The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สุภาวดี_รายงานการเข้าร่วมประชุมวิชาระดับ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by torsompog256, 2021-07-24 20:34:38

สุภาวดี_รายงานการเข้าร่วมประชุมวิชาระดับ

สุภาวดี_รายงานการเข้าร่วมประชุมวิชาระดับ

รายงาน

การเข้ารว่ มประชุมวชิ าการระดับชาติ ครั้งท่ี 13 วันท่ี 8-9 กรกฎาคม 2564
ณ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏนครปฐม

ภายใต้แนวคดิ …“การวจิ ัยสร้างดลุ ยภาพชวี ิต เพ่ือรองรบั New Normal”
เสนอ

ผศ. ดร. สริ นิ ธร สนิ จินดาวงศ์

โดย
นางสาวสภุ าวดี ภริ มย์รัตน์ รหัส 63560183

รายงานนี้เป็นส่วนหนึง่ ของการศกึ ษาวชิ าการวิจยั เพื่อนักบริหารการศกึ ษา (EDA718)
หลกั สตู รปรัชญาดุษฎบี ัณฑติ สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา

วิทยาลัยบัณฑติ ศึกษาด้านการจดั การ มหาวิทยาลยั ศรปี ทุม ภาคเรียนที่ 3 ปีการศกึ ษา 2563

คานา

รายงานการเข้าร่วมประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 13 ระหว่างวันท่ี 8-9 กรกฎาคม 2564 ณ
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ภายใต้แนวคิด… “การวิจัยสร้างดุลยภาพชีวิต เพ่ือรองรับNew Normal”
จัดทาข้ึนเพ่ือให้สอดคล้องกับ การศึกษาวิชาการวิจัยเพื่อนักบริหารการศึกษา (EDA718) หลักสูตรปรัชญา
ดุษฎีบณั ฑิต สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา วิทยาลัยบณั ฑติ ศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ภาคเรียนท่ี 3 ปีการศึกษา 2563

นางสาวสุภาวดี ภิรมย์รัตน์ ผู้รายงานในฐานะนักศึกษาปริญญาเอก หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้เข้าร่วม
ประชมุ วิชาการระดบั ชาติ ผ่านระบบออนไลน์ ภาคเช้าเข้ารว่ มฟังบรรยายพิเศษจากวทิ ยากรผู้ทรงคุณวุฒิทาง
Facebook Live และภาคบ่ายเข้าร่วมประชุมฟังการนาเสนอผลงานวิจัยแบบบรรยายผ่านโปรแกรม

Zoom การเข้ารว่ มฟังบรรยายพิเศษ และการเขา้ ร่วมประชุมการนาเสนอผลงานวิจัยแบบออนไลน์ในครั้งน้ี

ไดร้ บั ความรู้และประสบการณ์การเรียนรู้ภายใต้สถานการณ์การเกิดโรคระบาดโควิด -19 ช่วยใช้จุดประกาย
ความคิดในการนาเสนอหัวข้อวิจยั ท่ีน่าสนใจทันต่อการเปล่ียนแปลงตามปกติวิถีใหม่ และยังได้รับองค์ความรู้
นามาปรับประยุกต์ในรายวิชา“การวิจัยเพ่ือนักบริหารการศึกษา” ทั้งยังสามารถวิพากษ์การนาเสนอ
ผลงานวจิ ัยในเวทีระดบั ชาตไิ ดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั วิชาการและหลกั การวิจยั ได้อกี ดว้ ย
เสนอ

ผู้รายงานขอขอบพระคุณ “ครูของครู” อาทิเช่น ผศ.ดร. สิรินทร สินจินดาวงศ์ ผศ.ดร. วราภรณ์
ไทยมา และคณาจารย์หลกั สูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้าน
การจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ที่เปี่ยมด้วยเมตตารวมพลังเป็นทีมงานประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้แก่
ศษิ ย์ หากมขี อ้ บกพร่องประการใดผรู้ ายงานขอน้อมรบั ไวป้ รบั ปรุงแก้ไขในโอกาสต่อไป

นางสาวสภุ าวดี ภิรมย์รัตน์
22 กรกฎาคม 2564

ภาพหลกั ฐานแสดงการเข้ารว่ มฟังบรรยายพเิ ศษจากวทิ ยากรผทู้ รงคุณวฒุ ิทางFacebook Live
ภาคบา่ ยการเขา้ รว่ มประชุมการนาเสนอผลงานวจิ ยั แบบออนไลน์ ผา่ นZoom

การเขา้ รว่ มฟังการบรรยายพิเศษจากวทิ ยากรผทู้ รงคุณวุฒใิ นภาคเชา้ จานวน 3 ทา่ น

ผรู้ ายงานขอรายงานผลการเขา้ ร่วมฟังบรรยายโดยสรุป 2 รายเพราะเปน็ การบรรยายในสภาพปญั หา
สถานการณท์ ี่เกดิ ขึน้ ในปัจจุบนั ซง่ึ มชี ว่ ยเสริมสร้างองคค์ วามรู้ทาให้ไดร้ บั แนวคดิ ในการนาเสนอหัวข้อวจิ ัยที่ใหม่
และมีความทันสมยั ได้ ปรากฏตามสรุปใจความสาคญั ดงั นี้

1. นวัตกรรมวจิ ัยแบบ new normal
ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล องค์ปาฐก/บรรยายพิเศษ

ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล องค์ปาฐก/บรรยายพิเศษ ตาแหน่ง ปลัดกระทรวง
อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นมุมมองมันสมองทางด้านราชการ เป็นนักเรียนทุนอานันท
มหิดล เปน็ ผ้เู ชี่ยวชาญทางดา้ นเชื้อไวรัสตับอักเสบ และเช้ือไวรัสไข้หวัดใหญ่ เป็นผู้บริหารในราชการ เช่น
ผ้อู านวยการสานกั งานวจิ ยั แห่งชาติ (วช.) ปัจจุบันดารงตาแหน่งปลัดกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัย

และนวัตกรรมใหเ้ หน็ มุมมองของราชการวา่ วิทยาลยั ในปัจจบุ นั และอนาคตควรจะมีทิศทางอนาคตความท้าทาย
กบั ดิสรปั ชันด้านเทคโนโลยี ในยคุ new normal อยา่ งไรในหัวขอ้ นวัตกรรมวจิ ยั แบบ new normal

new normal กม็ ขี ้อดีเหมอื นกนั ทาให้เกิดการแลกเปลีย่ นกนั การดาเนินการอย่างกว้างขวาง
-การเปลี่ยนแปลงของโลก และในเชงิ นโยบาย
-นวัตกรรมวจิ ยั แบบ new normal
-บทบาทของ อว. ในวกิ ฤตโควดิ -19
การเปลย่ี นแปลงของโลก และในเชิงนโยบาย
การเปล่ยี นแปลงกระแสหลักของโลกรวมทงั้ กระแสของไทย ดว้ ยมแี นวโนม้ การเปลีย่ นแปลงในช่วง 10
ปที ี่ผา่ นมาและมองต่อไปอกี สกั 10 หรอื 20 ปขี ้างหน้าจะเห็นอะไรบา้ งไมน่ ่าจะต่างจากท่เี ราเห็นมีกระแสหลัก
อยู่หลายกระแสส่ิงหนึ่งท่ีชัดเจน คือเร่ืองของการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่าเดโมกราฟฟิคการเปลี่ยนแปลง
โครงสรา้ งของประชากรเหน็ ชัดเจนมากขนึ้ เรอ่ื ย ๆ เรียกวา่ “สงั คมสูงวัย”เรามีประชากรสูงวัยมากขึ้นเรื่อย ๆ
เด็กๆ ลดลงเรอื่ ยๆ ซงึ่ เกิดขึ้นจากแนวโนม้ หลกั 2 แนวโน้ม คอื
1. คนตายน้อยลงคนตายช้าลง ทางด้านการแพทย์ ทางด้านสาธารณสุขการดูแลสุขอนามัยของแต่
ละคน และภาพรวมของประเทศดีขึ้นมากคนเกิดน้อยลงเป็นแนวโน้มที่เห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ประชากร
เดก็ เกิดใหมล่ ดลง
2. คอื การเปล่ียนแปลงผู้อานาจของโลกด้านเศรษฐกิจสงั คมความม่ันคงต่าง ๆ เห็นชัดเจนมหาอานาจ
ต่าง ๆ เปลี่ยนไปเข้ามาในมหาอานาจท่ีอยู่ในอเมริกาในรัสเซียเร่ิมมีญี่ปุ่นแทรกเข้ามาอยู่บ้างตอนนี้ขับเคลื่อน
โดยมหาอานาจ 2 จดุ ในโลกน้ี เพ่อื น ๆ ของสหรฐั อเมรกิ าและของจีนกจ็ ะเกดิ ข้ึนต่อไปมีผลกับทุก ๆ คนทุก ๆ
ของโลกเรื่องของนวัตกรรม พฒั นาเกิดข้ึนตลอดเวลา การใช้ดินปืน การใช้ดินระเบิดเทคโนโลยีเร่ืองพลังงาน
เคร่อื งจกั รไอนา้ การใชไ้ ฟฟา้ อาจจะทาให้มหาอานาจดัง้ เดมิ เสียอานาจไปได้แล้ว มหาอานาจใหม่ก็เกิดข้ึนพวก
เราอยใู่ นยคุ เทคโนโลยีดจิ ิตอลนิวเคลียร์ AI นวตั กรรมนก้ี เ็ ปลย่ี นแปลงไปได้ตลอดเวลา
การเปลีย่ นแปลงของโลกและนัยเชิงนโยบาย ประเทศไทยมีอยู่หลายนยั ยะถา้ มองตอ่ ไปยัง covid เป็น
ตัวต้ังก็ได้อีกไม่นาน 5 ปี 10 ปีข้างหน้าค่อนข้างท่ีจะชัดเจนว่าสถานการณ์ข้างหน้าโควิดท่ีเราเจออยู่ตอนนี้
นา่ จะอยกู่ บั เราอกี เป็นปี เป็นนยั ยะกบั ประเทศไทยในดา้ นอดุ มศกึ ษาและวจิ ยั อันท่ี 1 เปน็ เร่ืองของเราจะฟื้นฟู
ประเทศฟืน้ ฟเู ศรษฐกิจฟื้นฟสู ังคมอย่างไร หลังจากสถานการณ์นี้เราจะปรับตัวเราจะเตรียมการไม่ให้สิ่งที่ได้
เกดิ ข้นึ แล้วมาปีเศษ ๆ มันเกิดข้ึนอีกการแก้ปัญหาการเตรียมตัวรับการปรับเข้าสู่ของใหม่เราต้องคิดเราต้อง
เตรียมมาก ๆ ว่าจะไมใ่ หส้ ง่ิ นเ้ี กิดขึน้ ไดย้ งั ไงถ้าเกิดขน้ึ อกี จะเกิดขึ้นแบบไม่มีผลกับชีวิตเราไม่มีผลต่อเศรษฐกิจ
เราไมม่ ีผลตอ่ สงั คมเรา

การเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์ covid 19 และประเด็นท่ีรอการปรับตัว มีผลกระทบในทุก ๆ เรื่อง
ทุก ๆ มิติเห็นว่าโอกาสในการปรับตัวขึ้นตลอดเวลา ซึ่งประกอบด้วย 11เร่ืองท่ีอว.รวมพลังคนไทยในวิกฤต
covid-19 ดงั น้ี

1. รักษาผปู้ ่วย
2. รพ.สนาม
3. หน่วยบรกิ ารวคั ซีน
4. มหาวิทยาลยั สู่ตาบล
5. การเรยี นการสอนออนไลน์
6. ชว่ ยเหลอื เยยี วยา
7. งานวจิ ยั
8. กองหนนุ
9. ขอ้ มูล
10. อปุ กรณเ์ วชภัณฑ์
11. ไอทแี ละ AI ในการบริหาร
นวัตกรรมคอื การแก้ไขปัญหาอยา่ งสร้างสรรค์
1. เชิญผใู้ ชง้ าน (ความพงึ พอใจ) ใชแ้ ลว้ มคี นสนใจใชง้ านไหม/หรือชอบใชง้ านไหม
2. เชิงเทคนิค (ความเปน็ ไปได้) ทาใหเ้ กดิ ขึ้นจริงได้หรอื ไม่(ความรู/้ เวลา/ทรัพยากร)
3. เชิงธุรกจิ (ความอยรู่ อด) ทาแล้วนาไปใช้ได้ไหม/ทาแลว้ ขายได้ไหม/ทาแลว้ เปน็ ประโยชนไ์ หม
นวตั กรรมวจิ ัยแบบ new normal
นวัตกรรมวิจยั แบบ new normal มีการพุง่ เปา้ มีคนใชง้ านต้ังแต่ต้นหาผู้ใช้งานใหไ้ ดต้ ้ังแต่เร่มิ แรกแลว้
ต้องทาไว้บางครง้ั ไม่ต้องเสร็จสมบูรณก์ ็ยงั ได้แตไ่ ปเร่อื ยๆ ทางานร่วมกับผูใ้ ช้จรงิ ๆ เราจะเห็นผู้ใช้งานมาช่วยใน
การปรบั ปรงุ

วกิ ฤตกระบวนการยตุ ธิ รรมไทย
ศาสตราจารยพ์ เิ ศษ วิชา มหาคณุ คณบดี คณะนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยรังสิต องค์ปาฐก/

บรรยายพิเศษ
คดขี อง นายวรยทุ ธ อยวู่ ิทยา (ทายาทกระทิงแดง)

ตามที่ได้มีคาส่ังนายกรัฐมนตรี ที่ 225/2563 ลงวันท่ี 24 กรกฎาคม 2563 แต่งตั้งคณะกรรมการ
ตรวจสอบข้อเทจ็ จริงและขอ้ กฎหมาย กรณีคาส่งั ไมฟ่ ้องคดีอาญาท่ีอย่ใู นความสนใจของประชาชน

คณะกรรมการได้พจิ ารณาข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นในคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา แล้วเห็นว่า
คดีดัง กล่าวได้ส่ งผลต่อคว ามเช่ือมั่น ศรัทธราของประชาชนท่ี มีต่อ กระบวนก าร ยุติ ธรร มทาง อาญ าไทย
เนื่องจากมีขอ้ สงสัยด้านการปฏบิ ตั อิ ย่างเท่าเทยี มกนั ระหว่างบุคคลที่มีสถานะทางเศรษฐกจิ หรือสังคมแตกต่าง
กัน ซงึ่ สภาวการณเ์ ชน่ นี้อาจนาสังคมไปสู่อนาธิปไตยที่ประชาชนปฏิเสธ หรือโต้แย้งกฎหมายและการบังคับ
ใชก้ ฎหมายของรฐั โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ คณะกรรมการไดต้ รวจพบขอ้ บกพรอ่ งรา้ ยแรง ดงั ตอ่ ไปน้ี

1. พนกั งานสอบสวนขาดความเป็นอิสระ
การสอบสวนคดอี าญาของพนกั งานสอบสวนนับได้ว่าเป็นต้นสายของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
โดยพนกั งานสอบสวนจะต้องดาเนินการแสวงหาขอ้ เทจ็ จริงใหถ้ กู ตอ้ งและครบถ้วนมากที่สุดเพือ่ ให้เกดิ ความแน่
ชัด ในการกระทาความผิดของผู้ตอ้ งหา แตป่ รากฏว่าการสอบสวนในคดีนี้ได้มีการแทรกแซงของผู้บังคับบัญชา
และผู้มอี ิทธพิ ลทาใหม้ กี ารบดิ เบือนขอ้ เทจ็ จรงิ ถึงขนาดที่สง่ ผลกระทบตอ่ การส่งั เคลอ่ื นคดขี องพนักงานอัยการ
2. ความไมเ่ ป็นเอกภาพและเชอ่ื มโยงกันระหวา่ งการสอบสวนและส่ังฟอ้ งคดี
ในคดีน้ไี ด้ปรากฏว่ามกี ารสอบสวนเพิ่มเติมเน่ืองมาจากการร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาหลาย
ครงั้ ซึ่งอาจมาสาเหตุจากการขาดความเป็นเอกภาพระหว่างพนักงานอัยการท่ีมีหน้าที่และอานาจในการฟ้อง
คดอี าญาและพนกั งานสอบสวนที่มีหน้าที่ในการแสวงหาข้อเท็จจริง ความไม่เป็นเอกภาพดังกล่าวเป็นผลให้
คดีน้ีมีความลา่ ช้าและเปน็ ช่องโหว่ท่ผี ้ตู อ้ งหาสามารถนามาใช้ในการประวงิ คดีเพอื่ ให้หลดุ พน้ จากความผดิ

3. การสอบสวนไม่มีกาหนดเวลาหรอื ระบบควบคมุ ขาดประสทธภิ าพ
การสอบสวนท่ีล่าชา้ เนอื่ งจากกฎหมายไมม่ กี รอบระยะเวลาการดาเนนิ การท่ชี ดั เจน ทาให้ผู้ตอ้ งหาไม่
ถกู ดาเนินคดีในความผิดบางประการ เนือ่ งจากขาดอายุความหรอื พนักงานอัยการไม่มีเวลาเพียงพอในการ
พิจารณาสัง่ คดอี ย่างรอบคอบ
4.ความเหลอื่ มล้าในการเข้าถงึ กระบวนการยตุ ิธรรมของบุคคลท่ีมสี ถานะทางเศรษฐกจิ แตกตา่ งกัน
คดีนี้แสดงใหเ้ หน็ วา่ บคุ ลทมี่ ีสถานะทางเศรษฐกิจดยี อ่ มมหี นทางในการใชอ้ ทิ ธพิ ลจัดหาพยานหลักฐาน
ต่าง ๆ เพ่ือให้เกดิ ข้อสงสัยในการกระทาความผิดของผู้ต้องหา รวมท้ังการเข้าถึงช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
กลไกทางการเมอื ง หรือบคุ คลท่มี ีบทบาทสาคญั ในสังคม เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือในการหลุดพ้นจากการ
ดาเนนิ คดีสาหรบั ความผิดท่ไี ดก้ ระทาไป
5. การทจุ ริตประพฤติมิชอบของเจา้ หนา้ ที่
การใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการในแต่ละขั้นตอนขาดกรอบการควบคุมท่ี
ชดั เจนแน่นอน เปน็ ชอ่ งทางในการใชอ้ านาจทตี่ ามกฎหมายเพ่อื ประโยชน์ของตนเองหรอื ผ้อู น่ื โดยมชิ อบ
6. กระบวนการยุตธิ รรมทางอาญาล้าสมัย
คดนี ้ีแสดงใหเ้ หน็ วา่ กระบวนการยุติธรรมทางอาญาของไทยมีความล้าสมัยในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น
หลกั เกณฑแ์ ละข้ันตอนการตรวจพิสจู น์หลักฐานท่ีไมไ่ ด้อยบู่ นพืน้ ฐานของหลกั การทางนติ ิวิทยาศาสตร์ท่ีชัดเจน
การติดตามตัวผู้ต้องหาข้ันตอนล่าช้าจนเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาสามารถหลบหนีไปต่างประเทศได้ และการ
ประสานความร่วมมือระหว่างพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนเพ่ือการสอบสวน และการดาเนินคดี
เป็นไปในทิศทางเดยี วกัน
คณะกรรมการเห็นวา่ ในการแก้ไขขอ้ บกพร่องข้างต้น สมควรปรับโครงสรา้ งการสอบสวนให้มีความ
เปน็ อสิ ระเพ่อื ลดการแทรกแซง จากผ้บู งั คบั บัญชาและอิทธิพลภายนอกการปฏิรูปองค์กรตารวจให้รองรับการ
ปฏิบัติหน้าที่โดยอิสระของพนักงานสอบสวน และการปรับปรุงหรือแก้ไขกฎหมายบางประการเพื่อให้
กระบวนการยุติธรรมทางอาญาสามารถอานวยความยุติธรรมให้แก่ประชานชนในยุคสมัยปัจจุบันอย่างมี
ประสทิ ธิภาพย่งิ ขน้ึ
7. การปฏริ ปู องคก์ รตารวจ
คณะกรรมการได้พิจารณาร่างพระราชบัญญตั ติ ารวจแห่งชาติ พ.ศ. ….. ท่ีสานักงานตารวจแห่งชาติ
สอนแนะได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐสภาแล้ว เห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ไม่สอดคล้องกับมาตรา
๒๕๘ ง. ด้านกระบวนการยุตธิ รรม ของรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย

การปฏิรูปกระบวนการสอบสวนคดีอาญา

คณะกรรมการได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. …..ที่ผ่านการ
พจิ ารณาของคณะกรรมการทีต่ ัง้ ขึน้ ตามคาสงั่ สานักงานนายกรัฐมนตรที ี่ ๒๐๓/๒๕๖๒ มหี ลักการทีส่ อดคล้อง
กบั แนวทางในการแก่ไขข้อบกพรอ่ งของกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญา

การปฏริ ปู ดา้ นนติ วิ ิทยาศาสตร์

คณะกรรมการเห็นควรสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติระบบนิติวิทยาศาสตร์แห่งชาติ พ.ศ. …. ของ
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ที่จะทาให้มีการวางระบบนิติวิทยาศสาสตร์สาหรับ
การพิจารณาคดอี าญาอื่น ๆ อย่างมีวินัยสาคัญ และเห็นควรสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติการให้บริการด้าน
นิตวิ ิทยาศาสตร์ พ.ศ. …. ของกระทรวงยุติธรรม เพ่ือเปิดกว้างสามารถใช้งานนิติวิทยาศาสตร์มากกว่าที่มีอยู่
ในปจั จบุ ันน้ี

การกาหนดระยะเวลาในกระบวนการยุตธิ รรมทางอาญา

คณะกรรมการเห็นควรสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติกาหนดระยะเวลา ดาเนินงานในกระบวนการ
ยุติธรรม เพื่อให้กาหนดระยะเวลาดาเนินงานในทุกข้ันตอนของกระบวนการยุติธรรมมีความชัดเจนเพื่อให้
ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า อีกทั้งยังเป็นการอุดช่องโหว่ที่ปรากฏในคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา
ซง่ึ มีความพยายามประวงิ คดใี นข้ันตอนตา่ ง ๆ เพอ่ื ให้ตนไม่ต้องถกู ดาเนินคดตี ามกฎหมาย

ขอ้ เสนอแนะในการปฏิรูปกระบวนการยตุ ิธรรมในระยะยาว

ในการพัฒนาระบบกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของไทยให้มีความทันสมั ยสอดคล้องกับ
สภาวการณ์ท่ีเปล่ียนแปลงไป สมควรมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการนาแนวทางจากต่างประเทศในบาง
เรื่องมาปรับใช้กบั บรบิ ทของสงั คมไทย

ผรู้ ายงานได้เขา้ รว่ มฟงั การนาเสนอผลงานวจิ ัย รวม 5 ผลงานวจิ ยั ขออนญุ าตรายงานการเข้าฟังการ
นาเสนอเพอ่ื เป็นตัวอย่าง 2 ผลงานวจิ ยั ไดเ้ รื่องไดแ้ ก่

1. งานวิจยั เชงิ ปรมิ าณ (Quantitative Research) : แนวทางการจดั การการทอ่ งเทีย่ วเชิงนเิ วศ
เกษตรของแปลงภูทับเบิกสถานีวิจัยเพชรบรู ณ์ Management approach of agro-ecotourism of
Phuthapboek Site, PhetchabunResearch Station.

นภัสสร สญู ก่งิ สวุ รรณา ประณตี วตกุล และ ธานี ศรวี งศช์ ัย คณะนิสติ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ขอ้ สงั เกต ผนู้ าเสนอผลงานวจิ ัย นางสาวณชิ กมล อาจยะมะ นัน้ ไม่ปรากฏช่อื อยใู่ นบทความวจิ ัยแต่
อยา่ งใด
2. งานวจิ ัยเชงิ คณุ ภาพ (Qualitative Research): ทักษะท่ีจาเปน็ สาหรับนกั ทรพั ยากรมนุษย์
ในการจัดการความหลากหลายของทรัพยากรมนษุ ย์ในองคก์ ารTHE SKILLS REQUIRED OF HUMAN
RESOURCE OFFICER FOR DIVERSITY MANAGEMENT IN THE ORGANIZATION
ผู้วิจยั สุชาวดี เดชทองจันทร์ ลิมปนนาคทอง อาจารย์ประจาคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ธุรกจิ บณั ฑิต
การวิพากษก์ ารนาเสนอผลงานวจิ ัยระดับชาติ ท้งั 2 ผลงานวจิ ยั ในภาพรวม ดงั น้ี
1. การนาเสนอผลงานวิจัยระดบั ชาติ มวี ตั ถปุ ระสงค์เพื่อพฒั นาองค์ความรู้ และเผยแพร่งานวิจัยสู่สาร
ธารณชน ช่วยให้การตีพิมพ์บทความวิจัยเผยแพร่ในวงกว้าง แต่ในการนาเสนอผลงานวิจัยออนไลน์ผ่าน
App.Zoom ในห้องย่อยBreak Room นี้มีเพยี งกลุม่ ผู้ศกึ ษาระดับปรญิ ญาเอก มหาวทิ ยาลัยศรีปทุม เข้ารับฟัง
เพียงกล่มุ เดยี วเท่านั้น
2. ดา้ นการวิพากษ์โดยผทู้ รงคุณวุฒิ/ผ้เู ชยี่ วชาญ มอี าจารย์ท่ีดาเนินการวิพากษ์เพียงท่านเดียว ซ่ึงทา
ใหม้ มุ มองทางด้านวชิ าการไม่เปิดโลกทศั น์กวา้ งเทา่ ท่คี วร มีข้อสังเกตว่าการวิพากษ์การนาเสนอผลงานวิจัย
ระดับชาติโดยท่ัวไปตามปกติแล้วนั้นจะมีการวิพากษ์เป็นคณะกรรมการ อย่างต่า 3 คนข้ึนไป แต่ใน
สถานการณ์การนาผลงานวิจัยออนไลน์ที่มีผู้นาเสนอจานวนมากอาจทาให้จานวนผู้วิพากษ์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ
หรือผู้ทรงคุณวฒุ ิจานวนไม่เพยี งพอกับผู้นาเสนอผลงานวจิ ยั นอกจากนี้ น่าเช่ือว่าเอกสารบทความวิจัยน่าจะ
ผา่ นการพิจารณากลนั่ กรองบทความวิจัยโดยผู้ทรงคุณวุฒิ หรือนักวิจัยในสาขาท่ีเก่ียวข้องหรือที่เรียกว่า Peer
Review มาก่อนแลว้ จึงมานาเสนอผลงานวจิ ัยผ่านระบบออนไลน์
3. ด้านการพูดนาเสนอโดยส่ือPower Point ประกอบการบรรยายนั้นสามารถพัฒนาองค์ความรู้
เผยแพรส่ สู่ ารธารณะให้เกิดความยอมรับ เทคนิคการผู้นาเสนองานผลงานวิจัยเชิงปริมาณน้ัน ใช้น้าเสียงการ
นาเสนอราบเรยี บ ไม่คอ่ ยนา่ ฟงั เทา่ ทคี่ วร แตผ่ นู้ าเสนอวจิ ยั เชิงคุณภาพใชน้ า้ เสียงในการนาเสนอน่าฟังมากกวา่

4. ด้านการใช้ส่ือ Power Point เทคนิคการการใช้สื่อ Power Point ท้ังสองผลงานวิจัยน้ัน พบว่ามี
บางสไลด์ใช้มีสีตัดกันจนกลืนกันไปหมด ทาให้ตัวอักษรไม่ชัดเจน เช่น ตัวอักษรสีขาวพ้ืนสีเหลือง ตัวอักษรสี
ขาวพื้นสฟี า้ เปน็ ตน้ นอกจากน้ยี ังใชส้ ีตัดสลบั กนั ไปมาทาให้ผเู้ ข้ารว่ มฟังการนาเสนอผลงานวิจยั เวียนศีรษะ

5. ผ้นู าเสนองานวิจัยเชิงปริมาณควรนาเสนอใหเ้ กิดความสนใจโดยใช้กราฟ หรือแผนภูมิ สาหรับผู้นา
เสนอผลงานวิจัยเชิงคุณภาพได้นาเสนอข้อมูลในรูปแผนผัง รูปภาพช่วยให้การนาเสนอน่าสนใจ แต่ยังพบ
ขอ้ ด้อยในการนาเสนอเน่ืองจากใชพ้ ้ืนสีเหลอื งตัวหนังสือสขี าวทาใหอ้ า่ นได้ไมช่ ัดเทา่ ทีค่ วร

6. การนาเสนอออนไลนผ์ ่านส่ือ Power Point จานวนสไลด์ของของผนู้ าเสนอเชิงปริมาณสไลด์ท่ีมาก
เกินไป ควรเลอื กนาเสนอเฉพาะประเด็นทีส่ าคญั และสร้างรูปแบบนาเสนอที่เข้าใจงา่ ย

7. ในส่วนเอกสารที่มีการตีพิมพ์เผยแพร พบว่ามีเอกสารอ้างอิงที่เก่า 10 ปีท้ังงานวิจัยเชิงปริมาณ
และงานวจิ ยั เชิงคณุ ภาพ เช่น
พิมลพรรณ เชือ้ บางแกว้ . (2554). การบรหิ ารความหลากหลายของบุคลากรในองค์การ: กลยทุ ธ์การบริหาร

ทรัพยากรมนษุ ย์ในยุคเศรษฐกิจสร้างสรรค์. วารสารนักบริหาร มหาวทิ ยาลัยกรงุ เทพ, 31(1)
รงุ่ นภา บพุ ฤทธ์.ิ (2549). ความเตม็ ใจจ่ายของนกั ทอ่ งเที่ยวเพื่อการอนุรักษ์พะยนู ในบริเวณอทุ ยานแหง่ ชาติ

หาดเจ้าไหมและเขตห้ามลา่ สตั วป์ ่าหมเู่ กาะลบิ ง จังหวัดตรัง. วิทยานพิ นธ์ ปรญิ ญาวทิ ยาศาสตร
มหาบณั ฑิต. มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์

ฯลฯ
รายละเอียดปรากฏตามภาพการนาเสนองานวจิ ยั และบทความวิจยั วจิ ัยทัง้ 2 เรือ่ ง ตามท่ปี รากฏท้ายเอกสารน้ี

การวพิ ากษผ์ ลงานวิจยั ในสว่ นท่เี ป็นเอกสารเผยแพร่ผลงานวิจยั เพอ่ื ตีพมิ พ์เผยแพร่
ในวารสารของมหาวิทยาลัยราชภฏั นครปฐม

กระบวนการของวารสารวิชาการ (Scholarly Journals) ท่ีให้มีคณะผู้เชี่ยวชาญ สาหรับแต่ละสาขา
เป็นผู้พิจารณาตรวจสอบ อ่านบทความ และตัดสินว่า บทความวิจัยดังกล่าว เป็นที่ยอมรับ (accepted)
หรอื ปฏิเสธ (rejected) หรือให้กลับไปปรับปรุงแก้ไข (revised) ก่อนรับรองให้ลงพิมพ์ในวารสารนั้นได้ ทั้งน้ี
เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพของบทความ และรับประกันว่า ผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่น้ัน เป็น
ผลงานที่ดีและมีคุณภาพ ผ่านการตรวจสอบจากคณะผู้เชี่ยวชาญ (Referees) เพื่อทาให้วารสารวิชาการ มี
ลักษณะท่ีเรียกว่า Peer-reviewed Journals หรือ Refereed Journals และได้รับความเชื่อถือในสาขาวิชา
น้ัน ๆ โดย "Peer review" ก่อนการนาเอกสารงานวจิ ัยไปเผยแพร่ ซึ่งในวารสารต่าง ๆ จะมีเกณฑห์ รือตัวชี้วัด
ในการประเมินบทความวจิ ยั

ในภาพรวมของการวิพากษง์ านวิจยั มีจดุ มงุ่ หมายเพอ่ื พจิ ารณางานวิจัยเก่ียวกับ 1) คุณค่า ประโยชน์
และความสาคัญของงานวิจัย 2) ความถูกต้องตามระเบียบวิธีการวิจัย 3) ความน่าเช่ือถือของผลงานวิจัย
และ 4) ความนา่ เช่อื ถือของผู้วิจยั

ประเด็นหลกั ของการวพิ ากษ์งานวิจัย มีดงั น้ี
1. ช่อื เรื่องการวิจัย

1.1 มีความกะทดั รัด และชดั เจนเพียงใด
1.2 บอกขอบเขตของการวจิ ัยหรือไม่ (ตวั แปร สงิ่ ทพี่ ฒั นา และกลุ่มตวั อยา่ ง)
2. ความเป็นมาและความสาคัญของการวจิ ัย
2.1 เสนอความเป็นมาและความสาคญั ของปญั หาชดั เจนเพยี งใด
2.2 ปญั หาท่ศี ึกษานัน้ เป็นปัญหาท่ีสาคัญควรแก่การศึกษาหรือไม่ และก่อให้เกิดประโยชน์ได้
มากนอ้ ยเพียงใด
2.3 ระบุประเด็นทม่ี ุ่งศึกษาชัดเจนเพียงใด (เหตผุ ลท่ีใชน้ วตั กรรม)
3. วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย
3.1 สอดคลอ้ งกับชอ่ื เรื่องการวิจัยหรอื ไม่
3.2 สามารถเก็บข้อมูลไดห้ รอื ไม่
3.3 ภาษาทใี่ ช้เขา้ ใจงา่ ย และมคี วามชดั เจนเพยี งใด
4. สมมุติฐานการวจิ ยั
4.1 สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคก์ ารวจิ ยั และมีความครบถว้ นหรือไม่
4.2 สอดคล้องกับขอ้ เท็จจริง หรอื ทฤษฏี หรอื งานวจิ ยั หรอื ไม่
4.3 มคี วามชัดเจน และสามารถตรวจสอบด้วยวธิ กี ารวิจยั ไดห้ รอื ไม่
5. ตวั แปรทศ่ี กึ ษา
5.1 มคี วามสอดคลอ้ ง ถกู ต้อง และครบถว้ นตามวตั ถุประสงคข์ องการวจิ ัยหรอื ไม่
5.2 ตวั แปรตน้ และตัวแปรตามมีความเปน็ เหตเุ ป็นผลกันหรือไม่
6. นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ
6.1 มคี วามชดั เจน และเหมาะสมเพยี งใด
6.2 มกี ารนยิ ามศพั ทไ์ ว้ในสว่ นต้นของรายงานการวิจัยหรอื ไม่
7. ประโยชน์ของการวิจยั
7.1 สอดคลอ้ งกับปญั หาวิจัยหรือไม่
7.2 มีความชดั เจนเพยี งใด
8. เอกสารและงานวจิ ัยท่ีเกี่ยวข้อง
8.1 ระบุแนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ยั ทเ่ี กี่ยวข้องกบั ตัวแปรที่ศึกษาครบถว้ นหรือไม่
8.2 การนาเสนอมีความต่อเนือ่ ง และมีการสรปุ ประเดน็ ที่นาเสนอหรอื ไม่
8.3 มีความทนั สมัยหรอื ไม่
9. ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง
9.1 มคี ณุ สมบัติตรงตามวตั ถปุ ระสงค์การวิจัยหรือไม่
9.2 ระบวุ ่าเป็นใคร อยู่ท่ีใด มจี านวนเทา่ ไหร่ และได้มาโดยวธิ ีใดหรอื ไม่
9.3 มีจานวนเหมาะสมหรอื ไม่

10. เครอื่ งมือท่ใี ช้ในการวจิ ัย
10.1 มคี วามเหมาะสมกับลักษณะของตัวแปรหรือไม่
10.2 มีการหาคุณภาพไดถ้ กู ต้อง และ ครบถ้วน ตามลักษณะของเครอ่ื งมือวิจยั นั้น ๆ หรือไม่

11. แบบแผนการวจิ ัย
11.1 รูปแบบมคี วามถกู ตอ้ งเหมาะสมหรือไม่
11.1 สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจยั เพียงใด

12. สถิติที่ใชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มูล
12.1 เลือกใช้สถิติเหมาะสมกับลักษณะของข้อมลู หรือไม่
12.2 เลอื กใช้สถิติเหมาะสมกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจัย และครบถว้ นหรือไม่

13. การนาเสนอข้อมูลและแปลผล
13.1 ใช้วธิ กี ารนาเสนอข้อมูลทีช่ ดั เจน น่าสนใจหรอื ไม่
13.2 การแปลผล มคี วามสอดคลอ้ งกับวิธกี ารทางสถิติหรือไม่
13.3 การสรุปผลการวิจยั ครบถ้วน ตามวตั ถุประสงค์ของการวิจัย หรือ ตามสมมุติฐานการวิจัย

หรือไม่
13.4 การสรปุ ผลการวจิ ยั อยู่ในขอบเขตของการวิจยั หรือไม่

14. การอภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ
14.1 ใช้กรอบแนวคิด ทฤษฎี หรอื ผลการวิจัยเป็นฐานข้อมลู ในการอภิปรายผลหรอื ไม่
14.2 การอภิปรายผลเรียงลาดับ สอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์การวิจัยหรือไม่
14.3 ข้อเสนอแนะตา่ ง ๆ ตัง้ อยบู่ นฐานขอ้ มูลจากการศกึ ษาวจิ ยั ครั้งนห้ี รือไม่
14.4 ข้อเสนอแนะมีความชัดเจน และเป็นไปไดใ้ นการนาผลวจิ ัยไปใช้ และเพือ่ การวจิ ัยในครั้งต่อ ๆ

ไปหรอื ไม่
15. บรรณานกุ รม และ ภาคผนวก
15.1 การอา้ งอิงถกู ต้องตามแบบฟอรม์ ทเ่ี ปน็ สากลหรอื ไม่
15.2 รายการข้อมลู ทบี่ รรจุไวใ้ นภาคผนวกเหมาะสมหรือไม่
15.3 ข้อมูลท่ีนาเสนอในภาคผนวก ได้จัดหมวดหมู่อย่างเป็นลาดับ และมีความสะดวกต่อการ

ตรวจสอบหรือไม่
16. รูปแบบและแนวการเขียนรายงานการวจิ ยั
16.1 การจดั เรยี งลาดับเนอื้ หา ถกู ต้อง เหมาะสม และครบถ้วนหรือไม่
16.2 ภาษาที่ใชก้ ระชบั ชัดเจน เขา้ ใจง่าย และมีความคงทีห่ รือไม่
16.3 รายงานทาด้วยความประณตี เพยี งใด

ตวั อย่างการนาเสนอผลงานวจิ ัยเชงิ ปริมาณ (Quantitative Research)

โดยท่ีมาและความสาคัญ สถานีวิจัยเพชรบูรณ์ ได้จัดทาโครงการปลูกพืชเมืองหนาวในเขตพื้นท่ีสูง
และอากาศเย็นของจังหวัด ในปัจจุบันได้เปิดให้เป็นสถานที่ท่องเท่ียวและไม่มีการเก็บค่าบริการในการ
ท่องเที่ยว เราจึงเลง็ เหน็ ความสาคญั ในการพฒั นารปู แบบการทอ่ งเท่ยี วภายในสถานีวิจนั ยเพอ่ื ให้ตรงต่อความ
ต้องการของนักท่องเท่ียวมากข้ึน เพื่อหาความเต็มใจจ่าย โดยวิธีการทดลองทางเลือกเพื่อท่ีจะนาไปสู่การ
จัดการรูปแบบของการท่องเทย่ี วภายในสถานีวิจยั เพชรบูรณ์ให้มีความเหมาะสม

วัตถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ศึกษาศกั ยภาพควาเป็นไปได้ของรปู แบบการท่องเทีย่ ว
2. เพื่อศกึ ษาสถานภาพทางเศรษฐกิจสงั คมและพฤตกิ รรมการทอ่ งเทยี่ ว
3. เพือ่ กาหนดคุณลักษณะความพงึ พอใจของนกั ท่องเทย่ี ว

ประชากรทใี่ ช้ในการศกึ ษา คอื ประชากรในเขตกรุงเทพ วธิ กี ารสุ่มตัวอยา่ งแบบช้นั ภูมจิ านวน 300 ตวั อยา่ ง

แบบสอบถาม
1. แบบจาลองทางเลือก
2. ขอ้ มูลทางเศรษฐกจิ สังคมของกลุม่ ตัวอยา่ ง
3. พฤตกิ รรมในการทอ่ งเทยี่ ว
4. ความคาดหวังของนกั ทอ่ งเทย่ี วต่อการท่องเทยี่ วสถานี วิจัยเพชรบรู ณ์

ความหลากหลายของดอมไมเ้ มืองหนาวที่ทาใหน้ กั ท่องเที่ยวสนใจ

ศนู ย์บรกิ ารและใหค้ วามรูก้ ารทอ่ งเทยี่ วเชงิ นเิ วศเกษตรแกน่ กั ทอ่ งเท่ยี ว
เสน้ ทางศึกษาธรรมชาติและนา้ ตกแก่นกั ท่องเท่ยี ว

ความหลากหลายของชนิดพชื เกษตรอินทรียท์ ม่ี กี ิจกรรมการเก็บเกย่ี วผลผลติ
ค่าบริการในการทอ่ งเท่ียวของนกั ทอ่ งเที่ยว

ตัวอยา่ งทางเลอื กทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา
ศกั ยภาพความปน็ ไปไดข้ องรปู แบบการท่องเทีย่ วเชงิ นิเวศเกษตร ณ แปลงภทู ับเบกิ สถานวี จิ ยั เพชรบรู ณ์







สภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของนักท่องเที่ยวเกิดจากการศึกษานักท่องเที่ยว 300 ตัวอย่าง เฉล่ียแล้ว
พบว่าส่วนใหญ่เป็นพศหญิง มีอายุเฉล่ียอยู่ท่ี 26 ปี ระดับการศึกษาคือปริญญาตรี เทียบเท่าพนักงานบริบัษ
เอกชน รายได้เฉลย่ี ตอ่ เดือนอยูท่ ี่ 11,000 – 12,000 บาท โดยมีสถานะโสดและมสี มาชกิ ในครวั เรือน 4 คน

พฤติกรรมการท่องเท่ียวของนักท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่ พบว่านักท่องเท่ียวส่วนใหญ่เคยเดินทางไปในการ
ท่องเที่ยวเชิงนิเวศเกษตร โดยมีประสงค์เพื่อพักผ่อนย่อนใจในช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม ในช่วงวันท่ี
เหมาะสมคือวันหยุดนักขตั ฤกษ์ หรอื วนั หยุดเทศการณ์โดยแยกเป็นผรู้ ่วมเดินทางการทอ่ งเที่ยว

โดยนักทอ่ งเที่ยวส่วนใหญ่จะใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางและข้อมูลท่ีสาคัญในการตัดสินใจคือการรีวิวใน
สือ่ โซเชียล และเหตุผลที่นักท่องเที่ยวจะตัดสินใจไปท่องเที่ยวเนื่องจากสถานท่ีท่องเท่ียวมีความอุดมสมบูรณ์
ของธรรมชาติ และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่สนใจซื้อสินค้าเกษตรแปรรูป กิจกรรมที่มีความเหมาะสมต่อการ
ทอ่ งเที่ยวเชิงนเิ วศเกษตร คือกิจกรรมการถา่ ยรปู หรอื ชื่นชมความสวยงามของพันธ์ุไม้

ความคาดหวงั ตอ่ การท่องเท่ียวเชงิ นเิ วศเกษตรจะแบ่งออกเป็น ด้านพืน้ ท่ี นกั ท่องเทยี่ วมคี วามคาดหวงั วา่
แหล่งท่องเทีย่ วมเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะถิน่ มคี วามโดดเด่นของแหล่งท่องเทย่ี วด้านการจัดการ นักท่องเท่ยี วสว่ น
ใหญต่ ้องการให้มกี ารจดั ทาปา้ ยสื่อความหมาย การคานึงถึงธรรมชาตแิ ละกิจกรรมการทอ่ งเท่ยี วทมี่ ีความ
เหมาะสม

ด้านกจิ กรรมและกระบวนการ ผลผลติ ทางการเกษตรปราศจาก สารเคมีตกค้าง
รูปแบบกิจกรรมการทอ่ งเท่ยี วท่ี หลากหลาย

ตวั แปรสว่ นใหญ่มีนัยความสาคัญทางสธติ ิทร่ี ะดับความเช่ือม่นั รอ้ ยละ99 ในความหบากหลายของดอกไม้เมอื งหนาว ซึง่ ทาง
ศึกษาทางธรรมชาติและนา้ ตก ชนดิ ของพชื เกษตรอนิ ทรยี ์ทม่ี กี ิจกรรมการเก็ลเก่ยี วและค่าบรกิ ารในการท่องเท่ยี ว

ตัวค่าสมั ประสทิ ธท์ิ ไี่ ดส้ ามารถมาจัดลาดับความสาคัญของคณุ ลกั ษณะท่ีมอี ิทธพิ ลต่อการตดั สินใจได้ และพบว่านักทอ่ งเทีย่ ว
สว่ นใหญ่ให้ความสาคัญตอ่ การเกบ็ เก่ียวผลผลิตเกษตรอินทรยี ์ รองลงมาจะเป็นเสน้ ทางศกึ ษาธรรมชาตินา้ ตกและความ
หลากหลายของดอกไมเ้ มืองหนาว

*จากสมการอตั ราสว่ นระหว่างสัมประสิทธิ์ของคุณลักษณะทตี่ ้องการ หารกับค่าสมั ประสทิ ธ์ขิ องอรรถประโยชนส์ ่วนเพ่มิ ของ

เงนิ จะทาใหไ้ ด้ราคาแฝงของแต่ละคณุ ลักษณะ คอื ราคาแฝง

1. ชนดิ ของพชื เกษตรอนิ ทรีย์ที่มีการเกบ็ เกย่ี ว ราคาแฝง 183.68

2. เส้นทางศึกษาธรรมชาติและนา้ ตก ราคาแฝง 153.68

3. ความหลากหลายของดอกไม้เมอื งหนาว ราคาแฝง 90.08

ในกรณีที่มกี ารเปล่ยี นแปลงทัง้ 3 คุณลกั ษณะจะมคี วามเตม็ ใจจา่ ยส่วนเพม่ิ อยู่ที่ 427.24 บาท/คน/คร้ังการท่องเท่ียว

ในด้านศนู ยบ์ ริการความรู้การทอ่ งเที่ยวเชิงนเิ วศเกษตร สถานวี จิ ยั เพขรบรู ณค์ วรมีการพัฒนาศูนยก์ ารนักท่องเท่ยี วใน
รูปแบบของขนาดกลางและมกี ารจดั ทาเสน้ ทางการศกึ ษาธรรมชาตแิ ละนา้ ตกโดยมกี ารวางแนวเสน้ ทางในระยะทางการเดิน
ไป-กลบั 1 กโิ ลเมตรเป็นแบบเส้นทางตรง

สภาพเศรษฐกจิ และสังคมของกลุ่มนักท่องเทย่ี ว นักทอ่ งเทย่ี วส่วนใหญ่เป็นเพศหญงิ มอี ายุเฉลย่ี อยทู่ ี่ 26 ปี มีระดับการศึดษา
อย่ทู ีร่ ะดับปรญิ ญาตรี มีรายได้ฉลยี่ ตอ่ เดือนอยทู่ ่ี 10,001 – 20,000 บสทตอ่ เดอื น และมีสมาชกิ เฉลีย่ ในครวั เรือนอยู่ท่ี 4 คน
พฤติกรรมการทอ่ งเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตร สว่ นใหญ่เคยเดินทางไปในการทอ่ งเทยี่ วเชงิ นิเวศเกษตร เพื่อพกั ผอ่ นหย่อนใจใน
วนั หยดุ นักขัตฟกษ/์ วันหยุดเทศกาล โดยเดินทางไปกับเพ่ือน ใชร้ ถยนตส์ ่วนตัว และนักทอ่ งเทย่ี วสว่ นใหญม่ คี วามสนใจในการ
ซอ้ื ผลติ ภณั ฑส์ ินคา้ เกษตรแปรรูป

ด้านพื้นท่ี นกั ทอ่ งเทย่ี วมคี วามคาดหวงั วา่ แหลง่ ท่องเทยี่ วจะมคี วามโดดเด่น มีความเป็นเอกลษั ณเ์ ฉพาะถ่ิน
ด้านการจดั การ นกั ทอ่ งเทีย่ วมคี วามคาดหวงั วา่ จะมกี ารจดั ทาปา้ ยสอ่ื ความหมาย การคานงึ ถงึ ธรรมชาติการ
ท่องเท่ยี วทเี่ หมาะสม
ด้านกจิ กรรมและกระบวนการ นกั ท่องเยวคาดหวงั ว่าผลผลิตทางการเกษตรปราศจากสารเคมีตกคา้ ง รูปแบบ
ของกจิ กรรมมคี วามหลากหลาย

กจิ กรรมเก็บเก่ียวผลผลิตเกษตรอินทรียม์ ากกว่า 1 ชนิด มูลคา่ อยทู่ ่ี 183.68 บาท
เสน้ ทางศกึ ษาธรรมชาติและนา้ ตก มูลค่าอยทู่ ่ี 153.68 บาท
ความหลากหลายของพรรณไม้เมอื งหนาว มลู ค่าอย่ทู ่ี 90.08 บาท

ข้อมูลจากผลการศกึ ษาสามารถนาไปใช้ประโยชน์แก่สถานีวิจัย เพื่อปรับเปลย่ี นรูปแบบการ ท่องเที่ยวโดยการ
พฒั นากจิ กรรมภายในแหล่งทอ่ งเทย่ี วให้ มคี วามเหมาะสมกบั ความต้องการของนักทอ่ งเทย่ี วให้มคี วาม
เหมาะสมกบั นักทอ่ งเทยี่ วต่อไป

แนวทางการจดั การการท่องเท่ียวเชิงนิเวศเกษตรของแปลงภทู บั เบิก
สถานีวิจยั เพชรบรู ณ์

Management approach of agro-ecotourism of Phuthapboek Site, Phetchabun
Research Station

นภสั สร สญู กง่ิ สวุ รรณา ประณีตวตกุล และ ธานี ศรวี งศช์ ยั
Napassorn Soonking1, Suwanna Praneetvatakul2 , Tanee Sreewongchai3

บทคดั ยอ่

สถานีวิจยั เพชรบูรณ์ได้รเิ ริ่มเปิดใหเ้ ป็นแหล่งท่องเท่ยี วเชงิ นิเวศเกษตร ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงในการสร้าง
ประโยชน์ต่อสงั คมและสรา้ งรายไดใ้ หก้ บั สถานีวจิ ยั ไดเ้ ป็นอย่างดี การศกึ ษาวจิ ยั ครัง้ น้ีจงึ มวี ตั ถุประสงค์หลกั เพ่อื
ประมวลสถานภาพการจดั การทรพั ยากรเพ่อื การวจิ ยั และการท่องเทย่ี วและการประเมนิ มูลค่าผลประโยชน์เชงิ
ท่องเท่ยี วของแปลงภูทบั เบิก สถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์ เพ่อื เป็นแนวทางการจดั การการท่องเทย่ี วต่อไป โดยเก็บ
รวบรวมขอ้ มูลจากกลุ่มนักท่องเท่ยี วทเ่ี คยมาเทย่ี วแปลงภูทบั เบกิ จานวน 309 ตวั อย่าง โดยอาศยั การสอบถาม
ความเตม็ ใจจา่ ยของนกั ท่องเทย่ี วหากมกี ารเกบ็ คา่ บรกิ ารเขา้ ชม โดยใชค้ าถามแบบปลายเปิด (Open-ended) และ
สอบถามบุคลากรท่ที างานภายในแปลงภูทบั เบกิ ท่ไี ด้รบั ประโยชน์ด้านการท่องเท่ยี ว โดยวดั การเปล่ยี นแปลง
ส่วนเกินทางเศรษฐกิจ ผลการศกึ ษาพบว่า กลุ่มนักท่องเท่ยี วส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุเฉล่ยี 33 ปี สาเร็จ
การศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า โดยรายได้เฉล่ียต่อเดือน 27,926 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็น
นักท่องเทย่ี วทเ่ี คยมาแลว้ 1 ครงั้ ซ่งึ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื พกั ผอ่ นหย่อนใจหรอื มาหาเพอ่ื น โดยใชร้ ถยนต์ส่วนบุคคล
เป็นพาหนะในการเดนิ ทาง รปู แบบของการท่องเทย่ี วสว่ นใหญ่พกั คา้ งคนื ซง่ึ มคี ่าใชจ้ า่ ยเฉลย่ี 3,002 บาทต่อคนต่อ
ครัง้ เม่ือพิจารณาผลประโยชน์ด้านการท่องเท่ยี วเชงิ นิเวศเกษตรของแปลงภูทบั เบิก พบว่า หากมีการเก็บ
ค่าธรรมเนยี มในการเขา้ ชมแปลงภทู บั เบกิ กลุ่มนักท่องเทย่ี วมคี วามเตม็ ใจจา่ ยเฉลย่ี 80.39 บาทต่อคนต่อครงั้ เมอ่ื
เทยี บกบั จานวนนกั ทอ่ งเทย่ี วในชว่ ง 2 ปีทผ่ี า่ นทงั้ หมดประมาณ 700 คน ดงั นนั้ มลู ค่าผลประโยชน์ดา้ นนนั ทนาการ
มมี ูลค่าทงั้ หมด 56,917 บาท เม่อื พจิ ารณาผลประโยชน์ของชุมชนทเ่ี ขา้ มาทางานภายในแปลงภูทบั เบกิ พบว่า
กาไรสุทธิจากการทางานภายในแปลงภูทับเบิกทัง้ หมดมีมูลค่าเท่ากับ 122,400 บาทต่อปี หรือโดยเฉล่ีย
ผลประโยชน์ทเ่ี กดิ กบั ชุมชนจาการมแี หล่งท่องเท่ียวภายในแปลงภูทบั เบกิ เท่ากบั 13,600 บาทต่อคนต่อปี ดงั นัน้
หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องควรให้ความสาคัญด้านการท่องเท่ียวเชิงนิเวศเกษตรของแปลงภูทับเบิก สถานีวิจัย
เพชรบูรณ์ เพ่อื เป็นการวางแผนและกาหนดนโยบายในการพฒั นาด้านการจดั การการท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตร
ของแปลงภูทบั เบกิ ต่อไปในระยะยาว

1 Resource Management Program, Faculty of Economics, Kasetsart University, Corresponding Author, Email Address:
[email protected]
2 Department of Agricultural and Resource Economics, Faculty of Economics, Kasetsart University.
3 Department of Agronomy, Faculty of Agriculture, Kasetsart University.

The 3rd BAs National Conference 2021 "Business Transformation: Social Challenges" 337

คาสาคญั : แนวทางการจดั การการทอ่ งเทย่ี วเชงิ นเิ วศเกษตร, ความเตม็ ใจจา่ ย, สถานีวจิ ยั เพชรบรู ณ์

Abstract

Phetchabun Research Station initiated an agro-ecotourism. This is a part of the social benefits
and generating income for the research station as well. The main objective of this research is to compile
the status of resource management for research and tourism and to assess the tourism benefits of the
Phuthapboek Site, Phetchabun Research Station as a further guideline for tourism management. Data
were collected from a group of 309 tourists who visited the Phuthapboek Site, by asking the tourists
willingness to pay if there was an admission fee. By using open-ended questions and asking personnel
working within the Phuthapboek Site, who benefited from tourism. By measuring the change in economic
surplus. The results of the study showed that most of the tourists, groups were female, with an average
age of 33 years, graduating with a bachelor's degree or equivalent. With an average monthly income of
27,926 baht per month, most of them are tourists who have been to the past 1 times, which are intended
to relax or come with friends. using a personal car as a means of travel Most forms of tourism stay
overnight. which has an average cost of 3,002 baht per person per time When considering the benefits of
agro-ecotourism of the Phuthapboek Site, it was found that if there is a fee to visit Phuthapboek Site,
Tourists are willing to pay, on average 81.31 baht per person per time. Compared with the total number of
tourists in the past 2 years, approximately 700 people, therefore, the value of recreational benefits is worth
56,917 baht. Phuthapboek total recreational value is 122,400 baht per year. The average benefit generated
to the community from the presence of tourist attractions within the Phuthapboek Site is 1 3 ,600 baht per
person per year. Therefore, relevant agencies should give importance to agro-ecotourism of the
Phuthapboek Site. Phetchabun Research Station, in order to plan and formulate policies for the
development of agro-ecotourism tourism management of the Phuthapboek Site in the long.
Keywords: Management approach of agro-ecotourism, Willingness to pay, Phetchabun Research Station

บทนา

สถานีวจิ ยั ของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ จดั ตงั้ ขน้ึ เพ่อื สนับสนุนงานวจิ ยั และฝึกงานของนิสติ อาจารย์
รวมถงึ เกษตรกรและประชาชนทวั่ ไปในชมุ ชนใกลเ้ คยี ง ซง่ึ ทวั่ ประเทศรวม 21 แห่ง การจดั ตงั้ สถานีวจิ ยั แตล่ ะแหง่
เน้นสร้างปฏิสมั พนั ธ์กบั ชุมชนโดยรอบ มกี ารเปิดโอกาสให้ชุมชนได้มีส่วนร่วม และนาไปใช้ประโยชน์จากการ
คน้ ควา้ งานวจิ ยั เพ่อื นาไปพฒั นาใชจ้ รงิ ซง่ึ ทุกสถานีวจิ ยั มเี ป้าหมายสาคญั คอื การร่วมกนั พฒั นาเกษตรกรให้มี
ความเป็นอย่ทู ด่ี ี โดยสถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์เป็นอกี หน่ึงสถานีทม่ี ศี กั ยภาพดา้ นงานวจิ ยั และพฒั นาการท่องเทย่ี วเชงิ
นิเวศเกษตร เพ่ือให้ชุมชนและสังคมได้รับผลประโยชน์ท่ีหลากหลายจากการมีสถานีวิจัยเพชรบูรณ์
(มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร,์ 2556)

สถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์ คณะเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ จดั ตงั้ ข้นึ เพ่อื จดั ทาโครงการพฒั นาการ
ปลูกพชื เมอื งหนาวในเขตพน้ื ทส่ี ูง พฒั นางานอาชพี ทางการเกษตร ยกระดบั ความเป็นอย่ขู องประชาชน รวมถงึ
ดาเนินการศกึ ษาทดลองและวางแนวทางส่งเสรมิ การปลูกพชื เศรษฐกจิ เมอื งหนาวต่อไปในอนาคต ซ่งึ สถานีวจิ ยั
เพชรบูรณ์มพี น้ื ทแ่ี ปลงทดลองรวม 3 แห่ง คอื แปลงทดลองบา้ นเขก็ แปลงทดลองบ้านหว้ ยน้า และแปลงทดลอง

The 3rd BAs National Conference 2021 "Business Transformation: Social Challenges" 338

บา้ นทบั เบกิ อกี ทงั้ บรเิ วณแปลงทดลองบ้านทบั เบกิ ยงั เป็นพน้ื ทส่ี าหรบั รองรบั การฝึกงานของนิสติ /นักศกึ ษา ซ่งึ มี
การจดั ตงั้ กระจายกนั เปรยี บเสมอื นองค์ความรูด้ ้านการเกษตรทแ่ี ทรกตวั อย่รู ะหว่างชุมชน เพ่อื ใหช้ าวบ้านและ
เกษตรกรสามารถนาความรไู้ ปปรบั ใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์อย่างยงั ่ ยนื โดยในอดตี ทผ่ี ่านมาสถานีวจิ ยั มศี กั ยภาพดา้ น
งานวจิ ยั และพฒั นาเกษตรพน้ื ทส่ี งู จงึ ไดม้ กี ารดาเนนิ งานวจิ ยั เกย่ี วกบั พชื ทม่ี แี นวโน้มต่อความสาคญั ทางเศรษฐกจิ
ในปัจจุบนั สถานีวจิ ยั เรมิ่ เหน็ ความสาคญั ทางดา้ นการท่องเทย่ี ว โดยเรมิ่ มกี ารเปิดใหเ้ ป็นแหล่งทอ่ งเทย่ี วเชงิ นเิ วศ
เกษตร เน่ืองจากสถานีวจิ ยั เพชรบรู ณ์มจี ดุ ประสงคเ์ พอ่ื ถา่ ยทอดความรแู้ ละเทคโนโลยที างการเกษตรใหก้ บั ชมุ ชน
และบุคคลทม่ี คี วามสนใจเกย่ี วกบั การทาเกษตรบนพน้ื ทส่ี งู ทงั้ น้เี พ่อื มงุ่ สรา้ งผลประโยชน์ต่อชมุ ชน และสงั คม

การท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรเป็นประเภทของแหล่งท่องเทย่ี วทไ่ี ดร้ บั ความนยิ มสาหรบั นักท่องเทย่ี วทร่ี กั
ธรรมชาติ และมุ่งเน้นการเรยี นรูว้ จิ ยั และพฒั นาเทคโนโลยกี ารผลติ ทางดา้ นการเกษตรทท่ี นั สมยั ซ่งึ สามารถนา
ทรพั ยากรทม่ี อี ย่มู าก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ เพ่อื ใหเ้ กดิ องค์ความรใู้ หมๆ่ และการท่องเทย่ี วอยา่ งมสี ่วนรว่ มของท้องถน่ิ
ก่อใหเ้ กดิ รายไดต้ ่อชุมชนและสงั คม ซง่ึ แปลงภูทบั เบกิ จดั เป็นสถานทห่ี น่ึงทม่ี ศี กั ยภาพในดา้ นการท่องเทย่ี วเชงิ
นิเวศเกษตร เน่ืองจากมกี ารทาการเกษตรบนพน้ื ทส่ี ูง การเรยี นรวู้ ถิ ชี ุมชน โดยสถานีวจิ ยั ไดเ้ รมิ่ มกี ารเปิดใหเ้ ป็น
แหล่งท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรประมาณ 2 ปีทผ่ี ่านมา ในปัจจุบนั เรม่ิ มนี ักท่องเทย่ี วเขา้ ชม เรยี นรกู้ ารทาเกษตร
บนพน้ื ทส่ี งู เพมิ่ ขน้ึ

แปลงทดลองบ้านทบั เบิก สถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์ เปิดโอกาสให้ชุมชนได้เขา้ มาทางาน หารายได้ เช่น
แมบ่ า้ น ดแู ลแปลงผกั เป็นตน้ ซ่งึ การวจิ ยั และพฒั นาของสถานีวจิ ยั เพชรบรู ณ์ทผ่ี า่ นมาไดม้ กี ารลงทนุ งานวจิ ยั อยา่ ง
ต่อเน่ือง อย่างไรก็ตาม งบประมาณในด้านการวจิ ยั และพฒั นาถือเป็นข้อจากัดด้านการลงทุนพฒั นาสถานีวิจยั
เพชรบูรณ์ให้เป็นแหล่งท่องเท่ยี วท่ไี ด้รบั ความนิยม ผู้กาหนดนโยบายหรือผูท้ ่มี สี ่วนเก่ยี วขอ้ งย่อมคาดหวงั ให้
เกดิ ผลประโยชน์ต่อชุมชนและสงั คม แตเ่ น่อื งจากยงั ขาดการประเมนิ ผลประโยชน์ของการมสี ถานีวจิ ยั เพชรบรู ณ์ให้
ออกมาในรปู แบบตวั เงนิ ทช่ี ดั เจน การประเมนิ มลู คา่ ผลประโยชน์ในครงั้ น้ี จงึ มคี วามสาคญั ดงั นนั้ ในการศกึ ษาครงั้
น้ีจงึ มจี ดุ มงุ่ หมายหลกั ทจ่ี ะประเมนิ มลู ค่าผลประโยชน์ดา้ นการทอ่ งเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรของแปลงภทู บั เบกิ ซง่ึ ผล
จากการศกึ ษาจะไดใ้ ชเ้ ป็นตวั ชแ้ี นะใหแ้ ก่บุคลากรภายในสถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์ เพ่อื เป็นขอ้ มลู ในการพฒั นาแปลง
ทดลองอ่ืนๆ และเป็ นต้นแบบให้กับสถานีวิจัยอ่ืนในด้านการท่องเท่ียวเชิงนิเวศเกษตร และคณะเกษ ตร
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ได้ทราบถึงประโยชน์ทเ่ี กิดข้นึ ของการมแี หล่งท่องเท่ยี วภายในสถานีวจิ ยั ต่อชุมชน
สงั คม และนักท่องเทย่ี ว ทาใหต้ ระหนกั ถงึ ความสาคญั ของสถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์ เพ่อื นาไปส่กู ารพฒั นารปู แบบการ
ท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรตอ่ ไปในอนาคต

วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจยั

1. เพ่อื วเิ คราะห์สถานการณ์การจดั การการท่องเท่ยี วเชงิ นิเวศเกษตรของแปลงภูทบั เบกิ สถานีวจิ ยั
เพชรบูรณ์

2. เพอ่ื ประเมนิ มลู ค่าผลประโยชน์เชงิ ท่องเทย่ี วของแปลงภูทบั เบกิ สถานวี จิ ยั เพชรบูรณ์
3. เพอ่ื เสนอแนวทางการจดั การการท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรของแปลงภูทบั เบกิ สถานวี จิ ยั เพชรบรู ณ์

ทบทวนวรรณกรรม

การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย (ททท.) (2545) ให้ความหมายของ Agritourism (การท่องเท่ียวเชิง
เกษตร) ไวว้ ่า เป็นการท่องเทย่ี วทไ่ี ดท้ งั้ ความเพลดิ เพลนิ และความรนู้ ากลบั ไปประยุกต์ใชห้ รอื ประกอบอาชพี ได้

The 3rd BAs National Conference 2021 "Business Transformation: Social Challenges" 339

เหนือสงิ่ อ่นื ใดคอื การไดห้ วนกลบั ไปเรยี นรเู้ ขา้ ใจ ภาคภูมใิ จกบั อาชพี เกษตรกรรมรากฐานของแผ่นดนิ ไทยทเ่ี ป่ียม
ไปด้วยคุณค่า ภายใต้แนวคิด ปรัชญาองค์วามรู้ ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเกษตรกรไทย ขนบธรรมเนียม
วฒั นธรรม ประเพณีรูปแบบกจิ กรรมและการประกอบอาชพี ทางการเกษตรทก่ี ่อใหเ้ กดิ รายไดแ้ ก่ชมุ ชน (ขวญั ชนก
พุทธจนั ทร์, 2563) องค์ประกอบของแหล่งท่องเท่ียวเชิงเกษตร ได้แก่ (อุดม เชยกีวงศ์ และคณะ, 2548) 1)
องค์ประกอบดา้ นกิจกรรมและกระบวนการ เป็นการท่องเท่ยี วท่มี กี ระบวนการเรยี นรู้ โดยมกี ารศกึ ษาเก่ยี วกับ
สภาพแวดลอ้ มและระบบนเิ วศของแหล่งทอ่ งเทย่ี ว 2) องคป์ ระกอบดา้ นพน้ื ท่ี เป็นการทอ่ งเทย่ี วในแหลง่ ท่องเทย่ี ว
ท่เี ก่ยี วเน่ืองกบั ธรรมชาตทิ ม่ี เี อกลกั ษณ์เฉพาะถน่ิ 3) องค์ประกอบด้านการมสี ่วนร่วมเป็นการท่องเท่ยี วท่มี กี าร
คานึงถงึ การมสี ว่ นรว่ มของชุมชนและประชาชนในทอ้ งถน่ิ 4) องคป์ ระกอบดา้ นการจดั การ เป็นการทอ่ งเทย่ี วทต่ี อ้ ง
มคี วามรบั ผดิ ชอบโดยไม่ก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อสงิ่ แวดลอ้ มและสงั คม

การประเมนิ มูลค่าทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม ด้วยวธิ กี ารสมมติเหตุการณ์ (CVM) เป็นการ
ประเมนิ มูลค่าสนิ ค้าและบรกิ ารจากสงิ่ แวดล้อม วธิ นี ้ีสามารถใช้ประเมนิ มูลค่าท่เี กิดจากการใชป้ ระโยชน์ ( Use
Value) และมลู ค่าทเ่ี กดิ จากการไม่ไดใ้ ชป้ ระโยชน์ (Non-use Value) ซง่ึ เป็นการสอบถามความพงึ พอใจของบคุ คล
โดยตรงถงึ ความเตม็ ใจทจ่ี ะจา่ ย (Willingness to pay: WTP) เพ่อื เป็นการปรบั ปรุงคุณภาพของสงิ่ แวดลอ้ มภายใต้
สถานการณ์สมมติ (Hypothetical Situation) เก่ยี วกบั สภาพแวดล้อมหรอื ทรพั ยากรธรรมชาติท่เี ปล่ยี นแปลงไป
เพ่อื นาไปฟ้ืนฟูทรพั ยากรทเ่ี ส่อื มโทรมหรอื การหามูลค่าเพ่อื การคงอย่หู รอื เก็บไวใ้ หค้ นรุ่นต่อไปในอนาคต (อุดม
ศกั ดิ ์ศลี ประชาวงศ์ และสนุ ดิ า พริ ยิ ะภาดา, 2561, น. 82-102)

แนวคดิ การประเมนิ ผลประโยชน์จากการลงทนุ การวจิ ยั และพฒั นา (สมพร อศิ วลิ านนท์ และคณะ, 2553)
กล่าววา่ การประเมนิ ผลกระทบ (Impact assessment) มคี วามสาคญั ตอ่ การพฒั นาทางเศรษฐกจิ ของประเทศ เพ่อื
เป็นการวเิ คราะห์ว่างานวจิ ยั ก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์ทเ่ี ป็นมลู ค่าต่อสงั คมมากน้อยเพยี งใด (สุวรรณา ประณีตวตกุล,
2561) การลงทุนในงานวจิ ยั ก่อใหเ้ กดิ ผลผลติ ผลลพั ธ์ และผลกระทบ ซ่งึ ผลประโยชน์จากงานวจิ ยั นัน้ อาจอย่ใู น
รปู แบบต่างๆ เช่น การสรา้ งรายได้ การบรรเทาความยากจน การสรา้ งความมนั ่ คงทางดา้ นอาหารและความเป็นอยู่
ทด่ี ขี น้ึ เกดิ ผลผลติ ทย่ี งั ่ ยนื หรอื เป็นการอนุรกั ษส์ งิ่ แวดลอ้ ม เป็นตน้ ในทางเศรษฐศาสตรผ์ ลของงานวจิ ยั ทงั้ หมด

แนวคดิ การวเิ คราะหจ์ ดุ แขง็ จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค (SWOT Analysis) (นนั ทยิ า หตุ านุวตั ร, 2551)
เป็นกระบวนการวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มภายนอกและภายในขององคก์ ร ณ เวลาปัจจุบนั ซ่งึ เป็นเคร่อื งมอื ทช่ี ว่ ย
ใหผ้ บู้ รหิ ารระดบั สงู หรอื นักบรหิ ารการตลาด สามารถกาหนดจุดแขง็ และจุดอ่อนจากสภาพแวดลอ้ มภายใน โอกาส
และอุปสรรคจากสภาพแวดล้อมภายนอกทม่ี ผี ลต่อการดาเนินธุรกิจขององค์กร เพ่อื มากาหนดเป็นกลยุทธ์ทาง
การตลาดทเ่ี หมาะสมต่อไปได้ โดย SWOT มดี งั น้ี 1) จุดแขง็ 2) จดุ ออ่ น 3) โอกาส 4) อุปสรรค

การนาการวเิ คราะห์จุดแขง็ จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค (SWOT Analysis) มาวิเคราะห์ในรูปแบบ
ความสมั พนั ธแ์ บบเมทรกิ ซ์ (TOWS matrix) มดี งั น้ี 1) จุดแขง็ และโอกาส (SO) เป็นวธิ ที ส่ี ามารถใชจ้ ดุ แขง็ เพ่อื หา
ประโยชน์ท่ไี ด้เปรียบ 2) จุดแข็งและอุปสรรค(ST) เป็นวธิ ที ่สี ามารถใช้ประโยชน์จากจุดแข็งเพ่อื หลกี เล่ยี งภยั
คุกคามทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ จรงิ 3) จุดอ่อนและโอกาส (WO) เป็นวธิ กี ารใชโ้ อกาสทม่ี เี พ่อื เอาชนะจดุ ออ่ น 4) จุดอ่อนและ
อปุ สรรค (WT) เป็นวธิ ที ส่ี ามารถลดจดุ ออ่ น

จากการตรวจเอกสารความเตม็ ใจจ่าย พบว่า ความเตม็ ใจจ่ายของนักท่องเทย่ี วเพ่อื การอนุรกั ษ์พะยนู
เฉล่ยี เท่ากบั 883 บาทต่อคนต่อปี และมูลค่าความเต็มใจจ่ายเพ่อื การอนุรกั ษ์พะยูนของนักท่องเท่ยี วทงั้ หมด
เท่ากับ 454,645,221 บาทต่อปี (รุ่งนภา บุพฤทธิ,์ 2549) ส่วนความเต็มใจท่ีจะจ่ายค่าธรรมเนียมการใช้
ทรพั ยากรธรรมชาตสิ าหรบั การดาน้าลกึ เท่ากบั 120.99 บาทต่อคนต่อวนั คดิ เป็นมลู ค่าทเ่ี กดิ จากความเตม็ ใจจ่าย

The 3rd BAs National Conference 2021 "Business Transformation: Social Challenges" 340

ค่าธรรมเนียมการใชท้ รพั ยากรธรรมชาตสิ าหรบั การดาน้าลกึ บรเิ วณหม่เู กาะลา้ น เมอื งพทั ยา จงั หวดั ชลบรุ เี ท่ากบั
2,323,008 บาทต่อปี (นรารตั น์ จนั ทราวาสน์, 2556)

ดงั นัน้ ผู้วิจัยจึงเลือกใช้วิธีการสมมติเหตุการณ์ (Contingent Valuation Method: CVM) ในการศึกษา
ความเตม็ ใจจ่ายของนักท่องเทย่ี วทเ่ี คยเทย่ี วชมแปลงภูทบั เบกิ สถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์ เน่ืองจากแปลงภูทบั เบกิ เรมิ่
เปิดใหเ้ ป็นแหลง่ ท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรประมาณ 2 ปีทผ่ี า่ นมา จงึ ยงั ไม่เป็นทร่ี จู้ กั ของนกั ท่องเทย่ี วมากนกั และ
สถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์ยงั ไม่มกี ารเกบ็ ค่าธรรมเนียมในการเข้าชมแปลงภูทบั เบกิ เพ่อื ใหแ้ ปลงภทู บั เบกิ เป็นศูนยก์ าร
เรยี นรทู้ ่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรทม่ี คี ุณภาพดยี งิ่ ขน้ึ

วิธีดาเนิ นการวิจยั

1. ประชากรทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั เป็นนักท่องเทย่ี วทเ่ี คยมาเทย่ี วแปลงภูทบั เบกิ มจี านวน 309 คน (สถานวี จิ ยั
เพชรบรู ณ์, 2563)

2. การกาหนดจานวนตวั อยา่ ง ผวู้ จิ ยั กาหนดกลุ่มตวั อย่างดว้ ยการคานวณสูตรการหาขนาดกลุม่ ตวั อยา่ ง
เท่ากบั 300 ตวั อย่าง (Orme, 2010; Rose, & Bliemer, 2013)

3. การเลอื กตวั อย่าง ผวู้ จิ ยั การเลอื กตวั อย่างแบบสะดวก โดยเลอื กจากฐานขอ้ มูลนักท่องเทย่ี วทเ่ี คยมา
เทย่ี วแปลงภทู บั เบกิ แลว้

4. ผใู้ หข้ อ้ มลู สาคญั เป็นเจา้ หน้าทแี ละชาวบา้ นทท่ี างานภายในแปลงภูทบั เบกิ จานวน 23 รายและเลอื ก
ผใู้ หข้ อ้ มลู สาคญั ดว้ ยวธิ เี จาะจง

5. เคร่อื งมือท่ใี ช้ในการวิจยั ประกอบด้วย แบบสอบถาม สมั ภาษณ์ และวธิ ีสร้างสถานการณ์สมมติ
(Contingent Valuation Method: CVM)

6. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
6.1 แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ โดยใช้แบบสอบถามออนไลน์ (Online Method) จากกลุ่มตวั อย่าง

นักท่องเทย่ี วทเ่ี คยมาเทย่ี วแปลงภูทบั เบกิ สถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์ และกลุ่มตวั อย่างจากเจา้ หน้าท่ี และชาวบ้านท่ี
ทางานภายในแปลงภทู บั เบกิ หลงั จากมกี ารจดั การการท่องเทย่ี ว

6.2 แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ เป็นข้อมูลท่ีได้จากการรวบรวมข้อมูลทัว่ ไปเก่ียวกับสถานีวิจยั
เพชรบูรณ์ แปลงภูทบั เบกิ เช่น ความเป็นมา ประชากร และเศรษฐกิจชุมชน เป็นต้น ทบทวนเอกสาร หนังสอื
งานวจิ ยั ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งทม่ี กี ารเผยแพร่ รวมทงั้ ขอ้ มูลจากหน่วยงานภาครฐั ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง สานักงานการท่องเทย่ี วและ
กฬี าจงั หวดั เพชรบรู ณ์

7. การวเิ คราะห์ขอ้ มูล โดยจาแนกออกเป็น 3 ส่วน ตามวตั ถุประสงค์ของการศกึ ษา ขนั้ ตอนในการนา
ขอ้ มูลจากการเกบ็ แบบสมั ภาษณ์มาวเิ คราะห์แนวทางการจดั การการท่องเทย่ี วเชงิ นเิ วศเกษตรของแปลงภูทบั เบกิ
สถานีวจิ ยั เพชรบรู ณ์ โดยทาการวเิ คราะหต์ ามวตั ถปุ ระสงค์ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี

เพ่อื บรรลุวตั ถุประสงค์ขอ้ ท่ี 1 เพ่อื วเิ คราะห์สถานการณ์การจดั การการท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรของ
แปลงภูทบั เบิก สถานีวิจัยเพชรบูรณ์ ใช้ข้อมูลทุติยภูมิวิเคราะห์เชงิ พรรณนา อธิบายและแสดงลักษณะทาง
กายภาพของสถานีวจิ ยั ฯ

The 3rd BAs National Conference 2021 "Business Transformation: Social Challenges" 341

เพ่อื บรรลุวตั ถุประสงค์ขอ้ ท่ี 2 ในการประเมนิ มูลค่าผลประโยชน์เชงิ ท่องเทย่ี วของแปลงภูทบั เบกิ สถานี
วจิ ยั เพชรบูรณ์ ใชข้ อ้ มลู ปฐมภูมโิ ดยการสมั ภาษณ์กลุ่มตวั อยา่ งเจา้ หน้าท่ี และชาวบา้ นทท่ี างานในแปลงภทู บั เบกิ
และกลมุ่ ตวั อยา่ งนักท่องเทย่ี วทเ่ี คยมาเทย่ี วชมแปลงภทู บั เบกิ ประกอบดว้ ย 2 สว่ น ดงั น้ี

2.1 ผลประโยชน์ต่อชุมชน โดยการคานวณรายได้สุทธิจากการทางานภายในแปลงภูทบั เบิก เช่น

เจา้ หน้าท/่ี ดแู ลบา้ นพกั เป็นตน้ ( )

= 1 − 0

กาหนดให้ 0 = กาไรทไ่ี ดร้ บั จากการรบั จา้ งทวั่ ไป (บาท/ปี) (ค่เู ทยี บ)

1 = กาไรท่ไี ด้รบั จากการทางานภายในแปลงภูทบั เบิกภายหลงั จากมกี ารจดั การท่องเทย่ี ว

(บาท/ปี)

2.2 ผลประโยชน์ต่อนักท่องเทย่ี ว วเิ คราะห์ผ่านเทคนิคความเตม็ ใจจ่าย โดยคานวณหาค่าเฉลย่ี ค่ามยั ธ

ฐาน คา่ ฐานนิยม คา่ สงู สุด คา่ ต่าสุดทไ่ี ดจ้ ากการวเิ คราะหค์ วามเตม็ ใจทจ่ี ะจ่ายของนักท่องเทย่ี วทม่ี าเทย่ี วชมแปลง

ภูทบั เบกิ (ดารง ทพิ ยโ์ ธธา, 2546)

เพ่อื บรรลุวตั ถุประสงค์ขอ้ ท่ี 3 ในการเสนอแนวทางการจดั การการท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรของแปลงภู

ทบั เบิก สถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์ ซ่ึงการวเิ คราะห์ข้อมูลอาศยั เทคนิค SWOT Analysis เป็นการวเิ คราะห์จุดแข็ง

จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของแปลงภูทบั เบกิ โดยการสมั ภาษณ์หวั หน้าสถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์ ซ่งึ มกี ารกาหนด

ประเดน็ การพฒั นาโดยใชเ้ ทคนิค TOWS Matrix เพ่อื สรา้ งกลยุทธ์ใหม่ในการพฒั นาดา้ นการจดั การการท่องเทย่ี ว

เชงิ นิเวศเกษตร

ผลการวิจยั

สถานภาพการจดั การทรพั ยากรเพ่อื การวิจยั และการท่องเท่ียวของแปลงภทู บั เบิก

สถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์ แปลงภูทบั เบกิ ในช่วงหลายปีท่ผี ่านมา นับว่ามคี วามโดดเด่นด้านการวจิ ยั และ
พฒั นา ซ่ึงมกี ารวจิ ยั และพฒั นาการผลติ และเทคโนโลยกี ารผลติ เพ่อื เพมิ่ ประสทิ ธกิ ารผลติ ทางการเกษตร การ
จดั การการท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตร อาทิ การส่งเสรมิ การปลูกแมคคาเดเมยี ในพน้ื ท่สี ูงของจงั หวดั เพชรบูรณ์
การศกึ ษาผลของไมบ้ งั ร่มทม่ี ผี ลต่อการเจรญิ เตบิ โตและผลผลติ ของกาแฟอาราบกิ ้าสายพนั ธุ์คอตมิ อรบ์ นพน้ื ทส่ี งู
ของสถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์ การวจิ ยั และพฒั นาระบบการปลูกสตรอว์เบอรเ่ี พ่อื เพมิ่ คุณภาพผลผลติ บนพน้ื ท่สี ูงของ
จงั หวัดเพชรบูรณ์ การส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าสายพนั ธุ์คอติมอร์ในพ้ืนท่ีสูงของจังหวัดเพชรบูรณ์
การศกึ ษาความเป็นไปไดใ้ นการจดั การการท่องเทย่ี วเชงิ เกษตรโดยการมสี ่วนร่วมของชุมชน กรณีศกึ ษา: สถานี
วจิ ยั เพชรบูรณ์ (ทบั เบกิ ) มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ เป็นต้น นอกจากน้ีมกี ารจดั อบรมใหแ้ ก่ ชุมชน หรอื บุคคล
ทวั่ ไปทม่ี คี วามสนใจเกย่ี วกบั การทาเกษตรบนพน้ื ทส่ี ูง เพ่อื นาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หก้ บั เกษตรกรในพน้ื ท่ีสงู ทงั้ น้ีแปลง
ภูทบั เบกิ ไดร้ เิ รม่ิ เปิดใหเ้ ป็นแหล่งท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตร ซง่ึ ภายในแปลงภูทบั เบกิ มที รพั ยากรธรรมชาตทิ อ่ี ุดม
สมบูรณ์ เช่น ทรพั ยากรดนิ ทรพั ยากรน้า และทรพั ยากรป่าไม้ ทงั้ น้ยี งั มกี จิ กรรมการท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรของ
แปลงภูทบั เบกิ อาทิ กิจกรรมชมแปลงปลูกกาแฟ แปลงแมคคาเดเมยี แปลงพลบั แปลงบ๊วย แปลงปลูกพืช
ขนั้ บนั ได แปลงผกั อนิ ทรยี ์ แปลงไฮเดรนเยยี แปลงปักษาสวรรค์ แปลงสตรอว์เบอรร์ ่ี โรงเรอื นไฮโดรโพนิกส์ โรง
เล้ียงไก่ไข่ บ่ออนุรกั ษ์ปลา-ปูภูเขา พิพิธภัณฑ์แมลงพ้ืนบ้าน กางเต็นท์/โดม เล่นน้าตก ชมวิวทิวทัศน์ พัก
รบั ประทานอาหาร เป็นตน้ ทงั้ น้ีเพ่อื ใหน้ ักท่องเทย่ี วตระหนักถงึ ความสาคญั ของการท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรเพมิ่
มากขน้ึ

The 3rd BAs National Conference 2021 "Business Transformation: Social Challenges" 342

สถานภาพ พฤติกรรม ทศั นคติ และความต้องการของนักท่องเท่ียวที่เคยมาเที่ยวแปลงภทู บั เบิก
ผลการประมวลด้านสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มนักท่องเท่ียว พบว่า กลุ่มตัวอย่าง
นกั ท่องเทย่ี วสว่ นใหญเ่ ป็นเพศหญงิ โดยมอี ายุเฉลย่ี 33 ปี สว่ นใหญ่สาเรจ็ การศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรหี รอื เทยี บเทา่
โดยกลุ่มตวั อยา่ งของนกั ทอ่ งเทย่ี วประกอบอาชพี พนักงานบรษิ ทั เอกชน และมรี ายได้เฉลย่ี ตอ่ เดอื นเท่ากบั 27,926
บาท/เดอื น
ดา้ นพฤตกิ รรม ทศั นคตขิ องนักท่องเทย่ี วทเ่ี คยมาเทย่ี วแปลงภูทบั เบกิ พบว่า กลุ่มนักท่องเทย่ี วทเ่ี คยมา
เทย่ี วแปลงภูทบั เบกิ มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการเดนิ ทางมาท่องเทย่ี ว เพ่อื พกั ผ่อนหย่อนใจ ซง่ึ ผรู้ ่วมเดนิ ทางมาเทย่ี วชม

แปลงภทู บั เบกิ สว่ นใหญ่เป็นกลุ่มเพ่อื น โดยใชร้ ถยนตส์ ว่ นบุคคลเป็นพาหนะในการเดนิ ทาง ซง่ึ รายจา่ ยของการมา
ทอ่ งเทย่ี วเฉลย่ี 3,002 บาท/คน/ครงั้ ดงั ตารางท่ี 1

ด้านความต้องการในการท่องเทย่ี วแปลงภูทบั เบกิ ด้านพ้นื ท่สี ่งิ ท่นี ักท่องเท่ยี วต้องการมากท่สี ุด คือ

ตอ้ งการใหม้ คี วามหลากหลายของกจิ กรรมการท่องเทย่ี วเชงิ นเิ วศเกษตร ดา้ นการจดั การสง่ิ ทน่ี ักทอ่ งเทย่ี วตอ้ งการ
มากทส่ี ุด คอื จุดท้งิ ขยะ/วางถงั ขยะ เพ่อื บรกิ ารสาหรบั นักท่องเทย่ี ว และด้านการมสี ่วนร่วม สงิ่ ทน่ี ักท่องเทย่ี ว
ตอ้ งการมากทส่ี ดุ คอื การเปิดโอกาสใหค้ นในทอ้ งถน่ิ มรี ายไดจ้ ากการทอ่ งเทย่ี ว

ตารางที่ 1 แสดงพฤตกิ รรม ทศั นคตขิ องนกั ทอ่ งเทย่ี วทเ่ี คยมาเทย่ี วแปลงภทู บั เบกิ สถานวี จิ ยั เพชรบรู ณ์, 2563

พฤตกิ รรมการท่องเทย่ี ว จานวน (คน) รอ้ ยละ

1. ประสบการณ์ทเ่ี คยเดนิ ทางมาเทย่ี วแปลงภูทบั เบกิ 281 90.90
เคยมาแลว้ 28 9.10
มาครงั้ แรก

2. วตั ถปุ ระสงคใ์ นการมาเทย่ี วแปลงภูทบั เบกิ 187 60.90
เพ่อื พกั ผ่อนหยอ่ นใจ / มากบั เพ่อื น 76 24.60
เพ่อื ทศั นาศกึ ษา / พกั แรม 31 10.00
เพ่อื ศกึ ษาเร่อื งการท่องเทย่ี วเชงิ นเิ วศเกษตร 14 4.50
เพ่อื อบรม / สมั มนา

3. พาหนะทใ่ี ชเ้ ดนิ ทางมาเทย่ี วชมแปลงภทู บั เบกิ 200 64.70
รถยนตส์ ่วนบุคคล 76 24.60
รถเชา่ / เหมา 20 6.50
รถโดยสารประจาทาง 13 4.20
รถโดยสารสาธารณะ

4. รายจา่ ยในการมาเทย่ี วแปลงภทู บั เบกิ ต่อครงั้

น้อยกว่า 1,000 บาท 31 10.00

1,001 – 3,000 บาท 191 61.80

3,001 – 5,000 บาท 55 17.80

มากกวา่ 5,000 บาท 32 10.40

คา่ เฉลย่ี รายจ่าย (บาท/คน/ครงั้ ) 3,002

ความเตม็ ใจจ่ายของนักท่องเท่ียวที่เคยมาเท่ียวแปลงภทู บั เบิก สถานีวิจยั เพชรบรู ณ์

The 3rd BAs National Conference 2021 "Business Transformation: Social Challenges" 343

การวเิ คราะหค์ วามเตม็ ใจจ่าย พบว่า กลุ่มตวั อย่างนักท่องเทย่ี วมคี วามเตม็ ใจจ่ายจานวน 306 คน กลุ่ม
ตวั อย่างนกั ท่องเทย่ี วทไ่ี มเ่ ตม็ ใจจ่ายจานวน 3 คน พบวา่ หากมกี ารเกบ็ คา่ ธรรมเนยี มในการเขา้ ชมแปลงภทู บั เบกิ
กลุ่มตวั อย่างนักท่องเท่ยี วมคี วามเต็มใจจ่ายเฉล่ยี 80.39 บาท/คน/ครงั้ ดงั ตารางท่ี 2 เม่อื พิจารณากบั จานวน
นักท่องเทย่ี วในชว่ ง 2 ปีทผ่ี ่านทงั้ หมดประมาณ 700 คน ดงั นัน้ มูลค่าผลประโยชน์ดา้ นนันทนาการมมี ลู คา่ ทงั้ หมด
56,917 บาท หรอื โดยเฉลย่ี แต่ละปีมมี ลู คา่ เท่ากบั 28,458.50 บาท/ปี

ตารางที่ 2 แสดงความเตม็ ใจจา่ ยค่าธรรมเนยี มสาหรบั การเขา้ ชมแปลงภทู บั เบกิ สถานีวจิ ยั เพชรบูรณ์, 2563

ความเตม็ ใจจ่ายคา่ ธรรมเนยี ม จานวน (คน) รอ้ ยละ

1. ความเตม็ ใจจ่ายค่าธรรมเนียมการเขา้ ชมแปลงภทู บั เบกิ

จานวนกล่มุ ตวั อยา่ งนกั ท่องเทย่ี วทเ่ี ตม็ ใจจา่ ย 306 99.03

จานวนกลุม่ ตวั อยา่ งนกั ทอ่ งเทย่ี วทไ่ี มเ่ ตม็ ใจจ่าย 3 0.97

2. จานวนเงนิ ทเ่ี ตม็ ใจจา่ ย (บาทต่อคนต่อครงั้ )

0 3 0.97

1 – 100 262 84.79

101 – 200 44 14.24

คา่ เฉลย่ี ความเตม็ ใจจ่าย 80.39

คา่ ฐานนยิ มความเตม็ ใจจ่าย 50

ค่าต่าสุดความเตม็ ใจจา่ ย 0

คา่ สงู สุดความเตม็ ใจจา่ ย 200

การวิเคราะห์ผลประโยชน์ของการท่องเท่ียวเชิงนิเวศเกษตรต่อชมุ ชนโดยรอบแปลงภทู บั เบิก

การวเิ คราะห์ผลประโยชน์ดา้ นการท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรต่อชุมชน เพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่งึ มลู ค่าของการมี
แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วภายในแปลงภทู บั เบกิ พบว่า กาไรสทุ ธจิ ากการทางานภายในแปลงภูทบั เบกิ ทงั้ หมดมมี ลู ค่าเทา่ กบั
122,400 บาท/ปี โดยเฉล่ยี ผลประโยชน์ท่เี กิดกับชุมชนจาการมีแหล่งท่องเท่ยี วภายในแปลงภูทบั เบิกเท่ากบั
13,600 บาท/คน/ปี

แนวทางการจดั การการท่องเที่ยวของแปลงภทู บั เบิก สถานีวิจยั เพชรบูรณ์

ปัจจุบนั การท่องเท่ยี วของแปลงภูทบั เบิก สถานีวิจยั เพชรบูรณ์ เปิดให้เป็นแหล่งท่องเท่ยี วเชิงนิเวศ
เกษตรเพยี ง 2 ปีเท่านัน้ เน่ืองจากนักท่องเทย่ี วมคี วามสนใจเก่ยี วกบั การท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรเพมิ่ มากขน้ึ
และมกี ารส่งเสรมิ การท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตร เพ่อื เป็นการหาแนวทางการพฒั นาการท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตร
ของแปลงภูทบั เบกิ ไดม้ กี ารวเิ คราะห์จุดแขง็ จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคดว้ ยเทคนิค SWOT Analysis ซ่งึ พบว่า
การท่องเทย่ี วเชงิ นเิ วศเกษตรของแปลงภูทบั เบกิ มจี ุดแขง็ จดุ อ่อน โอกาสและอปุ สรรค ทงั้ ภายในและภายนอกของ
แปลงภทู บั เบกิ สถานีวจิ ยั เพชรบรู ณ์ ดงั ตารางท่ี 3

The 3rd BAs National Conference 2021 "Business Transformation: Social Challenges" 344

ตารางท่ี 3 แสดงการสรุปภาพรวมการประเมนิ สถานการณ์โดยการวเิ คราะห์ SWOT ของแปลงภูทบั เบกิ สถานี
วจิ ยั เพชรบรู ณ์, 2563

จดุ แขง็ จดุ อ่อน
W1: บุคลากรในการใหบ้ รกิ ารนกั ท่องเทย่ี ว
S1: บุคลากรมคี วามรู้ ความเชย่ี วชาญ มปี ระสบการณ์ และใหข้ อ้ มลู ใหค้ วามรเู้ กย่ี วกบั การท่องเทย่ี วเชงิ
เกย่ี วกบั การทอ่ งเทย่ี วเชงิ นเิ วศเกษตรบนพน้ื ทส่ี งู นเิ วศเกษตรไม่เพยี งพอ
W2: แปลงภทู บั เบกิ ขาดการประชาสมั พนั ธ์
S2: เป็นแหลง่ ท่องเทย่ี วเชงิ นเิ วศเกษตรบนพน้ื ทส่ี งู แหง่ เกย่ี วกบั การท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรอยา่ ง
เดยี วในภทู บั เบกิ ตอ่ เน่อื ง จงึ ยงั ไมเ่ ป็นทร่ี จู้ กั ของนกั ท่องเทย่ี ว
W3: แปลงภทู บั เบกิ สถานวี จิ ยั เพชรบรู ณ์
S3: มบี รกิ ารบา้ นพกั /เตน็ ทส์ าหรบั นกั ท่องเทย่ี ว และ ตงั้ อยหู่ า่ งไกลจากแหล่งทอ่ งเทย่ี วหลกั ของภทู บั
นิสติ ฝึกงานทใ่ี หม่ สะดวก และทนั สมยั เบกิ จงึ ยากตอ่ การเขา้ ถงึ

S4: มกี จิ กรรมการทอ่ งเทย่ี วทห่ี ลากหลาย เช่น เกบ็ อปุ สรรค
ผลผลติ เกษตรอนิ ทรยี จ์ ากแปลงภูทบั เบกิ เกบ็ ไขไ่ ก่ กาง T1: การเกดิ สถานการณ์ของโรคระบาด
เตน็ ท์ ดดู าว เป็นตน้ ไวรสั Covid-19 ในปัจจุบนั ทาใหจ้ านวน
นักท่องเทย่ี วลดลง
S5: มวี วิ ทวิ ทศั นท์ ส่ี วยงาม บรรยากาศดเี หมาะแกก่ าร T2: สภาพความแปรปรวนของภมู อิ ากาศท่ี
พกั ผอ่ น เปลย่ี นแปลง ไมต่ รงตามฤดกู าล อาจสง่ ผลกระทบ
ตอ่ การเดนิ ทางมาท่องเทย่ี วแปลงภูทบั เบกิ
S6: มจี ดุ เชค็ อนิ ถา่ ยรปู เพ่อื เป็นทร่ี ะลกึ เม่อื มาเทย่ี ว
แปลงภูทบั เบกิ

S7: มแี ผนการพฒั นาการท่องเทย่ี วเชงิ นเิ วศเกษตรใน
แปลงภูทบั เบกิ จดั ทาโดยสถานวี จิ ยั ฯ

โอกาส

O1: ภาครฐั มกี ารวางแผนพฒั นาจงั หวดั เพชรบูรณ์ โดย
กาหนดเป็นยุทธศาสตรข์ องจงั หวดั ในดา้ นการพฒั นาการ
ท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตร

O2: หน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การท่องเทย่ี วมแี ผนการ
พฒั นาใหบ้ รกิ ารขอ้ มลู ทางการทอ่ งเทย่ี วเชงิ นเิ วศเกษตรท่ี
หลากหลาย

O3: นักทอ่ งเทย่ี วเรมิ่ ใหค้ วามสนใจเกย่ี วกบั การ
ทอ่ งเทย่ี วเชงิ นเิ วศเกษตรเพม่ิ ขน้ึ

O4: ชมุ ชนโดยรอบแปลงภูทบั เบกิ มสี ว่ นร่วมในการ
จดั การการทอ่ งเทย่ี วเชงิ นเิ วศเกษตร

สรปุ และอภิปรายผล

ผลประโยชน์ดา้ นการท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรของแปลงภทู บั เบกิ พบว่า หากมกี ารเกบ็ ค่าธรรมเนียมใน
การเขา้ ชมแปลงภูทบั เบกิ กลุ่มนักท่องเท่ยี วมคี วามเต็มใจจ่ายเฉล่ยี 80.39 บาท/คน/ครงั้ เม่อื เทยี บกบั จานวน
นักท่องเท่ยี วในช่วง 2 ปีท่ผี ่านมาทงั้ หมดประมาณ 700 คน ดงั นัน้ มูลค่าผลประโยชน์ด้านนันทนาการมมี ูลค่า
ทงั้ หมด 56,917 บาท พจิ ารณาผลประโยชน์ของชุมชนทเ่ี ขา้ มาทางานภายในแปลงภูทบั เบกิ พบว่า กาไรสุทธจิ าก
การทางานภายในแปลงภูทบั เบกิ มมี ลู ค่าเทา่ กบั 122,400 บาท/ปี หรอื โดยเฉลย่ี ผลประโยชน์ทเ่ี กดิ กบั ชมุ ชนจาการ

The 3rd BAs National Conference 2021 "Business Transformation: Social Challenges" 345

มแี หล่งท่องเทย่ี วภายในแปลงภูทบั เบกิ เท่ากบั 13,600 บาท/คน/ปี ดงั นัน้ หน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งควรใหค้ วามสาคญั
กบั การท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตร เพ่อื เป็นการวางแผนและกาหนดนโยบายในการพฒั นาการจดั การการทอ่ งเทย่ี ว
เชงิ นเิ วศเกษตรของแปลงภทู บั เบกิ สถานวี จิ ยั เพชรบรู ณ์ตอ่ ไปในอนาคต

ขอ้ เสนอแนะ

จากการศกึ ษาเรอ่ื งแนวทางการจดั การการทอ่ งเทย่ี วเชงิ นเิ วศเกษตรของแปลงภทู บั เบกิ สถานีวจิ ยั
เพชรบรู ณ์ ทาใหไ้ ดข้ อ้ เสนอแนะดงั ตอ่ ไปน้ี

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
สานักงานการท่องเท่ยี วและกีฬาจงั หวดั เพชรบูรณ์ควรส่งเสรมิ การท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตร เช่น เป็น
ส่อื กลางใหน้ ักท่องเทย่ี ว ประชาสมั พนั ธแ์ ปลงภูทบั เบกิ ว่าเป็นแหล่งท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตร โดยมกี ารรวบรวม
ขอ้ มูลดา้ นการท่องเท่ยี วเชงิ นิเวศเกษตรของแปลงภูทบั เบกิ อย่างเป็นระบบ เพ่อื ประกอบการจดั ทานโยบายทม่ี ี
ประสทิ ธภิ าพ
ขอ้ เสนอแนะต่อแปลงภทู บั เบิก สถานีวิจยั เพชรบูรณ์
1. แปลงภูทบั เบกิ ควรเพมิ่ ความหลากหลายของดอกไมเ้ มอื งหนาวนอกจากดอกไฮเดรนเยยี ควรมพี นั ธุ์
ดอกไมช้ นดิ อน่ื ทท่ี นตอ่ อากาศหนาวปลกู ควบคกู่ นั ไป
2. แปลงภูทบั เบกิ ควรมกี ารประชาสมั พนั ธ์ของแหล่งท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตร ผ่านเครอื ขา่ ยทางสงั คม
(Social Network) ท่ีเหมาะสาหรับการพัฒนาการท่องเท่ียวของแปลงภูทบั เบิก ทงั้ น้ีควรสร้างเว็บไซต์ในการ
นาเสนอถงึ แหลง่ ท่องเทย่ี วเชงิ นเิ วศเกษตรของแปลงภทู บั เบกิ
3. แปลงภูทบั เบกิ ควรสรา้ งกจิ กรรมอ่นื ๆ ทน่ี ่าสนใจมารองรบั กลุ่มนักท่องเทย่ี วทม่ี อี ายุหลากหลายมาก
ข้นึ เน่ืองจากนักท่องเทย่ี วส่วนใหญ่ตดั สนิ ใจมาท่องเทย่ี วพร้อมกนั เป็นครอบครวั อาจจะมที งั้ เดก็ และคนแก่ทม่ี ี
ความสนใจอยากมาเทย่ี วแหล่งทอ่ งเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตรของแปลงภทู บั เบกิ
4. แปลงภูทบั เบกิ ควรเพม่ิ ส่ิงอานวยความสะดวก เช่น จุดท้งิ ขยะ เพ่อื รองรบั นักท่องเทย่ี ว เน่ืองจาก
ปัจจบุ นั จดุ ทง้ิ ขยะภายในแปลงภูทบั เบกิ ค่อนขา้ งมนี ้อย และตงั้ อยหู่ ่างไกลกนั
5. แปลงภูทบั เบกิ ควรมกี ารจดั กจิ กรรมหรอื โปรโมชนั่ ท่นี ่าสนใจ เพ่อื เพม่ิ แรงจูงใจในการประกอบการ
ตดั สนิ ใจทจ่ี ะมาเทย่ี วแปลงภูทบั เบกิ ของนักทอ่ งเทย่ี วในช่วงวนั หยุดนักขตั ฤกษ์ วนั เสาร์-อาทติ ย์ หรอื วนั จนั ทร์ –
ศกุ ร์
ข้อเสนอแนะสาหรบั การศกึ ษาครงั้ ต่อไป
1. การศกึ ษาครงั้ น้ี พบปัญหาดา้ นการขาดแคลนขอ้ มูลดา้ นทรพั ยากรภายในแปลงภูทบั เบกิ โดยควรมี
เกบ็ รวบรวมไวเ้ ป็นของสถานวี จิ ยั เพชรบูรณ์
2. การศกึ ษาครงั้ ตอ่ ไปควรมกี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยการสมั ภาษณ์แบบเชงิ ลกึ แก่หน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
ในด้านการท่องเทย่ี วเชงิ นิเวศเกษตร เพ่ือเป็นแนวทางในการกาหนดนโยบายและวางแผนพฒั นาการท่องเทย่ี ว
ตอ่ ไปในอนาคต

The 3rd BAs National Conference 2021 "Business Transformation: Social Challenges" 346

กิตติกรรมประกาศ

ผจู้ ดั ขอขอบคณุ เงนิ สนับสนุนในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากโครงการวจิ ยั แบบมสี ว่ นรว่ ม โดยการอบรมเชงิ
ปฏบิ ตั กิ าร เร่อื ง คุณูปการของงานวจิ ยั และพฒั นาของสถานีวจิ ยั ของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตรท์ ม่ี ตี ่อชุมชนและ
สงั คม

เอกสารอ้างอิง

ภาษาไทย

ขวญั ชนก พุทธจนั ทร.์ (2563). การทอ่ งเทยี่ วเชงิ เกษตร. คน้ เมอ่ื 25 มถิ ุนายน 2564, จาก
https://www.lib.ku.ac.th/2019/index.php/covid-19/1090-agritourism

ดารงค์ ทพิ ยโ์ ธธา. (2546). คณิตศาสตรป์ รนัย เล่มที่28 คมู่ อื โปรแกรมสาํ เรจ็ รปู : Mathcd Mathematica MATLAB
Maple. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 1. (น. 7). กรุงเทพฯ: โรงพมิ พจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .

นรารตั น์ จนั ทราวาสน์. (2556). ความเตม็ ใจจ่ายค่าธรรมเนยี มเพอื่ กจิ กรรมการดาํ น้ําลกึ ของนกั ทอ่ งเทยี่ วบรเิ วณ
หมเู่ กาะลา้ นจงั หวดั ชลบรุ .ี วทิ ยานพิ นธ์ ปรญิ ญาวทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ . มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์

นนั ทยิ า หตุ านุวตั ร. (2551). คดิ กลยทุ ธด์ ว้ ย SWOT. (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 7). อุบลราชธานี: โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั
อบุ ลราชธาน.ี

มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ (2556). งามทวั่ แควน้ แดนนนทร.ี (น. 28-33). กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั อมรนิ ทรพ์ รน้ิ ตง้ิ
แอนดพ์ บั ลซิ ซง่ิ จากดั (มหาชน).

รุ่งนภา บุพฤทธ.ิ์ (2549). ความเตม็ ใจจ่ายของนกั ทอ่ งเทยี่ วเพอื่ การอนุรกั ษ์พะยนู ในบรเิ วณอุทยานแห่งชาตหิ าด
เจา้ ไหมและเขตหา้ มลา่ สตั วป์ ่าหมเู่ กาะลบิ ง จงั หวดั ตรงั . วทิ ยานพิ นธ์ ปรญิ ญาวทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ .
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์

วรยิ า ดอ่ นศร.ี (2563). ปฏทิ นิ การปลกู พชื ของสถานีวจิ ยั เพชรบรู ณ์. มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์
สมพร อศิ วลิ านนท์ และคณะ. (2553). การประเมนิ ผลกระทบจากงานวจิ ยั ดา้ นการเกษตรและอตุ สาหกรรมเกษตร.

(พมิ พค์ รงั้ ท่ี 1). (น. 6-8). กรุงเทพฯ: สถาบนั คลงั สมองของชาต.ิ
สวุ รรณา ประณตี วตกุล. (2561). "เสน้ ทางสผู่ ลกระทบแนวคดิ ทางเศรษฐศาสตรก์ ารประเมนิ ผลกระทบของงานวจิ ยั

ดา้ นการเกษตรและอาหาร". (เอกสารประกอบการสอน) กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์
อุดม เชยกวี งศ์ และคณะ. (2548). การทอ่ งเทยี่ วเชงิ นิเวศ. กรุงเทพฯ: แสงดาว.
อดุ มศกั ดิ ์ศลี ประชาวงศ์ และสุนดิ า พริ ยิ ะภาดา. (2561). มลู คา่ ความเตม็ ใจจะจา่ ยของนกั ทอ่ งเทย่ี ว เพ่อื การ

จดั การแหล่งท่องเทย่ี วแบบคารบ์ อนต่า: กรณีศกึ ษาเกาะลา้ น จงั หวดั ชลบรุ .ี วารสารพฒั นาการเศรษฐกจิ
ปรทิ รรศน์, 12, 82-102.

ภาษาอังกฤษ
Orme, B. (2010). Sample Size Issues for Conjoint Analysis Studies, Sawtooth Software Technical Paper,

Sequim. Cited In Rose, J. M, & M. J. Bliemer. (2013). Sample size requirements for stated
choice experiments. Transportation, 40, 1021-1041.

The 3rd BAs National Conference 2021 "Business Transformation: Social Challenges" 347

ทกั ษะที่จาเปน็ สาหรับนกั ทรัพยากรมนุษย์ในการจดั การความหลากหลาย
ของทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ

ผวู้ จิ ัย: สชุ าวดี เดชทองจนั ทร์ , ลมิ ปนนาคทอง
อาจารยป์ ระจาคณะรฐั ประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธุรกจิ บณั ฑติ

ความสาคัญของการวิจยั
ท่ีมาของหลักการและเหตุผลของการศึกษาวิจัยคร้ังนี้เกิดข้ึนมาจากการที่เราได้เล็งเห็นแล้วว่า

สภาพแวดล้อมขององค์การเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ยุคโลกาภิวัตน์ท่ีเห็นการเปล่ียนแปลงที่ชัดเจน เนื่องจาก
เทคโนโลยีเป็นส่ิงท่ีนาพาการพัฒนาต่างๆ ให้เกิดขึ้นแต่การเปล่ียนแปลงเหล่าน้ันก็จะมีในส่วนของการ
เคลื่อนย้ายประชากรด้วยทีท่ าใหใ้ จความหลากหลายของกาลังแรงงานในตลาดเราจะมักเห็นว่า ขณะน้ีปัจจุบัน
กาลงั แรงงานในตลาดแรงงานของเราไดก้ าลงั แรงงาน หรือทรัพยากรมนุษย์ในองค์การจะมีความหลากหลายที่
แตกต่างไปจากเดิมเดิม ในอดีตเราอาจจะมีความแตกต่างในเร่ืองของเพศหญิงเพศชายในองค์การ หรือใน
เรื่องของอายุที่จะมคี วามแตกตา่ งกนั แต่ในอดตี แล้วสงั เกตเหน็ อายตุ า่ งกันแค่ไหน แต่ความเชื่อ ทัศนคติความ
นิยมชมชอบต่างๆ ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ความถนัดก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ในปัจจุบันห่างกันมาก
ความคิดค่านิยม ทัศนคติ ความถนัด มีความแตกต่างกันดังที่หลายๆ นักวิชาการได้แบ่งออกเป็น
Generation แตล่ ะ Generation ถูกหลอมกับสภาพแวดล้อมในแตล่ ะช่วงเวลา แต่ละช่วงอายุที่เขาได้เกิดมา
ในช่วงนั้นทาให้ความชอบ ความถนัดของแต่ละ Generation ไม่เหมือนกัน นอกจากน้ันในเรื่องของสิทธิ
เสรภี าพความเสมอภาคมาสู่การเปิดโอกาสให้กาลังแรงงานที่มีความหลากหลายในเรื่องของสภาพกายภาพผู้
พกิ ารไดเ้ ขา้ มาสู่ตลาดแรงงาน รวมถึงได้จ้างงานคนพิการด้วยท้ังน้ีท้ังนั้นความหลากหลายเหล่าน้ีให้อะไรกับ
องคก์ ารเราบ้างในความหลากหลายท่ีตา่ งกันยอ่ มซ่อนในเรื่องของทุนมนุษย์ที่ต่างกัน ความรู้ ทักษะพฤติกรรม

บคุ ลิก ลักษณะทไี่ มเ่ หมอื นกันคนหนงึ่ คน ๆ นอ้ี ายเุ ท่านอี้ าจจะถนดั เรื่องน้ี อีกคนอายุอีกช่วงหน่ึงอาจจะถนัด
อกี เรือ่ งหนง่ึ แตล่ ะความถนดั เปน็ สิ่งท่อี งค์การจะตอ้ งดึงความถนดั ดึงทกั ษะความสามารถของเขาออกมาเพื่อ
นาทุนมนุษย์เหล่านั้นไปสร้างผลิตภาพดีต่าง ๆ ท่ีเกิดประโยชน์แก่องค์กรนาไปสู่ความสาเร็จที่องค์กรตั้งเป้า
เอาไว้ ท้งั น้ที งั้ น้ันความหลากหลายจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าขาดบุคคลสาคัญหลายๆกลุ่มหน่ึงในนั้นคือนัก HR หรือ
นักทรัพยากรมนุษย์ที่เราจะคุ้นชินกับคาว่า HR officer HR จะเป็นกลุ่มที่เข้ามาช่วยจัดการความหลากหลาย
ดังน้ันแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายสาหรับการจัดการความหลากหลายHR ก็ต้องมีทักษะที่จาเป็น จึงนามาสู่การศึกษา
คร้งั นว้ี ่าทักษะอะไรบา้ งทจี่ าเป็นสาหรับ HR ในการจัดการความหลากหลายของทรัพยากรมนุษย์ท่ีหลากหลาย

วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจยั
เพื่อคน้ หาทักษะทีจ่ าเปน็ สาหรบั นักทรพั ยากรมนษุ ย์ในการจัดการความหลากหลายของทรพั ยากร

มนษุ ย์ในองคก์ าร

ทบทวนวรรณกรรม

ทบทวนวรรณกรรมเราจะทบทวน 3 กลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกัน กลุ่มแรกจะเป็นเรื่องของความหลากหลาย
ของกาลงั แรงงานจะมีเรอื่ งของความหมาย ประเภทความหลากหลาย มีก่ีประเภทบ้างเรานาแนวคิดของกราฟ
rosado หลายๆ งานวิจัยทีเ่ กย่ี วข้องกับการจดั การความหลากหลายกจ็ ะมีอยู่ 2 อนั นใี้ นการแบ่งประเภทความ
หลากหลายซงึ่ มี 2 กลมุ่ คอื กลุม่ ปฐมภูมิกับทุติยภูมิ 2 กลุ่มจะมีความต่างกันซึ่งกลุ่มปฐมภูมิจะเป็นสิ่งท่ีอยู่ติด
ตัวคน ๆ นั้นติดตัวมาตั้งแต่กาเนิดติดตัวมาอยู่ตลอดเวลาเช่น เพศอะไรอายุเท่าไหร่เชื้อชาติอะไร กลุ่มที่ 2
ทตุ ิยภูมเิ กีย่ วกบั แนวคดิ ความหลากหลายใครเห็นเร่ืองความสาคัญของการจัดการความหลากหลายว่าองค์การ
ได้ประโยชน์อะไรถ้ามีการจัดการความหลากหลายท่ีดี กลุ่มที่ 3เรื่องของสมรรถนะของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์
และนกั ทรพั ยากรมนษุ ย์ เดรฟอรู ิช ดึงศักยภาพของฝา่ ยทรพั ยากรมนุษยอ์ อกมาว่าฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ควรจะ
มที กั ษะสมรรถนะอะไรบ้างยังมีงานวิจัยทไ่ี ด้ทบทวนมาอกี กวา่ นกั ทรพั ยากรมนุษยค์ วรจะต้องมีทกั ษะอะไรบ้าง

วธิ ีดาเนินการวจิ ยั

การดาเนินการศึกษาของเรา ต้องเร่ิมต้นจากการวิเคราะห์ข้อมูลท่ีจาเป็นก่อนในเอกสารต่างๆ
งานวจิ ัยตา่ ง ๆ ทฤษฎตี า่ ง ๆ ส่วนการเลอื กกลุ่มประชากรเป็นการศึกษาในเชิงคุณภาพกลุ่มประชากรเราก็เลย
เลือกองคก์ ารภาครัฐและเอกชน กรมทรพั ยากรมนุษย์ที่หลากหลายกลุ่มตัวอย่างเราดึงตัวอย่างออกมาเพียง 4
แห่งเท่านั้นโดยเราเอา 4 แหง่ ทเี่ ราได้พบเหน็ วา่ เราได้พบเหน็ จากการศึกษาข้อมูลหลาย ๆ อย่างเช่น 2 องค์การ
มีความหลากหลายในการจัดการด้านผู้พิการจัดการที่ได้ไปสัมภาษณ์ในกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เช่ียวชาญในด้าน
ของการจัดการด้านผู้พิการก็จะแนะนา 2 องค์การน้ีการจัดการความหลากหลายกับพนักงานทั่วไปและ
พนักงานท่ีเป็นผู้พิการได้ดีมากเลยกับองค์การท่ี 3 เป็นเรื่องของรัฐวิสาหกิจที่มีการจัดการความหลากหลาย
ของช่วงวยั ของอายคุ นที่ดจี ะได้เห็นผบู้ ริหารที่อายุจะถงึ 60 แลว้ ในขณะทีค่ นรุ่นใหมเ่ ข้ามาอายุ 22-23 ปีแต่เขา
สามารถอย่รู ่วมกนั ได้มีการแชร์ข้อมูลมีการเข้ารว่ มกิจกรรมตา่ งๆ โดยทไี่ ม่มีเรื่องของชอ่ งวา่ งระหวา่ งวัย องค์กร
สุดท้ายองค์กรที่ 4 เป็นองค์กรเอกชนที่มีความหลากหลายในเรื่องของเชื้อชาติเป็นบริษัทที่คัดชาติด้วยรวม
ทั้งส้ินจะมที งั้ หมด 4 แห่งวธิ ีการศึกษาข้อมูลและเครอื่ งมือเกยี่ วกับวิเคราะห์ข้อมูลทีเ่ กี่ยวข้องและการสัมภาษณ์
เชงิ ลึก

ผลการวจิ ัย
ทกั ษะของนกั บริหารทรัพยากรมนษุ ย์เพื่อการจัดการความหลากหลายของทรัพย์ยากรมนุษยใ์ น

องค์การ
ผลงานวจิ ัยเราพบวา่ การศึกษาขอ้ มลู เบ้อื งตน้ ทั้งหมดทกั ษะของทรัพยากรมนษุ ยท์ จี่ าเปน็ เพอ่ื จดั การ

ความหลากหลายของทรัพยากรมนษุ ย์ในองคก์ ารมอี ะไรบา้ งอนั นี้ ไดส้ กดั มาจากงานวิจัยดา้ นตา่ ง ๆ ท้งั แนวคดิ
ทฤษฎีต่างๆวา่ ที่สาคญั ก็จะมที ั้งหมด 6 ทกั ษะนก้ี ค็ อื

- ทกั ษะการสอ่ื สารและประสานงาน
- ทักษะทางคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศ
- ทกั ษะการแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้
- ทักษะการวเิ คราะห์และการตีความ
การมวี สิ ยั ทศั น์
-การรอบรแู้ ละการเรียนรตู้ ลอดชีวติ

ผลการวจิ ัย
ทักษะของนักบรหิ ารทรัพยากรมนุษยเ์ พื่อการจดั การความหลากหลายของทรพั ยากรมนษุ ย์ในองค์การ

ซึง่ ท้งั 6 ทักษะเราไดน้ าไปสูก่ ารสมั ภาษณผ์ ูบ้ รหิ ารดา้ น HR แลว้ กเ็ จ้าหน้าท่ี HR ของการท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่างท้ัง
4 องคก์ ารในทักษะแรกเราจะพบทงั้ 4 องคก์ าร มีความเห็นตรงกันหมดว่าทักษะด้านการสื่อสารงานเป็นส่ิงท่ี
จาเป็นไม่ว่าจะเป็นองค์กรแรกท่ีมีความแตกต่างในเรื่องของความหลากหลายทางสภาพทางกายภาพ หรือผู้
พกิ ารน้ันเอง 2 องคก์ ารแรกจะมคี วามคดิ เหน็ ทีต่ รงกันว่า ทักษะการส่ือสารสาคัญมาก ๆ เพราะว่าในประเภท
ของคนพิการแต่ละประเภทก็ย่อมต้องการสื่อสารที่ต่างกัน เช่น ผู้พิการทางการได้ยินหรือผู้พิการทางสายตา
ตอ้ งการสื่อสารทไี่ ม่เหมือนกนั เพราะฉะนน้ั นัก HR จะตอ้ งรวู้ ่าเราจะเลือกสอ่ื แบบไหนเลือกช่องทางการส่ือสาร
อย่างไรเพ่อื ใหเ้ ขา้ ถงึ คนเหล่าน้ีในขณะท่ีช่วงอายุสาคญั การเลอื กส่อื การเลือกขอ้ ความการเลือกการสื่อสารต่างๆ
เปน็ ส่งิ ท่ีเหมาะสมแตล่ ะใน Generation เราก็จะได้เห็นในเร่ืองของการฝากรูปภาพแบบอินโฟกราฟฟิคได้ง่าย
ผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ LINE facebook หรือช่องทางพวกคุยเสวนาแบบ Time house
ไหนดังสุดท้ายเก่ียวกับวัฒนธรรมเชื้อชาติก็จะมีการส่ือสารของภาษาให้เข้าใจตรงกันด้วยท่ีเราต้องใช้ภาษา
ตา่ งกันแตไ่ มว่ า่ อะไรก็ตามส่อื ทั้งคนต่างชาติทัง้ คนไทยตอ้ งเขา้ ใจได้ตรงกัน

ผลการวจิ ัย

ทักษะของนักบรหิ ารทรพั ยากรมนุษย์เพือ่ การจดั การความหลากหลายของทรพั ยากรมนษุ ย์ในองคก์ าร
ในเรื่องของทักษะคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีนี้ก็จะสาคัญมากเพราะว่าแต่ละกลุ่มมีเทคโนโลยีที่จะไม่

เหมอื นกนั ยกเว้นกลุ่มสุดท้ายที่เป็นองค์กรทางด้านเทคโนโลยีไม่ค่อยเห็นความแตกต่างมากนักเพราะว่าเช้ือ
ชาติยังไงก็เราจะมีการใช้เทคโนโลยีที่เหมือนกันก็หน้าตา ก็จะมีลักษณะของการเป็นพี่เล้ียงในขณะที่ 2
โครงการแรกที่เป็นสังคมการเก่ียวกับเร่ืองผู้พิการจะต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ด้านผู้
พกิ ารทางสายตาก็ตอ้ งมีโปรแกรมคอมพิวเตอรท์ ใี่ ชใ้ นเรื่องของเสยี งทาให้เสียงสามารถออกมาเป็นตัวหนังสือใน
นี้ก็ต้องศึกษาทั้งนี้ เพราะว่าเป็นโปรแกรมพิเศษช่วยในการปฏิบัติงานได้ในขณะที่ความหลากหลายทางด้าน
อายุก็ต้องมีเรื่องของ Generation ในเร่ืองของการเลือกส่ือที่เหมาะสมในเรื่องของการเลือกเทคโนโลยีท่ี
เหมาะสมกบั คนในแต่ละรนุ่ ดว้ ย

ผลการวิจัย

ทกั ษะของนกั บรหิ ารทรพั ยากรมนุษย์เพอ่ื การจัดการความหลากหลายของทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นองค์การ
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าค่ะ 2 องค์การแรกจะยอมรับมากจะให้ความสาคัญค่อนข้างมากว่าการ

แกป้ ญั หาเฉพาะหน้าของกล่มุ ผูพ้ ิการคอ่ นข้างสาคญั เพราะว่าหลายครั้งแล้วสถานการณ์ท่ีไม่เหมือนกัน ดังนั้น
ในการแกป้ ัญหาเพอ่ื ช่วยเหลือกลุ่มน้ี หรือว่าแนะนากลุ่มคนเหล่านี้ให้เขาสามารถท่ีจะมีข้อจากัดผ่านช่วงนี้ได้
องค์การท่ี 3 ซึ่งเป็นช่วงอายุ จะเป็นเร่ืองของการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่ียวกับทัศนคติมากกว่าเพราะว่า
ตา่ งกันก็จะนามาสคู่ วามขดั แยง้ ที่เกดิ ข้ึนบอ่ ยครัง้ ในโอกาส ในขณะท่ีองค์การที่ 4 โครงการด้านเชื้อชาติก็จะมี
ความขดั แย้งในโลกซ่งึ บางครง้ั กจ็ ะไม่มกี ารเข้าใจกันวา่ คนไทยเป็นแบบนที้ าไมคนญปี่ ุน่ เปน็ แบบนี้กจ็ ะต้องแก้ไข
ในเรื่องวฒั นธรรมตอ้ งเกิดการเรียนรู้ซ่ึงอาจจะต้องต้องทานกับเร่ืองน้ีแล้ว HR. ก็ต้องสามารถแก้ปัญหาความ
ขดั แย้งท่เี กดิ ขึ้นให้ได้

ผลการวิจยั

ทกั ษะของนักบรหิ ารทรัพยากรมนษุ ยเ์ พ่อื การจดั การความหลากหลายของทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นองคก์ าร
การวเิ คราะห์และการสือ่ ความขออนญุ าตพูด 2 องคก์ ารแรกก่อนเพราะ ขอรายการตีความของกลุ่มผู้

พิการมีความสาคัญมากเพราะว่าในบางคร้ังอาจจะไม่ได้เอ่ยกับเพื่อนหรือเอ่ยปากข้ึนมาว่าต้องการความ
ชว่ ยเหลืออะไร เราต้องเปน็ ผรู้ ่วมงานอาจจะต้องคอยหันไปดูค่อยหันไปสอบถาม ค่อยหันไปแสดงความว่าเขา
ต้องการอะไรบ้าง? เพราะแนะนาเพอ่ื นร่วมงานไป แนะนาผู้บงั คับบัญชาที่เขาต้องทางานร่วมกับผู้พิการว่าเรา
จะมกี ารวิเคราะหพ์ ฤตกิ รรมหรอื ในลักษณะของการแสดงออกแบบไหนบ้าง ตอนนี้เขาต้องการอะไรนะตอนนี้
เขาต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ได้ ในการตีความของคนรุ่นใหม่จะต้องเข้าใจว่าคนรุ่นใหม่ในความนิยม
ชมชอบอาจจะไม่เหมอื นของผ้สู ูงอายุในองค์การพดู ในโอกาสคนรนุ่ ใหม่ มคี า่ นิยมแบบไหนเราก็ต้องตีขวาก็ต้อง
ฝึกวเิ คราะห์ไดเ้ พอ่ื ทีจ่ ะเลอื กวิธกี ารทสี่ อดคล้องกับเขาเพราะว่าคนรนุ่ ใหม่ หรือว่าในเร่ืองของการเรียนรู้เขาจะ
เรยี นรู้สง่ิ ใหม่ ๆ ตลอดเวลาเพราะฉะนั้นเขาจะมกี ารเข้าใจในสงิ่ ใหมๆ่ ท่บี างครั้งเราอาจจะตามเขาไม่ทันก็คงจะ
เป็นการกลา่ วไปแล้ว

ผลการวจิ ยั
ทกั ษะของนกั บริหารทรพั ยากรมนุษย์เพือ่ การจัดการความหลากหลายของทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นองค์การ

ด้านการวิสัยทัศน์ใกล้ๆ ทุก ๆ ท่ีก็จะให้เหมือนกันก็คือจะต้องมีเรียกว่ามีการมองการณ์ไกลเก่ียวกับ
เรือ่ งการวางแผนการบรหิ ารจัดการความหลากหลายในอนาคตของในทกุ ๆ เร่ืองไม่ว่าจะเป็นเร่ืองผู้พิการเร่ือง
ของอายุหรอื วา่ จะเปน็ เรื่องของวงการไอทีซง่ึ มเี ชื้อชาตทิ ี่แตกต่างกนั ออกไป


Click to View FlipBook Version