The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by navik.mag, 2021-08-17 03:21:33

นาวิกศาสตร์ ก.ย.64



ผู้ปฏิบัติราชการ นอกจากจะต้องรู้งานในหน้าที่อย่างทั่วถึงแล้ว ยังจําาเป็นต้องรู้ดีรู้ชั่ว ประโยชน์ และไม่ใช่ประโยชน์อย่างกระจ่างชัดด้วย. งานราชการซึ่งเป็นงานของแผ่นดิน จึงจะดําาเนินไป อย่างถูกต้อง ตรงตามเป้าหมาย และสําาเร็จประโยชน์ท่ีพึงประสงค์ คือยังความดีความเจริญให้เกิดแก่ ประเทศชาติและประชาชนได้แท้จริงและยั่งยืน.
พระบรมราโชวาท
พระราชทานแก่ข้าราชการพลเรือน เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน วันอาทิตย์ ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๑


นายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือโท เคารพ แหลมคม
รองนายกกรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือตรี จิรพล ว่องวิทย์
กรรมการราชนาวิกสภา
พลเรือโท อุทัย โสฬศ
พลเรือโท มนต์เดช พัวไพบูลย์
พลเรือตรี สุรสิงห์ ประไพพานิช
พลเรือตรี บัญชา บัวรอด
พลเรือตรี คณาชาติ พลายเพ็ชร์
พลเรือตรี วราณัติ วรรธนผล
พลเรือตรี สรไกร สิริกรรณะ
พลเรือตรี วิสาร บุญภิรมย์
พลเรือตรี สุนทร คําาคล้าย
พลเรือตรี ดนัย สุวรรณหงษ์
พลเรือตรี อนุพงษ์ ทะประสพ
พลเรือตรี ประสาน ประสงค์สําาเร็จ
กรรมการและเลขานุการราชนาวิกสภา
นาวาเอก สุพจน์์ สารภาพ
เหรัญญิกราชนาวิกสภา
เรือเอก สุขกิจ พลัง
ที่ปรึกษาราชนาวิกสภา
พลเรือโท สมัย ใจอินทร์
พลเรือโท วรพล ทองปรีชา
พลเรือโท มนตรี รอดวิเศษ
พลเรือโท อําานวย ทองรอด
พลเรือโท กตัญญู ศรีตังนันท์
บรรณาธิการ
นาวาเอก สุพจน์์ สารภาพ
ผู้ช่วยบรรณาธิการ
นาวาเอกหญิง วรนันท์ สุริยกุล ณ อยุธยา
ประจําากองบรรณาธิการ
นาวาเอก ก้องเกียรติ ทองอร่าม
นาวาเอก ธาตรี ฟักศรีเมือง
นาวาเอกหญิง แจ่มใส พันทวี
นาวาโทหญิง ศรุดา พันธุ์ศรี
นาวาโทหญิง อรณัฐ โพธ์ิตาด
เรือเอก เกื้อกูล หาดแก้ว
เรือเอกหญิง สุธิญา พูนเอียด
เรือโท นอาัศวิกฐศวารสรตศร์ ป่ันจ่ัน 2
เรือโทหญิง อภิธันย์ แก่นเสน
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๓
ปกหน้า
ปกหลัง
ข้อคิดเห็นในบทความที่นําาลงนิตยสารนาวิกศาสตร์เป็นของผู้เขียน มิใช่ข้อคิดเห็นหรือนโยบายของหน่วยงานใดของรัฐและมิได้ผูกพัน ต่อทางราชการแต่อย่างใด ได้นําาเสนอไปตามที่ผู้เขียนให้ความคิดเห็น เท่านั้น การกล่าวถึงคําาสั่ง กฎ ระเบียบ เป็นเพียงข่าวสารเบื้องต้น เพื่อประโยชน์แก่การค้นคว้า
ปกหน้า กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่น และภาคภูมิใจ ปกหลัง การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ออกแบบปก กองบรรณาธิการ
พิมพ์ที่ เจ้าของ ผู้พิมพ์
กองโรงพิมพ์ กรมสารบรรณทหารเรือ ราชนาวิกสภา
นาวาเอก ก้องเกียรติ ทองอร่าม
สําานักงานราชนาวิกสภา
ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร. ๐ ๒๔๗๕ ๓๐๗๒
๐ ๒๔๗๕ ๔๙๙๘
ส่งข้อมูล/ต้นฉบับได้ที่ [email protected] อ่านบทความเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ WWW.RTNI.ORG


สารบัญ
คลังความรู้ คู่ราชนาวี
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ ประจําเดือน กันยยน ๒๕๖๔
ลําดับเรื่อง ลําดับหน้า
บรรณาธกิ ารแถลง ............................................................................๐๓
เรอ่ื งเลา่ จากปก ................................................................................๐๔
MEDAL OF HONOR อสิ รยิ าภรณแ์ หง่ ผกู้ ลา้ เหนอื กลา้ ....................๐๕
พันทิวา
การแพทยแ์ ผนไทย หลากหลายคณุ คา่ ถา้ รจู้ กั นาํา มาใช.้ .....................๑๗
พลเรือเอก ไพโรจน์ แก่นสาร
CEFR กบั การสรา้ งขอ้ สอบตน้ แบบ NEPT (Royal Thai Navy English Proficiency Test Prototype)........................................................๒๒
นาวาเอกหญิง จิตพิชาญ์ จารยะพันธุ์
บทเรยี นจากเหตกุ ารณอ์ บุ ตั เิ หตเุ รอื ดาํา นาํา้ KRI Nanggala
ของอนิ โดนเี ซยี ..................................................................................๓๙
นาวาโท สุระ บรรจงจิตร
มารู้จัก “กิจการปลดหน้ีสิน” กันเถอะ.............................................๔๗
โดย กิจการปลดหนี้สิน สวัสดิการสงเคราะห์การเงินกองทัพเรือ
แนวคดิ “InformatizedDistributedMaritimeOperation:IDMO” ในการปฏบิ ตั กิ ารทางเรอื ในอนาคต (ตอนที่ ๑).................................๕๓
นาวาเอก ศิลป์ พันธุรังษี
เกอื บจะประชมุ เพลงิ กนั อยแู่ ลว้ .........................................................๕๙
นาวาเอก เกษม กิจกระจ่าง
บอกผมที “แบบนผ้ี ดิ หรอื ถกู ”...........................................................๗๔ สาํา นวนชาวเรอื .................................................................................๗๕ เรอ่ื งเลา่ ชาวเรอื ................................................................................๗๖ ขา่ วนาวรี อบโลก ..............................................................................๗๘ ภาพกจิ กรรมกองทพั เรอื ..................................................................๘๒ การฌาปนกจิ สงเคราะหแ์ หง่ ราชนาวี ...............................................๙๐ มาตราน้ํา เดือน พฤศจิกายน ๒๕๖๔
เวลาดวงอาทิตย์ - ดวงจันทร์ ขึ้น - ตก
เดอื น พฤศจกิ ายน - ธนั วาคม ๒๕๖๔...............................................๙๖
นาวิกศาสตร์ นิตยสารของกองทัพเรือ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ วชิ าการและขา่ วสารทหารเรอื ทง้ั ในและนอกประเทศ ตลอดจนวทิ ยาการอน่ื ๆ ทั่วไป และเป็นส่ือในการประชาสัมพันธ์ของกองทัพเรือ
MEDAL OF HONOR อสิ รยิ าภรณแ์ หง่ ผกู้ ลา้ เหนอื ผกู้ ลา้
การแพทยแ์ ผนไทย หลากหลายคณุ คา่ ถา้ รจู้ กั นาํา มาใช้
มารู้จัก “กิจการปลดหน้ีสิน” กันเถอะ
แนวคดิ “InformatizedDistributedMaritimeOperation:IDMO” ในการปฏบิ ตั กิ ารทางเรอื ในอนาคต (ตอนที่ ๑)
นาวิกศาสตร์
3
ปีที่ ๑๐๓ เล่มท่ี ๙ กันยายน ๒๕๖๓


บทบรรณาธิการสุดท้ายของปีงบประมาณ ๖๔ กับการทางานของกองบรรณาธิการครบ ๑ ปี กองบรรณาธิการ ขอขอบคุณ ขอโทษ และชื่นชม
ขอบคุณ สมาชิก ผู้อ่าน และนักเขียนทุกท่านสาหรับกาลังใจ ข้อเสนอแนะคาติชม ขอโทษ ที่อาจทาไม่ได้ดั่งใจผู้อ่านทุกท่าน ทั้งในส่วนบทความ และความล่าช้าของการผลิต ชื่นชม คณะกรรมการราชนาวิกสภา คณะที่ปรึกษาฯ และทีมงานที่ร่วมกันรังสรรค์ผลงาน
กนั ยายนคอื เดอื นสดุ ทา้ ยของผเู้ กษยี ณอายรุ าชการในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ความผกู พนั ทที่ กุ ทา่ นทมี่ ตี อ่ กองทพั เรอื และ เพอื่ นรว่ มงาน ซงึ่ ไมไ่ ดเ้ กดิ ขนึ้ งา่ ย ๆ เพยี งขา้ มวนั ขอนา เรอื่ งราวหนงึ่ ของเจา้ ของวรรณกรรมสดุ คลาสสกิ เจา้ ชายนอ้ ย เขียนโดย อองตวน เดอ แซงเตกซูเปรี นักบินและนักเขียนชาวฝรั่งเศส จุดเริ่มต้นจากมิตรภาพที่แปลกประหลาด ของชายคนหนงึ่ ทปี่ ระสบอบุ ตั เิ หตเุ ครอื่ งบนิ ตกในทะเลทราย และไดม้ าพบกบั เจา้ ชายนอ้ ย เดก็ หนมุ่ ผมสที องจากดาว B612 ด้วยวิธีการเล่าเรื่องจากมุมมองของเด็กไร้เดียงสาคนหน่ึง เราได้เฝ้าดูเจ้าชายน้อยเดินทางไปยังดาวต่าง ๆ และพบเจอโลกของผู้ใหญ่ ที่สะท้อนให้เราเห็นถึงความจริงที่น่าเศร้าหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการตัดสินคน จากภาพลกั ษณภ์ ายนอก หรอื การกลายเปน็ คนทขี่ าดจนิ ตนาการ เจา้ ชายนอ้ ยสอนเราไมใ่ หล้ มื ความเปน็ เดก็ เมอื่ เราเตบิ โต จงอยา่ ลมื ความเปน็ เดก็ ไมใ่ หล้ มื ความเรยี บงา่ ยทสี่ วยงามในชวี ติ และอกี สว่ นสา คญั ทเี่ ปน็ ความพเิ ศษของวรรณกรรมนี้ นนั่ คอื เรอื่ งของ เพอื่ น ความสมั พนั ธ์ และความรบั ผดิ ชอบ ทเี่ ลา่ ไวไ้ ดอ้ ยา่ งเรยี บงา่ ยแตล่ กึ ซงึ้ มาก “ใชแ่ ลว้ สา หรบั ฉนั เธอก็เป็นเพียงเด็กชายเล็ก ๆ เหมือนเด็กอื่น ๆ เป็นร้อยเป็นพัน ฉันไม่ต้องการเธอ เธอก็ไม่ต้องการฉันเหมือนกัน และสาหรับเธอ ฉันก็เหมือนสุนัขจิ้งจอกอื่น ๆ นับร้อยนับพันนั่น แต่ถ้าเธอฝึกให้ฉันเชื่อง เราก็จะต้องการกันและกัน เธอจะเป็นหนึ่งเดียวในโลกสาหรับฉัน และฉันก็จะเป็นหนึ่งเดียวในโลกสาหรับเธอ” เป็นบทที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ ทเี่ขา้ ใจงา่ ยตรงไปตรงมาและแฝงดว้ ยความงดงามของภาษาเฉกเชน่ ความผกู พนั ทที่ า่ นมตี อ่ เพอื่ นรว่ มงานและหนว่ ยงาน สนุ ขั จงิ้ จอกเปน็ ผทู้ า ใหเ้ จา้ ชายนอ้ ยไดค้ น้ พบคณุ คา่ ของความสมั พนั ธ์ และการมองสงิ่ ตา่ ง ๆ ใหล้ กึ ซงึ้ มากกวา่ ภาพฉาบหนา้ ด้วยประโยคกินใจก่อนทั้งคู่จะจากลากันว่า “ลาก่อน และนี่คือความลับของฉัน มันเป็นเรื่องธรรมดามาก...เราจะเห็น อะไรได้เพียงด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสาคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา”
และทา้ ยสดุ นี้ ขอใหท้ กุ ทา่ นทเี่ กษยี ณอายรุ าชการในปนี ี้ ประสบแตค่ วามสขุ สขุ ภาพแขง็ แรง ปราศจากโรคภยั ไขเ้ จบ็ แคลว้ คลาดจากภยนั ตรายทงั้ ปวง ทกุ ทา่ นทรี่ บั ราชการมาจนเกษยี ณ ลว้ นตอ้ งผา่ นความยากลา บากในชวี ติ ทงั้ สว่ นตวั ครอบครัว หรือหน้าที่การงาน เพื่อมายืนตรงจุดนี้ จุดที่เราควรภาคภูมิใจ เปรียบเหมือนท่านคือดอกไม้ที่แสนงาม ทตี่ อ้ งยอมทนกบั หนอน ถา้ อยากรจู้ กั ผเี สอื้ สวย ๆ และเมอื่ เกษยี ณแลว้ ทา่ นกย็ งั สามารถใหก้ ารสนบั สนนุ ทงั้ การเปน็ สมาชกิ และสามารถรว่ มสง่ บทความ เพอื่ เผยแพรค่ วามรู้ ประสบการณก์ ารทา งาน และชวี ติ หลงั เกษยี ณอายรุ าชการใหบ้ คุ ลากร ของกองทพั เรอื และประชาชนทวั่ ไป อยา่ ลมื สมคั รเปน็ สมาชกิ นติ ยสารนาวกิ ศาสตรห์ ลงั เกษยี ณอายรุ าชการกนั นะครบั
Life is like riding a bicycle, to keep your balance, you must keep moving Albert Einstein


กองบรรณาธกิ าร
ปกหนา้ - ปกหลงั : กองทพั เรอื ทปี่ ระชาชนเชอ่ื มน่ั และภาคภมู ใิ จ “วคั ซนี เพอื่ เอกราช อธปิ ไตย และผลประโยชนข์ องชาตทิ างทะเล”
ปกหน้า
นอกเหนือจากภารกิจในการป้องกันประเทศ และคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเลแล้ว การช่วยเหลือ พ่ีน้องประชาชนล้วนอยู่ในจิตสานึกของเหล่าทหารเรือ ด้วยพื้นท่ีรับผิดชอบของกองทัพเรือต้ังแต่เหนือสุด ถึงใต้สุดของประเทศ และออกไปในทะเลอีกไกลพ้นขอบฟ้า กองทัพเรือพร้อมให้การสนับสนุน และช่วยเหลือประชาชนในพ้ืนที่รับผิดชอบอย่างเต็มความสามารถ เช่น อุทกภัย ท่ีเราเข้าช่วยเหลือถึงแต่ละบ้าน แต่ละชุมชน หรือมาพร้อมกับเครื่องผลักดันน้าเพื่อเร่งระบายน้าท้ังท่ีเกิดขึ้นในแผ่นดิน ไปจนถึงตามเกาะต่าง ๆ ภัยในทะเลท่ีเกิดข้ึนกับเรือต่าง ๆ เช่น เหล่าชาวประมงคนแล้วคนเล่าที่เรือรบ และอากาศยานของ กองทัพเรือท่ีได้เข้าทาการช่วยเหลือ รวมถึงงานอนุรักษ์ทรัพยากร และระบบนิเวศทางทะเล ปะการัง เต่าทะเล และสตั วท์ ะเลหายาก กองทพั เรอื ไดร้ ว่ มเปน็ หนว่ ยงานสา คญั ทลี่ งมอื ทา มาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง หรอื แมแ้ ตภ่ ยั คกุ คามรปู แบบใหม่ อยา่ งการระบาดของโควดิ -๑๙ กองทพั เรอื กถ็ กู จดั ใหเ้ ปน็ หนว่ ยดา่ นหนา้ ทรี่ บั มอื นบั ตง้ั แตก่ ารรบั คนไทยกลบั จากอฮู่ น่ั ด้วยการจัดตั้งศูนย์กักกัน จนถึงการจัดต้ังโรงพยาบาลสนามแห่งแรกของไทยที่สัตหีบ ไม่เว้นแต่จุดเล็ก ๆ อย่างเช่น การผลติ หนา้ กากอนามยั แอลกอฮอลล์ า้ งมอื การแจกอาหารกลอ่ ง โรงครวั สนาม การเขา้ ตรวจเชอื้ ในพนื้ ทเ่ี สยี่ งของ จังหวัดสมุทรสาคร จนถึงการสร้างความม่ันใจให้กับอาหารทะเลจากจังหวัดสมุทรสาคร ด้วยการนาไปสู่การรับซ้ือ อาหารทะลมาประกอบอาหารให้กาลังพลทุกระดับ การจัดต้ังศูนย์เคล่ือนย้ายผู้ป่วยโควิด-๑๙ ครอบคลุมพ้ืนท่ี รับผิดชอบตลอด ๒๔ ช่ัวโมง เป็นต้น
ปกหลัง
เขม็ ฉดี วคั ซนี ลงในทะเลและชายฝง่ั ทง้ั ดา้ นอา่ วไทยและทะเลอนั ดามนั ทภ่ี ายในบรรจวุ คั ซนี MARSEVAC 22.89T
(ช่ือสมมุติเพื่อใช้ประกอบภาพ) คือ Marinetime Securrity vaccine 22.89Trillion (มูลค่าทาง เศรษฐกิจ ๒๒.๘๙ ล้านล้านบาท) การฉีดวัคซีนก็เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ คือสิ่งจาเป็นสาหรับมนุษย์ การฉดี วคั ซนี คอื การลดความรนุ แรง หรอื ปอ้ งกนั โรคได้ กา ลงั รบทกี่ องทพั เรอื เสรมิ สรา้ งเปรยี บเหมอื นวคั ซนี เปน็ การ ยกระดบั ขดี ความสามารถใหม้ คี วามพรอ้ มในการปอ้ งกนั และรกั ษาอธปิ ไตยของชาติสามารถรบั มอื กบั ภยั คกุ คามตลอดจน ปัญหาที่กระทบต่อความมั่นคงในทุกมิติ ทุกรูปแบบ และทุกระดับความรุนแรง ภารกิจของกองทัพเรือในการรักษา ผลประโยชนข์ องชาตทิ างทะเลไมว่ า่ จะเปน็ การคมุ้ ครองทรพั ยากรธรรมชาตทิ างทะเลฐานขดุ เจาะการประมงเสน้ ทางเดนิ เรอื การขนส่งสินค้า การท่องเท่ียว เป็นต้น ประเทศไทยเจอกับเหตุการณ์วัวหายล้อมคอกหลายคร้ัง เพราะหากเกิด เหตกุ ารณท์ กี่ ระทบตอ่ ความมนั่ คงของชาติ ไมส่ ามารถจดั หาอาวธุ ตา่ ง ๆ ไดภ้ ายในวนั เดยี ว การจดั หาอาวธุ ยทุ โธปกรณ์ เปรียบเหมือนการมีวัคซีนคุ้มกันที่ดี โดยเฉพาะอาวุธท่ีมีความทันสมัยต้องใช้เวลาจัดหาหลายปี และต้องทาการฝึก เพ่ือสร้างความชานาญ เพื่อความพร้อมในการป้องกันประเทศ
นาวิกศาสตร์ 4 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


อาจกล่าวได้ว่าแม้กระแสโซเชียลอันแข็งแกร่ง เชี่ยวกรากจะทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะการส่ือสาร หรือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่าน ส่ือส่ิงพิมพ์ได้เปล่ียนโฉมจากการจัดพิมพ์เป็นเล่มไปสู่ การจัดทาเป็น E-book ที่สามารถเผยแพร่ถึงมือผู้อ่าน และส่งต่อได้อย่างฉับไว
กระน้ันก็ตาม การจัดพิมพ์หนังสือแบบเป็นรูปเล่ม ท่ีจับต้องได้ยังคงดารงอยู่ แม้จานวนมากจะถูกกระแส โซเชียลพัดพาหายไป แต่หลายสานักพิมพ์ท้ังในบ้านเรา และในต่างประเทศยังคงยืนหยัดอยู่อย่างไม่ย่อท้อ ด้วยความเชื่อที่ว่า “หนังสือเล่มไม่มีวันตาย” และการ อ่านแบบจับต้องได้ดังท่ีเคยเป็น สามารถสร้างความรู้สึก ผ่อนคลายและความรื่นรมย์นามาซ่ึงความอิ่มเอมสุขใจ ให้แก่นักอ่านได้มากกว่าการอ่านบนจอ
สิ่งหนึ่งที่การจัดพิมพ์หนังสือแทบทุกประเภท นา มาใชก้ นั คอื การตพี มิ พ์“คา นยิ ม”ของบคุ คลทม่ี ชี อ่ื เสยี ง ไวใ้ นหนงั สอื หรอื บนหนา้ ปก เพอื่ สรา้ งความเชอื่ มนั่ ใหแ้ ก่ นกั อา่ นในลกั ษณะการยนื ยนั หรอื การนั ตวี า่ เนอื้ หาในเลม่ เป็นเรื่องราวท่ีดีมีอรรถรสควรค่าแก่การเป็นเจ้าของ
ดว้ ยเหตนุ เี้ อง ผเู้ ขยี นจงึ ไมล่ งั เลทจ่ี ะซอ้ื หนงั สอื ปกแขง็ เล่มใหญ่ความหนา ๓๗๐ หน้า ท่ีมีชื่อว่า “Medal of Honor” PORTRAITS OF VALOR BEYOND THE CALL OF DUTY หลังจากเปิดดูหน้าแรก ๆ และพบว่า หนงั สอื เลม่ นมี้ อี ดตี ประธานาธบิ ดสี หรฐั อเมรกิ าถงึ ๕ คน เขียนคานิยมให้
เมื่อได้อ่านเร่ืองราวอย่างช้า ๆ ทีละหน้า ส่ิงที่ เป็นความประทับใจนอกเหนือจากความกล้าหาญของ เหล่าทหารทุกชั้นยศจากทุกเหล่าทัพของสหรัฐอเมริกา ทถี่กูรวบรวมไวพ้รอ้มภาพถา่ยทงั้ในอดตีและปจัจบุนัแลว้
ผเู้ขยี นรสู้ กึ ชนื่ ชมและยกยอ่ งในความวริ ยิ ะอตุ สาหะ ของคณะผจู้ ดั ทา ซงึ่ แมจ้ ะไมอ่ าจบรรจเุ รอื่ งราวของผกู้ ลา้ ทอี่ ทุ ศิ ชวี ติ และเลอื ดเนอื้ ระหวา่ งการปฏบิ ตั หิ นา้ ทไี่ ดค้ รบ ทุกคนก็ตาม
แตเ่ หนอื อนื่ ใดและเปน็ สง่ิ ทสี่ า คญั ทสี่ ดุ กค็ อื หนงั สอื เล่มนี้คือสิ่งท่ียืนยันว่าสหรัฐอเมริกาเป็นชาติที่ให้ ความสาคัญอย่างย่ิงยวดต่อผู้อุทิศตน และเสียสละเพื่อ ประเทศชาติ
สหรัฐอเมริกาไม่เคยลืม “วีรบุรุษ” ของตนทั้งที่ บุคคลเหล่าน้ันเกือบทั้งหมดไม่ได้ทาการสู้รบบนแผ่นดิน ท่ีเป็นบ้านเกิดเมืองนอน แต่เป็นการเข้าสู่สงคราม ในสมรภูมิต่างแดนนับตั้งแต่สงครามโลกทั้งสองครั้ง สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม และสงครามใน อัฟกานิสถาน
หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์เป็นครั้งท่ี ๓ เป็นการบอกเล่า เรอ่ื งราวโดยสงั เขปของการไดร้ บั อสิ รยิ าภรณข์ องวรี บรุ ษุ แต่ละคน ซึ่งเมื่ออ่านแล้วทาให้ผู้เขียนเกิดความกระหาย ที่จะค้นหารายละเอียดเพ่ิมเติมจากแหล่งข้อมูลอื่น เพ่ือให้เรื่องราวมีความสมบูรณ์เพิ่มข้ึน
ในอดีตท่ีผ่านมา สหรัฐอเมริกามีเหรียญกล้าหาญ หลายระดับที่มอบให้แก่ทหารในกองทัพของตน
นาวิกศาสตร์ 5 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


แต่“เมดลั ออฟออนเนอร”์ (MedalofHonor)ถอื เปน็ เหรยี ญกลา้ หาญชนั้ สงู สดุ ของสหรฐั อเมรกิ า ซง่ึ จะมอบให้ แกท่ หารหาญผทู้ า การรบอยา่ งแกลว้ กลา้ ในทกุ สมรภมู ทิ ี่ กองทัพสหรัฐอเมริกาเข้าไปเกี่ยวข้อง
นบั ตงั้ แตร่ ฐั บาล และกองทพั สหรฐั อเมรกิ าเรมิ่ มกี าร มอบเหรียญนี้ให้แก่ทหารในยุค“สงครามกลางเมือง” ระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้มาจนกระทั่งถึงสงคราม สมยั ใหม่ มผี ทู้ ไี่ ดร้ บั เมดลั ออฟ ออนเนอร์ เพยี ง ๓,๔๓๖ คน (ตัวเลขขณะจัดพิมพ์หนังสือครั้งแรก ปัจจุบันสูงกว่าน้ัน)
ในจา นวนนี้ มสี ตรชี าวอเมรกิ นั เพยี งผเู้ ดยี วเทา่ นนั้ ท่ี ได้รับเกียรติอันสูงส่งเธอผู้นั้นก็คือ ด็อกเตอร์ “วอร์เกน” ศัลยแพทย์ในสงครามกลางเมือง ซึ่งเป็นการรบระหว่าง ฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ ด้วยเหตุที่เธอปฏิบัติหน้าท่ีอย่าง ทุ่มเท และเสียสละตลอดช่วงของสงครามจนเป็นที่ ยอมรบั ของทกุ ฝา่ ยดอ็ กเตอร์วอรเ์กนจงึ ไดร้ บั การเสนอชอ่ื ให้ได้รับเหรียญดังกล่าว
อย่างไรก็ตามเน่ืองจาก ด็อกเตอร์ วอร์เกน เป็น พลเรือนและเป็นสตรี เหรียญกล้าหาญดังกล่าวจึงถูก เรียกกลับคืนในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ จนกระท่ังหลังจากนั้นอีก ๖๐ ปี รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจึงมีมติมอบเหรียญกล้าหาญ กลับคืนให้แก่ทายาทผู้สืบทอดเช้ือสายมาจากตระกูล ของ ด็อกเตอร์ วอร์เกน ดังเดิม
“เฮนรี่ เอส. ทรูแมน” ผู้เคยผ่านการรบ ในสงครามโลกครงั้ ทห่ี นงึ่ และกลายมาเปน็ ประธานาธบิ ดี สหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา ได้กล่าวสุนทรพจน์บางตอน ในพิธีประดับเหรียญ “เมดัล ออฟ ออนเนอร์” ให้แก่ ผู้กล้าหาญจากการรบในสงครามโลกครั้งท่ีสองว่า
“ข้าพเจ้ามีความภาคภูมิใจในเหรียญนี้ ย่ิงกว่าการ ได้ดารงตาแหน่งประธานาธิบดี”
และในโอกาสต่อมา พลเอก “จอร์จ เอส. แพ็ทตัน” แม่ทัพชื่อก้องคนหน่ึงของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับชัยชนะ ในสมรภูมิยุโรประหว่างยุคสงครามโลกครั้งที่สอง เคยกล่าวกับผู้ได้รับเหรียญ “เมดัล ออฟ ออนเนอร์” คนหน่ึงว่า
“ในฐานะที่เป็นทหารอาชีพ ข้าพเจ้ายินดีสละชีวิต
นาวิกศาสตร์ 6 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
เพ่ือเหรียญเกียรติยศเหรียญนี้”
เปน็ ทรี่ กู้ นั วา่ ผทู้ จ่ี ะไดร้ บั เหรยี ญ“เมดลั ออฟออนเนอร”์
จะต้องผ่านการรบด้วยความแกล้วกล้า อาจหาญ ทรหด อดทน และเสย่ี งชวี ติ เหนอื กวา่ ผทู้ ท่ี า การรบปกตมิ ากมาย หลายเท่า ซึ่งในการน้ีจะต้องมี “พยาน” รู้เห็นวีรกรรม ทเ่ีกดิขนึ้อยา่งนอ้ยสองคนเหลา่ทหารสหรฐัอเมรกิาจงึมกัมี คา เรยี กหาสา หรบั ผไู้ ดร้ บั เหรยี ญ“เมดลั ออฟออนเนอร”์ วา่
“เป็นผู้กล้า ในมวลหมู่ของผู้กล้าทั้งปวง”
ย้อนหลังไปในยุคท่ีเกิดสงครามกลางเมืองระหว่าง ฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ในสหรัฐอเมริกา นายพล “วีลฟิวส์ สก็อต” เป็นผู้ริเริ่มการมอบเหรียญกล้าหาญให้กับทหาร ที่ปฏิบัติการรบอย่างแกล้วกล้า โดยไม่หวั่นเกรงต่อ ความตาย แตเ่ หรยี ญกลา้ หาญดงั กลา่ วยงั ไมถ่ อื วา่ เปน็ การ มอบอย่างเป็นทางการของกองทัพ
ต่อมากองทัพบกสหรัฐอเมริกาจึงได้ขออนุมัติจาก รัฐสภาในการมอบเหรียญกล้าหาญแก่ทหารในนาม กองทัพอย่างเป็นทางการ และ “เมดัล ออฟ ออนเนอร์” เหรียญแรกถูกมอบให้แก่ทหารผู้มีเกียรติประวัติการรบ ดีเด่นในฐานะ “ผู้กล้าเหนือกล้า” เม่ือปี พ.ศ.๒๔๖๐
ต่อมา เจมส์ ดับบลิว. กริมส์ สมาชิกสภาจากรัฐ “ไอโอว่า” เสนอญัตติในสภาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๔ ดว้ ยหวั ขอ้ เรอื่ งคอื “การปนู บา เหนจ็ ใหก้ บั ทหารเรอื ” โดย ตวั เขาเองไมค่ าดคดิ วา่ เรอ่ื งดงั กลา่ วจะทา ใหม้ กี ารออกกฎ ระเบยี บทยี่ งุ่ ยากตามมาในอนาคต โดยกรมิ สไ์ ดเ้ สนอใหม้ ี การมอบเหรยี ญ “เมดลั ออฟ ออนเนอร”์ ใหแ้ ก่ “ทหารเรอื ” ที่ปฏิบัติการรบอย่างกล้าหาญ ซึ่งประธานาธิบดี “ลนิ คอน”ผตู้ กเปน็ เหยอื่ ของการลอบสงั หารในเวลาตอ่ มา เหน็ ชอบกบั ญตั ตดิ งั กลา่ ว และใหก้ า หนดการมอบเหรยี ญน้ี ไว้เป็น “กฎหมาย” เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๐๔
ครั้นถึงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๐๕ วุฒิสมาชิกเฮนร่ี วลิ สนั กเ็ สนอใหม้ กี ารมอบเหรยี ญ “เมดลั ออฟ ออนเนอร”์ แก่ทหารของกองทัพบก และออกเป็นกฎหมายในอีก ๕ เดือนต่อมา แต่แล้วรายละเอียดของข้อกาหนดที่ “มากเกนิ ไป”กท็ า ใหผ้ ทู้ ที่ า การรบอยา่ งแกลว้ กลา้ หลายคน หมดโอกาสได้รับเกียรติยศนี้ โดยเฉพาะที่มีการระบุ


ในข้อกาหนดว่าจะไม่มีการมอบเหรียญ “เมดัล ออฟ ออนเนอร”์ ให้ “ทหารชน้ั ประทวน” เพราะถอื วา่ เปน็ เพยี ง ผู้ทาตามคาส่ัง นอกจากนี้ยังกาหนดว่าเหรียญเกียรติยศ “เมดัล ออฟ ออนเนอร์” จะมอบให้เฉพาะผู้ที่ทาการรบ หลังจากออกกฎหมายนี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกวิจารณ์มากขึ้นรัฐสภาก็ยอม อนมุ ตั ใิ หม้ อบเหรยี ญยอ้ นหลงั ใหแ้ กผ่ ทู้ ป่ี ระกอบวรี กรรม ต้ังแต่ครั้งสงครามกลางเมือง สาหรับกองทัพบกยังยึด ในหลกั การใหเ้ หรยี ญกลา้ หาญเฉพาะนายทหารสญั ญาบตั ร ต่อไป โดยไม่สนใจกับเสียงคัดค้าน
ส่วนกองทัพเรือเริ่มมอบเหรียญน้ีให้ทหารช้ัน ประทวนในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ และยังมีข้อแตกต่างอื่นตรงท่ี กองทพั บกกา หนดใหม้ อบเหรยี ญ“เมดลั ออฟออนเนอร”์ เฉพาะผู้กล้าหาญจากการรบกับ “ข้าศึก” เท่านั้น แต่กองทัพเรือได้เพิ่มข้อพิจารณาอื่น โดยสามารถ มอบเหรียญให้ผู้ปฏิบัติหน้าท่ีในกรณีอ่ืนด้วยความ กลา้ หาญ เช่น ช่วยชีวิตคนจมน้า
ในประวัติศาสตร์ของกองทัพบก ร้อยโท “ เ บ อ ร น์ า ร ด์ ไ อ ร ว์ นิ ” เ ป น็ น า ย ท ห า ร ค น แ ร ก ท ไ่ ี ด ร้ บั เ ห ร ยี ญ “เมดัล ออฟ ออนเนอร์” จากความกล้าหาญเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๐๔ โดยไอร์วินซ่ึงเป็นศัลยแพทย์ หนมุ่ ของกองทพั ไดอ้ าสาสมคั รไปชว่ ยกองทหารทถี่ กู พวก อินเดียนแดงโอบล้อมท่ี “อาปาเชพาส” ทางตอนเหนือ ของแอริโซน่า ซึ่งเขาต้องต่อสู้กับนักรบอินเดียนแดง จานวนมาก และเดินทางฝ่าพายุหิมะจนสามารถช่วย กองทหารท่ีตกอยู่ในวงล้อมให้พ้นจากความตายไว้ได้
เบอร์นาร์ด เอฟ. ฟิชเชอร์ นักบินเหรียญกล้าหาญ
เมื่อถึงเดือนเมษายน ๒๔๐๘ สงครามกลางเมือง ระหวา่ งฝา่ ยเหนอื กบั ฝา่ ยใตส้ งบลง มผี ไู้ ดร้ บั เหรยี ญกลา้ หาญ “เมดัล ออฟ ออนเนอร์” จานวนท้ังสิ้น ๑,๕๒๐ นาย ประกอบดว้ ยทหารบก ๑,๑๙๖ นาย ทหารเรอื ๓๐๗ นาย และนาวิกโยธิน ๑๗ นาย
หลังจากนั้นท้ังกองทัพบกและกองทัพเรือก็ มอบเหรียญนี้ให้กับทหารผู้กล้าหาญในสงครามอื่น ๆ ที่ตามมา โดยมีทหารบก ๔๒๓ นาย ได้รับเหรียญ “เมดัล ออฟ ออนเนอร์” จากการต่อสู้กับอินเดียนแดง เมื่อสหรัฐอเมริกาขยายพ้ืนที่อาณาเขตลึกเข้าไปในเขตท่ี ชนเผ่าต่าง ๆ เคยครอบครองอยู่ นอกจากน้ียังมีทหาร เรือและทหารนาวิกโยธินอีก ๑๒๘ นาย ได้รับเหรียญ “เมดลั ออฟ ออนเนอร์” จากสงครามสเปน-อเมริกัน
สาหรับช่วงเวลาระหว่างสงครามโลกครั้งท่ีหนึ่ง มกี ารรบอนั ฉกาจฉกรรจเ์ กดิ ขน้ึ หลายแหง่ ทา ใหม้ ผี ไู้ ดร้ บั เหรยี ญกลา้ หาญ “เมดลั ออฟ ออนเนอร”์ ทง้ั สน้ิ ๑๑๘ นาย ประกอบด้วยทหารบก ๙๐ นาย ทหารเรือ ๒๑ นาย และ นาวกิ โยธนิ ๗ นาย ในจา นวนนเี้ ปน็ เหรยี ญทมี่ อบแกท่ หาร ท่ีเสียชีวิตในสมรภูมิรบ ๓๑ นาย
หลังจากนั้นก็มีการมอบเหรียญกล้าหาญให้ในกรณี พิเศษท่ีไม่ใช่การรบโดยตรง เช่น กองทัพเรือมอบให้ ทหารท่ีผจญเพลิงไหม้เรือรบ กองทัพบกมอบให้ “ชาลส์ ลนิ ดเ์ บอรก์ ” ซง่ึ เปน็ นกั บนิ คนแรกทข่ี บั เครอื่ งบนิ ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
ในสงครามโลกครั้งที่สอง การคัดเลือกผู้สมควรได้ รับเหรียญเป็นไปอย่างเข้มงวด มีการกาหนด “ระดับ” ของกระบวนการกล่ันกรอง เริ่มต้นจากผู้บังคับบัญชา ทหารระดบั กองพลขนึ้ ไปจนถงึ คณะกรรมการในวอชงิ ตนั
ในการน้ีจะมีการตรวจสอบข้อมูลทางเอกสาร หลกั ฐานจา นวนมากเพอ่ื ใหแ้ นใ่ จวา่ วรี กรรมเหลา่ นนั้ เปน็ “ของจริง” และอาจมีการปรับระดับของเหรียญที่จะให้ ตามความเหมาะสม
ด้วยกระบวนการที่ซับซ้อนและละเอียดรอบคอบ จากจานวนทหารสหรัฐอเมริกาที่เข้าร่วมรบใน สงครามโลกครั้งท่ีสองมากกว่า ๑๓ ล้านนาย จึงมี
นาวิกศาสตร์ 7 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


ผู้ได้รับเหรียญ “เมดัล ออฟ ออนเนอร์” เพียง ๔๓๓ นาย ประกอบดว้ ยทหารบก ๒๙๔ นาย ทหารเรอื ๕๗ นาย และ นาวิกโยธิน ๘๑ นาย
นอกจากน้ี ยังมีเจ้าหน้าท่ีจากหน่วยรักษาฝั่งอีก ๑ นาย ท่ีได้รับเหรียญน้ี แต่ก็มีเพียง ๑๙๐ นายเท่าน้ัน ท่ีรอดชีวิตจากการรบ และเข้ารับเหรียญช้ันสูงสุดน้ี ด้วยตนเอง และเพื่อเป็นการมอบเกียรติยศสูงสุดแก่ ผู้กล้าเหนือกล้า จึงกาหนดให้ทาพิธีมอบเหรียญ “เมดัล ออฟ ออนเนอร์” โดยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาท่ี กรงุ วอชงิ ตนั แทนทจี่ ะทา พธิ ตี ามหนว่ ยตน้ สงั กดั แบบเดมิ เหมือนยุคก่อน ๆ
ลักษณะของเหรียญ “เมดัล ออฟ ออนเนอร์” มกี ารปรบั ปรงุ หลายครงั้ รปู แบบลา่ สดุ ออกแบบโดยบรษิ ทั “วิลสัน แอนด์ซัน” ซึ่งในตราสารของกระทรวงกลาโหม สหรฐั อเมรกิ าในยคุ นนั้ อธบิ ายลกั ษณะของเหรยี ญกลา้ หาญ ช้ันสูงสุดไว้ดังนี้
“ประกอบด้วยดาวห้าแฉก แฉกหนึ่งชี้ลงด้านล่าง และมีเคร่ืองหมายของความกล้าหาญเป็นภาพชาย คนหนึ่งย่อตัว มือข้างหน่ึงจับงูใหญ่ และมืออีกข้าง ชูสามง่าม กับภาพหญิงสาวแสดงถึงความเป็นอันหนึ่ง อันเดียวและจิตวิญญาณของชาติ มือข้างหน่ึงถือโล่ อีกมือหนึ่งถือแฟสซีส (FASCES) หรือ “มัดไม้” ที่หุ้มขวานและมีใบขวานโผล่ออกมาซ่ึงเป็นสัญลักษณ์ ของการทรงอานาจ
ภาพทง้ั หมดลอ้ มรอบดว้ ยดาว ๓๔ ดวง อนั หมายถงึ จานวนรัฐต่าง ๆ ของชาติ เคร่ืองหมายทั้งสองห้อยจาก เคร่ืองหมายรูปโบ โดยแถบโบแนวนอนเป็นสีน้าเงินอยู่ เหนือแถบแนวต้ังท่ีเป็นสีแดงและสีขาว
นาวิกศาสตร์ 8 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
สาหรับเรื่องราวของผู้ได้รับเหรียญ “เมดัล ออฟ ออนเนอร์” ที่จะนาเสนอให้ทราบเป็นคนแรก ผู้เขียน ขอเลือก “เอ็ด ฟรีแมน” (ED FREEMAN) “นักบินโย่ง จอมระห่า” ผู้สร้างวีรกรรมในสงครามเวียดนามจนถูก นาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในเวลาต่อมา
เอด็ ดบั บลวิ ฟรแี มน เกดิ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๘๐ เขาเริ่มต้นชีวิตในกองทัพด้วยการเป็น ทหารช่างก่อนจะย้ายไปเป็นทหารราบเข้าร่วมรบใน สงครามเกาหลี มยี ศ “สบิ เอก” และเขาไดใ้ ชเ้ กยี รตปิ ระวตั ิ ดังกล่าวสมัครเข้าเป็นนักบินตามที่ใฝ่ฝันไว้ตั้งแต่เด็ก
แต่เน่ืองจากฟรีแมนมีความสูงถึง ๖ ฟุต ๖ นิ้ว เกินเกณฑ์ความสูงของนักบินที่กาหนดไว้ในช่วงเวลานั้น จนกระทั่งมีการแก้ไขระเบียบดังกล่าว เขาจึงได้เข้า โรงเรยี นการบนิ ของกองทพั บกเพอื่ เปน็ นกั บนิ ตามความ ใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก
“เอ็ด ฟรีแมน” ในวัยหนุ่ม
และด้วยความที่เป็นคนร่างสูง ฟรีแมนจึงมีฉายาว่า “จอมโย่ง” หรือ TOO TALL หลังจากท่ีได้สวมชุดนักบิน สมใจ
“จอมโยง่ ” ฟรแี มนไดข้ บั อากาศยานแบบ “ปกี นงิ่ ” สู่เวหาในระยะแรก ก่อนที่จะเปลี่ยนแบบไปเป็นนักบิน ปีกหมุน หรือเฮลิคอปเตอร์ในเวลาต่อมา
ก่อนเข้าสู่สงครามเวียดนาม ฟรีแมนมีช่ัวโมงบิน เฮลิคอปเตอร์ ถึง ๑,๐๐๐ ชั่วโมง จากนั้นเมื่อมีการจัดตั้ง กองพลบินส่งทางอากาศ หรือ “ทหารม้าอากาศ” ฟรีแมนก็ได้รับการบรรจุเป็นนักบินคนหน่ึงของหน่วยน้ี โดยเป็นนักบินประจากองพันท่ี ๑


กองพันที่ ๑ ของกองพลบินส่งทางอากาศมี เฮลคิ อปเตอร์ ๑๖ เครอื่ ง อยภู่ ายใตก้ ารบงั คบั บญั ชาของ พันโท ฮัล มัวส์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้นากาลังเข้าพิสูจน์ ทราบและกวาดล้างทหารเวียดนามเหนือซึ่งหน่วยข่าว ระบุว่ามีความเคลื่อนไหวอยู่ในหุบเขาเอียดรัง วัลเล่ย์
วนั ที่ ๑๖ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๐๘ หลงั พนั โท ฮลั มวั ส์ นากาลังลงสู่พ้ืน ทหารเวียดนามเหนือที่มีจานวนระดับ กรมทหารราบกเ็ ขา้ โอบลอ้ ม และเปดิ ฉากการโจมตอี ยา่ ง ดุดัน ทาให้ทหารทั้ง ๓ กองร้อยของผู้พันมัวส์ถูกตัดขาด ออกจากกนั โดยมผี เู้ สยี ชวี ติ และบาดเจบ็ เปน็ จา นวนมาก
ปืนต่อสู้อากาศยานของเวียดนามเหนือ
แตเ่ นอื่ งจากสถานการณค์ บั ขนั และการยงิ ตา้ นทาน อย่างดุเดือด ทาให้เฮลิคอปเตอร์พยาบาลท่ีพยายาม เข้าไปช่วยแตกกระเจิงก่อนจะบินกลับมายังฐาน และ ปฏิเสธที่จะเสี่ยงตายกลับไปรับผู้บาดเจ็บ
เม่ือผู้บังคับการฐานบินถามว่า “ใครจะรับอาสา ในภารกิจนี้” ร้อยเอกฟรีแมนนักบินจอมโย่งได้ก้าวเท้า ออกไปโดยไม่ลังเล
จากนน้ั เฮลคิ อปเตอร์๒เครอื่ งทม่ี ผี บู้ งั คบั การฐานบนิ กับฟรีแมนได้บินไปยังสมรภูมิตั้งแต่เย็นจรดค่าเพื่อนา ผู้บาดเจ็บออกมาพร้อมกับส่งอมภัณฑ์เพ่ิมเติมให้กับ ผู้พันมัวส์
ฟรแี มนใชเ้ วลาหลายชวั่ โมงบนิ ไปมาระหวา่ งฐานกบั สมรภมู ิ ๑๔ เทยี่ ว เขานา เครอื่ งลงจอดหา่ งจากแนวปะทะ ไม่ถึง ๑๐๐ หลา โดยไม่หวาดหวั่นต่อการยิงต้านทาน ขัดขวางจากข้าศึก จนทาให้เฮลิคอปเตอร์ทะลุ
ความห้าวหาญของฟรีแมนทาให้ผู้บาดเจ็บ ๑๒ คน รอดตาย เมื่อได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที
หลังจบภารกิจนั้น ฟรีแมนซ่ึงแทบจะ “สติแตก” จากการบนิกตู้ายในเวยีดนามเดนิทางกลบัสหรฐัอเมรกิา ในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ และตดั สนิ ใจลาออกจากกองทพั ไปเปน็ นักบินพลเรือน
ทหารเวียดนามเหนือข้ามลาน้าสู่สมรภูมิ
ฟรีแมนทาอาชีพที่เขารักคือการบิน เฮลิคอปเตอร์ ต่อไปอีก ๒๐ ปี จึงเกษียณจากทุกตาแหน่ง
เม่ืออดีตผู้บังคับบัญชาของฟรีแมนพยายามรื้อฟื้น วีรกรรมของฟรีแมน แต่ตามข้อบังคับที่กาหนดไว้ การขอรับอิสริยาภรณ์ต้องกระทาภายใน ๒ ปี หลังเกิด เหตุการณ์ (เพื่อให้สามารถหาพยานและหลักฐานยืนยัน ไดอ้ ยา่ งแนช่ ดั ) ซง่ึ กรณขี องฟรแี มนถอื วา่ ขาดอายไุ ปแลว้
ตอ่ มามกี ารแกไ้ ขระเบยี บดงั กลา่ วในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ โดยความเห็นชอบของรัฐสภาเพื่อเปิดโอกาสให้มีการ พจิ ารณามอบเหรยี ญ“เมดลั ออฟออนเนอร”์ ใหผ้ กู้ ลา้ หาญ ท ผ่ ี บ้ ู งั ค บั บ ญั ช า ไ ม ไ่ ด เ้ ส น อ เ ร อื ่ ง ภ า ย ใ น ๒ ป ี ห ล งั จ า ก ก า ร ร บ
เรอื่ งของฟรแี มนจงึ ไดร้ บั การพจิ ารณาอกี ครงั้ ทา ให้ เขาไดร้ บั เหรยี ญ “เมดลั ออฟ ออนเนอร”์ จากประธานาธบิ ดี จอร์ช ดับเบ้ิลยู บุช เม่ือวันท่ี ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๔
ฟรีแมนกลับไปที่ทาเนียบขาวอีกครั้งในปีต่อมา เพื่อร่วมชมภาพยนตร์เร่ือง “We were Solider” ท่ีถ่ายทอดเรื่องราวการรบท่ีหุบเขา “เอียดรัง วัลเล่ย์”
หลงั เดนิ ออกจากหอ้ งฉายทา เนยี บขาวเมอื่ ภาพยนตร์ จบลง ผู้นาทาเนียบขาวได้เดินมาตบไหล่ฟรีแมน
นาวิกศาสตร์ 9 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


แล้วกล่าวว่า “เย่ียมมาก... จอมโย่ง” (Good Job, Too Tall)
พันเอก เอ็ด ฟรีแมน ในวัยชรา
ฟรแี มนเสยี ชวี ติ เมอื่ วนั ที่ ๒๐ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ท่ีโอดาโฮ สิริรวมอายุ ๗๑ ปี
ในสงครามเวียดนามช่วงเวลาเดียวกับท่ีฟรีแมน สร้างวีรกรรม ภายในห้องปรับอากาศของสโมสร นายทหารท่ี “เปลกู” เวียดนามใต้เม่ือ ๕๕ ปีก่อน เหนือบาร์เหล้ามีรูปถ่ายที่ปราศจากกรอบของนักบิน ทหารอากาศผมสีทองคนหน่ึงแขวนอยู่
ในช่วงเวลาแห่งสงครามไม่ว่าจะเป็นสมรภูมิใด “ฐานทัพ” ทุกแห่งจะต้องมีสโมสรสาหรับเป็นท่ีพักผ่อน หย่อนใจให้แก่เหล่าทหาร โดยเฉพาะ “นายทหาร สัญญาบัตร” สโมสรนับเป็นสิ่งที่จะขาดเสียมิได้
มันเป็นจุดท่ีดูแล้วไม่กลมกลืนเลยสาหรับการนา รูปของชายอายุ ๓๙ ปี ซึ่งเคร่งศาสนาและไม่แตะต้อง เครอื่ งดม่ื ใด ๆ ทม่ี ฤี ทธแ์ิ รงไปกวา่ “นมสด” ไปแขวนไวใ้ น บริเวณที่เต็มไปด้วยคนกินเหล้าดื่มเบียร์จิบไวน์
แต่สาหรับ “ขาประจา” ของสโมสรแห่งน้ีแล้ว ทุกคนรู้ดีว่าผู้ชายในภาพน้ันเป็นสุดยอด “เสืออากาศ” ที่มีประวัติผลงานยอดเยี่ยม เขาคือนักบินเครื่อง เอ-๑ “สกายไรเดอร์” ท่ีพูดจาไพเราะซึ่งทาให้เขาเป็นที่นับถือ อย่างมากของผู้ใต้บังคับบัญชาของฝูงบินโจมตีท่ี ๑
แต่ที่สาคัญกว่าน้ันก็คือเขาเป็นเสืออากาศชั้นยอด ท่ีได้รับการยกย่องในด้านความกล้าหาญยิ่งกว่าใคร ๆ ในยุคเดียวกัน
เขาคือ นาวาอากาศตรี “เบอร์นาร์ด เอฟ ฟิชเชอร์”
นาวิกศาสตร์ 10 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
ซงึ่ เปน็ นกั บนิ ของกองทพั อากาศสหรฐั อเมรกิ าคนแรกใน เวียดนามท่ีได้รับเหรียญกล้าหาญชั้นสูงสุด “เมดัล ออฟ ออนเนอร์”
เรื่องราวของ เบอร์นี่ ฟิชเชอร์ เก่ียวพันกับหุบเขา “เอ ชอร์ว” ซึ่งเป็นที่ตั้งค่ายของหน่วยรบพิเศษอเมริกัน ทปี่ ระกอบไปดว้ ยทหารรบั จา้ ง ซงึ่ เปน็ คนทอ้ งถนิ่ จา นวน ๓๗๕นายและทปี่ รกึ ษาทางทหารของหนว่ ย“กรนี เบเรต่ ”์ จากกองทัพบกอีก ๒๐ นาย
ฟิชเชอร์ในวันที่ได้รับเหรียญ “เมดัล ออฟ ออนเนอร์”
ฟิชเชอร์ในวัยชราก่อนถึงแก่กรรม
ในวันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๙ พวกเวียดกงและ ทหารเวยี ดนามเหนอื จา นวน ๓,๐๐๐ คน ไดเ้ ขา้ โอบลอ้ ม และเปิดฉากโจมตีค่ายซ่ึงอยู่ใกล้ชายแดน “เลาเทียน” อย่างหนัก
แต่กาลังที่ป้องกันค่ายก็ต่อสู้อย่างทรหดภายใต้การ สนับสนุนจากปืนใหญ่และเครื่องบิน
อยา่ งไรกต็ าม ขณะทกี่ ารรบดา เนนิ ไปอยา่ งตอ่ เนอื่ ง


ท้องฟ้าเหนือสมรภูมิอันเป็นพ้ืนท่ีสู้รบถูกปกคลุมไปด้วย เมฆหนาต้ังแต่ระดับ ๒๐๐ ฟุต ถึง ๘,๐๐๐ ฟุต ซ่ึงทาให้ การให้การสนับสนุนทางอากาศเป็นไปอย่างยากลาบาก
เครื่องบินสกายไรเดอร์ขณะปฏิบัติภารกิจในสงคราม
ขณะนั้นฟิชเชอร์ซึ่งกาลังบินเข้าไปโจมตีเป้าหมาย ในลาวตามภารกิจเดิมด้วยเคร่ืองบินใบพัดแบบ สกายไรเดอร์ แตเ่ มอื่ ไดร้ บั แจง้ ขา่ วการปะทะเขาจงึ เปลย่ี น แผนบินไปยังหุบเขา “เอ ชอร์ว” เพื่อดูให้รู้ว่าเขาจะ สามารถทา อะไรทเ่ี ปน็ ประโยชนใ์ หก้ บั ฝา่ ยเดยี วกนั ไดบ้ า้ ง
ฟิชเชอร์ต้องใช้เวลานับช่ัวโมงบินวนเวียนจนเห็น ช่องว่างในเมฆในการนาเครื่องบินสกายไรเดอร์ ๒ ท่ีนั่ง รุ่น (A-1E) ของเขาบินเจาะผ่านลงไปพร้อมกับเรียก สกายไรเดอร์ของลูกฝูงให้ติดตามทะลุผ่านก้อนเมฆ ออกไปเพื่อเข้าโจมตีข้าศึกที่โอบล้อมอยู่ภายนอกค่าย
การโจมตีของฟิชเชอร์ทาให้ข้าศึกชะงักการบุกและ ถูกกดดันจนหยุดอยู่กับที่แต่ยังคงโอบล้อมอยู่และเมื่อ ถึงเวลากลางคืนพวกเวียดกงเข้าโจมตีคร้ังท่ีสอง ทาให้ ลานจอดเฮลิคอปเตอร์เสียหายแนวลวดหนามรอบค่าย ถูกทาลายเกือบหมด
ตอนรุ่งเช้า ผู้บังคับกองกาลังภาคพื้นดินวิทยุ แจ้งว่าพวกเขาคงจะรักษาค่ายต่อไปได้ไม่นานถ้าไม่มี กาลังสนับสนุนทางอากาศ
แต่ผู้บังคับหน่วยที่อยู่ในค่ายได้เตือนว่าพวกเวียดกง กพ็ รอ้ มทจ่ี ะรบั มอื กบั กา ลงั ทางอากาศซง่ึ จะบนิ เขา้ มาชว่ ย ทั้งนี้ตลอดคืนที่ผ่านมา พวกเวียดกงได้ดัดแปลง แนวหุบเขาที่กว้างเป็นไมล์ ๆ ซึ่งนักบินอเมริกันเรียกมัน
วา่ “ทอ่ ” ใหก้ ลายเปน็ พนื้ ทตี่ งั้ รบั การโจมตจี ากเครอ่ื งบนิ โดยติดตั้งปืนกลต่อสู้อากาศยานขนาดเล็กมากกว่า ๒๐ กระบอก และอาวธุ อตั โนมตั นิ บั เปน็ รอ้ ยบนยอดแนว ทั้ง ๒ ปีก ที่ขนาบอยู่ด้านข้างหุบเขา
แมจ้ ะไดร้ บั การแจง้ เตอื นเชน่ นน้ั แตฟ่ ชิ เชอรก์ ไ็ มห่ วนั่ สายวันรุ่งข้ึนฟิชเชอร์นาเคร่ืองสกายไรเดอร์พร้อมด้วย “วิงแมน” ของเขาคือ เรืออากาศเอก ฟรานซิส “ปาโก้” วาซเควซบนิ ตรงไปยงั สมรภมู ินบั เปน็ โชคดขี องเขาอกี ครงั้ ท่ีเจอช่องว่างในเมฆโดยไม่ต้องรอนาน
ฟิชเชอร์และวาซเควซพุ่งผ่านเมฆลงไปโดยมีเครื่อง สกายไรเดอรอ์ กี ๒ เครอื่ ง จากฝงู บนิ โจมตที ่ี ๖๐๒ ตามลง ไปติด ๆ นักบินคือ นาวาอากาศตรี แดฟฟอร์ด ดับบลิว “จัมพ์” เมเยอร์ และ เรืออากาศเอก “ฮิวเบอร์ก คิงส์”
ฟิชเชอร์บินนาเครื่องทั้งหมดลงสู่เบื้องล่างแล้ว เปิดฉากใช้อาวุธไปยังเป้าหมายท่ีเรียกว่า “ท่อ” ในการ ดาลงโจมตีครั้งแรกเป็นไปอย่างสะดวก แต่อึดใจต่อมา ขา้ ศกึ กจ็ บั ระยะยงิ ไดแ้ ละเรมิ่ ระดมยงิ ตา้ นทานอยา่ งหนกั
ในเที่ยวที่สอง ลูกกระสุนปืนกลพุ่งเข้าใส่กระจก ด้านหน้าห้องนักบินของ เรืออากาศเอก คิงส์ ห่างจาก ตัวเขาเพียงไม่ก่ีนิ้ว ทาให้กระจกแตกละเอียดลมกระโชก เข้ามาอย่างรุนแรงจนไม่สามารถมองผ่านออกไปได้
คิงส์จึงดึงเครื่องข้ึนเข้าไปยังกลุ่มเมฆพร้อมกับ แจ้งความเสียหายไปยังฟิชเชอร์แล้วบินจากไป
ในการบินเข้าโจมตีครั้งที่สาม ฟิชเชอร์และเคร่ือง ท่ีเหลือนาสกายไรเดอร์กระหน่ายิงลงไปตามแนวหุบเขา ดว้ ยปนื กลขนาด๒๐มลิ ลเิมตรโดยมี“ชดุ ตรวจการณห์ นา้ ” ทางภาคพ้ืนดินช่วยช้ีเป้าให้
ทนั ใดนนั้ เมเยอรน์ กั บนิ อกี คนกร็ สู้ กึ วา่ เครอื่ งของเขา กาลังถลาลง
สญั ชาตญิ าณทา ใหเ้ ขารวู้ า่ สกายไรเดอรโ์ ดนยงิ ดว้ ย ปนื ขนาด๓๗มลิ ลเิมตรเขา้ แลว้ กระสนุ ของขา้ ศกึ หลายนดั ทาให้เริ่มมีกลุ่มควันเข้ามายังห้องนักบิน
“เมเดย์...เมเดย์ ผมโดนยิง” เขารายงานเสียงส่ัน “ผมเห็นแล้ว”
ฟิชเชอร์วิทยุตอบวิงแมนของตน
นาวิกศาสตร์ 11 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


“เครื่องคุณกาลังไฟไหม้ลามออกไปทางท้าย”
เมเยอร์ตระหนักดีว่าเขากาลังบินอยู่ในระดับต่า เกินกว่าที่จะดีดตัวออกได้ทัน นอกจากนั้นสกายไรเดอร์ ยงั เรมิ่ มอี าการกระตกุ เหมอื นกบั วา่ เครอ่ื งยนตก์ า ลงั จะดบั
โอกาสเดียวของเมเยอร์ที่จะรอดก็คือต้องรีบนา เครื่องลงจอดให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“ผมไปไมไ่ ดแ้ ลว้ คงจะตอ้ งนา เครอื่ งลงจอดเดยี๋ วน”ี้ เขาวิทยุบอกฟิชเชอร์
“ไม่ต้องห่วงผมจะคอยคุ้มกันให้” ฟิชเชอร์ยืนยัน
“ตั้งสติให้ดี แล้วหาตาแหน่งลงจอด”
อีกมุมหนึ่งของสกายไรเดอร์กลางเวหา
เมเยอรต์ อ้ งเพง่ มองผา่ นกลมุ่ ควนั ขณะทพี่ ยายามนา สกายไรเดอรข์ องเขารอ่ นลงไปยงั สนามบนิ ฉกุ เฉนิ ขา้ งลา่ ง โดยมีฟิชเชอร์บอกทางให้ตลอดเวลา
แต่เม่ือฟิชเชอร์มองเห็นว่าสกายไรเดอร์พุ่งหัวลง เร็วมากเกินกว่าท่ีจะนาเคร่ืองลงจอดในสนามบินท่ีมี ทางว่ิงระยะส้ันได้ เขาจึงบอกให้เมเยอร์เก็บล้อและ ปลดระเบดิ ทตี่ ดิ อยอู่ อกเพอื่ เตรยี มไถลบนพนื้ ซงึ่ เปน็ การ ลงแบบ “ฉุกเฉิน” น่ันเอง
มีเสียงระเบิดดังกึกก้องเมื่อระเบิดลูกน้ันหล่นลงสู่ เบื้องล่าง เคร่ืองบินของเมเยอร์ไม่สามารถปลดถังน้ามัน ใต้ลาตัวได้ ซ่ึงน่ันเป็นเงื่อนไขสุดท้ายท่ีอาจจะทาให้เกิด การระเบิดขึ้นได้เมื่อเครื่องบินกระแทกกับพื้น
แต่ในวินาทีฉุกเฉินเช่นนั้นก็ไม่มีทางเลือกอย่างอื่น นอกจากจาเป็นต้องเส่ียง
และแล้วเคร่ืองของเมเยอร์ก็เอียงวูบแล้วถลาลง บนพื้น และพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยมีรอยน้ามัน
นาวิกศาสตร์ 12 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๙ กันยายน ๒๕๖๔
เป็นทางยาวไล่หลังก่อนที่มันจะไถลเลยรันเวย์ออกไป และหยุดน่ิงในที่สุด
ฟิชเชอร์จ้องมองดูส่ิงท่ีเกิดข้ึนด้วยความวิตกกังวล ในขณะทป่ี ระกายไฟวงิ่ ตามไปจนถงึ ตวั เครอื่ งของเมเยอร์ แล้วก็ระเบิดข้ึนเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ มันเป็นเวลาเกือบ ๒ นาที ท่ีฟิชเชอร์พยายามมองหาเมเยอร์แต่ก็ไม่พบ
ความจรงิ เมเยอรห์ นอี อกจากเครอ่ื งไดท้ นั กอ่ นทกี่ าร ระเบิดจะเกิดขึ้น ในตอนแรกเขาแทบคลั่งเมื่อปลดสาย รัดที่น่ังและร่มชูชีพไม่ออกหลังจากท่ีเครื่องบินกระแทก ลงกับพ้ืน
แต่หลังจากออกแรงกระชากในวินาทีสุดท้ายเขาก็ จัดการสาเร็จ เมเยอร์เลื่อนกระจกหน้าต่างด้านข้างแล้ว ปีนออกไปทางปีกเครื่องด้านขวาก่อนจะวิ่งออกไปที่ ปลายปีกแล้วกระโดดลงบนพื้น จากนั้นก็เร่งฝีเท้า พยายามวงิ่ ฝา่ บรรดาชนิ้ สว่ นตา่ ง ๆ ทกี่ ระจดั กระจายออก มาจากการระเบดิ และกระโจนลงไปยงั คขู า้ งรนั เวยท์ พี่ วก หน่วยรบพิเศษขุดเอาไว้
อึดใจต่อมาฟิชเชอร์ก็บินโฉบลงมาในระดับต่าและ รู้สึกโล่งใจที่มองเห็นเมเยอร์ได้อย่างถนัดขณะที่โบกมือ ให้เขาจากท่ีหลบซ่อน
หลังจากวิทยุบอกเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยให้ทราบ ฟิชเชอร์และวาซเควซก็เริ่มกราดยิงพวกเวียดกงซ่ึง พยายามกรูเข้ามายังซากเคร่ืองบินท่ีกาลังลุกไหม้
“เมเดย์..เมเดย์ คนที่อยู่ข้างล่างยังไม่ตายขอให้ ส่งหน่วยกู้ภัยมาช่วยด่วน”
ฟิชเชอร์ได้รับกาลังสมทบอย่างรวดเร็วจากเคร่ือง สกายไรเดอร์ A-1E จา นวน ๒ เครอ่ื ง ซง่ึ นกั บนิ ทง้ั สองคอื เรอือากาศเอกเดนสิฮวิว์และจอหน์ลกูสัแตเ่วลาผา่นไป ๑๐ นาทีแล้ว หน่วยกู้ภัยยังคงอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ และต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย ๒๐ นาที กว่าจะมาถึง
เมเยอร์ยังคงอยู่ในอันตราย แม้จะมีเครื่องบิน สกายไรเดอร์คอยกราดยิงคุ้มกันให้ แต่พวกเวียดกงยัง คงรกุคบืเขา้มาใกลก้บัตาแหนง่ทเี่มเยอรซ์อ่นตวัอยู่และ ระดมยงิเขา้ใสต่ลอดเวลาเหมอืนกบัลม้เลกิความตงั้ใจทจี่ะ “จับเป็น” นักบินฝ่ายตรงข้าม


เฮลิคอปเตอร์ขณะลงสู่พื้นท่ีปฏิบัติการ
“จากวถิ กี ระสนุ ทย่ี งิ มาทา ใหผ้ มสงั เกตไดว้ า่ มที หาร ข้าศึกกลุ่มหนึ่งอยู่บนยอดเนินแต่พวกมันมองไม่เห็นผม ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองไม่รอดแน่”
เมเยอร์กล่าวในภายหลัง
“สงิ่ เดยี วทผี่ มหวงั ในตอนนนั้ กค็ อื ถา้ ผฝู้ งู ไมบ่ นิ จาก ไปก่อน ข้าศึกก็คงจะเข้าถึงตัวผมไม่ได้”
แม้จะบินอยู่ด้านบนแต่ฟิชเชอร์ก็ประมาณ สถานการณไ์ ดว้ า่ หากปลอ่ ยใหเ้ ปน็ เชน่ นต้ี อ่ ไปพวกเวยี ดกง คงจับตัวเมเยอร์ได้ก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะมาถึงอย่าง แน่นอน
ดงั นน้ั เขาจงึ ตดั สนิ ใจอยา่ งหา้ วหาญทจ่ี ะนา เครอื่ งบนิ ลงไปข้างล่างเพื่อรับตัวเมเยอร์ท้ังท่ี “สกายไรเดอร์” เป็นเคร่ืองบินใบพัดไม่ใช่เฮลิคอปเตอร์
“ผมจะลงไปรับเขาเองช่วยยิงคุ้มกันให้ด้วย”
ฟิชเชอร์วิทยุบอกนักบินคนอ่ืน ๆ ซึ่งรับฟังประโยค น้ันอย่างงุนงงและไม่คิดว่าฟิชเชอร์จะทาได้
จากสงิ่ ทเ่ี หน็ ทกุ คนคดิ วา่ โอกาสของฟชิ เชอรเ์ ปน็ ไป ไดน้ อ้ ยมาก แมว้ า่ เครอื่ งบนิ สกายไรเดอรจ์ ะสามารถบนิ ได้ โดยใชค้ วามเรว็ ตา่ แตบ่ นรนั เวยเ์ ตม็ ไปดว้ ยเศษเหลก็ หลมุ ระเบดิ และกองทรายนอกจากนน้ั กย็ งั มขี า้ ศกึ ทคี่ อยถลม่ ยิงรอบข้างอยู่ตลอดเวลา
“ผมให้โอกาสเขาแค่ ๑ ใน ๑๐๐ เท่านั้น ท่ีจะเอา เครื่องออกจากท่ีน่ันได้” ลูกัสซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ครั้งน้ัน เล่าอย่างต่ืนเต้น
ทกุ วนิ าทที ผี่ า่ นไป สกายไรเดอรข์ องวาซเควซ, ฮวิ ก์ และลกู สั ยงั คงผลดั เปลยี่ นกนั ลงไปยงิ คมุ้ กนั ตรงึ พวกเวยี ดกง
ให้อยู่กับท่ีเพ่ือเปิดโอกาสให้ฟิชเชอร์นาเคร่ืองลงไป และแล้ววินาทีแห่งความเป็นความตายก็เร่ิมขึ้น จังหวะที่ฟิชเชอร์กาลังนาเครื่องร่อนลงก็เกิดลมกระโชก หอบเอาฝุ่นทรายฟุ้งกระจายบดบังแนวเล็งของเขา
แต่ฟิชเชอร์ยังคงบังคับเครื่องต่อไปอย่างไม่เอาใจใส่ หลังจากที่ฝุ่นจางลงล้อเครื่องบินก็สัมผัสพื้นพอดี แตส่ กายไรเดอรย์ งั คงพงุ่ ไปขา้ งหนา้ เมอื่ ฟชิ เชอรม์ องเหน็ ว่าจวนจะทะลุรันเวย์เพราะเครื่องมีความเร็วเกินกว่าท่ี จะหยุดได้ เขาจึงเร่งเครื่องเต็มที่และบินกลับขึ้นไปบน
ฟ้าอีกครั้ง
ฟชิ เชอรค์ ดิ วา่ เปน็ เพราะแรงลมจงึ ทา ใหเ้ ครอื่ งบนิ มี
ความเร็วมากเกินไป เขาจึงเปลี่ยนแผนนาเครื่องกลับเข้า มาใหม่อีกรอบ โดยคร้ังนี้เขาจะเอาเครื่องลงในทิศทาง ตรงข้าม
แล้วสกายไรเดอร์ของฟิชเชอร์ก็ลดลงมาอยู่ใน ความสูงเพียง ๑๐๐ ฟุต ฝ่าการระดมยิงจากภาคพ้ืนดิน ก่อนจะร่อนลงสัมผัสพื้นอีกคร้ังหนึ่ง เขากางแฟลบออก และกระทืบเบรกล้อเต็มแรง
แต่ด้วยความเร็วต่อเนื่อง เครื่องบินของเขายังคง เลื่อนไถลไปตามรันเวย์ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่ออยู่ห่างจากถัง น้ามันขนาด ๕๕ แกลลอน กองใหญ่ที่ปลายรันเวย์เพียง ๑๕ ฟุตเท่านั้น ซึ่งหากเครื่องไม่หยุดได้อย่างฉิวเฉียด การระเบิดอย่างรุนแรงจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ในวินาทีน้ีเองท่ีฟิชเชอร์รีบเล้ียวกลับลาแล้วบังคับ เครื่องบินวิ่งตรงไปยังจุดที่เมเยอร์หลบอยู่ทันที
เฮลิคอปเตอร์ขณะรับทหารถอนตัวจากพื้นที่ปฏิบัติการ
นาวิกศาสตร์ 13 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๙ กันยายน ๒๕๖๔


ตลอดเวลานั้นพวกเวียดกงยังคงกระหน่ายิงด้วย อาวธุ ประจา กายราวกบั หา่ ฝน กระสนุ หลายนดั กระทบกนั เคร่ืองบินได้ยินถนัด ขณะท่ีฟิชเชอร์นาเคร่ืองวิ่งฝ่าไป อย่างห้าวหาญ
เม่ือถึงตาแหน่งที่เมเยอร์ซ่อนตัวอยู่ ฟิชเชอร์ก็เบรก เครื่องหยุดน่ิงในขณะท่ีใบพัดยังคงหมุนอยู่
เมเยอร์แทบไม่เชื่อสายตาตนเองเลยว่าจะมี เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้
“ผมไม่เคยเจอมาก่อนเลยที่จะมีใครสักคนบ้าพอที่ จะเอาเครอ่ื งสกายไรเดอรล์ งมาจอดในสถานการณน์ น้ั ได”้
เขากล่าวในภายหลัง
“ขา้ ศกึ ยงิ เขา้ ใสจ่ ากทกุ ทศิ ทกุ ทางชนดิ ทมี่ ดสกั ตวั ก็ ไม่น่าจะรอดได้”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีอาวุธ แต่นักบินท่ีเหลืออยู่ ดา้ นบนกย็ งั คงระดมยงิ ขา้ ศกึ รอบ ๆ รนั เวยอ์ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง และเสียงเคร่ืองยนต์ของ “สกายไรเดอร์” ที่บินโฉบเฉี่ยว บนท้องฟ้าก็ดังกระหึ่มเพียงพอสาหรับการสะกดข้าศึก ให้อยู่กับที่
เมื่อคลานข้ึนมาจากคูได้ เมเยอร์ก็รีบสับฝีเท้า เผ่นมายังเครื่องของฟิชเชอร์โดยไม่ชักช้า และไม่ต้อง ให้ใครร้องบอกเพราะเขารู้ดีว่ายิ่งช้าเท่าไหร่โอกาสที่ สกายไรเดอร์จะถูกยิงจนระเบิดเป็นจุณก็มีมากเท่าน้ัน
ขณะเดียวกันบนเครื่องฟิชเชอร์รีบปลดสายรัดที่ นั่งแล้วเล่ือนฝาครอบห้องนักบินออกจากนั้นจึงปีนมา ข้างนอกเพื่อมองหาเมเยอร์
ตอนแรกเขายังไม่เห็นใครจนกระทั่งอึดใจต่อมา
นาวิกศาสตร์ 14 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
จึงเริ่มมองเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวเข้ามาใกล้ “ผมตะโกนวา่ ขนึ้ มาเรว็ ! ขณะทเ่ี จา้ ของดวงตาสแี ดง เลก็ ๆ สองดวงเหมอื นลกู ปดั กา ลงั พยายามจะคลานขนึ้ มา
บนปีกเครื่องบิน ฟิชเชอร์เล่าภายหลัง
“การท่ีดวงตาของเมเยอร์เปล่ียนสีไปมากก็เพราะ ควันหนาทึบที่เข้าตามากเกินไป”
เมเยอร์ตะเกียกตะกายมาตามปีกจนถึงขอบห้อง นกั บนิ แลว้ จงึ คลานเอาหวั เขา้ ไปกอ่ น ฟชิ เชอรช์ ว่ ยจดั แจง นาเขาน่ังในเก้าอ้ีที่ว่าง
ประโยคแรกที่เมเยอร์พูดกับฟิชเชอร์ก็คือ
“น่ีมันโง่บัดซบจริง ๆ เลย ที่เอาเครื่องลงมาแบบน้ี พวกมันคงไม่ปล่อยให้เราออกไปจากที่นี่หรอก”
“คาดเข็มขัด ! ฉันจะบินข้ึนเดี๋ยวน้ี !”
ฟิชเชอร์ตะโกนตอบพร้อมกับเข้าประจาที่แล้วดัน คันเร่งไปข้างหน้าก่อนจะบังคับเคร่ืองหลบหลีกหลุม ระเบิด และกองทรายฝ่าห่ากระสุนของข้าศึกที่กระหน่า เข้ามาจนสกายไรเดอร์เป็นรูพรุนถึง ๑๙ แห่ง
แต่เครื่องก็วิ่งต่อไปได้จนสุดรันเวย์และทะยานขึ้น สู่ท้องฟ้าอย่างน่าอัศจรรย์
ฟิชเชอร์ทาสาเร็จ เขาเป็น ๑ ใน ๑๐๐ จริง ๆ !
ชดุ นกั บนิ ของเมเยอรม์ รี อยไหมเ้ กรยี มและมกี ลนิ่ ควนั อบอวลอีกทั้งมีโคลนเกาะอยู่เป็นก้อน เมเยอร์สวมกอด ผู้ท่ีเสี่ยงตายลงไปช่วยชีวิตเขาภายหลังจากที่ทั้งคู่บินพ้น หุบเขาออกมาแล้ว
“เราอดไม่ได้ที่จะหันหน้ามามองกันแล้วก็หัวเราะ ตลอดทางที่บินกลับเปลกู” ฟิชเชอร์กล่าว
นักบินอีก ๓ คน ที่คอยยิงกราดจากเบื้องบนก็มี ส่วนช่วยทาให้พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัยด้วย เจ้าหน้าท่ีประจาเครื่องภาคพื้นดินนับรูกระสุนได้ถึง ๙ รู บนเครื่องของลูกัส และ ๒๒ รู บนเครื่องวาซเควซ
แม้จะมีความมุ่งมั่นอย่างห้าวหาญของเหล่านักบิน สกายไรเดอรแ์ ตค่ า่ ยหนว่ ยรบพเิ ศษที่ “เอชอรว์ ” กถ็ กู ยดึ ในวันน้ันหลังจากที่เฮลิคอปเตอร์ของนาวิกโยธินช่วย ผู้รอดชีวิต ๖๙ คนออกมาได้


นาวิกศาสตร์ 15 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


แต่ที่สโมสรนายทหารในฐานบินที่ “เปลกู” ความพา่ ยแพข้ องหนว่ ยรบที่ “เอชอรว์ ” ไมม่ คี วามหมาย สาหรับพวกเขาเพราะการช่วยนักบินท่ีถูกยิงตกออก มาได้โดยใช้เครื่องบินใบพัดถือเป็นชัยชนะท่ีย่ิงใหญ่ ทุกคนกาลังแสดงความยินดีกับการกระทาอันกล้าหาญ ของฟิชเชอร์
เมเยอร์ย่ืนข้อเสนอให้ฟิชเชอร์ว่าจะ “เลี้ยงเหล้า” เขาเป็นเวลา ๑ ปี เพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยชีวิต แต่คนไม่ดื่มเหล้าอย่างฟิชเชอร์หัวเราะแล้วบอกว่า ขอเปลยี่ นเปน็ เพยี ง “กลอ้ งถา่ ยรปู ” ดี ๆ สกั อนั กพ็ อแลว้
ทง้ั หมดนเ้ี ปน็ “เรอื่ งจรงิ ” ทไี่ มต่ า่ งอะไรกบั นวนยิ าย สงคราม แมก้ ารสรู้ บในเวยี ดนามยตุ ลิ งมาแลว้ กวา่ ๕๐ ปี แต่ผู้ที่เคยผ่านฐานบิน “เปลกู” ไม่เคยลืมเรื่องราว ของ “เบอร์นาร์ด ฟิชเชอร์” ยอดนักบินผู้ห้าวหาญและ ได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับเหรียญกล้าหาญขั้นสูงสุด “เมดัล ออฟ ออนเนอร์” ในเวลาต่อมา
นาวิกศาสตร์ 16 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
เบอร์นาร์ด เอฟ. ฟิชเชอร์ (BERNARD F. FISHER) เกิดเม่ือวันท่ี ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็น ชาวแคลิฟอร์เนีย ในช่วงสงครามโลกครั้งท่ีสองเขา รับใช้ชาติด้วยการเป็นทหารเรือเมื่อสงครามส้ินสุดลง ในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ เขาโอนไปเป็นกาลังพลของกองกาลัง ทางอากาศพร้อมกับเข้าเรียนต่อระดับวิทยาลัยในยูทาร์
หลังเรียนจบ เขาไปฝึกบินจนได้รับการบรรจุเป็น นายทหารมียศเรืออากาศโทเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๔ โดยเป็น นักบินขับไล่จนกระท่ังถึงปี พ.ศ. ๒๕๐๘ เขาอาสาสมัคร ไปเวียดนามเมื่อมียศพันตรี
ในศึกเวียดนาม ฟิชเชอร์มีชั่วโมงบินสูงถึง ๒๐๐ เท่ียว และเป็นการบินโจมตีด้วยเคร่ืองเอ-1 สกายไรเดอร์ล้วน ๆ จนกระทั่งได้อิสริยาภรณ์ขั้นสูงสุด ตามท่ีกล่าวมา
ฟิชเชอร์เสียชีวิตที่ไอดาโฮ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ สิริรวมอายุ ๖๗ ปี
พันตรีฟิชเชอร์กับเพ่ือนนักบิน


ได้มีโอกาสร่วมสนทนากับ พลเรือเอก ชาญชัย เจริญสุวรรณ ในรายการ Hot Line Thailand ช่วง สายตรวจสุขภาพ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ โทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕ เม่ือวันท่ี ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๔ในหัวข้อเรื่อง“การแพทย์แผนไทยร่วม ต้านภัย COVID-19” ช่วยให้ได้รับความรู้ และแง่คิด มุมมองที่มีคุณค่าน่าจดจา และนาไปใช้ประโยชน์อย่าง มากมาย จึงใคร่ขอนาบางส่วนมาเล่าต่อเพื่อให้ท่าน ผู้อ่านได้รู้ด้วย และร่วมกันพิจารณาส่งเสริมการแพทย์ แผนไทย มรดกอันล้าค่าท่ีตกทอดมาจากบรรพบุรุษ อย่างยาวนานนับร้อยนับพันปีก็ว่าได้ ควรที่พวกเราจะ ช่วยกันอนุรักษ์ และพัฒนาให้ดีย่ิงขึ้นส่งต่อให้คนรุ่นหลัง ได้ใช้สร้างเสริมสุขภาพตามวิถีธรรมชาติด้วยตนเอง ลดการพงึ่ พงิ การรกั ษาทไี่ มจ่ า เปน็ ซงึ่ ยอ่ มเปน็ ผลดอี ยา่ ง อเนกอนนั ตท์ งั้ ตอ่ ตนเองและสว่ นรวม ทกุ คนจะมสี ขุ ภาพ ทแี่ ขง็ แรงสมบรู ณม์ ากขนึ้ โดยสนิ้ เปลอื งคา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ยลงมาก ภาครัฐเองก็สามารถประหยัดงบประมาณเพ่ือการ สาธารณสุขลงได้อย่างมหาศาล ดูแล้วมีแต่ได้กับได้ ใช่ไหมครับ แต่น่าสงสัยย่ิงนัก ทาไมการแพทย์แผนไทย ไมไ่ ดร้ บั การเหน็ คณุ คา่ และนา มาใชป้ ระโยชนม์ ากเทา่ ทคี่ วร บนผืนแผ่นดินไทยท่ีอุดมไปด้วยสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ตา รบั ตา รายา และวธิ กี ารรกั ษาสารพดั อปุ สรรคทแี่ ทจ้ รงิ คืออะไรกันแน่
ความรู้พื้นฐานเก่ียวกับแพทย์แผนไทย เป็นเรื่องท่ี คนท่ัวไปสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก ล้วนเป็นเร่ืองใกล้ตัว ที่เห็นกันอย่างดาษดื่น เพียงแต่ต้องการผู้รู้ช่วยช้ีแนะ ผ่านการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่างท่ัวถึงและต่อเนื่อง ซงึ่ภาครฐัน่าจะเปน็เจา้ภาพจดัวางระบบดงักล่าวเพราะ เป็นเรื่องที่ต้องใช้งบประมาณ และบุคลากรท่ีมีความรู้ และประสบการณ์ รวมทั้งอุดมการณ์ที่จะทาหน้าท่ี อนั ทา้ ทายเชน่ นี้ จากการไดร้ ว่ มสนทนากบั ทา่ นนายกสภา การแพทย์แผนไทยในวันนั้น ขอนาสาระท่ีเห็นว่าสาคัญ มาบอกเล่าต่อ โดยเน้นส่วนท่ีมีความเชื่อมโยงกับการ ร่วมต้านภัย COVID-19 พอสรุปได้ดังนี้
ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย หรือการแพทย์ โบราณ (ของไทย) เป็นองค์ความรู้ท่ีสืบทอดกันมาอย่าง ชา้ นาน สา หรบั การดแู ลสขุ ภาพในภาวะปกติ และการรกั ษา โรคภัยไข้เจ็บเมื่อเกิดข้ึน ด้ังเดิมผู้ท่ีเป็นปราชญ์ในด้านนี้ มอี ยมู่ ากมาย กระจายอยตู่ ามชมุ ชนตา่ ง ๆ ทวั่ ทกุ ภมู ภิ าค ของประเทศ รจู้ กั กนั ในนามของ “หมอพนื้ บา้ น” เปน็ ผทู้ ่ี ให้ทั้งความรู้ในการดูแลสุขภาพ และการรักษาอาการ เจ็บไข้ได้ป่วยตามความสามารถของท่าน นับได้ว่ามี ส่วนช่วยอย่างสาคัญย่ิงในการมีความแข็งแรงสมบูรณ์ ของคนไทยโดยรวมในอดีต สถานพยาบาลก็มีน้อยกว่า ทุกวันน้ีอย่างเทียบกันไม่ได้เลย แต่สังคมไทยในยุคนั้นก็ อยดู่ มี สี ขุ กนั ตามสภาพอยา่ งนา่ พอใจนานหลายรอ้ ยปที เี ดยี ว
นาวิกศาสตร์ 17 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


ส่วนการแพทย์จากชาติตะวันตกนั้น ได้เข้ามา มีบทบาทในไทยต้ังแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ ซึ่งมีการ เจรญิ สมั พนั ธไมตรีและการคา้ ขายระหวา่ งกนั หมอบรดั เลย์ คือผู้ที่นาองค์ความรู้ด้านน้ีเข้ามาเผยแพร่จนกระท่ังมี การตง้ั โรงพยาบาลศริ ริ าชพยาบาลขนึ้ ในสมยั รชั กาลท่ี ๕ นบั เปน็ จดุ เปลย่ี นสา คญั ทที่ า ใหบ้ ทบาทของหมอพน้ื บา้ น และการแพทย์แผนไทยโดยรวมลดลงตามลาดับ ภูมิปัญญาดั้งเดิมได้สูญหายไปมิใช่น้อยเลย ยังมี ความโชคดีอยู่บ้างที่ในปัจจุบันได้มีการเห็นความสาคัญ และเร่ิมรวบรวมองค์ความรู้ที่หลงเหลืออยู่ทาการวิจัย และพัฒนาต่อยอดให้มีความเป็นมาตรฐานทางวิชาการ ชัดเจนขึ้น ดาเนินการต่าง ๆ อย่างเป็นระบบครบวงจร และเปน็ ทยี่ อมรบั มากขนึ้ ดว้ ย แตย่ งั คอ่ นขา้ งเชอ่ื งชา้ และ อยู่ในวงแคบ ๆ การนาแพทย์แผนไทยไปใช้ประโยชน์ ในชวี ติ จรงิ จงึ ไมม่ ากเทา่ ทคี่ วรอยา่ งนา่ เสยี ดายยงิ่ นกั กไ็ ด้ แตห่ วงั ลม ๆ แลง้ ๆ วา่ ทกุ อยา่ งกา ลงั มแี นวโนม้ ไปในทาง ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะถ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าศาสตร์แขนงนี้ อาจนามาร่วมต้านภัย COVID-19 ได้จริง
ทฤษฎีการแพทย์แผนไทยมีพื้นฐานอยู่บนหลัก ธรรมชาติ โดยอิงหลักพุทธธรรมอยู่มากพอสมควร ซ่ึงมีต้นกาเนิดมาจากประเทศอินเดียยึดหลักการ พิจารณาแบบองค์รวม เน้นความสัมพันธ์ระหว่างสภาพ แวดล้อมกับชีวิตของคนเรา อันมีร่างกายและจิตใจเป็น องคป์ ระกอบหลกั ไมส่ ามารถแยกสว่ นในการบา บดั โรคได้ จาแนกร่างกายมนุษย์ออกเป็นธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้า ลม ไ ฟ ห า ก ธ า ต เุ ห ล า่ น ม้ ี คี ว า ม ส ม ด ลุ ต า ม ป ก ต ิ ก จ็ ะ ม ภี มู คิ ม้ ุ ก นั ท่ีแข็งแรง สามารถเยียวยารักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ เม่ือใดท่ีธาตุหลักเสียสมดุล การเจ็บป่วยก็จะเกิดตามมา จาเป็นต้องหาวิธีปรับให้ สมดุลดังเดิมด้วยการแพทย์แผนไทย
มีเหตุผลมากมายที่เราควรใช้ภูมิปัญญาแพทย์ แผนไทยในการร่วมต้านภัย COVID-19 ท่ีนับว่าสาคัญ ไดแ้ ก่ การเปน็ ทางเลอื กใหแ้ กป่ ระชาชนทกี่ า ลงั เดอื ดรอ้ น จากโรคระบาดน้ี และบริการภาครัฐยังดูแลได้ไม่ทั่วถึง ผู้ที่พอมีความรู้ด้านนี้ก็สามารถพ่ึงพาตนเองได้มากขึ้น
นาวิกศาสตร์ 18 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
ทงั้ ยงั ชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ ไดอ้ กี ดว้ ย ความมน่ั คงทางยาของไทย โดยรวมก็ย่อมมีระดับสูงข้ึน ลดความส้ินเปลือง งบประมาณด้านการสาธารณสุขของประเทศ ช่วยให้ เศรษฐกิจชาติมีความเข้มแข็งมากขึ้นอย่างมีนัยสาคัญ นอกจากนี้ยังถือเป็นหน้าท่ีตามมาตรา ๕๕ รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ซึ่งระบุไว้ว่า
“รัฐต้องส่งเสริม และสนับสนุนให้มีการพัฒนา ภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์ และต้องครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมและ ปอ้งกนัโรคการรกัษาพยาบาลและการฟน้ืฟสูขุภาพดว้ย”
“รัฐต้องดาเนินการให้ประชาชนได้รับบริการ สาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง เสริมสร้างให้ ประชาชนมีความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกับการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค ส่งเสริม และสนับสนุนให้มีการพัฒนา ภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์ สูงสุด”
“บริการสาธารณสุขตามวรรคหน่ึง ต้องครอบคลุม การสง่ เสรมิ สขุ ภาพ การควบคมุ และปอ้ งกนั โรค การรกั ษา พยาบาลและการฟื้นฟูสุขภาพด้วย รัฐต้องพัฒนาการ บริการสาธารณสุขให้มีคุณภาพ และมาตรฐานสูงขึ้น อย่างต่อเน่ือง”
นับเป็นบทบัญญัติท่ีระบุไว้อย่างชัดเจน และ ครอบคลุมมากในทุกประเด็นสาคัญที่เกี่ยวข้องกับการ ส่งเสริมการแพทย์แผนไทย แต่จากความเป็นไปใน บ้านเมืองเราที่ปรากฏอยู่ทุกวันน้ี มองหาความเป็น รูปธรรมของการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตราน้ี แทบไม่เห็นเลย ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองการเผยแพร่ความรู้ ฟื้นฟู และพัฒนาภูมิปัญญาดั้งเดิม การผลิตบุคลากร และการใช้ประโยชน์จากการแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะการร่วมสู้ภัย COVID-19 เรามี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล (รพ.สต) กว่า ๗,๐๐๐ แห่งท่ัวประเทศ ทราบว่าแต่ละแห่ง มีอัตราแพทย์แผนไทยรวมอยู่ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่า มีการบรรจุจริงบ้างหรือไม่ ถ้าทาได้ย่อมมีส่วนช่วย อย่างสาคัญในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา


๕๕ ดังกล่าว เพราะ รพ.สต. เป็นจุดประสานงาน ท่ีสาคัญของอาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งทั่วประเทศมีจานวนมากกว่า ๑ ล้านคน หากมีการให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่บุคลากรเหล่าน้ี การกระจายไปสู่ชุมชนย่อมแพร่หลายเป็นวงกว้าง ได้อย่างรวดเร็ว แต่ทุก รพ.สต. ต้องมีแพทย์แผนไทย ประจาอยู่ด้วย
ความไม่ลงตัวในเรื่องท่ีดูไม่ซับซ้อนนักเช่นนี้ ได้ก่อให้เกิดข้อกังขามากมายในทางที่เป็นภาพลบ ต่อหน่วยงานภาครัฐท่ีเกี่ยวข้อง รวมทั้งรัฐบาลด้วย โดยถกู มองวา่ ทา่ นขาดความจรงิ ใจ และความรบั ผดิ ชอบ ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ คาถามว่าอะไรคือสาเหตุเริ่มดังกระหึ่มขึ้นทุกที แผ่ขยาย เป็นวงกว้างอย่างยากที่จะหยุดยั้งได้ พร้อมกับ ขอ้ กลา่ วหาทไี่ มเ่ ปน็ คณุ แกใ่ คร เกยี่ วกบั อปุ สรรคในเรอื่ งนี้ อาทิ การต่อต้านจากแพทย์แผนปัจจุบัน และ ผลประโยชน์จากการใช้งบประมาณด้านสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อเครื่องมือ อุปกรณ์ทาง การแพทย์ รวมทั้งยารักษาโรคต่าง ๆ เฉพาะการสู้กับ โรคระบาด COVID-19 ก็คงนับแสน ๆ ล้านบาท แน่นอน เพราะจาเป็นต้องจัดหาเป็นจานวนมาก เชน่ เครอ่ื งชว่ ยหายใจ ยาฟาวพิ ริ าเวยี และวคั ซนี ชนดิ ตา่ ง ๆ ซ่ึงหลังสุดรัฐบาลมีแผนจะจัดซื้อเพ่ิมขึ้นอีก รวมแล้วราว ๑๕๐ ลา้ นโดส หากไมท่ า ความจรงิ ใหป้ รากฏ กระแสการ วพิ ากษว์ จิ ารณแ์ ละตอ่ ตา้ นรฐั บาลคงจะรนุ แรงขน้ึ เรอื่ ย ๆ ขณะนี้ถือว่ายังไม่สายเกินไปนัก เพียงแต่เร่งปฏิบัติตาม รัฐธรรมนูญมาตรา ๕๕ อย่างจริงจัง จริงใจ และต่อเนื่อง สถานการณต์ า่ ง ๆ คงพลกิ จากรา้ ยกลายเปน็ ดไี ดไ้ มย่ ากนกั
คนส่วนใหญ่คงอยากรู้ทานองเดียวกันว่า แพทย์แผนไทยจะช่วยต้านภัย COVID-19 ได้อย่างไร จากความรู้อันจากัดที่ได้รับทราบมาจาก พลเรือเอก ชาญชัย เจริญสุวรรณ นายกสภาการแพทย์แผนไทย (เพราะยงั ไมม่ โี อกาสคยุ กนั ในรายละเอยี ดเทา่ ทตี่ อ้ งการ) ขอนาเสนอสาระที่เห็นว่าน่ารู้ดังต่อไปนี้
ในด้านการป้องกันโรคน้ัน การแพทย์แผนไทย
แนะนาให้ปฏิบัติตามหลักสากลที่ย้าเตือนกันอยู่ทุกวันนี้ อันได้แก่ การล้างมือบ่อย ๆ สวมหน้ากากอนามัย และ การรักษาระยะห่างทางสังคม เป็นต้น ท้ังยังให้ดาเนิน ชีวิตอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทั้งหลาย อาทิ การคลกุ คลกี นั เปน็ หมคู่ ณะโดยไมจ่ า เปน็ และการไป ยงั สถานทอี่ โคจร (ไมค่ วรไป) นอกจากนน้ั แพทยแ์ ผนไทย ยังแนะนาให้ปรับภาวะภายในร่างกายให้สมดุลด้วย สมนุ ไพรใกล้ตัวชนิดต่าง ๆ ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไป
สา หรบั การรกั ษาเมอ่ื เกดิ การตดิ เชอ้ื แลว้ ใหใ้ ชค้ วามรู้ หมอพื้นบ้าน และแพทย์แผนไทยเสริมการแพทย์แผน ปัจจุบัน โดยการหารือร่วมกันของทุกฝ่าย เพ่ือให้เกิด ความมั่นใจว่าจะไม่เกิดผลกระทบในลักษณะการ ต้านฤทธิ์กัน หรือมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์เป็น อันตรายต่อสุขภาพอนามัยของผู้ป่วย
ส่วนในขั้นการส่งเสริมฟื้นฟูสุขภาพหลังการรักษา จนหายแล้วนั้น การแพทย์แผนไทยแนะนา ให้ใช้ยาตารับท่ีเหมาะสม ตามคาแนะนาของแพทย์ แผนไทย ร่วมกับการออกกาลังกายอย่างถูกสุขลักษณะ ตามหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเป็นเรื่องท่ีหา ความรู้ได้ไม่ยากนักในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังให้ใช้หลัก “ธรรมานามยั ” เขา้ ชว่ ยฟน้ื ฟดู ว้ ย อนั หมายถงึ การบา เพญ็ จิตภาวนา หรือเจริญกรรมฐานด้วยวิธีต่าง ๆ ที่ถูกจริต ของแต่ละคน อาทิ การเจริญพุทธมนต์ การเดินจงกรม และการนง่ั สมาธิ ซงึ่ มเี ปา้ หมายเดยี วกนั คอื การสรา้ งเสรมิ สตใิ หเ้ ขม้ แขง็ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความสวา่ งทางปญั ญา รเู้ หน็ และ
นาวิกศาสตร์ 19 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๙ กันยายน ๒๕๖๔


เข้าใจทุกอย่างชัดตรงตามความเป็นจริง ความเข้มแข็ง ของจิตใจคือพลังสาคัญในการต่อสู้ภัยทั้งหลาย สมดัง คากล่าวที่ว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” หรือ ภาษิตทางตะวันตกก็ระบุไว้ในทานองเดียวกัน “Sound Mind in the Sound Body”สติ คือ ความระลึกรู้กับสภาวะปัจจุบันของตนทั้งทางกาย และจติ ไมเ่ลอื่ นไหลไปสอู่ ดตี และอนาคตผทู้ มี่ สี ตเิขม้ แขง็ จิตใจก็จะมีความสะอาด สว่าง และสงบสูงขึ้น รู้วิธีแก้ ปัญหาต่าง ๆ อย่างได้ผล รวมท้ังการสร้างความแข็งแรง
สมบูรณ์ให้กับตนเองด้วย สาหรับการปรับธาตุสมุฏฐานท้ัง ๔ (ดิน น้า ลม ไฟ)
ใหส้ มดลุ เพอื่ เสรมิ ภมู คิ มุ้ กนั ใหแ้ ขง็ แรงนนั้ หลกั การแพทย์ แผนไทยมีคาแนะนา พอสรุปได้ดังน้ี
ในขั้นตอนการป้องกัน ให้รับประทานยาตารับ เช่น ต ร ผี ล า ( ป ร ะ ก อ บ ด ว้ ย ม ะ ข า ม ป อ้ ม ส ม อ ไ ท ย แ ล ะ ส ม อ พ เิ ภ ก ) รว่ มกบั สมนุ ไพรเชน่ ฟา้ ทะลายโจรกระชายขาวขมนิ้ ชนั และพลูคาว โดยขอคาแนะนาในรายละเอียดจากแพทย์ แผนไทย สาหรับอาหารท่ีมีประโยชน์ในการสร้าง ภูมิคุ้มกัน COVID-19 นั้น คือประเภทที่มีฤทธ์ิร้อน เช่น แกงเลียง แกงส้ม และต้มยา การออกกาลังกาย
นาวิกศาสตร์ 20 ปีท่ี ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
ในแนวฤาษดี ดั ตน และการบรหิ ารจติ ตามหลกั ธรรมานามยั ดังที่กล่าวมาแล้ว ก็มีประโยชน์ในการป้องกันโรคต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
ตรผี ลา
ขมน้ิ ชนั
สาหรับในการรักษาโรค หลักการแพทย์แผนไทย แบง่ ออกเปน็ ๓ ขนั้ ตอน ไดแ้ ก่ การกระทงุ้ พษิ การแปรไข้ และการครอบไข้ โดยอธิบายเพ่ิมเติมอย่างย่อ ๆ ไว้ว่า
“การกระทุ้งพิษ” หมายถึง การขับพิษหรือเช้ือโรค ออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด โดยการใช้ยาห้าราก ซ่ึงประกอบด้วย รากคนทา รากมะเด่ือชุมพร รากชิงช่ี รากย่านาง และรากไม้เท้ายายม่อม ปัจจุบันมีการผลิต เป็นแคปซูลแล้ว หาซ้ือได้ตามร้านขายยาแผนไทยท่ัวไป
“การแปรไข้” คือการรักษาผู้ที่กาลังป่วยน่ันเอง สมนุ ไพรทชี่ ว่ ยลดไขไ้ ด้ คอื จนั ทลลี า และประสะจนั ทนแ์ ดง หากมีอาการเจ็บคอให้กินฟ้าทะลายโจร ฟื้นฟูปอดให้ แขง็ แรงไดด้ ว้ ยประสะเปราะใหญ่ สว่ นการบรรเทาอาการไอ และละลายเสมหะ สมุนไพรท่ีควรใช้คือ อามฤควาที และประสะมะแว้ง
“การครอบไข้” หมายถึง การป้องกันมิให้อาการไข้
กระชายขาว
พลคู าว
ฟา้ ทะลายโจร


กลับมากาเริบซ้าอีก ท่านแนะนาให้ใช้ยาขาว ซึ่งเป็น ตา รบั ยาทม่ี าจากศลิ าจารกึ วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม (วัดโพธ์ิ) ประกอบด้วยสมุนไพรหลายชนิด จาเป็นต้องมี ผู้รู้ช่วยเหลือในการนามาใช้
ขอออกตัวอีกคร้ังหนึ่งว่า ผู้เขียนมีความรู้เกี่ยวกับ แพทยแ์ ผนไทยไมม่ ากนกั แตม่ คี วามปรารถนาอนั แรงกลา้ ที่จะเห็นการนาเอามรดกอันล้าค่าของชาติส่วนนี้ มาใช้ประโยชน์ในการสร้างเสริมสุขภาพ และรักษา โรคภัยไข้เจ็บให้แก่คนทั่วไปที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินน้ี โดยเฉพาะการร่วมต่อสู้กับภัย COVID-19 ซึ่งกาลังบ่อนทาลายศักยภาพด้านต่าง ๆ ของชาติอยู่ ในปจัจบุนักอ่ความทกุขย์ากอยา่งหนกัหนาสาหสัใหแ้ก่
คนทุกหมู่เหล่า โดยยังไม่เห็นหนทางแก้ไขที่ชัดเจน เอาเสียเลย จึงกล้าที่จะนาเอาความรู้แบบกระพร่อง กระแพร่งที่ได้รับจากการเสวนากับผู้รู้มาบอกเล่าต่อ โดยมิได้มีเจตนาที่จะตาหนิติว่าอย่างมีอคติต่อผู้ใด เพียงแต่อยากมีส่วนช่วยกระตุ้นความตระหนักรู้สาหรับ ผทู้ ม่ี หี นา้ ทรี่ บั ผดิ ชอบ รวมทง้ั คนทวั่ ไปซงึ่ กา ลงั รว่ มเผชญิ ภยั มดื จาก COVID - 19 อยดู่ ว้ ยกนั ใหห้ นั มารว่ มกนั สอู้ ยา่ ง ผู้มีสติปัญญา ใช้การแพทย์แผนไทยเป็นอาวุธเสริมใน การเอาชนะให้ได้ในเร็ววัน เพื่อนาสันติสุขของปวงชน และความมนั่ คงของชาตกิ ลบั คนื มาอยา่ งผมู้ สี ตปิ ญั ญาสงู คอื ไมส่ นิ้ เปลอื งงบประมาณไปอยา่ งไมค่ มุ้ คา่ ตอ้ งการเพยี ง แค่นั้นจริง ๆ ครับ
ของดียังมีอยู่
แพทย์แผนไทย ให้คุณค่า มานานเนิ่น ไม่นามา รักษาด้วย ช่วยบรรเทา
คอยพึ่งพิง อิงชาติอื่น ขื่นขมนัก คนโบราณ ร่วมสรรสร้าง อย่างเพริดพราย
อยากร่วมด้วย ช่วยกันแก้ แต่ถูกกั้น ได้โปรดเถิด เปิดใจกว้าง อย่างเมธี
แพทย์แผนไทย ใช่ด้อยค่า อย่าเดียดฉันท์ พึงพินิจ คิดโอบเอื้อ เกื้อการุณย์
ไยหมางเมิน เหินห่าง อย่างคนเขลา ความซึมเซา เศร้าโศก จากโรคร้าย เหมือนไม่รัก ศักดิ์ศรี มีล้นหลาย กลับดูดาย ไม่ส่งเสริม เพิ่มส่วนดี ยากฝ่าฟัน บั่นบาก ถากวิถี
ใช้ของดี ที่มีอยู่ ย่อมรู้คุณ อาจพลิกผัน ความฝันร้าย คลายว้าวุ่น ผลแห่งบุญ จักหนุนให้ ไทยร่มเย็น.
อา้ งองิ ภาพ
https://www.samunpri.com/news/3 https://www.khonkaenlink.info/read/34130/ https://www.pdfah.com/article/1/ https://www.sentangsedtee.com/today-news/article_153048 https://www.dailymirror.online/
https://www.wefiethailand.com/2020/04/idi.html https://siamrath.co.th/n/141001 https://www.newtv.co.th/news/82324 https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/61770
https://geomance.com/
นรชาติ
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔
นาวิกศาสตร์ 21 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


The English language has been established as the lingua franca of the world over the past few decades; thus, the Royal Thai Navy (RTN) has recognized the imperative to improve the English proficiency of its personnel. For the RTN to effectively collaborate with military and civilian staffs members from other countries, the RTN must upgrade its English language capabilities. A good command of English is vital for officers to acquire knowledge of the constant innovations and advances in weaponry and technology; in addition, English provides the ability for lifelong learning and adapting to the rapidly changing world of the 21st Century.
In FY 2021, the RTN has implemented the English language policy and guidelines of the principles and approach of the Com- mon European Frameworks of Reference for Languages (CEFR) to improve RTN personnel English proficiency. The Naval Education Department (NED) was given funding for the development
นาวิกศาสตร์ 22 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
of the English language testing project entitled “Royal Thai Navy English Proficiency Test (NEPT) Prototyping”. The project aims to create a standardized test as a strategically essential tool to extend the RTN officers’ English proficiency, and to identify and to classify the RTN person- nel’s language proficiency comparable to the CEFR structures. This is meant to uphold the fair and objective accountability system in the RTN.
Therefore, this article examines and defines the concept of CEFR as stated in the RTN policy FY 2021. In addition, the process of NEPT prototyping is introduced to show how the standardized test is designed and managed to ensure language policy implementation. Lastly, the article offers some recommendations and suggestions for an individual on achieving specific competence levels, based on the comprehensive framework of the Council of Europe’s CEFR for language teaching and learning.
บทคัดย่อ


ทกั ษะการสอ่ื สารของบคุ ลากรในองคก์ รมสี ว่ นสา คญั ในการขับเคลื่อนองค์กรให้มีความก้าวหน้าทันต่อการ เปลี่ยนแปลงของโลกในยุคแห่งข่าวสารและเทคโนโลยี ดังจะเห็นได้จากการที่องค์การ UNESCO จัดให้ความ สามารถในการติดต่อสื่อสารไว้ว่าเป็นคุณสมบัติท่ีจาเป็น สาหรับการทางานในโลกแห่งศตวรรษที่ ๒๑ (UNESCO, 2003) โดยในการส่ือสารกับชาวต่างชาตินั้น ภาษา อังกฤษจัดเป็นภาษาสากล (English as a global language) ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ดังจะเห็นได้จาก การที่นาภาษาอังกฤษมาใช้เป็นภาษากลาง (lingua franca) ในการติดต่อส่ือสารในวิทยาการสาขาต่าง ๆ เช่น ธุรกิจการค้า การศึกษา เทคโนโลยี วัฒนธรรม เป็นต้น (Graddol, 2000) นอกจากน้ี องค์กร นานาชาติต่าง ๆ (International Organizations) เช่น UNESCO, WHO, UNICEF, WTO, ASEAN เป็นต้น ก็ได้กาหนดใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก สาหรับการทางานระหว่างบุคลากรในองค์กร (Working Language) (Rao, 2019) จึงอาจกล่าวได้ว่าการทางาน ในองค์กรต่าง ๆ มีความจาเป็นอย่างยิ่งท่ีบุคลากรใน หน่วยงานจะต้องมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ในการสอ่ื สารไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เพอื่ กา้ วทนั โลกแหง่ นวัตกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษท่ี ๒๑
กองทัพเรือให้ความสาคัญกับการพัฒนาทักษะ ความสามารถทางภาษาของกาลังพลมาอย่างต่อเน่ือง ดังจะเห็นได้จากการกาหนดเป้าหมายการดาเนินงาน ในสว่ นของนโยบายดา้ นกา ลงั พล ตามยทุ ธศาสตรก์ องทพั เรอื พ.ศ.๒๕๕๘-พ.ศ.๒๕๖๗ ซงึ่ กา หนดใหก้ า ลงั พลมที กั ษะการใช้ ภาษาในการติดต่อประสานงาน และปฏิบัติการร่วมกัน กบั ประเทศในภมู ภิ าค และมติ รประเทศในระดบั ทเ่ี หมาะสม ตามตา แหนง่ งานและชน้ั ยศ อนั จะเปน็ การเตรยี มกา ลงั พล กองทัพเรือให้พร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียน และพัฒนา กองทัพเรือสู่การเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในภูมิภาค โดยในการขบั เคลอ่ื นยทุ ธศาสตรด์ งั กลา่ ว ไดม้ กี ารกา หนดให้ ภาษาอังกฤษเป็นส่วนหน่ึงของขีดสมรรถนะด้านการ บริหารของกองทัพเรือ (managerial competency)
โดยกา หนดกลมุ่ เปา้ หมายเปน็ ขา้ ราชการชน้ั ยศนาวาโท- นาวาเอก (พิเศษ) สาหรับนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ ประจาปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ข้อ ๒.๑๔ ได้กาหนดใช้ กรอบสาหรับอ้างอิงทางภาษา CEFR ที่มีความเป็น มาตรฐานสากลของสภาแห่งภูมิภาคยุโรป (Council of Europe) มากาหนดระดับภาษาอังกฤษที่คาดหวัง ตามช้ันยศ และสถานภาพสาหรับข้าราชการ นักเรียน/ นักศึกษาสังกัดกองทัพเรือ
บทความน้ีมีความมุ่งหวังท่ีจะให้ผู้อ่านได้เกิด ความเข้าใจในนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ ปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ต่อการพัฒนาภาษาอังกฤษของ กาลังพล โดยจะอธิบายถึงกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR วา่ คอื อะไร และมคี วามสา คญั อยา่ งไรตอ่ การพฒั นาภาษา รวมท้ังกระบวนการพัฒนาสร้างข้อสอบต้นแบบสาหรับ การสอบภาษาอังกฤษสาหรับกาลังพลกองทัพเริือซึ่งมี ชื่อว่า “Royal Thai Navy English Proficiency Test (NEPT)” ทั้งนี้การสร้างข้อสอบต้นแบบ (Test Proto- typing) เป็นกระบวนการวิจัย และพัฒนาข้อสอบเพ่ือ ให้สามารถประเมินระดับภาษาอังกฤษได้ตรงตามกรอบ อ้างอิงทางภาษา CEFR และใช้เป็นแนวทางในการ สร้างข้อสอบ NEPT เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อสอบสามารถ ประเมินความสามารถทางภาษาของกาลังพลกองทัพเรือ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และมคี วามเหมาะสมทจ่ี ะใชเ้ ปน็ เคร่ืองมือตามนโยบายฯ ในการประเมินระดับทางภาษา อังกฤษของกาลังพลได้ดี ในลาดับสุดท้ายผู้เขียนได้ เสนอแนะวิธีการพัฒนาภาษาอังกฤษตามกรอบอ้างอิง ทางภาษาเพ่ือเป็นแนวทางสาหรับการพัฒนาภาษา องั กฤษของตนเองไดอ้ ยา่ งมหี ลกั การ ตามเกณฑข์ องกรอบ อ้างอิงทางภาษา CEFR ท่ีมีความเป็นมาตรฐานสากล ๑. CEFR คืออะไร เพราะเหตุใดจึงมีความสาคัญ ต่อการพัฒนาการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
“There is no elevator to success. You need to take the stairs.” (Author Unknown)
[ไมม่ ลี ฟิ ตต์ วั ใดจะนา เธอขนึ้ ไปยงั ความสา เรจ็ เธอตอ้ งเดนิ ข้ึนบันได (ไม่ทราบท่ีมา)]
นาวิกศาสตร์ 23 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


มีการอุปมาถึงความสาเร็จไว้ว่าอยู่บนท่ีสูง ดังนั้นผู้ท่ีหวังจะประสบความสาเร็จจะต้องใช้ ความพยายามผลักดันตนเองให้สูงข้ึนเพื่อสามารถ ไขว่คว้าความสาเร็จน้ันมาครอบครอง แม้ว่าความสาเร็จ บางอย่างอาจมีวิธีลัดที่รวดเร็วทันใจ แต่สาหรับ ด้านการพัฒนาภาษา และการเรียนรู้ทางภาษาแล้วน้ัน ยังไม่มีวิธีลัดสู่ความสาเร็จใดโดยไม่ต้องฝึกฝน ผู้เขียน ในฐานะครูผู้สอนภาษาอังกฤษมาเป็นระยะเวลานาน หลายสิบปี ได้สังเกตเห็นความสาเร็จของนักเรียน หลายคนท่ีต้ังใจฝึกฝนภาษาอย่างต่อเนื่องจนเกิด ความชานาญ และสามารถใช้ภาษาได้ดี เป็นเหตุให้ สามารถสอบชิงทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศได้ หรือ ได้รับการมอบหมายให้เป็นตัวแทนหน่วยในการ ปฏิบัติภารกิจที่สาคัญที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ นับเป็น เกียรติประวัติที่สร้างความภาคภูมิใจในชีวิตราชการ เปน็ ตน้ ในขณะเดยี วกนั กพ็ บเหน็ อดตี นกั เรยี นจา นวนมาก ท่ีถอดใจต่อการพัฒนาภาษาอังกฤษ และต้ังคาถาม กับตนเองว่า ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาก็นานหลาย สิบปีแล้ว ไม่เห็นมีความก้าวหน้าอะไรเลย ฉันอยู่ ตรงไหนของบันไดแห่งการเรียนรู้นี้กันนะ ฉันจะต้อง ฝึกฝนภาษาไปอีกยาวนานแค่ไหนจึงจะเรียกได้ว่าประสบ ความสาเร็จเสียที แล้วฉันจะไปถึงตรงน้ันได้อย่างไร การอธิบายแนวคิดเร่ืองกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR ในบทความน้ี น่าจะช่วยท่านตอบคาถามดังกล่าว ได้เป็นอย่างดี
CEFR เป็นกรอบความคิดท่ีใช้สาหรับอ้างอิง เพ่ือเปรียบเทียบระดับทางภาษา ย่อมาจาก
นาวิกศาสตร์ 24 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
ชื่อเต็มว่า “Common European Framework of References for Languages” ประกอบด้วยคาสาคัญ ได้แก่ “framework of references for languages” คือ กรอบความคิดทางภาษาสาหรับใช้ อ้างอิงได้หลากหลายภาษา คาว่า “common” คือ ทั่วไป/สามัญ แสดงให้ทราบว่า CEFR สามารถ นาไปใช้ได้ทั่วไปไม่เฉพาะเจาะจง และคาว่า “European” หรือแห่งภูมิภาคยุโรป บ่งบอกถึงแหล่ง กา เนดิ CEFR ไมใ่ ชข่ อ้ สอบอยา่ งทห่ี ลาย ๆ คนเขา้ ใจกนั หากแต่เป็นกรอบความคิดที่ใช้สาหรับอ้างอิงทาง ภาษาเพื่อเปรียบเทียบระดับทางภาษาท่ีมีการจัด ระดับตามพัฒนาการเรียนรู้ทางภาษา โดยจะมีการ อธิบายความสามารถทางภาษา ส่วนข้อสอบเป็น เพียงเคร่ืองมือสาหรับประเมินระดับความสามารถ ทางภาษา ซึ่งจะต้องมีการออกแบบและสร้างขึ้น อย่างมีหลักการตามกรอบอ้างอิงทางภาษา เพื่อให้ สามารถประเมินได้ตามกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR
๑.๑ กา เนดิ และการพฒั นากรอบอา้ งองิ ทางภาษา
CEFRกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR เกิดข้ึนครั้งแรกจาก ความคิดเห็นของนักวิชาการท่ีมาจากหลายประเทศ ในภูมิภาคยุโรป ในระหว่างการประชุมสัมมนา ในปี พ.ศ.๒๕๐๔ ท่ีจัดขึ้นโดยสภาแห่งภูมิภาคยุโรป (CouncilofEurope)ตอ่ มาความคดิ ในการพฒั นากรอบ อ้างอิงทางภาษา CEFR นี้ ได้พัฒนาต่อเนื่องมาควบคู่ การปรบั ปรงุ การเรยี นการสอนภาษา การวจิ ยั และการวดั ประเมินผลทางภาษา โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้กรอบ อ้างอิงทางภาษา CEFR นี้ เป็นแนวทางสนับสนุนให้ พลเมอื งในภมู ภิ าคยโุ รปทมี่ คี วามหลากหลายทางเชอื้ ชาติ และภาษาได้เรียนรู้ภาษาด้วยเกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน
สภาแห่งภูมิภาคยุโรป (Council of Europe) ได้ กาหนดใช้กรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR เป็นเครื่องมือ ในการส่งเสริมชาวยุโรปให้สามารถใช้ภาษาในการ สื่อสารระหว่างกันในภูมิภาคได้อย่างหลากหลาย อันจะ นาไปสู่ความเป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน ทาให้รากฐานทาง


เศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาคยุโรปมีความมั่นคง โดย ในการออกแบบกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR นั้น ได้รับ อิทธิพลจากแนวคิดด้านการเรียนการสอนภาษา ต่างประเทศ ๒ ทฤษฎี ได้แก่ ๑) ทฤษฎีการเรียนรู้เพ่ือ การสอื่ สาร(CommunicativeApproach)ทมี่ มี มุ มองวา่ การจะเรียนภาษาให้ได้ดี ผู้เรียนควรมีโอกาสได้ใช้ภาษา เพื่อการสื่อสาร และ ๒) ทฤษฎีพหุภาษา (Plurilingual Approach) ซงึ่ เชอ่ื วา่ การเรยี นภาษาหนง่ึ ภาษาใดใหไ้ ดด้ ี ควรมกี ารเปรยี บเทยี บขา้ มภาษา เพราะพนื้ ฐานดา้ นภาษา ของผู้เรียนที่มีมาก่อน แม้จะมาจากภาษาท่ีแตกต่างกัน ก็สามารถเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการในการเรียนรู้ ภาษาใหม่ ผเู้ ขยี นเคยมโี อกาสไดพ้ ดู คยุ กบั เพอ่ื นทมี่ าจาก ภูมิภาคยุโรป ได้แก่ อังกฤษ เยอรมัน และเนเธอร์แลนด์ ทุกคนพูดภาษาได้มากกว่า ๒ ภาษา บางคนพูดได้ถึง ๖ ภาษา ผู้เขียนสอบถามว่าทาอย่างไรจึงพูดได้หลายภาษา เพ่ือนของผู้เขียนได้อธิบายด้วยคาตอบแบบเดียวกันว่า ชาวยุโรปได้รับการปลูกฝังให้มีทัศนคติท่ีดีต่อการเรียน ภาษาใหม่ ๆ ยิ่งมีความรู้หลายภาษาก็จะยิ่งเป็นการ เพิ่มพูนทักษะการเรียนรู้ภาษาให้เพิ่มมากข้ึน ในยุโรป มีการสนับสนุนให้มีการเรียนภาษาที่หลากหลายตั้งแต่ ระดับชั้นประถมศึกษาไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษา ภาษาที่มี การบังคับเรียนในหลักสูตร ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษา ละติน และยังมีภาษาสาหรับให้เลือกเรียนอีกมากมาย เช่น ภาษาเยอรมัน ภาษาอิตาลี ภาษาฝร่ังเศส ภาษา สเปน และภาษาโปรตุเกส เป็นต้น
กรอบอา้ งองิ ทางภาษา CEFR ไดน้ า มาใชก้ า หนดเปน็ เกณฑ์ระดับความสามารถทางภาษาเพื่อช่วยสนับสนุน การเรียนการสอนภาษา สื่อสาหรับการเรียนการสอน ภาษาจา นวนมากไดม้ กี ารเปรยี บเทยี บกบั ระดบั ทางภาษา ตามกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR เพ่ือสร้างมาตรฐาน ของสื่อ/ตาราให้มีความเป็นสากล นอกจากนี้ ข้อสอบ มาตรฐานซง่ึ ไดร้ บั การยอมรบั จากประเทศตา่ ง ๆ ทวั่ โลก เช่น TOEIC TOEFL IELTS เป็นต้น ก็ได้สร้างระนาบ คะแนนการประเมินของข้อสอบตามระดับของกรอบ อา้ งองิ ทางภาษา CEFR เพอ่ื ใหข้ อ้ สอบดงั กลา่ วมคี วามเปน็
มาตรฐานเดียวกัน สามารถนามาประกอบการพิจารณา คัดเลือกบุคคลเพ่ือการศึกษาต่อ และการทางาน เป็น ประโยชนใ์ นการกา หนดบทบาทหนา้ ทกี่ ารทา งานของการ บรหิ ารงานบคุ คลสา หรบั การทา งานทตี่ อ้ งใชภ้ าษาองั กฤษ เพ่ิมความโปร่งใส และความชัดเจน (transparency) ในการคดั เลอื กบคุ คลและการปรบั เลอื่ นขน้ั ในการบรหิ าร งานบคุ คล เปน็ ตน้
ในปจั จบุ นั กรอบอา้ งองิ ทางภาษา CEFR ไดร้ บั ความ นิยมไปทุกภูมิภาคทั่วโลก มีการเปรียบเทียบภาษาที่มี ความแตกต่างหลากหลายตามกรอบอ้างอิงดังกล่าว แม้ในภาษาที่ต่างตระกูล เช่น การอ้างอิงระบบการสอบ HSK สาหรับภาษาจีน ตามโครงการ The European Benchmarking Chinese Language (EBCL) ข้อสอบ ภาษาไทยสาหรับชาวต่างชาติของกระทรวงศึกษาธิการ (Thai Competency Test for Foreigners) เปน็ ตน้ หรอื ในภาษาสัญลักษณ์ ที่เรียกว่าภาษาใบ้ (Sign Language) ก็มีการเทียบระดับตามกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR ท้ังนี้สภาแห่งภูมิภาคยุโรปยังคงพัฒนาปรับปรุง การเรียนการสอน และการประเมินภาษาให้เป็นไปตาม กรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR อย่างต่อเนื่อง เพ่ือให้เกิด ประโยชน์สูงสุดสาหรับการพัฒนาการเรียนรู้ทางภาษา ของผู้เรียน ตามบริบทสังคม และตามความแตกต่าง ทางวัฒนธรรมของผู้คนจากท่ัวโลก
๑.๒ การกา หนดระดบั ของกรอบอา้ งองิ ทางภาษา CEFR
กรอบอา้ งองิ ทางภาษา CEFR ไดก้ า หนดระดบั ทาง ภาษาของผู้เรียนเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ A ระดับพ้ืนฐาน (Basic Users) B ระดบั กลาง (Independent Users) และ C ระดับเชี่ยวชาญ (Proficient Users) ในแต่ละ ระดับจะมีข้ันย่อย ๆ อีก ระดับละ ๒ ขั้น ดังคาอธิบาย แสดงระดบั และขน้ั ของความสามารถทางภาษา (Can- do Statements) ซ่ึงได้อธิบายความสามารถในการ ใช้ภาษาเพ่ือการส่ือสารในบริบทต่าง ๆ ตั้งแต่ขั้นต้น จนถึงขั้นชานาญการส่ือสาร ดังตารางที่ ๑ แสดงการ อธบิ ายระดบั และชน้ั ของกรอบอา้ งองิ ทางภาษา CEFR
นาวิกศาสตร์ 25 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


ตารางที่ ๑ คาอธิบายระดับและขั้นของกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR
ที่มา: Council of Europe (2001) Common European Framework of Reference for Languages: Learning, Teaching, Assessment. Cambridge University Press
นาวิกศาสตร์ 26 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


๒. การสร้างข้อสอบต้นแบบ NEPT เพ่ือประเมินระดับ ภาษาอังกฤษตามกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR
ศูนย์ภาษา กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ศภษ.ยศ.ทร.) เป็นหน่วยที่มีภารกิจหลักในการให้การศึกษา อบรม ภาษา และการจัดสอบเพื่อประเมินความสามารถ ทางภาษาให้แก่ข้าราชการสังกัดกองทัพเรือ ได้รับการ มอบหมายให้ดาเนินการยกระดับขีดความสามารถ ทกั ษะการใชภ้ าษาองั กฤษใหก้ บั กา ลงั พลกองทพั เรอื โดย ใชก้ รอบอา้ งองิ ทางภาษาทเี่ ปน็ สากล CEFR ตามนโยบายผู้ บญั ชาการทหารเรอื ปงี บประมาณ ๒๕๖๔ ในการนี้ ศภษ. ยศ.ทร. ได้ดาเนินการออกแบบแนวทางการดาเนินการ ดังกล่าว โดยมีการปรับการเรียนการสอนเพ่ือตอบรับ กับการพัฒนาภาษาตามแนวทางของกรอบอ้างอิงทาง ภาษา CEFR รวมท้ังได้จัดสร้างบทเรียนภาษาอังกฤษ ทางออนไลน์ผ่านระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คต่าง ๆ เช่น Facebook และ YouTube เป็นต้น ซ่ึงทาให้ข้าราชการ กองทัพเรือ และผู้สนใจสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ ด้วยตนเองโดยไม่จากัดเวลา และสถานท่ี อีกทั้งยังได้ ดาเนินการสร้างเคร่ืองมือสาหรับประเมินความสามารถ ในการใช้ภาษาอังกฤษเป็นข้อสอบที่มีช่ือว่า “Royal Thai Navy English Proficiency Test (NEPT)” เพอื่ ประเมนิ ระดบั ความสามารถทางภาษาองั กฤษใหต้ รง ตามมาตรฐานการอ้างอิงทางภาษา CEFR
โครงการพัฒนาสร้างข้อสอบภาษาอังกฤษต้นแบบ ของกองทัพเรือเกิดขึ้นเนื่องจากกองทัพเรือได้เล็งเห็น ความจาเป็นของการมีข้อสอบภาษาอังกฤษที่สามารถ ประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษของกาลังพลได้ อย่างเป็นมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพในการบริหาร จัดการกาลังพล (Human Resource Management) การสรา้ งขอ้ สอบใหส้ ามารถประเมนิ ไดต้ ามแนวทางของ กรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR นี้ จะช่วยให้กองทัพเรือ สามารถเทียบระดับทักษะภาษาอังกฤษของกาลังพล ได้ตามมาตรฐานสากล (comparable) และยังสามารถ ใช้เป็นแนวทางในการออกแบบแผนพัฒนาภาษา อังกฤษสาหรับบุคคลในองค์กรได้อย่างเป็นรูปธรรม
ข้อสอบที่ผ่านการยอมรับว่ามีความเป็นมาตรฐาน จากทั่วโลก มักมีค่าธรรมเนียมในการจัดสอบ เช่น การสอบ TOEIC ราคา ๑,๘๕๐ บาท/คน (ม.ค.๖๔) ซึ่งหากกองทัพเรือเลือกใช้ข้อสอบ มาตรฐานดังกล่าวในการวัดระดับความสามารถ ทางภาษาองั กฤษสา หรบั กา ลงั พล จา นวน ๔๐,๐๐๐ คน โดยประมาณ จะต้องเสียค่าดาเนินการจานวนมาก อีกทั้งเนื้อหาของข้อสอบเหล่านี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ ตอบสนองการทดสอบภาษาในบริบทท่ีเก่ียวข้องกับ การทา งานในกองทพั เรอื
ที่ผ่านมากองทัพเรือใช้ข้อสอบ American Language Course Placement Test (ALCPT) ที่จัดสร้างขึ้นโดยสถาบัน Defense Language Institute English Language Center (DLIELC) ของ กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับการยอมรับ ในกระทรวงกลาโหมนานาชาติว่า สามารถวัดระดับ ความสามารถทางภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี ALCPT ได้ถูกออกแบบเพื่อวัตถุประสงค์ใน การคัดเลือกผู้สมัครสาหรับการปฏิบัติงาน และศึกษา ในหลักสูตรต่าง ๆ ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา หรือเพ่ือวัดระดับพ้ืนฐานภาษาอังกฤษก่อนเข้ารับ การอบรมในหลักสูตร American Language Course (ALC) ท้ังน้ี สถาบัน DLIELC ซึ่งเป็นผู้ผลิตข้อสอบได้มี ข้อกาหนดที่ชัดเจนสาหรับการใช้งานข้อสอบว่า ALCPT ไม่ใช่ข้อสอบสาหรับการพิจารณาเพื่อเล่ือนขั้นใน ตา แหนง่ งาน และเฉพาะสถาบนั ทรี่ บั อนญุ าตจาก DLIELC เทา่ นน้ั ทสี่ ามารถจดั การสอบขอ้ สอบดงั กลา่ วได้ หา้ มมใิ ห้ ผู้ใดรวบรวมข้อสอบไปจัดทาเป็นฐานข้อมูลคลังข้อสอบ หรือเพื่อเผยแพร่ (DLIELC, 2021) หากกองทัพเรือ นาข้อสอบ ALCPT มาใช้ประเมินเพ่ือยกระดับขีด ความสามารถทกั ษะการใชภ้ าษาองั กฤษ กน็ บั วา่ เปน็ การ ขัดต่อข้อตกลงท่ี DLIELC ได้กาหนดไว้ จึงไม่เหมาะสม ท่ีจะนา ALCPT มาใช้กาหนดเป็นเกณฑ์เพื่อการพัฒนา ภาษาอังกฤษสาหรับกาลังพลในกองทัพเรือ
ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ นี้ กองทัพเรือ
นาวิกศาสตร์ 27 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


ได้อนุมัติ “โครงการพัฒนาข้อสอบภาษาอังกฤษต้นแบบ ภาษาองั กฤษ (NEPT Prototype)” ทส่ี ามารถใชป้ ระเมนิ ระดับภาษาอังกฤษได้ตามกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR โดยมอบให้ ศภษ.ยศ.ทร. เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ในการจัดการ ความคิดริเริ่มในการจัดทาสร้างข้อสอบ ต้นแบบฯ นี้เกิดขึ้นจากการท่ี พลเรือตรีหญิง พัชรา วัดอักษร ที่ปรึกษาโครงการฯ ได้กรุณาเสนอแนว ความคิดในการสร้างข้อสอบภาษาอังกฤษที่มีคุณภาพ สามารถประเมินความสามารถภาษาได้ตามกรอบ อ้างอิงทางภาษา CEFR ผ่าน นาวาเอก นเรศ เพ็ชรนิล รองเสนาธิการ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ และ นาวาเอกหญิง ดวงสุดา ปั่นเมืองปัก ผู้อานวยการ ศูนย์ภาษา กรมยุทธศึกษาทหารเรือ โดยโครงการ พัฒนาข้อสอบต้นแบบฯ มีจุดประสงค์เพื่อ พัฒนาข้อสอบภาษาอังกฤษสาหรับกาลังพล กองทััพเรือให้มีคุณภาพ และสามารถประเมิน ความสามารถทางภาษาได้ตามกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR ผา่ นกระบวนการสรา้ งและวจิ ยั ขอ้ สอบทนี่ า่ เชอื่ ถอื
โครงการพัฒนาสร้างข้อสอบภาษาอังกฤษต้นแบบฯ ประกอบด้วยคณะทางาน ๓ ส่วน ได้แก่
๑) ทีมออกข้อสอบ ประกอบด้วย นาวาเอกหญิง เตม็ เดอื น ศริ นิ ภุ าพมติ ร์ หวั หนา้ ศกึ ษา ศภษ.ยศ.ทร. และ ครูภาษาจาก ศภษ.ยศ.ทร. จานวน ๑๑ คน
๒) ทีมวิจัยและพัฒนาข้อสอบ ประกอบด้วย นาวาเอกหญิง จิตพิชาญ์ จารยะพันธ์ุ รองผู้อานวยการ ศภษ.ยศ.ทร. รับผิดชอบด้านการออกแบบการวิจัย และการเรียนรู้ทางภาษา และ นาวาโทหญิง ผู้ช่วย ศาสตราจารย์ ฤชา รัตนศีล อาจารย์ฝ่ายศึกษา โรงเรียน นายเรือ (ฝศษ.รร.นร.) ผู้เช่ียวชาญด้านสถิติและการ วิเคราะห์ข้อมูล
๓) นักพัฒนาระบบการสอบออนไลน์ ได้แก่ เรือโทหญิง มิ่งกมล อ่ิมวิทยา นายทหารรักษา ความปลอดภัยข้อมูล แผนกกรรมวิธีข้อมูล กองบริการการศึกษา (กบศ.ยศ.ทร.)
๒.๑ รูปแบบของข้อสอบ
การกาหนดรูปแบบคาถามของข้อสอบต้นแบบ
นาวิกศาสตร์ 28 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


NEPT เปรียบได้กับการเลือกทาขนมอบเนยโดยใช้ สูตรของคุณย่าท่ีมีอยู่แล้ว เหมือนกับคากล่าวของ Orson de Witt ผแู้ ตง่ หนงั สอื ชอ่ื วา่ “Earth Won’t Miss You” กลา่ วคอื ศภษ.ยศ.ทร. ไมไ่ ดส้ รา้ งรปู แบบของขอ้ สอบ ขนึ้ มาใหมแ่ ตอ่ ยา่ งใด แตไ่ ดเ้ ลอื กใชร้ ปู แบบขอ้ สอบ TOEIC มาเป็นแนวทางในการกาหนดรูปแบบข้อสอบ NEPT การที่เลือกใช้ข้อสอบ TOEIC มากาหนดเป็นรูปแบบ ข้อสอบสาหรับข้อสอบต้นแบบ NEPT เน่ืองจาก TOEIC (การฟงัและการอา่น)สามารถใชท้ดสอบผเู้ขา้รบัการสอบ จานวนมากได้พร้อม ๆ กัน สามารถให้คะแนนได้อย่าง เป็นธรรมและได้รับการรับรองมาตรฐานจากประเทศ ตา่ ง ๆ ทั่วโลกมายาวนานกว่า ๔๐ ปี จึงเหมาะสมท่ีจะ นารูปแบบการสอบดังกล่าวมาใช้เป็นแนวทางสาหรับ ทดสอบกา ลงั พลทง้ั กองทพั เรอื ทมี่ จี า นวนมากถงึ ประมาณ
๔๐,๐๐๐ คน ได้
จากตารางท่ี ๒ ข้อสอบทั้ง ๓ ชนิดมีรูปแบบเดียวกับ ข้อสอบ TOEIC คือ เป็นข้อสอบแบบปรนัย ๔ ตัวเลือก ที่มีการไล่ระดับจากง่ายท่ีสุด ไปจนถึงยากที่สุด เช่น ในส่วนของการฟัง เริ่มต้นด้วยการฟังประโยคส้ันๆ แล้วจึงฟังบทสนทนา ไปจนถึงการฟังบทบรรยายที่มี ความยาวประมาณ ๑-๒ นาที และในส่วนของข้อสอบ การอ่าน เริ่มต้นด้วยการอ่านในระดับประโยค ระดับ ย่อหน้าไปจนถึงการอ่านชุดบทอ่านที่มีความยาวต้ังแต่ ๒ บทข้ึนไป ซึ่งผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องวิเคราะห์ หาความเชอื่มโยงของบททอี่า่นเพอื่ตอบคาถามถงึแมว้า่ รูปแบบของข้อสอบ NEPT และ TOEIC จะเหมือนกัน แต่จานวนข้อสอบ และระยะเวลาในการทาข้อสอบ ไดป้ รบั เปลยี่ นไปตามความเหมาะสม รวมทง้ั มกี ารเพมิ่ เตมิ
ตารางท่ี ๒ เปรียบเทียบจานวนข้อและระยะเวลาในทาข้อสอบ ๓ ชนิด
นาวิกศาสตร์ 29 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


เนอื้ หาทเี่ ปน็ บรบิ ททางทหาร ซงึ่ มคี วามเหมาะสมสา หรบั ทดสอบกาลังพลกองทัพเรือ
ข้อสอบต้นแบบท่ีพัฒนาข้ึนมีจานวน ๖๐ ข้อ คาถาม (การฟัง ๓๐ ข้อ และการอ่าน ๓๐ ข้อ) ใช้เวลา ในการทดสอบ ๗๕ นาที ออกแบบเพื่อประเมินผู้เข้ารับ การทดสอบที่มีระดับความสามารถทางภาษาตั้งแต่ A1-C2 ต่อมาคณะกรรมการพัฒนาขีดสมรรถนะทาง ภาษาอังกฤษกองทัพเรือ ได้เสนอให้ ศภษ.ยศ.ทร. ปรับลดจานวนข้อสอบลงเป็น ๓๐ ข้อ โดยใช้เวลาทา ข้อสอบเพียง ๓๕ นาที เพ่ือลดความตึงเครียดของ กาลังพลในการทาข้อสอบ ทางทีมวิจัยและพัฒนา ข้อสอบจึงได้วิเคราะห์ค่าความเชื่อม่ัน (Reliability) ของข้อสอบต้นแบบจานวน ๖๐ ข้อ เทียบกับค่าความ เชื่อมั่นของข้อสอบที่ลดจานวนลงเหลือ ๓๐ ข้อ พบว่า ค่าความเช่ือมั่นของข้อสอบลดลงไปบ้างตามจานวน ข้อที่ลดลง แต่ยังเป็นข้อสอบท่ีมีความเชื่อม่ันสูงท้ัง ๒ ชุด ผลจากการพิจารณาสรุปว่า ข้อสอบ NEPT ฉบับปี พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นข้อสอบท่ีมีจานวน ๓๐ ข้อ (การฟัง ๑๕ ข้อ และการอ่าน ๑๕ ข้อ) ใช้เวลาในการทา ข้อสอบ ๓๕ นาที ท้ังน้ีผู้เข้ารับการทดสอบจะต้อง บริหารจัดการเวลาในการสอบของตนเองให้เหมาะสม โดยมนีาฬกิาจบัเวลาแสดงบนหนา้จอคอมพวิเตอรต์ลอด การทดสอบ
การสอบ NEPT 2021 มีรูปแบบการจัดสอบ (Test Administration) ในระบบออนไลน์ เพอื่ ความสะดวก สาหรับกาลังพลกองทัพเรือที่ประจาการในพื้นที่ห่างไกล การพัฒนาระบบข้อสอบออนไลน์ดาเนินการโดย เรือโทหญิง มิ่งกมล อิ่มวิทยา นายทหารรักษาความ ปลอดภัยข้อมูล แผนกกรรมวิธีข้อมูล กบศ.ยศ.ทร. ในเบอื้ งตน้ ระบบสามารถรองรบั การสอบไดด้ ว้ ยอปุ กรณ์ อเิ ลก็ ทรอนกิ สท์ หี่ ลากหลาย ไดแ้ ก่ คอมพวิ เตอร์ แทบ็ เลต็ และสมารต์ โฟน อยา่ งไรกด็ เี มอื่ ทมี วจิ ยั ไดว้ เิ คราะหค์ วาม คิดเห็นของผู้เข้ารับการทดสอบที่มีต่ออุปกรณ์การสอบ สาหรับกลุ่มตัวอย่าง ๓๐ คน ในช่วงทดลองสอบ (Test Trialing) พบปัญหาของการสอบผ่านสมาร์ตโฟน ซึ่งมี
นาวิกศาสตร์ 30 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
ขนาดหนา้ จอเลก็ เมอื่ เทยี บกบั การสอบผา่ นคอมพวิ เตอร์ ทาให้ผู้เข้ารับการทดสอบไม่สามารถทาข้อสอบได้อย่าง เต็มที่ ทีมพัฒนาระบบการสอบจึงเสนอให้กาลังพล กองทัพเรือ ทาการสอบ NEPT ต้นแบบ และ NEPT ประจา ปี งป. ๖๔ (NEPT 2021) ดว้ ยอปุ กรณค์ อมพวิ เตอร์ หรือแท็บเล็ต ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่เพียงพอต่อการ มองเหน็ โดยมกี ารแนะนา วธิ กี ารลงทะเบยี นสอบ รปู แบบ ของคาถาม และวิธีการทาข้อสอบทางออนไลน์ ก่อนการทดสอบ นอกจากนี้ ศภษ.ยศ.ทร. ยังจัดทา ข้อสอบจาลอง (Mock Test) เพ่ือเป็นการสร้างความ คุ้นเคยและเตรียมความพร้อมให้แก่กาลังพลก่อนการ ทดสอบ NEPT 2021 อีกด้วย
๒.๒ทา ไมทมี งานไมจ่ ดั สรา้ งขอ้ สอบสา หรบั การพดู และการเขียน
ขอ้ สอบ NEPT 2021 ยงั ไมม่ กี ารประเมนิ ทกั ษะการ พูดและการเขียน เนื่องจากการประเมินทักษะการพูด และการเขียนให้ได้น่าเช่ือถือนั้น จาเป็นต้องใช้การ พจิ ารณาผา่ นความคดิ เหน็ ของผเู้ ชยี่ วชาญในการประเมนิ ในการให้คะแนนตามระดับภาษาจานวนอย่างน้อย ๒ คน ต่อผู้เข้ารับการทดสอบ ๑ นาย นอกจากน้ี ระยะเวลาของการทดสอบการพูด และการเขียน ควรมากเพียงพอ(การสอบADFELPSใช้เวลาในการ สอบพูดประมาณ ๑๕-๓๐ นาที และการสอบเขียน ๖๐ นาที) เพื่อให้ผู้เข้ารับการทดสอบได้แสดงความ สามารถในการพูด และเขียนได้อย่างเต็มศักยภาพเพื่อ ส่ือสารในบริบท/หัวข้อการใช้ภาษาที่มีความซับซ้อน ตามระดับความสามารถทางภาษาของผู้เข้ารับการ ทดสอบ
ในการน้ี เพื่อให้ม่ันใจได้ว่าการประเมินทักษะ การพูด และการเขียนมีความเป็นธรรม ผู้ประเมินควร เป็นผู้เช่ียวชาญที่ผ่านการอบรม และรับรองจากสถาบัน ที่มีคุณภาพด้านการจัดการประเมินทางภาษา เพื่อให้ สามารถดาเนินการประเมินความสามารถทางภาษา ไดถ้ กู ตอ้ งเทยี่ งตรง ทงั้ นใ้ี นปจั จบุ นั ( ม.ิ ย.๖๔) กองทพั เรอื มีผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินภาษาอังกฤษ


ที่ได้ผ่านการอบรมการประเมินระบบ Australian Defence Force English Proficiency System (ADFELPS) ของกระทรวงกลาโหมเครือรัฐออสเตรเลีย และได้รับประกาศนียบัตรรับรองการประเมิน (ADFELPS Raters License) จานวนท้ังส้ิน ๗ คน ในจานวนนี้มีเพียง ๕ คน ที่ได้ผ่านการทดสอบเพื่อ ทบทวนความสามารถในการประเมิน (ADFELPS Rating Reaccreditation) ตามท่ีกระทรวงกลาโหม เครือรัฐออสเตรเลียกาหนดให้ดาเนินการ ๒ ครั้ง/ปี จึงอาจกล่าวได้ว่า กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในการประเมิน ภาษาองั กฤษในกองทพั เรอื ยงั มจี า นวนไมเ่ พยี งพอในการ จัดสอบการพูดและการเขียนให้แก่องค์กรท่ีมีกาลังพล มากถึง ๔๐,๐๐๐ คน อย่างไรก็ดี ผู้เขียนมีความเห็นว่า กองทพั เรอื ควรสนบั สนนุ ใหม้ กี ารพฒั นาขอ้ สอบการเขยี น และการพดู ในอนาคตสา หรบั คดั เลอื กขา้ ราชการทจี่ ะตอ้ ง ใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการติดต่อสื่อสารในการปฏิบัติงาน หรือในการคัดเลือกบุคคลให้ดารงตาแหน่งท่ีสาคัญของ กองทัพเรือ เช่น การคัดเลือกผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือ ณตา่ งประเทศหรอื เขา้ รว่ มการประชมุ นานาชาติเปน็ ตน้
๒.๓ กระบวนการสร้างข้อสอบต้นแบบ (NEPT Prototyping)
“if an exam is not valid or reliable, it is meaningless to link it to the CEFR [and] a test that is not reliable cannot, by definition, be valid” (Alderson, 2012) [หากข้อสอบวัดไม่มีความเที่ยงตรง เชื่อถือไม่ได้ ก็ไม่มี คณุ คา่ อนั ใดทจี่ ะนา ขอ้ สอบนน้ั มาเทยี บตามกรอบCEFR)]
การพัฒนาข้อสอบต้นแบบ NEPT มีความมุ่งหมาย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างข้อสอบ NEPT ให้เป็น ข้อสอบท่ีมีคุณภาพ และสามารถประเมินได้ตรงตาม กรอบอา้ งองิ ทางภาษา CEFR คา วา่ “คณุ ภาพ” หมายถงึ ความสามารถของข้อสอบในการวัดได้เท่ียงตรง และมี ความน่าเช่ือถือ (validity and reliability of measurement) ถึงตรงนี้ ผู้อ่านคงมีคาถามว่า แล้วการสร้างข้อสอบให้มีคุณภาพน้ันมีขั้นตอนอย่างไร ในส่วนน้ีผู้เขียนจึงจะกล่าวถึงกระบวนการสร้างข้อสอบ ต้นแบบ NEPT ให้มีความเท่ียงตรง และน่าเชื่อถือ โดยมกี ระบวนการพฒั นาสรา้ งขอ้ สอบ NEPT Prototype ๕ ขั้นตอน (ดูแผนภาพท่ี ๑ ประกอบ) ดังนี้
นาวิกศาสตร์ 31 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


ขั้นที่ ๑ การวางแผนออกแบบการสร้างข้อสอบ NEPT ต้นแบบ (Test Design and Planning)
ทมี วจิ ยั และพฒั นาขอ้ สอบไดว้ างแผนออกแบบการ สร้างข้อสอบโดยใช้แนวทางจากคู่มือการสร้างข้อสอบที่ จัดทาขึ้นโดยสมาคมการทดสอบภาษาในยุโรป (Association of Language Testing in Europe (ALTE)) ของสภาแห่งภูมิภาคยุโรป ชื่อว่า “Manual for Language Test Development and Examining for the Use with CEFR” (ALTE, 2011) ซึ่งคู่มือดังกล่าว นาเสนอตัวอย่างแบบจาลองต่าง ๆ (models) สาหรับ การสรา้ งขอ้ สอบใหป้ ระเมนิ ไดต้ ามกรอบอา้ งองิ ทางภาษา CEFR แนวทางการสร้างข้อสอบภาษาของ ALTE ได้นา มาใช้ประกอบการตัดสินใจและกาหนดทิศทางของการ ออกแบบวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพข้อสอบ NEPT และ เพ่ือให้สามารถประเมินได้ตามกรอบอ้างอิง CEFR ทั้งนี้ การวางแผนออกแบบข้อสอบ NEPT ต้นแบบ ยึดตาม วัตถุประสงค์ของการวิจัยและพัฒนา คือ เพ่ือพัฒนา ข้อสอบให้มีคุณสมบัติ ๒ ด้าน ได้แก่ ๑) คุณภาพข้อสอบ ในการวัดได้เที่ยงตรง (Validity) และความน่าเช่ือถือ (Reliability) และ ๒) ความสามารถในการประเมิน ระดบั ภาษาองั กฤษสา หรบั กา ลงั พลกองทพั เรอื ไดต้ รงตาม กรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR
ข้ันท่ี ๒ การออกข้อสอบ (NEPT Design and Item Writing)
แผนกศึกษา ศภษ.ยศ.ทร. ประกอบด้วยครูภาษา และหัวหน้าศึกษาฯ จานวน ๑๑ คน เป็นผู้รับผิดชอบ ในการออกข้อสอบ โดยก่อนการออกข้อสอบ มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ จานวน ๒ คร้ัง เพื่อสร้างข้อตกลงระหว่างผู้ออกข้อสอบและผู้วิจัยฯ จนได้เป็นแผนการออกข้อสอบ (Test Writing Plan) ที่มีการกาหนดระดับความสามารถทางภาษา ตามกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR ในการออกข้อสอบ มีการใช้เอกสารอ้างอิงในการออกข้อสอบ ได้แก่ คาอธิบายความสามารถในการสื่อสารในแต่ละ ระดับ (Can-do statements/descriptor)
นาวิกศาสตร์ 32 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
ของ Council of Europe และหลักสูตรภาษาของ ST GILES International ท่ีมีการรวบรวมหัวข้อ การใช้ภาษา คาศัพท์ และไวยากรณ์ที่มีการจาแนก เป็นระดับตามกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR
ข้ันท่ี ๓ การสร้างคุณภาพข้อสอบ NEPT ต้นแบบ (Validating NEPT Prototype)
ในการสร้างข้อสอบต้นแบบ NEPT ให้มีคุณภาพ ทีมวิจัยและพัฒนาข้อสอบต้นแบบฯ ได้ใช้หลักวิธีการ ที่สภาแห่งภูมิภาคยุโรปแนะนาในส่วนของ “การสร้าง ความเป็นมาตรฐานผ่านผู้เชี่ยวชาญ (Panel-based Standard Setting)” (ALTE (2011)) โดยกาหนดให้มี การวิเคราะห์คุณภาพของข้อสอบ ท้ังจากผู้เช่ียวชาญ ดา้ นภาษา-การประเมนิ ภาษา รวมทง้ั การวเิ คราะหข์ อ้ มลู จ า ก ผ เ้ ู ช ยี ่ ว ช า ญ ด ว้ ย ว ธิ กี า ร ท า ง ส ถ ติ ิ ข นั ้ ต อ น ข อ ง ก า ร ส ร า้ ง คุณภาพของข้อสอบต้นแบบ แบ่งออกเป็น ๓ ช่วง ได้แก่
๑)การตรวจสอบความถกู ตอ้ งทางภาษาของคา ถาม และตัวเลือก
ครูภาษาชาวต่างประเทศของ ศภษ.ยศ.ทร. ประกอบด้วย ครูชาวอังกฤษ อเมริกัน และฟิลิปปินส์ จานวน ๓ คน ได้ตรวจสอบความถูกต้อง ความชัดเจน และความเป็นธรรมชาติของภาษาในข้อสอบที่ได้ออก ไว้แล้วในขั้นการออกข้อสอบ
๒)การประเมนิ คณุ ภาพของขอ้ สอบโดยผเู้ชยี่ วชาญ ทางภาษา จานวน ๙ คน
กรรมการประเมินคุณภาพของข้อสอบ NEPT ตน้ แบบ จา นวน ๙ คน ประกอบดว้ ย ครชู าวตา่ งประเทศ ของ ศภษ.ยศ.ทร. จานวน ๓ คน และผู้ประเมินซึ่งผ่าน การอบรมการประเมิน ADFELPS Raters Training จานวน ๖ คน ได้รับเอกสารประกอบการประเมิน ข้อสอบ ได้แก่ คู่มือแนะนาการประเมินข้อสอบ ช่ือว่า “แบบประเมินคุณภาพข้อสอบสาหรับการจัดสร้าง ขอ้ สอบตน้ แบบ NEPT ใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐานของกรอบ อ้างอิงทางภาษา CEFR (Test Assessment for Deve lopingtheNEPTPrototype)”ออกแบบโดยนาวาเอกหญงิ จิตพิชาญ์ จารยะพันธุ์ ภายใต้โครงการพัฒนาข้อสอบ


ต้นแบบ NEPT (แบบประเมินดังกล่าวได้รับข้อคิดเห็น จากนักวิชาการด้านการศึกษา และผู้เช่ียวชาญด้านการ เรียนการสอนภาษาอังกฤษ ได้แก่ Prof. Maresi Nerad นาวาเอกหญิง ภรณี ศรมยุรา, นาวาเอกหญิง ธาริณี รชั ตรงุ่ โรจนก์ ลุ และ Mr. Gavin Reeves) และ “คมู่ อื การ เทียบระดับตามกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR (Scales and Descriptors of CEFR)” โดยกรรมการประเมิน คุณภาพข้อสอบ ทาการประเมินคุณภาพข้อสอบโดย ให้ค่าคะแนนตามคาแนะนาในคู่มือเป็นรายข้อ จากนั้น ทีมวิจัยและพัฒนาฯ นาผลคะแนนจากกรรรมการทั้ง ๙ คน มาหาคา่ เฉลยี่ โดยจดั เรยี งระดบั ขอ้ สอบตามระดบั คะแนนประเมินคุณภาพจากมากไปน้อย
๓) การคัดเลือกข้อสอบ โดยมติที่ประชุมกรรมการ ประเมินข้อสอบ
การคัดเลือกข้อสอบที่มีคุณภาพในสัดส่วน ๑ ต่อ ๕ ของข้อสอบที่ออกไว้ท้ังหมด โดยทีมวิจัยและพัฒนา ขอ้ สอบตน้ แบบฯ ไดจ้ ดั ทา แผนการคดั เลอื กขอ้ สอบ และ ตารางแสดงผลคะแนนคา่ เฉลยี่ รวมของจากการประเมนิ ของกรรมการท้ัง ๙ คน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการ ตัดสินใจสาหรับให้กรรมการตาม ๒) โดยในการคัดเลือก ข้อสอบจะพิจารณาตามความเหมาะสมท้ังเน้ือหาและ คุณภาพในการประเมินของข้อสอบ มีการจัดประชุม คัดเลือกข้อสอบขึ้นเพื่อให้กรรมการได้แสดงความ คิดเห็นต่อข้อสอบที่มีความเหมาะสม ในข้ันตอนนี้อาจมี การปรบั ปรงุ ขอ้ คา ถาม และตวั เลอื กเพอ่ื ลดความกา กวม (reducing ambiguity) ในการประเมิน รวมทั้งเพ่ิม ประสิทธิภาพในการประเมินผล
ข้ันที่ ๔ การทดสอบคุณภาพด้วยการทดลองสอบ ก่อนใช้สอบจริง (Test-Trialing)
หลังการคัดเลือกข้อสอบต้นแบบ NEPT เสร็จส้ิน ศภษ.ยศ.ทร. ได้ดาเนินการบันทึกเสียง และป้อนข้อมูล ขอ้ สอบลงในแพลตฟอรม์ ในระบบออนไลนท์ จ่ี ดั สรา้ งขน้ึ โดย เรือโทหญิง มิ่งกมล อิ่มวิทยา เม่ือการนาข้อสอบลง ในระบบเสร็จส้ิน ทีมวิจัยและพัฒนาข้อสอบฯ ร่วมกับ ทีมพัฒนาระบบการสอบออนไลน์ฯ ได้ร่วมกันจัดการ
ทดลองสอบ (Test Trialing) โดยกลุ่มตัวอย่างที่เป็น ข้าราชการ และนักเรียนที่กาลังศึกษา ณ ศภษ.ยศ.ทร. จานวนทั้งสิ้น ๓๐ คน โดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใน การสอบแบบต่าง ๆ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และ สมาร์ตโฟน การทดลองสอบข้อสอบ NEPT ต้นแบบ มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลใน ๒ ส่วน คือ ข้อมูล การคุณภาพข้อสอบ ได้แก่ ความยากง่ายของข้อสอบ ตัวลวงของข้อสอบ อานาจจาแนก และความเช่ือม่ันของ ข้อสอบด้วยวิธี Kuder-Richardson (KR-20) และข้อมูล ความคิดเห็นที่มีต่อการสอบด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แบบต่าง ๆ รวมทั้งความพึงพอใจจากการทดสอบ ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลทั้ง ๒ ส่วน นามาใช้ประโยชน์ ในการแก้ไขปรับปรุงคุณภาพข้อสอบ NEPT ต้นแบบ รวมท้ังในการพัฒนาข้อสอบ NEPT 2021 ต่อไป
ข้ันที่ ๕ การเทียบเคียงข้อสอบตามระดับของ กรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR (Mapping the NEPT to CEFR)
การเทียบเคียงข้อสอบ NEPT ตามระดับของ กรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR โดยวิธีการวิเคราะห์ ผลคะแนนจากการสอบดว้ ยNEPTตน้ แบบกบั ขอ้ สอบTOEIC ของกลุ่มตัวอย่างจานวน ๓๙๗ คน (จานวนที่เหมาะสม ในการเป็นตัวแทนประชากร ๔๐,๐๐๐ คน ตามหลัก การของ Yamane, 1971) ประกอบด้วย ข้าราชการ นักเรียน/นักศึกษาสังกัดกองทัพเรือ โดยจาแนกกลุ่ม ตัวอย่างออกเป็น ๕ กลุ่ม ตามระดับทางภาษาตามกรอบ อ้างอิงทางภาษา CEFR ได้แก่ A1, A2, B1, B2 และ C1/ C2 ทั้งน้ีการที่ ศภษ.ยศ.ทร. ไม่ได้แยกระดับ C1 จาก C2 เนอ่ื งจากอาสาสมคั รทมี่ คี วามสามารถทางภาษาในระดบั C2 มีจานวนไม่เพียงพอท่ีจะเป็นตัวแทนประชากร C2 ของกองทัพเรือได้
ในการดาเนินการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างทีมวิจัย และพัฒนาฯ ได้ทาการสารวจผลคะแนนการสอบภาษา อังกฤษแบบต่าง ๆ ท่ีสามารถเทียบระดับตามกรอบ อ้างอิงทางภาษา CEFR ผ่านทาง google form จากน้ัน ได้ประสานผู้ตอบแบบสารวจที่มีความยินยอมเข้าร่วม
นาวิกศาสตร์ 33 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


การพัฒนาข้อสอบกับโครงการฯ เพ่ือนัดหมายการสอบ โดยการเข้าร่วมโครงการของอาสาสมัครคร้ังน้ีไม่นับ เป็นวันลา-ขาด และหากอาสาสมัครเป็นนักศึกษา วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ศูนย์วิทยาการ กรมแพทย์ ทหารเรือ (วพร.ศวก.พร.ทร.) และข้าราชการกรมแพทย์ ทหารเรือ (พร.ทร.) ผู้วิจัยได้เสนอโครงการขออนุมัติ ใช้กลุ่มตัวอย่างในการเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านสานักงาน จริยธรรมการวิจัย กรมแพทย์ทหารเรือ จนเม่ือได้รับการ อนุมัติให้ดาเนินการจึงทาการประสานกลุ่มตัวอย่างเพื่อ นัดหมายการสอบ
การสร้างคุณภาพและการทดสอบคุณภาพ NEPT Prototype
นาวิกศาสตร์ 34 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๙ กันยายน ๒๕๖๔
ทีมวิจัยและพัฒนาฯ นาผลจากการทดสอบ ด้วยข้อสอบ TOEIC และต้นแบบ NEPT ของกลุ่ม ตัวอย่าง ๓๙๗ คน มาทาการเทียบระนาบ (alignment) หาจดุ ตดั แบง่ ชนั้ ระดบั (cut-off scores) โดยใชว้ ธิ กี ารทาง สถิติไดแ้ก่T-scoreอยา่งไรกต็ามเน่ืองจากในปีที่ผ่านมา สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผล กระทบต่อการดาเนินการในข้ันตอนนี้ เนื่องจากสถาบัน Center for Professional Assessment (CPA) ตอ้ งระงบั การจัดสอบตามประกาศของกรุงเทพมหานครเม่ือ ๑๘ เม.ย.๖๔เพอื่ การเฝา้ ระวงั การแพรร่ ะบาดของCOVID-19 ดังกล่าว ส่งผลให้ทีมวิจัยไม่สามารถจัดการสอบได้ตาม


แผนเวลาที่กาหนด ดังนั้นการกาหนดค่าคะแนนตาม ระดับ CEFR สาหรับการสอบ NEPT Mock Test และ NEPT 2021 จาเป็นต้องใช้วิธีการกาหนดแบบอิงเกณฑ์ ตามแผนการเลอื กข้อสอบเปน็ หลกั ทงั้ นเ้ี มอื่ ทมี วจิ ยั และ พฒั นาฯ ไดท้ า การเทยี บระนาบคะแนนเพอ่ื จดั ระดบั ตาม กรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR เสร็จส้ิน ผลการวิเคราะห์ จะชว่ ยยกระดบั ความสามารถของขอ้ สอบ NEPT ในการ เทยี บระดบั ตามกรอบอา้ งองิ ทางภาษาCEFRไดม้ ากยงิ่ ขนึ้ ๓. การพัฒนาภาษาอังกฤษ ตามแนวทางนโยบาย ผู้บัญชาการทหารเรือ ปีงบประมาณ ๒๕๖๔
การพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ให้สามารถใช้การได้ดี ไม่ได้เกิดขึ้นได้เองช่ัวข้ามคืน แตต่ อ้ งเกดิ จากความพยายามฝกึ ฝนตนเองดว้ ยระยะเวลา ที่เหมาะสม จนสามารถใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ บางครั้งท่านก็อาจจะท้อใจว่าทาไมฝึกฝนภาษาอังกฤษ มาก็มากมายแต่ยังไม่ก้าวหน้าไปไหน ในส่วนน้ีผู้เขียน เสนอแนะแนวทางการพัฒนาภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ซึ่งผู้เขียนได้รวบรวมข้อเสนอแนะเหล่าน้ีจากหลักการ เรียนรู้ภาษาต่างประเทศผ่านมุมมองของผู้เขียนในฐานะ ครูภาษา โดยมุ่งหมายให้ผู้อ่านสามารถนาแนวทาง ตามนโยบายที่กองทัพเรือกาหนดเพ่ือการพัฒนาภาษา มาเป็นประโยชน์ในการพัฒนาภาษาอังกฤษของตนเอง ผเู้ ขยี นหวงั วา่ ขอ้ เสนอแนะเหลา่ นจี้ ะชว่ ยเพม่ิ ความมนั่ ใจ การพัฒนาภาษาอังกฤษ และเป็นประโยชน์สาหรับการ ฝึกฝนภาษาอังกฤษด้วยตนเองต่อไปในอนาคต
๓.๑ รู้จักระดับภาษาอังกฤษของตนเอง
บ่อยคร้ังท่ีเรามักจะบอกกับตัวเองว่าฉันจะตั้งใจฝึก ภาษาอังกฤษ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เร่ิมจากการฝึกอะไร ผเู้ ขยี นแนะนา วา่ สงิ่ สา คญั ลา ดบั แรกของการพฒั นาภาษา องั กฤษ คอื การรจู้ กั ตนเองวา่ มรี ะดบั การใชภ้ าษาองั กฤษ เทา่ ไร เพราะจะชว่ ยใหร้ จู้ ดุ แขง็ จดุ ออ่ นของตนเอง รวู้ ธิ ี การเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับระดับภาษาของตนเอง ซึ่งจะ ชว่ ยใหพ้ ฒั นาภาษาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ดงั ที่ Bridgestock (2021) กล่าวว่า “It’s important to find learning activities at the right level. If an activity is far too difficult, it can be demoralizing. However, if you stay in your comfort zone, your progress will be slower” เป็นเร่ืองสาคัญที่จะต้องเลือกฝึกฝนการใช้ ภาษาด้วยกิจกรรมที่ตรงกับระดับของตนเอง เพราะการ เลือกกิจกรรมที่ยากเกินไปกว่าระดับของตนเองมาก ๆ จะบั่นทอนกาลังใจในการฝึกฝน แต่ถ้าเลือกฝึกฝนด้วย กิจกรรมที่คุ้นเคยและถนัดอยู่แล้ว การพัฒนาภาษาก็จะ ช้าไปกว่าที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ดี การจะรู้ระดับความสามารถทางภาษา อังกฤษของตนเองได้ต้องอาศัยการทดสอบภาษาด้วย แบบทดสอบทเี่ ชอื่ ถอื ได้ สามารถประเมนิ ระดบั ทางภาษา ได้อย่างเป็นมาตรฐาน เช่น TOEIC, TOEFL, IELTS และ Cambridge Placement Test ซึ่งการทดสอบดังกล่าว มีค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบ หากสามารถเข้ารับการ ทดสอบกน็บัไดว้า่คมุ้คา่เพราะการรผู้ลการสอบดงักลา่ว เป็นโอกาสที่จะได้รู้ระดับภาษาอังกฤษของตนเองด้วย ข้อสอบมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับท่ัวโลก แต่หากไม่มี โอกาสก็ยังสามารถเข้ารับการทดสอบภาษาอังกฤษของ ตนเองไดด้ ว้ ยแบบทดสอบทไ่ี มเ่ สยี คา่ ใชจ้ า่ ย เชน่ EF-SET และ Duolingo เป็นต้น
นอกจากนี้ การที่กองทัพเรือกาหนดให้กาลังพล เขา้ รบั การทดสอบภาษาองั กฤษดว้ ยขอ้ สอบ NEPT 2021 ซึ่งมีการออกแบบสร้างและพัฒนาให้สามารถประเมิน ระดบั ความสามารถภาษาองั กฤษไดต้ รงตามกรอบอา้ งองิ ทางภาษา CEFR น้ัน จัดได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รู้ถึง ระดับความสามารถทางภาษาของตนเองท่ีอ้างอิงตาม
นาวิกศาสตร์ 35 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


กรอบที่เป็นมาตรฐาน หลังเสร็จส้ินการทดสอบ NEPT 2021 รวมทั้งท่านจะได้รับทราบคาอธิบายระดับความ สามารถทางภาษาอังกฤษที่เทียบตามกรอบอ้างอิงทาง ภาษา CEFR ของตนเอง ซึ่งจะช่วยให้ท่านได้รับรู้ความ สามารถของตนเองว่าสามารถส่ือสารด้วยภาษาอังกฤษ ในบริบทการติดต่อสื่อสารแบบใดได้บ้าง เพ่ือช่วยสร้าง ความเขา้ ใจในระดบั ทางภาษาของตนเองบนเสน้ ทางของ การพัฒนาภาษาอังกฤษแบบข้ันบันไดตามกรอบอ้างอิง ทางภาษาของสภาแห่งภูมิภาคยุโรป
๓.๒ รู้เป้าหมายของตนเอง
การต้ังเป้าหมายก็มีความสาคัญอย่างมากสาหรับ การพัฒนาภาษาอังกฤษเช่นกัน คาว่า “เป้าหมาย” หรือ “goals” เป็นเคร่ืองมือท่ีสาคัญสาหรับความสาเร็จใน การเรียนภาษา มีงานวิจัยมากมายด้านการศึกษาภาษา ตา่ งประเทศกลา่ วถงึ ประโยชนข์ องการตงั้ เปา้ หมายไวว้ า่ จะช่วยสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาภาษาในระยะยาว ส่งผลต่อการพัฒนาภาษาได้อย่างเป็นรูปธรรม หลายคน อาจคิดว่า ฉันก็ตั้งเป้าหมายแล้วไม่เห็นจะได้รับความ สาเร็จอะไรบ้างเลย ผู้อ่านลองพิจารณาตนเองว่าได้ต้ัง เปา้ หมายไวอ้ ยา่ งไรผเู้ขยี นเคยพบนกั เรยี นหลายคนทพ่ี ดู วา่ “ฉนั มเี ปา้ หมายในการพฒั นาภาษาองั กฤษ” “ฉนั บอกกบั ตัวเองอยู่เสมอว่า ฉันจะพัฒนาภาษาอังกฤษ” “ต่อไปนี้ ฉันจะตั้งใจเรียนวิชาภาษาอังกฤษ” การคิดแบบนี้ยัง เป็นแค่ “ความฝัน” หรือ “dream” ยังไม่อาจเรียกว่า เป็น “เป้าหมาย” เพราะการจะเรียกว่าเป้าหมายได้นั้น ต้องมีมากกว่าความตั้งใจ แต่จะต้องมีความชัดเจน และ
นาวิกศาสตร์ 36 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
มีรายการของกิจกรรม หรือการกระทาเพื่อให้ถึงยัง เป้าหมายนั้น เป้าหมายยิ่งชัดเจนเท่าใด ก็ย่ิงเป็น ประโยชน์ต่อการพัฒนาภาษาอังกฤษเท่านั้น
สาหรับผู้ที่ยังไม่เคยนึกถึงเป้าหมายในการพัฒนา ภาษาองั กฤษมากอ่ น ในปงี บประมาณ ๒๕๖๔ กองทพั เรอื ได้กาหนดเป้าหมายให้ท่านแล้ว ตามนโยบายการ ยกระดับขีดความสามารถทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ ให้กับกาลังพลกองทัพเรือ โดยใช้กรอบอ้างอิงทาง ภาษา CEFR ที่มีความเป็นสากลโดยกาหนดให้ นักเรียนนายเรือ และนักเรียนพยาบาลก่อนสาเร็จ การศึกษา ต้องมีระดับความสามารถทางภาษาไม่ ต่ากว่า B1, นักเรียนจ่าก่อนสาเร็จการศึกษา ต้องมีระดับไม่ต่ากว่า A1, ข้าราชการชั้นประทวน ต้องมีระดับไม่ต่ากว่า A1 และข้าราชการช้ันสัญญาบัตร ช้ันยศ เรือตรี-นาวาเอก (พิเศษ) ต้องมีระดับไม่ต่ากว่า A2 การกาหนดนโยบายของกองทัพเรือตามระดับภาษา อังกฤษเช่นน้ี เป็นการพิจารณาตามความจาเป็นในการ ใช้ภาษาอังกฤษสาหรับกาลังพลตามสถานภาพและ
ชั้นยศเพื่อให้การพัฒนาภาษาอังกฤษเป็นรูปธรรม ผู้เขียนแนะนาให้ท่านใช้ระดับความสามารถทางภาษาที่ กองทพั เรอื คาดหวงั น้ีมาเปรยี บเทยี บกบั ระดบั ทางภาษาที่ ทา่ นไดร้ บั จากสอบ NEPT 2021 เพอ่ื ชว่ ยกา หนดเปา้ หมาย การพัฒนาภาษาอังกฤษของท่าน ตัวอย่างเช่น ท่านเป็นข้าราชการช้ันยศนาวาตรี ควรจะมีระดับภาษา อยา่ งนอ้ ย A2 ตามนโยบายกองทพั เรอื เมอ่ื ทา่ นไดเ้ ขา้ รบั การทดสอบ NEPT และได้ระดับ A1 สาหรับการฟัง และ A2 สา หรบั การอา่ น ทา่ นรไู้ ดว้ า่ ทา่ นตอ้ งพฒั นาการฟงั ให้ มากขนึ้ เพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามความมงุ่ หวงั ของของกองทพั เรอื ท้ังน้ีท่านสามารถกาหนดเป้าหมายกับตนเองว่า ฉันจะ พัฒนาทักษะการฟังของฉัน จาก A1 ให้เป็น A2 โดย จากมาตรฐานที่ Council of Europe แนะนาการจะ พัฒนาระดับความสามารถทางภาษาจาก A1 เป็น A2 นั้น ควรฝึกภาษาเป็นเวลา ๑๐๐-๑๕๐ ช่ัวโมง อย่าง ตอ่ เนอื่ ง จากนนั้ ใหท้ า่ นกา หนดกจิ กรรมทจ่ี ะฝกึ ภาษาจาก


ตาราเรียนต่าง ๆ ในระดับที่เหมาะสมกับตนเองดังที่ได้ กล่าวไปแล้วใน ๓.๑ ท่านสามารถเลือกใช้ตาราเรียน ภาษาอังกฤษสาหรับกาหนดกิจกรรมการพัฒนาภาษา อังกฤษตามระดับของกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR เช่น Evolve ซ่ึงมีทั้งบทเรียนออนไลน์ท่ีมากับตารา เป็นต้น หรืออาจจะเลือกฝึกฝนผ่านสื่อประเภทแอปพลิเคชัน ทมี่ อี ยมู่ ากมาย ทง้ั ทม่ี คี า่ ใชจ้ า่ ยและไมม่ คี า่ ใชจ้ า่ ย ผเู้ ขยี น แนะนาให้ท่านสารวจบทเรียนภาษาอังกฤษในเว็บไซต์ ของสา นกั พมิ พ์ Cambridge University Press ตามลงิ ค์ cambridgenglish.org ที่มีการรวบรวมเกม และ แอปพลิเคชันสาหรับฝึกภาษาอังกฤษที่มีการจัดระดับ ไว้ตามกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR นอกจากนี้ท่านยัง สามารถตดิ ตามสอื่ ออนไลนใ์ น YouTube และ Facebook ซึ่ง ศภษ.ยศ.ทร. ได้จัดสร้างขึ้นสาหรับท่านที่มีระดับ ความสามารถทางภาษาสูงกว่าระดับท่ีกองทัพเรือ คาดหวังไว้ ขอให้ท่านอย่าหยุดตั้งเป้าหมายที่สูงข้ึน เช่น การสอบชิงทุน IMETP/MSI หลักสูตร Patrol Craft Officer-Coastal (PCO-C) โดยให้ พิจารณาเปรียบเทียบระดับภาษาอังกฤษของตนเอง กับระดับภาษาอังกฤษตามเป้าหมายที่ท่านต้ังไว้ โดยสามารถเทียบคะแนนสอบของการสอบตาม เป้าหมายผ่านการพิจารณาตามกรอบอ้างอิงทางภาษา CEFR เทียบกับระดับทางภาษาที่ท่านได้รับ เพ่ือใช้เป็น แนวทางในการพัฒนาภาษาต่อไปได้อย่างเป็นมาตรฐาน
๓.๓ สร้างแรงจูงใจในการเรียนภาษา
ทัศนคติที่ดีต่อการเรียนภาษาอังกฤษสาคัญ อย่างมากต่อพัฒนาการเรียนรู้ทางภาษา (Dahmardeh, M., & Hunt, M., 2012; Mao, Z., 2011) ผู้เรียนภาษา ทฝ่ี กึ ฝนภาษาดว้ ยความสนกุ สนานจะมพี ฒั นาการในการ เรยี นรภู้ าษาท่ี ๒ ไดด้ กี วา่ ผเู้ รยี นทถี่ กู บงั คบั เนอ่ื งจากสมอง ของมนุษย์จะเปิดรับการเรียนรู้ได้มากขึ้นเม่ือมีแรงจูงใจ และไมม่ กี ารปดิ กนั้ มกี ารวจิ ยั ดา้ นจติ วทิ ยาและการเรยี นรู้ รองรับข้อมูลว่า ทัศนคติท่ีดีจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ในการพฒั นาภาษา ทา ใหเ้ กดิ ความตอ่ เนอ่ื งในการฝกึ ฝน ภาษา การสร้างแรงจูงใจในการเรียนมีได้หลายรูปแบบ
ในบทความนี้ผู้เขียนแนะนาให้ท่านสร้างบรรยากาศใน การเรียนภาษาในแบบท่ีท่านชอบหรือสนใจ ให้สังเกต ว่าท่านชอบทากิจกรรมใดที่ต้องใช้ภาษา เช่น ถ้าชอบ ชมภาพยนตร์ ก็ให้ใช้ประโยชน์จากความชอบนี้ด้วย การเรียนภาษาอังกฤษจากภาพยนตร์ การฝึกฝนการใช้ ภาษาเพ่ือทากิจกรรมที่ท่านสนใจชอบทา อยากติดตาม ก็จะเกิดเป็นโอกาสในการฝึกฝนท่ีเพ่ิมมากข้ึนจน กลายเป็นการฝึกฝนที่ต่อเน่ืองข้ึนได้
การปรับเปล่ียนสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวให้เป็นภาษา องั กฤษ (Incorporating English in your everyday life) จัดเป็นการสร้างโอกาสในการสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิต ประจา วนั ทา่ นสามารถสรา้ งสงิ่ แวดลอ้ มทเี่ ออื้ ตอ่ การพฒั นา ทกั ษะการสอื่ สารทงั้ ๔ ได้ เชน่ การสรา้ งสง่ิ แวดลอ้ มสา หรบั การฟงั เชน่ เปลยี่ นมาชมภาพยนตรด์ ว้ ยเสยี งภาษาองั กฤษ แทนที่จะชมภาพยนตร์ที่มีเสียงภาษาไทย สิ่งแวดล้อม สา หรบั การพดู เชน่ การหาเพอ่ื นตา่ งชาตพิ ดู คยุ อาจผา่ น ทางแอปพลเิ คชนั ตา่ ง ๆ การอดั เสยี งตนเองพดู ภาษาองั กฤษ แล้วทดลองฟังตนเองดู ส่ิงแวดล้อมสาหรับการอ่าน เช่น การเปลี่ยนโหมด (mode) เคร่ืองมือสื่อสารต่าง ๆ เช่น มอื ถอื คอมพวิ เตอร์ ใหเ้ ปน็ ภาษาองั กฤษ สงิ่ แวดลอ้ มสา หรบั การเขียน เช่น การเขียนคอมเมนท์ในเฟสบุ๊กเป็นภาษา องั กฤษ เขยี นบลอ๊ ก (blog) หรอื บนั ทกึ ประจา วนั เปน็ ภาษา อังกฤษ เป็นต้น เมื่อท่านได้ใช้ชีวิตประจาวันโดยมีภาษา อังกฤษอยู่รอบ ๆ ตัวในชีวิตประจาวัน ท่านจะเกิดความ เคยชนิ ในการใชภ้ าษาองั กฤษเพอื่ ทา กจิ กรรมตา่ ง ๆ สา หรบั สื่อสารในชีวิตประจาวัน ซ่ึงจะช่วยให้การพัฒนาภาษา อังกฤษของท่านเป็นไปได้อย่างเป็นธรรมชาติมากย่ิงข้ึน
แนวทางท่ีผู้เขียนแนะนานี้ ได้ประยุกต์จากกรอบ อ้างอิงทางภาษา CEFR มาใช้เป็นแนวทางสาหรับการ พฒั นาภาษา หากเปรยี บเทยี บกบั การเดนิ ทางไปยงั เสน้ ชยั ก็เสมือนว่าท่านได้ออกเดินทางสู่หนทางของการพัฒนา ภาษาองั กฤษโดยมแี ผนทน่ี า ทางทชี่ อ่ื วา่ CEFR เพอื่ ชว่ ยให้ ทา่ นไดก้ า้ วเดนิ ไปขา้ งหนา้ โดยไมห่ ลงทศิ ทางและรตู้ า แหนง่ ของตนเอง ผเู้ ขยี นหวงั วา่ ทา่ นจะไดน้ า ผลการสอบ NEPT มาใช้เป็นแนวทางในการสร้างความเข้าใจในระดับภาษา
นาวิกศาสตร์ 37 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๙ กันยายน ๒๕๖๔


อังกฤษของตนเอง ได้วางเป้าหมายในการพัฒนาภาษา อังกฤษตามระดับทางภาษาที่เหมาะสมกับตนเอง และ หมั่นกระตุ้นเติมไฟในตนเองด้วยการฝึกฝนภาษา ด้วยกิจกรรมท่ีมีความสนใจ และมีความเคยชิน การสอบ NEPT จัดได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สาคัญใน การพัฒนาภาษาอังกฤษสาหรับกาลังพลกองทัพเรือ ขอให้ท่านได้ใช้ประโยชน์จากการสอบในครั้งนี้เพ่ือพัฒนา ภาษาอังกฤษของตนเองอย่างจริงจัง ไม่ใช่สอบเพียงเพ่ือ หวงัผลลพัธท์เี่ปน็ตวัเลขโดยไมส่นใจวธิกีารทไี่ดค้ะแนนมา เช่น การให้ผู้อื่นทาข้อสอบแทนตนเอง หรือแชร์คาตอบ กับเพ่ือนเป็นหมู่คณะ เพื่อได้คะแนนสูงกว่าเกณฑ์ที่ กองทัพเรือกาหนด ถ้าท่านหวังผลเพียงเท่าน้ีเท่ากับว่า
อ้างอิง
ทา่ นไมไ่ ดพ้ ฒั นาภาษา และยงั เปน็ การถอยหลงั สคู่ วามกลวั และความไม่ม่ันใจในตนเอง ขอให้ท่านได้เริ่มต้นเส้นทาง การพัฒนาภาษาอังกฤษท่ีเป็นรูปธรรมด้วยการสอบ NEPT และเรียนรู้ที่จะมีความสุขในการพัฒนาตนเอง ตามความความเป็นจริง ตามความสามารถที่มี ไม่ได้จากการสร้างภาพลวง หรือหลอกตนเอง แต่เริ่มต้น ดว้ ยการยอมรบั ในสงิ่ ทตี่ นมอี ยู่ ดงั ที่ Jim Rohn นกั ธรุ กจิ ชาวอเมริกันผู้สร้างแรงบันดาลใจจนเป็นท่ีโด่งดัง ไปทั่วโลกได้กล่าวไว้ว่า“Learntobehappywith what you have while you pursue what you want” (จงมคี วามสขุ กบั สงิ่ ทมี่ ี ขณะไขวค่ วา้ ในสงิ่ ทคี่ ณุ ตอ้ งการ”)
ALTE, L. P. (2011). Manual for Language Test Development and Examining for the Use with CEFR. Strasboug: ALTE on behalf of the Council of Europe.
Alderson, Charles J. 2012. Principles and practice in language testing: compliance or conflict? Presentation at TEA SIG Conference: Innsbruck
DLI (2021, April 16). American Language Course Placement Test. Retrieved from American Language Course Placement Test HANDBOOK:https://www.dlielc.edu/testing/ALCPT_
Handbook.pdf
Europe, C. o. (2020, November 21). Relating Language Examinations to the 'Common European
Framework of Reference for Languages: Learning, Teaching, Assessment' (CEFR).
Graddol, D. (1997). The Future of English?: A Guide to Forcasting the popularity of the English
Language in the 21st Century. The English Company (UK) Ltd.
นาวิกศาสตร์ 38 ปีท่ี ๑๐๔ เล่มท่ี ๙ กันยายน ๒๕๖๔


บทเรียนจากเหตุการณ์อุบัติเหตุเรือดาน้า
KRI Nanggala ของอินโดนีเซีย
เมื่อช่วงสายของวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ โทรศัพท์และอีเมลของสมาชิกของหน่วยงานประสาน การหนีภัย และช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้านานาชาติ หรือ ISMERLO (International Submarine Escape and Rescue Liaison Office) ได้มีข้อความแจ้งเตือน “Real Alert” ว่าเรือดาน้า KRI Nanggala ของอินโดนีเซีย ไดข้ าดการตดิ ตอ่ ไปและเปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ของความพยายาม ของนานาชาติในการค้นหา และช่วยเหลือเรือดาน้าของ อินโดนีเซีย
กล่าวนา
เรือดาน้าเป็นยานรบที่ปฏิบัติการในพ้ืนที่ใต้น้า ทเี่ ปน็ อนั ตรายตอ่ ตวั เรอื และชวี ติ ของกา ลงั พลประจา เรอื อยู่ตลอดเวลา และถึงแม้ว่าการปฏิบัติการเรือดาน้าจะมี มาตรฐาน และมาตรการความปลอดภัยหลายช้ันท่ีช่วย ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในเรือดาน้าให้มีขึ้นไม่บ่อยนัก แต่เมื่อเรือดาน้าประสบอุบัติเหตุก็มักจะมีความรุนแรง ทสี่ ง่ ผลตอ่ ชวี ติ ของกา ลงั พลประจา เรอื ทงั้ ลา เชน่ อบุ ตั เิ หตุ เรอื ดา นา้ ARA San Juan ของอารเ์ จนตนิ าเมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ และล่าสุดคืออุบัติเหตุเรือดาน้า KRI Nanggala ของ อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอุบัติเหตุเรือดาน้าร้ายแรงครั้งแรก ท่ีเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลาดับเหตุการณ์สาคัญ
เม่ือวันท่ี ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เวลา ๐๙๓๗ ในประเทศไทย กองทัพเรืออินโดนีเซียได้แจ้ง Alert
นาวาโท สุระ บรรจงจิตร
ในเว็บไซต์ ISMERLO ว่าเรือดาน้า KRI Nanggala ขาดการตดิ ตอ่ ไปในบรเิ วณทะเลบาหลี และตอ่ มาในเวลา ๑๑๐๘ ได้รับการยืนยันว่าเป็นเหตุการณ์จริงท่ีต้องการ ความชว่ ยเหลอื จากนานาชาติ โดยเรอื ดา นา้ KRI Nanggala ติดต่อได้เป็นครั้งสุดท้ายในระหว่างเตรียมการฝึก ยิงตอร์ปิโดในทะเลบาหลีเมื่อเวลา ๐๓๐๐ ของวันท่ี ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ในบริเวณความลึกน้าประมาณ ๘๐๐ เมตร และต่อมามีรายงานว่าพบคราบน้ามันใน บริเวณ Datum ท่ีเรือดาน้าขาดการติดต่อไปคร้ังสุดท้าย แตย่ งั ไมส่ ามารถยนื ยนั ไดว้ า่ มคี วามเกยี่ วขอ้ งกบั เรอื ดา นา้ KRI Nanggala ที่ขาดการติดต่อไปหรือไม่
ภายในเวลาไม่ก่ีชั่วโมงหลังจากการแจ้ง Alert ของ I S M E R L O ก เ็ ร มิ ่ ม กี า ร เ ส น อ ค ว า ม ช ว่ ย เ ห ล อื จ า ก น า น า ช า ต ิ โดยความช่วยเหลือแรกเป็นข้อมูลสมุทรศาสตร์ และ พยากรณ์อากาศในบริเวณท่ีเกิดเหตุล่วงหน้า ๒๔ ช่ัวโมง จากศูนย์ข้อมูลสมุทรศาสตร์ และศูนย์อุตุนิยมวิทยา ของกองทพั เรอื สหรฐั อเมรกิ า ตามดว้ ยกองทพั เรอื สงิ คโปร์ ที่ส่งเรือกู้ภัยเรือดาน้า MV Swift Rescue พร้อมด้วย ยานกภู้ ยั เรอื ดา นา้ จากฐานทพั เรอื Changiและกองทพั เรอื มาเลเซียที่ส่งเรือกู้ภัยเรือดาน้า MV Mega Bakti จาก ฐานทัพเรือ Kota Kinabalu ภายในคืนวันเดียวกัน
ตอ่ มาในวนั ท่ี๒๒เมษายนพ.ศ.๒๕๖๔กองทพั เรอื อนิ เดยี ไดส้ ง่ เรอื กภู้ ยั เรอื ดา นา้ SCI Sabarmati พรอ้ มดว้ ย ยานกู้ภัยเรือดาน้าจากฐานทัพเรือ Visakhapatnam และกองทพั เรอื อนิ โดนเี ซยี ไดร้ ะดมกา ลงั คน้ หาในบรเิ วณ Datum ประกอบด้วยเรือผิวน้า ๒๑ ลา เรือดาน้า ๑ ลา
นาวิกศาสตร์ 39 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


และเรอื ตา รวจนา้ ๔ ลา แตย่ งั ไมพ่ บเรอื ดา นา้ KRI Nanggala และในวันท่ี ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เรือสารวจ สมุทรศาสตร์ KRI Rigel ของกองทัพเรืออินโดนีเซีย ได้เดินทางถึงบริเวณที่เกิดเหตุเพ่ือทาการค้นหาด้วย Multi - Beam Echosounder ทส่ี ามารถสา รวจและคน้ หา บริเวณพ้ืนใต้ท้องทะเลได้อย่างละเอียด กับกองทัพเรือ ออสเตรเลียได้ส่งเรือฟริเกตHMASBallaratและ เรือส่งกาลังบารุง HMAS Sirius ที่ปฏิบัติการอยู่ใน บริเวณใกล้เคียงไปร่วมปฏิบัติการค้นหา
การค้นหาดาเนินต่อเนื่องไปถึงวันที่สาม คือ วันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งความหวังในการช่วยเหลือ กาลังพลประจาเรือดาน้า KRI Nanggala ลดน้อยลง เรื่อย ๆ เนื่องจากข้อมูลจากกองทัพเรืออินโดนีเซียระบุว่า เรือดาน้า KRI Nanggala มีอากาศหายใจสารองในกรณี ฉุกเฉินได้ ๗๒ ชั่วโมง หรือ ๓ วัน และในวันเดียวกัน ได้แถลงข่าวการพบเศษวัตถุลอยน้าที่คาดว่าจะเป็น ชิ้นส่วนจากเรือดาน้า KRI Nanggala ประกอบด้วย ชน้ิ สว่ นพลาสตกิ HDPE ของระบบทอ่ ตอรป์ โิ ด ขวดจาระบี เศษผ้า ฟองน้าหุ้มท่อ และคราบน้ามันในบริเวณ ใกล้เคียงกับ Datum
ในวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งเข้าสู่วันท่ีส่ี ของการค้นหาเรือสารวจ KRI Rigel ได้ตรวจพบเป้า ใต้น้าท่ีคาดว่าจะเป็นซากเรือดาน้า KRI Nanggala ที่ความลึกประมาณ ๘๔๐ เมตร ใกล้กับจุด Datum และ ได้ทาการยืนยันว่าเป็นซากเรือดาน้า KRI Nanggala ด้วยกล้องวีดีโอจากยาน ROV ของเรือกู้ภัยเรือดาน้า MVSwiftRescueทเี่พงิ่เดนิทางถงึพน้ืท่ีโดยตวัเรอืดานา้ KRI Nanggala ได้ยุบตัวและแยกเป็น ๓ ส่วน เน่ืองจาก แรงกดใต้น้าท่ีมากเกินกว่าความลึก Collapse Depth ท่ีโครงสร้างตัวเรือจะทนได้
ภาพซากเรือดาน้า KRI Nanggala จากยาน ROV ของเรือกู้ภัยเรือดาน้า MV Swift Rescue
เศษวัตถุลอยน้าที่เป็นชิ้นส่วนของเรือดาน้า KRI Nanggala ในการแถลงข่าวของ กองทัพเรืออินโดนีเซีย
นาวิกศาสตร์ 40 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


หลงั จากพบซากเรอื ดา นา้ KRINanggalaกองทพั เรอื จนี ได้ส่งเรือจานวน ๓ ลา ไปช่วยกู้ซากเรือ ประกอบด้วย เรือกู้ภัยเรือดาน้า Yongxingdao เรือลากจูงขนาดใหญ่ Nantuo และเรือสารวจสมุทรศาสตร์ Tan Suo Er Hao โดยมีขีดความสามารถสาคัญ คือ ยานกู้ภัยเรือดาน้าที่ สามารถปฏบิ ตั กิ ารไดถ้ งึ ความลกึ ๓๐๐ เมตร บนเรอื กภู้ ยั เรอื ดา นา้ Yongxingdao และยานสา รวจใตน้ า้ ทสี่ ามารถ ปฏิบัติการได้ถึงความลึก ๑๐,๐๐๐ เมตร บนเรือสารวจ Tan Suo Er Hao ซ่ึงจีนเป็นเพียงประเทศเดียวที่ไม่ได้ เสนอความช่วยเหลือผ่านช่องทาง ISMERLO แต่เสนอ ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตจีนประจากรุงจาการ์ตา และในขณะทก่ี า ลงั เขยี นบทความนเี้ รอื ทงั้ ๓ ลา เดนิ ทาง ไปถึงพ้ืนที่เกิดเหตุแล้วประมาณ ๑ สัปดาห์
อ บุ ตั เิ ห ต เุ ร อื ด า น า ้ K R I N a n g g a l a ถ อื เ ป น็ ก า ร ส ญู เ ส ยี ท่ีสาคัญของอินโดนีเซียในระดับประเทศ ไม่ใช่แค่เพียง ระดับกองทัพเรืออินโดนีเซีย โดยประธานาธิบดี Joko Widodoไดแ้ ถลงขา่ วความพยายามการคน้ หาและชว่ ยเหลอื เรอื ดา นา้ KRI Nanggala ทางโทรทศั นใ์ นวนั ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมทงั้ ไดก้ ลา่ วแสดงความเสยี ใจ และพบกบั ญาตขิ องกา ลงั พลผเู้ สยี ชวี ติ ดว้ ยตวั เองในวนั ที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ นอกจากน้ี กองทัพเรืออินโดนีเซียยังได้ มอบรางวัลสดุดีกาลังพลผู้เสียชีวิต และเลื่อนยศให้เป็น กรณีพิเศษในวันเดียวกัน กับได้จัดพิธีไว้อาลัยในบริเวณ ทเี่กดิ เหตใุนทะเลบาหลใีนวนั ท่ี๓๐เมษายนพ.ศ.๒๕๖๔ โดยมีญาติของกาลังพลผู้เสียชีวิตเข้าร่วมพิธีประมาณ ๑๕๐ คน
สรุปความช่วยเหลือจากนานาชาติ
เรือดาน้าที่ประสบอุบัติเหตุใต้น้า ถือเป็นเหตุการณ์ ร้ายแรงที่ยากต่อการค้นหาและช่วยเหลือ อีกทั้งโอกาส ในการอยู่รอดของกาลังพลประจาเรือจะลดลงเรื่อย ๆ เมอื่ เวลาผา่ นไป ทา ใหก้ ารคน้ หาและชว่ ยเหลอื กภู้ ยั เรอื ดา นา้ ที่ประสบอุบัติเหตุเป็นปฏิบัติการที่แข่งกับเวลา และต้อง ใช้ความพยายามร่วมกันของนานาชาติ โดยหน่วยงาน ISMERLO ต้ังขึ้นเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๔๖ หลังจากเหตุการณ์
ประธานาธิบดี Joko Widodo แสดงความเสียใจกับญาติของกาลังพลผู้เสียชีวิตด้วยตัวเอง
อุบัติเหตุเรือดาน้า Kursk ของรัสเซีย มีหน้าท่ีรวบรวม ข้อมูล และประสานความช่วยเหลือจากนานาชาติเม่ือ เรือดาน้าประสบอุบัติเหตุ ปัจจุบันมีประเทศสมาชิก ทั่วโลกมากกว่า ๔๐ ประเทศ และไทยก็เป็นหนึ่งใน ประเทศสมาชิก ISMERLO ด้วย
หน่วยงาน ISMERLO เป็นช่องทางหลักในการประสาน ความช่วยเหลือเรือดาน้าจากนานาชาติ
เหตุการณ์อุบัติเหตุเรือดาน้า KRI Nanggala มี การระดมความช่วยเหลือจากนานาชาติผ่านหน่วยงาน ISMERLO ประกอบด้วย กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา สนับสนุนข้อมูลสภาพแวดล้อมใต้น้า พยากรณ์อากาศ ๒๔ ชวั่ โมง แผนภาพการคน้ หาและชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั (SAR Plot) ขอ้ มลู การคน้ หาจากระบบตรวจจบั ใตน้ า้ ของ COMSUBPAC และส่งเคร่ืองบินตรวจการณ์ P-8A ร่วมการค้นหา กองทัพเรือสิงคโปร์ส่งเรือกู้ภัยเรือดาน้า MV Swift Rescue กองทัพเรือมาเลเซียส่งเรือกู้ภัย เรอื ดา นา้ MV Mega Bakti กองทพั เรอื อนิ เดยี สง่ เรอื กภู้ ยั
นาวิกศาสตร์ 41 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


เรือดาน้า SCI Sabarmati กองทัพเรือออสเตรเลีย ส่งเรือฟริเกต HMAS Ballarat และเรือส่งกาลังบารุง HMAS Sirius และกองทัพเรืออังกฤษเสนอชุดช่วยเหลือ กู้ภัยเรือดาน้าทางอากาศ หรือ SPAG (Submarine Parachute Assistance Group) กับชุดที่ปรึกษา การหนีภัยและช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้า หรือ SMERAT (Submarine Escape and Rescue Advisory Team) ซึ่งเป็นชุดเดียวกับท่ีถูกส่งไปเตรียมพร้อมท่ีหมู่เกาะ ฟอลก์ แลนดใ์ นเหตกุ ารณอ์ บุ ตั เิ หตเุ รอื ดา นา้ ARA San Juan ของอาร์เจนตินา
เรือกู้ภัยเรือดาน้า MV Swift Rescue ของสิงคโปร์
ของบริษัท JFD (James Fisher Defence) และ ชดุ แพทยเ์ วชศาสตรใ์ ตน้ า้ กบั แพทยส์ นามของกองทพั เรอื สิงคโปร์ ปฏิบัติการภายใต้การควบคุมโดยชุดควบคุม ของกองทพั เรอื สงิ คโปร์
เรือกู้ภัยเรือดาน้า MV Mega Bakti ของมาเลเซีย ไมม่ ยี านกภู้ ยั เรอื ดา นา้ ตดิ ตงั้ ประจา ท่ี แตอ่ อกแบบรองรบั ระบบช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้า SRDRS (Submarine Rescue Diving and Recompression System) ของกองทพั เรอื สหรฐั อเมรกิ า ซงึ่ เปน็ ระบบชว่ ยเหลอื กภู้ ยั เรือดาน้าแบบเคลื่อนย้ายทางอากาศไปติดตั้งบนเรือแม่
เรือกู้ภัยเรือดาน้า MV Mega Bakti ของมาเลเซีย
เรอื กภู้ ยั เรอื ดา นา้ MV Swift Rescue ของสงิ คโปร์ ตดิ ตงั้ ระบบชว่ ยเหลอื กภู้ ยั เรอื ดา นา้ แบบประจา ที่ (ตดิ ตง้ั ถาวรบนเรือ) ประกอบด้วย ยานกู้ภัยเรือดาน้า DSAR6 ยาน ROV และหอ้ งปรบั ความดนั บรรยากาศพรอ้ มระบบ เคลื่อนย้ายผู้ป่วยภายใต้ความกด (Transfer Under Pressure–TUP) มีลักษณะเป็นสัญญาเช่าระยะยาว ๒๐ ปี จากเอกชน ใช้ลูกเรือของบริษัท Swire Pacific Offshore รว่ มกบั เจา้ หนา้ ทรี่ ะบบชว่ ยเหลอื กภู้ ยั เรอื ดา นา้
นาวิกศาสตร์ 42 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
ในบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ เรือกู้ภัย MV Mega Bakti ติดตั้ง ระบบระบายอากาศสา หรบั เรอื ดา นา้ (Distressed Submarine Ventilation Depressurization System – DSVDS) ระบบทุ่นแสดงตาบลที่ใต้น้า (GPS Intelligent Buoy System – GIBS) ระบบส่งเสบียงและอุปกรณ์การดารง ชีวิตฉุกเฉินให้กับเรือดาน้า (Emergency Life Support Supplies – ELSS) ยาน Intervention ROV และห้อง ปรับความดันบรรยากาศพร้อมระบบ TUP มีลักษณะ
เรือกู้ภัยเรือดาน้า SCI Sabarmati ของอินเดีย


เป็นสัญญาเช่าระยะยาว ๑๐ ปีจากเอกชน และใช้ลูกเรือ เอกชนภายใต้การควบคุมของกองทัพเรือมาเลเซีย ในลกั ษณะเดยี วกบั เรอื กภู้ ยั เรอื ดา นา้ MV Swift Rescue ของสิงคโปร์
เรือกู้ภัยเรือดาน้า SCI Sabarmati ของอินเดีย ติดต้ังระบบช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้าแบบเคลื่อนย้ายทาง อากาศ 3rd Generation Submarine Rescue System ของกองทัพเรืออินเดีย ประกอบด้วย ยานกู้ภัยเรือดาน้า SRVยานROVและหอ้ งปรบั ความดนั บรรยากาศมจี ดุ เดน่ ตรงทร่ี ะบบชกั หยอ่ นยานกภู้ ยั เรอื ดา นา้ กบั หอ้ งปรบั ความดนั บรรยากาศถกู ออกแบบใหท้ า งานรว่ มกนั เปน็ ระบบ TUP ในตัวเพื่อช่วยลดขนาดของระบบ โดยกาลังพลของ กองทัพเรืออินเดียเป็นผู้ใช้งานระบบช่วยเหลือกู้ภัย เรือดาน้าเอง แต่ทาสัญญาเช่าเรือแม่จากเอกชน
ยงิ ตอรป์ โิ ด เนอื่ งจากหากมกี ารระเบดิ จรงิ กค็ วรจะตรวจพบ ได้จากเรือร่วมการฝึกในบริเวณใกล้เคียง
Aaron Amick อดีตนักเรือดาน้าของกองทัพเรือ สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเรือดาน้า อิสระ และเจ้าของช่องยูทูบ Sub Brief (https://www. youtube.com/c/subbrief) ได้สรุปรูปแบบการเกิด อบุ ตั เิ หตใุ นเรอื ดา นา้ ทเ่ี ปน็ ไปได้ ประกอบดว้ ย ความผดิ พลาด ในการเตรียมการดา น้ารั่วเข้าเรือ ไฟไหม้ การสูญเสีย พลังงาน และการสูญเสียการควบคุมเรือ ซึ่งการที่ ภายในเรือดาน้าเป็นระบบปิดอย่างสมบูรณ์ภายใต้ สภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย ส่งผลให้การเกิดอุบัติเหตุ อยา่ งหนงึ่ นา ไปสอู่ บุ ตั เิ หตอุ นื่ ไดง้ า่ ย และการเกดิ อบุ ตั เิ หตุ ในเรอื ดา นา้ จะมผี ลรา้ ยแรง และแกไ้ ขไดย้ ากกวา่ อบุ ตั เิ หตุ รูปแบบเดียวกันในเรือผิวน้า
ระบบ 3rd Generation Submarine Rescue System ของกองทัพเรืออินเดีย
รูปแบบการเกิดอุบัติเหตุในเรือดาน้า
เหตกุ ารณอ์ บุ ตั เิ หตเุ รอื ดา นา้ KRI Nanggala ยงั ไมม่ ี ข้อมูลแน่ชัดว่าเกิดขึ้นจากเหตุใด และกาลังอยู่ระหว่าง การตรวจสอบหาสาเหตุโดยกองทัพเรืออินโดนีเซีย แตก่ อ็ าจทา ไดย้ ากเนอื่ งจากไมม่ ผี รู้ อดชวี ติ จากเหตกุ ารณ์ เลย และซากเรือดาน้าอยู่ที่ความลึกมากกว่า ๘๐๐ เมตร ทาให้การตรวจสอบซากเรือ หรือการกู้ซากเรือข้ึนจาก ใต้น้าไม่ใช่เร่ืองง่าย มีเพียงการคาดการณ์จากฝ่ายต่าง ๆ บนพนื้ ฐานของขอ้ มลู เทา่ ทม่ี ี เชน่ อาจเกดิ จากการสญู เสยี พลังงาน (Black Out) ของเรือดาน้า ทั้งนี้ กองทัพเรือ อนิ โดนเี ซยี ยนื ยนั วา่ ไมม่ กี ารระเบดิ ในระหวา่ งการเตรยี มฝกึ
สรุปรูปแบบการเกิดอุบัติเหตุในเรือดาน้า โดย Aaron Amick
รูปแบบแรกของการเกิดอุบัติเหตุในเรือดาน้า คือ ความผดิ พลาดในการเตรยี มการดา ซง่ึ ในขน้ั ตอนนจ้ี ะเปน็ ขั้นตอนสาคัญ การปิดล้ินและท่อทางทั้งหมดเพ่ือให้ เรือดาน้าอยู่ในสถานะผนึกน้าพร้อมท่ีจะทาการดา ที่ต้องมีการตรวจสอบทั้งก่อนทาการดา และหลังจาก ดา ลงใตน้ า้ แลว้ และหากเกดิ ความบกพรอ่ ง หรอื ผดิ พลาด ในการปฏบิ ตั ิ หรอื การตรวจสอบในขน้ั ตอนนกี้ จ็ ะนา ไปสู่ อุบัติเหตุในรูปแบบอื่นได้
รปู แบบตอ่ มาคอื นา้ รว่ั เขา้ เรอื ซงึ่ อาจเกดิ จากความ บกพร่องของขั้นตอนเตรียมการดา การชารุดเสียหาย ของอุปกรณ์ในเรือ เช่น ท่อทางต่าง ๆ และเหตุการณ์ เรือโดนกัน ปัญหาแรกจากอุบัติเหตุน้าร่ัวเข้าเรือคือ
นาวิกศาสตร์ 43 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


จะทา ใหน้ า้ หนกั เรอื ดา นา้ เพมิ่ ขน้ึ และสญู เสยี สมดลุ นา้ หนกั สง่ ผลใหเ้ รอื ดา นา้ จมลง และเมอื่ เรอื ดา นา้ จมลงทค่ี วามลกึ มากขึ้นก็จะยิ่งมีแรงดันน้าจากภายนอกตัวเรือสูงข้ึน ไปด้วย นอกจากนี้น้าทะเลท่ีร่ัวเข้าเรือยังมีโอกาสสูงมาก ทจี่ ะไหลลงไปในหอ้ งแบตเตอร่ี ซงึ่ เปน็ หอ้ งตา่ สดุ ภายในเรอื ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไฟไหม้ และการสูญเสีย พลังงาน เหตุการณ์ทั้งหมดน้ีจะเกิดข้ึนไล่เลี่ยกันภายใน เวลาไมก่ นี่ าที ทา ใหก้ ารแกป้ ญั หาเปน็ ไปไดย้ ากมาก และ จากประสบการณ์ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาพบว่า เหตุการณ์ไฟไหม้ในเรือดาน้าจะทาให้ภายในตัวเรือ เต็มไปด้วยควันพิษภายในเวลาประมาณ ๑ นาที
เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ จะสง่ ผลตอ่ เนอ่ื ง ไปยังการสูญเสียการควบคุมเรือทาให้ไม่สามารถข้ึนสู่ ผิวน้า และรักษาแรงลอยตัวของเรือดาน้าไว้ได้ และ นักเรือดาน้าจะต้องถูกฝึกให้สามารถแก้ปัญหาดังกล่าว ได้อย่างรวดเร็วภายในสภาพแวดล้อมท่ีมีความสับสน ไม่มีแสงสว่าง และเต็มไปด้วยควันพิษ ก่อนที่เรือดาน้า จะจมลงไปถงึ ความลกึ CollapseDepthรวมทงั้ เรอื ดา นา้ จะต้องมีอุปกรณ์ และมาตรการความปลอดภัยหลายชั้น
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ และเพื่อแก้ไขเมื่อเกิด อุบัติเหตุขึ้นแล้ว ก่อนจะไปถึงข้ันสุดท้ายในการออก จากเรือในกรณีท่ีไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้
สรุป และบทเรียน
เรอื ดา นา้ ถกู ออกแบบใหซ้ อ่ นพรางใตน้ า้ และตรวจจบั ไดย้ าก ดงั นนั้ การคน้ หาเรอื ดา นา้ ทป่ี ระสบเหตฉุ กุ เฉนิ อยู่ ใต้น้าจึงทาได้ยากด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้โซนาร์ ปราบเรือดาน้าที่ออกแบบสาหรับการค้นหาเรือดาน้า ทดี่ า อยใู่ ตน้ า้ อาจไมเ่ หมาะกบั การคน้ หาเรอื ดา นา้ ทจ่ี มอยู่ บนพน้ื ใตน้ า้ ซงึ่ ควรใชอ้ ปุ กรณค์ น้ หาและสา รวจพนื้ ใตน้ า้ เชน่ Side Scan Sonar และ Multi - Beam Echosounder มากกวา่นอกจากนสี้ภาพแวดลอ้มใตน้า้ทมี่คีวามซบัซอ้น ยังทาให้มีโอกาสพบเป้าท่ีเป็น False Alarm ได้ ตัวอย่าง เช่น ในการค้นหาเรือดาน้า KRI Nanggala ในสภาวะ ทะเลเรียบ คลื่นลมสงบ ก็ยังพบเป้าที่เป็น False Alarm บ่อยคร้ัง
ในส่วนของระบบช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้า ปัจจุบัน มีประเทศที่มีเรือดาน้ากว่า ๔๐ ประเทศท่ัวโลก
แนวคิดความปลอดภัยเรือดาน้าคือการป้องกัน และแก้ไขเหตุฉุกเฉิน ก่อนจะออกจากเรือเป็นวิธีสุดท้าย
นาวิกศาสตร์ 44 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


ในจานวนนี้มีประเทศท่ีมีระบบช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้า อย่างสมบูรณ์เต็มระบบประมาณ๑๐ประเทศส่วน ประเทศท่ีเหลือจะมีมาตรการอื่น เช่น การเป็นสมาชิก หน่วยงาน ISMERLO กับการมีความร่วมมือกับ ต่างประเทศที่มีระบบช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้า และ ความร่วมมือนี้จะรวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อ เตรียมปฏิบัติการช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้าก่อนจะเกิด เหตกุ ารณจ์ รงิ ซงึ่ อนิ โดนเี ซยี มคี วามรว่ มมอื ในการชว่ ยเหลอื กู้ภัยเรือดาน้ากับสิงคโปร์ ช่วยให้เรือกู้ภัยเรือดาน้า MV Swift Rescue ของสิงคโปร์สามารถออกเดินทาง ได้ภายใน ๖ ชั่วโมง หลังได้รับแจ้ง นอกจากน้ีประเทศ ท่ีมีระบบช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้าเป็นของตัวเองก็ยังคง ต้องมีความร่วมมือในการช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้ากับ ต่างประเทศ เน่ืองจากเรือกู้ภัย และยานกู้ภัยเรือดาน้า ยังคงต้องมีวงรอบการฝึก และการซ่อมบารุงที่ทาให้ ไม่สามารถดารงความพร้อมในการออกปฏิบัติการได้ ตลอดเวลา และความไม่พร้อมของระบบช่วยเหลือกู้ภัย เรือดาน้าไม่ควรเป็นข้อจากัดในการปฏิบัติการของ เรือดาน้า ทั้งนี้ในพื้นที่ทะเลทั่วโลกมีบริเวณความลึก ท่ีไม่เกินกว่าความลึก Collapse Depth ของเรือดาน้า และสามารถทาการช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้าได้ประมาณ ร้อยละ ๑ เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกประมาณร้อยละ ๙๙ เปน็ บรเิวณความลกึ มากกวา่ CollapseDepthของเรอื ดา นา้ และไม่สามารถทาการช่วยเหลือกู้ภัยได้ อย่างไรก็ดี ความลึกน้ามากท่ีเกินกว่า Collapse Depth ไม่ควรเป็น ข้อจากัดในการปฏิบัติการของเรือดาน้า มิเช่นน้ันแล้ว จะแทบไม่เหลือพื้นที่ให้เรือดาน้าปฏิบัติการเลย
สรุปรูปแบบการเกิดอุบัติเหตุในเรือดาน้า โดย Aaron Amick
นอกจากการช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้าแล้ว ยังมี อกีทางเลอืกในการออกจากเรอืดานา้ทปี่ระสบเหตฉุกุเฉนิ ใต้น้า คือการหนีภัยออกจากเรือดาน้าด้วยตัวเอง ซ่ึง ชุดหนีภัยจากเรือดาน้าตามมาตรฐานปัจจุบันสามารถ ใช้งานได้ถึงความลึก ๑๘๐ เมตร และระบบหนีภัยจาก เรือดาน้ารุ่นใหม่ เช่น ระบบ HABETaS สามารถใช้ หนีภัยจากเรือดาน้าได้ถึงความลึกปฏิบัติการสูงสุดของ เรือดาน้า โดยตัวระบบผ่านการทดสอบการทางานที่ ความดันเท่ากับความลึกใต้น้ามากกว่า ๕๐๐ เมตร ซึ่งในสถานการณ์จริงการหนีภัยจากเรือดาน้ายังคงเป็น วิธีการที่มีความเสี่ยงมากกว่าการรอความช่วยเหลือ จากภายนอก ดังน้ันในการปฏิบัติการของเรือดาน้า ท่ีประสบเหตุฉุกเฉินใต้น้าจะรอความช่วยเหลือจาก ภายนอกก่อน และจะเลือกใช้วิธีการหนีภัยออกจาก เรือดาน้าด้วยตัวเองเม่ือมีเหตุจาเป็นที่ไม่สามารถ รอความช่วยเหลือจากภายนอกได้
สรุปรูปแบบการเกิดอุบัติเหตุในเรือดาน้า โดย Aaron Amick
สรุปบทเรียนในส่วนที่เก่ียวข้องกับกองทัพเรือ ที่กาลังจะมีเรือดาน้าเข้าประจาการในอนาคตอันใกล้ ควรให้ความสาคัญเป็นอันดับแรกในการมีความร่วมมือ กับต่างประเทศที่มีขีดความสามารถในการช่วยเหลือ กู้ภัยเรือดาน้า โดยควรมีความร่วมมือกับต่างประเทศ มากกว่า ๑ ประเทศ เพื่อเป็นการสารองความพร้อม ในกรณีฉุกเฉิน รวมถึงการเตรียมการอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับความร่วมมือกับต่างประเทศ เช่น การรับรอง มาตรฐานการเชื่อมต่อระหว่างเรือดาน้ากับยานกู้ภัย เรือดาน้า หรือ Rescue Seat Certification และในส่วน
นาวิกศาสตร์ 45 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔


ของการเตรียมขีดความสามารถของกองทัพเรือเองควร เน้นไปท่ีการเตรียมเรือแม่รองรับระบบช่วยเหลือกู้ภัย เรือดาน้าแบบเคล่ือนย้ายทางอากาศ ทั้งน้ี ในบางกรณี การใช้ระบบช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้าแบบเคลื่อนย้าย ทางอากาศอาจใช้เวลาเดินทางถึงที่เกิดเหตุน้อยกว่า ระบบชว่ ยเหลอื กภู้ ยั เรอื ดา นา้ แบบตดิ ตงั้ ประจา ทบี่ นเรอื กู้ภัย ขึ้นอยู่กับตาบลท่ีเกิดเหตุ และระยะทางที่เรือกู้ภัย จะต้องเดินทาง เช่น เรือกู้ภัยเรือดาน้าของอินเดียต้องใช้ เวลาเดินทางไปยังที่เกิดเหตุในทะเลบาหลีถึง ๘ วัน
ด้านระบบหนีภัยจากเรือดาน้า เป็นอีกทางเลือก ที่น่าสนใจ และกองทัพเรือควรให้ความสาคัญ เนื่องจาก อุบัติเหตุเรือดาน้าส่วนใหญ่เกิดข้ึนในพ้ืนท่ีใกล้ฝั่ง ในระหว่างการฝึก หรือการเดินทางเข้า-ออกท่าเรือ และ นับเป็นโชคดีที่พื้นท่ีอ่าวไทยออกไปจนถึงทะเลจีนใต้ ตอนล่างเป็นพ้ืนที่น้าต้ืนที่มีความลึกไม่เกิน ๒๐๐ เมตร ซึ่งอยู่ในช่วงความลึกท่ีสามารถใช้ระบบหนีภัยจาก เรือดาน้าได้ แต่ระบบดังกล่าวควรได้รับการปรับปรุงให้ เปน็ ระบบมาตรฐานสากลทสี่ ามารถใชง้ านไดถ้ งึ ความลกึ ๑๘๐ เมตร หรือปรับปรุงเป็นระบบรุ่นใหม่ท่ีใช้งานได้ท่ี ความลกึ มากกวา่ ๒๐๐เมตรในลกั ษณะเดยี วกบั กองทพั เรอื เนเธอร์แลนด์ท่ีปรับปรุงระบบหนีภัยจากเรือดาน้าชั้น Walrus เป็นระบบ HABETaS ซึ่งผู้เขียนใช้คาว่า “ระบบ หนีภัยจากเรือดาน้า” เนื่องจากอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องไม่ใช่ เพียงแค่ชุดหนีภัย แต่ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ในหอหนีภัย (EscapeChamber)ของเรอื ดา นา้ ดว้ ยเชน่ ระบบเตมิ นา้ กับปรับความดัน และระบบเติมอากาศในชุดหนีภัย ซงึ่ อปุ กรณท์ ง้ั ระบบจะตอ้ งทา งานรว่ มกนั และการจดั หา ชุดหนีภัยรุ่นใหม่เพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถรองรับ การใช้งานได้ถึงความลึกตามมาตรฐานได้
บทเรียนสุดท้ายท่ีจะกล่าวถึงคือ การเตรียมภาค เอกชนให้มีความพร้อมในการสนับสนุนกองทัพเรือ เกี่ยวกับขีดความสามารถด้านการหนีภัยจากเรือดาน้า และการชว่ยเหลอืกภู้ยัเรอืดานา้เนอื่งจากขดีความสามารถ ดังกล่าวเป็นงานเฉพาะทางที่ต้องใช้ระยะเวลา และ ความตอ่ เนอ่ื งในการรกั ษาความชา นาญ และภาคเอกชน
นาวิกศาสตร์ 46 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
มีความได้เปรียบที่สามารถปฏิบัติงานเฉพาะทางได้เป็น เวลานาน โดยไม่มีข้อจากัดเรื่องการหมุนเวียนโยกย้าย และการเลอ่ื นยศเลอื่ นตา แหนง่ ซงึ่ มหี ลายประเทศทเ่ี ลอื กใช้ ขีดความสามารถเฉพาะทางของภาคเอกชนในด้านการ หนีภัยจากเรือดาน้า และช่วยเหลือกู้ภัยเรือดาน้าเพ่ือ รกั ษาความชา นาญ และความตอ่ เนอ่ื งขององคค์ วามรู้ เชน่ สิงคโปร์และออสเตรเลีย ใช้การทาสัญญากับภาคเอกชน เปน็ ผใู้ ชง้ าน และบา รงุ รกั ษาระบบชว่ ยเหลอื กภู้ ยั เรอื ดา นา้ รวมถึงเรือกู้ภัยเรือดาน้ากับมาเลเซีย และอินเดียใช้การ ทาสัญญาเช่าเรือกู้ภัยเรือดาน้ากับภาคเอกชน เป็นต้น
ถงึ แมว้ า่ เหตกุ ารณอ์ บุ ตั เิ หตเุ รอื ดา นา้ KRI Nanggala ของอินโดนีเซีย จะเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าโอกาสจะได้ใช้ ระบบหนีภัยจากเรือดาน้า และระบบช่วยเหลือกู้ภัย เรือดาน้าจะมีน้อยมาก แต่การเตรียมความพร้อมรวมถึง การมีมาตรการความปลอดภัยอื่น ๆ เป็นส่วนสาคัญของ ขีดความสามารถด้านเรือดาน้าในองค์รวม ซึ่งจะเป็น การสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปฏิบัติงานในเรือดาน้า ว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉินในเรือดาน้าแล้ว ยงั มมี าตรการ และวธิ กี ารสา รองในการออกจากเรอื ดา นา้ ข้ึนสู่ผิวน้าได้อย่างปลอดภัย
--------------------------
เกี่ยวกับผู้เขียน
นาวาโท สุระ บรรจงจิตร รับราชการในกองทัพเรือ มากว่า ๒๐ ปี ได้เคยผ่านประสบการณ์การปฏิบัติงาน สาคัญท่ีเก่ียวข้องกับเรือดาน้า ได้แก่ หลักสูตรวิทยาการ และเทคโนโลยีเรือดาน้าเยอรมนี กาลังพลรับเคร่ืองฝึก ศนู ยย์ ทุ ธการเรอื ดา นา้ ผสู้ งั เกตการณก์ ารฝกึ ในเรอื ดา นา้ ชั้น Los Angeles ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ผู้สังเกตการณ์การฝึกในเรือดาน้าชั้น 212A ของ กองทัพเรือเยอรมนี หัวหน้าชุดฝึกศูนย์ยุทธการ เรือดาน้า และครูฝึกเรือดาน้าของกองเรือดาน้า กองเรือ ยุทธการ และหลักสูตรการฝึกหนีภัยจากเรือดาน้า ที่เนเธอร์แลนด์นาวาโทสุระได้ลาออกจากราชการ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๖๒ ปัจจุบันเป็นท่ีปรึกษาอิสระ และ ผู้เช่ียวชาญด้านเรือดาน้า


เมอ่ื กลา่ วถงึ “กจิ การปลดหนส้ี นิ ” กา ลงั พลสว่ นใหญ่ จะนึกถึงการให้กู้เงินไปปลดหน้ีนอกระบบแบบไม่มี ดอกเบยี้ ซงึ่ คงทราบกนั แลว้ วา่ ไดม้ กี ารหยดุ การใหก้ เู้ งนิ ไป แลว้ ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๖๒ เปน็ ตน้ มา แลว้ หลงั จากนนั้ กจิ การ ปลดหนส้ี นิ เปลยี่ นแปลงบทบาทไปอยา่ งไร ทา อะไรไปบา้ ง กระผมจะขอเล่าให้ฟังครับ
ก่อนอ่ืนขอเล่าความเป็นมาก่อนนะครับ กิจการ ปลดหนสี้ นิ กอ่ ตงั้ เมอ่ื ปีพ.ศ.๒๕๔๙โดยพลเรอื เอกสถริ พนั ธ์ เกยานนท์ผบู้ ญั ชาการทหารเรอื ในขณะนนั้ ทา่ นมนี โยบาย ท่ีจะส่งเสริมด้านสวัสดิการแก่กาลังพลสังกัดกองทัพเรือ อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม โดยเฉพาะในเรื่องหนี้สิน ทงั้ ในระบบและนอกระบบซงึ่ มผี ลกระทบตอ่ การดา เนนิ ชวี ติ ของตนเองและครอบครัว โดยเล็งเห็นว่าหากปล่อยให้ สถานการณ์การมีหนี้สินเกิดกับกาลังพลกองทัพเรือ โดยมิได้แก้ไข อาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงาน ส่วนรวมของกองทัพเรือได้ จึงมีแนวความคิดที่จะ ช่วยแก้ปัญหาให้กับกาลังพลกองทัพเรือที่มีหนี้สินแต่ม ี ความประพฤตดิ ี ซอื่ สตั ย์ สจุ รติ ขยนั ขนั แขง็ ในการปฏบิ ตั ิ งานราชการ ในการนจ้ี งึ ไดม้ อบหมายให้ พลเรอื เอก กา ธร พุ่มหิรัญ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ พิจารณา แนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม เมื่อ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ โดยได้เชิญเจ้าหน้าที่จาก หน่วยต่าง ๆ ที่มีประสบการณ์ร่วมหารือ เพื่อหาแนวทาง ในการดาเนินงาน และกองทัพเรือเห็นชอบให้จัดทา โครงการปลดหน้ีสินให้กับข้าราชการ และลูกจ้างประจา
สังกัดกองทัพเรือ เมื่อ ๑๐ มกราคม ๒๕๔๙ โดยอนุมัติ ให้กิจการปลดหนี้สินอยู่ในสวัสดิการกองทัพเรือ และให้ พลเรอื เอก กา ธร พมุ่ หริ ญั เปน็ ประธานกรรมการ พรอ้ มกบั อนุมัติเงินทุนหมุนเวียนคร้ังแรก จานวน ๑๐ ล้านบาท เพ่ือดาเนินงานโครงการปลดหนี้สินให้กับข้าราชการ และลูกจ้างประจาของกองทัพเรือ
ตอ่ มาเมอื่ ปีพ.ศ.๒๕๕๒พลเรอื เอกเถกงิ ศกั ดิ์วงั แกว้ ประธานกิจการปลดหนี้สินในขณะน้ัน ได้เล็งเห็นว่า การแก้ปัญหาหน้ีสินนอกระบบของกาลังพลกองทัพเรือ ให้ยั่งยืนน้ัน การให้กู้เงินแต่เพียงอย่างเดียวไม่สามารถ แก้ปัญหาได้ หากกาลังพลยังคงมีพฤติกรรมการใช้จ่าย ที่มากเกินตัว หรือไม่รู้จักการวางแผนการใช้จ่ายท่ีดีพอ ปัญหาหน้ีสิ้นจะย้อนกลับมาสู่กาลังพลที่ได้กู้เงินไปแล้ว อีกคร้ัง และจานวนกาลังพลท่ีไปเป็นหนี้นอกระบบ รายใหม่ ๆ จะมีเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ดังน้ัน เพื่อให้การ แกป้ ญั หาหนสี้ นิ นอกระบบเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธผิ ลและ ยง่ั ยนื จงึ ไดร้ เิ รมิ่ โครงการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ กา ลงั พลขนึ้ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม และทศั นคต ิ ของกา ลงั พลในการวางแผนการดา เนนิ ชวี ติ และการใชจ้ า่ ย ตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สนับสนุน ให้หน่วยต้นสังกัดของกาลังพลจัดหาอาชีพเสริมให้ผู้ที่มี หนส้ี นิ เพอ่ื ลดปญั หาคา่ ครองชพี และจดั บรรยายใหค้ วามรู้ รวมท้ังปลูกจิตสานึกให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้าง และ นักเรียนทหารในสังกัดกองทัพเรือ เพ่ือป้องกันไม่ให้เกิด ปัญหาหนี้สินนอกระบบในหมู่กาลังพลรุ่นใหม่ ๆ ต่อไป
นาวิกศาสตร์ 47 ปีที่ ๑๐๔ เล่มท่ี ๙ กันยายน ๒๕๖๔


และในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ กิจการปลดหนี้สินได้ดาเนิน กจิ การเขา้ สปู่ ที ี่ ๙ โดยมี พลเรอื เอก ณะ อารนี จิ ประธาน กิจการปลดหน้ีสิน ได้เน้นกลยุทธ์เชิงป้องกันด้วยการ ให้ความรู้ และปลูกฝังทัศนคติในการดาเนินชีวิต การปรับเปล่ียนพฤติกรรมการใช้จ่าย และการวางแผน ดา้ นการเงนิ ใหก้ า ลงั พล และดา เนนิ โครงการพฒั นาคณุ ภาพ ชีวิตกาลังพลอย่างต่อเน่ือง โดยมุ่งเน้นประสิทธิภาพ และประสิทธิผลเชิงป้องกันเป็นหลัก แต่ยังคงให้ ความชว่ ยเหลอื แกไ้ ขปญั หาหนสี้ นิ นอกระบบของกา ลงั พล กองทัพเรือ
ต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ กิจการปลดหนี้สินถือเป็น ส่วนหน่ึงในการบริหารของสวัสดิการสงเคราะห์การเงิน กองทัพเรือ ตามการปรับโครงสร้างใหม่ เน้นยุทธศาสตร์ เชิงป้องกันด้วยการให้ความรู้ และปลูกฝังทัศนคติ ในการดาเนินชีวิต การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย ด้วยการออมเงิน ตั้งเป้าหมายชีวิต และการวางแผนด้าน การเงินให้กาลังพล และนักเรียนทหารสังกัดกองทัพเรือ ด้วยการดาเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตกาลังพล อย่างต่อเน่ืองมุ่งเน้นประสิทธิภาพ และประสิทธิผล เชิงป้องกันเป็นหลัก แต่ยังคงให้ความช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบของกาลังพลกองทัพเรือ ที่จาเป็น
สาหรับการให้กู้เงินปลดหนี้ตลอด ๑๓ ปี ต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ - พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นมา มีผู้ได้รับการกู้เงิน แบบไมม่ ดี อกเบยี้ เพอื่ ไปปลดหนส้ี นิ นอกระบบแลว้ ทงั้ สนิ้ ๓,๙๘๔ ราย รวมเป็นเงินท้ังสิ้น ๓๔๕,๙๙๗,๗๙๖ บาท เมื่อถึงปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นปีท่ีกาหนดให้มีการกู้เงินไป ปลดหนนี้ อกระบบเปน็ ปสี ดุ ทา้ ย คณะกรรมการสวสั ดกิ าร สงเคราะห์การเงินกองทัพเรือ และกิจการปลดหน้ีสิน ได้พิจารณาร่วมกันแล้วเห็นว่าหากยังใช้ยุทธศาสตร์เชิง แก้ไขโดยการให้กู้เงินไม่มีดอกเบี้ยต่อไปจะส่งผลเสีย มากกว่าผลดี เนื่องจากกาลังพลจะไปก่อหน้ีนอกระบบ เพื่อหวังมาขอกู้เงินไม่มีดอกเบ้ีย จึงได้มีมติให้ดาเนินการ ยกเลิกโครงการกู้เงินปลดหน้ีนอกระบบไปตามแผนงาน เดิมใน๑ม.ค.๖๒เป็นต้นมาและมุ่งเน้นยุทธศาสตร์เชิง
นาวิกศาสตร์ 48 ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๔
ป้องกันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม การพยายามดาเนินการตามยุทธศาสตร์เชิงป้องกัน
เร่ิมตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยจะมุ่งเน้นกิจกรรมการ บรรยายการดา เนนิ ชวี ติ ตามหลกั ปรชั ญาเศษฐกจิ พอเพยี ง และการฝกึ อาชพี เสรมิ ใหก้ บั ขา้ ราชการ ซง่ึ ทผี่ า่ นมาไมไ่ ด้ รบั ความสนใจจากกา ลงั พล แมว้ า่ จะมกี ารประชาสมั พนั ธ์ ไปตามหน่วยงานต่าง ๆ และจัดการประชุมชี้แจงความรู้ และแนวทางดาเนินการให้กับนายทหารประสานงาน ของหนว่ ยแลว้ กต็ ามทา ใหม้ ผี เู้ขา้ มารว่ มกจิ กรรมนอ้ ยมาก จะมีแต่ผู้ที่เป็นลูกหนี้กิจการปลดหนี้สินเท่านั้นที่มาร่วม กิจกรรม ต่อมาได้มีการกาหนดจานวนกาลังพลของ หน่วยต่าง ๆ ท่ีเข้าฟังบรรยาย ก็เป็นกาลังพลท่ีเกณฑ์มา ให้ครบตามจานวน ไม่ได้มีความสนใจอย่างแท้จริง ทาให้ผู้เข้าฟังมาไม่ครบตามจานวน และการถ่ายทอด ความรู้ไปสู่ผู้รับฟังไม่ได้ผลตามท่ีตั้งใจไว้ รวมท้ังด้าน การฝึกอาชีพเสริมก็เช่นเดียวกัน ก็จะมีแต่ผู้ที่เป็นลูกหน้ี ของกิจการปลดหนี้สินเท่าน้ันที่เข้ารับการฝึกอาชีพเสริม เน่ืองจากเป็นภาคบังคับท่ีจะทาให้สามารถกู้เงินได้ จากเหตุการณ์ที่กล่าวมาทาให้กิจการฯ ต้องกลับมา ทบทวนวิธีการดาเนินการอีกคร้ังหน่ึงว่าที่ทุ่มเท ทรัพยากรจานวนมากเพื่อต้องการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ของข้าราชการท่ีทางานมานานแล้วมีหนี้สินจนเคยชิน แล้วไม่มีแรงจูงใจในเร่ืองดังกล่าว น่าจะเป็นการลงทุน ท่ีได้ผลลัพธ์กลับมาน้อยมาก หากยังดาเนินการเช่นนี้ จะไมส่ ามารถแกป้ ญั หาหนสี้ นิ ของกา ลงั พลไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื
ทุกคนในกิจการฯ ได้พูดคุยหารือกันถึงการ ปรับเปลี่ยนวิธีการดาเนินการ เพื่อคาดหวังให้เกิด ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ซ่ึงหลายคนมีความเห็นตรงกันว่า “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก” การที่เราจะปรับเปล่ียน ทัศนคติของคนท่ีมีอายุมาก ทางานมานาน เป็นหน้ีมา ก็เยอะ ให้เปล่ียนจากเม่ืออยากได้อะไรก็จะคิดถึงการ กู้เงินก่อน เป็นการคิดที่จะเก็บออม เพื่อจะได้มีได้ใช้โดย ไม่มีหนี้สิน ก็น่าจะทาได้ยากมาก ๆ ลองเปลี่ยนไปทุ่มให้ กับการปลูกฝังทัศนคติให้กับผ้าขาวจะได้ผลมากกว่า ถงึแมจ้ะไมไ่ดผ้ลในทนัทแีตใ่นอนาคตเชอ่ืวา่ปญัหาหนสี้นิ


Click to View FlipBook Version