สือ่ การเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอนประจำบท
2. การสอนแบบบรรยายประกอบสอื่
3. เอกสารประกอบการบรรยาย (Power point presentation)
4. แบบคำถามทบทวนท้ายบท
การวดั ผลและการประเมินผล
1. สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนระหว่างที่ผู้สอนทำการบรรยาย เพื่อประเมินความตั้งใจ ความ
กระตอื รือรน้ ขณะเรียน
2. สงั เกตความรว่ มมือในการทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ในชนั้ เรียน เพ่ือประเมนิ เจตคตขิ องผเู้ รียน
3. ประเมินความรู้ความเขา้ ใจของผู้เรยี นโดยวิธีการถาม-ตอบ
4. ประเมินความรูค้ วามเขา้ ใจของผเู้ รียนจากการรว่ มวิเคราะห์ การรว่ มอภปิ รายในช้ันเรยี น
5. ตรวจแบบคำถามทา้ ยบท
6. สอบเก็บคะแนนประจำบทเรียน
แผนบรหิ ารการสอนประจำบทที่ 7
หวั ขอ้ เน้อื หาประจำบท
1. ทม่ี าของกรอบแนวคิด STRONG
2. ทีม่ าของคำว่า STRONG STRONGER และ STRONGEST
3. การปรบั ประยุกตก์ รอบแนวคดิ จติ พอเพยี งตา้ นทุจรติ STRONG มาใชป้ ระกอบกบั หลกั การ
ตอ่ ตา้ นทุจรติ
วตั ถุประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม
เม่อื เรยี นจบบทน้ี นักศกึ ษาสามารถทำส่ิงต่อไปนี้ได้
1. สามารถเขา้ ใจความหมายและกรอบแนวคิด STRONG ได้
2. สามารถแยกแยะและอธบิ ายกรอบแนวคดิ STRONG STRONGER และ STRONGEST ได้
3. สามารถเขา้ ใจและประยุกต์ใชห้ ลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งในการต่อตา้ นการทุจรติ
4. สามารถประยุกตน์ ำกรอบแนวคดิ STRONG มาใชใ้ นการต่อต้านทุจริต
วิธกี ารสอนและกิจกรรมการเรยี นการสอนประจำบท
1. ผสู้ อนทำการบรรยายเนอ้ื หาวชิ าประกอบสอื่ ประเภทต่าง ๆ
2. กำหนดใหผ้ ้เู รยี นรว่ มกนั วิเคราะห์เกยี่ วกับการทำงานแบบมีสว่ นรว่ มกับภาคีหุ้นส่วนของชุมชน
3. อภปิ รายกรณีศกึ ษาร่วมกันในประเด็นการทำงานแบบมสี ่วนรว่ มกบั ภาคีหนุ้ สว่ นของชุมชน
4. ผสู้ อนสรุปบทเรยี นเพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นมคี วามเข้าใจทถ่ี กู ตอ้ งและตรงตามวัตถปุ ระสงค์
5. กำหนดให้ผเู้ รยี นศกึ ษาเอกสารประกอบการสอนประจำบท
6. ทดสอบความรู้ของผเู้ รยี นดว้ ยแบบทดสอบย่อยประจำบท
๔๗ | รายงานผลการกำกับตดิ ตามและใหค้ ำปรกึ ษาการขับเคลอื่ นหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
สื่อการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอนประจำบท
2. การสอนแบบบรรยายประกอบสอ่ื
3. เอกสารประกอบการบรรยาย (Power point presentation)
4. แบบคำถามทบทวนทา้ ยบท
5. Courseware
การวัดผลและการประเมนิ ผล
1. สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนระหว่างที่ผู้สอนทำการบรรยาย เพื่อประเมินความตั้งใจ ความ
กระตือรือร้น ขณะเรียน
2. สงั เกตความรว่ มมอื ในการทำกจิ กรรมต่าง ๆ ในชัน้ เรยี น เพอื่ ประเมินเจตคติของผูเ้ รียน
3. ประเมินความร้คู วามเข้าใจของผเู้ รยี นโดยวธิ กี ารถาม-ตอบ
4. ประเมินความร้คู วามเขา้ ใจของผเู้ รียนจากการร่วมวิเคราะห์ การรว่ มอภปิ รายในช้นั เรียน
5. ตรวจแบบคำถามท้ายบท
6. สอบเกบ็ คะแนนประจำบทเรยี น
แผนบริหารการสอนประจำบทท่ี 8
หวั ขอ้ เน้ือหาประจำบท
1. ความหมายของหลักเศรษฐกจิ พอเพียง
2. คณุ ลักษณะท่สี ำคญั ของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
3. การปรับประยกุ ตห์ ลักการเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ประกอบกับหลกั การต่อต้านการทจุ ริต
วัตถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
เมือ่ เรยี นจบบทน้ี นกั ศกึ ษาสามารถทำสงิ่ ต่อไปนีไ้ ด้
1. สามารถอธบิ ายและเข้าใจความหมายของหลกั เศรษฐกจิ พอเพียงได้
2. สามารถเข้าใจถงึ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงและอธบิ ายคุณลักษณะของหลักเศรษฐกิจพอเพยี งได้
3. สามารถประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช้ในการต่อต้านการทจุ รติ ได้
วธิ ีการสอนและกจิ กรรมการเรยี นการสอนประจำบท
1. ผูส้ อนทำการบรรยายเนื้อหาวิชาประกอบสือ่ ประเภทต่าง ๆ
2. กำหนดใหผ้ เู้ รยี นรว่ มกนั วิเคราะหเ์ กี่ยวกับการจัดการและพฒั นาชุมชนอย่างยงั่ ยืน
3. อภปิ รายกรณีศกึ ษาร่วมกนั ในประเดน็ การจดั การและพัฒนาชมุ ชนอย่างยงั่ ยืน
4. ผูส้ อนสรุปบทเรยี นเพอื่ ใหผ้ ู้เรียนมคี วามเข้าใจทถ่ี กู ต้องและตรงตามวตั ถุประสงค์
5. กำหนดใหผ้ ้เู รียนศึกษาเอกสารประกอบการสอนประจำบท
6. ทดสอบความรูข้ องผู้เรยี นด้วยแบบทดสอบยอ่ ยประจำบท
๔๘ | รายงานผลการกำกบั ติดตามและใหค้ ำปรกึ ษาการขับเคลื่อนหลกั สตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565
ส่ือการเรียนการสอน
1. เอกสารประกอบการสอนประจำบท
2. การสอนแบบบรรยายประกอบสอ่ื
3. เอกสารประกอบการบรรยาย (Power point presentation)
4. แบบคำถามทบทวนท้ายบท
5. Courseware
การวดั ผลและการประเมินผล
1. สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนระหว่างที่ผู้สอนทำการบรรยาย เพื่อประเมินความตั้งใจความกระตือรือร้น
ขณะเรยี น
2. สังเกตความรว่ มมือในการทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชัน้ เรียน เพื่อประเมินเจตคตขิ องผู้เรียน
3. ประเมนิ ความรู้ความเข้าใจของผูเ้ รยี นโดยวิธกี ารถาม-ตอบ
4. ประเมินความร้คู วามเขา้ ใจของผู้เรยี นจากการร่วมวิเคราะห์ การร่วมอภิปรายในช้ันเรียน
5. ตรวจแบบคำถามท้ายบท
6. สอบเก็บคะแนนประจำบทเรยี น
๔๙ | รายงานผลการกำกบั ติดตามและใหค้ ำปรกึ ษาการขับเคลือ่ นหลกั สตู รตา้ นทุจริตศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
5. มหาวทิ ยาลัยพะเยา
การประชุมหารือเพื่อกำกับติดตามและให้คำปรึกษาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2565 กำหนดดำเนนิ การวันที่ 21 มนี าคม 2565 ห้องประชุมสำนักต้านทุจริตศึกษา สำนักงาน ป.ป.ช.
อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ในรูปแบบ Online Platform (ผ่านระบบ Zoom Meeting) ผู้เข้าร่วม
การประชุมประกอบดว้ ย
ผู้แทนจากมหาวทิ ยาลัยพะเยา : รองคณบดีฝา่ ยวชิ าการ คณะนติ ิศาสตร์
1. ผศ. เฉลิมวุฒิ สาระกิจ ผู้ช่วยคณบดฝี ่ายวิชาการ คณะนติ ิศาสตร์
2. นายพิษณุ เจนดง ผู้ช่วยคณบดฝี ่ายวจิ ยั และบริการวิชาการ
3. ผศ. วรี ะยุทธ หอมชื่น คณะนติ ศิ าสตร์
ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจการพิเศษ
4. ผศ. นริษรา ประสิทธิปานวัง คณะนิติศาสตร์
รองคณบดฝี า่ ยวิชาการ
5. ดร. ผณติ า ไชยศร คณะรฐั ศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์
ประธานหลกั สูตร หลกั สตู รรัฐประศาสนศาสตรบัณฑติ
6. ดร. สุธินี ชตุ ิมากลุ ทวี สาขาวิชาการจดั การนวัตกรรมสาธารณะ
คณะรฐั ศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์
ผแู้ ทนจากสำนกั งาน ป.ป.ช. :
1. นายอทุ ิศ บวั ศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
2. นางสวรรยา รตั นราช ผู้อำนวยการสำนักต้านทุจริตศกึ ษา
3. ผู้อำนวยการสำนกั ส่งเสรมิ และบรู ณาการการมสี ว่ นรว่ มตา้ นทุจรติ หรือ ผู้แทน
4. นางสปุ รยี า บุญสนทิ ผ้อู ำนวยการกลุ่มสง่ เสรมิ และติดตาม
ต้านทุจรติ ศึกษา 1
5. คณะเจ้าหน้าที่สำนักต้านทุจริตศกึ ษา สำนกั งาน ป.ป.ช.
โดยสามารถสรุปรายละเอียดการประชุมหารือประเด็นการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา
หลักสูตรอดุ มศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไดด้ งั นี้
การดำเนินการนำหลักสูตรตา้ นทุจริตศกึ ษาไปใช้
มหาวิทยาลัยพะเยาได้มีการดำเนินการในเรื่องของการต่อต้านการทุจริตที่เกี่ยวกับ ป.ป.ช. โดยทาง
คณะมีรายวชิ าท่ีเก่ียวขอ้ งกับการต่อต้านทจุ รติ แทรกเข้าไปในรายวิชาหลายๆ วชิ า รวมถึงรายวชิ าเลือกด้วย
ในส่วนของคณะนติ ิศาสตร์ก็ให้ความสำคัญกบั การป้องกนั และแก้ไขปัญหาการทจุ ริตและความน่าสนใจ
ของตัววชิ ารวมถึงการให้การสนับสนนุ ด้านงบประมาณจากสำนักงาน ป.ป.ช. ซ่งึ ในปี 2563 คณะนิติศาสตร์ได้
ทำการปรบั ปรงุ หลักสตู รไปโดยจะบงั คบั ด้วยรายวชิ าของ มคอ.1
คณะรัฐศาสตร์ ได้ดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรทุกหลักสูตรไปเมื่อปี 2565 โดยจะมีรายวิชา
ที่เกี่ยวข้องประมาณ 3 วิชา ได้แก่ รายวิชาต่อต้านทุจริต รายวิชาจริยธรรมเพื่อการบริหารงานภาครัฐในยุคดิจิทัล
และรายวิชาจริยธรรมเพื่อความเป็นธรรมทางสังคม ซึ่งในส่วนรายวิชาของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาก็จะมีการ
แทรกอยู่ในการเรียนการสอนในหลาย ๆ วิชา โดยเฉพาะเรื่องสิทธิหน้าที่ท่ีเกี่ยวข้องกับจรรยาบรรณในวิชาชีพ
๕๐ | รายงานผลการกำกับตดิ ตามและใหค้ ำปรกึ ษาการขบั เคลอื่ นหลกั สตู รตา้ นทจุ ริตศึกษา ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565
อย่างเช่น วชิ าสทิ ธิมนุษยชนในกรอบของกฎหมายต่างประเทศ ซง่ึ จะมีเรื่องของการปรับฐานความคิด และเร่ือง
ของสิทธิ หนา้ ที่ และความรับผดิ ชอบในสงั คมด้วย
ปญั หาที่พบระหวา่ งดำเนินการ
ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น การจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ทำให้ประสิทธิภาพ
ประสทิ ธผิ ลท่ีเกิดได้ไมเ่ ทา่ การเรียน onsite
แนวทางในการปรับปรงุ และเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการดำเนินการให้ประสบความสำเรจ็
ทางมหาวิทยาลัยพะเยาจะนำข้อมูลการปรับปรุงหลักสูตรไปประชุมเพื่อหารือแนวทางในการนำไป
จัดการเรียนการสอนให้กับนกั ศึกษาอกี ครั้ง โดยในการปรับหลกั สตู รจะมที ้งั หลกั สูตรต้านทุจริตศกึ ษา พ.ศ. 2561
และหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา พ.ศ. 2564 ของสำนักงาน ป.ป.ช. แทรกอยู่ แต่เดิมหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา
พ.ศ. 2561 จะอยู่ในรายวิชาต่อต้านการทุจริตซึ่งยังเป็นวิชาเลือก ส่วนตัวหลักสูตรใหม่ที่จะทำเป็นรายวิชา
บังคับได้ในส่วนของคณะรัฐศาสตร์ และทางมหาวิทยาลัยมีรายวิชาบังคับชื่อ วิชาจริยธรรมการบริหารกิจการ
สาธารณะ เน้นเรื่องของจริยธรรมโดยเป็นตัวบังคับที่ต้องเรียนอยู่แล้ว โดยมีเนื้อหาในส่วนของหลักสูตร
ต้านทุจริตศึกษา ของสำนักงาน ป.ป.ช. แทรกอยู่ด้วย โดยเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจคือเรื่องของการต้านทุจริต
ในสถานการณก์ ารเปลย่ี นฉับพลันทางเทคโนโลยดี จิ ิทัล (Digital Disruption)
ขอ้ คิดเหน็ / ขอ้ เสนอแนะ
1. มหาวิทยาลัยพะเยา ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด อย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยจะมีการนำนิสิตไปร่วมกิจกรรมตลอดทุกปี
2. หากทางสำนักงาน ป.ป.ช. สามารถสนับสนนุ ในส่วนของงบประมาณในการดำเนนิ การดว้ ยจะเป็นเรือ่ งทีด่ ี
3. ถ้าสามารถให้โอกาสในการส่งนักศึกษาของทางมหาวิทยาลัย ไปร่วมฝึกงานกับทางสำนักงาน ป.ป.ช.
ด้วยได้จะเปน็ เรอ่ื งท่ีดีมาก
๕๑ | รายงานผลการกำกับติดตามและให้คำปรกึ ษาการขบั เคลอ่ื นหลกั สตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565
การประชมุ หารอื เพือ่ กำกับติดตามและให้คำปรกึ ษาหลักสูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา
หลักสูตรอดุ มศึกษา วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”
เมอ่ื วนั จนั ทร์ท่ี 21 มีนาคม 2565
ณ ห้องประชุมสำนักต้านทจุ รติ ศกึ ษา สำนักงาน ป.ป.ช. อำเภอเมอื งนนทบรุ ี จังหวัดนนทบรุ ี
ในรปู แบบ Online Platform (ผ่านระบบ Zoom Meeting)
๕๒ | รายงานผลการกำกับติดตามและให้คำปรึกษาการขับเคลือ่ นหลกั สตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565
6. มหาวทิ ยาลัยนครพนม
การประชุมหารือเพื่อกำกับติดตามและให้คำปรึกษาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2565 กำหนดดำเนินการวันที่ 21 มีนาคม 2565 ห้องประชุมสำนักต้านทุจริตศึกษา สำนักงาน ป.ป.ช.
อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ในรูปแบบ Online Platform (ผ่านระบบ Zoom Meeting) ผู้เข้าร่วม
การประชมุ ประกอบดว้ ย
ผู้แทนจากมหาวิทยาลยั นครพนม : รองอธกิ ารบดีมหาวทิ ยาลัยนครพนม
1. รศ.ดร. มนตรี แย้มกสิกร เจา้ หนา้ ท่บี ริหารงานทั่วไป สังกัดกองส่งเสริมวิชาการ
2. นางสาวนชุ นาถ บัวสุดา และงานทะเบียน (งานวิชาศึกษาทัว่ ไป)
นักวิชาการศึกษา สงั กัดกองส่งเสริมวชิ าการ
3. นางสาวสาวติ รี สีดาพมิ พ์ และงานทะเบียน (งานวิชาศกึ ษาทว่ั ไป)
ผูแ้ ทนจากสำนักงาน ป.ป.ช. :
1. รศ. ดร. มาณี ไชยธีรานุวฒั ศริ ิ ทป่ี รึกษาประธานกรรมการ ป.ป.ช.
2. นางสวรรยา รัตนราช ผ้อู ำนวยการสำนักต้านทจุ รติ ศึกษา
3. ผอู้ ำนวยการสำนกั ส่งเสรมิ และบรู ณาการการมีส่วนร่วมต้านทจุ ริต หรือ ผแู้ ทน
4. นางสุปรยี า บญุ สนิท ผอู้ ำนวยการกลมุ่ ส่งเสริมและตดิ ตาม
ต้านทจุ รติ ศึกษา 1
5. คณะเจ้าหนา้ ท่ีสำนกั ตา้ นทุจริตศกึ ษา สำนกั งาน ป.ป.ช.
โดยสามารถสรุปรายละเอียดการประชุมหารือประเด็นการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา
หลกั สตู รอุดมศกึ ษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไดด้ งั นี้
การดำเนนิ การนำหลกั สูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้
มหาวิทยาลัยนครพนมเป็นมหาวิทยาลยั ที่จัดตั้ง โดยการหลอมรวมสถานศึกษาตั้งแต่ระดับอาชีวศึกษา
จนถึงมหาวิทยาลยั โดยจะมีคณะดง้ั เดมิ ที่รวมมาจากมหาวิทยาลัยราชภฏั มหาสารคามเดิม มหาวทิ ยาลัยราชภฏั
นครพนมเดิม วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี วิทยาลัยอาชีวะ/วิทยาลัยเทคนิคนครพนมเดิม วิทยาลัย
การอาชีพศรีสงคราม วิทยาลัยการอาชีพนาหว้า วิทยาลัยการอาชีพธาตุพนม จัดการเรียนการสอนตั้งแต่
ระดบั ปวช. จนถงึ ปรญิ ญาเอก
โดยในปี พ.ศ. 2564 มหาวิทยาลัยนครพนมได้มีการปรับรายวิชาศึกษาทั่วไปของมหาวิทยาลัย
นครพนมโดยได้มีการจัดทำรายวชิ าวัยใส ใจสะอาดขนึ้ มา โดยไดร้ บั ข้อมูลฃองหลักสูตรการศกึ ษาปี พ.ศ. 2561
แต่ในปีการศึกษา พ.ศ.2564 ยังไม่ได้มีนักศึกษาลงทะเบียนเรียน แต่ในปี พ.ศ. 2565 นี้ก็จะมีหลักสูตร
ท่ีนักศึกษาต้องเลือกเรียนในหลายคณะ โดยในเบื้องต้นก็จะนำไปใช้ในรายวิชาศึกษาท่ัวไป เพ่ือให้นักศึกษา
ชั้นปีท่ี 1 ไดเ้ รยี นทกุ คน
และในส่วนของโครงการต่างๆ ที่ทางสำนักงาน ป.ป.ช. ได้เสนอ รวมถึงการจัดตั้งชมรมในระดับ
นกั ศกึ ษาน้นั มหาวิทยาลัยนครพนมจัดให้นักศึกษาได้ไปทำกิจกรรมเกี่ยวกับการต่อตา้ นการทุจริต โดยจะมีการ
ให้นักศึกษาออกไปเดินรณรงค์เพื่อรวมพลังการต้านทุจริตคอรร์รัปชัน และในส่วนของบุคลากรของทาง
มหาวทิ ยาลัยนครพนมเองจะมกี ารประชมุ เพื่อรวมพลังการตอ่ ตา้ นการทจุ ริตดว้ ย
๕๓ | รายงานผลการกำกับติดตามและให้คำปรกึ ษาการขบั เคลือ่ นหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565
นอกจากนี้ในรายวิชาศึกษาทั่วไปของทางมหาวิทยาลัยนครพนมนอกจากจะมีในส่วนของรายวิชา
วัยใสใจสะอาดแล้ว ยังมีในส่วนของรายวิชาคุณธรรมและจริยธรรมกับคุณภาพชีวิต และรายวิชาความเป็น
พลเมืองในสงั คมประชาธิปไตย
ปัญหาทีพ่ บระหวา่ งดำเนนิ การ
-ไม่มี-
แนวทางในการปรบั ปรุงและเพ่มิ ประสิทธิภาพการดำเนินการใหป้ ระสบความสำเรจ็
ในปีปีการศึกษา 2565 มหาวิทยาลัยนครพนม กำหนดให้นักศึกษาต้องเลือกเรียนรายวิชา
30004102 (64) วัยใสใจสะอาด เพื่อให้สอดคล้องตามตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ตามแผนแม่บท
ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ ๒๑ การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๘๐)
ซึง่ คณะ/วิทยาลัย ไดแ้ จ้งความประสงค์ให้นักศกึ ษาลงทะเบยี นเรยี นรายวชิ านี้ จำนวนทงั้ ส้ิน 11 สาขาวชิ า ไดแ้ ก่
1) สาขาวชิ านิตศิ าสตร์ ชน้ั ปที ี่ 1
2) สาขาวิชาการทอ่ งเท่ยี วและอตุ สาหกรรมบริการ ชน้ั ปีท่ี 1
3) สาขาวชิ าการโรงแรมและภัตตาคาร ชนั้ ปที ่ี 1
4) สาขาวิชาภาษาจีน ชน้ั ปที ี่ 1
5) สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า ชน้ั ปที ี่ 2
6) สาขาวชิ าเทคโนโลยกี ารเกษตร ชน้ั ปีท่ี 1, ชน้ั ปที ี่ 1 (เทยี บโอน)
7) สาขาวิชาการบญั ชี ช้ันปที ่ี 1
8) สาขาวิชาคอมพวิ เตอร์ธรุ กจิ ชน้ั ปีที่ 1, ช้ันปที ี่ 1 (เทยี บโอน)
9) สาขาวชิ าการจดั การ ช้ันปีที่ 1
10) สาขาวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศ ชนั้ ปีที่ 1, ชัน้ ปที ี่ 1 (เทียบโอน)
และ 11) สาขาการจัดการธรุ กิจการคา้ สมยั ใหม่ ชั้นปีท่ี 1
ขอ้ คดิ เหน็ / ข้อเสนอแนะ
-ไม่ม-ี
๕๔ | รายงานผลการกำกบั ติดตามและให้คำปรกึ ษาการขับเคล่ือนหลกั สตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565
การประชุมหารอื เพอื่ กำกับติดตามและให้คำปรึกษาหลกั สูตรตา้ นทุจริตศึกษา
หลกั สูตรอดุ มศกึ ษา วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”
เม่ือวนั จันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565
ณ หอ้ งประชุมสำนักต้านทุจรติ ศึกษา สำนกั งาน ป.ป.ช. อำเภอเมอื งนนทบรุ ี จังหวดั นนทบรุ ี
ในรูปแบบ Online Platform (ผ่านระบบ Zoom Meeting)
๕๕ | รายงานผลการกำกับตดิ ตามและใหค้ ำปรกึ ษาการขบั เคลื่อนหลกั สตู รตา้ นทจุ ริตศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
7. มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
การประชุมหารือเพื่อกำกับติดตามและให้คำปรึกษาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2565 กำหนดดำเนินการวันที่ 22 มีนาคม 2565 ห้องประชุมสำนักต้านทุจริตศึกษา สำนักงาน ป.ป.ช.
อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ในรูปแบบ Online Platform (ผ่านระบบ Zoom Meeting) ผู้เข้าร่วม
การประชมุ ประกอบด้วย
ผู้แทนจากมหาวทิ ยาลยั กรุงเทพธนบรุ ี :
1. ผศ.ดร. วทิ ยา เบญจาธกิ ลุ รองอธิการบดฝี า่ ยบรหิ าร
2. รศ.ดร. ปญั ญา รุง่ เรอื ง รองอธกิ ารบดฝี า่ ยวิชาการ
3. ผศ.ดร. เสงี่ยม บุษบาบาน ผู้ชว่ ยอธิการบดี/ผอู้ ำนวยการสำนักวิชาการ
4. ดร. ญาติมา นชุ แดง ผู้อำนวยการสำนกั แผนและประกนั คุณภาพ
5. ดร. นันท์นภัส ผลตาล รองผู้อำนวยการสำนกั วิชาการ
6. เจ้าหนา้ ทีม่ หาวทิ ยาลัยกรงุ เทพธนบรุ ี
ผแู้ ทนจากสำนักงาน ป.ป.ช. :
1. นางสวรรยา รัตนราช ผู้อำนวยการสำนกั ต้านทจุ รติ ศกึ ษา
2. ผู้อำนวยการสำนักสง่ เสรมิ และบูรณาการการมีส่วนรว่ มต้านทุจริต หรอื ผ้แู ทน
3. นางสุปรยี า บญุ สนทิ ผอู้ ำนวยการกลมุ่ สง่ เสริมและตดิ ตาม
ตา้ นทจุ ริตศึกษา 1
4. คณะเจา้ หนา้ ที่สำนกั ตา้ นทจุ รติ ศึกษา สำนักงาน ป.ป.ช.
โดยสามารถสรุปรายละเอียดการประชุมหารือประเด็นการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา
หลักสตู รอุดมศึกษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ได้ดงั นี้
การดำเนินการนำหลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศึกษาไปใช้
มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน จัดทำการเรียนการสอนทั้งหมด 16 คณะ
แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1. กลุ่มสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ กลุ่มที่ 2. กลุ่มเทคโนโลยีสุขภาพ
และกลุ่มที่ 3. กลุ่มวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และมีความโดดเด่นในเรื่องของกีฬา มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
มีนโยบายในการอบรมนักศึกษาให้เป็นคนซื่อสัตย์ และเป็นบัณฑิตมืออาชีพ เชื่อถือได้ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุด
คอื จิตใจ สำนกึ ในความเปน็ มนุษยแ์ ละคุณค่าของสังคม และมีความภาคภูมใิ จในตนเอง
ในเรื่องของรายวิชาศึกษาทั่วไป จะมีการจัดการเรียนการสอนในส่วนของรายวิชาคุณธรรมและ
จริยธรรม ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่องของการประพฤติปฏิบัติตน ไม่ทุจริต ซึ่งจะเรียนกันทุกคณะในมหาวิทยาลัย
โดยอาจารย์ผู้สอนก็จะสอดแทรกเรื่องการประพฤติตัวมีคุณธรรม จริยธรรม ประพฤติตัวซื่อสัตย์สุจริตอยู่ แล้ว
รวมถงึ การเรียน การสอบ ที่จะต้องไม่มกี ารลอกกนั และการปฏบิ ตั งิ านในอนาคตกต็ อ้ งไม่ทุจรติ คอร์รัปชนั
สำหรับการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ทางมหาวิทยาลัยจะนำเนื้อหาที่ได้ไปจัดทำเป็นส่วน
หนง่ึ ในการจดั ทำเปน็ รายวชิ าในอนาคต ซง่ึ โดยปกตทิ างมหาวทิ ยาลยั จะจัดให้นักศึกษาเรียนในสว่ นของรายวิชา
กฎหมายในชีวิตประจำวัน และรายวิชาจริยธรรมและทักษะชีวิตท่ีทุกคณะต้องเรียนอยู่แล้ว และนำเอาเนื้อหา
ในส่วนของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาทั้ง 4 ชุดวิชาไปแทรกอยู่ในรายวิชา เพื่อให้อาจารย์ผู้สอนได้เน้นในการ
๕๖ | รายงานผลการกำกับติดตามและใหค้ ำปรกึ ษาการขบั เคลื่อนหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565
เรียนการสอน แต่ยังไม่ได้ทำเป็นรายวิชาเฉพาะเจาะจง โดยจะขอนำเนื้อหาทั้ง 4 ตัวใส่ลงไปในรายวิชาที่มีอยู่
แลว้ กอ่ น เนือ่ งจากการทจ่ี ะเพิ่มเป็นรายวิชาจะใช้เวลาดำเนินการค่อนข้างนาน
หรืออีกแนวทางคือการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาปรับเข้าเป็นส่วนหนึ่งในวิชาคุณธรรมและ
จริยธรรมกอ่ น เพอื่ จะจดั ให้นักศกึ ษาระดับชนั้ ปที ี่ 1 ทุกคณะไดเ้ รยี น
ปัญหาท่พี บระหวา่ งดำเนนิ การ
การปรบั ปรุงเพิ่มเปน็ รายวชิ า 1 วิชา 3 หนว่ ยกติ จะต้องใชร้ ะยะเวลาในการดำเนนิ การทค่ี อ่ นข้างนาน
แนวทางในการปรับปรงุ และเพิ่มประสิทธภิ าพการดำเนนิ การให้ประสบความสำเรจ็
มหาวิทยาลยั จะพิจารณาดำเนินการจัดทำรายวิชาเลือก 3 หน่วยกิต เพอ่ื ให้นักศึกษาได้ทำการเลือกเรียน
โดยแผนระยะสั้นนี้จะทำการปรับปรุงในส่วนของเนื้อหารายวิชาในหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเพิ่มเติมเข้าไปใน
วชิ าทม่ี อี ยู่แล้วกอ่ นซงึ่ สามารถดำเนินการไดท้ ันที
ขอ้ คดิ เหน็ / ข้อเสนอแนะ
- ไมม่ ี –
การประชมุ หารอื เพอ่ื กำกับติดตามและใหค้ ำปรกึ ษาหลักสูตรตา้ นทจุ ริตศกึ ษา
หลกั สตู รอุดมศกึ ษา วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”
เมื่อวันองั คารท่ี 22 มนี าคม 2565
ณ หอ้ งประชุมสำนกั ตา้ นทจุ รติ ศึกษา สำนกั งาน ป.ป.ช. อำเภอเมอื งนนทบรุ ี จงั หวดั นนทบรุ ี
ในรูปแบบ Online Platform (ผ่านระบบ Zoom Meeting)
๕๗ | รายงานผลการกำกบั ตดิ ตามและให้คำปรึกษาการขับเคลือ่ นหลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
8. มหาวิทยาลัยคริสเตยี น
การประชุมหารือเพื่อกำกับติดตามและให้คำปรึกษาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2565 กำหนดดำเนินการวันที่ 22 มีนาคม 2565 ห้องประชุมสำนักต้านทุจริตศึกษา สำนักงาน ป.ป.ช.
อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ในรูปแบบ Online Platform (ผ่านระบบ Zoom Meeting) ผู้เข้าร่วม
การประชุมประกอบดว้ ย
ผู้แทนจากมหาวทิ ยาลยั ครสิ เตยี น : หวั หน้าหลักสตู รพยาบาลศาสตรบณั ฑติ
1. อาจารย์อจั ฉรา ศรีสุภรกรกุล คณะพยาบาลศาสตร์
คณบดีคณะสหวทิ ยาการ
2. อาจารย์ ดร. อภนิ นั ต์ อนั ทวีสิน หัวหน้าสำนักศกึ ษาทวั่ ไป คณะสหวทิ ยาการ
3. อาจารยช์ าครสิ ต์ ยบิ พิกลุ ผูช้ ว่ ยคณบดีฝา่ ยบริหาร คณะวทิ ยาศาสตร์สุขภาพ
4. อาจารยห์ ทยั ชนก หมากผนิ อนศุ าสก มหาวิทยาลัยครสิ เตียน
5. ศาสนาจารย์จิรยทุ ธ วจนะถาวรชัย
ผ้แู ทนจากสำนกั งาน ป.ป.ช. :
1. นางสวรรยา รตั นราช ผอู้ ำนวยการสำนักตา้ นทุจริตศึกษา
2. ผู้อำนวยการสำนักส่งเสรมิ และบรู ณาการการมีสว่ นร่วมต้านทุจริต หรอื ผู้แทน
3. นางสปุ รยี า บญุ สนิท ผู้อำนวยการกลมุ่ สง่ เสริมและติดตาม
ตา้ นทจุ ริตศกึ ษา 1
4. คณะเจา้ หนา้ ที่สำนักต้านทจุ ริตศึกษา สำนักงาน ป.ป.ช.
โดยสามารถสรุปรายละเอียดการประชุมหารือประเด็นการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา
หลักสูตรอุดมศึกษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไดด้ ังนี้
การดำเนนิ การนำหลกั สตู รต้านทจุ รติ ศึกษาไปใช้
มหาวิทยาลัยคริสเตียนมีการจัดการเรียนการสอนในส่วนของรายวิชาที่เกี่ยวกับกฎหมายและ
จรรยาบรรณวิชาชีพ โดยจะมีการสอดแทรกเนื้อหาต่าง ๆ ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเข้าไปด้วยอยู่แล้ว
นอกจากนี้จะมีกิจกรรมของคณะที่มีการพูดคุย อบรม และสอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องจรรยาบรรณและ
ความซื่อสัตย์ให้แก่นักศึกษาในแต่ละปีการศึกษา และในการฝึกปฏิบัติต่างๆ ทั้งฝึกปฏิบัติวิชาชีพ และสหกิจ
ก็จะมกี ารอบรมให้กบั นักศกึ ษาในเรอ่ื งของความซื่อสัตย์ และความรบั ผิดชอบตอ่ งานด้วย
สำหรับมหาวิทยาลัยคริสเตียนมีรายวิชาของสำนักศึกษาทั่วไปประมาณ 3-4 รายวิชา ที่มีการบูรณาการ
เนื้อหาการเรียนรู้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเข้าไปอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิทย์จริยธรรมกับเป้าหมายชีวิต 2
หน่วยกิต รายวิชาภูมิปัญญาท้องถิ่น รายวิชาปรัชญาเศรฐกิจพอเพียง วิชามนุษย์ วิทยาศาสตร์ และ
สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นรายวิชา 3 หน่วยกิต และนอกจากนี้จะมีในส่วนของรายวชาการพัฒนาคุณธรรม
จริยธรรมที่ให้นักศึกษาทั้ง 4 ชั้นปีเรียน และในส่วนของคณะพยาบาล และคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพที่บูรณาการ
เข้าไปในส่วนของรายวิชาท่ีเป็นภาคปฏิบัติและทฤษฎีของวิชาชีพ
๕๘ | รายงานผลการกำกับตดิ ตามและใหค้ ำปรึกษาการขบั เคล่อื นหลกั สตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565
ปญั หาที่พบระหวา่ งดำเนินการ
1. หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาของสำนักงาน ป.ป.ช. อาจจะใช้เวลาในการจัดทำหลักสูตรค่อนข้าง
รวดเร็ว ซง่ึ ทำให้เน้ือหาบางส่วนไม่สมบูรณ์
2. เนื้อหา ข้อมูลในหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาบางส่วนไม่ทันสมัยและไม่เป็นปัจจุบัน เช่น ลำดับของ
การจัดคะแนน CPI ของประเทศไทย
แนวทางในการปรบั ปรงุ และเพมิ่ ประสิทธิภาพการดำเนินการใหป้ ระสบความสำเร็จ
ในการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ทางมหาวิทยาลัยทราบ และเข้าใจถึงแนวทางของสำนักงาน ป.ป.ช.
ที่อยากให้นำหลักสูตรตรงนี้เข้าไปจัดทำเป็น 1 รายวชิ า 3 หนว่ ยกิต โดยในการพัฒนาหลักสูตรปี พ.ศ.2565 นี้
มหาวิทยาลัยและทางผู้บริหารจะพิจารณาหลักสูตรร่วมกัน ซึ่งอาจจะสามารถนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามา
ยกระดับเป็นรายวิชาได้ในอนาคต
ข้อคิดเหน็ / ข้อเสนอแนะ
1. สำนักงาน ป.ป.ช. ควรจัดทำเนื้อหาของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาให้มี impact มากกว่านี้
โดยเฉพาะหลักสูตรวัยใส ใจสะอาด เพราะเนื้อหายังไม่ harmony และยังไม่ impact เพียงพอ ดังนั้นควร
จัดทำเนื้อหาให้ดี เพราะถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ โดยอาจจะทำเนื้อหาเป็น text book ออกมา แล้วจัด
อบรมให้กับอาจารย์ผู้สอนที่จะนำเนื้อหาไปสอน เพื่อให้ต้นแบบผู้สอนเข้าใจทั้งหมด ซึ่งในส่วนของเนื้อหา
ทางด้านจริยธรรมนั้นเชื่อว่ามหาวิทยาลัยทุกแห่งมีบุคคลากรที่น่าจะพร้อมในการสอนอยู่แล้ว แต่ในส่วนของ
กฎหมาย หรือข้อกฎหมายเฉพาะ ทางหน่วยงาน สำนักงาน ป.ป.ช. น่าจะเป็นแหล่งความรู้ที่ดีที่สุด
2. หากจะผลักดันหลักสูตรให้ไปได้อย่างรวดเร็ว ควรมี material ในการสอนให้แก่มหาวิทยาลัย
ให้ครบถ้วน เพ่ือให้ผู้สอนนำไปทำการสอนได้เลย เนื่องจากภาระงานของผู้สอนนั้นค่อนข้างเยอะ อาจจะทำให้
ละเลยในส่วนของเนื้อหาบางส่วนไป
3. หากสามารถกระจายหน่วยการเรียนรู้ไปยังหลาย ๆ วิชา และสนับสนุนสื่อการเรียนการสอนให้กบั
ทางผ้สู อนไดจ้ ะดีมาก
4. สำนักงาน ป.ป.ช. ควรเน้นการใช้งบประมาณไปในส่วนของการจัดทำสื่อการเรียนรู้ ซึ่งเป็นส่วนที่
สำคัญมากๆ โดยจะต้องเปน็ สอื่ ท่สี ามารถ attack จติ ใจของคนได้ เป็นส่อื ท่เี หน็ แลว้ รู้สึกประทับใจ
5. การทำสื่อการสอนควรเน้นไปที่ช่องทางสื่อที่เด็กรุ่นใหม่สนใจ เช่น youtube tiktok หรือ twitter
เพราะถือว่าเป็น social media ที่สามารถเข้าถึงเยาวชน หรือเด็กรุ่นใหม่ที่เราต้องการจะปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ใน
การร่วมกนั ต้านการทุจริต และเดก็ รนุ่ ใหม่ค่อนข้างเข้าถึง social media ได้อย่างรวดเร็ว ดงั น้ันช่องทางในการ
สื่อสารให้กบั นักศึกษา เยาวชน หรอื เดก็ รนุ่ ใหม่ค่อนขา้ งสำคญั ดงั น้ันถา้ ไดท้ ำการพฒั นาในส่วนของเน้ือหาให้ดี
แล้ว ควรทำการสื่อสารผ่านช่องทางที่ถูกต้องตรงกับช่องสัญญาณของเด็กรุ่นใหม่ ตรงนี้จะช่วยส่งเสริม
และทำให้เกิดประสทิ ธภิ าพสูงสุดในการเรยี นรไู้ ด้
๕๙ | รายงานผลการกำกบั ตดิ ตามและใหค้ ำปรึกษาการขบั เคลื่อนหลกั สตู รตา้ นทจุ ริตศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
การประชมุ หารือเพอื่ กำกบั ติดตามและใหค้ ำปรกึ ษาหลักสูตรต้านทุจริตศกึ ษา
หลักสตู รอดุ มศึกษา วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”
เมอ่ื วันจนั ทร์ที่ 22 มนี าคม 2565
ณ หอ้ งประชุมสำนกั ต้านทจุ รติ ศึกษา สำนักงาน ป.ป.ช. อำเภอเมืองนนทบรุ ี จังหวัดนนทบรุ ี
ในรูปแบบ Online Platform (ผา่ นระบบ Zoom Meeting)
๖๐ | รายงานผลการกำกับติดตามและใหค้ ำปรกึ ษาการขบั เคลื่อนหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565
9. มหาวทิ ยาลยั ปทมุ ธานี
การประชุมหารือเพื่อกำกับติดตามและให้คำปรึกษาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2565 กำหนดดำเนินการวันที่ 23 มีนาคม 2565 ห้องประชุมสำนักต้านทุจริตศึกษา สำนักงาน ป.ป.ช.
อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ในรูปแบบ Online Platform (ผ่านระบบ Zoom Meeting) ผู้เข้าร่วม
การประชุมประกอบดว้ ย
ผู้แทนจากมหาวทิ ยาลยั ปทมุ ธานี : ผอู้ ำนวยการสำนกั ส่งเสริมและพัฒนาวิชาการ
1. ดร. สกุ ญั ญา หมู่เย็น อาจารยป์ ระจำสำนักกจิ การนักศึกษา
2. อ.สวุ นดิ า อัญจริ เวโรจน์ อาจารยป์ ระจำคณะรัฐศาสตร์
3. ผศ. นรพชั ร เสาธงทอง อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์
4. ผศ. วชั รินทร์ เหรียญหล่อ
ผู้แทนจากสำนกั งาน ป.ป.ช. :
1. นางสวรรยา รัตนราช ผอู้ ำนวยการสำนกั ตา้ นทุจรติ ศึกษา
2. ผู้อำนวยการสำนกั ส่งเสรมิ และบูรณาการการมีสว่ นรว่ มตา้ นทจุ รติ หรือ ผแู้ ทน
3. นางสปุ รยี า บญุ สนิท ผอู้ ำนวยการกลุ่มส่งเสริมและตดิ ตาม
ต้านทจุ รติ ศกึ ษา 1
4. คณะเจ้าหน้าที่สำนกั ตา้ นทจุ รติ ศึกษา สำนกั งาน ป.ป.ช.
โดยสามารถสรุปรายละเอียดการประชุมหารือประเด็นการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา
หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไดด้ ังนี้
การดำเนนิ การนำหลักสูตรตา้ นทจุ รติ ศกึ ษาไปใช้
มหาวิทยาลัยปทุมธานี มีการสอนหลักสูตรที่เกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. ที่เป็น
หลักเลยคือคณะนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ และในส่วนของคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศกรรมโยธา
ที่สามารถใช้หลักสูตรปี พ.ศ.2564 ได้ โดยปัจจุบันยังไม่ได้จัดทำเป็นรายวิชา แต่กำลังจะมีการปรับปรุง
หลักสูตรในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นวิชาที่นักศึกษาทุกคณะในมหาวิทยาลัยต้องเรียน
เป็นวิชาบังคับที่อาจจะใส่ประมาณ 6 หน่วยกิต
ในเบื้องต้นคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยปทุมธานี จะใส่ไว้ในวิชาเลือกเพื่อให้นักศึกษาเลือกเรียน
โดยเร่ิมที่ระดับปริญญาตรีก่อน แล้วค่อยขยายไประดับปริญญาโท
นอกจากนี้ในปี พ.ศ.2565 มีโครงการทีเกี่ยวข้อง เช่น การเลือกตั้งสโมสรนักศึกษา ก็จะมีการ
สอดแทรกการคัดเลือกโดยใช้หลักหประชาธิปไตย และมีโครงการ PTU Say NO Smoke ต่อต้านการสูบบุหร่ี
ในมหาวิทยลัย และนอกจากนี้ยังมีโครงการที่สนับสนุนหน่วยงานภายนอก โดยไปเข้าร่วมกับสำนักงาน กปร.
โดยสนับสนุนนักศึกษาเข้าร่วมในรุ่นที่ 11 และ 12 ซึ่งจะได้นำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามาเป็นแนวทางใน
การพัฒนากิจกรรมให้กับนักศึกษาด้วย
ปัญหาทีพ่ บระหวา่ งดำเนนิ การ
- ไม่มี –
๖๑ | รายงานผลการกำกับตดิ ตามและใหค้ ำปรึกษาการขบั เคล่อื นหลกั สตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565
แนวทางในการปรบั ปรงุ และเพ่ิมประสทิ ธิภาพการดำเนินการใหป้ ระสบความสำเรจ็
ปีการศึกษา พ.ศ. 2566 มหาวิทยาลัยปทุมธานจี ะดำเนินการพิจารณาเสริมกิจกรรมให้สอดคล้องกับ
หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เพื่อจัดทำข้อมูลเสนอสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการ
ดำเนินการขับเคล่ือนกิจกรรมในโครงการทเ่ี กีย่ วเน่ืองกับหลกั สตู รตา้ นทุจริตศึกษา
สำหรับการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปดำเนินการจัดทำเป็นรายวิชา จะนำข้อมูลไปประชุม
เพื่อหารือกับทางคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยปทุมธานี เพื่อจะได้หาแนวทางในการดำเนินการจัดทำเป็น
รายวิชาขึ้น ทั้งในส่วนของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา พ.ศ. 2561 และหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา พ.ศ. 2564
และในส่วนของวิทยากร ทางมหาวิทยาลัยปทุมธานีอาจจะต้องขอรับการสนับสนุนบุคลากรจาก
สำนักงาน ป.ป.ช. เพอื่ เป็นวทิ ยากรและดำเนนิ การจัดเรยี นการสอนร่วมกนั
ขอ้ คดิ เหน็ / ข้อเสนอแนะ
- ไมม่ ี –
การประชมุ หารือเพื่อกำกับติดตามและใหค้ ำปรกึ ษาหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษา
หลกั สตู รอุดมศกึ ษา วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”
เมื่อวนั พธุ ที่ 23 มนี าคม 2565
ณ ห้องประชุมสำนกั ต้านทจุ ริตศึกษา สำนักงาน ป.ป.ช. อำเภอเมอื งนนทบุรี จังหวดั นนทบุรี
ในรูปแบบ Online Platform (ผ่านระบบ Zoom Meeting)
๖๒ | รายงานผลการกำกับตดิ ตามและใหค้ ำปรกึ ษาการขบั เคล่ือนหลกั สตู รตา้ นทจุ ริตศกึ ษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
10. มหาวทิ ยาลยั ภาคกลาง
การประชุมหารือเพื่อกำกับติดตามและให้คำปรึกษาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2565 กำหนดดำเนินการวันที่ 23 มีนาคม 2565 ห้องประชุมสำนักต้านทุจริตศึกษา สำนักงาน ป.ป.ช.
อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ในรูปแบบ Online Platform (ผ่านระบบ Zoom Meeting) ผู้เข้าร่วม
การประชมุ ประกอบดว้ ย
ผูแ้ ทนจากมหาวิทยาลัยภาคกลาง : คณบดีคณะนิตศิ าสตร์
1. อาจารย์ธารินทร์ กลุ ปรยี ะวัฒน์
ผูแ้ ทนจากสำนักงาน ป.ป.ช. :
1. รศ. ดร. มาณี ไชยธรี านวุ ัฒศริ ิ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ป.ป.ช.
2. นายอทุ ศิ บัวศรี รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช.
3. นางสวรรยา รัตนราช ผู้อำนวยการสำนักตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา
4. ผูอ้ ำนวยการสำนกั ส่งเสรมิ และบรู ณาการการมีส่วนรว่ มตา้ นทุจริต หรือ ผแู้ ทน
5. นางสปุ รียา บุญสนทิ ผอู้ ำนวยการกล่มุ ส่งเสรมิ และตดิ ตาม
ต้านทุจรติ ศึกษา 1
6. คณะเจา้ หนา้ ที่สำนักตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา สำนักงาน ป.ป.ช.
โดยสามารถสรุปรายละเอียดการประชุมหารือประเด็นการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา
หลกั สูตรอุดมศึกษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไดด้ ังน้ี
การดำเนินการนำหลกั สูตรตา้ นทจุ ริตศึกษาไปใช้
มหาวิทยาลัยภาคกลางเป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในภูมิภาคภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง
ตอนบน ที่เน้นทางการเรียนการสอนทางด้านบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า สนองตอบความต้องการ
ของท้องถิ่นในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม มหาวิทยาลัยภาคกลางทำการเปิดการเรียนการสอน 5 คณะ
ในปจั จุบนั คอื คณะบญั ชี บริหารธุรกิจ นิตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ โดยทุกคณะได้รับรอง
มาตรฐานจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แต่สำหรับการนำหลักสูตรต้านทุจริต
ศึกษาไปดำเนินการจัดทำเป็น 1 รายวิชา 3 หน่วยกิตนั้น ยังไม่มีอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนของทาง
มหาวิทยาลัย
ปัญหาที่พบระหว่างดำเนินการ
- ไมม่ ี -
แนวทางในการปรับปรุงและเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพการดำเนินการให้ประสบความสำเรจ็
มหาวิทยาลัยภาคกลางกำหนดแผนที่จะนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใส่ไว้ในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป
ของมหาวิทยาลัย เพื่อที่จะให้นักศึกษาทุกคณะได้เรียน ในการจัดการเรียนในหมวดวิชาศึกษาทั่วไปโดยปกติ
นักศึกษาจะต้องเรียนทั้งหมด 30 หน่วยกิต หรือ 10 รายวิชา หมวดวิชาศึกษาทั่วไปของมหาวิทยาลัยภาค
กลางจะแบ่งออกเป็น 4 หมวด ได้แก่ หมวดภาษา 12 หน่วยกิต หมวดสังคมศาสตร์ 6 หน่วยกิต หมวดมนุษย์
ศาสตร์ 6 หน่วยกิต และหมวดวิทยาศาสตร์ 6 หน่วยกิต
ทั้งนี้จะต้องมีการประชุมหารือเพื่อพิจารณาในการดำเนินการนำไปบรรจุในหมวดวิชาสังคมศาสตร์
วชิ าศกึ ษาทั่วไป โดยจะปรบั เปน็ รายวิชาต้านทจุ ริตศึกษา 1 รายวชิ า 3 หนว่ ยกติ ซง่ึ จะต้องดำเนินการขอปรับปรุง
หลักสูตรก่อน คาดวา่ จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในปีการศึกษาหน้า
๖๓ | รายงานผลการกำกับติดตามและใหค้ ำปรกึ ษาการขับเคลือ่ นหลักสตู รตา้ นทจุ รติ ศึกษา ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2565
ขอ้ คดิ เหน็ / ข้อเสนอแนะ
- ไม่มี –
การประชุมหารอื เพื่อกำกับติดตามและให้คำปรกึ ษาหลกั สตู รตา้ นทจุ ริตศกึ ษา
หลักสตู รอดุ มศกึ ษา วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”
เมื่อวันพุธท่ี 23 มนี าคม 2565
ณ ห้องประชุมสำนักตา้ นทจุ ริตศกึ ษา สำนกั งาน ป.ป.ช. อำเภอเมอื งนนทบุรี จงั หวัดนนทบรุ ี
ในรูปแบบ Online Platform (ผ่านระบบ Zoom Meeting)
๖๔ | รายงานผลการกำกับติดตามและให้คำปรึกษาการขับเคลอื่ นหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
ภาคผนวก
| รายงานผลการกำกบั ตดิ ตามและให้คำปรกึ ษาการขบั เคลอ่ื นหลักสตู รต้านทจุ รติ ศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
โครงการพัฒนาหลักสูตรตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา
(Anti – Corruption Education Technology : AC EdTech)
กิจกรรมศูนยใ์ หค้ ำปรึกษาหลักสตู รต้านทจุ ริตศกึ ษา
หลกั การเหตุผล
การทจุ ริตในสังคมไทยระหว่างช่วงกว่าทศวรรษทผ่ี า่ นมานัน้ ส่งผลเสยี ตอ่ ประเทศอย่างมหาศาล ทั้งยัง
เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศในทุกมิติ รูปแบบการทุจริตจากเดิมที่เป็นการทุจริตทางตรงไม่ซับซ้อนได้
ปรับเปลี่ยนเป็นการทุจริตที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ประเทศไทยมีความพยายามแก้ไขปัญหาการทุจริตโดย
การสร้างความตื่นตัวและการเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ปรับความคิด สร้าง
ความตระหนกั รใู้ นทุกภาคสว่ นของสังคม โดยรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ได้กำหนด
ในหมวดท่ี 5 หน้าท่ขี องรฐั ว่า “รฐั ต้องส่งเสริม สนบั สนุน และใหค้ วามร้แู ก่ประชาชนถึงอันตรายที่เกิดจากการ
ทุจรติ และประพฤติมชิ อบท้ังภาครัฐและเอกชนโดยจัดให้มีมาตรการและกลไกท่ีมปี ระสทิ ธิภาพเพ่ือป้องกันและ
ขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด” ทั้งวาระการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ประเด็นปฏิรูปด้านการป้องกันและเฝ้าระวัง ได้กำหนดกลยุทธ์หลัก
ในการเร่งสร้างการรับรู้และจิตสำนึกของประชาชนในการต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบ ส่งเสริมให้
ประชาชนรวมตัวกันรังเกียจการทุจริตและมีส่วนร่วมในการต่อต้านทุจริตด้วยการชี้เบาะแส การสร้างลักษณะ
นิสัยไม่โกงและไม่ยอมให้ผู้ใดโกง และเสริมสร้างบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการเสริมสรา้ งธรร
มาภิบาลและต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบ ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ใน
ยุทธศาสตร์ที่ 6 การปรบั สมดุลและพัฒนา การบริหารจัดการภาครัฐ โดยไดก้ ำหนดให้การพัฒนาระบบบริหาร
จัดการกำลังคนและพัฒนาบุคลากรภาครัฐในการปฏิบัติราชการ และการต่อต้านการทุจริตและประพฤติผิดมิ
ชอบ เป็นส่วนหนึ่งของกรอบแนวทางที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี อีกท้ัง
ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560- 2564) ได้กำหนด
ยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริตเป็นยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นกระบวนการปรับสภาพทางสังคมให้
เกิดภาวะ “ไม่ทนต่อการทุจริต” และบูรณาการต่อต้านการทุจริตของประเทศโดยมีสำนักงาน ป.ป.ช. เป็น
องค์กรหลกั ในการบรู ณาการภาคสว่ นต่างๆ เขา้ ด้วยกนั เพ่ือให้เป็นไปในทศิ ทางเดียวกัน คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติ
เห็นชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 ตามที่
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอใหม้ ีหลกั สูตรต้านทุจริตศึกษา ประกอบดว้ ย 5 หลกั สตู ร ดังน้ี 1) หลกั สูตรการศึกษาขั้น
พื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 2) หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใสใจสะอาด “Youngster with
good heart”) 3) หลักสูตรกลุ่มทหารและตำรวจ (หลักสูตรตามแนวทางการรับราชการ กลุ่มทหารและ
ตำรวจ) 4) หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้นำการเปลี่ยนแปลงสู่
สงั คมทไี่ มท่ นตอ่ การทจุ ริต) และ5) หลักสูตรโคช้ (โคช้ เพ่อื การรคู้ ิดตา้ นทจุ ริต)
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ได้มีการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาลงสู่สถานศึกษาทุกสังกัด
ทั่วประเทศ โดยกำหนดให้ทุกสถานศึกษานำหลักสูตรฯ ไปใช้ในการเรียนการสอนตั้งแต่ ปีการศึกษาท่ี
1/2562 (เดือนพฤษภาคม 2562) เป็นต้นไป รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนหลักสูตร
ต้านทุจริตศึกษา ทั้ง 5 หลักสูตร และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ได้มีการผลักดันหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา
อย่างต่อเนื่อง และมีการติดตามผลสัมฤทธิ์ในการใช้หลักสูตรฯ เพื่อพัฒนาและขยายผลหลักสูตรต้านทุจริต
ศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาขึ้น เพื่อแก้ไข
ปัญหาและให้คำแนะนำแก่กลุ่มเป้าหมายที่นำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562
ดังนั้น เพื่อให้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษามีการนำไปใช้แล้วเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด สำนักงาน
๑
ป.ป.ช. จึงเหน็ ควรจดั โครงการพฒั นาหลกั สูตรตา้ นทุจริตศกึ ษา (Anti – Corruption Education Technology
: AC EdTech) ด้วยการดำเนินการกิจกรรมสร้างและพัฒนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา นอกจากน้ีต้องมีการ
กำกบั ติดตาม และให้คำปรึกษาเพอ่ื พฒั นา ปรบั ปรงุ และเสนอแนะแนวทางในการนำหลกั สตู รต้านทุจริตศึกษา
ไปใช้ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และเพื่อให้การขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาเป็นการส่งเสริม สนับสนุน ผลักดัน
สถาบันการศกึ ษา หน่วยงานภาครฐั เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ทันสมัย
สร้างเป็นพื้นที่ให้กลุ่มเป้าหมายและประชาชนทั่วไปสามารถค้นคว้าองค์ความรู้ สื่อการเรียนรู้ แลกเปลี่ยน
เรียนรู้ และรว่ มแสดงความคดิ เหน็ เพอื่ ใหก้ ารดำเนนิ การบรรลุเปา้ หมายตัวช้วี ดั ตามแผนแมบ่ ทภายใต้ยุทธศาสตร์
ชาติ (21) ประเด็นการตอ่ ตา้ นการทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบ (พ.ศ. 2561 –2580)
กลมุ่ เปา้ หมาย
1. หนว่ ยงาน/บุคลากรทีเ่ ก่ียวขอ้ งในภาครัฐ รัฐวสิ าหกิจ และภาคเอกชน
2. ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา
3. นักเรียน นิสิต นกั ศกึ ษา
4. ภาคประชาสังคม/ประชาชนทั่วไป
5. ผูบ้ รหิ าร และเจ้าหนา้ ท่สี ำนักงาน ป.ป.ช.
การดำเนนิ การ
กิจกรรมศนู ย์ใหค้ ำปรกึ ษาหลกั สตู รต้านทจุ ริตศึกษา
กิจกรรมท่ี 1 การเพมิ่ ประสิทธภิ าพด้านการประชาสมั พนั ธ์และใหค้ ำปรึกษาหลักสตู รตา้ นทจุ รติ ศึกษา
กิจกรรมที่ 2 การให้คำปรึกษาเชิงลึกในการขบั เคล่อื นหลกั สตู รตา้ นทุจริตศึกษา
กิจกรรมท่ี 3 การจัดทำรูปเล่มรายงานผลการใหค้ ำปรกึ ษาหลักสตู รตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
ตัวชว้ี ัดของผลผลติ /ผลลพั ธก์ ารดำเนนิ โครงการ
๑. กิจกรรมที่ ๑ การเพิ่มประสทิ ธภิ าพดา้ นการประชาสัมพันธแ์ ละให้คำปรึกษาหลักสตู รต้านทจุ ริตศกึ ษา
ผลผลติ (Output) : การเพิม่ ประสทิ ธภิ าพด้านการประชาสมั พนั ธฯ์
ตัวชีว้ ัด : เอกสารเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ครบถ้วนถูกต้องจำนวน 2,000 ชดุ
ผลลพั ธ์ (Outcome) : การขับเคลื่อนกิจกรรมศูนย์ให้คำปรึกษาหลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา
ตวั ชว้ี ัด : รายงาน/ขอ้ เสนอแนะการขบั เคลอ่ื นกิจกรรมศูนย์ให้คำปรึกษา
หลกั สตู รต้านทุจริตศกึ ษา จำนวน 1 ฉบับ
๒. กิจกรรมที่ ๒ การใหค้ ำปรึกษาเชิงลึกในการขับเคล่ือนหลักสตู รต้านทุจริตศึกษา
ผลผลิต (Output) : การให้คำปรึกษาหลักสตู รต้านทุจรติ ศึกษา
ตวั ชว้ี ัด : จำนวนการให้คำปรึกษา ไม่นอ้ ยกวา่ 10 หน่วยงาน
ผลลัพธ์ (Outcome) : การขับเคล่ือนกิจกรรมศูนย์ใหค้ ำปรึกษาหลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา
ตัวชว้ี ัด : รายงาน/ข้อเสนอแนะการขับเคลื่อนกิจกรรมศูนย์ให้คำปรึกษา
หลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษา จำนวน 1 ฉบบั
๒
3. กจิ กรรมท่ี 3 การจดั ทำรปู เล่มรายงานผลการใหค้ ำปรกึ ษาหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
ผลผลติ (Output) : การจดั ทำรูปเล่มรายงานผลการให้คำปรึกษาหลักสตู รต้านทจุ ริตศึกษา
ตัวช้ีวัด : การจดั ทำเอกสารเผยแพร่ จำนวน 480 เลม่
ผลลัพธ์ (Outcome) : การขับเคล่ือนกิจกรรมศนู ย์ให้คำปรกึ ษาหลกั สูตรต้านทจุ ริตศึกษา
ตวั ชีว้ ัด : รายงาน/ขอ้ เสนอแนะการขับเคลื่อนกจิ กรรมศูนยใ์ หค้ ำปรกึ ษา
หลักสูตรต้านทจุ รติ ศกึ ษา จำนวน 1 ฉบับ
ผรู้ ับผิดชอบโครงการ
สำนักตา้ นทจุ ริตศึกษา สำนักงาน ป.ป.ช.
การตดิ ตามและประเมนิ ผล
เอกสารสรปุ การดำเนินการกิจกรรมศูนยใ์ ห้คำปรึกษาหลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา
๓
ขอบเขตรายละเอยี ดการประชมุ หารอื
เพอื่ ตดิ ตามและใหค้ ำปรกึ ษาหลักสตู รต้านทุจรติ ศึกษา ประจำปีงบประมาณ 2565
ในรูปแบบ Onsite และ Online Platform (ผ่านระบบ Zoom Meeting)
-------------------------------------
เวลา หัวข้อรายละเอียด การชี้แจง
10.00 – 10.10 น. - แนะนำคณะผบู้ รหิ ารฝ่ายสำนักงาน ป.ป.ช. - ผู้แทนสำนกั งาน ป.ป.ช.
- แนะนำคณะผู้บรหิ ารจากหน่วยงานภายนอก - ผู้แทนจากหน่วยงานภายนอก
10.10 – 10.30 น. - ทมี่ าของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา รศ. ดร. มาณี ไชยธรี านุวัฒศิริ
ทปี่ รึกษาประธานกรรมการ ป.ป.ช.
10.30 – 10.50 น. - ความสำคัญ / ความจำเป็นของหลักสูตร นายอทุ ิศ บัวศรี
ตา้ นทจุ รติ ศึกษา รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช.
- ผ้แู ทนจากหน่วยงานภายนอก
10.50 – 11.20 น. - รายงานผลการดำเนินการนำไปใช้
/ ไมน่ ำไปใช้ - คณะสำนกั งาน ป.ป.ช.
- ปญั หาอุปสรรค
11.20 – 11.30 น. - ประเด็นคำถาม / ข้อสงสยั
๔
เนื้อหาชดุ วชิ าประกอบหลักสตู รต้านทจุ รติ ศึกษา (Anti-Corruption Education)
หลักสตู รต้านทุจรติ ศึกษา (Anti-Corruption Education) พ.ศ. 2561 ประกอบดว้ ยชุดวชิ า ๔ ชุดวชิ า คอื
ชุดวชิ าที่ 1 การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชนส์ ว่ นรวม
ชุดวิชาท่ี 2 ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต
ชุดวชิ าที่ 3 STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ตา้ นการทจุ รติ
ชุดวชิ าท่ี 4 พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม
ชดุ วชิ าท่ี 1 การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวม
ชุดวิชาดังกล่าวเน้นการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน โดยปรับเปลี่ยนระบบการคิดของคนในสังคมแยกแยะ
ให้ได้ว่า "เรื่องใดเป็นประโยชน์ส่วนตน เรื่องใดเป็นประโยชน์ส่วนรวม" โดยนำวิธีคิดแบบฐาน 10 (Analog
thinking) และฐาน 2 (Digital thinking) มาประยกุ ต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาการทจุ ริตอย่างยง่ั ยืน
๑. สาเหตขุ องการทจุ ริตและทศิ ทางการป้องกนั การทุจริตในประเทศไทย
การทุจริตเป็นหนึ่งในประเด็นที่ทั่วโลกแสดงความกังวล อันเนื่องมาจากเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน
ยากตอ่ การจดั การและเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วน เปน็ ทีย่ อมรบั กันว่าการทุจริตน้ันมีความเป็นสากล เพราะมีการ
ทุจรติ เกดิ ขึน้ ในทกุ ประเทศ ไม่วา่ จะเปน็ ประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศที่กำลังพัฒนา การทจุ รติ เกิดข้ึนทั้งใน
ภาครัฐและภาคเอกชน หรือแม้กระทั่งในองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรหรือองค์กรเพื่อการกุศล ในปัจจุบัน
การกล่าวหาและการฟ้องร้องคดีการทุจริตยังมีบทบาทสำคัญในด้านการเมืองมากกว่าช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลในหลาย
ประเทศมผี ลการปฏบิ ตั ิงานทไี่ ม่โปร่งใสเท่าที่ควร องค์กรระดับโลก หลายองคก์ รเสื่อมเสียช่ือเสียง เนื่องมาจาก
เหตุผลด้านความโปร่งใส อาจกล่าวได้ว่าการทุจริตเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่จะขัดขวางการพัฒนาประเทศให้เป็น
รัฐสมัยใหม่ซึ่งต่างเป็นที่ทราบกันดีว่าการทุจริตควรเป็นประเด็นแรก ๆ ที่ควรให้ความสำคัญในวาระของการ
พัฒนาประเทศของทุกประเทศ เห็นไดช้ ัดว่าการทจุ ริตส่งผลกระทบอย่างมากกบั การพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะ
อยา่ งย่ิงในประเทศท่ีกำลังพัฒนา เป็นการขดั ขวางการพัฒนาเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ใหก้ ้าวไปสู่รัฐสมัยใหม่
และควรเปน็ ปญั หาที่ควรจะต้องรีบแกไ้ ขโดยเรว็ ท่ีสุด การทุจริตน้ันอาจเกดิ ขน้ึ ได้ในประเทศทีม่ สี ถานการณ์ดังต่อไปน้ี
1) มีกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อกำหนดจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางธุรกิจ ซึ่งจะเป็น
โอกาสที่จะทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มหรือกำไรส่วนเกินทางเศรษฐกิจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมาตรการหรือ
ข้อกำหนดดงั กล่าวมคี วามซบั ซอ้ น คลุมเครือ เลอื กปฏิบัตเิ ป็นความลบั หรอื ไม่โปรง่ ใส
2) เจ้าหนา้ ทผ่ี ู้มอี ำนาจมีสิทธ์ขิ าดในการใช้ดุลยพินิจ ซงึ่ ใหอ้ สิ ระในการเลือกปฏิบัติเป็นอย่างมากว่าจะ
เลอื กใชอ้ ำนาจใด กบั ใครกไ็ ด้
3) ไม่มีกลไกท่ีมีประสทิ ธิภาพหรอื องคก์ รที่มีหน้าทีค่ วบคุมดูแลและจัดการตอ่ การกระทำใด ๆ ของเจ้าหนา้ ท่ี
ทีม่ ีอำนาจโดยเฉพาะอย่างย่ิงประเทศที่กำลังพฒั นา การทุจริตมแี นวโนม้ ทจี่ ะเกิดข้ึนได้อย่างมาก โดยไม่ใช่เพียง
เพราะว่าลักษณะประชากรนั้นแตกต่างจากภูมิภาคอื่นที่พัฒนาแล้ว หากแต่เป็นเพราะกลุ่มประเทศที่กำลัง
พัฒนานั้นมีปัจจัยภายในต่าง ๆ ที่เอื้อหรือสนับสนุนต่อการเกิดการทุจริต อาทิ (1) แรงขับเคลื่อนที่อยากมี
รายได้เป็นจำนวนมากอันเป็นผลเนื่องมาจากความจน ค่าแรงในอัตราที่ต่ำ หรือมีสภาวะความเสี่ยงสูงในด้าน
ต่าง ๆ เช่น ความเจ็บป่วยอุบัติเหตุ หรือการว่างงาน 2) มีสถานการณ์หรือโอกาสที่อาจก่อให้เกิดการทุจริตได้
เป็นจำนวนมาก และมีกฎระเบยี บตา่ งๆ ที่อาจนำไปส่กู ารทุจรติ 3) การออกกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
ที่ไม่เข้มแข็ง 4) กฎหมายและประมวลจริยธรรมไม่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัย 5) ประชากรในประเทศยังคง
จำเป็นต้องพ่ึงพาทรัพยากรธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก 6) ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง และเจตจำนง
ทางการเมอื งที่ไมเ่ ขม้ แข็ง ปัจจยั ตา่ ง ๆ ดังกลา่ ว จะนำไปสู่การทจุ รติ ไม่วา่ จะเป็นทจุ ริตระดบั บนหรือระดับล่าง
ก็ตามซึ่งผลที่ตามมาอย่างเห็นได้ชัดเจนมีด้วยกันหลายประการ เช่น การทุจริตทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศ
๕
ดา้ นความโปร่งใสนน้ั เลวรา้ ยลง การลงทนุ ในประเทศโดยเฉพาะอย่างย่ิงจากนักลงทนุ ต่างชาติลดน้อยลง ส่งผล
กระทบทำให้การเตบิ โตทางเศรษฐกิจลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน หรอื การทจุ ริตทำให้เกิดช่องว่างของความไม่เท่า
เทียมที่กว้างขึ้นของประชากรในประเทศหรืออีกนัยหนึ่งคือระดับความจนนั้นเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่กลุ่มคนรวย
กระจุกตัวอยู่เพียงกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มเดียว นอกจากนี้การทุจริตยังทำให้การสร้างและปรับปรุงสาธารณูปโภคต่างๆ
ของประเทศนั้นลดลงทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ รวมทั้งยังอาจนำพาประเทศไปสู่วิกฤติทางการเงินท่ี
ร้ายแรงได้อกี ด้วย
การเปลี่ยนแปลงวิธีคิด (ParadigmShift) จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากต่อการดำเนินงานด้าน
การต่อต้านการทุจริต ตามคำปราศรัยของประธานที่ได้กล่าวต่อที่ประชุมองค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
สหรฐั อเมริกา เมอ่ื ปี พ.ศ. 2558 วา่ “การทุจริตเป็นหนึ่งในความท้าทายที่มีความสำคัญมากในศตวรรตท่ี 21
ผู้นำโลกควรจะเพิ่มความพยายามขึ้นเป็นสองเท่าที่จะสร้างเครื่องมือที่มีความเข้มแข็งเพื่อรื้อระบบ
การทุจริตที่ซ่อนอยู่ออกให้หมดและนำทรัพย์สินกลับคืนให้กับประเทศ ต้นทางที่ถูกขโมยไป…” ทั้งน้ี ไม่
เพียงแต่ผู้นำโลกเทา่ นั้นท่ีต้องจริงจังมากขึ้นกับการต่อต้านการทุจริต เราทุกคนในฐานะประชากรโลกก็มีความ
จำเป็นทจี่ ะต้องเอาจริงเอาจังกับการต่อต้านการทุจรติ เชน่ เดียวกัน โดยทั่วไปอาจมองว่าเป็นเร่ืองไกลตัว แต่แท้ที่
จริงแล้วการทุจริตนั้นเป็นเรื่องใกล้ตวั ทุกคนในสังคมมาก การเปล่ียนแปลงระบบวธิ ีการคิดเป็นเรื่องสำคัญ หรือ
ความสามารถในการการแยกแยะระหว่างประโยชน์สว่ นตนออกจากประโยชน์ส่วนรวม เป็นสิ่งจำเปน็ ที่จะต้อง
เกิดขนึ้ กบั ทุกคนในสังคม ตอ้ งมีความตระหนักได้ว่าการกระทำใดเป็นการล่วงล้ำสาธารณประโยชน์ การกระทำ
ใดเป็นการกระทำที่อาจเกิดการทับซ้อนระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน และประโยชน์ส่วนรวม ต้องคำนึงถึง
ประโยชน์ของประเทศชาติเปน็ อนั ดับแรกก่อนท่จี ะคำนึงถงึ ผลประโยชนส์ ว่ นตนหรือพวกพ้อง
การทุจริตในสังคมไทยระหว่างช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมาส่งผลเสียต่อประเทศอย่างมหาศาลและเป็น อุปสรรค
สำคัญต่อการพัฒนาประเทศในทุกมิติรูปแบบการทุจริตจากเดิมทเี่ ปน็ การทุจริตทางตรงไม่ซับซ้อน อาทิ การรับ
สินบน การจัดซื้อจัดจ้าง ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนเป็นการทุจริตที่ซับซ้อนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การทุจริต
โดยการทำลายระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ การกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือ
ผลประโยชนท์ บั ซ้อน และการทจุ ริตเชงิ นโยบาย
ประเทศไทยมีความพยายามแก้ไขปัญหาการทุจริตโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันสร้างเครื่องมือ
กลไก และกำหนดเป้าหมายสำหรับการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เริ่มตั้งแต่ช่วงปี
พ.ศ. 2551 จนถึงปัจจุบัน การดำเนินงานได้สร้างความตื่นตัวและเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและ
ปราบปรามการทจุ ริตตามบทบาทของแต่ละหน่วยงาน จึงมีความจำเป็นอยา่ งยิ่งท่ีจะต้องปรับฐานความคิดและ
สรา้ งความตระหนกั รู้ให้ทกุ ภาคสว่ นของสังคม
สำหรับประเทศไทยได้กำหนดทิศทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริตซึ่งมีความสอดคล้องกับ
สถานการณท์ างการเมอื ง เศรษฐกจิ สังคม วฒั นธรรม และความรนุ แรง รวมถงึ การสรา้ งความตระหนักในการประพฤติ
ปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริตของคนในสังคม ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ในฐานะองค์กรหลักด้านการดำเนินงาน
ป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวมทั้งบูรณาการการทำงานด้านการต่อต้านการทุจริตเข้ากับทุกภาคส่วน
ดงั นั้น สาระสำคญั ทม่ี ีความเช่ือมโยงกับทิศทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. มีดงั นี้
1. รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช 2560
2. วาระการปฏิรปู ท่ี 1 การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ และประพฤตมิ ชิ อบของสภาปฏิรปู แห่งชาติ
3. ยทุ ธศาสตรช์ าตริ ะยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579)
4. แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาตฉิ บบั ที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564)
5. โมเดลประเทศไทยสูค่ วามม่นั คง มงั่ คง่ั และยั่งยนื (Thailand 4.0)
6. ยทุ ธศาสตรช์ าติวา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564)
๖
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดในหมวดที่ 4 หน้าที่ของประชาชน
ชาวไทยว่า “...บุคคลมีหน้าที่ ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริต และประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ” ถือได้ว่า
เป็นครั้งแรกท่ีรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทย
ทกุ คน นอกจากน้ี ยังกำหนดชดั เจนในหมวดท่ี 5 หนา้ ท่ีของรัฐว่า “รัฐตอ้ งสง่ เสริม สนับสนุน และให้ความรู้แก่
ประชาชนถึงอันตรายที่เกิดจากการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งภาครัฐและภาคเอกชนและจัดให้มีมาตรการ
และกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันและขจัดการทุจริต และประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด รวมท้ัง
กลไกในการส่งเสริมให้ประชาชนรวมตัวกัน เพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์ให้ความรู้ต่อต้านการทุจริต หรือช้ี
เบาะแส โดยไดร้ บั ความคุ้มครองจากรฐั ตามทกี่ ฎหมายบญั ญัติ” การบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ รฐั ตอ้ งเสริมสร้างให้
ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ คือ ไม่เลือกปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการ
บ้านเมืองที่ดี ซึ่งการบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรัฐต้องเป็นไปตามระบบคุณธรรมตามที่กฎหมาย
บัญญัติโดยอย่างน้อยต้องมีมาตรการป้องกันมิให้ผู้ใดใช้อำนาจหรือกระทำการโดยมิชอบแทรกแซงการปฏิบัติ
หน้าที่ หรือกระบวนการแต่งตั้ง หรือการพิจารณาความดีความชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และรัฐต้องจัดให้มี
มาตรฐานทางจริยธรรม เพื่อให้หน่วยงานใช้เป็นหลักในการกำหนดประมวลจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ใน
หน่วยงาน ซึ่งต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าว การที่รัฐธรรมนูญได้ให้ความสำคัญต่อการบริหาร
ราชการที่มีประสิทธิภาพและการบริหารบุคคลที่มีคุณธรรมนั้นสืบเนื่องมาจากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาได้เกิด
ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารบุคคล มีการโยกย้ายแต่งตั้งที่ไม่เป็นธรรมบังคับหรือชี้นำให้ข้าราชการหรือ
เจ้าหน้าท่ขี องรัฐปฏบิ ัตงิ านโดยไมย่ ดึ มนั่ ในหลักผลประโยชน์แหง่ รฐั รวมถึงการมุง่ เน้นการแสวงหาผลประโยชน์
ใหก้ ับตนเองรวมถึงพวกพ้อง รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช 2560 จงึ ได้มคี วามพยายามท่ีจะ
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการสร้างประสิทธิภาพในระบบการบริหารงานราชการแผ่นดินและเจ้าหน้าท่ี
ของรัฐ ต้องยดึ มัน่ ในหลักธรรมาภบิ าล และมคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมตามที่กำหนดเอาไว้
วาระการปฏิรูปท่ี 1 การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของสภาปฏิรปู แห่งชาติ
สภาปฏิรูปแห่งชาติในฐานะองค์กรที่มีบทบาทและอำนาจหน้าที่ในการปฏิรูปกลไก และปฏิบัติงานด้านการ
บริหารราชการแผ่นดิน ได้มีข้อเสนอเพื่อปฏิรูปด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
เพือ่ แกไ้ ขปญั หาดงั กล่าวให้เป็นระบบ มีประสทิ ธิภาพ ยงั่ ยนื เป็นรปู ธรรมปฏบิ ตั ไิ ด้สอดคลอ้ งกับมาตรฐานสากล
และบริบทของสังคมไทย โดยเสนอให้มียุทธศาสตร์การแก้ไขปญั หา 3 ยุทธศาสตรป์ ระกอบด้วย
(1) ยุทธศาสตร์การปลูกฝัง “คนไทย ไม่โกง”เพื่อปฏิรูปคนให้มีจิตสำนึก สร้างจิตสำนึกที่ตัวบุคคล
รับผิดชอบชั่วดีอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ มองว่าการทุจริตเป็นเรื่องน่ารังเกียจเป็นการเอาเปรียบสังคมและ
สังคมไม่ยอมรับ
(2) ยุทธศาสตร์การป้องกันด้วยการเสริมสร้างสังคมธรรมาภิบาล เพื่อเป็นระบบป้องกันการทุจริต
เสมือนการสรา้ งระบบภมู ติ ้านทานแกท่ ุกภาคส่วนในสงั คม
(3) ยุทธศาสตร์การปราบปราม เพื่อปฏิรูประบบและกระบวนการจัดการต่อกรณีการทุจริตให้มี
ประสิทธิภาพ ให้สามารถเอาตัวผูก้ ระทำความผิดมาลงโทษได้ซึ่งจะทำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าทีจ่ ะกระทำ
การทจุ รติ ข้นึ อกี ในอนาคต
ยุทธศาสตรช์ าติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) สภาขับเคลอ่ื นการปฏิรูปประเทศได้กำหนดให้
กฎหมายว่าดว้ ยยุทธศาสตรช์ าติมีผลบังคับภายในปี พ.ศ. 2559 หรอื ภายในรฐั บาลนีแ้ ละกำหนดให้หน่วยงาน
ของรัฐทุกหน่วยงานนำยุทธศาสตร์ชาติยุทธศาสตร์ด้านต่าง ๆ แผนพัฒนาด้านต่าง ๆ มาเป็นแผนแม่บทหลักในการ
กำหนดแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณ ยุทธศาสตร์ชาติดังกล่าวเป็นยุทธศาสตร์ที่ยึดวัตถุประสงค์หลัก
แห่งชาติเปน็ แม่บทหลัก ทศิ ทางด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การสร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาล
ในการบริหารราชการแผ่นดิน ของหน่วยงานภาครัฐทกุ หน่วยงานจะถกู กำหนดจากยทุ ธศาสตรช์ าติ
๗
สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติวางกรอบยุทธศาสตร์ชาติในระยะ 20 ปีโดยมีกรอบวิสัยทัศน์
“ประเทศไทยมีความมัน่ คง มง่ั ค่ัง ยั่งยนื เป็นประเทศพฒั นาแลว้ ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง” คติพจน์ประจำชาติว่า “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1
ความมั่นคง ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความสามารถในการแข่งขัน ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาและเสริมสร้าง
ศักยภาพคน ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม ยุทธศาสตร์ที่ 5
การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์ที่ 6 การปรับสมดุลและ
พัฒนาการบริหารจัดการภาครัฐ ในยุทธศาสตร์ที่ 6 ได้กำหนดกรอบแนวทางที่สำคัญ 6 แนวทาง
ประกอบด้วย (1) การปรับปรุงการบริหารจัดการรายได้และรายจ่ายของภาครัฐ (2)การพัฒนาระบบการ
ให้บริการประชาชนของหน่วยงานภาครัฐ (3) การปรับปรุงบทบาท ภารกิจ และโครงสร้างของหน่วยงาน
ภาครฐั ให้มีขนาดท่ีเหมาะสม (4) การวางระบบบริหารงานราชการแบบบูรณาการ (5) การพัฒนาระบบบริหาร
จัดการกำลังคนและพัฒนาบุคลากรภาครฐั ในการปฏิบัติราชการ (6) การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมชิ อบ
(7) การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับให้มีความชัดเจน ทันสมัย เป็นธรรม และสอดคล้องกับ
ข้อบังคับสากลหรือข้อตกลงระหว่างประเทศ ตลอดจนพัฒนาหน่วยงานภาครัฐและบุคลากรที่มีหน้าที่เสนอ
ความเหน็ ทางกฎหมายให้มีศักยภาพ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 12 (พ.ศ.2560 - 2564) กำหนดในยุทธศาสตร์ที่ 6
การบริหารจัดการภาครัฐ การป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบและธรรมาภบิ าลในสงั คมไทยในยุทธศาสตร์น้ี
ได้กำหนดกรอบ แนวทางการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและคอร์รัปชัน มุ่งเน้นการส่งเสริม และ
พฒั นาปลูกฝังค่านิยม วัฒนธรรม วธิ ีคิดและกระบวนทัศน์ให้คนมีความตระหนัก มีความรู้เท่าทันและมีภูมิต้านทาน
ต่อโอกาสและการชักจูงใหเ้ กิดการทุจริตคอร์รัปชันและมีพฤติกรรมไม่ยอมรบั การทุจริตประพฤติมิชอบ รวมท้ัง
สนับสนุนทกุ ภาคสว่ น ในสังคมไดเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการป้องกันและปราบรามการทุจรติ และม่งุ เนน้ ให้เกิดการ
ส่งเสริมธรรมาภิบาลในภาคเอกชน เพื่อเป็นการตัดวงจรการทุจริตระหว่างนักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจ
ออกจากกนั ทัง้ นี้ การบรหิ ารงานของส่วนราชการตอ้ งมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้
โมเดลประเทศไทยสคู่ วามมน่ั คง ม่งั คงั่ และย่งั ยนื (Thailand 4.0) เป็นโมเดลท่ีน้อมนำหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวคิดหลักในการบริหารประเทศ ถอดรหสั ออกมาเป็น 2 ยทุ ธศาสตรส์ ำคัญ คือ
(1) การสร้างความเข้มแข็งจากภายใน (StrengthfromWithin) และ (2) การเชื่อมโยงกับประชาคมโลก
ในยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งจากภายใน Thailand 4.0 เน้นการปรับเปลี่ยน 4 ทิศทางและเน้นการ
พัฒนาที่สมดุลใน 4 มิติ มิติที่หยิบยก คือ การยกระดับศักยภาพและคุณค่าของมนุษย์ (Human Wisdom)
ด้วยการพัฒนาคนไทยให้เป็น “มนุษย์ที่สมบูรณ์” ผ่านการปรับเปลี่ยนระบบนิเวศน์การเรียนรู้เพื่อเสริมสร้าง
แรงบันดาลใจบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ปลูกฝังจิตสาธารณะ ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้งมีความซื่อสัตย์
สุจริต มีวินัย มีคุณธรรมจริยธรรม มีความรับผิดชอบ เน้นการสร้างคุณค่าร่วม และค่านิยมที่ดีคือ สังคมที่มี
ความหวงั (Hope) สังคมที่เป่ียมสขุ (Happiness) และสงั คมทม่ี ีความสมานฉันท(์ Harmony)
ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ.2560 - 2564)
ท่ีกำหนดวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยท้ังชาติต้านทจุ ริต”(Zero Tolerance & Clean Thailand) กำหนด
ยทุ ธศาสตร์หลักออกเป็น 6 ยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ คอื ยุทธศาสตร์ที่ 1 สรา้ งสงั คมที่ไม่ทนต่อการทุจริต
เป็นยุทธศาสตร์ท่ีมุ่งเน้นการกระบวนการปรับสภาพทางสังคมให้เกิดภาวะ “ไมท่ นต่อการทุจริต” โดยเร่ิมต้ังแต่
กระบวนการกลอ่ มเกลาทางสังคม สรา้ งวฒั นธรรมต่อต้านการทจุ รติ ปลูกฝังความพอเพียง มวี นิ ยั ซื่อสัตยส์ ุจริต
มจี ิตสาธารณะ จติ อาสา และความเสียสละเพื่อส่วนรวม ปลูกฝังความคดิ แบบดิจิทัล (Digital Thinking) ใหส้ ามารถ
คิดแยกแยะระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม และประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
เป็นเครอ่ื งมือต้านทจุ รติ
๘
สาระสำคัญทั้ง 6 ด้านดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือชี้นำทิศทางการปฏิบัติงานและการบูรณาการ
ด้านต่อตา้ นการทจุ ริตของประเทศโดยมีสำนักงาน ป.ป.ช. เปน็ องคก์ รหลักในการบูรณาการงานของภาคสว่ นตา่ ง ๆ
เข้าดว้ ยกันและเพ่อื ใหเ้ ป็นไปในทิศทางเดยี วกัน
2. ทฤษฎี ความหมาย และรูปแบบของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม
(Conflict of interest)
คำว่า Conflict of Interest มีผู้ให้คำแปลเป็นภาษาไทยไว้หลากหลาย เช่น “การขัดกันแห่ง
ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม” หรือ “การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์
ส่วนรวม” หรือ “การขัดกันระหว่างผลประโยชน์สาธารณะและผลประโยชน์ส่วนตน” หรือ “ประโยชน์ทับซ้อน”
หรือ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” หรือ “ผลประโยชน์ขัดกัน” หรือบางท่านแปลว่า “ผลประโยชน์ขัดแย้ง” หรือ
“ความขดั แยง้ ทางผลประโยชน์”
การขดั กนั ระหวา่ งประโยชน์ส่วนตนกับประโยชนส์ ว่ นรวม หรอื ท่ีเรยี กวา่ Conflict of Interest นั้นก็มี
ลักษณะทำนองเดียวกันกับกฎศีลธรรม ขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี หลักคุณธรรม จริยธรรม กล่าวคือ
การกระทำใด ๆ ทีเ่ ป็นการขัดกนั ระหว่างประโยชนส์ ่วนตนกับประโยชนส์ ่วนรวม เป็นสิง่ ทค่ี วรหลีกเลี่ยงไม่ควร
จะกระทำ แต่บุคคลแต่ละคน แต่ละกลุ่ม แต่ละสังคม อาจเห็นว่าเรื่องใดเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตน
กับประโยชน์ส่วนรวมแตกต่างกันไป หรือเมื่อเห็นว่าเป็นการขัดกันแล้วยังอาจมีระดับของความหนักเบา
แตกต่างกัน อาจเห็นแตกต่างกันว่าเรื่องใดกระทำได้กระทำไม่ได้แตกต่างกันออกไปอีก และในกรณีที่มีการฝ่าฝืน
บางเรอ่ื งบางคนอาจเหน็ วา่ ไมเ่ ป็นไร เปน็ เรือ่ งเล็กน้อย หรอื อาจเหน็ เป็นเร่อื งใหญ่ ต้องถูกประณาม ตำหนิ ติฉิน
นินทา ว่ากล่าว ฯลฯ แตกต่างกันตามสภาพของสังคม
โดยพื้นฐานแล้ว เรื่องการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม เป็นกฎศีลธรรม
ประเภทหนึ่งที่บุคคลไม่พึงละเมิดหรือฝา่ ฝืน แต่เนื่องจากมีการฝ่าฝืนกันมากขึ้น และบุคคลผู้ฝ่าฝืนก็ไม่มีความ
เกรงกลัวหรอื ละอายตอ่ การฝ่าฝืนน้ัน สังคมก็ไม่ลงโทษหรอื ลงโทษไม่เพียงพอที่จะมผี ลเป็นการห้ามการกระทำ
ดงั กล่าว และในท่ีสดุ เพ่ือหยุดย้ังเร่ืองดังกล่าวนี้ จึงมกี ารตรากฎหมายทเี่ ก่ียวข้องกับการขัดกนั แห่งผลประโยชน์
มากข้ึน ๆ และเป็นเรื่องท่สี งั คมให้ความสนใจมากขึน้ ตามลำดับ
คู่มือการปฏิบัติสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อมิให้ดำเนินกิจการที่เป็นการขัดกันประโยชนส่วนตนและ
ประโยชน์ส่วนรวม ตามมาตรา 100 แห่งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การทุจรติ ได้ให้ความหมายไว้ ดังน้ี
“ประโยชน์ส่วนตน (Private Interests) คือ การที่บุคคลทั่วไปในสถานะเอกชนหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ในสถานะเอกชนได้ทำกิจกรรมหรือได้กระทำการตา่ ง ๆ เพื่อประโยชน์ส่วนตน ครอบครัว เครือญาติ พวกพ้อง
หรือของกลุ่มในสังคมที่มีความสัมพันธ์กันในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การประกอบอาชีพ การทำธุรกิจ การค้า
การลงทุน เพอ่ื หาประโยชนใ์ นทางการเงนิ หรือในทางธรุ กิจ เป็นตน้ ”
“ประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์สาธารณะ (Public Interests) คือ การที่บุคคลใด ๆ ในสถานะที่
เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ในหน่วยงานของรัฐ) ได้กระทำการใด ๆ ตามหน้าที่หรือได้ปฏิบตั ิหน้าท่ีอันเป็นการดำเนินการในอีกส่วนหนึ่งที่
แยกออกมาจากการดำเนินการตามหน้าที่ในสถานะของเอกชน การกระทำการใดๆ ตามหน้าที่ของเจ้าหน้าท่ี
ของรัฐจึงมีวัตถุประสงค์หรือมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม หรือการรักษาประโยชน์ส่วน รวมที่เป็น
ประโยชน์ของรัฐการทำหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่ของรฐั จึงมีความเกีย่ วเน่ืองเช่ือมโยงกับอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
และจะมีรูปแบบของความสัมพันธห์ รือมีการกระทำในลักษณะต่าง ๆ กนั ที่เหมือนหรือคล้ายกับการกระทำของ
บคุ คลในสถานะเอกชนเพียงแต่การกระทำในสถานะทีเ่ ปน็ เจ้าหน้าทีข่ องรฐั กับการกระทำในสถานะเอกชน จะมี
ความแตกต่างกันทวี่ ัตถปุ ระสงค์ เป้าหมายหรอื ประโยชนส์ ดุ ทา้ ยทีแ่ ตกต่างกนั ”
๙
“การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมหรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of
interests) คือ การท่เี จา้ หน้าที่ของรฐั กระทำการใด ๆ หรือดำเนินการในกิจการสาธารณะที่เปน็ การดำเนินการ
ตามอำนาจหน้าที่หรือความรับผิดชอบในกิจการของรัฐหรือองค์กรของรัฐ เพื่อประโยชน์ของรัฐหรือเพื่อ
ประโยชน์ของสว่ นรวม แต่เจา้ หน้าที่ของรัฐได้มีผลประโยชนส์ ว่ นตนเขา้ ไปแอบแฝง หรอื เป็นผู้ท่ีมีส่วนได้เสียใน
รูปแบบตา่ ง ๆ หรอื นำประโยชนส์ ่วนตนหรือความสัมพันธส์ ว่ นตนเขา้ มามีอิทธิพลหรือเกย่ี วข้องในการใช้อำนาจ
หน้าที่หรือดุยลพินิจในการพิจารณาตัดสินใจในการกระทำการใด ๆ หรือดำเนินการดังกล่าวนั้น เพื่อแสวงหา
ประโยชนใ์ นการทางเงินหรือประโยชน์อนื่ ๆ สำหรบั ตนเองหรือบุคคลใดบคุ คลหน่งึ ”
ความสัมพันธ์ระหว่าง “การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม” “จริยธรรม”
และ “การทุจรติ
“จริยธรรม” เป็นกรอบใหญ่ทางสังคมที่เป็นพื้นฐานของแนวคิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์
สว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวมและการทุจริต การกระทำใดท่ผี ิดต่อกฎหมายวา่ ด้วยการขดั กันระหว่างประโยชน์
ส่วนตนและประโยชน์สว่ นรวมและการทจุ รติ ยอ่ มเป็นความผดิ จริยธรรมด้วย
แต่ตรงกันข้าม การกระทำใดที่ฝ่าฝืนจริยธรรม อาจไม่เป็นความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่าง
ประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวมและการทุจริต เช่น มพี ฤตกิ รรมส่วนตัวไม่เหมาะสม มพี ฤติกรรมชสู้ าว เป็นต้น
๑๐
รปู แบบของการขัดกันระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม
การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมมีได้หลายรูปแบบไม่จำกัดอยู่เฉพาะใน
รูปแบบของตัวเงิน หรือทรัพย์สินเท่านั้น แต่รวมถึงผลประโยชน์อื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของตัวเงินหรือ
ทรัพย์สินด้วย ทั้งนี้ John Langford และ Kenneth Kernaghan ได้จำแนกรูปแบบของการขัดกันระหว่าง
ประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์สว่ นรวม ออกเป็น 7 รูปแบบ คือ
๑) การรับผลประโยชน์ต่าง ๆ (Accepting benefits) ซึ่งผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน
ของขวัญ การลดราคา การรับความบันเทิง การรับบริการ การรับการฝึกอบรม หรือสิ่งอื่นใดในลักษณะเดียวกันน้ี
และผลจากการรับผลประโยชน์ต่าง ๆ นั้น ได้ส่งผลให้ต่อการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการดำเนินการ
ตามอำนาจหน้าท่ี
๒) การทำธรุ กิจกบั ตนเอง (Self - dealing) หรอื เปน็ ค่สู ัญญา (Contracts) เปน็ การที่เจา้ หน้าท่ีของรัฐ
โดยเฉพาะผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ เข้าไปมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานที่ตนสังกัดโดยอาจจะเป็น
เจา้ ของบริษัททที่ ำสญั ญาเอง หรือเป็นของเครอื ญาติ สถานการณ์เช่นนีเ้ กดิ บทบาททีข่ ัดแย้ง หรือเรียกได้ว่าเป็น
ท้ังผูซ้ ้ือและผขู้ ายในเวลาเดียวกัน
๓) การทำงานหลังจากออกจากตำแหน่งหน้าที่สาธารณะหรือหลังเกษียณ (Post - employment)
เป็นการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐลาออกจากหน่วยงานของรัฐ และไปทำงานในบริษัทเอกชนที่ดำเนินธุรกิจประเภท
เดียวกันหรือบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานเดิม โดยใช้อิทธิพลหรือความสัมพันธ์จากที่เคยดำรงตำแหน่ง
ในหน่วยงานเดมิ นัน้ หาประโยชน์จากหนว่ ยงานใหก้ บั บริษทั และตนเอง
๔) การทำงานพิเศษ (Outside employment or moonlighting) ในรูปแบบนี้มีได้หลายลักษณะ
ไม่ว่าจะเป็นการท่ีเจ้าหน้าท่ีของรัฐตั้งบรษิ ัทดำเนินธุรกิจ ที่เป็นการแข่งขนั กบั หนว่ ยงานหรือองค์การสาธารณะ
ที่ตนสังกัด หรือการรับจ้างพิเศษเป็นที่ปรึกษาโครงการ โดยอาศัยตำแหน่งในราชการสร้างความน่าเชื่อถือว่า
โครงการของผู้ว่าจ้างจะไมม่ ปี ญั หาติดขดั ในการพิจารณาจากหนว่ ยงานท่ีท่ปี รึกษาสงั กัดอยู่
๕) การรู้ข้อมูลภายใน (Inside information) เป็นสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ประโยชน์จากการ
ทตี่ นเองรับรูข้ ้อมูลภายในหน่วยงาน และนำขอ้ มลู นัน้ ไปหาผลประโยชนใ์ ห้กับตนเองหรือพวกพ้อง อาจจะไปหา
ประโยชน์โดยการขายข้อมลู หรอื เข้าเอาประโยชน์เสียเอง
๖) การใช้ทรัพย์สินของราชการเพื่อประโยชนธ์ ุรกิจส่วนตัว (Using your employer’s property for
private advantage) เปน็ การที่เจา้ หน้าทีข่ องรฐั นำเอาทรพั ยส์ นิ ของราชการซ่งึ จะตอ้ งใชเ้ พ่ือประโยชนข์ องทาง
ราชการเทา่ นัน้ ไปใชเ้ พอ่ื ประโยชนข์ องตนเองหรอื พวกพ้อง หรือการใช้ให้ผูใ้ ต้บังคบั บัญชาไปทำงานสว่ นตวั
๗) การนำโครงการสาธารณะลงในเขตเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ทางการเมือง (Pork - barreling) เป็นการที่
ผดู้ ำรงตำแหนง่ ทางการเมืองหรือผู้บริหารระดับสูงอนุมตั โิ ครงการไปลงพน้ื ทีห่ รือบ้านเกิดของตนเองหรือการใช้
งบประมาณสาธารณะเพื่อหาเสยี ง
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณา “ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตน
กบั ประโยชนส์ ว่ นรวม พ.ศ. ....” ทำให้มรี ปู แบบเพม่ิ เติมจาก ทีก่ ลา่ วมาแล้วขา้ งตน้ อีก 2 กรณี คือ
๘) การใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แก่เครือญาติหรือพวกพ้อง (Nepotism) หรืออาจจะ
เรียกว่าระบบอุปถัมภ์พิเศษ เป็นการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้อิทธิพลหรือใช้อำนาจหน้าที่ทำให้หน่วยงานของตน
เขา้ ทำสญั ญากบั บรษิ ทั ของพ่ีน้องของตน
๙) การใช้อิทธิพลเข้าไปมีผลต่อการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานของรัฐอื่น (influence)
เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองหรือพวกพ้อง โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่ข่มขู่ผู้ใต้บังคับ บัญชาให้
หยุดทำการตรวจสอบบริษัทของเครอื ญาตขิ องตน
๑๑
ตัวอย่างการขดั กนั ระหวา่ งประโยชน์สว่ นตนกบั ประโยชน์ส่วนรวมในรปู แบบต่าง ๆ
1. การรบั ผลประโยชนต์ า่ ง ๆ
๑.๑ นายสุจรติ ขา้ ราชการชั้นผู้ใหญ่ ได้เดนิ ทางไปปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งในวันดังกล่าว
นายรวย นายก อบต. แหง่ หนง่ึ ได้มอบงาช้างจำนวนหนง่ึ คู่ใหแ้ ก่ นายสจุ รติ เพื่อเป็นของทร่ี ะลึก
๑.๒ การทเ่ี จ้าหนา้ ทข่ี องรัฐรับของขวัญจากผู้บริหารของบริษัทเอกชน เพ่ือช่วยให้บรษิ ทั เอกชนรายนั้น
ชนะการประมลู รับงานโครงการขนาดใหญข่ องรฐั
๑.๓ การที่บริษัทแห่งหนึ่งให้ของขวัญเป็นทองคำมูลค่ามากกว่า 10 บาท แก่เจ้าหน้าที่ในปีที่ผ่านมา
และปีนี้เจ้าหน้าที่เร่งรัดคืนภาษีให้กับบริษัทนั้นเป็นกรณีพิเศษ โดยลัดคิวให้ก่อนบริษัทอื่น ๆ เพราะคาดว่าจะ
ได้รับของขวัญอกี
๑.๔ การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไปเป็นคณะกรรมการของบริษัทเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจและได้รับ
ความบนั เทิงในรูปแบบต่าง ๆ จากบริษัทเหล่านนั้ ซงึ่ มผี ลต่อการให้คำวินิจฉัยหรือข้อเสนอแนะที่เป็นธรรมหรือ
เป็นไปในลกั ษณะท่เี ออ้ื ประโยชน์ ตอ่ บริษทั ผ้ใู หน้ ัน้ ๆ
๑.๕ เจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับชุดไม้กอล์ฟจากผู้บริหารของบริษัทเอกชน เมื่อต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับ
บริษัทเอกชนแห่งนั้น ก็ช่วยเหลือให้บริษัทนั้นได้รับสัมปทาน เนื่องจากรู้สึกว่าควรตอบแทนที่เคยได้รับของขวัญมา
2. การทำธรุ กจิ กบั ตนเองหรือเปน็ คสู่ ญั ญา
2.1 การที่เจ้าหน้าที่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทำสัญญาให้หน่วยงานต้นสังกัดซื้อคอมพิวเตอร์
สำนกั งานจากบริษัทของครอบครัวตนเอง หรอื บริษัทท่ตี นเองมหี ุน้ สว่ นอยู่
๒.2 ผู้บรหิ ารหนว่ ยงานทำสัญญาเช่ารถไปสัมมนาและดูงานกบั บริษทั ซงึ่ เป็นของเจา้ หน้าท่ีหรือบริษัท
ที่ผู้บริหารมหี นุ้ สว่ นอยู่
2.3 ผู้บริหารของหน่วยงาน ทำสัญญาจ้างบริษัทที่ภรรยาของตนเองเป็นเจ้าของมาเป็นที่ปรึกษาของ
หนว่ ยงาน
2.4 ผู้บริหารของหน่วยงาน ทำสัญญาให้หน่วยงานจัดซื้อที่ดินของตนเองในการสร้างสำนักงานแห่งใหม่
๒.๕ ภรรยาอดีตนายกรัฐมนตรี ประมูลซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษกใกล้กับศูนย์วัฒนธรรม
แห่งประเทศไทย จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในการกำกับดูแลของธนาคาร
แหง่ ประเทศไทย กระทรวงการคลัง โดยอดีตนายกรฐั มนตรี ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในฐานะ
เจ้าพนกั งานมีหนา้ ทด่ี แู ลกจิ การของกองทุนฯ ได้ลงนามยินยอมในฐานะคสู่ มรสให้ภรรยาประมูลซ้ือท่ีดินและทำ
สัญญาซ้อื ขายทีด่ ิน สง่ ผลใหเ้ ป็นคสู่ ญั ญาหรือมีสว่ นได้ส่วนเสียในสญั ญาซ้ือทดี่ ินโฉนดแปลงดงั กล่าว อันเป็นการ
ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มีความผิดตามพระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 (1)
3. การทำงานหลังจากออกจากตำแหน่งหนา้ ทสี่ าธารณะหรอื หลังเกษียณ
๓.๑ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเพิ่งเกษียณอายุราชการไปทำงานเป็นที่ปรึกษาในบริษัท
ผลติ หรือขายยา โดยใชอ้ ิทธพิ ลจากทีเ่ คยดำรงตำแหนง่ ในโรงพยาบาลดงั กลา่ ว ใหโ้ รงพยาบาลซ้อื ยาจากบริษัทที่
ตนเองเป็นท่ปี รกึ ษาอยู่ พฤติการณ์เชน่ นีม้ ีมูลความผิดทั้งทางวินัยและทางอาญาฐานเปน็ เจา้ หน้าทขี่ องรัฐปฏิบัติ
หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่าตนมีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่ง
หรอื หนา้ ท่นี ั้น เพอ่ื แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติ
ประกอบรฐั ธรรมวา่ ดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123
๑๒
๓.๒ การที่ผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ขององค์กรด้านเวชภัณฑ์และสุขภาพออกจากราชการไปทำงานใน
บริษัทผลติ หรอื ขายยา
๓.๓ การที่ผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกษียณแล้วใช้อิทธิพลที่เคยดำรงตำแหน่งใน
หนว่ ยงานรฐั รบั เปน็ ที่ปรกึ ษาให้บริษทั เอกชนท่ตี นเคยติดต่อประสานงาน โดยอ้างวา่ จะไดต้ ิดตอ่ กับหน่วยงานรัฐ
ได้อย่างราบร่นื
๓.๔ การว่าจ้างเจ้าหน้าที่ผู้เกษียณมาทำงานในตำแหน่งเดิมที่หน่วยงานเดิมโดยไม่คุ้มค่ากับภารกิจที่
ได้รบั มอบหมาย
4. การทำงานพเิ ศษ
๔.๑ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษี 6 สำนักงานสรรพากรจังหวัดในส่วนภูมิภาค ได้จัดตั้งบริษัทรับจ้างทำ
บัญชีและให้คำปรกึ ษาเกี่ยวกับภาษีและมผี ลประโยชน์เก่ยี วข้องกบั บรษิ ัท โดยรับจา้ งทำบัญชีและยื่นแบบแสดง
รายการใหผ้ เู้ สยี ภาษใี นเขตจังหวดั ท่รี ับราชการอย่แู ละจังหวดั ใกล้เคยี ง กลบั มพี ฤตกิ ารณช์ ว่ ยเหลือผู้เสียภาษีให้
เสียภาษีน้อยกว่าความเป็นจริง และรับเงินค่าภาษีอากรจากผู้เสียภาษีบางรายแล้ว มิได้นำไปยื่นแบบแสดง
รายการชำระภาษีให้ พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ดังกล่าว เป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับกรมสรรพากรว่าด้วย
จรรยาข้าราชการ กรมสรรพากร พ.ศ. 2559 ข้อ 9 (7) (8) และอาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการของตน
หาประโยชน์ให้แก่ตนเอง เป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 83 (3) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 อกี ท้งั เปน็ การปฏบิ ตั ิหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพ่ือให้เกิดความเสยี หายแก่ทาง
ราชการโดยร้ายแรง และปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และยังกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติช่ัว
อย่างร้ายแรงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (1) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
4.2 นิติกร ฝ่ายกฎหมายและเร่งรดั ภาษีอากรค้าง สำนกั งานสรรพากรจังหวัดในสว่ นภูมภิ าคหารายได้
พิเศษโดยการเป็นตัวแทนขายประกันชีวิตของบรษิ ัทเอกชน ได้อาศัยโอกาสที่ตนปฏิบัติหน้าที่ เร่งรัดภาษีอากร
ค้างผู้ประกอบการรายหนึ่งหาประโยชน์ให้แก่ตนเองด้วยการขายประกันชีวิตให้แก่หุ้นส่วนผู้จัดการของ
ผู้ประกอบการดังกล่าว รวมทั้งพนักงานของผู้ประกอบการนัน้ อีกหลายคน ในขณะที่ตนกำลังดำเนินการเร่งรดั
ภาษีอากรค้างพฤติการณ์ของเจ้าหน้าทีด่ ังกล่าวเปน็ การอาศยั ตำแหน่งหน้าท่ีราชการของตนหาประโยชนใ์ ห้แก่
ตนเอง เป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ตามมาตรา 83 (3) ประกอบมาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
๔.3 การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐอาศัยตำแหน่งหน้าที่ทางราชการรับจ้างเป็นที่ปรึกษาโครงการ เพื่อให้บริษัท
เอกชนที่วา่ จา้ งนนั้ มคี วามน่าเช่อื ถอื มากกวา่ บริษัทคแู่ ข่ง
๔.4 การทเ่ี จ้าหน้าท่ขี องรฐั ไม่ทำงานที่ได้รับมอบหมายจากหนว่ ยงานอยา่ งเต็มที่ แตเ่ อาเวลาไปรับงาน
พิเศษอ่ืน ๆ ท่อี ยู่นอกเหนืออำนาจหน้าทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบหมายจากหน่วยงาน
4.5 การที่ผู้ตรวจสอบบญั ชีภาครัฐรับงานพิเศษเป็นทีป่ รึกษา หรือเป็นผู้ทำบัญชใี หก้ ับบริษัทท่ีต้องถกู
ตรวจสอบ
5. การรขู้ ้อมลู ภายใน
๕.๑ นายช่าง 5 แผนกชมุ สายโทรศัพท์เคล่ือนที่ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ได้นำข้อมูลเลขหมาย
โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 470 MHZ และระบบปลดล็อคไปขายให้แก่ผู้อื่น จำนวน 40 หมายเลข เพื่อนำไป
ปรบั จนู เข้ากบั โทรศัพทเ์ คล่ือนที่ที่นำไปใช้รบั จ้างใหบ้ ริการโทรศัพท์แก่บุคคลทั่วไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ
ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และ มาตรา 164 และมีความผิดวินัย
ข้อบังคับองค์การโทรศัพทแ์ หง่ ประเทศไทยว่าดว้ ยการพนกั งาน พ.ศ. 2536 ขอ้ 44 และ 46
๑๓
๕.๒ การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทราบข้อมูลโครงการตัดถนนเข้าหมู่บ้าน จึงบอกให้ญาติพี่น้องไปซื้อที่ดิน
บริเวณโครงการดังกล่าว เพือ่ ขายให้กบั ราชการในราคาทีส่ งู ข้ึน
๕.๓ การท่ีเจ้าหนา้ ทห่ี นว่ ยงานผูร้ ับผิดชอบโครงข่ายโทรคมนาคมทราบมาตรฐาน (Spec) วัสดุอุปกรณ์
ที่จะใช้ในการวางโครงข่ายโทรคมนาคม แล้วแจ้งข้อมูลให้กับบริษัทเอกชนที่ตนรู้จัก เพื่อให้ได้เปรียบในการ
ประมลู
5.4 เจ้าหน้าที่พัสดุของหน่วยงานเปิดเผยหรือขายข้อมูลที่สำคัญของฝ่ายที่มายื่นประมูลไว้ก่อนหน้า
ใหแ้ กผ่ ู้ประมลู รายอืน่ ทใ่ี ห้ผลประโยชนท์ ำใหฝ้ ่ายทม่ี าย่นื ประมูลไว้กอ่ นหน้าเสียเปรยี บ
6. การใช้ทรัพยส์ ินของราชการเพือ่ ประโยชนส์ ่วนตน
๖.๑ คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ด้วยการสั่งให้เจ้าหน้าที่นำเก้าอี้พร้อมผ้าปลอก
คลุมเก้าอี้ เครื่องถ่ายวิดีโอ เครื่องเล่นวดิ ีโอ กล้องถ่ายรูป และผ้าเต็นท์ นำไปใช้ในงานมงคลสมรสของบุตรสาว
รวมทั้งรถยนต์ รถตู้ส่วนกลาง เพื่อใช้รับส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมพิธี และขนย้ายอุปกรณ์ทั้งที่บ้านพักและ
งานฉลองมงคลสมรสที่โรงแรม ซงึ่ ล้วนเป็นทรพั ย์สินของทางราชการการกระทำของจำเลยนบั เป็นการใช้อำนาจ
โดยทุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนตนอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดวินัยและ
อาญา ต่อมาเรื่องเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์แล้วเห็นว่าการกระทำของ
จำเลย เป็นการทุจริตตอ่ ตำแหน่งหน้าที่ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซือ้ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจ
ในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐและเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 จึงพิพากษาให้จำคุก 5 ปี และปรับ 20,000 บาท คำให้การรับสารภาพ
เปน็ ประโยชนแ์ กก่ ารพจิ ารณาคดี ลดโทษให้กึง่ หนง่ึ คงจำคกุ จำเลยไว้ 2 ปี 6 เดอื นและปรบั 10,000 บาท
๖.๒ การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีหน้าที่ขับรถยนต์ของส่วนราชการ นำน้ำมันในรถยนต์ไปขาย และนำ
เงินมาไว้ใช้จ่ายส่วนตัวทำให้ส่วนราชการต้องเสียงบประมาณ เพื่อซื้อน้ำมันรถมากกว่าที่ควรจะเป็นพฤติกรรม
ดังกล่าวถือเป็นการทุจริต เป็นการเบียดบังผลประโยชน์ของส่วนรวมเพื่อประโยชน์ของตนเอง และมีความผิด
ฐานลกั ทรัพยต์ ามประมวลกฎหมายอาญา
๖.๓ การท่ีเจ้าหน้าท่ีรฐั ผูม้ ีอำนาจอนุมัตใิ ห้ใช้รถราชการหรือการเบิกจ่ายค่าน้ำมนั เช้ือเพลิง นำรถยนต์
ของสว่ นราชการไปใชใ้ นกิจธุระสว่ นตวั
6.4 การทเ่ี จา้ หน้าที่รฐั นำวสั ดุครภุ ณั ฑ์ของหน่วยงานมาใช้ท่บี ้าน หรอื ใช้โทรศพั ท์ของหน่วยงานติดต่อ
ธุระสว่ นตน หรอื นำรถส่วนตนมาล้างท่ีหนว่ ยงาน
7. การนำโครงการสาธารณะลงในเขตเลอื กตั้งเพอ่ื ประโยชน์ในทางการเมือง
๗.๑ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งร่วมกับพวก แก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ
ปรับปรุงและซ่อมแซมถนนคนเดินใหม่ ในตำบลที่ตนมีฐานเสียงโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ และตรวจรับ
งานทั้งท่ีไม่ถูกต้องตามแบบรูปรายการที่กำหนด รวมทั้งเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จได้ติดป้ายชื่อของตนและพวก
การกระทำดังกล่าวมีมูลเป็นการกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือ
ละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ มีมูลความผิดทั้งทางวินัยอย่างร้ายแรงและทางอาญา
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน
และสำนกั งานคณะกรรมการการเลือกตัง้ ทราบ
๗.๒ การทนี่ กั การเมืองในจงั หวดั ขอเพิ่มงบประมาณเพอ่ื นำโครงการตัดถนน สรา้ งสะพานลงในจงั หวัด
โดยใชช้ ือ่ หรือนามสกุลของตนเองเปน็ ชอ่ื สะพาน
๗.๓ การที่รัฐมนตรีอนมุ ตั ิโครงการไปลงในพนื้ ที่หรือบา้ นเกิดของตนเอง
๑๔
8. การใชต้ ำแหน่งหนา้ ทีแ่ สวงหาประโยชน์แก่เครือญาติ
พนกั งานสอบสวนละเว้นไมน่ ำบนั ทึกการจับกมุ ท่เี จา้ หน้าทีต่ ำรวจชดุ จับกมุ ทำขน้ึ ในวนั เกดิ เหตุรวมเข้า
สำนวน แต่กลับเปลย่ี นบันทึกและแก้ไขข้อหาในบันทึก การจับกมุ เพ่ือชว่ ยเหลอื ผตู้ ้องหาซึ่งเป็นญาติของตนให้
รับโทษน้อยลง คณะกรรมการ ป.ป.ช. พจิ ารณาแลว้ มมี ลู ความผิดทางอาญาและทางวนิ ัยอย่างรา้ ยแรง
9. การใช้อทิ ธพิ ลเข้าไปมีผลต่อการตดั สนิ ใจของเจ้าหนา้ ทร่ี ัฐหรือหน่วยงานของรัฐอ่นื
๙.๑ เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะผู้บริหาร เข้าแทรกแซงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ใหป้ ฏิบตั หิ นา้ ท่โี ดยมิชอบดว้ ยระเบยี บ และกฎหมายหรอื ฝา่ ฝืนจรยิ ธรรม
๙.๒ นายเอ เป็นหัวหน้าส่วนราชการแห่งหนึ่งในจังหวัด รู้จักสนิทสนมกับ นายบี หัวหน้าส่วนราชการ
อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเดียวกัน นายเอ จึงใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวฝากลูกชาย คือ นายซี เข้ารับราชการภายใต้
สงั กดั ของนายบี
10. การขดั กันแห่งผลประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์สว่ นรวมประเภทอ่นื ๆ
๑๐.๑ การเดินทางไปราชการต่างจังหวัดโดยไม่คำนึงถึงจำนวนคน จำนวนงาน และจำนวนวัน
อย่างเหมาะสม อาทิ เดินทางไปราชการจำนวน 10 วัน แต่ใช้เวลาในการทำงานจริงเพียง 6 วัน โดยอีก 4 วัน
เปน็ การเดินทางท่องเทีย่ วในสถานที่ต่าง ๆ
๑๐.๒ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติไม่ใช้เวลาในราชการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ เนื่องจากต้องการปฏิบัติงาน
นอกเวลาราชการ เพราะสามารถเบิกเงนิ งบประมาณคา่ ตอบแทนการปฏิบตั ิงานนอกเวลาราชการได้
๑๐.๓ เจ้าหน้าที่ของรัฐลงเวลาปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ โดยมิได้อยู่ปฏิบัติงานในช่วงเวลาน้ัน
อย่างแท้จรงิ แตก่ ลับใชเ้ วลาดงั กลา่ วปฏบิ ตั กิ ิจธุระส่วนตวั
3. กฎหมายทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับการขดั กันระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม
พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ. ๒๕๖๑
หมวด ๖
การขดั กันระหว่างประโยชน์สว่ นบุคคลกบั ประโยชนส์ ่วนรวม
มาตรา ๑๒๖ นอกจากเจ้าพนักงานของรัฐที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ห้ามมิให้
กรรมการ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และเจ้าพนักงานของรัฐที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกาศกำหนด
ดำเนินกจิ การดงั ตอ่ ไปน้ี
(๑) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทํากับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าพนักงานของรัฐผู้นั้นปฏิบัติ
หน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งมีอำนาจไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการกํากับ ดูแล ควบคุม
ตรวจสอบหรอื ดำเนินคดี
(๒) เป็นหุ้นสว่ นหรือผถู้ ือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่เข้าเป็นค่สู ัญญากับหนว่ ยงานของรัฐที่เจ้าพนักงาน
ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งมีอำนาจไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการกํากับ
ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดำเนินคดี เว้นแต่จะเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจํากัดหรือบริษัทมหาชนจํากัดไม่เกิน
จำนวนท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด
(๓) รับสัมปทานหรือคงถือไว้ซึ่งสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือ
ราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ หรอื เข้าเป็นค่สู ญั ญากบั รัฐ หน่วยราชการ หนว่ ยงานของรฐั รัฐวสิ าหกจิ หรือราชการส่วนทอ้ งถนิ่
อันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน หรือเป็นหุ้นส่วนหรอื ผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษทั ที่รับสัมปทานหรอื
เข้าเปน็ คู่สญั ญาในลักษณะดังกล่าว ในฐานะท่ีเป็นเจ้าพนักงานของรัฐซ่ึงมีอำนาจ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการ
๑๕
กำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดำเนินคดี เว้นแต่จะเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจํากัดหรือบริษัทมหาชนจํากัด
ไม่เกนิ จำนวนท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด
(๔) เข้าไปมีส่วนได้เสียในฐานะเป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ตัวแทน พนักงานหรือลูกจ้างในธุรกิจของ
เอกชนซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบของหน่วยงานของรัฐที่เจ้าพนักงานของรัฐผู้นั้น
สังกัดอยู่หรือปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ของธรุ กิจของเอกชน
น้นั อาจขดั หรือแย้งต่อประโยชน์สว่ นรวม หรือประโยชน์ทางราชการ หรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติ
หน้าทข่ี องเจ้าพนักงานของรฐั ผู้น้นั
ให้นาํ ความในวรรคหนึ่ง มาใชบ้ งั คบั กบั คู่สมรสของเจ้าพนกั งานของรฐั ตามวรรคหน่ึงด้วย โดยให้ถือว่า
การดำเนินกิจการของคู่สมรสเป็นการดำเนินกิจการของเจ้าพนักงานของรัฐ เว้นแต่เป็นกรณีที่คู่สมรสน้ัน
ดำเนนิ การอยู่กอ่ นที่เจา้ พนักงานของรฐั จะเขา้ ดำรงตำแหนง่
คู่สมรสตามวรรคสองให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสด้วย
ทงั้ น้ี ตามหลกั เกณฑท์ ีค่ ณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด
เจ้าพนกั งานของรฐั ท่ีมีลักษณะตาม (๒) หรอื (๓) ตอ้ งดำเนินการไม่ให้มลี ักษณะดังกล่าว ภายในสามสิบวัน
นับแตว่ นั ทเ่ี ข้าดำรงตำแหน่ง
มาตรา ๑๒๗ ห้ามมิให้กรรมการ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงและผู้ดำรง
ตำแหนง่ ทางการเมืองท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด ดำเนนิ การใดตามมาตรา ๑๒๖ (๔) ภายในสองปีนับแต่
วนั ทีพ่ น้ จากตำแหน่ง
มาตรา ๑๒๘ ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผูใ้ ดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดอันอาจคาํ นวณเป็นเงนิ
ได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่ออกโดยอาศัย
อำนาจตามบทบญั ญตั ิแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรพั ย์สนิ หรอื ประโยชน์อืน่ ใดโดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์
และจำนวนท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด
ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุพการี ผู้สืบสันดาน
หรือญาตทิ ี่ใหต้ ามประเพณีหรอื ตามธรรมจรรยาตามฐานานุรปู
บทบัญญัติในวรรคหนึ่งให้ใช้บังคับกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของผู้ซึ่งพ้นจาก การเป็น
เจ้าพนกั งานของรฐั มาแลว้ ยงั ไม่ถึงสองปดี ว้ ยโดยอนโุ ลม
มาตรา ๑๒๙ การกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติในหมวดนี้ให้ถือว่าเป็นการกระทำความผิด
ตอ่ ตำแหน่งหน้าที่ราชการหรอื ความผิดต่อตำแหน่งหน้าทใี่ นการยตุ ิธรรม
ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ
เร่อื ง หลักเกณฑก์ ารรับทรัพยส์ นิ หรือประโยชนอ์ ่นื ใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าท่ีของรฐั พ.ศ. 2543
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 103 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกัน
และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจึงกำหนด
หลักเกณฑ์และจำนวนทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะรับจากบุคคลได้โดยธรรมจรรยาไว้
ดังนี้
ข้อ 3 ในประกาศนี้
“การรับทรพั ยส์ ินหรือประโยชน์อนื่ ใดโดยธรรมจรรยา” หมายความว่า การรบั ทรัพย์สนิ หรือประโยชน์
อื่นใดจากญาติหรือจากบุคคลที่ให้กันในโอกาสต่าง ๆ โดยปกติตามขนบธรรมเนียม ประเพณี หรือวัฒนธรรม
หรอื ใหก้ ันตามมารยาททปี่ ฏิบตั ิกนั ในสังคม
“ญาติ” หมายความว่า ผู้บุพการี ผู้สืบสนั ดาน พ่ีนอ้ งรว่ มบดิ ามารดาหรือ รว่ มบดิ าหรอื มารดาเดียวกัน
ลุง ปา้ นา้ อา ค่สู มรส ผูบ้ ุพการีหรอื ผู้สืบสันดานของคูส่ มรส บตุ รบุญธรรมหรือผู้รบั บตุ รบญุ ธรรม
๑๖
“ประโยชน์อื่นใด” หมายความว่า สิ่งที่มูลค่า ได้แก่ การลดราคา การรับความบันเทิง การรับบริการ
การรับการฝึกอบรม หรือสงิ่ อ่ืนใดในลักษณะเดยี วกนั
ข้อ 4 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใด รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด จากบุคคลนอกเหนือจาก
ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติ
แห่งกฎหมายเว้นแต่การรบั ทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชน์อ่ืนใดโดยธรรมจรรยาตามท่ีกำหนดไว้ในประกาศนี้
ขอ้ 5 เจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั จะรบั ทรพั ย์สินหรือประโยชน์อนื่ ใดโดยธรรมจรรยาได้ ดังตอ่ ไปน้ี
(1) รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดจากญาติซึ่งให้โดยเสน่หาตามจำนวนที่เหมาะสม
ตามฐานานรุ ูป
(2) รับทรพั ย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอ่ืนซ่งึ มิใช่ญาติมรี าคาหรือมูลค่าในการรับจาก
แตล่ ะบุคคล แต่ละโอกาสไมเ่ กนิ สามพันบาท
(3) รบั ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดท่ีการให้นน้ั เปน็ การใหใ้ นลกั ษณะให้กบั บุคคลทั่วไป
ข้อ 6 การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใดจากต่างประเทศ ซึ่งผู้ให้มิได้ระบุให้เป็นของส่วนตัวหรือมีราคา
หรือมูลค่าเกินกว่าสามพันบาท ไม่ว่าจะระบุเป็นของส่วนตัวหรือไม่ แต่มีเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องรับไว้
เพื่อรักษาไมตรี มิตรภาพ หรือความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นรายงานรายละเอียด
ข้อเทจ็ จริงเกี่ยวกับการรบั ทรัพย์สินหรือประโยชน์ดังกลา่ วให้ผูบ้ ังคับบญั ชาทราบโดยเร็ว หากผู้บงั คับบัญชาเห็นว่า
ไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ผู้นั้นยึดถือทรัพย์สินหรือประโยชน์ดังกล่าวนั้นไว้เป็นประโยชน์ส่วนตน
ใหเ้ จ้าหนา้ ทข่ี องรฐั ผ้นู ้นั สง่ มอบทรพั ย์สินใหห้ น่วยงานของรัฐท่ีเจ้าหน้าทขี่ องรฐั ผูน้ ้นั สงั กดั ทนั ที
ขอ้ 7 การรับทรพั ยส์ นิ หรอื ประโยชนอ์ นื่ ใดทีไ่ มเ่ ป็นไปตามหลกั เกณฑ์ หรือ มีราคาหรือมมี ลู คา่ มากกว่า
ที่กำหนดไว้ในข้อ 5 ซง่ึ เจา้ หน้าที่ของรฐั ได้รับมาแล้วโดยมีความจำเป็นอย่างย่ิงท่ตี ้องรับไว้เพ่ือรักษาไมตรี มิตรภาพ
หรือความสัมพันธ์อนั ดีระหว่างบุคคล เจ้าหน้าที่ของรฐั ผู้นั้นต้องแจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับทรัพย์สิน
หรือประโยชน์น้ันต่อผู้บังคับบัญชา ซงึ่ เปน็ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสูงสุดของรัฐวสิ าหกิจ หรือผู้บริหารสูงสุด
ของหน่วยงาน สถาบัน หรือองค์กรทเ่ี จา้ หน้าท่ีของรฐั ผู้นั้นสังกัด โดยทันทที ส่ี ามารถกระทำได้ เพอ่ื ให้วินิจฉัยว่า
มเี หตผุ ลความจำเป็น ความเหมาะสม และสมควรทจ่ี ะใหเ้ จ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นรับทรัพยส์ ินหรือประโยชน์นั้นไว้
เป็นสิทธิของตนหรอื ไม่
ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาหรือผู้บริหารสงู สุดของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานหรือสถาบันหรือองค์กรที่เจ้าหน้าที่
ของรัฐผูน้ ้ันสังกัด มีคำส่งั ว่าไมส่ มควรรับทรัพยส์ ินหรือประโยชน์ดังกล่าว ก็ให้คืนทรัพยส์ นิ หรือประโยชน์นั้นแก่ผู้ให้
โดยทันที ในกรณีที่ไม่สามารถคืนให้ได้ ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นส่งมอบทรัพย์สินหรือประโยชน์ดังกล่าวให้เป็น
สิทธิของหน่วยงานท่เี จ้าหน้าทขี่ องรัฐผู้นั้นสังกัดโดยเรว็
เมื่อได้ดำเนินการตามความในวรรคสองแล้ว ให้ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น ไม่เคยได้รับทรัพย์สินหรือ
ประโยชน์ดังกล่าวเลย
ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ได้รับทรัพย์สินไว้ตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็น
หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า หรือเป็นกรรมการหรือผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ หรือเป็น
กรรมการหรือผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานของรัฐ ให้แจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับทรัพย์สินหรือ
ประโยชน์นั้นต่อผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน ส่วนผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการในองค์กรอิสระ
ตามรัฐธรรมนูญหรือผู้ดำรงตำแหนง่ ทีไ่ ม่มผี ู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจถอดถอนให้แจ้งต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งน้ี
เพื่อดำเนินการตามความในวรรคหนงึ่ และวรรคสอง
ในกรณที เ่ี จา้ หน้าท่ีของรัฐผู้ไดร้ บั ทรัพย์สนิ ตามวรรคหนึ่ง เปน็ ผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น ให้แจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับทรัพย์สินหรือ
ประโยชนเ์ ท่าน้ันต่อประธาน สภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา หรือประธานสภาท้องถ่ินท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้น
เปน็ สมาชิก แล้วแต่กรณี เพื่อดำเนินการตามวรรคหนงึ่ และวรรคสอง
๑๗
ข้อ 8 หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามประกาศฉบับนี้ให้ใช้
บังคับแกผ่ ู้ซง่ึ พน้ จากการเปน็ เจ้าหน้าท่ขี องรฐั มาแล้วไมถ่ งึ สองปดี ้วย
ระเบียบสำนกั นายกรัฐมนตรีวา่ ดว้ ยการให้หรือรบั ของขวัญของเจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐ พ.ศ. 2544
โดยที่ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการให้ของขวัญและ
รับของขวัญของเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้หลายครั้งเพื่อเป็นการเสริมสร้างค่านิยมให้เกิดการประหยัด มิให้มีการ
เบียดเบียนข้าราชการโดยไม่จำเป็นและสร้างทัศนคติที่ไม่ถูกต้องเนื่องจากมีการแข่งขันกันให้ของขวัญในราคา
แพงทั้งยังเป็นช่องทางให้เกิดการประพฤติมิชอบอื่น ๆ ในวงราชการอีกด้วยและในการกำหนดจรรยาบรรณของ
เจ้าหน้าที่ของรัฐประเภทต่าง ๆ ก็มีการกำหนดในเรื่องทำนองเดียวกัน ประกอบกับคณะกรรมการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และจำนวนที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะรับทรัพย์สินหรือ
ประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาได้ ฉะนั้นจึงสมควรรวบรวมมาตรการเหล่านั้นและกำหนดเป็นหลักเกณฑ์การ
ปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการให้ของขวัญและรับของขวัญไว้เป็นการถาวรมีมาตรฐานอย่างเดียวกัน และมี
ความชัดเจนเพ่อื เสริมมาตรการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติให้เป็นผลอย่างจริงจัง
ทง้ั น้ี เฉพาะในส่วนทคี่ ณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติไม่ไดก้ ำหนดไว้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (8) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรฐั มนตรี จึงวางระเบยี บไวด้ ังตอ่ ไปนี้
ขอ้ 3 ในระเบยี บน้ี
"ของขวัญ"หมายความว่า เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่ให้แก่กัน เพื่ออัธยาศัยไมตรี และให้
หมายความรวมถึงเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดท่ีให้เปน็ รางวลั ให้โดยเสน่หาหรอื เพื่อการสงเคราะห์ หรือ
ให้เป็นสินน้ำใจ การให้สิทธิพิเศษซึ่งมิใช่เป็นสิทธิที่จัดไว้สำหรับบุคคลทั่วไปในการได้รับการลดราคาทรัพย์สิน
หรือการให้สิทธิพิเศษในการได้รับบริการหรือความบันเทิงตลอดจนการออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางหรือ
ท่องเที่ยวค่าที่พัก ค่าอาหาร หรือสิ่งอื่นใดในลักษณะเดียวกันและไม่ว่าจะให้เป็นบัตร ตั๋ว หรือหลักฐานอื่นใด
การชำระเงินใหล้ ว่ งหนา้ หรือการคืนเงนิ ใหใ้ นภายหลัง
"ปกติประเพณีนิยม" หมายความว่า เทศกาลหรือวันสำคัญซึ่งอาจมีการให้ของขวัญกัน และให้
หมายความรวมถึงโอกาสในการแสดงความยินดี การแสดง ความขอบคุณ การต้อนรับ การแสดงความเสียใจ
หรือการใหค้ วามช่วยเหลือตามมารยาท ทีถ่ ือปฏิบัตกิ ันในสังคมดว้ ย
"ผู้บังคับบัญชา" ให้หมายความรวมถึง ผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าหน่วยงาน ที่แบ่งเป็นการภายในของ
หน่วยงานของรัฐและผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งในระดับที่สูงกว่าและได้รับมอบหมายให้มีอำนาจบังคับบัญชาหรือกำกับ
ดแู ลดว้ ย
"บุคคลในครอบครวั " หมายความว่า คู่สมรส บตุ ร บดิ า มารดา พนี่ ้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมบิดาหรือ
มารดาเดยี วกัน
ข้อ 4 ระเบียบนี้ไม่ใช้บังคับกับกรณีการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งอยู่
ภายใต้บงั คับกฎหมายประกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ
ข้อ 5 เจ้าหน้าที่ของรัฐจะให้ของขวัญแก่ผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลในครอบครัวของผู้บังคับบัญชา
นอกเหนือจากกรณีปกตปิ ระเพณีนยิ มท่ีมีการให้ของขวญั แก่กันมิได้
การให้ของขวัญตามปกติประเพณีนิยมตามวรรคหนึ่ง เจ้าหน้าที่ของรัฐจะให้ของขวัญที่มีราคาหรือมูลค่า
เกินจำนวนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำหนดไว้ สำหรับการรับทรัพย์สินหรือ
ประโยชน์อ่ืนใด โดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าท่ขี องรัฐตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการป้องกันและ
ปราบปรามการทจุ รติ มิได้
๑๘
เจ้าหน้าท่ีของรัฐจะทำการเรี่ยไรเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดหรือใช้เงินสวัสดิการใด ๆ เพื่อมอบให้หรือ
จดั หาของขวญั ใหผ้ ูบ้ งั คบั บัญชาหรือบุคคลในครอบครวั ของผู้บงั คบั บัญชาไมว่ ่ากรณีใด ๆ มไิ ด้
ขอ้ 6 ผบู้ ังคบั บัญชาจะยินยอมหรอื รู้เห็นเป็นใจใหบ้ ุคคลในครอบครวั ของตนรบั ของขวัญจากเจ้าหน้าที่
ของรฐั ซึง่ เป็นผู้อยใู่ นบังคับบัญชามิได้ เว้นแต่เป็นการรบั ของขวัญตามขอ้ 5
ข้อ 7 เจ้าหน้าที่ของรัฐจะยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลในครอบครัวของตนรับของขวัญจากผู้ท่ี
เก่ียวข้องในการปฏบิ ัตหิ นา้ ทีข่ องเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั มิได้ ถา้ มิใช่เปน็ การรบั ของขวัญตามกรณีทีก่ ำหนดไวใ้ น ข้อ 8
ผูท้ ่เี ก่ยี วขอ้ งในการปฏบิ ัติหน้าท่ีของเจา้ หน้าทข่ี องรฐั ตามวรรคหนึง่ ไดแ้ ก่ ผ้มู าตดิ ตอ่ งานหรอื ผู้ซ่ึงได้รับ
ประโยชนจ์ ากการปฏบิ ตั ิงานของเจา้ หน้าทีข่ องรัฐ ในลักษณะดงั ตอ่ ไปน้ี
(1) ผู้ซึ่งมีคำขอให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เช่นการขอใบรับรอง การขอให้ออกคำสั่ง
ทางปกครอง หรือการร้องเรียน เปน็ ต้น
(2) ผู้ซึ่งประกอบธุรกิจหรือมีส่วนได้เสียในธุรกิจที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง หรือ
การได้รับสมั ปทาน เปน็ ต้น
(3) ผ้ซู ่ึงกำลังดำเนนิ กจิ กรรมใด ๆ ท่ีมีหนว่ ยงานของรฐั เป็นผู้ควบคุมหรือกำกบั ดูแล เชน่ การประกอบ
กิจการโรงงานหรือธรุ กิจหลักทรัพย์ เป็นต้น
(4) ผู้ซึ่งอาจได้รับประโยชน์หรือผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของ
เจ้าหนา้ ทข่ี องรัฐ
ข้อ 8 เจ้าหน้าที่ของรัฐจะยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลในครอบครัวของตนรับของขวัญจากผู้ที่
เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐได้เฉพาะกรณี การรับของขวัญที่ให้ตามปกติประเพณีนิยม
และของขวัญนั้นมีราคาหรือมูลค่าไม่เกินจำนวนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
กำหนดไว้ สำหรับการรับทรัพยส์ ินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าทีข่ องรัฐ ตามกฎหมายประกอบ
รัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ
ข้อ 9 ในกรณีที่บุคคลในครอบครัวของเจ้าหน้าที่ของรัฐรับของขวัญแล้วเจ้าหน้าที่ของรัฐทราบ
ในภายหลังว่าเป็นการรับของขวัญโดยฝ่าฝืนระเบียบนี้ ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกำหนดไว้ สำหรับการรบั ทรัพยส์ นิ หรอื ประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยา
ของเจ้าหนา้ ท่ีของรฐั ท่ีมรี าคาหรือมูลคา่ เกินกวา่ ท่ีกำหนดไว้ ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการป้องกัน
และปราบปรามการทจุ รติ
ข้อ 10 ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดจงใจปฏิบัติเกี่ยวกับการให้ของขวัญหรือรับของขวัญโดยฝ่าฝืน
ระเบียบน้ี ให้ดำเนนิ การดังต่อไปนี้
(1) ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นข้าราชการการเมือง ให้ถือว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นประพฤติปฏิบัติ
ไม่เปน็ ไปตามคุณธรรมและจริยธรรม และให้ดำเนินการตามระเบียบที่นายกรัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบ
ของคณะรัฐมนตรีว่าด้วยมาตรฐานทางคณุ ธรรมและจริยธรรมของขา้ ราชการการเมือง
(2) ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นข้าราชการประเภทอื่นนอกจาก (1) หรือพนักงานขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถิน่ หรือพนักงานของรัฐวิสาหกิจให้ถือว่าเจ้าหนา้ ที่ของรฐั ผู้นั้นเป็นผู้กระทำความผิดทางวนิ ัย
และให้ผูบ้ งั คับบัญชามีหน้าทด่ี ำเนินการใหม้ ีการลงโทษทางวนิ ยั เจ้าหน้าท่ีของรฐั ผ้นู ัน้
ข้อ 11 ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่สอดส่อง และให้คำแนะนำในการปฏิบัติตาม
ระเบียบนี้แก่หน่วยงานของรัฐ ในกรณีที่มีผู้ร้องเรียน ต่อสำนักงานปลัดสำนักนายรัฐมนตรีว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ผู้ใดปฏิบัติในการให้ของขวัญหรือรับของขวัญฝ่าฝืนระเบียบนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งไปยงั
ผูบ้ ังคบั บญั ชาของเจ้าหนา้ ทขี่ องรฐั ผนู้ ั้นเพื่อดำเนินการตามระเบยี บน้ี
ข้อ 12 เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างให้เกิดทัศนคติในการประหยัดแก่ประชาชนทั่วไปในการแสดง
ความยินดี การแสดงความปรารถนาดี การแสดงการต้อนรับ หรือการแสดงความเสียใจในโอกาสต่าง ๆ ตามปกติ
๑๙
ประเพณีนยิ มให้เจ้าหน้าที่ของรฐั พยายามใช้วิธีการแสดงออกโดยใช้บัตรอวยพร การลงนามในสมุดอวยพรหรือ
ใช้บัตรแสดงความเสียใจ แทนการให้ของขวัญ
ให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่เสรมิ สร้างค่านิยมการแสดงความยินดี การแสดงความปรารถนาดี การแสดง
การต้อนรบั หรือการแสดงความเสียใจ ด้วยการปฏิบัติตนเปน็ แบบอย่าง แนะนำหรือกำหนดมาตรการจูงใจที่จะ
พฒั นาทัศนคติ จติ สำนึกและพฤตกิ รรมของผอู้ ยูใ่ นบงั คับบญั ชาให้เป็นไปในแนวทางประหยัด
ระเบยี บสำนกั นายกรฐั มนตรีว่าดว้ ยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2544
ข้อ 4 ในระเบียบน้ี
“การเรี่ยไร” หมายความว่า การเก็บเงินหรือทรัพย์สิน โดยขอร้องให้ช่วยออกเงินหรือทรัพย์สิน
ตามใจสมัคร และให้หมายความรวมถึงการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ชดใช้หรือบริการซึ่งมีการแสดงโดยตรงหรือ
โดยปริยายว่ามิใช่เป็นการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ชดใช้หรือบริการธรรมดา แต่เพื่อรวบรวมเงินหรือทรัพย์สิน
ทไี่ ดม้ าทง้ั หมด หรอื บางส่วนไปใช้ในกจิ การอย่างใดอย่างหนึ่งน้ันดว้ ย
“เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรี่ยไร” หมายความว่า เข้าไปช่วยเหลือโดยมีส่วนร่วมในการจัดให้มี การ
เรย่ี ไรในฐานะเปน็ ผูร้ ่วมจดั ให้มีการเรย่ี ไร หรือเป็นประธานกรรมการ อนกุ รรมการ คณะทำงาน ท่ีปรึกษา หรอื ใน
ฐานะอื่นใดในการเร่ยี ไรน้ัน
ข้อ 6 หน่วยงานของรัฐจะจัดให้มีการเรี่ยไรหรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรี่ยไรมิได้ เว้นแต่เป็น
การเรี่ยไร ตามข้อ 19 หรือได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการควบคมุ การเร่ียไรของหน่วยงานของรัฐ (กคร.) หรือ
กคร.จงั หวัด แลว้ แตก่ รณี ท้ังนี้ ตามหลกั เกณฑ์ทก่ี ำหนดไวใ้ นระเบยี บนี้
หน่วยงานของรัฐซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตในการเรี่ยไรตามกฎหมายว่าด้วย การควบคุมการเรี่ยไร
นอกจากจะต้องปฏบิ ตั ิตามกฎหมายวา่ ด้วยการควบคุมการเรย่ี ไรแล้ว จะตอ้ งปฏบิ ัตติ ามหลกั เกณฑ์ทก่ี ำหนดไว้ใน
ระเบียบนี้ด้วย ในกรณีนี้ กคร. อาจกำหนดแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานรัฐดังกล่าวให้สอดคล้องกับกฎหมาย
ว่าดว้ ยการควบคมุ การเร่ียไรก็ได้
ข้อ 8 ใหม้ คี ณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ เรยี กโดยย่อว่า “กคร.” ประกอบด้วย
รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธาน กรรมการ ผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทน
กระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทน
กระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและ
ปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ ผู้แทนสำนกั งานการตรวจเงินแผ่นดนิ และผทู้ รงคณุ วฒุ ิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งต้ัง
อีกไม่เกินสี่คนเปน็ กรรมการ และผแู้ ทนสำนกั งานปลดั สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการและเลขานุการ
กคร. จะแต่งตั้งข้าราชการในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจำนวนไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วย
เลขานกุ ารก็ได้
ข้อ 18 การเรี่ยไรหรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรี่ยไรที่ กคร. หรือ กคร. จังหวัด แล้วแต่กรณีจะ
พิจารณาอนุมตั ใิ ห้ตามข้อ 6 ได้นั้น จะต้องมีลักษณะและวตั ถุประสงค์อยา่ งหน่ึงอย่างใด ดงั ต่อไปนี้
(1) เปน็ การเรยี่ ไรทห่ี น่วยงานของรัฐเป็นผู้ดำเนนิ การเพื่อประโยชน์แก่หนว่ ยงานของรัฐนนั้ เอง
(2) เป็นการเร่ยี ไรที่หน่วยงานของรฐั เปน็ ผ้ดู ำเนนิ การเพือ่ ประโยชน์แก่การปอ้ งกันหรอื พัฒนาประเทศ
(3) เปน็ การเร่ียไรท่หี นว่ ยงานของรฐั เปน็ ผดู้ ำเนนิ การเพอื่ สาธารณประโยชน์
(4) เป็นกรณีที่หน่วยงานของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรี่ยไรของบุคคลหรือนิติบุคคล
ท่ไี ด้รบั อนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมการเรีย่ ไรตามกฎหมายว่าดว้ ยการควบคุมการเร่ยี ไรแล้ว
ข้อ 19 การเร่ยี ไรหรือเขา้ ไปมสี ว่ นเกี่ยวข้องกับการเร่ียไรดงั ต่อไปน้ีให้ได้รับยกเวน้ ไม่ต้องขออนุมัติจาก
กคร. หรือ กคร. จังหวดั แลว้ แตก่ รณี
๒๐
(1) เป็นนโยบายเรง่ ดว่ นของรัฐบาล และมมี ติคระรฐั มนตรีใหเ้ ร่ยี ไรได้
(2) เป็นการเรี่ยไรที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐจำเป็นต้องดำเนินการ เพื่อช่วยเหลือ
ผเู้ สียหายหรือบรรเทาความเสียหายท่เี กดิ จากสาธารณภยั หรือเหตุการณใ์ ดทีส่ ำคญั
(3) เปน็ การเรี่ยไรเพอื่ ร่วมกนั ทำบุญเนอ่ื งในโอกาสการทอดผ้าพระกฐินพระราชทาน
(4) เปน็ การเรย่ี ไรตามข้อ 18 (1) หรอื (3) เพ่ือใหไ้ ด้เงินหรือทรัพย์สินไม่เกินจำนวนเงินหรือ
มลู ค่าตามท่ี กคร. กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา
(5) เปน็ การเขา้ ไปมสี ่วนเกยี่ วข้องกบั การเรี่ยไรตามข้อ 18 (4) ซ่ึง กคร. ไดป้ ระกาศในราชกิจจานุเบกษา
ยกเวน้ ใหห้ น่วยงานของรัฐดำเนนิ การได้โดยไมต่ อ้ งขออนุมตั ิ
(6) เป็นการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐอื่นที่ได้รับอนุมัติหรือได้รับยกเว้นในการ
ขออนุมัติตามระเบยี บน้แี ล้ว
ข้อ 20 ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐได้รับอนุมัติหรือได้รับยกเว้นตามข้อ 19 ให้จัดให้มีการเรี่ยไรหรือ
เขา้ ไปมสี ว่ นเก่ยี วข้องกบั การเรยี่ ไร ให้หนว่ ยงานของรัฐดำเนนิ การ ดังต่อไปนี้
(1) ใหก้ ระทำการเรี่ยไรเป็นการท่วั ไป โดยประกาศหรือเผยแพรต่ ่อสาธารณชน
(2) กำหนดสถานท่ีหรือวธิ ีการทจ่ี ะรบั เงินหรอื ทรัพยส์ ินจากการเร่ยี ไร
(3) ออกใบเสร็จหรือหลักฐานการรับเงินหรือทรัพย์สินให้แก่ผู้บริจาคทุกครั้ง เว้นแต่ โดยลักษณะ
แห่งการเรี่ยไรไม่สามารถออกใบเสร็จหรือหลกั ฐานดังกล่าวได้ ก็ให้จัดทำเป็นบัญชกี ารรับเงินหรือทรัพย์สินนนั้
ไว้เพื่อใหส้ ามารถตรวจสอบได้
(4) จัดทำบัญชีการรับจ่ายหรือทรัพย์สินที่ได้จากการเรี่ยไรตามระบบบัญชีของทางราชการ
ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่สิ้นสุดการเรี่ยไร หรือทุกสามเดือน ในกรณีที่เป็นการเรี่ยไรที่กระทำอย่างต่อเนื่อง
และปิดประกาศเปิดเผย ณ ที่ทำการของหน่วยงานของรัฐที่ได้ทำการเรี่ยไรไม่น้อยกว่าสามสบิ วันเพื่อให้บุคคล
ทว่ั ไปไดท้ ราบและจัดให้มีเอกสารเกยี่ วกับการดำเนินการเร่ียไรดังกล่าวไว้ ณ สถานทส่ี ำหรับประชาชนสามารถ
ใช้ในการค้นหาและศึกษาข้อมลู ขา่ วสารของราชการด้วย
(5) รายงานการเงนิ ของการเรี่ยไรพร้อมท้ังส่งบญั ชตี าม (4) ใหส้ ำนกั งานการตรวจเงินแผ่นดิน
ภายในสามสิบวนั นับแตว่ นั ที่ได้จัดทำบัญชีตาม (4) แล้วเสร็จ หรือในกรณที เี่ ป็นการเรี่ยไรท่ีได้กระทำอย่างต่อเนื่อง
ให้รายงานการเงินพรอ้ มท้ัง ส่งบญั ชดี ังกล่าวทกุ สามเดอื น
ข้อ 21 ในการเรี่ยไรหรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเร่ียไร ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการ
ดังต่อไปนี้
(1) กำหนดประโยชน์ที่ผู้บริจาคหรือบุคคลอื่นจะได้รับซึ่งมิใช่ประโยชน์ที่หน่วยงานของรัฐได้
ประกาศไว้
(2) กำหนดให้ผู้บริจาคต้องบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเป็นจำนวนหรือมูลค่าที่แน่นอน เว้นแต่
โดยสภาพมีความจำเป็นต้องกำหนดเป็นจำนวนเงินที่แน่นอน เช่น การจำหน่ายบัตรเข้าชมการแสดงหรือบัตร
เข้าร่วมการแข่งขนั เป็นต้น
(3) กระทำการใด ๆ ที่เป็นการบังคับให้บุคคลใดทำการเรี่ยไรหรือบริจาค หรือกระทำการ
ในลักษณะที่ทำให้บุคคลนั้นตอ้ งตกอยู่ในภาวะจำยอมไม่สามารถปฏิเสธหรือหลีกเล่ียงท่ีจะไม่ช่วยทำการเรี่ยไร
หรอื บรจิ าคไมว่ า่ โดยทางตรงหรือทางอ้อม
(4) ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐออกทำการเรี่ยไร หรือใช้ สั่ง ขอร้อง หรือบังคับให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือ
บคุ คลอน่ื ออกทำการเรยี่ ไร
ข้อ 22 เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเร่ียไรของบุคคลหรอื นิติบุคคลที่ได้รับอนุญาต
จากคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรี่ยไรซึ่งมิใช่หน่วยงานของรัฐจะต้อง
ไมก่ ระทำการดงั ตอ่ ไปน้ี
๒๑
(1) ใชห้ รอื แสดงตำแหน่งหนา้ ทใ่ี ห้ปรากฏในการดำเนินการเร่ียไรไมว่ า่ จะเปน็ การโฆษณาด้วย
ส่งิ พมิ พ์ตามกฎหมายว่าด้วยการพมิ พ์หรอื สอ่ื อยา่ งอืน่ หรือดว้ ยวธิ ีการอน่ื ใด
(2) ใช้ สั่ง ขอร้อง หรือบังคับให้ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือบุคคลใดช่วยทำการเรี่ยไรให้ หรือ
กระทำในลักษณะที่ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือบุคคลอื่นนั้นต้องตกอยู่ในภาวะจำยอมไม่สามารถปฏิเสธหรือ
หลีกเลย่ี งทจ่ี ะไมช่ ่วยทำการเร่ยี ไรใหไ้ ด้ ไมว่ า่ โดยทางตรงหรอื ทางออ้ ม
4. วิธีคิดแบบฐาน 10 (Analog thinking) / ฐาน 2 (Digital thinking)
แนวทางการแก้ปัญหาการทุจริตอย่างยั่งยืน ต้องเริ่มต้นแก้ไขที่ตัวบุคคล โดยการปรับเปล่ียนระบบการคิด
ของคนในสังคมแยกแยะใหไ้ ด้วา่ …
“เร่อื งใดเปน็ ประโยชน์ส่วนตน...เร่ืองใดเปน็ ประโยชน์ส่วนรวม”
ต้องแยกออกจากกันให้ได้อย่างเด็ดขาด ไม่นำมาปะปนกัน ไม่เอาประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นประโยชน์
ส่วนตนไม่เอาผลประโยชน์ส่วนรวมมาทดแทนบุญคุณส่วนตน ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
เหนอื กว่าประโยชน์ส่วนรวม กรณเี กิดผลประโยชน์ขดั กันต้องยดึ ประโยชน์ส่วนรวมเหนือกว่าประโยชนส์ ่วนตน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ซึ่งมีอำนาจหน้าทีท่ ี่จะต้องกระทำการหรือใชด้ ุลยพินจิ
ในการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของส่วนรวม หากปล่อยให้มีผลประโยชน์สว่ นตนหรือความสัมพันธ์
ส่วนตนเข้ามามีส่วนในการตัดสินใจแล้ว ย่อมต้องเกิดการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์
ส่วนรวมหรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of interests) ขึ้นแน่นอน และความเสียหายก็จะตกอยู่กับ
ประชาชนและประเทศชาตนิ ่นั เอง
๒๒
ระบบคิดที่จะกล่าวต่อไปน้ี… เปน็ การนำมาประยกุ ต์ใช้และเปรยี บเทียบ เพื่อใหเ้ จา้ หน้าท่ีของรฐั นำไป
เป็น “หลกั คดิ ” ในการปฏิบตั ิงานให้สามารถแยกประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวมได้อย่างเดด็ ขาด คือ
“ระบบคดิ ฐานสิบ (Analog)”
กบั
“ระบบคดิ ฐานสอง (Digital)”
ทำไม จึงใชร้ ะบบเลขาฐานสิบ (Analog) และระบบเลขฐาน (Digital) มาใชแ้ ยกแยะการแกท้ จุ รติ
เรามาทำความเขา้ ใจในระบบ… ฐานสิบ (Analog), ฐานสอง (Digital) กนั เถอะ
จากที่กล่าวมา... เมื่อนำระบบเลข “ฐานสิบ Analog” และ ระบบเลข “ฐานสอง Digital” มาปรับใช้
เปน็ แนวคดิ คอื ระบบคดิ “ฐานสิบ Analog” และ ระบบคิด “ฐานสอง Digital” จะเห็นได้วา่ ...
ระบบคิด “ฐานสิบ Analog” เป็นระบบการคิดวิเคราะห์ข้อมูลที่มีตัวเลขหลายตัว และอาจหมายถึง
โอกาสทจ่ี ะเลอื กได้หลายทาง เกดิ ความคิดท่ีหลากหลาย ซบั ซอ้ น หากน ามาเปรียบเทยี บกบั การปฏบิ ตั ิงานของ
เจ้าหน้าที่ของรัฐ จะทำให้เจ้าหน้าที่ของรฐั ต้องคิดเยอะ ต้องใช้ดุลยพนิ ิจเยอะ อาจจะนำประโยชน์สว่ นตนและ
ประโยชนส์ ว่ นรวมมาปะปนกนั ได้ แยกประโยชน์สว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวมออกจากกันไม่ได้
ระบบคิด “ฐานสอง Digital” เป็นระบบการคดิ วิเคราะห์ข้อมูลที่สามารถเลอื กได้เพียง 2 ทางเท่าน้นั
คือ 0 (ศูนย์) กับ 1 (หนึ่ง) และอาจหมายถึงโอกาสที่จะเลือกได้เพียง 2 ทาง เช่น ใช่ กับ ไม่ใช่, เท็จ กับ จริง,
ทำได้กับ ทำไม่ได้, ประโยชน์ส่วนตน กับ ประโยชน์ส่วนรวม เป็นต้น จึงเหมาะกับการนำมาเปรียบเทียบกับ
การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีของรัฐที่ต้องสามารถแยกเรื่องตำแหน่งหน้าที่กับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้
อย่างเดด็ ขาดและไมก่ ระทำการที่เป็นการขัดกันระหวา่ งประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม
๒๓
ระบบคิด “ฐานสิบ Analog”
Vs
ระบบคดิ “ฐานสอง Digital”
“การปฏิบัตงิ านแบบใช้ระบบคิดฐานสิบ (Analog)” คือ การที่เจ้าหน้าท่ีของรฐั ยังมรี ะบบการคิดที่ยัง
แยกเรอ่ื งตำแหน่งหน้าที่กับเร่ืองสว่ นตนออกจากกนั ไม่ได้ นำประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมมาปะปน
กันไปหมด แยกแยะไม่ออกว่าสิ่งไหนคือประโยชน์ส่วนตนสิ่งไหนคือประโยชน์ส่วนรวม นำบุคลากรหรือ
ทรัพย์สินของราชการมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน เบียดบังราชการ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เครือญาติ หรือ
พวกพ้อง เหนือกว่าประโยชน์ของส่วนรวมหรือของหน่วยงาน จะคอยแสวงหาประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่
ราชการ กรณีเกดิ การขัดกันระหว่างประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม จะยึดประโยชน์สว่ นตนเป็นหลกั
“การปฏิบัติงานแบบใช้ระบบคิดฐานสอง (Digital)” คือ การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีระบบการคิดที่
สามารถแยกเรื่องตำแหน่งหน้าที่กับเรื่องส่วนตนออกจากกัน แยกออกอย่างชัดเจนว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด
สิ่งไหนทำได้สิ่งไหนทำไม่ได้ สิ่งไหนคือประโยชน์ส่วนตนส่ิงไหนคือประโยชน์ส่วนรวม ไม่นำมาปะปนกัน ไม่นำ
บุคลากรหรือทรัพย์สินของราชการมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน ไม่เบียดบังราชการ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
หรือของหน่วยงานเหนือกว่าประโยชน์ของส่วนตน เครือญาติ และพวกพ้อง ไม่แสวงหาประโยชน์จากตำแหนง่
หน้าที่ราชการ ไม่รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากการปฏิบัติหน้าที่ กรณีเกิดการขัดกันระหว่างประโยชน์
สว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวม กจ็ ะยดึ ประโยชนส์ ่วนรวมเป็นหลัก
5. บทบาทของรัฐ/เจา้ หน้าทข่ี องรฐั
หลักคิดการแยกประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมอย่างเด็ดขาด ดังกล่าวนี้ สอดคล้องกับแนว
ปฏบิ ัตขิ องเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ข้อ 5 ทกี่ ำหนดให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐต้อง
แยกเรื่องส่วนตัวออกจากตำแหน่งหน้าที่ และยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ เหนือกว่าประโยชน์
สว่ นตน โดยอยา่ งนอ้ ยต้องวางตน ดังนี้
(๑) ไม่นำความสมั พนั ธส์ ว่ นตวั ที่ตนมีต่อบคุ คลอ่นื ไมว่ ่าจะเปน็ ญาตพิ ่ีน้อง พรรคพวก เพอ่ื นฝูง
หรือผู้มีบุญคุณส่วนตัว มาประกอบการใช้ดลุ พินิจให้เปน็ คุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลนั้น หรือปฏิบัตติ อ่ บุคคลนนั้
ต่างจากบคุ คลอน่ื เพราะชอบหรอื ชงั
(๒) ไม่ใช้เวลาราชการ เงิน ทรัพย์สิน บุคลากร บริการ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกของทาง
ราชการไปเพอ่ื ประโยชน์สว่ นตัวของตนเองหรือผอู้ ่ืน เวน้ แต่ไดร้ ับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย
(๓) ไม่กระทำการใด หรือดำรงตำแหน่ง หรือปฏิบัติการใดในฐานะส่วนตัว ซึ่งก่อให้เกิดความ
เคลือบแคลงหรอื สงสัยวา่ จะขัดกับประโยชน์สว่ นรวมทอี่ ย่ใู นความรบั ผดิ ชอบของหน้าที่
ในกรณีมีความเคลือบแคลงหรือสงสัย ให้ข้าราชการผู้นั้นยุติการกระทำดังกล่าวไว้ก่อนแล้ว
แจ้งให้ผู้บังคับบัญชา หัวหน้าส่วนราชการ และคณะกรรมการจริยธรรมพิจารณา เมื่อคณะกรรมการจริยธรรม
วินจิ ฉัยเปน็ ประการใดแล้วจงึ ปฏบิ ัติตามน้นั
๒๔
(๔) ในการปฏิบัตหิ น้าที่ทีร่ ับผิดชอบในหนว่ ยงานโดยตรงหรอื หนา้ ท่ีอื่นในราชการรัฐวสิ าหกิจ
องค์การมหาชน หรือหน่วยงานของรัฐ ข้าราชการต้องยึดถือประโยชน์ของทางราชการเป็นหลัก ในกรณีที่มี
ความขัดแย้งระหว่างประโยชน์ของทางราชการหรือประโยชน์ส่วนรวม กับประโยชน์ส่วนตนหรอื ส่วนกลุ่ม อัน
จำเป็นตอ้ งวินจิ ฉัยหรอื ช้ีขาด ตอ้ งยึดประโยชน์ของทางราชการและประโยชนส์ ว่ นรวมเป็นสำคญั
นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับแนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับสากล ซึ่งองค์กรในระดับสากล
ต่างก็ให้ความสำคัญ ดังจะเห็นได้จากจรรยาบรรณสากลสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามประกาศขององค์การ
สหประชาชาติและอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (United Nations Convention Against
Corruption - UNCAC) ค.ศ. 2003 ที่กำหนดให้การแยกเรื่องส่วนตัวออกจากตำแหน่งหน้าที่เป็นมาตรฐาน
ความประพฤตสิ ำหรับเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐในการปฏบิ ัติงานของรัฐแต่ละรัฐ และระหวา่ งรฐั
จรรยาบรรณระหวา่ งประเทศสำหรบั เจา้ หน้าทข่ี องรฐั
จรรยาบรรณระหว่างประเทศสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ระบุในภาคผนวกของมติสหประชาชาติ
ครง้ั ที่ 51/59 เมื่อวนั ที่ 12 ธันวาคม 1996 (พ.ศ. 2539)
- ผลประโยชนข์ ดั กนั และการขาดคณุ สมบตั ิ
4. เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่พึงใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของตนในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน
หรือผลประโยชน์ทางการเงินอันไม่สมควรสำหรับตนหรือสมาชิกในครอบครัวไม่พึงประกอบธุรกรรมเข้ารับ
ตำแหน่งหรือหน้าที่หรือมีผลประโยชน์ทางการเงิน การค้า หรือผลประโยชน์อื่นใดในทำนองเดียวกันซึ่งขัดกับ
ตำแหน่งบทบาทหนา้ ท่ี หรือการปฏบิ ัติในตำแหนง่ หรือบทบาทหน้าทนี่ นั้
5. เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามขอบเขตที่กำหนดโดยตำแหน่งหน้าที่ของตนภายใต้กฎหมายหรือ
นโยบายในการบริหาร พึงแจ้งเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางธุรกิจ การค้า และการเงิน หรือกิจการอันทำเพ่ือ
ผลตอบแทนทางการเงิน ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ขัดกันได้ในสถานการณ์ที่มีโอกาสจะเกิดหรือที่ดู
เหมือนว่าได้เกิดกรณีผลประโยชน์ขัดกันขึ้นระหว่างหน้าที่และผลประโยชน์ส่วนตนของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใด
เจ้าหน้าทข่ี องรฐั ผนู้ ัน้ พึงปฏบิ ตั ติ ามมาตรการท่ีกำหนดไวเ้ พื่อลดหรอื ขจัดซง่ึ ผลประโยชน์ขัดกันน้ัน
6. เจ้าหน้าท่ีของรฐั ไม่พงึ ใช้เงนิ ทรัพยส์ ิน บรกิ าร หรือขอ้ มูลซงึ่ ได้มาจากการปฏิบัติงาน หรือ
เปน็ ผลมาจากการปฏบิ ตั งิ าน เพือ่ กจิ การอ่ืนใดโดยไม่เกี่ยวข้องกบั งานในตำแหน่งหน้าท่โี ดยไม่สมควรอย่างเด็ดขาด
7. เจ้าหน้าที่ของรัฐ พึงปฏิบัติมาตรการซึ่งกำหนดโดยกฎหมายหรือนโยบายในการบริหาร
เพ่อื มิใหผ้ ลประโยชน์จากตำแหน่งหนา้ ทเ่ี ดิมของตนโดยไม่สมควรเมือ่ พน้ จากตำแหน่งหนา้ ทไ่ี ปแล้ว
- การรบั ของขวญั หรือของกำนลั
9. เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่พึงเรียกร้อง หรือรับของขวัญหรือของกำนัลอื่นไม่ว่าทางตรงหรือ
ทางอ้อมซึ่งอาจมีอทิ ธพิ ลตอ่ การปฏิบตั ิงานตามบทบาท การดำเนนิ งานตามหนา้ ท่ีหรอื การวินิจฉัยของตน
๒๕
6. กรณีตัวอย่างระบบคดิ เพ่ือแยกแยะระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชน์สว่ นรวม
๒๖
คดิ ฐานสอง คดิ ฐานสิบ คดิ ฐานสอง คดิ ฐานสบิ
คิดฐานสอง คิดฐานสบิ คิดฐานสอง คิดฐานสิบ
๒๗
๒๘
ชดุ วิชาที่ ๒ ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต
ปญั หาการทจุ รติ เป็นปัญหาที่สำคญั ทงั้ ของประเทศไทยและประเทศอน่ื ๆ ท่ัวโลก ปญั หาการทุจริตจะ
ทำให้เกิดความเสื่อมในด้านต่าง ๆ เกิดขึ้น ทั้งสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และนับวันปัญหาดังกล่าวก็จะรุนแรง
มากขึ้น และมีรูปแบบการทุจริตที่ซับซ้อน ยากแก่การตรวจสอบมากขึ้น จากเดิมที่กระทำเพียงสองฝ่าย
ปัจจุบันการทุจริตจะกระทำกันหลายฝ่าย ทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเอกชน
โดยประกอบด้วยสองส่วนใหญ่ๆ คือ ผู้ให้ผลประโยชน์กับผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายนี้จะมีผลประโยชน์
ร่วมกัน ตราบใดที่ผลประโยชน์สมเหตสุ มผลต่อกัน ก็จะนำไปสู่ปัญหาการทุจริตได้ บางครั้งผู้ที่รับผลประโยชน์
ก็เป็นผใู้ หป้ ระโยชน์ได้เช่นกนั โดยผรู้ ับผลประโยชน์และผใู้ ห้ผลประโยชน์ คอื
1. ผู้รับผลประโยชน์ จะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีอำนาจ หน้าที่ในการกระทำ การดำเนินการต่างๆ
และรับประโยชน์จะเป็นไปในรปู แบบต่าง ๆ เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การเรียกรับประโยชน์โดยตรง การกำหนด
ระเบียบหรือคุณสมบตั ิท่ีเอือ้ ต่อตนเองและพวกพอ้ ง
2. ผู้ให้ผลประโยชน์ เชน่ ภาคเอกชน โดยการเสนอผลตอบแทนในรปู แบบต่าง ๆ เชน่ เงิน สิทธิพิเศษอ่ืนๆ
เพื่อจูงใจให้นักการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่งหน้าท่ี
ซึง่ การกระทำดงั กลา่ วเป็นการกระทำทฝ่ี ่าฝืนต่อระเบยี บหรือผดิ กฎหมาย เปน็ ตน้
ทจุ ริต คืออะไร
คำว่าทุจริต มีการให้ความหมายได้มากมาย หลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการให้ความหมายดังกล่าว
ไว้ว่าอย่างไร โดยที่คำว่าทุจริตนั้น จะมีการให้ความหมายโดยหน่วยงานของรัฐ หรือการให้ความหมาย
โดยกฎหมายซึง่ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความหมายจากแหล่งใด เนื้อหาสำคัญของคำวา่ ทุจริตก็ยังคงมีความหมายที่
สอดคลอ้ งกนั อยู่ นั่นคือ การทจุ รติ เป็นสิ่งท่ีไม่ดี มีการแสวงหาหรือเอาผลประโยชน์ของส่วนรวมมาเป็นของส่วนตัว ทั้ง ๆ
ทีต่ นเองไม่ได้มีสทิ ธิในสิ่งๆ นนั้ การยดึ ถือเอามาดงั กล่าวจงึ ถือเปน็ สิ่งทผ่ี ิดทั้งในแง่ของกฎหมายและศีลธรรม
ในแง่ของกฎหมายนั้น ประเทศไทยไดม้ กี ารกำหนดถงึ ความหมายของการทุจรติ ไวห้ ลกั ๆ ในกฎหมาย 2 ฉบบั คือ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (1) “โดยทุจริต” หมายถึง “เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้
โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อ่ืน”
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 25๖๑
มาตรา 4 คำว่า “ทจุ ริตตอ่ หน้าท”่ี หมายความวา่ ปฏิบตั หิ รอื ละเว้นการปฏบิ ัตอิ ย่างใดในตำแหนง่ หรือ
หน้าที่หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ทั้งท่ี
ตนมิได้มตี ำแหนง่ หรอื หน้าท่นี ้ัน หรอื ใช้อำนาจในตำแหนง่ หรือหน้าที่ ทั้งน้ี เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดย
ชอบสำหรบั ตนเองหรือผู้อน่ื หรือกระทำการอนั เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าทร่ี าชการหรือความผดิ ต่อตำแหน่ง
หน้าท่ีในการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญาหรือตามกฎหมายอ่นื
นอกจากนี้ คำว่าทุจริต ยังได้มีการบัญญัติให้ความหมายเอาไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
พ.ศ. 2542 โดยระบไุ วว้ ่าทจุ ริต หมายถงึ “ความประพฤตชิ ่ัว คดโกง ฉ้อโกง”
๒๙
ในคำภาษาอังกฤษ คำว่าทุจริตจะตรงกับคำว่า Corruption (คอร์รัปชนั ) โดยในประเทศไทย มักมีการ
กล่าวถงึ คำวา่ คอร์รัปชันมากกว่าการใช้คำว่าทจุ ริต โดยการทจุ รติ น้ีสามารถใช้ได้กับทกุ ท่ีไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน
ราชการ หน่วยงานของเอกชน หากเกดิ กรณีการยึดเอา ถอื เอาซ่งึ ประโยชนส์ ่วนตนมากกว่าส่วนรว่ ม ไม่คำนึงถึงว่า
สิ่งๆ นั้นเป็นของของตนเอง หรือเป็นสิทธิที่ตนเองควรจะได้มาหรือไม่แล้วนั้น ก็จะเรียกได้ว่าเป็นการทุจริต
เช่น การทุจริตในการเบกิ จ่ายเงนิ ไม่ว่าจะเกิดข้ึนในหนว่ ยงานของรฐั หรอื ของเอกชน การกระทำเช่นนกี้ ถ็ ือเป็นการทจุ รติ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคอร์รัปชนั มิไดเ้ กิดเฉพาะในวงราชการเทา่ นั้น ดังนั้น ในอีกมุมหนึ่ง คอร์รัปชัน
จึงต้องหมายรวมถึงการแสวงหาผลประโยชน์ของภาคธุรกิจเอกชน ในรูปของการให้สินบนหรือสิ่งตอบแทน
แก่นักการเมืองหรือข้าราชการเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่ตนเองอยากได้ในรูปแบบของการประมูล
การสัมปทาน เป็นต้น รูปแบบเหล่านี้จะสามารถสร้างกำไรให้แก่ภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก หากภาคเอกชน
สามารถเข้ามาดำเนินงานได้ รวมถึงการทเี่ จา้ หนา้ ท่ขี องรัฐมคี วามต้องการทรัพยส์ ิน ประโยชนอ์ ื่นนอกเหนือจาก
สิ่งท่ไี ด้รับตามปกติ เมื่อเหตผุ ลของท้ังสองฝา่ ยสามารถบรรจบหากันได้ การทุจรติ กเ็ กดิ ขน้ึ ได้
จากนิยามของการทุจริตคอร์รัปชันไม่เพียงแต่จะกินความถึงการทุจริตคอร์รัปชันในระบบราชการ
เท่านัน้ แต่ยงั ครอบคลุมไปถึงเรื่องกจิ กรรมทางการเมือง เศรษฐกจิ และสงั คมในภาคเอกชนอีกดว้ ย ซึ่งอาจกล่าว
ได้วา่ การทจุ ริตคอร์รปั ชนั คอื การทุจริต และการประพฤติมชิ อบของขา้ ราชการ
ดังน้ัน การทุจรติ คือ การคดโกง ไม่ซ่ือสตั ย์สจุ ริต การกระทำทผี่ ิดกฎหมาย เพ่ือใหเ้ กดิ ความได้เปรียบ
ในการแข่งขัน การใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิดเพื่อแสวงหาประโยชน์หรือให้ได้รับสิ่งตอบแทน การให้หรือการรับ
สนิ บน การกำหนดนโยบายทเี่ อื้อประโยชนแ์ ก่ตนหรือพวกพอ้ งรวมถึงการทุจรติ เชิงนโยบาย
รปู แบบการทจุ ริต
รูปแบบการทจุ ริตท่เี กดิ ข้ึนสามารถแบง่ ได้ 3 ลักษณะ คือ แบ่งตามผู้ที่เกี่ยวข้อง แบง่ ตามกระบวนการ
ท่ใี ชแ้ ละแบ่งตามลักษณะรปู ธรรม ดงั นี้คอื
1) แบ่งตามผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นรูปแบบการทุจริตในเรื่องของอำนาจและความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์
ระหว่างผู้ที่ให้การอุปถัมภ์ (ผู้ให้การช่วยเหลือ) กับผู้ถูกอุปถัมภ์ (ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ) โดยในกระบวนการ
การทุจรติ จะมี 2 ประเภทคือ
(1) การทุจริตโดยข้าราชการ หมายถึงการกระทำทีม่ ีการใช้หน่วยงานราชการเพ่ือมุ่งแสวงหา
ผลประโยชน์จากการปฏิบัติงานของหน่วยงานนั้น ๆ มากกว่าประโยชน์ส่วนรวมของสังคมหรือประเทศ โดย
ลักษณะของการทุจรติ โดยข้าราชการสามารถแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภทยอ่ ย ดงั นี้
ก) การคอร์รัปชันตามน้ำ (corruption without theft) จะปรากฏขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ต้องการสินบนโดยให้มีการจ่ายตามช่องทางปกติของทางราชการ แต่ให้เพิ่มสินบนรวมเข้าไว้กับการจ่ายค่าบริการ
ของหน่วยงานนั้น ๆ โดยที่เงินค่าบริการปกติที่หน่วยงานนั้นจะต้องได้รับก็ยังคงได้รับต่อไป เช่น การจ่ายเงิน
พิเศษใหแ้ ก่เจา้ หน้าที่ในการออกเอกสารต่าง ๆ นอกเหนอื จากคา่ ธรรมเนียมปกติทต่ี อ้ งจา่ ยอยู่แลว้ เปน็ ต้น
ข) การคอร์รัปชันทวนน้ำ (corruption with theft) เป็นการคอร์รัปชันในลักษณะท่ีเจ้าหน้าท่ี
ของรฐั จะเรียกรอ้ งเงินจากผู้ขอรบั บริการโดยตรง โดยท่ีหน่วยงานน้ันไม่ได้มีการเรียกเกบ็ เงินค่าบริการแต่อย่างใด
เชน่ ในการออกเอกสารของหนว่ ยงานราชการไม่ไดม้ ีการกำหนดให้ต้องเสยี คา่ ใชจ้ ่ายในการดำเนินการ แต่กรณีน้ี
มกี ารเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผ้ทู ่มี าใช้บรกิ ารของหนว่ ยงานของรฐั
(2) การทจุ รติ โดยนักการเมือง (political corruption) เป็นการใช้หนว่ ยงานของทางราชการ
โดยบรรดานักการเมืองเพื่อมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ในทางการเงินมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมของสังคมหรือ
ประเทศเชน่ เดียวกัน โดยรปู แบบหรอื วธิ ีการทว่ั ไปจะมีลักษณะเช่นเดียวกับการทจุ ริตโดยข้าราชการ แต่จะเป็น
ในระดับที่สูงกว่า เช่น การทุจริตในการประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ และมีการเรียกรับ หรือยอมจะรับ
ทรพั ยส์ ินหรือประโยชน์ต่างๆ จากภาคเอกชน เป็นต้น
๓๐
2) แบง่ ตามกระบวนการทใี่ ช้ มี 2 ประเภทคอื
(1) เกิดจากการใช้อำนาจในการกำหนด กฎ กติกาพื้นฐาน เช่น การออกกฎหมาย และกฎ
ระเบยี บตา่ ง ๆ เพอ่ื อำนวยประโยชน์ตอ่ กลุม่ ธุรกิจของตนหรือพวกพ้อง
(2) เกิดจากการใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากกฎ และระเบียบที่ดำรงอยู่ ซึ่งมัก
เกิดจากความไม่ชัดเจนของกฎและระเบียบเหล่าน้ันที่ทำให้เจา้ หน้าท่ีสามารถใชค้ วามคิดเหน็ ของตนได้และการ
ใช้ความคิดเหน็ นัน้ อาจไมถ่ ูกต้องหากมกี ารใช้ไปในทางท่ผี ิดหรือไม่ยตุ ธิ รรมได้
3) แบง่ ตามลกั ษณะรูปธรรม มที ั้งหมด 4 รปู แบบ คือ
(1) คอร์รัปชันจากการจัดซื้อจัดหา (Procurement Corruption) เช่น การจัดซื้อสิ่งของใน
หน่วยงาน โดยมกี ารคดิ ราคาเพิ่มหรือลดคุณสมบัติแต่กำหนดราคาซ้ือไวเ้ ทา่ เดิม
(2) คอร์รัปชันจากการให้สัมปทานและสิทธิพิเศษ (Concessionaire Corruption) เช่น การให้
เอกชนรายใดรายหนึ่งเข้ามามสี ิทธิในการจัดทำสัมปทานเปน็ กรณีพเิ ศษต่างกบั เอกชนรายอื่น
(3) คอรร์ ปั ชนั จากการขายสาธารณสมบตั ิ (Privatization Corruption) เช่น การขายกิจการของ
รฐั วิสาหกิจ หรอื การยกเอาที่ดนิ ทรพั ย์สนิ ไปเปน็ สทิ ธกิ ารครอบครองของต่างชาติ เปน็ ตน้
(4) คอร์รัปชันจากการกำกับดูแล (Regulatory Corruption) เช่น การกำกับดูแลในหน่วยงาน
แลว้ ทำการทจุ รติ ต่าง เปน็ ต้น
นักวิชาการที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับปัญหาการทุจริต ได้มีการกำหนดหรือแบ่งประเภทของการทุจริตเป็น
รูปแบบต่าง ๆ ไว้ เช่น การวิจัยของรองศาสตราจารย์ ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ และคณะ ได้แบ่งการทุจริตคอร์รัปชัน
ออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ 1) การใช้อำนาจในการอนุญาตให้ละเว้นจากการปฏิบัติตามกฎระเบียบของรัฐเพื่อลด
ต้นทนุ การทำธุรกิจ 2) การใชอ้ ำนาจในการจัดสรรผลประโยชนใ์ นรปู ของสง่ิ ของ และบรกิ าร หรือสทิ ธิให้แก่เอกชน
และ 3) การใชอ้ ำนาจในการสร้างอุปสรรคในการให้บริการแกภ่ าคประชาชนและภาคธุรกจิ เนอ่ื งจากเงนิ เดือนและ
ผลตอบแทนในระบบราชการต่ำเกินไปจนขาดแรงจูงใจในการทำงาน
นอกจากน้ี จากผลการสอบสวนและศกึ ษาเรือ่ งการทุจรติ ของคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาสอบสวน
และศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตของวุฒิสภา (วิชา มหาคุณ) มีการแบ่งรูปแบบการทุจริตคอร์รัปชันออกเป็น
5 ประเภท ได้แก่
1) การทจุ รติ เชิงนโยบาย
เปน็ รูปแบบใหม่ของการทุจรติ ท่ีแยบยล โดยอาศัยรปู แบบของกฎหมายหรือมติของคณะรัฐมนตรี หรือมติ
ของคณะกรรมการเป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาผลประโยชน์ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าเป็นการกระทำ
ทถ่ี กู ต้องชอบธรรม
2) การทจุ รติ ต่อตำแหนง่ หน้าทีร่ าชการ
เป็นการใช้อำนาจและหน้าที่ในความรับผิดชอบของตนในฐานะของเจ้าหน้าที่ของรัฐเอื้อประโยชน์ให้แก่
ตนเองหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ปัจจุบันมักเกิดจากความร่วมมือกันระหว่างนักการเมือง
พ่อคา้ และขา้ ราชการประจำ
๓๑