1
คําทําวัตรเชา
คาํ บูชาพระรัตนตรยั
โย โส ภะคะวา อะระหัง สมั มาสมั พทุ โธ
พระผูมีพระภาคเจา นนั้ พระองคใ ด, เปนพระอรหนั ต,
ดับเพลงิ กิเลสเพลิงทกุ ขส้นิ เชงิ , ตรสั รูชอบไดโดยพระองคเ อง
สว๎ ากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม อานวา สะ-หวาก-ขา-โต (สะ
ออกเสียงแตน อ ยไมเ ต็มคาํ )
พระธรรม เปน ธรรมอันพระผมู ีพระภาคเจา พระองคใ ด, ตรสั ไวดแี ลว
สุปะฏิปน โน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
พระสงฆสาวกของพระผูมพี ระภาคเจา พระองคใ ด, ปฏิบตั ิดีแลว
ตมั มะยงั ภะคะวันตงั สะธัมมงั สะสังฆัง
อเิ มหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปเ ตหิ อะภปิ ูชะยามะ
ขา พเจา ทง้ั หลาย, ขอบูชาอยา งยงิ่ ซึ่งพระผูม ีพระภาคเจา พระองคน ั้น
,พรอ มท้ังพระธรรมและพระสงฆ,
ดว ยเครอ่ื งสักการะทง้ั หลายเหลาน,้ี อันยกข้ึนตามสมควรแลวอยา งไร
สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินพิ พโุ ตป
ขาแตพระองคผ เู จรญิ , พระผมู ีพระภาคเจา แมป รนิ พิ พานนานแลว ,
ทรงสรางคุณอนั สาํ เร็จประโยชนไวแกขา พเจา ทงั้ หลาย.
ปจ ฉมิ าชะนะตานกุ มั ปะมานะสา
ทรงมีพระหฤทยั อนุเคราะหแ กพ วกขาพเจา อนั เปน ชนรนุ หลัง
2
อิเม สักกาเร ทุคคะตะปณ ณาการะภเู ต ปะฏิคคัณหาตุ
ขอพระผูมพี ระภาคเจา จงรบั เคร่อื งสกั การะ อนั เปน บรรณาการของคน
ยากทั้งหลายเหลาน้ี
อัมหากัง ทีฆะรตั ตัง หติ ายะ สุขายะ
เพอื่ ประโยชนและความสขุ แกขาพเจา ทง้ั หลาย ตลอดกาลนาน เทอญฯ
อะระหงั สมั มาสมั พทุ โธ ภะคะวา
พระผูม ีพระภาคเจา , เปน พระอรหันต, ดับเพลิงกเิ ลสเพลงิ ทุกขส ้ินเชงิ ,
ตรสั รูช อบไดโ ดยพระองคเ อง
พทุ ธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ
ขาพเจาอภวิ าทพระผมู พี ระภาคเจา, ผรู ู ผตู ื่น ผูเบกิ บาน (กราบ)
ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธมั โม อา นวา สะ-หวาก-ขา-โต (สะออกเสียง
แตน อยไมเต็มคาํ )
พระธรรมเปน ธรรมทีพ่ ระผมู พี ระภาคเจา , ตรัสไวด ีแลว
ธัมมงั นะมสั สามิ
ขาพเจานมสั การพระธรรม (กราบ)
สุปะฏปิ น โน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
พระสงฆส าวกของพระผมู ีพระภาคเจา, ปฏบิ ัตดิ แี ลว
สังฆัง นะมามิ.
ขา พเจา นอบนอมพระสงฆ (กราบ)
3
ปพุ พภาคนมการ
(หนั ทะ มะยงั พทุ ธสั สะ ภะคะวะโต ปพุ พะภาคะนะมะการัง กะโร
มะ เส)
เชญิ เถิด เราทงั้ หลาย ทาํ ความนอบนอ มอนั เปนสวนเบอ้ื งตน แดพ ระผมู ี
พระภาคเจาเถิด
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต,
ขอนอบนอ มแดพระผมู พี ระภาคเจา พระองคนนั้
อะระหะโต,
ซ่งึ เปน ผูไ กลจากกเิ ลส
สมั มาสมั พทุ ธสั สะ.
ตรัสรชู อบไดโดยพระองคเอง.
(กลา ว ๓ คร้ัง)
พทุ ธาภิถตุ ิ
(หนั ทะ มะยัง พทุ ธาภิถุตงิ กะโรมะ เส)
เชญิ เถดิ เราท้งั หลาย ทาํ ความชมเชยเฉพาะพระพุทธเจาเถดิ
โย โส ตะถาคะโต
พระตถาคตเจานน้ั พระองคใ ด
อะระหัง
เปน ผไู กลจากกเิ ลส
4
สัมมาสมั พทุ โธ
เปนผตู รัสรชู อบไดโดยพระองคเ อง
วิชชาจะระณะสมั ปนโน
เปนผถู งึ พรอ มดวยวิชชาและจรณะ
สคุ ะโต
เปน ผูไปแลว ดวยดี
โลกะวิท
เปน ผูรโู ลกอยา งแจม แจง
อะนตุ ตะโร ปรุ สิ ะทมั มะสาระถิ
เปน ผสู ามารถฝก บุรษุ ทส่ี มควรฝกไดอ ยางไมม ใี ครยงิ่ กวา
สตั ถา เทวะมะนุสสานงั
เปน ครูผูสอนของเทวดาและมนษุ ยท งั้ หลาย
พทุ โธ
เปนผูร ู ผูต่ืน ผเู บกิ บานดว ยธรรม
ภะคะวา
เปน ผมู คี วามจาํ เรญิ จําแนกธรรมสั่งสอนสตั ว
โย อมิ งั โลกงั สะเทวะกงั สะมาระกัง สะพร๎ หั ๎มะกงั , สัสสะ
มะณะพ๎ราห๎มะณิง
ปะชัง สะเทวะมะนุสสงั สะยงั อะภญิ ญา สัจฉิกตั ว๎ า ปะเวเทสิ
พระผูมีพระภาคเจา พระองคใด, ไดทรงทําความดบั ทุกขใ หแ จง ดว ย
พระปญญาอนั ย่ิงเองแลว ,
5
ทรงสอนโลกนพ้ี รอมทัง้ เทวดา มาร พรหม และหมูส ัตว พรอมทงั้ สมณ
พราหมณ,
พรอ มทั้งเทวดาและมนุษยใ หรตู าม
โย ธัมมงั เทเสสิ
พระผมู พี ระภาคเจา พระองคใด ทรงแสดงธรรมแลว
อาทกิ ัล๎ยาณัง
ไพเราะในเบื้องตน
มัชเฌกลั ย๎ าณงั
ไพเราะในทามกลาง
ปะรโิ ยสานะกลั ย๎ าณงั
ไพเราะในทส่ี ดุ
สาตถงั สะพ๎ยัญชะนงั เกวะละปะริปุณณัง ปะรสิ ุทธัง พร๎ หั ๎มะจะริ
ยัง ปะกาเสสิ
ทรงประกาศพรหมจรรย คอื แบบแหงการปฏบิ ัตอิ ันประเสริฐ บริสุทธิ์
บริบูรณ สิน้ เชิง,
พรอ มทงั้ อรรถะ (คาํ อธิบาย) พรอมทั้งพยญั ชนะ (หวั ขอ)
ตะมะหัง ภะคะวันตงั อะภิปูชะยามิ
ขา พเจาบูชาอยา งยิง่ เฉพาะพระผมู พี ระภาคเจา พระองคนั้น
ตะมะหงั ภะคะวันตงั สริ ะสา นะมามิ
ขาพเจานอบนอ มพระผูมีพระภาคเจา พระองคน ัน้ ดว ยเศียรเกลา
(กราบระลึกพระพทุ ธคุณ)
6
ธัมมาภิถตุ ิ
(หันทะ มะยงั ธมั มาภถิ ตุ ิง กะโรมะ เส)
เชิญเถดิ เราทง้ั หลาย ทาํ ความชมเชยเฉพาะพระธรรมเถิด
โย โส สว๎ ากขาโต ภะคะวะตา ธมั โม
พระธรรมนน้ั ใด, เปน สงิ่ ทพ่ี ระผมู ีพระภาคเจาไดต รัสไวดแี ลว
สนั ทฏิ ฐโิ ก
เปนสิง่ ที่ผศู ึกษาและปฏบิ ัติพงึ เห็นไดด ว ยตนเอง
อะกาลโิ ก
เปนสิ่งท่ปี ฏิบัตไิ ด และใหผ ลไดไ มจาํ กัดกาล
เอหิปส สโิ ก
เปน สงิ่ ที่ควรกลา วกะผูอ น่ื วา ทา นจงมาดูเถิด
โอปะนะยิโก
เปนสิ่งทค่ี วรนอมเขามาใสต วั
ปจ จตั ตงั เวทิตัพโพ วิญูหิ
เปน สงิ่ ทผ่ี รู ูก ร็ ไู ดเ ฉพาะตน
ตะมะหงั ธมั มัง อะภิปชู ะยามิ
ขา พเจาบูชาอยางยิง่ เฉพาะพระธรรมนนั้
ตะมะหัง ธัมมัง สริ ะสา นะมามิ
ขาพเจานอบนอมพระธรรมนั้น ดว ยเศยี รเกลา
(กราบระลกึ พระธรรมคุณ)
7
สังฆาภิถตุ ิ
หนั ทะ มะยงั สงั ฆาภิถุตงิ กะโรมะ เส
เชิญเถดิ เราทงั้ หลาย ทําความชมเชยเฉพาะพระสงฆเถิด
โย โส สปุ ะฏปิ นโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สงฆส าวกของพระผมู ีพระภาคเจานั้นหมูใด ปฏิบตั ิดีแลว
อุชปุ ะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ
สงฆส าวกของพระผูมีพระภาคเจา หมูใด ปฏบิ ัติตรงแลว
ญายะปะฏปิ นโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สงฆส าวกของพระผมู ีพระภาคเจาหมูใ ด, ปฏิบัตเิ พ่อื รูธรรมเปนเคร่ือง
ออกจากทกุ ขแลว
สามีจปิ ะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ
สงฆส าวกของพระผูม พี ระภาคเจาหมูใ ด, ปฏบิ ตั สิ มควรแลว
ยะททิ ัง
ไดแ กบคุ คลเหลานีค้ ือ
จตั ตาริ ปุรสิ ะยคุ านิ อฏั ฐะ ปรุ ิสะปุคคะลา
คแู หงบรุ ุษ ๔ ค,ู นับเรยี งตัวบุรุษได ๘ บุรุษ*
* สี่คคู อื โสดาปตติมรรค โสดาปตติผล, สกิทาคามิมรรค สกิทาคามผิ ล,
อนาคามมิ รรค อนาคามผิ ล, อรหัตตมรรค อรหัตตผล.
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
นัน่ แหละสงฆส าวกของพระผูมีพระภาคเจา
8
อาหเุ นยโย
เปนสงฆควรแกสกั การะทเี่ ขานาํ มาบูชา
ปาหเุ นยโย
เปนสงฆค วรแกส กั การะทเี่ ขาจดั ไวตอ นรับ
ทักขเิ ณยโย
เปนผคู วรรบั ทักษิณาทาน
อญั ชะลกิ ะระณีโย
เปนผูท ่บี ุคคลทวั่ ไปควรทาํ อญั ชลี
อะนตุ ตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ
เปน เนื้อนาบุญของโลก, ไมมนี าบญุ อืน่ ยิ่งกวา
ตะมะหงั สงั ฆัง อะภิปูชะยามิ
ขา พเจาบูชาอยางยงิ่ เฉพาะพระสงฆห มนู นั้
ตะมะหัง สงั ฆัง สริ ะสา นะมามิ
ขาพเจา นอบนอมพระสงฆห มนู นั้ ดว ยเศยี รเกลา
(กราบระลึกพระสงั ฆคณุ )
รตนตั ตยปั ปณามคาถา
(หนั ทะ มะยัง ระตะนตั ตะยัปปะณามะคาถาโย เจวะ
สงั เวคะวัตถุปะริกิตตะนะปาฐญั จะ ภะณามะ เส)
เชญิ เถดิ เราท้ังหลาย กลาวคาํ นอบนอ มพระรัตนตรัยและบาลที ก่ี าํ หนด
วัตถเุ ครอ่ื งแสดงความสงั เวชเถิด
9
พุทโธ สุสทุ โธ กะรุณามะหัณณะโว
พระพุทธเจา ผูบริสทุ ธิ์ มีพระกรณุ าดุจหว งมหรรณพ
โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน
พระองคใ ด มตี าคอื ญาณอนั ประเสรฐิ หมดจดถงึ ทสี่ ุด
โลกสั สะ ปาปปู ะกเิ ลสะฆาตะโก
เปนผูฆ าเสียซง่ึ บาปและอุปกิเลสของโลก
วนั ทามิ พทุ ธงั อะหะมาทะเรนะ ตงั
ขา พเจา ไหวพ ระพทุ ธเจา พระองคนนั้ โดยใจเคารพเออ้ื เฟอ
ธมั โม ปะทโี ป วิยะ ตัสสะ สัตถุโน
พระธรรมของพระศาสดา สวางรงุ เรอื งเปรยี บดวงประทีป
โย มัคคะปากามะตะเภทะภนิ นะโก
จําแนกประเภท คอื มรรค ผล นพิ พาน, สว นใด
โลกุตตะโร โย จะ ตะทตั ถะทปี ะโน
ซงึ่ เปน ตวั โลกตุ ตระ, และสว นใดท่ีชี้แนวแหง โลกุตตระนนั้
วันทามิ ธมั มงั อะหะมาทะเรนะ ตัง
ขา พเจา ไหวพ ระธรรมน้ัน โดยใจเคารพเอ้อื เฟอ
สงั โฆ สุเขตตาภ๎ยะตเิ ขตตะสญั ญิโต
พระสงฆเ ปนนาบุญอันยง่ิ ใหญกวานาบญุ อันดที ้งั หลาย
โย ทฏิ ฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก
เปน ผูเห็นพระนพิ พาน, ตรสั รูตามพระสคุ ต, หมใู ด
โลลปั ปะหีโน อะรโิ ย สุเมธะโส
10
เปน ผลู ะกิเลสเครือ่ งโลเลเปน พระอริยเจา มปี ญญาดี
วันทามิ สังฆงั อะหะมาทะเรนะ ตัง
ขาพเจาไหวพระสงฆห มูนน้ั โดยใจเคารพเอือ้ เฟอ
อิจเจวะเมกันตะภิปชู ะเนยยะกงั , วัตถตุ ตะยงั วันทะยะตาภิสังขะ
ตัง,
ปุญญงั มะยา ยงั มะมะ สัพพปุ ททะวา,มา โหนตุ เว ตัสสะ ปะ
ภาวะสิทธิยา
บุญใดท่ีขาพเจา ผไู หวอยซู งึ่ วตั ถุสาม, คอื พระรัตนตรยั อนั ควรบชู าย่ิง
โดยสวนเดยี ว,
ไดกระทําแลว เปน อยางยิ่งเชน น,้ี ขออปุ ท วะ(ความชั่ว) ทงั้ หลาย,
จงอยา มแี กขา พเจา เลย, ดวยอาํ นาจความสาํ เร็จอนั เกดิ จากบุญนั้น
สังเวคปริกติ ตนปาฐะ
อิธะ ตะถาคะโต โลเก อปุ ปนโน
พระตถาคตเจาเกดิ ขนึ้ แลวในโลกน้ี
อะระหัง สัมมาสมั พทุ โธ
เปน ผไู กลจากกิเลส ตรัสรชู อบไดโ ดยพระองคเอง
ธัมโม จะ เทสิโต นยิ ยานิโก
และพระธรรมทที่ รงแสดงเปนธรรมเครอื่ งออกจากทกุ ข
อุปะสะมโิ ก ปะรนิ ิพพานโิ ก
เปน เครือ่ งสงบกิเลส, เปนไปเพอื่ ปรนิ ิพพาน
11
สัมโพธะคามี สคุ ะตปั ปะเวทโิ ต
เปน ไปเพ่ือความรพู รอ ม, เปนธรรมท่ีพระสุคตประกาศ
มะยนั ตัง ธมั มงั สตุ ว๎ า เอวงั ชานามะ
พวกเราเมอ่ื ไดฟง ธรรมนน้ั แลว , จึงไดร อู ยางนว้ี า
ชาติป ทุกขา
แมความเกดิ ก็เปน ทุกข
ชะราป ทุกขา
แมความแกก็เปนทกุ ข
มะระณมั ป ทุกขงั
แมความตายก็เปน ทกุ ข
โสกะปะรเิ ทวะทุกขะโทมะนัสสปุ ายาสาป ทกุ ขา
แมค วามโศก ความราํ่ ไรราํ พัน ความไมส บายกาย
ความไมส บายใจ ความคบั แคน ใจ ก็เปน ทกุ ข
อปั ปเ ยหิ สัมปะโยโค ทกุ โข
ความประสบกบั ส่งิ ไมเปนทรี่ ักท่ีพอใจ ก็เปนทกุ ข
ปเ ยหิ วปิ ปะโยโค ทุกโข
ความพลดั พรากจากสิ่งเปน ทรี่ กั ทพ่ี อใจ กเ็ ปน ทกุ ข
ยมั ปจฉงั นะ ละภะติ ตัมป ทุกขงั
มคี วามปรารถนาสง่ิ ใดไมไดสิง่ นน้ั นนั่ กเ็ ปนทุกข
สงั ขติ เตนะ ปญ จปุ าทานักขันธา ทุกขา
วาโดยยอ อปุ าทานขันธท ง้ั ๕ เปนตวั ทกุ ข
12
เสยยะถที งั
ไดแกส ง่ิ เหลานีค้ อื
รูปปู าทานักขนั โธ
ขันธ อนั เปนที่ตั้งแหงความยึดมน่ั คอื รูป
เวทะนปู าทานักขันโธ
ขนั ธ อันเปน ท่ตี ัง้ แหง ความยดึ มน่ั คือเวทนา
สญั ูปาทานักขันโธ
ขนั ธ อนั เปน ท่ีตงั้ แหง ความยึดมน่ั คอื สญั ญา
สงั ขารปู าทานักขันโธ
ขนั ธ อันเปนทตี่ ง้ั แหง ความยึดม่นั คอื สงั ขาร
วญิ ญาณปู าทานักขนั โธ
ขันธ อนั เปน ท่ตี ้งั แหงความยึดมน่ั คอื วิญญาณ
เยสงั ปะริญญายะ
เพือ่ ใหสาวกกําหนดรอบรอู ุปาทานขนั ธเ หลา นี้เอง
ธะระมาโน โส ภะคะวา
จึงพระผมู ีพระภาคเจา นน้ั เมอื่ ยังทรงพระชนมอยู
เอวงั พะหุลงั สาวะเก วเิ นติ
ยอมทรงแนะนําสาวกทง้ั หลาย, เชนนเ้ี ปนสวนมาก
เอวงั ภาคา จะ ปะนสั สะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พะหุ
ลา ปะวัตตะติ
อนึ่งคาํ สงั่ สอนของพระผูมีพระภาคเจานั้นยอ มเปนไปในสาวกทง้ั หลาย,
13
สวนมากมสี ว นคอื การจาํ แนกอยา งน้วี า
รปู ง อะนิจจงั
รปู ไมเ ทยี่ ง
เวทะนา อะนิจจา
เวทนาไมเ ทยี่ ง
สัญญา อะนิจจา
สัญญาไมเทย่ี ง
สังขารา อะนิจจา
สังขารไมเที่ยง
วญิ ญาณัง อะนจิ จงั
วิญญาณไมเ ที่ยง
รูปง อะนัตตา
รปู ไมใชตวั ตน
เวทะนา อะนตั ตา
เวทนาไมใ ชต ัวตน
สัญญา อะนตั ตา
สญั ญาไมใชต ัวตน
สังขารา อะนัตตา
สงั ขารไมใ ชตวั ตน
วญิ ญาณงั อะนัตตา
วญิ ญาณไมใ ชต วั ตน
14
สัพเพ สงั ขารา อะนิจจา
สังขารท้งั หลายทัง้ ปวง ไมเ ที่ยง
สพั เพ ธมั มา อะนตั ตาติ
ธรรมทั้งหลายท้ังปวง ไมใชต ัวตน, ดังน้ี
เต (ตา) คําในวงเลบ็ สาํ หรบั ผหู ญงิ วา มะยงั โอตณิ ณามหะ
พวกเราทงั้ หลายเปนผูถูกครอบงาํ แลว
ชาติยา
โดยความเกดิ
ชะรามะระเณนะ
โดยความแกแ ละความตาย
โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนสั เสหิ อปุ ายาเสหิ
โดยความโศก ความรํา่ ไรรําพัน ความไมสบายกาย
ความไมส บายใจ ความคบั แคนใจทงั้ หลาย
ทุกโขติณณา
เปน ผถู ูกความทกุ ขห ย่ังเอาแลว
ทกุ ขะปะเรตา
เปนผมู ีความทกุ ขเ ปน เบอ้ื งหนาแลว
อปั เปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทกุ ขักขนั ธัสสะ
อันตะกิริยา ปญ ญาเยถาติ
ทําไฉนการทาํ ทส่ี ดุ แหงกองทุกขทัง้ ส้นิ น,ี้ จะพึงปรากฏชดั แกเ ราได
สาํ หรับ พระภกิ ษุ - สามเณรสวด
15
จิระปะรินิพพุตัมป ตงั ภะคะวันตัง อทุ ทสิ สะ อะระหนั ตงั
สมั มาสมั พุทธงั
เราท้งั หลาย อทุ ศิ เฉพาะพระผูมีพระภาคเจา , ผูไกลจากกิเลส
ตรสั รชู อบไดโดยพระองคเอง, แมปรินิพพานนานแลว, พระองคน นั้
สัทธา อะคารสั ๎มา อะนะคารยิ งั ปพพะชติ า
เปนผูมศี รทั ธา ออกบวชจากเรือน ไมเกย่ี วของดวยเรอื นแลว
ตัส๎มิง ภะคะวะติ พร๎ ห๎มะจะริยงั จะรามะ
ประพฤตอิ ยซู ง่ึ พรหมจรรย ในพระผูม ีพระภาคเจา พระองคนนั้
ภกิ ขนู ัง สิกขาสาชีวะสะมาปน นา
ถงึ พรอ มดว ยสกิ ขาและธรรมเปน เครอื่ งเล้ียงชีวิตของภกิ ษุทง้ั หลาย
ตงั โน พ๎รห๎มะจะรยิ ัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะ
กิรยิ ายะ สังวตั ตะตุ
ขอใหพรหมจรรยข องเราทงั้ หลายนน้ั , จงเปน ไปเพ่อื การทําท่ีสดุ แหง กอง
ทกุ ขท ัง้ สนิ้ นี้ เทอญ
สาํ หรบั อบุ าสก, อุบาสกิ า
จิระปะรินพิ พุตมั ป ตัง ภะคะวันตัง สะระณังคะตา
เราทงั้ หลาย ผูถึงแลวซง่ึ พระผมู ีพระภาคเจา ,
แมป รนิ พิ พานนานแลวพระองคนั้น เปนสรณะ
ธมั มญั จะ สังฆัญจะ
ถงึ พระธรรมดวย ถึงพระสงฆด ว ย
16
ตสั สะ ภะคะวะโต สาสะนงั , ยะถาสะติ, ยะถาพะลัง
มะนะสิกะโรมะ อะนปุ ะฏิปชชามะ
จกั ทําในใจอยู ปฏบิ ัตติ ามอยู ซึ่งคําสง่ั สอนของพระผูมพี ระภาคเจาน้นั
ตามสตกิ าํ ลัง
สา สา โน ปะฏปิ ตติ
ขอใหความปฏบิ ัติน้ันๆ ของเราทัง้ หลาย
อิมสั สะ เกวะลสั สะ ทกุ ขกั ขนั ธสั สะ อนั ตะกริ ยิ ายะ สงั วตั ตะตุ
จงเปน ไปเพอ่ื การทาํ ท่สี ดุ แหง กองทกุ ขท ้ังสิน้ น้ี เทอญ
(จบคาํ ทาํ วัตรเชา)
คาํ แผเมตตา
(หนั ทะ มะยัง เมตตาผะระณงั กะโรมะ เส)
อะหัง สุขิโต โหมิ
ขอใหขา พเจา จงเปน ผถู ึงสุข
นิททกุ โข โหมิ
จงเปน ผไู รทุกข
อะเวโร โหมิ
จงเปนผูไ มม เี วร
อัพฺยาปชโฌ โหมิ (อานวา อบั -พะ-ยา)
17
จงเปนผไู มเ บียดเบยี นซง่ึ กันและกนั
อะนีโฆ โหมิ
จงเปน ผไู มม ที ุกข
สขุ ี อัตตานัง ปะริหะรามิ
จงรกั ษาตนอยูเปน สุขเถดิ
สพั เพ สตั ตา สุขิตา โหนตุ
ขอสตั วทง้ั หลายทง้ั ปวงจงเปน ผูถ ึงความสุข
สัพเพ สตั ตา อะเวรา โหนตุ
ขอสัตวทง้ั หลายทง้ั ปวงจงเปนผูไมมเี วร
สพั เพ สตั ตา อพั ฺยาปช ฌา โหนตุ
ขอสัตวท งั้ หลายทงั้ ปวงจงอยา ไดเ บียดเบียนซง่ึ กนั และกัน
สพั เพ สตั ตา อะนีฆา โหนตุ
ขอสัตวท ง้ั หลายทง้ั ปวงจงเปนผไู มม ที กุ ข
สพั เพ สตั ตา สขุ ี อัตตานัง ปะรหิ ะรนั ตุ
ขอสัตวท งั้ หลายทงั้ ปวงจงรักษาตนอยูเ ปนสขุ เถดิ
สพั เพ สตั ตา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ
ขอสตั วท งั้ หลายทง้ั ปวงจงพนจากทกุ ขท ั้งมวล
สัพเพ สตั ตา ลทั ธะสมั ปต ติโต มา วิคัจฉันตุ
ขอสตั วท งั้ หลายทง้ั ปวงจงอยาไดพ รากจากสมบัตอิ ันตนไดแ ลว
สพั เพ สตั ตา กมั มสั สะกา กมั มะทายาทา
กัมมะโยนิ กมั มะพนั ธุ กมั มะปะฏิสะระณา
18
สัตวทง้ั หลายทงั้ ปวงมีกรรมเปนของของตน, มีกรรมเปนผูใหผ ล,
มกี รรมเปน แดนเกดิ , มีกรรมเปน ผูต ดิ ตาม,มีกรรมเปนที่พึง่ อาศย
ยงั กมั มงั กะรัสสันต,ิ กลั ฺยาณงั วา ปาปะกัง วา,
ตัสสะ ทายาทา ภาวสิ สนั ติ
จักทาํ กรรมอนั ใดไว, เปนบุญหรือเปน บาป,
จกั ตองเปน ผไู ดร บั ผลกรรมนั้นๆ สืบไป
ท๎วัตติงสาการปาฐะ
(หันทะ มะยัง ท๎วัตตงิ สาการะปาฐงั ภะณามะ เส)
เชิญเถดิ เราทั้งหลาย จงกลา วคาถาแสดงอาการ ๓๒ ในรา งกายเถิด
อะยัง โข เม กาโย
กายของเรานแ้ี ล
อุทธัง ปาทะตะลา
เบ้อื งบนแตพ นื้ เทา ข้นึ มา
อะโธ เกสะมตั ถะกา
เบือ้ งต่าํ แตปลายผมลงไป
ตะจะปะรยิ นั โต
มีหนงั หมุ อยเู ปน ทส่ี ุดรอบ
ปูโรนานัปปะการัสสะ อะสุจโิ น
19
เตม็ ไปดว ยของไมสะอาด มปี ระการตา งๆ
อัตถิ อมิ ัสมงิ กาเย มอี ยใู นกายน้ี
เกสา คือผมท้ังหลาย
โลมา คอื ขนทัง้ หลาย
นะขา คอื เล็บทง้ั หลาย
ทันตา คือฟนทง้ั หลาย
ตะโจ หนงั
มังสงั เนอ้ื
นะหารู เอน็ ทง้ั หลาย
อัฏฐี กระดูกท้ังหลาย
อฏั ฐิมิญชัง เยื่อในกระดูก
วกั กัง ไต
หะทะยัง หัวใจ
ยะกะนัง ตับ
กิโลมะกัง พังผดื
ปหะกงั มา ม
ปปผาสงั ปอด
อนั ตัง ไสใหญ
อนั ตะคุณัง สายรัดไส
20
อาหารใหม
อาหารเกา
อทุ ะรยิ งั น้าํ ดี
กะรีสงั นาํ้ เสลด
ปตตัง น้ําเหลอื ง
เสมหงั น้าํ เลือด
ปพุ โพ นํ้าเหงอ่ื
โลหติ งั นา้ํ มันขน
เสโท นาํ้ ตา
เมโท น้ํามันเหลว
อัสสุ นํ้าลาย
วะสา น้ํามกู
เขโฬ น้าํ มันไขขอ
สิงฆาณกิ า นํา้ มูตร
ละสกิ า เย่ือในสมอง
มตุ ตัง กายของเรานี้อยา งนี้
มัตถะเกมัตถะลงุ คัง
เอวะมะยงั เม กาโย เบือ้ งบนแตพ้ืนเทา ขึน้ มา
อุทธงั ปาทะตะลา เบอ้ื งต่าํ แตปลายผมลงไป
อะโธเกสะมัตถะกา มหี นังหมุ อยูเ ปน ทส่ี ดุ รอบ
ตะจะปะรยิ นั โต
21
ปูโรนานัปปะการัสสะ อะสุจิโน
เตม็ ไปดวยของไมสะอาด มปี ระการตา งๆ อยา งน้แี ลฯ
อภณิ หปจ จเวกขณปาฐะ
(หนั ทะ มะยัง อะภิณหะปจจะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส)
เชิญเถิดเราทัง้ หลาย มาสวดอภณิ หปจ จเวกขณะปาฐะกนั เถดิ
ชะราธมั โมมหิ ชะรัง อะนะตโี ต (อะนะตีตา) คาํ ในวงเล็บสาํ หรับ
ผหู ญงิ วา
เรามคี วามแกเปน ธรรมดาจะลว งพนความแกไ ปไมไ ด
พย๎ าธิธัมโมมหิ พ๎ยาธิง อะนะตโี ต (อะนะตีตา) คําในวงเล็บสาํ หรบั
ผูหญิงวา
เรามคี วามเจ็บไขเปนธรรมดา จะลวงพน ความเจบ็ ไขไ ปไมไ ด
มะระณะธัมโมมหิ มะระณัง อะนะตโี ต (อะนะตีตา) คาํ ในวงเล็บ
สาํ หรบั ผูหญงิ วา
เรามคี วามตายเปน ธรรมดาจะลวงพนความตายไปไมได
สัพเพหิ เม ปเ ยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วนิ าภาโว
เราจะละเวนเปนตา งๆ, คอื วา จะตองพลดั พรากจากของรกั ของเจริญใจ
ทงั้ หลายทัง้ ปวง
กมั มัสสะโกมหิ กมั มะทายาโท กัมมะโยนิ
22
กมั มะพันธุ กมั มะปะฏสิ ะระโณ (ณา) คาํ ในวงเล็บสําหรับผูห ญงิ วา
เราเปนผูมกี รรมเปน ของๆตน, มีกรรมเปน ผใู หผ ล,
มีกรรมเปนแดนเกดิ , มีกรรมเปนผตู ดิ ตาม, มกี รรมเปนท่ีพ่ึงอาศยั
ยงั กมั มงั กะริสสามิ, กลั ยาณัง วา ปาปะกงั วา,
ตัสสะ ทายาโท (ทา) คาํ ในวงเลบ็ สําหรบั ผูห ญิงวา ภะวสิ สาม
เราทาํ กรรมอันใดไว, เปนบุญหรอื เปน บาป,
เราจะเปน ทายาท, คอื วา เราจะตองไดร ับผลของกรรมนน้ั ๆ สบื ไป
เอวัง อมั เหหิ อะภณิ หงั ปจ จะเวกขติ พั พัง
เราทั้งหลายควรพิจารณาอยางนที้ ุกวนั ๆ เถดิ
บทพจิ ารณาสงั ขาร
(ทกุ เวลาทําวัตรเชา และเวลาเขานอน)
(หนั ทะ มะยงั ธัมมะสงั เวคะปจ จะเวกขะณะปาฐัง ภะณามะ เส)
เชญิ เถิด เราทั้งหลาย จงกลาวคาถาพจิ ารณาธรรมสงั เวชเถดิ
สัพเพ สงั ขารา อะนจิ จา
สงั ขารคอื รางกายจติ ใจ, แลรูปธรรมนามธรรมทัง้ หมดทงั้ ส้ิน,
มนั ไมเทยี่ ง, เกดิ ขึ้นแลวดบั ไปมแี ลว หายไป
สัพเพ สงั ขารา ทุกขา
23
สังขารคือรางกายจติ ใจ, แลรูปธรรมนามธรรมท้งั หมดทงั้ ส้นิ ,
มันเปน ทกุ ขทนยาก, เพราะเกิดขนึ้ แลว แกเ จบ็ ตายไป
สัพเพ ธมั มา อะนัตตา
สิ่งท้งั หลายทั้งปวง, ท้ังทีเ่ ปน สงั ขารแลมใิ ชส งั ขารทงั้ หมดทงั้ สนิ้ ,
ไมใ ชตัวไมใชตน, ไมค วรถือวาเราวาของเราวา ตวั วาตนของเรา
อะธุวัง ชวี ิตัง
ชวี ติ เปน ของไมยง่ั ยืน
ธวุ งั มะระณงั
ความตายเปนของยั่งยนื
อะวัสสัง มะยา มะริตพั พัง
อนั เราจะพงึ ตายเปนแท
มะระณะปะริโยสานัง เม ชีวิตงั
ชวี ติ ของเรามีความตายเปน ทส่ี ุดรอบ
ชวี ติ ัง เม อะนยิ ะตัง
ชีวิตของเราเปนของไมเที่ยง
มะระณัง เม นยิ ะตงั
ความตายของเราเปนของเที่ยง
วะตะ
ควรทจี่ ะสงั เวช
อะยงั กาโย อะจิรงั
รางกายน้ีมไิ ดต้ังอยนู าน
24
อะเปตะวญิ ญาโณ
ครนั้ ปราศจากวญิ ญาณ
ฉฑุ โฑ
อนั เขาทิง้ เสยี แลว
อธิเสสสะติ
จักนอนทบั
ปะฐะวงิ
ซ่งึ แผน ดนิ
กะลงิ คะรงั อวิ ะ
ประดจุ ดังวา ทอนไมและทอนฟน
นิรตั ถงั
หาประโยชนม ิได
อะนิจจา วะตะ สังขารา
สงั ขารทงั้ หลายไมเ ทีย่ งหนอ
อุปปาทะวะยะธัมมโิ น
มคี วามเกิดขึน้ แลวมคี วามเสือ่ มไปเปนธรรมดา
อุปปช ชติ ฺวา นริ ชุ ฌนั ติ
ครั้นเกดิ ขึน้ แลวยอมดับไป
เตสัง วปู ะสะโม สุโข
ความเขา ไปสงบระงับสงั ขารท้ังหลาย, เปน สุขอยา งย่งิ , ดงั น้ี
25
สัพพปต ติทานคาถา
(หนั ทะ มะยัง สพั พะปตตทิ านะคาถาโย ภะณามะ เส)
เชญิ เถิด เราทั้งหลาย จงกลาวคําแผส วนบญุ ใหแ กสรรพสตั วท งั้ หลาย
เถิด
ปุญญสั สิทานิ กะตสั สะ ยานัญญานิ กะตานิ เม,
เตสัญจะ ภาคโิ น โหนตุ สตั ตานันตาปปะมาณะกา
สัตวท้ังหลาย ไมม ที สี่ ดุ ไมม ปี ระมาณ, จงมสี ว นแหง บญุ ที่ขา พเจาไดทํา
ในบัดนี้,
และแหง บญุ อน่ื ทไ่ี ดท าํ ไวกอ นแลว
เย ปยา คณุ ะวนั ตา จะ มัยหงั มาตาปต าทะโย,
ทฏิ ฐา เม จาป๎ยะทิฏฐา วา อญั เญ มัชฌตั ตะเวรโิ น
คือจะเปน สตั วเหลาใด, ซ่ึงเปนที่รักใครและมีบญุ คณุ ,
เชน มารดาบดิ าของขาพเจา เปน ตน กด็ ี ทข่ี า พเจา เหน็ แลว หรือไมไดเ หน็
กด็ ี,
สตั วเ หลา อืน่ ท่ีเปน กลางๆหรือเปน คูเวรกัน กด็ ี
สตั ตา ตฏิ ฐันติ โลกสั ๎มิง เตภุมมา จะตุโยนิกา,
ปญเจกะจะตโุ วการา สงั สะรันตา ภะวาภะเว
สตั วท งั้ หลายตั้งอยูในโลก, อยใู นภูมทิ งั้ สาม, อยใู นกาํ เนิดท้งั ส,ี่
มีขันธหา ขนั ธ มขี นั ธขนั ธเ ดียว มขี นั ธส ีข่ ันธ, กาํ ลงั ทอ งเทย่ี วอยใู นภพ
นอ ยภพใหญ กด็ ี
26
ญาตัง เย ปตติทานมั เม อะนโุ มทันตุ เต สะยัง,
เย จมิ ัง นปั ปะชานนั ติ เทวา เตสงั นิเวทะยงุ ,
สตั วเ หลา ใด รสู ว นบุญทข่ี า พเจา แผใหแลว , สัตวเหลานัน้ จงอนโุ มทนา
เองเถิด,
สวนสัตวเหลา ใดยงั ไมรสู วนบญุ น,้ี ขอเทวดาท้ังหลาย, จงบอกสตั ว
เหลานน้ั ใหร ู
มะยา ทนิ นานะ ปุญญานัง อะนุโมทะนะเหตุนา,
สพั เพ สตั ตา สะทา โหนตุ อะเวรา สขุ ะชวี ิโน,
เขมัปปะทัญจะ ปป โปนตุ เตสาสา สชิ ฌะตัง สภุ า
เพราะเหตุทีไ่ ดอ นโุ มทนาสว นบญุ ทข่ี าพเจา แผใหแ ลว ,
สตั วท ัง้ หลายท้งั ปวง, จงเปนผไู มม ีเวร, อยูเปนสขุ ทกุ เมอ่ื , จงถึงบทอัน
เกษม,
กลา วคือพระนิพพาน, ความปรารถนาทดี่ ีงามของสตั วเหลา นนั้ จงสําเร็จ
เถิด
คาํ ทําวัตรเย็น
คาํ บชู าพระรตั นตรยั
โย โส ภะคะวา อะระหงั สมั มาสมั พุทโธ,
พระผมู ีพระภาคเจา นน้ั พระองคใด, เปนพระอรหันต,
27
ดับเพลงิ กเิ ลสเพลงิ ทกุ ขส ้นิ เชิง, ตรสั รูชอบไดโดยพระองคเอง
สว๎ ากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธมั โม, อา นวา สะ-หวาก-ขา-โต (สะ
ออกเสียงแตนอ ยไมเต็มคาํ )
พระธรรม เปนธรรมอนั พระผมู พี ระภาคเจา พระองคใด, ตรสั ไวด ีแลว
สุปะฏปิ น โน ยสั สะ ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ,
พระสงฆสาวกของพระผมู พี ระภาคเจา พระองคใด, ปฏิบตั ิดีแลว
ตมั มะยัง ภะคะวันตงั สะธัมมัง สะสงั ฆัง,
อเิ มหิ สกั กาเรหิ ยะถาระหงั อาโรปเตหิ อะภิปูชะยามะ,
ขาพเจาทง้ั หลาย, ขอบูชาอยา งยิง่ ซง่ึ พระผมู พี ระภาคเจา พระองคนน้ั
,พรอมทง้ั พระธรรมและพระสงฆ,
ดว ยเครือ่ งสักการะทัง้ หลายเหลาน,ี้ อันยกขน้ึ ตามสมควรแลวอยา งไร
สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สจุ ิระปะรินิพพุโตป,
ขา แตพระองคผเู จริญ, พระผูมีพระภาคเจาแมป รินิพพานนานแลว ,
ทรงสรา งคุณอนั สาํ เรจ็ ประโยชนไ วแกข า พเจาทั้งหลาย.
ปจ ฉิมาชะนะตานุกมั ปะมานะสา,
ทรงมีพระหฤทยั อนเุ คราะหแ กขา พเจา อันเปนชนรนุ หลงั
อิเม สักกาเร ทุคคะตะปณ ณาการะภูเต ปะฏคิ คัณหาต,ุ
ขอพระผูมีพระภาคเจา จงรับเครอ่ื งสักการะ อนั เปน บรรณาการของคน
ยากท้ังหลายเหลานี้
อมั หากงั ทฆี ะรตั ตงั หิตายะ สขุ ายะ,
28
เพือ่ ประโยชนและความสขุ แกพวกขาพเจาทงั้ หลาย ตลอดกาลนาน
เทอญฯ
อะระหัง สมั มาสมั พุทโธ ภะคะวา,
พระผมู พี ระภาคเจา , เปนพระอรหนั ต, ดับเพลิงกเิ ลสเพลงิ ทกุ ขส นิ้ เชงิ ,
ตรสั รูชอบไดโดยพระองคเอง
พทุ ธงั ภะคะวันตัง อะภวิ าเทม,ิ
ขา พเจาอภวิ าทพระผูมพี ระภาคเจา , ผรู ู ผตู นื่ ผเู บิกบาน (กราบ)
ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธมั โม, อานวา สะ-หวาก-ขา-โต (สะออกเสียง
แตน อยไมเตม็ คาํ )
พระธรรมเปนธรรมทพ่ี ระผมู พี ระภาคเจา , ตรสั ไวดแี ลว
ธมั มัง นะมัสสามิ
ขาพเจา นมสั การพระธรรม (กราบ)
สปุ ะฏิปน โน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
พระสงฆส าวกของพระผูมีพระภาคเจา , ปฏบิ ตั ิดแี ลว
สังฆงั นะมามิ.
ขาพเจา นอบนอมพระสงฆ (กราบ)
ปุพพภาคนมการ
(หนั ทะ มะยงั พทุ ธสั สะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโร
มะ เส)
29
เชญิ เถดิ เราท้ังหลาย ทําความนอบนอ มอนั เปน สวนเบอ้ื งตน แดพ ระผมู ี
พระภาคเจาเถดิ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต,
ขอนอบนอ มแดพระผูมีพระภาคเจาพระองคน ัน้
อะระหะโต,
ซ่ึงเปน ผูไกลจากกเิ ลส
สัมมาสมั พุทธัสสะ.
ตรสั รชู อบไดโ ดยพระองคเ อง.
(กลา ว ๓ ครงั้ )
พทุ ธานุสสติ
(หันทะ มะยงั พทุ ธานสุ สะตินะยัง กะโรมะ เส)
เชญิ เถดิ เราทง้ั หลาย ทําความตามระลกึ ถึงพระพุทธเจา เถิด
ตงั โข ปะนะ ภะคะวนั ตัง เอวัง กัล๎ยาโณ กิตติสัทโท อัพภคุ คะโต,
กก็ ติ ตศิ ัพทอนั งามของพระผูม พี ระภาคเจานน้ั , ไดฟ ุงไปแลว อยา งนว้ี า :-
อิติป โส ภะคะวา,
เพราะเหตุอยา งนๆ้ี , พระผูมพี ระภาคเจานน้ั
อะระหัง,
เปนผไู กลจากกิเลส
สัมมาสมั พทุ โธ,
30
เปน ผตู รสั รูชอบไดโ ดยพระองคเ อง
วิชชาจะระณะสัมปน โน,
เปน ผูถ ึงพรอ มดวยวิชชาและจรณะ
สุคะโต,
เปน ผไู ปแลวดวยดี
โลกะวทิ ู,
เปนผูรูโลกอยางแจม แจง
อะนตุ ตะโร ปุรสิ ะทมั มะสาระถ,ิ
เปนผสู ามารถฝกบุรษุ ท่สี มควรฝกไดอ ยา งไมม ีใครย่ิงกวา
สตั ถา เทวะมะนุสสานัง,
เปนครูผสู อนของเทวดาและมนษุ ยท งั้ หลาย
พทุ โธ,
เปน ผูรู ผตู ่นื ผูเบิกบานดวยธรรม
ภะคะวา ติ.
เปนผูมีความจําเรญิ จาํ แนกธรรมสั่งสอนสตั ว, ดังน้ี
พทุ ธาภิคีติ
(หันทะ มะยงั พทุ ธาภิคีตงิ กะโรมะ เส)
เชญิ เถดิ เราท้งั หลาย ทําความขบั คาถา พรรณนาเฉพาะพระพุทธเจา
เถิด
31
พุทธ๎ะวาระหันตะวะระตาทคิ ณุ าภิยุตโต,
พระพุทธเจา ประกอบดว ยคณุ , มีความประเสริฐแหง อรหันตคณุ เปนตน
สทุ ธาภิญาณะกะรณุ าหิ สะมาคะตัตโต,
มพี ระองคอ ันประกอบดวยพระญาณ, และพระกรณุ าอนั บริสทุ ธ์ิ
โพเธสิ โย สุชะนะตงั กะมะลงั วะ สูโร,
พระองคใดทรงกระทําชนทีด่ ใี หเ บกิ บาน, ดจุ อาทติ ยทําบวั ใหบ าน
วันทามะหงั ตะมะระณัง สริ ะสา ชิเนนทงั ,
ขา พเจาไหวพ ระชนิ สหี ผูไ มม กี ิเลสพระองคนน้ั ดว ยเศยี รเกลา
พุทโธ โย สพั พะปาณนี งั สะระณงั เขมะมุตตะมงั ,
พระพุทธเจา พระองคใ ดเปน สรณะอันเกษมสูงสุดของสัตวทั้งหลาย
ปะฐะมานุสสะติฏฐานัง วนั ทามิ ตงั สเิ รนะหัง,
ขาพเจา ไหวพ ระพทุ ธเจา พระองคนนั้ อันเปน ทต่ี ง้ั แหง ความระลกึ องคท ี่
หนึง่ ดวยเศยี รเกลา
พุทธัสสาหัส๎มิ ทาโสวะ (ทาสีวะ), คาํ ในวงเล็บสําหรับผูหญิงวา
พุทโธ เม สามกิ สิ สะโร,
ขาพเจาเปนทาสของพระพทุ ธเจา , พระพทุ ธเจา เปนนายมอี ิสระเหนอื
ขาพเจา,
พทุ โธ ทุกขสั สะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หติ สั สะ เม,
พระพทุ ธเจาเปนเคร่อื งกําจดั ทกุ ข, และทรงไวซ งึ่ ประโยชนแ กขาพเจา
พทุ ธสั สาหัง นิยยาเทมิ สะรีรญั ชีวิตญั จทิ ัง,
32
ขา พเจา มอบกายถวายชวี ิตนีแ้ ดพ ระพทุ ธเจา
วันทนั โตหัง (วันทันตีหัง) คําในวงเลบ็ สาํ หรบั ผูหญิงวา จะรสิ สามิ,
พทุ ธสั เสวะ สโุ พธิตัง,
ขาพเจา ผไู หวอ ยจู กั ประพฤติตาม, ซ่ึงความตรัสรดู ีของพระพทุ ธเจา
นตั ถิ เม สะระณัง อญั ญัง, พุทโธ เม สะระณงั วะรัง,
สรณะอ่ืนของขา พเจา ไมม,ี พระพุทธเจา เปน สรณะอนั ประเสริฐของ
ขา พเจา
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยงั สัตถสุ าสะเน,
ดวยการกลาวคําสตั ยน ,้ี ขาพเจา พึงเจริญในพระศาสนาของพระศาสดา
พุทธงั เม วนั ทะมาเนนะ (วันทะมานายะ), คําในวงเลบ็ สาํ หรบั
ผหู ญิงวา
ยัง ปญุ ญงั ปะสุตงั อธิ ะ,
ขาพเจาผไู หวอ ยซู งึ่ พระพุทธเจา, ไดขวนขวายบุญใดในบดั น้ี
สพั เพป อันตะรายา เม, มาเหสุง ตสั สะ เตชะสา.
อนั ตรายทง้ั ปวงอยาไดมแี กขาพเจาดว ยเดชแหงบญุ นั้น
(หมอบกราบ)
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,
ดว ยกายกด็ ี ดวยวาจาก็ดี ดว ยใจก็ดี
พทุ เธ กุกมั มงั ปะกะตัง มะยา ยงั ,
33
กรรมนาติเตียนอนั ใด ท่ีขาพเจา กระทาํ แลว ในพระพทุ ธเจา
พทุ โธ ปะฏิคคณั ห๎ ะตุ อจั จะยนั ตัง,
ขอพระพทุ ธเจา จงงดซ่งึ โทษลวงเกินอนั น้ัน
กาลันตะเร สงั วะรติ งุ วะ พุทเธ.
เพื่อการสํารวมระวงั ในพระพทุ ธเจา ในกาลตอ ไป.(๒)
บทขอใหงดโทษน้ี มิไดเ ปน การลางบาป, เปน เพียงการเปดเผยตวั เอง;
และคาํ วา โทษในทีน่ ี้
มไิ ดห มายถงึ กรรม : หมายถงึ โทษเพียงเลก็ นอ ยซึง่ เปน“สวนตัว”
ระหวางกนั ท่พี ึงอโหสกิ นั ได.
การขอขมาชนิดนสี้ ําเร็จผลได ในเมอ่ื ผขู อตั้งใจทาํ จริงๆ, และเปนเพียง
ศีลธรรม และสง่ิ ท่ีควรประพฤต.ิ
ธัมมานสุ สติ
(หนั ทะ มะยัง ธมั มานสุ สะตนิ ะยัง กะโรมะ เส)
เชิญเถิด เราท้ังหลาย ทาํ ความตามระลึกถงึ พระธรรมเถิด
สว๎ ากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
พระธรรมเปน สง่ิ ทพ่ี ระผูมีพระภาคเจา ไดตรสั ไวดีแลว
สันทิฏฐโิ ก,
เปน สง่ิ ทผ่ี ศู ึกษาและปฏิบตั ิพึงเห็นไดด ว ยตนเอง
อะกาลโิ ก,
34
เปนส่งิ ทปี่ ฏิบตั ิได และใหผลได ไมจ าํ กัดกาล
เอหปิ สสโิ ก,
เปนสง่ิ ท่คี วรกลา วกะผอู นื่ วา ทา นจงมาดเู ถิด
โอปะนะยิโก,
เปนสิ่งทค่ี วรนอมเขามาใสต วั
ปจจตั ตงั เวทติ พั โพ วญิ หู *ี ติ. *ศัพทท่ีมคี าํ วา - หี ทุกแหง ใหอ อก
เสียงวา - ฮี
เปนสง่ิ ท่ีผูร กู ร็ ไู ดเ ฉพาะตน, ดังน.้ี
ธัมมาภิคีติ
(หนั ทะ มะยงั ธัมมาภิคีติง กะโรมะ เส)
เชญิ เถิด เราท้งั หลาย ทาํ ความขับคาถา พรรณนาเฉพาะพระธรรมเถิด
สว๎ ากขาตะตาทิคุณะโยคะวะเสนะ เสยโย,
พระธรรมเปนส่ิงท่ีประเสริฐเพราะประกอบดวยคุณ, คอื ความทพี่ ระผูมี
พระภาคเจาตรสั ไวดแี ลวเปน ตน
โย มัคคะปากะปะริยตั ตวิ ิโมกขะเภโท,
เปนธรรมอนั จาํ แนกเปน มรรคผลปรยิ ัติและนิพพาน
ธัมโม กโุ ลกะปะตะนา ตะทะธาริธารี,
เปนธรรมทรงไวซ่ึงผทู รงธรรม จากการตกไปสูโลกทีช่ ่ัว
วันทามะหัง ตะมะหะรงั วะระธมั มะเมตัง,
35
ขาพเจา ไหวพระธรรมอนั ประเสริฐนั้น อนั เปน เครอ่ื งขจดั เสยี ซึง่ ความมืด
ธัมโม โย สพั พะปาณีนัง สะระณงั เขมะมตุ ตะมัง,
พระธรรมใดเปนสรณะอนั เกษมสงู สุดของสัตวท งั้ หลาย
ทตุ ิยานุสสะติฏฐานงั วันทามิ ตัง สิเรนะหงั ,
ขาพเจาไหวพ ระธรรมนั้นอนั เปน ที่ตงั้ แหง ความระลึกองคท สี่ องดวย
เศยี รเกลา
ธมั มสั สาหสั ๎มิ ทาโสวะ (ทาสีวะ), คาํ ในวงเลบ็ สาํ หรบั ผูหญิงวา
ธัมโม เม สามกิ สิ สะโร,
ขาพเจา เปนทาสของพระธรรม, พระธรรมเปน นายมีอสิ ระเหนอื ขา พเจา
ธัมโม ทุกขสั สะ ฆาตา จะ วธิ าตา จะ หิตสั สะ เม,
พระธรรมเปน เคร่ืองกาํ จดั ทกุ ข, และทรงไวซึ่งประโยชนแกข า พเจา
ธมั มัสสาหัง นยิ ยาเทมิ สะรรี ญั ชวี ติ ัญจิทงั ,
ขาพเจา มอบกายถวายชีวิตน้ีแดพระธรรม
วนั ทนั โตหงั (วันทันตหี ัง) คําในวงเลบ็ สําหรับผหู ญิงวา จะริสสามิ,
ธัมมัสเสวะ สธุ มั มะตัง,
ขา พเจาผไู หวอยูจกั ประพฤตติ าม, ซึ่งความเปน ธรรมดขี องพระธรรม
นัตถิ เม สะระณัง อญั ญงั , ธัมโม เม สะระณัง วะรัง,
สรณะอ่นื ของขา พเจา ไมม,ี พระธรรมเปนสรณะอันประเสรฐิ ของ
ขา พเจา
เอเตนะ สจั จะวชั เชนะ, วัฑเฒยยงั สตั ถสุ าสะเน,
36
ดวยการกลา วคําสตั ยน,ี้ ขาพเจาพงึ เจริญในพระศาสนาของพระศาสดา
ธัมมัง เม วนั ทะมาเนนะ (วนั ทะมานายะ), คําในวงเลบ็ สาํ หรับ
ผูห ญงิ วา
ยัง ปญุ ญัง ปะสุตงั อธิ ะ,
ขาพเจาผูไ หวอ ยูซึง่ พระธรรม, ไดข วนขวายบุญใดในบดั น้ี
สัพเพป อนั ตะรายา เม, มาเหสุง ตสั สะ เตชะสา.
อนั ตรายทัง้ ปวงอยาไดมแี กขาพเจา ดวยเดชแหงบญุ น้นั .
(หมอบกราบ)
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,
ดว ยกายก็ดี ดว ยวาจาก็ดี ดว ยใจก็ดี
ธมั เม กกุ มั มงั ปะกะตัง มะยา ยัง,
กรรมนา ตเิ ตียนอนั ใดท่ีขาพเจากระทาํ แลวในพระธรรม
ธัมโม ปะฏิคคณั ๎หะตุ อจั จะยนั ตัง,
ขอพระธรรมจงงดซงึ่ โทษลวงเกนิ อนั นนั้
กาลนั ตะเร สังวะริตุง วะ ธมั เม.
เพือ่ การสํารวมระวงั ในพระธรรมในกาลตอไป
สังฆานุสสติ
(หนั ทะ มะยงั สังฆานุสสะตนิ ะยัง กะโรมะ เส)
เชญิ เถดิ เราทง้ั หลาย ทาํ ความตามระลึกถึงพระสงฆเถิด
37
สุปะฏิปน โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ,
สงฆสาวกของพระผมู พี ระภาคเจา หมใู ด, ปฏิบัตดิ ีแลว
อชุ ปุ ะฏปิ นโน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ,
สงฆสาวกของพระผมู ีพระภาคเจา หมใู ด, ปฏิบัตติ รงแลว
ญายะปะฏิปนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆส าวกของพระผูม ีพระภาคเจา หมูใด,
ปฏิบตั เิ พือ่ รูธรรมเปนเครื่องออกจากทุกขแ ลว
สามจี ิปะฏปิ น โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ,
สงฆสาวกของพระผูม พี ระภาคเจาหมใู ด, ปฏิบตั ิสมควรแลว
ยะททิ งั ,
ไดแ กบุคคลเหลา น้คี อื :-
จตั ตาริ ปุรสิ ะยคุ านิ อฏั ฐะ ปุรสิ ะปุคคะลา,
คแู หงบุรุษ ๔ ค,ู นับเรียงตวั บรุ ษุ ได ๘ บรุ ุษ*
* สี่คคู ือ โสดาปต ตมิ รรค โสดาปต ติผล, สกิทาคามิมรรค สกทิ าคามิผล,
อนาคามมิ รรค อนาคามผิ ล, อรหัตตมรรค อรหตั ตผล.
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
น่นั แหละ สงฆส าวกของพระผมู พี ระภาคเจา
อาหเุ นยโย,
เปนสงฆค วรแกส ักการะ ทเี่ ขานํามาบชู า
ปาหเุ นยโย,
38
เปน สงฆค วรแกส กั การะทีเ่ ขาจัดไวตอ นรบั
ทักขเิ ณยโย,
เปนผูควรรับทกั ษิณาทาน
อญั ชะลกิ ะระณโี ย,
เปนผทู บ่ี คุ คลท่วั ไปควรทําอญั ชลี
อะนตุ ตะรงั ปุญญักเขตตัง โลกสั สา ติ.
เปนเนื้อนาบญุ ของโลก, ไมม นี าบุญอ่นื ยิ่งกวา ดงั นี้.
สังฆาภิคีติ
(หันทะ มะยัง สงั ฆาภิคีติง กะโรมะ เส)
เชญิ เถิด เราทั้งหลาย ทําความขับคาถา พรรณนาเฉพาะพระสงฆเ ถดิ
สทั ธัมมะโช สปุ ะฏปิ ต ติคุณาทิยุตโต,
พระสงฆท ่เี กิดโดยพระสัทธรรม, ประกอบดวยคณุ มคี วามปฏิบัตดิ ีเปน
ตน
โยฏฐัพพโิ ธ อะริยะปคุ คะละสังฆะเสฏโฐ,
เปนหมูแหง พระอริยบคุ คลอนั ประเสริฐแปดจําพวก
สลี าทธิ ัมมะปะวะราสะยะกายะจติ โต,
มกี ายและจิตอนั อาศัยธรรมมีศลี เปน ตน อันบวร
วนั ทามะหงั ตะมะริยานะ คะณงั สสุ ุทธงั ,
ขาพเจาไหวหมูแหง พระอรยิ เจา เหลา นัน้ อันบริสุทธ์ิดวยดี
39
สงั โฆ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมงั ,
พระสงฆห มูใ ดเปน สรณะอนั เกษมสงู สดุ ของสัตวท งั้ หลาย
ตะตยิ านุสสะตฏิ ฐานัง วนั ทามิ ตงั สเิ รนะหงั ,
ขา พเจา ไหวพ ระสงฆหมนู น้ั อันเปน ทตี่ ัง้ แหงความระลกึ องคทส่ี าม ดวย
เศยี รเกลา
สงั ฆสั สาหสั ๎มิ ทาโสวะ (ทาสวี ะ), คาํ ในวงเลบ็ สาํ หรบั ผูหญงิ วา
สังโฆ เม สามกิ สิ สะโร,
ขาพเจาเปนทาสของพระสงฆ, พระสงฆเปน นายมีอิสระเหนอื ขา พเจา
สงั โฆ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตสั สะ เม,
พระสงฆเ ปน เคร่ืองกาํ จัดทุกข, และทรงไวซ งึ่ ประโยชนแกข าพเจา
สงั ฆสั สาหัง นยิ ยาเทมิ สะรีรญั ชีวิตญั จทิ ัง,
ขา พเจา มอบกายถวายชีวิตน้ีแดพ ระสงฆ
วันทันโตหัง (วนั ทันตหี ัง) คาํ ในวงเลบ็ สาํ หรบั ผหู ญิงวา จะริสสาม,ิ
สงั ฆัสโสปะฏปิ นนะตงั ,
ขาพเจา ผูไหวอยจู กั ประพฤติตาม, ซ่งึ ความปฏบิ ัตดิ ีของพระสงฆ
นตั ถิ เม สะระณัง อญั ญงั , สังโฆ เม สะระณัง วะรัง,
สรณะอนื่ ของขาพเจาไมม,ี พระสงฆเ ปน สรณะอนั ประเสริฐของขาพเจา
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ, วฑั เฒยยงั สัตถุ สาสะเน,
ดวยการกลาวคําสตั ยน ,ี้ ขาพเจาพงึ เจริญในพระศาสนาของพระศาสดา
สังฆงั เม วันทะมาเนนะ (วนั ทะมานายะ), คาํ ในวงเล็บสาํ หรบั
40
ผหู ญิงวา
ยัง ปุญญัง ปะสตุ งั อิธะ,
ขาพเจาผไู หวอยูซึ่งพระสงฆ, ไดขวนขวายบญุ ใด ในบดั น้ี
สัพเพป อนั ตะรายา เม, มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา.
อันตรายทัง้ ปวงอยา ไดมแี กข าพเจาดว ยเดชแหง บญุ นั้น.
(หมอบกราบ)
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,
ดว ยกายก็ดี ดวยวาจากด็ ี ดว ยใจก็ดี
สังเฆ กกุ มั มัง ปะกะตัง มะยา ยงั ,
กรรมนาติเตยี นอนั ใดที่ขา พเจาไดก ระทําแลว ในพระสงฆ
สงั โฆ ปะฏิคคัณห๎ ะตุ อัจจะยนั ตงั ,
ขอพระสงฆ จงงดซ่งึ โทษลว งเกินอนั นัน้
กาลนั ตะเร สังวะริตงุ วะ สังเฆ.
เพอื่ การสํารวมระวงั ในพระสงฆใ นกาลตอไป
(จบคาํ ทาํ วตั รเยน็ )
41
สรณคมนปาฐะ
(หนั ทะ มะยัง ตสิ ะระณะคะมะนะปาฐัง ภะณามะ เส)
เชิญเถิด เราทง้ั หลาย จงกลา วคาถาเพื่อระลกึ ถงึ พระรตั นตรัยเถดิ
พุทธัง สะระณงั คจั ฉามิ
ขา พเจา ถือเอาพระพทุ ธเจาเปนสรณะ
ธัมมัง สะระณงั คัจฉามิ
ขา พเจา ถอื เอาพระธรรมเปน สรณะ
สงั ฆงั สะระณงั คัจฉามิ
ขาพเจา ถือเอาพระสงฆเปนสรณะ
ทุตยิ ัมป พทุ ธงั สะระณัง คจั ฉามิ
แมคร้ังทส่ี อง ขา พเจาถอื เอาพระพุทธเจา เปน สรณะ
ทุติยมั ป ธมั มงั สะระณงั คัจฉามิ
แมค รงั้ ท่สี อง ขาพเจา ถอื เอาพระธรรมเปน สรณะ
ทุตยิ มั ป สงั ฆงั สะระณัง คจั ฉามิ
แมคร้งั ที่สอง ขา พเจาถือเอาพระสงฆเปน สรณะ
ตะติยมั ป พุทธงั สะระณัง คัจฉามิ
แมค รั้งทสี่ าม ขาพเจา ถอื เอาพระพุทธเจาเปนสรณะ
ตะติยมั ป ธัมมัง สะระณงั คจั ฉามิ
แมครัง้ ทส่ี าม ขา พเจาถือเอาพระธรรม เปน สรณะ
ตะติยัมป สงั ฆงั สะระณัง คจั ฉามิ
แมครง้ั ที่สาม ขาพเจาถอื เอาพระสงฆ เปน สรณะ
42
เขมาเขมสรณทปี ก คาถา
(หนั ทะ มะยัง เขมาเขมะสะระณะทีปกะคาถาโย ภะณามะ เส)
เชญิ เถดิ เราทง้ั หลาย จงกลา วคาถาแสดงสรณะอันเกษมและไมเกษม
เถิด
พะหงุ เว สะระณัง ยนั ติ ปพพะตานิ วะนานิ จะ,
อารามะรกุ ขะเจต๎ยานิ มะนุสสา ภะยะตชั ชิตา
มนษุ ยเปน อนั มาก, เมอื่ เกิดมีภัยคุกคามแลว ก็ถือเอาภเู ขาบา ง,
ปา ไมบาง, อารามและรุกขเจดยี บางเปน สรณะ
เนตัง โข สะระณงั เขมัง, เนตัง สะระณะมตุ ตะมัง,
เนตงั สะระณะมาคมั มะ สพั พะ ทกุ ขา ปะมุจจะติ
นั่น มิใชส รณะอันเกษมเลย, นน่ั มิใชส รณะอันสงู สุด,
เขาอาศยั สรณะน่ันแลว , ยอ มไมพนจากทกุ ขทง้ั ปวงได
โย จะ พทุ ธัญจะ ธมั มญั จะ สังฆัญจะ สะระณงั คะโต,
จตั ตาริ อะริยะสัจจานิ สมั มปั ปญญายะ ปสสะติ
สว นผใู ดถอื เอาพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ เปนสรณะแลว,
เห็นอริยสจั คอื ความจรงิ อนั ประเสรฐิ สดี่ วยปญญาอันชอบ
ทุกขงั ทุกขะสะมุปปาทงั ทุกขสั สะ จะ อะตกิ กะมัง,
อะรยิ ญั จฏั ฐังคิกงั มัคคงั ทกุ ขปู ะสะมะคามนิ ัง
คือเหน็ ความทุกข, เหตใุ หเกดิ ทกุ ข, ความกาวลว งพนทกุ ขเ สยี ได,
43
และหนทางมอี งคแ ปดอันประเสรฐิ เคร่ืองถงึ ความระงบั ทุกข
เอตงั โข สะระณงั เขมงั เอตงั สะระณะมุตตะมงั ,
เอตงั สะระณะมาคัมมะ สัพพะทกุ ขา ปะมุจจะติ
นน่ั แหละเปน สรณะอนั เกษม, นัน่ เปน สรณะอนั สงู สุด,
เขาอาศยั สรณะนัน่ แลว, ยอ มพนจากทุกขท้ังปวงได
อริยธนคาถา
(หันทะ มะยงั อะรยิ ะธะนะคาถาโย ภะณามะ เส)
เชญิ เถิด เราทง้ั หลาย จงกลาวคาถาสรรเสรญิ พระอรยิ เจา เถดิ .
ยัสสะ สทั ธา ตะถาคะเต อะจะลา สปุ ะตฏิ ฐติ า
ศรัทธาในพระตถาคตของผูใดต้ังมั่นอยางดไี มห วนั่ ไหว
สลี ัญจะ ยัสสะ กัล๎ยาณงั อะรยิ ะกันตัง ปะสงั สติ ัง
และศีลของผูใดงดงาม, เปน ท่ีสรรเสริญทีพ่ อใจของพระอริยเจา
สังเฆ ปะสาโท ยัสสัตถิ อุชุภตู ญั จะ ทสั สะนงั
ความเลอื่ มใสของผใู ดมีในพระสงฆ, และความเห็นของผใู ดตรง
อะทะลิทโทติ ตัง อาหุ อะโมฆันตสั สะ ชวี ติ ัง
บณั ฑติ กลาวเรยี กเขาผูน ัน้ วา คนไมจน, ชวี ิตของเขาไมเ ปนหมัน
ตสั ม๎ า สทั ธญั จะ สีลัญจะ ปะสาทงั ธมั มะทสั สะนัง,
อะนุยุญเชถะ เมธาวี สะรัง พุทธานะ สาสะนัง
44
เพราะฉะนัน้ , เม่อื ระลึกไดถ งึ คําสั่งสอนของพระพทุ ธเจา อยู,
ผูมปี ญ ญาควรสรา งศรัทธาศลี , ความเลื่อมใส, และความเหน็ ธรรมให
เนืองๆ
ติลกั ขณาทิคาถา
(หนั ทะ มะยัง ติลักขะณาคาถาโย ภะณามะ เส)
เชิญเถดิ เราทงั้ หลาย จงกลา วคาถาแสดงพระไตรลักษณเปนเบื้องตน
เถิด
สัพเพ สงั ขารา อะนจิ จาติ ยะทา ปญ ญายะ ปส สะติ
เมอ่ื ใดบคุ คลเหน็ ดวยปญญาวา , สังขารทั้งปวงไมเ ที่ยง
อะถะ นิพพนิ ทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสทุ ธยิ า
เมือ่ นน้ั ยอ มเหนอ่ื ยหนายในส่ิงท่ีเปน ทกุ ขทีต่ นหลง,
นนั่ แหละเปนทางแหงพระนพิ พานอันเปน ธรรมหมดจด
สพั เพ สงั ขารา ทุกขาติ ยะทา ปญญายะ ปส สะติ
เมื่อใดบคุ คล เหน็ ดวยปญญาวา, สงั ขารทัง้ ปวงเปนทกุ ข
อะถะ นิพพนิ ทะติ ทกุ เข เอสะ มคั โค วิสทุ ธยิ า
เมือ่ นน้ั ยอมเหนอื่ ยหนายในสิ่งทเ่ี ปน ทุกขท ี่ตนหลง,
นัน่ แหละเปนทางแหง พระนพิ พานอันเปน ธรรมหมดจด
สพั เพ ธมั มา อะนตั ตาติ ยะทา ปญญายะ ปส สะติ
45
เมอื่ ใดบคุ คลเหน็ ดว ยปญ ญาวา, ธรรมทงั้ ปวงเปนอนัตตา
อะถะ นิพพนิ ทะติ ทุกเข เอสะ มคั โค วิสุทธิยา
เมอื่ นนั้ ยอ มเหนอ่ื ยหนา ยในสงิ่ ทเี่ ปน ทุกข ทต่ี นหลง,
นนั่ แหละเปนทางแหง พระนพิ พานอนั เปน ธรรมหมดจด
อปั ปะกา เต มะนุสเสสุ เย ชะนา ปาระคามิโน
ในหมูมนษุ ยท้ังหลาย, ผูทถ่ี งึ ฝง แหง พระนิพพานมนี อ ยนัก
อะถายงั อติ ะรา ปะชา ตรี ะเมวานุธาวะติ
หมูมนุษยน อกนนั้ ยอ มว่ิงเลาะอยตู ามฝง ในน่ีเอง
เย จะ โข สัมมะทกั ขาเต ธัมเม ธัมมานวุ ัตตโิ น
ก็ชนเหลา ใดประพฤติสมควรแกธรรมในธรรมทต่ี รัสรูไวชอบแลว
เต ชะนา ปาระเมสสนั ติ มัจจุเธยยงั สทุ ตุ ตะรงั
ชนเหลา ใดจักถึงฝง แหงพระนพิ พาน, ขา มพนบวงแหงมัจจุราชทข่ี ามได
ยากนกั
กณั หัง ธัมมัง วิปปะหายะ สกุ กงั ภาเวถะ ปณ ฑโิ ต
จงเปน บัณฑิตละธรรมดาํ เสีย, แลวเจรญิ ธรรมขาว
โอกา อะโนกะมาคัมมะ วิเวเก ยตั ถะ ทูระมงั ,
ตตั ๎ราภิระติมจิ เฉยยะ หิต๎วา กาเม อะกิญจะโน
จงมาถงึ ทไ่ี มมนี ้ํา, จากทีม่ นี ้ํา, จงละกามเสีย, เปน ผไู มม ีความกงั วล,
จงยนิ ดีเฉพาะตอพระนพิ พาน, อนั เปน ท่ีสงัดซงึ่ สัตวย ินดไี ดโ ดยยาก
46
ภารสตุ ตคาถา
(หันทะ มะยัง ภาระสตุ ตะคาถาโย ภะณามะ เส)
เชญิ เถดิ เราท้งั หลาย จงกลาวคาถาแสดงภารสูตรเถดิ
ภารา หะเว ปญจกั ขันธา ขนั ธทงั้ หา เปน ของหนกั เนอ
ภาระหาโร จะ ปคุ คะโล บุคคลแหละเปน ผแู บกของหนกั พาไป
ภาราทานัง ทกุ ขัง โลเก การแบกถือของหนกั เปน ความทกุ ขใน
โลก
ภาระนิกเขปะนัง สขุ งั การสลัดของหนักท้ิงลงเสยี เปนความสขุ
นกิ ขิปต ๎วา คะรุง ภารงั พระอรยิ เจา สลัดทง้ิ ของหนักลงเสียแลว
อญั ญงั ภารัง อะนาทยิ ะ ท้งั ไมหยบิ ฉวยเอาของหนักอนั อน่ื
ขึ้นมาอกี
สะมูลัง ตัณหงั อพั พุยห๎ ะ เปนผูถอนตณั หาขึ้นไดกระทั่งราก
นจิ ฉาโต ปะรนิ ิพพโุ ต เปน ผูหมดส่งิ ปรารถนาดับสนทิ ไมม สี ว น
เหลอื
ภทั เทกรัตตคาถา
(หันทะ มะยงั ภทั เทกะรัตตะคาถาโย ภะณามะ เส)
เชิญเถดิ เราท้งั หลาย จงกลาวคาถาแสดงผูม ีราตรเี ดียวเจริญเถิด
47
อะตีตัง นานว๎ าคะเมยยะ นปั ปะฏกิ ังเข อะนาคะตัง
บคุ คลไมค วรตามคิดถงึ สิง่ ท่ีลว งไปแลวดว ยอาลยั , และไมพงึ พะวงถึงส่งิ
ท่ยี ังไมม าถงึ
ยะทะตีตมั ปะหีนันตัง อัปปตตัญจะ อะนาคะตัง
สิ่งเปน อดตี กล็ ะไปแลว , สิ่งเปน อนาคตกย็ งั ไมมา
ปจ จปุ ปน นญั จะ โย ธัมมงั ตตั ถะ ตตั ถะ วิปส สะติ,
อะสงั หริ ัง อะสังกุปปง ตงั วิทธา มะนพุ ๎รหู ะเย
ผูใดเหน็ ธรรมอนั เกดิ ขึน้ เฉพาะหนา ทนี่ ั้นๆ อยางแจมแจง ,
ไมง อนแงนคลอนแคลน, เขาควรพอกพนู อาการเชนน้ันไว
อัชเชวะ กิจจะมาตัปปง โก ชญั ญา มะระณัง สุเว
ความเพยี รเปนกิจท่ตี องทาํ วันน,้ี ใครจะรคู วามตายแมพ รงุ นี้
นะ หิ โน สังคะรนั เตนะ มะหาเสเนนะ มจั จุนา
เพราะการผดั เพ้ยี นตอ มจั จรุ าชซ่ึงมีเสนามากยอ มไมม สี าํ หรับเรา
เอวัง วิหารมิ าตาปง อะโหรตั ตะมะตันทิตงั ,
ตงั เว ภทั เทกะรัตโตติ สนั โต อาจิกขะเต มุนิ
มุนีผสู งบยอ มกลา วเรยี กผูมคี วามเพยี รอยเู ชน นัน้ ,
ไมเกียจครานทัง้ กลางวนั กลางคนื วา , "ผูเปน อยแู มเ พยี งราตรเี ดียว ก็นา
ชม"
48
ธมั มคารวาทคิ าถา
(หันทะ มะยัง ธัมมะคาระวาทิคาถาโย ภะณามะ เส)
เชญิ เถิด เราทงั้ หลาย จงกลา วคาถาแสดงความเคารพพระธรรมเถดิ
เย จะ อะตีตา สัมพุทธา เย จะ พทุ ธา อะนาคะตา,
โย เจตะระหิ สัมพทุ โธ พะหนุ นงั โสกะนาสะโน
พระพทุ ธเจาบรรดาท่ลี วงไปแลว ดว ย, ท่ียงั ไมมาตรัสรดู วย,
และพระพุทธเจา ผขู จัดโศกของมหาชนในกาลบัดน้ดี ว ย
สัพเพ สทั ธมั มะคะรโุ น วิหะริงสุ วหิ าติ จะ,
อะถาป วหิ ะรสิ สันติ เอสา พุทธานะ ธัมมะตา
พระพทุ ธเจาทง้ั ปวงนนั้ ทกุ พระองคเ คารพพระธรรม,ไดเปนมาแลว ดวย,
กําลงั เปน อยดู วย, และจักเปน ดวย, เพราะธรรมดาของพระพทุ ธเจา
ทง้ั หลายเปน เชน นน้ั เอง
ตัสม๎ า หิ อตั ตะกาเมนะ มะหตั ตะมะภกิ งั ขะตา,
สัทธมั โม คะรกุ าตพั โพ สะรัง พทุ ธานะ สาสะนงั
เพราะฉะน้นั , บุคคลผรู กั ตน, หวงั อยเู ฉพาะคณุ เบอื้ งสงู ,
เม่ือระลกึ ไดถึงคําสงั่ สอนของพระพทุ ธเจา อย,ู จงทําความเคารพพระ
ธรรม
นะ หิ ธัมโม อะธัมโม จะ อโุ ภ สะมะวิปากโิ น
ธรรมและอธรรมจะมผี ลเหมอื นกนั ทัง้ สองอยา งหามิได
อะธมั โม นิระยงั เนติ ธัมโม ปาเปติ สุคะติง
49
อธรรมยอ มนาํ ไปนรก, ธรรมยอมนําใหถ งึ สุคติ
ธัมโม หะเว รักขะติ ธมั มะจาริง
ธรรมแหละยอ มรกั ษาผูประพฤตธิ รรมเปน นติ ย
ธมั โม สจุ ิณโณ สขุ ะมาวะหาติ
ธรรมทปี่ ระพฤติดีแลวยอมนาํ สุขมาใหต น
เอสานสิ ังโส ธมั เม สจุ ณิ เณ
น่ีเปนอานิสงสใ นธรรมทีต่ นประพฤติดีแลว
โอวาทปาฏิโมกขคาถา
(หนั ทะ มะยงั โอวาทะปาตโิ มกขะคาถาโย ภะณามะ เส)
เชญิ เถดิ เราทัง้ หลาย จงกลาวคาถาแสดงพระโอวาทปาตโิ มกขเถิด
สัพพะปาปสสะ อะกะระณงั
การไมทาํ บาปท้ังปวง
กสุ ะลสั สปู ะสมั ปะทา
การทาํ กศุ ลใหถงึ พรอ ม
สะจติ ตะปะริโยทะปะนงั
การชาํ ระจติ ของตนใหข าวรอบ
เอตงั พทุ ธานะ สาสะนัง
ธรรม ๓ อยา งนีเ้ ปน คําสง่ั สอนของพระพทุ ธเจา ท้งั หลาย
ขนั ตี ปะระมงั ตะโป ตตี กิ ขา
50
ขันติ คอื ความอดกลน้ั เปนธรรมเครื่องเผากิเลสอยางยง่ิ
นิพพานัง ปะระมัง วะทนั ติ พทุ ธา
ผูรูทั้งหลายกลาวพระนิพพานวา เปน ธรรมอนั ย่ิง
นะ หิ ปพพะชโิ ต ปะรูปะฆาตี
ผกู ําจดั สตั วอ่นื อยไู มชอ่ื วา เปน บรรพชติ เลย
สะมะโณ โหติ ปะรงั วิเหฐะยันโต
ผูท าํ สตั วอ น่ื ใหล าํ บากอยไู มช่ือวาเปนสมณะเลย
อะนูปะวาโท อะนปู ะฆาโต
การไมพูดราย, การไมทาํ รา ย
ปาตโิ มกเข จะ สงั วะโร
การสํารวมในปาตโิ มกข
มัตตัญตุ า จะ ภตั ตัสม๎ งิ
ความเปน ผูรูประมาณในการบรโิ ภค
ปนตญั จะ สะยะนาสะนัง
การนอนการนงั่ ในท่อี ันสงัด
อะธจิ ิตเต จะ อาโยโค
ความหมนั่ ประกอบในการทําจิตใหย ง่ิ
เอตัง พุทธานะ สาสะนัง
ธรรม ๖ อยา งน้ีเปน คาํ สง่ั สอนของพระพุทธเจา ทั้งหลาย