
่
ั
ื
้
่
่
่
ว่าความซือสัตย์คอ “นโยบายทีดีทีสุด”
่
ื
ํ
้
้
๑.๓ ความรับผิดชอบต่อหนาที (Responsibility) กล่าวคือ ผูนาต้องยอมรบหนาทีและเข้าปฏิบัติ
่
ั
่
้
ุ
ํ
่
หนาทีของตนเอง ดังคากล่าวของ วนสตัน เชอร์ชิล (Winston Churchill) ว่า “คณคาของความเปนคน ทียงใหญ่ทีสุด
ิ
่
ิ
่
่
็
้
่
ื
่
้
คอหนาทีความรับผิดชอบ”
ั
้
ํ
ื
ํ
๑.๔ ความรบผิดชอบ (Accountability) ผูนาต้องมีความรับผิดชอบ กล่าวคอ ผูนาต้องยอมรบผล
ั
้
ของการกระทา หรือการปฏิบัติของตน โดยยอมรับทังผลของความสําเร็จและผลของความผิดพลาด ในกรณีทีเกิด
้
่
ํ
ุ
ั
่
ความผิดพลาดหรือปญหาขนผูนาทียดมันในคณธรรมแล้วจะเปนผูทีไม่ปดความรบผิดชอบโดยยกความผิดพลาดของ
่
ั
ึ
ึ
้
ั
็
้
่
ํ
้
ื
่
็
้
่
ื
ตนให้แก่ผูอน หรือนาเอาผลงานความสําเรจของผูอนมาเปนของตนเอง
้
ํ
็
้
่
๑.๕ ความยติธรรม (Justice) ผูนาต้องมีความยติธรรม โดยมีความสํานกในการทําหนาทีและการปฏิบัติงาน
ํ
้
ึ
ุ
ุ
ู
ว่าต้องอยูบนหลักการทีถกต้องดีงาม ตามทีนกปราชญ์โรมันชือซิซิโร (Cicero) กล่าวไวว่า “ความยุติธรรมคอเจตจํานง
่
่
่
่
ื
ั
้
้
้
ุ
ิ
ั
่
ี
่
่
ั
ึ
้
ั
่
อนแนวแนตลอดกาลทจะพงใหแก่ทกคนในส่วนทีเขาจะได้” ดังนนผูนาจะต้องปฏบติตามผูตามอย่างเท่าเทียมกัน
้
ํ
้
้
โดยไม่แบงแยก เพศ เชือชาติ และศาสนา รวมทังไม่ลําเอยงเขาข้างพวกพร้องตนเอง หากมีความชอบกต้องให ้
่
้
็
ี
ื
ื
่
ความชอบทุกคนอยางเท่าเทียมกน หากมีความผิดเหมอนกนกต้องลงโทษเหมอนกน หากจะต้องอะลุมอล่วยหรอ
้
ั
ื
ั
็
ั
ํ
็
ุ
ึ
ิ
ิ
ผ่อนปรนในการปฏบติกยดมันในการควบคุมความสจรตดังคากล่าวของ อริสโตเติล (Aristotle) นักปรัชญาชาวกรีกว่า
ั
้
่
3
Ibid. p. 16.
๙
ั
ิ
ั
่
ิ
ี
ั
่
่
ํ
่
ิ
ั
็
“สิงทีเหมือนกนควรได้รับการปฏบติเช่นเดียวกัน และสงทต่างกนกควรได้รบการปฏบติเช่นเดียวกน” และคากล่าว
ั
ั
ั
็
ํ
ั
ิ
ั
ิ
่
้
ุ
่
่
ของศาสตราจารย์ธนนทร์ กรัยวเชียร ทีวาในฐานะทีเปนผูบงคบบญชาซึงมีอานาจควบคม และบนดาลโทษ
่
ั
ั
ในตําแหน่งหนาทใหแกผูอน ซึงอยในบงคบบญชาทุกคน การใหความเทียงธรรมดังกล่าวจะทาไม่ได้เลย ถ้าละเวน
ั
่
ั
้
่
้
้
ี
้
่
่
้
่
ื
ํ
ู
่
ี
่
ั
ี
้
ั
เสียซึงระบบคุณธรรม ผูบงคบบญชาคนใดกตามทยังฝักใฝ่ในการให้ความดีความชอบแกญาติพนอง หรือพรรคพวก
้
่
่
ั
็
่
ิ
เกนกวาทีบุคคลเหล่านีจะพึงมีได้ ยิงจะได้รับการเดียดฉันท์จากผูใต้บังคับบัญชา ในฐานะทีละเลยต่อหน้าทีของตน
้
่
่
่
่
่
้
่
้
และจะมีการครหาในความเห็นแก่ตัว และเห็นแกการสรางบารมีอนมิชอบ
ั
้
่
๑.๖ ความเป็นคนใจกวาง (Openness) ผูนาต้องเป็นคนใจกวาง โดยยอมใหมีการไหลของขาวสาร
้
้
ํ
้
ิ
ั
ํ
ิ
้
์
้
่
่
่
ภายในหนวยงานอยางอสระ และรับฟงคาวพากษวิจารณ์จากผูบังคับบัญชา เพือนร่วมงาน และผูใต้บังคับบัญชา
ิ
้
ํ
่
้
โดยไม่อายต่อคาวิพากษ์วิจารณ์ และพยายามแกไขขอผิดพลาดทีเกดขน
ึ
้
้
็
็
ํ
๑.๗ การเคารพตนเอง (Self-respect) ผูนาต้องเคารพตนเองในความเปนอาชีพ และในความเปนมนษย
ุ
์
ึ
้
่
ผูทียดมันในคุณธรรมจะประพฤตตนในลักษณะทีสร้างชือเสียง รกษาช่อเสียงให้แก่ตนเองและหน่วยงานในความ
ื
ิ
่
่
ั
่
็
เปนทหารอาชีพเสมอ
้
่
้
่
้
่
๑.๘ ความออนนอมถอมตน (Humility) ผูนาต้องมีความออนนอมถ่อมตนต่อทุกคน โดยไมโออวด
ํ
่
้
้
่
ี
ั
ื
ตนเองวาเกงหรือเหนอกวาผูอนลักษณะเช่นน จะทําให้ได้รบความนบถอเกรงใจจากคนรอบขาง ดังคากล่าว
้
่
ํ
ั
่
ื
่
้
ื
ื
ของเหลาจอ (Lao Tzu) ทีว่า “คนทีเขย่งเท้าย่อมยืนอยูได้ไม่นาน คนทีก้าวยาวเกินไปย่อมไปได้ไม่ไกล” และ
่
่
่
่
๊
“ผูสําแดงตนจะไม่ผุดผ่อง ผูอวดอางตนจะไม่โชติช่วง ผูยกตนจะไร้วรกรรม ผูผยองลําพองจะไม่ยังยืน” หรือตามท ่ ี
้
่
้
้
ี
้
้
่
่
่
นายพลไอเซนฮาว (Dwight D. Eisenhower) กล่าวไว้วา “ความออนน้อมถ่อมตนจะต้องเป็นส่วนหนึงของการ
ั
ั
่
ื
ี
้
ิ
ิ
่
ั
ดําเนนชีวตคน เพราะความสรรเสริญทีเขาได้รบ มาจากเลือดเนือของเพอนนกรบด้วยกนและมาจากการเสยสละ
่
่
้
ู
ั
ื
้
ของเหลาเพอนของคนผนน
ื
ํ
๑.๙ ความเคารพให้เกยรติ (Honor) หนาทีของผูนาในการรับราชการทหารก็คอการเคารพ
้
ี
่
้
่
ให้เกยรติอยางสูงสุดต่อความรบผิดชอบของกองทัพต่อประเทศชาติ และบรรพบุรุษผูซึงเสียสละต่อประเทศชาติ
ั
้
่
ี
้
ึ
้
่
่
จงเปนหนาทีของผูนาทีจะต้องยึดมันในสิงทีถกต้อง ประเสริฐ และมจตใจกวางขวาง
ํ
็
่
้
่
่
ิ
ี
ู
๒. ความจงรกภกดี (Loyalty)
ั
ั
ความจงรักภกดีเปนคณลักษณะทีเปนสามมิติซึงผูนาจะต้องแสดงความเชือถอศรัทธา
ื
ํ
่
่
้
็
ั
็
ุ
่
้
่
ั
้
(Faithfullness) ต่อผูบงคบบญชา เพอนรวมงานและผูใต้บังคับบัญชา โดยผูนําจะต้องแสดงความจงรักภักดีต่อผูอืน
ั
ื
ั
่
้
่
้
่
ั
่
เสียกอน กอนทีจะหวงให้ผูอนจงรักภกดี
่
่
ื
ั
้
๓. ความมุงมันในงาน (Commitment)
่
่
ํ
ํ
้
ื
ื
่
ุ
่
่
้
่
ผูนาต้องมีความมุงมันในงาน กล่าวคอ ผูนาต้องอทิศตัวเพอชาติ กองทัพ และหนวยงานของตน
้
อย่างเต็มที ดังคากล่าวของเพลโต (Plato) นกปรัชญาชาวกรีกว่า “คนเราไม่ได้เกิดมาเพือตัวเองเพียงอย่างเดียวเท่านัน
่
ํ
่
ั
ํ
้
แต่เกดมาเพอประประเทศชาติของเราด้วยเช่นกน” และคากล่าวของโรนาล แรแกน (Ronald Reagan) ว่า “ผูนานน
ํ
ื
้
่
ั
ั
ิ
ิ
่
่
่
่
่
็
่
่
้
็
่
่
้
่
่
เมือได้ตัดสินใจลงไปแลววาสิงใดทีตนเองได้กระทําเปนสิงทีถูกต้องแลวกจะต้องมีความมุงมันทีจะคงยืนตามสงทีตน
ํ
ุ
่
ู
ได้กระทาไป ไม่วาจะถกท้าทายจากอปสรรคใด ๆ ก็ตาม”
๑๐
๔. การมีพลัง (Energy)
้
้
ํ
ื
ํ
้
์
่
่
ผูนาต้องมีพลัง กล่าวคอ ผูนาต้องมีความกระตือรือรนในการริเริม ประวัติศาสตรทีผ่านมาทําให ้
็
ํ
้
ั
่
ํ
่
้
ทราบวา ผูนาทประสบความสาเรจได้นนต้องมีพลังใจและพลังกายทีเขมแขงโดยมุงทํางานทีได้รับมอบหมาย
่
ี
่
่
้
็
็
่
ั
ี
่
อย่างขนแขง เมือได้ตัดสินใจทําสิงใดแล้ว กจะไม่หวันต่อความยากลําบาก โดยผูนาจะพากเพยรอดทนทางานจนสําเร็จ
่
็
ํ
ํ
้
๕. การกล้าตัดสินใจ (Decisiveness)
ํ
้
่
ื
่
่
ํ
ี
การกล้าตัดสินใจคอความเต็มใจทจะทําการตัดสินใจ ผูนาต้องมีความมันใจทีจะทาการตัดสินใจ
ํ
้
ี
้
่
่
ิ
่
ได้อยางถกเวลา นอกจากนผูนาต้องสามารถถายทอดการตัดสินใจของตนไปให้หนวยปฏบติได้อย่างมีประสิทธภาพด้วย
ิ
ั
ู
ํ
้
ํ
้
ึ
้
ั
การกล้าตัดสินใจของผูนานนรวมถงความเต็มใจทียอมรบต่อผลการตัดสินใจนันด้วย โดยผูนาจะต้องรบผิดชอบเสมอ
้
ั
่
ั
็
ไม่ว่าผลของการตัดสินใจนนจะเปนไปทางทีถกหรือเปนไปในทางทผิดกตาม
็
ู
้
ั
็
่
ี
่
ู
้
่
ู
้
่
้
นอกจากนผูนาต้องตัดสินใจด้วยความรูจริง โดยอยบนพนฐานของขอมูล และเหตุผลทีถกต้อง
ื
้
ํ
ี
้
้
ํ
โดยผูนาจะต้องหลีกเลียงการตัดสินใจโดยความลําเอียงหรือ อคติ ๔ ประการ ตามหลักพุทธศาสนาอันได้แก่
่
ื
ั
ี
ื
ื
ี
ื
ั
ฉันทาคติ คอลําเอียงเพราะรก โทสาคติ คอลําเอยงเพราะชงหรอไม่ชอบ โมหาคติ คอ ลําเอยงเพราะเขลา ภยาคติ
คอ ลําเอียงเพราะกลัว โดยผนาต้องไมตัดสินใจเพราะความชอบพอ หรอเป็นพวกเดียวกัน ผูนําต้องไม่ตัดสินใจ
้
่
ื
ํ
้
ู
ื
ั
้
่
ั
ํ
้
ั
ื
เพราะความชงเพราะเป็นคนละพวกกน หรอมีความขดแยงกนมากอน ผูนาต้องไมตัดสินใจเพราะกลัว เช่น กลัวว่า
ั
่
ั
้
ํ
ั
ื
่
้
ั
ผูใต้บงคบบญชาโกรธ หรือกลัวอานาจบารมีของผูอน ดังนนผูนาต้องมีความกล้าหาญเด็ดเดียวในการตัดสินใจ
ํ
ั
้
่
้
๖. ความไมเห็นแกตัว (Selflessness)
่
่
ื
้
่
ั
ํ
ั
เนองจากผนาต้องคดถงภารกจให้สําเร็จและการใส่ใจดูแลสวัสดิการของผูใต้บงคบบญชา
ู
ึ
้
ั
ิ
ิ
ึ
ิ
ึ
ในหนวยงานอยเสมอ ดังนนผูนาจะนกถงความสะดวกสบายส่วนตัวไม่ได้หากภารกจยงไม่สําเรจหรือ
ั
้
ํ
ู
่
้
็
่
ั
ู
่
่
ั
ํ
็
่
ั
ั
ั
้
ผูใต้บงคบบญชายงลําบากอย ความเต็มใจทีจะเสียสละเป็นสิงจาเปนสําหรับทหารอาชีพความไม่เห็นแก่ตัวยังรวมถึง
ั
้
้
้
ํ
ี
่
ั
้
ั
ื
ความกลาเผชิญหนาและเอาชนะความยากลําบากด้วย ผูนาทไม่รูจกการเสียสละจะไม่ได้รับความรก และนบถอ
้
่
ั
ั
อยางจริงใจจากผูใต้บงคบบญชา
ั
ุ
ั
้
ํ
็
่
คณลักษณะดังกล่าวข้างต้นมีความจาเปนต่อความเปนผูนาทีมีประสิทธภาพ การพฒนาตนให้มี
็
ํ
ิ
้
้
คุณลักษณะดังกล่าวจะช่วยให้ผูนํามีความสามารถดีขึนในการใช้หลักของความเป็นผูนํา
้
็
ู
ํ
หลักการของความเปนผนา (Leadership Principles)
้
้
เนองจากผนาทหารจะต้องมีความออนตัวเพยงพอทีจะเผชิญกบสถานการณต่าง ๆ มีสมรรถภาพ
ํ
ื
่
ี
์
่
ู
ั
่
ี
ํ
้
่
่
ื
ี
่
เพยงพอทจะทํางานภายใต้เงอนไขต่าง ๆ มีความกลาหาญเพยงพอทีจะนาโดยเสียงชีวิตและอาชีพการงาน และ
่
ี
่
่
่
่
่
่
มีความซือสัตย์ ซือตรงเพียงพอทียืนอยูบนหลักการและทําในสิงทีถูกต้อง หลักการของความเป็นผูนําจึงเป็นแนวทาง
้
้
ิ
่
้
ั
ํ
์
่
้
ํ
็
้
ทีได้ทดลองใช้และได้รับการพสูจนมาแลวโดยผูนาทีประสบความสําเร็จในอดีต หลักการความเปนผูนานนอาจมี
้
่
ั
ความแตกต่างกนไปตามลักษณะของหนวยงานทีแตกต่างกัน โดยหลักการของความเป็นผูนําของทหารมีดังต่อไปนี ้
่
๑. รงานในหนาที (Know Your Job)
ู
้
่
้
เนองจากคนจะเชือฟงและปฏบติตามผูทมีความสามารถเพยงพอทีจะทําภารกจให้สําเร็จ ดังนน
ิ
ั
่
ิ
ั
่
ี
่
้
ื
่
ั
ี
้
ู
ผูนาจงต้องมีความรในมุมมองกวางๆ เกยวกบภารกจของหนวย และสามารถทําให้ผูใต้บงคบบญชาในหนวยงานรว่า
้
ู
ึ
ํ
้
ั
้
ั
ั
่
ิ
่
ั
้
ี
่
้
่
ั
ํ
งานของพวกเขามีความสําคญอย่างไรต่อความสาเร็จในภารกิจของหนวยงาน
๑๑
้
้
่
ผูนาต้องรูงานในหนาทีมี ๒ ลักษณะคอ “รูเท่า” และ “รูทน” โดยการรูงานในหน้าทในลักษณะ
้
ํ
ื
้
ี
่
้
้
ั
่
้
้
่
้
่
้
่
ิ
็
“รูเท่า” หมายถึงความรอบรูเรืองงานในหนาที และความรูทัวไปเปนอยางดี จะต้องเข้าใจภารกจของหนวยงาน
่
่
ิ
่
่
้
้
ต้องรูวาภารกจของตนคืออะไร มีขันตอนปฏิบัติอย่างไร มีส่วนเกียวข้องกับใครบ้าง และเกียวข้องอย่างไร เพราะความรู ้
่
ํ
่
่
่
่
็
ิ
้
ในเรองทีจะต้องปฏบติเปนสิงจาเปนอยางยิง ทีจะช่วยใหผูนาสามารถนากลุมไปในทศทางทีถกต้อง ไปสูจดมุงหมาย
ู
ํ
ื
่
่
ํ
่
้
ุ
ิ
ั
็
่
่
ได้อยางสมบรณ นอกจากนนยงหมายถงความรูเท่าถงสถานการณ์เตรียมพร้อมทีจะป้องกันการผิดพลาดด้วย
ั
ู
ึ
่
้
ั
้
ึ
์
่
้
่
ู
้
ึ
้
้
้
ู
ั
ื
่
ี
่
์
และรูงานในหนาที การรงานในหนาทีอกลักษณะหนงคอ การ “รทัน” หมายถึงความรอบรูเท่าทนสถานการณ
้
ื
เมือเกดปญหาเฉพาะหน้าก็แกไขได้อยางถกต้อง ความรับผิดชอบส่วนหนงของผูนาคอการทําใหผูใต้บงคับบัญชา
ู
้
ํ
ึ
่
้
่
้
ั
้
ิ
ั
่
รูงานของตนเอง ถ้าเกดปญหาในการปฏบติงาน ผูนาทีดีต้องสามารถใหคาปรึกษา และแกปญหาให้ผ่านพนไปด้วยดี
ิ
้
ั
ั
้
ํ
ํ
่
ั
้
้
ิ
้
ํ
่
้
ื
่
ี
่
้
่
่
ั
ซึงสิงเหล่านจะส่งผลใหเกดการยกยอง เลือมใส เคารพ นบถือ ให้ความเชือถอ และไว้วางใจในตัวผูนามาก
้
ิ
้
ั
๒. รูจกตนเอง (Know Yourself)
การรถงจดแขงและจดออนของตนเองเป็นสิงสําคญสําหรับความเป็นผูนําทีประสบความสําเร็จ
ุ
่
ู
้
้
็
่
ึ
่
ั
ุ
ุ
้
ั
้
ํ
่
ั
้
้
ดังนนผูนาต้องรูถงความสามารถและขอจากดของตนเอง รูวาตนเองมีจดเด่น จดอ่อนหรือขอด้อยอะไรพยายามใช้
ํ
ุ
้
ึ
้
ั
่
ํ
จดเด่นให้เปนประโยชนโดยพฒนาลักษณะผูนาทีเหมาะสมและแกไขข้อบกพรองหรือปรบปรุงตนเองใหดีขึน
้
์
้
ุ
ั
้
่
็
้
้
ั
ั
๓. เอาใจใส่ผูใต้บงคบบญชา (Care for People)
ั
ื
่
่
เนองจากผูใต้บังคับบัญชาคือทรัพยากรทีมีคุณค่ามากทีสุดทีผูนําความจะต้องเอาใจใส่ดูแล
่
้
่
้
้
็
ั
ั
ํ
้
่
่
ื
่
ั
อยางเตมความสามารถ การทีผูนาใช้เวลาและความพยายามในการดูแลเอาใจใส่ผูใต้บงคบบญชา และเพอน
้
่
ั
ี
ั
ร่วมงาน จะส่งผลทําให ขวญ วินย ประสิทธิภาพ และความสามัคคในหน่วยงานเพิมขึน ผูนําจึงควรส่งเสริมให้
้
้
ผูใต้บงคับบญชาได้แสดงศกยภาพและคณคาของเขาออกมาอย่างเต็มทีเพอกองทัพหาก ผูใต้บงคบบญชาและ
้
่
ั
ั
ุ
ั
ั
่
ั
ื
้
่
ั
ํ
่
้
ั
้
ั
ู
ื
็
ั
่
ํ
่
ครอบครวไม่มีปญหาในเรองความเปนอยเขาจะทางานได้อย่างเต็มศกยภาพและ ดังนนผูนาของหนวยจะต้องดูแล
ั
ั
้
่
่
้
่
ุ
ั
ั
ุ
ั
้
ั
เอาใจใสให้การสนบสนนผูใต้บงคบบญชาโดยการดูแลทังตัวบคคลและครอบครว ใหได้สิงทีต้องการในเวลา
ทีเหมาะสม
่
ั
้
่
การเอาใจใส่ผูใต้บงคบบญชานนผูนาจะต้องคนหาใหพบวาสิงใดคอความต้องการของ
้
่
้
ั
้
ั
ื
ํ
้
ั
ั
้
ผูใต้บงคบบญชาและมีความออนไหวต่อความต้องการของมนุษย ผูนําต้องรูว่าผูใต้บังคับบัญชามีบ้านพักอาศย
้
้
ั
ั
์
่
ั
้
่
ี
ื
เพยงพอหรอไม่ ได้รับอาหารเพยงพอหรือไม่ ได้รบเงนเดือนตรงเวลาหรือไม่ มีปญหาส่วนตัวทต้องการความ
ี
ั
ั
ิ
ี
้
ั
้
่
ิ
่
ช่วยเหลือหรือไม่ เมือผูใต้บงคบบญชาวตกกงวลเก่ยวกับสภาพดังกล่าวแลวเขาจะไม่สามารถมุงความสนใจในการ
ั
ั
ั
ี
้
่
ู
ั
่
ั
ิ
ทํางานได้อยางเต็มที และภารกจจะเสียหาย หากผใต้บงคบบญชามีความเชือว่าเขาจะได้รบการดูแลเอาใจใส่อยาง
่
ั
่
ั
ํ
้
่
ั
ั
เหมาะสมกบสภาพแวดล้อมแล้ว เขาจะมีความมันใจ ความเคารพ และความจงรักภกดีต่อผูนา
๔. ทําตนเป็นตัวอยางทีดี (Set the Example)
่
่
ํ
้
ผูนาต้องสรางมาตรฐานสาหรับหน่วยงานทางด้านความประพฤติ (Conduct) และบุคลิกภาพ
ํ
้
้
ิ
ั
ั
ั
้
ุ
ํ
(Appearance) เพราะผูใต้บงคบบญชาจะคอยสังเกตและเลียนแบบการปฏบติตัวและบคลิกภาพของผนาเสมอ
ั
ู
้
ํ
้
โดยผูบงคบบญชาจะสังเกตการปฏบติตัวและภาพลักษณส่วนตัวในทางทีดีและทางไมดีของผูนาไปพรอม ๆ กน
์
ั
ั
ั
่
ิ
่
ั
้
ั
ผูทีมีความหยิงยโส (Arrogant) และชอบกดข่ (Domineering) จะไม่ได้รับความเคารพนับถือ ได้แต่ความขุนเคืองใจ
้
่
ี
่
่
จากผใต้บงคับบญชา การกระทําผิดหรอละเลยต่อมาตรฐานศีลธรรมจะจบลงด้วยสถานการณ์ทีกอให้เกิดความ
ู
้
่
ั
ั
ื
่
่
ั
่
่
ั
ิ
้
้
ํ
ํ
เสียหายแก่ชือเสียงหรือบนทอนชือเสียงของผูนาเอง การขาดวนยในตัวเอง (Self-discipline) ของผูนาจะทําลาย
่
ิ
ความสามัคคกลมเกลยวในหนวยงาน และทําให้เกดการปฏิบัติภารกิจเสียหายในทีสุด การมีวินัยในตัวเอง
ี
ี
่
๑๒
่
่
่
ึ
่
็
ิ
(Self-discipline) รวมถงการมีสุขภาพกายทีแข็งแรง คนทีมีสภาพร่างกายแขงแรงจะพรอมทีจะทําภารกจทีได้รับ
้
้
ั
ุ
ั
ํ
็
้
มอบหมายได้ดีกวา การทําตนเปนตัวอยางทีดีของผูนาจึงรวมถึงการสนบสนนใหผูใต้บงคบบญชามีการออกกําลังกายด้วย
่
ั
่
่
ั
้
้
ั
้
่
่
ํ
ดังนน ผูนาทางทหารต้องทําตนเป็นตัวอย่างทีดีในเรืองการปฏิบัติตัวอย่างมืออาชีพ (Professional Conduct)
บคลิกภาพส่วนตัว (Appearance) และสภาพร่างกาย (Physical conditioning)
ุ
๕. มีความสามารถในการตดต่อสือสาร (Communicate)
ิ
่
ุ
ื
่
่
ิ
ุ
่
เนองจากข้อมูลขาวสารเปนจดประสานทีสําคญระหวางผูนาและการปฏบติงานอยางมีจดหมาย
ั
่
้
ั
่
็
ํ
่
้
ํ
้
ํ
ดังนนผูนาทีประสบความสาเร็จจะต้องฟังความคิดเห็นของผูใต้บังคับบัญชา และต้องพยายามเปิดโอกาสให้มีการ
ั
้
ั
่
สือสารระหวางผูนาและผูใต้บงคบบญชาแบบสองทาง โดยผูนาจะต้องสามารถถายทอดความคดเห็นของตนไดอยาง
้
่
่
้
้
ั
่
้
ั
ํ
ํ
ิ
่
้
ั
ั
ิ
ิ
้
่
ั
ั
ื
ชัดเจนและมประสิทธภาพไปสูผูใต้บงคบบญชาหรือเพอนร่วมงาน และยอมรับความคดเห็นของผูอนในการปรบปรุง
ี
ื
่
้
่
่
ื
่
ิ
่
ํ
่
หนวยงานและเพอทําให้หนวยงานประสบความสําเรจในภารกจ ผูนาทีรูข้อมูลข่าวสารทีดีจะสามารถประเมิน
็
้
็
้
้
ื
ิ
่
ั
ิ
่
ู
ความกาวหนาในการปฏบติงานของหนวยตนเองเพอทีจะทําให้ภารกจสําเร็จได้อย่างถกต้องตรงตามความเปนจริง
่
โดยผูนาทีประสบความสําเรจจะรบฟงความคดเห็นจากผูใต้บงคบบญชา และรับเอาความคดดีๆ มาประกอบการ
ั
ํ
ั
ั
ั
้
ิ
้
ั
็
่
ิ
ตัดสินใจ ดังนันข้อมูลย้อนกลับของผูใต้บังคับบัญชาจึงมีความสําคัญมากในขณะเดียวกันการทําให้ผูใต้บังคับบัญชา
้
้
้
ี
็
่
ึ
็
ุ
่
่
ได้รับทราบถงคณภาพของงานทเขาได้ทําไปแล้วและความสําคญของงานในหนาทีของเขากจะเปนการเพิม
้
ั
่
ั
่
ั
ประสิทธภาพและสร้างแรงจูงใจแกผูใต้บงคบบญชาทางหนึง จึงเป็นหน้าทีของผูนําทีจะพยายามรักษาช่องทางการ
ิ
่
ั
้
้
่
่
ิ
่
ํ
ิ
่
้
ึ
ื
ิ
ุ
่
สือสารใหเปดอยเสมอ โดยเฉพาะอยางยงการสอสารสองทาง เพราะยงผูนามีความอาวโสมากขนเทาใด
ู
่
้
่
่
้
ึ
่
้
้
้
ี
ั
้
่
ิ
ํ
่
่
้
ั
็
้
ยงจาเปนต้องรับฟงขอมูลขาวสารมากขนเท่านน นอกจากน ผูนาทีดีจะต้องเขาใจวาผู้ใต้บังคับบัญชาอาจเข้าใจ
ํ
้
ํ
้
่
ํ
่
่
่
่
่
แตกต่างจากสิงทีผูนาพยายามจะสือสารออกไป ซึงผูนาจะต้องพยายามสือสารให้ได้อยางชัดเจน
ั
ึ
๖. เห็นความสําคญของการศกษา (Educate Yourself and Others)
่
่
ั
ั
่
ผูใต้บงคบบญชาควรได้รบการฝึกเพอให้สามารถทํางานทีได้รบมอบหมายได้อยางเหมาะสม
ั
้
ั
ื
ั
่
ุ
ึ
็
การฝึกบคคลากรอยางเปนทางการของกองทัพ เช่น การศกษาของทหารอาชีพ (Professional military Education)
การศึกษาเพ่อพัฒนาวิชาชีพ (professional Development Education) ส่วนการฝึกอย่างไม่เป็นทางการ
ื
่
ุ
การปฏบติงาน และประสบการณส่วนบคคลในระดับหนวยงานก็มีส่วนเสริมสําคญต่อการฝึกอยางเปนทางการ
็
ั
ั
่
ิ
์
เช่นกน ดังนนผูนาจะต้องเห็นความสําคญของการใหผูใต้บงคบบญชา มีความรูในงานทีทํา ต้องมองถึงการเป็นพีเลียง
้
ั
่
ั
ํ
้
ั
้
้
ั
ั
่
้
้
ั
่
ั
่
่
ิ
ี
ํ
ั
ั
้
้
ึ
และฝึกให้ทุกคนทางานในหนาทให้ดียงขน โดยการเปดโอกาสให้แกตนเองและผูใต้บงคบบญชา ในการเขารับ
ิ
้
้
ฝึกอบรมเพอเพมประสิทธภาพในการปฏบติงาน หากผูนาคงฝนให้ผูใต้บงคบบญชาทํางานโดยไม่มีความรูในเรืองที ่
่
ื
ิ
้
่
ั
่
ั
ิ
ั
ิ
ื
้
ํ
้
ั
่
รับผิดชอบจะกอใหเกดผลเสียหายได้ ดังคากล่าวของนายพลแมคอาเธอร์ ทว่า “ไม่มีอาชีพอืนใดทีการใช้คนทีขาดการฝึก
ํ
่
่
ิ
้
่
่
ี
ํ
ั
้
้
จะมีผลเสียอยางรุนแรงและมากมายเท่ากบการใช้คนทีขาดการฝึกในอาชีพทหาร” ดังนน ผูนาจะต้องไม่ปล่อยให้
่
ั
่
ั
้
้
่
้
ั
่
้
ั
ผูใต้บงคบบัญชาปฏิบัติงานทงทีไม่มีความรูในเรืองนัน ๆ
ื
ั
๗. จดหาสิงของเพอใช้ในการทํางาน (Equip)
่
่
่
ั
่
ผูนามีหนาทีทีจะใหหนวยงานของตนมีสิงของทีเหมาะสมในการปฏิบติภารกิจซึงได้แก เครืองมือ
้
้
่
่
ํ
่
้
่
่
่
่
้
่
้
เครืองใช้ สถานที สิงอํานวยความสะดวก ทจะทําให้ภารกจสําเรจอยางราบรน บางครังสิงของเหล่านันอาจมีไม่เพียงพอ
ิ
่
่
่
ื
่
็
ี
่
็
ํ
ุ
้
หรือไม่มี ผูนากต้องพยายามดําเนนการจดหาสิงของเหล่านนมา การทีผูนาสนใจแต่การสงการโดยไม่สนใจสนับสนน
่
ั
่
้
ิ
ํ
้
ั
ั
่
์
อปกรณ หรอเครองมือทีมีความจาเปนในการทํางาน จะส่งผลทําให้ใหผูใต้บงคบบญชาขวญเสีย เกดความท้อแท ้
ุ
ื
ิ
ื
ํ
ั
้
ั
ั
ั
็
้
่
่
่
หมดกาลังใจทีจะทํางาน และประสิทธิภาพของงานจะไม่ดีการขาดสิงของทีจําเป็นในการทํางานเหลานีไม่สามารถ
ํ
่
่
้
่
่
ื
ทดแทนได้ด้วยการเพมการฝึกให้มากขึน การเพมคนให้มากขึน หรอการเพิมเวลาให้มากขึนเพอทําให้ภารกจสําเร็จ
้
่
ื
ิ
่
ิ
่
ิ
้
้
๑๓
ั
ํ
ุ
่
่
้
่
่
ื
้
ั
ในการจัดหาสิงของเพอใช้ในการทํางานมาให้นน ผูนาต้องจดหาสิงของทีมีคณภาพดีและตรงความ
้
ึ
้
ต้องการ ดังนนความรบผิดชอบของผูนาจงรวมถงการรูความต้องการของหน่วยงานตนเอง การเตรยมงบประมาณ
ํ
้
ั
ั
ึ
ี
่
และการทําให้ได้มาซึง เครืองมือ และอปกรณ ์
่
ุ
ู
๘. สร้างแรงจงใจ (Motivate People)
้
ื
ํ
่
ี
่
ความท้าทายทยิงใหญ่ทีสุดของผูนาคอการจูงใจ (Motivate) ผูใต้บังคับบัญชาให้ทํางานได้สําเร็จ
้
่
้
ในมาตรฐานทีสูง การสร้างแรงจูงใจเปนกญแจสูความสําเร็จของผูนา เพราะการทาให้ผูใต้บงคบบญชาเกดความ
ิ
่
ํ
ุ
่
้
ั
ั
ํ
ั
็
ั
ั
่
ั
่
ั
ั
ี
่
้
ิ
้
้
้
กระตือรือรนในการปฏิบติภารกจนน เปนปจจยทีสําคญทสุดประการเดียวสําหรับความเป็นผูนําคือการทีผูนําเห็น
็
่
ุ
ี
่
ี
่
็
ิ
ั
ู
คณคาในความพยายามของผใต้บงคบบญชานันเปนการสร้างแรงจงใจในเชิงบวกดีทีสุดทในการทจะทําภารกจให ้
ั
ู
ั
้
้
่
่
่
้
ั
ั
ํ
้
สําเร็จ ดังนนผูนาทียกยองชืนชมความพยายามของผใต้บงคบบญชาในหนวยงานอยางเปดเผย จะสามารถสร้าง
ั
ั
่
้
่
ิ
่
ู
็
ิ
ึ
ความสามัคคีกลมเกลียวใหเกดขนในหนวยงาน อนนามาซึงความสาเรจในภารกจ
่
่
ํ
ั
้
้
ิ
ํ
้
ึ
้
้
้
่
ู
ั
ั
ั
ั
้
ึ
้
การสรางแรงจงใจต่อผูใต้บงคบบญชาจะเกิดขนได้นน ขนอยกับความเขาใจต่อความต้องการของเขา
ู
และดาเนนการปรับความต้องการของผูใต้บงคบบญชาเหล่านให้สอดคล้องกบความคาดหมายของหนวยงานทกคน
ั
่
้
ํ
ิ
ุ
ั
ั
้
ี
ั
้
่
จะทํางานเพอหนวยงานทีเขารูว่าให้ความใส่ใจกับเขาและหน่วยงานทีมีภารกิจทีเขารูสึกเชือมัน ศรัทธา ผูนําจะต้อง
้
่
่
ื
่
่
้
่
่
่
ั
ไม่ลืมว่า การสร้างแรงจงใจทดีทีสุดคือการสรางแรงจงใจให้กบตนเอง (Self-motivation) อนเปนเปาหมายหนง
้
ู
ู
่
ั
้
ึ
็
ี
่
ื
ู
้
่
ํ
ุ
่
ทีเราในฐานะทีเปนผูนาจะต้องสร้างสภาวะแวดล้อมทีเกอหนนต่อการสรางแรงจงใจใหกับตนเอง
้
่
้
็
้
๙. มีความรับผิดชอบ (Accept Your Responsibility)
็
ํ
้
ิ
้
ในฐานะทเปนผูนา ผูนาจะต้องรับผิดชอบ (Responsibility)ในการปฏบติภารกจของหน่วย
ํ
ิ
ั
ี
่
ั
ํ
ู
้
ิ
ถาหากมีความผิดพลาดหรอล้มเหลวเกดขน ผูนาต้องรบผิดชอบต่อผลนน (Accountability) หากผนาไม่เต็มใจ
้
้
ั
้
ื
้
ํ
ึ
่
ึ
่
ทีจะรับผิดชอบต่อความผดพลาดหรือความล้มเหลวทีเกดข้น จะเป็นการทําลายชือเสียงเกียรติยศของผูนําและ
ิ
่
ิ
้
ั
้
ี
ั
จะทําลายความเคารพนับถอและความจงรักภกดีทีผูใต้บงคบบญชามีต่อผูนา นอกจากนความรบผิดชอบ
ั
ั
้
ํ
ื
้
ั
่
้
ึ
ั
(Accountability) ยังรวมถงมาตรฐานทางวนยภายในหนวยงาน ดังนนผูนาควรให้รางวัลแก่ผูทีทํางานได้สําเร็จดีเยียม
่
ํ
้
ั
่
ิ
้
่
้
และลงโทษผูทีไม่รับผิดชอบต่องานจนทาให้ล้มเหลว โดยการให้รางวัลแกผูทํางานได้สําเรจนนเปนสิงทีทําได้งาน
่
่
็
่
็
้
ํ
้
่
ั
็
และมีความสุข แต่การลงโทษผูทีไม่รบผิดชอบต่องานนนเปนสิงทีทาได้ยากกวามาก อยางไรกตามทังการให้รางวัล
ั
่
็
้
ั
้
้
ํ
่
่
่
่
้
และการลงโทษนนเปนสิงจําเปนทีผูนาต้องกระทา
่
้
ํ
ํ
ั
็
็
่
้
่
๑๐. สรางความเปนหมูคณะ (Develop Teamwork)
็
ํ
ั
็
็
้
่
่
ในฐานะทีเปนผูนา เราจะต้องรวมความสามารถของแต่ละคน ให้ทํางานรวมกนเปนทีม
เพอความสําเร็จของภารกิจของหนวย ผูนาไม่สามารถทําให้ภารกจสําเร็จได้โดยลําพง และผใต้บงคบบญชา
ั
ู
้
ั
ิ
ั
ั
้
ํ
่
ื
่
กไม่สามารถทาให้ภารกจสําเรจได้โดยลําพงเช่นเดียวกน ดังนนในฐานะทีเปนผูนา เราจะตองรวบรวมความสามารถ
ิ
้
ั
ํ
ั
้
็
่
็
ั
ํ
้
็
่
ื
ํ
ิ
็
ั
ของแต่ละคน ให้ทํางานร่วมกนเปนทีมเพอความสาเรจของภารกจของหน่วย หากแต่ละคนทําแต่งานของตนเอง
็
ิ
้
่
้
่
็
่
่
อยางโดดเดียวแลว ผลสําเร็จในภารกจของหนวยงานจะไม่ดีเท่าการทํางานเปนทีม ในฐานะทีเป็นผูนํา เราควรรู ้
่
้
่
ิ
ั
้
่
ี
ื
ั
วิธการทีจะทําใหงานต่างๆ ในหนวยงานดําเนนไปด้วยกนได้อยางราบรนและสอดคล้องกนเราควรสรางและดํารงไว ้
่
ิ
ซึงบรรยากาศของการทางานเปนทีมและความร่วมมือกนทางานเพอให้ภารกจสําเร็จ การทางานเปนทีมจะเกดขึน
ิ
่
ํ
็
ํ
้
ื
็
่
ํ
ั
ได้เมือทนคนเต็มใจทีจะทําภารกิจของหน่วยงานให้สําเร็จยิงกว่าสิงอืนใด หรืออาจกล่าวได้ว่า ทุกคนมีเป้าหมาย
่
ุ
่
่
่
่
ั
็
่
ิ
้
่
ร่วมกนทีจะทําภารกจของหนวยงานใหสําเรจ
๑๔
่
้
เมือได้ทราบศลปะการปกครองบังคบบญชาของผูบงคบบญชาแล้ว ในลําดับถดไปจะกลาวถง
่
ั
ิ
ั
ั
ั
ั
ั
ึ
4
็
่
ในมุมมองของการเปนผูใต้บงคับบญชาทีมีประสิทธภาพ การเปนผูใต้บงคบบญชาทีมีประสทธิภาพ ในทีนีหมายถึง
ิ
ั
่
ั
ิ
ั
้
็
้
ั
้
ั
่
ั
้
็
ั
็
ั
่
็
้
ั
ั
ื
่
้
ั
ั
การเปนผูใต้บงคบบญชาหรอผูตาม (Followership) ให้เปน ซึงในการเปนผูใต้บงคบบญชาทีมีประสิทธิภาพนน
้
้
ั
์
ี
ึ
ั
มีสิงทีจะต้องคานงถึงดังน งาน ความสัมพนธกับผูบงคับบญชา และการควบคุมอารมณตนเองและการแสดงออก
ํ
้
ั
่
์
่
้
การเปนผใตบงคบบญชาทมประสิทธิภาพ
ั
่
ั
ู
็
ี
ั
ี
้
๑. งาน
ื
การเปนผูใต้บงคบบญชาก็คล้าย ๆ กบงานใหบริการ นนคอมีหนาทีทําให้ผูรับบรการพงพอใจ
้
ั
้
ั
ั
ั
้
่
ิ
ั
ึ
่
้
็
็
้
้
ั
้
ั
ํ
ั
ี
้
ํ
มิใช่เพยงแคทางานใหเสรจไปเท่านน ดังนนนอกจากจะต้องทางานให้สําเร็จแล้ว ผูใต้บงคบบัญชาต้องทํางาน
่
ั
ั
่
ี
ั
่
่
ให้ผูบงคบบญชาพอใจด้วย ซึงในประเด็นทีเกยวกบ มีเรองสําคญ ๓ ประการ คอ
ั
ื
้
ั
ื
ั
่
่
้
๑.๑ รูวางานคืออะไร (Know What the Job Is)
สาระสําคัญของประเด็นนคอ ผูใต้บงคับบญชาต้องการอะไรให้ความสาเร็จกบเรองอะไรจาก
ั
่
ื
ั
้
ํ
้
ื
ี
ั
่
่
การสํารวจพบวากลุมผูบริหารระดับสูงมีความเหนสอดคล้องกันว่าผูใต้บังคับบัญชาทีประสบผลสําเร็จต้องรูว่า
้
้
้
็
่
ั
ั
ั
ํ
ั
ั
้
ั
ผูบงคบบญชาคาดหวงอะไร ผูใต้บงคบบญชาบางคนอาจทํางานมากมายหลายอย่างได้ดี แต่ไม่ได้ทาดีในงาน
้
ั
ั
้
่
่
ั
้
ั
้
ํ
็
้
ทีผูบงคบบญชาต้องการ กอาจไม่ประสบผลสาเร็จ ดังนน ผูใต้บังคับบัญชาทีมีประสิทธิภาพต้องรูว่าผูบังคับบัญชา
ั
้
่
่
้
ื
ั
ั
คาดหวังอะไร ต้องการอะไร ตัวอยางเช่น ผูบงคับบญชาของท่าน เนนเรองการมาทางานตรงเวลาแต่ท่านเห็นว่า
ํ
้
่
่
้
ํ
็
แม้ท่านจะมาทางานสาย แต่กทํางานได้มากกวาและผลงานดีกว่าคนทีมาเช้าแต่ไม่ได้ทําอะไร เป็นชินเป็นอัน
ั
ี
้
ั
ึ
่
ั
ิ
้
้
ั
ั
ั
่
่
จงคดวาการมาสายไม่ใช่เรืองสําคญ การคิดเช่นนคงไม่ตรงกบความคาดหวังของผูบงคบบญชาแนๆ ดังนนแม้ท่าน
่
่
ื
่
่
่
ั
ั
ู
ั
จะทํางานได้ดี แต่สิงทีสะดุดใจผูบงคบบญชาอยเสมอคอเรืองการมาสาย ซึงเป็นเรืองทีเขาใส่ใจมากเป็นพิเศษ
่
่
้
ความดีของท่านกอาจจะถกบดบงด้วยเรืองการไม่ทําตามนโยบายของเขา ท่านกอาจจะไม่ประสบผลสาเร็จในการ
ํ
่
็
็
ั
ู
ทํางาน
ั
่
ั
่
่
ั
้
ั
ั
ั
ิ
ั
้
่
ปญหาสําคญอยางหนึงทีมักเกดขึนในการทํางานระหวางผูบงคบบญชาและผูใต้บงคบบญชา
ั
้
่
ื
้
คอความไม่ชัดเจนในงานทีได้รับมอบหมาย ซึงหากคลุมเครือมากเท่าไรก็ยิงจะเป็นอันตรายต่อผูใต้บังคับบัญชา
่
่
่
้
ื
็
ั
ดังนนเปนหนาทีของผูใต้บงคบบญชาทีจะต้องขจดความไม่ชัดเจน โดยเปนฝ่ายถามเพอให้เข้าใจ จะได้ทราบถง
ึ
ั
่
ั
้
ั
็
้
ั
่
้
ั
ั
ั
ั
ความคาดหวงของผูบงคบบญชาต่อง่าน ความรับผิดชอบต่องาน จุดมุงหมายของงาน สาระสําคัญ ลําดับ
่
ความสําคญและมาตรฐานของงาน เปนต้น
็
ั
้
๑.๒ รูวธีการทํางาน (Know How to Do the Job)
ิ
ผูใต้บงคบบญชาทมีประสทธิภาพจะต้องรูวธีการทํางาน คอรูว่าจะทําให้ดีได้อยางไร งานนน
่
ี
้
่
ั
ั
ิ
้
ั
้
ื
ิ
ั
้
ั
ุ
่
ื
่
้
ื
ั
็
้
ต้องการความรูหรอทักษะอะไรรูจกตรวจสอบตัวเองวา ยงบกพร่องหรอมีจดออนเรืองอะไร และถอเปนความ
ื
่
่
ั
รับผิดชอบทีจะต้องพฒนาความเป็นมืออาชพของตนเอง โดยไม่ต้องรอใหใครมาพฒนา เพราะแม้วา
ั
ี
้
่
ั
ั
ั
่
่
็
ั
้
็
ั
่
็
ึ
่
ั
่
่
้
ผูใต้บงคบบญชาจะไม่ได้เปนเจ้าของงานทีได้รับมอบหมายอยางเบ็ดเสรจ แต่สิงหนงทีเปนของผูใต้บงคบบญชาอยาง
ื
็
่
ุ
แท้จริง กคอ ความรูความสามารถ ความชํานาญ ความเปนมืออาชีพ และคณคาในตัว ซึงใครก็ไม่สามารถเอาไปได้
็
้
่
ั
ั
้
่
็
ื
่
็
่
ั
่
เมือแสดงออกมาแล้วกจะเปนทีประจกษ์ เปนทีต้องการและยอมรับ ซึงแม้ผูบงคบบญชาจะมองข้ามแต่คนอน
ั
่
็
4
Ibid. p. 54-58.
๑๕
็
ั
่
ี
็
ี
้
ั
้
ั
ี
่
ั
่
ี
ั
้
ื
กมองเห็น ดังนนผูใต้บงคบบญชาทฉลาดต้องเรยนรู ต้องพฒนา ไม่เกยงงาน โดยถอเปนโอกาสทีจะได้เรยนร ้ ู
ประสบการณ์ใหม่ ๆ จากงานทุกชินทีทํา
้
่
้
็
๑.๓ ทํางานใหสําเรจ (Do the Job)
ั
ั
้
่
่
สิงทีผูบงคบบญชาคาดหวงจากผูใต้บงคบบญชาก็คือ งานสําเร็จเรียบร้อยตามมาตรฐาน
ั
ั
ั
้
ั
ั
้
้
้
้
่
้
ั
ั
้
ั
ั
ั
ทีผูบงคบบญชาตังไว ผูใต้บงคบบญชาจะประสบผลสําเร็จ ได้รบความกาวหนาในหนาทีการงาน ส่วนใหญ่
้
ั
ั
่
ิ
่
ั
ั
่
ู
้
่
ั
ึ
ขนอยกบความสําเร็จจากการปฏบติหนาทีการงาน ณ เวลานน ดังนนผูใต้บังคับบัญชาจะต้องทํางานตามทีบังคับบัญชา
้
ั
้
้
้
ั
คาดหวง
ั
ั
้
ั
ั
์
ั
๒. ความสัมพนธกบผูบงคบบญชา
์
่
ั
ั
ั
์
้
้
ั
็
ั
ั
ั
ั
่
ความสัมพนธระหวางผูบงคบบญชากบผูใต้บงคบบญชาก็เหมือนกบความสัมพนธทัว ๆ ไปทีเปนหนาท ี ่
่
ั
้
ั
่
ของบุคคลสองฝ่ายต้องช่วยกนสร้าง แต่เนืองจากสัมพันธ์นีมีความสําคัญต่อความสําเร็จในการงานและ
้
ั
ั
้
ั
ิ
ความกาวหน้าในอนาคตของผูใต้บงคบบญชา ผูใต้บงคบบญชาจึงต้องใช้ความพยายามใหมากกวาปกติเพอให้เกด
้
ั
้
ื
้
ั
่
ั
่
ั
ั
่
ความสัมพนธทีดี ซึงได้แกการกระทาดังน ี ้
์
่
่
ํ
ิ
๒.๑ แสดงความคดเห็น (Challenge)
่
ั
ั
ั
่
้
ผูใต้บงคบบญชาต้องปฏิบัติตามคําสังทีถูกต้องตามกฎหมายชองผูบังคับบัญชา อย่างไรก็ตาม
้
ในการปฏบติตามคาสังกไม่จาเปนต้องเสียความนบถือตนเอง ผูใต้บงคบบญชาสามารถเปนทีปรึกษาหรือ
ํ
ั
ั
ั
ั
่
็
ั
็
้
ิ
ํ
็
่
่
ั
ั
้
้
ั
้
ุ
่
้
้
ให้ขอเสนอแนะได้ เพราะผูบงคบบญชานันมิใช่จะรูเรืองต่าง ๆ ไปเสียทกเรื่อง ผูบังคับบัญชาก็เหมือนกับคนทัวๆ ไป
ทีอาจพลาดพลังได้ ผูใต้บงคบบญชาทีฉลาดควรทีจะช่วยผูบงคบบญชาไม่ใหเกดความผิดพลาด
่
ั
่
ั
้
ั
่
้
้
ั
ั
ิ
ั
้
ั
ั
้
ู
ั
่
ู
่
็
ผูบงคบบญชาทีดีส่วนมากจะไม่ชอบผใต้บงคบบญชาทีชอบประจบประแจง ไม่ไว้วางใจผทีเหนดี
ั
้
่
ั
้
ั
่
ั
้
ั
่
ั
ั
ั
ั
่
้
เห็นงามกบผูบงคบบญชาทุกเรืองไม่ว่าจะเรืองอะไร แต่จะต้องการผูใต้บงคบบญชาทีกล้าแสดงความคิดเห็น มองต่างมุม
ั
ั
้
ั
่
็
่
้
ให้ขอมูล เสนอความคดใหม่ ๆ และมีความเปนตัวของตัวเอง ซึงการทีผูบงคบบญชายอมรับฟงและไม่ถอเปนเรืองผิดนน
ั
ิ
ื
่
็
้
ั
ั
่
ื
้
ั
ั
ั
ื
มีพนฐานมาจากความเชือถอในตัวผูใต้บงคับบญชา อนเกิดจากการที ่
้
- ผูใต้บงคบบญชาได้แสดงออกถงความเคารพนบถือและจงรกภกดีต่อผูใต้บังคับบัญชา
ั
ั
ั
ั
ั
ั
้
ึ
้
ในสถานการณอน ๆ
่
ื
์
็
้
ั
ั
ู
ั
้
้
่
- เปนผูได้รับการยอมรบจากผูบงคบบญชาวาเปนมืออาชีพ ขอมูลถกต้อง รายงานถูกจงหวะ
็
ั
ั
เวลา ตลอดจนมีความมันคงทางอารมณ ์
่
้
ั
ั
ั
่
- ไม่เคยทําให้ผูบงคบบญชารสึกเสียหายในทีสาธารณะ
้
ู
ั
้
ั
ั
ั
ํ
็
- สามารถทางานทได้รบมอบหมายให้สําเรจความคาดหวงของผูบงคบบญชา
่
ั
ี
๒.๒ รายงาน (Inform)
ํ
ั
ในกระบวนการมอบอานาจหนาทีในการทํางานนน ผูใต้บงคบบญชาแต่ละคนได้รับการ
ั
ั
้
้
้
่
ั
มอบหมายงานจากผบงคบบญชาให้ปฏบติ ซึงผูบงคบบญชาบางคนกจะไม่บอกรายละเอยดมากนักแต่บางคน
ิ
ั
ั
ั
้
ู
้
็
่
ั
ั
ั
ี
ั
กบอกละเอียดมากวาจะต้องทําอะไร อย่างไร เมือไร กับใคร ทีไหน ทําไม แต่ทายทีสุดผูใต้บังคับบัญชาทุกคน ก็ต้อง
็
่
้
่
่
้
่
ั
้
ให้ผูบงคบบญชาตรวจสอบได้ว่างานทีได้รับมอบหมายนันสําเรจหรือไม่อยางไร
่
็
่
ั
ั
้
๑๖
่
ั
้
ิ
็
้
้
ั
ั
ู
ั
็
ผูบงคับบญชามีสิทธทีจะรูความเปนไปของงาน เพราะผบงคับบญชาเองกมีฐานะ
์
ั
้
ั
ั
้
ั
ั
ื
เปนผูใต้บงคบบญชาทีจะต้องรางานผูบงคบบญชาชันเหนอขนไปเช่นกน ผูใต้บงคบบญชาทีมีประสิทธภาพ
้
็
ั
ั
ั
ั
่
้
ิ
ึ
้
ั
่
ั
่
่
ควรจะยนดีต่อการตรวจสอบ ซึงในความเปนจริงแล้ว สิงนจะเปนการเปดโอกาสให้ผูใต้บงคบบญชาได้สร้างความ
ี
็
ั
้
ิ
ั
้
็
ิ
้
่
่
นาเชือถือและไว้วางใจจากผูบังคับบัญชา
ั
่
ี
ั
ั
ผูใต้บงคบบญชาทแสดงว่ายนดีรบการตรวจสอบได้จะไม่สามารถสรางความสัมพนธ์ทีดีกบ
ั
่
ั
้
้
ั
ิ
ื
ั
้
้
ู
ั
ั
่
ิ
ั
ึ
ื
ิ
ี
ผูบงคบบญชาได้ ตัวอย่างเช่น การปดบงข้อมูล บดเบอนขอมูล ให้ความจรงเพยงครงเดียว หรอให้ขอมูลทีไม่ถกต้อง
่
ิ
้
้
เปนต้น สิงเหล่านีถือว่าไม่เป็นผูใต้บังคับบัญชามืออาชีพ ผูใต้บังคับบัญชาทีมีประสิทธิภาพนันไม่เพียงแต่จะยินดีให้
่
็
้
่
้
้
ั
็
่
ิ
ิ
้
ั
ตรวจสอบเท่านน แต่จะต้องเปนฝ่ายรเริมรายงานผลการปฏบติงานให้ทราบ
้
ั
ั
ั
้
๒.๓ เชิญผูบงคบบญชาให้เขามามีส่วนร่วมในงาน (Invite Him/Her in)
ํ
่
คนทั่วไปมักจะมีความรูสึกของการมีอาณาเขตส่วนตัว และไม่ชอบให้ใครรุกล้า เช่น นีโต๊ะของ
้
่
่
ี
ฉัน รถของฉน บานของฉัน รวมทังงานของฉัน ซึงในความเปนจริงเราไม่อาจกล่าววางานทได้รับมอบหมายจาก
่
้
็
ั
้
ั
่
่
ั
้
ั
ั
่
็
ผูบงคบบญชาเปนงานของเราอยางเบดเสรจ โดยทีผูบงคบบญชาไม่ควรเขามากาวกาย เพราะงานนนยังคงอยูใน
้
ั
้
ั
็
่
้
ั
้
็
ู
้
ั
ั
ความรบผิดชอบของผูบงคบบญชา เนองจากผบงคบบญชาต้องรบผิดชอบต่อการตรวจสอบจากผูบงคับบญชา
้
้
ื
่
ั
ั
ั
ั
ั
ั
ั
ั
ี
ั
่
้
่
ี
่
่
ั
้
ี
่
ื
ั
้
้
ื
้
ชันเหนอขึนไปถึงความสําเร็จของงาน โดยผูใต้บงคบบญชาคอผูทีมีหนาทเลือกวิธการทีดีทสุด ทีจะทํางานให้สําเร็จ
ั
้
ั
ในนามของผูบงคบบญชา
ั
ั
ั
ั
ิ
ั
ผูบงคบบญชาบางคนเมือมอบหมายงานไปแล้ว กจะให้อสระแก่ผูใต้บงคบบญชาในการทํางาน
็
่
ั
้
้
ั
่
่
ี
็
้
ไม่เข้าไปเกยวของในรายละเอยดมาก แต่ผูบงคับบญชาบางคนกเหนว่าตนมีสิทธิทีจะบอกวาต้องการให้ทํางาน
่
ั
็
ั
้
ี
์
่
้
้
์
อยางไร โดยไม่คํานึงถึงจิตวิทยาของการเป็นผูบังคับบัญชาใด ๆ ทังสิน คิดแต่ว่าเป็นสิทธิของผูบังคับบัญชา
้
้
ึ
้
ั
่
ทีจะตรวจสอบผูใต้บงคบบญชาได้ เพราะตนกต้องรายงานผูบงคับบญชาทีอยูเหนอขนไป
ั
็
่
ั
ื
่
้
ั
้
ั
ึ
ดังนนผูใต้บงคบบญชาทมีประสิทธิภาพ จงไม่ควรจะมีความรูสึกทีไม่ดีต่อวิธีการของ
่
้
ั
ั
้
ี
่
ั
้
ั
ั
ั
ั
่
ู
ั
ั
ผูบงคบบญชา แต่ควรจะเชิญผูบงคบบญชาให้เขามามีส่วนร่วมในงาน เพราะเป็นสิทธของผบงคับบญชาอยแล้ว
ิ
้
ั
ั
์
ู
ั
้
้
้
ั
้
่
ั
ซึงอาจทําได้โดยการรายงานความกาวหน้าของงานเปนระยะ ๆ ใหผูบงคบบญชาได้รับรูความเป็นไปของงาน หรือ
ั
้
้
็
้
ี
้
ํ
่
ขอคําแนะนาในการแกปญหาต่าง ๆ สิงเหลานจะช่วยทําให้ได้รับความไววางใจมากขน
ึ
้
้
่
้
ั
๒.๔ เมือเกดความไม่เขาใจในผูบงคบบญชาต้องแสวงหาความกระจาง (Ask for Feedback)
ั
้
่
่
ั
ั
้
ิ
่
้
่
ั
ั
ั
ในระหวางการทํางานร่วมกนมีบอยครังทีผูใต้บงคบบญชาไม่เขาใจการแสดงออกของ
้
่
ั
้
้
ั
้
ผูบงคบบญชา แล้วตีความเอาแบบผิด ๆ และการตีความผิดนันก็ทําให้เกิดความไม่ไวใจผูบังคับบัญชาไม่พอใจหรือ
้
ั
ั
้
่
ํ
ั
ึ
ั
ั
้
่
ั
็
้
เลยไปถงการไม่อยากทํางานด้วย เช่น ผูบงคบบญชาไม่ให้ขอมูลซึงผูใต้บงคบบญชาคิดวาจาเปนต่อการทํางานให ้
ั
ั
้
ั
ั
ั
่
ู
้
ั
้
้
ถกต้อง ผูบงคบบญชาไม่เชิญเข้าประชุมนดสําคัญ หรือผูบังคับบัญชามาทีห้องทํางาน ของผูใต้บังคับบัญชาในเวลาที ่
ึ
ั
ั
ั
้
ั
้
่
ไม่ได้คาดวาจะมา เปนต้น ซึงส่วนใหญ่ผูใต้บงคบบญชามักตีความวาผูบงคบบญชาไม่พอใจจงรูสึกไม่ไว้ใจ
็
ั
้
่
ั
่
่
้
ั
ั
ผูบงคบบญชาไม่เชือใจ ไม่จงรกภกดีต่อผูบังคับบัญชา นานเข้าก็จะทําให้ความสัมพันธ์ไม่ดี ดังนันเมือเกิดความไม่เข้าใจ
ั
ั
่
ั
้
้
ผูใต้บงคบบญชาต้องเปนฝ่ายแสวงหาความกระจาง เพราะผใต้บงคบบญชาเปนผูรบรูอารมณ์ และตีความกระทํา
้
ู
็
ั
ั
็
ั
ั
ั
้
ั
้
้
่
ั
่
ั
ของผูบงคบบญชา โดยควรเลือกเวลาและสถานทีและวธีการในการพูดคุยทําความเข้าใจอย่างระมัดระวัง
้
ั
ั
ิ
๑๗
ู
้
ั
๒.๕ พยายามใหผูบงคบบญชาเข้าใจเราให้ถกต้อง (Help Give Feedback)
ั
้
ั
ุ
ั
ั
ั
ั
ั
่
ุ
้
ั
้
ผูบงคบบญชาก็เปนปถชนทีชอบตีความการกระทําของผูใต้บงคบบญชาเช่นกน
็
ั
็
ื
่
่
็
้
ั
ื
่
ซึงบางครงกตีความผิดแล้วกโกรธ โดยไม่บอกวาโกรธหรอไม่พอใจอะไร แล้วเก็บสะสมความไม่พอใจไปเรอย ๆ
้
่
้
จนถงขนไม่ชอบผู้ใต้บังคับบัญชา แล้วมองข้ามความดีอืน ๆ ทีผูใต้บังคับบัญชาเคยทํามา ผูใต้บังคับบัญชาทีฉลาด
้
ั
่
่
ึ
ี
้
ั
ั
้
ั
์
ควรรูว่าอาจมีโอกาสเกิดเหตุการณแบบนกบตนได้ ฉะนนควรจะให้ผูบงคบบญชาเขาใจเราให้ถูกต้อง วธีการทดี
ั
ั
่
้
ิ
ี
้
้
็
้
ิ
ั
อยางหนง เช่น บอกให้ผูบงคบบญชาทราบถงความคาดหวังเรองความสาเรจในการทํางาน ความจรงใจต่องาน
ั
ั
ื
่
ึ
ํ
ึ
่
่
ํ
ั
ั
้
ิ
ั
ั
ี
ต่อผูบงคบบญชาและขอคาแนะนา ความคดเห็นการกระทําเช่นน จะทําให้ผูบงคบบญชาสบายใจทีจะแสดง
้
้
่
ํ
ั
ั
ความรูสึก แล้วหลังจากนนคอยคยถงเรืองความเขาใจผิดต่าง ๆ
้
ึ
่
้
่
้
ั
ุ
ั
ั
้
ั
้
๒.๖ ให้ผูบงคบบญชารูความต้องการของตน (Share you Needs)
้
่
็
ั
ั
ั
ั
่
่
ั
่
ผูใต้บงคบบญชาเปนคนทีมีความต้องการ ซึงผูบงคับบญชาทีฉลาดควรจะตระหนกดีในเรืองน ี ้
ั
้
้
้
็
็
และพยายามเข้าใจและตอบสนองความต้องการนัน อย่างไรกตามผูบงคบบญชาบางคนกไม่ได้ใส่ใจในเรืองน หาก
ั
ั
ี
่
ั
้
็
่
ี
ี
้
เปนเช่นนผูใต้บงคบบญชาทมีประสิทธภาพไม่ควรน้อยอกน้อยใจ โกรธ หรือ มองหางานใหม่แต่ควรให้
้
ั
ั
ิ
ั
ั
ั
ผูบงคบบญชาได้ความรความต้องการของตน
ู
้
ั
้
๒.๗ สรางความไว้วางใจ (Build Trust)
้
่
้
ั
ั
็
้
ั
ั
้
การสร้างความไววางใจระหวางกน เปนหนาทีของทังผูบงคบบญชาและผูใต้บงคับบญชา
้
้
่
ั
ั
ั
้
แต่ผูใต้บงคบบญชาต้องพยายามมากกว่า เพอใหผูบงคบบญชาไว้วางใจ เพราะถ้าผูบังคับบัญชาไม่ไว้ว่างใจเสียแล้ว
ั
ั
้
ั
้
่
ื
้
ั
ั
่
็
ั
ั
ผูใต้บงคบบญชากจะสูญเสียหมดทุกอยาง
้
ั
ี
้
ิ
ิ
ั
ิ
ํ
การสร้างความไววางใจสามารถทําได้หลายวธ เช่น ปฏบติตามคาสัง กล้าแสดงความคดเห็น
่
้
่
้
ั
ซือสัตย์ ไม่เห็นแกตัว ไม่ทําให้ผูบงคับบัญชาดูไม่ดี รักษาหน้าผูบังคับบัญชา ป้องกันไม่ให้ผูบังคับบัญชาผิดพลาด
่
้
ั
ั
ั
ํ
่
้
่
่
ทําให้ผูบงคบบญชามันใจได้ว่าเราพอใจในสถานภาพของการเปนทีสองรองจากเขาและทางานทีได้รบมอบหมาย
ั
็
่
่
้
่
ให้เสรจตรามาตรฐานและความคาดหวงของผูบงคบบญชาซึงความไววางใจนจะคอย ๆ เพิมขึน ทีละน้อยไปทุกวัน
ั
ั
้
้
้
ี
็
ั
ั
จากการแสดงออกของผูใต้บงคบบญชาในโอกาสต่าง ๆ
ั
ั
้
ั
์
๓. การควบคมอารมณตนเองและการแสดงออก (Managing Our Feelings and Our Behavior)
ุ
ื
ู
้
ํ
้
่
่
ื
ื
ํ
ี
ื
้
่
ั
ั
่
ประเด็นสําคญในเรองนคอจะตองตระหนกวา คาพดหรอการกระทาแบบใดของผูอนทีจะเป็น
้
ตัวกระตุนหรอมีผลใหเราแสดงสิงทีไม่เหมาะสมออกมา เพราะเมือเราไดแสดงปฏกริยาตอบโต้การกระทํา
้
ิ
่
่
ิ
้
่
ื
่
้
ํ
ู
่
ของผูอืนหรือการกระทําแบบใดของเราทีจะทําให้คนอนไม่พอใจ เช่นการแสดงสีหนา การแสดงทาทาง การใช้คาพด
ื
้
่
่
่
ู
็
ั
่
ทีไม่คอยเหมาะสม การชอบพดขัดจงหวะ เปนต้น
ู
ื
เมือตระหนกดีแล้วก็ต้องรจักควบคุมอารมณและการแสดงออก ไม่หวันไหวไปตามการกระทําหรอ
้
์
่
ั
่
ั
ู
ํ
ํ
่
คาพดของผอืน ทานองเดียวกนก็ต้องรูจกระมดระวงคาพดและการกระทาของเราไม่ให้ไปสร้างความขุนเคืองกับ
้
ู
ั
ั
ํ
ู
ํ
่
ั
้
่
ื
ผูอนด้วย
้
่
ี
่
ึ
ั
ํ
ิ
ึ
ั
ั
กล่าวโดยสรุปผูใต้บงคบบญชาทีมีประสทธิภาพพึงคานงถงบทบาททีสําคญทมีต่องาน
่
ั
้
ต่อความสมพนธ์กบผูบงคบบญชา และต่อการควบคุมอารมณตนเองและการแสดงออก เพอให้เกดผลสําเร็จในการ
ั
่
์
ื
ั
ั
ั
ั
ั
้
ิ
้
ทํางานทังในส่วนตนเองและองค์การ
๑๘
ุ
บทสรป
่
้
่
ั
ุ
้
ั
ั
ั
ในการทีจะบรรลุเปาหมายในการปกครองบงคบบญชาในสภาวะแวดลอมของโลกในปัจจบนทีมนษย ์
ุ
ิ
มีจตใจและความคดเปนของตนเอง บนพนฐานของบทบาทสมมตในองคกรของกองบญชาการกองทพไทย
็
์
ื
้
ั
ิ
ิ
ั
่
ิ
่
ั
้
ี
ั
ั
ผูบงคบบญชาจงจะต้องควบคุมกาลังพลทีจตใจ ไม่ใช่เพยงการอาศย กฎ ระเบยบ ขอบงคบทีให้อํานาจไว้ ดังนัน
้
ึ
ั
้
ั
ั
ี
ํ
่
ศลปะในการปกครองบงคบบญชาจงเปรียบเสมือนการวางแนวทางสําหรับผูบงคบบญชาทีควรต้องบริหาร
้
ั
ึ
ั
ั
ั
ั
ั
ิ
ื
์
่
ั
องคประกอบต่างๆ ให้มีความสมดุลและสอดคลองกบแบบธรรมเนียมทหาร เพอให้เกดความเหมาะสมกบการ
้
ั
ิ
ํ
ํ
เปลียนแปลงของยคสมัยและการปกครองกาลังพลทีมีอตลักษณแตกต่างกน อนจะนามาซึ่งผลลัพธ์ ทังในส่วนทีเป็น
ุ
่
่
่
ั
้
ั
ั
์
ิ
้
ความสําเรจของภารกิจและการเสรมสรางขวัญกาลังใจของกําลังพลในการปฏบติงานอกด้วย
็
ั
ี
ิ
ํ
------------------------------------------------
่
บทที ๔
ั
ิ
์
ั
กระบวนการปลูกฝังและสรางเสรมอุดมการณทางทหารของกองบญชาการกองทพไทย
้
ั
ุ
่
กองบญชาการกองทพไทยมีเจตนารมณ์ทีจะให้กาลังพลทุกคน ได้รบการปลูกฝังอดมการณ ์
ั
ั
ํ
ั
้
็
่
่
่
้
้
้
ื
ิ
ั
เปนพนฐานความรูอยูในจตใจนบตังแต่แรกเรมเขามาเปนสมาชิกใหมในกองบญชาการกองทัพไทย และเมือ
็
่
ิ
่
็
ํ
้
ื
รับราชการแล้วกควรจะได้รบการสรางเสริม เพอดํารงรักษาอุดมการณ์กาลังพลให้มันคงในจิตใจ อันจะเป็น
่
ั
ึ
้
้
ิ
ี
้
่
เครองช่วยใหการปฏบติภารกจหนาทีของแต่ละคน โนมเอยงไปสูความดงามยิง ๆ ขนไป การปลูกฝังและสร้างเสริม
ี
้
ั
ิ
่
่
ื
่
่
อดมการณ์ทางทหารของกองบญชาการกองทัพไทยใหเกดเปนพนฐานในจิตใจ เปนทีเชือถอและเกดความศรัทธา
่
ิ
็
้
ั
ื
้
ุ
ิ
็
ื
ํ
่
้
ต่อกาลังพลในทุกระดับนัน ย่อมอาศัยกระบวนการหรือวิธีการสร้างเสริมอุดมการณ์ทางทหารทีมีประสิทธิภาพ
ั
ุ
ี
กระบวนการหรอวธการสร้างเสรมอดมการณ์ทางทหารของกองบัญชาการกองทพไทยจะเน้นในเรองของการอบรม
ื
่
ิ
ื
ิ
่
่
์
ุ
่
ื
สังสอนและการเผยแพร่ทางสือประเภทต่าง ๆ เพอมุงผลให้เกิดอดมการณทางทหารและมีการแพรขยายออกไป
่
่
้
ั
ั
่
่
่
็
้
อยางกวางขวาง จนเปนทียอมรบและศรทธาต่อกําลังพลทุกระดับชัน โดยทัวไปเมือกําลังพลดังกล่าว มีอุดมการณ์
่
่
ั
ํ
ั
ั
่
้
ิ
่
ิ
ิ
ทางทหารแล้ว ยอมกอให้เกดผลดีต่อการปฏบติงานอันจะนาไปสูเปาหมายอนสูงสุดในการพทักษ์รกษาชาติ ศาสนา
ิ
้
่
ั
พระมหากษตรย์ และประชาชน เพอใหบรรลุต่อความภารกจดังกล่าว หนวยต่าง ๆ ในกองบญชาการกองทพไทย
ื
ิ
ั
่
ั
้
ิ
ควรดําเนนการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทางทหารในโอกาส ดังนี
้
ั
ขันตอนที ๑ การปลูกฝงในโอกาสแรกทีเข้ารับราชการ
่
่
๑. บคคลทีต้องได้รับการปลูกฝัง ได้แก กาลังพลของกองบญชาการกองทัพไทยทุกคนทแรกเริม
ั
่
ุ
่
ํ
่
่
ี
ั
้
จะเขามาปฏบติหนาทีราชการในกองบญชาการกองทัพไทย ทงประเภทนายทหารสัญญาบตร นายทหารประทวน
้
ั
ั
ิ
ั
่
้
ั
พลทหาร พนกงานราชการและลูกจาง นอกจากกําลังพลเหล่านีแล้ว ครอบครัวของข้าราชการในกองบัญชาการกองทัพไทย
้
้
ั
็
่
กเปนกลุมบคคลทีจะต้องได้รับการปลกฝังอุดมการณ์ทหารด้วย เช่นกน
ุ
็
่
ู
้
๒. ความรบผิดชอบในการปลกฝังอดมการณ์ทางทหารของกองบญชาการกองทัพไทย หัวหนาส่วนราชการ
ั
ั
ุ
ู
ุ
้
่
ู
ิ
ในทุกระดับของกองบัญชาการกองทัพไทย มีหนาทีรับผิดชอบในการปลกฝังและสร้างเสรมอดมการณ์ทางทหาร
้
ั
ให้กบขาราชการและกําลังพลในความรับผิดชอบของแต่ละหนวยของตน
่
่
ุ
ั
์
๓. วธีการปลูกฝังอดมการณทางทหารของกองบญชาการกองทพไทย หนวยรับผิดชอบ อาจกระทํา
ิ
ั
่
ึ
้
อย่างหนงอย่างใด ดังต่อไปน
ี
ั
้
ิ
่
ิ
๓.๑ พจารณาบรรจเพมวชาอุดมการณ์ทางทหารของกองบญชาการกองทพไทยเขาไปในหลักสูตรต่าง ๆ
ิ
ุ
ั
ั
ั
ี
ของกองบญชาการกองทัพไทยในอตราส่วนของเวลาทเหมาะสม
่
ั
้
๓.๒ จดให้มีการอบรม หรือการสัมมนา บรรยายพิเศษโดยผูทรงคุณวุฒิ เพือให้เกิดความเข้าใจ
่
์
้
ุ
และความซาบซึงในอดมการณทางทหารของกองบญชาการกองทัพไทย
ั
่
้
ี
๓.๓ จดให้มีหลักเกณฑและวิธการประเมิน เพอวดผลและเพิมความรใหสําหรับผูทีมีความรูความเขาใจ
ู
ื
่
้
้
์
่
ั
ั
้
้
่
ทียงไม่ถงระดับทีเหมาะสมหรอตามเกณฑ์ทีกาหนดไว
ั
ํ
่
ื
ึ
่
้
๒๐
ั
ุ
ิ
้
่
์
ั
ั
ํ
้
ั
ขันตอนที ๒ การเสรมสร้างและการปลูกฝงอดมการณทางทหารใหกบกาลังพลในกองบญชาการกองทพไทย
ิ
ํ
่
้
่
ุ
๑. บคคลทีต้องไดรบการปลูกฝังและสร้างเสรมอุดมการณ์ทางทหาร ได้แก กาลังพลทกคน หลังจาก
ั
ุ
่
่
ื
ื
ึ
็
้
ั
่
เข้ามารับราชการแลวในระยะหนง เพอทีจะได้ไม่หลงลืมหรือละเลยอันจะเปนเครองช่วยประคบประคอง ส่งเสริม
่
่
ให้ทุกคนมีเครองยึดเหนยวในจตใจ อันจะช่วยใหการประกอบกิจการงานได้สําเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ี
่
้
ิ
ื
ั
๒. ความรับผิดชอบในการปลกฝังและสร้างเสรมอดมการณทางทหารของกองบญชาการกองทัพไทย
์
ิ
ู
ุ
ั
เปนความรับผิดชอบของหัวหนาส่วนราชการในทุกระดับของกองบญชาการกองทพไทยทีจะต้องมีการปลูกฝังและ
้
่
็
ั
สร้างเสริมอุดมการณ์ทางทหารใหกบกําลังพลของตนเองให้เข้มแข็งอยูเสมอ รวมทังในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ
่
ั
้
้
้
ั
ํ
่
ของกองบญชาการกองทัพไทย ทีมีกาลังพลหมุนเวียนเขารบการศกษาในหลักสูตรต่าง ๆ
ึ
ั
ุ
๓. วธีการสร้างเสริมอดมการณทางทหาร
์
ิ
ิ
์
ั
ุ
ิ
๓.๑ จดให้มีวชาอดมการณทางทหารเพมในหลักสูตรตามแนวทางรับราชการตามความเหมาะสม
่
ื
่
่
ี
่
ื
่
ั
่
ั
๓.๒ ในโอกาสทมีการสอบคดเลือกเพอเลือนฐานะ เลือนตําแหน่งการสอบคดเลือก หรือการสอบอนใด
้
ั
ของกองบญชาการกองทัพไทยให้ผูบังคับหน่วยพิจารณาเพิมวิชาอุดมการณ์ทางทหารไว้ในการสอบคัดเลือก
่
ด้วยทุกครัง
้
้
่
้
๓.๓ หัวหนาส่วนราชการในทุกระดับชันต้องจดให้มีการอบรมอยางสม่าเสมอ หากหน่วยใด
ํ
ั
ุ
่
ได้ดําเนนการปลูกฝังและสรางเสริมอดมการณทางหาร ตามแนวทางนีอยางสม่าเสมอ ยอมบรรลุถึงวัตถุประสงค์
่
์
ิ
้
ํ
้
ั
ของกองบญชาการกองทัพไทยอยางแนนอน
่
่
ํ
็
่
่
่
ั
ุ
้
่
๓.๔ จดให้มีการมอบรางวลแกกาลังพลทีได้รับการคัดเลือกวาเปนผูมีอดมการณ์ทางทหารทีดี
ั
ตามโอกาสทีเหมาะสม
่
ั
้
ั
ั
ั
ผบงคบบญชากบอดมการณทางทหารของกองบญชาการกองทพไทย
ั
ั
ู
ุ
์
์
่
้
ั
ผูบงคับบญชานับวาเปนผูทีมีความสําคญในการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณทางทหารให้กับ
ั
ั
้
็
่
่
ิ
ั
็
์
้
่
ู
่
่
ุ
ั
่
็
ั
ผูใต้บงคบบญชา การปลกฝังให้ทหารมีอดมการณทางทหาร ซึงถอได้วาเปนสิงทสําคญยงต่อการเปนทหารอาชีพ
ั
ี
ื
้
่
ั
่
โดยเฉพาะอย่างยิงในปจจบนทีสภาวะแวดล้อมมีการเปลียนแปลง กระบวนการปลูกฝังอดมการณ์ในการเปนทหารอาชีพนัน
ุ
ุ
ั
่
็
็
่
่
ู
้
่
้
ื
ิ
์
เปนกระบวนการสรางใหทหารมีอุดมการณ จตวิญญาณ และความเชือในกิจการทหารใหฝังแนนอยในสายเลอด
้
ของทหารทุกคน
ั
้
ั
ั
้
ั
ั
ํ
ั
ั
จากความสําคญของผูบงคบบญชากบอดมการณ์ทางทหารทีได้นามากล่าวไวแล้ว หากผูบงคบบญชา
ุ
่
ั
้
ได้ให้ความสําคญและยึดถอไวเปนแนวทางในการปฏิบัติอย่างจริงจังแล้ว ย่อมส่งเสริมให้ผูบังคับบัญชา
ั
ื
็
้
้
ึ
เปนแบบอยางทีดีต่อผูใต้บงคบบญชาและสามารถจงใจผใต้บงคบบญชาเขาถงในอุดมการณ์ทางทหาร
้
ั
็
ั
ั
ู
่
ู
่
ั
ั
ั
้
้
ตามวตถประสงคของกองบญชาการกองทัพไทยทีตังไว ้
์
ั
ั
ุ
้
่
ดังนนถาเราต้องการให้ทหารเปนทหารอาชีพแล้ว สิงทีต้องพึงกระทําคือ การทําให้ทหารมีอุดมการณ์
้
็
้
ั
่
่
้
ิ
่
่
ิ
่
่
้
ี
่
ั
ั
ั
่
ี
ิ
จตวญญาณ และมความเชือในการเป็นทหารอาชีพ ผูทีมีหนาทีทีเกยวของโดยเฉพาะอยางยงผูบงคบบญชา
้
่
้
ั
ุ
่
ั
ทุกระดับชันได้ให้ความสําคญกบการปลูกฝังอดมการณ มีจิตวิญญาณ และความเชือของการเป็นทหารอาชีพอยู ่
์
้
ี
่
่
ตลอดเวลาแลว เชือมันได้ว่าประเทศไทยจะมกองทพทีประชาชนสามารถให้ความเชือมันและเชือใจได้วาเราเปน
ั
่
่
่
่
็
่
้
กองทัพมืออาชีพไม่แพกองทัพของต่างประเทศอนทีเจรญแล้ว
่
ิ
้
่
ื
๒๑
ุ
บทสรป :
้
ุ
ิ
ึ
็
การสร้างจิตสํานกการเปนทหารอาชีพด้วยการปลูกฝังและสร้างเสรมอดมการณ์ทางทหารใหกับกําลังพล
ั
ั
ั
ั
็
ํ
่
ั
็
่
ั
่
ึ
ิ
ี
่
้
ึ
ึ
้
หรอผูใต้บงคบบญชาในการปฏบติงาน เปนสิงทมีความจาเปนสําหรับหนวยทหาร ผูบงคบหนวยจงต้องคํานงถง
ื
่
่
ุ
ู
การปลกฝังอปนสัยและคณลักษณะทางทหารทีดี เพือส่งเสริมให้ผูใต้บังคับบัญชาปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ุ
้
ิ
ั
ั
มีเปาหมายในการทํางานชัดเจน มีความรบผิดชอบในการทํางาน ผลการปฏบติงานททําออกมากจะเปนงาน
ิ
่
้
็
ี
็
ุ
ทีมีคณภาพสูงสุด
่
ิ
ุ
ื
ิ
่
้
การปลูกฝังและสรางเสรมอดมการณ์ทางทหารเพอสร้างจตสํานึกเป็นทหารอาชีพอาจจะไม่ใช่
่
์
็
่
่
่
่
็
่
่
เปนเรืองงายและเปนเรืองทีได้รับความสนใจและสงผลกระทบต่อภาพลักษณของการเปนทหาร ความนาเชือถอ
ื
็
ของประชาชนทีมีต่อสถาบนทหาร ซึงประชาชนได้มอบความไววางใจใหคนทีมีอาชีพเปนทหารทาหนาทีปกปอง
่
้
้
่
่
้
ั
่
ํ
็
้
ั
่
่
่
อธิปไตยของแผ่นดินทีเขาอาศยอยูกนโดยเฉพาะอยางยิงในสภาวะแวดลอมปจจุบันทีมีการเปลียนแปลงตามกระแส
่
่
้
ั
ั
่
้
่
ี
ิ
ิ
การถาโถม ทางวฒนธรรม คานยม ความคด และเทคโนโลยทีล้วนแต่ส่งผลกระทบทังทางตรงและทางออมไม่เฉพาะ
้
ั
่
็
้
แต่ผูทเปนทหารเท่านนแต่ยงส่งผลกระทบต่อผูทีมีอาชีพทกหมูเหล่าอกด้วย
ี
่
้
ุ
่
ี
่
ั
ั
้
่
บทที ๕
แนวทางการปลูกฝังอุดมการณ์ทางทหารของกองบัญชาการกองทัพไทย
ิ
ํ
็
็
่
่
ุ
อดมการณ์ทางทหารเปนสิงทีสําคัญและจาเปนอย่างยงต่อความเปนทหารอาชีพ การมีอุดมการณ์
่
็
ํ
ิ
ิ
็
็
็
่
ทางทหารทีฝังแนนจะเปนแนวทางให้ทหารเกดความสํานกในหนาที ยดมันในผลสาเรจของภารกจเปนหลักประกัน
่
ึ
่
ึ
้
่
่
ุ
่
ี
ํ
่
้
่
ได้ว่าผูทีมีอดมการณ์ทางทหารทฝังแนนและกล้าแกร่ง จะนาผลดีมาสูกองทัพและประเทศชาติได้อย่างไมมีข้อกังขา
่
็
ุ
กาลังพลของกองบัญชาการกองทัพไทยทุกคนจะต้องได้รับการปลูกฝังอดมการณทางทหาร ให้เปนพนฐานความร ้ ู
์
ํ
ื
้
้
ิ
้
่
ิ
้
ิ
่
็
่
ั
ั
่
ู
็
อยในจตใจตังแต่เรมเขามาเปนสมาชกใหม และเมือรับราชการแล้วกควรจะได้รบการสรางเสริมเพอดํารงรกษา
ื
่
่
่
้
่
่
ิ
่
ุ
อดมการณ์ทางทหารใหมันคงในจตใจ อันจะเป็นเครืองช่วยให้การปฏิบัติภารกิจหน้าทีของแต่ละคนมุงสูความสําเร็จทีดี
่
ั
่
ิ
ิ
้
ั
ํ
่
่
่
ั
ซึงกอให้เกดผลดีต่อการปฏบติงานของหนวย อนจะนาไปสูเปาหมายอันสูงสุดในการพทักษ์รกษา ชาติ ศาสนา
ิ
้
และพระมหากษตริย ดังนนส่วนราชการในกองบญชาการกองทัพไทยจงควรดําเนนการปลูกฝังและสร้างเสริม
ึ
ั
ั
ิ
ั
์
ุ
้
อดมการณทางทหารใหกับกําลังพลของตนในทกระดับ
์
ุ
็
่
กล่าวโดยสรป “อดมการณทางทหารของกองบัญชาการกองทัพไทย” ก็คอการเปนทหารทีดีทสุด
์
ุ
ุ
ี
่
ื
่
์
ในการอุทิศตนเพอ ชาติ ศาสนา พระมหากษตริยและประชาชน ด้วยการแสดงออกถงความจงรักภกดี มีความยด
ั
ื
ึ
ั
ึ
่
์
้
มันในเกียรติยศและศกดิศรีของทหาร มีความรับผิดชอบต่อหน้าทีและความเสยสละ” ดังนัน หนังสือคูมือฯฉบับนี
่
้
่
ั
ี
ํ
้
ื
ั
ึ
ุ
จงนาเสนอเนอหาแนวทางการปลูกฝังอดมการณ์ทางทหารของกองบญชาการกองทัพไทย ในด้านต่าง ๆ ดังน ้ ี
ุ
ี
ั
่
๕.๑ การปลูกฝงอดมการณความจงรักภกดตอชาติ ศาสนา พระมหากษตรย์
ิ
ั
ั
์
ความสําคญของสถาบนชาต ศาสนา และพระมหากษตริย ์
ั
ั
ั
ิ
ั
ั
่
่
สถาบันหลักของชาติอนประกอบด้วย ชาติ ศาสนา พระมหากษตริย์ เป็นสถาบันทีอยูกับสังคมไทย
็
ิ
มาช้านาน โดยเฉพาะอยางยงสถาบนพระมหากษัตรย ซึงเปนเสาหลกในการสรางชาติให้เปนปกแผ่น
์
่
่
ั
็
ั
ึ
ิ
่
้
็
ิ
ู
็
้
่
ี
ํ
ั
เปนศนย์รวมจตใจของปวงชน เปนบอเกิดของความรกความสามัคค นาพาประเทศชาติให้ผ่านพนภยคกคาม
ุ
ั
่
ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภัยจากการรุกรานของประเทศอืน ภัยจากการล่าอาณานิคมและการแผ่ขยายลัทธิการปกครอง
้
ั
ั
่
ู
ํ
ั
็
ั
ิ
ั
้
รวมทงมีบทบาทสาคญในการพฒนาชีวตความเปนอยูของประชาชนในทัวทุกภมิภาค รวมทงมีบทบาทสําคญ
่
ในการพฒนาชีวตความเปนอยูของประชาชนในทัวทุกภมิภาค โดยเฉพาะอย่างยงในท้องทีห่างไกล ส่งผลให้มีการ
ั
็
่
ิ
่
ู
่
ิ
่
่
ั
็
ุ
ั
ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ และเปนรากฐานให้ประเทศชาติมีความมันคงสืบมาจนปจจบน
่
ึ
ั
สถาบันพระมหากษตรยจงเปนสถาบันทีมีความสําคญสูงสุดของประเทศและเปนทีเคารพ
็
็
ั
่
์
ิ
่
ู
สักการะสงสุดของประชาชนชาวไทยตลอดมาไม่วาในยุคสมัยใด เราต่างระลึกอยเสมอวาประเทศชาติเจริญรุงเรือง
่
่
่
ู
เปนปกแผ่นมันคง ดํารงเอกราชมาได้จนทุกวันนี ก็ด้วยพระปรีชาสามารถและพระมหากรุณาธิคุณของพระบุรพมหากษัตริย์
่
ึ
้
็
ิ
ํ
ั
ทีทรงนา ประเทศหลีกพนอนตรายมาด้วยวเทโศบายอนชาญฉลาด ทรงปกครองแผ่นดินด้วยหลักทศพธราชธรรม
ิ
ั
่
้
ํ
ิ
นาความรม เยนเปนสุขมาสูประชาราษฎร ทรงทะนบารุงประเทศให้รุงเรืองทงทางด้านเศรษฐกจและ
็
ุ
่
็
่
ั
่
ํ
้
ศลปวฒนธรรม ซึงยังคงสืบทอดเป็นมรดกอันล้าค่า นํามาซึงความภาคภูมิใจในความเป็นชาติเอกราชทีมีอารยธรรม
ั
ิ
่
่
ํ
่
ั
็
่
เปนแบบอย่างทีดีงามมาจนทุกวนน ้ ี
๒๓
้
บทเนอหา
ื
ั
ิ
ุ
่
กองบญชาการกองทัพไทยและทหารไทยในทุกยคทุกสมัยจึงมีภารกิจและหน้าทีใน การพทักษรักษา
์
์
่
และเทิดทูนสถาบนชาติ ศาสนา และสถาบนพระมหากษัตริยมาโดยตลอดซึงเปนการแสดงออกถึงจตสํานกในการ
ั
็
ึ
ั
ิ
ู
ั
่
ิ
ิ
ิ
ุ
้
ี
้
ตระหนกรถึงพระมหากรุณาธคณขององค์พระมหากษัตริยาธราชเจาของชาวไทยทีทรงดําเนนพระราชกรณยกจ จนทําให้
ิ
่
ุ
สามารถดํารงความเป็นชาติอยางมันคงและสร้างความผาสกให้แกคนในชาติตราบจนทุกวันน ี ้
่
่
ั
ิ
ั
่
่
ื
่
ิ
สิงทีทหารของกองบญชาการกองทัพไทยในปจจุบนพงกระทําเพอบรรลุภารกจในการพทักษ์รกษา
ึ
ั
ั
ํ
และเทิดทูนสถาบนพระมหากษตริย คอ การนอมนาพระราชดํารและหลักธรรมทีปรากฏอยในพระราชกรณียกจ
ิ
ั
์
้
่
่
ื
ู
ั
ิ
โดยอัญเชิญมาเปนแบบอย่างเพ่อปฏิบัติให้บังเกิดความสุขและความเจริญในสังคมไทย ควบคูไปกับการสอดส่อง
็
ื
่
ู
่
ั
ั
้
ิ
ดูแลและปกป้องการกระทําของผูไม่หวังดีทีอาจส่งผลต่อการล่วงละเมดสถาบนพระมหากษตรยในทุกรปแบบ
์
ิ
ํ
่
่
่
่
่
้
ั
ึ
ซึงสิงทีดีทีสุดอนพงกระทาตลอดเวลาหรือทุกขณะจิต คอ ประพฤติตนใหเป็นทหารทีดีของต้นสังกัดและเป็นคนทีดี
่
ื
ั
ั
ั
้
ี
ื
่
ของสังคม สิงนคอ การแสดงความจงรกภกดีต่อพระองค์ท่านอย่างสูงสุดแล้วในความหมายของความจงรักภกดี
หมายถึง ความจงรักภกดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรย์ ซึงคุณลักษณะและการแสดงออกเพือเปนการแสดง
ั
็
ิ
่
่
ี
่
ั
ความจงรกภกดีททหารของกองบญชาการกองทัพไทย ควรจะต้องยึดถือและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึงการแสดงออก
ั
่
ั
ของทหารสามารถแสดงออกใน ๓ ลักษณะ ประกอบด้วย
ี
่
ิ
ี
๑. ลักษณะและการแสดงออกดานความจงรักภกดตอชาต ดังน
ั
้
้
่
๑.๑ การแสดงออกทางกาย ตัวอยาง เช่น
ู
ี
ิ
ุ
๑.๑.๑ การปกปองและส่งเสรมเกยรติภมิของชาติไทยในทกโอกาส
้
ิ
ื
ู
่
ั
้
๑.๑.๒ การปกปองและรกษาเอกราชอธปไตย หรอบรณภาพแหงดินแดนของประเทศไทย
ยงกว่าชีวต
่
ิ
ิ
ู
้
ี
ื
๑.๑.๓ แต่งเครองแบบหรอแต่งกายใหถกต้องตามแบบธรรมเนยม วัฒนธรรมไทย หรือ
่
ื
ประเพณีท้องถน
ิ
่
ื
่
๑.๑.๔ แสดงความเคารพธงชาติ ธงชัยเฉลมพลหรอประดับธงชาติในสถานที และเวลาเหมาะสม
ิ
ื
๑.๑.๕ ปฏบติต่อเพอนร่วมชาติด้วยความเสมอภาคโดยไม่คานงถงเชือชาติ ศาสนา ฐานะ
ึ
ิ
ึ
้
่
ํ
ั
ิ
หรือถนกาเนด
่
ํ
ิ
๑.๒ การแสดงออกทางวาจา ตัวอยาง เช่น
่
ิ
่
ั
้
ี
๑.๒.๑ พดและใช้ภาษาไทยใหถูกต้องตามอกขรวธหลีกเลียงการใช้ภาษาต่างประเทศปะปน
ู
ู
ํ
็
ขณะทพดโดยไม่จาเปน
่
ี
่
ื
ิ
่
่
ี
ิ
๑.๒.๒ เสรมสร้างความเข้าใจเรืองชาติบานเมืองในแนวทางทถกต้อง เพอไม่ให้เกดความ
ู
้
แตกแยกภายในชาติ
๑.๒.๓ ไม่แพร่งพรายความลับของทางราชการ
ิ
่
ิ
้
่
้
๑.๒.๔ ช่วยเสรมสรางใหเกดความเข้าใจเรืองของชาติบานเมืองในทางทีถกต้อง
้
ู
ิ
่
๑.๓ การแสดงออกทางจตใจ ตัวอยาง เช่น
ู
๑.๓.๑ มีความภาคภมิใจในความเปนคนไทย
็
ึ
ื
๑.๓.๒ มีความสํานกต่อหนาทีในฐานะพลเมองดี
่
้
ึ
ุ
๑.๓.๓ มีความสํานกและทดแทนบุญคณของชาติ
๒๔
ี
ั
้
ี
่
ั
ั
้
๒. ลักษณะและการแสดงออกดานความจงรกภกดตอศาสนา ดงน
๒.๑ การแสดงออกทางกายตัวอยาง เช่น
่
๒.๑.๑ ปฏบติให้ตนให้อยในศลธรรมของศาสนาอยางเคร่งครด
ั
ี
่
ั
ิ
ู
่
่
๒.๑.๒ ไม่แสดงอาการดูหมินเหยยดหยามหรอเบยดเบยนศาสนาอืน
่
ี
ื
ี
ี
ั
ั
์
ิ
๒.๑.๓ ให้อปถมภกจกรรมของทุกศาสนาในโอกาสอนควร
ุ
๒.๒ การแสดงออกทางวาจาตัวอยาง เช่น
่
๒.๒.๑ อบรม สังสอน ตักเตือนคนในปกครองให้ยึดมันในหลักศีลธรรมของศาสนา
่
่
่
่
ุ
ื
่
้
๒.๒.๒ ไม่กล่าววาจาลอเลียน ถากถางบคคลเรืองทีไม่ควรในศาสนาอน ๆ
ิ
๒.๓ การแสดงออกทางจตใจตัวอย่าง เช่น
ุ
่
่
๒.๓.๑ ยดมันในหลักของพทธศาสนาของตนอยางถกต้อง
ึ
ู
็
ี
ิ
ึ
๒.๓.๒ ชักจูงให้คนในปกครองพงระลึกเสมอว่า ศาสนาเปนทพงทางจตใจของตนเองและสังคม
่
ึ
์
ิ
้
ั
ั
่
ี
ั
้
ั
๓. ลักษณะและการแสดงออกดานความจงรกภกดตอสถาบนพระมหากษตรย ดังนี
่
๓.๑ การแสดงออกทางกายตัวอยาง เช่น
ิ
๓.๑.๑ การนอมนาพระราชดํารและหลักธรรมทีปรากฏอยในพระราชกรณียกจโดยอญเชิญ
่
ู
้
ิ
ั
ํ
่
มาเป็นแบบอยางเพอปฏบติให้บงเกิดความสุขและความเจรญในสังคมไทย
ิ
ั
ื
่
่
ิ
ั
้
ั
่
ํ
้
๓.๑.๒ สอดส่อง ดูแล และปกปองการกระทาของผูไม่หวงดีทีอาจส่งผลต่อการล่วงละเมิด
ั
สถาบนพระมหากษัตริย์ในทุกรูปแบบ
็
่
่
็
ิ
่
ั
๓.๑.๓ การประพฤติตนให้เปนทหารทีดีของต้นสังกด และเปนคนทีดีของสังคมสงน ี ้
ื
คอการแสดงความจงรกภกดีต่อพระมหากษัตริยอย่างสูงสุดแล้ว
ั
ั
์
๓.๒ การแสดงออกทางวาจาตัวอยาง เช่น
่
ั
๓.๒.๑ ใช้ราชาศพท์ให้ถูกต้อง
่
๓.๒.๒ ไม่ควรนําความอนเปนพระราชกระแสไปเอ่ยอางกับบุคคลอืน
ั
้
็
ิ
๓.๒.๓ ไม่นากจกรรมในพระราชสํานกหรือในพระราชฐานไปเปดเผย
ิ
ั
ํ
ิ
๓.๓ การแสดงทางจตใจตัวอยาง เช่น
่
้
ิ
่
็
่
์
ึ
๓.๓.๑ ยดมันและเทดทูนสถาบนพระมหากษตรยเปนทีเคารพสักการะผูใดจะละเมิด มิได้
ั
ิ
ั
้
๓.๓.๒ พรอมทีจะสนองพระบรมราโชบายหรอพระราชดําร
ื
่
ิ
ั
ี
ั
ั
้
่
ี
้
ั
ั
ั
ี
ู
้
้
้
๔. นอกจากนนแล้วทหารควรจะมการแสดงออกดานความจงรักภกดตอผบงคบบญชาดวย ดงน
๔.๑ การแสดงออกทางกายตัวอยาง เช่น
่
่
ู
ํ
่
๔.๑.๑ ปฏบติตามคาสังทีถกต้องตามแบบธรรมเนียมทหารอย่างเครงครัด
ั
่
ิ
่
๔.๑.๒ ประพฤตปฏบติตามแบบอยางทีดีของผูบงคับบญชา
ั
ิ
้
ั
ั
ิ
่
่
ั
ั
ั
๔.๑.๓ สนองตอบต่อคําสังหรือนโยบายของผูบงคบบญชาโดยไม่ลังเล
้
๔.๒ การแสดงออกทางวาจาตัวอยาง เช่น
่
่
๔.๒.๑ กล่าวยกยองสิงทีดีงามของผูบงคับบัญชาในโอกาสอันควร
ั
่
่
้
๔.๒.๒ งดเว้นหรือหลีกเลี่ยงที่อย่ในวงสนทนาซึ่งกล่าวพาดพิงถึงผู้บังคับบัญชาในทาง
ู
่
เสือมเสีย
้
ั
่
่
้
๔.๒.๓ ไม่ควรนําผูบงคบบญชาไม่กล่าวอางโดยทีท่านมิได้สังการ
ั
ั
๒๕
่
ิ
๔.๓ การแสดงออกทางจตใจ ตัวอยาง เช่น
ั
้
๔.๓.๑ เชือฟงผูบงคบบญชาเหนอตนโดยเคร่งครด
่
ื
ั
ั
ั
ั
ั
ั
่
๔.๓.๒ มีความเคารพ ยกยองและให้เกยรติแกผูบงคบบญชาทังต่อหนาและลับหลัง
้
ั
้
่
ี
้
บทสรุป
์
ื
ั
ื
ิ
่
เพอให้บรรลุภารกจในการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบนพระมหากษตริย คอการนอมนาพระราชดําริและ
ั
ํ
้
ั
ี
หลักธรรมทปรากฏในพระราชกรณียกจ อัญเชิญมาเปนแบบอยางในการปฏบติเพอให้บงเกดความสุขและความ
ิ
่
็
่
ื
ิ
ั
่
ิ
้
ู
ิ
่
เจรญในสังคม ควบคไปกับการสอดส่อง ดูแลและปกปองการกระทําของผูไม่หวังดีทีอาจสงผลต่อการล่วงละเมิด
้
่
่
สถาบนพระมหากษัตริยในทุกรูปแบบ
ั
์
่
่
สิงทีดีทีสุดทีชายชาติทหารพงกระทําตลอดเวลาหรือทุกขณะจตคอ ประพฤตตนให้เปนทหารทีดี
ึ
่
็
ิ
ื
ิ
่
่
่
่
่
่
่
ั
็
ื
ของหนวยและเปนคนทีดีของสังคม สิงนคอการแสดงออกถงความจงรักภกดีต่อพระองค์ทานอยางสูงสุดแล้ว
ี
ึ
้
ั
้
ิ
เมือใดทีทหารไดเขาถงจตวิญญาณของการเปนทหารอาชีพแล้ว การพทกษ์รักษาและเทิดทูนสถาบน
ึ
่
้
ิ
็
่
ั
ิ
พระมหากษัตรย ย่อมถอวาเปนหนาทสําคญยงเหนอสิงอนใด ซึงถอได้ว่าท่านเป็นทหารทงร่างกายและจตใจ
้
ื
ั
ิ
ั
ิ
ี
่
่
์
่
่
่
็
ื
่
ื
้
ื
ื
ู
้
่
ั
ื
็
และทหารผนนถอว่าเปนทหารอาชีพอยางแท้จริง และสามารถประกาศต่อสาธารณชนได้ว่า “ข้า คอ ทหารของชาติ
้
ั
และราชบลลังก์”
ี
่
ิ
ั
ึ
์
ั
ุ
ิ
ิ
ั
๕.๒ การปลูกฝงอปนสัยและคณลักษณะทางทหาร (ความยดมนในเกยรตยศและศกดศรีของทหาร)
ุ
บทกล่าวนา
ํ
่
อาชีพทหารเป็นอาชีพทีต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม และมีความผิดชอบต่อสังคม อาชีพทหาร
ู
ั
่
ื
่
่
ี
ื
็
ี
มีความแตกต่างจากอาชีพอนในสงคมอยางเห็นได้ชัด คอ เปนอาชพทต้องดํารงความอยรอดของบุคคลและชาติ
่
ี
่
่
อาชีพทหารเปนอาชีพทีจําเปนต้องใช้ความรนแรงในการทําหนาทเมือจาเปน และพร้อมทจะสละชีวตเพอทําหนาที ่
้
่
ิ
็
็
ื
่
ํ
็
้
่
ุ
ี
ึ
ั
่
่
่
่
้
่
ี
่
ี
ี
็
ทหารเป็นอาชพทมีเกยรติ เปนสถาบนเกาแกและเกยวของโดยตรงกับความมนคงแหงชาติ สังคมไทยจงยกยองว่า
่
ี
ั
็
้
ทหารเปนรัวของชาติ
้
่
อาชีพทหารเป็นอาชีพทีเสียสละ เพือความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ปกป้องอธิปไตยของชาติไม่ให้ผูใด
่
้
้
มารุกราน ดังนนอาชีพทหาร ต้องมีความอดทน มีความกลาหาญทงกายและใจ มีระเบยบวนย รกและเคารพ
ั
ิ
ั
ี
ั
ั
้
ั
์
ต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษตริย
บทเนอหา
ื
้
เราคงต้องยอมรับกนวาคณภาพของกองทัพไทยในสายตาของประชาชนนันได้ให้ความสาคัญกับความ
่
ุ
ํ
้
ั
เปนทหารอาชีพของทหารในกองทัพว่ามีมากนอยเพยงไร ถ้าทหารสวนใหญ่ในกองทัพมีระดับความเปนทหารอาชีพ
็
ี
็
้
่
็
่
ํ
ึ
้
ิ
่
ทีสูงแล้วกองทัพกจะได้รบการยอมรับจากประชาชนมากยงขนเพราะฉะนนกองทัพเองจึงมีความจาเปนต้องใหความ
้
้
ั
็
ั
่
็
ํ
ั
สนใจกับการทีจะสร้าง พฒนาเลยไปถงการเพิมขดความสามารถของกาลังพลให้มีระดับความเปนทหารอาชีพทีสูง
ึ
่
่
ี
่
่
่
ั
ั
ั
้
ื
สอดคล้องกบการเปลียนแปลงเพอรองรับกบภยคุกคามทีจะเกิดขึนในทศวรรษนี และ ทศวรรษหน้าสิงทีเป็นคําถาม
่
่
้
้
ื
็
ตามมากคอแล้วเราจะสรางทหารอาชีพกนอยางไร ?
ั
่
๒๖
ิ
ุ
แนวทางการปลูกฝังอปนสัย และคุณลักษณะทางทหาร
่
ความเป็นทหารอาชีพ เปนทีแนชัดวาทหารทุกนายต้องทําหนาทีต่อวิชาชีพของตนเองให้มี
่
่
้
่
็
ั
ั
่
้
ู
ิ
มาตรฐานสงสุดเท่าทีจะทําได้ เพอเปนการรักษาไวซึงประสิทธภาพของการปฏบติงาน รวมทังการรกษาไว ้
็
ิ
่
้
่
ื
่
่
ซึงชือเสียงของกองทัพไทย
้
ผูบงคับบัญชาทุกระดับชันต้องจัดให้มีการอบรมและเน้นย้าในการปลูกฝังอุปนิสัย และคุณลักษณะ
ั
้
ํ
ํ
ั
ํ
่
่
ึ
ทางทหารให้กบกาลังพลอยางสม่าเสมอ โดยให้ทุกคนสํานกวา ชือเสียง เกียรติยศกองทัพมีความสาคญกวาตัวเรา
ํ
ั
่
่
ํ
ํ
่
ทหารทุกคนต้องไม่ทาการใดๆ ทีจะทําลายองค์กร ขวัญและกาลังใจของเราเอง
ทหารเป็นผูมีเกยรติ มีศักดิศรี ดังนันควรได้รับการปลูกฝังอุปนิสัยและคุณลักษณะทางทหาร
ี
้
้
์
็
ั
ั
ิ
่
ให้มีจตวญญาณของความเปนทหารอาชีพ ซึงนอกจากความจงรกภกดีต่อชาติแล้วทหารอาชีพยงต้องมีพนฐาน
้
ิ
ื
ั
ี
อตลักษณ์ ( Identity) ของทหารอาชีพทีประกอบไปด้วย เกยรติ วนย กล้าหาญ อดทน
ิ
่
ั
ั
ุ
ึ
อดมการณ์ด้านความยดมั่นในเกียรติยศ
่
์
็
้
่
ี
่
ุ
ุ
อดมการณ์ด้านความยึดมันในเกยรติยศ หมายถง “ความเปนผูทีมีวนย ซือสัตย คณธรรม และ
ิ
ั
ึ
จริยธรรม”
ั
่
ั
ทหารปฏบติหนาทมิใช่เพอรบใช้ใคร แต่เหนอสิงใดทกคนต้องมุงรับใช้ชาติและประชาชนเปนสําคญ
่
ี
่
้
่
็
ุ
ิ
ื
ั
ื
เป็นหนาทีของพลเมืองดีและนับเป็นเกียรติประวัติแห่งตนและวงศ์ตระกูล ทีทหารทุกคนต้องภูมิใจทีเป็นแบบอย่างทีดี
้
่
่
่
่
่
่
ุ
ี
่
ของชายชาติทหารทีอทิศตนในยามแหงความเป็นความตายทประเทศต้องการ
่
่
ี
ี
้
่
ึ
โดยมีหลักปฏบติทีทหารยดมันในเกยรติยศทีสําคัญ ดังน
ั
ิ
ิ
ั
- ปฏบติตนตามหลักคณธรรม และจริยธรรม
ุ
ิ
- ปฏบติตนใหถูกต้องตามแบบธรรมเนียมทหาร
้
ั
- ภูมิใจในเกียรติและความมีวินัยของตนเอง
้
ั
- ปกครองดูแลผูใต้บงคบบญชาให้เปนผูมีวนย
ิ
ั
ั
ั
้
็
ั
ั
้
ั
ุ
- ปกครองผูใต้บงคบบญชาด้วยความยติธรรม
์
- ไม่แสวงหาผลประโยชนใส่ตนในทางทุจริต
ั
่
ั
็
ื
ั
่
ิ
ั
วินย : ความมวินย เพอให้การปฏบติงานเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ ทหารทุกนายจะต้องมีวนย
ี
ิ
ั
่
ิ
่
และปฏบติตาม คาสังของผูบังคับบัญชาโดยเคร่งครัด วินัยเป็นเสมือนเครืองมือในการดํารงไว้ซึงความมี
้
่
ํ
ั
ุ
ประสิทธภาพของการปฏบติงาน นอกจากนแล้ววนยยงเปนการบมเพาะในการควบคมและสร้างความมันใจให้กบ
่
ิ
ั
ิ
้
็
ั
่
ี
ั
ิ
้
ั
ั
่
ทหารอกด้วย การมีวินยทีดีนนทหารทกนายจะต้องเขาใจต่อกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คําสัง และแบบธรรมเนียมทหาร
้
ุ
ี
่
่
ถองแท้
๑. คณลักษณะและการแสดงออกความเปนผมวินย ดังน
ี
้
ั
ุ
ี
้
็
ู
๑.๑ การแสดงออกทางกาย โดย
ั
้
ิ
๑.๑.๑ ปฏบติตนใหถูกต้องตามแบบธรรมเนียมของทหาร
้
ิ
ั
่
็
้
ั
๑.๑.๒ ปกครองดูแลผูใต้บงคบบญชาให้เปนผูทีมีวนย
ั
ั
๒๗
๑.๒ การแสดงออกทางวาจา โดย
ํ
้
๑.๒.๑ กํากบดูแล ว่ากล่าว ตักเตือน แกไข ผูใต้บงคบบญชามิใหกระทาผิด
ั
ั
้
ั
ั
้
๑.๒.๒ หมันอบรมผอยูในปกครองเป็นเนองนจ
่
ื
ู
้
ิ
่
๑.๓ การแสดงออกทางจตใจ โดย
ิ
่
่
่
่
่
ี
ึ
ั
่
็
๑.๓.๑ พงระลึกวาวนยเปนเครืองยึดเหนยวให้หนวยอยูรวมกันอย่างมีเกียรติเหนือกวา
ิ
่
หมูคณะใดทีมิใช่ทหาร
่
่
่
ี
ุ
ั
้
่
ู
ั
๑.๓.๒ ภมิใจในเกียรติและความมีวินยของตนเองทีจะไม่กระทําผิดหรือเขาไปยงเกยวกบ
้
่
ั
กบอบายมุขหรือสิงผิดกฎหมายทังปวง
กล้าหาญ :
่
: กล้าหาญในยามสงบ : คอความกล้าหาญทีจะเรยนรู กล้าทีจะฝึกฝน กล้าทจะบาบัดทุกข์
ี
ื
้
่
ี
ํ
่
ั
ั
็
ั
่
่
บารุงสุขให้กบคนในชาติ ประชาชน การดํารงความเปนทหารทีดีทีพรอมจะปกปกรักษาชาติราชบลลังกและ
ํ
์
้
ประชาชน
่
ี
ั
้
่
: กล้าหาญในยามศก : คือ การกล้าทจะเผชิญหนากบศตรู กล้าทีจะเจ็บ ตายอยางมีสติอยาง
ึ
่
่
ั
ื
่
็
ุ
่
มันคง เพอความเปนเอกราชและความสงบสขของชนในชาติ
้
๒. คุณลักษณะและการแสดงออกความเป็นผูกล้าหาญดังนี
้
๒.๑ การแสดงออกทางกาย โดย
่
ุ
่
ั
่
๒.๑.๑ กระทําการเพอรกษาไว้ซึงพระบรมเดชานภาพแหงพระมากษัตริย หรือเพอ
ื
ื
่
์
้
ปกปองชาติ ศาสนา และเกยรติยศของทหาร
ี
่
่
่
ื
้
ั
ู
๒.๑.๒ การยนหยดทีจะกระทําในสิงทีถกต้อง แม้มีความเสยงต่ออันตรายทังปวง
ี
่
่
่
้
่
๒.๑.๓ กล้าทีจะเรียนรูสิงใหม่ ๆ กล้าทีจะฝึกฝนเพือให้ตนเองเป็นทหารอาชีพอย่างแท้จริง
่
ั
่
ี
ื
๒.๑.๔ การยนหยดต่อการรักษาไวซึงความประพฤติทเหมาะสมอยูตลอดเวลา
้
่
่
๒.๒ การแสดงออกทางวาจา โดย
่
่
้
็
ั
๒.๒.๑ สังการด้วยความห้าวหาญแม้จะตกอยูในภยนตรายกไม่แสดงความวตกให้ผูใดเห็น
ิ
่
๒.๒.๒ กล้าทจะยนหยดกระทําในสิงทีถกต้อง
ู
ื
ั
่
ี
่
ี
่
ั
่
ั
่
ั
่
ู
้
ี
ื
่
๒.๒.๓ กล้าทจะเสียงภยอนตราย เพอช่วยเหลือผูทตกอยในสภาวะอนตราย
๒.๓ การแสดงออกทางจิตใจ โดย
่
ิ
๒.๓.๑ มีสติมันคงในเวลาวกฤต
่
ุ
้
ั
๒.๓.๒ อดทนต่ออปสรรคทงปวงโดยไม่หวนเกรงต่อภยนตราย
ั
ั
ั
ิ
ํ
ึ
๒.๓.๓ พงระลกถอคาปฏญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล โดยตระหนกว่าตนเองเป็น นกรบ
ื
ึ
ั
ิ
่
่
้
ของชาติไทย จะปฏบติหนาทีอยางเต็มความสามารถเพอพทักษ์เอกราชและอธปไตยของชาติไทย
ิ
ั
ื
ิ
่
้
้
่
อดทน : ความอดทน อดกลันต่อแรงบีบคันจากการเป็นผูทีต้องรักษาวินัยและระเบียบแบบแผน
้
อย่างเคร่งครัด อดทนฝึกฝน กล่าวโดยรวมเปนการฝึกตนให้อยในกรอบ ในระเบยบวินยในทกยางกาว และทุกอิรยาบถ
ั
้
่
็
่
ู
ิ
ุ
ี
๒๘
สิงทีต้องปลกฝังในเรองความอดทน ตัวอยางเช่น
่
่
่
่
ู
ื
่
ื
่
้
่
- ทหารต้องอดทนในสิงทีผูอนอดทนได้ยาก
่
ี
่
ื
่
- ทหารต้องเสียสละในสิงทผูอนเสียสละได้ยาก
้
ั
ั
็
้
่
่
่
้
ู
ื
- ทหารต้องยนหยดประพฤติแต่สิงทีถกต้องดีงามแมสิงนนจะต้องทําด้วยความยากลําบากกตาม
๓. การแสดงออกของทหารทีเปนการแสดงออกทางพืนฐานอตลักษณ (Identity) ของทหารอาชีพ
่
์
้
็
ั
้
ประกอบดวย
้
ุ
็
๓.๑ คณลักษณะและการแสดงออกความเปนผทีซือสัตย ดังน
์
้
ี
่
ู
่
๓.๑.๑ การแสดงออกทางกาย โดย
่
ู
ํ
ิ
๓.๑.๑.๑ กระทําตามทีตนพดหรือให้คาสัตย์ปฏญาณไว้
๓.๑.๑.๒ ไม่แสวงหาผลประโยชนใส่ตนในทางทุจรต
ิ
์
็
๓.๑.๑.๓ หมันกระทําตนเปนผูเปดเผยตรงไปตรงมา
ิ
่
้
๓.๑.๒ การแสดงออกทางจิตใจ โดย
ื
ู
๓.๑.๒.๑ ไม่พดเท็จหรอพดกลับกลอก
ู
๓.๑.๒.๒ ไม่พูดแสแสร้งหรือบิดพลิว
้
๓.๑.๓ การแสดงออกทางจิตใจ โดย
๓.๑.๓.๑ ยดมันในสิงทีตนพดไวเสมอ
ึ
้
่
่
่
ู
้
ี
่
ึ
๓.๑.๓.๒ ตระหนกว่าการกระทําทสุจริตเปนสิงสะทอนให้เห็นถงความซือสัตย
่
์
่
็
ั
ี
่
ุ
ี
๓.๒ คณลักษณะและการแสดงออกของผทีมคณธรรม ดังน
ู
้
ุ
้
๓.๒.๑ การแสดงออกทางกาย โดย
่
๓.๒.๑.๑ ปฏบติต่อบุคคลอืนด้วยความยุติธรรมเสมอ
ิ
ั
ุ
้
่
่
้
๓.๒.๑.๒ ให้ความรัก ความเมตตาแกบคคลอืนเสมอหนาไม่เลือก เชือชาติ เพศ
ุ
ศาสนาฐานะ หรือความแตกต่างด้านใด ๆของบคคล
๓.๒.๒ การแสดงออกทางวาจา โดย
่
้
่
ู
่
ํ
ู
่
ั
ั
ื
๓.๒.๒.๑ ใช้คาพดทีสุภาพแกบคคลอนเสมอหนากน หลีกเลียงการพดกบบุคคลหนึง
่
ุ
บคคลใดด้วยอารมณ์โกรธ
ุ
๓.๒.๒.๒ ไม่พดในทางเสียหายลับหลังผูอน
ู
่
ื
้
๓.๒.๓ การแสดงออกทางจิตใจโดย
ู
่
่
๓.๒.๓.๑ มีความภมิใจต่อภาระหน้าทีตามตําแหนงของตน
่
่
่
ั
๓.๒.๓.๒ มีความหนกแนน มุงมันโดยไม่ยอมท้อถอย
ิ
้
๓.๒.๓.๓ มีความริเรมในการเลอกวธีการปฏบัติด้วยความรอบคอบใหเกิด
ิ
ิ
ื
่
ิ
ประสทธภาพสูงสุด
ิ
๒๙
้
ิ
่
์
๕.๓ อุดมการณในดานความรบผดชอบตอหนาที ่
ั
้
อดมการณในดานความรับผดชอบตอหนาที หมายถึง ความรบผิดชอบต่อภารกจต่อเพอนร่วมงาน
้
์
่
ุ
ื
่
้
่
ิ
ั
ิ
ั
้
ต่อผูใต้บงคบบญชาและต่อประชาชน
ั
ั
ี
้
ิ
ิ
ุ
ั
๑. ความรบผดชอบตอภารกจมีคณลักษณะและการแสดงออก ดังน
่
๑.๑ ทางกาย โดย
ั
ี
ิ
่
ิ
๑.๑.๑ ใช้ความพยายามทุกวิถทางในการปฏบติให้สําเร็จภารกจตามทีได้รับ มอบหมาย
๑.๑.๒ ทํางานด้วยความเสยสละเวลาและความสขส่วนตัว โดยไมเหนแกความเหน็ดเหนอย
่
่
ื
่
ี
ุ
็
ั
ิ
้
๑.๑.๓ ปฏบติต่อทุกภารกจด้วยการใช้สติปญญาความรูความสามารถและความกล้าหาญ
ั
ิ
๑.๒ ทางวาจา โดย
ุ
่
่
ื
ิ
้
่
ิ
ึ
๑.๒.๑ พดจาเร่งเร้าให้เกดความร่วมมือ รวมใจสรางจตสํานกแกบคคลอน
ู
่
๑.๒.๓ หลีกเลียงการกล่าวแสดงความท้อแท้ สินหวัง
้
ิ
๑.๓ ทางจตใจ โดย
๑.๓.๑ มีความภูมิใจต่อภาระหน้าทีตามตําแหน่งของตน
่
ั
่
่
่
้
๑.๓.๒ มีความหนกแนน มุงมันโดยไมทอถอย
่
ิ
ิ
๑.๓.๓ มีความริเรมในการเลือกวธีการปฏบติด้วยความรอบคอบใหเกด ประสิทธภาพสูงสุด
ั
ิ
ิ
ิ
้
่
้
่
ั
ิ
ี
๒. ความรบผดชอบตอเพือรวมงาน มีคณลักษณะและการแสดงออก ดังน
่
ุ
่
๒.๑ ทางกาย โดย
ํ
่
๒.๑.๑ ให้ความร่วมมือตามกาลังความสามารถทีจะทําได้
็
๒.๑.๒ ให้ความช่วยเหลือในคราวทีเพอนร่วมงานมีความจาเปน
ํ
่
ื
่
๒.๒ ทางวาจา โดย
่
ื
้
่
ึ
๒.๒.๑ กล่าวถงแต่สิงทีดีงามของผูอน
่
๒.๒.๒ ไม่กล่าววาจายกตนข่มผูอน
ื
้
่
๒.๓ ทางจตใจ โดย
ิ
้
่
ื
ิ
ิ
ิ
๒.๓.๑ พนจพเคราะห์ใหเห็นคุณค่าหรอความดี เพือจะได้เห็นความสําคัญทีมีอยู ในตัวของ
่
่
ื
่
เพอนร่วมงาน
่
ิ
๒.๓.๒ ไม่โอหง เยอหยง อวดดีต่อผูอืน
่
่
้
ั
้
๓. ความรบผดชอบตอผใตบงคบบญชา มีคณลักษณะและการแสดงออก ดังน
่
้
ู
้
ี
ิ
ั
ั
ั
ุ
ั
๓.๑ ทางกาย โดย
้
่
ิ
ั
ั
ั
๓.๑.๑ ประพฤตปฏบติตนในทุกโอกาสใหเปนแบบอยางทีดีแกผูใต้บงคบบญชา
่
ิ
ั
็
่
้
๓.๑.๒ ร่วมทุกข์ร่วมสุขหรือร่วมเป็นร่วมตายในเวลาวิกฤติโดยไม่ทอดทิงกัน
้
๓.๑.๓ สงเคราะหดูแลสวสดิการอย่างถกต้องเหมาะสม
ู
ั
์
ี
๓.๑.๔ ปกครองด้วยความเปนธรรมตามแบบธรรมเนยมของทหาร
็
๓.๒ ทางวาจา โดย
่
่
่
่
ํ
๓.๒.๑ กล่าวยกยองชมเชยเมือกระทาดีและอบรมตักเตือนเมือกระทําผิด หลีกเลียงการตําหน ิ
้
่
หรือดุด่าต่อหนาผูอืน
้
ู
๓.๒.๒ ตะหนักว่าวาจาหรอคําพดเปนสือทีมีผลต่อผูใต้บงคบบญชามากทีสุด
ั
ั
้
่
ั
ื
่
่
็
๓๐
ิ
๓.๓ ทางจตใจ โดย
็
้
๓.๓.๑ ยอมรับฟงความคิดเหนของผูใต้บงคบบญชาในโอกาสอันควร
ั
ั
ั
ั
ั
๓.๓.๒ ให้ความเมตตาเสมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกน
ี
้
่
ิ
ั
๔. ความรบผดชอบตอประชาชน มีคุณลักษณะและการแสดงออก ดังน
๔.๑ ทางกาย โดย
์
ั
ั
้
๔.๑.๑ ร่วมมือและสรางความสัมพนธอันดีกบส่วนราชการพลเรือน องคกร ภาคเอกชนและประชาชน
์
่
๔.๑.๒ ช่วยเหลือและมีส่วนร่วมในการแก้ไขในยามทีประชาชนประสบกับปัญหาหรือ
ิ
ั
ั
ภยพบติตามความเหมาะสม
่
๔.๑.๓ สร้างผลงานเพอให้ประชาชนเชือถือและเห็นความปรารถนาดีของกองทัพ
ื
่
ิ
๔.๑.๔ ประพฤติและปฏบติตนต่อประชาชนทัวไปด้วยความสุภาพและจรงใจ โดยเฉพาะ
ิ
่
ั
์
้
่
อยางยงต่อผูทตกทุกขได้ยากหรือผูด้อยโอกาส
ิ
่
ี
่
้
๔.๒ ทางวาจา โดย
่
๔.๒.๑ ไม่ใช้วาจาทีก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม
้
๔.๒.๒ ไม่ใช้วาจาในลักษณะยกตนขมผูอืน
่
่
๔.๓ ทางจตใจ โดย
ิ
ิ
ึ
ั
๔.๓.๑ มีความสํานกและยดมันในการปกครองระบอบประชาธปไตยอนมี พระมหากษัตรย ์
ึ
ิ
่
ทรงเปนประมุข
็
ี
๔.๓.๒ พงระลึกเสมอวาประชาชนทัวไปเปรยบเสมอนญาติของตน
ื
่
ึ
่
่
่
๔.๓.๓ ให้ประชาชนเชือมันในศักยภาพของกองบัญชาการกองทัพไทยในการปกป้อง
ิ
์
ผลประโยชน และรักษาอธปไตยของชาติ
ี
ั
้
่
ั
๔.๓.๔ ให้เกยรติกบประชาชนและสังคม โดยการเขาสมาคมกบประชาชนทัวไป ด้วยความจริงใจ
้
ู
่
่
ื
์
เพอให้เกดความรสึกวากองทัพไทยเปนของประชาชนและพร้อมทีจะยืนเคยงขางประชาชนในทุกสถานการณ
่
ิ
้
็
ี
้
๕.๔ อุดมการณในดานความเสียสละ เพอความผาสกของประชาชนและความอยูรอดของประเทศชาต ิ
์
่
ุ
ื
่
ุ
ํ
ึ
์
อดมการณในดานความเสยสละ หมายถึง การอทิศเวลา และการแสดงความกล้าหาญโดยไม่คานงถึง
ี
ุ
้
ื
้
่
ั
่
เลือดเนอและชีวตเพอการปฏบติหน้าที หรือเพือประโยชน์ของส่วนรวม
่
ื
ิ
ิ
่
๑. การอทิศเวลาเพือการปฏบตหนาทหรือประโยชนของสวนรวม มีคณลักษณะและการ แสดงออก
่
ั
ิ
่
์
้
ี
ุ
ุ
ิ
ดังน ี ้
๑.๑ ทางกาย โดย
่
๑.๑.๑ ขยนหมันเพยรในหนาทีการงาน อทิศเวลาให้แก่การทางานตลอดเวลา
ํ
ั
ุ
ี
้
่
ํ
่
ี
๑.๑.๒ ไม่ปล่อยเวลาทเหลืออยูหลังจากการทํางานประจาให้เปล่าประโยชน์ ควร ใช้เวลาว่าง
่
ให้เปนประโยชนในการเพมพนความรความสามารถใหแกตนเองและผูร่วมงานรวมทง รักษาสุขภาพร่างกาย
่
ั
้
ิ
็
้
่
ู
์
้
้
ู
่
่
ั
ู
ให้แข็งแรง อยในมาตรฐานตามเกณฑ์ทีกองบญชาการกองทัพไทยกําหนด
๓๑
๑.๒ ทางวาจา โดย
็
ั
๑.๒.๑ พดให้ชัดเจน กะทัดรดและตรงประเดน
ู
์
่
๑.๒.๒ พดเฉพาะสิงทีสร้างสรรคเพอประโยชนของส่วนรวม
ู
่
ื
์
่
ิ
๑.๓ ทางจตใจ โดย
๑.๓.๑ เปนคนตรงต่อเวลา
็
่
๑.๓.๒ พงระลึกวาเวลาเปนสิงทีมีคาไม่ควรปล่อยใหล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์
ึ
่
่
็
่
้
็
่
้
๕.๕ การสรางหนวยใหทํางานเปนทีม
้
่
หนึงในค่านิยมหลักของกองบัญชาการกองทัพไทยในประเด็นการทํางานเป็นทีม และผูบังคับบัญชา
้
็
ั
็
ั
ํ
้
่
ื
่
ึ
์
่
ให้ความสําคญเปนอยางมาก ดังนนการทางานเป็นทีมถอว่าเปนหัวใจหนงในการทํางานร่วมกน องคกรไหน หนวยงาน
ั
ไหน ทีสามารถสร้างทม พฒนาทีม ให้ทางานรวมกนได้ องคกรนน หนวยงานนันจะเจริญก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว
ั
้
่
ั
้
่
่
ํ
ี
์
ั
่
ทําไมต้องทํางานเป็นทีม แนนอนการทํางานบางอยางอาจจะทาคนเดียวได้ แต่การทํางานบางอยางต้องอาศัย
่
่
ํ
ั
ุ
การทํางานรวมกนจงจะประสบความสําเร็จ เนองจากทกคนมีความสามารถแต่ ความสามารถของทุกคนมีจากด
่
ํ
่
ั
ึ
ื
่
ั
ํ
ึ
่
ึ
การนาความสามารถของทุกคนมารวมกนจงเกดผลงานมากขน อีกทังงานบางอย่างต้องการความคิดทีริเริม
้
ิ
้
ิ
สร้างสรรคจงต้องการคนมาทางานด้วยการคดร่วมกัน งานจึงออกมาสําเร็จ
์
ึ
ํ
ื
่
การทางานเป็นทีม คอ การทบคคลตังแต่ ๒ คนขนไป มาทํางานร่วมกนเพอวัตถประสงคอยาง
่
้
ุ
ั
ึ
ื
ี
้
ุ
่
์
ํ
ั
ี
็
่
่
่
ื
เดียวกัน การทํางานเปนทีมทดี คอ ทีมต้องทํางานรวมกน โดยทุกคนในทีมจะต้องทุมความคิด ทุมแรงกาย เพืองาน
่
่
็
่
้
ี
่
็
ื
เพอความสําเรจของงาน โดยไม่ถอวาเปนผลงานของคนคนเดียวแต่ผลงานทังหมดเปนของทม ทีมทีดีควรสร้าง
่
ื
็
ั
ั
ิ
่
บรรยากาศในการทํางานให้มีความไวใจกัน เชือใจกัน มีความผูกพนกันจนกอให้เกดความรก ความสามัคคี กนในทีม
ั
่
้
ื
็
่
เมือทีมมีประสิทธภาพในการทํางานประโยชนทีได้รับกคอ การทํางานจะมีพลังอยางมากมายมหาศาล ผลงาน
่
ิ
์
่
่
ิ
ทีเกดขึนจะมีมากมาย ช่วยลดต้นทุนในการทํางาน ผลงานมีคณภาพมากขน อีกทงยงสามารถสร้างสิงใหม่ ๆ หรอ
ื
่
้
้
ั
ุ
ั
้
ึ
้
ั
่
นวตกรรมใหม่ ๆ การทํางานเปนทีมทีดีมักมีองค์ประกอบของทีมดังนี มีวัตถุประสงค์ในการทํางานร่วมกัน มีระบบ
็
ํ
่
้
่
ั
้
่
ํ
ุ
บริหารหรือการจัดการทีมทีดี มีสมาชิกทีมีคณภาพมีความสามารถในการทางานมีความรบผิดชอบในหนาที มีผูนา
่
่
ทีมทีมีประสิทธภาพมีภาวะผูนาทีดี
ํ
ิ
้
ุ
บทสรป
้
่
่
การทํางานเปนทีมเปนหัวใจหลักของทหาร เพือเป็นการรูจักแบ่งมอบหน้าทีแบ่งงานให้เหมาะสมกับ
็
็
ิ
ั
้
ู
่
่
ิ
ั
ความสามารถของแต่ละคน และรจกใช้หนวยปฏบติภารกจตามขีดความสามารถของแต่ละหนวยทีมี จะทําให้
่
ทุกคนทํางานได้เต็มศกยภาพของแต่ละคนและแต่ละหนวย ยอมเกิดประสทธิภาพในการทํางานอยูแนนอน
่
่
่
ั
่
ิ
นอกจากนนแล้วการทํางานเปนทีม ยังเป็นการสร้างความสามัคคีในหมูคณะ รวมทังเป็นการพัฒนาผูใต้บังคับบัญชา
็
้
้
ั
้
่
ั
ให้มีความรับผิดชอบต่อการปฏิบติหนาทีตามคําสังของผูบงคับบญชา และกล้ายอมรบผลหากเกดความผิดพลาด
่
ิ
้
ั
ั
้
ั
่
่
้
ั
้
่
ิ
ในการปฏบติหนาที อนจะส่งผลในการสรางความมันใจต่อผูใต้บงคับบัญชาในการปฏิบัติงาน เป็นการสร้างภาวะ
ั
้
ั
ั
้
ั
ี
ั
ั
ผูนาให้กบผูใต้บงคบบญชาอกด้วย
้
ํ
๓๒
ิ
ั
ั
๕.๖ การปลูกฝงคานยมของกองบญชาการกองทพไทย
ั
่
่
่
้
ิ
่
ิ
่
ิ
ั
้
ตามทีกล่าวมาแลว ในประเด็นคานยมในส่วนของกองบญชาการกองทัพไทย มีทังคานยมและคานยม
ิ
ื
หลัก โดยคานยมคอ RTARF
่
ํ
่
ั
ั
ิ
่
ั
R : Respect หมายถึง ความจงรักภกดีและการปฏบติตามคาสังอยางเคร่งครด
ั
่
T : Teamwork หมายถึง การปฏบติการรวม
ิ
์
A : Altruism หมายถึง การเห็นแก่ประโยชนส่วนรวม
R : Responsibility หมายถึง ความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติงานและสังคม
่
ื
F : Faith หมายถึง การสร้างความเชือถอศรัทธา
็
ื
่
่
ิ
ั
่
้
ึ
และคานยมหลก (Core Values) เพอให้มีความเป็นมาตรฐานสากลยงขนและเปนลักษณะเฉพาะของ
ิ
ั
ั
็
กองบัญชาการกองทัพไทย ประกอบด้วย ความเปนทหารอาชีพ (Professionalism), ความจงรกภกดี (Loyalty),
็
ความกลาหาญ (Courage) และการทํางานเปนทีม (Teamwork)
้
ื
็
่
์
คานยมหลักเปนองคประกอบพนฐานทสําคญอนหนงขององคกรซึงจะบงบอกถงพฤติกรรมทีพึง
้
์
ึ
่
่
ึ
ั
ี
่
ั
ิ
่
่
ประสงค์ว่าต้องการ ให้บคลากรทุกคนในองค์กรประพฤติปฏบติตนอย่างไรคานยมหลักของกองบญชาการ
ั
ั
ิ
่
ุ
ิ
่
่
็
ํ
ั
ํ
ั
้
่
ึ
็
์
ื
่
กองทัพไทย กาหนดขนเพอให้เปนพฤติกรรมทีพงประสงคของกองบญชาการกองทพไทย เปนสิงทีกาหนดให
้
ึ
ั
่
ุ
่
่
ํ
กาลังพลทกนายทีปฏบติงานในกองทัพไทย มีพฤติกรรมในการประพฤติปฏิบัติตนทีเป็นอันหนึงอันเดียวกันค่านิยม
ิ
ั
ั
หลักนเปนส่วนประกอบหนงทีสําคญในการผลกดันให้กองบญชาการกองทัพไทยสามารถบรรลุซึงวิสัยทัศนทีกาหนด
่
ั
ี
้
ํ
่
่
์
่
็
ึ
่
็
่
ั
และเปนรากฐานในการปรบเปลียนวฒนธรรม องค์กรทีไม่พงประสงค์ของกองบญชาการกองทัพไทยไปสวัฒนธรรม
ึ
ู
ั
ั
่
์
่
องคกรทีดีต่อไป
่
คานยมหลกในการปฏบัติ ค่านิยมหลักเป็นพฤติกรรมทีสร้างคุณค่าพืนฐานและเกียวข้องกับกําลังพล
่
้
ิ
่
ิ
ั
้
่
ี
้
ของกองบญชาการกองทัพไทยทุกนายทีจะได้รับการเตรยมความพรอมใหยอมรับในความรับผิดชอบของตนเอง
ั
ั
้
ั
และสามารถคิดได้อยางรอบคอบเกยวกบผลทีจะตามมาอนเกิดจากการกระทําของตนและพรอมรบผิดของ
ั
่
ี
่
่
การกระทําอันนน คานยมหลกทีกําหนดขึนนี จะมีพฤติกรรมบ่งชีกํากับเพือนําไปสูการประเมินผลพฤติกรรมการ
้
ั
้
่
ิ
ั
้
่
่
่
้
ั
ิ
์
่
์
้
ํ
ิ
ิ
ั
ปฏบติของกาลังพลแต่ละนายได้อย่างชัดเจน และให้สอดคล้องกบพนธกจหรือหนาทและวสัยทัศนขององคกร
ี
ั
ุ
ํ
้
่
่
โดย กองบญชาการกองทัพไทย มีหนาที ควบคม อานวยการ สังการและกํากับดูแลการดําเนินงานของส่วนราชการ
ั
ั
ํ
ั
ิ
ํ
้
ี
ในกองบญชาการกองทัพไทยในการเตรียมกาลัง การปองกันราชอาณาจักรและการดําเนนการเกยวกบการใชกาลัง
้
่
ั
้
ํ
่
้
ิ
ู
ทางทหารตามอานาจหนาทีของกระทรวงกลาโหมใหเกดประสิทธภาพสงสุดรับผิดชอบวางแผน พฒนา และ
ิ
ดําเนนการเกยวกบระบบควบคมบงคบบญชากองทัพไทย ให้สามารถเชอมโยงและแลกเปลียนข้อมูลระหว่าง
่
ั
ั
ุ
ั
ื
่
ิ
ั
่
ี
่
่
หนวยงานต่างๆ ทังในระดับรัฐบาล กระทรวง และหนวยงานในกระทรวงกลาโหมตลอดจนแบงมอบความ
้
่
่
ิ
์
ิ
่
ั
้
ํ
ี
รับผิดชอบในการดําเนนการ ให้กบกองทัพและสวนราชการทีเกยวของและได้กาหนดวสัยทัศน ดังน ้ ี
่
ั
้
ั
ั
“กองบญชาการกองทพไทย เปนกองบญชาการร่วมในการปองกนประเทศ ปกปองสถาบนพระมหากษัตรย์ และ
ิ
็
ั
ั
้
่
่
ควบคมการปฏบติการของเหล่าทัพอยางมีประสิทธภาพ มีความทันสมัย เปนทีเชือมันศรทธาของประชาชน
่
ิ
ั
็
่
ิ
ุ
ั
และมตรประเทศ”
ิ
๓๓
่
๕.๗ การอบรมในเรืองวินยทหาร
ั
่
ื
ี
ํ
่
คาวา “ วินยทหาร” คอ การทีทหารต้องประพฤติตามแบบธรรมเนยมของทหารและกฎหมายของ
ั
บานเมือง
้
ี
้
ํ
ํ
่
ื
่
ํ
ํ
ํ
ี
ั
คาวา “ แบบธรรมเนยมของทหาร ” คอ บรรดากฎข้อบงคบ ระเบยบคาสัง คาแนะนา คาชีแจง และ
ั
สรรพหนงสือซึงได้บญญัติไว้เพอเปนหลักฐานให้ปฏบติ
ั
ิ
่
ั
่
ื
ั
็
ั
ั
วินยทหารสําคญอย่างไร
้
ู
่
็
ึ
้
๑. เปนเครืองควบคมหมูทหารใหตังอยเปนปกแผ่น ประดุจโครงเหล็กอนยดตัวไม้ต่างๆ ไวมิให้กระจด
็
ั
่
่
ึ
ั
ุ
้
ั
กระจายออกจากกน
ั
ั
้
ั
้
่
ิ
ั
็
ี
่
ั
ิ
๒. เปนเครืองใหทหารปกครองบงคบบญชากนได้ และให้สามารถปฏบติหนาทของตนได้ผลดีจรง ๆ
่
ี
่
ึ
ี
็
๓. เปนเครืองให้ทหารมีความสามัคคกลมเกลยวเปนอนหนงอันเดียวกัน โดยความสงบเรียบร้อยไม่
ั
็
กาวก่ายลักลัน
่
้
้
้
๔. เปนเครืองใหทหารมีกาลังเขมแขงสามารถมีอานาจเป็นทีเกรงขามของขาศก ศตรู สามารถปองกัน
็
้
่
ํ
่
ํ
ั
ึ
้
็
์
ู
ั
รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริยและรฐธรรมนญ ให้มันคงถาวรได ้
่
ั
ื
ั
่
๕. เปนเครืองประดับของทหาร ทาให้ทหารเป็นทหารทีดีมีเกยรติยศเกยรติศกดิ เปนทีรักใคร่นยมนบถอ
์
ํ
่
ิ
่
็
็
ี
ี
และเปนทีเชือถอไว้วางใจของประชาชน
่
่
ื
็
ั
ั
่
ู
ั
่
็
ั
ุ
วินย เปนหลักสําคญทีสุดสําหรับทหาร เพราะฉะนนทหารทกคนจักต้องรกษาโดยเครงครดอยเสมอ
ั
่
้
ั
้
้
ื
้
ผูใดฝ่าฝืนให้ถอว่าผูนนกระทําผิด
่
ั
ตัวอยาง การกระทําผิดวนยทหาร มีดังต่อไปน ี ้
ิ
๑. ดือ ขดขน หลีกเลียงหรือละเลย ไม่ปฏบติตามคาสังผู้บังคับบัญชาเหนือตน
ิ
ั
ื
่
่
ั
้
ํ
้
้
่
้
ี
ั
๒. ไม่รกษาระเบยบการเคารพระหวางผูใหญ่ผูนอย
๓. ไม่รกษามารยาทให้ถูกต้องตามแบบธรรมเนียมของทหาร
ั
่
๔. กอให้แตกความสามัคคในคณะทหาร
ี
่
้
้
๕. เกยจคร้าน ละทิง หรือเลินเล่อต่อหนาทีราชการ
ี
ํ
๖. กล่าวคาเท็จ
๗. ใช้กริยาวาจาไม่สมควร หรือประพฤติไม่สมควร
ิ
ั
ั
ั
๘. ไม่ตักเตือนสังสอน หรือลงทัณฑ์ผูใต้บงคบบญชาทีกระทําผิดตามโทษานุโทษ
้
่
่
ึ
๙. เสพเครองดองของมึนเมาจนถงเสียกริยา
่
ื
ั
้
๑๐. ไม่ปฏบติตามกฎหมายของบานเมือง
ิ
ทัณฑ์ทีจะลงแกผกระทาผดตอวินยทหาร กาหนดไว ๕ สถาน คอ
่
้
ื
่
ั
ํ
่
ํ
ิ
้
ู
๑. ภาคทัณฑ์
๒. ทณฑกรรม
ั
๓. กก
ั
ั
๔. ขง
ํ
ั
๕. จาขง
๓๔
ํ
้
้
ื
ั
ั
ภาคทณฑ์ คอ ผูกระทาผิดมีความผิดอนควรต้องรับทัณฑ์สถานหนงสถานใดดังกล่าวมาแลว
ึ
่
์
้
ั
้
ี
ั
ื
ึ
้
แต่มีเหตุอนควรปราน จงเปนแต่แสดงความผิดของผูนนให้ปรากฏ หรอใหทําทัณฑบนไว้
็
ํ
่
่
ื
ิ
ั
่
ทัณฑกรรม คอ ให้กระทาการสุขา การโยธา ฯลฯ เพมจากหนาทีประจําซึงตนจะต้องปฏบติอยูแล้ว
่
ิ
้
่
่
ํ
หรือปรบให้อยูเวรยามนอกจากหนาทีประจา
้
ั
กก คอ กักตัวไวในบริเวณใดบริเวณหนงตามแต่จะกาหนดให้
่
ึ
ื
ํ
ั
้
ํ
่
ขัง คอ ขงในทีควบคมแต่เฉพาะคนเดียว หรือรวมกนหลายคน แล้วแต่จะได้มีคาสัง
ื
ุ
ั
ั
่
้
ู
่
ํ
ํ
ื
ื
จาขัง คอ ขังโดยส่งไปฝากใหอยในความควบคมของเรอนจาทหาร
ุ
สาระสําคญของคาสังกองบญชาการกองทัพไทยที ๑๔๙/๒๕๖๑ เรือง การตรวจและกวดขันวินัยของกําลังพล
่
ั
ั
ํ
่
่
สังกด กองบญชาการกองทัพไทย
ั
ั
ิ
ิ
ํ
๑. การปฏบตตนของกาลังพล
ั
่
๑.๑ การแตงกาย
ํ
่
้
่
่
ื
ี
ู
๑.๑.๑ แต่งเครองแบบให้ถกต้องตามทกาหนดไวในกฎกระทรวงของการแต่งกายทีแต่ละ
้
้
้
ึ
ั
ึ
้
เหล่าทัพกําหนด การสวมเสือกนหนาวใหรูดซิบขนมาจนถงกระดุมเม็ดที ๒ ของเสือเครื่องแบบด้านในและ
่
้
ั
่
สวมหมวกทุกครง เมืออยูนอกอาคาร
่
่
ิ
่
๑.๑.๒ ติดบตรแสดงตนไว้ทีเครืองแต่งกาย ทกชนดในลักษณะทสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
่
ี
ุ
ั
ั
้
ํ
้
และจะต้องพกบตรประจาตัวขาราชการติดตัวไวตลอดเวลา
ื
๑.๑.๓ ห้ามนาเครืองประดับ หรืออปกรณ์อนใดทีทางราชการไม่ได้อนญาตมาประดับกบ
่
ั
ํ
ุ
่
ุ
่
่
ื
เครองแบบ เช่น นําพวงกุญแจ กล่องแว่นตา มาติดทีหูกางเกงหรือเข็มขัด เป็นต้น
ิ
่
๑.๑.๔ การแต่งชุดกฬา หรอชุดวอร์ม ในวันปฏบติราชการใหแต่งเครืองแบบและนาชุดกฬา
ั
้
ี
ี
ื
ํ
ี
่
้
มาเปลียนกอนการเล่นกฬาหรือตังแต่เวลา ๑๒๐๐
่
๑.๒ ทรงผม
ํ
๑.๒.๑ กาลังพลหญิงห้ามปล่อยผมยาวประบ่า หรือปรกบ่าจนปิดอินทรธนู กรณผมยาว
ี
้
้
ี
ั
้
ให้รวบและขมวดปลายผมใหเรียบร้อย ห้ามไว้ผมเปย ผมทรงหางม้า โดยยอมสีผมได้เฉพาะสีดําเท่านน
ํ
้
๑.๒.๒ กาลังพลชาย ใหตัดผมข้างขาว ความยาวด้านบน ๒-๓ ซม. ห้ามไว้หนวดและเครา
ั
ู
ิ
้
่
ํ
๑.๓ การแสดงความเคารพ ปฏบติตามคมือการฝึก/แบบฝึกพระราชทาน ผูที่มียศต่ากว่าต้องทํา
้
้
้
่
ความเคารพผูทีมียศสูงกวา และผูทมียศสูงกว่าต้องทําความเคารพตอบ ถายศเสมอกันหรอถาไม่แนใจว่าใครมีอาวโส
ื
่
ุ
ี
่
่
้
สูงกว่าต้องทาความเคารพซึงกนและกน
ั
่
ํ
ั
่
ิ
ั
ิ
ิ
๑.๔ การปฏบตราชการ การปฏบติราชการตรงตามเวลาทีทางราชการกําหนด ห้ามใช้เวลา
ั
่
ื
ราชการไปหาความสําราญส่วนตัว หรอเสพเครืองดองของเมา หรือกระทาการใด ๆ อนส่อไปในทางทีจะเสือมเสีย
ั
่
่
ํ
่
ชือเสียงแก่ทางราชการ
่
่
๑.๕ การขับขีและโดยสารยานพาหนะ ภายในพืนทีของส่วนราชการใน กองบัญชาการ
้
ั
ั
ิ
ิ
่
ิ
ั
ู
กองทัพไทย ใช้หมวกนรภยสีเขียว, ทร. ใช้หมวกนรภยสีขาว และ ทอ. ใช้หมวกนรภยสีเทา ขณะอยในยานพาหนะ
้
่
ื
ี
่
ต้องสวมหมวกประกอบเครองแบบให้เรยบรอย ปฏบติตามเครองหมายจราจร และคําสังของ สห. โดยเคร่งครัด
่
ิ
ั
ื
๓๕
ั
ั
ิ
ึ
ิ
๑.๖ พงระมดระวังการใช้คอมพิวเตอร์และโทรศพท์ มิให้เกดการกระทําความผดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วย
์
่
่
้
ิ
การกระทําความผดเกียวกับคอมพิวเตอร พ.ศ. ๒๕๕๐ และทแกไขเพมเติม
ิ
ี
่
๒. การรักษาวินย
ั
้
๒.๑ ให้ผูบงคบบญชาทุกระดับชันมีหนาทีดูแล กวดขันและจัดการอบรมกาลังพล
ั
ั
้
ํ
ั
่
้
่
๒.๒ พัน สห.สน.บก.บก.ทท. และส่วนราชการใน บก.ทท. ทีมี สห. ในอัตรา ทําการตรวจวินัยทหาร
ิ
่
ั
ั
ื
้
ํ
่
่
่
้
ประจําวน ณ ช่องทางผานเข้า-ออก ของพนทีทีรบผิดชอบ หากพบวากาลังพลผูใดกระทําความผดหรอละเลย
ื
ี
ิ
ั
ู
ั
ิ
ไม่ประพฤติปฏบติให้ถกต้องตามระเบยบวนย เช่นการแต่งกายและการแสดงความเคารพเป็นต้นให้ สห. ดําเนินการ
่
ตักเตือน จดชือและสังกด
ั
บทสรป
ุ
็
้
่
ั
่
ิ
ี
่
ทหารกบวนยเปนของคกันเพราะทหารจะได้ชือวาเปนทหารทีดี หรือกองทัพจะมสมรรถภาพ เขมแข็ง
่
ู
็
ั
่
ิ
ั
่
ึ
ั
หรอการรบจะประสบชัยชนะ ส่วนหนงยอมขนอยกบการทีทหารมีวนยดี คอปฏบติตามวนยอย่างเคร่งครัดในยาม
ิ
ื
ั
้
ึ
่
ิ
ั
่
ู
ื
ิ
่
่
ิ
่
ั
ึ
ั
ั
สงครามหากทหารพากันขาดวินยเสียหมดกองทหารก็คงมีสภาพไมผิดกบหมูโจรวนยจงเปนสิงจาเปนอย่างยง
็
ํ
็
่
ํ
่
็
ั
่
้
่
็
ั
ิ
่
ํ
สําหรบทหาร เมือวนยเปนสิงจําเปนสําหรับทหารจึงจาเปนทีจะต้องมีการอบรมหรือฝึกฝนอยูเสมอ ดังนน กาลังพล
็
ั
ั
ของกองบญชาการกองทัพไทยทุกคนควรได้รับการอบรมวินัยและแบบธรรมเนียมของทหารเป็นประจําและต่อเนือง
่
่
ั
้
ิ
โดยแฝงไวในโอกาสทีสําคญ ๆ เช่น การฝกอบรมวนย, การศึกษาในหลักสูตรต่าง ๆ เปนต้น
ั
็
ึ
ุ
๕.๘ การปลูกฝงคณธรรมและจริยธรรมทหาร
ั
ุ
ํ
ํ
คณธรรมเป็นเรืองนามธรรมของการทําความดี ทียากจะให้คาจากดความ และมีมากมายต่าง ทัศนะ
่
ั
่
้
ต่างระดับ คณธรรมทีเป็นพืนฐาน ขอยกตัวอย่าง ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหัวรัชการที ๙
่
ุ
่
่
่
่
่
ุ
เมือ ๕ เมษายน ๒๕๒๕ ทีทรงพระราชทานคณธรรมไว้วา
ื
่
ิ
่
ั
ี
ั
ี
"ประการแรก” คอ การรกษาความสัจ ความจรงใจตอตนเอง ทจะประพฤติปฏบติแต่สิงทเปนประโยชน ์
่
็
ิ
่
็
และเปนธรรม
ั
่
้
ั
่
ื
่
้
ิ
่
“ประการทีสอง” คอ การรูจกขมใจตนเอง ทีจะประพฤติปฏบติอยูในความสัจความดีนัน
่
้
ั
ื
่
“ประการทีสาม” คอ การอดทน อดกลน และอดออม ทีจะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าด้วย
เหตุประการใด
้
ั
ื
ุ
่
่
่
ิ
ั
“ ประการทีสี ”คอการรู้จกละวางความชัว ความทจรต และรู้จกสละผลประโยชน์ส่วนนอยของตน
้
์
เพอประโยชนส่วนใหญ่ของบานเมือง
ื
่
้
ี
ุ
่
้
่
คณธรรมสีประการน ถ้าทุกคนพยายามปลูกฝังและบํารุงให้เจริญงอกงามขึน โดยทัวกันแล้ว
จะช่วยให้ประเทศชาติ บงเกดความสุขร่มเยนและมีโอกาสทจะปรบปรุงพฒนา ให้มันคง กาวหนาต่อไป
ิ
้
ั
่
ั
ี
ั
่
็
้
ั
็
่
ี
ิ
ุ
ี
่
ี
้
่
ิ
ึ
จริยธรรม หมายถง ขอทควรประพฤติปฏบติเปนธรรมะทางใจทควบคมพฤตกรรม ความประพฤติทดี
่
ที่ชอบทีถูกทีควร เป็นเรืองของความรู้สึกในการพฒนาตนเอง ทีมุงหมาย ให้คนในสังคมอยูร่วมกันอย่างสันติสุข
ั
่
่
่
่
่
่
้
่
ิ
่
์
ดํารงชีวตอยูอยางบริบรณเปรียมไปด้วยความดีทัง กายวาจาและใจ
ู
๓๖
ุ
ั
็
ุ
้
้
้
วิชาชีพทหารนน นอกจากเปนบคคลผูถืออาวธในการปองกนประเทศ และรกษาความสงบเรียบรอย
้
ั
ั
ิ
ั
ั
้
ให้เกดขนภายในชาติบานเมืองแลว ยงต้องช่วยพฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน หากข้าราชการทหาร
้
ึ
้
้
่
ุ
ั
้
ั
็
่
ขาดหลักคณธรรมและจริยธรรมในการปฏิบติหนาทีแล้ว กอาจส่งผลกระทบต่อความมนคงของชาติ รวมทังความ
ปลอดภัยของประชาชนในชาติด้วย สังคมทีมีคนขาดคุณธรรมและจริยธรรมมาก ๆ ย่อมเป็นสังคมทีวุนวายไร้ความ
่
่
่
่
ิ
ิ
ื
สงบสุขกระทรวงกลาโหมได้กําหนดใหมีประมวลจรยธรรม เพอเปนมาตรฐานความประพฤตและเปนหลักปฏบติให ้
้
ั
็
็
ิ
ั
ิ
ั
ู
ุ
ี
การปฏบติงานเปนไปตามหลกคณธรรม และจริยธรรมตามเจตนารมณ์ของรฐธรรมนญ โดยประกาศใช้ระเบยบ
ั
็
กระทรวงกลาโหมวาด้วยประมวลจรยธรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึงเรียกว่าจริยธรรมในวิชาชีพทหาร สรุปได้ ดังนี ้
่
ิ
่
ขาราชการกระทรวงกลาโหมจักต้องยึดถอและปฏบติตามค่านยมหลกของมาตรฐานจรยธรรม ๑๔ ประการ
ิ
ั
้
ิ
ื
ั
ิ
้
ี
ดังน
์
ุ
่
้
๑. การเชิดชูและรักษาไว ซึงพระบรมเดชานภาพแห่งพระมหากษัตริยเจ้า
ั
๒. การพิทักษ์รักษา ปกปองสถาบนพระมหากษัตริย
้
์
์
๓. การรักษาไว้ซึงการปกครองในระบอบประชาธปไตยอนมีพระมหากษัตริย ทรงเปนประมุข
ั
ิ
็
่
๔. การพิทักษ์รักษาไวซึงเอกราช อธิปไตย และบรณภาพแห่งเขตอานาจรฐ
่
้
ู
ั
ํ
ึ
์
๕.การพทักษและรกษาผลประโยชนของชาติ ยดถอประโยชนส่วนรวม มากกวาประโยชนส่วนตน
์
่
ื
ิ
์
์
ั
์
และไม่มีผลประโยชนทับซ้อน
๖. การยืนหยัดทําในสิงทถูกต้องเป็นธรรม และถูกกฎหมาย
่
่
ี
๗. การให้การชวยเหลือแกประชาชนด้วยความรวดเร็ว มีอธยาศัย และไม่เลือกปฏบติ
่
่
ิ
ั
ั
่
ิ
้
๘. การให้ขอมูลขาวสารแก่ประชาชน โดยไมบดเบอนขอเท็จจรงภายใต้กรอบของกฎหมาย
่
้
ื
ิ
่
ุ
๙. การยึดมันในคณธรรม และจริยธรรม
ั
๑๐. การมีจิตสํานกทดี ซือสัตย สุจรต และรบผิดชอบ
่
่
์
ี
ิ
ั
์
ิ
ุ
่
๑๑. การมุงเนนผลสัมฤทธของงาน รกษามาตรฐาน และมคณภาพโปร่งใส ตรวจสอบได้
ั
้
ี
ี
่
ึ
ั
้
ั
๑๒. การยดมันในระเบียบ คาสัง ขอบงคบ และแบบธรรมเนยมของทหารอยางเคร่งครัด
่
ํ
่
์
่
้
๑๓. การเชิดชูและรักษาไวซึง เกียรติยศ เกียรติศักดิของทหาร
ั
่
่
ั
ั
ั
ั
ื
้
๑๔. การเชือถอผูบงคบบญชา และการปฏบติตามคาสังอยางเคร่งครด
่
ํ
ิ
่
้
ในสภาพสังคมในปจจุบนทหารอาชีพทุกนายและทุกคน ได้ปฏบติหนาทีหลาย ๆ อยางเพอความมนคง
ื
่
่
่
ั
ั
ิ
ั
ั
่
ั
ี
ํ
ั
ปลอดภยของประเทศ ดังนนการททหารจะกระทาสิงใดต้องมีฐานของกฎหมายใหอานาจไว้ และต้องใช้อํานาจ
่
้
้
ํ
่
ด้วยความเป็นธรรม โดยมีประมวลจริยธรรมในวิชาชีพทหารเป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการทีถือว่า
ื
้
่
เปนมาตรฐานสากลทสําคญของวชาชีพทหาร ทังน เพอทีทหารทหารจะได้เปนกาลังหลักทีสําคญของชาติสืบต่อไป
้
่
ี
่
่
ี
ั
ํ
ิ
็
็
ั
่
ในอนาคตตราบนานเทานาน
๓๗
ุ
บทสรป
ิ
่
้
ุ
็
ั
่
่
้
การปลูกฝังคณธรรม จริยธรรม เปนพนธกจของกองทัพไทยทีต้องทําใหทหารทุกคนของหนวยมีหนาทีต้อง
็
่
่
้
่
ั
้
ึ
้
่
ั
เข้ามารวมกันรับผิดชอบ ไม่ปล่อยใหเปนหนาทีของฝ่ายใดฝ่ายหนงโดยเฉพาะ การเอาจริงจังของผูบงคบหนวย
ในการให้ความสําคญและเห็นความสาคัญของการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม จะเป็นตัวช่วยผลักดันให้สังคมทหาร
ั
ํ
่
ุ
ั
ี
ั
ั
ิ
ตระหนกและหันมาสนบสนนส่งเสรมความเจรญงอกงามของวฒนธรรมองคกรทดี และทําให้สังคมทหารมีความกล้าหาญ
ิ
์
ั
่
ทางคุณธรรมและจริยธรรม กล้าทําสิงดีงาม ขณะเดียวกน ผูนาทางทหารต้องเปนแบบอยางทีดีให้ผูใต้บงคบบญชา
้
่
่
ํ
ั
ั
ั
็
้
เหนเปนตัวอย่างและยึดเป็นแบบอย่างให้ได้
็
็
ไม่เพยงแต่ทหารอาชีพจะต้องมีความชํานาญในอาชีพของตนและความพรอมทีจะปฏบติหนาทีของตน
ิ
้
ี
้
ั
่
่
ั
่
่
่
็
ื
่
ั
ั
่
้
่
อยางเต็มทีแล้วสิงทีสําคญยงทีจะคอยควบคุมและกําหนดให้ทหารคนนนเปนทหารอาชีพนนคอจรรยาบรรณ
้
ิ
้
ี
้
ิ
ึ
้
็
ั
ของความเปนทหาร ทังนเพราะจรรยาบรรณ จะหมายถึง ขอพงปฏบติหรือประมวลความประพฤติทีผูประกอบอาชีพ
่
้
้
การงานแต่ละอาชีพกําหนดขึนเพือรักษาและสงเสริมเกียรติคุณชือเสียงและฐานะของสมาชิกอาจเขียน
่
่
่
้
้
่
ื
ี
เปนลายลักษณอกษรหรือไม่กได้ ดังนนจรรยาบรรณของทหารน่าจะมความหมายทีกระชับสัน ๆ คออาชพ
็
ั
ี
ั
็
์
่
้
ทีพรอมจะสละชีวิตและความสขส่วนตัวเพอชาติ
่
ื
ุ
ี
่
่
ั
๕.๙ สิงสําคญททหารควรปฏิบตและละเว้นการปฏบต ิ
ิ
ั
ั
ิ
่
ความประพฤติ หมายถึง ความเป็นไปทีเกียวกับการกระทํา หรือการปฏิบัติตามความประพฤติ
่
็
ของคนเรานน เปนสิงทีกระทําได้ทงทางดีและทางไม่ดี แต่โดยธรรมดาแลวคนเราจะต้องรจักควบคมความประพฤติ
่
่
้
ั
้
้
ู
้
ุ
ั
้
่
่
ั
ของตนเองใหอยในทางทดี รูจกอดกลันไม่ประพฤติในสิงทีไม่ดี
ู
่
่
้
้
ี
้
ี
่
่
่
ู
ั
้
ุ
การควบคมตัวเราใหประพฤติแต่ในทางทดีนน แม้ตนจะไปร่วมอยกับบุคคลทีประพฤติเลวทรามก็ตาม
จะต้องระงบจตไม่กระทําชัวตามอย่างเขา แม้จะถกบคคลบางพวกทีพาลขมเหง ถาเราอดกลันใยไวได้แล้ว พวกคน
้
ั
่
ิ
่
่
้
ุ
้
ู
ุ
็
่
พาลกจะหยดไปเอง ดังสมเด็จสัมมาสัมพทธเจาซึงเอาชนะพระยามารได้ กเพราะต่อสูด้วยความดีการควบคมความ
็
ุ
้
ุ
้
่
้
้
ี
ประพฤติใหอยูในทางดีงาม เปรยบเสมือนกับรังใยแมงมุมสร้างขึนได้ด้วยความลําบาก แต่พอคุมเข้าติดแล้วความ
่
้
่
็
่
มันคงเปรยบด้วยสายโซ่กไม่ปาน ลมพดแรงเทาใดกไม่ทําให้ขาดได้ดังนนทหารควรจะต้องรูวาสิงใดควรกระทํา
ั
้
ี
ั
็
่
และสงใดควรละเว้นกระทําทหารทีดีจะต้องสร้างมาตรฐานสาหรับงานด้านความประพฤติ (Conduct)
่
ํ
่
ิ
ุ
่
และบคลิกภาพ (Appearance) ทีดี
ตวอย่างสิงทีทหารควรปฏบต ิ
่
ิ
ั
ั
่
ํ
่
้
่
๑. ทหารทุกคนจะต้องกระทาหนาทีของตนเองอยางเต็มขีดความสามารถ
ี
้
้
้
้
๒. ทหารจะต้องมีความอดมน ไม่ท้อถอย ทังไม่เกยจครานบดพลิวต่อหนาทีราชการ
ิ
่
ึ
์
๓. กจใดๆทีได้รับคาสังให้ทําทีชอบด้วยกฎหมาย ต้องกระทําในทันทีและนกถงประโยชนประโยชน ์
่
ึ
่
ิ
่
ํ
่
้
็
ส่วนรวมเปนทีตัง
่
้
่
็
๔. จะต้องเปนผูมีคุณธรรมและจริยธรรม เพือเป็นกําลังหลักทีสําคัญในการดูแลปกป้องประเทศชาติ
ิ
ุ
่
่
ด้วยจตใจและการมีอดมการณ์ทีมุงมัน
่
้
่
่
่
่
่
้
๕. ทหารจะต้องอดทนในสิงทีผูอืน อดทนได้ยาก เสียสละในสิงทีผูอนเสียสละได้ยาก จะต้องรูการควรทํา
ื
้
่
้
รูการควรเวน และตองพงระลึกไวเสมอว่า จงเลอกทําในสิงทีถกต้องเสมอ แม้การกระทานนจะอยากลําบากกตาม
้
้
ึ
็
้
ํ
้
ั
ู
ื
่
่
๓๘
่
้
่
๖. ทหารจะต้องแสดงความเคารพต่อผูทีมียศสูงกว่าโดยเครงครัด
๗. ทหารต้องแต่งเครองแบบให้เรียบรอย นอกจากนจะต้องประพฤติตนให้สุภาพ ไม่ขมเหงหรือเกาะ
้
่
ี
้
ื
่
่
ื
้
กะระรานผูอน
ู
ั
่
่
๘. กจการในราชการทหาร ต้องนบวาเปนสิงทีไม่สมควรให้แพรหลาย ต้องถอว่าเปนความลับไม่ควรพด
่
็
ิ
ื
่
็
ั
็
็
้
หรือเล่าให้ผูอืนฟงเปนอันขาด เปนต้น
่
่
ั
่
ี
ตวอย่างสิงททหารควรละเว้นการกระทํา
ั
ิ
้
๑. ทหารจะต้องไม่เปนผูแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนจาการปฏบติราชการ
็
้
ุ
ุ
ี
่
๒. ทหารไม่ควรเขาไปยงเกยวกบอบายมขทังปวง
้
ั
่
้
ุ
้
ื
่
ั
่
ั
ั
้
ื
่
๓. ทหารไม่ควรกล่าววาจาไมสุภาพทังต่อหนาและลับหลังหมูเพอนฝูง บคคลอนและผูบงคบบญชา
่
ั
้
็
ั
๔. ทหารไม่ควรกล่าวเทจต่อผูบงคบบญชาหรอในเรืองทีเกยวกบราชการทหาร
่
่
ั
ี
่
ื
ั
๕. ทหารจะต้องไม่กระทําผิดกฎหมายของบานเมือง
้
่
ี
๖. ทหารไม่ควรเกยจคร้านการงาน และไม่ใช้จ่ายสุรุยสุร่ายจนเกินควร
่
ั
ั
ั
ั
็
ั
้
ํ
๗. ทหารไม่ควรมวสุมหรือติเตียนเกียวกับงานราชการ หรือคาสังของผูบงคบบญชาเปนอนขา
่
่
่
้
้
็
ั
๘. ทหารไม่ควรละทิงหนาทีความรบผิดชอบโดยพละการ เปนตัน
บทสรป
ุ
ั
็
่
่
่
ทหารถอได้ว่าเปนองค์ประกอบหนึงของสังคมไทยทีอยคูกับคนไทยมานาน จนกลายเปนสถาบนหนง
ื
ู
็
่
ึ
่
ั
่
่
่
ั
ของสงคม ทีได้รับความศรทธา ความเชือถือและความเลือมใสจากคนไทยทุกยุคทุกสมัย ในฐานะทีเป็นความหวัง
่
ั
่
้
และเปนทีพงของพวกเขาในยามทได้รับความเดือดร้อนทังจากภยพบติและการถกกดขีข่มเหงรังแกดวยความ
้
่
ู
ิ
ี
ั
่
็
ึ
่
ื
่
้
ู
่
ู
อยติธรรม ซึงทหารทกคนได้รับรและภมิใจทได้ กระทําเพอบานเมืองและประชาชนตลอดมา
้
่
ุ
ุ
ี
ั
ี
ํ
กาลังพลของกองทัพไทยในปจจุบน ประกอบด้วยกลมคนหลากหลาย Generation ท่ต่างก็มี
่
ั
ุ
่
่
่
อตลักษณเฉพาะตน (Identity) ทมีทัศนคติ มุมมองและความคดทีแตกต่างกนไปแต่สิงทีจะทําให้กองบญชาการ
ี
่
ั
ั
์
ั
ิ
ั
่
ู
้
ุ
้
กองทัพไทยดํารงอยได้ ผูบงคับบญชาทุกระดับชันจะต้องสร้างมาตรฐานความประพฤติ (Conduct) และบคลิกภาพ
ั
ํ
้
้
(Appearance) ใหกับกาลังพลของหน่วยใหมีประสทธิภาพ
ิ
็
่
ความประพฤติเปนสิงสําคญของทหาร เพราะความประพฤติตลอดจนมรรยาททีดีของทหารย่อมเป็น
่
ั
่
่
่
้
ื
ิ
ั
พนฐานของการมีวนยทีดี เมือทหารทุกคนมีวินยทดีแล้ว ยอมทําให้หนวยทหารและกองทัพตังอยในความเป็น
่
ี
ั
้
ู
่
่
ระเบียบเรยบร้อยและอยูในระเบยบวนยโดยเครงครัด ในทางตรงกนขามถาทหารประพฤติไม่อยในวนยอนดี ความ
ิ
้
ู
่
่
่
ี
ั
ั
ิ
้
ี
ั
ั
่
้
่
เสือมเสียยอมกลับมาสูกรมกองของตน ทําให้ทหารซึงอยูในกรมกองเดียวกันนันเสือมเสียไปด้วย แม้แต่
่
่
่
่
่
้
ั
่
ึ
ี
ั
้
้
ั
่
ั
่
ึ
็
ผูบงคบบญชากพลอยจะเสยหายไปด้วย เพราะขนชือวาทหารแล้วยอมกินความหมายถงทหารทวไปทังหมด
ี
ั
ั
๕.๑๐ การปลูกฝงความสามคคในหมทหาร
ู
่
๑. ความสามัคคีคออะไร ?
ื
ั
ความสามัคค คอ การรวมกาลังกบคนอืน เพอทํากิจการอย่างใดอย่างหนึงด้วยความพร้อมเพรียง
่
ื
ี
ํ
่
่
ื
กนให้สําเรจสมประสงค ์
็
ั
ํ
ั
ื
้
๒. การรวมกาลังกบคนอนนนอย่างไร ?
่
ั
๓๙
่
ื
็
้
ั
ํ
การรวมกาลังกบคนอนนนเปนสิงจําเปน เพราะเรายอมทราบถึงกฎธรรมดาโลกอยูแล้วว่า คนเรา
่
่
ั
่
็
็
ู
ื
ั
ั
ั
่
ํ
่
้
ี
ุ
จะอยในโลกนแต่ลําพงไม่ได้ จาเปนต้องคบหาสมาคมกบบคคลอน ๆ ตามควรแต่เหตุการณ์ ต้องอาศยกําลังและ
ั
ความคดซึงกนและกน จะถอวาไม่ต้องอาศัยใครเลยไม่ได้ ความเป็นไปของมนุษย์ย่อมมีกิจการงานเกียวข้อง
่
ิ
่
ั
ื
่
ิ
ั
ื
่
่
ื
่
ต่อเนองกันอยูเสมอ คน ๆ เดียวย่อมไม่สามารถจะทํากจการใด ๆ แต่ลําพงตนเองได้ทุกอยาง หรอเสมอไปเพราะ
่
ิ
่
้
ี
่
ู
ี
ํ
ุ
่
ํ
กาลังกาย และความคดทมีอยในตัวบคคลนันยอมมีขดจากัด จะใช้กําลังหรือความคิดให้มากเกินไปกว่าทีมีอยู ่
่
่
ื
่
ื
ิ
ี
่
ั
ิ
ั
ตามธรรมชาตนนไม่ได้ นอกจากจะได้เพมเติมมาจากคนอน คอการรวมกําลังกบคนอืนจึงจะเพมขดความสามารถ
ิ
้
ี
ทํางานใหญออกไปได้อก
่
่
ํ
ั
ิ
ั
้
็
้
ํ
้
กาลังทีรวมกนนนอาจเปนกาลังกาย กาลังความคดเห็น กาลังความรูสุดแต่ผูใดจะมีกําลังอย่างใด
ํ
ํ
้
ั
ี
่
ึ
้
ั
็
ํ
ั
ั
่
ิ
ํ
แล้วใช้กาลังความสามารถทีตนมีร่วมกนปฏบติงานด้วยความพรอมเพรยงกน เปนนาหนงใจเดียวกนโดยไม่มีการ
วิวาทบาดหมางกัน
ั
้
่
ิ
ํ
้
การรวมกาลังนนมีทังสิงมีชีวิตและไม่มีชีวต อยาวาแต่มนุษย์เลยแม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ยังรูจัก
้
่
่
ั
่
ื
รวมกาลังกนจงดูรงมดแดงเถิดวามันใหญโตเพียงใดเมอเทียบกบตัวมดซึงเล็กนดเดียวลําพงมดตัวเดียวจะสามารถ
ั
่
่
ํ
ิ
่
ั
ั
่
ทํารงใหญ่โตเช่นนนหาได้ไม่มันกสรางได้สําเร็จด้วยการรวมกาลังของพวกมันจํานวนมากสิงทีไม่มีชีวิตเช่นปอแต่ละเส้น
้
่
ั
ั
ํ
้
็
่
มีความเหนยวนอยดึงคอย ๆ กขาด แต่ถ้าเอาปอหลาย ๆ เส้นมารวมกนขวนเปนเชือกกกลายเปนสิงทีเหนยวมาก
็
่
้
็
็
่
ี
็
้
ั
ั
ี
็
เครืองไม้แต่ละชินประกอบกันเปนบานช่องทีใหญ่โตมันคงได้ กรวด หิน ปูน ทราย เอามารวมกันตามสัดส่วน
้
้
่
่
่
่
็
ู
ประกอบเข้าเปนตึกรามใหญ่โตแข็งแรงทนทานได้ปลวกตัวเล็ก ๆ รวมกาลังกนสามารถสร้างทีอยได้ปานภเขา
ํ
ู
่
ั
ี
ั
ั
ื
่
้
็
ี
ั
์
่
แมลงผึงตัวเล็ก ๆ สามารถสร้างรงได้อย่างอศจรรย ดังนเปนต้น นคอผลของการรวมกําลังซึงมีทงสิงมีชีวิต
้
่
้
่
ิ
และสงไม่มีชีวิต
้
๓. ความพรอมเพรยงเปนอนหนงอนเดียวกนนนเปนอย่างไร ?
็
ี
็
ั
้
ั
ั
ึ
ั
่
ั
้
ั
ํ
่
ิ
ํ
ี
ี
่
ุ
ิ
กจการอนเปนหนาทของมนษย์จะต้อคดต้องทานน หามีขดจากดไม่ ยอมมีการพฒนาอยเสมอ
ั
ู
็
้
ั
่
้
้
้
่
ไม่สินสุด และมีมากมายหลายอยางทังเบาและหนก ทังง่ายและยาก เพราะฉะนันจึงมีความจําเป็นทีมนุษย์จะต้อง
่
้
ั
พรอมเพรยงกนช่วยเหลือ เพอทวกําลังความคดและความสามารถให้มากขึน จะได้บนดาลใหกจการทังหลายไม่ว่า
ิ
ี
ื
ั
ิ
ี
้
้
้
่
ั
้
่
ุ
่
ุ
้
็
้
ใหญ่นอย ยากงาย ใหบรรลผลสําเรจได้ตามความมงหมาย
ความพร้อมเพรียงกนนน นอกจากจะหมายถึงออกแรงพร้อมกน เช่น ออกแรงยกของหนกพร้อม ๆ กัน
ั
ั
้
ั
ั
้
ยงหมายถึงการทํางานตามหนาทีด้วย ใครมีหนาทอยางใดกทาหนาทอย่างนน คนมีอาชีพอยางไรกทําตามอาชีพนน
ั
้
ั
ั
ํ
็
้
่
้
่
่
ี
็
่
ี
้
่
็
้
ชาวนาก็ทํานา ชาวไรกทําไร่ ช่างกทําการช่าง พอคาก็ค้าขาย ขาราชการพลเรือนกปฏบัติหน้าทีของพลเรือน
่
่
็
่
ิ
็
้
ิ
่
ี
่
้
่
่
็
ี
้
้
็
ตํารวจกทําหนาทตํารวจ ทหารกทําหนาททหาร ไม่สับสนเกียงงอน รักษาหนาทีของตนให้ดําเนนไปด้วยดี
้
ี
ิ
ั
่
่
ประเทศชาติทีมีความพร้อมเพรยงกนอยางน ย่อมนาไปสูความเจริญมันคงของประเทศชาติ คือเปนบอเกดของ
่
่
็
ํ
่
ี
้
่
ความสุขความเจริญและเป็นสิงคุมครองป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ไปด้วย
่
ี
ื
้
ความพรอมเพรยงกน จาแนกออกเปน ๒ อยาง คอ
ั
ํ
็
- ความสามัคคทางกาย คอ การพรอมเพรียงกนทางกาย ได้แก ช่วยกนสนบสนนส่งเสริม
ุ
ั
้
่
ั
ั
ี
ื
ี
การงานของหมูคณะให้สําเร็จลุล่วงไปตามความประสงค ไม่รังเกยจเกยงงอนแกงแยงชิงดีกัน หรือแตกกันเป็น
่
่
์
่
่
ี
็
่
กกเปนเหลา
๊
๔๐
ั
- ความสามคคทางใจ คอ การพร้อมเพรยงกนทางใจ ได้แก มีใจรักใคร่หวงดีต่อกน
ี
ั
ั
ี
่
ั
ื
ิ
่
่
ั
ึ
ั
ั
่
ิ
ไม่บาดหมางเกลียดชังมีความคดเห็นกลมเกลียวเป็นอนหนงอนเดียวกัน ช่วยกนคดอานการงานของหมูคณะด้วยใจ
ิ
ั
์
ั
็
่
่
ซือตรงและหวงประโยชนเปนใหญ่ ไม่ทําความคดเห็นให้แตกต่างแกงแย่งกน หรือคิดชิงดีกันด้วยอํานาจถือทิฎฐิ
มานะ
๔. หลักการปลูกฝังความสามัคคีในหมูคณะควรปฏบติอย่างไร ?
ิ
ั
่
ู
หลักการปลูกฝังความสามคคในหมูคณะ จะต้องปลกความรักใครนบถอกันให้มีขน ได้แก
ึ
ั
ั
ี
ื
่
้
่
่
่
ุ
้
๔.๑ ต้องฝึกตนเป็นคนสุภาพออนนอม และมีเมตตากรณา
ความสุภาพอ่อนนอม หมายถึง การแสดงกิริยาเรยบร้อย เคารพต่อบุคคลอืนตามสมควร
้
ี
่
ั
้
่
้
ุ
้
่
ซึงอาการทีแสดงออกมาด้วยสุภาพอ่อนนอมนน จะบงเกิดผลดีแกตนเองและผูอน คอผูมีมารยาทสภาพ ออนนอม
้
ื
่
ั
่
้
ื
่
ิ
่
็
้
่
้
็
ั
่
ั
็
จะมีลักษณะเปนคนนานบถอ ผูใดทีได้เหนและได้รบอาการสุภาพออนนอมกจะสบายใจ มีความชืนชมยนดี
่
ื
่
การแสดงกริยาวาจาสุภาพอ่อนน้อมต่อกัน จึงนับว่าเป็นเครืองผูกมิตรให้ยืนนานและก่อความนับถือให้แก่กัน
ิ
และกน
ั
ความเมตตากรณา
ุ
ื
่
ี
เมตตา คอ ลักษณะของจิตทคดปรารถนาจะใหเขาเปนสุข ในเมอตนได้รบความสขแล้ว
ั
็
่
ิ
ุ
้
ื
็
้
้
่
ื
้
้
กอยากใคร่ให้ผูอนได้รับสุขบ้าง ความรูสึกอย่างนีจะเป็นเหตุให้มนุษย์คิดเอือเฟือเผือแผ่กัน เป็นความหวังดีอันบริสุทธ์
้
้
์
ิ
ั
ิ
ั
้
ี
่
่
ั
ื
ตรงกนขามกับพยาบาท คอ คดปองร้ายจตทฝึกให้มีความรกอนบรสุทธอยูเสมอเช่นน แม้จะเกิดความโกรธ
ี
้
ิ
ิ
ความเกลียดผูใดขน กยอมใช้ความเมตตาเตือนใจ หักห้ามใจให้รสึกเห็นใจผูอนความโกรธแคนกจะบรรเทาลงได้
่
็
้
ื
้
้
้
ึ
้
็
ู
่
่
่
ี
็
ู
้
์
ิ
้
ื
์
็
กรณา คอ ความรูสึกของจตทคดปรารถนาจะให้เขาพนทุกข เมือเหนผูใดมีทุกข กรสึก
้
ิ
ุ
้
้
้
ั
็
่
้
้
สงสาร เหนใจใคร่ช่วยเหลือใหเขาพนจากความทุกขยากนนๆ ความรูสึกเช่นน้จะส่งให้เป็นผูไม่เบียดเบียนผูอืน
้
้
ี
์
ี
กรุณานตรงกนขามกบความโหดรายทารุณ หรอการเบยดเบยน
้
้
ั
ื
ี
ี
ั
้
เมตตากบกรุณา เปนคณธรรมทมีขึนในดวงจตคกันอยูเสมอ เปนคณธรรมสําคญทีจะกอใหมี
่
ั
่
่
่
้
ู
ั
่
ี
้
ุ
ุ
ิ
็
็
่
ั
ความใคร หวงดีผูกพน ความรักใคร่ให้สนทสนม จึงสมควรทีจะฝึกอบรมให้สําแดงความเมตตากรุณาอยูเปนนิจ
่
ิ
่
็
ั
ั
่
่
็
ั
่
ู
ั
่
้
๔.๒ ประพฤติอยในธรรม อนเปนความหนกแนนมันคง ได้แก มีความซือสัตย์ต่อกน รูจกยบยังข่มใจ
ั
่
้
ั
ไม่ให้ประพฤติไปในทางไม่สมควร อดทนต่อความยากลําบากความแคนเคองใจต่าง ๆ และรูจกเสียสละสิงของ
่
ั
ื
้
้
้
ื
่
่
ของตนเพอประโยชนสุขของผูอน
์
ื
้
่
๔.๓ ละเว้นอัธยาศัยทีจะก่อความไม่พอใจแก่ผูอืน เช่น ดุดือถือดีใจร้าย โกรธง่าย ผูกใจเจ็บ
่
้
ุ
่
ู
อาฆาต พยาบาท ลบหลคณท่าน ตีเสมอ ยกตนเทียมท่าน รษยา ตระหน มีมายา โออวด ถือตัว ดูหมินเขา มัวเมา
่
ี
้
ิ
่
ประมาทเลินเล่อ
ั
้
ิ
้
ี
่
ํ
ึ
๔.๔ ประพฤติสิงทีจะปลูกความสามัคคใหเกดขน โดยปฏบติตามแนวทางทีจะยึดเหนียวนาใจกนไว้ คอ
ื
้
่
ั
่
ิ
่
้
ื
ั
ั
้
ํ
ั
่
- ผูกพนด้วยการมีนาใจเออเฟอช่วยเหลือแบงปนกน
้
ื
่
- เจรจาถอยคาไพเราะแกกน
้
ั
ํ
์
ั
- ประพฤติแต่สิงอนเกดประโยชนแก่กน
่
ิ
ั
ื
ั
ิ
- วางตนเสมอต้นเสมอปลาย คอ ปฏบติอยางไรต่อใครแล้ว ควรทําสม่าเสมอไม่ถอตัว
่
ื
ํ
่
ั
ไม่ลืมตน ไม่ยกตนขมท่าน ไม่ดูหมินกน
่
๔๑
่
ิ
๔.๕ หลักปฏบติในหมูคณะ เพอความพร้อมเพรียงกลมเกลียว ได้แก ่
่
ื
ั
ิ
่
ื
ั
- หมันประชุมกนเนองนจ
้
ั
็
- เมือประชุมก็พร้อมเพรียงกน เลิกประชุมกพรอมเพรยงกัน
่
ี
้
ั
้
ึ
ั
ื
่
้
่
- ไม่บญญัติขนใหม่ หรอไม่ถอนขอบญญัติทีหัวหนาหรือประธาน หรือทีประชุมตกลงกันไว้
้
่
ั
็
- เคารพเชือฟงผูเปนประธาน
- ไม่ลุอานาจแกความอยาก
ํ
่
- ยนดีในความสงบ
ิ
้
่
่
ิ
้
่
- ยนดีต้อนรับผูทรงคุณความดีที่จะเข้ามาสูหมูคณะ และผูทีอยูร่วมกันแล้วก็ปรารถนาให้เขา
่
อยเปนสุข
่
ู
็
๔.๖ แต่ละบคคลพยายามปฏบติตนใหเปนผูสมควรแกความรักใคร่นบถือโดยตังตนอยในศลธรรม
ุ
่
ั
็
้
ู
ี
้
่
้
ั
ิ
์
มีความซือสัตยสุจริต
่
็
ั
ั
่
่
๕. ความสามัคคีเปนสิงสําคญสําหรบทหารอยางไร ?
่
็
่
่
่
็
่
่
ี
ตามทีกล่าวมาแล้วจะเหนได้วา ความสามัคคเปนสิงจําเป็นทีจะต้องมี ระหวางเพือนมนุษย์ด้วยกัน
้
ั
ั
็
ั
่
ิ
้
้
่
ั
ู
ไม่มากก็นอย ถาจะพดสําหรับทหารโดยเฉพาะแล้วนบว่าเปนการสําคญยงนก เพราะทหารมีหนาทีปองกนรักษาชาติ
้
บานเมืองมาโดยตรง การรักษาชาตินนทราบกันอยแล้ววาเปนการใหญ่ จะต่างคนต่างรักษาไม่ได้ต้องอาศัยกําลัง
่
้
ั
้
็
่
ู
ิ
ั
้
็
ั
ั
ึ
ั
ึ
ี
็
่
่
ึ
อนเปนปกแผ่นแนนหนารวมกน เมือเกดศกสงครามกต้องทําการรบโดยพร้อมเพรยงกนจึงจะหวงเอาชนะแกขาศกได้
่
ิ
ี
่
ส่วนวชาความรนนแม้จะดีเลิศสักปานใด หรือจะมอาวธทีวเศษณ์อยางไรก็ตามกยังไม่เป็นประกันทีจะทําให้ข้าศึก
็
่
ุ
่
ิ
้
ั
ู
้
ี
้
ึ
ี
่
ี
ั
พายแพไปได้ ข้าศกกราเรยนวิชาความรูเช่นเราเหมือนกน มีสติปญญาเฉลียวฉลาด และมความสามัคคพรอมเพรยง
้
ั
็
้
ํ
ี
่
ี
เหมือนกน เมือมีเพยงวชาความรูและมีอาวธดี แต่ขาดความสามัคคแล้วจะไปสูอะไรกับเขาได้ แม้จะมีกาลังทหาร
ิ
ั
้
ี
ุ
้
ํ
่
ํ
์
ั
่
็
ํ
ให้มากสักปานใดกตาม เมือเราไม่กระทาการรบโดยพรอมเพรียงกนแล้ว จานวนมากกไม่มีประโยชนอะไร กลับจะสู ้
้
็
จานวนนอย ซึงทําการโดยความสามคคกนจรง ๆ ไม่ได้เสียซ้าเปรียบเหมือนกงไม้เล็ก ๆ เราจะหกทีละอนสักกีรอย
ั
ํ
้
ิ
้
่
ั
ิ
่
ั
่
ี
ั
ํ
กพนกยอมหักได้ โดยง่ายดาย แต่ถ้ารวมกิงไม้เล็ก ๆ นัน เข้าเป็นมัดมากอันด้วยกัน จะหักง่าย ๆ หาได้ไม่
็
้
่
ั
ี
่
่
ั
่
ิ
ํ
็
ี
ี
ตามทกล่าวมาแลวนกเหนได้วาในยามสงครามนัน ความสามคคเปนการจาเปนอย่างยง ในเวลาปกติ
่
็
้
็
่
้
้
็
ี
ั
้
ั
ี
้
เราไม่รกษาความสามัคคกนให้แนนแฟนไว้กอนแลว เราจะไปหวังปลูกสร้างความสามัคคีเอาในเวลาสงครามได้
่
่
็
่
่
่
ู
็
่
้
ั
ั
้
อย่างไร เราจะหวังในยามสงครามได้กโดยทีมีอยแล้วในเวลาปกตินนเอง เพราะฉะนนจึงจําเปนทีทหารจะต้องรักใครฅ
นบถอซึงกนและกนจึงจะเกดความสามัคคขนได้ สามารถรวมเปนร่วมตายในสนามรบด้วยกันได้ทุกเมือ เมือใครคดได้
ี
ั
ิ
่
ื
้
ั
ึ
ิ
็
่
ั
่
่
ํ
่
่
ดังนก็นับว่าปฏิบัติตรงกับคําสุภาษิตซึงกล่าวไว้ว่า “น้าพึงเรือเสือพึงป่า อัชฌาศัยเราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ
้
ี
ื
่
ปลูกอนไยปลูกไมตรีดีกว่าพาล”
๔๒
่
่
ั
ั
ิ
๖. ทหารจะปฏบติอยางไรจึงจะนบวามีความรกใครกลมเกลียวกันในหมูทหาร ?
่
่
ั
่
่
ี
ั
็
่
ั
ุ
้
ิ
ื
ื
เมือเราถอวาทหารทกคนเท่ากบเปนพนองกน สิงซึงทหารจะต้องปฏบติด้วยนาใสใจจรงต่อกนกคอ
็
ั
้
ิ
่
่
ํ
ั
๑. อยาทิงเพอนในเวลาอบจน ขอนสําคญนก เพราะเปนสิงทีแสดงให้เห็นประจักษแก่เพอนผูที ่
้
่
ื
้
่
ั
้
็
์
ื
่
ั
่
่
ี
ั
้
่
อยในทอับจนทีเดียววา เรามีความซือตรง มีความรักใคร่ต่อกันจริงไม่ใช่เป็นเพือนแต่ปาก
่
ู
่
่
่
ี
ั
่
่
ื
่
่
ื
่
๒. ต้องช่วยเพอนในสิงทีควร เช่น เห็นเพอนประพฤติการชัวร้าย เล่นการพนน เสพสุรา เกะกะ
้
ํ
้
ี
่
ี
้
้
่
ทําหนสิน ฯลฯ เหล่าน ต้องตักเตือนใหสติ แนะนาให้ละเว้นเสียเมือได้ชีโทษของการประพฤติชัวให้แลเห็นจริงจังแล้ว
่
่
่
็
้
่
ั
ู
็
กอาจจะทําให้เพอนกลับใจเปนคนประพฤติดีได้ใช่แต่เพยงเตือนสติมิให้ประพฤติในสิงทีชัวเท่านน แต่ต้องชักจงไป
ี
ื
้
ั
่
ั
่
่
ในทางทีชอบเสมอ คอ สิงใดทีผูบงคบบญชาสังสอนไวแล้ววาเปนสิงทีดี ต้องหมันตักเตือนให้ปฏิบัติตามอยูเสมอ
ั
้
่
่
่
็
่
่
ื
่
ุ
ํ
ั
ื
่
่
ั
็
้
ึ
ั
่
ี
แต่สิงใดทีไม่ควรช่วยกอยาไปช่วยเขา คอช่วยสนบสนนในทางทีผิด อนเปนการช่วยซ้าเติมใหผิดหนกขนไปอก
็
่
้
็
ํ
้
็
ี
มิหนาซ้าตัวเองกพลอยเปนผูกระทําผิด และมความผิดตามไปด้วย
ํ
้
๓. ต้องอารีอารอบ และกระทําตนเป็นผูอุปการะแก่เพือน คืออย่าใช้อารมณ์โมโหโทโสต่อเพือน
่
่
ั
ี
ึ
้
็
้
้
ิ
้
ึ
ื
ิ
็
เมือเกดการทุมเถยงกนขนบาง กพยายามระงบเสียด้วยการยอมถ้าต่างคนต่างออดึงไม่ยอมแพกจะถงววาทชกตกัน
ั
่
่
ี
ขนได้ หรือเห็นเพอนต่อเพอนทุมเถยงกันก็ต้องช่วยระงับเสีย เห็นเพือนมีทุกข์ก็พยายามช่วยเหลือดับทุกข์ เห็น
่
ึ
้
ี
ื
่
่
ื
่
้
้
่
่
ิ
็
ิ
ิ
ิ
เพอนมีความสุขกพลอยยนดีด้วยได้ยนใครเขาติเตือนเพอนก็ช่วยห้ามปราม มิใหนนทาวารายต่อไป ได้ยนเขา
่
ื
ื
่
่
่
ิ
่
ิ
ั
่
สรรเสริญเยนยอเพอนก็พลอยยนดี เห็นสิงของทรพย์สมบัติของเพือนจะเสียหายก็ช่วยป้องกันรักษา สิงใดทีควรและ
ื
่
้
ั
ั
้
ึ
ไม่เกนความสามารถ ทงเปนผลดีสําหรบเพอนกช่วยเหลอ อย่าให้เปนทีขดใจกนได้ ดังน จงจะเรยกวารูจกออารอบ
ี
้
ั
ี
็
ื
็
ื
็
่
ี
ั
ั
่
ิ
เอาอกเอาใจเพือนฝูง
่
ู
่
การปฏบติในหมทหารทัง ๓ ประการน ยอมเป็นสิงสําคัญอันจะนํามาซึงความรักใคร่กลมเกลียวกัน
่
ี
่
้
้
ั
่
ิ
ั
ึ
้
ี
็
ั
ั
่
เนนนาหนงใจเดียวกน มีความพร้อมเพรียงกน อนเปนหลักของความสามัคคในหมูทหาร ทําให้ทหารอยร่วมกนด้วย
่
ั
ํ
่
ู
้
่
้
็
้
ิ
ั
ิ
็
ิ
จตใจร่าเรงเปนสุขสามารถปฏบติหนาทีของทหารได้อย่างเขมแขง
------------------------------------------------
่
ี
่
ผนวก ก. พฤติกรรมตัวอยางทีเห็นวาเป็นพฤติกรรมทีมคุณธรรมและจริยธรรม
่
่
๔๓
ี
ั
ผนวก ก. พฤตกรรมตวอยางทีเห็นว่าเปนพฤตกรรมทมคณธรรมและจรยธรรม
็
่
ิ
ิ
่
ุ
ิ
ี
่
ั
้
ั
๑. พาผูใต้บงคบบญชาไปวดฟงธรรมและนงสมาธ ิ
ั
ั
ั
่
ั
้
ํ
ู
้
่
้
่
่
้
๒. ให้หัวหนาแผนกไปติดตามดูลูกจางทีขาดราชการไปหลายวัน ทราบวาทีบานถกนาท่วมจงทําเรือง
ึ
่
ขอความช่วยเหลือจากทางราชการและรวบรวมความช่วยเหลือขันต้นภายในหนวย
่
้
็
ื
๓. ยอมรับฟงความคดเห็นจากทกฝ่ายไม่ถอความคดของตนเองเปนใหญ่
ิ
ุ
ิ
ั
่
๔. สนับสนุนผูใต้บังคับบัญชาให้เข้าศึกษาอบรมหลักสูตรต่าง ๆ เพือเพิมพูนความรู ้
้
่
๕. แยกเรืองงานออกจากความขัดแยงส่วนตัวได้
่
้
๖. ถอว่าความสําเร็จของงานมาจากความสามารถของผูใต้บงคบบญชาทุกคน
ั
้
ั
ื
ั
้
๗. ไม่ปล่อยให้งานคงคาง ตรวจสอบขอมูลให้ถกต้องพร้อมให้ขอมูลแกผูบงคบบญชาเสมอ
้
ั
ั
้
ั
่
้
ู
ั
่
๘. ได้รับสินนาใจจากผูมาติดต่อ นาเขาเปนส่วนรวมไม่เกบไว้คนเดียว
้
็
้
ํ
็
ํ
้
๙. เก็บเงนที่ผูรับเงินทําตกไว้ คืนให้เจ้าของ
ิ
้
ั
้
๑๐. ไม่ใช้อารมณในการทางานไม่ใช้วาจาจาบจ้วงหรออารมณ์ร้ายกบผูใต้บงคบบญชา
ั
ั
ื
ั
์
ํ
่
่
ุ
ั
ั
ื
็
ั
๑๑. เปนครูของผูใต้บงคบบญชาได้ ไม่สังการหรอควบคมอยางเดียว
้
้
ั
ั
ั
่
้
้
๑๒. แสดงความชืนชมผูใต้บงคบบญชาทังต่อหนาและลับหลัง
้
ั
ั
้
้
ํ
้
๑๓. คนควาหาความรูใหม่ ๆ นามาบอกผูใต้บงคับบญชาใหรูด้วย
้
้
้
๑๔. ประดิษฐ์ดอกไม้มอบให้ลูกนองในวันเกด
ิ
ี
่
ี
้
่
่
่
้
ํ
้
ิ
่
๑๕. เยยมให้กาลังใจขาราชการทีปวย รวมทังบดา-มารดา ของขาราชการทปวยนอน รพ.
่
๑๖. สวดมนต์ไหวพระและแผ่เมตตาทกเช้ากอนเรมงาน
ุ
้
ิ
่
ิ
้
่
ํ
่
้
้
๑๗. ปกปองลูกนองทีดีเมือทางานผดพลาดในบางครัง
่
๑๘. ปฏบติงานกอนและหลงเวลาราชการ (มาทางาน ๐๗๐๐-๑๘๐๐)
ิ
ั
ํ
ั
้
่
๑๙. กล้ารบผิดชอบงานทีลูกนองทําเสมอ
ั
ั
ั
้
้
ิ
่
ั
๒๐. ต่อสูเพอให้ได้มาซึงสิทธของผูใต้บงคบบญชา
ื
่
๒๑. มาทํางานตรงต่อเวลาและไม่กลับกอนเวลา
่
็
ื
ํ
่
่
ิ
ั
ั
ํ
๒๒. ช่วยดูแลไม่ให้เพอนรวมงานใช้วสดุสินเปลองเกนจาเปน และไม่ใช้วสดุของทางราชการไปทางาน
ื
้
ส่วนตัว เช่น การถ่ายเอกสาร เปนต้น
็
ุ
๒๓. ช่วยปดไฟฟาเมือหยดพกทํางาน
ั
ิ
้
่
้
็
่
ึ
้
๒๔. ขาราชการเข้าใหม่ผูหนง ใช้ความเปนข้าราชการไปทํามาหากินโดยมิชอบ เพือนําเงินทองมา
่
ั
้
ั
ั
ี
ั
่
ื
่
้
้
่
เทยวเตรเลียงเพอนฝูงจนเกิดเหตุ ผูบงคบบญชาได้ลงโทษพอควรแก่เหตุและให้โอกาสปรบปรุงตัวและกระตุนเตือน
้
้
ั
้
เพอนร่วมงานอย่าได้ซ้าเติม ขอใหช่วยเปนกําลังใจและให้โอกาสแกข้าราชการผูนนทําให้ขาราชการผนนมีกําลังใจ
ํ
ื
่
้
็
ู
้
้
่
ั
่
ุ
่
้
ทีจะแกไขปรับปรงตัว จนเป็นข้าราชการทีดีในทีสุด
่
๒๕. เมือมีข้าราชการมีเหตุจาเปน กจดเวรแทนกัน
็
ํ
ั
่
็
ิ
ิ
ํ
็
็
ี
ี
ํ
้
๒๖. มีความเปนธรรมในการพจารณาบาเหนจประจําป โดยพจารณาจากการทางานทังป ไม่ได้ดู
ํ
็
เฉพาะใกล้ ๆ เวลาพจารณาบาเหนจ
ิ
ํ
้
ู
่
ื
ั
ั
๒๗. เรียกผูใต้บงคบบญชาไปตักเตือนตัวต่อตัว ด้วยคาพดแสดงความห่วงใย ไม่ประจานต่อหนาผูอน
้
้
ั
๔๔
้
ุ
์
้
็
๒๘. ข้าราชการผูหนงพบเหนอปกรณของทางราชการชํารุด ก็ซ่อมให้ด้วยความรูความ สามารถของตน
่
ึ
่
ิ
ุ
ด้วยใจโดยไมคดว่าธระไม่ใช่
ิ
ิ
้
ื
ิ
๒๙. จายเงนให้ลูกนองเกนไป ๕๐๐.- บาท ลูกนองผูนนได้นาเงนมาคนให้
้
่
้
้
ํ
ั
ั
ั
๓๐. ผูบงคบบญชาท่านหนึงปกครองผูใต้บงคบบญชาเหมือนพอแม่ที่ห่วงใยลูกหลาน
่
่
้
ั
ั
ั
้
ั
ุ
ึ
ั
้
ั
ดูแลผูใต้บงคบบญชาด้วยใจจริง และห่วงใยไปถงครอบครัวและบตรหลาน
ั
้
ั
ั
๓๑. ผูบงคบบญชาท่านหนงมีความเป็นธรรมในการปกครองบังคับบญชา ผูใดทํางานดีท่านจะยกย่อง
้
ั
่
ั
ึ
และให้ความดีความชอบตามความเหมาะสม ผูใดทํางานไมดีไม่มีผลงานท่านจะวากล่าวตักเตือน
่
้
่
ิ
่
้
ั
ั
และพจารณาผลงานตามความเปนธรรม ผูใต้บงคบบัญชาบางรายพยายามประจบประแจงทัง ๆ ทีตนไม่มีผลงาน
้
็
ํ
็
็
่
แต่ท่านกไม่หลงกลทาให้เสียความเปนธรรมแต่อยางใด
------------------------------------------------
่
ี
่
ผนวก ข. พฤติกรรมตัวอยางทีเห็นวาเป็นพฤติกรรมทีไมม หรือขาด หรือด้อย
่
่
่
คุณธรรมและจริยธรม
๔๕
็
่
่
่
ิ
ี
ิ
้
ผนวก ข. พฤตกรรมตัวอยางทีเห็นว่าเปนพฤตกรรมทีไมม หรอขาด หรือดอยคณธรรมและจริยธรรม
ุ
่
ื
ื
่
่
้
๑. ทราบขอมูลใหม่ ๆ แต่ไม่บอกเพอนรวมงาน
ั
่
่
้
็
๒. ไม่ให้ความรวมมือให้ข้อมูลแกผูอน จะเกบไว้เรียนกบผูบงคบบญชาเอง
ื
ั
่
ั
้
ั
ั
ู
ั
้
ั
้
่
ั
๓. เอาแต่พวกพอง พดจาไม่ดีในการใช้งาน ผูใต้บงคบบญชามีปญหาส่วนตัวซึงทําให้กระทบถึงการ
ู
่
ั
ื
ั
์
ทํางาน แต่ไม่สอบถามทกขสุขกลับรายงานผบงคับบญชาชันสูงเพอลงโทษเลย
ุ
้
้
ุ
ื
่
ั
็
ิ
๔. ใช้พระเดชมากกว่าพระคณ ถอความคดเห็นของตนเองเปนใหญ่ ไม่ฟงความคิดเหนของผูอน
ื
็
้
่
ื
่
๕. ไม่มีจุดยนของตัวเอง ขาดความเชือมันไม่กล้าตัดสินใจ
้
้
๖. ไม่กล้าลงโทษผูใต้บงคับบญชาทีละทิงงาน
ั
่
ั
้
่
็
่
่
ิ
้
๗. เปนเจาหนาทีเบกคารักษาพยาบาลและคาเล่าเรียน แต่มักจะพูดจาไม่ไพเราะเอาแต่ใจ จนคนงาน
่
่
่
ู
้
และลกจ้างไมกล้าติดต่อด้วย ต้องติดต่อผ่านเจาหนาทคนอืน
้
ี
ั
ั
้
ั
ั
๘. ยกยอก ปลอมแปลงเอกสาร ปลอมลายเซ็นผูบงคบบญชา
็
็
่
๙. พจารณาบาเหนจไม่เปนธรรม งานคังค้างทํางานไม่ตรงต่อเวลาแต่ได้รับการปนบาเหนจ
ิ
ํ
ู
ํ
็
ู
้
้
่
้
่
๑๐. พดจาไม่เรียบรอย เสียงดัง ข่มด่าขามหัวผูอืน ชอบนําปมด้อยของผูอืนมาล้อเลียน ชอบนินทา
้
ยแยงตะแคงรัวให้ผูอนทะเลาะกน
ุ
่
่
ั
้
ื
็
์
๑๑. ปกครองผูใต้บงคบบญชาแบบระบบอาญาสทธิ ใช้อารมณ ไม่เปนกลางในการตัดสินใจ
้
ิ
ั
ั
ั
์
้
่
้
่
ั
ั
ั
๑๒. สังงานขามขนไม่สังตามสายการบังคบบญชา
ั
่
๑๓. พดคําด่าคา เช่น โง บา ปญญาออน สมองหมา ปญญาควาย
ํ
้
ู
่
ั
่
๑๔. หวงความรู หวงข้อมูล ไม่ยอมบอกให้เพือนร่วมงานทราบ เพราะเกรงว่าเพือนร่วมงานจะดีเด่นกว่า
้
่
่
ั
๑๕. เชือและฟงคนใกล้ชิดมากเกินไป ทําให้เสียการปกครอง
ื
้
ํ
๑๖. บางคนทําผิดร้ายแรงแต่ไม่ลงโทษหรือลงโทษเบา แต่บางคนทาผิดเล็กนอยหรอด้วยความ
ิ
้
ั
์
ึ
รูเท่าไม่ถงการณ และไม่ใช่ความผดร้ายแรง กลับได้รับโทษหนก
ํ
่
ี
๑๗. เอาความดีใส่ตนโดยทตนเองไม่ได้ทางานนนเอง
ั
้
ั
ั
้
๑๘. ผูบงคบบญชาบางคนไม่ชอบพอใครเป็นส่วนตัว พยายามหาทางขัดขวางหรือทําลายให้เสียหาย
ั
ิ
ั
ั
ื
้
ิ
่
ํ
่
ื
่
๑๙. นาปญหาของผูอนไปเล่าให้คนอน ๆ ฟงในลักษณะนนทา แทนทีจะสงสารหรือคดช่วยเหลือ
ิ
ั
๒๐. โกงกนกนเปนกลุม ๆ
็
่
ื
้
ุ
ิ
่
่
๒๑. มาทํางานสาย กลับกอน ลาครงวัน ชอบเดินคยตามห้อง เวลาทํางานลงไปกนขาว เวลาคนอน
่
ึ
ั
็
่
ทํางานกนงหลับ ทํางานส่วนตัวในทีทํางาน ทํางานราชการเป็นงานอดิเรก ไม่เคยให้คําปรึกษาแก่ลูกน้อง
่
ไม่สนใจวาลูกนองมีปญหาอะไร
้
ั
่
้
่
๒๒. เมือย้ายมารับหนาทีใหม่ นาพวกพองตามมาด้วยกลุมหนง และร่วมกันทาการไม่โปร่งใส
ํ
ึ
ํ
่
่
่
้
้
ั
ั
๒๓. ลูกนองไปส่งหนงสือนอกหน่วย รถจกรยานยนต์ล้มได้รับบาดเจ็บ รถเสียหาย หัวหน้ากลับเรียก
้
มาด่าหาวาทํางานโดยความประมาทแทนทีจะใหกําลังใจ
่
่
ํ
๒๔. คนทีทางานขยนมากไม่ได้รับบาเหนจ ๒ ขน แต่เด็กของนายทไม่คอยทํางานเทาไรนายกลบให ้
่
ั
ั
็
้
ั
่
ี
่
ํ
่
ั
๒ ขน
้
้
็
ั
๒๕. ชอบบงหลวงเปนประจํา สรางหนสินมากมาย
ี
้