ก ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 3 นาฏศิลป์ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่มนี้ จัดทำขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ และได้ดำเนินการจัดทำให้สอดคล้อง ตามกรอบของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจในองค์ประกอบทางนาฏศิลป์ มีความกล้าในการแสดงออกทางด้านนาฏศิลป์ สามารถวิพากษ์ วิจารณ์นาฏศิลป์ ตลอดจนประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้เรียนเห็นคุณค่า ในงานนาฏศิลป์ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทย ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 3 นาฏศิลป์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ มีทั้งหมด 4 เล่ม ซึ่งประกอบด้วย ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 1 พื้นฐานนาฏศิลป์ ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 2 โสภิณลีลาประกอบเพลง ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 4 ใส่ใจคุณค่าน่าอนุรักษ์ ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย เล่มนี้ จะเป็นสื่อการเรียนการสอน ที่อำนวยความสะดวกต่อการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 3 นาฏศิลป์ เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลตามมาตรฐานตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ช่วยให้นักเรียนเข้าใจง่าย สามารถพัฒนาทักษะในการปฏิบัติท่ารำ ได้อย่างถูกต้อง สวยงาม ซึ่งมีผลต่อการเรียนรู้และการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษา ที่จะนำไปเป็นแนวทางในการประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน และนวัตกรรมทางการศึกษาต่อไป สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล ผู้จัดทำ คำนำ
ข คำนำ สารบัญ สารบัญภาพ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/สาระสำคัญ/จุดประสงค์การเรียนรู้/สาระการเรียนรู้ .......................... คำแนะนำการใช้ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ (สำหรับครูผู้สอน) .............................................................. คำแนะนำการใช้ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ (สำหรับนักเรียน) ............................................................... แบบทดสอบก่อนเรียน ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย .................... เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย ........... ผังมโนทัศน์ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย ........................................ ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย .......................................................... รำ ระบำ ฟ้อน ...................................................................................................... ............ รำวงมาตรฐาน ..................................................................................................................... เพลงคืนเดือนหงาย ............................................................................................................. เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า ........................................................................................................ กิจกรรมการเรียนรู้ท้ายบทเรียนชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย แบบฝึกหัดที่ 1 แผนผังความคิด เรื่อง รำ ระบำ ฟ้อน ............................................................... เฉลยแบบฝึกหัดที่ 1 เรื่อง รำ ระบำ ฟ้อน .................................................................................. ใบงานที่ 1 แผนผังความคิด เรื่อง รำ ระบำ ฟ้อน ...................................................................... เฉลยใบงานที่ 1 แผนผังความคิด เรื่อง รำ ระบำ ฟ้อน ............................................................. แบบประเมินใบงานที่ 1 แผนผังความคิด เรื่อง รำ ระบำ ฟ้อน …………………………………………. เกณฑ์การให้คะแนนใบงานที่ 1 แผนผังความคิด เรื่อง รำ ระบำ ฟ้อน ...................................... ใบงานที่ 2 นำเสนอผลงาน แผนผังความคิด เรื่อง รำวงมาตรฐาน ............................................. เฉลยใบงานที่ 2 นำเสนอผลงาน แผนผังความคิด เรื่อง รำวงมาตรฐาน .................................... แบบประเมินใบงานที่ 2 นำเสนอผลงาน แผนผังความคิด เรื่อง รำวงมาตรฐาน …………………… เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมินใบงานที่ 2 นำเสนอผลงาน แผนผังความคิด เรื่อง รำวงมาตรฐาน ........................................................................................................................ แบบประเมินการปฏิบัติการขับร้องเพลงคืนเดือนหงาย …………………………………………….…………….. เกณฑ์การให้คะแนนประเมินการปฏิบัติการขับร้องเพลงคืนเดือนหงาย ........................................... แบบประเมินการปฏิบัตินาฏศิลป์ เพลงคืนเดือนหงาย …………………………………………………………… หน้า ก ข ง 1 2 4 6 7 10 11 11 23 31 38 47 48 49 50 51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 สารบัญ
ค เกณฑ์ประเมินการปฏิบัตินาฏศิลป์ เพลงคืนเดือนหงาย .................................................................. แบบประเมินการปฏิบัติการขับร้องเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า .............................................................. เกณฑ์ประเมินการปฏิบัติการขับร้องเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า ............................................................ แบบการปฏิบัตินาฏศิลป์ เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า ……………………………………….……….…..……………… เกณฑ์การให้คะแนนแบบการปฏิบัตินาฏศิลป์ เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า …………………………………..….. แบบประเมินการปฏิบัตินาฏศิลป์ เพลงคืนเดือนหงายและเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า (แสดงผลงานบนเวที)……………………………………….……….…..……………………………………………………… เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมินการปฏิบัตินาฏศิลป์ เพลงคืนเดือนหงาย และเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า (แสดงผลงานบนเวที) ........................................................................... แบบทดสอบหลังเรียน ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย .................... เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย ............ แบบบันทึกคะแนนก่อนเรียน-หลังเรียน ............................................................................................ แบบบันทึกสรุปคะแนนผลการเรียน ………………………………………………………….………..………………… บรรณานุกรม ............................................................................................................... ..................... หน้า 61 63 64 65 66 68 69 71 74 75 76 77 สารบัญ (ต่อ)
ง ภาพที่ 1 รำฉุยฉายพราหมณ์ ...................................................................................................... 2 รำมโนห์ราบูชายัญ ....................................................................................................... 3 รำดาบสองมือ .................................................................................................. ............ 4 รำดอกไม้เงินทอง ............................................................................................. ............ 5 ญวนรำกระถาง ………………………………………………………….……………………………………. 6 รำวงมาตรฐาน ......……………….……………………………………….…………………………………. 7 ระบำย่องหงิด .............................................................................................................. 8 ระบำดาวดึงส์ ............................................................................................................... 9 ระบำอู่ทอง ……………………………………………………….……………………………………………. 10 ตารีกีปัส ………………….……………………………………………………………………………………… 11 ระบำนกเขามะราปี ...................................................................................................... 12 ระบำพระประทีป …………………………………………………….………………………………………. 13 ระบำอักษรไทย ………………………………………………………….……………………………………. 14 ฟ้อนผีมด …………………………………………………………………….…………………………………….. 15 ตีกลองสะบัดไชย ………………………………………………………….…………………………………. 16 ฟ้อนม่านมุ่ยเชียงตา ………………………………………………………….……………………………… 17 ฟ้อนกิ่งกะหร่า ………………………………………………………………………………………………… 18 ฟ้อนลาวแพน ………………………………………………………………………………………………….. 19 เครื่องดนตรีไทย ............................................................................................................ 20 วงปี่พาทย์ไม้นวม ……………………………………………………………………………..……………… 21 วงดนตรีสากล …………………………………………………………………………..…………………….. 22 การแต่งกายแบบชาวบ้าน (ด้านหน้า) ......................................................................... 23 การแต่งกายแบบชาวบ้าน (ด้านหลัง) ………………………………………………….……………. 24 การแต่งกายแบบรัชกาลที่ 5 (ด้านหน้า) .................................................................... 25 การแต่งกายแบบรัชกาลที่ 5 (ด้านหลัง) …………….…………………………………………….. 26 การแต่งกายแบบสากลนิยม (ด้านหน้า) …………………………….………………………………. 27 การแต่งกายแบบสากลนิยม (ด้านหลัง) ....................................................................... 28 การแต่งกายแบบราตรีสโมสร (ด้านหน้า) …………………………….…………………………….. 29 การแต่งกายแบบราตรีสโมสร (ด้านหลัง) …………………………….…………………………….. หน้า 12 12 13 13 14 14 16 16 17 17 18 18 19 20 20 21 21 22 25 26 26 27 27 28 28 29 29 30 30 สารบัญภาพ
จ ภาพที่ 30 ท่ารำ คำร้อง “ยามกลางคืนเดือนหงาย” .................................................................. 31 ท่ารำ คำร้อง “เย็นพระพายโบกพริ้วปลิวมา” ……………………………….………………… 32 ท่ารำ คำร้อง “เย็นอะไรก็ไม่เย็นจิต” …………………………………………….………………… 33 ท่ารำ คำร้อง “เท่าเย็นผูกมิตรไม่เบื่อระอา”……………………………………………………… 34 ท่ารำ คำร้อง “เย็นร่มธงไทยปกไปทั่วหล้า”………………………………….…………………….. 35 ท่ารำ คำร้อง “เย็นยิ่งน้ำฟ้ามาประพรมเอย”………………….………………………………….. 36 ท่ารำ คำร้อง “ดวงจันทร์ขวัญฟ้า”.............................................................................. 37 ท่ารำ คำร้อง “ชื่นชีวาขวัญพี่” ……………………………………………………….………………. 38 ท่ารำ คำร้อง “จันทร์ประจำราตรี” ........................................................................... 39 ท่ารำ คำร้อง “แต่ขวัญพี่ประจำใจ” ………………………………………………………….…….. 40 ท่ารำ คำร้อง “ที่เทิดทูนคือชาติ”................................................................................. 41 ท่ารำ คำร้อง “เอกราชอธิปไตย” …………………………………………………….……………... 42 ท่ารำ คำร้อง “ถนอมแนบสนิทใน” ………………………………………………………….……… 43 ท่ารำ คำร้อง “คือขวัญใจพี่เอย” ……………………………………………………….………….... หน้า 32 33 34 35 36 37 39 40 41 42 43 44 45 46 สารบัญภาพ (ต่อ)
1 ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย สาระที่ 3 นาฏศิลป์ 1. มาตรฐาน ศ 3.1 เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ คุณค่านาฏศิลป์ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 2. ตัวชี้วัด ป.6/3 แสดงนาฏศิลป์และละครง่าย ๆ 3. สาระสำคัญ การแสดงนาฏศิลป์ไทย เป็นการแสดงที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และเน้นลีลาการแสดงท่าร่ายรำ ที่อ่อนช้อยสวยงาม ซึ่งมีรูปแบบการแสดงตามแบบมาตรฐานการแสดงนาฏศิลป์ไทย โดยจะมีท่ารำเป็น หลักในการแสดง การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับรำ ระบำ ฟ้อน การฝึกรำวงมาตรฐาน ผู้แสดงจึงควรเรียนรู้ เกี่ยวกับความหมาย ประเภท ประวัติความเป็นมา ลักษณะการแสดง การแต่งกาย วงดนตรีที่ใช้ ใน การแสดง และโอกาสที่ใช้ในการแสดง เพื่อได้เรียนรู้แล้วนำมาประยุกต์ในการแสดงและการชม การแสดง แล้วยังสามารถนำความรู้ที่ได้มาถ่ายทอดอออกมาในรูปแบบของกระบวนท่ารำต่างๆ อีกด้วย 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) - อธิบายความหมายของรำ ระบำ ฟ้อน ได้ถูกต้อง - อธิบายประวัติความเป็นมารำวงมาตรฐาน ได้ถูกต้อง - อธิบายความหมายของเพลงคืนเดือนหงายและเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า ได้ถูกต้อง - อธิบายการปฏิบัติท่ารำของรำวงมาตรฐานเพลงคืนเดือนหงายและดวงจันทร์ขวัญฟ้าได้ 4.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - สามารถระบุประเภทของรำ ระบำ ฟ้อน ได้ถูกต้อง - สามารถบอกประวัติความเป็นมาเพลงรำวงมาตรฐาน ได้ถูกต้อง - สามารถร้องเพลงรำวงมาตรฐานเพลงคืนเดือนหงายและเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้าได้ - สามารถปฏิบัติท่ารำวงมาตรฐาน เพลงคืนเดือนหงาย และเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้าได้ 4.3 ด้านเจตคติ (A) - เห็นคุณค่าและอนุรักษ์การแสดงนาฏศิลป์ประเภทรำ ระบำ ฟ้อน และรำวงมาตรฐาน - เห็นประโยชน์ที่ได้จากการเรียนเรื่องรำ ระบำ ฟ้อน และรำวงมาตรฐาน - รู้จักนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง 5. สาระการเรียนรู้ 5.1 รำ ระบำ ฟ้อน 5.2 รำวงมาตรฐาน (เพลงคืนเดือนหงายและเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า)
2 คำแนะนำการใช้ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ (สำหรับครูผู้สอน) การใช้ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระที่ 3 นาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ใช้เวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 7 ชั่วโมง ครูผู้สอนปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้ 1. ศึกษาชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ให้เข้าใจก่อนที่จะจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2. ตรวจสอบและจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ สื่อการเรียนรู้ เครื่องมือวัดและประเมินผล ที่กำหนดไว้ให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี 3. ให้นักเรียนเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนการเรียน และการทำความเคารพครูผู้สอน 4. ชี้แจงให้นักเรียนอ่านคำแนะนำการใช้ชุดปฏิบัตินาฏศิลป์อย่างละเอียด และปฏิบัติ ตามขั้นตอนของคำแนะนำตามลำดับ 5. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดง นาฏศิลป์ไทย จำนวน 10 ข้อ (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) 6. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ 7. แจกชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย ให้นักเรียน คนละ 1 เล่ม และศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับรำ ระบำ ฟ้อน ประวัติความเป็นมารำวงมาตรฐาน ความหมายเพลงคืนเดือนหงาย/เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า และท่ารำของเพลงคืนเดือนหงาย/เพลงดวงจันทร์ ขวัญฟ้า ตามชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ 8. ครูดำเนินการสอนตามกิจกรรมการเรียนรู้ ตามที่กำหนดไว้ 9. ครูอธิบายเนื้อหาเกี่ยวกับรำ ระบำ ฟ้อน ประวัติความเป็นมารำวงมาตรฐาน และ ความหมายเพลงคืนเดือนหงาย/เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า 10. ครูเปิดซีดีเพลง พร้อมอธิบายและสาธิตให้นักเรียนปฏิบัติตาม โดยฝึกปฏิบัติขับร้อง เพลง และปฏิบัติท่ารำเพลงคืนเดือนหงาย/เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า ตามครูทีละวรรคเพลง ฝึกปฏิบัติ จนเกิดความชำนาญ 11. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความสมัครใจ กลุ่มละ 8 คน เพื่อฝึกปฏิบัติร่วมกัน 12. ครูคอยสังเกตและคอยให้คำแนะนำในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ จะต้องกระตุ้น ให้นักเรียนปฏิบัติด้วยตนเองมากที่สุด 13. หลังจากปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้เสร็จแล้ว ครูให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม และรายบุคคล ดังนี้ 13.1 ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 1 เรื่อง รำ ระบำ ฟ้อน 13.2 ให้นักเรียนทำใบงานที่ 1 แผนผังความคิด เรื่อง รำ ระบำ ฟ้อน 13.3 ให้นักเรียนทำใบงานที่ 2 การนำเสนอผลงาน แผนผังความคิด เรื่อง รำวงมาตรฐาน 13.4 ประเมินการปฏิบัติการขับร้องเพลงคืนเดือนหงาย
3 13.5 ประเมินการปฏิบัตินาฏศิลป์ เพลงคืนเดือนหงาย 13.6 ประเมินการปฏิบัติ การขับร้องเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า 13.7 ประเมินการปฏิบัตินาฏศิลป์ เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า 13.8 ประเมินการปฏิบัตินาฏศิลป์ เพลงคืนเดือนหงายและเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า (แสดงผลงานบนเวที) 13.9 ให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครง การแสดงนาฏศิลป์ไทย จำนวน 10 ข้อ (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) 14. แจ้งคะแนนให้นักเรียนทราบหลังจากได้ฝึกปฏิบัติกิจกรรม 15. เมื่อดำเนินการเสร็จ ครูควรตรวจสอบและเก็บวัสดุอุปกรณ์ในการสอนให้เรียบร้อย เพื่อ สะดวกในการสอนในครั้งต่อไป ข้อเสนอแนะอื่น ๆ - เมื่อนักเรียนได้ศึกษาชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์แล้ว ครูแนะนำให้นักเรียนใช้เวลาว่างในการฝึกฝน ด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ จนเกิดความชำนาญแม่นยำ และสวยงาม หากนักเรียนคนใดเรียนไม่ทัน ครูควร ให้คำแนะนำหรือมอบหมายงาน ให้นำชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ไปศึกษาเพิ่มเติมในเวลาว่าง
4 คำแนะนำการใช้ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ (สำหรับนักเรียน) การใช้ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ชุดที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย ใช้เพื่อจัดกิจกรรม การเรียนการสอนนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ใช้เวลาเรียนรู้ จำนวน 7 ชั่วโมง นักเรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง โดยอ่านคำแนะนำและปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้ 1. นักเรียนรับฟังคำชี้แจงคำแนะนำการใช้ชุดปฏิบัตินาฏศิลป์อย่างละเอียด และปฏิบัติ ตามขั้นตอนของคำแนะนำตามลำดับ 2. นักเรียนทุกคนมีการเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนการเรียนและทำความเคารพ ครูผู้สอน 3. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย จำนวน 10 ข้อ (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) 4. นักเรียนรับฟังคำชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ 5. นักเรียนรับชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย คนละ 1 เล่ม 6. นักเรียนศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับรำ ระบำ ฟ้อน ประวัติความเป็นมารำวงมาตรฐาน ความหมายเพลงคืนเดือนหงาย/เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า และท่ารำของเพลงคืนเดือนหงาย/เพลงดวงจันทร์ ขวัญฟ้า ตามชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ 7. ในขณะปฏิบัติกิจกรรมหากสงสัยหรือไม่เข้าใจ สามารถขอคำแนะนำจากครูผู้สอนได้ 8. นักเรียนได้รับความรู้เพิ่มเติมจากครูเกี่ยวกับรำ ระบำ ฟ้อน ประวัติความเป็นมารำวง มาตรฐาน ความหมายเพลงคืนเดือนหงาย/เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า 9. นักเรียนปฏิบัติการขับร้องเพลง และฝึกปฏิบัติท่ารำเพลงคืนเดือนหงาย/เพลงดวงจันทร์ ขวัญฟ้า ตามครูทีละวรรคเพลง จนครบตามชุดฝึก 10. นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความสมัครใจกลุ่มละ 8 คน ฝึกปฏิบัติจนเกิดความชำนาญ ในขณะฝึกปฏิบัติกิจกรรมนักเรียนสามารถขอคำแนะนำจากครูผู้สอนได้ 11. หลังจากปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้เสร็จแล้ว ประเมินเป็นรายบุคคลและกลุ่ม ดังนี้ 11.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 1 เรื่อง รำ ระบำ ฟ้อน 11.2 นักเรียนทำใบงานที่ 1 แผนผังความคิด เรื่อง รำ ระบำ ฟ้อน 11.3 นักเรียนทำใบงานที่ 2 การนำเสนอผลงาน แผนผังความคิด เรื่อง รำวงมาตรฐาน 11.4 ประเมินการปฏิบัติการขับร้องเพลงคืนเดือนหงาย 11.5 ประเมินการปฏิบัตินาฏศิลป์เพลงคืนเดือนหงาย 11.6 ประเมินการปฏิบัติการขับร้องเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า 11.7 ประเมินการปฏิบัตินาฏศิลป์เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า 11.8 ประเมินการปฏิบัตินาฏศิลป์เพลงคืนเดือนหงาย และเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า (แสดงผลงานบนเวที)
5 11.9 นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครง การแสดงนาฏศิลป์ไทย จำนวน 10 ข้อ (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) 12. นักเรียนรับทราบคะแนนหลังจากได้ฝึกปฏิบัติกิจกรรม 13. ตรวจสอบและจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ในการเรียนให้เรียบร้อย ข้อเสนอแนะอื่น ๆ - นักเรียนควรใช้เวลาว่างในการฝึกฝนด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ จนเกิดความชำนาญแม่นยำ และสวยงาม - ถ้านักเรียนเรียนไม่ทัน สามารถนำชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ไปศึกษาเพิ่มเติมนอกเวลาเรียนได้
6 แบบทดสอบก่อนเรียน ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย ***************************************************************************** คำชี้แจง 1. จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียวแล้วทำเครื่องหมายกากบาท (×) ลงใน กระดาษคำตอบ 2. ข้อสอบมีทั้งหมด 10 ข้อ (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) 1. การแสดงชุดใดที่มุ่งความงามของท่ารำและเป็นการแสดงที่เน้นลีลาของผู้แสดง ก. เซิ้งสวิง ข. ระบำม้า ค. รำฉุยฉาย ง. ฟ้อนเทียน 2. ศิลปะการแสดงชุดใดที่มาจากประเพณีของภาคเหนือ ก. ฟ้อนเทียน ข. เซิ้งบั้งไฟ ค. ฟ้อนภูไท ง. ระบำย่องหงิด 3. การแสดงชุดใดจัดเป็นการรำคู่ในเชิงศิลปะการต่อสู้ ก. สีนวล ข. รำกระบี่ กระบอง ค. พระลอตามไก่ ง. เต้นกำรำเคียว 4. ข้อใดเป็นการแสดงนาฏศิลป์พื้นเมืองของภาคอีสาน ก. การฟ้อนอวยพร ข. ฟ้อนเล็บ ค. รำกลองยาว ง. ฟ้อนภูไท 5. การแสดงชุดใดที่เป็นการแสดงตามแบบแผนเปลี่ยนแปลงท่ารำไม่ได้ ก. ระบำดาวดึงส์ ข. รำศรีนวล ค. ฟ้อนลาวดวงเดือน ง. รำมฤครำเริง
7 6. ใครเป็นผู้มอบหมายให้กรมศิลปากรปรับปรุงรำโทนใหม่ ก. จอมพล ป.พิบูลสงคราม ข. จอมพลสฤษดิ ธนะรัชต์ ค. จอมพลผิน ชุณหะวัณ ง. อาจารย์มนตรี ตราโมท 7. เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบเพลงรำวงมาตรฐานคือเครื่องดนตรีชนิดใดบ้าง ก. ฉิ่ง ฉาบ โหม่ง ข. ฉิ่ง ฉาบ กลอง ค. ฉิ่ง กรับ โหม่ง ง. ฉิ่ง กรับ โทน 8. เนื้อร้อง “เพลงคืนเดือนหงาย” กล่าวถึงความหมายในข้อใด ก. การมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ ข. ความซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเองและผู้อื่น ค. การปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ง. การผูกมิตรกับผู้อื่น และการที่ประเทศไทยมีเอกราชทำให้ประเทศชาติมีความร่มเย็นเป็นสุข 9. รำวงมาตรฐานมีวิวัฒนาการมาจากอะไร ก. โขน ข. ฟ้อน ค. ระบำ ง. รำโทน 10. เนื้อร้อง “เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า” กล่าวถึงความหมายในข้อใด ก. การเคารพเทิดทูนชาติ และชีวิต ข. การเคารพเทิดทูนครู อาจารย์และที่รัก ค. การเคารพเทิดทูนดวงจันทร์ และชาติ ง. การเทิดทูนชาติ และหญิงอันเป็นสุดที่รัก
8 กระดาษคำตอบ ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย ข้อ ก ข ค ง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ขอให้เด็ก ๆ โชคดีนะ
9 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย **************************************************************************************** ตอนที่ 2 ข้อ คำตอบ 1 ค 2 ก 3 ข 4 ง 5 ก 6 ก 7 ง 8 ง 9 ง 10 ง
10 ระบำแบบดั้งเดิมหรือ ระบำมาตรฐาน รำคู่ รำวงมาตรฐาน รำเดี่ยว รำ ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย ปรับปรุงขึ้นใช้เป็น สื่อการเรียนการสอน ระบำ รำหมู่ ปรับปรุงจาก แบบมาตรฐาน ปรับปรุงตาม เหตุการณ์ต่างๆ ฟ้อน ระบำปรับปรุง ปรับปรุงจาก พื้นบ้าน ฟ้อนแบบเมือง ปรับปรุงจาก ท่าทางของสัตว์ ฟ้อนที่สืบเนื่องมา จาการนับถือผี ผังมโนทัศน์ ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย ฟ้อนแบบม่าน ฟ้อน ในบทละคร เพลง คืนเดือนหงาย ฟ้อนแบบเงี้ยว หรือไทยใหญ่ เพลง ดวงจันทร์ขวัญฟ้า ประวัติความเป็นมา
11 ชุดฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ที่ 3 ครื้นเครงการแสดงนาฏศิลป์ไทย รำ ระบำ ฟ้อน รำ ระบำ ฟ้อน เป็นการแสดงนาฏศิลป์ไทยอันมีลีลาอ่อนช้อยงดงามตามลักษณะประณีตศิลป์ การแสดงรำ ระบำ ฟ้อนเป็นพื้นฐานสำคัญส่วนหนึ่งที่ควรแก่การอนุรักษ์ รำ รำ ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2546 : 955) กล่าวว่า รำ เป็นคำกิริยา หมายถึง แสดงท่าเคลื่อนไหว โดยมีลีลาและแบบท่าเข้ากับจังหวะเพลงร้องหรือเพลงดนตรี อาภรณ์ มนตรีศาสตร์ และจาตุรงค์ มนตรีศาสตร์ (2517 : 74) ได้กล่าวถึงคำว่า รำ ไว้ใน หนังสือวิชานาฏศิลป์ ว่า รำ หมายถึง ศิลปะแห่งการรำเดี่ยว รำคู่ จะประกอบรำอาวุธ รำทำบท หรือ รำใช้บทที่หนักไปทางเต้นก็มี เช่น รำโคม รำในความหมายต่อมาคือ รำละคร สุมิตร เทพวงษ์ ( 2548 : 96) สรุปความหมายของคำว่า รำ คือ การแสดงลีลาการเคลื่อนไหว ของผู้แสดงประกอบเพลงที่มีทำนองหรือบทร้อง อาจเป็นการรำเดี่ยวรำคู่ก็ได้ขึ้นอยู่กับที่มาของการแสดง ความสวยงาม และมุ่งตลอดจนความสามารถเฉพาะตัวของผู้แสดง ดังนั้น กล่าวได้ว่า รำเป็นกริยา ลีลา ท่าทาง การเคลื่อนไหว ของมนุษย์ อย่างมีจังหวะลีลา เข้ากับเสียงเพลงหรือดนตรีในลักษณะอ่อนช้อยงดงาม โดยสามารถสื่อความหมายได้ (จินตนา สายทองคำ, 2558 : 44) ประเภทของการรำ 1. รำเดี่ยว 2. รำคู่ 3. การรำหมู่ 1. รำเดี่ยว คือ การรำที่มีผู้แสดงรำเพียงคนเดียว จุดมุ่งหมายของการรำเดี่ยว คือ 1) ต้องการอวดฝีมือการร่ายรำ 2) ต้องการศิลปะการร่ายรำ 3) ต้องการสลับฉากเพื่อรอการจัดฉาก หรือตัวละครแต่งกายยังไม่เสร็จเรียบร้อย 4) ต้องการให้มีชุดเบิกโรง (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 2-3)
12 การรำเดี่ยว ได้แก่ รำฉุยฉายต่าง ๆ อาทิ รำฉุยฉายพราหมณ์ รำฉุยฉายเบญกาย รำฉุยฉายวันทอง ฉุยฉายอินทรชิต รำมโนห์ราบูชายัญ รำพลายชุมพล เป็นต้น (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 3) ภาพที่ 1 รำฉุยฉายพราหมณ์ ที่มา : กฤติยา ชูสงค์ (2561) ภาพที่ 2 รำมโนห์ราบูชายัญ ที่มา : รำเดี่ยว จุฬา 62 (2562)
13 2. รำคู่ คือ การรำที่มีผู้แสดง 2 คน นิยมใช้เบิกโรง เช่น รำแม่บท รำกิ่งไม้เงินทอง รำปะเลง รำอวยพร แบ่งตามเนื้อหา หรือลักษณะการรำมี 2 ประเภท คือ 2.1 การรำคู่ในเชิงศิลปะการต่อสู้ ได้แก่ กระบี่ กระบอง ดาบสองมือ โล่ ดาบ เขน ดั้ง ทวน และรำกริช เป็นการรำไม่มีบทร้องใช้สลับฉากในการแสดง (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 3) ภาพที่ 3 รำดาบสองมือ ที่มา : ณปภพ ประมวญ (2554) 2.2 การรำคู่ในชุดสวยงาม มักได้รับความนิยมจากคนดูมากกว่าชุดอื่น ๆ ทั้งนี้ เพราะท่ารำในการรำจะต้องประดิษฐ์ให้สวยงาม ทั้งท่ารำที่มีคำร้องตลอดชุดหรือมีบางช่วงเพื่ออวดลีลา ท่ารำมีบทร้องและใช้ท่าทางแสดงความหมายในตอนนั้น ๆ เช่น หนุมานจับสุพรรณมัจฉา พระรามตามกวาง หนุมานจับนางเบญจกาย พระลอตามไก่ รามสูร-เมขลา รจนาเสี่ยงพวงมาลัย ทุษยันต์ตามกวาง รำแม่บท รำประเลง รำดอกไม้เงินทอง รถเสนจับม้า (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 3) ภาพที่ 4 รำดอกไม้เงินทอง ที่มา : สำนักข่าวอิสรา (2560)
14 3. การรำหมู่ โดยปกติในด้านการแสดงมากกว่า 2 คนนั้น เรียกว่า รำหมู่ โดยนับเอา ลักษณะของจำนวนคน ส่วนระบำนั้นเป็นส่วนของการรำหมู่ ชื่อของการแสดงรำหมู่ เช่น รำโคม ญวนรำกระถาง รำพัด รำวง ทั้งเป็นมาตรฐาน และทั่ว ๆ ไป นอกจากนั้นก็มีการแสดงพื้นเมืองของชาวบ้านก็ถือว่าเป็นการรำหมู่ได้เช่นกัน เช่น เต้นกำรำเคียว รำกลองยาว ซึ่งต้องใช้ผู้แสดงทั้งหญิงและชายเป็นจำนวนมาก เราเรียกการรำ ชนิดนี้ว่า รำหมู่ (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 3-4) ภาพที่ 5 ญวนรำกระถาง ที่มา : นาฏศิลป์สัมพันธ์ (2555) ภาพที่ 6 รำวงมาตรฐาน ที่มา : สุนิตา โตเพ็ชร (2561)
15 ระบำ ความหมายของคำว่า “ระบำ” คำว่า ระบำ มีผู้ให้ความหมายต่าง ๆ กันดังนี้ ระบำ คือ ฟ้อนรำเป็นชุดกัน ระบำ คือ การแสดงที่ใช้คนเป็นจำนวนมากกว่า 2 คน ขึ้นไป มีทั้งเนื้อร้องและไม่มีเนื้อร้อง ใช้เพียงดนตรีประกอบการร่ายรำ ระบำ คือ การรำที่มีจำนวนคนมากกว่า 2 คนขึ้นไป จัดเป็นแถวในลักษณะต่าง ๆ อย่างมีระเบียบและสวยงาม ลีลาการร่ายรำและสลับระหว่างแถวงดงามชดช้อย ผู้รำแต่งกายงดงาม มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงความงดงามของศิลปะการรำ ไม่มีการดำเนินเรื่อง (สุมิตร เทพวงษ์, 2548 : 116) ระบำ คือ ศิลปะการร่ายรำที่แสดงพร้อมกันเป็นหมู่เป็นชุด ไม่ดำเนินเรื่องราว ท่าทาง ที่กรีดกรายร่ายรำบางอย่าง อาจไม่มีความหมายอะไรนอกจากความสวยงาม แต่บางครั้งก็มีความหมาย ตามท่าทีและบทร้อง (สุมิตร เทพวงษ์, 2548 : 116) ระบำ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2546 : 945) ให้ความหมายว่า หมายถึง การแสดงที่ใช้ท่าการฟ้อนรำไม่เป็นเรื่องราว มุ่งความสวยงามหรือความบันเทิง จะแสดงคนเดียว หรือหลายคนก็ได้ เรณู โกศินานนท์ และคณะ (2525 : 86) ได้กล่าวถึงความหมายของระบำไว้ในหนังสือ ดนตรีศึกษาว่า ระบำ หมายถึง การแสดงที่ใช้คนเป็นจำนวนมากกว่า 2 คนขึ้นไป มีทั้งเนื้อร้อง และไม่มีเนื้อร้อง ใช้เพียงดนตรีประกอบการรำร่าย จาตุรงค์ มนตรีศาสตร์ (2523 : 74) ได้กล่าวไว้ในหนังสือนาฏศิลป์ศึกษาว่า ระบำ หมายถึง ศิลปะของการร่ายรำทีแสดงพร้อมกันเป็นหมู่เป็นชุดกัน ไม่ดำเนินเรื่องราวท่าทางที่กรีดกรายร่ายรำ บางอย่างอาจไม่มีความหมายอะไรนอกจากความสวยงาม แต่บางครั้งก็มีความหมายตามท่าทีและบทร้อง สุรพล วิรุฬห์รักษ์ (2543 : 11) กล่าวว่า ระบำมักหมายถึงคนหมู่หนึ่งตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ทำท่าเหมือนๆ กันบ้าง แตกต่างกันบ้าง ในการแสดงชุดหนึ่งๆ และอาจมีการแปรแถวหรือตั้งซุ้ม เป็นรูปต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ กล่าวได้ว่า ระบำ คือ การฟ้อนรำเพียงเพื่อความงดงามของศิลปะการร่ายรำและความรื่นเริง บันเทิงใจไม่มีการดำเนินเรื่อง (จินตนา สายทองคำ, 2558 : 45) สรุปได้ว่า ระบำ คือ ศิลปะแห่งการรำ ที่ใช้ผู้แสดงตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป หรือจนถึงแสดง เป็นหมู่ใหญ่ ใช้เพลงบรรเลงประกอบการแสดงทั้งที่มีเนื้อร้อง หรือเพลงที่มีแต่ทำนองและจังหวะ ไม่ดำเนินเป็นเรื่องราว มุ่งความสวยงามในเรื่องการรำที่พร้อมเพรียง การแต่งกาย การแปรแถว ประกอบกันเป็นหลักในการแสดง (สุมิตร เทพวงษ์, 2548 : 117)
16 ประเภทของระบำ จำแนกออกได้เป็น 1. ระบำแบบดั้งเดิมหรือระบำมาตรฐาน 2. ระบำปรับปรุง หรือระบำเบ็ดเตล็ด 1. ระบำแบบดั้งเดิมหรือระบำมาตรฐาน ได้แก่ ระบำที่ฝึกหัดกันเพื่อให้เป็นแบบ มาตรฐานที่มีมาแต่ครั้งโบราณ เช่น ระบำสี่บท หรือบางครั้งเรียกว่า "ระบำใหญ่" ต่อมามีผู้ประดิษฐ์ ระบำ ซึ่งเลียนแบบระบำสี่บทขึ้นอีกหลายชุด และถือว่าเป็นระบำมาตรฐานที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เช่น ระบำย่องหงิด ระบำดาวดึงส์ ระบำกฤดาภินิหาร ฯลฯ การแต่งกายประเภทระบำมาตรฐาน ส่วนใหญ่ จะแต่งกายในลักษณะที่เรียกว่า "ยืนเครื่อง" (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 1) ภาพที่ 7 ระบำย่องหงิด ที่มา : พชรพร บุญมี (2561) ภาพที่ 8 ระบำดาวดึงส์ ที่มา : อัษฎา จรัญชล (2552)
17 2. ระบำปรับปรุง หรือระบำเบ็ดเตล็ด หมายถึง ระบำที่ได้ปรับปรุงขึ้นใหม่ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมต่อการนำไปใช้ในโอกาสต่าง ๆ แยกได้เป็น 2.1 ปรับปรุงจากแบบมาตรฐาน หมายถึง ระบำที่คิดประดิษฐ์ขึ้นโดยยึดแบบ และลีลา ตลอดจนความสวยงามในด้านระบำไว้ ท่าทางลีลาที่สำคัญยังคงไว้อาจมีการเปลี่ยนแปลง บางสิ่งบางอย่างเพื่อให้งามขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงเพื่อความเหมาะสมกับสถานที่ที่นำไปแสดง เช่น ในการจัดรูปแบบการนำเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูงเข้าไปสอดแทรก เป็นต้น (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 2) ภาพที่ 9 ระบำอู่ทอง ที่มา : เกศสุริยง (2552) 2.2 ปรับปรุงจากพื้นบ้าน หมายถึง ระบำที่คิดประดิษฐ์สร้างสรรค์ขึ้นจากแนวทาง ความเป็นอยู่ของคนพื้นบ้าน การทำมาหากิน ขนบธรรมเนียมประเพณีในแต่ละท้องถิ่นมาแสดงออก ในรูประบำ เพื่อเป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่นของตน เช่น เซิ้งบั้งไฟ เต้นกำรำเคียว ระบำงอบ ระบำกะลา รองเง็ง ฯลฯ (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 2) https://1.bp.blogspot.com/- s1600/20dec2013-002.jpg ภาพที่ 10 ตารีกีปัส ที่มา : นาฏศิลป์สัมพันธ์ (2553)
18 2.3 ปรับปรุงจากท่าทางของสัตว์ หมายถึงระบำที่คิดประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ตามลักษณะ ลีลาท่าทางของสัตว์ชนิดต่าง ๆ บางครั้งอาจนำมาใช้ประกอบการแสดงโขน ละคร บางครั้งก็นำมาใช้ เป็นการแสดงเบ็ดเตล็ด เช่น ระบำนกยูง ระบำนกเขา ระบำมฤคระเริง ระบำบันเทิงกาสร เป็นต้น (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 2) ภาพที่ 11 ระบำนกเขามะราปี ที่มา : ครูเจี๊ยบ CF (2559) 2.4 ปรับปรุงตามเหตุการณ์ต่าง ๆ หมายถึง ระบำที่คิดประดิษฐ์ขึ้นใช้ตามโอกาส ที่เหมาะสม เช่น ระบำพระประทีป ระบำโคมไฟ ประดิษฐ์ขึ้นใช้แสดงในวันนักขัตฤกษ์ เป็นต้น (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 2) ภาพที่ 12 ระบำพระประทีป ที่มา : นาฏศิลป์สัมพันธ์ (2560)
19 2.5 ปรับปรุงขึ้นใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน ระบำประเภทนี้เป็นระบำประดิษฐ์ และสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อเป็นแนวทางสื่อนำสู่บทเรียนเหมาะสำหรับเด็ก ๆ เป็นระบำง่าย ๆ เพื่อเร้าความสนใจประกอบบทเรียนต่าง ๆ เช่น ระบำสูตรคูณ ระบำวรรณยุกต์ ระบำเลขไทย ฯลฯ (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 2) ภาพที่ 13 ระบำอักษรไทย ที่มา : ศูนย์วัฒนธรรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (2557) สรุปได้ว่า ระบำปรับปรุง หมายถึง ระบำที่ได้ปรับปรุงขึ้นใหม่นี้ ลักษณะท่ารำ จะไม่ตายตัวจะมีการปรับเปลี่ยนไปตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ ตัวบุคคล ตลอดจนฝีมือ และความสามารถของผู้สอนและตัวนักเรียนเอง (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 1-2) ฟ้อน คำว่า “ฟ้อน” มีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า เต้น ระบำ รำ เซิ้ง ซึ่งเป็นท่วงลีลา แห่งนาฏศิลป์ไทย ความหมายโดยส่วนรวม หมายถึง “ศิลปะการแสดงหรือการประดิษฐ์ประดอย กิริยาท่าทางต่าง ๆ เช่น อาจเป็นการเคลื่อนไหว กาย แขน ขา มือ เท้าให้งดงามมีลีลา พร้อมด้วย มีความรู้สึกเป็นอารมณ์สะเทือนใจ ตามท่วงทำนองดนตรีหรือบทขับร้อง” (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 4) จากการพิจารณาศิลปะการฟ้อนที่ปรากฏในลานนาปัจจุบัน อาจารย์ทรงศักดิ์ ปรางค์วัฒนากุล อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้แบ่งการฟ้อนออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้ (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 5)
20 1. ฟ้อนที่สืบเนื่องมาจาการนับถือผี เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อและพิธีกรรม เป็นการฟ้อน เก่าแก่ที่มีมาช้านาน ได้แก่ ฟ้อนผีมด ผีเม็ง ฟ้อนผีบ้านผีเมือง ฟ้อนผีนางด้ง (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 5) ภาพที่ 14 ฟ้อนผีมด ที่มา : ไทยรัฐฉบับพิมพ์ (2561) 2. ฟ้อนแบบเมือง หมายถึง ศิลปะการฟ้อนที่มีลีลาแสดงลักษณะเป็นแบบฉบับ ของ "คนเมือง" หรือ "ชาวไทยยวน" ได้แก่ ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ฟ้อนเจิง ตบมะผาบ ฟ้อนดาบ ตีกลองสะบัดไชย ฟ้อนสาวไหม (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 5) ภาพที่ 15 ตีกลองสะบัดไชย ที่มา : รัชนีกร เลิฟ (2557)
21 3. ฟ้อนแบบม่าน เป็นการผสมผสานกันระหว่างศิลปะการฟ้อนของพม่า กับของไทยลานนา การฟ้อนแบบนี้เป็นการผสมผสานระหว่างการฟ้อนของพม่ากับของไทยลานนา ได้แก่ ฟ้อนม่านมุ้ยเชียงตา (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 5) ภาพที่ 16 ฟ้อนม่านมุ้ยเชียงตา ที่มา : รัชนีกร เลิฟ (2557) 4. ฟ้อนแบบเงี้ยวหรือแบบไทยใหญ่ หมายถึง การฟ้อน ตลอดจนการแสดงที่รับอิทธิพล หรือมีต้นเค้ามาจากศิลปะการแสดงของชาวไทยใหญ่ ได้แก่ เล่นโต กิ่งกะหร่า (กินนรา) หรือฟ้อนนางนก กำเบ้อคง มองเซิง ฟ้อนไต (ไทยใหญ่) ฟ้อนเงี้ยว (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 5) ภาพที่ 17 ฟ้อนกิ่งกะหร่า ที่มา : ภัชรพล ชูสกุล (2552)
22 5. ฟ้อนที่ปรากฏในบทละคร เป็นการฟ้อนที่มีผู้คิดสร้างสรรค์ขึ้นในการแสดง ละครพันทาง ซึ่งนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้แก่ ฟ้อนน้อยใจยา ฟ้อนลาวแพน ฟ้อนม่านมงคล (สุมิตร เทพวงษ์, 2525 : 6) ภาพที่ 18 ฟ้อนลาวแพน ที่มา : นาฏศิลป์สัมพันธ์ (2553) สรุป นาฏศิลป์ไทยอันได้แก่ รำ ระบำ ฟ้อน เป็นศิลปวัฒนธรรมสำคัญของชาติที่มีการอนุรักษ์ สืบสานและพัฒนามาตามยุคสมัย โดยได้รับอิทธิพลและวัฒนธรรมส่วนใหญ่มาจากอินเดีย มาแต่ โบราณกาล รำ ระบำ ฟ้อน เป็นคำที่ใช้สื่อความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ของไทย โดยรำนั้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ การรำเดี่ยว การรำคู่ และระบำหมู่ ส่วนระบำ คือ การฟ้อนรำ เพื่อความงดงามของศิลปะแห่งการรำ ไม่มีการดำเนินเรื่องเป็นเรื่องราว จำแนกเป็น ระบำมาตรฐานและระบำที่ปรับปรุงขึ้นมาใหม่ สำหรับฟ้อนนั้น หมายถึง ศิลปะการแสดงหรือ การประดิษฐ์ประดอยกิริยาท่าทางต่าง ๆ ของร่างกายให้งดงามมีลีลา มีความรู้สึกเป็นอารมณ์สะเทือนใจ ตามท่วงทำนองดนตรีหรือบทขับร้อง การฟ้อนส่วนใหญ่จะอยู่ในอาณาเขตล้านนา
23 รำวงมาตรฐาน ประวัติความเป็นมารำวงมาตรฐาน รำวงมาตรฐาน เป็นการแสดงที่มีวิวัฒนาการมาจาก “ รำโทน” เป็นการรำและร้องของชาวบ้าน ซึ่งจะมีผู้รำทั้งชาย และหญิง รำกันเป็นคู่ ๆ รอบ ครกตำข้าวที่วางคว่ำไว้ หรือไม่ก็รำกันเป็นวงกลม โดยมีโทนเป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ ลักษณะการรำ และร้องเป็นไปตามความถนัด ไม่มีแบบแผน กำหนดไว้คงเป็นการรำ และร้องง่าย ๆ มุ่งเน้นที่ความสนุกสนานรื่นเริงเป็นสำคัญ เช่น เพลงช่อมาลี เพลงยวนยาเหล เพลงหล่อจริงนะดารา เพลงตามองตา เพลงใกล้เข้าไปอีกนิด ฯลฯ ด้วยเหตุที่การรำ ชนิดนี้ มีโทนเป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะ จึงเรียกการแสดงชุดนี้ว่า “ รำโทน” ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2487 ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของการละเล่นรื่นเริงประจำชาติและเห็นว่าคนไทยนิยมเล่นรำโทน กันอย่างแพร่หลาย ถ้าปรับปรุงการเล่นรำโทนให้เป็นระเบียบทั้งเพลงร้องลีลาท่ารำ และการแต่งกาย จำทำให้การเล่นรำโทนเป็นที่น่านิยมมากยิ่งขึ้น จึงได้มอบหมายให้กรมศิลปากรปรับปรุงรำโทนเสียใหม่ ให้เป็นมาตรฐาน มีการแต่งเนื้อร้อง ทำนองเพลง และนำท่ารำจากแม่บทมากำหนดเป็นท่ารำเฉพาะ แต่ละเพลงอย่างเป็นแบบแผน รำวงมาตรฐาน ประกอบด้วยเพลงทั้งหมด 10 เพลง กรมศิลปากรแต่งเนื้อร้อง จำนวน 4 เพลง คือ เพลงงามแสงเดือน เพลงชาวไทย เพลงรำซิมารำ เพลงคืนเดือนหงาย ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม แต่งเนื้อร้องเพิ่มอีก 6 เพลง คือ เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ เพลงดอกไม้ของชาติ เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า เพลงหญิงไทยใจงาม เพลงบูชานักรบ เพลงยอดชายใจหาญ ส่วนทำนองเพลงทั้ง 10 เพลง กรมศิลปากรและกรมประชาสัมพันธ์เป็นผู้แต่ง จากการสัมภาษณ์นางสุวรรณี ชลานุเคราะห์ ศิลปินแห่งชาติ สาชาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์ไทย) ปีพุทธศักราช 2533 อธิบายว่า “ท่ารำเพลงรำวงมาตรฐานประดิษฐ์ท่ารำโดย นางลมุล ยมะคุปต์ นางมัลลีคงประภัศร์ และนางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการสอน นาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป ส่วนผู้คิดประดิษฐ์จังหวะเท้าของเพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ คือนางจิตรา ทองแถม ณ อยุธยา อาจารย์ใหญ่โรงเรียนสังคีตศิลป์ (ปัจจุบัน คือ วิทยาลัยนาฏศิลป์) ปี พ.ศ. 2485–2486 เมื่อปรับปรุงแบบแผนการเล่นรำโทนให้มีมาตรฐานและมีความเหมาะสม จึงมีการเปลี่ยนแปลงชื่อจาก รำโทนเป็น “รำวงมาตรฐาน” อันมีลักษณะการแสดงที่เป็นการรำร่วมกันระหว่างชาย-หญิง เป็นคู่ ๆ เคลื่อนย้าย เวียนไปเป็นวงกลม มีเพลงร้องที่แต่งทำนองขึ้นใหม่ มีการใช้ทั้งวงปี่พาทย์บรรเลงเพลงประกอบและบางเพลงก็ใช้ วงดนตรีสากลบรรเลงเพลงประกอบ ซึ่งเพลงร้องที่แต่งขึ้นใหม่ทั้ง 10 เพลง มีท่ารำที่กำหนดไว้เป็นแบบแผน คือ - เพลงงามแสงเดือน ท่าสอดสร้อยมาลา - เพลงชาวไทย ท่าชักแป้งผัดหน้า - เพลงรำมาซิมารำ ท่ารำส่าย - เพลงคืนเดือนหงาย ท่าสอดสร้อยมาลาแปลง
24 - เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ ท่าแขกเต้าเข้ารัง และท่าผาลาเพียงไหล่ - เพลงดอกไม้ของชาติ ท่ารำยั่ว - เพลงหญิงไทยใจงาม ท่าพรหมสี่หน้า และท่ายูง ฟ้อนหาง - เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า ท่าช้างประสานงา และท่าจันทร์ทรงกลดแปลง - เพลงยอดชายใจหาญ หญิงท่าชะนีร่ายไม้ ชายท่าจ่อเพลิงกัลป์ - เพลงบูชานักรบ หญิงท่าขัดจางนาง และท่าล่อแก้ว ชายท่าจันทร์ทรงกลดต่ำ และท่าขอแก้ว รำวงมาตรฐานนิยมเล่นในงานรื่นเริงบันเทิงต่าง ๆ และยังนิยมนำมาใช้เล่นแทนการเต้นรำ สำหรับเครื่องแต่งกายก็มีการกำหนดการแต่งกายของผู้แสดง ให้มีระเบียบด้วยการใช้ชุดไทยและชุดสากลนิยม โดยแต่งเป็นคู่ รับกันทั้งชายและหญิง อาทิ ผู้ชายนุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อคอกลม มีผ้าคาดเอว ผู้หญิงนุ่งโจงกระเบน ห่มสไบอัดจีบ ผู้ชายนุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อราชประแตน ผู้หญิงแต่งชุดไทย แบบรัชกาล ที่ 5 ผู้ชายแต่งสูท ผู้หญิงแต่งชุดไทยเรือนต้น หรือไทยจักรี รำวงมาตรฐาน เป็นการรำที่ได้รับความนิยมสืบมาจนถึงปัจจุบัน มักนิยมนำมาใช้หลังจาก จบการแสดงหรือจบงานบันเทิงต่าง ๆ เพื่อเชิญชวนผู้ร่วมงานออกมารำวงร่วมกัน เป็นการแสดง ความสามัคคีกลมเกลียว อีกทั้ง ยังเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติในการออกมารำวงเพื่อความสนุกสนาน การแสดงรำวงมาตรฐานมีผู้แสดงครั้งแรกดังนี้ นายอาคม สายาคม นางสุวรรณี ชลานุเคราะห์ นายจำนง พรพิสุทธิ์ นางศิริวัฒน์ ดิษยนันทน์ นายธีรยุทธ ยวงศรี นางสาวสุนันทา บุณยเกตุ (กรมศิลปากร, 2550 : 136-137) รูปแบบ และลักษณะการแสดง รำวงมาตรฐาน เป็นการรำหมู่ประกอบด้วยผู้แสดง 8 คน ท่ารำประดิษฐ์ขึ้นจากท่ารำมาตรฐาน ในเพลงแม่บท ความสวยงามของการรำอยู่ที่กระบวนท่ารำที่มีลักษณะเฉพาะในแต่ละเพลง และเครื่องแต่งกายไทยสมัยต่าง ๆ รวมทั้งรูปแบบการแสดงในลักษณะการแปรแถวเป็นวงกลม ดังนี้ สัญลักษณ์แถวรูปวงกลม
25 การรำแบ่งเป็นขั้นตอนต่าง ๆ ได้ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ผู้แสดงชายและหญิง เดินออกมาเป็นแถวตรงสองแถวหันหน้าเข้าหากัน ต่างฝ่าย ทำความเคารพด้วยการไหว้ ขั้นตอนที่ 2 รำแปรแถวเป็นวงกลมตามทำนองเพลง และรำตามบทร้องรวม 10 เพลง โดยเปลี่ยนท่ารำ ไปตามเพลงต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่เพลงงามแสงเดือน เพลงชาวไทย เพลงรำซิมารำ เพลงคืนเดือนหงาย เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ เพลงดอกไม้ของชาติ เพลงหญิงไทยใจงาม เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า เพลงยอดชายใจหาญและเพลงบูชานักรบ ขั้นตอนที่ 3 เมื่อรำจบบทร้องในเพลงที่ 10 ผู้แสดงรำเข้าเวที ทีละคู่ตามทำนองเพลงจนจบ (กรมศิลปากร, 2550 : 138) เครื่องดนตรีที่ใช้ในการแสดง เครื่องดนตรีที่ใช้ในการแสดงเดิมใช้ รำโทน หรือ รำวง นั้น แต่เดิมมีเครื่องดนตรี ประกอบการรำ คือ โทน ฉิ่ง ฉาบ กรับ ต่อมาเมื่อมีการพัฒนารำโทนขึ้นจนเป็นรำวงมาตรฐาน จนถึงปัจจุบัน จึงได้เพิ่มเครื่องดนตรีประกอบเป็นวงดนตรีไทยหรือวงดนตรีสากล บรรเลงประกอบ รำวงมาตรฐาน เครื่องดนตรีแบบเดิม กรับ โทน ฉิ่ง ภาพที่ 19 เครื่องดนตรีไทย ที่มา : ครูชัย (2558)
26 ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาจากการรำโทนเป็นรำวงมาตรฐานจึงใช้วงปี่พาทย์ไม้นวม หรือวงดนตรี สากลแทน จนถึงปัจจุบัน 1. วงปี่พาทย์ไม้นวม ภาพที่ 20 วงปี่พาทย์ไม้นวม ที่มา : โคธาวรีโคธาวรี(2561) 2. วงดนตรีสากล ภาพที่ 21 วงดนตรีสากล ที่มา : พิษณุโลกฮอตนิวส์ (2560)
27 เครื่องแต่งกาย เครื่องแต่งกายของรำวงมาตรฐาน นิยมแต่งกาย 4 แบบ แต่ให้เป็นคู่กันทั้งหญิง-ชาย ดังนี้ แบบที่ 1 แบบชาวบ้าน ชาย : นุ่งผ้าโจงกระเบน สวมเสื้อคอพวงมาลัย เอวคาดผ้าห้อยชายด้านหน้า หญิง : นุ่งโจงกระเบน ห่มผ้าสไบอัดจีบ ปล่อยผม ประดับดอกไม้ที่ผมด้านซ้าย คาดเข็มขัด สวมเครื่องประดับ (กรมศิลปากร, 2550 : 138) ภาพที่ 22 การแต่งกายแบบชาวบ้าน (ด้านหน้า) ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) ภาพที่ 23 การแต่งกายแบบชาวบ้าน (ด้านหลัง) ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560)
28 แบบที่ 2 แบบรัชกาลที่ 5 ชาย : นุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อราชประแตน สวมถุงเท้า รองเท้า หญิง : นุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อลูกไม้สไบพาดบ่าผูกเป็นโบว์ ทิ้งชายไว้ข้างลำตัวด้านซ้าย สวมเครื่องประดับมุก (กรมศิลปากร, 2550 : 138) ภาพที่ 24 การแต่งกายแบบรัชกาลที่ 5 (ด้านหน้า) ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) ภาพที่ 25 การแต่งกายแบบรัชกาลที่ 5 (ด้านหลัง) ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560)
29 แบบที่ 3 แบบสากลนิยม ชาย : นุ่งกางเกง สวมสูท ผูกเนคไท หญิง : นุ่งกระโปรงป้ายข้าง ยาวกรอมเท้า สวมเสื้อคอตั้ง แขนกระบอก (กรมศิลปากร, 2550 : 138) ภาพที่ 26 การแต่งกายแบบสากลนิยม (ด้านหน้า) ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) ภาพที่ 27 การแต่งกายแบบสากลนิยม (ด้านหลัง) ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560)
30 แบบที่ 4 แบบราตรีสโมสร ชาย : นุ่งกางเกง สวมเสื้อคอพระราชทาน ผ้าคาดเอวห้อยชายด้านหน้าและสวมรองเท้า หญิง : นุ่งกระโปรงยาวจีบหน้านาง ใส่เสื้อจับเดรป ชายผ้าห้อยจากบ่าลงไปทางด้านหลัง เปิดไหล่ขวา ศีรษะทำผมเกล้าเป็นมวยสูง สวมเกี้ยวและเครื่องประดับ (กรมศิลปากร, 2550 : 139) ภาพที่ 28 การแต่งกายแบบราตรีสโมสร (ด้านหน้า) ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) ภาพที่ 29 การแต่งกายแบบราตรีสโมสร (ด้านหลัง) ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560)
31 ผู้แสดง นิยมใช้ผู้ชายและผู้หญิงแสดงจริงและจับคู่กัน จำนวนคู่เท่าไหร่ไม่จำกัด (สุมิตร เทพวงษ์, 2548 : 107) การแสดง 1. แสดงเป็นแบบรำหมู่ ผู้ชาย ผู้หญิง หลายคู่แล้วแต่สถานที่ 2. มีความพร้อมเพรียงกันในเวลาแสดง ระยะระหว่างคู่ไม่ให้ห่างหรือชิดเกินไป ระวังอย่าให้วงเบี้ยวหรือวงขาด 3. ก่อนเริ่มรำ ผู้หญิง ผู้ชายจะทำความเคารพกัน โดยการยกมือไหว้ แต่บางครั้ง ถ้ารำออกมาเป็นคู่ ๆ ก็ไม่ต้องแสดงความเคารพกัน ขึ้นอยู่กับโอกาสที่แสดง 4. การรำแต่ละเพลงจะรำไปตามท่าทางรูปแบบของนาฏศิลป์ไทย ที่ได้กำหนดท่ารำลงไป ในเพลงแต่ละเพลง (สุมิตร เทพวงษ์, 2548 : 108) โอกาสที่ใช้ในการแสดง เผยแพร่ให้ประชาชนชมและแสดงในงานรื่นเริงต่าง ๆ (กรมศิลปากร, 2550 : 143) เพลงคืนเดือนหงาย เนื้อเพลงคืนเดือนหงาย ยามกลางคืนเดือนหงาย เย็นพระพายโบกพริ้วปลิวมา เย็นอะไรก็ไม่เย็นจิต เท่าเย็นผูกมิตรไม่เบื่อระอา เย็นร่มธงไทยปกไปทั่วหล้า เย็นยิ่งน้ำฟ้ามาประพรมเอย (กรมศิลปากร, 2550 : 141) ความหมายเพลง : เวลากลางคืน เป็นคืนเดือนหงาย มีลมพัดมาเย็นสบายใจ แต่ก็ยังไม่สบายใจเท่ากับการที่ได้ผูกมิตรกับผู้อื่น และที่ร่มเย็นไปทั่ว ทุกแห่งยิ่งกว่าน้ำฝนที่โปรยลงมา ก็คือการที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นเอกราช มีธงชาติไทยเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ร่มเย็นทั่วไป
32 รำวงมาตรฐาน เพลงคืนเดือนหงาย “ท่าสอดสร้อยมาลา” แปลง (กรมศิลปากร, 2550 : 223) ภาพที่ 30 ท่ารำ คำร้อง “ยามกลางคืนเดือนหงาย” ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) อธิบายท่ารำ หญิง (หญิงอยู่ด้านหน้าชาย หันหน้าออกนอกวง) มือ : มือขวาตั้งวงบนระดับหางคิ้ว มือซ้ายจีบหงายระดับชายพก ศีรษะ : เอียงซ้าย ลำตัว : กดไหล่ซ้าย เท้า : เริ่มก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ยาม”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “กลางคืน”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “เดือน”) ยกเท้าขวาวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “หงาย”) เท้าซ้ายอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าซ้าย ชาย (ชายซ้อนอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าออกนอกวง) มือ : มือขวาตั้งวงบนระดับแง่ศีรษะ มือซ้ายจีบหงายระดับชายพก ศีรษะ : เอียงซ้าย ลำตัว : กดไหล่ซ้าย เท้า : เริ่มก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ยาม”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “กลางคืน”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “เดือน”) ยกเท้าขวาวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “หงาย”) เท้าซ้ายอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าซ้าย (พิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ และสุรัตน์ จงดา, 2563 : สัมภาษณ์)
33 รำวงมาตรฐาน เพลงคืนเดือนหงาย “ท่าสอดสร้อยมาลา” แปลง (กรมศิลปากร, 2550 : 223) ภาพที่ 31 ท่ารำ คำร้อง “เย็นพระพายโบกพริ้วปลิวมา” ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) อธิบายท่ารำ หญิง (หญิงอยู่ด้านหน้าชาย หันหน้าเข้าในวง) มือ : มือซ้ายตั้งวงบนระดับหางคิ้ว มือขวาจีบหงายระดับชายพก ศีรษะ : เอียงขวา ลำตัว : กดไหล่ขวา เท้า : ยกเท้าขวาวางหลัง (คำว่า “เย็น”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า ”พระพาย”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “โบกพริ้ว”) ยกเท้าซ้ายวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “ปลิวมา”) เท้าขวาอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าขวา ชาย (ชายซ้อนอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าเข้าในวง) มือ : มือซ้ายตั้งวงบนระดับแง่ศีรษะ มือขวาจีบหงายระดับชายพก ศีรษะ : เอียงขวา ลำตัว : กดไหล่ขวา เท้า : ยกเท้าขวาวางหลัง (คำว่า “เย็น”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า”พระพาย”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “โบกพริ้ว”) ยกเท้าซ้ายวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “ปลิวมา”) เท้าขวาอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าขวา (พิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ และสุรัตน์ จงดา, 2563 : สัมภาษณ์)
34 รำวงมาตรฐาน เพลงคืนเดือนหงาย “ท่าสอดสร้อยมาลา” แปลง (กรมศิลปากร, 2550 : 223) ภาพที่ 32 ท่ารำ คำร้อง “เย็นอะไรก็ไม่เย็นจิต” ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) อธิบายท่ารำ หญิง (หญิงอยู่ด้านหน้าชาย หันหน้าออกนอกวง) มือ : มือขวาตั้งวงบนระดับหางคิ้ว มือซ้ายจีบหงายระดับชายพก ศีรษะ : เอียงซ้าย ลำตัว : กดไหล่ซ้าย เท้า : ยกเท้าซ้ายวางหลัง (คำว่า “เย็น”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “อะไร”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ก็ไม่”) ยกเท้าขวาวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “เย็นจิต”) เท้าซ้ายอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าซ้าย ชาย (ชายซ้อนอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าออกนอกวง) มือ : มือขวาตั้งวงบนระดับแง่ศีรษะ มือซ้ายจีบหงายระดับชายพก ศีรษะ : เอียงซ้าย ลำตัว : กดไหล่ซ้าย เท้า : ยกเท้าซ้ายวางหลัง (คำว่า “เย็น”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “อะไร”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ก็ไม่”) ยกเท้าขวาวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “เย็นจิต”) เท้าซ้ายอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าซ้าย (พิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ และสุรัตน์ จงดา, 2563 : สัมภาษณ์)
35 รำวงมาตรฐาน เพลงคืนเดือนหงาย “ท่าสอดสร้อยมาลา” แปลง (กรมศิลปากร, 2550 : 223) ภาพที่ 33 ท่ารำ คำร้อง “เท่าเย็นผูกมิตรไม่เบื่อระอา” ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) อธิบายท่ารำ หญิง (หญิงอยู่ด้านหน้าชาย หันหน้าเข้าในวง) มือ : มือซ้ายตั้งวงบนระดับหางคิ้ว มือขวาจีบหงายระดับชายพก ศีรษะ : เอียงขวา ลำตัว : กดไหล่ขวา เท้า : ยกเท้าขวาวางหลัง (คำว่า “เท่าเย็น”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า ”ผูกมิตร”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “ไม่เบื่อ”) ยกเท้าซ้ายวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “ระอา”) เท้าขวาอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าขวา ชาย (ชายซ้อนอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าเข้าในวง) มือ : มือซ้ายตั้งวงบนระดับหางคิ้ว มือขวาจีบหงายระดับชายพก ศีรษะ : เอียงขวา ลำตัว : กดไหล่ขวา เท้า : ยกเท้าขวาวางหลัง (คำว่า “เท่าเย็น”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า ”ผูกมิตร”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “ไม่เบื่อ”) ยกเท้าซ้ายวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “ระอา”) เท้าขวาอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าขวา (พิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ และสุรัตน์ จงดา, 2563 : สัมภาษณ์)
36 รำวงมาตรฐาน เพลงคืนเดือนหงาย “ท่าสอดสร้อยมาลา” แปลง (กรมศิลปากร, 2550 : 223) ภาพที่ 34 ท่ารำ คำร้อง “เย็นร่มธงไทยปกไปทั่วหล้า” ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) อธิบายท่ารำ หญิง (หญิงอยู่ด้านหน้าชาย หันหน้าออกนอกวง) มือ : มือขวาตั้งวงบนระดับหางคิ้ว มือซ้ายจีบหงายระดับชายพก ศีรษะ : เอียงซ้าย ลำตัว : กดไหล่ซ้าย เท้า : ยกเท้าซ้ายวางหลัง (คำว่า “เย็นร่ม”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “ธงไทย”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ปกไป”) ยกเท้าขวาวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “ทั่วหล้า”) เท้าซ้ายอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าซ้าย ชาย (ชายซ้อนอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าออกนอกวง) มือ : มือขวาตั้งวงบนระดับแง่ศีรษะ มือซ้ายจีบหงายระดับชายพก ศีรษะ : เอียงซ้าย ลำตัว : กดไหล่ซ้าย เท้า : ยกเท้าซ้ายวางหลัง (คำว่า “เย็นร่ม”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “ธงไทย”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ปกไป”) ยกเท้าขวาวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า(คำว่า “ทั่วหล้า”) เท้าซ้ายอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าซ้าย (พิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ และสุรัตน์ จงดา, 2563 : สัมภาษณ์)
37 รำวงมาตรฐาน เพลงคืนเดือนหงาย “ท่าสอดสร้อยมาลา” แปลง (กรมศิลปากร, 2550 : 223) ภาพที่ 35 ท่ารำ คำร้อง “เย็นยิ่งน้ำฟ้ามาประพรมเอย” ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) หญิง (หญิงอยู่ด้านหน้าชาย หันหน้าเข้าในวง) มือ : มือซ้ายตั้งวงบนระดับหางคิ้ว มือขวาจีบหงายระดับชายพก ศีรษะ : เอียงขวา ลำตัว : กดไหล่ขวา เท้า : ยกเท้าขวาวางหลัง (คำว่า “เย็นยิ่ง”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า ”น้ำฟ้า”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “มาประ”) ยกเท้าซ้ายวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “พรมเอย”) เท้าขวาอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าขวา ชาย (ชายซ้อนอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าเข้าในวง) มือ : มือซ้ายตั้งวงบนระดับหางคิ้ว มือขวาจีบหงายระดับชายพก ศีรษะ : เอียงขวา ลำตัว : กดไหล่ขวา เท้า : ยกเท้าขวาวางหลัง (คำว่า “เย็นยิ่ง”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า ”น้ำฟ้า”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “มาประ”) ยกเท้าซ้ายวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “พรมเอย”) เท้าขวาอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าขวา (พิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ และสุรัตน์ จงดา, 2563 : สัมภาษณ์)
38 เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า เนื้อเพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า ดวงจันทร์ขวัญฟ้า ชื่นชีวาขวัญพี่ จันทร์ประจำราตรี แต่ขวัญพี่ประจำใจ ที่เทิดทูนคือชาติ เอกราชอธิปไตย ถนอมแนบสนิทใน คือขวัญใจพี่เอย (กรมศิลปากร, 2550 : 142) ความหมายเพลง : ในเวลาค่ำคืนท้องฟ้ามีดวงจันทร์ประจำอยู่ในใจของชาย ก็มีหญิง อันเป็นสุดที่รักประจำอยู่เช่นกัน สิ่งที่เทิดทูนยกย่องไว้ก็คือชาติไทยที่เป็นเอกราช มีอิสระแก่ตน ไม่ขึ้นกับใครและสิ่งที่แนบสนิทอยู่ในใจของชายก็คือหญิงอันเป็นสุดที่รัก
39 รำวงมาตรฐาน เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า “ท่าช้างประสานงา” (กรมศิลปากร, 2550 : 226) ภาพที่ 36 ท่ารำ คำร้อง “ดวงจันทร์ขวัญฟ้า” ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) อธิบายท่ารำ หญิง (หญิงอยู่ด้านหน้าชาย หันหน้าออกนอกวง) มือ : มือทั้งสองจีบหงายระดับอก แขนเหยียดตึงไปด้านหน้า ให้ลำแขนขนานกัน มือจีบเข้าหาลำแขน ศีรษะ : เอียงซ้าย ลำตัว : กดไหล่ซ้าย เท้า : เริ่มก้าวเท้าขวา (คำว่า “ดวงจันทร์”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ขวัญ”) ยกเท้าขวาวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “ฟ้า”) เท้าซ้ายอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าซ้าย ชาย (ชายซ้อนอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าออกนอกวง) มือ : มือทั้งสองจีบหงายระดับอก แขนเหยียดตึงไปข้างหน้า ให้ลำแขนขนานกัน มือจีบเข้าหาลำแขน ศีรษะ : เอียงซ้าย ลำตัว : กดไหล่ซ้าย เท้า : เริ่มก้าวเท้าขวา (คำว่า “ดวงจันทร์”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ขวัญ”) ยกเท้าขวาวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “ฟ้า”) เท้าซ้ายอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าซ้าย (พิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ และสุรัตน์ จงดา, 2563 : สัมภาษณ์)
40 รำวงมาตรฐาน เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า “ท่าจันทร์ทรงกลด” แปลง (กรมศิลปากร, 2550 : 226) ภาพที่ 37 ท่ารำ คำร้อง “ชื่นชีวาขวัญพี่” ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) อธิบายท่ารำ หญิง (หญิงอยู่ด้านหน้า ชายโอบอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าเข้าในวง) มือ : มือทั้งสองจีบหงายระดับอก แขนเหยียดตึง จากนั้นเคลื่อนมือที่จีบหงายออกไป ข้างลำตัว แล้วม้วนมือปล่อยจีบออกเปลี่ยนเป็นตั้งวงระดับอก ศีรษะ : เอียงขวา ลำตัว : กดไหล่ขวา เท้า : ยกเท้าขวาวางหลัง (คำว่า “ชื่น”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ชีวา”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “ขวัญ”) ยกเท้าซ้ายวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “พี่”) น้ำหนักตัวอยู่เท้าขวา ชาย (ชายโอบอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าเข้าในวง) มือ : มือทั้งสองจีบหงายระดับอก แขนเหยียดตึง จากนั้นเคลื่อนมือที่จีบหงายออกไป ข้างลำตัว แล้วม้วนมือปล่อยจีบออกเปลี่ยนเป็นตั้งวงกลาง ศีรษะ : เอียงขวา ลำตัว : กดไหล่ขวา เท้า : ยกเท้าขวาวางหลัง (คำว่า “ชื่น”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ชีวา”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “ขวัญ”) ยกเท้าซ้ายวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “พี่”) น้ำหนักตัวอยู่เท้าขวา (พิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ และสุรัตน์ จงดา, 2563 : สัมภาษณ์)
41 รำวงมาตรฐาน เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า “ท่าช้างประสานงา” (กรมศิลปากร, 2550 : 226) ภาพที่ 38 ท่ารำ คำร้อง “จันทร์ประจำราตรี” ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) อธิบายท่ารำ หญิง (หญิงอยู่ด้านหน้าชาย หันหน้าออกนอกวง) มือ : หมุนแขนทั้งสองข้างออกแล้วจึงจีบหงายระดับอก เหยียดแขนตึงไปด้านหน้า ให้ลำแขนขนานกัน มือจีบเข้าหาลำแขน ศีรษะ : เอียงซ้าย ลำตัว : กดไหล่ซ้าย เท้า : ยกเท้าซ้ายวางหลัง แล้วก้าวเท้าขวา (คำว่า “จันทร์”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ประจำ) ยกเท้าขวาวางหลังด้วยจมูกเท้า (คำว่า “ราตรี”) เท้าซ้ายอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าซ้าย ชาย (ชายซ้อนอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าออกนอกวง) มือ : หมุนแขนทั้งสองข้างออกแล้วจึงจีบหงายระดับอก เหยียดแขนตึงไปด้านหน้า ให้ลำแขนขนานกัน มือจีบเข้าหาลำแขน ศีรษะ : เอียงซ้าย ลำตัว : กดไหล่ซ้าย เท้า : ยกเท้าซ้ายวางหลัง แล้วก้าวเท้าขวา (คำว่า “จันทร์”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ประจำ) ยกเท้าขวาวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “ราตรี”) เท้าซ้ายอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าซ้าย (พิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ และสุรัตน์ จงดา, 2563 : สัมภาษณ์)
42 รำวงมาตรฐาน เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า “ท่าจันทร์ทรงกลด” แปลง (กรมศิลปากร, 2550 : 226) ภาพที่ 39 ท่ารำ คำร้อง “แต่ขวัญพี่ประจำใจ” ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) อธิบายท่ารำ หญิง (หญิงอยู่ด้านหน้า ชายโอบอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าเข้าในวง) มือ : มือทั้งสองจีบหงายระดับอก แขนเหยียดตึง จากนั้นเคลื่อนมือที่จีบหงายออกไป ข้างลำตัว แล้วม้วนมือปล่อยจีบออกเปลี่ยนเป็นตั้งวงระดับอก ศีรษะ : เอียงขวา ลำตัว : กดไหล่ขวา เท้า : ยกเท้าขวาวางหลัง (คำว่า “แต่”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ขวัญพี่”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “ประ”) ยกเท้าซ้ายวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “จำใจ”) น้ำหนักตัวอยู่เท้าขวา ชาย (ชายโอบอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าเข้าในวง) มือ : มือทั้งสองจีบหงายระดับอก แขนเหยียดตึง จากนั้นเคลื่อนมือที่จีบหงายออกไป ข้างลำตัว แล้วม้วนมือปล่อยจีบออกเปลี่ยนเป็นตั้งวงกลาง ศีรษะ : เอียงขวา ลำตัว : กดไหล่ขวา เท้า : ยกเท้าขวาวางหลัง (คำว่า “แต่”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ขวัญพี่”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “ประ”) ยกเท้าซ้ายวางหลังด้วยจมูกเท้า (คำว่า “จำใจ”) น้ำหนักตัวอยู่เท้าขวา (พิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ และสุรัตน์ จงดา, 2563 : สัมภาษณ์)
43 รำวงมาตรฐาน เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า “ท่าช้างประสานงา” (กรมศิลปากร, 2550 : 226) ภาพที่ 40 ท่ารำ คำร้อง “ที่เทิดทูนคือชาติ” ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) อธิบายท่ารำ หญิง (หญิงอยู่ด้านหน้าชาย หันหน้าออกนอกวง) มือ : หมุนแขนทั้งสองข้างออกแล้วจึงจีบหงายระดับอก เหยียดแขนตึงไปด้านหน้า ให้ลำแขนขนานกัน มือจีบเข้าหาลำแขน ศีรษะ : เอียงซ้าย ลำตัว : กดไหล่ซ้าย เท้า : ยกเท้าซ้ายวางหลัง ก้าวเท้าขวา (คำว่า “ที่”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “เทิดทูน) ยกเท้าขวาวางหลังด้วยจมูกเท้า (คำว่า “คือชาติ”) เท้าซ้ายอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าซ้าย ชาย (ชายซ้อนอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าออกนอกวง) มือ : หมุนแขนทั้งสองข้างออกแล้วจึงจีบหงายระดับอก เหยียดแขนตึงไปด้านหน้า ให้ลำแขนขนานกัน มือจีบเข้าหาลำแขน ศีรษะ : เอียงซ้าย ลำตัว : กดไหล่ซ้าย เท้า : ยกเท้าซ้ายวางหลัง แล้วก้าวเท้าขวา (คำว่า “ที่”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “เทิดทูน) ยกเท้าขวาวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “คือชาติ”) เท้าซ้ายอยู่ด้านหน้า น้ำหนักตัวอยู่เท้าซ้าย (พิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ และสุรัตน์ จงดา, 2563 : สัมภาษณ์)
44 รำวงมาตรฐาน เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า “ท่าจันทร์ทรงกลด” แปลง (กรมศิลปากร, 2550 : 226) ภาพที่ 41 ท่ารำ คำร้อง “เอกราชอธิปไตย” ที่มา : สุดารัตน์ วัฒนพฤติไพศาล (2560) อธิบายท่ารำ หญิง (หญิงอยู่ด้านหน้า ชายโอบอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าเข้าในวง) มือ : มือทั้งสองจีบหงายระดับอก แขนเหยียดตึง จากนั้นเคลื่อนมือที่จีบหงายออกไป ข้างลำตัว แล้วม้วนมือปล่อยจีบออกเปลี่ยนเป็นตั้งวงระดับอก ศีรษะ : เอียงขวา ลำตัว : กดไหล่ขวา เท้า : ยกเท้าขวาวางหลัง (คำว่า “เอก”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ราช”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “ธิป”) ยกเท้าซ้ายวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “ไตย”) น้ำหนักตัวอยู่เท้าขวา ชาย (ชายโอบอยู่ด้านหลังหญิง หันหน้าเข้าในวง) มือ : มือทั้งสองจีบหงายระดับอก แขนเหยียดตึง จากนั้นเคลื่อนมือที่จีบหงายออกไป ข้างลำตัว แล้วม้วนมือปล่อยจีบออกเปลี่ยนเป็นตั้งวงกลาง ศีรษะ : เอียงขวา ลำตัว : กดไหล่ขวา เท้า : ยกเท้าขวาวางหลัง (คำว่า “เอก”) ก้าวเท้าซ้าย (คำว่า “ราช”) ก้าวเท้าขวา (คำว่า “ธิป”) ยกเท้าซ้ายวางหลังด้วยจมูกเท้า เปิดส้นเท้า (คำว่า “ไตย”) น้ำหนักตัวอยู่เท้าขวา (พิมณภัทร์ ถมังรักษ์สัตว์ และสุรัตน์ จงดา, 2563 : สัมภาษณ์)