The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ เทอม ๑ เล่ม ๓

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 202ศศิธร ประสาวะถา, 2024-03-20 16:20:48

แผนการจัดการเรียนรู้ เทอม ๑ เล่ม ๓

แผนการจัดการเรียนรู้ เทอม ๑ เล่ม ๓

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ ศิลาจารึกหลักที่ ๑ เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง มารยาทในการเขียน เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิธร ประสาวะถา โรงเรียนหนองวัวซอพิทยาคม ๑.มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๒.๑ ม.๒/๘ มีมารยาทในการเขียน ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถบอกหลักมารยาทในการเขียนได้ (K) ๒.๒ นักเรียนสามารถปฏิบัติตามหลักมารยาทในการเขียนได้ (P) ๒.๓ นักเรียนมีมารยาทในการเขียน (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕. สาระสำคัญ การเขียนเป็นทักษะการสื่อสารที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันทั้งในการเรียน การทำงาน และการ ติดต่อกับบุคลต่างๆ ข้อความที่เขียนสามารถสร้างความประทับใจหรือไม่พอใจให้กับผู้อ่านได้ผู้เขียนจึงควรมี มารยาทในการเขียน


๖. สาระสำคัญ ๖.๑ มารยาทในการเขียน ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ๗.๑ กิจกรรม “ผังคิดมิตรการเขียน” ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑.ครูผู้สอนกล่าวทักทายนักเรียน ๒.ครูผู้สอนใช้กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียนโดยการใช้คำถามให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่า “ให้นักเรียนช่วยกันบอกการกระทำที่ถือว่ามีมารยาทในการเขียน” (แนวคำตอบ : เขียนสะกดคำถูกต้อง เขียนคำที่สุภาพไม่หยาบคาย เป็นต้น) ๓.ครูผู้สอนอธิบายเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่าคำถามที่ให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ “มารยาทในการเขียน” นั้นเป็นเรื่องที่นักเรียนจะเรียนรู้ในวันนี้ ขั้นสอน ๔.นักเรียนฟังครูผู้สอนอธิบายหลักการมีมารยาทในการเขียน ๕.ครูผู้สอนนำตัวอย่างการเขียนพยัญชนะ สระ ตามแบบกระทรวงศึกษาธิการมาให้นักเรียนชม ๖.ครูผู้สอนจัดกิจกรรม “ผังคิดมิตรการเขียน”โดยให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๓-๕ คน เพื่อทำ แผนผังความคิดในหัวข้อ “มารยาทในการเขียน”ให้นักเรียนช่วยกันสืบค้นหรือช่วยกันคิดการกระทำที่เรียกได้ ว่าเป็นผู้มีมารยาทในการเขียนลงในแผนผังความคิดอย่างน้อย ๑๐ ข้อขึ้นไป ๗.ครูสุ่มให้นักเรียนหนึ่งกลุ่มออกมานำเสนอแผนผังความคิดของกลุ่มตัวเองหน้าชั้นเรียน มารยาทในการเขียน ๑. เขียนสะกดคำให้ถูกต้อง และเขียนด้วยลายมือบรรจง ๒. เลือกใช้ถ้อยคำที่สื่อความหมายชัดเจน และเป็นคำสุภาพ ๓. ลำดับความในการเขียนให้ต่อเนื่อง ถ้าเป็นการเขียนที่มีรูปแบบเฉพาะต้อง เขียนให้ถูกต้องตามรูปแบบนั้น ๔. มีความปรารถนาดีและจริงใจในการเขียน มุ่งให้ผู้อ่านได้มีความรู้ และ ความคิดสร้างสรรค์เป็นประโยชน์แก่สังคม ๕.การยกข้อความอันเป็นของผู้อื่นมาใส่ในงานเขียนของตนก็ต้องบอก แหล่งที่มาให้ชัดเจน ๖. ไม่ควรเขียนข้อความเป็นเท็จให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน


ขั้นสรุป ๘.ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง “มารยาทในการเขียน” ที่ได้เรียนในวันนี้ ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ครูผู้สอนจัดบรรยากาศเชิงบวกโดยการจัดกิจกรรมกลุ่มให้ผู้เรียนได้มีการแลกเปลี่ยนแสดงความ คิดเห็นและสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์ได้ ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ หนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย หลักภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ๑๐.๒ กิจกรรม “ผังคิดมิตรการเขียน” ๑๐.๓ อินเทอร์เน็ต ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถบอกหลัก มารยาทในการเขียนได้ (K) -การตอบคำถาม คำถาม นักเรียนบอกหลัก มารยาทในการเขียนได้ ๒. นักเรียนสามารถปฏิบัติตาม หลักมารยาทในการเขียนได้ (P) กิจกรรม “ผังคิด มิตรการเขียน” แผนผังความคิด นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีมารยาทในการเขียน (A) ประเมินพฤติกรรม แบบประเมิน นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินพฤติกรรมในชั้น เรียนร้อยละ ๗๐


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ ศิลาจารึกหลักที่ ๑ เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง มารยาทในการฟัง การดู และการพูด เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิธร ประสาวะถา โรงเรียนหนองวัวซอพิทยาคม ๑.มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึกใน โอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๓.๑ ม.๒/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถบอกหลักมารยาทในการฟัง การดู และการพูดได้ (K) ๒.๒ นักเรียนสามารถปฏิบัติตามหลักมารยาทในการฟัง การดู และการพูดได้ (P) ๒.๓ นักเรียนมีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕. สาระสำคัญ การฟัง การดู และการพูด เป็นทักษะการสื่อสารที่สำคัญของมนุษย์ การฝึกฝนทักษะเหล่านี้ให้สามารถ ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และสิ่งที่ควรคำนึงถึงอีกประการหนึ่งในการใช้ทักษะให้ เกิดผลดีคือ การใช้ทักษะเหล่านี้อย่างมีมารยาท


๖. สาระสำคัญ ๖.๑ มารยาทในการฟัง การดู และการพูด ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ๗.๑ กิจกรรม “แผนผังความคิดมารยาทในการฟัง” ๗.๒ กิจกรรม “แผนผังความคิดมารยาทในการดู” ๗.๓ กิจกรรม “แผนผังความคิดมารยาทในการพูด” ๘. กระบวนการวัดและประเมินผล ขั้นนำ ๑.ครูผู้สอนกล่าวทักทายนักเรียน ๒.ครูผู้สอนใช้กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียนโดยการใช้คำถามให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่า “ให้นักเรียนช่วยกันบอกการกระทำที่ถือว่ามีมารยาทในการพูด” (แนวคำตอบ :รู้จักระมัดระวังคำพูด ไม่พูดคำหยาบคายหรือคำที่ไม่สุภาพ เป็นต้น) ๓.ครูผู้สอนอธิบายเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่าคำถามที่ให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ “มารยาทในการพูด การฟัง และการดู” นั้นเป็นเรื่องที่นักเรียนจะเรียนรู้ในวันนี้ ขั้นสอน ๔.นักเรียนฟังครูผู้สอนอธิบายหลักการมีมารยาทในการฟังและการดู มารยาทในการฟังและการดู ๑. ให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ฟังและดู มีสมาธิตั้งใจแน่วแน่ในการรับสาร มีความเห็นเป็นกลาง ใจกว้าง ไม่อคติเป็นพื้นฐาน ให้เกียรติผู้ส่งสารโดยให้ความสนใจ ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ๒. หากมีข้อสงสัยไม่เข้าใจ ควรหาโอกาสซักถามในเวลาที่เหมาะสม ไม่ควร พูดแทรกในจังหวะที่การฟังและการดูนั้นยังไม่เสร็จสิ้น ควรรอให้จบก่อนแล้วจึงหา โอกาสซักถามผู้ส่งสาร ๓. ตลอดระยะเวลาที่ฟังและดูควรควบคุมพฤติกรรมตนเองให้อยู่ในความ สำรวม อดทน ถึงแม้จะมีความคิดขัดแย้งกับสิ่งที่ได้ฟังและดู ควรรอโอกาสที่จะแสดง ความคิดเห็นอย่างสุภาพ ผู้ฟังและดูไม่ลุกขึ้นเดินไปเดินมา หรือทำสิ่งใดที่เป็นการ รบกวนให้ผู้อื่นเสียสมาธิ


๕.นักเรียนฟังครูผู้สอนอธิบายหลักการมีมารยาทในการพูด ๖.ครูผู้สอนจัดกิจกรรมให้นักเรียนสร้างสรรค์แผนผังความคิด โดยให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ ๕-๗ คน โดยให้ตัวแทนกลุ่มออกมาจับสลากหัวข้อแผนผังความคิด - “แผนผังความคิดมารยาทในการฟัง” - “แผนผังความคิดมารยาทในการดู” - “แผนผังความคิดมารยาทในการพูด” ๗.นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันคิด แสดงความคิดเห็นและสืบค้นอินเทอร์เน็ตในหัวข้อที่กลุ่มเองได้แล้ว นำมาสรุปลงแผนผังความคิดอย่างน้อย ๑๐ ข้อ ๘.ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอแผนผังความคิดในหัวข้อของกลุ่มตนเอง ขั้นสรุป ๙.ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง “มารยาทในการฟัง การดู และการพูด” ที่นักเรียนได้ เรียนไปในวันนี้ ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ครูผู้สอนจัดบรรยากาศเชิงบวกโดยการจัดกิจกรรมกลุ่มให้ผู้เรียนได้มีการแลกเปลี่ยนแสดงความ คิดเห็นและสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์ได้ มารยาทในการพูด ๑. รู้จักระมัดระวังคำพูด ผู้พูดไม่ควรใช้ถ้อยคำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้อื่น ไม่พูดโกหกหลอกลวง ไม่พูดหยาบคาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อไร้สาระ ผู้พูดต้องมี คุณธรรมในการควบคุมตนเองและพิจารณาเสมอว่าเรื่องใดควรพูดหรือไม่ควรพูด ๒. รู้กาลเทศะและบุคคล ผู้พูดต้องให้ความสำคัญกับสิ่งนี้เป็นอย่างยิ่ง ควรคำนึงถึงการใช้ภาษาให้เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคลนั้นๆ เช่น ถ้าเราจะชวน เพื่อนไปซื้อของตอนเย็น ในขณะนั่งเรียนอยู่เราก็ไม่ควรพูด ๓. ให้เกียรติผู้ฟัง ผู้พูดทุกคนมักคิดว่าตนเองสำคัญที่สุด แต่ในความเป็นจริง การพูดที่ดีต้องคำนึงถึงผู้ฟัง บางครั้งเมื่อพูดสิ่งใดไปแล้ว อาจมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่ เห็นด้วย การพูดที่ดีต้องให้เกียรติผู้ฟัง เปิดโอกาสให้ผู้ฟังซักถามหรือแสดงความ คิดเห็นและพร้อมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างจากตนได้เสมอ


๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ หนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย หลักภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ๑๐.๒ กิจกรรม “แผนผังความคิดมารยาทในการฟัง” ๑๐.๓ กิจกรรม “แผนผังความคิดมารยาทในการดู” ๑๐.๔ กิจกรรม “แผนผังความคิดมารยาทในการพูด” ๑๐.๕ อินเทอร์เน็ต ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถบอกหลัก มารยาทในการฟัง การดู และการ พูดได้ (K) -การตอบคำถาม คำถาม นักเรียนบอกหลัก มารยาทในการฟัง การดู และการพูดได้ ๒. นักเรียนสามารถปฏิบัติตาม หลักมารยาทในการฟัง การดู และการพูดได้ (P) กิจกรรม “แผนผัง ความคิดมารยาทใน การฟัง การดู และ การพูด” แผนผังความคิด นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด (A) ประเมินพฤติกรรม แบบประเมิน นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินพฤติกรรมในชั้น เรียนร้อยละ ๗๐


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง โวหารภาพพจน์ (อุปมาและอุปลักษณ์) เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิธร ประสาวะถา โรงเรียนหนองวัวซอพิทยาคม ๑.มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนำมา ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๕.๑ ม.๒/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของโวหารภาพพจน์อุปมาและอุปลักษณ์ได้(K) ๒.๒ นักเรียนสามารถใช้โวหารภาพพจน์อุปมาและอุปลักษณ์ได้ถูกต้อง (P) ๒.๓ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๓.๔ รักความเป็นไทย ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๔.๔ ความสมารถในการใช้เทคโนโลยี


๕. สาระสำคัญ วรรณศิลป์ หมายถึง ศิลปะในการประพันธ์หนังสือให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ โดยมากมักเน้นพิจารณา เรื่องการแสดงออกโดยใช้ถ้อยคำที่มีสำนวนโวหารไพเราะ มีลักษณะเด่นในเชิงการประพันธ์ สามารถถ่ายทอด ความคิดความรู้สึกของกวีได้จับใจผู้อ่านและผู้ฟังให้เกิดความรู้สึกคล้อยตามไปกับกวีด้วย เมื่อผู้เรียนได้ศึกษา ความรู้เกี่ยวกับวรรณศิลป์แล้วยังจะได้รับความรู้ ความคิด คติธรรม ทรรศนะ ความเชื่อที่สอดสอดแทรกไว้ใน วรรณคดี ซึ่งจะพิจารณามาจากคุณค่าของวรรณคดี การพิจารณาคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม เป็นการพิจารณาเพื่อให้เห็นความสำคัญและ เกิดความซาบซึ้งในวรรณคดีและวรรณกรรม ซึ่งสามารถพิจารณาได้หลายด้าน เช่น คุณค่าด้านเนื้อหา คุณค่า ด้านแนวคิด และคุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ โวหารภาพพจน์ (อุปมา) ๖.๒ โวหารภาพพจน์ (อุปลักษณ์) ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ๗.๑ แบบฝึกหัดอุปมาและอุปลักษณ์ ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑.ครูผู้สอนกล่าวทักทายนักเรียน ๒.ครูผู้สอนใช้กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียนโดยการนำข้อความมาให้นักเรียนสังเกต แล้วใช้คำถามให้ นักเรียนช่วยกันสังเกตว่าข้อความทั้งสองมีอะไรที่เหมือนหรือแตกต่างกันบ้าง ตัวอย่าง - ลูกมีค่าดุจดวงใจของแม่ -ลูกคือดวงใจของแม่ ๓.ครูผู้สอนอธิบายเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่าข้อความที่นักเรียนได้สังเกตนั้นมีการใช้วรรณศิลป์ที่ เรียกว่า “โวหารภาพพจน์อุปมาและอุปลักษณ์” ซึ่งนักเรียนจะได้มาทำความรู้จักในวันนี้ ขั้นสอน ๔.นักเรียนฟังครูอธิบายความหมายและรูปแบบประเภทของภาพพจน์ ภาพพจน์ ภาพพจน์ คือ กลวิธีอันเป็นศิลปะของการใช้ภาษา สำนวนในการพูด หรือการแต่ง หนังสือ โดยกล่าวถึงสิ่งหนึ่งแต่ให้มีความหมายไปถึงอีกสิ่งหนึ่ง มีความมุ่งหมายเพื่อเพิ่ม อรรถรสให้แก่ข้อความนั้นๆ ดังนี้ ๑. ภาพพจน์ให้ความสำเริงอารมณ์ ๒. ภาพพจน์ทำสิ่งที่เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรม ๓


๕.นักเรียนฟังครูผู้สอนอธิบายความหมายและยกตัวอย่างลักษณะของโวหารภาพพจน์อุปมาและ อุปลักษณ์ดังนี้ ๑.อุปมา เป็นการใช้ถ้อยคำเปรียบเทียบว่าสิ่งหนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง มักมีคำให้สังเกตคือ ดั่ง ราว เหมือน เสมือน ดุจ ประหนึ่ง เพี้ยง เป็นต้น ตัวอย่าง จนผมโกร๋นโล้นเกลี้ยงถึงเพียงหู ดูเงาในน้ำแล้วร้องไห้ ฮึดฮัดขัดแค้นแน่นใจ ตาแดงดั่งแสงไฟฟ้า ๒.อุปลักษณ์ เป็นการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง มักมีคำว่า คือ เป็น ตัวอย่าง - ลูกคือดวงใจของแม่ - อำมาตย์เป็นบรรทัด ถ่องแท้ ๖.ครูผู้สอนมอบหมายแบบฝึกหัดเรื่อง “อุปมาและอุปลักษณ์”ให้นักเรียนลองฝึกทำ โดยครูจะมี ข้อความหรือบทประพันธ์มาให้ จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันตอบว่าจากข้อความข้างต้นมีการใช้ภาพพจน์แบบใด ภาพพจน์ ๓. ภาพพจน์ให้ความเข้มข้นทางอารมณ์มากยิ่งขึ้น ๔. ภาพพจน์ช่วยให้กล่าวน้อยคำแต่ได้ความมาก ภาพพจนีหลายรูปแบบ เช่น ๑. อุปมา ๒. อุปลักษณ์ ๓. สัญลักษณ์ ๔. บุคลาธิษฐานหรือบุคคลวัต ๕. อติพจน์ ๖. อวพจน์ ๗. นามนัย


แบบฝึกหัด อุปมาและอุปลักษณ์ ๑. เธอคือดอกฟ้าส่วนฉันนั้นคือหมาวัด ๒. นางสุวรรณเกสรสวยราวกับนางฟ้า ๓. ลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจพ่อแม่ ๔. ครูคือแม่พิมพ์ของชาติ ๕. ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน ๖. ทหารเป็นรั้วของชาติ ๗. ชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ ๘. เขาดุเหมือนเสือ ๙. บรรยากาศเงียบราวกับป่าช้า ๑๐. ข้อสอบง่ายเหมือนปอกกล้วย ๗.ครูผู้สอนสุ่มเรียกชื่อนักเรียนออกมาตอบ จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันเลือกเพื่อนออกมาตอบจนครบ ทุกข้อ ๘.ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัด ๙.นักเรียนจดแบบฝึกหัดที่ช่วยกันทำบนกระดานลงในสมุดและนำมาส่งครูท้ายคาบเรียน ขั้นสรุป ๑๐.ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง “โวหารภาพพจน์อุปมาและอุปลักษณ์” ที่นักเรียน ได้เรียนรู้ในวันนี้ ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ครูผู้สอนจัดบรรยากาศเชิงบวกโดยการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นและช่วยกัน ตอบคำถาม ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสออกมาเขียนตอบแบบฝึกหัดอุปมาและอุปลักษณ์บนกระดาน ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ หนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ๑๐.๒ แบบฝึกหัดอุปมาและอุปลักษณ์


๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถอธิบาย ความหมายของโวหารภาพพจน์ อุปมาและอุปลักษณ์ได้(K) -การตอบคำถาม คำถาม นักเรียนอธิบาย ความหมายของโวหาร ภาพพจน์อุปมาและ อุปลักษณ์ได้ ๒. นักเรียนสามารถใช้โวหาร ภาพพจน์อุปมาและอุปลักษณ์ได้ ถูกต้อง (P) ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัดอุปมา และอุปลักษณ์ นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีความกระตือรือร้น ในการทำกิจกรรม (A) ประเมินพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน พฤติกรรมในชั้น เรียน นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินพฤติกรรมในชั้น เรียนร้อยละ ๗๐


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง โวหารภาพพจน์ (บุคลาธิษฐานและสัทพจน์) เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิธร ประสาวะถา โรงเรียนหนองวัวซอพิทยาคม ๑.มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนำมา ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๕.๑ ม.๒/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของโวหารภาพพจน์บุคลาธิษฐานและสัทพจน์ได้(K) ๒.๒ นักเรียนสามารถใช้โวหารภาพพจน์บุคลาธิษฐานและสัทพจน์ได้ถูกต้อง (P) ๒.๓ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๓.๔ รักความเป็นไทย ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๔.๔ ความสมารถในการใช้เทคโนโลยี


๕. สาระสำคัญ วรรณศิลป์ หมายถึง ศิลปะในการประพันธ์หนังสือให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ โดยมากมักเน้นพิจารณา เรื่องการแสดงออกโดยใช้ถ้อยคำที่มีสำนวนโวหารไพเราะ มีลักษณะเด่นในเชิงการประพันธ์ สามารถถ่ายทอด ความคิดความรู้สึกของกวีได้จับใจผู้อ่านและผู้ฟังให้เกิดความรู้สึกคล้อยตามไปกับกวีด้วย เมื่อผู้เรียนได้ศึกษา ความรู้เกี่ยวกับวรรณศิลป์แล้วยังจะได้รับความรู้ ความคิด คติธรรม ทรรศนะ ความเชื่อที่สอดสอดแทรกไว้ใน วรรณคดี ซึ่งจะพิจารณามาจากคุณค่าของวรรณคดี การพิจารณาคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม เป็นการพิจารณาเพื่อให้เห็นความสำคัญและ เกิดความซาบซึ้งในวรรณคดีและวรรณกรรม ซึ่งสามารถพิจารณาได้หลายด้าน เช่น คุณค่าด้านเนื้อหา คุณค่า ด้านแนวคิด และคุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ โวหารภาพพจน์ (บุคลาธิษฐานหรือบุคคลวัต) ๖.๒ โวหารภาพพจน์ (สัทพจน์) ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ๗.๑ แบบฝึกหัดบุคลาธิษฐานและสัทพจน์ ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑.ครูผู้สอนกล่าวทักทายนักเรียน ๒.ครูผู้สอนใช้กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียนโดยการนำบทประพันธ์มาให้นักเรียนสังเกต แล้วใช้คำถาม ให้นักเรียนช่วยกันสังเกตคำเลียนเสียงธรรมชาติในบทประพันธ์ ตัวอย่าง วังเอ๋ยวังเวง หว่างเหง่ง! ย่ำค่ำระฆังขาน ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล ค่อยค่อยฝ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย ๓.ครูผู้สอนอธิบายเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่าข้อความที่นักเรียนได้สังเกตนั้นมีการใช้วรรณศิลป์ที่ เรียกว่า “โวหารภาพพจน์บุคลาธิษฐานและสัทพจน์” ซึ่งนักเรียนจะได้มาทำความรู้จักในวันนี้ ขั้นสอน ๔.นักเรียนฟังครูอธิบายทบทวนความหมายและรูปแบบประเภทของภาพพจน์ที่ได้เรียนไปในชั่วโมง ที่แล้ว ๕.นักเรียนฟังครูผู้สอนอธิบายความหมายและยกตัวอย่างลักษณะของโวหารภาพพจน์บุคลาธิษฐาน หรือบุคคลวัตและสัทพจน์ดังนี้


๑.บุคลาธิษฐานหรือบุคคลวัต หมายถึง การสมมุติให้สิ่งมีชีวิต เช่น พืช สัตว์ และสิ่งไม่มีชีวิต เช่น แสงแดด สายลม สิ่งของ ทำกิริยาหรือมีความรู้สึกนึกคิดอย่างมนุษย์ ตัวอย่าง -อิฐหินปูนร่ำไห้ - พระจันทร์ยิ้ม - ทะเลไม่เคยหลับใหล ๒.สัทพจน์ หมายถึง คำเลียนเสียงธรรมชาติ ฝน ฟ้า ลม เสียงสัตว์ร้อง เสียงใบไม้เสียดสีกัน เสียงระฆังดัง แล้วนำถ้อยคำเหล่านั้นมาใช้ทำให้เกิดภาพพจน์ได้ง่ายขึ้น ตัวอย่าง วังเอ๋ยวังเวง หว่างเหง่ง! ย่ำค่ำระฆังขาน ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล ค่อยค่อยฝ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย ๖.ครูผู้สอนมอบหมายแบบฝึกหัดเรื่อง “บุคลาธิษฐานและสัทพจน์” ให้นักเรียนฝึกทำแบบฝึกหัด โดยครูจะมีข้อความและบทประพันธ์มาให้ จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันตอบว่าจากข้อความข้างต้นมีการใช้ ภาพพจน์แบบใด แบบฝึกหัด บุคลาธิษฐานและสัทพจน์ ๑. คลื่นลมเห่จูบหิน ๒. ทะเลสะอื้น ๓. พระอาทิตย์หัวเราะ ๔. น้ำกระซิบสาด ๕. ฝูงลิงใหญ่น้อยกระจุ้ย ชะนีอุ่ยอุ้ยร้องหา ฝูงค่างหว่างพฤกษา ค่างโจนไล่ไขว่ปลายยาง ๖. ฝูงค่างหว่างพฤกษา มาสู่ ครอกแครกไล่ไขว่คว้าง โลดเลี้ยวโจนปลิว ๗.ครูผู้สอนสุ่มเรียกชื่อนักเรียนออกมาตอบ จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันเลือกเพื่อนออกมาตอบจนครบ ทุกข้อ ๘.ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัด ๙.นักเรียนจดแบบฝึกหัดที่ช่วยกันทำบนกระดานลงในสมุดและนำมาส่งครูท้ายคาบเรียน


ขั้นสรุป ๑๐.ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง “โวหารภาพพจน์บุคลาธิษฐานและสัทพจน์” ที่นักเรียนได้เรียนรู้ในวันนี้ ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ครูผู้สอนจัดบรรยากาศเชิงบวกโดยการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นและช่วยกัน ตอบคำถาม ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสออกมาเขียนตอบแบบฝึกหัดบุคลาธิษฐานและสัทพจน์บนกระดาน ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ หนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ๑๐.๒ แบบฝึกหัดบุคลาธิษฐานและสัทพจน์ ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถอธิบาย ความหมายของโวหารภาพพจน์ บุคลาธิษฐานและสัทพจน์ได้(K) -การตอบคำถาม คำถาม นักเรียนอธิบาย ความหมายของโวหาร ภาพพจน์บุคลาธิษฐาน และสัทพจน์ได้ ๒. นักเรียนสามารถใช้โวหาร ภาพพจน์บุคลาธิษฐานและ สัทพจน์ได้ถูกต้อง (P) ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด บุคลาธิษฐานและ สัทพจน์ นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีความกระตือรือร้น ในการทำกิจกรรม (A) ประเมินพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน พฤติกรรมในชั้น เรียน นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินพฤติกรรมในชั้น เรียนร้อยละ ๗๐


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง โวหารภาพพจน์ (สัญลักษณ์) เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิธร ประสาวะถา โรงเรียนหนองวัวซอพิทยาคม ๑.มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนำมา ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๕.๑ ม.๒/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของโวหารภาพพจน์สัญลักษณ์ได้(K) ๒.๒ นักเรียนสามารถใช้โวหารภาพพจน์สัญลักษณ์ได้ถูกต้อง (P) ๒.๓ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๓.๔ รักความเป็นไทย ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๔.๔ ความสมารถในการใช้เทคโนโลยี


๕. สาระสำคัญ วรรณศิลป์ หมายถึง ศิลปะในการประพันธ์หนังสือให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ โดยมากมักเน้นพิจารณา เรื่องการแสดงออกโดยใช้ถ้อยคำที่มีสำนวนโวหารไพเราะ มีลักษณะเด่นในเชิงการประพันธ์ สามารถถ่ายทอด ความคิดความรู้สึกของกวีได้จับใจผู้อ่านและผู้ฟังให้เกิดความรู้สึกคล้อยตามไปกับกวีด้วย เมื่อผู้เรียนได้ศึกษา ความรู้เกี่ยวกับวรรณศิลป์แล้วยังจะได้รับความรู้ ความคิด คติธรรม ทรรศนะ ความเชื่อที่สอดสอดแทรกไว้ใน วรรณคดี ซึ่งจะพิจารณามาจากคุณค่าของวรรณคดี การพิจารณาคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม เป็นการพิจารณาเพื่อให้เห็นความสำคัญและ เกิดความซาบซึ้งในวรรณคดีและวรรณกรรม ซึ่งสามารถพิจารณาได้หลายด้าน เช่น คุณค่าด้านเนื้อหา คุณค่า ด้านแนวคิด และคุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ โวหารภาพพจน์ (สัญลักษณ์) ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ๗.๑ แบบฝึกหัดสัญลักษณ์ ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑.ครูผู้สอนกล่าวทักทายนักเรียน ๒.ครูผู้สอนใช้กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียนโดยการใช้กิจกรรม “ช่วยกันบอกความหมายของคำที่ครู นำมา”โดยครูจะมีคำมาให้แล้วนักเรียนช่วยกันตอบว่าคำที่มีครูนำมามีความหมายอย่างไรบ้าง ตัวอย่าง - กา หมายถึง นกชนิดหนึ่งมีสีดำ - หงส์ หมายถึง นกชนิดหนึ่งที่มีสีขาว ๓.ครูผู้สอนอธิบายเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า คำที่นำมาให้นักเรียนสังเกตและช่วยกันบอกความหมาย นั้นยังเป็นคำที่สามารถบอกความหมายได้เป็นอีกอย่าง เรียกคำเหล่านี้ว่า “สัญลักษณ์” ซึ่งเป็นโวหารภาพพจน์ ที่นักเรียนจะได้รู้จักในวันนี้ ขั้นสอน ๔.นักเรียนฟังครูอธิบายทบทวนความหมายและรูปแบบประเภทของภาพพจน์ที่ได้เรียนไปในชั่วโมง ที่แล้ว ๕.นักเรียนฟังครูผู้สอนอธิบายความหมายและยกตัวอย่างลักษณะของโวหารภาพพจน์สัญลักษณ์ดังนี้ ๑.สัญลักษณ์ คือ คำที่มีความหมายอย่างหนึ่งแต่ถูกนำไปใช้แทนความหมายอีกอย่างหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงถึงการกล่าวคำนั้นโดยตรง


ตัวอย่าง สัญลักษณ์ ความหมายของสัญลักษณ์ กา ชนชั้นต่ำ หงส์ ชนชั้นสูง นกพิราบ เสรีภาพ แก้ว สิ่งที่ดีงาม ดอกไม้ ผู้หญิง แมลงผู้ ผู้ชาย สีดำ ความทุกข์ ความสกปรก สีขาว ความดี ความบริสุทธิ์ ๖.ครูผู้สอนมอบหมายแบบฝึกหัดเรื่อง “สัญลักษณ์” ให้นักเรียนฝึกทำแบบฝึกหัด โดยครูจะมีข้อความ มาให้ จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันตอบว่าจากข้อความข้างต้นมีการใช้ภาพพจน์แบบใดและสามารถสืบค้นจาก อินเทอร์เน็ตได้ แบบฝึกหัด สัญลักษณ์ สัญลักษณ์ ความหมายของสัญลักษณ์ ๑. กุหลาบสีแดง ๒. เพชร ๓. ลา ๔. เต่า ๕. สุนัขจิ้งจอก ๖. ดอกบัว ๗. ดอกมะลิ ๘. สมอ ๙. ระฆัง ๑๐. รวงข้าว ๗.ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัด ๘.นักเรียนจดแบบฝึกหัดที่ช่วยกันทำบนกระดานลงในสมุดและนำมาส่งครูท้ายคาบเรียน


ขั้นสรุป ๙.ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง “โวหารภาพพจน์สัญลักษณ์” ที่นักเรียนได้เรียนรู้ ในวันนี้ ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ครูผู้สอนจัดบรรยากาศเชิงบวกโดยการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นและช่วยกัน ตอบคำถาม ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสืบค้นและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับเพื่อนในชั้นเรียน ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ หนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ๑๐.๒ แบบฝึกหัดสัญลักษณ์ ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถอธิบาย ความหมายของโวหารภาพพจน์ สัญลักษณ์ได้(K) -การตอบคำถาม คำถาม นักเรียนอธิบาย ความหมายของโวหาร ภาพพจน์สัญลักษณ์ได้ ๒. นักเรียนสามารถใช้โวหาร ภาพพจน์สัญลักษณ์ได้ถูกต้อง (P) ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด สัญลักษณ์ นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีความกระตือรือร้น ในการทำกิจกรรม (A) ประเมินพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน พฤติกรรมในชั้น เรียน นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินพฤติกรรมในชั้น เรียนร้อยละ ๗๐


บันทึกหลังสอน ผลการจัดการเรียนการสอน ด้านความรู้ (K)........................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ด้านทักษะกระบวนการ (P)........................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ด้านคุณลักษณะ (A)........................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหาอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน (นางสาวศศิธร ประสาวะถา) วันที่............เดือน.........................พ.ศ.............


ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ......................................... (นางกวีวรรณ ฤทธิ์เทพ) วันที่............เดือน........................พ.ศ............. ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นําไปใช้สอนได้ ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ ข้อเสนอแนะอื่นๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................ (นางจันทร์แดง สิทธิบูรณ์) วันที่............เดือน..................พ.ศ............. ความคิดเห็นของรองผู้อํานวยการโรงเรียน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................ (นายบรรพต โสดากุล) วันที่............เดือน.................พ.ศ.............


ความคิดเห็นของผู้อำนวยการโรงเรียน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………...…..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….……………...… ….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................ (นายวิศิษฎ์ อิสระดำรง) วันที่............เดือน.................พ.ศ.............


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔๙ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง โวหารภาพพจน์ (นามนัย) เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิธร ประสาวะถา โรงเรียนหนองวัวซอพิทยาคม ๑.มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนำมา ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๕.๑ ม.๒/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของโวหารภาพพจน์นามนัยได้(K) ๒.๒ นักเรียนสามารถใช้โวหารภาพพจน์นามนัยได้ถูกต้อง (P) ๒.๓ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๓.๔ รักความเป็นไทย ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๔.๔ ความสมารถในการใช้เทคโนโลยี


๕. สาระสำคัญ วรรณศิลป์ หมายถึง ศิลปะในการประพันธ์หนังสือให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ โดยมากมักเน้นพิจารณา เรื่องการแสดงออกโดยใช้ถ้อยคำที่มีสำนวนโวหารไพเราะ มีลักษณะเด่นในเชิงการประพันธ์ สามารถถ่ายทอด ความคิดความรู้สึกของกวีได้จับใจผู้อ่านและผู้ฟังให้เกิดความรู้สึกคล้อยตามไปกับกวีด้วย เมื่อผู้เรียนได้ศึกษา ความรู้เกี่ยวกับวรรณศิลป์แล้วยังจะได้รับความรู้ ความคิด คติธรรม ทรรศนะ ความเชื่อที่สอดสอดแทรกไว้ใน วรรณคดี ซึ่งจะพิจารณามาจากคุณค่าของวรรณคดี การพิจารณาคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม เป็นการพิจารณาเพื่อให้เห็นความสำคัญและ เกิดความซาบซึ้งในวรรณคดีและวรรณกรรม ซึ่งสามารถพิจารณาได้หลายด้าน เช่น คุณค่าด้านเนื้อหา คุณค่า ด้านแนวคิด และคุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ โวหารภาพพจน์ (นามนัย) ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ๗.๑ แบบฝึกหัดนามนัย ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑.ครูผู้สอนกล่าวทักทายนักเรียน ๒.ครูผู้สอนใช้กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียนโดยการใช้กิจกรรม “ช่วยกันบอกความหมายของคำที่ครู นำมา”โดยครูจะมีคำมาให้แล้วนักเรียนช่วยกันสืบค้นและตอบว่าคำที่มีครูนำมามีความหมายอย่างไร ตัวอย่าง - เมืองโอ่ง หมายถึง จังหวัดราชบุรี - เมืองย่าโม หมายถึง จังหวัดนครราชสีมา ๓.ครูผู้สอนอธิบายเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า คำที่นำมาให้นักเรียนสังเกตและช่วยกันบอกความหมาย นั้นยังเป็นคำที่สามารถบอกความหมายได้เป็นอีกอย่าง เรียกคำเหล่านี้ว่า “นามนัย” ซึ่งเป็นโวหารภาพพจน์ ที่นักเรียนจะได้รู้จักในวันนี้ ขั้นสอน ๔.นักเรียนฟังครูอธิบายทบทวนความหมายและรูปแบบประเภทของภาพพจน์ที่ได้เรียนไปในชั่วโมง ที่แล้ว ๕.นักเรียนฟังครูผู้สอนอธิบายความหมายและยกตัวอย่างลักษณะของโวหารภาพพจน์นามนัย ดังนี้ ๑.นามนัย คือ การใช้ถ้อยคำหรือวลีซึ่งบ่งบอกลักษณะหรือคุณสมบัติของสิ่งใดสิ่งหนึ่งแทนอีก สิ่งหนึ่ง มีลักษณะคล้ายๆ สัญลักษณ์ แต่ต่างกันตรงที่นามนัยนั้นจะดึงเอาลักษณะบางส่วนของสิ่งหนึ่งมากล่าว ให้หมายถึงส่วนนั้นทั้งหมด


ตัวอย่าง สัญลักษณ์ ความหมายของสัญลักษณ์ เมืองโอ่ง จังหวัดราชบุรี เมืองย่าโม จังหวัดนครราชสีมา ทีมเสือเหลือง ทีมมาเลเซีย ทีมกังหันลม เมืองเนเธอร์แลนด์ ทีมสิงโตคำราม อังกฤษ ฉัตร กษัตริย์ มือที่สาม ผู้ก่อความเดือดร้อน ๖.ครูผู้สอนมอบหมายแบบฝึกหัดเรื่อง “นามนัย” ให้นักเรียนฝึกทำแบบฝึกหัด โดยครูจะมีข้อความมา ให้ จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันตอบว่าจากข้อความข้างต้นมีการใช้ภาพพจน์แบบใดและสามารถสืบค้นจาก อินเทอร์เน็ตได้ แบบฝึกหัด นามนัย สัญลักษณ์ ความหมายของสัญลักษณ์ ๑. เก้าอี้ ๒. เมืองน้ำหอม ๓. ทีมลูกหวาย ๔. ทีมสิงโตคำราม ๕. ชิงเก้าอี้ ๖. เศวตฉัตร ๗.ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัด ๘.นักเรียนจดแบบฝึกหัดที่ช่วยกันทำบนกระดานลงในสมุดและนำมาส่งครูท้ายคาบเรียน ขั้นสรุป ๙.ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง “โวหารภาพพจน์นามนัย” ที่นักเรียนได้เรียนรู้ ในวันนี้ ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ครูผู้สอนจัดบรรยากาศเชิงบวกโดยการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นและช่วยกัน ตอบคำถาม ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสืบค้นและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับเพื่อนในชั้นเรียน


๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ หนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ๑๐.๒ แบบฝึกหัดนามนัย ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถอธิบาย ความหมายของโวหารภาพพจน์ นามนัยได้(K) -การตอบคำถาม คำถาม นักเรียนอธิบาย ความหมายของโวหาร ภาพพจน์นามนัยได้ ๒. นักเรียนสามารถใช้โวหาร ภาพพจน์นามนัยได้ถูกต้อง (P) ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัดนามนัย นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีความกระตือรือร้น ในการทำกิจกรรม (A) ประเมินพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน พฤติกรรมในชั้น เรียน นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินพฤติกรรมในชั้น เรียนร้อยละ ๗๐


บันทึกหลังสอน ผลการจัดการเรียนการสอน ด้านความรู้ (K)........................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ด้านทักษะกระบวนการ (P)........................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ด้านคุณลักษณะ (A)........................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหาอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน (นางสาวศศิธร ประสาวะถา) วันที่............เดือน.........................พ.ศ.............


ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ......................................... (นางกวีวรรณ ฤทธิ์เทพ) วันที่............เดือน........................พ.ศ............. ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นําไปใช้สอนได้ ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ ข้อเสนอแนะอื่นๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................ (นางจันทร์แดง สิทธิบูรณ์) วันที่............เดือน..................พ.ศ............. ความคิดเห็นของรองผู้อํานวยการโรงเรียน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................ (นายบรรพต โสดากุล) วันที่............เดือน.................พ.ศ.............


ความคิดเห็นของผู้อำนวยการโรงเรียน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………...…..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….……………...… ….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................ (นายวิศิษฎ์ อิสระดำรง) วันที่............เดือน.................พ.ศ.............


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕๐ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง โวหารภาพพจน์ (อติพจน์และอวพจน์) เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิธร ประสาวะถา โรงเรียนหนองวัวซอพิทยาคม ๑.มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนำมา ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๕.๑ ม.๒/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของโวหารภาพพจน์อติพจน์และอวพจน์ได้(K) ๒.๒ นักเรียนสามารถใช้โวหารภาพพจน์อติพจน์และอวพจน์ได้ถูกต้อง (P) ๒.๓ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๓.๔ รักความเป็นไทย ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๔.๔ ความสมารถในการใช้เทคโนโลยี


๕. สาระสำคัญ วรรณศิลป์ หมายถึง ศิลปะในการประพันธ์หนังสือให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ โดยมากมักเน้นพิจารณา เรื่องการแสดงออกโดยใช้ถ้อยคำที่มีสำนวนโวหารไพเราะ มีลักษณะเด่นในเชิงการประพันธ์ สามารถถ่ายทอด ความคิดความรู้สึกของกวีได้จับใจผู้อ่านและผู้ฟังให้เกิดความรู้สึกคล้อยตามไปกับกวีด้วย เมื่อผู้เรียนได้ศึกษา ความรู้เกี่ยวกับวรรณศิลป์แล้วยังจะได้รับความรู้ ความคิด คติธรรม ทรรศนะ ความเชื่อที่สอดสอดแทรกไว้ใน วรรณคดี ซึ่งจะพิจารณามาจากคุณค่าของวรรณคดี การพิจารณาคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม เป็นการพิจารณาเพื่อให้เห็นความสำคัญและ เกิดความซาบซึ้งในวรรณคดีและวรรณกรรม ซึ่งสามารถพิจารณาได้หลายด้าน เช่น คุณค่าด้านเนื้อหา คุณค่า ด้านแนวคิด และคุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ โวหารภาพพจน์ (อติพจน์) ๖.๒ โวหารภาพพจน์ (อวพจน์) ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ๗.๑ แบบฝึกหัดอติพจน์และอวพจน์ ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑.ครูผู้สอนกล่าวทักทายนักเรียน ๒.ครูผู้สอนใช้กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียนโดยการการนำข้อความสองข้อความมาให้นักเรียนสังเกต จากนั้นให้นักเรียนสังเกตความแตกต่างของข้อความ ตัวอย่าง -คิดถึงใจจะขาด - เล็กเท่าขี้ตาแมว ๓.ครูผู้สอนอธิบายเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่าจากตัวอย่างข้อความที่นักเรียนได้สังเกตนั้นมีการใช้ วรรณศิลป์ในข้อความเรียกว่า “อติพจน์และอวพจน์”ซึ่งนักเรียนจะได้มารู้จักในวันนี้ ขั้นสอน ๔.นักเรียนฟังครูผู้สอนอธิบายทบทวนความรู้เรื่อง โวหารภาพพจน์ อุปมา อุปลักษณ์ บุคลาธิษฐาน สัทพจน์ สัญลักษณ์และนามนัยที่นักเรียนได้เรียนไปในชั่วโมงที่ผ่านมา ๕.นักเรียนฟังครูผู้สอนอธิบายความหมายและยกตัวอย่างลักษณะของโวหารภาพพจน์อติพจน์และ อวพจน์ ดังนี้ ๑.อติพจน์คือ โวหารที่กล่าวเกินความจริง เพื่อสร้างและเน้นอารมณ์ความรู้สึก ทำให้ผู้ฟังเกิด ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ภาพพจน์ประเภทนี้นิยมใช้กันมากแม้ในภาษาพูด เพราะเป็นการกล่าวที่ทำให้เห็นภาพง่าย และแสดงความรู้สึกของกวีได้อย่างชัดเจน


ตัวอย่าง - ผมคิดถึงคุณใจจะขาด -ลำบากเลือดตาแทบกระเด็น - ทำไมมันร้อนตับแตกแบบนี้ ๒.อวพจน์คือ โวหารที่มีการกล่าวน้อยกว่าความเป็นจริง ทำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์และจินตนาการเห็น ภาพตาม ตัวอย่าง - เพชรเม็ดนี้เล็กเท่าขี้ตาแมว - เขาทำงานเสร็จในพริบตาเดียว ๖.ครูผู้สอนมอบหมายแบบฝึกหัดเรื่อง “อติพจน์และอวพจน์” ให้นักเรียนฝึกทำแบบฝึกหัด โดยครูจะ มีข้อความมาให้ จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันตอบว่าจากข้อความข้างต้นมีการใช้ภาพพจน์แบบใดและสามารถ สืบค้นจากอินเทอร์เน็ตได้ แบบฝึกหัด อติพจน์และอวพจน์ ๑. ฉันหิวจนไส้จะขาดแล้ว ๒. วันนี้อากาศหนาวจนเหมือนกระดูกจะหลุด ๓. ที่เท่าแมวดิ้นตายจะให้นอนยังไงกัน ๔. ฉันจะสอยดาวและเดือนมาเป็นเพื่อนเธอยามเหงา ๕. ทองคำก้อนนี้เล็กเท่าขี้ตาแมว ๗.ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัด ๘.นักเรียนจดแบบฝึกหัดที่ช่วยกันทำบนกระดานลงในสมุดและนำมาส่งครูท้ายคาบเรียน ขั้นสรุป ๙.ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง “โวหารภาพพจน์อติพจน์และอวพจน์” ที่นักเรียนได้ เรียนรู้ไปในวันนี้ ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ครูผู้สอนจัดบรรยากาศเชิงบวกโดยการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นและช่วยกัน ตอบคำถาม ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสืบค้นและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับเพื่อนในชั้นเรียน ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ หนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ๑๐.๒ แบบฝึกหัดอติพจน์และอวพจน์


๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถอธิบาย ความหมายของโวหารภาพพจน์ อติพจน์และอวพจน์ได้(K) -การตอบคำถาม คำถาม นักเรียนอธิบาย ความหมายของโวหาร ภาพพจน์อติพจน์และ อวพจน์ได้ ๒. นักเรียนสามารถใช้โวหาร ภาพพจน์อติพจน์และอวพจน์ได้ ถูกต้อง (P) ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัดอติพจน์ และอวพจน์ นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนมีความกระตือรือร้น ในการทำกิจกรรม (A) ประเมินพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน พฤติกรรมในชั้น เรียน นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินพฤติกรรมในชั้น เรียนร้อยละ ๗๐


บันทึกหลังสอน ผลการจัดการเรียนการสอน ด้านความรู้ (K)........................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. .…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ด้านทักษะกระบวนการ (P)........................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ด้านคุณลักษณะ (A)........................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหาอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................ครูผู้สอน (นางสาวศศิธร ประสาวะถา) วันที่............เดือน.........................พ.ศ.............


ความคิดเห็นของครูพี่เลี้ยง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ......................................... (นางกวีวรรณ ฤทธิ์เทพ) วันที่............เดือน........................พ.ศ............. ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ นําไปใช้สอนได้ ควรปรับปรุงก่อนนําไปใช้ ข้อเสนอแนะอื่นๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................ (นางจันทร์แดง สิทธิบูรณ์) วันที่............เดือน..................พ.ศ............. ความคิดเห็นของรองผู้อํานวยการโรงเรียน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ............................................ (นายบรรพต โสดากุล) วันที่............เดือน.................พ.ศ.............


ความคิดเห็นของผู้อำนวยการโรงเรียน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………...…..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….……………...… ….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................ (นายวิศิษฎ์ อิสระดำรง) วันที่............เดือน.................พ.ศ.............


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร เวลา ๑๕ ชั่วโมง เรื่อง โคลงสี่สุภาพ เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวศศิธร ประสาวะถา โรงเรียนหนองวัวซอพิทยาคม ๑.มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ๑.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ๑.๒ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ม.๒/๓ แต่งบทร้อยกรอง (โคลงสี่สุภาพ) ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถบอกฉันทลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพได้ (K) ๒.๒ นักเรียนสามารถแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพได้ (P) ๒.๓ นักเรียนให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม (A) ๓. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ มีวินัย ๓.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๓.๓ มุ่งมั่นในการทำงาน ๓.๔ รักความเป็นไทย ๔. สมรรถนะสำคัญ ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๔.๓ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๔.๔ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี


๕. สาระสำคัญ โคลงสี่สุภาพ เป็นโคลงชนิดหนึ่งที่กวีนิยมแต่งมากที่สุดด้วยเสน่ห์ของการบังคับวรรณยุกต์เอกโทที่ลง ตัวไพเราะสวยงาม คำว่า “สุภาพ” หมายถึงคำที่มิได้มีรูปวรรณยุกต์ โคลงสี่สุภาพเป็นคำประพันธ์ที่กวีชอบแต่ง และผ่านการพัฒนามายาวนานจนมีฉันทลักษณ์ที่ลงตัว และเป็นแบบฉบับดังที่ยึดถือกันในปัจจุบัน ๖. สาระการเรียนรู้ ๖.๑ โคลงสี่สุภาพ ๗. ชิ้นงานหรือภาระงาน ๗.๑ กิจกรรม “แต่งโคลงสี่สุภาพ” ๘. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑.ครูผู้สอนกล่าวทักทายนักเรียน ๒.ครูผู้สอนใช้กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียนโดยการนำตัวอย่างโคลงสี่สุภาพมาให้นักเรียนชม จากนั้นให้ นักเรียนลองฝึกสังเกตการสัมผัสคำภายของคำและวรรคต่างๆ ในโคลง ตัวอย่าง เสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใด พี่เอย เสียงย่อมยอยศใคร ทั่วหล้า สองเขือพี่หลับใหล ลืมตื่น ฤๅพี่ สองพี่คิดเองอ้า อย่าได้ถามเผือ ๓.ครูผู้สอนอธิบายเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า จากตัวอย่างบทประพันธ์ที่ครูยกมานั้นเป็นคำประพันธ์ ประเภทโคลงสี่สุภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่นักเรียนจะได้เรียนในวันนี้ ขั้นสอน ๔.นักเรียนฟังครูผู้สอนอธิบายลักษณะของคำประพันธ์ประเภทโคลงสี่สุภาพ ลักษณะบังคับของโคลงสี่สุภาพ ๑. คณะ โคลงสี่สุภาพ ๑ บท มี ๔ บาท โดย ๑ บรรทัดคือ ๑ บาทแต่ละบาทมี ๒ วรรค บาทที่ ๑ บาทที่ ๒ และบาทที่ ๓ มีจำนวนคำเท่ากัน คือวรรคหน้ามี ๕ คำ ส่วนวรรคหลังมี ๒ คำ บาทที่ ๔ วรรคหน้ามี ๕ คำเช่นกัน แต่วรรคหลังจะมี ๔ คำ รวมทั้งสิ้น ๑ บทจะมี ๓๐ คำ


๕.นักเรียนฟังครูผู้สอนอธิบายลักษณะฉันทลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพและดูฉันทลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพ บนกระดาน ลักษณะบังคับของโคลงสี่สุภาพ ๒. คำสร้อย คำสร้อย คือคำที่แต่งท้ายบาทของโคลงตามข้อบังคับ เพื่อทำให้ได้ ใจความครบถ้วน ถ้าโคลงบาทใดได้ความครบถ้วนแล้ว ก็ไม่ต้องเติมคำสร้อย ตำแหน่งที่กำหนดให้เติมคำสร้อยคือ ท้ายบาทที่ ๑ และท้ายบาทที่ ๓ คำสร้อยต้องมีแห่งละ ๒ คำเสมอ โดยคำแรกเป็นคำสุภาพที่ต้องการ เสริมความให้สมบูรณ์ ส่วนคำหลังมักลงท้ายด้วยคำต่อไปนี้ “พ่อ แม่ พี่ รา แล เลย เอย นา นอ เนอ ฤๅ ฮา แฮ เฮย” และมีอีกคำหนึ่งที่พบในโคลงโบราณ คือคำว่า “บารนี” ซึ่งใช้คำสร้อยได้ครบพยางค์โดยไม่ต้องเติมคำอื่น ลักษณะบังคับของโคลงสี่สุภาพ ๓. คำสัมผัส เอก โท และ คำตาย โคลงสี่สุภาพบังคับรูปวรรณยุกต์ เอก โท คือ บังคับรูปวรรณยุกต์เอก ๗ ตำแหน่ง รูปวรรณยุกต์โท ๔ ตำแหน่ง (ตามแผนผัง) ในการแต่งโคลงสี่สุภาพ บางครั้งเมื่อไม่สามารถหาคำที่มีรูปวรรณยุกต์ เอกหรือรูปวรรณยุกต์โทมาใช้ในที่บังคับวรรณยุกต์ตามแผนผังได้ จำเป็นต้องใช้ คำ “เอกโทษ” หรือคำ “โทโทษ” คือ นำคำที่ต้องการใช้ไปเปลี่ยนให้เป็นรูป วรรณยุกต์เอก หรือโท แต่ถ้าไม่จำเป็นอย่างยิ่งแล้วก็ไม่ควรใช้ เพราะทำให้รูป คำเสียและความหมายอาจเปลี่ยนไป เช่น ใช้คำว่า “ข้า” แทนคำว่า “ฆ่า” เป็นต้น และในอีกกรณีหนึ่งคือ คำเอก และคำโทที่อยู่ติดกัน บางครั้งอาจสลับที่กันก็ได้


๖.ครูผู้สอนใช้กิจกรรมให้นักเรียนช่วยกันโยงฉันทลักษณ์สัมผัสโคลงสี่สุภาพจากตัวอย่างกลอนที่ครูได้ ยกมาก่อนหน้านี้ ๗.ครูผู้สอนสุ่มให้นักเรียนออกมาโยงสัมผัสฉันทลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพบนกระดาน ๘.ครูผู้สอนใช้กิจกรรม “แต่งโคลงสี่สุภาพ”โดยให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๗-๘ คน เพื่อช่วยกันแต่ง โคลงสี่สุภาพตามหัวข้อที่ตนเองสนใจกลุ่มละ ๑ บท ๙.นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันแต่งโคลงสี่สุภาพและนำมาส่งท้ายคาบเรียน ขั้นสรุป ๑๐.ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง “โคลงสี่สุภาพ” ที่นักเรียนได้เรียนในวันนี้ ๙. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ครูผู้สอนจัดบรรยากาศเชิงบวกโดยการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นและช่วยกัน ตอบคำถาม ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสืบค้นและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับเพื่อนในชั้นเรียน ๑๐. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ๑๐.๑ หนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย หลักภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ๑๐.๒ กิจกรรม “แต่งโคลงสี่สุภาพ” ๑๑. กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือในการวัด เกณฑ์การประเมินผล ๑. นักเรียนสามารถบอกฉันท ลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพได้ (K) -การตอบคำถาม คำถาม นักเรียนบอกฉันทลักษณ์ โคลงสี่สุภาพได้ ๒. นักเรียนสามารถแต่งบทร้อย กรองประเภทโคลงสี่สุภาพได้ (P) ตรวจโคลงสี่สุภาพ กิจกรรม “แต่งโคลง สี่สุภาพ” นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินร้อยละ ๗๐ ๓. นักเรียนให้ความร่วมมือในการ ทำกิจกรรม (A) ประเมินพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมิน พฤติกรรมในชั้น เรียน นักเรียนผ่านเกณฑ์การ ประเมินพฤติกรรมในชั้น เรียนร้อยละ ๗๐


Click to View FlipBook Version