สถาปตั ยกรรมจีน
ย่านชมุ ชนเมอื งเก่าสายบรุ ี
๓. สถาปตั ยกรรมบา้ นเรอื นแบบจนี และก่อก�าแพงมีบานประตูเปิดปิด ผังของอาคารเป็นรูป
สเี่ หลย่ี มผนื ผา้ หนั หนา้ ดา้ นแคบออกสถู่ นน รปู ทรงของหลงั คา
สถาปัตยกรรมจีน มีลักษณะของการใช้สอย เปน็ แบบจว่ั ยอดไมแ่ หลมจะปน้ั ปนู โคง้ มน หนั ดา้ นเอยี งลาด
ของอาคารส่วนมากมักจะปลูกอาคารเป็นแบบสองชั้น ของหลงั คาออก ดา้ นหนา้ อาคาร ผนงั หนา้ จวั่ ดา้ นสกดั กอ่ อฐิ
โดยชน้ั ลา่ งจะทา� การคา้ ขายดา้ นหนา้ ดา้ นหลงั จะใชเ้ ปน็ ครวั ถือปูนฉาบผิวตกแต่งด้วยลายปูนปั้น ส่วนสันหลังคาก่ออิฐ
และรับประทานอาหาร ส่วนช้ันบนจะเป็นที่หลับนอน ฉาบปนู มลี ักษณะแอ่นลงช่วงกลาง ปลายทั้งสองข้างเชิดขึ้น
กลา่ วไดว้ า่ จะใชอ้ าคารทางการคา้ และพกั อาศยั อยใู่ นหลงั เดยี วกนั รบั กบั ยอดจว่ั ดา้ นหนา้ อาคารกอ่ อฐิ ยกพนื้ ขน้ึ จากระดบั ถนน
ท�าเป็นลักษณะบันได ด้านหน้าและด้านหลังของอาคาร
รูปแบบของอาคารยังคงด�าเนินตามแบบแผน จะทา� เฉลยี งทงั้ ชนั้ ลา่ งและชน้ั บน ประตทู างเขา้ บา้ นดา้ นหนา้
ประเพณดี งั้ เดมิ ตามคตนิ ยิ มของจนี โดยมลี กั ษณะเปน็ ตวั ตกึ อยู่ตรงหอ้ งกลาง เปน็ บานประตไู มส้ ูง ๒ เมตรข้นึ ไป เปดิ คู่
ชั้นเดียวและสองช้ัน แต่ส่วนมากมักจะสร้างแบบสองช้ัน เข้าด้านในผนังด้านหน้า ด้านหลังอาคารท่ีห้องทางซ้าย
อาคารแต่ละหลังจะสร้างเป็นตัวตึกขนาดกว้าง ๓ ห้อง และขวาจะเจาะช่องหน้าต่างเพียงห้องละหนึ่งช่องเท่าน้ัน
(๓ ช่วงเสาขนาดความกว้างของชว่ งเสา ชว่ งละ ๔ เมตร) ด้านข้างอาคารไม่ปรากฏมีการท�าหน้าต่าง แต่จะท�าช่อง
แตล่ ะอาคารผนงั ของหอ้ งขา้ งเคยี งจะไมต่ ดิ กนั มกั จะเวน้ พน้ื ท่ี ระบายอากาศขนาดเล็กกรุกระเบื้องปรุเคลือบแบบจีน
เป็นทางเดินระหว่างอาคาร กว้างประมาณ ๑.๕๐ เมตร
99สำ�นักงานวฒั นธรรมจงั หวัดปัตตานี
ยสถ่าานปชัตุมยกชรนรมเมจีนืองเก่าสายบรุ ี
การตกแตง่ อาคารสว่ นตา่ ง ๆ ของสถาปตั ยกรรม
แบบจีน นิยมการตกแต่งเฉพาะภายนอกอาคาร
ซึ่งเป็นการเน้นให้เห็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรม
แบบจนี เดน่ ชดั ขน้ึ การตกแตง่ ดงั กลา่ วจะใชว้ ธิ กี ารเขยี นภาพ
การปน้ั ปนู และการแกะสลกั ไม้ เชน่ การเขยี นภาพบรเิ วณ
พนักเฉลียงผนังด้านบนของกรอบหน้าต่าง และหัวเสา
เปน็ ตน้ การแกะสลกั ไมพ้ บในสว่ นทเ่ี ปน็ โครงสรา้ งของอาคาร
เชน่ หนา้ ตดั ของคานไม้ และทา้ วแขนรบั ชายคา การปน้ั ปนู
พบว่า ปรากฏอยู่ภายนอกอาคารทัง้ หมด เช่น สนั หลงั คา
ริมกระเบื้อง หลังคาผนัง หน้าจ่ัวด้านสกัด และหัวเสา
ของอาคาร (วสันต์ ชวี ะสาธน์, ๒๕๒๙ : ๕๔-๕๕, ๕๗)
100 สมบตั ิปตั ตานี ประจำ�ปี ๒๕๖๓
ช่ือหนงั สอื ผู้ว่าราชการจงั หวัดปัตตานี
สมบตั ปิ ตั ตานี ประจา� ปี ๒๕๖๓ รองผวู้ ่าราชการจงั หวดั ปัตตานี
ท่ีปรกึ ษา รองผู้วา่ ราชการจงั หวัดปตั ตานี
นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ รองผูว้ ่าราชการจงั หวัดปตั ตานี
นายปรีชา ชนะกิจกา� จร ปลัดจงั หวดั ปตั ตานี
นายสมนึก พรหมเขยี ว วฒั นธรรมจงั หวัดปตั ตานี
นายพรหมพิรยิ ะ กจิ นุสนธิ์ ประธานกรรมการบริหารหลักสตู รปรชั ญาดุษฎีบณั ฑิต สาขาการพฒั นาที่ย่งั ยนื
นายณฐั กฤช สทิ ธโิ อสถ บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ
คณะทา� งาน ข้าราชการบา� นาญ/ผูเ้ ชี่ยวชาญดา้ นศาสตราวุธและวัฒนธรรมชาวใต้
นางศศเิ พญ็ ละม้ายพนั ธ์ุ รกั ษาการ ประธานสภาอตุ สาหกรรมท่องเท่ียวจงั หวัดปัตตานี
ศ.ดร.ครองชยั หัตถา ครูภมู ิปญั ญาไทยดา้ นศิลปะการแสดงรองเงง็ จังหวดั ปัตตานี
นายพิชยั แก้วขาว ข้าราชการบ�านาญ/มคั คเุ ทศก์กติ ตมิ ศกั ดจ์ิ งั หวดั ปัตตานี
นางรดา จิรานนท์ อาจารยป์ ระจา� สาขาวิชาทัศนศิลปแ์ ละการออกแบบ
นางสาวนพมาศ บรมนุชาธปิ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎยะลา
นายอรรถพร อารหี ทัยรัตน์ นกั วิชาการอดุ มศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตปตั ตานี
นายธนวฒั น์ พรหมสุข ทายาทช่างทองแหง่ เมืองสายบุรี/เจ้าของร้านเพชรฮาดี
นางสาวนราวดี โลหะจนิ ดา นกั วจิ ยั อสิ ระ/เจ้าของแบรนดเ์ ส้ือผา้ BANONG
นายสรุ วุฒิ สทุ ธรตั น์ นกั วชิ าการวฒั นธรรมช�านาญการพเิ ศษ
นางสาวรภสั รดา พรหมสุข นักวชิ าการวฒั นธรรมช�านาญการพิเศษ
นายมยั ดงิ เบญญธาดา นกั วิชาการวัฒนธรรมช�านาญการพิเศษ
นางสาววนิดา คงปล้อง นกั วชิ าการวัฒนธรรมช�านาญการ
นางสาวสถาพร ไชยผลอนิ ทร์ นักวิชาการวฒั นธรรมช�านาญการ
นางสวรรยา โตะ๊ จิ นักวิชาการวฒั นธรรมช�านาญการ
นางคนึงนจิ สาโร
นางสาวจุฑาภรณ์ หวังกุหลา�
102 สมบตั ิปตั ตานี ประจ�ำ ปี ๒๕๖๓
บรรณาธกิ าร/เรยี บเรยี ง นกั วชิ าการวัฒนธรรมช�านาญการ
นางสาวจฑุ าภรณ์ หวงั กหุ ลา�
ถ่ายภาพ ช่างภาพ
นายมูหมดั ซอเร่ เดง เจ้าหนา้ ท่บี ันทึกขอ้ มูล
นายนอิ ามัน นเิ ดร์หะ พนกั งานขับรถ
นายบอื ราเฮง แวโอะ สา� นกั งานวฒั นธรรมจังหวดั ปตั ตานี
ผู้จดั พมิ พ์ สงิ หาคม ๒๕๖๓ จา� นวน ๓๐๐ เล่ม
พิมพ์ครั้งที่ ๑ โรงพิมพม์ ติ รภาพ
พิมพ์ที่ 5/49 ถ.เจริญประดษิ ฐ์ ต.รสู ะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี 94000
โทร. 073 331429 , 081 5409486
E-mail : [email protected]
103ส�ำ นกั งานวัฒนธรรมจงั หวดั ปัตตานี
ศาลเจ้าเล่งจเู กียง
หรอื เป็นทร่ี ู้จกั ในนาม
ศาลเจา้ แม่ล้ิมกอเหนยี่ ว
เปน็ ศาลเจา้ ตามคตจิ นี หนง่ึ ในสามแหง่
ของจงั หวดั ปตั ตานี ตง้ั อยบู่ รเิ วณเชงิ สะพาน
เดชานชุ ติ ในเขตเทศบาลเมอื งปตั ตานี ถอื เปน็
ศนู ยร์ วมจติ ใจของชาวไทยเชอ้ื สายจนี ในจงั หวดั
ปัตตานีและใกล้เคียง ภายในประดิษฐาน
เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว (ภาษามลายูปัตตานี
เรยี กวา่ โตะ๊ แปะกงแมะหรอื โตะกงแมะ) โดยมี
ต�านานท่ยี ึดโยงกบั สถานที่และโบราณสถาน
อื่น ๆ ในจังหวัด
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ศาลเจา้ เลง่ จเู กยี ง
บรรณานกุ รม
กรมประชาสัมพันธ์. ๒๕๖๒. ความเปน็ มาของพระราชพิธบี รมราชาภเิ ษก (ออนไลน์)
http://phralan.in.th/coronation//index.php [๙ มนี าคม ๒๕๖๓]
กรมศลิ ปากร. ๒๕๓๙. กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ หนงั สอื ท่ีระลกึ งานฉลองสิรริ าชสมบตั ิ ครบรอบ ๕๐ ปี
เรื่อง “พระแสงราชศัสตราประจ�าเมือง”. กรงุ เทพฯ : กรมฯ.
กรมสง่ เสรมิ วัฒนธรรม. ๒๕๕๘. สารานกุ รมชดุ แต่งกายไทย. กรุงเทพฯ : กรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม.
เขต รตั นจรณ และคณะ. ๒๕๔๘. เรอื นไทยมสุ ลิมในจังหวดั ชายแดนภาคใต.้ พิมพ์ครัง้ ที่ ๒. ปตั ตานี :
สถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร.์
ครองชัย หัตถา. ๒๕๔๖. ภมู ลิ กั ษณอ์ ่าวปัตตานี. ปตั ตานี : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร.์
ครองชัย หตั ถา. ๒๕๕๗. ลังกาสุกะ : ประวตั ิศาสตรย์ ุคต้นของชายแดนใต้. ปตั ตานี :
มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร.์
ครองชยั หัตถา. ๒๕๕๐. ประวตั ิศาสตรป์ ัตตานี : สมัยอาณาจักรโบราณถึงการปกครอง ๗ หวั เมือง.
ปตั ตานี : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
จติ ตมิ า ระเด่นอาหมัด. ๒๕๒๙. “การแตง่ กายของชาวไทยมสุ ลิม ในจังหวัดชายแดนภาคใต”้ ,
รูสมิแล ๙, ๓ ( พฤษภาคม-สงิ หาคม) : ๓๗-๔๒.
ณายบิ อาแวบือซา. ๒๕๕๙. สถาปัตยกรรมมลายูในท้องถิ่นสามจังหวัดภาคใต้ (ออนไลน)์ .
http://lek-prapai.org/home/view.php?id=๑๐๔๓ [๘ มนี าคม ๒๕๖๓]
นคร สา� เภาทพิ ย์. ๒๕๓๕. “เกลือสมุทรท่สี มุทรสาคร”, ใน เมอื งโบราณ. ๑๘ (มกราคม-มนี าคม) ๖๘-๖๙.
นพมาศ พรมนุชาธปิ และคณะ. ๒๕๖๑. แบบค�าขอเสนอรายการเบ้อื งตน้ มรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม
จังหวัดปัตตานี พ.ศ.๒๕๖๑ : ศลิ ปะการแสดงพืน้ บ้านรองเงง็ . ปัตตานี :
ส�านักงานวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี.
นราวดี โลหะจนิ ดา. ๒๕๔๗. รายงานการวจิ ยั พฒั นาการการท�านาเหลือ และการคา้ เกลอื ที่ปัตตาน.ี
ปัตตานี : สถาบนั วัฒนธรรมศกึ ษากัลยาณิวฒั นา มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร.์
ประพันธ์ เรอื งณรงค์. ๒๕๔๐. บหุ งาตานี : คติชนไทยมุสลิมชายแดนใต้. กรงุ เทพฯ : มตชิ น.
พทุ ธพล มงคลวรวรรณ. ๒๕๕๔. โครงการเสวนาทางวชิ าการ เรอ่ื ง “ปาตานี ในมติ ปิ ระวตั ศิ าสตรส์ งั คมและวฒั นธรรม”.
เอกสารประกอบเวทีสาธารณะ โครงการศึกษาเอกสารประวัตศิ าสตร์จงั หวัดชายแดนภาคใต้
: ๑๐๐ เอกสารส�าคัญที่เกีย่ วขอ้ งกับประวตั ิศาสตร์ปาตาน.ี ใต้ถุนหอ้ งประชมุ องคก์ ารบรหิ าร
สว่ นต�าบลรสู ะมแิ ล ต�าบลรสู ะมิแล อา� เภอเมอื ง จงั หวัดปัตตานี. ๑๘ สงิ หาคม ๒๕๕๔.
บรรณานุกรม
ไพโรจน์ โพธิไ์ ทร. ๒๕๒๓. ภมู ิหลังของไทยและแหลมทอง. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์.
โรม บญุ นาค. ๒๕๖๒. พระแสงราชศัสตราประจา� เมอื ง : พระราชทานราชสทิ ธใิ์ ห้เจา้ เมืองตัดสนิ พิพากษา
ไดถ้ ึงประหารชวี ิต (ออนไลน์). https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000024986
[๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓]
ภมู ปิ ัญญาไทย. ๒๕๕๖. การท�าทอง (ออนไลน)์ . http://ภมู ปิ ญั ญาไทย.blogspot.com/๒๐๑๒/๑๐/blog-
post_๔๘๘๘.html?m=๑ [๒๐ มกราคม ๒๕๖๓]
มลั ลิกา คณานรุ ักษ.์ ๒๕๕๐. คตชิ นวิทยา. พิมพ์ครงั้ ที่ ๒. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์.
วราห์ โรจนวิภาต. ๒๕๕๘. “๙ เดอื นที่อ�าเภอย่ีงอ”, เมืองโบราณ ๔๑, ๑ (มกราคม – มีนาคม).
วสันต์ ชวี ะสาธน์. ๒๕๒๙. “รายงานการวจิ ยั สถาปตั ยกรรมจนี ในเมอื งปัตตาน”ี , ใน รูสะมิแล. มปพ. ๕๒-๕๗.
ศนู ยป์ ฏบิ ัตกิ ารท่ี ๕ กองอ�านวยการรักษาความมัน่ คงภายในราชอาณาจักร. ๒๕๖๐. การอนุรกั ษ์
สถาปัตยกรรมไทย-มลายพู ้ืนถ่นิ คุณค่าทีร่ อพลงั ความร่วมมือ (ออนไลน์).
https://www.isoc๕.net/articles/view/๑๒๘ [๘ มนี าคม ๒๕๖๓]
สถาบนั ทกั ษิณคดีศึกษา. ๒๕๒๙. สารานกุ รมวัฒนธรรมภาคใต้ เล่ม ๘. สงขลา : มลู นธิ โิ ตโยตา้ .
สถาบันนาฏดรุ ิยางคศิลป.์ ๒๕๔๒. พพิ ธิ ทศั นา. กรงุ เทพฯ : ไทยภูมิ พับลิซซิ่ง.
ส�านกั งานทรพั ยส์ นิ สว่ นพระมหากษัตรยิ .์ ๒๕๑๔. พระราชพธิ ีราชาภิเษกสมรส พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก
และพระราชพิธเี ฉลมิ พระราชมนเทียร พระบาทสมเดก็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช
สยามินทราธิราช พ.ศ. ๒๔๙๓ และเรือ่ ง บรมราชาภเิ ษก พระราชนพิ นธ์ของ
พระเจา้ วรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร. พระนคร: โรงพิมพก์ รมสรรพสามติ .
สุธิวงษ์ พงศ์ไพบูลย์. ๒๕๒๙. “จติ รกรรมวัดป่าศรี”, สารานกุ รมวัฒนธรรมภาคใต้ เลม่ ๙ : ๑๖๓๙-๑๖๔๐.
ชวน เพชรแกว้ (หัวหนา้ โครงการ). ๒๕๔๘. วรรณกรรมทักษณิ : วรรณกรรมคัดสรร เลม่ ๑, ๑๒. กรงุ เทพฯ :
ส�านักงานกองทนุ สนับสนนุ การวิจัย (สกว.) : มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสุราษฎรธ์ านี.
อมรา กลา�่ เจริญ. ๒๕๔๒. เพลงและการละเล่นพนื้ บา้ น. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร.์
Bougas, Wayne A. ๑๙๙๔. The Kingdom of Patani Between Thai and Malay Mandala.
Selangor : Institut Alan dan Tamadun Melayu
Braddell, Roland. ๑๙๘๐. The study of Ancient Time in Malay Peninsula and Straits of
Malacca. Kuala Lumpur: Art Printing Works Sdn. Bhd.
Cady, John F. ๑๙๖๔. Southeast Asia: its Historical Development. New York: McGraw-Hill.
บรรณานกุ รม
Cant, R.G. ๑๙๗๓. “An Historical Geography of Pahang”, in Monographs of the Malaysian
Branch Royal Asiatic Society. No. ๔. Pp ๑-๑๘๕. Singapore: Times Printers
Sdn. Bhd.
Devahuti, D. ๑๙๖๕. India and Ancient Malaya. Singapore: Eastern Universities Press.
Douglas, F.W. ๑๙๔๙. Notes on the Historical Geography of Malaya and Sidelights on the
Malay Annals. Kuala Lumpur: Privately Printed.
Graff, E. and Hammond, H.E. ๑๙๖๙. South East-Asia. New York: Cambridge University Press.
Harrison, Brain. ๑๙๖๗. South-East Asia : A Short History. New York: St Martin Press.
Mc Carthy, James. ๑๙๐๐. Surveying and Exploring in Siam. London: John Murray.
Mohd.Zamberi A. Malek. ๑๙๙๔. Patani Dalam Tamadun Melayu. Kuala Lumpur: Dewan
Bahasa dan Pustaka.
Rentse, Anker. ๑๙๔๗. “Some furthher on Coins from the Northeastern Malaya States”,
Journal of the Malaysiam Branch of the Royal Asiatic Society. ๒๐, ๑
(๑๙๔๗), ๑๖-๒๒.
Wheatley, Paul. ๑๙๖๔. Impression of the Malay Peninsula in Ancient Times. Singapore:
Eastern University Press. Ltd.
Wheatley, Paul. ๑๙๖๔. The Golden Khersonese. Kuala Lumpur: University of Malaya Press.
ภายใตโครงการเสรมิ สรา งสงั คมพหุวฒั นธรรมท่เี ขม แขง็ จังหวดั ปต ตานี ประจําปงบประมาณ ๒๕๖๓
สาํ นกั งานวฒั นธรรมจังหวัดปต ตานี กระทรวงวฒั นธรรม
สาํ นกั งานวัฒนธรรมจังหวดั ปต ตานี
ชน้ั ๔ ศาลากลางจังหวัดปต ตานี ถนนเดชา ตําบลสะบารัง
อําเภอเมืองปตตานี จงั หวดั ปตตานี ๙๔๐๐๐