The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nznsky1, 2020-10-14 02:43:04

คู่มือการปลูกฝังอุดมการณ์ทางทหาร

๔๖
















๒๖. ผูบงคบบญชาบางคนพยายามสรางความสัมพนธฉันชูสาวกบลูกนองผูหญิงทีหนาตาดี

๒๗. ดูแลผูใต้บงคับบญชาไม่ทวถง ให้ความสนทสนมเฉพาะกลุม














๒๘. มีอคติลําเอยง มีความอยติธรรม ขาดเมตตาธรรม ขาดภาวะผนา ใหสิทธิประโยชนแกคนใกล้ตัว

ตัดสินใจไม่เด็ดขาด

๒๙. ผูรวมงานบางคนหวงงาน เอาเปรียบผูอืน ทํางานหยิบโหย่ง ชอบทํางานเอาหน้า ชอบการหมกเม็ด








๓๐. นนทาเพอนร่วมงาน หาทางปดแขงปดขาผูอน






๓๑. เอาเปรียบทางราชการ มาสายกลับกอน ใช้วัสดุของทางราชการไปทําประโยชนส่วนตัว


๓๒. ไม่ให้ความร่วมมือในการประหยดพลังงานของหนวย

๓๓. เพอนร่วมงานมงานเขามามากจะไม่ยอมช่วยเหลือ แต่ถางานของตัวเองเข้ามามากกจะบน













มากมายเพือใหผูบงคบบญชาแบ่งงานของตนเองให้แก่ผูอืน



๓๔. ผูบงคบบญชาท่านหนง ปกครองผูใต้บงคบบญชาโดยใช้อานาจตามความพอใจของตนไม่เคยฟง











ความคดเห็นของผูใต้บงคบบญชา หากไม่พอใจใครจะคอยหาโอกาสขัดขวางและทําลายให้เกดความเสียหาย









โดยไม่คานงถึงความถกต้อง จนทําให้ขาราชการดี ๆ ทมีความซือสัตยสุจริตเกดความท้อแทอยางมาก










๓๕. บางคนหาทางกาวหนาโดยอาศัยคนรจัก โดยไม่คานงถงใครมากอนมาหลัง





๓๖. ผูบงคบบญชาบางคนใจแคบ ไม่คอยซืออะไรเลียงลูกนองแต่ชอบกนของลูกนองเป็นประจา
















กว่าจะเลียงลูกนองบางกต้องถกลูกนองพดจากถากถางเสียก่อน






๓๗. เปนผูบงคบบญชา แต่พดจาทะลงไม่นาเคารพ










๓๘. ผูเปนหัวหนางานควรมีความรับผิดชอบ เมือลูกน้องทําผิดพลาดควรจะรบผิดชอบด้วยเพราะ


หัวหนางานกเซ็นผ่านไม่นาอางว่าไม่เห็น หรือโทษว่าลูกนองเปนคนทํา ควรรับผิดด้วยไมใช่รับชอบอย่างเดียว









๓๙. ขาราชการบางคนดืมสุราเป็นอาจณ ไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว เล่นการพนนในวันเงนเดือนออก



๔๐. แกงแยงชิงดี อจฉาริษยาในวงราชการ




๔๑. ขาราชการบางคน ไม่อุทิศกําลังกายกําลังใจในการปฏิบัติงาน เมือไม่สมหวังก็เริมจะเกเรลาป่วย

ทํางานตอนเชาตอนบายหาย





๔๒. ขาราชการบางคนไม่ตังใจทางานแต่พยายามเอาตัวรอดโดยการประจบประแจง เช่นนาสิงของมา



ให้ผูบงคบบญชาหรอพดยกย่องผูบงคบบญชาโดยไม่เปนจริง










๔๓. มีความประพฤติเสือมเสียทางเพศ ตนเองมีครอบครวแล้ว แต่ยงชอบคบกับคนต่างเพศ


อยางใกล้ชิดจนเกนควร เช่น ไปไหนมาไหนด้วยกนตามลําพงเปนต้น







------------------------------------------------



ผนวก ค. คําขวญปลูกฝังอดมการณ์ทางทหาร

๔๗



ผนวก ค. คําขวัญปลูกฝังอุดมการณทางทหาร





๑. ตายในสนามรบ เปนเกยรติของทหาร

๒. ชาติ เกยรติ วินย กล้าหาญ



๓. รับคําสัง ทําทันที ทําดีทีสุด








๔. คาสังของผูบงคบบญชา คอพรจากสวรรค







๕. ชาติของเรา เปนไทยอยได้ จนถงตัวเราคนหนงน เพราะบรรพบรุษของเรา เอาเลือด เอาเนอ





เอาชีวต และความลําบากเข้าแลกไว้ เราต้องบํารุงชาติ เราต้องรักษาชาติ เราต้องสละชีพเพือชาติ




๖. ขาพระพทธเจ้าจะรักษามรดกของพระองค์ท่านไวด้วยชีวต







๗. พอแม่หวงพงพาเจา ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชือ ชาติหวงกาลังฝีมือ เจาคอความหวังทังมวล







๘. แม้นวากูยงไม่ตาย มึงอย่าหมายเหยยบยาแผ่นดินกู



๙. องอาจ กล้าหาญ รกชาติ เสียสละ

๑๐. ถาแม้นต้องปราชัยต่อไพรี ให้ได้ปฐพีไม่มีคน





๑๑. สุจริต เสียสละ กล้าหาญ สามัคค รูหนาที มีวนย




๑๒. ทหารรกชาติ ยงชีพ

๑๓. ปกปองชาติ ศาสนา พระมหากษตริย คอหัวใจของทหาร




๑๔. ทหารกล้าสู กล้าตาย เพอแผ่นดิน






๑๕. เกดเปนไทย ตายเพอไทย ให้สมเกียติของทหาร

๑๖. รกชาติ เสียสละ ยอมตายได้เพือชาติ


๑๗. เลือดเนือทุกหยาด เพอเอกราชชาติไทย




๑๘. ทหารใจต้องสู สูไม่ถอย



๑๙. รก รบ ฮึกเหิม เพอชัยชนะ






๒๐. ต่อให้ลําบากแคไหน ใจไม่หวน ให้สมกบเปนทหาร



๒๑. ภารกจเพอชาติไทย คือหนาทีอนยงใหญ่ของทหาร





๒๒. ไม่มีอะไรทีทําไม่ได้




๒๓. หยาดเหงือเพอชีวต หยาดโลหิตเพอชาติ



๒๔. ตายเสยดีกว่า ทจะละทงหนาที








๒๕. วนย คอ หัวใจของทหาร


๒๖. มิเคยหวังวาจะเปนวรบรุษ แต่กสุดเห็นชาติพนาศสลาย






๒๗. คนกล้าคอผูสร้างวรกรรม




๒๘. ยามศกต้องการคนกล้า ยามเผชิญหนาต้องการคนแกรง




------------------------------------------------



ผนวก ง. พระราชบัญญัติวาด้วยวนัยทหาร พ.ศ. ๒๔๗๖

พระราชบัญญัติ

วาดวยวินัยทหาร พุทธศกราช ๒๔๗๖

_____________


ประชาธิปก ป.ร.
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกลาเจาอยูหัว มีพระบรมราชโองการโปรด

เกลาฯ ใหประกาศวา


โดยที่สภาผูแทนราษฏรถวายคาปรึกษาวา เพื่อปฏบัตการตามความในมาตรา 7 แหงประมวล



ื่
กฎหมายอาชญาทหาร และเนองจากทหารบก ทหารเรือ ไดรวมเปนกระทรวงเดยวกัน สมควรตรา


บทบัญญัติวาดวยวินัยทหารเสียใหม

จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ ใหตราพระราชบัญญัตขนไวโดยคาแนะนา และยนยอมของสภา


ึ้


ผูแทนราษฏรดั่งตอไปน ี้

หมวด ๑
บทเบ็ดเสร็จทั่วไป
_____________

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ใหเรียกวา "พระราชบัญญัติวาดวยวินัยทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๖"
มาตรา ๒ ใหใชพระราชบัญญัตินี้ตั้งแตวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปนตนไป

มาตรา ๓ ใหยกเลิกกฎวาดวยยุทธวินัยและการลงอาญาทหารบกฐานละเมิดยทธวนย ลงวนที่








๒๓ กันยายน พุทธศกราช ๒๔๖๔ กฎเสนาบดวาดวยอํานาจลงอาญาทหารเรือ ลงวนที่ ๑๑ กันยายน




ี้

พุทธศักราช ๒๔๖๕ และบรรดากฎขอบังคบอื่น ๆ ในสวนที่มีบัญญัตไวแลวในพระราชบัญญัตน หรือซึ่ง
แยงกับบทแหงพระราชบัญญัติน ี้

หมวด ๒
วาดวยวินัย
_____________

มาตรา ๔ วินัยทหาร คือ การที่ทหารตองประพฤติตามแบบธรรมเนียมทหาร




ั้
มาตรา ๕ วนยเปนหลักสําคญที่สุดสําหรับทหาร เพราะฉะนนทหารทุกคนจักตองรักษาโดย
เครงครัดอยูเสมอ ผูใดฝาฝนทานใหถือวาผูนั้นกระทําผิด
ตัวอยางการกระทําผิดวินัยมีดั่งตอไปน ี้
(๑) ดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไมปฏิบัติตามคําสั่งผูบังคับบัญชาเหนือตน
(๒) ไมรักษาระเบียบการเคารพระหวางผูใหญผูนอย
(๓) ไมรักษามรรยาทใหถูกตองตามแบบธรรมเนียมของทหาร
(๔) กอใหแตกความสามัคคีในคณะทหาร

(๕) เกียจคราน ละทิ้ง หรือเลินเลอตอหนาที่ราชการ
(๖) กลาวคําเท็จ
(๗) ใชกิริยาวาจาไมสมควร หรือประพฤติไมสมควร

(๘) ไมตักเตือนสั่งสอน หรือลงทัณฑผูใตบังคับบัญชาที่กระทําผิดตามโทษานุโทษ

(๙) เสพเครื่องดองของเมาจนถึงเสียกิริยา

ั้
มาตรา ๖ ผูบังคับบัญชามีหนาที่จัดการระวังรักษาวินัยทหารที่ตนเปนผูบังคบบัญชาอยนนโดย
ู








ั้
กวดขัน ถาหากวาในการรักษาวนยทหารนน จําเปนตองใชอาวธ เพื่อทําการปราบปรามทหารผูกอการ
ู
กําเริบก็ดี หรือเพื่อบังคับทหารผูละทิ้งหนาที่ใหกลับทําหนาที่ของตนก็ดี ผูบังคับบัญชาและผทชวยเหลือ
ี่

ั้
ั้

ี่



ในการนน จะไมตองรับโทษในการทตนไดกระทาไปโดยความจาเปนนนเลย แตเมื่อมีเหตดงกลาวน ี้

ั่

ผูบังคบบัญชาจักตองรายงานไปยงผูบังคบบัญชาเหนอตน และรายงานตอไปตามลําดบชนจนถง





ั้



รัฐมนตรีวาการกระทรวงกลาโหมโดยเร็ว


มาตรา ๗ ทหารผูใดกระทําผิดตอวนยทหารจักตองรับทัณฑตามวธที่ปรากฏในหมวด ๓ แหง




พระราชบัญญัตินี้ และอาจตองถูกปลดจากประจําการ หรือถูกถอดจากยศทหาร

หมวด ๓
อํานาจลงทัณฑ
_____________

มาตรา ๘ ทัณฑที่จะลงแกผูกระทําผิดตอวินัยทหารดั่งกลาวไวในหมวด ๒ นั้น ใหกําหนดเปน ๕
สถาน คือ
(๑) ภาคทัณฑ
(๒) ทัณฑกรรม
(๓) กัก
(๔) ขัง
(๕) จําขัง
มาตรา ๙ ภาคทัณฑ คือ ผูกระทําผิดมีความผิดอันควรตองรับทัณฑสถานหนึ่งสถานใดดงกลาว
ั่
มาแลว แตมีเหตุอันควรปราณี จึ่งเปนแตแสดงความผิดของผูนั้นใหปรากฏ หรือใหทําทัณฑบนไว 

ทัณฑกรรม นั้น ใหกระทําการสุขา การโยธา ฯลฯ เพิ่มจากหนาที่ประจําซึ่งตนจะตองปฏบัตอย ู

แลว หรือปรับใหอยูเวรยาม นอกจากหนาที่ประจํา
กัก คือ กักตัวไวในบริเวณใดบริเวณหนึ่งตามแตจะกําหนดให
ขัง คือ ขังในที่ควบคุมแตเฉพาะคนเดียวหรือรวมกันหลายคนแลวแตจะไดมีคําสั่ง
จําขัง คือ ขังโดยสงไปฝากใหอยูในความควบคุมของเรือนจําทหาร

นอกจากทัณฑที่กลาวไวนี้ หามมิใหคิดขึ้นใหม หรือใชวิธีลงทัณฑอยางอื่นเปนอันขาด
มาตรา ๑๐ ผูมีอํานาจบังคับบัญชาซึ่งลงทัณฑแกผูกระทําผิดไดนั้น คือ
(๑) ผูบังคับบัญชา หรือ
(๒) ผูซึ่งไดรับมอบอํานาจใหบังคบบัญชาตามที่กระทรวงกลาโหม สวนราชการที่ขนตรงตอ
ึ้



กระทรวงกลาโหม กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กําหนด
ในการที่จะลงทัณฑ ใหกระทําไดแตเฉพาะตามกําหนดในตารางกําหนดทัณฑทายพระราชบัญญัต ิ
น ี้
สวนผูมีอํานาจบังคับบัญชาชั้นใดจะมีอํานาจเปนผูลงทัณฑชั้นใด และผูอยูในบังคับบัญชาชนใดจะ
ั้
เปนผูรับทัณฑชั้นใด ใหถือเกณฑเทียบดังตอไปน ี้

ตารางเกณฑเทียบชั้นผลงทัณฑและผูรับทัณฑ
ู

เปนผูลง เปนผูรับ
ตําแหนงชั้น
ทัณฑชั้น ทัณฑชั้น
๑. รัฐมนตรีวาการกระทรวงกลาโหม (พล.อ.,ผบ.ทบ.) ๑ -
๒. แมทัพ (พล.ท.) ๒ -
๓. ผูบัญชาการกองพล ผูบังคับการกองเรือ ผูบัญชาการกองพลบิน (พล.ต.) ๓ -

๔. ผูบังคับการกรม ผูบังคับหมวดเรือ ผูบังคับกองบิน (พ.อ.พิเศษ) ๔ ก
๕. ผูบังคับหมูเรือชั้น ๑ (พ.อ.) ๕ ข
๖. ผูบังคับกองพัน ผูบังคับหมูเรือชั้น ๒ ผูบังคับการเรือชั้น ๑ ผูบังคับฝูงบิน (พ.ท.) ๖ ค
๗. ผูบังคับหมูเรือชั้น ๓ ผูบังคับการเรือชั้น ๒ ตนเรือชั้น ๑ ผูบังคับหมวดบินชั้น ๑ (พ.ต.) ๗ ง

๘. ผูบังคับกองรอย ผูบังคับการเรือชั้น ๓ ตนเรือชั้น ๒ นายกราบเรือ ๘ จ
ผูบังคับหมวดบินชั้น ๒ (ร.อ.)
๙. ผูบังคับหมวด ตนเรือชั้น ๓ ผูบังคับหมวดบินชั้น ๓ (ร.ต. ร.ท.) ๙ ฉ
๑๐. ผูบังคับหมู นายตอน (นายทหารประทวน) - ช

๑๑. นักเรียนทหารซึ่งเมื่อสําเร็จการศึกษาแลวจะไดเปนนายทหารชั้นสัญญาบัตร
บุคคลซึ่งอยูในระหวางเขารับการฝกวิชาทหารโดยคําสั่งรัฐมนตรีวาการกระทรวงกลาโหม - ซ
ตามกฎหมายวาดวยการสงเสริมการฝกวิชาทหาร

๑๒. นักเรียนทหารซึ่งเมื่อสําเร็จการศึกษาแลวจะไดเปนนายทหารประทวน ลูกแถว - ฌ

มาตรา ๑๑ ผูลงทัณฑ หรือผูรับทัณฑ ถาตําแหนงไมตรงตามความในมาตรา ๑๐ แหงหมวดน ี้

แลว ใหถือตามที่ไดเทียบตําแหนงไวในขอบังคับสําหรับทหาร


มาตรา ๑๒ กําหนดอํานาจลงทัณฑตามที่ตราไวนี้ ผูมีอํานาจลงทัณฑสั่งลงทัณฑเตมที่ไดสถาน
ใดสถานหนึ่ง
แตสถานเดียว ถาสั่งลงทัณฑทั้งสองสถานพรอมกัน ตองกําหนดทัณฑไวเพียงกึ่งหนึ่งของอัตราในสถานนน
ั้
ๆ หามมิใหลงทัณฑคราวเดียวมากกวาสองสถาน

มาตรา ๑๓ กอนที่ผูมีอํานาจลงทัณฑจะลงทัณฑครั้งคราวใดก็ดี ใหพิจารณาใหถวนถี่แนนอนวา


ผูที่จะตองรับทัณฑนั้นมีความผิดจริงแลว จึ่งสั่งลงทัณฑนน ตองระวงอยาใหเปนการลงทัณฑไปโดยโทษ
ั้



ั้
จริต หรือลงทัณฑแกผูที่ไมมีความผิดโดยชดเจนนนเปนอันขาด เมื่อพิจารณาความผิดละเอียดแลวตอง

ชี้แจงใหผูกระทําผิดนั้นทราบวากระทําผิดในขอใด เพราะเหตุใด แลวจึ่งลงทัณฑ

มาตรา ๑๔ ถาผูมีอํานาจบังคับบัญชาไดลงทัณฑขาราชการชั้นสัญญาบัตร ตองสงรายงานการ
ลงทัณฑนั้น
เสนอตามลําดับชั้นจนถึงรัฐมนตรีวาการกระทรวงกลาโหม

มาตรา ๑๕ เมื่อผูมีอํานาจบังคับบัญชาไดทราบวา ผูซึ่งอยูในบังคบบัญชาของตนมีความผิดจน
ปรากฎแนนอนแลว แตความผิดนั้นควรรับทัณฑที่เหนออํานาจจะสั่งกระทําได ก็ใหรายงานนี้แจงความผิด

นั้น ทั้งออกความเห็นวาควรลงทัณฑเพียงใด เสนอตามลําดับชั้นจนถึงผูมีอํานาจลงทัณฑไดพอกับความผิด
เพื่อขอใหผูนั้นสั่งการตอไป






มาตรา ๑๖ ถาเปนความผิดซึ่งมีวธวางอัตรากําหนดทัณฑไวแนนอนแลว เชน ฐานขาดหน ี


ราชการทหาร เปนตน หากกําหนดทัณฑนั้นเหนืออํานาจของผูบังคับบัญชาที่จะสั่งลงทัณฑได ก็ใหนาเสนอ
เพียงชั้นที่กลาวตอไปน ี้
ั้

ั้
(๑) ฝายทหารบก ผูมีอํานาจบังคับบัญชาตําแหนงชนผูบังคบการกรม หรือชนผูบังคบกองพันที่


อยูตางทองถิ่นกับผูมีอํานาจบังคับบัญชาชั้นผูบังคบการกรม

(๒) ฝายทหารเรือ ผูมีอํานาจบังคับบัญชาตําแหนงชั้นผูบังคับหมวดเรือ หรือชั้นผูบังคับกองพันที่

อยูตางทองถิ่นกับผูมีอํานาจบังคับบัญชาชั้นผูบังคับหมวดเรือ
(๓) ฝายทหารอากาศ ผูมีอํานาจบังคับบัญชาตําแหนงชั้นผูบังคับกองบิน
แมวากําหนดทัณฑนั้นจะเหนืออํานาจก็ดี ก็ใหผูบังคับบัญชาชั้นที่กลาวนี้มีอํานาจลงทัณฑไดทีเดียว ไมตอง
นําเสนอตามลําดับชั้นตอไปอีก

มาตรา ๑๗ นายทหารที่เปนหัวหนาทําการควบคมทหารไปโดยลําพัง ใหมีอํานาจที่จะสั่งลง


ทัณฑผูอยูใตอํานาจ

ั้


ึ่
ึ้


ในระหวางเวลาที่ควบคมอยนนเสมอผูมีอํานาจเหนอจากตาแหนงของตนขนไปอีกชนหนงได เวนแต 

ู

ั้
นายทหารซึ่งมีอํานาจเปนผูลงทัณฑชั้น ๒ ขึ้นไป จึ่งไมตองเพิ่ม
มาตรา ๑๘ ถาผูมีอํานาจลงทัณฑไดสั่งลงทัณฑผูกระทําผิดในฐานขังแลว และผูที่รับทัณฑขงนน
ั้

ั้



กระทําผิดซ้ําอีก ผูมีอํานาจลงทัณฑจะสั่งเพิ่มทัณฑ ก็ใหพิจารณาดกําหนดทัณฑไดสั่งไวแตเดมนนกอน






หามมิใหกําหนดเวลาใหผูตองถกขง ทั้งกําหนดเดมและกําหนดที่เพิ่มใหมรวมกันเกินกวากําหนดอํานาจ
ของผูสั่งลงทัณฑนั้นเปนอันขาด หากผูกระทําผิดนั้นควรตองรับทัณฑเกินกวากําหนดอํานาจของผูที่จะสั่ง
ลงทัณฑนั้นแลว ก็ใหปฏิบัติการตามที่กลาวไวในมาตรา ๑๕ แหงหมวดน ี้
มาตรา ๑๙ นับตั้งแตวันที่ปรากฏหลักฐานแหงความผิดของผูกระทําผิดซึ่งจะตองรับทัณฑ


ตามพระราชบัญญัตนโดยแนนอนแลว ถาผูมีอํานาจลงทัณฑมิไดจัดการที่จะใหผูนนไดรับทัณฑภายใน
ั้
ี้





กําหนดสามเดอน เปนอันนับวาลวงเลยเวลาที่จะลงทัณฑตามพระราชบัญญัตนี้เสียแลว จะสั่งลงทัณฑโดย


อํานาจตนเองมิได เวนเสียแตผูที่กระทําผิดนั้นขาดหนีราชการเสียแตเมื่อกอนครบกําหนดสามเดอน จึ่งมิ
ใหนับวันที่ขาดหนีนี้เขาในกําหนดเวลาลวงเลย ใหนับตั้งแตวันที่ไดตัวผูนั้นกลับมายังที่รับราชการ
ี้


มาตรา ๒๐ เมื่อผูมีอํานาจไดสั่งลงทัณฑตามพระราชบัญญัตนแลว ผูที่สั่งลงทัณฑหรือผูมี
อํานาจบังคับบัญชาเหนือผูที่สั่งลงทัณฑนั้นมีอํานาจที่จะเพิ่มทัณฑหรือลดทัณฑ หรือยกทัณฑเสียก็ได แต 

ถาเพิ่มทัณฑแลว ทัณฑที่สั่งเพิ่มขึ้นนั้นรวมกับที่สั่งไวแลวเดิม ตองมิใหเกินอํานาจของผูที่สั่งใหมนั้น

หมวด 4
วิธีรองทุกข 
_____________

มาตรา ๒๑ ในการที่จะรักษาวินัยทหารใหเปนระเบียบเรียบรอยอยูเสมอ ยอมเปนการจําเปนที่


ู
ผูบังคับบัญชาจักตองมีอํานาจในการบังคับบัญชา หรือลงทัณฑอยเองเปนธรรมดา แตผูบังคบบัญชาบาง
คนอาจใชอํานาจในทางที่ผิดยุติธรรม ซึ่งเปนการสมควรที่จะใหผูใตบังคับบัญชามีโอกาสรองทุกขไดในทาง
เปนระเบียบไมกาวกาย



มาตรา ๒๒ คําชี้แจงของทหารวา ผูบังคับบัญชากระทําแกตนดวยการอันไมเปนยตธรรม หรือ
ผิดกฎมาย หรือแบบธรรมเนียมทหารวา ตนมิไดรับผลประโยชนหรือสิทธิตามที่ควรจะไดรับในราชการนน
ั้

เรียกวา "รองทุกข"
มาตรา ๒๓ ทหารจะรองทุกขไดแตสําหรับตนเองเทานน หามมิใหรองทุกขแทนผูอื่นเปนอัน


ั้


ขาด และหามมิใหลงชื่อรวมกัน หรือเขามารองทุกขพรอมกันหลายคน และหามมิใหประชมกันเพื่อหารือ

เรื่องจะรองทุกข 
มาตรา ๒๔ หามมิใหรองทุกขในเวลาที่ตนกําลังเขาแถว หรือในขณะที่กําลังทําหนาที่ราชการ



อยางใดอยางหนึ่ง เชนเวลาเปนยาม เปนเวร ดั่งนี้เปนตน และหามมิใหรองทุกขกอนเวลาลวงไปแลวยสบสี่
ี่
ชั่งโมง นับตั้งแตที่มีเหตุจะตองรองทุกขเกิดขึ้น

มาตรา ๒๕ หามมิใหรองทุกขวา ผูบังคับบัญชาลงทัณฑแรงเกินไป ถาหากวาผูบังคบบัญชานน
ั้



มิไดลงทัณฑเกินอํานาจที่จะทําไดตามความในหมวด ๓ แหงพระราชบัญญัติน ี้



มาตรา ๒๖ ถาจะกลาวโทษผูใดใหรองทุกขตอผูบังคบบัญชาโดยตรงของผูนน จะรองทุกขดวย
ั้









วาจา หรือจะเขยนเปนหนงสือก็ได ถาผูรองทุกขมารองทุกขดวยวาจา ใหผูรับการรองทุกขจดขอความ


สําคัญของเรื่องที่รองทุกขนั้น ใหผูรองทุกขลงลายมือชื่อไวเปนหลักฐานดวย ถาหากวาผูรองทุกขไมทราบ






ชัดวา ตนไดรับความเดือดรอนเพราะผูใดแน ก็ใหรองทุกขตอผูบังคบบัญชาโดยตรงของตน เพื่อเสนอไป

ตามลําดับชั้นจนถึงที่สุด คือผูที่จะสั่งการไตสวน และแกความเดือดรอนนั้นได 
มาตรา ๒๗ ถาเขียนความรองทุกขเปนจดหมายแลว จดหมายนั้นตองลงลายมือชื่อของผูรองทุกข 
ใบรองทุกขฉบับใดไมมีลายมือชื่อ ผูบังคับบัญชาไมมีหนาที่จะตองพิจารณา
มาตรา ๒๘ เมื่อใดไดรองทุกขตอผูบังคับบัญชาตามระเบียบที่วามานี้แลว และเวลาลวงพนไปสิบ

ี้




หาวนยงไมไดรับ ความชแจงประการใด ทั้งความเดอดรอนก็ยงไมปลดเปลื้องไป ใหรองทุกขใหมตอ


ผูบังคบบัญชาชนที่สูงถดขนไปเปนลําดบอีก และในการรองทุกขครั้งนใหชแจงดวยวา ไดรองทุกขตอ







ี้
ั้
ึ้


ี้
ผูบังคับบัญชาชั้นใดมาแลวแตเมื่อใด






มาตรา ๒๙ ถาผูบังคบบัญชาไดรับเรื่องรองทุกขเมื่อใด ตองรีบไตสวนและจัดการแกไขความ
เดือดรอน หรือชี้แจงใหผูยื่นใบรองทุกขเขาใจ จะเพิกเฉยเสียไมไดเปนอันขาด ผูใดเพิกเฉยนับวากระทําผิด
ตอวินัยทหาร


มาตรา ๓๐ ถาผูบังคับบัญชาที่ไดรับเรื่องรองทุกขไดชี้แจงใหผูรองทุกขทราบแลว แตผูรองทุกขยง







ี้

ไมหมดความสงสัย ก็ใหรองทุกขตอผูบังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไปได และตองชแจงดวยวาไดรองทุกขน้ตอ
ผูใด และไดรับคําชี้แจงอยางไรแลวดวย
มาตรา ๓๑ ถาหากปรากฏชัดวา ขอความที่รองทุกขเปนความเท็จ หรือการรองทุกขนั้นกระทําไป
โดยผิดระเบียบ ที่กลาวมา ผูรองทุกขจะตองมีความผิดฐานกระทําผิดตอวินัยทหาร
มาตรา ๓๒ ใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงกลาโหม มีหนาที่รักษาการใหเปนไปตามพระราชบัญญัต ิ
น ี้
ประกาศมา ณ วันที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๗๖ เปนปที่ ๙ ในรัชกาลปจจุบัน
ผูรับสนองพระบรมราชโองการ
นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา
นายกรัฐมนตรี
(ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๔๗๖)

ตารางกําหนดทัณฑ


จําขัง ขัง กัก ทัณฑกรรม
ผูลง
ทัณฑ ผูรับทัณฑ ผูรับทัณฑ ชั้น ก ชั้น ข ชั้น ค ชั้น ง ผูรับทัณฑ ชั้น ฉ ชั้น ช ชั้น ซ ชั้น ฌ ผูรับทัณฑ
ชั้น จ
ชั้น ช. ชั้น ฌ. ชั้น ก ชั้น ข ชั้น ค ชั้น ง ขั้น จ ชั้น ฉ ชั้น ช ชั้น ซ ชั้น ฌ ชั้น ซ ชั้น ฌ
ชั้น ๑ ๔ เดือน ๖ เดือน - - - - ๒ ด ๓ ด ๔ ด ๔ ด ๕ ด ๑๕ว ๒๐ว ๒๐ว ๑ ด ๔๕ว ๒ ด ๓ ด ๓ ด ๔ ด ๓ วัน ๓ วัน
ชั้น ๒ ๓ เดือน ๕ เดือน - - - - ๑ ด ๒ ด ๓ ด ๓ ด ๔ ด ๗ว ๑๐ว ๑๕ว ๒๐ว ๑ ด ๔๕ว ๒ ด ๒ ด ๓ ด ๓ วัน ๓ วัน
ชั้น ๓ ๔๕ วัน ๓ เดือน - - - - ๑๕ว ๑ ด ๒ ด ๒ ด ๓ ด - ๕ว ๗ว ๑๐ว ๑๕ว ๒๐ว ๔๕ว ๔๕ว ๒ ด ๓ วัน ๓ วัน

ชั้น ๔ ๑ เดือน ๒ เดือน - - - - ๗ว ๑๕ว ๑ ด ๑ ด ๒ ด - - ๓ว ๕ว ๗ว ๑๐ว ๑ ด ๑ ด ๔๕ว ๓ วัน ๓ วัน
ชั้น ๕ ๒๐ วัน ๔๕ วัน - - - - ๓ว ๑๐ว ๒๐ว ๒๐ว ๔๕ว - - - ๓ว ๕ว ๗ว ๒๐ว ๒๐ว ๑ ด ๓ วัน ๓ วัน
ชั้น ๖ ๑๕ วัน ๑ เดือน - - - - - ๗ว ๑๕ว ๑๕ว ๑ ด ๓ว ๗ว ๑๕ว ๑๕ว ๑ ด ๓ วัน ๓ วัน

ชั้น ๗ ๗ วัน ๑๕ วัน - - - - - ๓ว ๑๐ว ๑๐ว ๒๐ว ๕ว ๑๐ว ๑๐ว ๒๐ว ๑ วัน ๒ วัน
ชั้น ๘ - - - - - - - - ๗ ว ๗ ว ๑๕ว ๓ว ๗ว ๗ว ๑๕ว ๑ วัน ๒ วัน
ชั้น ๙ - - - - - - - - - - - ๓ว ๓ว ๗ว - ๑ วัน


คําอธิบาย ๑. กําหนดทัณฑในตารางนี้ คือ กําหนดที่สูงที่สุด ผูลงทัณฑจะสั่งเกินกําหนดนี้ไมได แตต่ํากวานั้นได 
๒. ทัณฑกรรมที่กําหนดไวเปนวัน ๆ หมายความวาทําทัณฑกรรมทุก ๆ วันจนกวาจะครบกําหนดในวันหนึ่งนั้น ผูที่จะสั่งลงทัณฑจะกําหนดทัณฑกรรม
ไดไมเกินกวาวันละ ๖ ชั่วโมง แตถาใหอยูเวรยามในวันหนึ่งไมเกินกําหนดเวลาอยูเวรยามตามปกติ ผูใดจะสั่งลงทัณฑกรรมใหกําหนดโดยชัดเจนวา

ทัณฑกรรมกี่วัน และวันละเทาใด

(ตารางกําหนดทัณฑแกไขใหมโดยมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติวาดวยวินัยทหาร แกไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๗๗)

ผนวก จ. พระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒

หนา ๑

เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒

















พระราชบัญญัติ


มาตรฐานทางจริยธรรม
พ.ศ. ๒๕๖๒


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร


ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒
เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานทางจริยธรรม

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยค าแนะน าและยินยอมของ

สภานิติบัญญัติแห่งชาติท าหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

เป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้

“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น

และมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ

ในฝ่ายบริหาร แต่ไม่หมายความรวมถึง หน่วยงานธุรการของรัฐสภา องค์กรอิสระ ศาล และ

องค์กรอัยการ

หนา ๒

เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒


“เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความว่า ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานอื่น

ในหน่วยงานของรัฐ

“องค์กรกลางบริหารงานบุคคล” หมายความว่า คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน คณะกรรมการ

ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

และคณะกรรมการข้าราชการต ารวจ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการประเภทนั้น รวมทั้ง

คณะกรรมการกลางบริหารงานบุคคลของเจ้าหน้าที่ของรัฐในฝ่ายบริหาร และคณะกรรมการมาตรฐาน

การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น

“กรรมการ” หมายความว่า กรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม

มาตรา ๔ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมวด ๑

มาตรฐานทางจริยธรรมและประมวลจริยธรรม


มาตรา ๕ มาตรฐานทางจริยธรรม คือ หลักเกณฑการประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรม

ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งจะต้องประกอบด้วย

(๑) ยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ อันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ

การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

(๒) ซื่อสัตย์สุจริต มีจิตส านึกที่ดี และรับผิดชอบต่อหน้าที่

(๓) กล้าตัดสินใจและกระท าในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม

(๔) คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว และมีจิตสาธารณะ

(๕) มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน

(๖) ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ

(๗) ด ารงตนเป็นแบบอย่างที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ

มาตรฐานทางจริยธรรมตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้เป็นหลักส าคัญในการจัดท าประมวลจริยธรรม

ของหน่วยงานของรัฐที่จะก าหนดเป็นหลักเกณฑในการปฏิบัติตนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เกี่ยวกับสภาพคุณงาม

ความดีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องยึดถือส าหรับการปฏิบัติงาน การตัดสินความถูกผิด การปฏิบัติที่ควรกระท า

หรือไม่ควรกระท า ตลอดจนการด ารงตนในการกระท าความดีและละเว้นความชั่ว

หนา ๓

เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒


มาตรา ๖ ให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่จัดท าประมวล

จริยธรรมส าหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในความรับผิดชอบ

ในกรณีที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งไม่มีองค์กรกลางบริหารงานบุคคลที่รับผิดชอบ ให้องค์กรต่อไปนี้

เป็นผู้จัดท าประมวลจริยธรรม

(๑) คณะรัฐมนตรี ส าหรับข้าราชการการเมือง

(๒) สภากลาโหม ส าหรับข้าราชการทหารและข้าราชการพลเรือนกลาโหม

(๓) ส านักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ส าหรับผู้บริหารและพนักงานรัฐวิสาหกิจ

(๔) คณะกรรมการพฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ส าหรับผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และ

ผู้ปฏิบัติงานขององค์การมหาชน
ในกรณีที่มีปัญหาว่าองค์กรใดเป็นผู้จัดท าประมวลจริยธรรมส าหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐประเภทใด

ให้ ก.ม.จ. เป็นผู้มีอ านาจวินิจฉัย

ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐอาจจัดท าข้อก าหนดจริยธรรมเพื่อใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานนั้น

เพิ่มเติมจากประมวลจริยธรรมให้เหมาะสมแก่ภารกิจที่มีลักษณะเฉพาะของหน่วยงานของรัฐนั้นด้วยก็ได้

การจัดท าประมวลจริยธรรมและข้อก าหนดจริยธรรมของหน่วยงานของรัฐต้องเป็นไป

ตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ม.จ. ก าหนดตามมาตรา ๑๔ ด้วย

ื่
มาตรา ๗ เพอให้การจัดท าประมวลจริยธรรมในภาครัฐมีมาตรฐานทางจริยธรรมใน
ระดับเดียวกัน ในการจัดท าประมวลจริยธรรมขององค์กรกลางบริหารงานบุคคลของศาลหรือองค์กรอัยการ

องค์กรกลางบริหารงานบุคคลของหน่วยงานธุรการของรัฐสภาและองค์กรอิสระ ให้น ามาตรฐานทาง

จริยธรรมตามมาตรา ๕ ไปใช้ประกอบการพจารณาจัดท าประมวลจริยธรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่

ในความรับผิดชอบด้วย

หมวด ๒
คณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม



มาตรา ๘ ให้มีคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมคณะหนึ่ง เรียกโดยย่อว่า “ก.ม.จ.”


ประกอบด้วย
(๑) นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ


(๒) ผู้แทนคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนที่ได้รับมอบหมาย เป็นรองประธานกรรมการ

หนา ๔

เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒


(๓) กรรมการโดยต าแหน่ง จ านวนห้าคน ได้แก่ ผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ

ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

คณะกรรมการข้าราชการต ารวจ คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น และ

สภากลาโหม อย่างละหนึ่งคน

(๔) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจ านวนไม่เกินห้าคนเป็นกรรมการ

ให้เลขาธิการ ก.พ. เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้เลขาธิการ ก.พ. แต่งตั้งข้าราชการ

ในส านักงาน ก.พ. เป็นผู้ช่วยเลขานุการได้ตามความจ าเป็น

ื่
เพอประโยชน์ในการด าเนินการตามหน้าที่และอ านาจของ ก.ม.จ. ก.ม.จ. อาจมีมติ
ให้เชิญผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการที่ท าหน้าที่บริหารงานรัฐวิสาหกิจหรือองค์การมหาชน


หรือหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่และอ านาจโดยตรงเกี่ยวกับเรื่องที่จะพจารณา หรือผู้ซึ่งมีความรู้
ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านจริยธรรมให้เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งคราวในฐานะกรรมการด้วยก็ได้

ในกรณีเช่นนั้น ให้ผู้ที่ได้รับเชิญและมาประชุมมีฐานะเป็นกรรมการส าหรับการประชุมครั้งที่ได้รับเชิญนั้น

ให้ส านักงาน ก.พ. มีหน้าที่ปฏิบัติงานธุรการ งานประชุม งานวิชาการ การศึกษาหาข้อมูล

และกิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่ ก.ม.จ. คณะอนุกรรมการหรือคณะท างานที่แต่งตั้งโดย ก.ม.จ.

รวมทั้งให้มีหน้าที่และอ านาจอื่นตามที่ก าหนดในพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๙ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีความรู้ ความสามารถ หรือประสบการณ์

ด้านการส่งเสริมจริยธรรม ด้านกฎหมาย ด้านการบริหารงานบุคคล ด้านการพฒนาทรัพยากรมนุษย์

หรือด้านอื่นใดอันจะเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติหน้าที่ของ ก.ม.จ. โดยมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และ

ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้

(๑) มีสัญชาติไทย

(๒) มีอายุไม่ต่ ากว่าสี่สิบห้าปี

(๓) ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

(๔) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

(๕) ไม่เคยได้รับโทษจ าคุกโดยค าพพากษาถึงที่สุดให้จ าคุก เว้นแต่เป็นโทษส าหรับความผิด

ที่ได้กระท าโดยประมาท

หนา ๕

เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒


(๖) ไม่เป็นผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น กรรมการ

หรือผู้ซึ่งด ารงต าแหน่งซึ่งรับผิดชอบการบริหารพรรคการเมือง ที่ปรึกษาพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่

พรรคการเมือง

(๗) ไม่เคยถูกลงโทษทางวินัย หรือให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ รัฐวิสาหกิจ

หรือหน่วยงานของรัฐ


(๘) ไม่เคยต้องค าพพากษาหรือค าสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน
เพราะร่ ารวยผิดปกติ


(๙) ไม่เคยต้องค าพพากษาอันถึงที่สุดว่ากระท าความผิดต่อต าแหน่งหน้าที่ราชการหรือ
ต่อต าแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระท าความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน

ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ

(๑๐) ไม่อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ด ารงต าแหน่งทางการเมือง


(๑๑) ไม่เคยพนจากต าแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด ารงต าแหน่ง
ทางการเมืองมีค าพิพากษาว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

มาตรา ๑๐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการด ารงต าแหน่งคราวละสามปี

เมื่อครบก าหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่

ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพนจากต าแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในต าแหน่งเพอด าเนินงานต่อไปจนกว่า

ื่
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากต าแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่จะด ารงต าแหน่ง

ติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้

มาตรา ๑๑ นอกจากการพ้นจากต าแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากต าแหน่ง

เมื่อ

(๑) ตาย

(๒) ลาออก

(๓) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๙

(๔) ก.ม.จ. มีมติให้ออกจากต าแหน่งด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวนกรรมการ

เท่าที่มีอยู่ เพราะบกพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือหย่อนความสามารถ

หนา ๖

เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒



มาตรา ๑๒ ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพนจากต าแหน่งก่อนวาระหรือในกรณี
ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งไว้แล้ว

ยังมีวาระอยู่ในต าแหน่ง ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนต าแหน่งที่ว่างหรือเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพมขึ้นอยู่
ิ่
ในต าแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทนหรือผู้ซึ่งแต่งตั้งไว้แล้ว เว้นแต่วาระที่เหลืออยู่ไม่ถึง

หนึ่งร้อยแปดสิบวันจะไม่แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนก็ได้

ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากต าแหน่งก่อนวาระ ให้ ก.ม.จ. ประกอบด้วยกรรมการ

ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่จนกว่าจะมีการแต่งตั้งตามวรรคหนึ่ง

มาตรา ๑๓ ก.ม.จ. มีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้

(๑) เสนอแนะและให้ค าปรึกษาเกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านมาตรฐานทางจริยธรรม

และการส่งเสริมจริยธรรมภาครัฐต่อคณะรัฐมนตรี

(๒) ก าหนดแนวทางหรือมาตรการในการขับเคลื่อน การด าเนินกระบวนการรักษาจริยธรรม

ื่
รวมทั้งกลไกและการบังคับใช้ประมวลจริยธรรมส าหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐเพอให้องค์กรกลางบริหาร
งานบุคคล องค์กรตามมาตรา ๖ วรรคสอง หรือผู้บังคับบัญชาน าไปใช้ในกระบวนการบริหารงานบุคคล

อย่างเป็นรูปธรรม

(๓) ก าหนดแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ

มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมและยึดถือแนวทางปฏิบัติตามประมวลจริยธรรม รวมทั้ง

ิ่

เสนอแนะมาตรการในการเพมพนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมแก่
หน่วยงานของรัฐต่อคณะรัฐมนตรี

(๔) ก ากับ ติดตาม และประเมินผลการด าเนินการตามมาตรฐานทางจริยธรรม โดยอย่างน้อย

ต้องให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการประเมินความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรม และให้มี

การประเมินพฤติกรรมทางจริยธรรมส าหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานนั้น

(๕) ตรวจสอบรายงานประจ าปีของหน่วยงานของรัฐตามมาตรา ๑๙ (๓) และรายงานสรุปผล

การด าเนินงานดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

(๖) ตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดจากการใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้

(๗) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย

หนา ๗

เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒


การประเมินผลตาม (๔) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ม.จ. ก าหนด โดยอาจจัดให้มี

องค์กรภายนอกเข้าร่วมการประเมินผลด้วยก็ได้

มาตรา ๑๔ เพอให้การด าเนินการจัดท าประมวลจริยธรรมและข้อก าหนดจริยธรรม
ื่
ตามมาตรา ๖ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสอดคล้องกับมาตรฐานทางจริยธรรม และเพอประโยชน์ใน
ื่
การด าเนินการตามหน้าที่และอ านาจตามมาตรา ๑๓ ให้ ก.ม.จ. มีอ านาจก าหนดหลักเกณฑเป็นระเบียบ

ื่
คู่มือ หรือแนวทางปฏิบัติเพอให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคล องค์กรตามมาตรา ๖ วรรคสอง และ
หน่วยงานของรัฐ ใช้เป็นหลักเกณฑ์ส าหรับการจัดท าประมวลจริยธรรมและข้อก าหนดจริยธรรม รวมทั้ง

การก าหนดกระบวนการรักษาจริยธรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการนี้ ให้ ก.ม.จ. มีหน้าที่ให้ค าแนะน าแก่

องค์กรกลางบริหารงานบุคคล องค์กรตามมาตรา ๖ วรรคสอง และหน่วยงานของรัฐในการปฏิบัติ

ตามพระราชบัญญัตินี้

ในกรณีที่ปรากฏแก่ ก.ม.จ. ว่า การจัดท าประมวลจริยธรรมขององค์กรกลางบริหารงานบุคคล

หรือองค์กรตามมาตรา ๖ วรรคสอง หรือข้อก าหนดจริยธรรมของหน่วยงานของรัฐแห่งใดไม่สอดคล้องกับ

มาตรฐานทางจริยธรรมหรือมีการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑที่ ก.ม.จ. ก าหนดตามวรรคหนึ่ง

ให้ ก.ม.จ. แจ้งให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคล องค์กรตามมาตรา ๖ วรรคสอง หรือหน่วยงาน

ของรัฐแห่งนั้นด าเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง และให้เป็นหน้าที่ขององค์กรกลางบริหารงานบุคคล องค์กร

ตามมาตรา ๖ วรรคสอง หรือหน่วยงานของรัฐที่จะต้องด าเนินการโดยเร็ว

มาตรา ๑๕ ให้ ก.ม.จ. จัดให้มีการทบทวนมาตรฐานทางจริยธรรมตามมาตรา ๕ ทุกห้าปี

หรือในกรณีที่มีความจ าเป็นหรือสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ก.ม.จ. จะพจารณาทบทวนในรอบ

ระยะเวลาที่เร็วกว่านั้นก็ได้ โดยในการด าเนินการดังกล่าวให้เชิญผู้แทนจากองค์กรกลางบริหารงานบุคคล

และองค์กรตามมาตรา ๖ วรรคสอง มาหารือร่วมกันด้วย

มาตรา ๑๖ การประชุม ก.ม.จ. ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวน

กรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ จึงจะเป็นองค์ประชุม

ในการประชุม ก.ม.จ. ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้

ให้รองประธานกรรมการปฏิบัติหน้าที่แทน ในกรณีที่ไม่มีรองประธานกรรมการหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติ

หน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม

หนา ๘

เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒


การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุม ให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งใน

การลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

มาตรา ๑๗ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ก.ม.จ. มีอ านาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ

หรือคณะท างานเพื่อพิจารณาหรือด าเนินการตามที่ ก.ม.จ. มอบหมายได้

ให้น าความในมาตรา ๑๖ มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการและคณะท างานด้วย

โดยอนุโลม

มาตรา ๑๘ ให้ประธานกรรมการ กรรมการ ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการได้รับ

เบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามที่กระทรวงการคลังก าหนด โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี

หมวด ๓

การรักษาจริยธรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ


มาตรา ๑๙ เพอประโยชน์ในการรักษาจริยธรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้หน่วยงานของรัฐ
ื่
ด าเนินการ ดังต่อไปนี้

(๑) ก าหนดให้มีผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาจริยธรรมประจ าหน่วยงานของรัฐ ในการนี้

อาจมอบหมายให้ส่วนงานที่มีหน้าที่และภารกิจในด้านจริยธรรม ธรรมาภิบาล หรือที่เกี่ยวกับ

การบริหารงานบุคคล หรือคณะกรรมการและกลุ่มงานจริยธรรมประจ าหน่วยงานของรัฐที่มีอยู่แล้ว

เป็นผู้รับผิดชอบก็ได้

(๒) ด าเนินกิจกรรมการส่งเสริม สนับสนุน ให้ความรู้ ฝึกอบรม และพัฒนาเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ื่
ในหน่วยงานของรัฐ และจัดให้มีมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพเพอเสริมสร้างให้มีการปฏิบัติ
ตามประมวลจริยธรรม รวมทั้งก าหนดกลไกในการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบพฤติกรรม

ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตลอดจนสร้างเครือข่ายและประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐและ

ภาคเอกชน

(๓) ทุกสิ้นปีงบประมาณ ให้จัดท ารายงานประจ าปีตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ม.จ. ก าหนดเสนอต่อ

ก.ม.จ. โดยให้หน่วยงานของรัฐเสนอรายงานประจ าปีผ่านองค์กรกลางบริหารงานบุคคลหรือองค์กร

ื่
ตามมาตรา ๖ วรรคสอง แล้วแต่กรณี เพอประเมินผลในภาพรวมของหน่วยงานของรัฐเสนอต่อ ก.ม.จ.
ด้วย

หนา ๙

เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒


มาตรา ๒๐ ให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลแต่ละประเภทและองค์กรตามมาตรา ๖

วรรคสอง มีหน้าที่ก ากับดูแลการด าเนินกระบวนการรักษาจริยธรรม และการประเมินผลการปฏิบัติ

ตามประมวลจริยธรรม รวมทั้งให้มีหน้าที่และอ านาจจัดหลักสูตรการฝึกอบรม การเผยแพร่ความเข้าใจ

ตลอดจนการก าหนดมาตรการจูงใจเพอพฒนาและส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของรัฐ

ื่
มีพฤติกรรมทางจริยธรรมเป็นแบบอย่างที่ดี และมาตรการที่ใช้บังคับแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงาน

ของรัฐซึ่งมีพฤติกรรมที่เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมหรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรม

โดยอาจก าหนดมาตรการเพื่อใช้ในการบริหารงานบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการประเภทนั้น

บทเฉพาะกาล




มาตรา ๒๑ เมื่อ ก.ม.จ. ได้ประกาศก าหนดหลักเกณฑการจัดท าประมวลจริยธรรม
ตามมาตรา ๑๔ แล้ว ให้องค์กรกลางบริหารงานบุคคลและองค์กรตามมาตรา ๖ วรรคสอง จัดท า

ประมวลจริยธรรมให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่ ก.ม.จ. ก าหนด

มาตรา ๒๒ บรรดาประมวลจริยธรรม กฎ ระเบียบ หรือหลักเกณฑ์เกี่ยวกับจริยธรรมของ

เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีผลใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้คงมีผลใช้บังคับได้ต่อไป

เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีการก าหนดประมวลจริยธรรมหรือหลักเกณฑเกี่ยวกับ

จริยธรรมตามพระราชบัญญัตินี้


ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี

หนา ๑๐

เลม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๐ ก ราชกิจจานุเบกษา ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒



หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๗๖ วรรคสาม
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้รัฐพงจัดให้มีมาตรฐานทางจริยธรรม เพอให้หน่วยงาน

ื่
ของรัฐใช้เป็นหลักในการก าหนดประมวลจริยธรรมส าหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานนั้น ๆ ซึ่งต้องไม่ต่ ากว่า

ื่
มาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าว ดังนั้น เพอให้การจัดท าประมวลจริยธรรมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและ
มีมาตรฐานเดียวกัน สมควรมีกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมใช้เป็นหลักส าคัญในการจัดท าประมวล

จริยธรรมของหน่วยงานของรัฐเพอใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติตนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยมีหลักเกณฑ์
ื่
การจัดท าประมวลจริยธรรม กระบวนการรักษาจริยธรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งมาตรการและกลไก
ที่มีประสิทธิภาพเพื่อเสริมสร้างให้มีการปฏิบัติตามประมวลจริยธรรม จึงจ าเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้



ผนวก ฉ. ระเบียบกระทรวงกลาโหม ลงวนที ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๑

วาด้วย ประมวลจริยธรรม พ.ศ.๒๕๕๑

ระเบียบกระทรวงกลาโหม



ว่าด้วยประมวลจริยธรรม

พ.ศ. ๒๕๕๑






โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้มีประมวลจริยธรรมของกระทรวงกลาโหมเป็นมาตรฐาน

ความประพฤติและเป็นหลักปฏิบัติ ให้เกิดการปฏิบัติงานเป็นไปตามหลักคุณธรรม จริยธรรม

ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๗๙ ซึ่งบัญญัติ

ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการจัดทำมาตรฐานทางจริยธรรมของข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ

แต่ละประเภท จึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยประมวลจริยธรรม

พ.ศ. ๒๕๕๑”

ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ข้อ ๓ บรรดาระเบียบ คำสั่ง หลักเกณฑ์อื่นใด ในส่วนที่มีกำหนดไว้แล้วในระเบียบนี้

หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทน

ข้อ ๔ ในระเบียบนี้
๔.๑ “ส่วนราชการ” หมายความว่า ส่วนราชการขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม

กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ

๔.๒ “ข้าราชการกระทรวงกลาโหม” หมายความว่า ข้าราชการทหาร

ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการทหาร และหมายความรวมถึง ข้าราชการพลเรือนกลาโหม

ทหารกองประจำการ นักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม เจ้าหน้าที่ทางทหาร พนักงานราชการ ลูกจ้าง

ในสังกัดกระทรวงกลาโหม และบุคคลที่ทำหน้าที่ทหารตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด

๗๗๑



ข้อ ๕ ข้าราชการกระทรวงกลาโหมจักต้องยึดถือและปฏิบัติตามค่านิยมหลักของ

มาตรฐานจริยธรรม ๑๔ ประการ ดังนี้
๕.๑ การเชิดชูและรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า

๕.๒ การพิทักษ์รักษา ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

๕.๓ การรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็นประมุข

๕.๔ การพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งเขตอำนาจรัฐ

๕.๕ การพิทักษ์และรักษาผลประโยชน์ของชาติ ยึดถือประโยชน์ส่วนรวม
มากกว่าประโยชน์ส่วนตน และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน

๕.๖ การยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นธรรม และถูกกฎหมาย

๕.๗ การให้การช่วยเหลือแก่ประชาชนด้วยความรวดเร็ว มีอัธยาศัย และ

ไม่เลือกปฏิบัติ
๕.๘ การให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน โดยไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงภายใต้กรอบ

ของกฎหมาย

๕.๙ การยึดมั่นในคุณธรรม และจริยธรรม
๕.๑๐ การมีจิตสำนักที่ดี ซื่อสัตย์ สุจริต และรับผิดชอบ

๕.๑๑ การมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของงาน รักษามาตรฐาน และมีคุณภาพโปร่งใส

ตรวจสอบได้
๕.๑๒ การยึดมั่นในระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับ และแบบธรรมเนียมของทหาร

อย่างเคร่งครัด

๕.๑๓ การเชิดชูและรักษาไว้ซึ่ง เกียรติยศ เกียรติศักดิ์ ของทหาร
๕.๑๔ การเชื่อถือผู้บังคับบัญชา และการปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

ทั้งการปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยความยุติธรรม

ข้อ ๖ ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน เผยแพร่ และปลูกฝังให้ข้าราชการ
กระทรวงกลาโหมที่ปกครองอยู่นั้นรับทราบและยึดถือปฏิบัติตามค่านิยมหลักของมาตรฐานจริยธรรม

อย่างเคร่งครัด

ข้อ ๗ การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามค่านิยมหลักของมาตรฐานจริยธรรมในระเบียบนี้ ถือเป็น
การกระทำผิดวินัย จักต้องรับโทษหรือรับทัณฑ์ตามกฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร หรือแบบธรรมเนียม

ของข้าราชการกระทรวงกลาโหมประเภทนั้น ๆ

๗๗๒



ข้อ ๘ หากข้าราชการกระทรวงกลาโหมที่ถูกลงโทษ หรือทัณฑ์ ด้วยเหตุแห่งการฝ่าฝืน

ค่านิยมหลักของมาตรฐานจริยธรรม เห็นว่าไม่เป็นไปด้วยความเหมาะสม เป็นธรรม สามารถร้องทุกข์

หรืออุทธรณ์ได้ตามกฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร แบบธรรมเนียม หรือวิธีการที่กระทรวงกลาโหมกำหนด
ข้อ ๙ ให้ส่วนราชการรายงานผลการปฏิบัติตามระเบียบนี้ถึงปลัดกระทรวงกลาโหม

ภายในวันที่ ๓๐ กันยายนของทุกปี โดยจัดทำบัญชีรายชื่อของผู้ที่กระทำการฝ่าฝืนค่านิยมหลักของ

มาตรฐานจริยธรรม เหตุแห่งการฝ่าฝืน และการลงโทษหรือการลงทัณฑ์ทางวินัยที่ได้รับ

ข้อ ๑๐ ให้ปลัดกระทรวงกลาโหมรักษาการตามระเบียบนี้


ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑



(ลงชื่อ) สมชาย วงศ์สวัสดิ์

( นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ )
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม








หมายเหตุ :- หลักการและเหตุผลในการประกาศใช้ระเบียบนี้ เพราะ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๗๙ ซึ่งบัญญัติให้มีมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่ละประเภท โดยให้มีกลไกและระบบในการดำเนินงานเพื่อให้การบังคับใช้

เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการกำหนดขั้นตอนการลงโทษตามความร้ายแรงแห่งการกระทำ โดยให้
ถือว่าการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมเป็นการกระทำผิดทางวินัย จึงจำเป็นต้อง

ออกระเบียบฉบับนี้





ผนวก ช. คําสังกองบัญชาการกองทัพไทย ลงวนที ๒๖ เมษายน ๒๕๖๑ เรืองการตรวจ

และกวดขันวนัยของกําลังพลสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย

(~hLU1)
~1«~ne~~~1n11ne~i~L~a
...
~ @)e£4'i!~1Il
L~e.:J m'fl'1~LL~::m'n1fliu1UV'Ue~fh£\,~~~i~nf\ 1Jn.~~.






LTtatl1m'fl'1~LL~::n1'n1f\W1UV,a~n1fl~"~I.:Jn,, 1Jn.~~. LfJUL\Ji1Vft1111L~a1J~ea LLftll
LTti)J1L;;eUm1\Jn,j'i\91u,a.:J;;1'1't1m'\J'::~1m' ~"'1'n£l~\J'::~1m' \lnf1.:J ~::"um1U'S1'!!m' eruu.&1f\~
.. ........ '" ... 1 . ., ... 0 it () ..I ..
a~ft111111'::L1JV1J1UV f\1·h"'VnLftn fl1",~ 1Jn.~1'~~~fI LO"1t "1Il1ll(i)@l/Q'ltt ft.:J M fl.ft.« L'Se~ m'fl'S1~
'" ......... • it..l .. ..1-....
LLi'!::n1fl'UU'::L1JV1J1UtI""'''' LL~:: fl1"'~ 1Jn.~'M11~~qfl ~ <£OO""tftfo ~~ crl ~.tl.tfo L'e~ m'1J{]1Jflf1U
'Ua.:J;;1'1'tIm, Qnf1~ W'lt"Un~1U11'!!m'S«~nfl1Jn.~1'U.:Jqfl t"vt,ma\J~Ui ~~d
Ill. mnJnUiflU'Ue~n1£\'~ft

(i).1Il m'SLLPi.:JmV
... 1"" ...it .., 0 '1.l"1. .., ..
.,.(i).1Il u.91~Lft,e~LL1J1J ~'M~nfle~ fl1111'1 Lflm'M1J" n loun(Jn't~'1~ 11f11t1LfII'£I.:JLL1J1J
'U£I~n1«~"i'!LLPi~t\J'tUl~ m'&1111Llenu'MU11 if1'1'!!m,t ,.;L;iJ'anU'MU11 LL~t1..l'tft1JLf'I~e~'M1I1VVrl"111~

Lii'~qjql·mllun(Jn'::~'1~'Ue.:Jm'LLfi~n1V~LL,j~tL"'ihl1'"n1"'U" "1"'i'1J~nf1~ LLftt"Un~1U'1't1m' e,.tftll
t m-dLlenu'MU11tiL-nUi;\V1n1J';1'1'm, l{;lV',j~flLJII~£I~'M1I1VtIl, m'&11111~enU'M1J11t l11fl411J~U1I1~Ua~

n'S::'lllUl,,~ \0 '!Ie~LlaLft~£I.:JLL1J1Jii'1Ut U LL~tI.'1111'M111n'lnftf.:Ju1aa~uane1f11'
... ... ........... ....,..... ........
Ill. Ill. \!) flfl1J91' LLI.'1f1~91U..1~LfI,e~LLf1.:Jn1V'ln'tlUfI"Ui'!n1!tQ.lt~&11111,alla~L'MU .."
... ., ..... I ........ ... "''1'' .. fI ... }j! ........ ..I
'tI"L~U LL~::~tfle~" n1Jfl' 1J':: ~1f11"1'1't1n1'1 fI"fl1 ..1fl~efl L1~1 L"afJUVU"'1~flfli'!LlImf\11'MU1~
"afl'1'iil&1a1J
.. • .... I "" .. .1 .... .,.. '1.!n ll .1 ""
1Il.IIl.m 'M111U1LJII,a~u'::fl1J 'M,a~ un1Q.1aU ..fl~~1~'1't1n1' r.JJ fla,.CU1fl1l1 u1tfl1J
n1JLfI~a-1LL1J1J L-nU tl1Tt1~QtyLL'iil nfie~LLiufl1111jifl~"3n1~Ln~,.,~eL~lIi" L\luiu ft1Un1"JTtn'W11~qi'1J-ft.:J
,.,;e1~,K"";LfI~eu~ ;~amflu~\Jn,alfle&11"i 1.'11111,atl1111a,,01JL~lI,j,,'Ua~LfI~e~LL1J1JL~ L"vhnifl1'
t uflJa~ilfl1 meililn~lIn~un1JiI'UiHLfI~i)~LL1J1J
1Il.IIl.ct m'LL,j~,!fI;ht1 'VI~8'!fl1aill tU1U\J~,j'i\'1't1m'tl1LLfi~Lft~a~LL1J1JLL~::tl1'fI
.... .1..1. ...... t: I .... ......1.." .... it fill ..... ...
nlt1111L1J~VUnaun1'L~Um41""efI~LLflL1ft1 1Il\o00 L1Un'W'VI",1U'1'!!n1'1If11"~L1JUft1 tift n1!tQ.lem~n
tl1LLfi~,"n\c1111LTtefl1'O~LOTt1t L-nU n1'';10'iiln1111 cJ:: 1.'1 n1'~"l.'1a1J·h~ma ;~n1'MUfltu1utfl1U'M;j~

01.'11111,a LLlIi~,!fln""1111\Jil~jj'1't1n1"ii' ~~d~ttA'a~LfJu'fln\4111e~LLlIift::ft1U'1't1n1,tu 1J n.~~. LLft::
tl1ae"'tI1t1Lle'1tum~Ln~n'M'1tl1L~V1J~etl

Ill.\!) 'VI'H~lI

(i).\o.@) n1fl~Ttft'MiU~ l1111\Jaetl~1I611\J,::,h ,.,'!a\J'm.h'iilU;)flBU~1I5"4 n,tll
.,11 .1 .,., .. II "'III !'II ...... ...... ...
..
~1I611 ..'VI'11JLLfttll1l1f11Ji'!1V~1I ~'ML'SfJ1J,atl 'M111 ..1~lIL1JtI ~1I~'~'M1~1I1 ""ia~,~eu~ LlIL",111:: alln1J
m'1.'1111,.,1I1n tflV6f)lIR~lILii'LO"1tR';1LYhuu
m.\o.\!) n1ft~"ft'tl1V tii~~11 f011Itlm1WU ~ flflI. l1111U'MU1fULft::Lft11
@),Q'l n1'LLI.'1"~fl1111Lft1'"
(i).gr,(i) m'LLI.'1f1~ft1111Lf\1,,,tWla\JilUii"111~i'jen1'Siln/LL1J1Jiln"'::'11't1~1U


......1 ..
I (I).en.1!> e,t~lIfJf'I...

-l!J­


.,.i. .. 1" 0 .,..1. I .,..... I AI 0
Ci).en.l!J ~'VllJtlfII fl1n11 fI e~'Vl1f1l11lJLfl1,Yi~'VllJtIIII ~~n1'1 U~Z~'VllJtllII~-1m 1f1e-1'Vl1
fl11lJLfIl1'YifleU 01t1f11LftlJiJnu".,;m11Wuu'"l~'htfl,ijiJ11u,~-1n11;riJ-1vhfl11lJLfl1'Yi~~nuu~znu
Ci).<r m''IJ~m'1't1m'

Ci).<r.Gl -H1'1't1m, ~n~1-1 UfU::Vnl'n-11U'1'!jn1' ~:::;riJ-1lJ1'IJ~~'1'!jn1'fI'-1f11lJ
..J O.,'..:.t.."
L1a1'Vl'Vl1~'1't1m'n1""U" L1UUfln'UlJlJL".,'l~~eUalJfl1"S
Gl.<r.l!J \11lJ1fL1ft1'n'tln111 'IJ".,1f111lJi.;"ncy,hui1 VI;~m.Yi LfI~iJ~fliJ~lIiJUlJ1
""~iJn1:::vhm,t", eUfliJ\tf1.u'Vl1~v1~ZL~iJlJLiltI~milEHuti'Vl1~11'!jm1
Gl.ct'.en m1tinitl111~1fie(<U~~U,jty'tl1 ""1iJ(~ijtlfll\1~n11~z~e~i!fIl11lJqIl1Vi



Gl.<r.ct' \11lJ1initl111~1'WqIl1YifieL~1".,,j1~ ~~'lJD,jl11'!jm"Sfl11J".,,j1v1 UftZ\11lJ
L1ij1".,U1m.r,ntl111~1'W2J1l1YiP1iJ(~U
(f).ct'.~ n"StUule'1.~iufll1«~ ".,;efhuutlU111EHL1ij1""U1v1;"'IJ~~11't1m'fl1lJEl1U1~
".,,j1v1~:::;riJ~'lJi1,jlfl1lJ~flfJLfI~-1f1;fl

Gl.~ m'-UU~UftZlfltJft1"StJ1UYi1".,UZ 1l1tJ1uifuv1"e~lhu111Jm1tU un.'Vl'Vl.
...... ../!'."i Jt, !'II" 1'1 .... " ....
(j).ct.Cil ~"UllUft~~ LfltJa1'~1thJn1tJ1UtJUfI L".,a1lJ".,lJl n 'W'mtJYi"SiJlJfII1fli'l1tI"Sflfl1~
~1t1VJnflf~ ""lJ1nil"SsltJ~:::~a-1ihrn'1!tCllZv1~n;ra~fl1lJn{l""lJ1t1 H1V1iuil'!la~""lJ1n;hsltlt\1(ufi~n1fJL""~h 'VlU.
tiwJ1nihsltliMitl1, 'VI1. tf""lJ1nihsltlil'!l11 uaz 'VIa. tiw.J1n;h.ntl~L'VI1
'"' .... ../ ... ,. ".n " •I
Cil.ct.l!J wallu"".,"Sa Lfltli'l111fltlUfl '!lCll:::e", _UtI1UVi1""UZfla~a1lJ""1J1n u'Hmau





II'"
,,-,
"
"
filii
C\
..,
~ "
~ ~~, ., .,
Gl.b Vi~"SZlJfl"SZ1~n11 L'tIfIelJYi1Lfla":iUilZL'Vl1nYi'Vl lJ L".,~n"m1mZ'VI1f1l11lJJ.lflfl11J Yi.1.u.
'h~1t1n11n"Szvi1f111lJij"L~tl1r1UflalJ\;1Lflai Vi. fII.l!Jctcto uil~v1unt'!lLTilJL~lJ L-du l1i";1a1tJum'!l
-ualJftfla1J'W1Lflei'!la~~u 1Z~U '!j~aa i"'!l11~1U01U1ZUU'!la~~~u LYiftlfloUlnJilv1ijIJlL;jau ".,;a'IJaalJ -ua;ja
~th~~Lnflfl11lJ L~tI""1t1fiafl111J~UfI~"e-3'IJ1~L'Vlfll fl11lJ'lJaeflsltli'l1611 CIl~ ".,;e~f'l1~a;1-3ifu!1UeUL~U
'IJ,~LtI'tI1la151':iCllZ".,;e,Y, t \1Ln flf'l11lJ ;!U"'Z,,.,Unuti'IJ':i~"!!1't1U -UiJ'dftL~tJ1r1Ufl11lJ,!UfI-3 U ";-311't1e1CIl1~n1
"I.t' ,,"" t
::s.,.ol ::s
..
• I

.J!'
"
'"' •
...... I
,.
m':iniJn11':i1t1 1l1Yia1lJnaU1~11 a11-3 ",,"fla """:iafl"Uufthfltlu,~n11'VlU1~Z'Vl1 LVI~aUUUL~tJ"!!m~tI~
0
~n~".,ilULnfitlfli-3 1l1,"~L~tI;11"v1vht\1ijfl1 lJ1'''1 ~i'llJ1a ".,;e~"1'!la-1(fl1fJLfttJ~aU4t1~ ~n~".,ilULne;tI"i~
".,;el~i'Ufl11lJaUe1tJ nfll~t1-ue;ja~-3a~Lii"n{l""lJ1tJ nflu'!ji-ua;ja;in1tl'VlU"e@Juua~"e~flf'lft;i en L-UU~U
,;,wfUm'U1-11l1Yi ".,;a-ue\!a n\1n'11J'Vl1-3'V1""1,;ra-3'1.;r;ue11iii".,;a5jfii1i-3t\1,)1Lilun1''1.~~1n(<U-3~u<Uty'!j1
.I ~.I" "'''!'Ii'''
.... "'''
":"I
!if
:'I"
1Zflu~e1U1tJm':ine"lIU Lu lIe\!a4!J~ClmuUfII11lJaUlle-3'Vl1~11't1m'''''11JL1JflL~tJ ~flfJL!.'Ifl1l1f1
I!:>. n11im~t11trtl
l!J. Cil t \1~<U~~U<UCY'!j1VJn1ziiuiulj~,j1v1~ ua n1f1iuua ~~f1n1"~ eU1lJ n1a~Yi~
'u<U-3~u'Y'!j111e~flut\1'IJi1~"1lJ n{l -ue<U-3~U 1ZL\jtJU fhl-3 ua~UUUti1'lJLiltJlJ'VI""11 fl111~n11eU11J1trtl
UatlLLUU5'i':ilJLiltllJ'Vl1f11'S f11lJ~U1n n
~ ..1....,..,;0
.., t
l!J.l!J Yiu.a"".au.un.un.'Vl'Vl. ua~ a1U11't1n11LU un.'VI'VI. 'VllJ .,,,.,. Luefl11 'Vl1n11f111\1
1trtl'Vl""11'IJ'~\11'rU CIl -da~'Vl1-3~1uL'i1-aan lIe-3uiL1C1l;fuv1vli'uijfl'tleU ""1nYiU11n1a-1Yiail"n1~vi1
fl11lJijfl".,;eft~Latl'W'lJ1~Yiq~'IJ~~~~n;re-3fl11J'~~L\jtlu1trtl L-dU n11U"~n1t1UftZn1'Uafl-3f111lJLfl11~
L-UU;)U t~ ft".,. fl1Lilun11ii'mflau ~fl~euft~I':Jf1fl

lo.m .11'U11'Un1'It'U un.VlVI. m,jil ~ll. t'Uafl11 tl1~flfh~~'nI1\~ilfil11lJ~llJJ1::~lJ

Lfj'U~fllJl'I1'J1UVfl1JJ'Ue \!).\!)
lo.tI:' a1'U'1'UnT~t'U un.VlVI. ,'V-11'UJ.lflm1()UUJ1UVfl111-UD lo.G'I LLa~m1n'::";1ilfl1UV
'J10m'1JI11~1UVLW::m1mam1ilfl~'U' 'UDm'Mile'J1nm1~n"'1'J1,rV Liie'Ufl:: G'I filf~ 1110t'ULiie'Utflwtl110{]
II • ... ... ., 't II ..... ., 't,!II II t
~01::Vl1fil11lJJ,I"1'UV "llLL'J~V'UV'U..l1VI'1Ufl1V'VJ0"'~
lo..r: ~'Ufl~nfl'Ue~ etll. fl111fe \!).t? '1v~1uJ,l~n11fl11~1,rvlfuJLet'Ue~1'U ~~1.Vl1l1'

n()'U1U~ IilO 'Ue~Lfl()'Utifl'lti LLUU11V-11'UJ,lflm''''1l\11,rvlm1n1::\11fil1111NfII fl111U'U1n 'U
m. ~'J1.Vl1l1,
.f .. .., t 11...1 ,. '" .~
m.m i'I'J1.VI'VI11 ynn',1J111'J1'UVVl1l11 'U'VIU1V1'U()~ ~'J'.VlWl' ..flV'JfI,fl"'1'JYI101'
fl'1l\1fl'1LLfI::et()f1.1e<IJm''lh::"q;hj~lli1..t1' 'ttl 'U()~fhfl~'nflfl'U)" UO.VlVI. toM()~'i.'U O{l feu<lJftu '::L.uVU
thi~ LLfI::LLUU6"U~iltJlIVl1l11()th~LfI;~f'li'fl 01N"Ufhfl~"fIo1::vT1Nfliuv t l1LL~~~'Ui<IJnfl'UD~fha~"fI

~~nt;'1V111U~~efhLil'Um1fi()'l'l.J
m.\!) 11U11~'111~1'UJ,lflm1fl'11\1LLfI::01M'U1UlItI'::~1Lii()'Ufl1~4i'() \!) uJ'1~"th'111{j1'U
• .. ( . ) ... 1'1 tI· ""
~1tIJ,laIl1"'111'U1~'V'U UU.VI~i'I. U1'U O".VIl111 L'nDVI'1ULu'U 1::\l1Ylmfle'U
~. uVlfI~lvn;
~.Iil n,alvt~1'U11"01,t'U un.VlVI. 't~i'U11tJ~1'U';hti1«~"flt'UiY~n"n'tl";1fl11JJNflit!tJ
fl111ft) G') ;)D~fi1Lil'Un11f1~\1N"fl111 'n.'.U. 11.11111,rVVl1l1' ".ft.\!)<C~b 1l;eMIV11;fl111;;eU~ftUVI'VI11

.,j fII/~ . II .M ,... II "'... • 1! .1! tI .. .. • .!"
VI 11fl1V1I111'Um1nfl1..l11I"flL1t)'U 'Ueu~flU nll. 11"111~n"1~ 1::'J1 ".f'I.\rJ&:c:dr.I1::LUVU Oll. 11i'l1V
IDea..,
",rO~1'U11't101' ".".\!)cr~1d LLt11Ufio1al 'VI101«;U11v~1'Um·m1::\11f'l1111N,.i~LLfi tv !1'Uf'Ult1 'UDO'J10
~_.-1'" ~,& .I' • '" t"" :'t, .t 'I.!'" t .. "" .. "'~...I • ­
m'fI'fflLU"rImefl{l~Vll!ftPI {lnfl11LW1 lli'l1'U'I1'tIm,..'U UO.VIVI. 'U'U, LlI\a()'U'tl'UL~'ULfI()'U..'U'" -ruVlO'::Vl1f11111J.1fl

mefi1"£JULLVl'Ut'UtJvtm:::vT1f111lJNfl '!'U~1V If1tJ11v{l1'Uuflm1fi1Lil'Um,tl1 HU.Vli'I~. (~h'U n".VIl111) VI'1U
~.tv lh~U-1ftUU'Y'U1W;;'J1'N1f1~lV1\ffi111ii1'U1\l.."j1;f Ci£J11iu{lftuu'Y'U1,!'Uo1:::";1Nfl
i,rv !1'Uw"nLiie'Ufl{ji'l£J'Ull;£Jfl{l\1ru~~liu4ftuu'Y'U,;Io1:::";1Nfl"1JJlV1w1~lV1w
cr. toM n".Vl1l11 fl1U.,1I n1n\J~LLftm1t1~\J'iitoML{J'Ul\J"1ufi1i~., oU'ud
.t ,l/ t ,...,l/ 1'1 II "I,tI
VI~'U fl~LL"Ufl'ULlJ'U"'U"





(fH~() "fl.e. 6111't1vv'U,; f'I;~11'ru


(t511't'tlv!J'Ufi P1;q1'~1W)
NU.Vli'li'I.

OYtVl1l11

f11"iLLl\ln~1U £1'1.U.J'U.'YI£1£1., £1'U."itJ\I ~'U.'YI£1£1. (19»), (l!l), (m), (<t"), £1'U.L£1ti.'YIV11"i,
£1'U.':itJ\I L£1ti.'YIV11':i (Gl), (l!l), (m), (<t")

~1'U"i1"11f11':i1'U 'Un.'YI'Y1.








(~"i~n~ ':itJ~L:5tJ)

~"I1.~tJ.n£1'U.£1'U.'YIV11"i li1f11':iLL'YI'U

~tJ.n£1'U.£1'U .'YIV11"i
f:y 'V4 •fl.loG>


Click to View FlipBook Version