我 们 一 起 学 习 中 文 吧 ! พวกเรา มาเรียน แบบเรียนภาษาจีนสำ หรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ตอนต้น ภาษาจีนกันเถอะ
我 们 一 起 学 习 中 文 吧 พวกเรา มาเรียน ภาษาจีนนเถอะ
ปัจจุบันการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศไทยได้ ขยายตัวมากขึ้น ผู้คนเริ่มให้ความสนใจในการเรียนภาษา จีนมากในยุคปัจจุบัน ภาษาจีนเป็นภาษาที่มีความสำ คัญ ไม่แพ้ภาษาอังกฤษ ภาษาจีนถูกใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน อย่างกว้างขว้าง ไม่ว่าจะเป็นทางธุรกิจ การติดต่อค้าขาย การท่องเที่ยว และการศึกษาซึ่งผู้ที่สามารถใช้ภาษาจีนได้ จะเป็นการเปิดโอกาสสู่ความก้าวหน้าในหลายๆด้านให้กับ ตนเองต่อไปในอนาคต หนังสือเล่มนี้จัดทำ ขึ้นสำ หรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยได้รวบรวมหมวดหมู่ของ คำ ศัพท์ บทเรียนที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำ วัน เพื่อช่วยให้ผู้ เรียนได้เกิดความเข้าใจภาษาจีน และสามารถนำ เอาไปใช้ใน ชีวิตประจำ วันได้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัด ทำ ขออภัยมา ณ ที่นี้ คำ นำ
หน้า สารบัญ บทนำ วิธีการออกเสียงในภาษาจีน 导论 เสียงพยัญชนะทั้ง 23 เสียง เสียงสระ เสียงวรรณยุกต์ ตัวอย่างการผสมเสียงพยัญชนะกับเสียงสระ บทที่ 1 การกล่าวทักทาย 第一课 问候语 คำ ศัพท์ รูปแบบการถาม-ตอบ บทสนทนา ไวยากรณ์ แบบฝึกหัด บทที่ 2 วัน เดือน ปี และฤดูกาล 第二课 天 月 年 和 季节 คำ ศัพท์ รูปแบบการถาม-ตอบ บทสนทนา ไวยากรณ์ แบบฝึกหัด 1 2 4 5 6 9 10 11 12 15 17 19 20 23 24 26 29
หน้า บทที่ 4 อาหาร&shopping 第四课 食品& 购物 คำ ศัพท์ รูปแบบการถาม-ตอบ บทสนทนา ไวยากรณ์ แบบฝึกหัด สารบัญ บทที่ 3 การบอกทิศทาง 第三课 指路 คำ ศัพท์ รูปแบบการถาม-ตอบ บทสนทนา ไวยากรณ์ แบบฝึกหัด บทที่ 5 อาชีพ 第五课 职业 คำ ศัพท์ รูปแบบการถาม-ตอบ บทสนทนา ไวยากรณ์ แบบฝึกหัด 31 32 34 35 37 39 41 42 44 45 46 48 50 51 54 55 56 59
หน้า สารบัญ เฉลยแบบฝึกหัด แบบฝึกหัดบทที่ 1 แบบฝึกหัดบทที่ 2 แบบฝึกหัดบทที่ 3 แบบฝึกหัดบทที่ 4 แบบฝึกหัดบทที่ 5 61 62 64 66 68 70 ภาคผนวก 附录扩充 ดัชนีไวยากรณ์ ดัชนีคำ ศัพท์ 73 79
จุด จุ ประสงค์ข ค์ องหนัง นั สือ สื 1.ผู้เรียนได้เกิดความเข้าใจภาษาจีน และสามารถนำ เอาไปใช้ ในชีวิตประจำ วันได้ 2.ผู้เรียนสามารถบอกคำ ศัพท์ พินอิน และความหมายของ ตัวอักษรจีนได้ 3.ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาจีนในการสื่อสารได้ 4.ผู้เรียนสามารถเข้าใจประโยคของบทสนทนาได้ 5.ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจและเห็นคุณค่าของภาษาจีน
ภาษาจีน จี กลาง มีพ มี ยัญชนะ 23 ตัว ตั สระ 36 ตัว ตั และมีว มี รรณยุกต์ 4 เสียง (ที่มี ที่ เ มี ครื่อ รื่ งหมายแทนเสียงวรรณยุกต์ และอีก อี 1 เสียงที่ไที่ ม่มี เครื่อ รื่ งหมายแทนเสียง) ซึ่ง ซึ่ เสียงวรรณยุกต์ใต์ นภาษาจีน จี นี้ ส่วนใหญ่มี ญ่ ค มี วาม ใกล้เ ล้ คีย คี งกับ กั เสียงในภาษาไทย จึง จึ ทำ ให้ค ห้ นไทยที่เ ที่ รียน รี ภาษาจีน จี กลางได้เ ด้ปรียบ รี กว่า ว่ ชาติอื่ติน อื่ ที่ไที่ ม่มี ม่ เ มี สียงวรรณยุกต์ใต์ นภาษาของตน อย่าง ภาษาญี่ปุ่ญี่ น ปุ่ ภาษา เกาหลี หรือ รื ภาษาอเมริกัริกั น เป็น ป็ ต้น ต้ แต่อ ต่ ย่างไรก็ต ก็ าม จะมีเ มี สียงบางเสียงที่ไที่ ม่มีในภาษาไทยด้ว ด้ ยเช่น ช่ กัน จึง จึ เป็น ป็ เรื่อ รื่ งยากที่จ ที่ ะเขียนภาษาไทยในภาษาแบบคาราโอเกะ แล้วให้ผู้ ห้ ผู้อ่า อ่ นออก เสียงตามโดยไม่ผิดเพี้ยน พี้ ดัง ดั นั้น นั้ จึง จึ จำ เป็นที่จ ที่ ะต้อ ต้ งให้ผู้ ห้ ผู้อ่า อ่ น เริ่มริ่อ่า อ่ นหนังสือเล่มนี้เ นี้ จากบทแรกนี้ ก่อ ก่ น เพื่อ พื่ ทำ ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการอ่า อ่ นออกเสียงในภาษาจีน จี อย่าง คร่า ร่ วๆ แล้ว ล้ จึง จึ เข้าสู่บทของคำ ศัพ ศั ท์ต่ ท์ อ ต่ ไป ทั้ง ทั้ นี้ ขอแนะนำ ผู้อ่ผู้ า อ่ นว่า ว่ ควรจะศึก ศึ ษาเพิ่มพิ่เติมติเรื่อ รื่ งการอ่า อ่ นออกเสียง ให้ให้ กล้เ ล้ คีย คี งเจ้า จ้ ของภาษา โดยใช้วิ ช้ ธีวิดู ธี ห ดู นัง ฟังเพลง หาโอกาสพูด พู คุยกับ เจ้า จ้ ของภาษา ฯลฯ เพื่อ พื่ ให้เ ห้ ข้าใจและได้สำ ด้สำ เนียงที่ถู ที่ ถู กต้อ ต้ งต่อ ต่ ไป วิธีการออกเสียงในภาษาจีน เสียงในภาษาจีนประกอบด้วย 1 เสียงพยัญชนะ 声⺟ (shēngmǔ) เสียงสระ 韵⺟ (yùnmǔ) เสียงวรรณยุกต์ 声调 (shēngdiào) 2 3 1
b p m f d t n l g k h j q x z c s zh ch sh r y w 1.เสียงพยัญชนะทั้ง 23 เสียง 2
Z C S zh ch sh ข้อสังเกต เสียง zh,ch,sh เป็นเสียงที่ไม่มีในภาษาไทย โดยความแตกต่างระหว่างเสียง z,c,s จะเกิดเสียงโดยเกิดจากปลายลิ้นแตะฟันล่างหน้า ฐานปลายลิ้น - หลังฟัน เสียงระเบิด – เสียดแทรกไม่มีลม เวลาออกเสียง ปลายลิ้นยื่น ไปแตะหลัง ฟันบน แล้วขยับปลายลิ้นออกห่าง เล็กน้อย ให้ลมหายใจเสียดแทรกออกมาจาก ช่องปาก เส้นเสียงไม่สั่นสะเทือน ฐานปลายลิ้น-หลังฟัน เสียงระเบิด-เสียด แทรกมีลม ฐานที่เกิดเสียงเหมือนกับ z โดยส่วนใหญ่ แต่ ต้องให้ลมหายใจพุ่งออกมา โดยแรงเต็มที่ ฐานปลายลิ้น-หลังฟัน เสียงเสียดแทรก เวลาออกเสียง ปลายลิ้นอยู่ใกล้หลังฟันล่าง ลมหายใจจะ เสียดแทรกออกมาจากช่องว่าง ระหว่างกลางลิ้นกับหลังฟันบน ในขณะที่เสียง zh,ch,sh เกิดการออกเสียงจากปลายลิ้นแตะเพดานหน้าแล้วเปล่ง เสียงออกมา ฐานปลายลิ้น-เพดานแข็ง เสียงระเบิด-เสียด แทรกไม่มีลม เวลาออกเสียงปลายลิ้นห่อตัว กระดกขึ้น ไปเตะเพดานแข็ง จากนั้นจึงลด ระดับลิ้นลงมา เกร็งปลายลิ้นเล็กน้อย พร้อมกับ ออกเสียง ลม หายใจระเบิดและเสียคแทรกออก มาระหว่างปลายลิ้น กับเพดานแข็ง เส้นเสียงไม่ สั่นสะเทือน ฐานปลายลิ้น-เพดานแข็ง เสียงระเบิด-เสียด แทรกมีลม เวลาออกเสียง ฐานที่เกิดเสียง เหมือนกับ zh โดยส่วนใหญ่ แต่ต้องปล่อยลม หายใจแรงเต็มที่ ฐานปลายลิ้น-เพดานแข็ง เสียงเสียดแทรกแบบ ชัด เวลาออกเสียงปลายลิ้นห่อตัวกระดกขึ้นไปอยู่ ใกล้กับเพดานแข็ง ลมหายใจเสียดแทรกออกมา ระหว่างปลายลิ้นกับเพดานแข็ง เส้นเสียงไม่ สั่oสะเทือน 3
สระเดี่ยว สระผสม a ao ai an ang o ou ong e ei er en eng i ia ie iao iu (iou) ian in iang ing iong u ua uo uai ui (uei) uan un (uen) uang ueng ü üe üan ün 2.เสียงสระ เสียงสระในภาษาจีน มีทั้งหมด 36 เสียง แบ่งเป็นสระเดี่ยว 6 เสียง และะสระผสมอีก 30 เสียง 4
ข้อ ข้ สัง สั เกต เนื่องจากไม่มีเสียงสระ ü ในภาษาไทย ดังนั้น เวลาออกเสียงให้ออกเสียง " อี " แต่ทำ ริม ฝีปากเป็นรูปวงกลม ซึ่งเมื่อปกติเวลาออกเสียง " อี " ริมฝีปากจะแบน ü เหมือ มื นออกเสีย สี ง ทำ รูป รู ปากจู๋ อู เปล่ง ล่ เสีย สี งเหมือ มื น แต่พ ต่ ยายาม อี เสียงที่ 1 เสียงที่ 2 เสียงที่ 3 เสียงที่ 4 - / v \ เทียบเสียงกับวรรณยุกต์ในภาษาไทย สามัญ จัตวา เอก โท bā bá bǎ bà ปา ป๋า ป่า ป้า 3.เสียงวรรณยุกต์ ระบบพินอินมีเครื่องหมายแทนเสียงวรรณยุต์ 4 เครื่องหมายด้วยกัน ดังนี้ 5
ข้อ ข้ สัง สั เกต ** วรรณยุกต์เสียง 5 ไม่มีเครื่องหมาย a e i o u ü ซึ่งออกเสียงเพียงครึ่งเสียง หรือเรียกว่า เสียงเบา เสียงวรรณยุกต์เสียง 1 ออกเสียงเท่ากับเสียงสามัญ แทนด้วยขีดระนาบสั้นๆ - (ˉ) ā ē ī ō ū ǖ เสียงวรรณยุกต์เสียง 2 ออกเสียงเท่ากับเสียงจัตวา แทนด้วยขีดสั้นๆเอียง ลงซ้าย (ˊ) á é í ó ú ǘ เสียงวรรณยุกต์เสียง 3 ออกเสียงเท่ากับเสียงไม้เอก แทนด้วยขีดรูปลิ่ม (ˇ) ǎ ě ǐ ǒ ǔ ǚ ˊ ˇ เสียงวรรณยุกต์เสียง 4 ออกเสียงเท่ากับเสียงไม้โท แทนด้วยขีดสั้นๆเอียง ลงขวา (ˋ) à è ì ò ù ǜ ˋ 6
แผนผังการออกเสียงวรรณยุกต์ ข้อ ข้ สัง สั เกต สำ หรับคำ ที่มีเสียงวรรณยุกต์เสียงที่ 3 อยู่ติดกัน เช่น 你好 (nǐ hǎo) หรือคำ ว่า 洗澡 (xǐzǎo) = อาบน้ำ เราออกเสียงว่า "สี๋ จ่าว" ไม่ใช่ "สี่ จ่าว" เวลาออกเสียงให้ผันพยางค์แรกเป็นเสียงที่ 2 เสมอ จะเห็นได้ว่า เราออกเสียงว่า"หนี๋ ฮ่าว" ไม่ใช่ "หนี่ ฮ่าว" สาเหตุที่ต้องมีการผันเสียง เนื่องจากเพื่อให้ความสะดวกในการ ออกเสียง เพราะเสียงวรรณยุกต์ที่ 3 สองคำ ที่อยู่ติดกันการออก เสียงจะยากมาก เสีย สี งวรรยุก ยุ ต์เ ต์ สีย สี ง 1 เสีย สี งวรรยุก ยุ ต์เ ต์ สีย สี ง 2 เสีย สี งวรรยุก ยุ ต์เ ต์ สีย สี ง 3 เสีย สี งวรรยุก ยุ ต์เ ต์ สีย สี ง 4 7
การออกเสียงอื่นๆ 2. เสียง er ในภาษาจีนจะเป็นอีกเสียงหนึ่งที่มักปรากฏอยู่เสมอๆ นั่นคือเสียง ⼉ (er) เออร์ วิธีการออกเสียงคือการออกเสียงดดยใช้วิธีม้วนลิ้นขึ้นไป ให้ออกเสียง " เออ " จากนั้น ม้วนลิ้นขึ้นจะกลายเป็นเสียง " เออร์ " คำ ศัพท์ อ่านออกเสียง ความหมาย ⾐服 爸爸 妈妈 yīfú bàba māma ชุด พ่อ แม่ คำ ศัพท์ อ่านออกเสียง ความหมาย 奴儿 儿子 nú er ér zi ลูกสาว ลูกชาย 8
บทที่ 1 问候语 การกล่า ล่ วคำ ทัก ทั ทาย wèn hòu yǔ จุด จุ ประสงค์ 3. นักเรียนสามารถสื่อสารทักทายกันเป็นภาษาจีนในชีวิต ประจำ วันได้ 1. นักเรียนมีความรู้ในเรื่องคำ ศัพท์การทักทายของภาษาจีน 2.นักเรียนสามารถทักทาย กันในชั้นเรียนและการเลิกชั้นเรียน เป็นภาษาจีนได้อย่างถูกต้อง 你好 9
1.你好 nǐhǎo 2.您好 nínhǎo 3.大家好 dàjiā hǎo 4.早上好 zǎoshang hǎo 5.晚上好 wǎnshàng hǎo 6.我叫 wǒ jiào 7.我...岁 wǒ…suì 8.你好吗? nǐhǎo ma? 9.你怎么样? nǐ zěnme yàng? 10.我很好 wǒ hěn hǎo 11.好久不见 hǎojiǔ bùjiàn 12.再见 zài jiàn 13.明天见 míngtiān jiàn 14.对不起 duì bù qí 15.不好意思 bùhǎo yìsi สวัสดี สวัสดี (ใช้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า) สวัสดีทุกคน สวัสดีตอนเช้า สวัสดีตอนเย็น ฉันชื่อ... ฉันอายุ... คุณสบายดีไหม? คุณเป็นอย่างไร? ฉันสบายดี ไม่เจอกันนานเลย แล้วพบกันใหม่ เจอกันพรุ่งนี้ ขอโทษ ขอโทษ 生词 คำ ศัพท์ 10
รูป รู แบบการถามตอบ 1. การกล่าวคำ ทักทาย A:你好周杰伦。 nǐ hǎo zhōujiélún. B: 你好美丽。 nǐ hǎo měilì. 3. การถามอายุ A:美丽,你今年多大? měilì, nǐ jīnnián duōdà? B:我今年20岁了。 wǒ jīnnián 20 suìle. 2. การถามชื่อ A:你叫什么名字? nǐ jiào shénme míngzì? B:我叫周杰伦。 wǒ jiào zhōujiélún. 5. การกล่าวคำ ร่ำ ลา A:美丽,再见。 měilì, zàijiàn. B:好的,再见。 hǎo de, zàijiàn. 4. การถามสารทุกข์สุขดิบ A:今天你好吗? jīntiān nǐ hǎo ma? B:今天我很好。 jīntiān wǒ hěn hǎo. 11
周杰伦: 我叫周杰伦,你呢? wǒ jiào zhōujiélún,nǐ ne? 我叫美丽,你怎么样? 美丽: wǒ jiào měilì,nǐ zěnme yàng? 周杰伦: 我很好。 wǒ hěn hǎo. 你好!请问 你叫什么名字? 美丽: nǐ hǎo! qǐngwèn nǐ jiào shénme míngzì? 说一说 ฝึกสนทนา 12
周杰伦: 不是,我是美国人。 bùshì, wǒ shì měiguó rén. 你在泰国做什么? 美丽: nǐ zài tàiguó zuò shénme? 周杰伦: 我来泰国学习泰语。 wǒ lái tàiguó xuéxí tàiyǔ. 你是泰国人吗? 美丽: nǐ shì tàiguó rén ma? 说一说 ฝึกสนทนา 13
周杰伦: 谢谢。 xièxiè. 认识你很高兴。 美丽: rènshí nǐ hěn gāoxìng. 周杰伦: 我也认识你很高兴。 wǒ yě rènshí nǐ hěn gāoxìng. 泰国欢迎光临。 美丽: tàiguó huānyíng guānglín. 说一说 ฝึกสนทนา 1144
语法 ไวยากรณ์ A:吃了。chīle. กินแล้ว ประโยคคำ ถาม 吗 ma แปลว่า มั้ย , หรือไม่, .ใช่มั๊ย คำ ว่า 吗 เป็นคำ ที่เราใช้ต่อท้ายประโยคเพื่อแสดงให้เป็นคำ ถาม ซึ่งก็เหมือนกับภาษาไทย ตรงกับคำ ว่า ไหม, มั้ย, หรือไม่, รึเปล่า เมื่อเอาคำ นี้มาต่อท้ายประโยค หรือคำ ใดๆ ก็จะกลายเป็นคำ ถาม ....,你呢? เป็นการย้อนถามคู่สนทนาในคำ ถามเดียว 你知道了吗? nǐ zhīdàole ma? เธอเข้าใจแล้วใช่มั๊ย? ตัวอย่างประโยค 你是⽼师吗?nǐ shì lǎo shī ma? คุณคือครูใช่ไหม? A:你吃饭了吗? nǐ chīfànle ma? คุณกินข้าวหรือยัง? B:吃了,你呢? chīle, nǐ ne? กินแล้ว,คุณล่ะ? 15 ไวยากรณ์การใช้ 吗? ไวยากรณ์การใช้....,你呢?
综合知识 เกร็ด ร็ ความรู้ 当地文化——中国人通常通过握手来打 招呼。打招呼时说“你好”。称呼名字 时,先喊姓氏,后喊“先生”。对于男 性来说,如果你知道自己的职位,可以 称呼你的姓氏+职位,这样就可以了。 是最合适的。对于年轻女性,例如女服 务员或酒店工作人员,他们可能会称她 们为“芙蓉”或“妹女”。 วัฒนธรรมท้องถิ่น - ชาวจีนมักทักทายกันโดยการจับมือ และกล่าวคำ สวัสดีว่า “ หนี ห่าว ” การเรียกชื่อ ให้เรียกนามสกุล (แซ่) ก่อน แล้ว ตามด้วยคำ ว่า “ เซียน เซิง ” สำ หรับผู้ชาย ถ้าทราบตำ แหน่งก็อาจเรียก นามสกุล + ตำ แหน่ง จะเป็นการเหมาะสมที่สุด สำ หรับผู้หญิงที่อายุ น้อย เช่น พนักงานเสริฟ หรือ พนักงานโรงแรม อาจเรียก “ฝู อู้ เย วียน ” หรือ “ เหมย นวี่ ” 16
你好! 没关系! 对不起! 不客气! 你好! 再见! 谢谢! เเบบฝึกหัด สวัสดีครับ รั สวัสดีค่ะ ลาก่อน ลาก่อน ไม่ต้องเกรงใจ ขอบคุณ ขอโทษ ไม่เป็นไร 17
การเรีย รี งประโยคให้ถูกต้อง ตัวอย่าง 1.叫/名字/你/什么? 2.吗/?/你/最近/好 3.今年/二十/我/岁。 4.很/你/认识/高兴! 5.你呢/我/?/你好/叫/美丽。 Ex.人/泰国/我/是。 我是泰国人。 18
เกมท้ายบทเรีย รี น
บทที่ 2 天月年和季节 วัน วั เดือ ดื น ปี ฤดูก ดู าล tiān yuè nián hé jìjié จุด จุ ประสงค์ 2.นักเรียนสามารถนำ ไปปรับใช้ในชีวิตประจำ วันได้อย่างเหมาะ สม 1.นักเรียนสามารถอ่านออกเสียง เขียน และบอกความหมายของ คำ ศัพท์เกี่ยวกับวัน เวลา และฤดูกาลได้ 19
生词 คำ ศัพท์ 1.天 2.今天 3.明天 4.昨天 5.后天 6.前天 7.星期 8.星期天/ 星期日 9.星期一 10.星期二 11.星期三 12.星期四 13.星期五 14.星期六 15.月 tiān jīntiān míngtiān zuótiān hòutiān qiántiān xīngqí xīngqítiān/ xīngqírì xīngqí yī xīngqí'èr xīngqísān Xīngqísì xīngqíwǔ xīngqíliù yuè วัน วันนี้ พรุ่งนี้ เมื่อวานนี้ มะรืนนี้ เมื่อวานซืน สัปดาห์ วันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ วันเสาร์ เดือน 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 20
生词 คำ ศัพท์ 16.一月 17.二月 18.三月 19.四月 20.五月 21.六月 22.七月 23.八月 24.九月 25.十月 26.十一月 27.十二月 28.年 29.今年 30.去年 yī yuè èr yuè sān yuè sì yuè wǔ yuè liù yuè qī yuè bā yuè jiǔ yuè shí yuè shíyī yuè shí èr yuè nián jīnnián qùnián 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม พศฤจิกายน ธันวาคม ปี ปีนี้ ปีที่เเล้ว 21
生词 คำ ศัพท์ 31.前年 32.后年 33.年中 34.新年 35.季节 36.春天 37.冬天 38.秋天 39.夏天 qiánnián hòunián niánzhōng xīnnián jìjié chūn tiān dōng tiān qiū tiān xià tiān 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 สองปีก่อน สองปีก่อนข้าง กลางปี ปีใหม่ ฤดูกาล ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูร้อน 22
รูป รู แบบการถามตอบ 1. การถามวัน A: 今天是星期几? jīntiān shì xīngqī jǐ? B: 今天是星期一。 jīntiān shì xīngqī yī. 3. ถามเดือน A: 这个月是几月? zhège yuè shì jǐ yuè? B: 这个月是十一月。 zhège yuè shì shíyī yuè. 2. การถามสัปดาห์ A: 一个星期有几天? yīgè xīngqí yǒu jǐ tiān? B: 一个星期有七天。 yīgè xīngqí yǒu qītiān. 5. ฤดูกาล A: 现在是什么季节了? xiànzài shì shénme jìjié le? B: 现在是夏季。 xiànzài shì xiàjì. 4. ถามปี A: 今年 是哪一年? jīnnián shì nǎ yī nián? B: 今年是儿零二三年。 jīnnián shì er líng èr sān nián. 6. ถามเวลา A: 早上几点上课? zǎoshang jǐ diǎn shàngkè? B: 早上8点上课。 zǎoshang 8 diǎn shàngkè. 23
美丽: 今天天气很好不冷也不热。 jīntiān tiānqì hěn hǎobù lěng yě bù rè. 美丽: 我最喜欢春节。 wǒ zuì xǐhuān chūnjié. 好的,你最喜欢什么季节? 爱美: hǎo de, nǐ zuì xǐhuān shénme jìjié? 今天天气怎么样? 爱美: jīntiān tiānqì zěnme yàng?. 说一说 ฝึกสนทนา 2244
我最喜欢冬天。你不喜欢吗? 爱美: wǒ zuì xǐhuān dōngtiān. Nǐ bù xǐhuān ma? 周杰伦: 因为冬天的天气很冷,所以我不喜欢。 美丽: 因为春节是最好的天气。你呢? yīnwèi chūnjié shì zuì hǎo de tiānqì. Nǐ ne? yīnwèi dōngtiān de tiānqì hěn lěng, suǒyǐ wǒ bù xǐhuān. 为什么呢? 爱美: wèishéme ne? 说一说 ฝึกสนทนา 2255
语法 ไวยากรณ์ ไวยากรณ์การใช้ 时间 และ การใช้ 时候 时间 เป็นคำ ที่ใช้เมื่อต้องการสื่อถึงระยะเวลา การเริ่มและสิ้นสุด ของระยะเวลาหนึ่ง เช่น ...年 ปี, ...⽉ เดือน, ...⽇ (号) วัน, ... 点 โมง, ...⼩时 ชั่วโมง, ...星期 สัปดาห์ ฯลฯ 1. ใช้ 什么时间(shén me shí jiān)ในประโยคคำ ถามเมื่อ ต้องการทราบเวลาที่เป็น "ตัวเลข" A:你什么时间去学校?nǐ shén me shí jiān qù xué xiào。 คุณไปโรงเรียนตอนไหน B:我⼋点半去学校。wǒ bā diǎn bàn qù xué xiào。 ฉันไปโรงเรียนตอนแปดโมงครึ่ง (เน้น น้ เวลา) 26 การใช้ 时间
语法 ไวยากรณ์ 时候 เป็นคำ ที่ใช้เมื่อต้องการสื่อความว่าเมื่อไหร่, ตอน, ช่วง, ขณะ เช่น 早上 ตอนเช้า, 中午 ตอนเที่ยง, 下午 ตอนบ่าย, 晚上 ตอนกลางคืน, 今天 วันนี้, 明天 พรุ่งนี้, 昨天 เมื่อวาน, 今年 ปีนี้, 明年 ปีหน้า, 去年 ปีที่แล้ว ฯลฯ 1. ใช้ 什么时候(shén me shí hou)ในประโยคคำ ถามเมื่อ ต้องการทราบช่วงเวลาว่า "เมื่อไหร่" A:你什么时候去学校?nǐ shén me shí hou qù xué xiào? คุณไปโรงเรียนเมื่อไหร่ B:我明天去学校。wǒ míng tiān qù xué xiào。 ฉันไปโรงเรียนพรุ่งนี้ (เน้น น้ ช่วงเวลา) 27 การใช้ 时候
综合知识 เกร็ด ร็ ความรู้ วันตรุษจีน: วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ตรุษจีน เป็นวันหยุดตามประเพณีของจีนที่สำ คัญ ที่สุด ในประเทศจีน ยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า " เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ " เพราะฤดูใบไม้ผลิ ตามปฏิทินจีนเริ่มต้นด้วยวันลีชุน ซึ่งเป็นวันแรกในทางสุริยคติของปีปฏิทินจีน เทศกาลนี้เริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 ในปฏิทินจีนโบราณและสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ด้วยเทศกาลโคมไฟ คืนก่อนตรุษจีนเป็นวันซึ่งครอบครัวจีนมารวมญาติเพื่อรับ ประทานอาหารเย็นเป็นประจำ ทุกปี 农历新年:2月1日农历新年是中国最重 要的传统节日。在中国,它也被称为 “春节”,因为中国历法中的春天始于 春日,春日是中国历法的第一个太阳 日。该节日从中国古代农历正月初一开 始,到15日元宵节结束。农历新年前 一天晚上是中国家庭每年聚在一起吃饭 的日子。 28
แบบฝึกหัด นำ คำ ไปเติมในช่องว่างให้ถูกต้อง 星期一 星期三 星期六 星期二 星期天 星期五 星期四 วันจันทร์ วันอังคาร วันศุกร์ วันพุธ วันพฤหัสบดี วันเสาร์ วันอาทิตย์ ................................ ................................ ................................ ................................ ................................ ................................ 星期一 ................................ 29
แบบฝึกหัด เรียงประโยคต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ตัวอย่าง ………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………. 1.最 / 冬天。 / 我 / 喜欢 ………………………………………………………………………………………………………. 2.几 / 今天 / 几 / 号。 / 月 ………………………………………………………………………………………………………. 3.是 / 的 / 我 / 明天 / 生日。 ………………………………………………………………………………………………………. 4.你 / 起床。 / 每天 / 几点 5.好。/ 今天 / 很 / 天气 大学。 / 我 / 08.30 / 去 我………………………………………………………………………………………………………. 08.30去大学。 30
เกมท้ายบทเรีย รี น
3.สามารถนำ ไปใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำ วันได้อย่างถููก ต้องและเหมาะสม 1.ให้นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับบทสนทนา เกี่ยวกับการสอบถาม ที่อยู่ ทิศทาง การสอบถามอย่างสุภาพ องค์ประกอบของประโยค ภาษาจีน 2.สามารถบอกทิศทางเป็นภาษาจีนได้ บทที่ 3 指路 บอกทาง zhǐ lù จุด จุ ประสงค์ 31
生词 คำ ศัพท์ 1.北 2.东 3.南 4.西 5.左 6.右 7.左边 8.右边 9.前边/ 前面 10.后边/ 后面 11.这边 12.那边 13.旁边 14.中间 15.对面 běi dōng nán xī zuǒ yòu zuǒbiān yòubiān qiánbian/ qiánmiàn hòubian/ hòumiàn zhè biān nà biān pángbiān zhōngjiān duìmiàn 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 ทิศเหนือ ทิศตะวันออก ทิศใต้ ทิศตะวันตก ซ้าย ขวา ด้านซ้าย ด้านขวา ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านนี้ ด้านนั้น ด้านหลัง ตรงกลาง ตรงข้าม 32
生词 คำ ศัพท์ 16.直走 17.往前走 18.向左转 19.向右转 20.请问 22.医院 24.银行 zhí zǒu wǎng qián zǒu xiàng zuǒ zhuǎn xiàng yòu zhuǎn qǐngwèn yīyuàn yínháng 名词 名词 名词 名词 名词 名词 名词 ตรงไป เดินไปข้างหน้า เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ขออนุญาตถาม 21.图书馆 túshū guǎn 名词 ห้องสมุด โรงพยาบาล 23.超级市场chāojí shìchǎng 名词 ซุปเปอร์มาเก็ต ธนาคาร 33
รูป รู แบบการถามตอบ 1. ทิศทาง A: 你知道中国在俄罗斯哪个方向吗? nǐ zhīdào zhōngguó zài èluósī nǎge fāngxiàng ma? B:中国在俄罗斯的南边。 zhōngguó zài Éluósī de nánbiān. 3.ยานพาหนะที่ใช้เดินทาง A: 你怎么去体育馆? nǐ zěnme qù tǐyùguǎn? B: 我自行车去体育馆。 wǒ zìxíngchē qù tǐyùguǎn. 2. ถามทาง A: 对不起,请问 公共汽车站在哪里? duìbùqǐ, qǐngwèn gōnggòng qìchē zhàn zài nǎlǐ? B: 汽车站在地铁站对面。 qìchē zhàn zài dìtiě zhàn duìmiàn. 3. ยานพาหนะที่ใช้เดินทาง 34
玛丽: 不远 大概五百米 bù yuǎn dà gài wǔ bǎi mǐ . 麦克: 玛丽: 从这里直走 然后往右走,图书馆就在左边。 jīntiān tiānqì hěn hǎobù lěng yě bù rè,Túshū guǎn jiù zài zuǒbiān. 远吗? 麦克: yuǎn ma ? 不好意思, 请问 从这里到图书馆怎么走? bù hǎoyìsi, qǐngwèn cóng zhèlǐ dào túshū guǎn zěnme zǒu? 说一说 ฝึกสนทนา 3355
玛丽: 不客气! bù kèqì ! 36 谢谢! xièxiè! 麦克: 说一说 ฝึกสนทนา 36
语法 ไวยากรณ์ ไวยากรณ์จีน “来” และ “去” ในภาษาจีนนั้น คำ ว่า “来” lái มีความหมายว่า “มา” ส่วน “去” qù นั้นมีความหมายวา “ไป” โดยทั้งสองคำ นั้น เรามักจะใช้ต่อท้าย คำ กริยา เพื่อแสดงทิศทางของกริยานั้น ว่ากระทำ ในทิศทางใน เช่น กลับมา/กลับไป ลงมา/ลงไป กริยา + 来 แปลว่า ...มา 我跑来叫朋友。wǒ pǎo lái jiào péngyǒu. ฉันวิ่งมาเรียกเพื่อน 妈妈开⻋去银⾏。māmā kāichē qù yínháng. แม่ขับรถไปธนาคาร กริยา + 去 แปลว่า ...ไป 37 1. การใช้ “来” 2. การใช้ “去”
综合知识 เกร็ด ร็ ความรู้ 在中国,我们有很多选择可供选择,包 括:打的,公交车, 轻轨,高铁或者 地 铁有很多可供我们选择。 但大多数人更 喜欢使用电动火车。 为了避免交通堵塞 而且因为政府鼓励人们乘坐电动火车而不 是购买私家车。 因此,电动火车票价价 格便宜,人人都能负担得起。 因此大多 数人选择乘坐电动火车。 ในประเทศจีน มีตัวเลือกให้เราเลือกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น 打的 (การเรียกรถแท็กซี่),公交⻋ (รถประจำ ทาง), 轻轨 (รถไฟฟ้า),⾼铁 (รถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือ 地铁(รถไฟฟ้าใต้ดิน) ต่างมีให้เราเลือกใช้อย่างมากมาย แต่คนส่วนมากจะนิยมใช้รถไฟฟ้า เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัด และเนื่องจากรัฐบาล สนับสนุนให้คนหันมานั่งรถไฟฟ้าแทนการซื้อรถส่วนตัว จึงทำ ให้ราคาค่าโดยสาร รถไฟฟ้า มีราคาที่ถูก ทำ ให้ทุกคนสามารถจับต้องได้ ผู้คนส่วนใหญ่จึงเลือกนั่ง รถไฟฟ้า 38
ทิศเหนือ _____________________________________ เเบบฝึกหัด 北 东 ทิศตะวันออก 南 ทิศใต้ 西 ทิศตะวันตก 对面 ตรงข้าม 左边 ด้านซ้าย 39
学校 โรงเรียรีน 银行 ธนาคาร 咖啡店 ร้า ร้ นกาแฟ 公园 สวนสาธารณะ 书店 ร้า ร้ นหนังสือสื 动物园 สวนสัตสัว์ เเบบฝึกหัด จงเติมประโยคบทสนทนาให้สมบูรณ์ 你知道银行吗,银行在哪里?银行在........................。 咖啡店在哪里,你知道吗? 咖啡店在....................。 学校在哪里,你知道吗? 学校在..........................。 公园在哪里,你知道吗? 公园在.........................。 书店的对面 40
เกมท้ายบทเรีย รี น