The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

18 ลูกเสือ กศน. ม.ต้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 335ed000119, 2022-07-14 09:50:40

18 ลูกเสือ กศน. ม.ต้น

18 ลูกเสือ กศน. ม.ต้น

คร้งั ท่ี 18 การปฐมพยาบาล
ขั้นตอนการเรยี นรู้บทเรียนออนไลน์

1. ให้นกั ศึกษาทำแบบทดสอบก่อนเรียน
2. ศึกษาเนื้อหา
3. ใหน้ กั ศกึ ษาทำแบบทดสอบหลงั เรยี น
แบบทดสอบกอ่ นเรียน ครั้งท่ี 18

คำชีแ้ จง จงเลือกคำตอบที่ถกู ต้องเพยี งข้อเดยี ว

1. การปฐมพยาบาล หมายถงึ ขอ้ ใด
ก. การช่วยใหค้ นเจ็บมกี าลังใจดีขน้ึ
ข. การชว่ ยให้ผูบ้ าดเจ็บมีสขุ ภาพแข็งแรง
ค. การเตรยี มอุปกรณ์ชว่ ยเหลือผบู้ าดเจ็บ
ง. การช่วยบรรเทาเบือ้ งต้นแกผ่ ไู้ ดร้ ับบาดเจ็บ

2. เมอ่ื ประสบอุบัติเหตุ ควรติดตอ่ ขอความชว่ ยเหลือที่หมายเลขใด
ก. โทร 1966
ข. โทร 1669
ค. โทร 1996
ง. โทร 1699

3. ขนั้ ตอนในการชว่ ยฟ้ืนคนื ชีพ ในข้อใดถูกต้องท่สี ุด
ก. ขอความชว่ ยเหลอื ประเมินการหายใจ
ข. ประเมนิ ความรู้สกึ ตัว ขอความช่วยเหลือ
ค. ประเมินความรู้สกึ ตัว ขอความชว่ ยเหลอื ประเมินการหายใจ
ง. ประเมนิ ความรสู้ ึกตวั ขอความช่วยเหลอื ประเมนิ การหายใจ คลาชพี จร ชว่ ยหายใจ 2 ครั้ง ตอ่ การกด

หนา้ อก 30 ครั้ง
4. อุณหภมู ปิ กติของคนท่วั ไป คอื ข้อใด

ก. 35 องศาเซลเซยี ส
ข. 36 องศาเซลเซียส
ค. 37 องศาเซลเซยี ส
ง. 38 องศาเซลเซียส
5. ข้อใดคือองคป์ ระกอบของสญั ญาณชพี

ก. ชีพจร อตั ราการหายใจ มา่ นตา ความดนั โลหติ
ข. ชพี จร อัตราการหายใจ อุณหภูมริ ่างกาย มา่ นตา
ค. อตั ราการหายใจ อุณหภมู ิร่างกาย ความดนั โลหิตชพี จร
ง. มา่ นตา อัตราการหายใจ อณุ หภูมริ ่างกาย ความดันโลหิต
.

คร้ังที่ 18

- อธิบำยควำมหมำยกำรปฐมพยำบำลเบ้ืองตน้ ได้
- อธบิ ำยหลักกำรกำรปฐมพยำบำลเบอื้ งต้นได้
-ปฏิบตั สิ ำธิตกำรปฐมพยำบำลเบอ้ื งตน้ ได้

เร่อื ง กำรปฐมพยำบำล

การปฐมพยาบาล เปน็ การใหค้ วามช่วยเหลือผู้ประสบอุบัตเิ หตุ หรือผู้ทไ่ี ด้รับ บาดเจ็บเบื้องต้น โดยใช้
เครือ่ งมอื อุปกรณท์ ่ีพงึ หาไดใ้ นบริเวณน้ันเพอ่ื ช่วยบรรเทาอาการ และช่วยให้ผู้บาดเจบ็ ได้รับอนั ตรายน้อยลง กอ่ น
นาสง่ โรงพยาบาล เพ่ือรับการรกั ษาในโอกาสต่อไป ดงั นนั้ ผู้ให้การชว่ ยเหลือต้องมีความรู้ ความสามารถ ใหก้ าร
ช่วยเหลอื เพ่ือป้องกนั การเกิด ภาวะแทรกซ้อน หรอื เกิดอาการทรุดลงถึงขน้ั อันตรายถึงแกช่ ีวิต การปฐมพยาบาลผู้
ประสบอุบตั ิเหตุทางรถยนต์ ทางนา้ ตกจากทส่ี งู หกล้ม ท่ีมีอาการกระดูกหัก ข้อเคล็ด ขอ้ เคลื่อน ผู้ให้การ
ช่วยเหลือควรมีความรู้ความสามารถ เกีย่ วกับการเขา้ เฝือก มดั เฝอื ก การพนั ดว้ ยผา้ การใชผ้ า้ สามเหลย่ี ม และการ
เคล่ือนย้ายผปู้ ว่ ย การปฐมพยาบาล ผมู้ ีภาวการณเ์ ปน็ ลม ลมชกั ลมแดด หรือ หมดสติ ผูใ้ ห้ การช่วยเหลอื ควรมี
ความรู้ ความสามารถ เกย่ี วกบั การประเมินอาการเบือ้ งต้น หรอื ตัดสนิ ใจ ใชว้ ิธกี ารชว่ ยชวี ิตขน้ั พน้ื ฐานอยา่ งถกู วธิ ี
ถกู ต้อง และรวดเร็ว เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน หรือเกิดอาการทรดุ ลงถึงขน้ั อันตรายถงึ แกช่ ีวติ

กำรปฐมพยำบำล
1.1 ความหมายของการปฐมพยาบาล การบาดเจ็บหรอื เกิดการเจบ็ ปว่ ย ย่อมเกดิ ขนึ้ ได้ทกุ เวลา โดยเฉพาะ

อุบตั เิ หตุ การชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภัย ถา้ ผใู้ ห้การชว่ ยเหลอื รหู้ ลักการ First Aid หรือทเี่ รียกวา่ การปฐมพยาบาล
สามารถชว่ ยชวี ติ ผู้ป่วย ชว่ ยบรรเทาความเจบ็ ปวด ปอ้ งกนั อาการของโรคทรุดลง ป้องกันไม่ให้ เกิดความพกิ าร
หรือโรคแทรกซ้อนตามมา การปฐมพยาบาล หมายถึง การใหค้ วามช่วยเหลอื ผู้บาดเจ็บเบื้องต้น โดยใช้ เครือ่ งมือ
หรืออปุ กรณ์ท่ีพอจะหาไดใ้ นบริเวณนัน้ เพอื่ ช่วยบรรเทาอาการและชว่ ยใหผ้ ู้บาดเจ็บ ไดร้ ับอันตรายน้อยลงก่อนจะ
สง่ โรงพยาบาล เพ่ือให้แพทย์ทาการรกั ษา

1.2 ความสาคญั ของการปฐมพยาบาลในชว่ งชวี ิตของมนษุ ยท์ ุกคนอาจมชี ่วงที่ได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย
ได้ทุกเวลา และสถานท่ี โดยเฉพาะอุบตั เิ หตุ การปฐมพยาบาลต้องกระทาอย่างรวดเร็วและถกู ต้อง ดงั น้ัน จงึ ไม่
จาเปน็ ว่าผ้ใู ห้การปฐมพยาบาลจะต้องเปน็ แพทยห์ รือพยาบาลเทา่ นน้ั เม่ือมีการบาดเจ็บเกดิ ข้นึ ผใู้ ห้การช่วยเหลอื
สามารถให้การชว่ ยเหลอื เพอ่ื บรรเทาความเจ็บป่วย

ความสาคญั ของการปฐมพยาบาล มีดงั นี้
1. เพอื่ ช่วยเหลอื ผ้บู าดเจ็บ
2. เพือ่ ป้องกนั และลดความพิการท่ีอาจจะเกดิ ขน้ึ
3. เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและปอ้ งกันอนั ตราย

หลกั กำรของกำรปฐมพยำบำล
1) การมองสารวจความปลอดภยั รวมทง้ั สารวจระบบสาคัญของรา่ งกาย อยา่ งรวดเรว็ และวางแผนใหก้ าร
ชว่ ยเหลืออยา่ งมีสติ ไมต่ น่ื เต้นตกใจ
2) หา้ มเคลื่อนยา้ ย หรือไม่ควรเคลอ่ื นยา้ ยผู้บาดเจ็บจนกวา่ จะแน่ใจว่าเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเรว็ ยกเวน้ กรณีทเ่ี กดิ
การบาดเจ็บในสถานท่ที ่ีไม่สะดวกต่อการปฐมพยาบาลหรอื อาจเกิดอันตรายมากขนึ้ ท้ังผบู้ าดเจ็บและผู้ชว่ ยเหลือ
จาเปน็ ตอ้ งเคลอื่ นย้ายไปท่ีที่ปลอดภัยกอ่ น
3) ช่วยเหลอื ดว้ ยความนมุ่ นวลและระมัดระวงั ใหก้ ารชว่ ยเหลือตามลาดบั ความสาคัญของการมชี วี ิตหรอื ตามความ
รุนแรงที่ผบู้ าดเจ็บได้รับ ดงั นี้

(1) กลุ่มอาการช่วยเหลือด่วน ได้แก่ หยดุ หายใจ หวั ใจหยดุ เต้น หมดสติ และเสียเลอื ด
(2) กลุม่ อาการชว่ ยเหลอื รอง ได้แก่ ความเจบ็ ปวด การบาดเจบ็ ของ กระดูกและข้อ อมั พาต

ข้อบ่งชข้ี องกำรวัดสญั ญำณชีพ
1. เมื่อแรกรบั ผู้ป่วยไวใ้ นโรงพยาบาล
2. วดั ตามระเบียบแบบแผนที่ปฏิบัตขิ องโรงพยาบาลหรือตามแผนการรักษาของแพทย์
3. ก่อนและหลงั การผา่ ตัด
4. ก่อนและหลังการตรวจวนิ ิจฉัยโรคทต่ี ้องใสเ่ ครื่องมือตรวจเขา้ ไปภายในร่างกาย
5. ก่อนและหลงั ใช้ยาบางชนดิ ท่มี ผี ลต่อหัวใจและหลอดเลือด
6.เม่อื สภาวะทว่ั ไปของรา่ งกายผปู้ ว่ ยมีการเปล่ียนแปลง เชน่ ความรสู้ กึ ตัวลดลง หรือความ

รนุ แรงของอาการปวดเพิ่มขึ้น
7.กอ่ นและหลงั การให้การพยาบาลท่ีมผี ลต่อสญั ญาณชีพ สญั ญาณชพี ประกอบดว้ ย ชพี จร อตั รา

การหายใจ อุณหภมู ิร่างกายและความดันโลหิต มีรายละเอียดดงั นี้

7.1 ชีพจรเปน็ การหดและขยายตัวของผนงั หลอดเลือด ซงึ่ เกดิ จากการบีบตวั ของหวั ใจ
จงั หวะการเตน้ ของเส้นเลือดจะสมั พันธ์กับการเต้นของหัวใจ การวัดอัตราการเตน้ ของหวั ใจ วดั นับจาก
การใชน้ ิ้วกลางและน้ิวชี้คล าการเตน้ ของหลอดเลือดแดง ตรงด้านหนา้ ของ ขอ้ มือ (ด้านหัวแมม่ ือ) ที่อยู่ตา่
กวา่ ฐานของน้วิ หวั แม่มอื ประมาณ 60 - 100 คร้ังต่อนาที

7.2 อัตราการหายใจการหายใจเปน็ การนาเอาออกซิเจนเขา้ สรู่ า่ งกายและนา
คารบ์ อนไดออกไซด์ ออกจากรา่ งกาย การวดั อตั ราการหายใจ ดูจากการขยายตัวของช่องอก ประมาณ
12 - 20 ครั้งต่อนาที 7.3อุณหภมู ิร่างกายเปน็ ระดับความร้อนของรา่ งกาย ซ่งึ เกิดจากความสมดลุ ของ การ
สรา้ งความร้อนของรา่ งกายและการสญู เสียความร้อนของร่างกาย มหี น่วยเปน็ องศาเซลเซยี ส (°C) หรอื
องศาฟาเรนไฮต์ (°F) ซึง่ จะไม่คอ่ ยเปล่ียนแปลงมากนักถงึ แม้อุณหภูมภิ ายนอกอาจจะ เปลยี่ นแปลง
ค่าปกติประมาณ 37 องศาเซลเซยี ส +/- 0.5 องศาเซลเซียส 7.4 ความดันโลหติ เปน็ แรงดันของเลือดท่ีไป
กระทบกบั ผนงั เสน้ เลอื ดแดง มีหน่วยเปน็ มิลลเิ มตรปรอท (มม.ปรอท หรือ mm.Hg.) ความดันโลหติ ใช้
ตรวจวัดจากเคร่อื งวัด คนปกติจะมคี วามดนั โลหิต ประมาณ 90/60 - 120/80 มลิ ลิเมตรปรอท

คลปิ สือ่ การเรียน

https://www.youtube.com/watch?v=tOHq3aAjIiM

https://www.youtube.com/watch?v=bWGBq2YlkSY

ใบงำน คร้ังท่ี 18

คาชแี้ จง ใหผ้ ู้เรียนอธิบายวธิ ีการวัดสัญญาณชพี และการประเมนิ เบื้องตน้

กำรวดั สัญญำณชีพ วิธกี ำรวัด กำรประเมนิ เบื้องต้น
1. การวัดสัญญาณชพี ....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
2. การวดั อตั ราการหายใจ ....................................................... .......................................................
3. การวัดอณุ หภมู ริ ่างกาย ....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
4. การวดั ความดันโลหิต ....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................

....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................
....................................................... .......................................................


Click to View FlipBook Version