~ ๕๑ ~ นกขมิ้น นกเอ๋ยนกขมิ้น เจ้าโบยบินดั้นฟ้าตามหาฝัน ฝ่าคลื่นลมพายุเเสนดุดัน หนาวสะบั้นหวั่นหวาดเเทบขาดใจ ตั้งเเต่รุ่งจนตาวันล้าเเสงอ่อน เจ้าบินจรเหนื่อยนักจะพักไหน ข้ามิต่างจากเจ้าสักเท่าใด หวังคอนใจให้จับหลับฝันเอย
~ ๕๒ ~ ลมหนาว ลมเอ๋ยลมหนาว พัดเรื่องราวของชีวิตให้คิดถึง พุ่มข้าวบิ่นเสียงนกกายังตราตรึง บ้านที่ซึ่งอยู่พร้อมหน้าจากมาไกล เมื่อลมหนาวย่างกรายมาทายทัก คิดถึงนักบ้านนาถิ่นอาศัย คิดถึงพ่อคิดถึงเเม่เเลหลายใคร อยากกลับไปนอนหนุนตักอุ่นรักเอย
~ ๕๓ ~ นวลพริ้ม นวลเอ๋ยนวลพริ้ม นอนเเย้มยิ้มเฝ้ารถไว้มิไปไหน สีขาวนวลสะอาดตาตราตรึงใจ เป็นหมาใครไม่รู้ทิศมาติดตาม เสมือนยามเเละเพื่อนพ้องป้องกันเขต เมื่อมีเหตุการณ์ใดไม่มองข้าม ซื่อสัตย์น่าเอ็นดูเเละรู้ความ เจ้าช่างงามเสียยิ่งจริงใจเอย แรงบันดาลใจในการเขียน เหตุเพราะมีสุนัขจรจัดมาอาศัยอยู่ที่โรงเรียนแล้วมาผูกพันกับผู้เขียน
~ ๕๔ ~ ดวงดาว ดวงเอ๋ยดวงดาว วะวับวาวลอยเด่นเห็นสุกใส ประดับฟ้าคืนค่ำอ่าอำไพ ประดับใจชาวดินเมื่อยินยล เธอก็เป็นดุจดาวพะพราวพร่าง ส่องสว่างกลางใจให้หายหม่น เเม้ตัวฉันลำบากเเสนยากจน เธอพร้อมทนเคียงข้างร่วมทางเอย
~ ๕๕ ~ รุ่งเช้า รุ่งเอ๋ยรุ่งเช้า สายลมเย้าหยาดหมอกดอกไม้ไหว พุ่มข้าวบิ่นเเกว่งกวัดระบัดใบ ฟ้ากว้างใหญ่น้ำเงินครามดูงามตา สะพานรุ้งทอดสายระบายสี ตะวันคลี่ม่านเเก้ววะเเววค่า เสียงเจื่อยเเจ้วโผนผกฝูงนกกา ร่อนถลาท่ามเช้าชื่นระรื่นเอย
~ ๕๖ ~ ใบไม้ ใบเอ๋ยใบไม้ ร่วงหล่นใบรายทางข้างถนน เมื่อฤดูกาลเปลี่ยนเวียนวกวน หลายหลายต้นเริ่มสลัดผลัดใบเเล้ว เป็นเรื่องธรรมชาติธรรมดา ต้นย่อมต้องรักษาทุกกิ่งเเก้ว เพื่อรอวันผลิเกิดใบเพริศเเพร้ว เป็นทิวเเถวงามตากว่าเดิมเอย
~ ๕๗ ~ ดึกดาว ดึกเอ๋ยดึกดาว ลมหนาวพัดโบยใจโหยไห้ เเม้มีเเสงเดือนผ่องส่องอำไพ ก็มิอาจอุ่นในหัวใจตน หวังยอดชู้ร่วมเตียงนอนเคียงข้าง หวังเอวบางมาห่มกายให้หายหม่น หวังมีใครที่รักสักหนึ่งคน พร้อมสู้ทนเคียงข้างร่วมทางเอย
~ ๕๘ ~ ฝนหยาด ฝนเอ๋ยฝนหยาด ธรรมชาติงามตาพฤกษาเขียว ทุกก้านกิ่งสดใสพลิ้วใบเรียว ผีเสื้อเกี่ยวเย้าหยอกกลีบดอกไม้ เปรียบผีเสื้อเป็นชายหนุ่มใจรุ่มร้อน กลีบเกสรเป็นกานดาเเววตาใส ผีเสื้อดูดน้ำหวานสำราญใจ เเล้วจากไกลเกสรเปลี่ยวเหี่ยวเฉาเอย
~ ๕๙ ~ การเมือง การเอ๋ยการเมือง มีเเต่เรื่องขัดเเย้งเเบ่งเเยกสี ภาพวุ่นวายทำลายเมืองเนื่องนานปี ภาพต่อตีประจักษ์ตามานานนัก เถิดพวกเราร่วมเปลี่ยนเเปลงการเมืองใหม่ เชื่อมทุกใจมาร่วมกันมั่นประจักษ์ ปลุกสำนึกประชาธิปไตยให้คึกคัก เปลี่ยนการเมืองเป็นเรื่องรักไม่ยากเอย
~ ๖๐ ~ สมัยใหม่ สมัยเอ๋ยสมัยใหม่ เราสดใสเเช็ตกันสุดหรรษา เห็นผ่านเเอปปรุงเเต่งเเปลงหน้าตา หนึ่งมายาที่พบได้ในทุกวัน เป็นเพื่อนกันแบบไหนก็ไม่รู้ เพียงเเค่ดูโพรไฟล์ก็หมายมั่น เราจะหาเพื่อนเเท้ได้ที่ไหนกัน เมื่อเธอฉันยังเเปลงหน้ายิ้มร่าเอย
~ ๖๑ ~ สันติภาพ สันเอ๋ยสันติภาพ พร้อมโค่นหยาบหยามอธรรม์ที่ปั่นหัว ระเบิดปืนยังก้องกึกระทึกกลัว บางมืดมัวยังหมายมาดฆาตกรรม เเท้พวกเราทั้งหลายล้วนคือมิตร มีดวงจิตใฝ่ดีมิใฝ่ต่ำ มาเถิดสร้างทางทองเเห่งสันติธรรม หยุดน้อมนำความรุนเเรงเเฝงร้ายเอย
~ ๖๒ ~ หนุ่มสาว หนุ่มเอ๋ยหนุ่มสาว มีเรื่องราวมากมายในวิถี มีสองมือพร้อมสรรค์สร้างสังคมดี มีสองตาเห็นวิธีเปลี่ยนเเปลงไทย เมื่อโตมาถูกระบอบเข้าครอบกด สูญสิ้นหมดหฤหรรษ์ภาพฝันใฝ่ เราสูญเสียคนหนุ่มสาวมากเท่าไร กลางสังคมป่วยไข้วันนี้เอย
~ ๖๓ ~ ฝนเปียก ฝนเอ๋ยฝนเปียก หัวใจเพรียกทุกคราเมื่อฟ้าฝน คล้ายน้ำตารินไหลใครบางคน ที่ต้องทนเจ็บกี่ครั้งยังไม่จำ ขอเพียงหัวใจนั้นได้รัก ถึงอกหักแสนปลื้มเพียงดื่มด่ำ สุขชั่วครู่การเเอบรักเเม้นจักซ้ำ ก็จะทำตามใจเพรียกเรียกร้องเอย
~ ๖๔ ~ ชุ่มฝน ชุ่มเอ๋ยชุ่มฝน ที่รินหล่นสร้างสุขปลุกไพรสัณฑ์ ชโลมลูบพฤกษานานาพันธุ์ เเต้มคืนวันสดชื่นสู่พื้นไพร กระจิบจาบกระจอกเเจเซ็งเเซ่เสียง นกเขาเคียงเกาะอิงกิ่งไม้ใหญ่ เย็นละอองฉ่ำดินเคล้ากลิ่นไอ ผืนป่าไทยยังอุดมสมบูรณ์เอย
~ ๖๕ ~ รวงข้าว รวงเอ๋ยรวงข้าว ลมน้าวกอไกวพลิ้วไหวอ่อน เหลืองอร่ามเต็มตาผืนนาดอน ล้วนสะท้อนเรื่องราวของชาวนา กว่าจะเห็นเป็นรวงเป็นพวงพุ่ม กี่เหงื่อชุ่มเเรงกาย-ใจไหลรินบ่า ถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวร้าวน้ำตา โอ้ราคาตกต่ำช้ำใจเอย
~ ๖๖ ~ เพื่อนแท้ เพื่อนเอ๋ยเพื่อนเเท้ คอยเผื่อเเผ่ช่วยเหลือกันมิหวั่นไหว ยามมีสุขร่วมสุขสุขสมใจ ยามมีทุกข์ร่วมเเก้ไขไปด้วยกัน โบราณว่าเพื่อนกินนั้นหาง่าย เเต่เพื่อนตายหายากฝากใจมั่น ตราบโลกนี้มิสิ้นเเสงสุริยัน ย่อมมีวันพบเพื่อนเเท้เเน่จริงเอย
~ ๖๗ ~ ดาวเด่น ดาวเอ๋ยดาวเด่น สว่างเย็นนวลดาววับวาวใส ประดับห้วงเวหาอ่าอำไพ ประดับใจหดหู่ชูชื่นบาน หวังเธอเป็นดวงดาวสกาวเเสง ส่องเเสดงลบมืดมนให้พ้นผ่าน เป็นดาวลอยกลางใจไปเเสนนาน ตราบสิ้นจักรวาลนิรันดร์เอย
~ ๖๘ ~ ผักทอดยอด ผักเอ๋ยผักทอดยอด เเผ่ตลอดเเนวน้ำงามวิถี เมื่อน้ำหลากอวบอุดมสมบูรณ์ดี ปูปลามีที่อาศัยหลบภัยพาล หากคนเราเป็นเช่นผักคงจักดี ทอดอารีเเน่นหนักสมัครสมาน เป็นที่พึ่งยามหนาว-ร้อนผ่อนร้าวราน ทอดสะพานไมตรีมั่นนิรันดร์เอย
~ ๖๙ ~ กรรมกร กรรมเอ๋ยกรรมกร คือผู้สร้างนครให้เรืองรุ่ง หากขาดกรรมกรทำเเลบำรุง มิอาจรุ่งร่มเย็นเป็นนคร เช่นตึกสูงฟุ้งฟ้าตั้งตระหง่าน ต้องมีฐานเเข็งกล้ามาเเต่ก่อน ตึกจึงสูงเด่นสวรรค์มิสั่นคลอน ย่อมสะท้อนรากฐานมั่นสำคัญเอย
~ ๗๐ ~ ชนชาติ ชนเอ๋ยชนชาติ แม้นต่างศาสนาอย่าหวั่นไหว เกิดบนผืนแผ่นดินทองถิ่นของไทย ปันน้ำใจช่วยเหลือพร้อมเกื้อกูล เหนืออีสานกลางใต้ให้สมัคร ให้รู้รักสามัคคีมิสิ้นสูญ ร่วมมือกันสรรค์สร้างทางไพบูลย์ เพื่อเพิ่มพูนชาติดำรงมั่นคงเอย
~ ๗๑ ~ เสน่ห์จันทร์ เสน่ห์เอ๋ยเสน่ห์จันทร์ เสน่ห์นั้นตรึงตราพาสุขสม เสน่ห์ไมตรีส่งไปใครชื่นชม เสน่ห์ลมพลิ้วใบเห่เสน่ห์จันทร์ เสน่ห์สร้างได้จากตัวมิมัวหมอง เสน่ห์สนองเสริมส่งให้คงมั่น เสน่ห์ใจสนิทนักรักนิรันดร์ เสน่ห์นั้นบันดาลสุขไร้ทุกข์เอย
~ ๗๒ ~ แก่งหินเพลิง เเก่งเอ๋ยเเก่งหินเพลิง ปลาสำเริงว่ายสำราญธารกระเเส เกาะเเก่งหินกลางป่าเขียวมาเหลียวเเล สุขใจเเท้ธรรมชาติสะอาดตา ไพรย่อมพึ่งสายธารการหล่อเลี้ยง แหละธารเพียงพึ่งไพรล่องไหลบ่า เฉกมนุษย์ร่วมโลกกว้างต่างพึ่งพา ต่างต้องอาศัยกันสุขสันต์เอย แรงบันดาลใจในการเขียน เกิดจากการไปเที่ยวชมวนอุทยานแห่งชาติแก่งหินเพลิง ที่จังหวัดปราจีนบุรี
~ ๗๓ ~ สวนขวัญ สวนเอ๋ยสวนขวัญ บุปผาพรรณเพริศพริ้งเสียจริงนี่ ชูช่อชื่นใต้ฟ้าใสลมไหววี เเต่งเเต้มสีให้โลกคลายโศกตรม มนุษย์เราก็มิต่างมวลบุปผา ในเวลาหม่นหมองเข้าครองข่ม หากรู้จักเป็นหนึ่งเดียวใจเกลียวกลม ที่ทุกข์บ่มย่อมเย็นเป็นสุขเอย
~ ๗๔ ~ จำปา จำเอ๋ยจำปา จำห้วงวันเวลาได้หรือไม่ คราเเสงเเดดอ่อนอิ่มยิ้มละไม ผีเสื้อไขว่ผึ้งตอมภู่ดอมดม เมื่อเเรกเเย้มกลีบบางสำอางสี ล่อเเมลงมากมีเคล้าคลึงสม พอเเดดสายบ่ายคล้อยค่อยซีดซม ภู่ผึ้งชมก็บินห่างร้างเเรมเอย
~ ๗๕ ~ ผาเก็บตะวัน ผาเอ๋ยผาเก็บตะวัน เก็บเอาดวงสุริยันมาส่องเเสง เก็บเอารักมาเพิ่มมาเติมเเรง ที่วิ่นเเหว่งงอกงามความห่วงใย ที่ภูงามเพราะผาชันสรรเสกสร้าง ที่ฟ้าสางเพราะตาวันปันสดใส ที่ยังมีชีวิตอยู่จงรู้ไว้ ที่อยู่ได้ทุกวันนี้มีเธอเอย แรงบันดาลใจในการเขียน เกิดจากการไปเที่ยวชมวนอุทยานแห่งชาติทับลาน ที่จังหวัดนครราชสีมา
~ ๗๖ ~ ฟ้ากว้าง ฟ้าเอ๋ยฟ้ากว้าง มีที่ว่างเว้นไว้ให้วาดฝัน มีที่ให้เพาะปลูกรักผูกพัน มีที่ให้เเบ่งปันมิบั่นทอน มีคำกล่าวว่าฟ้าสูงเเผ่นดินต่ำ ซึ่งเป็นธรรมชาติมิอาจถอน เเต่ว่าคนสูง-ต่ำซึ่งพึงสังวร ผลสะท้อนการกระทำสำคัญเอย
~ ๗๗ ~ วันเด็ก วันเอ๋ยวันเด็ก ตอนยังเล็กจงขยันหมั่นศึกษา เมื่อเติบโตเป็นคนดีมีปัญญา มีเมตตามีคุณธรรมค้ำจุนใจ มีความคิดรอบคอบประกอบกิจ มีชีวิตสรรค์สร้างทางสดใส สิ่งสำคัญมั่นคงจงจำไว้ คืออย่าได้หมิ่นคนน้อยด้อยกว่าเอย
~ ๗๘ ~ ปีใหม่ ปีเอ๋ยปีใหม่ ปีไหนไหนจงมีธรรมดำรงมั่น ประพฤติดีทั้งกาย-ใจใช้ชีวัน รู้เท่าทันเล่ห์ร้ายอุบายคด ขอชีวิตปราศโรคไกลโศกเศร้า ขอความเหงาเงียบงันนั้นหายหมด ขอความทุกข์ความฝันท้อรันทด จงสวยสดเบ่งบานสราญเอย
~ ๗๙ ~ มงคล มงเอ๋ยมงคล คือมิ่งมนต์ดลชีวิตจิตผ่องใส คือเสน่ห์หนุนเนื่องเฟื่องฟุ้งไกล คือหัวใจประพฤติชอบกอปรสิ่งดี คือพรเพ็ญเย็นระรื่นโลกชื่นเเช่ม คือเเสงเเจ่มกระจ่างทางสุขี คือความรักความเมตตาความปรานี คือสิ่งที่ประเสริฐล้ำนำสุขเอย
~ ๘๐ ~ เส้นทาง เส้นเอ๋ยเส้นทาง ที่ก้าวย่างยาวไกลกว่าเกินตาเห็น จะราบรื่นขื่นคาวหรือหนาวเย็น จะร้อนเข็ญหรืออย่างไรไม่อาจรู้ โลกความจริงโลกความฝันนั้นเเตกต่าง เเต่ทุกอย่างมิยากไปหากใจสู้ มองให้ไกลใจให้คิดพินิจดู เเล้วมุ่งสู่เป้าประสงค์มั่นคงเอย
~ ๘๑ ~ กำลังใจ กำลังเอ๋ยกำลังใจ ส่งไปให้กันมั่นเสมอ ระยะทางมิอาจพรากฉันจากเธอ ระยะใจพบเจอในฝันพราว หากเธอเหนื่อยอ่อนนักก็พักบ้าง ระหว่างทางขมขื่นคืนเหน็บหนาว ฉันจะเป็นกำลังใจให้ทุกคราว จงเธอก้าวมุ่งมั่นสู่ฝันเอย
~ ๘๒ ~ ฟ้าหนาว ฟ้าเอ๋ยฟ้าหนาว ฟ้าไร้ดาวเเต้มเดือนจึงเปื้อนหมอง น้ำค้างหล่นร่วงโรยโปรยละออง ฟ้าจึงต้องเจ็บร้าวหนาวน้ำตา พรุ่งนี้ยังมีฝันตะวันเคลื่อน ช่วยลบเลือนร้าวรวดอันปวดปร่า คืนไร้ดาวเคียงเพ็ญเด่นค้างฟ้า ยังมีเเสงเจิดจ้าพรุ่งรุ่งเช้าเอย
~ ๘๓ ~ ซากศพ ซากเอ๋ยซากศพ ร่วงทบเท่าทวีหลากสีสัน เคยเขียวงามตามต้นปลิวหล่นพลัน คล้ายชีวันมีเกิดเเก่เเลเจ็บตาย ทิ้งใบเเก่เเผ่ใบใหม่ให้เงาร่ม ค่อยเพาะบ่มใบพูนใช่สูญสลาย เมื่อเเสงเเดดสาดส่องก่องประกาย จึงพริ้งพรายท่ามซากศพสงบเอย
~ ๘๔ ~ กีฬา กีเอ๋ยกีฬา สร้างความสามัคคีกันดียิ่ง สร้างคนเก่งสร้างคนกล้าสร้างคนจริง สร้างคนให้ใจนิ่งเเละมั่นคง สร้างคนให้เเข็งเเรงเเกร่งฉกาจ สร้างคนให้ไม่ขี้ขลาดช่วยเสริมส่ง สร้างคนให้มีคุณธรรมเจตจำนง สร้างคนตรงสร้างคนดีเป็นศรีเอย
~ ๘๕ ~ ศิษย์รัก ศิษย์เอ๋ยศิษย์รัก จงเเน่นหนักมั่นคงอย่าหวั่นไหว เมื่อเจ้าจบจากรั้วโรงเรียนไป สู่โลกกว้างยิ่งใหญ่นอกชายคา ดั่งนกน้อยบินล่องท่องฟ้ากว้าง ระหว่างทางอาจประสบพบปัญหา เจ้าจงใช้ชีวันด้วยปัญญา สู้ฟันฝ่าถึงจุดหมายปลายทางเอย
~ ๘๖ ~ โลกกว้าง โลกเอ๋ยโลกกว้าง มีอะไรหลายอย่างให้พบเห็น ทั้งเเดดรนฝนหนาวร้าวลำเค็ญ ทั้งเเสงเพ็ญผายผันตะวันวาม มีมุมสุขมุมเศร้ามุมเหงาหนัก มีมุมรักมุมชังฝั่งตรงข้าม จะมุมใดหากมองเป็นย่อมเห็นงาม สร้างนิยามความสุขทุกมุมเอย
~ ๘๗ ~ ปัญญา ปัญเอ๋ยปัญญา คือบุปผามิ่งไม้มาลัยขวัญ คือทางรอดปลอดภัยในชีวัน คือเกราะกันศัตรูผู้รุกราน คือเเสงไฟวะวับวามยามมืดมิด คือเข็มทิศนำทางก้าวย่างผ่าน คือมิ่งมิตรไมตรีคลี่เบ่งบาน คือทหารปัดป้องภัยให้ตัวเอย
~ ๘๘ ~ ตะวันยิ้ม ตะวันเอ๋ยตะวันยิ้ม ช่างเพราพริ้มเฉิดฉายประกายฝัน ทอเเสงทองจากสรวงผ่านห้วงวัน จึ่งพืชพันธุ์จึ่งชีวิตไม่มิดมน โลกจึงสวยเมื่อเเสงตะวันหวาม ฟ้าจึงงามเเจ่มหวังเมื่อหลังฝน ชีพจักดีเมื่อมีธรรมประจำตน เกิดเป็นคนปฏิบัติธรรมนำสุขเอย
~ ๘๙ ~ บัวบาน บัวเอ๋ยบัวบาน อยู่กลางธารใสเย็นเห็นมัจฉา กลีบบางบางไหวหวามเเสนงามตา ภุมราบินชมสุขสมจินต์ ก้านใบบัวบอกตื้น-ลึกรู้สึกน้ำ อันถ้อยคำบอกจิตใจไม่รู้สิ้น เหมือนบัวงามผึ้งดาษดื่นชื่นชีวิน ดั่งคำรินมิบาดหูชูชื่นเอย
~ ๙๐ ~ ชาวนา ชาวเอ๋ยชาวนา หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินมิสิ้นหวัง ร้อนหรือหนาวสู้ไม่หยุดสุดกำลัง รายได้พอประทังเลี้ยงชีวิต ทุกขั้นตอนถ้วนวิธีพิถีพิถัน ตั้งเเต่ปลูกจวบเมล็ดพันธุ์งามวิจิตร เเต่ยิ่งทำเหมือนยิ่งจนมืดมนมิด ผลผลิตข้าวชาวนาไร้ค่าเอย
~ ๙๑ ~ ธงชาติ ธงเอ๋ยธงชาติ เอกราชยืนยงธำรงมั่น ‘สีเเดง’คือหลอมเลือดเนื้อเชื้อเดียวกัน ‘สีขาว’นั้นศาสน์พิสุทธิ์ผุดผ่องธรรม ‘สีน้ำเงิน’คือกษัตริย์พิพัฒน์เเผ้ว จักรีเเก้วหลอมรวมไทยไม่ตกต่ำ ผืนไตรรงค์ทรงคุณเเม้นเเสนเลิศล้ำ ย่อมจักนำไทยคงมั่นนิรันดร์เอย
~ ๙๒ ~ ทะเล ทะเอ๋ยทะเล เสียงลมเห่คลื่นสาดหวิวหวาดไหว เรือชีวิตเเรมร้างเดินทางไกล หวังจอดใจผ่อนพักกับซักคน ฟ้าก็หม่นฝนก็คลั่งฝั่งก็มิด ไม่เห็นทิศเห็นทางกระจ่างหน หวังฟ้าเปิดเมฆขจายคลายมืดมน เรือคงด้นถึงฝั่งรักพักใจเอย
~ ๙๓ ~ รุ่งสาง รุ่งเอ๋ยรุ่งสาง หมอกจางจางเมฆใสใสใจหรรษา น้ำค้างหยาดหญ้ายิ้มพริ้มนัยน์ตา เช้าจึงจ้าเเจ่มหวังกำลังใจ งามวิถียามเช้าของชาวบ้าน รอยยิ้มหวานจากญาติมิตรที่ชิดใกล้ มีเเต่ความเผื่อเเผ่เเละห่วงใย ที่มอบให้เเก่กันทุกวันเอย
~ ๙๔ ~ เกาะยักษ์ เกาะเอ๋ยเกาะยักษ์ เเสนงามนักลมเห่ทะเลใส ฟ้าสีครามยามบ่ายสบายใจ ปลาน้อย-ใหญ่ว่ายเย้าเคล้าคลึงกัน ทั้งต้นไม้โขดหินเกาะละเมาะสวย ช่างสำรวยสราญรมย์สมสุขสันต์ ฟังคลื่นเห่เพียงดนตรีกล่อมชีวัน หฤหรรษ์ทะเลตราดวิลาสเอย แรงบันดาลใจในการเขียน เกิดจากการไปเที่ยวทะเล ที่จังหวัดตราด
~ ๙๕ ~ สงกรานต์ สงเอ๋ยสงกรานต์ ได้หวนบ้านคืนนาถิ่นอาศัย เเม้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาเท่าใด ก็สุขใจเอิบอิ่มพริ้มเเววตา ได้พูดคุยหรรษาบรรดาญาติ ลิ้มรสชาติเเกงอ่อมกันพร้อมหน้า ได้ขอพรได้เกื้อหนุนสร้างบุญญา ได้กลับมาบ้านเกิดประเสริฐเอย
~ ๙๖ ~ ทำบุญ ทำเอ๋ยทำบุญ สร้างต้นทุนร่มเย็นเป็นสุขศรี ทำให้ใจเบิกบานสำราญดี ทำให้มีธรรมทานล้นลานใจ ทำให้รู้จักการเสียสละ รู้ลดละกิเกสเหตุหมองไหม้ สร้างสะพานสายบุญหนุนนำชัย ทั้งภพนี้เเละภพใหม่สุขใจเอย.
~ ๙๗ ~ แสงทอง เเสงเอ๋ยเเสงทอง งามผุดผ่องดุจเเสงธรรมนำมรรคผล ยามเมื่อใจยึดติดโลกมิดมน เเสงทองดลเกิดเเสงธรรมประจำใจ รุ่งอรุณเเสงทองงามส่องหล้า บุษบาระรื่นรวยสวยสดใส เเพรน้ำค้างพร่างพรมห่มพฤกษ์ไพร เช้าวันใหม่เบิกบานสำราญเอย
~ ๙๘ ~ แดดร้อน เเดดเอ๋ยเเดดร้อน ดุจไฟฟอนร้อนรุ่มมาสุ่มใส่ เเม้เเดดร้อนเเรงกล้าเกินกว่าใด มิอาจเทียบร้อนในหัวใจตน ร้อนด้วยความอยากเด่นดีมียศศักดิ์ ร้อนด้วยรักใคร่ปองจึงหมองหม่น ร้อนด้วยไฟราคะเข้าปะปน ดับร้อนรนด้วยศีลธรรมค้ำใจเอย
~ ๙๙ ~ สีเหลือง เหลืองเอ๋ยเหลืองเด่น เพียงเพ็ญเพิ่มพูนดอกคูนเหลือง เป็นพวงช่อไหวหวามงามประเทือง เปรียบถึงความรุ่งเรืองศิวิไลซ์ เกิดเเต่ต้นจนผลิช่อร่วมก่อเกี่ยว เป็นหนึ่งเดียวเด่นงามยามลมไหว เสมือนชนสามัคคีมีน้ำใจ พัฒนาชาติไทยรุ่งเรืองเอย
~ ๑๐๐ ~ อยู่เวร อยู่เอ๋ยอยู่เวร ต้นไม้เอนลมขยับเขย่ากิ่ง สลัดใบกลีบดอกลงทอดทิ้ง เเล้วเกลือกกลิ้งปลิวถลาหน้าอาคาร โดยภาพรวมเหตุการณ์ของวันนี้ ไม่เห็นมีสิ่งเเปลกปลอมให้พบผ่าน ไม้ยังเเย้มหญ้ายังยิ้มอิ่มสำราญ ขอรายงานให้ทราบพลันทั่วกันเอย