The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายละเอียดการจัดงานวันสงขลา ครั้งที่ 1-4
และกิจกรรมวันสงขลา ครั้งที่ 5 ปีงบประมาณ 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ni-pa-wan, 2022-01-20 23:52:17

หนังสือวันสงขลา

รายละเอียดการจัดงานวันสงขลา ครั้งที่ 1-4
และกิจกรรมวันสงขลา ครั้งที่ 5 ปีงบประมาณ 2564

Keywords: วันสงขลา อัตลักษณ์วันสงขลา

วันวาน“วนั สงขลา
ทีผ่ า่ นมา”

สารผู้ว่าราชการจงั หวดั สงขลา

จังหวัดสงขลา เป็นจังหวัดใหญ่ท่ีมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานกว่าพันปี
มีร่องรอยอารยธรรมตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีความเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูในฐานะ
เมืองท่ีมีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศในภาคใต้ตอนล่าง และมีอัตลักษณ์
ดา้ นศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม รวมถงึ ศลิ ปนิ และภมู ิปัญญาทีโ่ ดดเด่น
การจัดงานวันสงขลาครั้งน้ีนับเป็นคร้ังท่ี ๕ จากมติท่ีประชุมคณะท�ำงานเตรียม
การจัดงานวันสงขลา เม่ือวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เห็นชอบให้จัดท�ำหนังสือท่ีระลึก
“วันสงขลา วันวานท่ีผ่านมา” เพ่ือระลึกถึงคุณงามความดีของบรรพชนคนสงขลา
และกจิ กรรมทจี่ ดั ในตลอด ๔ ปี อนั เปน็ ความภาคภมู ใิ จของคนสงขลารว่ มกนั สำ� หรบั การ
จัดกิจกรรม “วันสงขลา” คร้ังน้ี ประกอบด้วยนิทรรศการหมู่บ้านวัฒนธรรมของแต่ละ
อ�ำเภอ นิทรรศการคนสงขลาคนต้นแบบ การเสวนาทางวิชาการ พิธีเวียนเทียน
ณ พระธาตุหลวงเขาตังกวน พิธีท�ำบุญตักบาตร พิธีสมโภชเสาหลักเมือง การแสดง
ศิลปวัฒนธรรมพืน้ บ้าน และภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น

2 “วนั สงขลา วนั วานที่ผา่ นมา”

ท้ังนี้ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(COVID-๑๙) ท�ำให้รูปแบบของการจัดงานมีการเปล่ียนแปลงมีลักษณะพิเศษกว่าทุกปี
ท่ีผ่านมา เนื่องจากต้องด�ำเนินการตามมาตรการด้านสาธารณสุข โดยปรับลดขนาดการ
จัดงานใหเ้ ลก็ ลง แต่ยังคงอตั ลักษณ์ของความเปน็ สงขลา ไวอ้ ย่างครบถ้วน
การจัดงานวันสงขลา จะประสบความส�ำเร็จได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจาก
ประชาชนคนสงขลา ท้งั ๑๖ อ�ำเภอ ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนที่มาร่วมแรง
ร่วมใจในการจัดงาน และท่ีส�ำคัญในปีน้ี ขอความร่วมมือประชาชนทุกคนปฏิบัติตาม
มาตรการปอ้ งกนั การแพรข่ องโรคระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙)
อย่างเคร่งครัด เพ่ือให้จังหวัดสงขลาปลอดภัยจากโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(COVID-๑๙) และขออำ� นวยพรใหก้ ารจดั งานวนั สงขลาจงสำ� เรจ็ ราบรน่ื นำ� มาสคู่ วามสขุ
และความภาคภมู ใิ จของชาวสงขลา สืบไป


นายจารุวฒั น์ เกลี้ยงเกลา
ผู้ว่าราชการจงั หวัดสงขลา

“วันสงขลา วันวานท่ผี า่ นมา” 3

สารวัฒนธรรม
จงั หวัดสงขลา

ศาสตราจารยก์ ติ ตคิ ณุ ดร.วษิ ณุ เครอื งาม
มดี ำ� รวิ า่ จงั หวดั สงขลาเปน็ จงั หวดั สำ� คญั ทม่ี ปี ระวตั ศิ าสตร์
อนั ยาวนาน จงั หวดั สงขลาไดส้ รา้ งคนและสรา้ งบณั ฑติ
ไว้มากมาย สมควรท่ีเราทั้งหลาย ประกอบด้วย
๑๕ ภาคี จังหวัดและประชาชนจังหวดั สงขลา ควรก�ำหนดใหม้ ีวันสำ� หรับคนสงขลา คนที่
เคยมาพำ� นกั พกั พงิ เรยี นหนงั สอื ทำ� งาน และไดม้ าอาศยั ในจงั หวดั สงขลา ไดร้ ำ� ลกึ ถงึ บญุ
คุณแผ่นดิน ควรก�ำหนดให้มีวันสงขลา เพื่อเป็นกลไกให้เกิดความรัก ความสามัคคี
ความเป็นน�้ำหนึง่ ใจเดียวกันของคนสงขลา
จังหวัดสงขลาจึงได้แต่งต้ังคณะท�ำงานก�ำหนดวันสงขลาข้ึนมา ๑ คณะ
มีศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม เป็นประธาน มีสมาชิกท้ังหมด ๑๓ คน
มผี วู้ า่ ราชการจงั หวดั เปน็ เลขานกุ าร ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั สงขลาไดม้ หี นงั สอื ถงึ ผเู้ กยี่ วขอ้ ง
จัดประชุมปรกึ ษาหารือ ณ ห้องทำ� งานศาสตราจารยก์ ติ ตคิ ุณ ดร.วิษณุ เครืองาม ในวนั ที่
๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ที่ประชุมมีมติให้วันท่ี ๑๐ มีนาคม เป็น “วันสงขลา” เน่ืองจากมี
หลักฐานท่ีชัดเจนในพงศาวดารว่า “คร้ัน ณ เดือน ๔ ขึ้น ๑๐ ค่�ำ และเช้า ๙ โมง ถึง
๑๐ นาที ได้ฤกษ์ พระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) กับพระยาครูอัษฎาจารย์ พราหมณ์
ได้เชิญหลักไม้ชัยพฤกษ์ลงฝังท่ีเมืองสงขลา เป็นเสาหลักเมืองมีปรากฏอยู่จนทุกวันนี้”
ซึ่งวันดังกล่าวตรงกับวันท่ี ๑๐ มีนาคม ๒๓๘๕ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๓ ชาวสงขลา
ไดจ้ ัดพธิ ีเฉลมิ ฉลองสมโภช ๗ วนั ๗ คนื จงั หวดั สงขลาจงึ ไดจ้ ดั งานวันสงขลาในหว้ งวนั ที่
๙ - ๑๐ - ๑๑ มีนาคม ปี ๒๕๖๐ เป็นปีแรก สมัยนายทรงพล สวาสดิ์ธรรม เป็นผู้ว่า
ราชการจังหวัด จดั กิจกรรมอยา่ งย่ิงใหญ่
ปี ๒๕๖๑ (คร้ังท่ี ๒) ไม่มีงบประมาณในการจัดงาน ผู้เก่ียวข้องกับ
“งานวนั สงขลา” ไดข้ อหารอื กับวฒั นธรรมจงั หวดั สงขลา (นางสมศร ี รักนุ้ย) ว่าจะตอ้ ง
จัดงานวันสงขลาใหต้ ่อเน่ือง แต่ไม่มใี ครดำ� เนินการต่อ ขอใหท้ างวฒั นธรรมช่วยหนอ่ ย

4 “วนั สงขลา วนั วานท่ผี ่านมา”

ท้ังเทศบาลนครสงขลา ภาคีคนรักสงขลา คณะกรรมการศาลหลักเมือง ทุกคน
เห็นพ้องต้องกันว่าให้วัฒนธรรมจังหวัดช่วย ส�ำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลาจึงใช้
งบประมาณของส�ำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา จัดงาน “วันสงขลา ครั้งท่ี ๒”
โดยมีกจิ กรรมทกุ กิจกรรม และให้อ�ำเภอทกุ อำ� เภอจดั กจิ กรรมทำ� บญุ บรรพชนทุกอ�ำเภอ
และจัดกิจกรรมบ�ำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ ท้ังจังหวัด กิจกรรมส�ำเร็จไปได้ด้วยดี
ดว้ ยความรัก ความสามัคคีของทุกภาคสว่ น
ปี ๒๕๖๒ จังหวัดสงขลา ไดต้ ้งั งบประมาณส�ำหรบั จัดงาน “วันสงขลา” จ�ำนวน
๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยตั้งงบประมาณไว้ที่ส�ำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสงขลา
ส�ำนักงานการท่องเท่ียวและกีฬาจังหวัดสงขลา ได้แจ้งให้ส�ำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด
สงขลารับไปด�ำเนินการ ส�ำนักงานวัฒนธรรมก็น�ำงบประมาณโครงการของส�ำนักงาน
วฒั นธรรมจงั หวดั สงขลามารว่ มดว้ ย ไดร้ บั ความรว่ มมอื จากเครอื ขา่ ยศลิ ปนิ จงั หวดั สงขลา
เป็นอยา่ งดี ทกุ คนกร็ ่วมกนั จดั ได้ย่งิ ใหญอ่ ีกปีหนงึ่
ปี ๒๕๖๓ ส�ำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา ได้ต้ังงบพัฒนาจังหวัดใช้ส�ำหรับ
การจัดงานวันสงขลา “วนั สงขลา ปี ๒๕๖๓” จงึ เปน็ งานวันสงขลาที่ครบทกุ รูปแบบและ
มีงบประมาณมารองรับเรียบร้อย สามารถจัดงานได้ส�ำเร็จ งานวันสงขลา เป็นของคน
สงขลาทุกคน ในปี ๒๕๖๓ ก่อนท่ีโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จะเข้าสู่ประเทศไทย
งานวนั สงขลาไดจ้ ดั ตอ่ เนอ่ื งกนั มาตงั้ แตป่ ี ๒๕๖๐ จนถงึ ปี ๒๕๖๔ นบั เปน็ งาน “วนั สงขลา”
คร้ังที่ ๕ งานวันสงขลา จึงเป็นวันของคนสงขลาทุกคน ไม่ว่าท่านจะเป็นคนสงขลา
คนที่มาอาศัยในจังหวัดสงขลา ทุกคนเป็นเจ้าของงาน “วันสงขลา” วันสงขลา จึงเป็น
วันที่คนสงขลา คนที่เคยอยู่สงขลา และคนสงขลาที่ไปอยู่แดนไกล ได้ส�ำนึก นึกถึง
บรรพชนทไ่ี ด้รว่ มสร้างเมืองสงขลา ใหน้ า่ อย่ถู งึ ปจั จบุ นั
“วนั สงขลา เป็นของคนสงขลาทุกคน”


สมศรี รกั นยุ้ 5
วัฒนธรรมจังหวดั สงขลา

“วันสงขลา วันวานทผี่ า่ นมา”

คำ� นำ�

หนังสือที่ระลึก “วันสงขลา วันวานท่ีผ่านมา” ประจ�ำปี ๒๕๖๔ เป็นหนังสือท่ี
คณะกรรมการจัดงานวนั สงขลา ประจำ� ปี ๒๕๖๔ กำ� หนดใหม้ ขี ้นึ ซง่ึ เนน้ ใหผ้ เู้ ข้ารว่ มงาน
ไดท้ ราบถงึ ความเปน็ มาของการจดั งาน “วนั สงขลา” ซงึ่ เปน็ จงั หวดั เดยี วทส่ี รา้ งความเปน็
อัตลักษณ์สงขลา ของเมืองสงขลาให้เกิดขึ้น การจัดงานวันสงขลาในปีน้ี นับเป็นปีที่ ๕
หนังสือที่ระลึกจึงก�ำหนดให้มีรายละเอียดเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ
เมอื งสงขลา ทม่ี าของ วนั สงขลา ผลการดำ� เนนิ งานการจดั งานวนั สงขลาใน ๔ ครง้ั ทผ่ี า่ นมา
และสงขลาสเู่ มอื งมรดกโลก เพอ่ื ใหข้ อ้ มลู ความรขู้ องจงั หวดั สงขลาในแงม่ มุ ตา่ ง ๆ ทหี่ ลากหลาย
จังหวัดสงขลา ขอขอบคุณ ภาครัฐ ภาคเอกชน และพ่ีน้องประชาชนทุกพื้นท่ี
ที่ร่วมบูรณาการ การด�ำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้การจัดกิจกรรม
“วันสงขลา” ประสบผลส�ำเร็จ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนในจังหวัดสงขลา
และชาวสงขลาท่ีไปอยู่ที่อ่ืนทุกพ้ืนที่ เป็นการสร้างจิตส�ำนึกรักบ้านเกิดและสร้างความ
ภาคภมู ใิ จในความเป็นสงขลาตลอดไป

ส�ำนกั งานวัฒนธรรมจังหวดั สงขลา
มนี าคม ๒๕๖๔

สารบญั

เรอ่ื ง หนา้
สารผวู้ า่ ราชการจงั หวดั สงขลา ๒
สารวฒั นธรรมจงั หวัดสงขลา ๔
ประกาศจังหวัดสงขลา เร่ืองแตง่ ตั้งคณะท�ำงานกำ� หนด “วันสงขลา” ๘
ประกาศจงั หวัดสงขลา เรื่อง ก�ำหนด “วันสงขลา” ๙
ประวตั จิ ังหวดั สงขลา ๑๑
ทม่ี าวนั สงขลา ๒๑
วันสงขลา วันวานทีผ่ า่ นมา ๒๕
วันวานทผ่ี ่านมา วนั สงขลา ประจำ� ปี ๒๕๖๐ ๒๗
วนั วานทผ่ี า่ นมา วนั สงขลา ประจำ� ปี ๒๕๖๑ ๓๓
วันวานทผ่ี า่ นมา วนั สงขลา ประจำ� ปี ๒๕๖๒ ๓๙
วนั วานท่ผี า่ นมา วันสงขลา ประจ�ำปี ๒๕๖๓ ๔๕
สงขลาสเู่ มืองมรดกโลก ๕๕
กำ� หนดการโครงการสืบสานอัตลกั ษณเ์ มืองสงขลา ๗๔
(งานวนั สงขลา) ประจำ� ปี ๒๕๖๔

8 “วนั สงขลา วนั วานทผี่ ่านมา”

“วนั สงขลา วนั วานท่ผี ่านมา” 9



ประวัติ
จังหวัดสงขลา

ประวัตจิ งั หวัดสงขลา

(วฒั นธรรม พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์ เอกลกั ษณ์
และภูมปิ ญั ญา จงั หวดั สงขลา : ๒๕๔๒)

สงขลาเป็นเมืองส�ำคัญเมืองหน่ึงในภาคใต้
ท่ีมีประวัติความเป็นมาอันยาวนานเป็นเมืองที่มี
ความเจริญรุ่งเรืองด้านศิลปวัฒนธรรมตั้งแต่สมัย
ก่อนประวัติศาสตร์ ดังได้พบหลักฐานสมัยก่อน
ประวัติศาสตร์ เช่น ขวานหินขัด เครื่องปั้นดินเผา
ลายเชือกทาบและหม้อสามขา เป็นต้น หลักฐาน
เหลา่ นพ้ี บบรเิ วณอำ� เภอรตั ภมู ิ อำ� เภอสะเดา อำ� เภอ
จะนะ อ�ำเภอสะบ้าย้อย และอ�ำเภอเมืองสงขลา
ต่อมาสมัยประวัติศาสตร์รัฐโบราณ ได้พบหลักฐาน
ความเจริญบริเวณคาบสมุทรสทิงพระ โดยมีเมือง
สทิงพระเป็นศูนย์กลางการปกครองและเมืองท่า
คา้ ขายตดิ ตอ่ กบั อนิ เดยี จนี อาหรบั มลายู ชวา ลงั กา
ในสมัยประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยอยุธยา
มาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สงขลาเป็น
หวั เมอื งทต่ี ง้ั ขน้ึ อยา่ งมนั่ คง เปน็ ศนู ยก์ ลางการคา้ กบั
นานาชาติ พ่อค้าจากตะวันตกและตะวันออกได้
เดินทางเข้ามาค้าขาย บางพวกได้เข้ามาต้ังถ่ินฐาน
และสืบลูกหลานต่อมา เมืองสงขลาจึงกลายเป็น
แหล่งผสมผสานทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย
ทงั้ คนพนื้ เมอื งเดมิ และคนทเี่ ขา้ มาใหมต่ า่ งเปน็ ปจั จยั
ส�ำคัญในการสร้างพ้ืนฐานความเจริญให้กับเมือง
สงขลาอยา่ งตอ่ เน่ืองมาจนปจั จบุ ัน
12 “วันสงขลา วันวานท่ีผ่านมา”

ประวตั ศิ าสตรข์ องเมอื งสงขลา ไดเ้ รมิ่ ขนึ้ อยา่ งแทจ้ รงิ เมอ่ื ประมาณพทุ ธศตวรรษท่ี
๒๒ - ๒๔ โดยมศี นู ยก์ ลางการปกครองหรอื สถานทตี่ งั้ เมอื ง สามแหง่ ตามลำ� ดบั พฒั นาการคอื
๑.เมอื งสงขลาฝ่ังหัวเขาแดง (เมอื งสิงขระ หรือ นครมลายสู งโฆรา) 
๒.เมอื งสงขลาฝ่ังแหลมสน
๓.และเมืองสงขลาฝง่ั บ่อยาง (สงขลาปัจจบุ ัน)
เมอื งสงขลาฝง่ั หวั เขาแดง (พทุ ธศตวรรษที่ ๒๒ - ปลายพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๓) ชมุ ชน
เมืองสงขลาฝั่งหัวเขาแดงน่าจะมีมาก่อนพุทธศตวรรษท่ี ๒๒ เน่ืองจากพบสถูปอิฐ
ขนาดใหญ่บนเขาน้อย ที่มีอายไุ ม่นอ้ ยกว่าพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๗ - ๑๘ เมืองน้ปี รากฏชื่อใน
เอกสารพอ่ คา้ ตะวนั ตกวา่ SINGORA บา้ ง SINGOR บา้ ง นา่ จะเปน็ ชอื่ เมอื งสงิ ขระ ซงึ่ เปน็
ชอ่ื ของเมอื งทป่ี รากฏในจดหมายเหตขุ องอาหรบั ประมาณปลายพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๑ เรยี กวา่
สิงกูรหรือสิงขรา ส่วนคนพื้นเมืองออกเสียงเป็นสิง - ขอน ซึ่งเป็นค�ำที่มาจากภาษาบาลี
ว่าสิงขร แปลว่าจอม ท่ีสูงสุดของภูเขา เป็นความหมายท่ีสอดคล้องกับท่ีต้ังเมืองสงขลา
บริเวณฝ่ังหัวเขาแดง ท่บี างสว่ นตงั้ อยบู่ นภเู ขา ไดแ้ ก่ เขาแดง  เขาคา่ ยมว่ ง และเขานอ้ ย 
นอกจากน้ีในภาษามลายูยังใช้ว่า นครีมลายูโฆรา ดังท่ีปรากฏบนจารึกบนหลุม
ฝังศพของสลุ ต่านสไุ ลมาน ผปู้ กครองเมอื งน้ี

“วนั สงขลา วันวานท่ผี ่านมา” 13

พงศาวดารเมืองสงขลาได้กล่าวถึงเมืองสงขลาฝั่งหัวเขาแดงไว้ว่า “เดิมครั้งหน่ึง
เมอื งสงขลาเป็นเมืองแขก ต้ังอยรู่ มิ เขาแดง เจา้ เมอื งช่อื สลุ ตา่ นสุไลมาน สุลตา่ นสุไลมาน
ไดส้ ร้างปอ้ มคเู มอื งและจัดแจงบา้ นเมอื งเสรจ็ แลว้ ยอมขน้ึ กบั กรงุ ศรีอยุธยา คร้ันสลุ ต่าน
สุไลมานถึงแกอ่ นจิ กรรมแล้ว เมอื งกร็ า้ งวา่ งเปลา่ อยูช่ า้ นาน”
จากเอกสารชาวต่างชาติทีเ่ ขา้ มาตดิ ต่อคา้ ขายในปี พ.ศ. ๒๑๕๖ ออกชอ่ื เจ้าเมอื ง
สงขลาในขณะน้ันว่า โมกุล แต่บันทึกของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ
ท่ีได้กลา่ วถงึ เมืองสงขลาในปี พ.ศ. ๒๑๖๕ เรยี กช่ือเจา้ เมืองว่า ดะโต๊ะโมกอลล์
ชาวตะวนั ตกชาตแิ รกทเ่ี ขา้ มาทำ� การคา้ ทเี่ มอื งสงขลา ไดแ้ กช่ าวดทั ชห์ รอื ฮอลนั ดา
เมอ่ื ประมาณปี พ.ศ. ๒๑๓๕ ในระยะแรกพวกดทั ชไ์ ดผ้ กู ขาดการคา้ ทเี่ มอื งสงขลา แตเ่ มอื่
เจ้าเมืองสงขลาได้ด�ำเนินนโยบายการค้าเสรีข้ึน ท�ำให้พ่อค้าชาติต่าง ๆ เข้ามาค้าขายท่ี
เมอื งสงขลามากขนึ้ โดยเฉพาะองั กฤษและฝรงั่ เศส
เมอื งสงขลาไดเ้ รม่ิ แขง็ เมอื งไมย่ อมรบั อำ� นาจของกรงุ ศรอี ยธุ ยาในรชั สมยั พระเจา้
ปราสาททอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๑๘๕ ในปี พ.ศ. ๒๑๙๒ เมืองสงขลาได้บุกเข้ายึดเมือง
นครศรีธรรมราชและรวมเมืองปัตตานีและเมืองพัทลุงไว้ในอ�ำนาจ เม่ือสมเด็จ
พระนารายณ์ข้ึนครองราชย์ พระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้ส่งกองทัพเรือลงไปปราบปราม
เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๒๓ หลังจากเมืองสงขลาฝั่งหัวเขาแดงถูกท�ำลายลงแล้ว ประชาชน
ส่วนใหญ่ได้โยกย้ายไปตั้งอยู่บริเวณฝั่งแหลมสน ซึ่งอยู่ทางฟากเขาอีกด้านหน่ึง
ซง่ึ ตอ่ มาไดพ้ ฒั นาเมืองสงขลาฝ่ังแหลมสน
14 “วันสงขลา วนั วานทผ่ี ่านมา”

เมอื งสงขลาฝง่ั แหลมสน (ปลายพทุ ธศตวรรษที่ ๒๓ - ปลายพทุ ธศตวรรษที่ ๒๔)
หลังจากปี พ.ศ. ๒๒๒๓ เมอื งสงขลาถกู ลดความสำ� คัญลงไปเป็นเมอื งบรวิ ารของ
เมืองพทั ลงุ เมอ่ื กรุงศรอี ยุธยาเสียแก่พม่า เม่ือปี พ.ศ. ๒๓๑๐ เจา้ นครศรธี รรมราช (หน)ู
ได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ เรียกว่าชุมนุมเจ้านคร ปกครองหัวเมืองปักษ์ใต้ท้ังหมด ได้ส่งญาติ
คนหนงึ่ ชือ่  วิเถียน มาปกครองเมอื งสงขลาฝ่ังแหลมสน
ในปีพ.ศ. ๒๓๑๒ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยกทัพมาปราบชุมนุม
เจา้ นคร แล้วทรงแตง่ ตงั้ ชาวเมอื งสงขลาคนหนงึ่ ช่อื โยม เปน็ พระสงขลา เจ้าเมืองสงขลา
พระสงขลา (โยม) ปกครองเมืองสงขลาฝั่งแหลมสน อยู่จนถึงปี พ.ศ. ๒๓๑๗ สมเด็จ
พระเจา้ ตากสนิ มหาราช ทรงเหน็ วา่ พระสงขลา (โยม) หยอ่ นสมรรถภาพ จงึ ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ
ให้หลวงอินทคีรีสมบัติ (เหยี่ยง) ผู้ได้รับการผูกขาดจากรังนกเกาะส่ีเกาะห้า เป็นหลวง
สุวรรณคีรีสมบตั ิ เจา้ เมืองสงขลา และให้ยกเมอื งสงขลาให้ขน้ึ กับเมืองนครศรีธรรมราช
เม่ือปีพ.ศ. ๒๓๒๘ พม่ายกกองทัพมาตีหัวเมืองปักษ์ใต้ ท่ีเรียกว่าสงคราม
เกา้ ทพั หลวงสวุ รรณครี สี มบตั ิ (บญุ หยุ้ ) บตุ รเจา้ เมอื งสงขลา ไดต้ ง้ั คา่ ยเตรยี มปอ้ งกนั เมอื ง
อยู่ที่บ้านบ่อยาง คร้ันสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เสด็จฯ ลงมาปราบปราม
พม่าทางหัวเมืองปักษ์ใต้ได้แล้ว ได้เสด็จมาประทับท่ีเมืองสงขลา หลวงสุวรรณคีรีสมบัติ
(บุญหุ้ย) มีความชอบท่ีสามารถไปตีเมืองปัตตานีได้และเมืองไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู
ก็เข้ามาอ่อนน้อมยอมเป็นเมืองข้ึน จึงโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาสุวรรณคีรีสมบัติ 
เจ้าเมอื งสงขลา
ในปี พ.ศ. ๒๓๓๔ โต๊ะสาหยิด มาจากอินเดีย ได้แสดงตนเป็นผู้วิเศษ ได้ยุยงให้
พระยาปตั ตานียกกองทัพมาตีเมืองสงขลา แต่พระยาสงขลา (บญุ หุ้ย) ได้ยกทพั ไปตเี มือง
ปัตตานีได้ก่อนท่ีกองทัพกรุงเทพฯ จะยกมาถึง จึงมีความชอบมาก ได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้า
พระยาอนิ ทครี ศี รสี มทุ รสงครามฯ เจา้ พระยาสงขลา และใหย้ กเมอื งสงขลาขนึ้ เปน็ เมอื งโท
ขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ และเม่ือแยกเมืองปัตตานีออกเป็น ๗ หัวเมือง ได้แก่ เมืองปัตตานี
เมืองหนองจิก เมืองยะลา เมืองรามันห์ เมืองยะหริ่ง เมืองสายบุรี และเมืองระแงะ
แลว้ ก็ให้ทัง้ ๗ หัวเมืองดงั กล่าวมาอยใู่ นความปกครองของเมืองสงขลา ต้งั แตน่ ัน้ มา

“วนั สงขลา วันวานที่ผา่ นมา” 15

ในปีพ.ศ. ๒๓๓๖ ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ง้ั ชาวจนี ชอ่ื เคง่ เปน็ เพอื่ นกบั หลวงสวุ รรณครี ี
สมบัติ (เหย่ียง) ให้เป็นเจ้าเมืองจะนะ และเม่ือครั้งพม่ายกกองทัพมาตีเมืองถลาง เม่ือ
ปี พ.ศ. ๒๓๓๘ ได้โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ จา้ พระยาสงขลา (บุญห้ยุ ) และพระจะนะ (เค่ง) ยกทัพ
เรอื ไปสกดั กน้ั ทางเมอื งไทรบรุ แี ละรกั ษาเมอื งถลาง หลงั จากทพั หลวงตที พั พมา่ แตกพา่ ยไป
เมอื่ เจา้ พระยาสงขลา (บญุ หยุ้ ) ถงึ แกอ่ นจิ กรรม เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๓๕๕ ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ
ให้หลวงนายฤทธิ์ (เถ้ียนจ๋ง) หรือพระยาวิเศษภักดี บุตรพระยาอนันตสมบัติ (บุญเฮี้ยง)
นอ้ งชายเจา้ พระยาสงขลา (บุญหยุ้ ) เป็นเจ้าเมอื งสงขลา
16 “วันสงขลา วนั วานท่ีผ่านมา”

ในปี พ.ศ. ๒๓๖๐ พระยาสงขลา (เถี้ยนจ๋ง) ถึงแก่กรรม จึงโปรดเกล้าฯ ให้
พระสุนทรนุรักษ์ (เถี้ยนเส้ง) เป็นผู้รักษาราชการเมืองสงขลา จนถึงปี พ.ศ. ๒๓๖๗
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั จงึ ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ลอื่ นขน้ึ เปน็ พระยาวเิ ชยี ร
คีรีศรสี มทุ รฯ ผูส้ �ำเร็จราชการเมืองสงขลา
ในปี พ.ศ. ๒๓๗๑ ตนกูเดน เป็นกบฏต่อไทย แล้วหนีไปเกาะหมาก (ปีนัง) กับ
เจ้าพระยาไทรบุรี (ปะแงวัน) ผู้เป็นบิดา ได้ยุยงพรรคพวกในเมืองไทรบุรีและหัวเมือง
อื่น ๆ มีเมืองปัตตานี เมืองระแงะ เมืองสายบุรี เมืองรามัน เมืองหนองจิก เมืองยะหริ่ง
และเมืองยะลา ให้แขง็ เมอื ง แลว้ ยกกำ� ลังเขา้ ยดึ เมืองไทรบรุ ีได้ แล้วยกเข้าตเี มอื งสงขลา
ทางกรุงเทพฯ ได้ยกกองทัพไปช่วยเมืองสงขลา ๔ กองทัพ ได้ยกก�ำลังไปปราบปราม
หวั เมอื งทง้ั ๗ ทั้งทางบกและทางเรือ จนสงบราบคาบ
ในป ี พ.ศ. ๒๓๗๙ พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๓ มตี ราโปรดเกลา้ ฯ
ถงึ พระยาวเิ ชยี รครี ี (เถย้ี นเสง้ ) ใหก้ อ่ กำ� แพงเมอื งสงขลา โดยไดพ้ ระราชทานเงนิ สว่ ยอากร
เมืองสงขลา แต่สร้างไม่ทันเสร็จก็เกิดกบฏเมืองไทรบุรีเสียก่อนในปี พ.ศ. ๒๓๘๑ ตนกู
หมดั สะอัด หลานเจ้าพระยาไทรบุรี (ปะแงรัน) ได้เข้ามาชกั ชวนชาวไทรบุรี ปตั ตานี และ
หวั เมอื งมลายอู น่ื ๆ ใหแ้ ขง็ เมอื ง นำ� กำ� ลงั เขา้ เผาเมอื งจะนะ และเขา้ ตเี มอื งสงขลา พระยา
วเิ ชยี รครี ี (เถย้ี นเสง้ ) ไดท้ ำ� การปอ้ งกนั เมอื งไวไ้ ดจ้ นกองทพั ทางกรงุ เทพฯ ลงมาชว่ ยปราบปราม
จนสงบเรยี บร้อย ในระหว่างนั้นไดโ้ ปรดเกล้าฯ ใหย้ กเมืองสตูลมาขึน้ กับเมืองสงขลาด้วย
เมอื งสงขลาฝัง่ บอ่ ยาง (ปลายพทุ ธศตวรรษที่ ๒๔)
เมอื งสงขลา มปี ระชากรมากข้ึน แต่พ้นื ที่บรเิ วณแหลมสนคับแคบ เพราะมภี ูเขา
กนั้ อยู่ ตา่ งจากบรเิ วณฝง่ั ตรงขา้ มบรเิ วณฝง่ั บอ่ ยาง ซง่ึ มพี น้ื ทส่ี ว่ นใหญเ่ ปน็ ทร่ี าบมภี เู ขานอ้ ย
สามารถขยายตวั เมอื งใหก้ วา้ งขวางได้ และราษฎรบางสว่ นกไ็ ดย้ า้ ยไปตงั้ บา้ นเรอื นอยทู่ ฝ่ี ง่ั
บอ่ ยางมากขนึ้ พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั จงึ ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระยาวเิ ชยี รครี ี
(เถี้ยนเส้ง) ไปตั้งเมืองสงขลาใหม่ท่ีต�ำบลบ่อยาง และเริ่มสร้างป้อม ก�ำแพงเมือง ในปี
พ.ศ. ๒๓๗๙ โดยไดร้ บั พระราชทานเงนิ ภาษอี ากรเมอื งสงขลา ๒๐๐ ชง่ั ไดส้ รา้ งกำ� แพงเมอื ง
และประตูเมอื ง ๑๐ ประตู แล้วเสรจ็ เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๓๘๕ เปน็ ก�ำแพงยาว ๑,๒๐๐ เมตร
กว้าง ๔๐๐ เมตร

“วนั สงขลา วันวานที่ผา่ นมา” 17

พระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเสง้ ) เปน็ ผู้ส�ำเรจ็ ราชการเมอื งสงขลา จนถงึ แกอ่ นิจกรรม
เม่อื ปี พ.ศ. ๒๓๙๐ ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ให้ พระสุนทรานรุ กั ษ์ (บุญสงั ข์) ผูช้ ว่ ยราชการเมอื ง
สงขลา เป็นผู้รกั ษาราชการเมอื งสงขลา จนถงึ ปี พ.ศ. ๒๓๙๓  ซึง่ ไดโ้ ปรดเกล้าฯ ใหเ้ ป็น
พระยาวิเชียรคีรีศรีสมุทรฯ ผู้ส�ำเร็จราชการเมืองสงขลา ต่อมาได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยา
วเิ ชียรคีรีฯ และไดถ้ งึ แกอ่ นจิ กรรม เม่ือปี พ.ศ. ๒๔๐๘ 
พระยาสุนทรานุรักษ์ (เม่น) ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลาได้รับโปรดเกล้าฯ
ใหเ้ ปน็ พระยาวเิ ชยี รครี ี ผสู้ ำ� เรจ็ ราชการเมอื งสงขลา และไดเ้ ลอ่ื นเปน็ เจา้ พระยาวเิ ชยี รครี ี
เม่ือปี พ.ศ. ๒๔๑๕ ได้ถึงแก่อนิจกรรมเม่ือปี พ.ศ. ๒๔๒๗ พระสมบัติภิรมย์ (ชุ่ม)
ไดเ้ ปน็ พระยาวเิ ชยี รครี ฯี ถงึ ปี พ.ศ. ๒๔๓๑ ถงึ แกอ่ นจิ กรรม หลวงวเิ ศษภกั ดี (ชม) ไดเ้ ปน็
พระยาสนุ ทรานรุ กั ษ์ ผรู้ กั ษาราชการเมืองสงขลา ไดร้ บั โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ป็นพระยาวเิ ชียร
คีรี ผู้สำ� เร็จราชการเมอื งสงขลา เม่ือปี พ.ศ. ๒๔๓๓
ในสมัยนี้ได้มีการปฎิรูปการปกครองเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล ครั้งแรกในปี
พ.ศ. ๒๔๓๗ และในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ ได้ประกาศตงั้ มณฑลนครศรธี รรมราช ประกอบดว้ ย
เมอื งนครศรธี รรมราช เมืองสงขลา เมอื งพทั ลุง และหวั เมอื งมลายู เจ็ดหัวเมอื ง ท่ีทำ� การ
มณฑลอยทู่ เ่ี มอื งสงขลา เมอื งสงขลาประกอบดว้ ยหา้ อำ� เภอ คอื อำ� เภอกลางเมอื ง ทวี่ า่ การ
อยู่ทีเ่ มอื งสงขลา อำ� เภอปลาทา่ ทว่ี ่าการอยทู่ บ่ี ้านจะทิง้ พระ อำ� เภอฝ่ายเหนอื ทว่ี ่าการ
อยทู่ ท่ี า่ หาดใหญ่ อำ� เภอจะนะ ทว่ี า่ การอยทู่ บี่ า้ นนาทวี อำ� เภอเทพา พระยาวเิ ชยี รครี ี (ชม)
เปน็ ผวู้ า่ ราชการเมอื งสงขลา ขนึ้ ตรงตอ่ ขา้ หลวงใหญ่ ประจำ� มณฑลนครศรธี รรมราช ถอื ไดว้ า่
เปน็ เจ้าเมอื งสงขลาในตระกลู ณ สงขลา คนสุดท้ายหลังจากการปฏริ ปู การปกครอง
18 “วันสงขลา วันวานทผ่ี ่านมา”

“วนั สงขลา วนั วานท่ผี ่านมา” 19



ท่มี าวันสงขลา

ทีม่ าวนั สงขลา

เมืองสงขลาในอดีตเป็นหัวเมืองส�ำคัญเมืองหนึ่งที่มี
ประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน จากการศึกษาหลักฐานทาง
ประวัติศาสตร์พบว่า เมืองสงขลาย้ายสถานที่ตั้งเมืองมาแล้ว ๓
คร้ัง โดยเริ่มจากเมืองสงขลาฝั่งหัวเขาแดง ซ่ึงปรากฏหลักฐาน
ทางโบราณสถานและโบราณวัตถุหลายแห่ง แต่บ้านเมืองถูก
ทำ� รา้ ยจากภยั สงครามจนหมดสนิ้ จงึ ยา้ ยเมอื งมาตงั้ ทฝ่ี ง่ั แหลมสน
แต่ประสบปัญหาขาดแคลนน้�ำ และลักษณะภูมิศาสตร์เป็นพ้ืนที่
ลาดชัน ไม่มีพื้นที่ราบเพียงพอในการขยายเมือง จึงย้ายเมืองอีก
คร้ังหนึ่งโดย ข้ามทะเลมาอยู่ที่ฝั่งบ่อยาง ซ่ึงเป็นเมืองสงขลาใน
ปจั จบุ นั ในสมยั รชั กาลท่ี ๓ และในประชมุ พงศาวดารไดร้ ะบคุ วาม
ตอนหน่ึงวา่ “คร้นั ณ วนั เดอื น ๔ ขนึ้ ๑๐ ค�่ำ เวลาเชา้ เก้าโมง ๑
22 “วนั สงขลา วนั วานทผ่ี า่ นมา”

กบั ๑๐ นาที ได้ฤกษ์ พระยาสงขลา (เถ้ียนเสง้ ) กบั พระครอู ษั ฎาจารย์พราหมณไ์ ด้เชญิ
หลักไม้ชัยพฤกษ์ลงฝังไว้ท่ีกลางเมืองสงขลา เป็นเสาหลักเมืองท่ีปรากฏอยู่จน
ทุกวนั น”ี้ ซ่งึ ตามปฏิทินสรุ ิยคตติ รงกับวันที่ ๑๐ มนี าคม พ.ศ. ๒๓๘๕ หรอื เมือ่ ๑๗๙ ปี
มาแลว้ และชาวสงขลาไดจ้ ัดงานสมโภชหลักเมอื งเปน็ ประจ�ำทกุ ปี
จงั หวดั สงขลา จงึ ไดแ้ ตง่ ตงั้ คณะทำ� งานกำ� หนดวนั สงขลาขน้ึ เพอ่ื พจิ ารณากำ� หนด
วนั สงขลาโดยมีศาสตราจารยก์ ิตตคิ ุณ ดร.วษิ ณุ เครืองาม ราชบณั ฑติ เป็นประธาน และ
ไดป้ ระชมุ รว่ มกบั ผแู้ ทนหนว่ ยงานตา่ ง ๆ เชน่ กรมศิลปากร ราชบัณฑิตยสภา สำ� นกั งาน
วฒั นธรรมจงั หวดั ศลิ ปนิ แหง่ ชาติ สถาบนั ทกั ษณิ คดศี กึ ษา และประธานสภาอตุ สาหกรรม
ทอ่ งเทยี่ วจงั หวดั สงขลา ทป่ี ระชมุ มคี วามเหน็ พอ้ งตอ้ งกนั วา่ จากหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์
ประเพณี วฒั นธรรมดงั กลา่ ว แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสำ� คญั ทางประวตั ศิ าสตรข์ องเมอื งสงขลา
รวมทง้ั การต้ังถนิ่ ฐานของเมืองสงขลาในอดตี จึงเห็นควรก�ำหนดใหว้ นั ท่ี ๑๐ มีนาคมของ
ทุกปีเปน็ “วนั สงขลา” เพอ่ื ระลึกถงึ การสถาปนาเมืองสงขลาในยุคปัจจุบัน แมค้ วามจรงิ
จะมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปีแล้วก็ตาม ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ท่ีอาศัยบนแผ่นดินน้ี
ท้ังที่เป็นถ่ินก�ำเนิด พักพิง ศึกษาเล่าเรียน และประกอบอาชีพอยู่ทุกหนแห่งในปัจจุบัน
ได้ตระหนัก มีจิตส�ำนึก และน�ำมาซึ่งการรวมพลัง สร้างความรัก ความสามัคคีด�ำเนิน
กจิ กรรมร่วมกันเป็นการตอบแทนบุญคณุ แผ่นดนิ สืบไป

“วนั สงขลา วนั วานที่ผา่ นมา” 23



“วนั สงขลา
วนั วานที่ผา่ นมา”

“วันสงขลา
วนั วานทผี่ ่านมา”


จังหวัดสงขลาจัดกิจกรรม “วนั สงขลา” ตัง้ แต่ปี ๒๕๖๐
จนถึงปี ๒๕๖๔ นับเป็นเวลาติดต่อกัน ปีน้ีนับเป็นคร้ังท่ี ๕
คณะกรรมการจดั งานเหน็ ควรรวบรวมขอ้ มลู การจดั งานวนั สงขลา
ทั้ง ๔ คร้ัง เพ่ือเป็นหนังสือท่ีระลึกและวันวานที่ผ่านมา
ดังรายละเอยี ดภาพกิจกรรม ดังตอ่ ไปนี้
26 “วนั สงขลา วนั วานที่ผ่านมา”

วนั สงวขนั ลวาาปนรทะี่ผจ่า�ำนปมี ๒า ๕๖๐

พธิ เี ปดิ สงขลาเรโทรเฟส

“วันสงขลา วันวานท่ผี า่ นมา” 27

บวงสรวงเสาหลักเมอื งสงขลาและทำ� บญุ ตกั บาตรพระสงฆ์
ณ ศาลเจ้าพอ่ หลกั เมอื งสงขลา

28 “วันสงขลา วนั วานท่ีผา่ นมา”

ขบวนแห่คารน์ ิวลั
“วันสงขลา วันวานที่ผา่ นมา” 29

ยอ้ นความหลงั กับหนังดังในอดีต “ดรรชนนี าง”
30 “วนั สงขลา วนั วานทีผ่ ่านมา”

มอบโลค่ นดีศรสี งขลา
“วนั สงขลา วนั วานท่ผี า่ นมา” 31

กิจกรรมเดินขึ้นบนั ไดพญานาค เพ่อื สกั การะพระบรมสารีรกิ ธาตุ
พระธาตเุ จดีย์หลวงเขาตังกวนเน่อื งใน วันสงขลา ประจ�ำปี ๒๕๖๐
32 “วนั สงขลา วันวานทผ่ี า่ นมา”

วนั สงวขนั ลวาาปนรทะ่ผี จา่�ำนปมี ๒า ๕๖๑

พธิ เี ปดิ งานวันสงขลา ประจำ� ปี ๒๕๖๑

“วนั สงขลา วันวานท่ผี า่ นมา” 33

สมโภชเสาหลักเมอื ง ณ ศาลเจ้าพอ่ หลกั เมอื ง
34 “วนั สงขลา วันวานท่ผี า่ นมา”

ขบวนแหเ่ อกลกั ษณท์ างวฒั นธรรม
“วันสงขลา วนั วานที่ผา่ นมา” 35

สาธติ และจำ� หน่ายสินคา้ ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ
36 “วนั สงขลา วันวานทผ่ี า่ นมา”

การแสดงทางศิลปะและวฒั นธรรม
ทำ� บุญบรรพชนคนสงขลาในพน้ื ทอี่ �ำเภอต่าง ๆ และจิตอาสา

“วนั สงขลา วันวานทผ่ี า่ นมา” 37

หม่ ผ้าพระธาตเุ จดียห์ ลวงเขาตงั กวน
38 “วันสงขลา วันวานที่ผา่ นมา”

วนั สงวขนั ลวาาปนรทะ่ผี จำ�า่ ปนีม๒า๕๖๒

พธิ ีเปดิ งานวันสงขลา ประจ�ำปี ๒๕๖๒

“วนั สงขลา วันวานท่ผี า่ นมา” 39

พธิ สี มโภชเสาหลกั เมือง ณ ศาลเจา้ พ่อหลกั เมอื ง
และท�ำบญุ ตักบาตรเพ่ือเป็นสิริมงคลเมอื งสงขลา ณ ถนนนางงาม

พธิ ีเวียนเทียน “ตามรอยพระบาทยาตรา” ณ พระธาตุเจดยี ห์ ลวงเขาตังกวน
40 “วนั สงขลา วนั วานทีผ่ า่ นมา”

พิธมี อบโลเ่ กยี รติคณุ เชดิ ชเู กยี รติ “คนดีศรีสงขลา”
มอบโล่แกห่ น่วยงานสง่ เสรมิ การแต่งกายผา้ ทอผา้ พนื้ เมืองสงขลา

การแสดงเอกลักษณ์ทางวฒั นธรรม และการแสดง
“วนั สงขลา วนั วานทีผ่ า่ นมา” 41

ขบวนแห่เอกลกั ษณ์ทางวัฒนธรรม
42 “วนั สงขลา วันวานทผ่ี า่ นมา”

ซ้มุ ภูมิปญั ญา ๓๐ ซุ้มและสนิ ค้า OTOP ของดเี มอื งสงขลา

การเสวนาทางวิชา ในหัวข้อ “สงขลาบ้านเราแตเ่ ก่าก่อน”
“วันสงขลา วันวานที่ผ่านมา” 43

นทิ รรศการรักษบ์ ้านเกดิ
44 “วันสงขลา วันวานที่ผ่านมา”

วนั สงวขนั ลวาาปนรทะ่ผี จา่�ำนปมี ๒า ๕๖๓

การเสวนาทางวชิ าการ “สงขลาบา้ นเราแตเ่ กา่ กอ่ น”

การแถลงข่าวประชาสัมพนั ธง์ าน “วนั สงขลา 45
๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓”
“วนั สงขลา วนั วานที่ผา่ นมา”

พธิ เี ปิดงาน
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปน็ ประธาน
46 “วนั สงขลา วันวานท่ีผา่ นมา”

นทิ รรศการคนสงขลาตน้ แบบและการมอบเกียรตบิ ตั รคนสงขลาตน้ แบบ
“วันสงขลา วนั วานทผ่ี า่ นมา” 47

ขบวนแห่เอกลักษณ์ทางวฒั นธรรม

การแสดงดนตรแี ละการแสดงเอกลักษณ์ทางวฒั นธรรม
48 “วันสงขลา วันวานที่ผ่านมา”

พิธสี มโภชเสาหลกั เมอื ง/พิธเี จรญิ พระพุทธมนตเ์ พอ่ื ความเปน็ สิรมิ งคล
ซุ้มภมู ปิ ญั ญา ๘๐ ซุ้ม

“วนั สงขลา วนั วานทผ่ี ่านมา” 49

พิธที ำ� บญุ ตักบาตรบรรพชนคนสงขลา ๑๖ อำ� เภอ
50 “วนั สงขลา วันวานทผ่ี า่ นมา”


Click to View FlipBook Version