The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการเพาะและการดองถั่วงงอกวังหมี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by maturada Lapjit, 2019-08-29 07:52:34

คู่มือการเพาะและการดองถั่วงงอกวังหมี

คู่มือการเพาะและการดองถั่วงงอกวังหมี

คมู อื การจัดการเรยี นรู
หลกั สตู รทองถน่ิ ปก ธงชยั
หลักสตู ร การเพาะและดองถ่วั งอกวงั หมี

ศูนยก ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาํ เภอปก ธงชัย
สาํ นกั งานสง เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั นครราชสมี า

สํานกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ
กระทรวงศึกษาธกิ าร

คาํ นาํ

หลกั สูตรทองถิ่นปกธงชยั โดยการมสี วนรว มของประชารัฐนําสผู ูเรียนสรางคน ชมุ ชนเขม แข็ง
ศูนยการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอปกธงชัย (กศน.อําเภอปกธงชัย)
จงั หวดั นครราชสมี า ไดพ ฒั นาขึ้นจากการสํารวจชุมชนทองถ่ินปก ธงชยั และการจดั เวทีชาวบา นไดข อสรุปวา คน
ในชมุ ชนมีความตองการที่จะสบื ทอดสงิ่ ดี ๆ ซ่ึงเปนอัตลกั ษณเฉพาะถิ่นของอําเภอปกธงชัยใหคงไวส ูคนรุนหลัง
ใหไดเรียนรูและสรางอาชีพใหเกิดขึ้นกับคนในชุมชนปกธงชัยอยางมั่นคงและยั่งยืน ซ่ึงเปนเรื่องท่ีเก่ียวกับ
คําขวัญของอําเภอปกธงชัย ท่ีไดผานการยอมรับจากประชาชนในอําเภอปกธงชัยแลว นั่นคือ “ลุมพระเพลิง
น้ําใส ผาไหมเนือ้ งาม ขาวหลามนกออก ถวั่ งอกวงั หมี หมี่ตะคุ” จากคาํ ขวญั ดังกลาว กศน. อําเภอปกธงชัย
โดยการมีสวนรวมของประชารัฐ ภูมิปญญาและปราชญชาวบานไดรวมกันพัฒนาหลักสูตรเพื่อการน้ีขึ้น
จํานวน 5 หลักสูตร คือ 1) ตามรอยพอวิถีชีวิตลุมน้ําลําพระเพลิง 2) การประดิษฐของท่ีระลึกจากผาไหม
ปกธงชัย 3) การทําขาวหลามนกออก 4) การเพาะและดองถ่ัวงอกวังหมี 5) การทําหมี่ตะคุปกธงชัยเพื่อ
สืบทอดภูมิปญญาของบรรพบุรุษอําเภอปกธงชัยใหคงอยูสืบไปรวมทั้งใชเปนกรอบและแนวทางในการจัดการ
เรียนรใู หป ระชาชนท่มี ีความสนใจไดเรียนรูเหน็ ชองทางในการประกอบอาชีพและมีสวนรวมในการพฒั นาสงั คม
และชุมชนสืบไปครู กศน. อําเภอปกธงชัย ไดนําหลักสูตรดังกลาวไปใชในการจัดการเรียนรูใหกับประชาชน
ในชุมชนทองถ่ินอําเภอปกธงชัย จากการนิเทศ ติดตามการจัดการเรียนรูพบวา วิทยากรสอนเน้ือหาดวยการ
บอก อธิบาย และใหทําตาม โดยไมมีใบความรู ใบงาน และสื่อประกอบการเรียนรู ครู กศน. อําเภอปกธงชัย
ที่เปนผูชวยวิทยากรขาดความม่ันใจในการจัดการเรียนรู และตองการคูมือเพื่อใชเปนแนวทางในการจัดการ
เรียนรผู บู ริหารจึงไดจดั ทาํ คูมอื การจัดการเรยี นรูหลกั สตู รทอ งถ่ินปกธงชยั ขน้ึ

ศูนยการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาํ เภอปกธงชยั ขอขอบคุณผมู สี ว น
เกยี่ วขอ งทุกทานในการจัดทําหลกั สูตรทองถ่ินปกธงชัย จนสําเร็จลุลว งไปดว ยดี

(นายบญุ ยง ครูศรี)
ผูอาํ นวยการศนู ยการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาํ เภอปกธงชัย

สารบญั หนา

คาํ นํา ก
คําชีแ้ จงแนวทางการใชคูมอื การจัดการเรียนรหู ลกั สตู รทองถ่นิ ปก ธงชัย 1
ตอนท่ี 1 : แนวคิด ความเช่ือพน้ื ฐาน และหลักการศึกษานอกระบบ 2
4
คิดเปน (KIDPEN) ปรัชญาพืน้ ฐานของ กศน. 4
หลักการศึกษานอกระบบ 5
หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 10
จติ วทิ ยาการเรียนรู 11
ตอนท่ี 2 : หลักสูตรทองถนิ่ ปก ธงชัย 16
17
การเพาะและดองถั่วงอกวังหมี 66
ตอนที่ 3 : แผนการจัดการเรยี นรูหลกั สูตรทองถิ่นปกธงชัย 67
71
การเพาะและดองถ่ัวงอกวงั หมี 73
ตอนท่ี 4 : การนิเทศ ตดิ ตาม และรายงานผล 74
77
การนเิ ทศ ติดตามและรายงานผล 78
บรรณานกุ รม
ภาคผนวก : แบบทดสอบกอนเรยี นและหลังเรยี น

การเพาะและดองถ่ัวงอกวังหมี
ภาคผนวก : แบบเฉลยแบบทดสอบกอนเรยี นและหลงั เรียน

การเพาะและดองถั่วงอกวังหมี

คําแนะนําการใชค ูม ือการจัดการเรียนรหู ลกั สูตรทอ งถิ่น

1. เอกสาร “คูมือการจัดการเรียนรูหลักสูตรทองถิ่นปกธงชัย” จัดทําขึ้นสําหรับครู กศน. อําเภอ
ปกธงชัยและวิทยากร นําไปใชในการจัดการเรียนรูใหกับประชาชนท่ีมีความสนใจไดเรียนรูเอกสารนี้
ประกอบดวยหลักสูตรทองถ่ินปกธงชัย จํานวน 5 หลักสูตร ซึ่ง กศน.อําเภอปกธงชัยไดรวมกันพัฒนาขึ้น
จากคําขวัญของอําเภอปกธงชัยโดยการมีสวนรวมของประชารัฐ (ภูมิปญญาและปราชญชาวบาน)
จาํ นวน 5 หลักสตู ร คือ

1. วถิ ชี ีวติ ลมุ นํา้ ลําพระเพลิง
2. การประดิษฐข องที่ระลกึ จากผาไหมปกธงชัย
3. การทําขาวหลามนกออก
4. การเพาะและดองถัว่ งอกวงั หม่ี
5. การทําหมตี่ ะคปุ ก ธงชัย
2. เนือ้ หาของคูม ือการจดั การเรยี นรหู ลักสูตรทอ งถน่ิ ปกธงชัย แบง เปน 4 ตอน คือ
- ตอนท่ี 1 แนวคดิ ความเช่ือพน้ื ฐาน และหลกั สูตรการศึกษานอกระบบ
- ตอนที่ 2 หลักสูตรทอ งถ่นิ ปกธงชัย
- ตอนที่ 3 แผนการจดั การเรยี นรูหลกั สูตรทอ งถ่ินปก ธงชัย
- ตอนท่ี 4 การนิเทศ ติดตาม และรายงานผล
3. เน้ือหาตอนท่ี 3 คือ แผนการจัดการเรียนรูหลักสูตรทองถ่ินปกธงชยั แตละหลักสูตรประกอบดวย
จุดประสงคการเรียนรู กิจกรรมการเรียนรูใบความรู ใบงาน แบบทดสอบกอนและหลังเรียน ถือเปนสื่อ
ประกอบการเรยี นรูข องครู กศน.อาํ เภอปกธงชยั และวิทยากรสอนหลกั สูตรทอ งถน่ิ ปก ธงชัย
การนําคูมอื นี้ไปใช ครู กศน. และวิทยากรควรมีการจดบันทกึ ขอมูลการจัดกิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู
เพอ่ื นาํ มาเปนขอ มลู ในการปรบั ปรงุ พฒั นาคูมือในสว นทีเ่ กีย่ วขอ งตอ ไป
4. กอนจัดการเรียนรูตามคูมือน้ี ครู กศน. และวิทยากร ควรศึกษาจุดประสงคการเรียนรูและ
รายละเอียดการจัดการกิจกรรมใหเขาใจ เพื่อไดเตรียมส่ือตางๆใหพรอม เชน ใบความรู ใบงาน วัสดุ อุปกรณ
ในการฝกปฏบิ ตั ิ รวมทงั้ แหลง เรยี นรูทีจ่ ะใหผูเ รียนศกึ ษาหาความรูเพม่ิ เตมิ จากภูมิปญญา
5. กอนจัดการเรียนรูแตละหลักสูตร ครูควรจัดใหผูเรียนไดทําแบบทดสอบกอนเรียนและเม่ือเรียน
จบหลักสูตรแลวใหผเู รยี นทําแบบทดสอบหลงั เรียน เพ่ือเปน การประเมนิ ความรพู ้ืนฐานและความกาวหนาของ
ผูเรยี น

ตอนที่ 1

แนวคดิ ความเชอื่ พื้นฐาน และหลกั การศึกษานอกระบบ

• “คิดเปน” (KIDPEN) ปรัชญาพ้ืนฐานของ กศน.
• หลกั การศึกษานอกระบบ
• หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
• จิตวทิ ยาการเรียนรู
• จิตวิทยาการเรียนรูวยั รุน
• วิธีการสอนผูใหญ

2

ตอนที่ 1 แนวคิด ความเชอ่ื พ้ืนฐาน และหลักการศกึ ษานอกระบบ

1. “คิดเปน” (KIDPEN) ปรชั ญาพน้ื ฐานของ กศน.
คิดเปนเปนกระบวนการคิดท่ีเกิดขึ้นจากห ลักการและแนวคิดของ ดร.โกวิท วรพิพั ฒ น

นักการศึกษาไทยท่กี ลาวไววา “การจัดการศกึ ษาตอ งการสอนคน ใหค ดิ เปน ทาํ เปน แกปญ หาเปน”
คิดเปน หมายถึง กระบวนการที่คนเรานํามาใชใ นการตัดสินใจ โดยตองแสวงหาขอ มูลของตนเอง ขอมูล

ของสภาพแวดลอมในชุมชน และขอมูลทางวิชาการ แลวนาํ มาวิเคราะหห าทางเลือกในการตัดสินใจท่ีเหมาะสม
มคี วามพอดีระหวางตนเองและสังคม

คิดเปน มีความเช่ือวา มนุษยทุกคนตองการความสุข แตความสุขของแตละคนแตกตางกันเน่ืองจาก
มนุษยมีความแตกตางกันในดานตาง ๆ เชน เพศ วัย สภาพสังคมสิ่งแวดลอม วิถีชีวิต ซ่ึงทําใหความตองการและ
ความสุขของแตละคนไมเหมือนกัน ดังนั้น การที่บุคคลจะอยูไดอยางเปนสุขในสังคม จะตองเปนผูคิดเปนทําเปน
แกปญหาเปน และกระบวนการคิดเปน ทําเปน แกปญหาเปน น้ันจะตองนําขอ มูลอยางนอย 3 ประการ มาประกอบ
ในการคิด คือ ขอมูลดา นตนเอง ขอมูลดา นสังคม สง่ิ แวดลอม ขอมูลดานวิชาการ โดยเราจะตองช่ังนํา้ หนักดูวา
ขอมูลใดนา เชื่อถือมากกวา หรอื มผี ลดมี ากกวานาํ มาตัดสนิ ใจโดยอาศยั การพจิ ารณาอยา งรอบคอบ

1.1 หลักการของการคดิ เปน
1.1.2 คิดเปน เชื่อวา สังคมเปล่ยี นแปลงอยตู ลอดเวลา อาจกอใหเกดิ ปญ หาซ่งึ ปญ หานน้ั สามารถแกไ ขได
1.1.3 คนเราจะแกไขปญหาตาง ๆ ไดอยางเหมาะสมท่ีสุด โดยใชขอมูลมาประกอบการตัดสินใจ

อยางนอ ย 3 ประการ คอื ขอมูลเกี่ยวกบั ตนเอง สังคม และวชิ าการ
1.1.3 เมื่อไดตัดสนิ ใจแกไขปญหาดวยการไตรตรองอยางรอบคอบท้ัง 3 ดานแลว ยอ มกอใหเกดิ ความ

พอใจในการตัดสนิ ใจในการตดั สนิ ใจนั้นและควรรับผิดชอบตอ การตดั สินใจน้ัน
1.1.4 เนื่องจากสังคมเปล่ยี นแปลงอยตู ลอดเวลา การคิดตดั สินใจจงึ อาจจะตองเปลี่ยนแปลง ปรบั ปรุง

ใหมใ หเหมาะสมกับสภาพและสถานการณท ่เี ปล่ยี นไป

1.2 ลักษณะของคนคดิ เปน มี 8 ประการ
1.2.1 มคี วามเช่ือวาปญหาทเ่ี กดิ ขึ้นเปนสงิ่ ธรรมดา สามารถแกไขได
1.2.2 การคดิ ท่ีดีตองใชขอมูลหลาย ๆ ดาน (ตนเอง สงั คม วิชาการ)
1.2.3 รวู า ขอมลู เปล่ยี นแปลงอยเู สมอ
1.2.4 สนใจทจ่ี ะวิเคราะหขอมลู อยูเสมอ
1.2.5 รูวา การกระทาํ ของตนมผี ลตอสงั คม
1.2.6 ทาํ แลว ตัดสนิ ใจแลว สบายใจ และเตม็ ใจรับผดิ ชอบ
1.2.7 แกป ญหาชวี ิตประจําวันอยา งมรี ะบบ

3

1.2.8 รูจักชั่งนํ้าหนักคุณคาและตัดสินใจหาทางเลือกใหสอดคลองกับคานิยมความสามารถ
สถานการณ หรอื เงื่อนไขสวนตวั และระดับความเปน ไปไดของทางเลือกตาง ๆ

ปญหา ความสขุ

หาสาเหตุของปญ หา

ตนเอง สังคม วชิ าการ

ไมพอใจ หาทางแกป ญ หา พอใจ
ปฏิบัติ

ประเมินผล

แผนภูมิ แสดงกระบวนการคิดเปน

1.3 กระบวนการเรียนรเู พอื่ นําไปสูก ารคดิ เปน มีดังน้ี
1.3.1 ขน้ั สํารวจปญ หา เมอ่ื เกิดปญหา ยอ มตอ งเกดิ กระบวนการคิดแกป ญหา
1.3.2 ขั้นหาสาเหตุของปญ หา เปนการรวบรวมขอ มูลเกี่ยวกับปญหาท่ีเกิดข้ึน เพือ่ ทําความเขาใจ

ในปญหาน้ัน และนํามาวิเคราะหวาปญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดข้ึนไดอยางไร มีอะไรเปนองคประกอบของปญหาบาง
โดยสาเหตขุ องปญหาทเ่ี กิดขนึ้ อาจมาจากสาเหตุ 3 ดาน คอื

- สาเหตจุ ากตนเอง เชน พ้ืนฐานชีวติ ครอบครวั อาชพี การปฏบิ ตั ิตน ฯลฯ
- สาเหตจุ ากสังคม เชน บคุ คลทีอ่ ยแู วดลอ ม ความเชือ่ ประเพณี ฯลฯ
- สาเหตจุ ากการขาดวชิ าการ ความรตู าง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ งกบั ปญหา
1.3.3 ข้ันวิเคราะห หาทางแกปญหาเปนการวิเคราะหหาทางเลือกในการแกปญหา โดยใชขอมูล
ดานตนเอง สังคม วิชาการ มาประกอบในการวเิ คราะห
1.3.4 ข้ันตัดสินใจ เม่ือไดทางเลือกแลวจึงตัดสินใจเลือกแกปญหาในทางท่ีมีขอมูลตางๆ
พรอ มสมบูรณท่ีสดุ
1.3.5 ข้ันตัดสินใจไปสูการปฏิบัติ เมื่อตัดสินใจเลือกทางใดแลว ตองยอมรับวาเปนทางเลือก
ทด่ี ที ่ีสุดในขอมูลเทาที่มขี ณะนั้น

4

1.3.6 ข้ันปฏิบัติในการแกปญหา ในขั้นน้ีเปนการประเมินผลพรอมกันไปดวย ถาผลเปนท่ี พอใจ
ก็จะถือวา พบความสุขเรียกวา คิดเปน แตถา ไมพอใจ หรือผลออกมาไมไดเปนไปตามที่คิดไวหรือขอมูล
เปล่ียน ตองเริม่ ตนกระบวนการคิดแกปญหาใหม (กรมการศึกษานอกโรงเรียน,2546.)

2. หลกั การศึกษานอกระบบ
การศึกษานอกระบบเปนกระบวนการของการศึกษาตลอดชีวิต มีภารกิจสําคัญที่มุงใหประชาชนไดรับ

การศึกษาอยางท่ัวถึง โดยเฉพาะการศึกษาขั้นพื้นฐานที่จําเปนตอการดํารงชีวิตตามมาตรฐานของสังคมซึ่งเปน
สิทธิที่คนทุกคนพึงไดรับ นอกจากน้ันยังจะไดรับการศึกษาท่ีตอเน่ืองจากการศึกษาพ้ืนฐานเพ่ือนําความรูไป
พัฒนาอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาชุมชนและสังคมในท่ีสุด การจัดกระบวนการเรียนรูการศึกษานอก
ระบบจึงยึดหลักการสําคัญ 5 ประการ คอื (กรมการศกึ ษานอกระบบ2546 : 3-4)

2.1 หลักความเสมอภาคทางการศึกษา กลุมเปาหมายของการศึกษานอกระบบสวนมาก
เปนผูพลาดโอกาส และผูดอยโอกาสทางการศึกษา ซ่ึงอาจมีความแตกตางทางดานสถานภาพในสังคม
อาชีพเศรษฐกิจ และขอจํากัดตาง ๆ ในการจัดการศึกษาและกระบวนการเรียนรูการศึกษานอกระบบตองไมมี
การเลือกปฏิบตั ิ หากแตสรา งความเสมอภาคในโอกาสทางการศึกษาและการเรียนรูอยา งเทาเทียมกัน

2.2 หลักการพัฒนาตนเองและการพึ่งพาตนเอง การจัดการศึกษานอกระบบจะตองจัด
การเรียนการสอน และกระบวนการเรียนรูเพ่ือใหผูเรียนไดพัฒนาศักยภาพของตน สามารถเรียนรูและเกิด
ความรูสกึ ทต่ี องการจะพฒั นาตนเอง เปนคนคิดเปน สามารถปรับตัวใหทันกบั กระแสการเปลีย่ นแปลงของสงั คม

2.3 หลกั การบูรณาการการเรียนรูกบั วิถีชีวติ หลกั การนีอ้ ยบู นพนื้ ฐานของการจัดการเรยี นรู
ท่ีสัมพันธกับสภาพปญหา วิถีชีวิต สภาพแวดลอมและชุมชนทองถิ่นของผูเรียน ซ่ึงเปนหลักการที่สําคัญในการ
จัดการทําหลักสูตรสถานศึกษา สงผลโดยตรงตอการจัดกระบวนการเรียนรู การจัดการเรียนรูเปนลักษณะ
ของการบูรณาการ โดยบูรณาการสาระตาง ๆ เพ่ือการเรียนรู และบูรณาการวิธีการจัดการเรียนการสอนเพื่อ
นําไปสูการพัฒนาการคณุ ภาพชวี ติ ของผูเรียน

2.4 หลกั ความสอดคลอ งกับปญหาความตองการและความถนัดของผูเรียน หลักการนี้เปน
การสงเสริมใหผูเรียนรูจักความตองการของตนเอง สามารถจัดการศึกษาใหกับตนเองไดอยางเหมาะสม
วิทยากรมีบทบาทในการสงเสรมิ กระบวนการเรียนรูดวยตนเองของผูเรียน โดยผูเรียนรวมกําหนดวัตถุประสงค
สาระการเรยี นรู วธิ กี ารเรยี น และการประเมินผลการเรยี นรขู องตนเอง ซงึ่ เปน กระบวนการทีผ่ ูเรียนเปนสาํ คญั

2.5 หลักการเรียนรูรว มกันและการมีสว นรวมของชุมชน การมสี ว นรวมของชุมชนนับวา เปน
หลักการสําคัญในการจัดการศึกษานอกระบบ ชุมชน สามารถเขามารวมในการจัดทําหลักสูตรสถานศึกษา
การจัดสรรทรัพยากรเปนแหลงเรียนรู และสนับสนุนในเรื่องอ่ืน ๆ เพ่ือผลิตผูเรียนใหเปนสมาชิกท่ีดีของชุมชน
ตอไป

5

3. หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
แนวพระราชดําริท่ีสําคัญเร่ืองหนึ่งท่ีเหมาะสมกับการนํามา ประยุกตและบูรณาการเขาสู

การจัดการเรียนการสอนใหกับผูเรียนทุกระดับ คือ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเปนหลักการ
ปรัชญาของการพัฒนาท่ีต้ังอยูบนพื้นฐานของทางสายกลาง และความไมประมาท โดยคํานึงถึงความ
พอประมาณ ความมีเหตุผลการสรางภูมิคุมกันที่ดีในตัว ตลอดจนใชความรู ความรอบคอบและคุณธรรม
ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ และการกระทาํ

3.1 กรอบแนวคิด เปนปรัชญาที่ช้ีแนะแนวทางการดํารงอยูและปฏิบัติตนในทางที่ควร
จะเปนโดยมีพ้ืนฐานมาจากวิถีชีวิตด้ังเดิมของสังคมไทย สามารถนํามาประยุกตใชไดตลอดเวลาและเปนการ
มองโลกเชิงระบบท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอยูตลอดเวลา มุงเนนการรอดพนจากภัยและวิกฤติเพ่ือความม่ันคง
และความยงั่ ยืนของการพฒั นา

3.2 คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพยี งสามารถนาํ มาประยกุ ตใ ชก ับการปฏบิ ัติตนไดในทุกระดับ
โดยเนนการปฏบิ ตั บิ นทางสายกลางและการพฒั นาอยา งเปนข้นั ตอน

3.3 คาํ นยิ าม ความพอเพยี งจะตอ งประกอบดวย 3 คุณลักษณะ พรอม ๆ กนั ดังนี้
ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีท่ีไมนอยเกินไปและไมมากเกินไป

โดยไมเ บยี ดเบียนตนเองและผูอ่ืน เชน การผลติ และการบรโิ ภคท่ีอยูในระดบั พอประมาณ
ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้นจะตอง

เปนไปอยางมีเหตุผล โดยพจิ ารณาจากเหตุปจจัยท่ีเกี่ยวของตลอดจนคาํ นึงถึงผลทค่ี าดวาจะเกิดขึ้น จากการกระทําน้ัน ๆ
อยางรอบคอบ

การมีภูมิคุมกันท่ีดีในตัวเอง หมายถึง การเตรียมตัวใหพรอมรับผลกระทบและการ
เปลี่ยนแปลงดา นตาง ๆ ท่ีคาดวา จะเกดิ ขนึ้ ในอนาคตท้งั ใกลแ ละไกล

3.4 เง่ือนไข การตัดสินใจและการดําเนินกิจกรรมตาง ๆ ใหอยูในระดับพอเพียงนั้น
ตองอาศยั ทง้ั ความรแู ละคณุ ธรรมเปน พื้นฐาน กลาวคือ

เง่ือนไขความรู ประกอบดวย ความรอบรูเก่ียวกับวิชาการตาง ๆ ท่ีเก่ียวของอยาง
รอบคอบ ดานความรอบคอบท่ีจะนําความรูเหลาน้ันมาพิจารณา ใหเชื่อมโยงกันเพ่ือประกอบการวางแผน
และ ความระมัดระวงั ในขน้ั ปฏบิ ัติ

เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะตองเสริมสรางประกอบดวย การมีความตระหนักในคุณธรรม
มคี วามซื่อสตั ยสจุ รติ มีความอดทน มีความเพยี ร ใชส ตปิ ญญาในการดําเนนิ ชวี ิต ไมโ ลภ ไมต ระหนี่

3.5 แนวทางปฏิบัติ/ผลท่ีคาดวาจะไดรับ จากการนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมา
ประยุกตใช คือ การพัฒนาท่ีสมดุลและย่ังยืน พรอมรับตอการเปล่ียนแปลงในทุกดาน ทั้งดานเศรษฐกิจสังคม
สงิ่ แวดลอ ม ความรแู ละเทคโนโลยี

6

4. จิตวิทยาการเรยี นรู

4.1 จิตวทิ ยาการเรยี นรูผใู หญ
การจัดการเรียนรูการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เปนการจัดการเรียนรูสําหรับ
กลุมเปาหมายผูใหญที่มีวุฒิภาวะ ความรู และประสบการณท่ีแตกตางจากเด็ก ดังน้ันการจัดการเรียนรูสําหรับ
ผูใ หญจ ะตอ งคํานึงถงึ ศาสตรวา ดวยการเรียนรผู ูใหญ วธิ ีการสอน และหลกั การจัดการเรยี นรใู หก บั ผใู หญ ดงั นี้
โนลล (Malcolm S. Knowles) ไดสรุปพื้นฐานของทฤษฎีการเรียนรูสําหรับผใู หญสมัยใหม (Modern
Adult Learning Theory) ซ่ึงมีสาระสําคัญดังตอไปนี้ (Knowles.1978.p31 อางอิงจาก สุวัฒน วัฒนวงศ.
2547:248-249)

1) ความตองการและความสนใจ (Needs and Interests) ผูใหญจะถูกชักจูงใหเกิดการ
เรยี นรไู ดดี ถา ตรงกบั ความตองการและความสนใจในประสบการณทผ่ี านมาจะเกิดความพึงพอใจ เพราะฉะนั้น
ควรจะมีการเร่ิมตนในสิ่งเหลาน้ีอยางเหมาะสม โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อใหผูใหญเกิดการ
เรยี นรู จึงตอ งคํานงึ ถงึ สิ่งนีด้ ว ยเสมอ

2) สถานการณที่เกยี่ วของกับชีวิตผูใหญ (Life Situation) การเรียนรูของผูใหญจะไดผลดี
ถาหากถือเอาตัวผูใหญเปนศูนยกลางในการสอน (Life-Centered) ดังน้ัน การจัดหนวยการเรียนรูที่เหมาะสม
เพื่อการเรียนรูของผูใหญ ควรยึดถือเอาสถานการณท่ีเกี่ยวของกับชีวิตผูใหญเปนหลักสําคัญ มิใชยึด
ทต่ี ัวเน้ือหาวชิ า

3) การวิเคราะหประสบการณ (Analysis of Experience) เน่ืองจากประสบการณ
เปน แหลง การเรียนรูที่มคี ุณคามากที่สดุ สําหรับผูใหญ ดังนัน้ หลักสาํ คญั ของการศกึ ษาผใู หญก็คือ การวเิ คราะห
ถงึ ประสบการณของผูใ หญแตละคนอยางละเอยี ด วา มีสว นไหนของประสบการณท จี่ ะนํามาใชในการเรียนการ
สอนไดบ าง แลว จงึ หาทางนาํ มาใชใหเกิดประโยชนตอ ไป

4) ผูใหญตอ งการเปน ผูนําตนเอง (Self-Directing) ความตอ งการท่ีอยใู นสวนลกึ ของผูใ หญ
ก็คือ ความรูสึกท่ีตองการจะนําตนเองได ดังนั้นบทบาทหนาที่ของครูจึงอยูในกระบวนการสืบหาหรือ
คนหาคําตอบรวมกันกับผูเรียน (Mutual Inquiry) มากกวาการทําหนาที่เปนผูสงผานความรู หรือ
เปนสอ่ื สาํ หรบั ความรู และหนา ท่ีประเมนิ ผลวาเขาคลอยตามหรอื ไมเ พียงเทานัน้

5) ความแตกตางระหวางบุคคล (Individual Difference) ความแตกตางระหวางบุคคล
จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในแตละบุคคลเม่ือมีอายุเพ่ิมมากข้ึน การสอนผูเรียนผูใหญจึงตองจัดเตรียมการในดานนี้
อยางดีพอ เชน รูปแบบของการเรียนการสอน (Style) เวลาท่ีไดทําการสอน สถานที่สอน และประการสําคัญ
คือ ความสามารถในการเรียนรใู นแตล ะขน้ั ของผูใ หญย อมเปน ไปตามความสามารถของผูใ หญแตละคน

7

4.2 หลกั การจัดการเรียนรใู หกบั ผูใหญ
ลกั ษณะการเรียนรขู องผใู หญ ทีร่ วบรวมไว มดี ังนี้ (จงกลนี ชุติมาเทวินทร. 2542)
4.2.1 ผูใหญไมตองถูกปฏิบัติเหมือนกับตนเองเปนเด็ก เพราะผูใหญสามารถท่ีจะรับผิดชอบ

เคารพตนเอง และกาํ หนดวถิ ีของตนเองได
4.2.2 ผูใหญมีประสบการณมากมายหลายอยางท่ีสามารถนําออกมาใชไดในการจัดการเรียน

ของตนเองได
4.2.3 ผูใหญมักจะไมสนใจเรียนรูเกี่ยวกับเรื่องที่มีเนื้อหามากๆหรือการท่ีจะตองจดจํา

ขอเท็จจริง หรือตัวเลขท่ีมากมาย หรือการพูดถึงทฤษฎีเพียงอยางเดียว แตผูใหญจะตองแสวงหาส่ิงท่ีแทจริง
และคณุ คาในดานอืน่ ๆ ดว ย

4.2.4 ผูใหญจะเรยี นรูไดด ที ี่สุดในสถานการณผอนคลาย สนกุ สนาน และมีความสนใจ
4.2.5 ผใู หญจะเรียนรูไดเรว็ กวา หากไดม ีสวนรวมในกิจกรรมการเรยี นการสอนโดยการปฏบิ ัติ
จรงิ มีสว นรว มในการแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ ประสบการณ มากกวาการน่งั ฟง การบรรยายเพยี งอยางเดยี ว
4.2.6 ผูใหญจ ะเรยี นรไู ดดี เม่อื อยใู นสภาพทพ่ี รอมและพอใจทีจ่ ะเรียน
4.2.7 ผูใหญจะเรียนรูไดเรว็ ที่สุดโดยหลัก “ความเก่ียวพันกัน” ซ่ึงหมายถึงทุกขอเท็จจริง ทุก
แนวคิด และความคิดรวบยอดทั้งหลายนั้น จะสามารถเรียนรูไดดีท่ีสุดเมื่อส่ิงเหลาน้ีเก่ียวโยงกับส่ิงท่ีเคยรูหรือ
มีประสบการณม าแลว
4.2.8 การเปดโอกาสใหผูใหญไดคนพบตัวเอง เรียนรูดวยตนเอง จะเปนกิจกรรมท่ีแตละคน
สามารถรบั ผิดชอบดวยตนเอง ในสัดสัดสวนเวลาของตนเอง โดยมีผูเชี่ยวชาญหรือผูรูคอยแนะนํา ซ่ึงการเรียน
โดยวธิ ีนี้ผใู หญจ ะเรยี นไดดี
4.2.9 ผูใหญแตละคนเรียนรูไดเร็วหรือชาในอัตรากาวกระโดดที่แตกตางกัน และ
ในสถานการณท่ีแตกตางกัน ซ่ึงมีปจจัยทางดานจิตวิทยาและดานรางกาย เปนตัวกําหนดขีดความสามารถ
ทางดานการเรยี นรู
4.2.10 สําหรับผูใหญแลว การเรียนรูคือกระบวนการเรียนรูตลอดชีวิต คือสามารถเรียนรูได
โดยไมมีท่ีสิ้นสุด ผูใหญจึงมีความรูมาก ซ่ึงบางคนอาจมีความรู ประสบการณมากกวาวิทยากร ครู และผูเรียน
ในกลมุ เดยี วกัน
4.2.11 ผูใหญชอบเรียนรูในประสบการณตรง ขณะที่การใชภาษาทาทาง และส่ือทัศนูปกรณ
ที่หลากหลายจะมีผลตอ การเรียนรมู ากกวาส่ือทเ่ี ปนภาษาเขยี น
4.2.12 ถึงแมวาผูใหญจะมีความรูสึกทางดานเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีคอนขางมาก แตผูใหญ
กย็ งั มคี วามพอใจและความอบอนุ ใจทีไ่ ดรบั การยกยองเชนเดียวกับเด็ก ๆ
4.2.13 การจัดกระบวนการเรียนรูของผูใหญจะไดผลดีมากท่ีสุด เมื่อการเรียนรูนั้นๆสามารถ
นาํ ไปประยกุ ตใ ชในงานปจ จบุ ันได
4.2.14 การจัดกระบวนการเรียนรูข องผใู หญ ควรเรม่ิ ตนจากภาพรวมกอ น ตอจากนัน้ จงึ ระบุ
ทีละสวนทีละข้ันตอน และตามดวยการแสดงใหเหน็ ภาพรวมอีกครงั้

8

4.2.15 นอกจากความสามารถของผูใหญแตละคนจะแตกตางกันแลว ความตองการท่ีแทจริง
ของแตล ะคนกจ็ ะแตกตางกนั ดวย ทงั้ ในเร่ืองของทักษะเฉพาะ ความรู เทคนคิ ทศั นคติ และประสบการณ

4.2.16 อตั ราการหลงลมื ของผูใ หญอาจเกิดขน้ึ อยางรวดเร็วและทันทหี ลงั การเรียนการสอนได
4.2.17 ทุกส่ิงทุกอยา งอาจงายตอการเรียนรูและการยอมรบั ของผใู หญ ถา หากการกระทํานั้น
หรือสิ่งนนั้ ไมขดั กบั สง่ิ ทไ่ี ดเ คยเรียนรู หรือเคยมปี ระสบการณม ากอ น
4.3 จติ วทิ ยาการเรยี นรูวยั รนุ
นอกเหนือจากกลุมเปาหมายที่เปนผูใหญแลว ยังมีกลุมเปาหมายที่เปน “วัยรุน” ที่เขามา
เรยี น กศน. ดังน้ันในการจัดกระบวนการเรยี นรู ครู ตองเขา ใจถงึ ศาสตรท่ีเก่ยี วกับการเรยี นรูของกลุมเปาหมาย
นี้วา “วัยรุน” เปนวัยที่กําลังพัฒนาตนเองไปสูความเปนผูใหญเพื่อเปนกําลังและเปนอนาคตของชาติครู
จึงจําเปนตองหาแนวทางและกิจกรรมตาง ๆ เพื่อพัฒนากลุมเปาหมายนี้ ใหมีคุณภาพ การจัดกิจกรรมสําหรับ
วัยรนุ นอกจากเนือ้ หาทีด่ ีแลว ครคู วรคํานงึ ถึงประเดน็ สําคญั ดังตอไปน้ี
1) ความตองการและความสนใจ (Needs and Interests) เปนกิจกรรมท่ีจัดใหวัยรุน
ควรเปนกิจกรรมท่ีวัยรุนสนใจ มีความตองการที่จะเรียนรู เปดโอกาสใหวัยรุนไดมีสวนรวมในการคิดหรือเสนอ
กิจกรรมและความตองการในเรื่องท่ีอยากเรียนรู เนื่องจากเปนวัยที่มีความเพอฝน ความคิดอานกวางขวาง
ลึกซึ้งขึ้น อยากรู อยากเห็น ตองการทดลอง และแสวงหาคําตอบ เร่ิมคิดถึงชีวิต อดีต ปจจุบัน และอนาคต
เกิดความกระตือรือรนที่จะเรยี นรูหรอื ฝกวิชาชีพ เพอื่ ความกาวหนา มีความเปนอิสระ ตองการใหผูใหญ รับฟง
ความคิดเห็นของตน อุดมคติสงู หวั รนุ แรง ตอ งการใหส งั คมมีความยุติธรรม เสมอภาค
2) ไดความสนุก (Enjoyment) กจิ กรรมท่ีจัดใหวัยรุนควรเปนกจิ กรรมท่ีสนุก มิใชเพียงการ
น่ังฟง นั่งเรียนแบบในช้ันเรียน แตควรเปนกิจกรรมท่ีใหวัยรุนไดคิด ไดเคลื่อนไหว ไดใชพลังงานประกอบ
กิจกรรมที่ไดเรียนรู ท่ีสรางจินตนาการกวางไกล หรือการผจญภัย ทดลอง ชอบเส่ียง (ในขอบเขตท่ีสามารถ
ควบคุมได) เพราะกิจกรรมที่มคี วามสนุกชวยใหว ัยรนุ ไมร ูส กึ เบ่อื หนาย หรือไมส นใจในสิง่ ท่ีตองเรยี นรู
3) ไดมิตรภาพ (Friendship) ตองการเปนท่ียอมรับของเพื่อน วัยรุนเปนวัยที่ชอบเขา สังคม
ชอบการแสวงหาเพ่ือนและมิตรภาพ กจิ กรรมสําหรับวัยรุนจึงควรเปนกจิ กรรม ที่ชวยใหว ัยรุน ไดส รางมิตรภาพ
ไดมีสวนรวมกับเพื่อน ๆ ดวยกันเอง วัยรุนจะเช่ือถือ และรับฟงเพ่ือนมากกวาพอแม ชอบเปรียบเทียบตนเองกับ
เพือ่ นฝูง ดังนั้นการจดั กิจกรรมตอ งระวังและตองไมสรางใหเกิดความรูสึกมีปมดอย เพราะวยั รนุ จะรูส ึกทอแทใ จ
ไดง าย
4) ไดความภาคภูมิใจ (Pride) ความภาคภูมิใจในตนเองเปนสวนหนึ่งที่ชวยใหวัยรุนรูสึกวา
ตนเองมีคุณคา เปนที่ยอมรับและตองการของสังคม หากกิจกรรมท่ีจดั ชวยใหวยั รุนเกิดความภาคภูมิใจเขาก็จะ
รูสึกดีกับความรู และทักษะท่ีเขาไดรับ พรอมจะนําสิ่งท่ีไดไปปฏิบัติอยางตอเน่ือง เปนวัยที่ตองการแสวงหาให
รูจกั สงั คมและโลกภายนอก และรบั ผดิ ชอบตอการงานทีท่ ํา
5) ไดรับการใหคําปรึกษาแนะแนว (Take advice) วัยรุนตองการคําแนะนําตามลักษณะ
ปญหาซ่ึงประกอบดวยการแนะแนวอาชีพ การแนะแนวปญหาสวนตัวอื่น ๆ และการแนะแนวเกี่ยวกับการมี
ครอบครวั เปนตน

9

4.4 วธิ ีการสอนผูใหญ (Teaching Methods)
จารวิส (Jarvis) ไดจําแนกวิธีการสอนผูใหญออกเปน 3 ประเภทดวยกัน คือ วธิ ีการสอนโดย

ใชครูเปนศูนยกลาง วิธีการสอนโดยใชผูเรียนเปนศูนยกลาง และวิธีการสอนโดยใชผูเรียนเปนศูนยกลาง
รายบุคคล (Jarvis. 1983. pp 130-156 อางองิ จาก สวุ ฒั น วฒั นวงศ. 2547)

1) วิธีการสอนโดยใชครูเปนศูนยกลาง (Teacher-Centered Methods) เปนวิธีการที่มี
ครูหรือวิทยากรทําหนาที่เปนผูนําและผูดําเนินการ จัดเปนวิธีการสอนท่ีจะพยายามใหความรู ขอมูลและ
ขอเท็จจรงิ แกผ ูเรียนหรือผเู ขาอบรมเปนสําคญั โดยอาจมีการใชศ ิลปะในการตั้งคําถามของครหู รอื วทิ ยากร เปน
การกระตุนใหผูเรียนเกิดการสนองตอบในการเรียน อยางไรก็ตามครูบางคนหรือในการสอนบางครั้งก็ไม
สามารถใชเทคนิคในการตั้งคําถามได ทั้งนี้อาจเปนเพราะวา ไมมีเวลา หรือเปนเพราะวาผูเรียนมจี ํานวนมากจน
ไมสามารถทจ่ี ะถามไดอ ยา งทั่วถึงทกุ คน

2) วิธีการสอนโดยใชผูเรียนเปนศูนยกลาง (Student-entered) เปนวิธีการสอนท่ีมี
ลักษณะท่ีผูเรียนสามารถเรียนรูรวมกันในระหวางพวกเขากันเองเปนสวนใหญ ท้ังน้ีก็จะเปนการนําเอาความรู
จากประสบการณของผูเรียนมาสูสถานการณการเรียนการสอนดวยเพื่อน (Peer Teaching) แตก็มีบางคน
กลาวแยงวาวิธีการสอนแบบนี้มีลักษณะคลายกับ “คนตาบอดจูงนําทางคนตาบอดดวยกัน” อยางไรก็ตาม
ความจริงแลวก็มีความรูหลายสิ่งหลายอยางท่ีผูเรียนเองสามารถจะเปนแหลงความรูไดอยางดี ซึ่งกรณีน้ีครูก็
จะทําหนา ทเ่ี ปน “ผูอาํ นวยความสะดวกในการเรียนรู” (Facilitator)

3) วิธีการสอน โดยใชผูเรียน เป น ศูน ยกลางรายบุ ค คล (Individual Student
- Centered Methods) เปนวิธีการที่มีทั้งสวนคลายและแตกตางจากแบบท่ี 2 ท้ังนี้เปนวิธีการสอนซ่ึงเนน
เฉพาะผูเรียนแตละบุคคลเทาน้ัน เพื่อผูเรียนจะสามารถนําไปใชใหเกิดการเรียนรูไดอยางเหมาะสมกับตนเอง
โดยมีลักษณะท่ีหลากหลายในวิธีการเรียน จากการเลือกเรียนดว ยตนเอง (Self-selected Learning) หรือการ
ใหครูกาํ หนดกจิ กรรมได

จากหลักการและแนวคิดตางๆท่ีไดกลาวมา ลวนมีความสําคัญตอการจัดกระบวนการเรียนรู
ทผ่ี บู ริหาร ครูและผเู ก่ียวขอ งควรตระหนัก และทาํ ความเขาใจ เพื่อนํามาปรับใชเปนแนวทางในการกําหนดและ
ออกแบบการจัดการเรียนรูใหสอดคลองกับหลักการ จุดมุงหมาย และการจดั การเรียนรูตามหลักสตู รการศึกษา
นอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551

ตอนท่ี 2

หลกั สตู รทองถิ่นปกธงชยั

• การเพาะและดองถัว่ งอกวงั หมี

11

หลักสตู รทองถิ่นปกธงชยั : การเพาะและดองถวั่ งอกวังหมี

ความเปน มา

บา นวงั หมี เปนหมูบานหน่ึงในตําบลเมืองปก มีชือ่ เสยี งโดงดังมาหลายทศวรรษในเรื่องการเพาะถั่วงอก
เปน เลิศ เรยี กวา “ถั่วงอกวงั หมี” ในสมัยกอ นไดมกี ารเพาะเพื่อบรโิ ภคในครวั เรอื นเทาน้ัน ในเวลาตอมาไดป รับ
เปนการซื้อขายเพื่อสรางรายไดใหกับครอบครัวกันท้ังหมูบาน ถึงแมการทําอาชีพการเพาะถ่ัวงอกจะมีการทํา
กันนอยลง เน่ืองจากลูกหลานไดเดินทางไปทํางานในชุมชนเมือง ทวายังคงรักษาคุณภาพของถั่วงอก ชื่อเสียง
และวิธีการเพาะถั่วงอกแบบดั้งเดิม เอาไวเปนอยางดี ถั่วงอกวังหมี มีเอกลักษณโดดเดนตรงท่ีตนอวบส้ัน
แบบท่ีภาษาโคราชเรียกวา "อ๊ัวะ" กินสด รสหวาน กรอบ ไมเหม็นเขียว นิยมกินกับขนมจีนเชนเดียวกับ
ท่ีอ่นื ๆ อาหารประจําทองถิ่นเมืองยาโม อําเภอปกธงชัย ที่ขาดถ่ัวงอกไมไดเลยคือหม่ีโคราช จนกลายเปนสวน
หน่ึงในคําขวัญของอําเภอปกธงชัย คือ “ลําพระเพลิงน้ําใส ผาไหมเน้ืองาม ขา วหลามนกออก ถ่ัวงอกวังหมี หมี่
ตะคุ" ถั่วงอกวังหมีเปนสินคาท่ีสรางรายไดไดดีใหกับชุมชน เปนท่ียอมรับ จนไดรับรางวัล ทางการเกษตรท่ีมี
คุณภาพในเทศกาลงานผาไหมปกธงชัย คร้ังท่ี 2 และครั้งท่ี 3 จากอําเภอปกธงชัย การมีลักษณะเฉพาะของ
ถั่วงอกวังหมีดังที่กลา วมาแลว ทําใหมีผมู าศึกษาดงู านการเพาะถว่ั งอกวงั หมอี ยางตอ เน่ือง หนวยงานท่ีเกยี่ วขอ ง
ไดเขามาชวยสงเสริมและสนับสนุน จนกลายเปนสินคาสําคัญประจําอําเภอปกธงชัยจนถึงทุกวันนี้ อาชีพ
เพาะถั่วงอกวังหมี นับเปนอาชีพหนึ่งท่ีมีความสําคัญในชุมชนและเปนอาชีพที่สรางรายไดใหกับบุคคลและ
ครอบครวั ไดอ ยางมัน่ คง ถอื เปนของดอี ําเภอปกธงชยั

ศูนยการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอปกธงชัย ไดทําการสํารวจชุมชนและ
จัดเวทีชาวบาน ไดขอสรุปวาคนในชุมชนมีความตองการท่ีจะสืบทอดการเพาะถั่วงอกวังหมี ซึ่งเปนอัตลักษณ
เฉพาะถิ่นใหคงไว และตองการสืบทอดสูคนรุนหลังใหไดเรียนรูและสรางอาชีพใหเกิดขึ้นกับคนในชุมชนอีกทั้ง
“ถั่วงอกวังหมี” เปนสวนหน่ึงของคําขวัญอําเภอปกธงชัยท่ีไดผานการยอมรับจากประชาชนในอําเภอปกธงชัย
จงึ ไดจัดทําหลักสูตร “การเพาะและดองถั่วงอกวังหมี” ขึ้น เพ่ือเปน ชองทางในการประกอบอาชีพ และอนุรักษ
สืบทอดภมู ปิ ญญาการเพาะถั่วงอกของหมูบา นวังหมีใหค งอยูตอไป

จดุ มุงหมาย
เปนหลักสูตรท่ีมุงเนนใหผ ูเรียนเรียนรูดวยการปฏิบัตจิ รงิ ในการเพาะและดองถ่วั งอกวังหมี โดยยึดหลัก

ความสอดคลองกับศักยภาพความพรอม และความหลากหลายตามความแตกตางของผูเรียน โดยบูรณาการ
หลกั ปรชั ญาคิดเปน และหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไวในกระบวนการเรยี นรู

12

วัตถปุ ระสงค
เพื่อใหผูเรียนมีความรู ความเขาใจ เกิดทักษะในการเพาะและดองถ่ัวงอกวังหมี มีเจตคติท่ีดีตอการ

ประกอบอาชีพ สามารถนําความรูท่ีไดรับไปใชในชีวิตประจําวันและใชเปนชองทางในการประกอบอาชีพได
ตลอดจนอนรุ ักษสืบทอดภมู ิปญญาการเพาะถ่ัวงอกของหมบู านวงั หมีใหคงอยูตอไป

กลมุ เปา หมาย
ประชาชนบานวังหมี ตาํ บลเมืองปก อาํ เภอปกธงชัย และประชาชนทัว่ ไปที่สนใจ

ระยะเวลาเรียน
ระยะเวลาเรยี นทงั้ หมด 50 ชั่วโมง
- ภาคทฤษฎี จํานวน 10 ชวั่ โมง
- ภาคปฏบิ ัติ จาํ นวน 40 ชวั่ โมง

โครงสรา งเนอื้ หาของหลกั สูตร ประกอบดว ยเน้ือหา 4 เรื่อง ดังน้ี
บทที่ 1 ประวัติความเปน มาของถ่ัวงอกวงั หมี (จํานวน 6 ช่ัวโมง)
เรื่องที่ 1 ประวัติความเปน มาของถว่ั งอกวังหมี
เรอ่ื งท่ี 2 ประโยชนของถั่วงอกวงั หมี
เรอื่ งท่ี 3 จุดเดน ของถว่ั งอกวังหมี
บทท่ี 2 การเพาะถ่วั งอกวังหมี (จํานวน 24 ชั่วโมง)
เรอื่ งที่ 1 วสั ดุ และอปุ กรณ สาํ หรบั การเพาะถวั่ งอกวังหมี
เร่อื งท่ี 2 ขัน้ ตอนการเพาะถ่ัวงอกวงั หมี
เรอ่ื งที่ 3 การเกบ็ ผลผลติ ถ่วั งอกวังหมี
บทที่ 3 การดองถัว่ งอกวงั หมี (จาํ นวน 12 ช่วั โมง)
เรื่องที่ 1 การดองถ่ัวงอกดว ยนาํ้ ซาวขาว
เร่ืองท่ี 2 การดองถว่ั งอกดวยนาํ้ สมสายชู
เรื่องที่ 3 การดองถั่วงอกดว ยนํา้ เกลือ
เรื่องท่ี 4 การดองถวั่ งอกดวยน้ํามะพรา ว
บทที่ 4 การบริหารจดั การอาชีพจาํ หนา ยถั่วงอกวงั หมี (จํานวน 8 ชัว่ โมง)
เรอ่ื งที่ 1 ชองทางการจดั จาํ หนายและการกาํ หนดราคาจาํ หนา ยถ่ัวงอกวังหมี
เรื่องที่ 2 การทาํ บัญชรี ายรับ - รายจา ย
เรอ่ื งท่ี 3 คุณธรรม จริยธรรม ในการประกอบอาชีพจาํ หนายถัว่ งอกวังหมี

13

รายละเอยี ดโครงสรา งเน้ือหาของหลกั สตู ร

ที่ เร่อื ง จุดประสงค เนื้อหา การจดั กระบวน จํานวนชัว่ โมง
1 ประวัติความ การเรียนรู
1. ประวตั ิความเปนมา การเรียนรู ทฤษฎี ปฏิบตั ิ
เปนมาของ 1. บอกประวัติความ ของถ่วั งอกวงั หมี
ถ่ัวงอกวงั หมี เปนมาของถั่วงอก 2. ประโยชนของ 1. บรรยาย 24
วงั หมไี ด ถัว่ งอกวังหมี
2 การเพาะ 2. บอกประโยชน 3. จุดเดน ของถัว่ งอก 2. ศึกษาใบความรู
ถ่ัวงอกวงั หมี ของถัว่ งอกวงั หมีได วงั หมี
3. บอกจุดเดน ของ และทําใบงาน
3 การดอง ถั่วงอกวังหมีได 1. วัสดุ และอปุ กรณ
ถว่ั งอกวังหมี 1. เตรยี มวสั ดุ และ สําหรับการเพาะ 3. แลกเปลยี่ น
อปุ กรณส าํ หรับการ ถ่วั งอกวงั หมี
เพาะถ่ัวงอกวังหมไี ด 2. ข้นั ตอนการเพาะ เรียนรูกับภมู ปิ ญ ญา
อยา งถูกตอง ถ่วั งอกวงั หมี
2. เพาะถั่วงอก 3. การเก็บผลผลิต 4. ศึกษาแหลง
วงั หมไี ด ถัว่ งอกวังหมี
3. เก็บผลผลติ ถ่ัวงอก เรยี นรู
วังหมีได 1. การดองถั่วงอก
วังหมดี วยนา้ํ ซาวขา ว 1. บรรยาย 3 21
1. ดองถว่ั งอกวังหมี
ดว ยวธิ กี ารตา ง ๆ ได - วสั ดุ อปุ กรณ 2. สาธิต
และสวนผสม
- วธิ กี ารดอง 3. ฝกปฏบิ ัตจิ รงิ
- การบรรจุและ
เก็บรักษา 4. แลกเปล่ียน
2. การดองถ่ัวงอก
วงั หมีดวยน้าํ สมสายชู เรยี นรกู ับภูมิปญ ญา
- วัสดุ อปุ กรณ
และสว นผสม 5. ศกึ ษาแหลง
- วิธกี ารดอง
- การบรรจแุ ละ เรยี นรู
เก็บรกั ษา
6. ศึกษาใบความรู

และทําใบงาน

1. บรรยาย 2 10

2. สาธติ

3. ฝกปฏิบตั จิ รงิ

4. ศกึ ษาดวยตนเอง

จากสือ่ CD/VCD

อนิ เตอรเ น็ต และ

แหลง เรียนรูตา งๆ

5. ศึกษาใบความรู

และทาํ ใบงาน

14

ที่ เร่ือง จดุ ประสงค เนื้อหา การจดั กระบวน จํานวนช่วั โมง
การเรียนรู ทฤษฎี ปฏิบตั ิ
4 การบรหิ าร การเรยี นรู
จัดการอาชีพ 1. บรรยาย 35
จาํ หนาย 3. การดองถัว่ งอก 2. ศึกษาจาก
ถั่วงอกวงั หมี ใบความรูและทํา
วังหมีดวยน้าํ เกลือ ใบงาน
3. อภปิ ราย
- วัสดุ อุปกรณ แลกเปล่ยี นเรียนรู
4. ฝกปฏิบตั จิ ริง
และสวนผสม

- วิธกี ารดอง

- การบรรจุและ

เกบ็ รกั ษา

4. การดองถวั่ งอก

วงั หมีดว ยนาํ้ มะพรา ว

- วัสดุ อปุ กรณ

และสวนผสม

- วิธีการดอง

- การบรรจแุ ละ

เกบ็ รกั ษา

1. ระบชุ อ งทางการ 1. ชอ งทางการจัด

จดั จาํ หนายและการ จําหนา ยและการ

กําหนดราคาจาํ หนาย กําหนดราคาจําหนา ย

ถว่ั งอกวงั หมีได ถ่วั งอกวงั หมี

2. ทําบัญชี รายรับ 2. การทําบัญชรี ายรับ

รายจายได รายจาย

3. บอกคุณธรรม 3. คุณธรรมจรยิ ธรรม

จริยธรรมในการ ในการประกอบอาชีพ

ประกอบอาชีพ จาํ หนายถ่ัวงอกวังหมี

จาํ หนา ยถว่ั งอกวงั หมี

ได

15

แหลงการเรียนรูและสอื่ ประกอบการเรยี น
1. สือ่ เอกสาร
1.1 ใบความรู
1.2 ใบงาน
2. สอื่ อิเลก็ ทรอนิกสเ ร่ือง การดองถวั่ งอก
3. ภมู ปิ ญ ญาการเพาะถัว่ งอกวงั หมี
4. แหลง เรียนรู หมบู า นวงั หมี ตําบลเมอื งปก อําเภอปก ธงชยั

การวัดและประเมนิ ผล
1. ประเมนิ ความรูความสามารถ ทักษะ ดวยการทดสอบและปฏบิ ัตจิ ริง
2. ประเมินชน้ิ งาน ดวยผลงานที่ปฏบิ ตั จิ ริง
3. ประเมินผลการเรียนจากการประเมินผลกอนเรียน ระหวา งเรียนและหลงั เรยี น ดว ยเครื่องมือ
และวิธกี ารตอ ไปน้ี
- ทดสอบกอ นเรียน
- แบบฝกปฏิบตั /ิ ใบงาน
- แบบสังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ ผลช้ินงานการปฏบิ ตั ิ
- ทดสอบหลังเรียน

การจบหลกั สตู ร
1. มีเวลาเรียนและฝกปฏบิ ตั ติ ามหลักสตู ร ไมน อยกวารอยละ 80
2. มผี ลการประเมนิ ผา นตลอดหลกั สตู ร ไมน อยกวา รอยละ 60
3. มีผลงาน (ตามรายวิชาท่ีเรียน/ตามหลกั สูตร) ที่ไดม าตรฐาน

เอกสารหลักฐานการศกึ ษา
1. หลกั ฐานการประเมนิ ผล
2. ทะเบยี นคมุ วฒุ ิบัตร
3. วุฒบิ ัตร ออกโดยสถานศึกษา

การเทียบโอน
ผูเ รียนท่ีเรียนจบหลักสูตรนี้แลว สามารถนําผลการเรียนไปเทียบโอนกับหลักสูตรการศึกษานอกระบบ

ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ในสาระการประกอบอาชพี วิชาเลือกเสรี ทส่ี ถานศึกษาไดจดั ทํา
ขึ้นในระดับใดระดบั หน่ึงได 1 หนว ยกิต (1 หนว ยกติ = 40 ชว่ั โมง)

17

ตอนที่ 3

แผนการจดั การเรยี นรหู ลกั สูตรทอ งถ่นิ ปกธงชัย

• การเพาะและดองถัว่ งอกวงั หมี

18

แผนการจัดการเรยี นรหู ลกั สูตรทอ งถน่ิ ปก ธงชยั

“การเพาะและดองถัว่ งอกวังหมี”

บทท่ี 1 ประวตั คิ วามเปนมาของถ่ัวงอกวงั หมี (จาํ นวน 6 ชวั่ โมง)

จุดประสงคก ารเรยี นรู

1. บอกประวตั ิความเปนมาของถวั่ งอกวังหมีได
2. บอกประโยชนข องถั่วงอกวงั หมไี ด
3. บอกจุดเดนของถั่วงอกวงั หมีได

เน้อื หา

1. ประวัตคิ วามเปน มาของถ่ัวงอกวงั หมี
2. ประโยชนข องถว่ั งอกวงั หมี
3. จดุ เดน ของถัว่ งอกวงั หมี

เวลา 6 ชว่ั โมง

กิจกรรมการเรยี นรู

1. ผสู อนและผูเ รยี นพดู คยุ เก่ียวกบั เรอ่ื งของถว่ั งอก และโยงเขาสูถว่ั งอกวงั หมี
2. ผูเรียนศึกษาเรียนรูความเปนมาของถ่ัวงอกวังหมีจากภูมิปญญา หมูบานวังหมี
ตําบลเมืองปก อําเภอปกธงชัย และแหลงเรียนรู ตําบลเมืองปก อําเภอปกธงชัย จังหวัดนครราชสีมาใน
ประเด็นตอ ไปนี้ พรอ มบนั ทกึ องคความรูท ่ไี ด

2.1 ประวตั ิความเปนมาของถ่ัวงอกวงั หมี
2.2 ประโยชนของถัว่ งอกวังหมี
2.3 จดุ เดนของถั่วงอกวังหมี
3. ผูเรยี นแลกเปล่ียนเรยี นรูและนําเสนอองคความรูที่ไดจากภมู ิปญ ญา หมบู า นวังหมี
ตําบลเมืองปก อาํ เภอปกธงชัย และแหลงเรยี นรู ตําบลเมืองปก อาํ เภอปก ธงชยั จงั หวดั นครราชสีมา
4. ผเู รียนรบั ฟงการบรรยายเรือ่ ง ประวัตคิ วามเปน มาของถั่วงอกวงั หมี ประโยชนข องถ่ัวงอก
วังหมี และจดุ เดนของถัว่ งอกวงั หมเี พิม่ เติมจากผสู อน
5. ผเู รยี นศกึ ษาใบความรตู อไปนี้
- ใบความรทู ี่ 1.1 เร่อื ง ประวัตคิ วามเปนมาของถ่ัวงอกวังหมี
- ใบความรทู ี่ 1.2 เรอ่ื ง ประโยชนข องถ่ัวงอกวังหมี
- ใบความรทู ี่ 1.3 เร่ือง จดุ เดนของถว่ั งอกวงั หมี

19

6. ผูเ รยี นทาํ ใบงานตอ ไปนี้
- ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง ประวตั ิความเปน มาของถ่ัวงอกวังหมี
- ใบงานที่ 1.2 เรอื่ ง ประโยชนข องถวั่ งอกวังหมี
- ใบงานที่ 1.3 เร่อื ง จดุ เดน ของถวั่ งอกวังหมี

7. ผสู อนและผเู รยี นรว มตรวจใบงานที่ 1.1-1.3
8. ผูเ รยี นและผูสอนชว ยกันสรปุ บทเรยี น

ส่ือการเรยี นรู

1. ใบความรตู อ ไปนี้
- ใบความรทู ่ี 1.1 เรื่องประวัติความเปน มาของถว่ั งอกวังหมี
- ใบความรทู ่ี 1.2 เรื่อง ประโยชนข องถัว่ งอกวงั หมี
- ใบความรทู ี่ 1.3 เรือ่ ง จุดเดนของถั่วงอกวังหมี

2. ใบงานตอไปน้ี
- ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง ประวตั คิ วามเปนมาของถวั่ งอกวงั หมี
- ใบงานท่ี 1.2 เรือ่ ง ประโยชนข องถว่ั งอกวังหมี
- ใบงานที่ 1.3 เรือ่ ง จดุ เดนของถวั่ งอกวงั หมี

3. ภูมิปญ ญา หมูบ า นวังหมี ต.เมืองปก อ.ปกธงชยั จ.นครราชสมี า
4. แหลง เรยี นรู ต.เมอื งปก อ.ปกธงชัย จ.นครราชสีมา
5. สอื่ ของจรงิ : ถว่ั งอกวงั หมี

การประเมนิ ผล

1. ประเมินจากการทําใบงานที่ 1.1-1.3
2. สงั เกตพฤติกรรมผเู รยี นขณะทรี่ วมศกึ ษาเรยี นรคู วามเปนมาของถวั่ งอกวังหมจี าก
ภูมปิ ญ ญาหมูบ า นวังหมี ตาํ บลเมืองปก อําเภอปกธงชยั และแหลงเรียนรู ตําบลเมืองปก อําเภอปกธงชัย
จงั หวดั นครราชสมี า

20

ใบความรูท่ี 1.1

เร่ือง ประวตั คิ วามเปนมาของถ่วั งอกวังหมี

ประวตั ิความเปนมาของถ่ัวงอกวังหมี

ถว่ั งอกมีตนกําเนิดมาจากประเทศจีน คิดคนเพาะขึ้นโดยคนจีน เมื่อคนจีนอพยพยายถ่ินฐานมาเขามา
ทํามาหากินในประเทศไทยก็นําเอาวัฒนธรรมการกินถั่วงอกเขามาดวย โดยเชื่อกันวาคนจีนเริ่มเพาะถ่ัวงอกใน
เมืองไทยเมื่อประมาณ 80 กวาป น้ีนี่เอง โดยแรก ๆ ก็เพาะกินกันเองแตตอมาก็ตั้งเปนโรงงานเพาะขายในหมู
คนจีนดวยกันเองในกรุงเทพ เริ่มแรกมีโรงงานเพาะถ่ัวงอก 2 โรงงานต้ังอยูแถวอนุสาวรียชัยสมรภูมิ ตอมาป
พ.ศ. 2485 เกิดนํ้าทวมใหญในกรุงเทพ ทําใหไมสามารถปลกู พืชผักได ทําใหเกิดการขาดแคลนผัก ซ่งึ ถือวาเปน
อาหารหลักของคนไทย ทางราชการจึงหันมาสงเสริมใหหันมาบริโภคถ่ัวงอกกันมากขึ้น เพราะเห็นวาเพาะงาย
ราคาถูก ใชเวลาสน้ั ประกอบกับคนไทยเริ่มนิยมบริโภคกว ยเตย๋ี วกันมากขน้ึ ทําใหก ารบริโภคถ่ัวงอกเปนท่ีนิยม
แพรหลายจนมาถึงปจจุบัน และมีพอคาตั้งโรงงานเพาะถั่วงอกออกจําหนายหลายราย ซ่ึงสวนใหญก็ยังเปนคน
จีน แตวิธีการเพาะถ่ัวงอกน้ันงายไมยุงยากและลงทุนต่ํา จึงไดแพรหลายออกไปจนชาวบานท่ัวไปก็สามารถ
เพาะถ่ัวงอกกินเองได

บา นวงั หมีเปนหมูบานหนึ่งในตําบลเมืองปก มีช่ือเสียงโดงดังมาหลายทศวรรษในเร่ืองการเพาะถวั่ งอก
เปนเลิศ เรียกวา “ถ่ัวงอกวังหมี” ในสมัยกอนไดมีการเพาะเพอ่ื บริโภคในครัวเรอื นเทาน้ัน ในเวลาตอมาไดปรับ
เปนการซื้อขายเพื่อสรางรายไดใหกับครอบครัวกันท้ังหมูบา น ถึงแมก ารทําอาชีพการเพาะถั่วงอกจะมีการทาํ กัน
นอยลง เน่ืองจากลูกหลานไดเดินทางไปทํางานในชุมชนเมือง ทวายังคงรักษาคุณภาพของถั่วงอก ช่ือเสียงและ
วิธีการเพาะถั่วงอกแบบดั้งเดิม เอาไวเปนอยางดี ถั่วงอกวังหมี มีเอกลักษณโดดเดนตรงที่ตนอวบ สั้น แบบที่
ภาษาโคราชเรียกวา "อว๊ั ะ" กินสด รสหวาน กรอบ ไมเหม็นเขยี ว นยิ มกนิ กับขนมจีนเชน เดยี วกับทอ่ี ่ืน ๆ อาหาร
ประจําทองถิ่นเมืองยาโมที่ขาดถ่ัวงอกไมไดเลยก็คือหมี่โคราช ในอําเภอปกธงชัย จนกลายเปนคําขวัญของ
อําเภอปกธงชัย “ลําพระเพลิงน้ําใส ผาไหมเน้ืองาม ขาวหลามนกออก ถ่ัวงอกวังหมี หมี่ตะคุ” เปนการสราง
รายไดไดดี จนไดรับรางวัลทางการเกษตรที่มีคุณภาพในเทศกาลงานผาไหมปกธงชัย ครั้งท่ี 2 และครั้งที่ 3 จาก
อําเภอปกธงชัย การมีลักษณะเฉพาะของถ่ัวงอกวังหมีจึงทําใหมีผูมาศึกษาดูงานการเพาะถั่วงอกวังหมีอยาง
ตอเนื่อง หนวยงานท่ีเกี่ยวของไดเขามาชวยสงเสริมและสนับสนุน จนกลายเปนสินคาสําคัญประจํา
อําเภอปกธงชัยจนถึงทุกวันน้ีอาชีพถั่วงอกวังหมีของดีปกธงชัย นับเปนอาชีพหน่ึงที่มีความสําคัญในชุมชนและ
เปน อาชพี หนึง่ ทส่ี ามารถสรา งรายไดใ หก บั บุคคลและครอบครวั ไดอยางมั่นคง

21

ใบงานท่ี 1.1

เร่ือง ประวัตคิ วามเปนมาของถ่ัวงอกวังหมี

ผเู รยี นบอกประวัตคิ วามเปนมาของถ่ัวงอกวงั หมี มาพอสังเขป
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

22

ใบความรูท ่ี 1.2
เรื่อง ประโยชนข องถ่ัวงอกวังหมี

ประโยชนของถ่วั งอกวงั หมี
1. ถั่วงอกวงั หมีเปน ผกั ทมี่ ีสารตอ ตา นอนุมลู อสิ ระสูง ซ่งึ ถอื วามีประโยชนอยา งมากสาํ หรบั รางกาย
2. มสี วนชวยทําใหผ วิ ชมุ ชน้ื ผิวนมุ เปลง ปลัง่ ดมู ีนาํ้ มนี วล (วติ ามินอ)ี
3. การรับประทานถ่วั งอกเปนประจาํ จะชว ยทําใหรา งกายแขง็ แรง
4. วิตามินซจี ากถว่ั งอกชว ยเสริมสรา งภูมคิ ุมกนั โรคใหกับรา งกาย และยังชว ยปองกนั หวัดไดอกี ดวย
5. ชวยบํารุงประสาทและสมอง และชวยในการทํางานของสมอง (เลซิทนิ Lecithin)
6. ชว ยบํารุงกระดกู และฟน เนือ่ งจากถ่ัวงอกเปนผกั ทม่ี แี คลเซยี มสงู
7. มีสวนชว ยเพมิ่ ความหนาแนน ของมวลกระดกู ชวยปอ งกนั การเกิดโรคกระดูกพรุนได
8. การรับประทานถั่วงอกเปนประจําจะชวยในการชะลอวัย ตานความแก คงความออนเยาว

เนื่องจากมสี ารออซินอน (Auxinon) ท่มี คี ุณสมบัติชว ยทาํ ใหรา งกายคงความเปน หนมุ เปนสาวไดน านย่งิ ข้นึ
9. ชว ยเพ่มิ การไหลเวยี นของเลอื ดในรางกาย
10. มสี วนชวยปอ งกันและลดความเสีย่ งของการเกดิ โรคมะเร็งได (ตองเปนถ่วั งอกปลอดสาร)
11. การรับประทานถ่วั งอกเปนประจํา จะชว ยปอ งกนั การเกดิ โรคมะเรง็ ลําไสได
12. ชวยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองและการเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันได เพราะไป

ชวยลดระดับไขมันเลว (LDL)
13. การรบั ประทานถัว่ งอกจะชว ยเพมิ่ ความสดช่นื ใหก บั รางกาย
14. วติ ามินซีจากถวั่ งอกเปนสวนประกอบสําคญั อยางมากในการสรางฮอรโมนระงับความเครียดตางๆ

จึงเหมาะอยางยิ่งสาํ หรบั คนวยั ทาํ งาน
15. ชว ยดับรอ นและปรบั สมดุลของรางกายไดเ ปน อยางดี
16. ชวยลดระดับเอสโตรเจนในรางกาย เพราะฮอรโมนของผูหญิงมีบทบาทสําคัญตอการสราง

เซลลูไลท ชวยเก็บนํ้าและชวยเรงการผลิตไขมัน ดวยเหตุนี้รางกายจึงไมควรจะมีระดับฮอรโมนเอสโตรเจนสูง
เกินไป

17. มสี ว นชวยในการเจริญเติบโตและซอ มเซลลตาง ๆ ในรางกาย (วิตามินบี 12)
18. ถ่วั งอก สรรพคุณทางยาชวยปองกันและรกั ษาโรคเลือดออกตามไรฟน หรอื โรคลักปดลกั เปด
19. สรรพคุณของถ่ัวงอกชวยในการขับเสมหะ ทําใหป อดโลง
20. ถั่วงอกเปนผักทย่ี อยงา ยมาก ๆ การรับประทานถ่วั งอกจะชว ยประหยดั เวลาการทํางานของระบบ
การยอยอาหารได และทําใหขับถายไดส ะดวก
21. ถวั่ งอก สรรพคณุ ชว ยในการขบั ปส สาวะ

23

22. การรับประทานถั่วงอกกอนมปี ระจาํ เดอื นจะชว ยปองกันไมใ หเ กดิ ความผดิ ปกตขิ องประจําเดือนได
23. สรรพคุณถัว่ งอกชวยลดและกาํ จัดของเสยี หรือสงิ่ ตกคางในรา งกายได (Toxin)
24. ถั่วงอกเปนผักที่เหมาะอยางมากสําหรับผูที่เปนโรคเบาหวาน หรือผูท่ีตองการลดนํ้าหนักหรือ
ควบคุมน้ําหนกั เปน พเิ ศษ เนอ่ื งจากถั่วงอกมีน้าํ ตาลทน่ี อ ยมากๆ
25. ธาตุซิลิกาในถั่วงอกมีสวนชวยปองกนั การหลุดลวงของเสนผมไดเปน อยางดี เพราะชวยในการดูด
ซับวิตามินและแรธาตุตางๆที่เรารับประทานเขาไป ถาหากไมมีซิลิกาการรับประทานวิตามินและแรธาตุอ่ืนๆก็
จะไมมปี ระโยชนเลยนอกจากนี้ยังมกี ารนาํ มาใชใ นการรักษาสวิ และจุดดา งดําอกี ดวย
26. ประโยชนถ ั่วงอกกับการนํามาใชประกอบอาหาร เมนถู ่ัวงอก หรอื อาหารท่ีประกอบไปดว ยถ่ัวงอก
เชน ยําถ่ัวงอกกุงสด ผัดถั่วงอก ผัดผักตาง ๆ แกงจืดถ่ัวงอกหมูสับ แกงสม กวยเต๋ียวตาง ๆ เกาเหลาทุกชนิด
ผัดหมี่ซั่ว หม่ีกะทิ ปอเปยะ ขนมหัวผักกาด เก้ียวกุง ตมยําถั่วงอกใสหมูสับ ขนมจีน ผัดไทย ถั่วงอกดองกินกับ
น้ําพริก เปนตน

โทษของถัว่ งอก
ถ่ัวงอกที่วางขายตามทองตลาดสวนมากแลวจะมีสารปนเปอนอยูมาก เนื่องจากพอคาแมคาตองการให

ถ่ัวงอกดูสด ขาว กรอบและอวบ มีคุณสมบัติคงทนและเห่ียวชาเพื่อประโยชนในการขนสงทางไกล ผูบริโภค
อยางเราๆอาจจะไดรับสารปนเปอนเหลานี้ไปเต็ม ๆ ไมวาจะเปน สารเรงโต, สารอวน, สารคงความสด
(ฟอรมาลิน), สารฟอกขาว (โซเดียมไฮโดรซัลไฟด) ซ่ึงลวนแตเปนสารตองหามและเปนโทษตอรางกายทั้งส้ิน
ทําใหเส่ียงตอการเปนโรคมะเร็งอยางมาก และยังสงผลเสียไปถึงระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาท
ระบบหายใจอีกดวย ซ่ึงอาจจะรายแรงถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็ได ดังนั้นเรามาดูวิธีการเลือกซื้อถ่ัวงอกใหปลอด
สารพษิ เหลานจี้ ะดกี วา โดยเราจะตองดวู า

1. รากจะตอ งไมย าว (ปลูกโดยใชผา รองพน้ื ไมใชนา้ํ ยาเคมี)
2. ควรดทู เี่ ปลือกนอกถัว่ มีปะปนอยบู า งหรอื ไม (เพราะการแชส ารฟอกสีจะทาํ ใหเ ปลือกหลดุ หมด)
3. หากไปเดินตลาดในเวลาบายหรือคํ่าหากยังพบวามีสภาพท่ีพองตัวและขาวอวบ ใหคิดไวกอนวามี
สารฟอกสี
4. ทางที่ดีที่สุดเมื่อซ้ือมาแลวกอนจะนําไปบริโภคควรแชนํ้าทิ้งไวสักประมาณ 1-2 ช่ัวโมง หรือจะทํา
ใหสกุ กไ็ ดเ ชน กัน จะปลอดภัยมากกวา การรับประทานดิบๆ

24

ใบงานที่ 1.2

เรื่อง ประโยชนข องถวั่ งอกวังหมี

ผเู รยี นบอกประโยชนของถั่วงอกวงั หมีมาอยา งนอ ย 10 ขอ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

25

ใบความรูท่ี 1.3
เรื่อง จุดเดนของถัว่ งอกวงั หมี

จดุ เดนของถั่วงอกวงั หมี
ถั่วงอกวังหมีผักชนิดหน่ึงท่ีผลิตจากเมล็ดถั่วเขียว โดยใชวิธีการเพาะในไห มีลักษณะอวบอวน

รับประทานไดทั้งดิบและสุก ปรุงอาหารไดหลายชนิด โดยเฉพาะรับประทานกับผัดหมี่โคราช ผลิตเปนอาชีพ
และมีชอ่ื ในชุมชนวงั หมี สนใจเชิญไดทต่ี ลาดสดเทศบาลเมอื งปก ถวั่ งอกวงั หมีมจี ดุ เดน ดงั น้ี

อวบ

สัน้

หวาน

กรอบ

มัน

26

ใบงานที่ 1.3

เรื่อง จุดเดน ของถ่ัวงอกวงั หมี

ผเู รียนบอกจุดเดน ของถวั่ งอกวังหมี
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

27

บทท่ี 2 การเพาะถวั่ งอกวงั หมี (จาํ นวน 24 ช่ัวโมง)

จดุ ประสงคก ารเรียนรู

1. เตรยี มวัสดุ และอปุ กรณส ําหรับการเพาะถว่ั งอกวังหมีไดอ ยา งถูกตอง
2. เพาะถ่วั งอกวงั หมีได
3. เก็บผลผลติ ถวั่ งอกวังหมีได

เน้อื หา

1. วสั ดุ และอปุ กรณ สําหรับการเพาะถวั่ งอกวงั หมี

2. ขนั้ ตอนการเพาะถั่วงอกวังหมี

3. การเกบ็ ผลผลติ ถวั่ งอกวังหมี

เวลา 24 ช่ัวโมง

กิจกรรมการเรยี นรู

1. ผเู รียนเลาประสบการณดานการเพาะถว่ั งอก
2. ผูเรยี นศกึ ษาเรียนรเู กยี่ วกับการเพาะถัว่ งอกวังหมีจากแหลงเรียนรูและภูมิปญ ญาหมูบา น
วังหมี
3. ผเู รยี นศึกษาเพ่ิมเติมจากใบงานตอ ไปน้ี

- ใบความรทู ี่ 2.1 เรื่อง วสั ดุ และอปุ กรณ สาํ หรับการเพาะถ่วั งอกวงั หมี
- ใบความรูท่ี 2.2 เรอ่ื ง ข้ันตอนการเพาะถ่ัวงอกวังหมี

- ใบความรูที่ 2.3 เร่อื ง การเกบ็ ผลผลติ ถั่วงอกวังหมี

4. ผูเรียนเตรียมวัสดุ อปุ กรณ และวัตถุดบิ ท่ีใชในการเพาะถ่ัวงอกวงั หมี
5. ผเู รียนดูการสาธติ การเพาะถั่วงอกวงั หมี จากภมู ิปญ ญาแลว จดบันทกึ
6. ผูเรยี นปฏิบตั ิการเพาะถวั่ งอกวังหมี
7. ผเู รยี นศกึ ษาแลกเปล่ียนเรียนรูก ับภูมปิ ญ ญาและรับฟงคําแนะนําในการเพาะถั่วงอกวงั หมี
จากภูมปิ ญ ญา และผูสอน
8. ผูเรียนทาํ ใบงานตอ ไปน้ี

- ใบงานที่ 2.1 เรือ่ ง วสั ดุ และอปุ กรณ สําหรับการเพาะถ่วั งอกวังหมี
- ใบงานท่ี 2.2 เรือ่ ง ขน้ั ตอนการเพาะถว่ั งอกวงั หมี

- ใบงานท่ี 2.3 เรือ่ ง การเกบ็ ผลผลิตถัว่ งอกวังหมี

28

9. ผสู อนตรวจใบงานที่ 2.1-2.3
10. ผเู รยี นฝก ปฏิบตั ิจริงในการเพาะถ่วั งอกวงั หมี (ครั้งที่ 2)
11. ผูเรยี นนาํ ผลงานการเพาะถวั่ งอกวังหมี สง ผูสอนเพือ่ ประเมินผลงานของผูเรียน
12. ผเู รยี นชว ยกันสรุปความรทู ่ไี ดรบั แลวนาํ เสนอผลการเรียนรู

ส่ือการเรียนรู
1. ใบความรตู อไปน้ี
- ใบความรูท ี่ 2.1 เรอ่ื ง วสั ดุ และอปุ กรณ สําหรับการเพาะถ่ัวงอกวงั หมี
- ใบความรทู ี่ 2.2 เรอ่ื ง ขัน้ ตอนการเพาะถวั่ งอกวังหมี
- ใบความรูท่ี 2.3 เร่ือง การเกบ็ ผลผลติ ถวั่ งอกวงั หมี
2. ใบงานตอ ไปน้ี
- ใบงานท่ี 2.1 เรื่อง วัสดุ และอุปกรณ สาํ หรบั การเพาะถั่วงอกวังหมี
- ใบงานท่ี 2.2 เรื่อง ขนั้ ตอนการเพาะถว่ั งอกวังหมี
- ใบงานที่ 2.3 เรอ่ื ง การเกบ็ ผลผลติ ถ่วั งอกวงั หมี
3. ภูมิปญญา หมูบา นวงั หมี ต.เมอื งปก อ.ปกธงชยั จ.นครราชสีมา
4. แหลงเรยี นรู ต.เมอื งปก อ.ปก ธงชัย จ.นครราชสมี า
5. สอื่ ของจริง : ถ่วั งอกวงั หมี
6. วัสดุ อปุ กรณ และวัตถดุ บิ ท่ใี ชในการเพาะถ่ัวงอกวงั หมี
6.1 ไห ทง้ั 3 ขนาด (เล็ก กลาง ใหญ)
6.2 ฟางหญาสะอาด
6.3 เมล็ดถว่ั เขียว
6.4 ชัน้ วางไห

การประเมินผล
1. ประเมนิ จากการทําใบงานที่ 2.1-2.3
2. สังเกตพฤติกรรมผูเรียนขณะที่รวมศึกษาเรียนรูการเพาะถั่วงอกวังหมีจากภูมิปญญา

หมูบานวังหมี ตําบลเมืองปก อําเภอปกธงชัย และแหลงเรียนรู ตําบลเมืองปก อําเภอปกธงชัย
จงั หวัดนครราชสีมารวมทัง้ การปฏิบตั กิ ารเพาะถ่ัวงอกวงั หมี

29

ใบความรูท่ี 2.1
เรื่อง วสั ดุ และอปุ กรณ สําหรบั การเพาะถวั่ งอกวังหมี

ถั่วงอกเปนผักเศรษฐกิจท่ีนาสนใจ มีคุณคาทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะโปรตีน วิตามินและเกลือแร
เปนผักชนิดเดียวท่ีใชระยะเวลาเพาะเพียง 3-4 วัน สามารถนํามาบริโภคได และถาทําในเชิงธุรกิจ สามารถ
ทํารายไดดีใหกับผูเพาะขาย ซึ่งเกษตรกรตําบลเมืองปก จังหวัดนครราชสีมา แทบทุกหลังคาเรือนมีการเพาะ
ถว่ั งอกในไห เพอ่ื สงขายใหก บั พอ คา-แมค า ขายผัดหม่โี คราช สามารถสรางรายไดไ มน อ ยทีเดยี ว

วสั ดุ อุปกรณ และวัตถุดบิ ในการเพาะถว่ั งอกวังหมี
1. ไห ทั้ง 3 ขนาด (เลก็ กลาง ใหญ) ถา เปน ไหขนาดกลางและขนาดใหญ ควรเจาะรูดา นขาง
ไว 2 รู
2. ฟางหญาสะอาด
3. เมลด็ ถ่วั เขียว
4. ช้ันวางไห ทาํ คลายนั่งรานยกสงู จากพืน้

30

ใบงานที่ 2.1
เร่ือง วสั ดุ และอุปกรณ สําหรับการเพาะถ่วั งอกวังหมี

ผูเ รยี นบอกการเตรยี มวสั ดุ อุปกรณ และวัตถดุ ิบ ท่ใี ชในการเพาะถ่วั งอกวังหมี
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

31

ใบความรูท่ี 2.2
เร่อื ง ข้นั ตอนการเพาะถ่วั งอกวงั หมี

ข้ันตอนการเพาะถ่วั งอกวังหมี

1. แชถ่ัวเขยี วในนํา้ 1 คืน เพ่ือกระตุนการงอกของเมลด็
2. เช็ดไหทําความสะอาดดวยฟางหญาแลวนําไหไปลางดวยนํ้าสะอาด (หามใชผงซักฟอกเด็ดขาด
เพราะจะทาํ ใหกลน่ิ ผงซักฟอกตดิ อยใู นไห และ ถั่วงอก)
3. นาํ ถัว่ เขยี วทีแ่ ชนา้ํ แลว 1 คืน ใสใ นไหที่เตรยี มไว

3.1 ไห ขนาดเลก็ จะใชเ มลด็ ถั่วเขียว จํานวนคร่ึงกิโลกรัม จะไดถวั่ งอก จํานวน 2 กิโลกรัม
3.2 ไห ขนาดกลาง จะใชเ มล็ดถัว่ เขียว จาํ นวน 1 กิโลกรมั จะไดถั่วงอก จํานวน 5 กิโลกรัม
3.3 ไห ขนาดใหญ จะใชถว่ั เขียว จํานวน 2 กโิ ลกรมั จะไดถ ่ัวงอก จํานวน 10 กิโลกรมั
4. หลังใสถ่ัวเขียวลงไปในไหแลว ใหใชนํ้าบาดาลเทลงไปในไหใหเต็ม แลวนําฟางหญามามวนปด
ปากไห (สําหรับไหกลางและใหญ ที่เจาะรูใหนําฟางไปอุดรูดวย แลวควํ่าไหลง เมื่อควํ่าไหแลวใหดึงฟางหญาท่ี
อดุ รูเจาะดานขา งออก เพือ่ ชวยระบายอากาศ) แลว คว่ําปากไหลงบนชัน้ วาง ไหที่เตรียมไว เพอ่ื ใหน ํ้าไหลออก
5. การใหนํ้า จะให 3 เวลา เชา กลางวัน เย็น โดยการเทนํ้าใสไหใหเต็ม แลวควํ่าปากไหลง
(ทาํ เหมอื นข้นั ตอนที่ 4)

32

การเพาะถั่วงอกในไห ใชระยะเวลา 3 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตขายได ในราคา 25- 30 บาท/กก.
ในหนง่ึ วันจะใชถว่ั เขียวเพาะถ่ัวงอก จาํ นวน 30 กิโลกรมั ซงึ่ จะไดถ ว่ั งอก 90 กก. ตอวัน

หมายเหตุ การใชนา้ํ เทใสไห ตอ งเปนนาํ้ บาดาลเทา นัน้ ถา เปนน้ําประปา จะทาํ ใหถ ั่วงอกเนา เพราะคลอรีน

33

ใบงานท่ี 2.2
เรอ่ื ง ขน้ั ตอนการเพาะถ่วั งอกวังหมี

ผูเ รยี นอธิบายขัน้ ตอนการเพาะถัว่ งอกวังหมี
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

34

ใบความรูท่ี 2.3
เร่ือง การเก็บผลผลติ ถัว่ งอกวังหมี

การเกบ็ ผลผลติ ถั่วงอกวังหมี

การเก็บถ่วั งอกสามารถเก็บขายไดหลงั การเพาะประมาณ 4 วนั เมล็ดพันธุ 1 กโิ ลกรมั เมื่อเพาะแลว
จะสามารถเพิม่ นํา้ หนักไดป ระมาณ 5-7 เทา

– วันท่ี 1 เมล็ดถ่วั มีลักษณะอิ่มนํ้า พองตวั และเปลือกเมล็ดปรแิ ตก
– วนั ท่ี 2 เปลอื กเมลด็ ปรแิ ตก เห็นสว นดานในเมลด็ และมีรากงอก
– วันท่ี 3 เมล็ดงอก และแทงลาํ ตน ยาวประมาณ 1-5 เซนติเมตร
– วนั ท่ี 4 ถวั่ งอกโตยาวประมาณ 5-10 เซนตเิ มตร เปน ระยะพรอมจาํ หนาย
ในบางคร้ังลูกคาตองการถวั่ งอกทม่ี ีขนาดยาว กต็ องท้งิ ไวอ ีกประมาณ 2-3 วัน ก็สามารถเกบ็ ถวั่ งอกที่ไดข นาด
ยาวตามตอ งการได
การจําหนายสามารถจําหนายใหพอ คาคนกลางหรือสงขายใหแ มคาโดยตรง โดยอาจขายขณะที่ถั่วงอก
ยงั อยใู นถังดว ยการช่งั กโิ ลหรือนาํ ถั่วงอกมาคัดแยก และบรรจุถุงจาํ หนาย
การจําหนายท่ีตองแยกเปลือกเมล็ดออก สามารถใชกระดงในการผัดเหมือนการผัดขาว แตการผัด
ถ่วั งอกเพือ่ แยกเปลอื กออก เปลอื กถั่วงอกทย่ี งั ตดิ ที่ยอดถวั่ งอกจะหลดุ ออก และตกลงดานลางตามรูของกระดง
ขอ แนะนําสาํ หรบั โรงเรือน นํา้ และอุปกรณใ หน า้ํ

1. โรงเรือน
1.1 โรงเรือนตองกันดานขาง และดานทาย ดวยการกออิฐหรือใชผาพรางแสงกั้นก็ได

โดยเฉพาะในเวลากลางวันไมค วรใหแสงสองถึง
1.2 ตองทํารางดานขางเพ่ือระบายน้ําหรือเทราดปูนในลักษณะที่เอียงไปขางใดขางหน่ึง
1.3 ดา นหนาตอ งมีประตูปดหรือปดดว ยพลาสติกกันแมลง

2. อปุ กรณการใหนํ้าแบบรดมือ
2.1 นยิ มใชบวั รดนํ้า ขนาดรูเล็ก
2.2 อาจใชวิธตี กั นํา้ จากบอ และรดดวยมือ
2.3 อาจเชื่อมตอหัวบัวรดนํ้ากับหอสงู หรือปม นา้ํ ดวยสายยาง เพ่อื งายตอ การใหนํ้า

3. อุปกรณการใหนํ้าแบบอตั โนมตั ิ
3.1 ตองมีบอ พกั นาํ้ พรอมกับปม แรงดันหรืออาจใชวธิ ตี ้ังหอสูงสง นํ้าขึน้ พักดว ยปมแรงดนั
3.2 ตอทอ และสายสง นํา้ จากปมแรงดันหรอื หอสงู
3.3 ใชร ะบบหัวสเปรยในการกระจายนํา้ และสามารถกระจายนาํ้ ไดค รอบคลุมปากถงั เพาะ
3.4 ทําการตอ เชอ่ื มหัวสเปรยน ํา้ เขากบั ฝาปดถัง

35

4. คณุ ภาพนํา้
4.1 หากใชนํ้าคลองหรือน้ําจากบอนํ้า ควรทําการปรับปรุงคุณภาพน้ําเสียกอน เชนการ

ตกตะกอน การฆาเช้อื เปน ตน เพาะอาจทําใหถ่งั งอกไมส ะอาดไดงา ย รวมถงึ เชอื้ โรคท่อี าจปนเปอ นสูผูบริโภค
4.2 ควรใชนา้ํ ทีผ่ า นการปรับปรุงคณุ ภาพหรือนาํ้ สะอาด เชน นาํ้ ประปา หรือนาํ้ ฝน

36

ใบงานที่ 2.3
เร่ือง การเก็บผลผลติ ถ่ัวงอกวังหมี

ผูเรียนอธบิ ายการเก็บผลผลติ ถว่ั งอกวงั หมี
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

37

บทท่ี 3 การดองถวั่ งอกวงั หมี (จาํ นวน 12 ช่วั โมง)

จดุ ประสงคการเรียนรู

ดองถั่วงอกวังหมีดว ยวธิ กี ารตาง ๆ ได

เนอื้ หา

1. การดองถ่ัวงอกวังหมีดวยน้ําซาวขาว
2. การดองถั่วงอกวังหมีดว ยน้ําสม สายชู
3. การดองถว่ั งอกวงั หมีดว ยนํา้ เกลือ
4. การดองถ่วั งอกวงั หมีดว ยนา้ํ มะพรา ว

เวลา 12 ชัว่ โมง
กจิ กรรมการเรียนรู

1. ผสู อนนําผเู รียนพูดคยุ เก่ยี วกบั การดองถัว่ งอกวังหมี
2. ผเู รียนแลกเปลย่ี นเรียนรเู รือ่ งการดองถว่ั งอกวังหมี จากภูมิปญ ญาและผสู อนแลวจดบนั ทกึ
3. ผูเ รยี นศกึ ษาเพิ่มเตมิ จากใบความรทู ี่ 3 การดองถว่ั งอกวังหมี
4. ผเู รยี นเตรยี มวัสดุ อุปกรณ และวตั ถดุ ิบ สําหรบั การดองถวั่ งอกวังหมี
5. ผูเรียนเรียนรูวธิ ีการดองถวั่ งอกวงั หมี โดยการสาธติ ของภูมปิ ญ ญาและผูส อน
6. ผเู รียนปฏิบตั ิการดองถั่วงอกวังหมีตามที่ไดเ รยี นรูจ ากภูมปิ ญญาและผูส อน

6.1 การดองถั่วงอกวงั หมดี ว ยน้ําซาวขา ว
6.2 การดองถั่วงอกวังหมดี ว ยนํ้าสม สายชู
6.3 การดองถว่ั งอกวังหมดี วยน้าํ เกลอื
6.4 การดองถวั่ งอกวังหมีดวยนํา้ มะพรา ว
7. เรียนสง ชิ้นงานการดองถั่วงอกวังหมีตามขอ 6.1- 6.4 และรับฟง คําแนะนาํ เพ่ิมเตมิ จากภูมิ
ปญญาและผูสอนในการดองถั่วงอกวงั หมี
8. ผเู รียนทําใบงานท่ี 3
9. ผูสอนและผูเ รยี นรวมกันตรวจใบงานท่ี 3 การดองถั่วงอกวังหมี
10. ผูเ รยี นและผูสอนรวมกันสรปุ บทเรียน

ส่อื การเรยี นรู

1. ใบความรูท ี่ 3 เรอ่ื ง การดองถั่วงอกวังหมี

2. ใบงานที่ 3 เร่อื ง การดองถัว่ งอกวงั หมี

3. ภูมปิ ญ ญา หมบู านวงั หมี ต.เมืองปก อ.ปกธงชัย จ.นครราชสีมา
4. แหลงเรยี นรู ต.เมืองปก อ.ปกธงชัย จ.นครราชสมี า

38

การประเมนิ ผล

1. ประเมนิ จากการทําใบงานท่ี 3
2. สังเกตพฤติกรรมผูเรียนขณะท่ีรวมศึกษาเรียนรูการดองถั่วงอกวังหมีจากภูมิปญญา
หมูบานวังหมี ตําบลเมืองปก อําเภอปกธงชัย และแหลงเรียนรู ตําบลเมืองปก อําเภอปกธงชัย
จงั หวัดนครราชสมี ารวมทั้งการปฏิบตั กิ ารดองถ่ัวงอกวงั หมี

39

ใบความรูท่ี 3
เรื่อง การดองถัว่ งอกวงั หมี

การดองถ่ัวงอกวังหมี
ถั่วงอกวังหมีดองเปนเมนูการถนอมรักษาอาหาร สะอาดอรอยปลอดภัย รสชาติเปรี้ยวกําลังดีกลม

กลอ มหอมอรอย รับประทานกับนํ้าพริกตาง ๆ หอมอรอยเขา กัน การดองถว่ั งอกวังหมีตองนําถ่ัวงอก มาลางน้ํา
ทาํ ความสะอาด ทาํ ใหส ะเด็ดนํ้าใหแหง นาํ มานวดคัน้ กับเกลอื ปนจนถ่ัวงอกวงั หมดี องนิ่ม แลว ลางนาํ้ ออก นาํ นํ้า
ซาวขาวมานวดใหเขากันอีกที จากนั้นนํามาใสขวดโหล หมักพักไว ในอุณหภูมิปกติ ประมาณ 3 วัน จะได
ถว่ั งอกวงั หมดี องทห่ี อมอรอ ย สะอาดอรอ ยปลอดภยั ไวร บั ประทานกบั น้ําพริกตางๆ หอมอรอยเขากนั
สวนผสมการดองถ่ัวงอกวงั หมีดว ยนาํ้ ซาวขา ว

1. ถัว่ งอกวังหมี 500 กรมั
2. น้าํ ซาวขาว 400 มล.
3. เกลอื ปน 2 ชอนโตะ
4. ขวดโหล 1 ใบ
สว นผสมการดองถ่ัวงอกวังหมีดวยนา้ํ สม สายชู
1. ถวั่ งอกวังหมี 500 กรมั
2. น้าํ สายชู 2 ชอ นโตะ
3. เกลือปน 2 ชอนโตะ
4. ขวดโหล 1 ใบ
สวนผสมการดองถั่วงอกวังหมีดว ยนา้ํ เกลือ
1. ถ่ัวงอกวังหมี 500 กรมั
2. น้ําตม สกุ (ปลอยใหเยน็ ) 400 มล.
3. เกลอื ปน 2 ชอ นโตะ
4. ขวดโหล 1 ใบ
สว นผสมการดองถ่ัวงอกวงั หมีดวยน้ํามะพรา ว
1. ถัว่ งอกวงั หมี 500 กรมั
2. นา้ํ มะพรา ว 400 มล.
3. เกลือปน 2 ชอ นโตะ
4. ขวดโหล 1 ใบ

40

วธิ ีการและข้นั ตอนการดองถวั่ งอกวงั หมี
1. เลอื กถวั่ งอกวังหมที ่ีใหมสด สขี าว ขนาดกําลังพอดี เตรยี มไว
2. นําถั่วงอกวงั หมี มาลา งนาํ้ ทาํ ความสะอาด แลวสะเดด็ นํ้าออกใหหมด
3. นําถั่วงอกวังหมีที่เตรียมไว นํามาใสในชามผสม แลวใสเกลือปนลงไป แลวนวดผสมคลุกเคลา

ใหเขา กนั ดี
4. นวดคั้นขยํา ๆ แลวผสมคลุกเคลาใหเขากัน นวดถั่วงอกวังหมีใหน้ําออก และนวดจน

ถั่วงอกวังหมนี ม่ิ
5. เมื่อนวดถ่ัวงอกวังหมีไดนิ่ม ตามตองการดีแลว จากนั้นนํามาลางนํ้า ออกใหหมด แลวชิมดู

วาเค็มไดที่ตามที่ตองการหรือไม ถาเค็มเกินไปก็ลางน้ําออกอีก ถาความเค็มไมพอก็ใสเกลือปนลงไปอีก ตาม
ตองการ

6. เตรียมน้ําซาวขา ว นํ้าสมสายชูน้าํ เกลือ น้ํามะพรา ว
7. หากดองจากนํ้าซาวขาว ก็นํานํ้าซาวขาว มาเทใสในถั่วงอกวังหมี แลวนวดขยําคลุกเคลาเบา ๆ
พอใหเขากันดี/หากดองจากน้ําสมสายชู ก็นําน้ําสมสายชูมาเทใสในถ่ัวงอกวังหมี แลวนวดขยําคลุกเคลาเบา ๆ
พอใหเ ขากันดี/หากดองจากนาํ้ เกลอื ก็นําน้าํ เกลอื มาเทใสในถ่ัวงอกวงั หมี แลวนวดขยําคลุกเคลา เบา ๆ พอ
ใหเขากันดี/หากดองจากนํ้ามะพราว ก็นําน้ํามะพราวมาเทใสในถั่วงอกวังหมี แลวนวดขยําคลุกเคลาเบา ๆ
พอใหเขา กนั ดี
8. นําขวดโหลที่ลางน้ํา ทําความสะอาดไวแลว นํามาลวกดวยนํ้ารอนอีกที แลวนําถั่วงอกวังหมีท่ีนวด
ไวใ สลงไป ใหป ริมาณนา้ํ ซาวขา ว นา้ํ สมสายชูน้าํ เกลอื และน้าํ มะพราวพอทว ม
9. ปดฝาขวดโหล แลว พักไวในอณุ หภูมิปกติ ใชเ วลาประมาณ 3 วัน
10. เม่ือหมกั พกั ถ่ัวงอกวังหมดี องไดท่ี หลังจากพักไวใ นอณุ หภูมิปกติ 3 วัน จากนนั้ เปด ฝาชิมดู รสชาติ
เปร้ียวกาํ ลังดี พรอมรบั ประทาน
11. จะไดถ่ัวงอกวังหมีดองรสชาติกลมกลอมหอมอรอย รสชาติเปรี้ยวกําลังดี สะอาดอรอยปลอดภัย
พรอมจัดเสริ ฟ
12. จัดเสิรฟ ถั่วงอกวังหมีดองหอมๆ สะอาดอรอยปลอดภัย รสชาติเปร้ียวกําลังดี รสชาติกลมกลอม
หอมอรอย รบั ประทานกับน้าํ พรกิ ตา งๆ อรอ ยเขากนั

เทคนิคการถนอมถว่ั งอก
การฟน สภาพถ่วั งอกให กรอบ ฟู ขาว นากินใหน าํ ถ่วั งอกแชน ้ําใหทวม โดยใหเตมิ นาํ้ สมสายชลู งไป

1 ชอนชา เขยาใหเขากันกอนใสถ่ัวงอกลงไป ทิ้งไว 30 นาที เอาขึ้นมาแลวลางดวยน้ําเย็น (นํ้าใสนํ้าแข็ง) เอา
นํ้าแข็งทับบนถ่ัวงอกอีกที ทิ้งไว 20 นาที ถ่ัวงอกท่ีเหี่ยว คลํ้า ดํา ก็จะกรอบฟูและขาวนากินข้ึนอีกมากเลย
ทีเดียว แถมยังเปนวิธีทป่ี ลอดภัย ไมอนั ตรายตอผบู รโิ ภคดว ย

การยืดอายุถั่วงอกไมใหเนา เหี่ยว ดํา อยูไดหลายวัน โดยนําถั่วงอกใสในภาชนะ เชน ขวดโหล หรือ
ถวยทรงสูง เทน้ําใหท ว มถั่วงอกและนําไปแชใ นตูเย็นจะชวยใหถ่ัวงอกไมท ับกนั และลดการสัมผัสอากาศ ลดการ
สูญเสยี น้ํา จงึ ชว ยทําใหไมเหยี่ ว ไมดํา และเนาเสียชา

41

ใบงานที่ 3
เรื่อง การดองถ่ัวงอกวังหมี

คาํ ช้ีแจง : ผูเรยี นตอบคาํ ถามตอไปน้ีใหถ กู ตอง

1. อธบิ ายวธิ กี ารดองถั่วงอกวงั หมดี วยน้ําซาวขา ว
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

2. อธิบายวธิ ีการดองถ่วั งอกวังหมดี ว ยน้าํ สมสายชู

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

42

3. อธบิ ายวธิ ีการดองถัว่ งอกวังหมดี วยน้ําเกลือ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

4. อธบิ ายวิธีการดองถั่วงอกวังหมีดวยนาํ้ มะพรา ว

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

43

บทท่ี 4 การบรหิ ารจดั การอาชพี จําหนา ยถว่ั งอกวังหมี (จํานวน 8 ชว่ั โมง)

จดุ ประสงคก ารเรยี นรู

1. ระบชุ องทางการจดั จาํ หนายถ่ัวงอกวงั หมีได
2. กาํ หนดราคาจาํ หนายถั่วงอกวงั หมีได
3. ทําบญั ชี รายรบั -รายจา ยได
4. บอกคุณธรรม จรยิ ธรรมในการประกอบอาชีพจาํ หนายถั่วงอกวงั หมีได

เนื้อหา

1. ชอ งทางการจดั จําหนายถั่วงอกวังหมี
2. การกาํ หนดราคาจาํ หนา ยถว่ั งอกวงั หมี
3. การทําบญั ชรี ายรบั -รายจา ย
4. คุณธรรมจรยิ ธรรมในการประกอบอาชีพจําหนายถ่ัวงอกวงั หมี

เวลา 8 ช่วั โมง

กิจกรรมการเรยี นรู

1. ผูสอนพูดคุยกับผูเรียนเกี่ยวกับเร่ืองชองทางการประกอบอาชีพ แลวเช่ือมโยงถึงการ
บรหิ ารการจดั การอาชพี การจาํ หนา ยถ่วั งอกวังหมีท่ีประสบความสาํ เรจ็

2. ผูสอนระดมความคิดผูเรียนเก่ียวกับเรื่องชองทางการจัดจําหนายและการกําหนดราคา
จําหนายถว่ั งอกวงั หมี

3. ผูเรียนศึกษาเพิ่มเติมจากใบความรูท่ี 4.1 เรื่องชองทางการจัดจําหนายและการกําหนด
ราคาจาํ หนายถ่วั งอกวังหมี

4. ผสู อนบรรยายพรอมสาธติ การทาํ บญั ชรี ายรับ-รายจาย และใหผูเรียนฝก ปฏิบัตกิ ารทํา
บัญชีรายรับ-รายจายของตัวเองและศกึ ษาเพม่ิ เติมจากใบความรทู ่ี 4.2 เรอื่ งการทําบญั ชีรายรับ-รายจาย

5. ผูสอนระดมความคิดผูเรียนเก่ียวกับเรื่อง คุณธรรม จริยธรรมในการประกอบอาชีพ
จําหนายถั่วงอกวังหมีและศึกษาเพิ่มเติมจากใบความรูท่ี 4.3 เร่ืองคุณธรรม จริยธรรมในการประกอบอาชีพ
จาํ หนา ยถวั่ งอกวงั หมี

6. ผูเรยี นทําใบงานตอไปนี้
- ใบงานที่ 4.1 เรอ่ื ง ชอ งทางการจดั จาํ หนา ยและการกําหนดราคาจาํ หนา ยถวั่ งอกวังหมี
- ใบงานที่ 4.2 เรือ่ ง การทาํ บัญชีรายรับ-รายจาย
- ใบงานที่ 4.3 เรอ่ื ง คุณธรรม จริยธรรมในการประกอบอาชีพจําหนายถ่ัวงอกวังหมี

7. ผูสอนตรวจใบงานท่ี 4.1-4.3 แลวเฉลยรว มกับผเู รยี น โดยมีการถามตอบกบั ผเู รยี นตามขอ
คาํ ถามในใบงานที่ 4.1-4.3

8. ผสู อนสรุปบทเรียนรว มกับผูเรียน

44

สอื่ การเรียนรู

1. ใบความรูต อ ไปนี้
- ใบความรูที่ 4.1 เรือ่ ง การบรหิ ารจัดการอาชีพการจําหนายถัว่ งอกวงั หมี
- ใบความรูที่ 4.2 เรอื่ ง การทําบัญชีรายรับ-รายจา ย
- ใบความรูท ี่ 4.3 เร่ือง คณุ ธรรม จริยธรรมในการประกอบอาชีพจาํ หนา ย

ถวั่ งอกวังหมี
2. ใบงานตอ ไปน้ี

- ใบงานที่ 4.1 เร่ือง ชอ งทางการจัดจาํ หนายและการกําหนดราคาจําหนา ย
ถ่วั งอกวงั หมี

- ใบงานที่ 4.2 เรื่อง การทาํ บัญชีรายรับ-รายจา ย
- ใบงานท่ี 4.3 เรอ่ื ง คุณธรรม จริยธรรมในการประกอบอาชีพจําหนา ยถ่วั งอกวงั หมี
3. ภูมปิ ญ ญา หมบู า นวังหมี ต.เมอื งปก อ.ปก ธงชยั จ.นครราชสีมา
4. แหลงเรยี นรู ต.เมอื งปก อ.ปก ธงชัย จ.นครราชสมี า

การประเมนิ ผล

1. ประเมินจากการทาํ ใบงานท่ี 4.1-4.3
2. สังเกตพฤติกรรมผูเรยี นขณะทร่ี วมกิจกรรมการเรียนรู
3. ผลการฝก ปฏิบัตกิ ารกาํ หนดราคาจําหนายและการทาํ บญั ชีรายรบั -รายจา ย

45

ใบความรูท่ี 4.1
เร่ือง ชองทางการจัดจําหนายและการกําหนดราคาจาํ หนา ยถัว่ งอกวังหมี

1. ชองทางการจัดจาํ หนา ยถวั่ งอกวังหมี
การจดั จําหนา ยถั่วงอกวังหมี สามารถจัดจําหนายไดหลายชอ งทาง ไดแ ก
1. การจําหนายทางหนาราน เปนชองทางการจําหนายท่ีสามารถเขาถึงลูกคาทุกระดับ

ซงึ่ ตองคาํ นึงถงึ ปจ จัยตอ ไปนี้
1.1 ทําเลที่ต้ัง ตองอยูยานชุมชน มีท่ีจอดรถการคมนาคมสะดวก สถานท่ีรมรื่นถา

เปนไปไดใ หม ีพน้ื ทีข่ องรา นกวางพอสมควรในการทํางาน
1.2 การตกแตงราน ตองตกแตงรานใหสวยงาม สะอาด ทันสมัย มองแลวสะดุดตา

มีตวั อยา งแบบจาํ ลอง รปู ภาพ ไวด ึงดดู ความสนใจของลูกคา
2. การจัดจําหนายผานส่ืออินเตอรเน็ต การจัดจําหนายผานทางอินเทอรเน็ต ควรใหขอมูล

แกลูกคา ดงั น้ี
2.1 รูปแบบของผลผลิต ตอ งมรี ูปภาพของผลผลิตไวใหลูกคาเลอื กหลากหลาย พรอม

ระบุราคาและอัตราคาบริการ
2.2 วิธีการสัง่ สนิ คา การส่ังสินคา ผานอินเตอรเน็ตนั้น ควรมีขอมูลของลูกคาที่ชดั เจน

เชน ชื่อ ท่ีอยู เบอรโทรศัพทของลูกคา สถานท่ีติดตอ วันเวลาที่นัดหมายรับสินคา ราคาสินคา การชําระเงิน
การวางมดั จาํ การสง สนิ คา ตลอดจนระยะเวลาในการทํางาน

3. การสรางพันธกิจกับรานที่เก่ียวของกับการนําผลผลิตไปใชเพื่อเปนชองทางในการจัด
จําหนาย เชน รานขายกวยเตี๋ยว รานขายอาหารทั่วไป รานขายผัดหมี่ ผัดไทย รายขายหอยทอด รานขาย
ขนมจนี และรา นอาหารเจ ฯลฯ

4. การจดั จําหนายผา นตัวแทนเพื่อเปนชอ งทางในการกระจายผลผลิตสูผบู รโิ ภคอยางทัว่ ถึง
5. การจัดจําหนายขายตรง เปนชองทางการจัดจําหนายที่ไมผานตัวแทน ดวยการขายตรง
ในตลาดสด หรือแหลงชมุ ชนหรอื งานเทศกาลอาหารเพื่อสุขภาพ

2. การกําหนดราคาจาํ หนายถวั่ งอกวังหมี
การกําหนดราคาจําหนายผลผลิต ตองกําหนดใหคุมทุนเม่ือหักคาใชจายแลวเหลือคือกําไร ท้ังนี้ตอง

คํานึงถึงราคาของคูแขง และความพึงพอใจของลูกคาหรือผูซื้อประกอบกันดวยการกําหนดราคาจําหนาย
ผลผลิตโดยทัว่ ไปแลว จะมสี มการ ดงั นี้

ราคาขาย = ตน ทนุ การผลิต + กําไรทีต่ องการ

46

การหาตนทุน

ตนทุนเปนสวนท่ีผูประกอบอาชีพ ลงทุนไปเปนคาใชจายในการผลิตสินคา หรือเพื่อดําเนิน
กจิ การ ต้งั แตเริ่มตน จนสามารถจําหนายได ตนทนุ ในการประกอบอาชพี ประกอบดว ย

1. คา วัตถุดบิ ไดแก เมล็ดถัว่ เขียว
2. คาอุปกรณ ไดแก ไห กระดง ถังนํ้า สายยางฉีดน้ํา กระสอบ กรรไกร ถุงพลาสติก
สําหรบั บรรจุถัว่ งอก ฯลฯ
3. คาแรงงาน กรณีท่ีมีการจางแรงงานชว ยในการผลิตถว่ั งอก การจางแรงงานควรมีการ
ตกลงกันเร่ืองคาแรงกอนวาจะจายเปนรายวัน รายเดือน เปนรายเดือนแบบหักเงินกรณีไมมาทํางานเปนวัน
หรือตามชิ้นงาน และการจายคาแรงงานตามกฎหมายกําหนดจะเปนสิ่งบงบอกถึงความมีจริยธรรมของ
ผปู ระกอบการอยา งหน่งึ แลว ยังสรางความรสู ึกเปนเจา ของใหกับแรงงานเหลา นัน้ ซึ่งจะสงผลตอการผลิตถั่วงอก
4. คาเชาสถานที่ กรณีท่ีตองเชาสถานที่ ควรพิจารณาสัญญาเชาใหรอบคอบ เพื่อจะได
ไมเ กดิ ความเสยี หายภายหลงั
5. คาสาธารณูปโภค เชน คาน้ํา คาไฟฟา คาโทรศัพท ซึ่งเปนสิ่งที่ผูประกอบอาชีพ
หลายคนมองขา ม แตในทางธุรกจิ จะนํามาคดิ เปน ตนทุนดวยแตไ มใ ชทงั้ หมด คิดเปนบางสวนท่ีจาํ เปนตองใชกับ
งานน้ัน ๆ เทาน้ัน เชน คาไฟฟา คาน้ํา ที่ตองใชในการผลิตสินคา เหลานี้อาจตองนํามาคิดตนทุนบางเปน
บางสว น เพ่ือใหก ิจการอยรู อด


Click to View FlipBook Version