วิเคราะห์วรรณคดี
เรื่อง สังข์ทอง
ประวัติที่มาของเรื่อง
สังข์ทองเป็นเรื่ องที่ได้มาจากสุวัฒสังชาดกซึ่งเป็นนิทานเรื่ องหนึ่งในปัญญาสชาดกของท้องถิ่น
ในภาคเหนือและภาคใต้มีสถานที่ที่กล่าวถึงเนื้อเรื่องในสังข์ทอง กล่าวคือ เล่ากันว่าเมืองทุ่งยั้งเป็นเมือง
ท้าวสามนต์ใกล้วัดมหาธาตุมีลานหินเป็นสนามตีคลีของพระสังข์ ส่วนในภาคใต้เชื่อว่าเมืองตะกั่วป่า
เป็นเมืองท้าวสามนต์และเรียกภูเขาลูกหนึ่งว่าเป็นเมืองท้าวสามลและเรียกภูเขาลูกหนึ่งว่า“เขาขมัง
ม้า”เนื่องจากเอาพระสังข์ตีคลีชนะได้ขี่ม้าข้ามภูเขานั้นไป ซึ่งลักษณะของละครนอกมีตัวละครที่รู้จัก
กันเป็นอย่างดี คือ เจ้าเงาะซึ่งคือพระสังข์กับนางรจนา เนื้อเรื่องมีความสนุกสนานและเป็นนิยม จึงมี
การนำเนื้อเรื่องบางบทที่นิยม ได้แก่ บทพระสังข์ได้นางรจนา เพื่อนำมาประยุกต์เป็นการแสดงชุดรจนา
เสี่ยงพวงมาลัย เป็นต้น
ผู้ประพันธ์
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ในหลวงรัชกาลที่ ๒
ประวัติผู้แต่ง
• พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระนามเดิมว่า “ฉิม”
• ทรงประสูติเมื่อ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๓๑๐ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๗ คํ่า เดือน ๓ ปีกุน
ณ บ้านอัมพวา แขวงเมืองสมุทรสงคราม
• เสด็จสวรรคต เมื่อวันพุธ เดือน ๘ แรม ๑๑ คํ่า ปีวอก
ตรงกับวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๖๗
• ขณะนั้นทรงพระชนมายุ ๕๘ พรรษา
• ทรงเสวยราชย์สมบัติ ๑๖ ปี
• ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดารวมทั้งสิ้น ๗๓ พระองค์
ประวัติผู้แต่ง
ผลงาน
- นิราศ ๙ เรื่อง ได้แก่ นิราศเมืองแกลง นิราศพระบาท นิราศภูเขาทอง นิราศเมืองสุพรรณ
นิราศวัดเจ้าฟ้า นิราศอิเหนา นิราศพระแท่นดงรัง นิราศพระปฐม และนิราศเมืองเพชรบุรี
- นิทาน ๕ เรื่อง ได้แก่ โคบุตร พระอภัยมณี พระไชยสุริยา ลักษณวงศ์ และ สิงหไกรภพ
- สุภาษิต ๓ เรื่อง ได้แก่ สวัสดิรักษา เพลงยาวถวายโอวาท และสุภาษิตสอนหญิง
- บทละคร ๒ เรื่อง คือ เรื่องอภัยนุราช เรื่องสังข์ทอง
- บทเสภา ๒ เรื่อง ได้แก่ ขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม และเรื่องพระราชพงศาวดาร
- บทเห่กล่อม ๔ เรื่อง ได้แก่ เห่เรื่องจับระบำ เห่เรื่องกากี เห่เรื่องพระอภัยมณี และเห่เรื่องโคบุตร
ลักษณะคำประพันธ์
๑.เป็นกลอนบทละคร บทหนึ่งมี ๔ วรรค วรรคละ ๖ คำ หนึ่งบทมี ๒ บาท เรียกว่าบาทเอกและบาทโท๑ บาท
เท่ากับ ๑ คำกลอน สัมผัสระหว่างวรรคไม่บังคับตายตัว
๒.คำขึ้นต้นบทกลอนบทละครมีคำขึ้นต้นหลายแบบและคำขึ้นต้นนั้นไม่จำเป็นต้องมีจำนวนเท่ากับวรรค
สดับ อาจจะมีเพียง ๒ คำก็ได้ คำขึ้นต้นมีดังนี้
๒.๑ มาจะกล่าวบทไป มักใช้เมื่อขึ้นต้นเรื่อง หรือกล่าวถึงเรื่องแทรกเข้ามา
๒.๒ เมื่อนั้น ใช้สำหรับผู้มียศสูง หรือผู้เป็นใหญ่ในที่นั้นตามเนื้อเรื่อง เช่น กษัตริย์ ราชวงศ์
๒.๓ บัดนั้น ใช้ขึ้นต้นสำหรับผู้น้อยลงมา เช่น เสนา ไพร่พล
ลักษณะคำประพันธ์
วรรคสดับ(สลับ) วรรครับ
วรรครอง วรรคส่ง
สัมผัสระหว่างบท
ตัวอย่างคำประพันธ์
มาจะกล่าวบทไป ถึงท้าวยศวิมลไอศวรรย์
ไร้บุตรสุดวงศ์พงศ์พันธ์ุ วันหนึ่งนั้นไปเลียบพระนคร
ปกิณกะ
ปกิณกะ
ปกิณกะ
พระสังข์ ตัวละคร
•บทบาทในเรื่อง
- เป็นตัวเอก
- เป็นผู้มีจิตใจดีงาม มีความเก่งกล้าสามารถ แต่เป็นคนถ่อมตัว ไม่โอ้อวด
โดยแปลงร่างเป็นเจ้าเงาะป่าบ้าใบ้ ในที่สุด ก็ได้เป็นกษัตริย์ครองเมืองถึง ๒ เมือง
• ลักษณะนิสัย
- มีความกตัญญู ความสามารถความรอบครอบเฉลียวฉลาด เป็นผู้ที่มีบุญญาธิการ
•ความสามารถ
- มีอิทธิฤทธิ์อาคม เรียกเนื้อเรียกปลาได้
ตัวละคร
•บทบาทในเรื่อง
- พระมเหสีฝ่ายขวาของท้าวยศวิมล พระมารดาพระสังข์
•ลักษณะนิสัย
- มีจิตใจงดงามผู้เป็นที่รักใคร่ของประชาชน แต่ต้องมาถูกกลั่นแกล้ง
จากพระนางจันทา มเหสีฝ่ายซ้าย
นางจันท์เทวี (จันทา)
ตัวละคร
•บทบาทในเรื่อง
- เป็นสนมเอกหรือมเหสีฝ่ายซ้ายของท้าวยศวิมล
- เป็นตัวโกงอย่างแท้จริง
•ลักษณะนิสัย
- เป็นคนใจบาปหยาบช้า เหี้ยมโหด ขี้อิจฉาริษยา ทำเรื่องร้าย ๆ ได้ทุกอย่าง
เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งย่อยยับไป
นางจันทาเทวี
ท้าวยศวิมล ตัวละคร
•บทบาทในเรื่อง
- เป็นกษัตริย์
- ในตอนเปิดเรื่องและบทบาทสำคัญในตอนท้ายเรื่องพระองค์เป็นกษัตริย์ที่มีความตั้งใจดี
ต่อบ้านเมืองคือยอมเสียสละลูกเมีย ในบทละครยังย้ำในเรื่องการทำเสน่ห์ เพื่อให้รู้สึกว่า
ท้าวยศวิมลไม่ใช่คนที่หูเบาหลงเชื่อนางจันทาฝ่ายเดียวแท้ที่จริงพระองค์ก็รักพระมเหสี
รักพระโอรส แต่ถูกเวทมนตร์มายาทำให้เป็นไป
•ลักษณะนิสัย
- ท้าวยศวิมลไม่มีลักษณะตลกขบขันเลยแม้แต่น้อย แต่ท้าวสามนต์มีบทบาทที่น่าขัน
เช่น ตอนที่พระสังข์ตีคลี ลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของท้าวสามนต์ก็คือ เป็นคนเอาแต่ใจ
จิตใจโลเลไม่แน่นอน ต้องการอะไรแล้วจะต้องได้
ตัวละคร
•บทบาทในเรื่อง
- เป็นยักษ์
•ลักษณะนิสัย
- ใจดี เลี้ยงดูพระสังข์และรักเหมือนลูก แต่ความรักของนางกลับทำลายตัวนางเอง
เพราะเท่ากับว่าเมื่อพระสังข์ “ปีกกล้าขาแข็ง” แล้วก็หนีจากนางไป
นางพันธุรัต
นางรจนา ตัวละคร
•บทบาทในเรื่อง
- เป็นมเหสีของสังข์ทอง
- เป็นลูกสาวคนสุดท้องของท้าวสามล
•ลักษณะนิสัย
- จิตใจดี ไม่มองคนเเต่ภายนอกเเละไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก
ฉาก
ตอน กำเนิดพระสังข์
นางจันท์เทวีทรงครรภ์เทวบุตรจุติมาเป็นพระโอรสของนางแต่ประสูติมาเป็นหอยสังข์
นางจันทาเกิดความริษยาจึงติดสินบนโหรหลวงให้ทำนายว่าหอยสังข์จะทำให้บ้านเมืองเกิดความ
หายนะท้าวยศวิมลหลงเชื่อนางจันทาจึงจำใจต้องเนรเทศนางจันท์เทวีและหอยสังข์ไปจากเมือง
ฉาก
ตอน นางพันธุรัตเลี้ยงพระสังข์
นางพันธุรัตเลี้ยงดูต่อไปจนพระสังข์มีอายุได้ ๑๕ ปีบริบูรณ์ วันหนึ่งพระสังข์
ได้แอบไปเที่ยวเล่นที่หลังวัง และได้พบกับบ่อเงิน บ่อทอง รูปเงาะ เกือกทอง ไม้พลอง
และพระสังข์ก็รู้ความจริงว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์ เมื่อพระสังข์พบเข้ากับโครงกระดูก
จึงได้เตรียมแผนการหนีด้วยการสวมกระโดดลงไปชุบตัวในบ่อทอง สวมรูปเงาะกับ
เกือกทอง และขโมยไม้พลองเหาะหนีไป
ฉาก
ตอน พระสังข์ได้นางรจนา
นางรจนาได้เลือกพระสังข์เป็นคู่ครองนางรจนาเป็นพระธิดาองค์
สุดท้องงามเลิศกว่าพระธิดาองค์อื่นๆ นางรจนาได้เห็นรูปพระสังข์ภายใน
รูปเงาะจึงได้เสี่ยงพวงมาลัยให้เจ้าเงาะท้าวสามลโกรธมากจึงขับไล่นาง
รจนากับเจ้าเงาะไปอยู่ที่กระท่อมปลายนา
ฉาก
ตอน ท้าวยศวิมลตามพระสังข์
พระสังข์ได้รู้ว่าพระนางจันท์เทวีเป็นพระมารดาพระอินทร์ได้ไปเข้าฝันท้าวยศวิมล
เพื่อเปิดโปงความจริงท้าวยศวิมลจึงตามนางจันท์เทวีจนพบแล้วไปยังเมืองสามลเพื่อตาม
หาพระสังข์นางจันท์เทวีได้ปลอมตัวเป็นแม่ครัวปรุงแกงฟักสลักบนฟักเรื่องราตั้งแต่เยาว์วัย
จึงทำให้ได้รู้ว่าแม่ครัวเป็นพระมารดานั่นเองพระสังข์กับรจนาจึงได้กลับไปยังเมืองยศวิมล
และได้ครองราชย์สืบไป
เนื้อเรื่อง
ณ เมืองยศวิมลนคร อันมีท้าวยศวิมลเป็นเจ้าเมือง พระมเหสีจันท์เทวีได้คลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์
จึงถูกพระนางจันทาสนมเอกใส่ร้ายว่าเป็นกาลีบ้านเมือง จนถูกขับออกจากเมืองไปอยู่กระท่อมตายายที่ชายป่า
จนกระทั่งพระสังข์ที่ซ่อนอยู่ในหอยได้ออกมาพบแม่สร้างความยินดีกับพระนางจันท์เทวีมากข่าวล่วงรู้ไปถึง
นางจันทาจึงได้ส่งคนมาจับพระสังข์ไปถ่วงน้ำแต่ท้าวภุชงค์พญานาคราชช่วยเอาไว้และส่งให้ไปอยู่กับนางพันธรุั
ต
พระสังข์รู้ว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์จึงขโมยรูปเงาะ ไม้เท้า เกือกแก้ว เหาะหนีมาอยู่บนเขา นางพันธุรัตตามมาทัน
แต่ไม่สามารถขึ้นไปหาพระสังข์ได้ จึงได้มอบมหาจินดามนต์เรียกเนื้อเรียกปลาให้แก่พระสังข์ก่อนที่จะอกแตก
สิ้นใยตายที่เชิงเขานั่นเอง พระสังข์เหาะมาจนถึงเมืองสามล ท้าวสามลและนางมณฑากำลังจัดพิธีให้ธิดาทั้งเจ็ด
แต่รจนาพระธิดาองค์สุดท้องไม่ยอมเลือกใครเป็นคู่ ท้าวสามลจึงให้คนไปตามเจ้าเงาะมาเลือกคู่
เนื้อเรื่อง (ต่อ)
รจนาเห็นรูปทองที่ซ่อนอยู่ในรูปเงาะจึงเสี่ยงมาลัยไปให้สร้างความพิโรธให้ท้าวสามลจึงถึงกับขับไล่รจนาให้ไปอยู่
กระท่อมปลายนากับเจ้าเงาะท้าวสามลหาทางแกล้งเจ้าเงาะโดยการให้ไปหาเนื้อหาปลาแข่งกับเขยทั้งหกเจ้าเงาะได้มนต์
ที่นางพันธุรัตให้ไว้เรียกเนื้อเรียกปลามารวมกันทำให้หกเขยหาปลาไม่ได้จึงต้องยอมตัดปลายหูและปลายจมูกแลกกับ
เนื้อและปลาท้าวสามลพิโรธมากจนถึงกับคิดหาทางประหารเจ้าเงาะร้อนถึงพระอินทร์ต้องหาทางช่วย โดยการลงมาท้า
ตีคลีชิงเมืองกับท้าวสามล ท้าวสามลส่งหกเขยไปสู้ก็สู้ไม่ได้จึงต้องยอมให้เจ้าเงาะไปสู้แทนเจ้าเงาะถอดรูปเป็นพระสังข์
และสู้กับพระอินทร์จนชนะท้าวสามลจึงยอมรับพระสังข์กลับเข้าเมืองและจัดพิธีอภิเษกให้พระอินทร์ไปเข้าฝันท้าวยศ
วิมลเพื่อบอกเรื่องราวทั้งหมดท้าวยศวิมลจึงออกตามหาพระนางจันท์เทวีจนพบและได้เดินทางไปเมืองสามลนครเพื่อ
พบพระสังข์ โดยพระนางจันเทวีได้ปลอมเป็นแม่ครัวในวังและได้แกะสลักเรื่องราวทั้งหมดบนชิ้นฟักให้พระสังข์เสวย
ทำให้พระสังข์รู้ว่าแม่ครัวคือพระมารดานั่นเองพระสังข์และรจนาจึงได้เสด็จตามท้าวยศวิมลและพระนางจันเทวีกลับไป
ครองเมืองยศวิมลสืบไป
โครงเรื่อง
การนำเรื่อง : ท้าวยศวิมลมีมเหสีชื่อนางจันท์เทวี มีสนมเอกชื่อนางจันทาเทวี ไม่มีโอรสธิดา
จึงบวงสรวงและรักษาศีลห้าเพื่อขอบุตร และประกาศแก่พระมเหสีและนางสนมว่าถ้าใครมีโอรส
ก็จะมอบเมืองให้ครอง
โครงเรื่อง
ปมปัญหา
ปมแรก : นางจันท์เทวีทรงครรภ์เทวบุตรจุติมาเป็นพระโอรสของนางแต่ประสูติมาเป็นหอยสังข์
นางจันทาเกิดความริษยาจึงติดสินบนโหรหลวงให้ทำนายว่าหอยสังข์จะทำให้บ้านเมืองเกิดความหายนะ
ท้าวยศวิมลหลงเชื่อนางจันทาจึงจำใจต้องเนรเทศนางจันท์เทวีและหอยสังข์ไปจากเมือง
ปมที่สอง : นางจันทายุยงให้ท้าวยศวิมลไปจับตัวพระสังข์มาประหารท้าวยศวิมลจึงมีบัญชาให้
จับตัวพระสังข์มาถ่วงน้ำ
ปมที่สาม : พระสังข์ได้แอบไปเที่ยวเล่นที่หลังวัง และได้พบกับบ่อเงิน บ่อทอง รูปเงาะ เกือกทอง
ไม้พลอง และพระสังข์ก็รู้ความจริงว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์ เมื่อพระสังข์พบเข้ากับโครงกระดูก จึงได้เตรียม
แผนการหนีด้วยการสวมกระโดดลงไปชุบตัวในบ่อทอง สวมรูปเงาะกับเกือกทอง และขโมยไม้พลอง
เหาะหนีไป
วิกฤติ
วิกฤติแรก : ท้าวสามลและพระนางมณฑามีธิดาล้วนถึง ๗ พระองค์ โดยเฉพาะพระธิดาองค์สุดท้อง
ที่ชื่อ รจนา มีสิริโฉมเลิศล้ำกว่าธิดาทุกองค์ จนวันหนึ่งท้าวสามลได้จัดให้มีพิธีเสี่ยงมาลัยเลือกคู่ให้ธิดาทั้งเจ็ด
ซึ่งธิดาทั้ง ๖ ต่างเสี่ยงมาลัยได้คู่ครองทั้งสิ้น เว้นแต่นางรจนาที่มิได้เลือกเจ้าชายองค์ใดเป็นคู่ครอง ท้าวสามล
จึงได้ให้ทหารไปนำตัวพระสังข์ในร่างเจ้าเงาะซึ่งเป็นชายเพียงคนเดียวที่เหลือในเมืองสามล ซึ่งนางรจนาเห็น
รูปทองภายในร่างของเจ้าเงาะ จึงได้เสี่ยงมาลัยให้เจ้าเงาะ ทำให้ท้าวสามลโกรธมาก เนรเทศนางรจนาไปอยู่ที่
กระท่อมปลายนากับเจ้าเงาะ
วิกฤติที่สอง : ท้าวสามลคิดจะกำจัดเจ้าเงาะทุกวิถีทาง จึงได้ให้เขยทั้งหมดไปจับปลามาให้ได้
คนละร้อยตัว พระสังข์จึงได้ถอดรูปเงาะออกและท่องมหาจินดามนต์จนได้ปลามานับร้อย ส่วนหกเขยจับ
ปลาไม่ได้เลยสักตัวจึงเข้ามาขอพระสังข์เพราะคิดว่าเป็นเทวดา พระสังข์ก็ยินดีให้ แต่ต้องแลกกับปลายจมูก
ของหกเขยด้วยต่อมาท้าวสามลได้ให้เขยทั้งหมดไปหาเนื้อมาให้ได้คนละร้อยตัว พระสังข์ก็ใช้มหาจินดามนต์
จนได้เนื้อมานับร้อย ส่วนหกเขยก็หาไม่ได้อีกตามเคย และได้เข้ามาขอพระสังข์ พระสังข์ก็ยินดีให้ แต่ต้อง
แลกกับปลายหูของหกเขยด้วย
วิกฤติที่สาม : อาสน์ที่ประทับของพระอินทร์เกิดแข็งกระด้าง ท้าให้ท้าวสามลออกมาแข่งตีคลีกับ
พระองค์ หากท้าวสามลแพ้ พระองค์จะยึดเมืองสามลเสีย ท้าวสามลจึงส่งหกเขยไปแข่งตีคลีกับพระอินทร์
แต่ก็แพ้ไม่เป็นท่า จึงจำต้องเรียกเจ้าเงาะให้มาช่วยตีคลี ซึ่งนางรจนาได้ขอร้องให้สามีช่วยถอดรูปเงาะมา
ช่วยตีคลีและพระสังข์ยอมถอดรูปเงาะมาช่วยเมืองสามลตีคลีจนชนะในที่สุด
จบเรื่อง : หลังจากเสร็จภารกิจที่เมืองสามลแล้ว พระอินทร์ได้ไปเข้าฝันท้าวยศวิมลและเปิดโปงความชั่วของ
พระนางจันทาพร้อมกับสั่งให้ท้าวยศวิมลไปรับนางจันท์เทวีกับพระสังข์มาอยู่ด้วยกันดังเดิมท้าวยศวิมล
จึงยกขบวนเสด็จไปรับนางจันท์เทวีกลับมาและพากันเดินทางไปยังเมืองสามลเพื่อตามหาพระสังข์ท้าวยศวิมลและ
นางจันท์เทวีปลอมตัวเป็นสามัญชนเข้าไปอยู่ในวังโดยท้าวยศวิมลเข้าไปสมัครเป็นช่างสานกระบุงตะกร้า
ส่วนนางจันท์เทวีเข้าไปสมัครเป็นแม่ครัว และในวันหนึ่งนางจันท์เทวีก็ปรุงแกงฟักถวายพระสังข์
โดยนางจันท์เทวีได้แกะสลักชิ้นฟักเจ็ดชิ้นเป็นเรื่องราวของพระสังข์ตั้งแต่เยาว์วัยทำให้พระสังข์รู้ว่พระมารดา
ตามมาแล้วจึงมาที่ห้องครัวและได้พบกับพระมารดาที่พลัดพรากจากกันไปนานอีกครั้ง หลังจากนั้นท้าวยศวิมล
นางจันท์เทวี และพระสังข์กับนางรจนาได้เดินทางกลับเมืองยศวิมล ท้าวยศวิมลได้สั่งประหารพระนางจันทา และ
สละราชสมบัติให้พระสังข์ได้ครองราชย์สืบต่อมา
แก่นเรื่อง
• การแสดงความรักของแม่ที่มีต่อลูก ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร แม่ก็ยังรักลูกเสมอ
• ความกตัญญูของพระสังข์ ที่คอยช่วยเหลืองานบ้านเพื่อแบ่งเบาภาระของแม่
• ความพยายามของนางจันท์เทวี ที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคแม้จะต้องลำบาก
• อย่ามองคนแค่ภายนอกไม่ควรคบคนอื่นเพราะเขาหน้าตาดีอย่างเดียวควรดูไปถึงจิตใจของคนคนนั้นด้วย
• จากตอนที่รจนาเสี่ยงพวงมาลัยเลือกคู่ครองได้เจ้าเงาะท้าวสามลโกรธมากเพราะเจ้าเงาะน่าตาน่าเกลียดจึงไล่รจนา
ไปอยู่ในป่าที่กระท่อม
• รจนาอ้อนวอนให้เจ้าเงาะถอดรูปแล้วไปช่วยสู้กับพระอินทร์ เพราะเขยทั้ง ๖ นั้นสู้ไม่ได้แล้ว เจ้าเงาะเลยยอมถอดรูปเงาะ
เพื่อที่จะไปสู้กับพระอินทร์
แก่นเรื่อง (ต่อ)
• ความพยายามของพระสังข์ที่จะทำให้ท้าวสามลยอมรับในตัวของเขาโดยที่เหาะขึ้นไปตีคลีที่สู้กับพระอินทร์จนชนะ
• เจ้าเงาะพยายามเอาอกเอาใจรจนาทุกอย่างแต่รจนากลับไม่สนใจเจ้าเงาะเลยเพราะเจ้าเงาะเป็นคนหน้าตาน่าเกลียด
• เจ้าเงาะพยายามที่จะฝ่าฟันอุปสรรคของพ่อตาจากการที่ท้าวสามลแกล้งเจ้าเงาะด้วยการให้เขยทั้ง ๖ และเจ้าเงาะ
ไปหาปลาและหาเนื้อถ้าใครหามาไม่ได้จะถูกประหารชีวิต
บทสนทนา
บทสนทนา
สังข์ทอง : แม่ อย่านะ! แม่ทำอย่างนี้ทำไม
จันท์เทวี : แม่ไม่ทำอย่างนี้แล้วเราจะได้พบกันอย่างไร หมดเคราะห์กันสักทีนะลูก
สังข์ทอง : แม่ทำอย่างนี้แล้วคราวนี้ลูกไงจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ
จันท์เทวี : ก็อยู่กับแม่ไงล่ะลูกไม่ใช่เพราะหอยสังข์นี่หรอกเหรอลูกกับแม่ถึงต้องลำบากแบบนี้
ถอดความ:
สังข์ทองตกใจที่แม่จันท์เทวีทุบหอยสังข์ร่ำไห้ที่แม่ทุบหอยสังข์แม่ทุบหอยสังข์
เพราะหอยสังข์ทำให้ทั้งสองต้องลำบากถูกเนรเทศออกจากเมืองเช่นนี้ ทำให้ผู้อ่านรู้ถึงความ
ลำบากและความรักที่มีต่อลูก
บทสนทนา
บทสนทนา
จันท์เทวี : แม่มีเรื่องที่จะบอกลูกด้วย
พระสังข์ : เรื่องอะไรเหรอเสด็จแม่
จันท์เทวี : ลูกรักที่แม่มาตามเจ้าคราวนี้ก็เพราะบารมีท่านพ่อเรื่องเก่าเจ้าอย่าเก็บมาใส่ใจ
เลยบัดนี้พ่อเจ้าสำนึกผิดแล้ว
ถอดความ:
เมื่อสังข์ทองกับแม่ได้เจอกันหลังจากที่ผลัดพรากกันมานานแม่ได้เล่าให้สังข์ทอง
เข้าใจในเรื่องคราวก่อนไม่ให้โกรธไม่ให้ผิดใจอะไรกันอีก พ่อได้รู้สึกผิดและได้สำนึกผิดแล้ว
ทำให้ผู้อ่านรู้สึกถึงความเข้าใจของผู้เป็นพ่อแม่ที่มีความรักต่อลูกรู้จักให้อภัยไม่โกรธเคือง
กัน พยายามที่จะให้อยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนครอบครัวอื่น ๆ อย่างมีความสุข
คุณค่าด้านเนื้อหา คุณค่า
เนื้อหาของบทละครนอกแสดงให้เห็นความคิดของผู้แต่งที่ต้องการสื่อให้ผู้อ่านผู้ฟังทราบ ดังนี้
๑.ค่านิยมในสังคม วัฒนธรรม และแนวทางการดำเนินชีวิต โดยต้องการปลูกฝังทัศนคติลงไปใน
จิตใจของคนไทย เช่น นางรจนาคร่ำครวญตอนท้าวสามลให้หาปลาถวาย
๒.การรักพวกพ้อง รักชาติบ้านเมือง ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ พฤติการณ์ของหกเขย
และการตีคลีพนันกับพระอินทร์ เช่น ตอนนางมณฑาขอร้องให้เจ้าเงาะช่วย
๓.การทำความดี มีตัวอย่างปรากฏตลอดทั้งเรื่อง เช่น การที่ท้าวภุชงค์และนางพันธุรัตรับเลี้ยงดู
พระสังข์ตายายช่วยเหลือนางจันท์เทวีนายประตูเมืองสามลช่วยเหลือท้าวยศวิมล
นอกจากนี้เรื่องสังข์ทองยังเสนอแนวคิดที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้คือ“การพิจารณาบุคคล”
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ในการพิจารณาบุคคลนั้น เราไม่ควรมองจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วตัดสินว่าบุคคล
นั้นเป็นอย่างไรแต่ต้องมองลึกลงไป