The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายละเอียดการจัดงานวันสงขลา ครั้งที่ 1-4
และกิจกรรมวันสงขลา ครั้งที่ 5 ปีงบประมาณ 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ni-pa-wan, 2022-01-20 23:52:17

หนังสือวันสงขลา

รายละเอียดการจัดงานวันสงขลา ครั้งที่ 1-4
และกิจกรรมวันสงขลา ครั้งที่ 5 ปีงบประมาณ 2564

Keywords: วันสงขลา อัตลักษณ์วันสงขลา

หม่บู า้ นวฒั นธรรมแตล่ ะอำ� เภอ
“วนั สงขลา วนั วานที่ผา่ นมา” 51

พิธเี ปิดงานวนั สงขลา ประจำ� ปี ๒๕๖๑
52 “วันสงขลา วันวานทีผ่ า่ นมา”

การประกวดธิดาสงขลา
“วันสงขลา วนั วานท่ผี า่ นมา” 53



สงขลาส่เู มอื ง
มรดกโลก

สงขลาสเู่ มอื งมรดกโลก

โดย นายสืบสกลุ ศรสี ขุ ผอ.ภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคม:
เลขามลู นธิ ิสงขลาสู่มรดกโลก
สงขลาเป็นเมืองที่อยู่ชายฝั่งทะเลด้านทิศตะวันออก เป็นด้ามขวานทองเกือบ
ปลายแหลมสุวรรณภูมิของประเทศไทย เป็นเมืองท่ีมีเร่ืองราวในทางประวัติศาสตร์ที่มี
ความส�ำคัญต่อประเทศไทยในทุกยุคสมัย เป็นเมืองที่อยู่บนเส้นทางเดินเรือในการ
ค้าขายบนเส้นทางหลักมาแต่โบราณของแหลมมลายู เส้นทางของการเดินเรือเชื่อม
อารยธรรมของโลก ระหว่างตะวันตกอาหรับเปอร์เชียกับตะวันออก คือ จีน ในการเดิน
เรือท่ีต้องอาศัยลมมรสุม ท�ำให้เกิดเมืองท่าและชุมชนข้ึนท่ีบริเวณริมทะเลทั้งสองฝั่งของ
แหลมมลายู และจากการเป็นเมอื งทา่ ทม่ี ผี คู้ นต่างเชอ้ื ชาติ ต่างศาสนาและวัฒนธรรม จึง
ทำ� ให้สงขลาเปน็ เมอื งที่มคี วามหลากหลายและโดดเดน่ สำ� คัญทางดา้ นวฒั นธรรม
ความเจริญของชุมชนเมืองท่าในระยะเริ่มแรกได้เกิดขึ้นที่บริเวณคาบสมุทร
สทิงพระ ซึ่งปรากฏพบหลักฐานส�ำคัญในการขุดค้นทางโบราณคดีเป็นจ�ำนวนมาก มีท้ัง
หลักฐานจากอินเดีย จีน เปอร์เซีย ตลอดจนหลักฐานจากการบันทึกของนักเดินเรือ
ทางฝงั่ ของยโุ รป

56 “วนั สงขลา วันวานที่ผา่ นมา”

จากการบันทึกของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ท่ีได้เสด็จ
มาทเ่ี มอื งสทงิ พระ เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๔๖ เพอื่ ตรวจเสน้ ทางการเดนิ สายโทรเลข ไดท้ รงเลา่ ถงึ
ซากโบราณสถานในบริเวณดงต้นยางท่ีซึ่งในปัจจุบันนี้คือ โรงเรียนในเมือง ได้ถูกขุดจน
ซากอฐิ พงั ทลายลงมาจนหมด จากหลกั ฐานทพี่ บเศษภาชนะโบราณในพนื้ ทสี่ ำ� รวจ แสดง
ให้เห็นว่าสทิงพระเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุอยู่ระหว่างศตวรรษท่ี ๑๕-๑๘ นับเป็นเมือง
รุน่ แรก ๆ ท่เี กิดขึน้ บรเิ วณตรงคาบสมุทรแห่งนี้
จากการค้นพบโบราณวัตถุที่เมืองสทิงพระแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตการอยู่
อาศัยของชาวเมืองสทิงพระ ในระยะแรกที่มีการนับถือศาสนาพราหมณ์ มีการน�ำเอา
ประเพณีของพราหมณ์และอาจจะมีความเชือ่ ด้งั เดิมทีม่ ีการนบั ถอื เรือ่ งของวิญญาณและ
ภูตผี วัตถุโบราณท่ีค้นพบในระยะแรกส่วนใหญ่จะเป็นประติมากรรมท่ีเกี่ยวกับศาสนา
พราหมณ์ เชน่ พระวษิ ณุ พระศวิ ะ ศวิ ลงึ ค์ และเทวรปู พระพฆิ เนศเกา่ ในสมยั พทุ ธศตวรรษท่ี
๑๑-๑๒ จากหลักฐานทางโบราณคดีต่าง ๆ ที่ได้ค้นพบท�ำให้ได้ทราบว่าเมืองสทิงพระ
เคยเป็นศูนย์อ�ำนาจในการปกครองท้องถิ่น มีชุมชนกระจัดกระจายเรียงรายอยู่
ริมทะเลสาบ เช่น ชุมชนพะโคะ ชุมชนสีหยัง รวมทั้งชุมชนหัวเขาแดงที่มีซากฐานเจดีย์
โบราณวัตถุท่ีบริเวณบนเขา วัดเขาน้อยมีฐานเจดีย์สมัยศรีวิชัย ที่ยังมีให้ได้เห็นอยู่ใน
ทุกวันน้ี และต่อมาเมอื่ เมืองสทิงพระเส่อื มอำ� นาจลง ก็ได้เกดิ ชมุ ชนเมอื ง

“วนั สงขลา วันวานท่ผี ่านมา” 57

ในยุคท่สี องของสงขลาเกดิ ขน้ึ ท่ีบรเิ วณหัวเขาแดงทรี่ ู้จักกัน ในช่อื ว่าเมืองสงขลา
เขาแดง หรือทปี่ รากฏในเส้นทางเดินเรือบนแผนท่โี ลกโบราณว่าเมอื งทา่ ซิงกอร่า และได้
เจรญิ รงุ่ เรอื งเปน็ เมอื งทา่ ทส่ี ำ� คญั และมพี นื้ ทอี่ าณาบรเิ วณของเมอื งมากกวา่ เมอื งสทงิ พระ
ถงึ ๑๐ เทา่ และจากหลกั ฐานทม่ี กี ารบนั ทกึ ไวท้ ง้ั ของไทยและตา่ งชาติ ทเี่ ดนิ ทางมาคา้ ขาย
ต่างระบุตรงกันว่าเจ้าเมืองคนแรกมีชื่อว่า สุลต่านโมกอลล์ หรือในบางบันทึกเรียกว่า
โมกุล ส่วนในบันทึกของพ่อค้าชาวอังกฤษเรียกว่า ดาโต๊ะ โมกอลล์ ซึ่งเป็นมุสลิมอพยพ
มาจากเปอรเ์ ซยี อพยพผคู้ นมาสรา้ งเมอื งบรเิ วณปากนำ�้ ทะเลสาบทม่ี ที ำ� เลอนั อดุ มสมบรู ณ์
เหมาะสมในการเปน็ เมืองทา่ ในการคา้ ขาย
ดว้ ยผนื แผน่ ดนิ ทม่ี าตงั้ เมอื งบรเิ วณตรงนอี้ ยใู่ ตก้ ารปกครองของกรงุ ศรอี ยธุ ยาของ
สยามประเทศ ดาโตะ๊ โมกอลล์ จงึ ไดส้ ง่ เครอื่ งบรรณาการถวายไปยงั พระเจา้ กรงุ ศรอี ยธุ ยา
ขอเป็นหัวเมืองภายใต้อาณานิคมของกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าเอกาทศรถก็ได้แต่งตั้งให้
ดาโตะ๊ โมกอลล์ ใหเ้ ปน็ เจา้ เมอื ง ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. ๒๑๖๒ และไดพ้ ฒั นาเมอื งสงขลาหวั เขาแดง
ให้เป็นเมืองท่าในการค้าขายท่ีส�ำคัญของคาบสมุทร ดังปรากฏบนแผนที่โบราณในการ
บันทกึ ของนักเดนิ เรือจากหลายชาติ ทีต่ ่างเรียกชอื่ เมืองว่าเมอื งซงิ โกลา่ เปน็ เมอื งทา่ ท่มี ี
กำ� แพงลอ้ มรอบเมอื งไวอ้ ยา่ งแขง็ แกรง่ เปน็ เมอื งแหง่ ปอ้ มปราการมปี อ้ มปนื ปอ้ งกนั เมอื ง
ทเี่ รยี งรายทงั้ บนพนื้ ดนิ และบนภเู ขานบั จำ� นวนไดถ้ งึ ๒๑ ปอ้ ม มคี คู ลองปอ้ งกนั เมอื งรอบ ๆ
กำ� แพง ซึง่ ยงั คงมรี อ่ งรอยให้ได้เห็นอยู่จวบจนปจั จุบัน
58 “วนั สงขลา วันวานท่ีผ่านมา”

หลังจากที่เมืองสงขลาหัวเขาแดงได้สลายลงในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ต่อมา
ก็ได้มีการน�ำไปสู่การเกิดข้ึนของเมืองสงขลาแหลมสน ซ่ึงอยู่ริมทะเลสาบตรงปลายด้าน
ในของเขาแดง เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๓๑๘ ต้นสมัยของกรุงธนบุรี โดยสมเด็จ
พระเจา้ ตากสนิ ไดแ้ ตง่ ตง้ั ใหจ้ นี เหยยี ง แซเ่ ฮา คนจนี ฮกเกยี้ นทอ่ี พยพเดนิ ทางมาจากเมอื ง
ไห่เฉิง ประเทศจีน ให้เป็นเจ้าเมืองโดยแต่งต้ังให้จีนเหยียง เป็นหลวงอินทคีรีสมบัติ
เป็นเจ้าเมืองสงขลา เป็นต้นสกุล ณ สงขลา และมลี กู หลานเปน็ เจ้าเมอื ง เจ้าพระยา และ
เจา้ เมืองสงขลา สบื ทอดตอ่ กันมาถึง ๘ เจา้ เมอื ง ท�ำให้เมอื งสงขลาแหลมสนไดก้ ลายเปน็
เมอื งทม่ี มี รดกทางวฒั นธรรมแบบจนี ปรากฏเหลอื ใหเ้ หน็ อยใู่ นปจั จบุ นั อกี เปน็ จำ� นวนมาก
ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๓ แห่งราชวงศ์จักรี
และเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และสมเด็จพระศรี
สุราลัย (เจ้าจอมมารดาเรียม) ซึ่งสบื เชอ้ื สายมาจากสุลตา่ นสุไลมาน เจ้าจอมมารดาเรียม
หรือสมเด็จพระศรีสุราลัย ซึ่งเป็นลูกหลาน เป็นปฐมกษัตริย์ท่ีมีสายพระโลหิตของเมือง
สงขลา ทที่ ำ� ใหม้ พี ระมหากษตั รยิ ข์ องราชวงศจ์ กั รที ม่ี สี ายพระโลหติ จากเมอื งสงขลาถงึ ๗
พระองค์ และตรงกับสมัยเจ้าเมืองคนที่ ๔ พระยาสงขลา เถี้ยนเส้ง ได้ย้ายเมืองสงขลา
ฝ่ังแหลมสนขา้ มทะเลสาบมายงั เมืองสงขลาฝงั่ บ่อยาง ในปี พ.ศ. ๒๓๘๕ และได้ให้สรา้ ง
กำ� แพงเมอื งสงขลาฝ่ังบ่อยางกวา้ ง ๔๐๐ เมตร ยาว ๑,๒๐๐ เมตร ล้อมรอบเมอื งสงขลา
ไว้ โดยมปี ระตอู อกนอกเมอื งเปน็ จำ� นวน ๑๐ ประตู และมปี อ้ มอยบู่ นกำ� แพงเมอื ง ๘ ปอ้ ม

“วนั สงขลา วนั วานทีผ่ ่านมา” 59

เมื่อสร้างก�ำแพงเมืองเสร็จ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจา้ อย่หู วั รัชกาลท่ี ๓ ได้
พระราชทานไม้ชยั พฤกษ์ มาลงปักเป็นเสาหลกั เมอื ง เมอ่ื วนั ท่ี ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๘๕
และไดใ้ หอ้ พยพประชาชนทง้ั สามวฒั นธรรมคอื พทุ ธ มสุ ลมิ และจนี มาอยรู่ ว่ มกนั ภายใน
รอบก�ำแพงของเมืองบ่อยาง ซ่ึงเป็นท่ีอยู่อาศัยรวมกันมาอย่างยาวนานของพี่น้องสาม
วฒั นธรรม เมอื งสงขลาฝง่ั บอ่ ยาง จงึ ไดร้ บั การยกยอ่ งใหเ้ ปน็ เมอื งพหวุ ฒั นธรรมเปน็ เมอื ง
แห่งสามหลักผสมกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวในบ่อยางและยังมีโบราณสถานของท้ัง ๓
วฒั นธรรม ทถ่ี อื เปน็ มรดกทส่ี ำ� คญั ของภมู ภิ าคทง้ั ในระดบั ชาตแิ ละนานาชาตใิ หไ้ ดเ้ หน็ อยู่
เปน็ จำ� นวนมาก เชน่ อาคารทรงจนี ทเี่ ปน็ พพิ ธิ ภัณฑส์ ถานแห่งชาตขิ องเมอื งสงขลากเ็ ปน็
อาคารที่นกั วชิ าการสถาปัตยกรรมจีนไดย้ กย่องให้เป็นโบราณสถานรปู แบบจีนทีส่ มบรู ณ์
และยิ่งใหญ่ท่ีสุดในเอเชียอาคเนย์ท่ีอยู่นอกประเทศจีน มีศาลเจ้าพ่อหลักเมืองที่มี
ความส�ำคัญในการเช่ือมโยงระหว่างสงขลากับประเทศจีน มีวัดมัชฌิมาวาส (วัดกลาง)
พระอารามหลวง ทม่ี อี าคารสถาปตั ยกรรมทนี่ ำ� แบบอยา่ งมาจากกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ มสั ยดิ
อสุ าสนอสิ ลาม และยงั มโี บราณสถานทอี่ ยนู่ อกกำ� แพงเมอื งอกี มากมายทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ความ
เจริญรงุ่ เรืองทางด้านอารยธรรมในทกุ ๆ ด้านของสงขลา
60 “วนั สงขลา วันวานทผี่ ่านมา”

ดว้ ยรอ่ งรอยทางประวตั ศิ าสตรข์ องสงขลาในแตล่ ะยคุ แตล่ ะสมยั ถอื เปน็ เรอื่ งราว
ทม่ี คี วามสำ� คญั ตอ่ ภมู ภิ าค ทมี่ คี วามเชอื่ มโยงของการอยอู่ าศยั อยา่ งหลากหลายวฒั นธรรม
และเชอื่ มโยงกบั เมอื งทมี่ คี วามสำ� คญั ของแหลมมลายทู ไ่ี ดข้ นึ้ ทะเบยี นเปน็ เมอื งมรดกโลก
แล้ว คือ เมืองปีนังและเมืองมะละกาของประเทศมาเลเชีย จึงเป็นเหตุผลท่ีท�ำให้หลาย
ภาคส่วนของสงขลา น�ำโดยภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคมได้มีการรวบรวมข้อมูลทาง
ประวัติศาสตร์ ที่จะน�ำเสนอเพ่ือให้องค์การสหประชาชาติได้พิจารณาให้สงขลาได้ข้ึน
ทะเบยี นเป็นเมืองมรดกโลกในเรอ่ื งราวของเสน้ ทางทอ่ งเท่ียวทางวัฒนธรรม
หากจะถามว่า ท�ำไมสงขลาจึงต้องเป็นเมืองมรดกโลก ท่ีจะมองย้อนถึง
การววิ ฒั นาการในการเปลย่ี นแปลง การพฒั นาการของจงั หวดั สงขลาในแตล่ ะชว่ งของเวลา
ดว้ ยความสามารถอยา่ งมหศั จรรยข์ องคนสงขลา ไดส้ รา้ งสงิ่ สวยงามไวใ้ หเ้ ปน็ ความภมู ใิ จ
ไวบ้ นโลกใบน้ีอยา่ งมากมาย

“วันสงขลา วนั วานที่ผ่านมา” 61

จวบจนผ่านกาลเวลามาถึงปัจจุบันนี้ ร่องรอยอารยธรรมแหล่งโบราณสถานท่ี
ถือเปน็ มรดกทางวฒั นธรรมที่มีอยอู่ ย่างมากมายของโลกใบน้ี ได้กลายมาเปน็ ความภูมใิ จ
ที่ผู้คนได้ร่วมกันยกย่องให้เป็นมรดกโลก คือเสมือนเป็นสมบัติของผู้คนทั้งโลก
ทผ่ี คู้ นทง้ั โลกตอ้ งรว่ มมอื กนั ในการดแู ลปกปอ้ งคมุ้ ครองใหจ้ งั หวดั สงขลายงั คงอยคู่ กู่ บั โลก
สวยใบน้ีตราบนานเท่านาน และเมื่อเราหันมามองเมืองสงขลาเมืองท่ีส�ำคัญทางภาคใต้
ของประเทศไทย กจ็ ะเหน็ วา่ ตรงบรเิ วณดา้ มขวานทองของไทยทเี่ ชอื่ มตอ่ แหลมมลายบู น
แผ่นดินบกท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ มีทะเลสาบที่กว้างใหญ่เป็นดินแดนที่มีการต้ังถิ่นฐาน
สรา้ งบา้ นแปลงเมอื งตอ่ กนั มานบั พนั ๆ ปี จากเมอื งทม่ี นี ามเรยี กขานกนั วา่ สทงิ ปรุ ะ หรอื
สทิงพาราณสีท่ีในปัจจุบันคือ อ�ำเภอสทิงพระของชุมชนโบราณวิถีพราหมณ์ วิถีพุทธ
เคลื่อนมาสู่เมืองท่ีมีอายุกว่า ๔๐๐ กว่าปี ท่ีเรียกว่า เมืองสงขลาเขาแดงหรือสงขลา
ซงิ กอลา่ ซงึ่ ผคู้ รองเมอื งเปน็ มสุ ลมิ จากนน้ั กเ็ คลอื่ นตอ่ มายงั สงขลาแหลมสนทมี่ อี ายเุ กอื บ
๓๐๐ ปี มีผู้ปกครองเป็นคนจีนและมีลูกหลานเป็นเจ้าเมืองมาถึงแปดคน เป็นต้นสกุล
ณ สงขลา และไดย้ า้ ยเมอื งสงขลาอกี ครง้ั มายงั สงขลาฝง่ั บอ่ ยาง และเปน็ เมอื งสงขลาบอ่ ยาง
มาจวบจนปัจจบุ ัน
62 “วันสงขลา วันวานท่ีผ่านมา”

จากร่องรอยประวัติศาสตร์และความเจริญรุ่งเรืองของเมืองสงขลาท่ีผ่านมา
ในสายตาของนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ ท่ีมีความเห็นตรงกันว่าในแหลมมลายู
มีเมืองท่าที่ส�ำคัญท่ีมีการบันทึกของนักเดินเรือในเส้นทางเดินเรือผ่านแหลมมลายู
ในฝง่ั ตะวนั ตก คอื เมอื งปนี งั และเมอื งมะละกาของประเทศมาเลเซยี สว่ นในฝง่ั ตะวนั ออก
ของแหลมมลายนู นั้ มเี มอื งทา่ ทเ่ี รยี กวา่ “ซงิ กอลา่ ” ซงึ่ กค็ อื สงขลาในปจั จบุ นั อาทบิ นั ทกึ
ของ นายจอร์น จอร์แดน เจ้าหน้าที่ช้ันข้าหลวงของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ
ได้บันทึกไปถึงบริษัท กล่าวถึงความจ�ำเป็นที่จะต้องเปิดห้างข้ึนที่เมืองสงขลา ในปี พ.ศ.
๒๑๖๕ โดยไดร้ ายงานไปยงั บรษิ ทั ทอ่ี งั กฤษวา่ “เปน็ ความจำ� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งตง้ั หา้ งทส่ี งขลา
ซึ่งข้ึนแก่สยามเหมือนกัน ที่เมืองสงขลาน้ันเป็นศูนย์กลางอย่างดีส�ำหรับต้ังห้างค้าขาย
เพื่อค้ากับสยาม ญวน บอร์เนียว และญี่ปุ่น การตั้งห้างท่ีสงขลาเสียค่าโสหุ้ยน้อยกว่าที่
เมอื งปตั ตานี เพราะไม่ต้องเสยี ภาษี เพียงแตเ่ อาของก�ำนัลไปใหเ้ จ้าเมอื งเทา่ นั้น”
นอกจากนนั้ กย็ งั มแี ผนทท่ี ่เี ขยี นโดยวิศวกรชาวฝร่งั เศสมชี อื่ ว่า “มาลา” ไดแ้ สดง
แผนที่ตงั้ รฐั สุลตา่ น ทีห่ วั เขาแดงเมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๒๓๐ ซง่ึ ตรงกบั สมยั สมเด็จพระนารายณ์
มหาราช แสดงให้เห็นว่ารัฐสุลต่านท่ีหัวเขาแดง นอกจากมีก�ำแพงเมือง คูเมืองตามหลัก
การสร้างเมืองแล้ว เมืองหัวเขาแดงยังมีท่าเรือเสรี ฟรีปอร์ต ตลอดจน ป้อมค่ายมั่นคง
แข็งแรง และติดต้ังปืนใหญ่ตามป้อมเหล่านั้นตามจุดท่ีส�ำคัญถึง ๒๑ ป้อม ปืนใหญ่ที่ซ้ือ
จากพ่อค้าชาวดัทซ์ และอังกฤษ ซ่ึงมีแนวก�ำแพงเมืองและป้อมปืนเหลือให้เห็นอยู่ใน
ทุกวันนี้ ถึง ๑๓ ปอ้ มปนื และยงั มกี ารบันทึกของนกั เดินเรืออกี เป็นจ�ำนวนมากทไ่ี ด้กลา่ ว
ถึงเมอื งสงขลาไว้ บา้ งกข็ นานนามให้เมอื งสงขลา ว่าเปน็ เมืองแหง่ ปอ้ มปราการของเอเชยี

“วันสงขลา วันวานทผี่ า่ นมา” 63

อาคเนย์ จากเหตุผลท่ีได้กล่าวมาข้างต้น ประกอบกับในปัจจุบันน้ีเมืองท่าท่ีส�ำคัญของ
แหลมมลายทู ฝี่ ง่ั ตะวนั ตกมสี องเมอื งใหญ่ คอื ปนี งั และมะละกาของประเทศมาเลเซยี ทไี่ ด้
รับการประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกกันทั้งสองเมืองแล้ว โดยเฉพาะที่
เมืองปีนัง ซ่ึงอยู่ห่างจากประเทศไทยท่ีชายแดนที่อ�ำเภอสะเดาเพียง ๑๒๕ กิโลเมตร
หา่ งจากเมอื งเกา่ สงขลารวมระยะทางเพยี ง ๒๒๐ กโิ ลเมตร ทำ� ใหน้ กั ทอ่ งเทย่ี วจากทวั่ โลก
ที่ชืน่ ชอบในเสน้ ทางทอ่ งเทย่ี วเมอื งมรดกโลก มาเยอื นเมอื งปนี งั กนั เปน็ จำ� นวนมากถงึ ปลี ะ
ไมต่ ำ่� กวา่ ๑๒ ลา้ นคน กับคำ� ถามทมี่ ักจะไดย้ ินกนั บ่อยครง้ั จากนกั ท่องเทีย่ วทีม่ ีโอกาสได้
มาเยือนเมืองสงขลา ว่าท�ำไมประเทศไทยจึงไม่ท�ำประชาสัมพันธ์โปรโมทเมืองสงขลาให้
นักท่องเท่ียวท่ีมาเยือนเมืองปีนังให้ได้เดินทางต่อมายังประเทศไทย มายังสงขลาอีกหน่ึง
เมืองท่าส�ำคัญของแหลมมลายูในฝั่งตะวันออก และเป็นเมืองท่ีมีร่องรอยความส�ำคัญ
ไม่ได้ย่ิงหย่อนไปกว่าเมืองปีนัง และมะละกา เมืองท่า ฝั่งตะวันตก และจากการท่ีภาคี
คนรักเมืองสงขลาสมาคมได้พยายามจะท�ำเรื่องส�ำคัญน้ี โดยการจัดท�ำเอกสารแผ่นพับ
แนะนำ� เรอื่ งราวของสงขลา แลว้ นำ� ไปไวต้ ามทท่ี อ่ งเทย่ี ว ตามโรงแรมทพ่ี กั ทงั้ ทเี่ มอื งปนี งั
และเมอื งมะละกา
64 “วันสงขลา วันวานทผี่ ่านมา”

และจากการติดตามผล ท�ำให้ทราบว่าการที่จะให้นักท่องเที่ยวท่ีมายังเมืองปีนังและ
มะละกา เมืองมรดกโลกของประเทศมาเลเซีย ได้เดินทางต่อมายังเมืองเก่าสงขลา
ของประเทศไทยนนั้ กค็ อื ตอ้ งยกระดบั เมอื งสงขลาใหเ้ ปน็ เมอื งมรดกโลกเพียงอย่างเดียว
เทา่ นน้ั เพราะนกั ทอ่ งเทยี่ วทมี่ าเทย่ี วยงั เมอื งปนี งั และเมอื งมะละกาสว่ นใหญม่ าทอ่ งเทย่ี ว
ในเส้นทางท่องเที่ยวเมืองมรดกโลก ซึ่งหากรัฐบาลไทยเห็นความส�ำคัญเรื่องนี้ และ
จัดงบประมาณมาบูรณะแหล่งโบราณสถานเมืองเก่าสงขลาให้กลับคืนมาให้เป็น
แหล่งท่องเที่ยวเป็นมรดกโลกได้ส�ำเร็จ สงขลาก็จะเป็นศูนย์กลางในการต้อนรับ
นักทอ่ งเทยี่ วจากทั่วโลก ทีช่ นื่ ชอบเดนิ ทางทอ่ งเท่ียวเสน้ ทางเมอื งมรดกโลก และจะเปน็
ศูนย์กลางในการกระจายนักท่องเท่ียวไปสู่จังหวัดที่รายรอบสงขลากันต่อไป การท�ำให้
เมืองสงขลาเป็นเมืองมรดกโลก จึงถือเป็นวาระท่ีส�ำคัญที่อยากให้รัฐบาลและผู้คนท้ัง
ประเทศได้ช่วยกันสนับสนุน เพราะถ้าสงขลาได้เป็นเมืองมรดกโลกไม่ใช่ประโยชน์จะได้
เฉพาะผู้คนในพืน้ ที่เมอื งสงขลาเทา่ น้ัน แตห่ มายถึงผู้คนท้ังประเทศจะได้รับผลประโยชน์
ทั้งในด้านการพัฒนาประเทศในทุกมิติ ให้ภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ให้สงขลาได้
กลับมาเป็นเมืองหลักของการพัฒนาประเทศ เป็นเมืองท่ีมีความส�ำคัญในการสร้างชาติ
ของประเทศไทย เหมอื นเม่ือคร้งั อดีตท่ีผา่ นมา ใหเ้ ป็นทีร่ จู้ ักและกล่าวถึงและเป็นสมบตั ิ
ของผู้คนทงั้ โลกท่ีจะต้องดูแลเมืองสงขลาเมอื งมรดกโลกแห่งนีก้ นั ตอ่ ไป

“วนั สงขลา วนั วานทผี่ า่ นมา” 65

ด้วยความสวยงามของสงขลามิได้มีเพียงเร่ืองราวท่ีเป็นความส�ำคัญในทาง
ประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเร่ืองราวของความภูมิใจของความเป็นสงขลา
อกี มากมาย อาทใิ นปี พ.ศ. ๒๔๕๘ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท ่ี ๖
ได้เสดจ็ ประพาสเมอื งสงขลา เพอื่ ประกอบพิธถี อื นำ�้ พระพพิ ัฒน์สตั ยาเสือป่าของ มณฑล
นครศรีธรรมราช ทรงประทบั ณ ตำ� หนกั เขานอ้ ย ทรงพระราชทานธงประจ�ำกองลูกเสอื
มณฑลนครศรีธรรมราช ประจ�ำจังหวัดสงขลา ซ่ึงมีพื้นธงเป็นสีเขียวใบไม้ มีขอบสีม่วง
กลางธงเป็นรูปสังข์บนพานทอง ซึ่งต่อมาก็คือตราประจ�ำจังหวัดสงขลา ในการเสด็จ
พระราชด�ำเนินในครั้งน้ัน ได้มีการบันทึกในการเสด็จพระราชด�ำเนินมณฑลภาคใต้ ไว้ท่ี
หอจดหมายเหตุ ฉบับท่ี ๕ ของรัชกาลท่ี ๖ ซ่งึ พระองคท์ รงมีพระราชดำ� รัสท่เี มอื งสงขลา
ต่อกรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ซึ่งทรงเป็นน้องต่างมารดา ท่ีพระองค์ได้ทรงแต่งตั้งให้เป็น
อุปราชในการดูแลมณฑลหัวเมอื งปักษ์ใต้ที่สงขลา ความตอนหน่งึ ว่า “ฉันได้ฟังเธอผู้เปน็
สมุหเทศาภิบาล ส�ำเร็จราชการมณฑลน้ี ที่รับฉันทะของข้าราชการและประชาชน ฉันมี
ความพอใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการต้อนรับอย่างเต็มที่และจงรักภักดีเช่นน้ีท่ีเมืองสงขลา
และมณฑลนครศรธี รรมราชนี้ ไมใ่ ชม่ าเปน็ ครงั้ แรกไดม้ าแตก่ อ่ นหลายครง้ั แลว้ และตง้ั ใจ
อยากจะมาอกี ยง่ิ มาครงั้ ใดก็ย่ิงมีความรักใคร่มากขึ้นทกุ ที เพราะเห็นว่าเป็นเสมอื นหน่งึ
รัตนะในพระมหาพชิ ยั มงกฎุ ของฉนั ธรรมดารัตนะ ยิ่งรักษามากขนึ้ เทา่ ใด กย็ ง่ิ ดีมากขึน้
นอกจากความงดงามโดยธรรมชาติ ฉันรู้สึกว่าผู้รับราชการประจ�ำมณฑลนี้ ได้ท�ำการ
ในหน้าท่ีโดยซ่ือสัตย์สุจริต ท่ีฉันรู้สึกถึงความส�ำคัญของมณฑลน้ีปานใด มีพยานส�ำคัญ
ปรากฏอยู่ กค็ ือฉนั ให้ตัวเธอผเู้ ป็นน้องฉัน ออกมาเปน็ ผู้ส�ำเร็จราชการตา่ งหตู า่ งตา โดย
ความไวว้ างใจวา่ เธอคงทราบราโชบายของฉนั ดี ความปรารถนา ความสขุ ความเจรญิ ของ
บ้านเมืองและประชาชนมีอยู่เท่าใด เธอผู้เป็นน้องฉันย่อมทราบอยู่แล้ว” น่ีคือกระแส
พระราชดำ� รสั ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฏุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทพี่ ระองคท์ รงมองเมอื งสงขลา
เหมือนรัตนะ เหมือนเพชรท่ีประดับอยู่ในพระมหาพิชัยมงกฏของพระมหากษัตริย์ จวบ
เวลาล่วงเลยมาถึงปจั จุบันน้ี เมอื งสงขลา เมอื งแหง่ รัตนะ หรือเพชรของพระองค์ ก็ยังคง
เปน็ เมอื งทมี่ เี พชรทร่ี อการเจยี ระไนใหเ้ ปน็ เพชรเปน็ รตั นะทส่ี วยงาม จากประชาชนสงขลา
และประชาชนทั้งประเทศไทย เพ่ือให้เพชรทุกเม็ดของสงขลาเป็นเพชรเม็ดท่ีจะส่องแสง
ประกายสวยงาม และเชิญชวนให้ผู้คนทั้งประเทศไทยและท่ัวโลกได้มีโอกาสมาเยือน
สงขลา
66 “วนั สงขลา วันวานท่ผี า่ นมา”

ในหนงั สอื ทร่ี ะลกึ “วนั สงขลา วนั วานทผ่ี า่ นมา”
ประจำ� ปี ๒๕๖๔ เลม่ นขี้ อนำ� รตั นะหรอื เพชรเมด็ สำ� คญั
ของเมอื งสงขลามาเลา่ สกู่ นั ฟงั เพยี งใหไ้ ดร้ วู้ า่ สองรตั นะ
ของสงขลา สามารถจะท�ำให้สงขลาเป็นเมืองแห่ง
ความสุข เมืองห้ามพลาดของผู้คน อาทิเร่ืองราวของ
หลวงปู่ทวด ต้นแบบของบุคคลแห่งการเรียนรู้
ของสงขลา เป็นคนแรกที่ก�ำเนิดขึ้นมาบนผืนแผ่นดิน
อนั อดุ มสมบรู ณแ์ ละศกั ดส์ิ ทิ ธขิ์ องคาบสมทุ รสทงิ พระ
ต้ังแตส่ มัยกรงุ ศรอี ยธุ ยา หลวงปทู่ วดเหยยี บนำ้� ทะเลจดื
หรอื สมเดจ็ พระราชมนุ ี สามรี ามคณุ ปู มาจารย์ หลวง
ปทู่ วดเปน็ พระบชู าทม่ี คี วามศกั ดส์ิ ทิ ธใิ์ นเรอื่ งของการ
คุ้มครองความปลอดภัยเรื่องของการเผยแผ่ศาสนา
ให้ความเป็นสิริมงคลของชีวิต เป็นที่สักการะศรัทธา
ของผู้คนท้ังประเทศไทย และเลยไปถึงประเทศ
มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ชีวิตหลวงปู่ทวด
จากเด็กชายปู ลูกนายหู นางจัน ซึ่งเป็นแรงงานของ
เศรษฐปี านท่อี าศัยอยู่ ท่ีต�ำบลชมุ พล อำ� เภอสทงิ พระ
จงั หวัดสงขลา ช่วงเวลานน้ั บรรดาลกู ไพร่ ลกู แรงงาน
จะไม่ได้รับอนุญาตให้เรียนหนังสือ เม่ือหลวงปู่ทวด
หรือเด็กชายปูอยากเรียนหนังสือ จึงต้องบวชเป็น
สามเณร จนชวี ติ ตอ้ งออกเดนิ ทางเพอ่ื ไปหาผทู้ มี่ คี วามรู้
จากพระอาจารยต์ ามวดั ตา่ ง ๆ จากคาบสมทุ รสทงิ พระ
สู่เมืองนครศรีธรรมราชจนไปถึงกรุงศรีอยุธยา จนมี
ความรอบรู้เรื่องพระพุทธศาสนา จนได้รับแต่งตั้งให้
เปน็ สมเดจ็ จากพระมหากษตั รยิ ก์ รงุ ศรอี ยธุ ยา ใหเ้ ปน็
สมเดจ็ พระราชมุนี สามรี ามคุณปู มาจารย์

“วันสงขลา วนั วานท่ผี ่านมา” 67

จากนน้ั หลวงปทู่ วดกไ็ ดเ้ ดนิ ทางกลบั มายงั คาบสมทุ รสทงิ พระบา้ นเกดิ มาบรู ณะ
วดั พะโคะ และไดเ้ ผยแผพ่ ทุ ธศาสนาใหเ้ กดิ ขนึ้ จนเตม็ ทง้ั พนื้ ทค่ี าบสมทุ รสทงิ พระ และแผ่
ขยายไปจนถึงเมืองไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย ก่อนท่ีบั้นปลายของชีวิตได้กลับมาเผยแผ่
พระพทุ ธศาสนาท่วี ดั ช้างให้ จงั หวัดปัตตานี จนมชี อ่ื เสยี งโด่งดังเปน็ ท่ีสักการะ ใหผ้ ู้คนได้
กราบไหว้ไปทว่ั ท้ังแหลมมลายู และประเทศไทย เร่อื งราวของหลวงป่ทู วดจึงถอื เป็นเร่ือง
ราวทเ่ี ปน็ เพชรเปน็ รตั นะเมด็ งาม หากประชาชนสงขลาและรฐั บาลจะชว่ ยกนั เจยี ระไนให้
บา้ นเกดิ ของหลวงปทู่ วด ทมี่ ที ง้ั เรอ่ื งราวของความเปน็ จรงิ คอื มที ฝี่ งั รกของหลวงป่ทู วด มที ี่
ผูกเปลเมื่อครั้งชีวิตแรกเกิดของหลวงปู่ทวด มีวัดส�ำคัญท่ีหลวงปู่ทวดเคยร�่ำเรียน เคย
จ�ำพรรษา และกลับมาบูรณะ เม่ือครั้งเป็นสมเด็จฯ โดยให้เกิดเป็นอุทยานบ้านเกิด
หลวงปู่ทวดขึ้นที่คาบสมุทรสทิงพระ แล้วประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ผู้ที่ศรัทธาในองค์
หลวงปู่ทวดซึ่งมีอยู่เป็นจ�ำนวนมากมาย ท้ังภายในประเทศไทยและต่างประเทศ ให้
ได้เดินทางมาเยือนสงขลา มากราบหลวงปู่ทวดที่บ้านเกิด มาเยือนบ้านเกิดหลวงปู่ทวด
สกั ครง้ั ของชวี ติ สงขลากจ็ ะเปน็ เมอื งทอ่ งเทยี่ วทผี่ คู้ นอยากมาดว้ ยเรอ่ื งสำ� คญั ของบา้ นเกดิ
หลวงปทู่ วดสงขลาแห่งนี้
อีกเรื่องที่ถือเป็นเพชรอีกเม็ดที่ส�ำคัญของสงขลาท่ีจะทำ� ให้สงขลามีนักท่องเท่ียว
มาเตม็ เมืองสงขลา คือ สนามกีฬาติณสลู านนท์ เป็นสนามกฬี าขนาดใหญเ่ ป็นอนั ดบั สอง
ของประเทศไทยรองจากสนามราชมังคลากีฬาสถานเพียงแห่งเดียวของประเทศไทย
จุคนดูไดถ้ งึ ๔๕,๐๐๐ คน ดว้ ยธรรมชาตขิ องเมอื งสงขลาทมี่ ที ะเลลอ้ มรอบ จงึ ทำ� ใหส้ นาม
ตณิ สลู านนทเ์ ปน็ สนามกฬี าทม่ี สี งิ่ แวดลอ้ มทสี่ วยทส่ี ดุ ในประเทศไทย มหี าดทรายขาวยาว
กวา่ เกา้ กโิ ลเมตรทอดผา่ นดา้ นขา้ งชายหาดชลาทศั น์ มเี ขานอ้ ย เขาตงั กวนเปน็ ฉากหลงั ที่
สามารถดงึ ดูดนกั ท่องเที่ยวมายังจงั หวัดสงขลา โดยใช้การแข่งขันกฬี ากส็ ามารถจะท�ำได้
ในทันที เช่น หากรัฐบาลไทยกับรัฐบาลประเทศมาเลเซียจับมือกันจัดให้ทีมฟุตบอล
ทีมชาติไทยและทีมชาติมาเลเซีย มาแข่งขันแบบกระชับมิตรบ้านพี่เมืองน้อง ให้เป็น
ประเพณกี นั ปลี ะครง้ั โดยใชส้ นามตณิ สลู านนทข์ องประเทศไทยทจี่ งั หวดั สงขลา และสนาม
แถวเมืองอลอร์สตาร์ หรือปีนังหรืออาจไปถึงเมืองหลวงท่ี KL ของประเทศมาเลเซยี ก็
เชอ่ื เหลอื เกนิ วา่ แฟน ๆ ฟตุ บอล ของสองประเทศนซี้ งึ่ มอี ยเู่ ปน็ จำ� นวนมาก ก็จะเดินทางมา
เชยี รก์ นั และจะมากนั เตม็ เมอื งสงขลา และเมอื่ แฟนฟตุ บอลของประเทศมาเลเซยี ไดม้ าเหน็
ความสวยงามของเมืองสงขลา เมืองท่ีมีธรรมชาติสวยงาม มีอาหารการกินทหี่ ลากหลาย
68 “วันสงขลา วนั วานท่ผี า่ นมา”

เมอื งท่สี วยด้วยพหุวฒั นธรรม ก็เชือ่ ว่าประชาชนมาเลเซยี เหลา่ นั้นก็จะกลบั ไปชวนกนั มา
เที่ยวสงขลากันในโอกาสต่าง ๆ และจะมีการแวะเท่ียวอีกหลายเมืองส�ำคัญ เช่น สตูล
นราธิวาส ยะลา ปัตตานี ซ่ึงเป็นเมืองผ่านก็จะเกิดการท่องเที่ยวท่ีจะน�ำมาซึ่งความสุข
ความร่มเยน็ ของเมอื งทางภาคใต้ โดยการใชส้ นามติณสูลานนท์ ซ่งึ เปรียบเสมือนอีกหน่งึ
เพชรเมด็ งามของสงขลา กจ็ ะเปน็ อกี หนง่ึ ความสขุ ของผมู้ าเมอื งสงขลา เมอื งแหง่ รตั นะใน
พระมหาพชิ ยั มงกฎุ ของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดเ้ ชน่ กนั และยงั มเี รอื่ ง
ของสามเมืองสามวัฒนธรรมอีกมากมายท่ีรอให้รัฐบาลได้มาร่วมพัฒนายกระดับเมือง
สงขลาใหเ้ ปน็ เมอื งมรดกโลก เปน็ ศนู ยก์ ลางในการพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วใหจ้ งั หวดั ชายแดนใต้
และภาคใต้ได้เจริญรุ่งเรือง การท่ีสงขลาเป็นเมืองมรดกโลก จึงถือเป็นความภูมิใจของ
คนไทยของประเทศไทยที่จะได้รับประโยชน์อย่างมากมายในทุกมิติ และคือสันติสุขใน
ความสวยงามของความหลากหลายวัฒนธรรมทไี่ ด้รบั การประกาศใหเ้ ปน็ เมอื งมรดกโลก
อันจะเกิดความรักความสามัคคีของการอยู่ร่วมกัน ร่วมสัมพันธ์ต่างวัฒนธรรม และคือ
ความม่นั คงของชาตใิ นทส่ี ุด

“วันสงขลา วันวานทผี่ า่ นมา” 69

70 “วันสงขลา วนั วานทผ่ี ่านมา”

“วนั สงขลา วนั วานท่ผี ่านมา” 71

72 “วันสงขลา วนั วานทผ่ี ่านมา”

“วนั สงขลา วนั วานท่ผี ่านมา” 73

กำ� หนดการ

โครงการสบื สานอัตลกั ษณ์เมืองสงขลา (งานวนั สงขลา)
ประจ�ำปี ๒๕๖๔

วนั ที่ ๙ – ๑๑ มนี าคม ๒๕๖๔
ณ พพิ ิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ สงขลา
อำ� เภอเมืองสงขลา จงั หวดั สงขลา

วันท่ี ๙ มีนาคม ๒๕๖๔
เวลา ๑๕.๐๐ น. - นทิ รรศการหมู่บา้ นวฒั นธรรมของแตล่ ะอ�ำเภอ
- นิทรรศการคนสงขลาคนตน้ แบบ
- ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิน่
เวลา ๑๗.๐๐ น. - การเสวนาทางวชิ าการ หวั ขอ้ “วนั สงขลา วนั วานทผ่ี า่ นมา”
ณ พพิ ิธภณั ฑสถานแห่งชาตสิ งขลา
เวลา ๑๗.๐๐ น. - ผรู้ ว่ มพิธพี รอ้ มกั นณ ศาลาวิหารแดง เขาตงั กวน
เวลา ๑๗.๓๐ น - พิธีทางศาสนา ณ ศาลาวหิ ารแดง เขาตังกวน
- พธิ เี วียนเทยี น ณ พระธาตเุ จดีย์หลวงเขาตังกวน
(การแต่งกายชดุ สุภาพสขี าว)
เวลา ๑๘.๐๐ น. - นางสมศรี รักนุ้ย วัฒนธรรมจังหวัดสงขลา
มอบรางวลั “คนดีศรวี ัฒนธรรม”
เวลา ๑๘.๓๐ น. - การแสดงทางวฒั นธรรม
- การแสดงดนตร ี
เวลา ๒๑.๐๐ น. - เสรจ็ สิ้นกจิ กรรม ณ พิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ สงขลา

วนั ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๔
เวลา ๐๖.๓๐ น. - พธิ ที ำ� บุญตกั บาตรบรรพชนคนสงขลา ๑๕ อ�ำเภอ และ
อ�ำเภอเมืองสงขลา ณ ถนนนางงาม หน้าศาลเจ้าพ่อ
หลกั เมืองสงขลา (การแต่งกายชุดสุภาพสีขาว)
เวลา ๐๘.๐๐ น. - พิธีสมโภชเสาหลักเมืองและพิธีเจริญพระพุทธมนต์
เพอ่ื ความเปน็ สริ มิ งคล เมอื งสงขลา (การแตง่ กายชดุ สภุ าพ
สขี าว)
เวลา ๑๗.๐๐ น. - การเสวนาทางวิชาการ หัวข้อ “เล่าเร่ืองเมืองสงขลา
กรณผี ้าพระบฏ”
เวลา ๑๘.๐๐ น. - การแสดงดนตรี
- การแสดงทางวัฒนธรรม

74 “วันสงขลา วนั วานที่ผ่านมา”

เวลา ๑๘.๓๐ น. - พธิ เี ปิดงานโครงการสบื สานอตั ลักษณเ์ มืองสงขลา
(งานวันสงขลา) ณ พพิ ิธภณั ฑสถานแห่งชาติ สงขลา
- นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา
กล่าวรายงานการจัดงาน
- รองนายกรฐั มนตรี (ศ.ดร.วษิ ณุ เครอื งาม) ประธานในพธิ ี
ใหเ้ กยี รตมิ อบโลร่ างวลั เชดิ ชเู กยี รติ “คนดศี รสี งขลา” และ
มอบรางวลั คนสงขลา คนตน้ แบบประจำ� ปี ๒๕๖๔ (จำ� นวน
๔ อำ� เภอ อ�ำเภอเมอื งสงขลา อำ� เภอนาทวี อ�ำเภอเทพา
อำ� เภอสะบ้ายอ้ ย)
- ประธานกล่าวเปิดงานวันสงขลา ประจ�ำปี ๒๕๖๔ และ
ปาฐกถาพิเศษ
- ผ้วู ่าราชการจังหวัดสงขลา มอบของที่ระลกึ แกป่ ระธาน
- ประธานและแขกผู้มเี กยี รตริ ่วมถ่ายภาพ
- การแสดงพิธีเปิดและการแสดงแสงสีเสียงต�ำนาน
เมืองสงขลา
- ประธานเยี่ยมชมนิทรรศการคนสงขลาคนต้นแบบและ
หมู่บ้านวฒั นธรรม
- การแสดงทางวฒั นธรรม
เวลา ๒๑.๐๐ น. - เสรจ็ ส้ินกิจกรรม ณ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ สงขลา

วันท่ี ๑๑ มนี าคม ๒๕๖๔
เวลา ๑๕.๐๐ น. - นิทรรศการหม่บู า้ นวฒั นธรรมของแตล่ ะอ�ำเภอ
- นิทรรศการคนสงขลาคนตน้ แบบ
เวลา ๑๗.๐๐ น. - การเสวนาทางวิชาการ หวั ขอ้ “สงขลาในอนาคต”
เวลา ๑๘.๐๐ น. - ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มอบเกียรติบัตรคนสงขลา
คนต้นแบบ (จ�ำนวน ๑๒ อ�ำเภอ อ�ำเภอระโนด อ�ำเภอ
กระแสสนิ ธ์ุอำ� เภอสทงิ พระ อำ� เภอสงิ หนคร อำ� เภอควนเนยี ง
อำ� เภอรัตภมู ิ อ�ำเภอสะเดา อ�ำเภอจะนะ อำ� เภอบางกลำ�่
อำ� เภอหาดใหญ่ อำ� เภอนาหมอ่ ม และอำ� เภอคลองหอยโขง่ )
- การแสดงทางวัฒนธรรมและการประกวดหนนู อ้ ย ๒ เล
เวลา ๒๑.๐๐ น. - เสร็จสิ้นกจิ กรรม ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา

หมายเหต ุ กำ� หนดการอาจเปลยี่ นแปลงไดต้ ามความเหมาะสม

“วนั สงขลา วันวานที่ผ่านมา” 75

ท่ปี รึกษา ผู้ว่าราชการจงั หวัดสงขลา
วฒั นธรรมจงั หวดั สงขลา
นายจารุวฒั น ์ เกล้ียงเกลา รองผ้วู ่าราชการจงั หวัดสงขลา
ผอ. ภาคีคนรกั เมืองสงขลาสมาคม :
บรรณาธกิ าร เลขามลู นธิ ิสงขลาสมู่ รดกโลก
ผู้อ�ำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์ฯ
นางสมศรี รักน้ยุ นกั วชิ าการวฒั นธรรมช�ำนาญการ
นกั วิชาการวัฒนธรรมช�ำนาญการ
คณะทำ� งาน นกั วิชาการวัฒนธรรมช�ำนาญการ
นกั วชิ าการวฒั นธรรมชำ� นาญการ
๑. นางสรุ ยี พรรณ์ ณ สงขลา นกั วิชาการวฒั นธรรมปฏิบัติการ
๒. ผู้อ�ำนวยการส�ำนกั ศลิ ปากรท่ี ๑๑ สงขลา เจา้ หน้าท่ีบนั ทกึ ข้อมลู
๓. หัวหน้าส�ำนักงานจงั หวดั สงขลา
๔. อาจารยส์ ืบสกลุ ศรีสขุ

๕. น.ส.นภิ าวรรณ กาญจนพิทักษ ์
๖. นายทรงราชย์ สวุ ลักษณ์
๗. นางอินทริ า แก้วขาว
๘. นางจตพุ ร ชูช่นื
๙. นางอุบลวรรณ อนสุ า
๑๐. นางนภัสสร พทิ ักษ์ธรรม
๑๑. น.ส.โสภิดา แซเ่ ลา้

76 “วนั สงขลา วันวานทีผ่ า่ นมา”

บันทกึ ความทรงจำ�

.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................

“วนั สงขลา วนั วานทผี่ า่ นมา” 77

บนั ทึกความทรงจำ�

.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
78 “วนั สงขลา วนั วานท่ีผ่านมา”


Click to View FlipBook Version