ศึกษาบทบาทของใบเหมือนที่ใช้เป็นสารช่วยติดในกระบวนการย้อมสีไหมจากคร่ัง 5) ศึกษาอิทธิพล
ของตัวแปรท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่ อุณหภูมิ เวลาในการย้อม และ อัตราการไหลเวียนของน้ำย้อม ต่อคุณ
ภาพสีทไี่ ดข้ องเส้นไหมท่ีผ่านการย้อมสีครามและสีคร่ัง ผลการวิจยั พบว่า ใบครามแชแ่ ขง็ ถูกหมักในน้ำ
ท่ีอุณหภูมิ 30 40 และ 5 องศาเซลเซียส ด้วยระยะเวลาที่นานมากที่อินดิแคนในใบครามสลายตวั เป็น
อินด๊อกอย่างสมบูรณ์ จากน้ันอินด๊อกซิลถูกสลายตัวด้วยออกซิเจนเป็นอินดิโก้ตกตะกอนแยกจากน้ำ
หมัก พบว่า ปฏิกิริยาการสลายตัวของอินดิเคนเป็นปฏิกิริยาดูดความร้อน มีสมการอัตราเร็ว คือ
มีค่าพลังงานกระตุ้นของการเกิดปฏิกิริยา (E.) เท่กับ
17.6 กิโลแคลอรี/่ โมล เม่ือย้อมเส้นไหมพนั ธ์ลุ ูกผสมดว้ ย สีครามท่ีได้ พบว่า การดูดซบั สีอินดโิ ก้มีไอโซ
เทอมแบบแลงเมียร์ มีคำสัมประสิทธ์ิการแพร่ปรากฏท่ี 30 40 และ50 องศาเซลเซียส เท่ากับ
12.27X10-9 8.26X10-9 และ 4.26X10-9 ตร.ซม./วินาที ตามลำดับและมีค่าสัมประสิทธิ์การ
กระจายตวั ของสี (K) เท่ากับ 61.6 31.4 และ 26.0 ตามลำดับ ค่าความร้อนของการ ดูดซับ ( ∆ Ho )
เทา่ กับ -9.50 กิโลแคลอรี/โมล และค่าการเปล่ยี นแปลงเอนโทรปี เทา่ กับ -0.02 กิโลแคลอร/ี โมล/เคล
วิน หลังจากทดสอบค่าความคงทนของสีต่อการซักและต่อแสงซีนอนอาร์กและความแตกต่างของสี
ของเส้นไหมท่ีผ่านการย้อมด้วยสภาวะต่าง ๆ พบวา่ การย้อมท่ี 33 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที และ
ย้อมซ้ำ 6 คร้ังให้ผลดีท่สี ุด การย้อมไหมพันธลุ์ ูกผสมดว้ ยสีคร่ัง มีไอโซเทอมการดูดซบั แบบแลงเมยี ร์ มี
ค่าความร้อนของ การดูดซับเท่ากับ -13.20 กิโลแคลอรี่/โมล และมีค่าการเปลี่ยนแปลงเอนโทรปี
เท่ากับ -0.03 กิโลแคลอร่ี/โมล/เคลวิน ผลการเพ่ิมอุณหภูมิของการย้อมจาก 28 องศาเซลเซียส เป็น
60 และ 80 องศาเซลเซียส ทำให้ค่าสัมประสทิ ธกิ์ ารแพร่ปรากฏ ( DA ) มีค่าเพิ่มขึ้นจาก 3.10x10-10
ตร.ซม./วินาที เป็น 10.05x10-9 และ 15.01x10-9 ตร.ซม./วินาที ตามลำดบั แต่ทำให้ค่าสัมประสทิ ธิ์
การกระจายตัวของสี (K) มีค่าลดลง จาก 301.5 เป็น 34.2 และ 11.9 ตามลำดับ เม่ือย้อมด้วยสีคร่ัง
ผสมใบเหมือดท่ีอุณหภูมิ 60 และ 80 องศาเซลเซียส มีผลทำให้ค่าสัมประสิทธ์กิ ารกระจายตัวของสีมี
ค่าเพิ่มขึ้นถึง 40 เท่า และ 45 เท่า เมื่อเทียบกับการ ย้อมสีครั่งอย่างเดียวที่อุณหภูมิเท่ากัน หลังจาก
ทดสอบคุณภาพสีที่ได้ในด้านความคงทนต่อการซัก และ ต่อแสงซีนอนอาร์ก และความคงทนต่อแรง
ดึง สรุปได้ว่า สภาวะที่เหมาะสมในการย้อมสีครั่ง คือ การย้อมท่ีใช้ใบเหมือดผสมน้ำมะขามเป็นสาร
ชว่ ยตดิ ท่ี 100 องศาเซลเซียสนาน 30-40 นาที
น่ิมนวล จันทรุญ (2560 : บทคัดย่อ) คราม: สีย้อมธรรมชาติ โครงการวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์
เพื่อ 1. ศึกษาครามย้อมสีธรรมชาติ 2. เพื่อรวบรวมองค์ความรู้ด้านคราม เคร่ืองมือในการทำวิจัย
ได้แก่ การศึกษาเอกสาร สนทนากลุ่มย่อย การสัมภาษณ์ การสังเกต การวิเคราะห์ในกลุ่มทอผ้าฝ้าย
ย้อมครามจังหวัดสกสนดร ในการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เป็นการพรรณนา
เหตุการณ์ พบว่า มีปัญหาและความต้องการ ต้นครามสูงข้ึนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ กลุ่ม
ยงั ขาดทักษะการย้อมครามและสีธรรมชาติ รูปแบบลวดลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน ระยะเวลา
เกบ็ ขอ้ มูล พฤษภาคม - 30 กนั ยายน 2559
จรุ รี ัตน์ บัวแกว้ และคณะ (2553 : บทคัดยอ่ ) โครงการย้อมสีธรรมชาติกับวัตถดุ บิ ท่ีใชท้ ำผ้า
จวนตานีโครงการวิจัยนมี้ ีวตั ถุประสงคเ์ พือ่ ศกึ ษาชนิดวสั ดใุ ห้สจี ากธรรมชาติทีม่ ีอยู่ในท้องถิ่นเพ่ือใช้
ประโยชน์ในการยอ้ มเส้นฝ้าย ศึกษาเทคนิคและวิธีย้อมเส้นด้ายเพื่อเป็นวตั ถุดิบสำหรบั ทำผ้าจวนตานี
ยอ้ มสรี รมชาตทิ ี่มอี ยใู่ นท้องถิ่น สำหรับวธิ กี ารวิจัยใช้การทดลองสกดั สีจากพืชทม่ี ีอย่ใู นท้องถิน่ จำนวน
12 ชนดิ และทดลองยอ้ มเส้นดา้ ยฝ้าย
ผลการวจิ ัยพบว่า การคัดวสั ดุจากพชื ท่หี าได้ง่ายในทอ้ งถิน่ ที่นำมาศึกษาครั้งน้ีมี 12 ชนิด ซง่ึ
51
สามารถนำมาใชใ้ นการสลดั สีทำได้สที ำให้ได้สีดงั ตอ่ ไปน้ี เปลอื กต้นโกงกาง ใบเล็กและเปลือกตน้ สน
ทะเลไดส้ ีน้ำตาลแดง เปลือกตันเสมด็ ชนุ และเปลือกตน้ มะม่วงหมิ พานต์ได้สีนำ้ ตาล เปลือกต้นมะขาม
เทศได้สีครีม สีหลืองเขียวออ่ นและสีกากี สว่ นใบเพกาไดส้ ีครมี สีเหลอื งเขียวและสกี ากี ใบหูกวางและ
ใบเสม็ดขาวไดส้ ีเหลืองออ่ นและสีกากีเข้ม ใบคะรุได้สีดำ ไม้ฝางได้สีแดงและสีม่วง ใบและกา้ นครามได้
สีนำ้ เงนิ สำหรับเทคนิคการสกัดสแี ละย้อมเสน้ ดา้ ยฝ้ายพบว่า การคดั วัสดุใหส้ ีดว้ ยการสกัดสที ใ่ี หเ้ ฉดสี
เหลอื งคือ กง่ิ มะพูดสดรว่ มกบั มอร์แดนทส์ ารสม้ หรือนำ้ ปูนใสหรอื นำ้ ด่างได้เส้นด้ายฝา้ ยสเี หลอื งสวย
ทส่ี ดุ เฉดสีแดงคือเปลือกตน้ โกงกางใบเลก็ ทับคร่ังและใช้มอร์แดนท์สารสม้ ทำให้ไดเ้ ส้นฝ้ายสีแดง เฉด
สีดำคอื ใบคะรรุ ว่ มกบั มอร์แดนท์นำ้ สนมิ เหลก็ ทำใหไ้ ด้เสน้ ด้ายสดี ำ เฉดสมี ่วง คอื ไมฝ้ างย้อมรว่ มกับ
มอรแ์ ดนทจ์ นุ สที ำให้ไดเ้ ส้นดา้ ยฝ้ายสีมว่ ง สว่ นเฉดสีน้ำเงนิ คือ ใบและกา้ นของตน้ ครามท่ีผ่านการ
เตรียมน้ำครามมาเรียบร้อยแล้วได้เส้นด้ายฝา้ ยสนี ำ้ เงนิ
พระสมคิดจารณรมโม และคณะ (2545 : บทคัดย่อ) กระบวนการพัฒนาผ้าฝ้ายย้อมสี
ธรรมชาติ กลุ่มสตรีผ้าย้อมสีธรรมชาติบ้านโปงคำ ตำบลดู่พงษ์ อำเภอสันติสุข จังหวัดน่าน เป็นการ
วิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) เพื่อศึกษาภูมิปัญญาท้องถ่ิน
ของกลุ่มสตรีทอฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ บ้านโป่งคำ อำเภอสันติสุข จังหวัดน่าน 2) เพ่ือการพัฒนา
กระบวนการผลิต การตลาด การจัดการวัตถุดิบ ของกลุ่มสตรีทอผ้าฝา้ ยย้อมสีธรรมชาติ 3) เพื่อขยาย
เครือข่ายการเรียนรู้ การทอผ้าฝ้ายด้วยสีธรรมชาติไปสู่กลุ่มอื่นๆ ในอำเภอสันติสุข จังหวัดน่าน
รวบรวมข้อมูลจากกลุ่มสตรีทอผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติบ้านโป่งคำ และผู้รู้ในชุมชนบ้านโป่งคำ ใช้วิธี
สนทนากลุ่ม การสัมภาษณ์เจาะลึก การสังเกตแบบมีส่วนร่วม การอบรมเชิงปฏิบัติการ และนำมา
วิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการศึกษา การพัฒนากลุม่ ทอผ้ายอ้ มสีธรรมชาติ บ้านโป่งคำจะพฒั นาเป็นกระบวนการ ทั้ง
คน วัตถุดิบ การย้อม การทอผ้า การตลาด ในการจัดการวัตถุดิบหลังจากได้พัฒนาแล้วสามารถใช้
ทักษะในการจัดการวัตถุดิบให้สูญเสียทรัพยากรธรรมชาติน้อยท่ีสุด และได้มีการนำตัวกระตุ้นสีมาใช้
เพื่อให้เกิดเฉดสีใหม่จากเดิม 6 สี มาเป็น 99 สี ในการทอผ้าก็สามารถกำหนดมาตรฐานของผ้าแต่ละ
ชนิดเพื่อการนำไปใช้ให้เกิดปะโยชน์สูงสุด โดยมีการคิดค้นลวดลายใหม่ตามจินตนาการของผู้ทอ จาก
เดิมท่ีพอได้ 4 ลาย ซึ่งขณะนี้เพิ่มเป็น 6 ลาย นอกจากน้ียังได้นำผ้าทอย้อมสีธรรมชาติไปแปรรูปเป็น
ผลผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อีก เช่น กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าใส่โทรศัพท์ ในการขยายเครือข่ายการเรียนรู้ผ้า
ทอสีธรรมชาตินั้นสามารถขยายเครือข่ายไปยังหบ้านต่าง ๆ ถึง 8 หมู่บ้าน และในการขยายเครือข่าย
ในครั้งนี้ทำให้ค้นพบผู้ทอผ้ารายใหม่เกิดขึ้นถึงจำนวน 13 คน และมีการเปล่ียนแปลงให้เส้นฝ้ายโทเท
มาเป็นฝ้ายย้อมด้วยสีธรรมชาติ ในการศึกษาคร้ังนี้ทำให้เห็นแนวทางในการพัฒนาของแต่ละกลุ่มมี
ความหลากหลาย ท่ีนำไปสู่สิ่งที่ดีงามและความสำเร็จของกลุ่ม กระบวนการท่ีทำให้เกิดความสำเร็จ
ของกลุ่มสตรที อผ้าย้อมสีธรรมชาติ คือ การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม และพฒั นาแบบเช่ือมโยงกับ
ทุกส่วนและทุกหน่วยงานโดยอาศัยส่ิงง่ายๆ ที่อยู่ใกล้ตัว ไปสัมพันธ์กับความเป็นจริงท่ีเกิดขึ้น
โดยเฉพาะชีวิต ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมวิถีธรรมชาติอย่างกลมกลืน ในการศึกษาคร้ังนี้ มี
ขอ้ เสนอแนะท่ีเป็นประโยชน์ คือ การรื้อฟนื้ ภมู ปิ ัญญาเร่อื งการทอผ้ายอ้ มสีธรรมชาติถือเป็นการรือ้ ฟ้ืน
ภูมิปัญญา ในท้องถ่ินการดำเนินวิถีชีวิตของคนในชุชน ควรส่งเสริมให้เยาวชนได้เข้ามามีส่วนร่วม
เรียนรู้อย่างจริงจัง และใช้ประโยชน์จากการวิจัยในครั้งนี้ นอกจากยังควรศึกษาถึงรูปแบบการตลาด
ของผ้าทอย้อมสีธรรมชาตวิ า่ ควรจะเปน็ ลักษณะใดทีจ่ ะก่อใหเ้ กิดสูงสดู
เกษหทัย สิงหอินทร์ (2555) ศกึ ษาวจิ ยั แนวทางการเพิ่มมูลค่าผ้าทอโดยการปรับใช้ประโยชน์
52
ของผ้าทอในชีวิตประจําวันมากย่ิงข้ึน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนําผ้าทอไปใช้กับผลิตภัณฑ์เคหะส่ิงทอ
ประเภทต่างๆ ซ่ึงประกอบด้วยการศึกษาเส้นใย การศึกษาการย้อมสีธรรมชาติการศึกษาลวดลาย
สีสัน กระบวนการทอผ้าและปัญหาต่างๆท่ีเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาผ้าทอของผ้าทอนาหม่ืนศรี
การวิจัยพบว่าในการปนผสมเส้นใยน้ันปริมาณใยไหมอิรีม่ี ผลต่อความแข็งแรงและการยืดตัวของ
เส้นด้าย เส้นใยที่ผสมใยไหมอีรปี ริมาณมากกว่าจะมีความแข็งแรงและมีระยะการยืดตัวของเส้นด้าย
สูงกว่าเส้นด้ายท่ีมี คุณภาพมากท่ีสุด เหมาะท่ีจะเลือกใช้ในงานเคหะสิ่งทอระดับหัตถกรรม คือ
เส้นด้ายที่เป็นจากเส้นใยผสมระหว่างเส้นใยไหมอีร่ีกับเส้นใยฝ้ายในอัตราผสม 75 : 25 รองลงมาคือ
เส้นด้ายผสมระหว่างใยไหมอรี กับใยพืชคือใยคล้า ใยขม้ินและใยหมาก ในอัตราส่วน 75 :25 ผลการ
ทดสอบความคงทนของสียอ้ มพบวา่ การย้อมสีจากใบสาบเสือ ใบเนยี ง ใบมงั คดุ และโกงกางนั้นมีความ
คงทนตอ่ สภาวะตา่ งๆได้ในระดบั คณุ ภาพปานกลางถึงระดับดีมากมีเพียงโกงกางเท่านั้นที่มีความคงทน
ของสีย้อมต่อการซักล้างในระดับ 1 มีการเปล่ียนสีจากสีน้ําตาลเป็นสีแดง แสดงให้เห็นว่าด่างในสาร
ซักล้างมีผลต่อสีย้อมจากโกงกาง การศึกษาลายผ้าและการทอผ้านาหม่ืนศรีเป็นแนวทางสําคัญใน
การเพิ่มมูลค่าจาก ภูมิปัญญาการทอด้ังเดิม เป็นการเรียนรอู้ ดีตและประยุกตใ์ ช้จนกระท่ังนาํ ไปสู่การ
สร้างสรรค์ ลวดลายใหมๆ่ สร้างความแตกต่างจากรากฐานเดยี วกนั ใน 4 แนวทางคอื
1) ออกแบบลายผ้าใหม่
2) ออกแบบลายผาใหม่ แลว้ นำไปใช้รวมกบั ลายผา้ เดมิ
3) การสรางลายผ้าโดยการสลบั ตำแหน่งลาย
4) การปรับใช้โดยรักษาโครงสรา้ งลายเดิมไว้ จากการทดลองแนวทางท่ี 4 น้ันพบว่าสามารถ
รักษาดอกลายเดิมไว้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ผลการวิจัยที่จากการทอในคร้ังแรกพบว่าผ้าบางจึงทำการ
แก้ไขโดยเปลี่ยนขนาดช่องฟืมให้เบอร์เล็กลงและเปลี่ยนด้ายยืนให้มีขนาดใหญ่ข้ึนหรือใช้เส้นคู่ทำให้
ผืนผ้าหนาแน่น และแขง็ แรงขึน้ เหมาะสำหรรับนำไปใชเ้ ป็นผลิตภณั ฑเ์ คหะส่งิ ทอ
สิริพรรณ เพชรประกอบ (2556) ได้ทำการย้อมสีธรรมชาติจากดินลูกรัง ปรากฏปัญหา
เกี่ยวกับความคงทนของเส้นฝ้ายท่ีได้จากการย้อม ทำให้เส้นฝ้ายขาดง่ายเม่ือดำเนินการเดินเส้นฝ้าย
ปั่นเส้นฝ้าย กรอเส้นฝ้าย เก็บตะกอ และขึ้นก่ีทอผ้า ทำให้เกิดเป็นอุปสรรคในการทอผ้าของ
สมาชิกในกลุ่มและเสียเวลาในการทอผ้า อีกท้ังยังมีข้อจำกัดเร่ืองของอายุของสมาชิกที่เป็นกลุ่มสตรี
อายุเฉล่ียประมาณ 55 ปี ทำให้เห็นถึงความสำคัญท่ีต้องการศึกษาชนิดของเส้นด้ายที่เหมาะสำหรับ
การย้อมสธี รรมชาติจากดนิ ลูกรัง เพ่ือประโยชนต์ อ่ การทอผ้าพน้ื เมืองบา้ นสะพานพลาต่อไป
อนงคพรรณ และคณะ (2555) การย้อมสีเขียวจากเปลือกต้นเพกา เอาเปลือกเพกามาหั่น
หรือสับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ นําไปต้ม20 นาทีช้อนเอาเปลือกออก ต้มเถาถัวแปบเอาแต่น้ำใสเติมลงไปใส่
น้ำมะเกลือเล็กนอ้ ย ใส่ปูนขาวและใบส้มป่อยผสมลงไป ทง้ิ ไว้สักพัก แล้วกรองให้เหลือแต่น้ำสีพร้อมที่
จะย้อม นําเอาน้ำย้อมต้ังไฟพออุ่นนําด้ายฝ้ายซ่ึงซุบน้ำบิดพอหมาด จุ่มลงในอ่างย้อม ต้มต่อไปนาน
20 นาที จนได้สีท่ีต้องการ ยกด้ายฝ้ายออก ซักน้ำสะอาดใส่ราวกระตุกตากจนแห้ง จะได้สีเขียวตาม
ตอ้ งการ
53
บทท่ี 3
ระเบียบวธิ วี ิจยั
การวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์ เพื่อการสรา้ งสรรคส์ ียอ้ มธรรมชาติ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอย
กดอกของชุมชนบ้านล่องมุด จังหวัดสงขลา เป็นการวิจัยแบบผสมผสานวิธีพหุระยะ (Multi-phase
mixed method research) ที่ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ โดยออกแบบ
การวิจัย (Research Design) มีขั้นตอนในการดำเนินงาน 5 ข้ันตอน ผู้วิจัยได้นำเสนอข้ันตอนการวิจัย
ประกอบด้วยขน้ั ตอนดงั ต่อไปนี้
ข้ันตอนที่ 1 การเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชน ในการเสริมสร้างขีดความสามารถ
ของชุมชนในการบริหารจัดการตนเองอยา่ งยั่งยืน บนฐานทนุ ทรัพยากร
ขนั้ ตอนที่ 2 การพัฒนานวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมผลิตภัณฑ์ผ้าทอของชุมชนบ้าน
ลอ่ งมดุ จงั หวัดสงขลา
ขั้นตอนที่ 3 การถ่ายทอดนวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมผลิตภัณฑ์ผ้าทอของชุมชน
บา้ นลอ่ งมดุ จังหวัดสงขลา
ข้นั ตอนที่ 4 การสรา้ งการมีส่วนร่วมของประชาชนในการนำนวตั กรรมการสร้างสรรคส์ ี
ยอ้ มผลติ ภัณฑผ์ ้าทอของชมุ ชนบ้านล่องมดุ จงั หวัดสงขลา ไปสู่แผนพฒั นาตำบล/อำเภอ/จังหวัด
ข้ันตอนท่ี 5 การศึกษาการเปลี่ยนแปลงด้านรายได้ เศรษฐกิจฐานราก และคุณภาพ
ชวี ติ ของชุมชนบ้านลอ่ งมุด จังหวัดสงขลา
54
นำเสนอวิธขี ้นั ตอนการวจิ ัย โดยสรุปรูปท่ี 3.1 ดงั น้ี
ข้ันตอนการวิจยั วิธีการดำเนินการวจิ ัย ผลทีไ่ ดร้ ับ
ขน้ั ตอนที่ 1 1. ประชมุ เชิงปฏิบัติการเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชน ใน 1. ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือเสริมสร้าง
การเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกร การเสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชนในการบริหาร สมรรถนะนวัตกรชุมชน ในการเสริมสร้างขีด
จัดการตนเองอย่างย่ังยืน บนฐานทุนทรพั ยากร ค วา ม ส า ม าร ถ ข อ งชุ ม ช น ใน ก า ร บ ริ ห าร จั ด ก า ร
ชุ ม ช น ใน ก า ร เส ริ ม ส ร้า งขี ด 2. ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย ตนเองอยา่ งยงั่ ยืน บนฐานทุนทรพั ยากร
ความสามารถของชุมชนในการ ประจำวนั และบญั ชตี น้ ทนุ อาชพี 2. ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือจัดทำบัญชี
บริหารจัดการตนเองอย่างยั่งยืน รายรบั รายจา่ ยประจำวนั และบญั ชตี น้ ทุนอาชีพ
บนฐานทุนทรพั ยากร
ข้นั ตอนท่ี 2 1.สำรวจและวิเคราะห์ความต้องการของชุมชน ศึกษา 1. ผลจากการจัดกิจกรรมประชุมเชิง
การพัฒ นานวัตกรรมการ บริบทและศักยภาพของผ้าชุมชน เพื่อนำไปสู่การ ปฏิบัติการสนทนากลุ่มในการศึกษา
สรา้ งสรรคส์ ยี อ้ มธรรมชาติและการพฒั นาผลติ ภัณฑ์ผ้า
สร้างสรรค์สีย้อมผลิตภัณฑ์ผ้า ทอยกดอก บริบทและศกั ยภาพผา้ ของชมุ ชน
ท อ ข อ งชุ ม ช น บ้ าน ล่ อ งมุ ด 2..กิจกรรมการวิเคราะห์นวัตกรรมเพื่อหาเอกลักษณ์ 2. ผลจากการกิจกรรมการสร้างสรรค์สีย้อม
จังหวัดสงขลา และรูปแบบผลิตภัณฑ์ และการสร้างสรรค์สีย้อม ธรรมชาติและการประเมินผล วิเคราะห์ ความ
ธรรมชาติ คิดเห็ น ท่ี มีต่ อ รูป แ บ บ ผลิ ตภั ณ ฑ์ จาก
ข้ันตอนท่ี 3 3. ประชุมเชิงปฏิบัติการการออกแบบตราสินค้าและ ผูเ้ ชยี่ วชาญ
การถ่ายทอดนวัตกรรมการ บรรจภุ ณั ฑเ์ พ่ือส่งเสริมการตลาดเชงิ สรา้ งสรรค์ 3. แบบชิ้นงานผลิตภัณฑ์ผ้าทอท่ีได้จากการ
4. สนทนากลมุ่ ประเมนิ ผลติ ภัณฑ์จากนวัตกรรมชุมชน ย้อมสีธรรมชาติ และผลการออกแบบตรา
สร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและ แนวทางการส่งเสริมการตลาดเชงิ สร้างสรรคน์ วตั กรรม สินค้าและบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งเสริมการตลาด
ผลิตภัณฑ์ผ้าทอของชุมชนบ้าน เชิงสร้างสรรค์
ล่องมดุ จงั หวัดสงขลา 1. อบรมเชงิ ปฏบิ ัติการการถ่ายทอดนวัตกรรมการ 4. ผลการประเมินผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรม
สร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ผ้าทอ ชุมชน แนวทางการส่งเสริมการตลาดเชิง
ข้ันตอนที่ 4 ของชมุ ชนบ้านล่องมดุ จงั หวัดสงขลา สร้างสรรค์นวตั กรรม
ก า ร ส ร้ า ง ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม ข อ ง 2. สนทนากลุ่มถอดบทเรียน การสรา้ ง Platform
การสร้างน วัตกรชาวบ้ าน และ ก ารส ร้าง 1. ผลการประเมินการถา่ ยทอดนวตั กรรม
ประชาชนในการนำนวัตกรรมการ Learning Platform ด้าน ความรคู้ วามเข้าใจ การนำไปปฏิบัติ การ
ส ร้ า ง ส ร ร ค์ สี ย้ อ ม ธ ร ร ช า ติ แ ล ะ นำไปใช้ประโยชน์ และการบริหารโครงการ
ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ผ้ า ท อ ข อ งชุ ม ช น บ้ า น จัดกิจกรรมเวทีประชาคมการสร้างการมีส่วน 2. ผลการประเมินตนเองในการถา่ ยทอด
ล่ อ งมุ ด จั งห วั ด ส งข ล า ไป สู่ รว่ มของประชาชนในการนำนวตั กรรมสร้างสรรค์ ความร้ขู องนวตั กร
แผนพัฒนาตำบล/อำเภอ/จังหวัด สยี ้อมธรรชาติของผลติ ภณั ฑ์ผ้าทอของชุมชนบา้ น 3. ผลการจัดระดับนวตั กร
ล่องมุด จังหวัดสงขลา ไปสู่แผนพัฒนาตำบล/
ขั้นตอนท่ี 5 อำเภอ/จงั หวัด 4. ผลการสร้าง Platform การสรา้ งนวัตกร
การศึกษาการเปลี่ยนแปลงด้าน ชาวบ้าน (รปู โมเดล)
1. ประเมินผลการพัฒนาชุมชนนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา 5. ผลการสรา้ ง Learning Platform
รายได้ เศรษฐกิจฐานราก และ อยา่ งยง่ั ยนื (Platform การสรา้ งชุมชนนวตั กรรม)
คุณภาพชีวิต ของชุมชนบ้านล่อง 2. ประเมินการเปลี่ยนแปลงด้านรายได้ เศรษฐกิจฐานราก 1. กระบวนการสรา้ งการมสี ่วนรว่ มของประชาชน
มุด จังหวัดสงขลา และคุณภาพชวี ิต ของชุมชน ในการนำนวัตกรรมการสร้างสรรคส์ ยี อ้ มธรรมชาติ
และผลิตภัณฑ์ผา้ ทอของชมุ ชนบา้ นล่องมุด
จังหวัดแพร่ ไปส่แู ผนพฒั นาตำบล/อำเภอ/จังหวดั
2. ผลของกระบวนการสรา้ งการมสี ่วนร่วมของ
ประชาชนในการนำนวัตกรรมการสร้างสรรค์สี
ยอ้ มธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ผ้าทอของชมุ ชนบา้ น
ลอ่ งมดุ จังหวัดสงขลา ไปสแู่ ผนพฒั นาตำบล/
อำเภอ/จังหวัด
3. แผนการพัฒนาผลติ ภัณฑ์ผ้าทอใหก้ ับชมุ ชน
1. ผลการพัฒนาชุมชนนวัตกรรมเพอื่ การพัฒนา
อยา่ งย่งั ยนื (Platform การสรา้ งชมุ ชนนวตั กรรม)
2. ผลการเปลี่ยนแปลงดา้ นรายได้ เศรษฐกิจฐาน
ราก และคณุ ภาพชีวติ ของชมุ ชน
รูปท่ี 3.1 ขน้ั ตอนการวิจัย
55
ขั้นตอนที่ 1 การเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชน ในการเสรมิ สรา้ งขีดความสามารถของชุมชน
ในการบรหิ ารจัดการตนเองอย่างยัง่ ยนื บนฐานทนุ ทรัพยากร
ในการเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชน ในการเสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชนใน
การบริหารจดั การตนเองอย่างยั่งยืน บนฐานทุนทรพั ยากร ประกอบด้วย 2 ขั้นย่อย ดงั น้ี
ข้ันที่ 1.1 ประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชน ในการเสริมสร้างขีด
ความสามารถของชมุ ชนในการบรหิ ารจดั การตนเองอยา่ งยง่ั ยนื บนฐานทนุ ทรัพยากร
วิธีการศกึ ษา
จดั กิจกรรมประชุมเชงิ ปฏิบตั กิ ารเสริมสรา้ งสมรรถนะนวัตกรชุมชน ในการเสริมสร้างขีด
ความสามารถของชมุ ชนในการบริหารจดั การตนเองอย่างย่ังยืน บนฐานทนุ ทรัพยากร
ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง
กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 13 คน ประกอบด้วย สมาชิก
กลุ่มผา้ ทอบ้านล่องมดุ จำนวน 13 คน
เครื่องมือทใ่ี ชใ้ นการศึกษา
แบบประเมนิ ความรู้นกั นวัตกรชมุ ชนกอ่ นและหลงั การประชุมเชิงปฏิบัติการ
. แบบประเมินด้านสมรรถนะนักนวตั กรชมุ ชนก่อนและหลังการประชมุ เชงิ ปฏบิ ัติการ
แบบประเมินความคิดเห็นต่อกิจกรรมการประชุมเชงิ ปฏิบัติการเสรมิ สรา้ งสมรรถนะนวัตกร
ชมุ ชน
การวิเคราะห์ข้อมูลและสถติ ิท่ใี ชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มูล
คา่ รอ้ ยละ ค่าเฉลยี่ ( x ) คา่ ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ( S.D. : Standard Deviation)
ขนั้ ตอนการดำเนนิ โครงการวิจัย
1. จัดกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชน ในการเสริมสร้างขีด
ความสามารถของชุมชนในการบริหารจดั การตนเองอย่างย่ังยืน บนฐานทุนทรพั ยากร โดยมหี ัวขอ้ ดังนี้
1) แนวคิดการทำธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ ประกอบไปด้วยเร่ือง กระบวนการสู่การเป็น
ผู้ประกอบการ องค์ประกอบสำคัญในการประกอบธุรกิจ ปัจจัยแห่งความสำเร็จในการผลิต การ
พฒั นาผปู้ ระกอบการไปสู่ยุค 4.0 และนวตั กรรมสร้างสรรค์ 2) กลยุทธ์ด้านการตลาด ประกอบด้วยไป
ด้วยเร่ือง กลยุทธ์ด้านการแข่งขันท่ัวไป การวิเคราะห์ SWOT 3) การวางแผนด้านการเงินและการ
จดั การดา้ นบัญชี ประกอบดว้ ยเรื่อง การผลติ และการวิเคราะห์ตน้ ทนุ การต้ังราคาขาย ความรู้พ้ืนฐาน
ทางบัญชี (Basic of Accounting) และการบันทึกทางบัญชี 4) การเขียนแบบจำลองธรุ กิจ (Business
Model Canvas : BMC) ประกอบไปด้วยเรื่อง ความรู้เก่ียวกับ Business Model Canvas 9 ช่อง
และความเช่ือมโยงกับการเขียนแผนธุรกิจ และการกำหนดและนำเสนอคุณค่าสินค้า ( Value
Proposition) 5) การเขยี นแผนธรุ กิจของชุมชน
2. คณะผู้เขา้ รบั การฝึกอบรมรว่ มกันจัดทำร่างแผนธรุ กจิ ใหก้ ับชมุ ชน
3. ประเมินความรู้นักนวตั กรชมุ ชนกอ่ นและหลังการประชุมเชงิ ปฏบิ ัติการ
4. ประเมินความคิดเห็นด้านสมรรถนะนักนวัตกรชมุ ชนก่อนและหลังกิจกรรมการประชุมเชิง
ปฏบิ ตั กิ าร
5. ประเมนิ ความคิดเห็นต่อการการจัดกจิ กรรมการประชมุ เชงิ ปฏบิ ัติการเสริมสรา้ งสมรรถนะนวตั กรชุมชน
56
โดยวิเคราะห์ ซึ่งมีเกณฑ์ในการแปลความหมายของคา่ เฉล่ีย (บุญชม ศรีสะอาด, 2554 : 121)
ดงั น้ี
คา่ เฉล่ียคะแนน 4.51 - 5.00 หมายถึง ระดบั มากทีส่ ุด
ค่าเฉลีย่ คะแนน 3.51 - 4.50 หมายถึง ระดบั มาก
ค่าเฉลี่ยคะแนน 2.51 - 3.50 หมายถงึ ระดับปานกลาง
ค่าเฉลี่ยคะแนน 1.51 - 2.50 หมายถึง ระดบั น้อย
คา่ เฉลย่ี คะแนน 1.00 - 1.50 หมายถงึ ระดบั นอ้ ยท่ีสุด
พ้นื ที่การดำเนินงานโครงการวจิ ัย
วทิ ยาลยั ชมุ ชนสงขลา อำเภอเทพา จงั หวดั สงขลา
ข้ันท่ี 1.2 ประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำวัน และบัญชี
ตน้ ทุนอาชพี
วิธกี ารศึกษา
จัดกิจกรรมประชมุ เชงิ ปฏิบัติถ่ายทอดความรู้การเพื่อจัดทำบญั ชรี ายรบั รายจา่ ย
ประจำวัน และบญั ชีตน้ ทนุ อาชีพ
ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง
กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 13 คน ประกอบด้วย 1)
นวตั กรชุมชน จำนวน 2 คน และ 2) สมาชกิ ในกลุ่มทอผ้าจำนวน 11 คน รวมเป็น 13 คน
เคร่ืองมือทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา
แบบประเมินดา้ นความรู้ความเขา้ ใจกอ่ นและหลงั การประชมุ เชงิ ปฏิบตั ิการ “การจดั ทำ
บญั ชีรายรบั รายจ่ายประจำวัน และบญั ชีตน้ ทุนอาชีพ”
แบบการประเมนิ ความพึงพอใจการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การจัดทำบญั ชีรายรับรายจ่าย
ประจำวนั และบัญชตี ้นทุนอาชีพ”
การวเิ คราะห์ขอ้ มูลและสถติ ิที่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล
ค่ารอ้ ยละ ค่าเฉล่ีย ( x ) ค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ( S.D. : Standard Deviation)
ขัน้ ตอนการดำเนินโครงการวิจัย
1. จัดกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติถา่ ยทอดความรู้การเพ่ือจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำวัน
และบญั ชตี น้ ทนุ อาชีพ
2. ประเมินด้านความรู้ความเข้าใจก่อนและหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การจัดทำบัญชี
รายรับรายจ่ายประจำวนั และบญั ชตี น้ ทุนอาชีพ”
3. แบบการประเมินความพึงพอใจการประชุมเชิงปฏบิ ัติการ “การจดั ทำบัญชีรายรับรายจ่าย
ประจำวัน และบญั ชีตน้ ทุนอาชีพ
โดยวิเคราะห์ ซ่ึงมีเกณฑ์ในการแปลความหมายของค่าเฉลี่ย (บุญชม ศรสี ะอาด, 2554 : 121)
ดังนี้
ค่าเฉล่ยี คะแนน 4.51 - 5.00 หมายถงึ ระดบั มากที่สุด
คา่ เฉล่ียคะแนน 3.51 - 4.50 หมายถงึ ระดบั มาก
คา่ เฉล่ียคะแนน 2.51 - 3.50 หมายถงึ ระดับปานกลาง
คา่ เฉลี่ยคะแนน 1.51 - 2.50 หมายถงึ ระดบั น้อย
คา่ เฉลย่ี คะแนน 1.00 - 1.50 หมายถึง ระดับนอ้ ยท่สี ดุ
57
พนื้ ท่ีการดำเนินงานโครงการวจิ ยั
วิทยาลัยชมุ ชนสงขลา อำเภอเทพา จงั หวัดสงขลา
ข้ันตอนที่ 2 การพัฒนานวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้า
ทอยกดอกของชมุ ชนบา้ นล่องมุด จงั หวดั สงขลา
ในการพัฒนานวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอของ
และพฒั นาผลิตภัณฑ์ผา้ ทอยกดอกของชมุ ชนบ้านล่องมดุ จังหวัดสงขลาประกอบด้วย 3 ข้นั ยอ่ ย ดงั น้ี
ข้ันท่ี 2.1 กระบวนการพัฒนานวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและการพัฒนา
ผลติ ภัณฑ์ผ้าทอยกดอกของชุมชนบ้านล่องมุด จังหวดั สงขลา
ข้ันท่ี 2.1.1 ศึกษาบริบทและศักยภาพของผ้าชุมชน เพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์สีย้อม
ธรรมชาตแิ ละ ความต้องการดา้ นการออกแบบและพฒั นาผลติ ภัณฑผ์ ้าชมุ ชน
วิธีการศกึ ษา
ลงพ้ืนที่จัดกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการสนทนากลุ่ม โดยการสัมภาษณ์กลุ่มย่อย (focus
group) เพ่ือสำรวจบริบทพ้ืนท่ี ศักยภาพของกลุ่มทอผ้า และผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม รวมถึงศึกษาความ
ตอ้ งการของกลุ่มในการสร้างสรรค์สียอ้ มธรรมชาติ
ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง
กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 13 คน สมาชิกในกลุ่มทอผ้า
บ้านล่องมดุ
เคร่ืองมือที่ใช้ในการศึกษา
แบบสมั ภาษณ์ (Interview Guideline) และการสนทนากลมุ่ (Focus Group Interview)
การวเิ คราะหข์ อ้ มูลและสถติ ทิ ใี่ ชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มลู
การวิเคราะห์ข้อมูลเชงิ คณุ ภาพ
พื้นท่ีการดำเนนิ งานโครงการวจิ ัย
ชมุ ชนบ้านลอ่ งมดุ ตำบลลำไพล อำเภอเทพา จงั หวัดสงขลา
ข้ันที่ 2.1.2 การสร้างนวัตกรรมชุมชนแบบมีส่วนร่วม เพ่ือนำไปสู่การสร้างสรรค์สีย้อม
ธรรมชาติและการออแบบผลิตภัณฑ์ผ้าทอยกดอก เพื่อสรุปวิเคราะห์นวัตกรรม การออกแบบและ
พัฒนาผลิตภณั ฑ์ตน้ แบบผ้าชมุ ชน
วธิ กี ารศึกษา
กิจกรรมการวิเคราะห์นวัตกรรมเพ่ือหาเอกลักษณ์และรูปแบบผลติ ภัณฑ์ และการสร้างสรรค์
สยี ้อมธรรมชาติ โดยการมสี ่
ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง
กลมุ่ ตวั อย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 4 คน ประกอบ
1) ผู้เช่ียวชาญดา้ นการยอ้ มสีธรรมชาติ จำนวน 2 คน 2) ผู้เชยี่ วชาญด้านการออกแบบผลติ ภณั ฑ์
จำนวน 2 คน 3) สมาชกิ กลุ่มทอผา้ บ้านล่องมดุ จำนวน 13 คน
เคร่ืองมอื ทีใ่ ชใ้ นการศึกษา
การวิจัยปฏิบตั ิการแบบมสี ว่ นร่วม (Participatory Action Research : PAR)
การวิเคราะห์ขอ้ มูลและสถิติทใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมลู
58
การวเิ คราะห์ข้อมูลเชงิ คุณภาพ
ขัน้ ตอนการดำเนินโครงการวิจยั
การดำเนินการวิจยั ปฏิบตั ิการแบบมสี ว่ นร่วม โดยการปฏบิ ตั ิการวจิ ัยมี 4 ขน้ั ตอนได้แก่ การ
วางแผน (Plan) การปฏิบัติ (Action) การสงั เกต (Observe) และการสะท้อนผล (Reflect)
พื้นที่การดำเนนิ งานโครงการวิจัย
ชุมชนบ้านลอ่ งมดุ ตำบลลำไพล อำเภอเทพา จงั หวดั สงขลา
ขั้นท่ี 2.2 การออกแบบตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์เพ่ือส่งเสริมการตลาดเชิงสร้างสรรค์
ผลติ ภัณฑผ์ า้ ทอของชุมชนบ้านล่องมดุ จังหวดั สงขลา
วธิ กี ารศึกษา
ประชมุ เชิงปฏิบัติการการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ และ การออกแบบตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์
เพอื่ ส่งเสริมการตลาดเชิงสรา้ งสรรค์
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
กลมุ่ ตวั อยา่ งแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 20 คน คือ ผเู้ ชี่ยวชาญด้านการ
ออกแบบ 1 คน นวตั กรและสมาชกิ ในกล่มุ ทอผ้า จำนวน 15 คน นักวิจยั จำนวน 4 คน
เคร่ืองมอื ท่ีใชใ้ นการศกึ ษา
แบบสรปุ การออกแบบผลิตภัณฑ์ และการออกแบบตราสินค้าและบรรจุภัณฑเ์ พ่ือสง่ เสรมิ
การตลาดเชิงสรา้ งสรรค์
การวเิ คราะหข์ อ้ มูลและสถติ ทิ ่ีใช้ในการวิเคราะหข์ อ้ มลู
การวเิ คราะหข์ ้อมูลเชิงคุณภาพ
ขนั้ ตอนการดำเนนิ โครงการวิจยั
1. จัดการประชมุ เชิงปฏบิ ตั กิ าร โดยนวัตกรไดม้ ีโอกาสนำเสนอแบบและตวั อย่างผลิตภัณฑ์
ผ้าทอยอ้ มสีธรรมชาติ
2. นวัตกร นักวจิ ัย และนักออกแบบ ร่วมกนั ออกแบบผลติ ภัณฑ์ผา้ ทอย้อมสธี รรมชาติท่ีมี
เอกลักษณ์ของชุมชนบ้านล่องมดุ จังหวัดสงขลา เพ่ือทดลองผลิตจำหน่าย
3. จดั การประชุมออกแบบตราสินคา้ และบรรจภุ ัณฑ์เพื่อส่งเสริมการตลาดเชงิ สร้างสรรค์
4. ตรวจสอบความถูกต้องและเหมาะสมของแบบตราสินคา้ และบรรจภุ ัณฑเ์ พื่อส่งเสริม
การตลาดเชงิ สร้างสรรค์ และมีการปรับปรงุ แก้ไข
พน้ื ท่ีการดำเนนิ งานโครงการวจิ ัย
วิทยาลยั ชมุ ชมสงขลา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
ขั้นท่ี 2.3 การประเมินผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรมชุมชน แนวทางการส่งเสริมการตลาดเชิง
สร้างสรรค์นวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอของชุมชน
บ้านล่องมดุ จงั หวดั สงขลา
วิธีการศกึ ษา
ประชุมเชงิ ปฏิบตั ิการแนวทางการสง่ เสริมการตลาดเชงิ สร้างสรรค์นวตั กรรม
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 9 คน คือ 1) ผู้บริหารของ
59
สถาบันวิทยาลัยชุมชน จำนวน 3 คน 2) อาจารย์มหาวิทยาลัย จำนวน 2 คน และ 3) ตัวแทน
องค์กรส่งเสริมการพัฒนาธรุ กจิ และภาคเอกชน จำนวน 6 คน
เครื่องมือทใ่ี ชใ้ นการศึกษา
แบบประเมินผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรมชุมชน แนวทางการส่งเสริมการตลาดเชิงสร้างสรรค์
นวัตกรรม
การวเิ คราะห์ข้อมูลและสถติ ิทใี่ ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมลู
ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( x ) ค่าสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน ( S.D. : Standard Deviation) และ
การวิเคราะหข์ อ้ มลู เชิงคณุ ภาพ
ขน้ั ตอนการดำเนินโครงการวจิ ยั
1. เชิญผู้เช่ียวชาญในการประชุม เพ่ือประเมินผลติ ภณั ฑจ์ ากนวตั กรรมชมุ ชน แนวทางการ
ส่งเสรมิ การตลาดเชิงสร้างสรรค์นวัตกรรม
2. คณะนักวจิ ัยนำเสนอข้อมูลผลิตภณั ฑ์เคหะภัณฑส์ งิ่ ทอผ้าหม้อห้อม
3. ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อเสนอแนะและประเมินผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรมชุมชน แนวทางการ
ส่งเสริมการตลาดเชิงสร้างสรรค์นวัตกรรม
4. นกั วิจยั วเิ คราะห์ข้อมูลและสรุปผลการประเมิน
พน้ื ท่ีการดำเนินงานโครงการวิจยั
สถาบนั วิทยาลัยชมุ ชน กรุงเทพมหานคร
ข้ันตอนที่ 3 การถ่ายทอดนวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ผ้าทอของ
ชุมชนบ้านลอ่ งมุด จังหวดั สงขลา
ในการถา่ ยทอดนวัตกรรมการสรา้ งสรรคส์ ียอ้ มธรรมชาตแิ ละผลิตภัณฑผ์ ้าทอของชุมชนบา้ น
ลอ่ งมุดจังหวัดสงขลา ประกอบดว้ ย 2 ขั้นย่อย ดงั นี้
ข้ันท่ี 3.1 การถ่ายทอดนวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ผ้าทอ
ของชมุ ชนบา้ นลอ่ งมดุ จังหวัดสงขลา
วธิ ีการศึกษา
จัดอบรมเชงิ ปฏิบัติการการถ่ายทอดนวัตกรรมการสร้างสรรคส์ ีย้อมธรรมชาติและผลติ ภัณฑ์
ผ้าทอของชุมชนบ้านล่องมุด จังหวัดสงขลา จำนวน 2 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 การถ่ายทอด
ความรู้การย้อมสีจากพืชธรรมชาติในพ้ืนถ่ินโดยการย้อมเส้นฝ้าย และ กลุ่มท่ี 2 การถ่ายทอดความรู้
การทำการยอ้ มสีจากพืชธรรมชาติในพืน้ ถิ่นและวิธีการมัดย้อมให้เปน็ ลวดลายตา่ งๆ
ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง
กลมุ่ ตวั อย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 52 คน ประกอบด้วย นวตั กร
จำนวน 2คน และ ผ้เู ขา้ รับการฝึกอบรม จำนวน 2 กลมุ่ กลุ่มละ 25 คน รวมเปน็ 50 คน
เคร่ืองมือที่ใช้ในการศกึ ษา
แบบประเมนิ การถา่ ยทอดนวัตกรรม ดา้ นความรูค้ วามเข้าใจ การนำไปปฏิบัติ การนำไปใช้
ประโยชน์ และการบริหารโครงการ
แบบประเมนิ ตนเองในการถ่ายทอดความรูข้ องนวัตกร
แบบสังเกตการณ์ถ่ายทอดนวัตกรรม
60
การวเิ คราะห์ข้อมูลและสถิตทิ ่ใี ชใ้ นการวิเคราะหข์ ้อมลู
ค่าร้อยละ ค่าเฉลย่ี ( x ) ค่าสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D. : Standard Deviation) และ
การวเิ คราะห์ข้อมูลเชิงคณุ ภาพ
ขน้ั ตอนการดำเนินโครงการวิจัย
1. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการการถ่ายทอดนวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและ
ผลติ ภัณฑผ์ ้าทอของชุมชนบา้ นล่องมุด จังหวัดสงขลา จำนวน 2 กลมุ่ ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 การถ่ายทอดความรู้การย้อมสีจากพืชธรรมชาติในพื้นถ่ินโดยการย้อมเส้นฝ้าย
ในวันท่ี 4 สิงหาคม 2564 ณ กลมุ่ ทอผ้าบ้านลอ่ งมุด หมทู่ ่ี 8 ตำบลลำไพล อำเภอเทพา จงั หวัดสงขลา
กลมุ่ ท่ี 2 การถา่ ยทอดความรู้การทำการยอ้ มสีจากพืชธรรมชาตใิ นพื้นถ่ินและวิธกี ารมัด
ย้อมให้เป็นลวดลายต่างๆ ในวันท่ี 5 สิงหาคม 2564 ณ กลุ่มทอผ้าบ้านล่องมุด หมู่ที่ 8 ตำบลลำไพล
อำเภอเทพา จงั หวัดสงขลา
2. นวัตกรประเมินตนเองในการถ่ายทอดความรู้ของนวัตกร
3. นกั วจิ ัยและผู้ทรงคุณวุฒจิ ำนวน 3 คน รว่ มสงั เกตการถา่ ยทอดนวัตกรรม
4. ผูเ้ ขา้ รับการอบรมประเมินการถา่ ยทอดนวตั กรรม ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ การนำไปปฏิบัติ
การนำไปใช้ประโยชน์ และการบรหิ ารโครงการ
โดยวิเคราะห์ ซ่ึงมีเกณฑ์ในการแปลความหมายของค่าเฉลี่ย (บุญชม ศรสี ะอาด, 2554 : 121)
ดงั น้ี
คา่ เฉลยี่ คะแนน 4.51 - 5.00 หมายถงึ ระดบั มากท่สี ดุ
คา่ เฉลีย่ คะแนน 3.51 - 4.50 หมายถึง ระดับมาก
คา่ เฉลย่ี คะแนน 2.51 - 3.50 หมายถึง ระดับปานกลาง
ค่าเฉลี่ยคะแนน 1.51 - 2.50 หมายถึง ระดับน้อย
ค่าเฉล่ยี คะแนน 1.00 - 1.50 หมายถึง ระดบั นอ้ ยทส่ี ุด
5. วิเคราะห์ข้อมูลและสรปุ ผล จัดระดับนวตั กร โดยมีเกณฑ์การจดั ระดับดังน้ี
เกณฑ์การวเิ คราะห์นวตั กรชมุ ชน
ระดบั ท่ี 1 ศกึ ษาศักยภาพชมุ ชน
ระดบั ที่ 2 พัฒนานวตั กรรม
ระดบั ท่ี 3 บรหิ ารจัดการอาชีพจากนวัตกรรม
ระดับที่ 4 การถา่ ยทอดความรู้
ระดบั ท่ี 5 การจดั ทำแผนเขา้ ส่ภู าครฐั
พ้ืนท่ีการดำเนินงานโครงการวิจัย
ชมุ ชนบ้านล่องมุด หมู่ที่ 8 ตำบลลำไพล อำเภอเทพา จงั หวดั สงขลา
ข้ันท่ี 3.2 การสร้าง Platform การสร้างนวัตกรชาวบ้าน และ การสร้าง Learning
Platformนวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ผ้าทอของชุมชนบ้านล่องมุด
จังหวดั สงขลา
วิธกี ารศกึ ษา
จัดกิจกรรมสนทนากลุ่มถอดบทเรียน การสร้าง Platform การสร้างนวัตกรชาวบ้าน และ
การสรา้ ง Learning Platform
61
ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง
กลมุ่ ตัวอยา่ งแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 10 คน ประกอบด้วย นวตั กร
จำนวน 2 คน สมาชกิ ในกลมุ่ ทอผ้าจำนวน 5 คน และ นักวิจยั จำนวน 3 คน
เครื่องมือท่ีใชใ้ นการศกึ ษา
แบบสรุปการสร้าง Platform การสร้างนวัตกรชาวบ้าน และ การสร้าง Learning
Platform
การวเิ คราะห์ขอ้ มูลและสถิติทใี่ ช้ในการวิเคราะหข์ ้อมลู
การวเิ คราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
ขน้ั ตอนการดำเนินโครงการวิจัย
1. เชญิ กลุ่มตัวอย่างเข้าร่วมกจิ กรรมกิจกรรมสนทนากลมุ่ ถอดบทเรยี นระดมความคดิ การ
สรา้ ง Platform การสร้างนวัตกรชาวบ้าน และ การสรา้ ง Learning Platform
2. จัดกิจกรรมสนทนากลุ่มถอดบทเรียนระดมความคิด การสร้าง Platform การสร้างนวัต
กรชาวบ้าน และ การสรา้ ง Learning Platform โดยมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหวา่ งนักวิจัย
และนวตั กร
3. สรุปข้อมูลการสร้าง Platform การสร้างนวัตกรชาวบ้าน และ การสร้าง Learning
Platform
พนื้ ท่ีการดำเนนิ งานโครงการวิจัย
ชุมชนบา้ นลอ่ งมุด อำเภอเทพา จงั หวัดสงขลา
ขั้นตอนที่ 4 การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการนำนวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อม
ธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ผ้าทอของชุมชนบ้านล่องมุด จังหวัดสงขลา ไปสู่แผนพัฒนาตำบล/
อำเภอ/จังหวัด
วิธกี ารศึกษา
จดั กิจกรรมเวทีประชาคมการสรา้ งการมสี ว่ นร่วมของประชาชนในการนำนวัตกรรมการ
สร้างสรรคส์ ียอ้ มธรรมชาตแิ ละผลติ ภัณฑ์ผา้ ทอของชมุ ชนบ้านล่องมดุ จงั หวัดสงขลา ไปสู่แผนพฒั นา
ตำบล/อำเภอ/จังหวดั
ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง
กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 20 คน ประกอบด้วย นวัตกร
จำนวน 2 คน นักวิจัย จำนวน 2 คน ตัวแทนชุมชน จำนวน 14 คน และ ตัวแทนจากหน่วยงาน
เทศบาลตำบลลำไพลและจากอำเภอเทพา จำนวน 2 คน
เครื่องมือทใี่ ชใ้ นการศึกษา
การทำเวทปี ระชาคม และแผนพฒั นาตำบลเพ่ือสง่ เสรมิ การพัฒนาผา้ ทอใหก้ บั ชมุ ชนบ้าน
ลอ่ งมุด หมทู่ ่ี 8 ตำบลลำไพล อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
การวเิ คราะห์ขอ้ มูลและสถติ ทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มลู
การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคณุ ภาพ
ขนั้ ตอนการดำเนินโครงการวิจัย
1. เชญิ ผู้เข้าร่วมกจิ กรรมเวทีประชาคมการสร้างการมสี ่วนร่วมของประชาชนในการนำ
นวัตกรรมการสรา้ งสรรค์สีย้อมธรรมชาตแิ ละผลติ ภัณฑผ์ ้าทอของชมุ ชนบ้านล่องมดุ จงั หวัดสงขลา
62
ณ ศาลาประชาคมหมู่ที่ 8 ตำบลลำไพล อำเภอเทพา จังหวดั สงขลา
2. นำเสนอแผนกจิ กรรมสง่ เสรมิ การพัฒนาผ้าทอให้กับชมุ ชนเทศบาลตำบลลำไพล และ
อำเภอเทพา
3. การกำหนดคณะกรรมการดำเนินงานกิจกรรมเพือ่ ขับเคลื่อนการพฒั นาผา้ ทอให้กับ
ชุมชน
พนื้ ท่ีการดำเนนิ งานโครงการวิจัย
ศาลาประชาคมหมู่ท่ี 8 ตำบลลำไพล และเทศบาลตำบลลำไพล อำเภอเทพา จังหวัด
สงขลา
ขั้นตอนท่ี 5 การศึกษาการเปลี่ยนแปลงด้านรายได้ เศรษฐกิจฐานราก และคุณภาพชีวิต ของ
ชมุ ชนบ้านลอ่ งมุด จังหวดั สงขลา
ในการศกึ ษาการเปล่ียนแปลงดา้ นรายได้ เศรษฐกจิ ฐานราก และคุณภาพชีวิต ของ
ชมุ ชนบ้านล่องมุด จังหวัดสงขลา ประกอบด้วย 2 ขั้นย่อย ดังน้ี
ข้ันที่ 5.1 ประเมินผลการพัฒนาชุมชนนวัตกรรมเพ่ือการพัฒนาอย่างย่ังยืน (Platform
การสรา้ งชุมชนนวตั กรรม)
วธิ กี ารศึกษา
จดั กิจกรรมสนทนากลมุ่ ถอดบทเรยี น
ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง
กลมุ่ ตัวอยา่ งแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 20 คน ประกอบด้วย นวัตกร
จำนวน 2 คน นักวิจยั จำนวน 2 คน ตัวแทนชมุ ชน จำนวน 14 คน และ ตวั แทนจากหน่วยงาน
เทศบาลตำบลลำไพลและจากอำเภอเทพา จำนวน 2 คน
เครื่องมือทใี่ ช้ในการศกึ ษา
แบบสรุปผลการพัฒนาชุมชนนวัตกรรมเพ่ือการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Platform การสร้าง
ชุมชนนวตั กรรม)
การวิเคราะห์ข้อมูลและสถติ ิทใี่ ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ
ขัน้ ตอนการดำเนนิ โครงการวจิ ยั
1. เชิญกลุ่มตัวอย่างเข้าร่วมกิจกรรมสนทนากลุ่มถอดบทเรียนการพัฒนาชุมชนนวัตกรรม
เพื่อการพฒั นาอย่างย่งั ยืน (Platform การสรา้ งชุมชนนวตั กรรม)
2. จัดกิจกรรมสนทนากลุ่มถอดบทเรียน ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และระดมความคิดการ
พฒั นาชุมชนนวตั กรรมเพอ่ื การพฒั นาอย่างยั่งยืน (Platform การสร้างชมุ ชนนวัตกรรม)
3. สรุปข้อมูลการพัฒนาชุมชนนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Platform การสร้าง
ชมุ ชนนวัตกรรม)
พ้นื ที่การดำเนินงานโครงการวิจยั
ชุมชนลอ่ งมุด ตำบลลำไพล อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
63
ข้นั ท่ี 5.2 ประเมินการเปลยี่ นแปลงด้านรายได้ เศรษฐกจิ ฐานราก และคุณภาพชีวิต ของ
ชมุ ชน
วิธกี ารศึกษา
เก็บขอ้ มูลการเปล่ยี นแปลงดา้ นรายได้ เศรษฐกจิ ฐานราก และคุณภาพชวี ติ ของชุมชน จาก
กลมุ่ ตัวอยา่ ง เป็นรายบุคคล
ประชากรและกล่มุ ตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 20 คน ประกอบด้วย 1)
นวัตกรจำนวน 2 คน และ 2) สมาชิกในกลุม่ ทอผ้าจำนวน 18 รวมเปน็ 20 คน
เคร่ืองมือทใ่ี ชใ้ นการศึกษา
แบบประเมินการเปล่ยี นแปลงดา้ นรายได้ เศรษฐกิจฐานราก และคุณภาพชีวิต ของชุมชน
การวเิ คราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มลู
คา่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( x ) ค่าสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน ( S.D. : Standard Deviation) และ
การวเิ คราะห์ขอ้ มูลเชงิ คณุ ภาพ
ข้นั ตอนการดำเนินโครงการวิจัย
1. เก็บข้อมลู การเปล่ยี นแปลงด้านรายได้ เศรษฐกิจฐานราก และคุณภาพชวี ติ ของชุมชน
จากกลุ่มตัวอย่าง เป็นรายบคุ คล
2. วิเคราะห์ผลการประเมินการเปลี่ยนแปลงด้านรายได้ เศรษฐกิจฐานราก และคุณภาพ
ชีวิต ของชุมชน โดยวิเคราะห์ ซ่ึงมีเกณฑ์ในการแปลความหมายของค่าเฉล่ีย (บุญชม ศรีสะอาด, 2554:
121) ดังน้ี
ค่าเฉลยี่ คะแนน 4.51 - 5.00 หมายถงึ ระดับมากทีส่ ดุ
ค่าเฉลย่ี คะแนน 3.51 - 4.50 หมายถึง ระดบั มาก
คา่ เฉลยี่ คะแนน 2.51 - 3.50 หมายถงึ ระดบั ปานกลาง
ค่าเฉล่ยี คะแนน 1.51 - 2.50 หมายถึง ระดับนอ้ ย
คา่ เฉลย่ี คะแนน 1.00 - 1.50 หมายถงึ ระดบั น้อยท่สี ุด
พ้ืนที่การดำเนนิ งานโครงการวิจยั
ชมุ ชนล่องมุด ตำบลลำไพล อำเภอเทพา จังหวดั สงขลา
64
บทที่ 4
ผลการวิจยั
ในการวิจัยครั้งน้ี มีความมุ่งหมายหลักเพื่อการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและการพัฒนา
ผลิตภัณฑ์ผ้าทอยกดอกของชุมชนบ้านล่องมุด จังหวัดสงขลา ผู้วิจัยนำเสนอผลตามขั้นตอนการวิจัย
ดังตอ่ ไปน้ี
ตอนท่ี 1 ผลการเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชน ในการเสริมสร้างขีดความสามารถ
ของชุมชนในการบริหารจัดการตนเองอย่างยั่งยนื บนฐานทนุ ทรัพยากร
ตอนท่ี 2 ผลการพัฒนานวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและการพัฒนา
ผลติ ภัณฑ์ผา้ ทอดอกของชมุ ชนบา้ นลอ่ งมุด จงั หวัดสงขลา
ตอนที่ 3 ผลการถ่ายทอดนวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและการพัฒนา
ผลิตภัณฑผ์ ้าทอดอกของชมุ ชนบา้ นลอ่ งมุด จงั หวัดสงขลา
ตอนท่ี 4 ผลการสรา้ งการมสี ่วนร่วมของประชาชนในการนำนวตั กรรมการสรา้ งสรรค์
สีย้อมธรรมชาติและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอดอกของชุมชนบ้านล่องมุด จังหวัดสงขลาไปสู่
แผนพัฒนาตำบล/อำเภอ/จังหวัด
ตอนที่ 5 ผลการศึกษาการเปลี่ยนแปลงด้านรายได้ เศรษฐกิจฐานราก และคุณภาพ
ชีวิต ของชมุ ชนบ้านล่องมุด จังหวัดสงขลา
ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู
ตอนที่ 1 ผลการเสริมสร้างสมรรถนะนวตั กรชุมชน ในการเสริมสร้างขีดความสามารถ
ของชมุ ชนในการบรหิ ารจัดการตนเองอย่างยงั่ ยนื บนฐานทุนทรพั ยากร
ผลการเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชน ในการเสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชน
ในการบรหิ ารจดั การตนเองอยา่ งยั่งยนื บนฐานทนุ ทรัพยากร ดงั น้ี
1.1 ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชน ในการ
เสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชนในการบริหารจัดการตนเองอย่างย่ังยืน บนฐานทุนทรัพยากร
1.1.1 ผลการประเมินความรู้นักนวัตกรชุมชนก่อนและหลังการประชุมเชิง
ปฏิบตั กิ าร
. 1.1.2 ผลการประเมินด้านสมรรถนะนักนวัตกรชุมชนก่อนและหลังการประชุม
เชิงปฏิบตั กิ าร
1.1.3 ผลการประเมินความคิดเห็นต่อกิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการ
เสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชน
1.2 ผลการประชมุ เชิงปฏบิ ัติการเพ่ือจดั ทำบัญชรี ายรับรายจ่ายประจำวัน และบญั ชี
ต้นทนุ อาชพี
2.1 ผลการประเมินด้านความรู้ความเข้าใจก่อนและหลังการประชุมเชิง
ปฏิบัติการ “การจดั ทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำวนั และบัญชีตน้ ทุนอาชพี ”
2.2 ผลการประเมินความพึงพอใจการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การจัดทำบัญชี
รายรบั รายจ่ายประจำวัน และบญั ชตี น้ ทุนอาชพี ”
65
สำหรบั ตอนที่ 1 ผลการเสรมิ สร้างสมรรถนะนวตั กรชมุ ชน ในการเสริมสรา้ งขีดความ
สามารถของชุมชนในการบรหิ ารจัดการตนเองอย่างยง่ั ยืน บนฐานทุนทรัพยากร มีรายละเอียดของผล
การวิเคราะหข์ ้อมลู ดงั ต่อไปน้ี
1.1 ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชน ในการ
เสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชนในการบริหารจัดการตนเองอย่างยั่งยืน บนฐานทุนทรัพยากร
1.1.1 ผลการประเมินความรู้นักนวัตกรชุมชนก่อนและหลังการประชุมเชิง
ปฏิบัติการการคำนวณหาคะแนนทีเฉล่ีย (Average T score) คะแนนก่อนและหลังการประชุมเชิง
ปฏิบัติการเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชน ในระหว่างวันท่ี 24 -26 สิงหาคม 2563 โครงการการ
สร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอยกดอกของชุมชนบ้านล่องมุด จังหวัด
สงขลา ณ วิทยาลัยชุมชนสงขลา จงั หวัดสงขลา ดังตารางที่ 4.1
ตารางที่ 4.1 การคำนวณหาค่าทีเฉล่ยี (Average T score) คะแนนก่อนและหลังการประชมุ เชิง
ปฏบิ ตั ิการเสริมสร้างสมรรถนะนวตั กรชุมชน
คนท่ี คะแนนก่อน Z score T score คะแนนหลงั Z score T score คา่ ตา่ งของ
อบรม อบรม T score
58.238
20 20 58.238 16.910
56.359 18.789
1 7 -0.867 41.328 16 0.824 58.238 16.910
60.117 20.668
2 6 -1.055 39.449 16 0.824 63.875 20.668
60.117 15.031
3 6 -1.055 39.449 15 0.636 61.996 18.789
58.238 24.426
4 5 -1.243 37.570 16 0.824 58.238 18.789
61.996 15.031
5 6 -1.055 39.449 17 1.012 60.117 16.910
56.359 20.668
6 11 -0.116 48.844 19 1.388 59.395 20.668
2.241 18.789
7 7 -0.867 41.328 17 1.012 2.657
8 5 -1.243 37.570 18 1.200
9 6 -1.055 39.449 16 0.824
10 8 -0.679 43.207 16 0.824
11 9 -0.491 45.086 18 1.200
12 6 -1.055 39.449 17 1.012
13 4 -1.431 35.691 15 0.636
Mean 6.615 -0.939 40.605 16.615 0.939
SD 1.850 0.348 3.476 1.193 0.224
คะแนนทเี ฉลี่ย (Average T score) ของคะแนนก่อนอบรม = 40.61
คะแนนทเี ฉลย่ี (Average T score) ของคะแนนหลังอบรม = 59.34
ผลต่างของ T score ก่อน-หลงั อบรม = 18.79
ร้อยละของคะแนนทีเฉลย่ี ทีเ่ พิ่มขึน้ ร้อยละ = 46.27
แสดงให้เหน็ ว่า ผู้เข้ารบั การประชมุ เชงิ ปฏิบัตกิ ารฯ มีความรู้ในการเปน็ นวัตกรชมุ ชน
ในการบริหารจัดการตนเองของชมุ ชนหลังการอบรมเพิ่มข้ึนมากกวา่ กอ่ นการอบรม
66
1.1.2 ผลการประเมินด้านสมรรถนะนักนวัตกรชุมชนก่อนและหลังการประชุมเชิง
ปฏิบัติการ เสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชน ในระหว่างวันท่ี 24 -26 สิงหาคม 2563 โครงการการ
สร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอยกดอกของชุมชนบ้านล่องมุด จังหวัด
สงขลา ณ วิทยาลัยชุมชนสงขลา จังหวัดสงขลาสรุปผลการประเมินความคิดเห็นด้านสมรรถนะนักน
วัตกรชมุ ชน ก่อนและหลงั กิจกรรมการประชมุ เชิงปฏิบตั ิการ ดังนี้
ตอนที่ 1 ข้อมูลทวั่ ไป
จากการประเมินความคิดเห็นด้านสมรรถนะนักนวัตกรชุมชน ก่อนและหลังกิจกรรมการ
ประชุมเชิง ปฏิบัติการ โครงการการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติ และ
พัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอยก ดอกชุมชนบ้านล่องมุด อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ซ่ึงมีผู้ตอบแบบ
ประเมินท้ังสิ้น 13 คน จำแนกตามเพศ แบ่งเป็นเพศหญิง จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 70.59 เพศ
ชาย จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 29.41 จำแนกตามอายุ อายุ 25 - 35 ปี จำนวน 4 คน คิดเป็น
ร้อยละ 30.77 อายุ 46 - 55 ปี จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 30.77 อายุมากกว่า 65 ปี จำนวน 3
คน คิดเป็นร้อยละ 23.08 อายุ 36 - 45 ปี จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 7.69 อายุ 56 - 65 ปี
จำนวน 1 คน คิดเปน็ ร้อยละ 7.69 จำแนกตามอาชพี เกษตรกร จำนวน 10 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 76.92
ธุรกิจส่วนตัว จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 7.70 รับจ้าง จำนวน 2 คน คิดเป็น ร้อยละ 15.40
จำแนกตามระดับการศึกษา มัธยมศึกษา จำนวน 8 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 61.54 ประถมศึกษา จำนวน
4 คน คิดเป็นร้อยละ 30.77 อนุปริญญา จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 7.69 ดังตารางท่ี 4.2, 4.3,
4.4 และ 4.5
ตารางท่ี 4.2 จำนวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามเพศ
เพศ จำนวน ร้อยละ
ชาย 1 29.41
หญิง 12 70.59
รวม 13 100
จากตารางที่ 4.2 พบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถาม ส่วนใหญเ่ ปน็ เพศหญิง คดิ เป็นร้อยละ 70.59
ตารางท่ี 4.3 จำนวนและรอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามอายุ
อายุ จำนวน ร้อยละ
25 - 35 ปี 4 30.77
36 - 45 ปี 1 7.69
46 - 55 ปี 4 30.77
56 - 65 ปี 1 7.69
มากกวา่ 65 ปี ขน้ึ ไป 3 23.08
13 100
รวม
67
จากตารางท่ี 4.3 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่อายุ 25-35 ปี คิดเป็นร้อยละ 30.77
อายุ 46- 55 ปี คดิ เป็นร้อยละ 30.77
ตารางที่ 4.4 จำนวนและร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม จำแนกตามอาชพี
อายุ จำนวน ร้อยละ
นกั เรียน/นักศึกษา - -
ขา้ ราชการ/พนักงานของรฐั /รัฐวิสาหกิจ - -
กำนนั ผู้ใหญ่บา้ น - -
ธรุ กจิ สว่ นตัว 1
รับจ้าง 2 7.69
เกษตรกร 10 15.40
13 76.92
รวม 100
จากตารางท่ี 4.4 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ
76.92
ตารางที่ 4.5 จำนวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามระดับการศกึ ษา
อายุ จำนวน ร้อยละ
ประถมศึกษา 4 30.77
มธั ยมศกึ ษา 8 61.54
อนปุ ริญญา 1 7.69
ปรญิ ญาตรี -
สูงกว่าปริญญาตรี - -
รวม 13 -
100
จากตารางท่ี 4.5 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่มรี ะดับการศึกษา มธั ยมศึกษา คิดเป็น
รอ้ ยละ 61.54
68
ตอนท่ี 2 แบบประเมินทักษะนักนวัตกรชมุ ชนและเจตคตติ ่อนวัตกรรม
ตารางที่ 4.6 ค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานความคิดเห็นด้านสมรรถนะนักนวัตกรชุมชนก่อน
และหลังกิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติ การสร้างสรรค์สี
ย้อมธรรมชาติ และพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ผ้าทอยกดอกชมุ ชนบ้านล่องมดุ จงั หวัดสงขลา จากผเู้ ข้าประชมุ
กอ่ นการประชมุ เชิงปฏบิ ตั กิ าร หลงั การประชมุ เชิงปฏบิ ัตกิ าร
รายการประเมิน X S.D. ระดบั ความ X S.D. ระดบั ความ
คิดเหน็ คิดเห็น
ทักษะนกั นวัตกรชมุ ชน
1. ทา่ นมีทกั ษะในการกำหนดประเดน็ และตั้ง 3.62 0.77 มาก 4.15 0.38 มาก
คําถามทเี่ ป็นแรงกระต้นุ ให้เกดิ แนวคดิ ที่
สรา้ งสรรค์ 3.77 0.73 มาก 4.15 0.38 มาก
2. ท่านชอบการเรียนรู้และปรับปรงุ ตนเองอยา่ ง มาก
ตอ่ เนอ่ื ง 3.54 0.66 มาก 4.31 0.48 มาก
3. ทา่ นเข้าใจความตอ้ งการของตลาด และของ 3.62 0.65 มาก 4.15 0.38 มาก
ผ้บู ริโภค
4. ท่านสามารถแก้ปญั หาต่าง ๆ ไดด้ ี 2.92 0.64 ปานกลาง 4.08 0.49 มาก
5. ทา่ นมีทักษะในการผสมผสานความรู้
ประสบการณ์ แนวความคิด เทคโนโลยี เขา้ ปานกลาง มาก
ด้วยกนั ได้
6. ท่านมองเห็นความสัมพันธ์ของส่งิ ต่าง ๆ ที่ 3.46 0.52 4.31 0.48
บุคลากรทว่ั ไปไม่สามารถทำได้ แล้วนํามา
สรา้ งสรรคเ์ ป็นนวตั กรรมทีถ่ ูกพฒั นาข้ึนมาได้ ปานกลาง
7. ทา่ นมีทักษะในการกำหนดประเดน็ และตงั้
คําถามทที่ ำให้เกดิ ความรูค้ วามเขา้ ใจท้งั สงิ่ ที่มี 3.46 0.52 4.23 0.44
อยูเ่ ดมิ หรือสร้างเป็นองค์ความรู้ใหม่
8. ท่านมองเหน็ ความแตกต่างท่ีจะสามารถทำให้ 3.54 0.65 มาก 4.08 0.28 มาก
เกดิ เป็นองค์ ความรู้ใหม่ 3.62 0.483 มาก 4.15 0.38 มาก
9. ทา่ นมีทักษะในการสร้างความสัมพันธ์ ที่ดี
กับบุคคลอื่นในทุกวงการ และทกุ ระดบั 3.62 0.65 มาก 4.15 0.38 มาก
10. ท่านมีทักษะในการสรา้ งเครือข่ ายเพ่ือ 3.52 0.63 มาก 4.18 0.40 มาก
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความคดิ สร้างสรรค์
และพัฒนางานได้ 3.54 0.88 มาก 4.23 0.60 มาก
3.77 0.83 มาก 4.31 0.63 มาก
รวม
เจตคตติ ่อนวตั กรรม
1. ท่านอยากเปน็ เจ้าของกิจการ หรอื เจา้ ของ
โรงงาน หรอื อยากพฒั นาธรุ กจิ ของตนเองให้
เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง
2. ท่านอยากได้ อยากมี อยากพัฒนาสินค้า
และบริการส่ิงใหม่ ๆ
69
กอ่ นการประชุมเชิงปฏิบตั ิการ หลงั การประชมุ เชิงปฏิบตั ิการ
รายการประเมิน X S.D. ระดับความ X S.D. ระดบั ความ
คิดเหน็ คิดเห็น
3. ท่านมคี วามตน่ื ตวั ในการเรยี นรู้ ส่ิงใหม่ ๆ ที่
เปน็ ประโยชน์ ตอ่ การประกอบอาชีพ และสร้าง 3.54 0.78 มาก 4.31 0.63 มาก
รายได้ให้กบั ทา่ น
4. ท่านยอมรับแนวคดิ รปู แบบ และวธิ กี ารใหม่ 3.54 0.78 มาก 4.31 0.63 มาก
ๆ มาพฒั นาตวั ทา่ น และการประกอบอาชีพ
5. ทา่ นเช่ือวา่ เทคโนโลยีจะชว่ ยเพมิ่ มลู คา่ ของ 3.62 0.77 มาก 4.46 0.52 มาก
สินคา้ และบรกิ ารได้ 3.60 0.81 มาก 4.32 0.60 มาก
3.56 0.72 มาก 4.25 0.50 มาก
รวม
รวมทง้ั หมด
จากตาราง 4.6 แสดงให้เห็นว่า โดยรวมความคิดเห็นด้านสมรรถนะนักนวัตกรชมุ ชน ก่อน
การประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.56 ส่วนเบ่ียงเบน
มาตรฐานเท่ากับ 0.72 และความคิดเห็นด้านสมรรถนะนักนวัตกรชุมชน หลังการประชุมเชิง
ปฏิบัติการเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชนมีค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.25 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ
0.50 แสดงใหเ้ หน็ ว่า ผู้เข้ารับการประชมุ มีทกั ษะและเจตคติของการเปน็ นักนวัตกรชุมชนเพ่ิมขึน้
1.1.3 ผลการประเมินความคิดเห็นต่อกิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการ
เสริมสร้างสมรรถนะนวตั กรชุมชน ในระหว่างวันที่ 24 -26 สิงหาคม 2563 โครงการการสร้างสรรค์สี
ย้อมธรรมชาติและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอยกดอกของชุมชนบ้านล่องมุด จังหวัดสงขลา สรุปผล
การประเมินความคิดเห็นต่อกิจกรรมการประชุมเชงิ ปฏบิ ตั ิการ ดงั น้ี
ตอนท่ี 1 ข้อมูลทั่วไป
จากการประเมินความคิดเห็นด้านสมรรถนะนักนวัตกรชุมชน ก่อนและหลังกิจกรรม
การประชุมเชิง ปฏิบัติการ โครงการการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติ
และพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอยก ดอกชุมชนบ้านล่องมุด อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ซึ่งมีผู้ตอบแบบ
ประเมินท้ังสิ้น 13 คน จำแนกตามเพศ แบ่งเป็นเพศหญิง จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 70.59 เพศ
ชาย จำนวน 1 คน คิดเป็น ร้อยละ 29.41 จำแนกตามอายุ อายุ 25 - 35 ปี จำนวน 4 คน คิดเป็น
ร้อยละ 30.77 อายุ 46 - 55 ปี จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 30.77 อายุมากกว่า 65 ปี จำนวน 3
คน คิดเป็นร้อยละ 23.08 อายุ 36 - 45 ปี จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 7.69 อายุ 56 - 65 ปี
จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 7.69 จำแนกตามอาชีพเกษตรกร จำนวน 10 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 76.92
ธุรกิจส่วนตัว จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 7.70 รับจ้าง จำนวน 2 คน คิดเป็น ร้อยละ 15.40
จำแนกตามระดับการศึกษา มัธยมศึกษา จำนวน 8 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 61.54 ประถมศึกษา จำนวน
4 คน คิดเป็นร้อยละ 30.77 อนุปริญญา จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 7.69 จำแนกตามบทบาทใน
ชุมชน เป็นสมาชกิ กล่มุ ทอผา้ จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 84.62 ผ้นู ำกลุ่ม/องค์กร จำนวน 1 คน คิด
เป็นร้อยละ 7.69 ปราชญ์ชาวบ้าน จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 7.69 ดังตารางที่ 4.7, 4.8, 4.9
,4.10 และ 4.11
70
ตารางที่ 4.7 จำนวนและร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม จำแนกตามเพศ
เพศ จำนวน รอ้ ยละ
ชาย 1 29.41
หญิง 12 70.59
รวม 13 100
จากตารางที่ 4.7 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ
70.59
ตารางที่ 4.8 จำนวนและร้อยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม จำแนกตามอายุ
อายุ จำนวน ร้อยละ
25 - 35 ปี 4 30.77
36 - 45 ปี 1 7.69
46 - 55 ปี 4 30.77
56 - 65 ปี 1 7.69
มากกวา่ 65 ปี ขึ้นไป 3 23.08
13 100
รวม
จากตารางท่ี 4.8 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่อายุ 25-35 ปี คิดเป็นร้อย
ละ 30.77 อายุ 46- 55 ปี คดิ เป็นรอ้ ยละ 30.77
ตารางที่ 4.9 จำนวนและร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม จำแนกตามอาชีพ
อายุ จำนวน รอ้ ยละ
นักเรยี น/นักศึกษา - -
ขา้ ราชการ/พนักงานของรฐั /รัฐวิสาหกจิ - -
กำนนั ผู้ใหญ่บา้ น - -
ธรุ กจิ ส่วนตวั 1
รบั จา้ ง 2 7.69
เกษตรกร 10 15.40
13 76.92
รวม 100
จากตารางที่ 4.9 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่มอี าชีพเกษตรกร คดิ เป็นร้อย
ละ 76.92
71
ตารางที่ 4.10 จำนวนและร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม จำแนกตามระดับการศึกษา
อายุ จำนวน ร้อยละ
ประถมศกึ ษา 4 30.77
มธั ยมศึกษา 8 61.54
อนุปริญญา 1 7.69
ปริญญาตรี -
สงู กว่าปริญญาตรี - -
รวม 13 -
100
จากตารางที่ 4.10 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษา มัธยมศึกษา คิด
เป็นร้อยละ 61.54
ตาราง 4.11 จำนวนและรอ้ ยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามบทบาทในชมุ ชน
บทบาทในชุมชน จำนวน รอ้ ยละ
ปราชญช์ าวบ้าน 1 7.69
ผ้นู ำกล่มุ /องคก์ ร 1 7.69
ผู้ใหญบ่ ้าน/กำนัน --
อบต. --
อสม. --
แม่บา้ น --
สมาชิกกลมุ่ ทอผา้ 11 84.62
13 100
รวม
จากตารางที่ 4.11 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่บทบาทในชุมชนเป็นสมาชิกกลุ่มทอ
ผา้ คิดเปน็ รอ้ ยละ 84.62
ตอนที่ 2 ข้อมูลความคดิ เห็นต่อกิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบตั ิการ
1. การอบรมทผี่ า่ นมา ทำให้ท่านประทับใจอะไรบ้าง
ก า ร วิ เค ร า ะ ห์ ใน ส่ ว น น้ี เป็ น ก า ร วิ เค ร า ะ ห์ ระ ดั บ ค ว า ม ป ร ะ ทั บ ใจ ต่ อ ก า รป ร ะ ชุ ม เชิ ง
ปฏิบัติการเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชนฯ โดยใช้แบบสอบถามความประทับใจ จำนวน 6 ข้อ
เป็นแบบมาตรประมาณค่าแบบ Likert ชนิด 5 ระดับ โดยค่าสถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย
( x ) สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.)
จากผลการวิเคราะห์ความประทับใจต่อการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างสมรรถนะ
นวัตกรชุมชนฯ พบว่า ความคิดเห็นโดยรวมในการเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ น้ีเท่ากับ 4.40
(S.D. = .480) แสดงวา่ ผ้เู ข้าร่วมประชุมประทบั ใจมากทสี่ ุดกับกิจกรรมน้ี ดงั ตารางท่ี 4.12
72
ตารางที่ 4.12 การวิเคราะห์ความประทับใจต่อการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างสมรรถนะนวัตกร
ชมุ ชนฯ
ระดับความคดิ เห็น
ข้อคำถาม คา่ เฉลยี่ S.D. การแปล
1. ความรคู้ วามเขา้ ใจในส่ิงทเ่ี รยี น ความหมาย
2. การถ่ายทอดความรู้ของผสู้ อน
3. กิจกรรมการเรยี นนา่ สนใจ 4.31 .480 ประทบั ใจมาก
4. ประโยชนท์ ี่จะนำไปใช้
5. อาหารถูกปาก 4.31 .480 ประทับใจมาก
6. สถานท่ถี กู ใจ
ความประทับใจโดยรวมตอ่ การประชมุ เชงิ ปฏบิ ัติการ 4.15 .376 ประทับใจมาก
เสริมสร้างสมรรถนะนวัตกรชุมชนฯ
4.38 .506 ประทบั ใจมาก
4.62 .506 ประทับใจมากที่สดุ
4.62 .506 ประทบั ใจมากท่ีสดุ
4.40 .480 ประทับใจมาก
2. ท่านคดิ วา่ จะนำความรไู้ ปสรา้ งมลู ค่าเพม่ิ ใหก้ บั สินคา้ หรือบริการ หรือนำความรู้ไปพฒั นาอาชพี
ของท่านอยา่ งไรบ้าง
(1) สามารถสร้างเอกลกั ษณข์ องกลุ่มได้
(2) นำไปแก้ไขส่งิ ท่ีมีปญั หาทเ่ี คยเกิดข้ึนให้มันดีขึ้น
(3) สามารถพัฒนาผลติ ภัณฑ์ให้มคี วามหลากหลายได้
(4) ส่งเสริมใหม้ ีอาชพี กล่มุ ดีมาก
(5) นำความรู้ไปพัฒนาอาชีพ
(6) นำไปปรบั ใช้กับการพัฒนาผลิตภณั ณ์ของกลมุ่
3. ข้อเสนอแนะทีจ่ ะทำใหผ้ ู้เข้ารับการอบรมได้ประโยชน์สงู สดุ
(1) เป็นกิจกรรมท่ีดีมาก
(2) ควรยืดหยุ่นระยะเวลาเน่ืองจากผู้เข้าร่วมอบรมส่วนใหญ่ติดภารกิจในช่วงเช้า
(3) เปน็ ประโยชนต์ ่อกลมุ่ มาก
(4) วิทยากรบรรยายดี ยกตัวอย่างให้เห็นรูปจริง
(5) ควรจัดอบรมเพื่อขยายผลในกลุ่มอื่นต่อไป เพ่ือนำไปใช้
(6) ให้ความรู้ทีด่ ีและเขา้ ใจดี
1.2 ผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเพ่ือจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำวัน และบัญชี
ตน้ ทนุ อาชีพ
1.2.1 ผลการประเมินด้านความรู้ความเข้าใจก่อนและหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการ
“การจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำวัน และบัญชีต้นทุนอาชีพ” การคำนวณหาคะแนนทีเฉล่ีย
(Average T score) คะแนนก่อนและหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย
ประจำวัน และบัญชีต้นทุนอาชีพ ระหว่างวันท่ี 21 – 22 มกราคม 2564 ณ วิทยาลัยชุมชนสงขลา
อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ดงั ตารางที่ 4.13
73
ตารางท่ี 4.13 การคำนวณหาค่าทีเฉลี่ย (Average T score) คะแนนก่อนและหลังการประชุมเชิง
ปฏิบัติการการจัดทำบญั ชีรายรับรายจา่ ยประจำวันและบัญชตี น้ ทุนอาชีพ
คนท่ี คะแนน Z score T score คะแนนหลงั Z T score คา่ ต่างของ
ก่อน อบรม score T score
อบรม
20 20
1 8 -0.727 42.732 16 0.864 58.645 15.913
2 6 -1.125 38.754 16 0.864 58.645 19.891
3 5 -1.323 36.765 15 0.666 56.656 19.891
4 5 -1.323 36.765 16 0.864 58.645 21.880
5 7 -0.926 40.743 17 1.063 60.634 19.891
6 10 -0.329 46.710 18 1.262 62.623 15.913
7 7 -0.926 40.743 17 1.063 60.634 19.891
8 6 -1.125 38.754 16 0.864 58.645 19.891
9 6 -1.125 38.754 16 0.864 58.645 19.891
10 9 -0.528 44.721 16 0.864 58.645 13.924
11 10 -0.329 46.710 18 1.262 62.623 15.913
12 6 -1.125 38.754 17 1.063 60.634 21.880
13 5 -1.323 36.765 15 0.666 56.656 19.891
Mean 6.923 -0.941 40.590 16.385 0.941 59.410 18.820
SD 1.801 0.358 3.582 0.961 0.191 1.911 2.518
คะแนนทเี ฉลี่ย (Average T score) ของคะแนนก่อนอบรม = 40.59
คะแนนทเี ฉลีย่ (Average T score) ของคะแนนหลังอบรม = 59.41
ผลต่างของ T score ก่อน-หลังอบรม = 18.82
ร้อยละของคะแนนทีเฉลยี่ ที่เพ่ิมข้ึนร้อยละ = 46.37
แสดงให้เห็นว่า ผู้เข้ารบั การประชุมเชิงปฏบิ ัตกิ ารฯ มีความรู้ในการเปน็ นวตั กรชมุ ชน
ในการจดั ทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำวนั และบญั ชีต้นทุนเพิ่มขึน้ มากกว่าก่อนการอบรม
1.2.2 ผลการประเมนิ ความพึงพอใจการประชุมเชงิ ปฏิบัตกิ าร “การจัดทำบัญชี
รายรับรายจ่ายประจำวัน และบัญชตี ้นทุนอาชีพ” สรุปผลการประเมินความพึงพอใจตอ่ กจิ กรรม
การประชมุ เชิงปฏิบตั กิ าร ดังนี้
74
ตารางท่ี 4.14 จำนวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามเพศ
เพศ จำนวน รอ้ ยละ
ชาย 1 29.41
หญงิ 12 70.59
รวม 13 100
จากตารางท่ี 4.14 พบวา่ ผูต้ อบแบบสอบถาม ส่วนใหญเ่ ป็นเพศหญิง คดิ เปน็ ร้อยละ 70.59
ตารางท่ี 4.15 จำนวนและรอ้ ยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม จำแนกตามอายุ
อายุ จำนวน รอ้ ยละ
25 - 35 ปี 4 30.77
36 - 45 ปี 1 7.69
46 - 55 ปี 4 30.77
56 - 65 ปี 1 7.69
มากกวา่ 65 ปี ขึ้นไป 3 23.08
13 100
รวม
จากตารางท่ี 4.15 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่อายุ 25-35 ปี คิดเป็นร้อยละ
30.77 อายุ 46- 55 ปี คิดเปน็ รอ้ ยละ 30.77
ตารางที่ 4.16 จำนวนและร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามอาชพี
อายุ จำนวน ร้อยละ
นักเรียน/นักศึกษา - -
ขา้ ราชการ/พนักงานของรฐั /รัฐวสิ าหกจิ - -
กำนันผใู้ หญบ่ ้าน - -
ธรุ กจิ สว่ นตวั 1
รบั จา้ ง 2 7.69
เกษตรกร 10 15.40
13 76.92
รวม 100
จากตารางท่ี 4.16 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร คิดเป็นร้อยละ
76.92
75
ตอนที่ 2 ระดับความพึงพอใจ / ความรู้ความเข้าใจ / การนำไปใช้ ต่อการเข้ารว่ มโครงการ
ตารางท่ี 4.17 การวิเคราะห์ในส่วนนี้เป็นการวิเคราะห์ระดับความพึงพอใจ/ความรู้ความเข้าใจ/การ
นำไปใช้ ต่อการเข้าร่วมโครงการประชุมเชิงปฏิบัตกิ าร“การจัดทำบัญชีรายรบั รายจ่ายประจำวัน และ
บัญชีต้นทุนอาชีพ” โดยใช้แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 15 ข้อ เป็นแบบมาตรประมาณค่า
แบบ Likert ชนิด 5 ระดับ โดยค่าสถิตทิ ใ่ี ช้วิเคราะห์ขอ้ มลู ได้แก่ คา่ เฉลย่ี ( x ) สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน
(S.D.)
ระดับความคดิ เห็น
ขอ้ คำถาม ค่าเฉลย่ี S.D. การแปล
ความหมาย
ด้านวทิ ยากร
1. การถ่ายทอดความรู้ของวิทยากรมีความชดั เจน 4.38 0.65 พงึ พอใจมาก
2. ความสามารถในการอธิบายเนื้อหา 4.00 0.82 พึงพอใจมาก
3. การเชอ่ื มโยงเนื้อหาในการฝกึ อบรม 4.15 0.69 พึงพอใจมาก
4. มคี วามครบถ้วนของเนอ้ื หาในการฝกึ อบรม 3.85 0.69 พึงพอใจมาก
5. การใชเ้ วลาตามทีก่ ำหนดไว้ 3.85 0.69 พงึ พอใจมาก
6. การตอบขอ้ ซักถามในการฝึกอบรม 4.15 0.56 พงึ พอใจมาก
ดา้ นสถานท่ี / ระยะเวลา / อาหาร
1. สถานท่ีสะอาดและมคี วามเหมาะสม 4.15 0.69 พงึ พอใจมาก
2. ความพร้อมของอุปกรณ์โสตทศั นปู กรณ์ 3.92 0.49 พึงพอใจมาก
3. ระยะเวลาในการอบรมมีความเหมาะสม 4.15 0.69 พงึ พอใจมาก
4. อาหาร มคี วามเหมาะสม 4.00 0.58 พึงพอใจมาก
รูปรวม 4.06 0.65 พึงพอใจมาก
ดา้ นความรูค้ วามเข้าใจ
1. ความรู้ ความเขา้ ใจในเร่ืองน้ี กอ่ น การอบรม 3.00 0.59 พงึ พอใจปานกลาง
2. ความรู้ ความเขา้ ใจในเรื่องนี้ หลัง การอบรม 4.42 0.50 พึงพอใจมาก
ความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองน้ี หลังการอบรมเพิ่มจาก ก่อนการอบรม รอ้ ยละ 67.86
ดา้ นการนำความร้ไู ปใช้
1. สามารถนำความรูท้ ี่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการ 4.15 0.56 พึงพอใจมาก
ปฏิบัติงานได้
2. มีความมัน่ ใจและสามารถนำความรทู้ ่ีไดร้ ับไปใช้ได้ 4.31 0.48 พงึ พอใจมาก
3. สามารถนำความรู้ไปเผยแพร่/ถา่ ยทอดได้ 4.31 0.48 พงึ พอใจมาก
รูปรวม 4.09 0.61 พงึ พอใจมาก
จากตารางท่ี 4.17 พบว่า ผลการวิเคราะห์พบวา่ ในดา้ นความพงึ พอใจตอ่ การเข้าร่วม
โครงการรูปรวมมีความพึงพอใจระดบั มาก ( x = 4.09 , S.D. = 0.61) ในดา้ นความรคู้ วามเข้าใจหลัง
76
การอบรมเพมิ่ จาก ก่อนการอบรม รอ้ ยละ 67.86 ในดา้ นการนำความร้ไู ปใช้มคี วามพึงพอใจระดับมาก
( x = 4.42 , S.D. = 0.50)
.สรปุ ประโยชนท์ ี่ท่านได้รับจากการฝึกอบรม
โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ“การจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำวัน และบัญชีต้นทุน
อาชีพ” ดังน้ี 1) วิธีการทำบัญชีการออม รายรับ-รายจ่าย 2) สามารถนำความรู้และทักษะการทำ
บัญชีรายรับรายจ่ายไปประยุกต์ใช้ในกลุ่ม รวมทั้งสามารถนำไปเผยแพร่ให้สมาชิกภายในกลุ่มได้รับรู้
และปฏิบัติได้ 3) การทำบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุนอาชีพ 4) มีความเข้าใจการบัญชีรายรับ
รายจ่าย การประมาณตน และการจัดการการเงินได้ดีขึ้น 5) ได้รับความรู้ในการลงบัญชีรายรับการ
จ่ายประจำวัน 6) เป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์อชุมชน7) ได้รับองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำบัญชีรายรับ
รายจ่ายในครัวเรือน และบัญชีต้นทุนในการประกอบอาชีพ นวัตกรชุมชน และคณะทำงานสามารถ
นำไปถ่ายทอดตอ่ ให้กบั สมาชิกในกลมุ่ ได้
ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะอ่ืน ๆ
1) ควรไปขยายผลกับคนในชุมชน
2) ควรมสี ื่อในการทำให้เขา้ ใจงา่ ยกวา่ นี้
ตอนที่ 2 ผลการพัฒนานวัตกรรมการสรา้ งสรรคส์ ยี ้อมธรรมชาติและการพัฒนา
ผลิตภัณฑ์ผ้าทอยกดอกของชมุ ชนบ้านล่องมุด จังหวัดสงขลา
ผลการพัฒนานวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้า
ทอยกดอกของชุมชนบา้ นลอ่ งมดุ จงั หวดั สงขลา ดังนี้
2.1 กระบวนการพฒั นานวตั กรรมการสรา้ งสรรค์สีย้อมธรรมชาติและการพฒั นา
ผลิตภัณฑ์ผา้ ทอยกดอกของชุมชนบ้านลอ่ งมดุ จังหวดั สงขลา
2.2 ผลการออกแบบตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งเสริมการตลาดเชิงสร้างสรรค์
นวัตกรรมการสรา้ งสรรคส์ ีย้อมธรรมชาตแิ ละการพัฒนาผลิตภณั ฑผ์ ้าทอยกดอกของชมุ ชนบ้านล่องมุด
จังหวดั สงขลา
2.3 ผลการประเมินผลติ ภัณฑ์จากนวัตกรรมชุมชน แนวทางการส่งเสริมการตลาดเชิง
สร้างสรรค์นวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอยกดอกของชุมชน
บ้านล่องมดุ จังหวัดสงขลา
สำหรบั ตอนท่ี 2 ผลการพัฒนานวตั กรรมการสรา้ งสรรคส์ ีย้อมธรรมชาตแิ ละการ
พฒั นาผลิตภณั ฑ์ผา้ ทอยกดอกของชมุ ชนบา้ นลอ่ งมดุ จังหวัดสงขลา มรี ายละเอียดของผลการ
วเิ คราะห์ข้อมูลดังต่อไปน้ี
2.1 กระบวนการพัฒนานวัตกรรมการสรา้ งสรรค์สยี อ้ มธรรมชาตแิ ละการพฒั นา
ผลติ ภัณฑผ์ ้าทอยกดอกของชุมชนบ้านลอ่ งมุด จงั หวดั สงขลา ประกอบดว้ ย
2.1.1 ผลศกึ ษาขอ้ มลู พ้นื ฐาน ศึกษาสรูปเศรษฐกิจของชุมชนบ้านล่องมุด
จังหวดั สงขลา มีดังน้ี
77
ชุมชนกล่มุ ทอผ้าบา้ นล่องมุด
ท่ีอยู่183/4 หม่ทู ่ี 8 ตำบลลำไพล อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
ประวตั กิ ารจดั ต้ัง
จุดเร่ิมต้นมาจาก นางเท่ียง จิตมณี อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขท่ี 174/5 หมู่ท่ี 8 ตำบลลำไพล
อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของชุมชน ประกอบกับรายได้หลักจากการ
ประกอบอาชีพจากการการทำสวนยางพารา มีรายได้ลดลง ทำให้เกิดความคิดที่จะใช้เวลาหลังการ
กรีดยางพารา เพ่ิมหารายได้เสริม จึงได้รวบรวมผู้ท่ีมีความสามารถและสนใจในการทอผ้า จำนวน
15 คน จึงได้เร่ิมจัดตั้งกลุ่มทอผ้าสตรีขึ้น โดยได้รับการบริจาคท่ีดิน จากนายกระจ่าง แก้วทอง และ
นางเท่ียง จิตมณี ได้บริจาคก่ีทอผา้ 1 ตัว ต่อมาได้รบั การสนับสนุนจากวิทยาลยั ชุมชนสงขลา ได้จดั หา
วิทยากรให้ความรู้เก่ียวกับการทอผ้า และได้มีการศึกษาดูงานท่ีกลุ่มทอผ้าบ้านสะพานพลา ที่อำเภอ
นาทวี จังหวดั สงขลา ซึง่ เป็นกลุม่ ทอผ้าทวี่ ทิ ยาลัยได้ให้การสนับสนุน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและทำให้
สมาชิกในกลุ่มได้เริ่มเรียนรู้และทอผ้า รวมถงึ การได้รับการสนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ จากวิทยาลัย
ชุมชนสงขลา ทำให้สมาชิกในกลุ่มสามารถทอผ้า และมีรายได้เพ่ิมขึ้นจากการทอผ้า โดยมีการจด
ทะเบียนวิสาหกจิ ชุมชน เลขทะเบียนกลมุ่ 470-3/197(สข.)
โครงสร้างองค์กรของกลุ่มวิสาหกิจชมุ ชนทอผา้ บา้ นลอ่ งมุด
1. ประธาน/ผู้นำกลมุ่ นางสาวพรทิพย์ แปะซวิ่ ทอ่ี ยู่ บา้ นเลขที่ 178 หมู่ที่ 8 ตำบลลำไพล
อำเภอเทพา จงั หวดั สงขลา เบอรโ์ ทร มือถอื 087-6301683
2. สมาชิก 15 คน ประกอบดว้ ย
1. นางสาวพรทิพย์ แปะซ่วิ ตำแหน่ง ประธานกลุ่ม
2. นางครนื้ บุญอุปการ ตำแหน่ง รองประธานกลมุ่
3. นางสนุ ติ ย์ แกว้ ทอง ตำแหนง่ เหรัญญกิ
4. นางสาวพัชนี แปะซ่วิ ตำแหนง่ เลขานกุ าร
5. นางสาวเรวดี ทองอนิ ทร์ ตำแหน่ง ฝ่ายตรวจสอบ
6. นางเที่ยง จิตมณี ตำแหนง่ ทป่ี รึกษากลมุ่
7. นางสาวรัชดา หนคู ล้าย ตำแหน่ง สมาชกิ
8. นางซมิ้ แววสวุ รรณ ตำแหน่ง สมาชิก
9. นางสาวอภิรตั น์ แปะซ่ิว ตำแหนง่ สมาชิก
10. นางสาวอลิษา ศรีอนิ ทร์ ตำแหน่ง สมาชกิ
11. นางวงศต์ ะวนั เตา่ เกตุ ตำแหนง่ สมาชกิ
12. นางสาวมลธิรา ไชยน้ยุ ตำแหน่ง สมาชิก
13. นางอัมพร ซา้ ยศรี ตำแหน่ง สมาชิก
14. นางเทยี มแข ชุมบญุ รัตน์ ตำแหน่ง สมาชกิ
15. นายเทพ แกว้ ทอง ตำแหน่ง สมาชิก
การจดั บรหิ ารจดั การกลุ่ม/การจดั ทำบัญชกี ลุ่ม
มีโครงสรา้ งการบริหารงานในกล่มุ ในสว่ นของบัญชกี ลมุ่ มีการจดบนั ทึกบญั ชีรายรบั รายจ่าย
อย่างไม่เปน็ ทางการ
78
การวเิ คราะห์ SWOT ในระดับชมุ ชนทดี่ ำเนนิ การ เพอ่ื วิเคราะห์ข้อมูลสถานรูปและการ
จัดการ
จดุ แข็ง
สมาชิกในกลุ่มมคี วามสามัคคี มสี ่วนร่วมโดยใช้หลกั รว่ มกนั คิด รว่ มกนั ทำ และประธานกลุ่มมี
ความเปน็ ผู้นำ และต้องการการพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ือง
จุดออ่ น
สมาชิกในกลุ่มยังขาดความชำนาญ บางคนยงั ไม่ชำนาญในการทอผ้ายกดอก รวมถงึ ยังขาด
องค์ความร้ใู นการพัฒนาลายผ้า
โอกาส
มหี นว่ ยงานเขา้ มาสนับสนนุ ในส่วนของงบประมาณในกลุ่มทอผ้า และสถานทใี่ นการตง้ั โรงทอ
ไดร้ ับการบริจาคท่ีดนิ ทำใหไ้ มต่ อ้ งมีคา่ ใช้จา่ ยในสว่ นของค่าเชา่ ที่ดนิ
อปุ สรรค
สถานท่ตี ้งั ของกลมุ่ ทอผา้ อยู่ในเขตพฒั นาพิเศษดา้ นความม่ันคงในเขตชายแดนใต้ทำให้การ
ดำเนินงานตอ้ งใช้ความระมัดระวงั เพ่อื ใหเ้ กดิ ความปลอดภัย และในส่วนของเอกสารสทิ ธิของท่ีดนิ
ไมไ่ ดร้ ับการประสานงานจากสำนักงานท่ีดินทำให้ขาดโอกาสในส่วนของเอกสารสทิ ธทิ ี่ถูกตอ้ งตาม
กฎหมายในการจัดตัง้ โรงเรือนในการทอผา้
ความรว่ มมือระหวา่ งหนว่ ยงาน ประกอบดว้ ย
1. วิทยาลยั ชุมชนสงขลา บทบาทความร่วมมือ เปน็ จดุ เริ่มต้นในการจดั หา งบประมาณ
การสรา้ งองค์ความรู้ การดำเนินการตง้ั แตต่ น้ ในการทอผา้ วสั ดุ อุปกรณ์และการวิจยั
2. มหาวทิ ยาลัยราชภัฎสงขลา บทบาทความรว่ มมอื ด้านความรแู้ ละวจิ ัย
3. มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรวี ิชัย บทบาทความร่วมมือ ด้านความรู้และวจิ ยั
4. สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเทพา บทบาทความรว่ มมอื การสนับสนุนงบประมาณ
อปุ กรณ์ท่เี ก่ียวข้องกับการทอผ้า
ข้อมูลดา้ นเศรษฐกจิ ของชุมชนนวตั กรรม
1. ประเภทผลิตภณั ฑ์/สินคา้ /บริการของกลุ่ม
เป็นประเภทผลิตภัณฑ์สิ่งทอ
ไม่มีการจดั ทำแผนธรุ กจิ
ต้นทนุ การผลิตของกลุ่มเฉลยี่ 9,000 บาท/ปี
รายไดเ้ ฉลีย่ (ไม่หักตน้ ทุน) 29,000 บาท/ปี
2. ชอื่ ผลิตภัณฑ์/สนิ ค้าของกลุ่ม/บริการของกลุ่ม
1. ผลิตภณั ฑ์ ผา้ ขาวมา้ มาตรฐานท่ีไดร้ ับ มผช.197/2552 ระดับดาว OTOP 4 ดาว
ข้อมลู ปจั จัยการผลติ
แหลง่ ที่มาของวตั ถุดิบ เป็นวตั ถดุ ิบจากนอกชมุ ชน ได้แก่ เส้นไหมประดิษฐ์ (จากร้านปา้ ล้มิ
เกาะยอ)
ปรมิ าณการผลติ 80 ผนื ตอ่ เดอื น
79
ปริมาณขาย 38 ผนื ต่อเดือน
ราคาขายเฉลี่ย ผืนละ 230 บาท ตอ่ หนว่ ย
ตน้ ทุนการผลิต 146 บาท ตอ่ หนว่ ย
• คา่ เช่าท่ดี ิน ไดแ้ ก่ ไมม่ ี เน่อื งจากได้รับการบริจาคท่ีดิน.
• คา่ แรงงาน ได้แก่ 50 บาท ตอ่ ผืน เปน็ ค่าแรงของสมาชกิ ในกลมุ่
• ค่าปจั จยั การผลิต ไดแ้ ก่ ค่าเส้นไหม ค่าดา้ ย เฉลีย่ ตอ่ ผนื 100 บาท
ตลาดหรือแหล่งรับซื้อ สินค้าส่วนใหญ่ผลิตตามการส่ังซื้อ(order) และได้รับการส่ังซ้ือจาก
หนว่ ยงานราชการ
วิธีการจำหน่าย (มีหน้าร้าน, ตลาด online, มีพ่อค้าคนกลาง) ไม่มีหน้าร้าน การสั่งซ้ือตาม
order และการออกรา้ นจำหน่ายเม่ือมงี านเทศกาลต่างๆ
เปรียบเทียบราคากลางกับสินค้าที่เหมือนกัน สินค้ามีราคาสูงกว่า เน่ืองจากผ้าขาวม้าท่ีผลิตมี
หน้าผ้าทีก่ ว้างกวา่ สินคา้ เดยี วกัน
มีการจัดทำแผนธรุ กิจ (มี/ไม่ม)ี ยังไม่มีการจัดทำแผนธรุ กิจ
2. ผลิตภัณฑ์ผ้าทอยกดอก จะมีลวดลายผ้าดังน้ี ลายการะเกด ลายดอกปริก ลายดอกชุก
ลายลกู พริก ลาย 51
ข้อมูลลปัจจัยการผลิต เป็นวัตถุดิบจากนอกชุมชน ได้แก่ เส้นไหมประดิษฐ์ (จากร้านป้าลิ้ม
เกาะยอ)
ปรมิ าณการผลิต 80 ผนื ตอ่ เดือน
ปริมาณขาย 38 ผืน ตอ่ เดือน
ราคาขายเฉล่ีย ผนื ละ 250 บาท ต่อหน่วย
ต้นทุนการผลติ 146 บาท ต่อหนว่ ย
• ค่าเชา่ ทด่ี นิ ได้แก่ ไมม่ ี เนอื่ งจากได้รับการบรจิ าคทีด่ นิ .
• ค่าแรงงาน ไดแ้ ก่ 50 บาท ตอ่ ผนื เปน็ ค่าแรงของสมาชกิ ในกลุ่ม
• ค่าปัจจัยการผลิต ได้แก่ คา่ เส้นไหม ค่าดา้ ย เฉลีย่ ตอ่ ผนื 100 บาท
ตลาดหรือแหล่งรับซื้อ สินค้าส่วนใหญ่ผลิตตามการสั่งซื้อ(order) และได้รับการส่ังซื้อจาก
หน่วยงานราชการ
วิธีการจำหน่าย (มีหน้าร้าน, ตลาด online, มีพ่อค้าคนกลาง) ไม่มีหน้าร้าน การสั่งซ้ือตาม
order และการออกรา้ นจำหนา่ ยเมื่อมงี านเทศกาลตา่ งๆ
เปรยี บเทยี บราคากลางกบั สินคา้ ท่เี หมือนกนั สินค้ามีราคาใกลเ้ คียงกัน
เทคโนโลยที ี่ใชด้ ำเนนิ งาน
เทคโนโลยีเดิม ท่ีชุมชนใช้ในการผลิตสินค้าหรือบรกิ าร ได้แก่ การทอผ้าแบบกี่กระตุก และการ
ใช้เสน้ ด้ายจากไหมประดิษฐ์
ข้อมูลดา้ นสงั คมและวัฒนธรรมของชุมชนนวัตกรรม
ขอ้ มูลองค์ความรู้/ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน (ปราชญ์ชาวบา้ น เกษตรกรแกนนำ เกษตรกรรุ่นใหม่
การพัฒนานวัตกร) มีดงั น้ี
80
1. นางเทีย่ ง จติ รมณี ทอ่ี ยู่ 174/5 ม.8 ต.ลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา เปน็ ปราชญช์ าวบ้าน
มีความรู้ดา้ นการทอผ้า และได้ผา่ นการอบรมการทอผา้ มีการขยายผลองค์ความรดู้ า้ น
การทอผ้าใหก้ บั สมาชิกในกลุ่ม
2. นางพรทิพย์ แปะซ่ิว ทอ่ี ยู่ 178 ม.8 ต.ลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา เปน็ ประธานกล่มุ ทอ
ผ้า มีความรู้ด้านการทอผา้ และการตดั เย็บผา้ ไดผ้ า่ นการอบรมการทอผา้ และการตดั
เย็บผา้ มกี ารขยายผลองค์ความรู้ด้านการทอผา้ และตัดเย็บผ้าใหก้ ับสมาชิกในกล่มุ
การวินิจฉยั ชุมชน
เน่ืองจากในกลุ่มทอผ้ายังไม่มีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของกลุ่ม และผลิตภัณฑ์ยังไม่มีความ
หลากหลาย รวมถึง ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ดังน้ัน ความต้องการของกลุ่มทอผ้า มีความ
ต้องการในการพัฒนาทักษะด้านการทอผ้า โดยเฉพาะความต้องการพัฒนาการออกแบบลวดลายที่
เป็นเอกลักษณ์ของกลุ่ม และความต้องการขยายตลาดและหาช่องทางในการจำหน่าย รวมถึงความ
ต้องการในการแปรรูปผลิตภณั ฑ
ขั้นท่ี 2.1.2 การสร้างนวัตกรรมชุมชนแบบมีส่วนร่วม โดยการวิเคราะห์นวัตกรรม
ออกแบบ และพัฒนาการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติและการออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้าทอยกดอก เพ่ือ
สรุปวิเคราะห์นวัตกรรม การออกแบบและพฒั นาผลิตภัณฑ์ต้นแบบผ้าชมุ ชน
ระยะท่ี 1 การเตรียมการก่อนของปฏิบัติการวิจัย ผู้วิจัยทำการศึกษาสรูปการณ์ ทำการ
วิเคราะห์ชุมชนแบบมีส่วนร่วม (Participatory Rural Appraisal ,PRA) เพื่อให้สมาชิกในกลุ่มทอผ้า
บา้ นล่องมดุ มสี ่วนร่วมในการวิเคราะห์ขอ้ มลู ของโดยผ่านกระบวนการสนทนากลุ่มในหวั ขอ้ ดงั น้ี
- ผลิตภณั ฑ์ของกล่มุ ในปัจจบุ นั
- ลวดลายของผลติ ภัณฑ์
- ความตอ้ งการของกลมุ่ ในการย้อมสีเสน้ ด้ายด้วยวัสดุธรรมชาติ
- วสั ดุธรรมชาตใิ นพื้นถน่ิ ที่ที่สามารถใหส้ ีและสามารถนำมาทำการทดลองยอ้ มมีอะไรบ้าง
- ลงพ้นื ที่สำรวจวสั ดธุ รรมชาติในพ้ืนถน่ิ
ผลท่ีไดจ้ ากการดำเนนิ กิจกรรม
- ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป็นผลิตภัณฑ์ผ้าทอ ได้แก่ ผ้าขาวม้า และผ้ายกดอก รวมถึงการแปร
รูปผลิตภัณฑท์ ่ีได้จากการทอ ไดแ้ ก่ หมวก กระเป๋า พวงกุญแจ เป็นต้น
- ลวดลายของผา้ ทอ ได้แก่ ลายดอกปรกิ ลายดอกชุก ลายการะเกด ลาย51
- วัตถดุ บิ เป็นเส้นไหมประดษิ ฐ์
- เอกลักษณ์ผ้าทอของกลุ่มอาชีพทอบ้านลอ่ งมุด คือ มสี ีเขียว สีเหลือง และสีม่วง อยู่ริมผ้า
ทอทั้งสองด้าน โดยเปน็ การชว่ ยอนุรักษ์ สบื สาน ผ้าทอเกาะยอและของอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา สี
เขียว เปรียบเสมือนความอดมสมบูรณ์ของชาวเกษตรกร หมู่บ้านล่องมุด สีเหลือง เปรียบเสมือน สี
ประจำพระองค์ในหลวงรัชกาลท่ี 9 และ รัชกาลท่ี 10 สีม่วง เปรียบเสมือน สีประจำพระองค์สมเด็จ
พระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงห่วงใยพสกนิกร
อย่างหาที่สดุ ไม่ไดผ้ ้าทอของกลมุ่ อาชีพทอบ้านล่อง
- ความต้องการการของกลุ่มต้องการสร้างเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และการเพิ่มมูลค่าของ
ผลติ ภัณฑร์ วมถงึ ความตอ้ งการย้อมสีเส้นด้ายจากวสั ดธุ รรมชาติ รวมถึงการเน้นสีธรรมชาติของการทอผ้า
81
- ผลจากการลงพื้นท่ีสำรวจและการประชุมกลุ่ม ได้มีความคิดเห็นร่วมกันในเร่ืองของวัสดุ
ธรรมชาติ ได้แก่ เปลือกต้นยางพารา ใบหูกวาง ใบท่ัง เปลือกหมากสด เป็นต้น ซึ่งสามารถหาได้ใน
ท้องถิน่
ระยะท่ี 2 การปฏิบัตกิ ารวิจัย ได้แบ่งออกเป็น 4 ขน้ั ตอนดงั นี้
ข้นั ตอนท่ี 1 การวางแผนรว่ มกบั ชมุ ชน (Plan)
คณะวจิ ัยได้มกี ารจัดกิจกรรมประชุมร่วมกับกลุ่มทอผ้าบ้านล่องมุด ในวนั ท่ี 21-22 ตุลาคม
2563 เวลา 09.00-16.00 น. โดยการกำหนดรูปแบบกิจกรรมและวิธีการในการดำเนินการวิจัย
ตลอดจนการวางแผนร่วมกันของสมาชิกในกลุ่มและผู้วิจัยในการกำหนดวันเวลา สถานท่ี วัสดุอุปกรณ์
และการแบ่งหน้าทข่ี องกลุ่มสมาชิกในการร่วมดำเนินกิจกรรม ผลทีไ่ ด้จากการประชุม
- ได้มกี ารวางแผนในการทำงานระหว่างผู้วจิ ยั กบั สมาชกิ กลมุ่ สตรีทอผา้ บา้ นล่องมดุ เพื่อให้
เกิดการมีสว่ นร่วมโดยจะจัดเวทีเรยี นรู้ให้กับสมาชกิ ในกลมุ่ เป็นกิจกรรมการวเิ คราะห์นวตั กรรมเพื่อหา
เอกลักษณ์และรปู แบบผลิตภัณฑ์ และการสรา้ งสรรค์สีย้อมธรรมชาติ ในวันท่ี 6-8 พฤศจิกายน 2563
ตั้งแตเ่ วลา 08.30 -17.00 น.
- ไดใ้ หช้ ุมชนมสี ว่ นร่วมโดยการให้สมาชิกกลุ่มทอผ้าไปดำเนนิ การหาวสั ดุทีท่ างกลุ่มต้องการ
นำมาทดลองเพื่อทำการย้อม โดยให้เตรยี มความพรอ้ มในส่วนของสถานท่ี วสั ดุที่ใช้ย้อม และเตรียม
ขอ้ มลู และประเดน็ ปัญหาเพ่อื ทำการแลกเปล่ยี นกับวิทยาลัยชุมชนอทุ ัยธานี
- ทางกลมุ่ ได้มีการแบง่ หนา้ ท่ีของสมาชิกในกลุ่มในสว่ นของการจดั เตรียมพืน้ ทีใ่ นการดำเนิน
กจิ กรรม การจดั หาวัสดทุ ีใ่ ชย้ อ้ ม อปุ กรณส์ ำหรบั การยอ้ ม และเตรียมขอ้ มลู และประเด็นปญั หาเพื่อให้
ผูเ้ ช่ียวชาญทางด้านการออกแบบและการย้อมสธี รรมชาติ เป็นผวู้ ิเคราะหแ์ ละทำการถ่ายทอดองค์
ความรู้ โดยสมาชกิ ทกุ คนมสี ว่ นรว่ มในการดำเนนิ กจิ กรรมในครั้งนี้
รูปที่ 4.1 การประชุมกล่มุ เพ่ือกำหนดแนวทางในการดำเนินกจิ กรรมโดยการมสี ่วนรว่ ม
ขนั้ ที่ 2 การปฏิบัตกิ ารร่วมกบั ชมุ ชน (Action)
ในข้ันตอนการปฏิบัติร่วมกับชุมชน ผู้วิจัยและสมาชิกในชุมชนได้มีการศึกษาสรูปบริบทและ
ผลิตภัณฑ์ของชุมชน รวมถึงความต้องการพัฒนาของกลุ่มทอผ้าบ้านล่องมุด จึงได้มีการจัด
กระบวนการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมการวิเคราะหน์ วัตกรรมเพ่ือหาเอกลกั ษณ์และรูปแบบผลิตภัณฑ์ และ
82
การสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติ
ได้มีการวิเคราะห์และออกแบบนวัตกรรมเพ่ือสร้างอัตลักษณ์ในชุมชน ผ่านกระบวนการ
สนทนากลุ่ม โดยผู้เชี่ยวชาญ ในประเด็นของรูปแบบผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม กระบวนการผลิต และ
การตลาดของกลุ่ม ผลท่ีได้คือ ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มไม่มีความหลากหลาย และผลิตภัณฑ์เน้นการใชเ้ ส้น
ใยสังเคราะห์ไม่มีการใช้วัสดุจากธรรมชาติ และกลุ่มยังไม่มีความรู้เรื่องกระบวนการสร้างสีย้อม
ธรรมชาติ เพ่ือสร้างความแตกต่างและสร้างเอกลักษณ์ของกลุ่ม อีกท้ังจากกลุ่มยังมีความต้องการเพิ่ม
มูลค่าของผลิตภัณฑ์
รปู ท่ี 4.2 การสนทนากล่มุ การวเิ คราะห์และออกแบบนวัตกรรมเพื่อสร้างอตั ลักษณ์ในชุมชน
ผลการจัดกิจรรมการออกแบบนวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อมของกลุ่มทอผ้าบ้านล่องมุด โดย
กระบวนการถ่ายทอดของผู้เช่ียวชาญดา้ นการยอ้ มสีธรรมชาติใหอ้ งค์ความรู้ดังน้ี
1. องค์ประกอบท่สี ำคัญในการย้อมสี
1.1 ผา้ หรอื เส้นด้าย
ผ้าหรือเส้นใยฝ้าย(ด้าย) กล่าวคือ ผ้าหรือเส้นใยฝ้าย ที่ถือว่าเป็นองค์ประกอบท่ี
สำคัญในการย้อมสี เพราะผ้าหรือเส้นใยฝ้ายจะเป็นตัวกลางดูดซึมซับสีจากพืช สัตว์และธาตุต่างๆ ท่ี
นำมาย้อม ผ้าหรือด้าย ต้องเป็นเส้นใยที่ได้จากธรรมชาติเท่านั้น คือ เส้นใยที่ได้จากสัตว์ ได้แก่ ไหม
และขนสัตว์ต่างๆ เส้นใยที่ได้จากพืช ได้แก่ ฝ้าย ลนิ ิน กัญชง ปอ และป่าน โดยท่ัวไปเสน้ ใยธรรมชาติ
ทชี่ าวบ้านนยิ มทำใช้กัน คือ เสน้ ใยจากไหมและเสน้ ใยจากฝา้ ย
สำหรับวิธีการเตรียมผ้าหรือด้ายก่อนท่ีจะนำไปย้อมก็นับว่าเป็นกรรมวิธีท่ีสำคัญ
เช่นเดียวกับ นั่นก็คือ การทำความสะอาดเส้นด้ายก่อนย้อมสี เพื่อเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกท่ีติดมากับ
เส้นด้าย รวมท้ังสารที่เกิดและเกาะเคลือบเส้นใยฝ้ายอยู่ซ่ึงจะทำให้การย้อมสีไม่ติด ดังนั้นจึงจำเป็น
อย่างย่ิงที่ต้องความสะอาดผ้าหรือด้ายก่อนเสมอ การทำความสะอาด จะใช้สบู่ สบู่เทียมหรือ
ผงซักฟอกก็ได้
วิธีการอ่านเส้นด้ายฝ้าย โดย เส้นด้ายฝ้ายท่ีมีขนาด C 40/1 หมายถึง ฝ้ายดิบเบอร์
40 มี 1เส้น, เสน้ ด้ายฝ้ายท่มี ีขนาด C 40/2 หมายถึง ฝ้ายดบิ เบอร์ 40 มี 1 เส้น และเส้นด้ายฝ้ายที่มี
ขนาดCM 40/2 หมายถงึ ฝ้ายท่ผี า่ นกระบวนการทำความสะอาดแลว้ เบอร์ 40 มี 2 เสน้
83
1.2 วัสดธุ รรมชาตทิ ี่สามารถให้สยี ้อม
พืช หมายถึง พืชล้มลุกและไม้ยืนต้น ตั้งแต่ต้นหญ้าต้นเล็กๆ ไปถึงต้นไม้ใหญ่และ
หมายถึงทุกส่วนของพืชและต้นไม้ ได้แก่ ใบ ดอก ผล ลำต้น เปลือก แก่น ราก หัวหรือเหง้าในดินก็
สามารถนำมายอ้ มให้สธี รรมชาติได้ท้ังสิ้น ขอ้ ท่ีควรสงั เกต ส่วนต่างๆ ของพชื แต่ละชนดิ หรือแตล่ ะส่วน
ของต้นไม้จะให้สีสันที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังข้ึนอยู่กับอ่อนแก่ สด แห้ง ช่วงเวลา เดือน และฤดูกาลที่
เก็บด้วย
นอกจากน้ี พืชบางชนดิ ให้สตี ดิ เส้นใยไม่เท่ากัน บางชนิดให้สตี ิดไดด้ ี บางชนดิ ให้สีติด
ไม่สู้ดีนัก ในการเลือกพืชหรือต้นไม้มาใช้ในการย้อมสี จึงควรคำนึงถึงความยั่งยืนของการใช้ด้วย สิ่งท่ี
ควรปฏิบัติสำหรับมืออาชีพ ก็คือ ควรเลือกใช้พืชท่ีหาได้ง่ายในท้องถิ่นที่สามารถปลูกทดแทน
หมุนเวียนได้ และเป็นพืชท่ีปลูกข้ึนได้ง่ายโดยทั่วไปหรือปลูกได้ตามหัวไร่ปลายนา ไม่ควรใช้ไม้ยืนต้น
หรือไม้ท่ีข้ึนอยู่ในป่าหรือนำมาจากที่อื่น เวลาไม่ได้อาจจะทำให้การย้อมสีไม่ต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะ
อาจจะเป็นการเพ่ิมภาระต้นทุนให้สูงขึ้นได้ ถ้าจำเป็นต้องใช้ไม้ยืนต้นจริงๆ ก็ควรเลือกใช้จากใบ ดอก
ผล จะดีกว่า อย่าใช้ส่วนท่ีเป็นแก่นหรือราก เพราะก่อนจะได้มา ต้นไม้ต้นนั้นจะตอ้ งถกู โค่นหรือถูกขุด
ตดั ราก อันจะเปน็ การทำให้ตน้ ไม้นั้นตายในทสี่ ุด ยกเว้นต้นไมน้ ัน้ จะตายก่อนอยกู่ อ่ นแลว้
วิธีการนำเปลือกของต้นไม้มาใช้ ก็ให้ถากแต่เพียงด้านเดียวก่อน เม่ือถากแล้วให้ใช้
ดินที่เป็นโคลนตม หากไม่มีก็ให้ใช้น้ำละลายดินให้เป็นโคลนตม แล้วนำมาทาที่แผลที่ถากไว้ และรอ
เวลาให้ครบหน่ึงปีจนกว่ากระพี้จะสร้างเปลือกข้ึนมาแทนที่ แลว้ จึงค่อยถากด้านท่ีเหลือเอาไปใช้ได้อีก
หา้ มถากรอบตน้ ในคราวเดียวกันอาจจะทำใหต้ ้นไม้ตายได้
การเลอื กพืชท่ีจะให้สีติดผา้ ได้ดี มีข้อสังเกตได้ง่ายๆ คือ ถ้าเป็นใบหรือดอกให้เด็ดมา
ขย้ีท่ีฝ่ามือดู ถ้าสีของใบหรือดอกติดที่ฝ่ามือดีแสดงว่าสามารถนำไปทดลองย้อมได้ ถ้าเป็นผลหรือ
เปลือกให้ลองใช้มีดถากดู แล้วสังเกตดูยางที่เปลือก เมื่อไม้ถูกอากาศจำทำให้มีการเปล่ียนสีเกิดข้ึน
อย่างนี้ก็ให้นำไปทดลองย้อมได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามหากยางของเปลือกไม้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็ไม่
ควรนำไปทดลองยอ้ ม เพราะจะทำให้สตี ดิ ผา้ ได้ไมด่ ี
สำหรับแก่นหรือรากจะให้สตี ามทเ่ี ห็น ส่วนท่ีมีความเข้มข้นเพียงใดขึ้นอยูก่ ับปริมาณ
มากน้อยของแก่นหรอื รากท่ีนำมาตม้
ธาตุ ไดแ้ ก่ ดนิ สี หินสี โคลน ซ่ึงแต่ละพื้นที่จะใหส้ ีทแี่ ตกต่างกันออกไป
ไขมันจากสตั ว์ สามารถให้สีที่เป็นธรรมชาตไิ ด้
แมลง ในการนำแมลงมาสกัดเปน็ สจี ะทำให้ยากกวา่ วัสดุธรรมชาตอิ ืน่ ๆ
1.3 สารกระตุ้นในการย้อม
สารกระต้นุ ในการย้อมสีธรรมชาติมอี ยู่ 2 อย่าง คือ ตัวชว่ ยให้ด้ายหรอื ผ้าตดิ สี และ
ตวั ดูดให้ตดิ หรือสารแทนนนิ
1.3.1 สารท่ีเป็นตัวช่วย โดยทั่วไปคุณสมบัติของพืชแต่ละชนิด ท่ีนำย้อมจะทำให้
เส้นใยของฝ้ายมีการติดสีและคงทนต่อการขัดถูหรือทนต่อแสงได้ไม่เท่ากันท้ังนี้มักจะขึ้นอยู่กับ
องค์ประกอบทางชวี เคมีภายในของพืชและเสน้ ใยที่นำมาย้อม จงึ จำเป็นทจ่ี ะตอ้ งมตี ัวช่วยเพอื่ ทำให้เส้น
ใยดูดซับสีได้มากทนทานต่อแสงและการขัดถูได้ดีขึ้น ตัวช่วยดังกล่าวก็คือ สารประกอบ “มอร์แดนท์” ซ่ึงมี
คณุ สมบัติจบั ยึดสีและเปล่ียนสีให้เข้มจางของด้ายหรือผ้าในขณะย้อม นอกจากน้ี ตัวช่วยให้ด้ายผ้าติด
สี อีกชนิดหน่ึง คือ ด่างที่ได้จากปูนท่ีใช้กินกับหมากหรือได้จากการเผ่าเปลือกหอย และนำด่างท่ีได้
จากข้ีเถ้าของพืชหรือไม้เนื้ออ่อน เช่น ส่วนต่างๆ ของกล้วย ต้นผักขม เปลือกของนุ่น กากมะพร้าว
84
เป็นต้น โดยเลือกพืชชนิดใดชนิดหนึ่งท่ียังสดๆ นำมาผึ่งแดดให้พอหมาดๆ จากนั้นนำไปเผ่าก็จะได้
ข้ีเถ้าสีขาว นำข้ีเถ้าน้ันใส่ลงไปในอ่างน้ำกวนให้ท่ัวทิ้งไว้ 4-5 ช่ัวโมง ข้ีเถ้าก็จะตกตะกอนนำน้ำท่ีได้ไป
กรองให้สะอาดแล้วจึงนำไปใช้งาน เรียกวา่ “น้ำด่างหรือน้ำข้ีเถา้ ”ถ้าไม่ใช้วิธีละลายน้ำให้ตกตะกอนก็
ใชอ้ ีกวิธีหน่ึง คอื นำขเี้ ถา้ ทไี่ ด้ไปใส่ในกระป๋องที่เจาะรูเล็กๆ รองกน้ ด้วยปุยฝ้ายหรือใยมะพร้าวใสข่ ี้เถ้า
จนเกือบเต็มกดให้แน่นเติมน้ำให้ท่วมพอดีกับเถ้าแขวนกระป๋องทิ้งไว้แล้วรองเอาแต่น้ำด่างไปใช้งานก็
ได้ ตัวช่วย นอกจากจะเป็นด่างแล้ว ยังมีชนิดที่เป็นกรดด้วยซ่ึงได้จากพืชท่ีรสเปร้ียว เช่น มะนาว น้ำ
ใบหรือฝักส้มป่อย น้ำมะขามเปียก เป็นต้น ตัวช่วยอ่ืนๆ ได้แก่ เกลือแดง จะช่วยให้สีติดง่าย สารส้ม
จะชว่ ยจบั ยดึ สใี ห้ติดและมสี สี ดขึน้ สนิมเหลก็ หรือโคลนจากใตส้ ระที่มนี ้ำขังตลอดปี จะชว่ ยใหส้ ีเข้มขึ้น
จุนสี จะช่วยให้สีติดและเข้มข้ึนเล็กน้อยซ่ึงจะใช้เฉพาะกับสีเขียวเท่านั้น สำหรับน้ำสนิมนั้น จะใช้น้ำ
สนิมจากน้ำบ่อบาดาลที่เป็นสนิมก็ได้ หรือจะนำเหล็กไปเผาไฟให้แดงแล้วนะไปแช่ในน้ำเช่ือม โดย
ผสมน้ำมะนาวเล็กน้อยหรือแช่น้ำเปล่านาน 1 เดือน ข้อดี นำ้ สนิมจะช่วยให้สีเข้มข้นึ ข้อเสีย คือ สนิม
จะไปกัดเส้นเสน้ ใยใหอ้ ายุสั้นกว่าปกติ ส่วนการทำน้ำโคลน ให้ใช้ดินโคลนจากกน้ สระที่มีน้ำขังตลอดปี
มาละลายในน้ำเปล่าสัดส่วนน้ำ 1 ส่วน ดนิ โคลน 1 ส่วน ก็จะได้น้ำโคลนท่ีต้องการ เพราะน้ำโคลนจะ
มคี ณุ สมบตั ิเหมอื นกับน้ำสนิมเช่นเดยี วกัน
1.3.2 ตัวดูดสีให้ติดหรือสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารท่ีมีคุณสมบัติท่ีจะช่วยให้สีติด
เส้นดา้ ยหรอื ติดผ้าทย่ี ้อมได้ดีขน้ึ และมอี ยู่ในส่วนต่างๆ ของพชื ทม่ี ีรสฝาดและขม เช่น ลูกหมาก เปลอื ก
เพกา เปลือกสเี สียด เปลอื กผลทับทิม เปลอื กประดู่ ใบยูคา ใบเหมือนแอ ลกู มะเกลอื เปน็ ต้น
1.3.3 องคค์ วามรู้ทเี่ ก่ียวข้อง ได้แก่
1) การใช้สารประกอบท่ีเป็นกรดและด่างในการย้อมสีอย่างถูกวิธีน้ัน
สำหรับสารประกอบที่มีคุณสมบัติเป็นกรด จะใช้ได้ดีกับการย้อมเส้นใยที่ได้จากสัตว์คือไหม ส่วน
สารประกอบที่มีคุณสมบัติเป็นด่าง จะใช้ดีกับการย้อมเส้นใยที่ได้จากพืชดังนั้นสารประกอบใช้ในการ
ย้อมสีให้ถือปฏบิ ัติ ดงั น้ี
(1) การนำมาใช้ก่อนย้อมสี คือ ให้เส้นใยท่ีจะย้อมสีไปชุบสาร
กระตนุ้ กอ่ นนำไปย้อมสธี รรมชาติ
(2) การนำมาใช้พร้อมกับการย้อมสี คือ การนำสารกระตุ้นใส่ไป
พร้อมกบั นำ้ สียอ้ ม แลว้ จึงนำไปชุบหรอแชน่ ำ้ ที่เปน็ สารกระตนุ้ ในภายหลงั
2) การแก้ไขรอยด่างจากการย้อมที่สีติดไม่เสมอกันน้ัน วิธีแกไ้ ขทำได้ไม่ยาก
กล่าวคือ การนำเส้นใยท่ีย้อม นำกลับไปย้อมซ้ำอีกและในระหว่างกลับไปใหม่น้ัน ให้กวนบ่อยๆหรือ
พลิกเส้นใยให้ดูดซับนำ้ สที ย่ี ้อมอยา่ งทั่วถึงอยตู่ ลอดเวลาและหมนั่ ตรวจสอบดวู ่ารอยดา่ งนน้ั จางหายไป
หรอื ยัง หากทำเช่นน้ีก็สามารถทำให้รอยต่างจางหายไปได้บ้าง อย่างไรก็ตามสีธรรมชาติไม่ค่อยจะติด
แน่นเท่าสีสังเคราะห์สำหรับด้ายที่ย้อมแล้ว แต่ถ้าต้องการลบรอยด่างโดยใช้สีอื่นย้อมทับ ก็สามารถ
นำไปย้อมกับสอี นื่ หรือย้อมด้วยมอร์แดนท์หลายๆ ชนดิ ได้ ทง้ั นก้ี ็อาจจะทำให้ได้สีใหมๆ่ เพม่ิ ขน้ึ อกี
3) ส่ิงสำคัญที่เป็นหัวใจของการย้อมสีนั้น มีอยู่ 4 อย่าง คือ (1) สี (2)
อุณหภูมิ (3) เวลา และ (4) สารช่วยย้อมหรือมอร์แดนท์ นอกจากนี้ สิ่งท่ีสำคัญอีกอย่างคือ การจด
บนั ทึก ในการย้อมเส้นใยหรือย้อมผ้าในแต่ละคร้ัง ควรจดข้อมูลและเก็บตัวอย่างเส้นดา้ ยหรือผ้าที่ย้อม
ไว้ด้วยทกุ ครงั้ เพื่อนำมาปรบั ปรงุ หรอื พัฒนาการย้อมคร้ังต่อไป
1.4 อปุ กรณใ์ นการยอ้ ม
สำหรับอุปกรณก์ ารยอ้ มสไี ดม้ ีการนำภาชนะทีห่ ลากหลายและมีความคงทนมากข้ึนมี
85
มาตรฐานมากข้ึน ในการย้อมร้อนควรใช้กะละมังดินจะดีท่ีสุด กะละมังเคลือบทำให้สีไม่เปลี่ยนแปลง
หากใช้กะละมงั อะลูมิเนยี มจะทำใหส้ ีเปล่ียนเนื่องจากมีทองแดงผสมอยู่โดยหาเอาต้มย้อมสีกรมก็จะได้
สีม่วง สีแดงก็จะได้สีบานเย็น กรณีที่เราต้มย้อมเฉดสีเข้มจะทำให้สีที่ได้ออกมาเข้มขึ้นดังนั้น ผู้ย้อม
ต้องคำนงึ ถงึ วตั ถุดบิ และน้ำสที ยี่ อ้ ม โดยอปุ กรณย์ อ้ มพื้นฐานมีดงั น้ี
(1) หมอ้ สแตนเลส
(2) กะละมังเคล่ือบ
(3) กะละมงั อะลูมเิ นยี ม ยอ้ มโทนสอี อ่ นไม่ควรใช้
(4) กะละมังพลาสติก
(5) มีด
(6) ถังน้ำพลาสติก
(7) หว่ งเหล็ก
(8) เชอื กปอ
(9) กระบวยเหลก็
(10) ไมพ้ าย
(11) มุ้งเขยี ว
(12) เตาแก๊ส
(13) ถุงพลาสติกขนาด 12 x 18 นิ้ว
(14) เหยอื กสแตนเลส
1.5 การเตรียมน้ำย้อม
การเตรียมน้ำย้อม เร่ิมจากการเตรียมวัตถุดิบที่ให้สีตามที่เราต้องการ แต่ถ้าเป็น
วัตถุดิบที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น ส่วนประกอบของต้นไม้ ดินแดง ดินโคลน ก็จะต้องเตรียมการก่อน
โดยเฉพาะส่วนประกอบของพืชท่ีมีลักษณะแข็งอย่างเปลือกไม้ แก่นไม้ หรือกิ่งไม้จะต้องทำการสับให้
เป็นชิน้ เลก็ ๆก่อน แล้วนำไปแช่นำ้ ไว้อย่างน้อย 1 คืน เพอื่ ให้การสกัดสที ำได้งา่ ยและทำให้การสกดั สีได้
เขม้ ขึ้น ถา้ เป็นใบไม้ใหท้ ำการฉีกหรือห่ันเป็นชิน้ เล็กๆ กอ่ นจงึ ค่อยนำไปตม้
การต้มสกัดสี ให้นำวัตถุดิบที่ให้สีพร้อมน้ำท่ีแช่ไว้น้ัน ไปต้มให้เดือดประมาณ 1
ช่ัวโมง ถ้าน้ำแห้งให้เติมน้ำลงไปให้อยู่ในระดับเดิมเมื่อแรกต้มเสร็จแล้วเอาผ้าขาวบางกรองแยกกาก
ออก
การย้อมสี เม่ือเตรียมด้ายและน้ำย้อมพรอมแล้ว ก่อนท่ีจะนำด้ายลงย้อมให้นำด้าย
มาลา้ งน้ำหรอื แชน่ ้ำใหไ้ ดเ้ ปียกจนทว่ั แลว้ บิดให้หมาดๆ ก่อนย้อมทุกคร้งั เพราะจะ
ในขณะทำการย้อม ถ้านำ้ แข็งก็ควรเติมน้ำเพ่ือรักษาระดบั น้ำใหส้ มำ่ เสมอเพื่อให้ดา้ ย
ทุกส่วนจมน้ำ หากโผล่น้ำออกมาก็ทำให้สีย้อมติดไม่เท่ากันเพื่อความสะดวกในการกวนก่อนย้อมจึง
ควรทดลองใช้น้ำเปล่าเทใส่ถังและนำด้ายใส่ลงไปเพื่อกะประมาณด้ายท่ีย้อมให้พอดีกับประมาณของ
น้ำสใี หเ้ หมาะสมกนั
1.6 กระบวนการหลังย้อม
เมอื่ ย้อมเส้นดา้ ยเสร็จแล้ว บิดเสน้ ใหพ้ อหมาดแลว้ จึงนำเสน้ ดา้ ยใส่ถังมีฝาปดิ หรอื ใส่
ถุงหมักแช่ไว้ 1-2 คืน จึงน้ำเส้นด้ายไปล้างน้ำสะอาดจนกว่าจะหมดสีหรือสีหายตก ต่อจากนั้นล้าง
เส้นด้ายผสมน้ำยาล้างจานแบบเจือจาง ต่อด้วยล้างน้ำจนกว่าจะหมดฟอง สะดุ้งเส้นฝ้ายให้ตรง นำไป
คล้องมอื แผ่ลมให้แห้งสนิท
86
2. ข้ันตอนการปฏบิ ตั ิในการย้อมสธี รรมชาติ
2.1 การทำความสะอาดฝ้าย กอ่ นการยอ้ มตอ้ งมีการทำความสะอาดฝ้ายและไหม
โดยในการทำความสะอาดฝ้ายตอ้ งมีการนำแชผ่ งซักฟอกทิ้งไว้ 1 คืน โดยไดม้ ีการกำหนดสัดสว่ น ฝา้ ย
1 กิโลกรัมและผงซกั ฟอก 1 ชอ้ นตวง (ผงซกั ฟอกชนิดซักดว้ ยมือ) หรือสบ่ซู ันไลท์ 2-3 ช้อน เพ่อื ทำ
ความสะอาดแปง้ ทต่ี ดิ อยใู่ นเส้นด้ายแล้วนำมาต้มใหเ้ ดือดใชเ้ วลา 30 นาที จากน้ันนำมาความสะอาด
โดยการซกั น้ำเปล่าจนเส้นดา้ ยหายลน่ื และบีบน้ำออกนำไปผึ่งลมให้แหง้
รูปท่ี 4.3 การเตรียมเสน้ ดา้ ยฝ้าย
2.2 การเตรียมวตั ถุดิบและนำ้ ย้อม จากการรว่ มแลกเปล่ียนเรยี นร้เู ก่ยี วสีธรรมชาติและลง
พ้ืนที่สำรวจวสั ดธุ รรมชาติในพ้ืนถ่นิ ของชุมชนบา้ นล่องมุด จงึ ได้เลือกวัสดุธรรมชาติทม่ี อี ยใู่ นพ้ืนถน่ิ
และหาได้ง่าย ได้แก่ ใบกำชำ ใบท่งั ผลหมากสด เปลอื กตน้ ยางพารา
87
รปู ที่ 4.4 ใบหกู วาง
รปู ที่ 4.5 เปลือกยางพารา
รูปท่ี 4.6 ใบกำชำ
88
รปู ที่ 4.7 ใบทง่ั
รูปท่ี 4.8 ผลหมากสด
ขั้นตอนการเตรยี มวัตถุดิบมกี ระบวนการดงั น้ี
(1) ใบไ้ มใ้ ห้จำนวน 5 กโิ ลกรมั ต่อฝ้าย 1 กิโลกรมั ตอ่ นำ้ 10 ลติ ร
(2) เปลอื กไมใ้ ห้สี 3 กโิ ลกรัมตอ่ ฝา้ ย 1 กโิ ลกรัม ตอ่ น้ำ 10 ลิตร
(3) หนั่ หรือสบั วัตถุให้สีใหเ้ ล็กที่สุด เติมน้ำให้ท่วมแชไ่ ว้ 1 คืน
(4) นำวัตถุดิบให้สแี ละน้ำท่ีแชไ่ วต้ ม้ ให้เดือดนาน 1 ชั่วโมงในอณุ หภมู ิ 100 องศา กรองเอา
กากออกให้เหลอื แต่นำ้ สี
89
รูปที่ 4.9 นำวตั ถดุ ิบที่ไดม้ าห่ันหรือสับใหเ้ ลก็ ที่สดุ
รูปท่ี 4.10 นำวัตถุใหส้ แี ละน้ำที่แช่ไว้ต้มให้เดือดนาน 1 ชั่วโมง
รูปท่ี 4.11 นำ้ ย้อมทีไ่ ดจ้ ากการกรองเอากากออกใหเ้ หลอื แตน่ ้ำสี
ข้นั ท่ี 3 การเตรียมสารกระต้นุ สี และสารตดิ สี
สำหรับการสร้างสีใหม่ปัจจุบันการจะนำน้ำย้อมมาผสมกันให้เกิดสีใหม่ ร่วมกับการ
ใชส้ ารเปล่ียนสที ีไ่ ม่อันตราย ในงานวจิ ัยครั้งนี้ไดม้ ีการใชส้ ารเปล่ยี นสีดังนี้
1) ผงสนมิ เหลก็
2) สารสม้
3) น้ำปูนใส
90
4) นำ้ ดา่ งขเี้ ถ้า
5) โคลน
ขั้นตอนการเตรียมสารกระตุ้นสี (Mordant)
(1) นำ้ ปนู ใช้ปนู ขาวหรือเปลือกหอยแครงเผาไฟ แลว้ บดผสมนำ้ เปลา่
(2) สนิมเหล็ก(เฟอรร์ ัสซัลเฟต)เปน็ ผงสฟี ้าผสมกบั นำ้ เปลา่ 1 ถังต่อจนุ สี 1 ช้อนโตะ๊
(3) สารส้มบดให้ละเอียด 1 ชอ้ นโตะ๊ ผสมน้ำเปล่า 1 ถัง
(4) น้ำด่างขี้เถ้าได้จากการเผาไหม้ให้เป็นขี้เถ้า น้ำด่างท่ีใช้ได้ดี คือ ข้ีเถ้าจากส่วนต่างๆ ของ
ต้นกล้วย กาบมะพร้าว เปลือกของผลนุ่น นำข้ีเถ้าไปใส่ในอ่างที่มีน้ำอยู่กวนให้ท่ัวท้ิงไว้ 4-5 ช่ัวโมง
ข้ีเถ้าจะตกตะกอน นำน้ำท่ีได้ไปกรองให้สะอาด แล้วจึงนำไปใช้งาน อีกวิธีหน่ึงนำข้ีเถ้าท่ีได้ไปใส่ใน
กระป๋องท่ีเจาะรูเล็กๆ รองกันด้วยปุ้ยฝ้ายหรือใยมะพร้าว ใส่ข้ีเถ้าจนเกือบเต็มแล้วกดให้แน่นเติมให้
ทว่ มพอดีกับขเี้ ถา้ แขวนกระปอ๋ งทิ้งไว้รองเอาแต่นำ้ ด่างไปใช้งาน
(5) โคลน ใชด้ ินโคลนจากก้นสระท่ีมนี ้ำขงั ตลอดปีมาละลายในน้ำเปลา่ สดั ส่วนน้ำ 1 ส่วนตอ่
ดนิ โคลน 1 ส่วน จะชว่ ยให้สีเข้มเชน่ เดียวกับน้ำสนมิ (กรองเอาส่งิ แปลกปลอมออกให้เหลือแต่ดิน
โคลนเหลวๆ)
รปู ท่ี 4.12 สารกระตุ้นสี สนิมเหล็กและสารสม้
รูปท่ี 4.13 สารกระตนุ้ สี น้ำปูนใสและน้ำด่างขเี้ ถา้
91
รปู ท่ี 4.14 สารกระต้นุ สี โคลน
ขั้นตอนท่ี 4 การย้อมสี
1) เตรียมอปุ กรณ์ท่ตี ้องใช้
(1) หม้อสแตนเลส
(2) กะละมังเคลอื่ บ
(3) กะละมังอะลมู เิ นยี ม ยอ้ มโทนสอี ่อนไม่ควรใช้
(4) กะละมังพลาสติก
(5) มดี
(6) ถังน้ำพลาสตกิ
(7) หว่ งเหลก็
(8) เชอื กปอหรือเชือกฟาง
(9) กระบวยเหล็ก
(10) ไมพ้ าย
(11) มุ้งเขียว
(12) เตาแกส๊
(13) ถุงพลาสติกขนาด 12 x 18 นวิ้
(14) เหยือกสแตนเลส
92
รปู ที่ 4.15 ตัวอย่างอุปกรณ์ กะละมงั พลาสติก เตาแก๊ส ถังพลาสตกิ กะละมงั แสตนเลส
รูปท่ี 4.16 ห่วงเหลก็ และผ้าม้งุ สำหรับกรองนำ้ ย้อม
(2) ก่อนการย้อมให้นำเส้นด้ายฝ้ายท่ีเตรียมไว้นำไปต้นในน้ำกระถินโดยต้มให้เดือน
ประมาณ 40 นาที แล้วนำไปผึ่งลม เนื่องจากการนำเส้นด้ายฝ้ายไปต้มในน้ำกระถินก่อนนำไปย้อมจะ
ชว่ ยทำใหต้ ิดสดี ี
(3) นำน้ำสีที่ได้มาต้ม (ไฟปานกลาง) อุณหภูมิ 60-70 องศา พอมีควันไม่ถึงกับเดือด
93
พล่าน แล้วนำเส้นด้ายฝ้ายที่ผ่านการต้มในน้ำกระถินมาต้มในน้ำสีท่ีได้จากวัสดุธรรมชาติ ที่เตรียมไว้
ประมาณ 40 นาที
(4) นำเส้นด้ายฝ้ายที่ผ่านการต้มในน้ำสีไปใส่ลงในถังท่ีเตรียมสารกระตุ้นสี
(Mordant) ไว้ โดยมีสัดส่วนดังน้ี
- สารส้ม 1 ชอ้ นโต๊ะ กับสีธรรมชาติ 1 ลิตร
- สนมิ เหล็ก 1 ช้อนชา กับสธี รรมชาติ 1 ลติ ร
- นำ้ โคลน 1 ลิตร กับสีธรรมชาติ 1 ลติ ร
- นำ้ ขีเ้ ถา้ 1 ลติ ร กับสีธรรมชาติ 1 ลิตร
- น้ำปนู ใส 1 ลติ ร กับสีธรรมชาติ 1 ลิตร
นำเสน้ ด้ายฝ้ายใส่ลงในถงั ละ 1 ใจ ขยีใ้ ห้แรงกับสารกระตุ้นสี 5 ถัง ภายในเวลา
10 นาที แล้วบดิ ใหแ้ หง้ หม่ันพลกิ เส้นด้ายให้ถูกน้ำย้อมเสมอกนั
(5) นำเส้นฝา้ ยขึน้ ผงึ่ ให้เย็นแลว้ นำใสถ่ งุ พลาสติกปิดใหแ้ นน่ หมกั ไว้ 1 คืน
(6) นำเส้นฝ้ายออกจากถุงไปซกั ดว้ ยนำ้ เปล่าจนนำ้ ใส
(7) บิดเส้นฝ้ายให้หมาด กระตุกให้ตึง 2-3 คร้ัง แล้วนำไปผึ่งในท่ีร่มให้แห้ง ถ้ายังไม่
ทอควรนำไปเกบ็ ไว้ในถงุ เพื่อไม่ใหฝ้ ่นุ เกาะและสีซดี
โดยผลจากการใช้สีธรรมชาติจากวสั ดุในทอ้ งถ่ินเพ่ือทำการย้อมเส้นด้ายฝ้ายให้สีท่แี ตกต่าง
กนั ดังตารางที่ 4.18
ตารางที่ 4.18 แสดงเฉดสที ่ีได้จากการใช้วสั ดุในท้องถิน่ เพื่อทำการย้อมเส้นด้ายฝา้ ย
ชื่อ สว่ นที่ใชย้ อ้ ม สที ไ่ี ด้ เปลี่ยนสี เปลี่ยน สี เป ลี่ ย น สี เป ล่ี ย น สี เป ล่ี ย น สี
หมากสด ผลหมากสด น้ำตาลอมสม้ ดว้ ย ด้ ว ย น้ ำ ด้ ว ย ส นิ ม ด้วยโคลน ดว้ ยนำ้ ปูน
ยางพารา
ตน้ ทั่ง เป ลื อ ก ต้ น สีนำ้ ตาลแดง สารสม้ ขี้เถ้า เหล็ก
ตน้ กำชำ ยางพารา
ใบ สีเหลือง สี น้ ำ ต า ล สี น้ ำต า ล สีเทา สเี ทาเข้ม สี น้ ำ ต า ล
หกู วาง ใบ สนี ้ำตาลออ่ น
เขม้ ออ่ น ออ่ น
ใบ สีเหลอื ง
สีครมี สี น้ ำต า ล สเี ทาเขม้ สีเทา สีน้ำตาล
อ่อน
สขี าวนวล สเี นือ้ สเี ทา สีนำ้ ตาล สนี ้ำตาล
โ ท น สี สนี ้ำตาล สเี ทาออ่ น สเี ทาออ่ น สีอฐิ
เนอื้ อ่อน
สี เห ลื อ ง สี เห ลื อ ง สีเขยี วเขม้ สีเทา สเี หลอื ง
อ่อน เขม้
94
รปู ท่ี 4.17 ขั้นตอนการย้อมเสน้ ด้าย
รูปที่ 4.18 ขั้นตอนการการเปล่ียนสีโดยสารกระตุ้นสี
รปู ท่ี 4.19 เส้นฝ้ายทีไ่ ด้จากการย้อม
95
ข้ันตอนท่ี 3 การสังเกต(Observe)
ผลการดำเนินการกิจกรรมการวิเคราะห์นวัตกรรมเพ่ือหาเอกลักษณ์และรูปแบบผลิตภัณฑ์
และการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติ ผู้วิจัยและได้ลงพ้ืนที่สำรวจและรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับ ผล
พัฒนาการ วัตถุดิบ ขั้นตอนและวิธีการของกลุ่มทอผ้าบ้านล่องมุดในการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติ
และการพัฒนาผา้ ทอยกดอก ด้วยการสัมภาษณแ์ ละพูดคุย จดั เวทีสนทนากลุ่มยอ่ ย ร่วมด้วยขนั้ ตอน
การดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยจัดบรรยากาศให้สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการพิจารณา รวบรวมข้อมูล
สังเกตผล และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการปฏิบัติตามกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีวางแผนการดำเนินการ
ไว้ พบขอ้ ค้นพบดังน้ี
1.สมาชิกกลุ่มทอผ้าบ้านล่องมุดมีความตั้งใจและเรียนรู้ท่ีจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มให้มี
ความหลากหลายและต้องการเพ่ิมมูลค่า รวมถึงการมีส่วนร่วมในการวางแผน ในการดำเนินกิจกรรม
ไดร้ บั ความรว่ มมือเปน็ อย่างดีจากสมาชกิ ในชุมชน
2. ผลจากการศึกษาวิจัยพบว่า สมาชิกในชุมชนสามารถสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติจาก
กิจกรรมดังกล่าวและทำให้เกิดความรู้เร่ืองการย้อมสีด้ายด้วยวัสดุรรมชาติ และพัฒนาตนเองด้วยการ
นำวัสดุที่มีอยู่มาทดลองเพื่อสร้างสรรค์สีย้อมด้วยตนเอง นอกจากน้ียังเพ่ิมผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการย้อม
สีธรรมชาติ เช่น เสอ้ื มัดย้อมจากสีธรรมชาติ และการมีแนวคิดในการทอผ้าขาวม้าและผ้ายกดอกด้วยสี
ธรรมชาติ
3. ข้อมูลที่ได้จากการศึกษารวบรวมคร้ังน้ีเป็นท่ีต้องการขอสมาชิกในชุมชนกลุ่มทอผ้าบ้าน
ล่องมุด เพื่อนำองค์ความรู้ท่ีได้รับมาพัฒนาต่อยอดให้เหมาะสมกับวัสดุในท้องถิ่น เพ่ือสร้างวัตถุดิบ
การทอโดยเฉพาะเส้นด้ายที่ย้อมสีธรรมชาติจากวัตถุดิบในท้องถิ่น เพ่ือสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้
หลากหลายตอบสนองความตอ้ งการของผ้บู รโิ ภค
4. การถอดองค์ความรู้การย้อมสีจากวัสดุธรรมชาติโดยการเขียนเป็นคำบรรยาย พร้อมรูป
ประกอบอย่างละเอียด ทุกข้ันตอน ทำให้ผู้มาศึกษาเอกสารงานวิจัย สามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วย
ตนเอง ซึ่งวิธีนี้สร้างความสะดวกให้กับผู้ย้อมหากผู้ย้อมลืมข้ันตอนและวิธีการก็สามารถอ่านได้จาก
งานวิจัย
5. สมาชกิ ในชุมชนสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับชมุ ชนอื่นทต่ี ้องการแลกเปล่ยี นรู้ได้
ขั้นตอนท่ี 4 การสะท้อนผลรว่ มกับชุมชน (Reflect)
จากการดำเนินงาน กิจกรรมการวเิ คราะห์นวัตกรรมเพ่ือหาเอกลักษณ์และรูปแบบผลิตภัณฑ์
และการสร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติ ผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัยได้ร่วมการสะท้อนผลการดำเนินงานโดย
รวบรวมข้อมูลจากการสังเกต การสัมภาษณ์ เอกสารการดำเนินงานตามแผน จากนั้นได้ กจิ กรรมถอด
บทเรียนร่วมกับชุมชนสำหรับรูปแบบการทำ AAR (After Action Review) เพ่ือคืนข้อมูลจากการ
ค้นพบ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ข้อเสนอแนะของชุมชน เพ่ือพัฒนาศักยภาพของชุมชน และเป็นการ
เปิดใจคุยกันแบบตรงไปตรงมา โดยผูเ้ ข้าร่วมโครงการทกุ คนหรอื ตวั แทนร่วมกนั ตอบคำถามสำคญั ดงั นี้
คือ
1. การสร้างนวัตกรรมชุมชน ผลท่ีได้คือ ชุมชนสามารถสร้างนวัตกรรมพร้อมใช้เร่ืองการ
สร้างสรรค์สีย้อมธรรมชาติจากวัสดุในพื้นถิ่น และมีความรู้จากการย้อมเส้นฝ้ายจากวัสดุธรรมชาติใน
พน้ื ถิน่ และผลท่ไี ด้จากการจัดกิจกรรมทำให้ทางกลุ่มได้มีเทคนคิ และกระบวนการในการยอ้ มสเี ส้นดา้ ย
96
ให้ติดทน และสามารถทำให้เกดิ สีเส้นด้ายทหี่ ลากหลายไดส้ ามารถนำมาใช้งานได้
2. ชมุ ชนได้มกี ารเพ่ิมมูลค่าของผลิตภณั ฑจ์ ากการสร้างนวัตกรรมดังกล่าว มผี ลิตภณั ฑ์เพม่ิ ขึ้น
เป็นเส้ือมัดย้อมจากสีธรรมชาติ และการกำหนดราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นมากว่าร้อยละ 10 จากการใช้
เส้นดา้ ยยอ้ มสีธรรมชาติ ดงั ตารางท่ี 4.19
ตารางที่ 4.19 ตารางเปรียบเทียบราคาผลิตภัณฑ์
ผลติ ภัณฑ์ ขนาด ราคา การเพ่ิมขนึ้ ของราคา
เส้นใยสงั เคราะห์ สีย้อมธรรมชาติ
ผา้ ขาวมา้ 2 เมตร รอ้ ยละ 100
ผา้ ยกดอก (ลายการะเกด) 1 หลา 250 500 ร้อยละ 100
ผ้ า ย ก ด อ ก ล า ย 1 หลา 300 600 รอ้ ยละ 40
พระราชทาน (ลายขอ) 500 700
รปู ท่ี 4.20 ผลติ ภัณฑ์ผ้าของกลุม่ ก่อนการพัฒนามีการใชเ้ สน้ ใยสังเคราะห์
97
รปู ท่ี 4.21 ผลติ ภัณฑ์ผ้าของกลมุ่ หลังจากมีการพฒั นาการใช้สยี อ้ มธรรมชาติ
3. ผลิตภณั ฑ์ของกล่มุ ไดร้ บั การออกแบบเป็นผลิตภณั ฑต์ น้ แบบเพื่อให้ชมุ ชนมผี ลิตภณั ฑท์ ่ี
หลากหลาย ได้แก่ เนคไท กระเปา๋ พวงกญุ แจ เส้ือมัดยอ้ มสีธรรมชาติ เปน็ ต้น
รปู ที่ 4.22 ผลติ ภัณฑ์ท่ีได้จากการเพ่ิมมลู ค่า
98
4. ผลทางเศรษฐกิจท่ีเกิดข้ึนกับกลุ่มทอผ้าบ้านล่องมุด จากการสัมภาษณ์พบว่ารายได้จาก
การจำหนา่ ยผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมรี ายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม ปี พ.ศ.2563 ท่ียังไม่ได้ดำเนินกิจกรรมภายใต้
โครงการวิจัยกลุ่มทอผ้าบ้านล่องมุดมีรายได้หลังจากหักต้นทุนจำนวน 65,843 บาท (ข้อมูล ณ ส้ิน
เดือน กรกฎาคม 2563) และเมื่อดำเนินการโครงการวิจัยการสร้างนวัตกรรมการสร้างสรรค์สีย้อม
ธรรมชาติและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอยกดอก ต้ังแต่เดือนตุลาคม 2563 ถึงปัจจุบัน รายได้
หลงั จากหกั ต้นทุนจำนวน 96,565 บาท (ขอ้ มูล ณ สิ้นเดือน กรกฎาคม 2564) รายได้ของกลุ่มเพิ่มข้ึน
คิดเป็น ร้อยละ 31.81
5. ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากดำเนินกิจกรรม พบว่าผลิตภัณฑ์ผ้าทอของกลุ่มทอผ้าบ้านล่องมุด
ได้รับความสนใจจากสมาชิกชุมชน หน่วยงานในชุมชน และหน่วยงานจากภายนอก โดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์เส้นด้ายที่มาจากการย้อมสีธรรมชาติได้รับการสั่งซ้ือสินค้าในจำนวนที่เพ่ิมข้ึนจะเห็นได้จาก
สินค้าท่ีส่ังจากหน่วยงานในจังหวัดและกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด โดยทางกลุ่มได้มีการทำประชาสัมพันธ์
เร่ืองเสน้ ด้ายท่ีเกิดจากการย้อมสีธรรมชาตดิ ้วยวัสดุในพ้ืนถนิ่ ผ่านทางส่ือออนไลน์ โดยมีการจัดตั้งหน้า
ร้านออนไลน์ทางเฟสบคุ๊ ชื่อว่า กลุ่มทอผ้าบ้านลอ่ งมุด และการออกสินค้าจำหน่ายตามงานต่างๆ เป็น
ต้น
รูปท่ี 4.23 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอผ้าบ้านล่องมุดเข้าร่วมจัดนิทรรศการแสดงผลงานรับเสด็จสมเด็จ
พระนางเจ้าสุทธิดาพระบรมราชินี ในวโรกาสตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในงาน
พระราชทานปริญญาบัตร ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี และได้มีโอกาสถวายผลิตภัณฑ์จาก
กลมุ่ เป็นผ้าฝา้ ยทอมือยอ้ มสธี รรมชาติ เมือ่ วนั ท่ี 17 ธันวาคม พ.ศ.2563
99
รูปที่ 4.24 ช่องทางการประชาสมั พนั ธ์ผา่ นเวบ็ ไซต์
https://projectcb61.wixsite.com/phator-longmud
รูปที่ 4.25 ชอ่ งทางการประชาสัมพันธ์ผ่านเพจ face book
100