1 ปก
2
การประชุมวิชาการระดับชาติ คือขวัญประคอง สองทางไทย-ไท วรรณคดีทองถิ่นและคติชนวิทยา กับการตอยอดภูมิปญญาทางวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสอายุวัฒนมงคล 84 ป ศาสตราจารยพิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท 27 พฤษภาคม 2566 สถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ศูนยสยามทรรศนศึกษา คณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยมหิดล
2 ดวยกตัญุตา สถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีพันธกิจ สำคัญในการสราง “เครือขายไท-ไทยศึกษา” เพื่อใหเกิด การประสานงานและการแลกเปลี่ยนความรูเพื่อนำไปสู การสรางสรรควงวิชาการไท-ไทยศึกษาในระดับชาติและ นานาชาติ รวมทั้งการต่อยอดงานวิจัยพื้นฐานเพื่อตอบสนอง ความตองการของสังคมอยางเปนรูปธรรม องคความรูในจารึกและเอกสารโบราณเปนมรดก ภูมิปญญาอันล้ำคาของไทยที่สืบตอจากรุนสูรุน ทั้งภาษา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ความคิดและความเชื่อ ของคนไทยล้วนแสดงถึงอารยธรรมของสังคม การศึกษา และถอดความรู้จากเอกสารโบราณดังกล่าวทั้งในแง่การศึกษา เชิงอนุรักษและเชิงวิพากษจึงมีสวนสำคัญในการสืบทอด ประยุกต์ สร้างสรรค์ และต ่อยอดสู ่วิทยาการแขนงต ่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน สร้างความสงบสุขแก่บ้านเมือง และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ดังนั้นการสร้างเครือข่ายนักวิชาการ นักวิจัย และผูเชี่ยวชาญดานไท-ไทยศึกษาจึงมีสวนสำคัญ
3 ในการสรางชุมชนการเรียนรูเอกสารโบราณของไทยให เขมแข็งและสามารถนำความรูจากการวิจัยไปใชไดจริง ในโอกาสอายุวัฒนมงคล 84 ปี ของศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท์อดีตผู้อำนวยการสถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2531-2538) ปูชนียบุคคล ผูมีคุณูปการอยางยิ่งตอสาขาวิชาไท-ไทยศึกษาของชาติ โดยเฉพาะในสาขาวิชาวรรณคดีทองถิ่น คติชนวิทยา และการศึกษาเอกสารโบราณของชนชาติไทและไทย สถาบันไทยศึกษาร่วมกับภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และศูนยสยามทรรศนศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงจัดประชุมวิชาการ ระดับชาติ คือขวัญประคอง ส่องทางไทย-ไท :วรรณคดี ท้องถิ ่นและคติชนวิทยากับการตอยอดภูมิปญญา ทางวัฒนธรรม ครั้งนี้ขึ้น เพื่อแสดงกตัญุตาคารวะแด ศาสตราจารยพิเศษ ดร. ประคอง นิมมานเหมินท และ เพื่อแสดงใหเห็นระเบียบวิธีการศึกษาวิจัยที่หลากหลาย รวมทั้งการปรับประยุกตใชองคความรูที่ไดจากการศึกษา เอกสารโบราณใหเกิดดอกและผลทางวิชาการอันทรงพลัง ในสังคมรวมสมัย สถาบันไทยศึกษา ขอขอบพระคุณศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินทที่กรุณาเป็นองค์ปาฐกให้ความรู้ เรื ่อง การสร้างสรรค์และคุณค่าของวรรณกรรม “ตำนาน พระเจ้าเลียบโลก” แสดงถึงความสำคัญของภาษาและวรรณกรรม
4 ที่มีต่อวิถีชีวิตของชุมชน และขอขอบคุณนักวิชาการ นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสถาบัน ได้แก่ ราชบัณฑิตยสภา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ภาควิชาภาษาไทยคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์สยามทรรศน์ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม ่ คณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ที ่ทำให้การประชุมวิชาการนี้ ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ทุกประการ รองศาสตราจารย์ฤทธิรงค์ จิวากานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
5 โครงการประชุมวิชาการ คือขวัญประคอง ส่องทางไทย-ไท : วรรณคดีท้องถิ่นและคติชนวิทยา กับการต่อยอดภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสอายุวัฒนมงคล 84 ปี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท์ 1. หลักการและเหตุผล ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท์ เป็นปูชนียบุคคลผู้มีคุณูปการอย่างยิ่งต่อการศึกษา วรรณคดีท้องถิ ่น คติชนวิทยา ไทยศึกษา และไทศึกษา เป็นผู้บุกเบิกให้เห็นความสำคัญของการศึกษาวรรณกรรม ท้องถิ ่น โดยเฉพาะวรรณกรรมท้องถิ ่นล้านนา และ การศึกษาวรรณกรรมและคติชนในกลุ่มคนไทยและชนชาติ ไทโดยเน้นกลุ่มไทลื้อในเขตปกครองตนเองสิบสองพันนา และกลุ่มไทใหญ่ในเขตปกครองตนเองใต้คง สาธารณรัฐ ประชาชนจีน นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ที ่เน้นย้ำให้เห็นถึง ความสำคัญของการศึกษาภาษา วรรณคดี และคติชนวิทยา ในฐานะ “สามศาสตร์” ที ่แต ่ละศาสตร์ต ่างก็มี
6 แนวทางในการศึกษาวิเคราะห์ แต ่ก็มีความสัมพันธ์กัน อย่างลึกซึ้ง ขอบเขตอันเป็นข้อมูลและพื้นที่ในการศึกษา รวมทั้งแนวทางในเชิงบูรณาการศาสตร์ต่าง ๆ ของท่าน จึงเป็นประโยชน์ต่อ “ไทยศึกษา” โดยแท้ ผลงานทางวิชาการของศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท์ เป็นผลงานชั้นครูที่ให้ความรู้อันทรงคุณค่า และแนวทางในการวิจัย ผลงานด้านภาษา เช่น มองภาษา : มองภาษาถิ่นและมองภาษาในวรรณคดีท้องถิ่น (2547) “ภาษาถิ่น”และ“ภาษาไทยกับความเชื่อและประเพณีพิธีกรรม” ใน บรรทัดฐานภาษาไทย เล่ม4วัฒนธรรมการใช้ภาษาไทย ผลงานด้านคติชนวิทยาวรรณกรรมท้องถิ่น และวรรณกรรม ชนชาติไท เช่น มหาชาติลานนา: การศึกษาในฐานะที่เป็น วรรณคดีท้องถิ่น (2526) นิทานพื้นบ้านศึกษา (2543, 2545 และ 2551) คำขับเจ้าเจืองหาญ มหากาพย์พื้นถิ่นไทลื้อ (2546) ย่าขวัญข้าว วรรณกรรมเพื่อการสืบสานประเพณี พื้นถิ่น (2549) ไขคำแก้วคำแพง พินิจวรรณกรรมไทย-ไท (2554) เจ้าเจืองหาญวีรบุรุษไทลื้อ ตำนาน มหากาพย์ พิธีกรรม (2554) ตำนานพระเจ้าเลียบโลก : ภูมิปัญญาและ พลวัต (2559) นอกจากนี้ยังมีบทความวิชาการทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษจำนวนมากซึ่งเกี่ยวข้องกับวรรณคดีท้องถิ่น คติชนวิทยา ภาษาและวรรณคดีไทย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลงาน ที ่เป็นหลักในการศึกษาวรรณคดีท้องถิ ่นและคติชนวิทยามา จวบจนทุกวันนี้
7 ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท์ เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์- มหาวิทยาลัย และหัวหน้าภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีผลงานสำคัญจำนวนมาก เช่น เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการจัดทำ สารานุกรม วัฒนธรรมไทยภาคกลาง ซึ ่งเป็นโครงการความร ่วมมือ ของสถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับมูลนิธิ สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด มหาชน เป็นหัวหน้าชุดโครงการวิจัยเรื ่อง วรรณกรรมล้านนา: ลักษณะเด่น ภูมิปัญญา และคุณค่า ของสำนักงานกองทุน สนับสนุนการวิจัย (สกว.) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นราชบัณฑิต สำนักศิลปกรรม ประเภทวิชาวรรณศิลป์สาขาวิชาวรรณกรรม พื้นเมือง ท่านเคยเป็นประธานสำนักศิลปกรรม ราชบัณฑิตยสภา และเป็นประธานกรรมการจัดทำพจนานุกรมต ่าง ๆ รวมทั้ง กรรมการวิชาการอีกหลายชุด ได้รับพระราชทานเหรียญ ดุษฎีมาลาเข็มศิลปวิทยาเมื่อ พ.ศ. 2562 และได้รับการยกย่อง และประกาศเกียรติคุณ เช ่น ได้รับรางวัลพระเกี้ยวทองคำ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื ่อปี 2544 ปูชนียบุคคล ด้านภาษาไทย ปี2551 ผู้อนุรักษ์มรดกไทยดีเด่น ปี 2563 ด้วยผลงานอันประจักษ์ชัดดังกล ่าว ประกอบกับในปี 2566 นี้เป็นปีที่ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคองนิมมานเหมินท์ มีอายุ 84 ปี สถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
8 ร ่วมกับศูนย์สยามทรรศน์ศึกษา คณะศ ิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลจึงมีดำริจัดงานประชุมวิชาการ เรื ่อง “คือขวัญประคอง ส ่องทางไทย-ไท : วรรณคดีท้องถิ ่นและ คติชนวิทยากับการต่อยอดภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เนื่องใน โอกาสอายุวัฒนมงคล 84 ปีศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท์” เพื่อแสดงกตัญุตาคารวะและเพื่อเปิดโอกาส ให้ผู้ที่สนใจเรื่อง “ไทยศึกษา” ผ ่านการศึกษาวิจัยวรรณคดี ท้องถิ ่นและคติชนวิทยาได้มาแลกเปลี ่ยนและเรียนรู้ ประสบการณ์การสอน การวิจัย และอื ่น ๆ อันจะก ่อให้เกิด ประโยชน์แก่วงวิชาการและสังคมในวงกว้างต่อไป 2. วัตถุประสงค์ 1) เพื่อแสดงกตัญุตาคารวะเนื่องในโอกาสอายุ 84 ปี ของศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท์ ปูชนียบุคคลผู้สร้างคุณูปการสำคัญต ่อวงการวรรณกรรมท้องถิ่น ศึกษา คติชนวิทยา ไทยศึกษา และไทศึกษา 2) เพื่อเผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องวรรณคดีท้องถิ่น และคติชนวิทยาจากนักวิชาการในสถาบันต่างๆและผู้ที่สนใจ 3. ผู้รับผิดชอบ - สถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
9 - ศูนย์สยามทรรศน์ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 4. ผู้เข้าร่วมประชุม อาจารย์ นักวิชาการ นิสิต/นักศึกษา และผู้ที ่สนใจ จำนวน 120 คน 5. การดำเนินการ จัดเสวนาวิชาการ1วัน ในวันเสาร์ที่ 27พฤษภาคม 2566 ณ โรงแรมแมนดาริน แมเนจ บาย เซ็นเตอร์พ้อยท์กรุงเทพฯ 6. ระยะเวลาดำเนินงาน มีนาคม – พฤษภาคม 2566 7. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1) ทำให้ตระหนักถึงคุณูปการของศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท์ ต ่อวงวิชาการและสังคม วัฒนธรรมไทย-ไท 2) ความรู้และประสบการณ์ด้านวรรณกรรมท้องถิ่น และคติชนวิทยาจากนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญได้เผยแพร่สู่สังคม ในวงกว้าง 3) ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของวิชาสายมนุษยศาสตร์ และไทยศึกษาที่สามารถนำมาต่อยอดเพื่อใช้ในสังคมร่วมสมัย
10 8. กำหนดการประชุม 8.30 - 9.00 น. ลงทะเบียน 9.00 - 9.15 น. พิธีเปิดงาน 9.15 - 9.45 น. การบรรยายเรื่อง การสร้างสรรค์และคุณค ่าของวรรณกรรม “ตำนานพระเจ้าเลียบโลก” ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท์ ราชบัณฑิต สำนักศิลปกรรม ประเภทวิชาวรรณศิลป์ สาขาวิชาวรรณกรรมพื้นเมือง 9.45 – 10.15 น. การบรรยายเรื่อง ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคองนิมมานเหมินท์: ผู้เป็นต้นแบบของการเป็นครูและการใช้ชีวิต ศาสตราจารย์กิตติคุณสุกัญญา สุจฉายา ภาคีสมาชิกราชบัณฑิต สำนักศิลปกรรม ประเภทวิชา วรรณศิลป์ สาขาวิชาวรรณกรรมพื้นเมือง 10.15 - 10.45 น. พักรับประทานอาหารว่าง 10.45 - 11.45 น. พิธีแสดงกตัญุตาคารวะแด่ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท์ 11.45 - 13.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
11 13.00 - 13.30 น. การบรรยายเรื่อง คติชนเกี่ยวกับเอกสารตัวเขียน ในวัฒนธรรมไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิลักษณ์ เกษมผลกูล ศูนย์สยามทรรศน์ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 13.30 - 14.00 น. การบรรยายเรื่อง ประวัติและเรื ่องราวของครูบาเจ้าศรีวิชัย ที่ปรากฏในคัมภีร์ใบลานและพับสา ดร.ดิเรก อินจันทร์ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ 14.00 - 14.30 น. การบรรยายเรื่อง พลวัตการจัดการเอกสารโบราณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ราชันย์ นิลวรรณาภา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 14.30 - 15.00 น. การบรรยายเรื่อง อักษรขอมบาลีในคัมภีร์ใบลานภาคใต้ รองศาสตราจารย์อนันต์ อารีย์พงศ์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
12 15.00 - 15.30 น. การบรรยายเรื่อง พระยาสี่เสาร์เปรียบเทียบฉบับวัดเทียนดัด กับฉบับกรมศิลปากร คุณดอกรัก พยัคศรี ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) 15.30 - 16.00 น. การบรรยายเรื่อง วรรณคดีท้องถิ่นศึกษา กับความสัมพันธ์ไทย-ลาว อาจารย์ ดร.ชัยรัตน์ พลมุข ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย *ผู้ดำเนินรายการ รองศาสตราจารย์ ดร.ธานีรัตน์ จัตุทะศรี ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ------------------------------
13 ภาพ
14 ภาพ
15 ประวัติและผลงานของ ศาสตราจารยพิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท การศึกษา อ.บ., อ.ม. (ภาษาไทย) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย M.S. (Experiential Education) Mankato State College (ปัจจุบันคือMinnesota State University, Mankato) อ.ด. (วรรณคดีไทย) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับทุนระยะสั้นจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปอบรม วิชาคติชนวิทยาที่ Indiana University ตำแหน่งหน้าที่ปัจจุบัน ศาสตราจารย์พิเศษภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานกรรมการจัดทำพจนานุกรมภาษาไทยถิ่น สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ประธานกรรมการจัดทำพจนานุกรมภาษาไทยถิ่นเหนือ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ประธานกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์วรรณกรรม ท้องถิ่นไทยภาคเหนือ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
16 กรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์วรรณคดีไทย สำนักงานราชบัณฑิตยสภา กรรมการชำระพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสภา สำนักงานราชบัณฑิตยสภา สาราณียกรโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประสบการณ์การทำงาน ประธานสำนั กศ ิ ลปกรรม ราชบัณฑ ิ ตยสภา (21 พฤษภาคม 2561 - 20 พฤษภาคม 2563) เลขาน ุการสำนักศ ิลปกรรม ราชบัณฑ ิตยสภา (21 พฤษภาคม 2559 – 20 พฤษภาคม 2561) ผู้อำนวยการสถาบันไทยศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าภาคว ิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าชุดโครงการวิจัยเรื ่อง “วรรณกรรมล้านนา : ลักษณะเด่น ภูมิปัญญาและคุณค่า” ผู้ประสานงานเครือข่ายวิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต หัวข้อ “วรรณกรรมไท : ขวัญและพิธีทำขวัญ” สำนักงาน กองทุนสนับสนุนการวิจัย ประธานกรรมการวิชาการสาขาสังคมศาสตร์ โครงการ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
17 ประธานคณะกรรมการดำเนินการจัดทำสารานุกรม วัฒนธรรมไทยภาคกลาง มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด มหาชน และสถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าคณะทำงานวิชาการหัวข้อ “ข้าวคือชีวิต” หอไทยนิทัศน์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก, มหาปรมาภรณ์มงกุฎไทย เกียรติคุณ เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา พ.ศ. 2562 รางวัลเสฐียรโกเศศวิถีกีรติชน สาขาคติชนวิทยา จากสมาคมภาษาและหนังสือแห ่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. 2564 ผู้อนุรักษ์มรดกไทยดีเด่น พ.ศ. 2563 ปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย พ.ศ. 2551 บุคคลดีเด ่นแห ่งชาติ สาขาเผยแพร ่เกียรติคุณไทย พ.ศ. 2550 นิสิตเก่าอักษรศาสตร์ดีเด่น พ.ศ. 2550 รางวัลพระเกี้ยวทองคำ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2544 ครูภาษาไทยดีเด่น ระดับอุดมศึกษา พ.ศ. 2535
18 วิทยานิพนธ์ดีเด่นรางวัลรัชดาภิเษกสมโภช พ.ศ. 2532 ผลงานวิชาการด้านคติชนวิทยา วรรณกรรมท้องถิ่น และวรรณกรรมชนชาติไท 1. งานวิจัยและตำรา “ประเพณี 12 เดือน : วิถีชีวิตในรอบปีของคนไท” และ “พิธีทำขวัญข้าวขวัญควายของคนไท” ในประคอง นิมมานเหมินท์และคณะ. คนไทในวัฒนธรรมข้าว. กรุงเทพฯ : สถาบัน ไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560. ตำนานพระเจ้าเลียบโลก : ภูมิปัญญาและพลวัต. งานวิจัยในชุดโครงการวิจัยเรื ่อง วรรณกรรมล้านนา : ลักษณะเด่น ภูมิปัญญาและคุณค่า. กรุงเทพฯ : สำนักงาน กองทุนสนับสนุนการวิจัย, 2559. “การสร้างสรรค์และการถ่ายทอดวรรณกรรมท้องถิ่น” ใน ประมวลสาระชุดวิชาวรรณกรรมทองถิ่น. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช บัณฑิตศึกษา สาขาวิชา ศึกษาศาสตร์ 2555, หน่วยที่ 1 หน้า 1-42. เจ้าเจืองหาญ วีรบุรุษไทลื้อ ตำนาน มหากาพย์ พิธีกรรม. สถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ : คราฟแมนเพรส, 2554. คำขับลูกอ่อน ภาพชีวิตและภูมิปัญญาไทลื้อในบทเพลง สำหรับเด็ก. ผลงานร ่วมกับรองศาสตราจารย์อ้ายอุ ่นหลวง
19 มหาวิทยาลัยชนชาติ ยูนนาน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2553. ประเพณีสงกรานต์. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการ วัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม, 2553. นิทานพื้นบ้านศึกษา. ศูนย์คติชนวิทยาและโครงการตำรา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พิมพ์เผยแพร่ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2543 ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2545 และครั้งที่ 3 พ.ศ. 2551. ย่าขวัญข้าว วรรณกรรมเพื่อการสืบสานประเพณีพื้นถิ่น. หนังสือลำดับที่ 51 สถาบันไทยศึกษา จ ุฬาลงกรณ์- มหาวิทยาลัย, 2549. อาป่มไทใต้คง : นิทานกับสังคม. ผลงานร ่วมกับตาว เชิงหวา งานวิจัยเสนอสถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์- มหาวิทยาลัย กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แม่คำผาง, 2542. “ความเชื่อและศาสนาของประชากรรังสิต” ใน ร้อยปี คลองรังสิต. ผลงานร่วมกับโสวัตรี ณ ถลางและเทียมจันทร์ อ ่ำแหวว. โครงการวิจัยนำร ่องเฉลิมฉลองวโรกาสกาญจนาภิเษก สถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2540. “สถานภาพการศึกษาคติชนของชนชาติไท : การศึกษา เบื้องต้น” ใน การศึกษาวัฒนธรรมชนชาติไท. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห ่งชาติ กระทรวง ศึกษาธิการ, 2538 : 267-278.
20 “สถานภาพงานวิจัยทางวัฒนธรรมพื้นบ้าน” หน่วยที่ 2 ในชุดประสบการณ์วัฒนธรรมศึกษา. นนทบุรี: มหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช, 2533 : 63-87. มหาชาติลานนา : การศึกษาในฐานะที่เป็นวรรณคดี ท้องถิ ่น. สมาคมสังคมศาสตร์แห ่งประเทศไทยจัดพิมพ์ เผยแพร่, กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, 2520. 2. หนังสือรวมบทความ ว่าด้วยวรรณกรรมท้องถิ่น วรรณกรรมไท. (รวมบทความ ด้านคติชนวิทยา วรรณกรรมท้องถิ่นและวรรณกรรมชนชาติ ไท จำนวน 9 เรื่อง) พิมพ์เป็นอภินันทนาการในการประชุม วิชาการระดับชาติเรื ่อง “ประคองขวัญวรรณกรรม พินิจ วรรณกรรมท้องถิ่นภาคกลาง นิยาม พรมแดน อัตลักษณ์และ ความหลากหลาย” จัดโดยความร่วมมือระหว่างสถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโครงการนามานุกรม วรรณกรรมท้องถิ ่นภาคกลาง สกสว. ในโอกาสครบ 80 ปี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท์ ณ โรงแรม เมอริเดียน 23 สิงหาคม 2566. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แม็กเอ็กซเพรส จำกัด, 2562. ไขคำแก้วคำแพง พินิจวรรณกรรมไทย-ไท. (รวมบทความ ด้านคติชนวิทยาและวรรณกรรมท้องถิ่น วรรณกรรมชนชาติไท
21 จำนวน 15 เรื ่อง) กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห ่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, 2554. ด้วยสองมือประคองครรลองไทย. (รวมบทความด้าน คติชนวิทยาและวรรณกรรมท้องถิ ่น วรรณกรรมชนชาติไท จำนวน 4 เรื่อง)จัดพิมพ์โดยศูนย์คติชนวิทยา คณะอักษรศาสตร์ และสถาบันไทยศึกษาร่วมกับศิษย์เก่าภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดพิมพ์เนื ่องใน การจัดงานแสดงมุทิตาจิตในโอกาส 72 ปี ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร.ประคอง นิมมานเหมินท์ 9 กันยายน 2554. 3. บทความ “วรรณคดีท้องถิ่น.” สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน. โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่มที่ 31 พ.ศ. 2549 : 67–99. “คนไทใต้คง: ไทกินข้าวเจ้า” ประคอง นิมมานเหมินท์ และเรืองวิทย์ ลิ่มปนาท, บรรณาธิการ. คนไทใต้คง ไทใหญ่ ในยูนนาน. สถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห ่งชาติ จัดพิมพ์ เผยแพร่, กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2538. “การศึกษาตัวบทและปริบทของคติชน.” วารสารภาษา และวรรณคดีไทย. ปีที่ 6 ฉบับที่ 1 เมษายน 2532 : 34–37.
22 “ความหมายของนิทานทรงเครื่อง.” วารสารภาษาและ วรรณคดีไทย. ปีที่ 6 ฉบับที่ 3 ธันวาคม 2532 : 75–81. “ศาสตราจารย์พระยาอนุมานราชธนกับคติชนวิทยา.” วารสารภาษาและวรรณคดีไทย. ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 สิงหาคม 2531 : 49–67. บทความภาษาอังกฤษ “Tamnan Prachao Liap Loke (The Legend of the Buddha’s Travels around the World).” in Buddhist Narratives in Asia and Beyond. vol. II. Institute of Thai Studies, Chulalongkorn University. 2012, pp.109-119. “Professor Phraya Anuman Rajadhon : Contributions to the Study of Folklore and Folk Life.” in The Journal of the Royal Institute of Thailand. Vol. I, 5 December 2009, pp. 21-36. “The Way of Life and Literature of the Tai Khamti of the Lohit Riverine in Arunachal Pradesh.” Misra, Neeru and Sahai, Sachidanand. Indo-Thai Historical and Cultural Linkages. New Delhi: Manohar, 2007. “Water-Lore: Thai-Tai Folk Beliefs and Literature.” Manusya Journal of Humanities.
23 Folklore, Folklife, Folk Literature. Special Issue, No.9 2005. “Myth and Ritual : A Study of the Songkran Festival.” บทความเสนอในการประชุมวิชาการจัดโดย International Society of Folk Narratives Research, Visby, Sweden. August 2003 พิมพ์เผยแพร ่ใน วารสาร ราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ 29 ฉบับที ่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2547. นอกจากนี้ได้เรียบเรียงบทความเกี ่ยวกับวัฒนธรรม พื้นบ้านและวรรณกรรมไทยพิมพ์เผยแพร ่ในสารานุกรม วัฒนธรรมไทยภาคกลางจำนวนประมาณ 190 เรื ่อง เช่น ภาษาไทยภาคกลาง วรรณกรรมไทยภาคกลาง ภาษิตไทย ภาคกลาง นิทานพื้นบ้านภาคกลาง โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย กลบท นิทานพื้นบ้านไทยภาคกลาง และปริศนา คำทายภาคกลาง บรรณาธิการ ประคอง นิมมานเหมินท์ พรรณเพ็ญ เครือไทย ลมูล จันทน์หอม, คณะทำงานและบรรณาธิการ. นามานุกรม วรรณกรรมล้านนา. จัดพิมพ์เผยแพร่โดยสำนักงานกองทุน สนับสนุนการวิจัย, เชียงใหม่ : โรงพิมพ์แมกซ์พริ้นติ้ง, 2554.
24 หัวหน้าบรรณาธิการ สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคกลาง. 15 เล ่ม. โครงการความร ่วมมือของสถาบัน ไทยศึกษากับมูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จัดพิมพ์เผยแพร่โดยมูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรม ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, กรุงเทพฯ: สยามเพรส, 2542. ประคอง นิมมานเหมินท์ และเรืองวิทย์ ลิ ่มปนาท, บรรณาธิการ. คนไทใต้คง ไทใหญ่ในยูนนาน. สถาบันไทย ศึกษาและสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห ่งชาติ จัดพ ิมพ ์เผยแพร่, กรุงเทพฯ : โรงพ ิมพ ์จ ุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, 2538. ประคอง นิมมานเหมินท์ และทรงศักดิ์ ปรางค์วัฒนากุล, บรรณาธิการ. ลานนาไทยคดี. เชียงใหม่ : ศูนย์หนังสือ เชียงใหม่, 2520.
25 ภาพ
26 คติชนเกี่ยวกับเอกสารตัวเขียน ในวัฒนธรรมไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิลักษณ์ เกษมผลกูล ศูนย์สยามทรรศน์ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เอกสารตัวเขียน (Manuscript) หมายถึง เอกสารที่เขียน ด้วยลายมือ ในที ่นี้หมายถึงเฉพาะเอกสารตัวเขียนโบราณ เอกสารตัวเขียนในวัฒนธรรมไทยถือกันว ่าเป็นเอกสาร ศักดิ์สิทธิ์ จึงมีความคิด ความเชื ่อผูกติดอยู ่กับเอกสาร ตัวเขียนไม ่น้อย ที ่ผ ่านมามีการศึกษาเนื้อหาที ่บันทึกบน ตัวเอกสาร ทั้งการศึกษาตัวบทหลัก (Main Text) ที่มีการศึกษา กันมาอย่างยาวนาน ต่อมามีการขยายมิติการศึกษาถึงตัวบท รอง คือ ปรบท (Paratext) ทำให้เห็น “เสียง” ที่หลากหลาย ของตัวบทและผู้เขียน-สร้างตัวบท แต ่ยังไม ่มีการศึกษา เอกสารตัวเขียนในฐานะข้อมูลคติชนอย่างชัดเจน การศึกษา ครั้งนี้จึงมุ่งศึกษาเอกสารตัวเขียนในฐานะข้อมูลคติชน โดย มองเอกสารตัวเขียนในฐานะวัตถุทางวัฒนธรรม (cultural object) เป็นหลักและมองเนื้อหาที ่บันทึกเป็นส ่วนรอง ส ่วนขอบเขตการศึกษาคติชนเกี ่ยวกับเอกสารตัวเขียน
27 ครอบคลุม ก) เอกสารที ่บันทึก ทั้งใบลาน ไม้ไผ ่ กระดาษ (สมุดข่อย, พับสา) ผ้า ข) วัสดุที่ใช้บันทึก ทั้งเหล็กจาร หมึกชุบ ดินสอ ค) อุปกรณ์ที ่เกี ่ยวข้องอื ่น ๆ เช ่น ผ้าห ่อ สายสนอง กากะเยีย บรรณชัก (ปันชัก) โดยศึกษาผ ่านการเก็บข้อมูล ภาคสนาม และการเก็บรวบรวมข้อมูลเอกสาร การศึกษา ครั้งนี้นำวิธีการจำแนกประเภทข้อมูลของ ริชาร์ด เอ็ม. ดอร์สัน นักคติชนวิทยาที่สนับสนุนการศึกษาวิถีชีวิต (folklife) ซึ่งได้ จำแนกประเภทข้อมูลคติชนในเรื ่อง The Fields ofFolklore and Folklife Studies ได้แก่ 1) Verbal Folklore 2) Performing Folklore 3) Material Folklore และ 4) Customary Folklore ผลการศึกษาพบว ่า เมื ่อพิจารณาเอกสารตัวเขียน เอกสารตัวเขียนด้วยกรอบของการจำแนกข้อมูลคติชนทำให้ เห็นบทบาทของเอกสารตัวเขียนในฐานะวัตถุทางวัฒนธรรม ในสังคมไทยได้ชัดเจนขึ้น ดังนี้ 1. วรรณกรรมมุขปาฐะที่เกี่ยวกับเอกสารตัวเขียน เช่น ตำนานเรื ่องพระพุทธโฆษาลังการับบัญชาพระอินทร์สร้าง คัมภีร์ของชาวอีสาน ตำนานอานิสงส์การเขียน/จารธรรม ตำนานอานิสงส์การให้ทานคัมภีร์ ผ้าห ่อคัมภีร์ ในชาดก พื้นบ้านล้านนา ความเชื่อเรื่องชนิดไม้เหล็กจาร 2. การแสดงพื้นบ้านที่เกี่ยวกับเอกสารตัวเขียน เช่น การเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงสวดคฤหัสถ์ สวดพระมาลัย
28 3. วัตถุที่เกี่ยวกับเอกสารตัวเขียน และเอกสารตัวเขียน ในฐานะวัตถุ เช่น การทำวัสดุบันทึกที่รับอิทธิพลจีน-อินเดีย จารีตการเลือกใช้สมุดข่อย - ใบลาน ขนาด ชาดทอง ล่องชาด วัสดุที่เกี่ยวข้อง - กากะเยีย, เหล็กจาร พิธีแห่พระคัมภีร์และอภิเษกพระพุทธรูปเนื่องในงานศพ ณ วัดเสลานาก๊อก อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่มา : เพจ“วัดเสลานาก๊อก อ.ขุขันธ์จ.ศรีสะเกษ” 4. ประเพณีพิธีกรรมเกี่ยวกับเอกสารตัวเขียน เช่น พิธีกรรมสร้างคัมภีร์ การเทศน์- ความเชื่อการสร้างคัมภีร์ ความเชื่อเรื่องการลบ -จารคัมภีร์ ความเชื่อเรื่องผ้าห่อคัมภีร์ ประเพณีตากธัมม์ วัตถุมงคลจากสมุดข่อยใบลาน/เป็นเครื่องยา การสร้างคัมภีร์เพื่อใช้ในงานศพ ส
29 ประวัติและเรื่องราว ของครูบาเจาศรีวิชัย ที่ปรากฏในคัมภีรใบลานและพับสา ดร.ดิเรก อินจันทร์ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ครูบาเจ้าศรีวิชัย (พ.ศ. 2461-2482) เป็นพระเถระ ชาวลำพูนที่มีบทบาทและชื่อเสียงในด้านการบูรณะวัดวาอาราม และสร้างสิ ่งสาธารณูปโภคต ่าง ๆ จำนวนมากทั ่วดินแดน ล้านนา และเป็นพระภิกษุรูปหนึ่งที่ถูกตั้งอธิกรณ์หลายครั้ง เกี ่ยวกับวัตรปฏิบัติบางประการ แต ่ชาวล้านนากลับแสดง ความเคารพและเลื่อมใสศรัทธาอย่างไม่เสื่อมคลาย กลายเป็น แบบอย ่างในการปฏิบัติ มีการสร้างเหรียญบูชา เครื ่องราง และเผยแพร่ภาพถ่ายของครูบาเจ้าศรีวิชัยอย่างแพร่หลาย ที ่ผ ่านมาได้มีการเผยแพร่ประวัติและผลงานของครูบา เจ้าศรีวิชัยในรูปของหนังสือ สิ ่งพิมพ์ วีดิทัศน์ บทเพลง บทซอ การบรรยายหรือการเสวนาทางวิชาการต ่าง ๆ โดย แหล ่งที ่มีมาของข้อมูลประกอบด้วยคัมภีร์ใบลาน พับสา จารึก ป้าย เอกสารราชการ เอกสารตัวเขียนอื่นๆ การสัมภาษณ์ และหลักฐานที่เป็นสิ่งปลูกสร้างหรือวัตถุสิ่งของต่างๆ
30 ส ภาพปายและจารึก การบูรณปฏิสังขรณ ศาสนสถานของครูบาเจาศรีวิชัย ครูบาเจาศรีวิชัย ตัวอยางหนังสือประวัติชีวิตและผลงานของครูบาเจาศรีวิชัย
31 2 ส่วนหลักฐานที ่เป็นคัมภีร์ใบลาน พับสา หรือเอกสาร ตัวเขียนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับครูบาเจ้าศรีวิชัยที่น่าสนใจ มีดังนี้ 1) คัมภีร์ใบลานที่กล่าวถึงประวัติของครูบาเจ้าศรีวิชัย แต่งในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2466-2472 แบ่งเป็น 2 สำนวน คือประวัติชีวิตโดยละเอียด และประวัติชีวิตโดยย่อและคำสอน 2) คัมภีร์ใบลานที ่ครูบาเจ้าศรีวิชัยเป็นเจ้าภาพ ในการสร้างเมื่อ พ.ศ. 2469-2471 จำนวนทั้งสิ้น 2,724 ผูก มีข้อความท้ายใบลานและไม้บัญชักที่ระบุว่าครูบาเจ้าศรีวิชัย เป็นเจ้าภาพ และท่านปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ในอนาคต ภาพตัวอยางคัมภีรใบลานที่ครูบาเจาศรีวิชัย เปนเจาภาพในการสราง (พ.ศ. 2469)
32 3) คัมภีร์ใบลานที ่สันนิษฐานว ่าครูบาเจ้าศรีวิชัย เป็นผู้จารด้วยตนเองขณะท่านที่พำนักอยู่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จำนวน 9 ผูก (อภิธัมมา 7 คัมภีรจำนวน 6 ผูก และปิฏกะทังสาม จำนวน 4 ผูก จารเมื่อ พ.ศ. 2462) 4) คำไหว้ครูบาศรีวิชัย หรือ คำไหว้ครูบาศีลธรรม วัดบ้านปาง การนำเสนอประวัติและเรื ่องราวของครูบาเจ้าศรีวิชัย ที่ปรากฏในคัมภีร์ใบลานและพับสาครั้งนี้มุ่งนำเสนอภาพถ ่าย เอกสารตัวเขียนและเนื้อความสำคัญที ่เกี ่ยวข้องกับครูบา เจ้าศรีวิชัยเพื ่อให้ชาวโลกได้ตระหนักถึงความโดดเด่น ของบุคคลในท้องถิ่นที่ควรยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ในวาระที ่จะครบรอบ 150 ปีชาตกาลของครูบาเจ้าศรีวิชัย ใน พ.ศ. 2571 ขอความทายใบลานที่สันนิษฐานวาเปนลายมือ ของครูบาเจาศรีวิชัย (พ.ศ. 2462)
33 พลวัตการจัดการเอกสารโบราณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ราชันย์ นิลวรรณาภา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เอกสารโบราณเป็นข้อมูลมรดกวัฒนธรรมที ่สำคัญ ในภาคตะวันออกเฉียงของประเทศไทยยังมีหลงเหลืออยู่ เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยข้อจำกัดหลายประการทำให้เอกสาร โบราณไม ่ได้รับการดูแลรักษาและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่างที่ควรจะเป็น แต่ก็ได้มีหน่วยงานและนักวิชาการในหลายส่วน พยายามจัดการข้อมูลเอกสารโบราณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้เป็นระบบซึ ่งมีลักษณะการดำเนินงานที ่แตกต ่างกันไป ตามบริบทของยุคสมัย สามารถจำแนกเป็นช่วงเวลาได้ดังนี้ 1. การจัดการเอกสารโบราณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยุค “ศูนย์อนุรักษ์วรรณคดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” (พ.ศ. 2513-2530) พ.ศ. 2513 พระอริยานุวัตร อดีตรองเจ้าคณะจังหวัด มหาสารคาม และอดีตเจ้าอาวาสวัดมหาชัย อำเภอเมือง
34 จังหวัดมหาสารคาม ได้มีการจัดตั้ง “ศูนย์อนุรักษ์วรรณคดี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ณ วัดมหาชัย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื ่อรวบรวมเอกสารโบราณที่กระจัดกระจายอยู ่ตามที่ต่างๆ มารวบรวมไว้เพื ่อเป็นแหล ่งศึกษาเรียนรู้ด้านพุทธศาสนา และวรรณคดีท้องถิ่นอีสาน เพื่อศึกษาอักษรโบราณและวรรณคดี ท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเพื่อตรวจชำระ ถอดแปล เอกสารโบราณให้เป็นอักษรและภาษาปัจจุบัน โดยศูนย์ สามารถรวบรวมและจัดเก็บเอกสารโบราณไว้ได้จำนวน 20 ตู้ พระอริยานุวัตรได้ปริวรรตเอกสารโบราณไว้จำนวน 122 รายการ ในช ่วงปี พ.ศ. 2500-2530 มีการพิมพ์เผยแพร่ จำนวน 51 เรื ่อง นอกจากนี้ท ่านเจ้าคุณพระอริยานุวัตร ยังได้รับนิมนต์เป็นอาจารย์สอนวิชาอักษรโบราณให้แก่นิสิต ระดับปริญญาโท สาขาไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร วิทยาเขตมหาสารคาม เมื่อ พ.ศ. 2513 ทำให้เกิดกระแสการศึกษาวิจัยด้านอักษร และวรรณคดีท้องถิ่นอีสานอย่างมาก 2. การจัดการเอกสารโบราณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยุค “โครงการสำรวจเอกสารโบราณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” (พ.ศ. 2527-2530) พ.ศ. 2527 มูลนิธิโตโยต้า ประเทศญี ่ปุ ่น ได้มอบ เงินทุนสนับสนุน “โครงการสำรวจเอกสารโบราณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ซึ่งดำเนินการโดยสถาบันการศึกษา
35 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ วิทยาลัยครูจำนวน 8 แห่ง ประกอบด้วยวิทยาลัยครูมหาสารคาม วิทยาลัยครู อุบลราชธานี วิทยาลัยครูสุรินทร์ วิทยาลัยครูเลย วิทยาลัยครู สกลนคร วิทยาลัยครูบุรีรัมย์ วิทยาลัยครูอุดรธานี วิทยาลัยครูนครราชสีมา และมหาวิทยาลัย 2 แห ่ง ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยขอนแก ่น และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม โครงการดังกล่าวดำเนินงานในช่วง พ.ศ. 2527- 2530 มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจข้อมูลเอกสารโบราณอีสาน ที่จัดเก็บอยู่ตามวัดต่าง ๆ ทั้งหมดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17 จังหวัดในขณะนั้น และมีการจัดทำเป็นบัญชีสำรวจ เอกสารโบราณที ่สำรวจได้ทั้งสิ้น 12 เล ่ม หลังจากสิ้นสุด โครงการเมื่อ พ.ศ. 2530 คณะกรรมการดำเนินงาน ได้มีการหารือเกี่ยวกับการดำเนินงานและมีมติให้ดำเนินการ สำรวจเอกสารโบราณเพิ ่มเติมบางพื้นที ่ และกำหนดให้นำ ต้นฉบับตัวเขียนที่สำคัญมาถ่ายไมโครฟิล์ม นอกจากนั้นยังได้ ร ่วมกันวางเกณฑ์การคัดเลือกต้นฉบับที ่จะนำมาปริวรรต และกำหนดอัตราค่าจ้างในการปริวรรตอีกด้วย ผลจากโครงการนี้ ทำให้ได้ข้อมูลเอกสารโบราณที่สำรวจพบตามวัดต่าง ๆในภาค อีสานเป็นจำนวนมาก ครอบคลุมพื้นที ่ทุกจังหวัดในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีข้อมูลภาพถ ่ายไมโครฟิล์ม ต้นฉบับเอกสารโบราณเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก รวมถึงมีผลงาน การปริวรรตวรรณคดีท้องถิ ่นอีสานของนักวิชาการ ในพื้นที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
36 3. การจัดการเอกสารโบราณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยุค “โครงการอนุรักษ์คัมภีร์ใบลานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม” (พ.ศ. 2546) โครงการอนุรักษ์คัมภีร์ใบลานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยมหาสารคามจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 โดยการอนุมัติของรองศาสตราจารย์ดร.ภาวิชทองโรจ อธิการบดีและมีผู้ช่วยศาสตราจารย์วีณา วีสเพ็ญ เป็นประธาน โครงการฯ ท ่านแรก วัตถุประสงค์โครงการ คือ 1. เพื ่อให้ มหาวิทยาลัยมหาสารคามเป็นศูนย์รวมข้อมูลด้านเอกสาร ใบลานที่รวบรวมไว้เพื่อให้บริการทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ 2. เพื ่อเป็นการสนองนโยบายของชาติด้าน วัฒนธรรมที่เน้นการส่งเสริม ให้นักเรียน นิสิต และบุคคลทั่วไป ได้สืบค้นเรื่องราวที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ทั้งนี้เพื่ออนุรักษ์ เผยแพร ่ และสืบค้นเรื ่องราวที ่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม รวมถึงสืบสานวัฒนธรรมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม ให้มีมากยิ่งขึ้น โดยการดำเนินงานของโครงการประกอบด้วย พันธกิจหลัก 5 พันธกิจ ได้แก ่ การสำรวจและอนุรักษ์ เอกสารใบลานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การปริวรรต เอกสารใบลานตามหมวดหมู ่สาระวิชาการทุกหมวดหมู่ และเผยแพร่ การอบรมเกี่ยวกับอักษรโบราณอีสาน การศึกษาวิจัย เกี ่ยวกับเอกสารใบลาน การนำเทคโนโลยีสมัยใหม ่มาใช้ ในการบันทึกเอกสารใบลาน รวมทั้งการจัดระบบการบริการ แก่บุคคลทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ
37 4. การจัดการเอกสารโบราณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยุคปัจจุบัน ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรม อีสาน กับคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหาสารคาม ได้มีการดำเนินงานด้านเอกสารโบราณ โดยสืบเนื่อง พันธกิจเดิมของโครงการอนุรักษ์คัมภีร์ใบลานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีการดำเนินงานเพิ่มเติมในส่วนของโครงการวิจัย ร ่วมกับองค์ภายนอก ประกอบด้วยโครงการ “สำรวจ ทำสำเนา ดิจิทัล และปริวรรตเอกสารโบราณตำรับยาและตำราการแพทย์ แผนไทยในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ราชันย์นิลวรรณาภา เป็นหัวหน้าโครงการ ได้รับทุน สนับสนุนจากกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์ไทย กรมการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในพ.ศ. 2564-2565 ซึ่งเป็น การร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื ่อสำรวจเอกสารตำรายาใน 20 จังหวัด และโครงการ “การจัดทำฐานข้อมูลตำรายาที ่มีกัญชาเป็นส ่วนประกอบ ในเอกสารโบราณตำรายาภาคใต้” ซึ่งร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยทักษิณ ดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลตำรายา ในภาคใต้ นอกจากนี้ปัจจุบันยังได้มีการบูรณาการเอกสาร โบราณกับการเรียนการสอนในหลักสูตรระดับปริญญาตรี และการวิจัยในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก อย ่างกว้างขวาง รวมถึงการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำงานในหลายรูปแบบอีกด้วย
38 อักษรขอมบาลี ในคัมภีรใบลานภาคใต รองศาสตราจารย์อนันต์ อารีย์พงศ์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ (ข้าราชการบำนาญ) ความนำ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื ่อศึกษาอักษรขอมบาลี ที่ใช้บันทึกในคัมภีร์ใบลานของภาคใต้: กรณีศึกษาจากคัมภีร์ ใบลานวัดบ้านพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผลการศึกษาพบว ่าวัดโพธาราม (วัดเหนือ) น ่าจะเคยเป็น สถานที่หรือสำนักเรียนด้านพระธรรมคำสอนของศาสนาพุทธ ในภาคใต้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย จากหลักฐาน ที ่พบในคัมภีร์ใบลานของวัดนี้ พบปีที่บันทึกไว้เกี ่ยวกับ การคัดลอกหรือจารหรือสร้างคัมภีร์ใบลานขึ้นตั้งแต่ปีที่อยู่ใน สมัยรัชกาลพระเพทราชา พระเจ้าอยู ่หัวท้ายสระจนถึงสมัย พระเจ้าเอกทัศน์ จากข้อมูลที่สืบค้นได้จากการสืบถามชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่รอบข้างวัด วัดแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้ ด้านหลักธรรมของท ่านพุทธทาสด้วย วัดแห ่งนี้เป็นแหล่ง ที ่เก็บและรวบรวมคัมภีร์ใบลานไว้มากมาย ประมาณ 7 ตู้ พระไตรปิฎก คัมภีร์ใบลานของวัดนี้มีจุดเด ่นอยู ่หมวดหนึ่ง
39 คือ หมวดคัมภีร์ใบลานที่ใช้เป็นหนังสือเรียนไวยากรณ์ภาษา บาลี หรือหนังสือมูลกัจจายนซึ่งเป็นคัมภีร์ที ่ไม่ได้จัดอยู่ใน หมวดหมู ่พระไตรปิฎกจำนวนมากมายหลายฉบับ (copy) ที่เป็นเช่นนี้คงเพื่อใช้เป็นหนังสือแบบเรียนของผู้ศึกษา ที่พบ เพิ่มอีกประการหนึ่ง มีการบันทึกข้อความอธิบายแทรกที่เรียกว่า ตัวเกษียนไว้ในที ่ว ่างของแต ่ละแผ ่น บน ล ่าง หรือระหว ่าง บรรทัดด้วยตัวอักษรขอมหวัดที่ต่างจากตัวอักษรบันทึกเนื้อหา ที ่ใช้ด้วยอักษรขอมบรรจง เพื ่ออธิบายขยายความเนื้อหา ให้ชัดเจนขึ้น และยังพบตัวเกษียนที่น่าจะมีการบันทึกเพิ่มเติม ในภายหลังอีกด้วย เพราะบันทึกด้วยหมึก ไม่ได้บันทึกด้วยวิธีจาร ด้วยเหล็กแหลม ตัวอักษรเกษียนจะมีขนาดเล็กกว่าตัวอักษร ที่เป็นตัวเนื้อหา คัมภีร์ใบลานไวยากรณ์บาลีที่พบอยู่หลายฉบับนี้ มีทั้งที่มีเนื้อหาสมบูรณ์ และไม่สมบูรณ์อยู่กระจัดกระจายแล้ว นำมารวมเข้าด้วยกันเรียกว่าฉบับพลัด คัมภีร์ใบลานวัดโพธาราม นอกจากคัมภีร์ไวยากรณ์บาลีแล้ว ยังพบคัมภีร์ที ่จัดอยู่ใน คัมภีร์พระไตรปิฎกครบถ้วน คือ คัมภีร์พระวินัย คัมภีร์พระสูตร และคัมภีร์พระอภิธรรม อักษรที่ใช้พบ 3 ชนิด คือ อักษร ขอมบรรจง อักษรขอมหวัด และอักษรขอมย่อ สมัยของอักษรขอมบาลี จากหลักฐานที ่พบในคัมภีร์ใบลานบ้านพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ได้จัดทำทะเบียนและศึกษา
40 แล้วจัดทำเป็นเอกสารเผยแพร่ 3 เล่ม ได้แก่ คัมภีร์ใบลาน วัดโพธาราม คัมภีร์ใบลานวัดสมุหนิมิต และคัมภีร์ใบลานวัดใหม่- พุมเรียง เมื่อพ.ศ. 2555–2557 ผู้เรียบเรียงและกองบรรณาธิการ สรุปไว้ว่า คัมภีร์ใบลานของ 3 วัดนี้มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่สมัย กรุงศรีอยุธยาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนกลาง เพราะพบปี ศักราชที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ใบลานอย่างชัดเจน ฉบับหรือผูก ที่เก่าที่สุดที่บันทึกเอาไว้ในคัมภีร์ใบลานรัชสมัยพระเพทราชา และสิ้นสุดในรัชสมัยพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู ่หัว บทความนี้ จะนำข้อมูลคัมภีร์ใบลานเฉพาะวัดโพธารามมาเสนอ เป็นตัวอย่างประกอบ เพราะเป็นวัดที่พบคัมภีร์ใบลานมากที่สุด และสมบูรณ์ที่สุด เช่น คัมภีร์มูลกจฺจายน-นามฺม มีข้อความว่า ได้สร้างไว้เมื่อพ.ศ. 2233สมัยพระเพทราชา คัมภีร์พระปาจิตตีย์ พ.ศ. 2275 สมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ คัมภีร์พระวิสุทฺธิมคฺค พ.ศ. 2283 สมัยพระเจ้าอยู ่หัวบรมโกศ คัมภีร์มหาชนก พ.ศ. 2309 สมัยพระเจ้าเอกทัศน์ คัมภีร์สุต ฺตนิเทสนาม พ.ศ. 2321 สมัยกรุงธนบุรี คัมภีร์ธาตุกฺริต พ.ศ. 2328 คัมภีร์ พฺรธมฺมปทบั้นปลาย พ.ศ. 2354 สมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย คัมภีร์ธาตุอาขฺยาต พ.ศ. 2379 คัมภีร์สกฺกบพฺพ พ.ศ. 2453 สมัยพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หมวดของคัมภีร์ใบลาน คัมภีร์ใบลานวัดโพธาราม จัดแบ่งได้4 หมวด (สำนักศิลปะ และวัฒนธรรม.2555) ได้แก่ พระวินัย เช่นพฺรปาจิตฺตีย พฺรธมฺม
41 บั้นปลาย ทสชาติแปลร้อยและหมวดพระอภิธรรม เช่น พระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์พฺรอภิธม ฺมต ฺคสงฺคหสรุปบริบูรณ์ และหมวดพระสัททาวิเสส หรือคัมภีร์ไวยากรณ์บาลี เช่น คัมภีร์มูลกจฺจายน-นามฺม มูลกจฺจายน-สมาส เป็นต้น ประเภทตัวอักษรที่ใช้บันทึก ตัวอักษรขอมบาลีที่ใช้บันทึกพบในคัมภีร์ใบลานวัดโพธาราม บ้านพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีอยู่ 3 ชนิด คือ อักษรขอมบรรจง อักษรขอมหวัด และอักษรขอมย่อ อักษร 3 ชนิดนี้ใช้บันทึกเพื่อทำหน้าที่ต่างกัน อักษรขอมบรรจง จะใช้เป็นอักษรหลักเพื่อบันทึกเนื้อหาหลักของคัมภีร์ อักษร ขอมหวัดจะใช้บันทึกแทรกเนื้อหา เพื ่ออธิบายขยายความ เนื้อหา จึงน่าจะเป็นการบันทึกในภายหลังเมื่อนำคัมภีร์ใบลาน ไปใช้ในขณะศึกษา ผู้บันทึกอาจจะเป็นผู้ศึกษาคัมภีร์นั้น ๆ เพื่อขยายความเนื้อหาให้ตนเองเข้าใจมากยิ ่งขึ้น การบันทึก ตัวเกษียนไว้บน ล ่างหรือระหว ่างบรรทัดของเนื้อหา ใช้วิธี จารด้วยเหล็กแหลมเช่นเดียวกับการบันทึกเนื้อหา ขนาดของ ตัวอักษรจะเล็กกว ่าตัวเนื้อหา ลักษณะการจารจะจารเอนไป ทางขวา และยังพบตัวเกษียนในบางแผ ่นไม ่ได้ใช้วิธีจารด้วย เหล็กแหลม แต่กลับเกษียนด้วยปากกาเพราะใช้หมึกเขียน ซึ่ง การเกษียนเช่นนี้น่าจะเป็นการเกษียนของผู้ศึกษาคัมภีร์ใบลาน ผูกนั้น ๆในภายหลัง การเกษียนจึงมี2 แบบ คือ เกษียนแบบเดิม โดยวิธีจารและเกษียนแบบหลังที่ใช้ปากกาและหมึก อักษรขอมย่อ
42 เป็นตัวอักษรที่ไม่ได้ใช้บันทึกเกี่ยวกับเนื้อหา การขยายเนื้อหา พบในไม้ประกับใบลานซึ ่งเป็นข้อความที ่ต้องการเน้นพิเศษ อย่างเช่นอักษรมูลของเขมรเป็นรูปอักษรประดิษฐ์ มีลักษณะ เป็นทรงเหลี ่ยม ประกอบด้วยเส้นหนา และเส้นบางสลับกัน (ก่องแก้ว วีระประจักษ์, 2544) ซึ่งอักษรชนิดนี้พบหลักฐาน ครั้งแรกในหนังสือสมุดไทยเรื ่องนันโทปนันทสูตรคำหลวง (ก่องแก้ว วีระประจักษ์, 2556) อักษรชนิดนี้ต้องใช้ปากกา เขียน ใช้วิธีจารไม่ได้ แหล่งที่มาของคัมภีร์ใบลานภาคใต้ จากหลักฐานที่พบในคัมภีร์ใบลานวัดโพธาราม บ้านพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื ่อศึกษาถึงรายละเอียด ในแต่ละผูก จะพบความหลากหลายพอสมควร บางผูกจะบอก แหล่งที่มาของคัมภีร์ใบลานภาคใต้ผูกนั้น ๆเอาไว้ว่านำมาจาก ส ่วนกลางหรือเมืองหลวงที ่เป็นศูนย์กลางของการศึกษา หรือเป็นผูกที่สร้างขึ้นในภาคใต้ หรือเป็นผูกที่คัดลอกมาจาก ฉบับอื่น ๆโดยเฉพาะจากส่วนกลางหรือเมืองหลวง จากข้อมูล ที ่จัดทำทะเบียนไว้แล้วของสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี พบว ่า บางผูกบอกชื่อ ผู้สร้างไว้ เช่น มูลกจฺจายน รหัส 002 บอกชื่อผู้สร้างไว้ว่า เป็นของท ่านตาจัน ยายฑอง แต ่ไม ่ได้บอกภูมิลำเนาเอาไว้ บางผูกบอกผู้จาร เช่น คัมภีร์พทฺธวิปากสูตฺรวณฺณณานิฏฺฐิตา ว่าชื่อ มหาบุญมาก และเณรคำไม่บอกภูมิลำเนา บางผูกบอก
43 ผู้สร้าง และบอกว่าผู้สร้างอุทิศให้แก่ใคร เช่น คัมภีร์มูลฺลกจฺ- จายนธาตุอุณฺณาทิ ผูก 1 ผู้สร้างคือท่านตาเหลือและสีกาเสม เจ้าสงผู้บุตร สร้างให้แก ่ตาคงผู้น้อง บางผูกบอกผู้ชำระไว้ คือ องฺคุตฺตรนิกายปญฺจกนิปาต ผูกที่ 2 ชื่อ มหากุน, มหาคม และบางผูกกล ่าวชื ่อวัดไว้ คือ วัดเลียบ วัดบางว้า วัดสลัก วัดบางขุนเทียน แสดงว่าผูกนี้น่าจะมีแหล่งที่มาจากส่วนกลาง บางผูกบอกแหล ่งที ่มาว ่ามาจากส ่วนกลางอย ่างชัดเจนว่า ขุนนางใหญ ่เป็นผู้สร้าง คือ คัมภีร์พ ฺรวินยขน ฺธกนิเทส ผูกที ่ 2-4 ชื ่อ พระยาพระคลังว ่าที่กลาโหม (ดิศ บุนนาค) บางผูกบอกชื่อผู้สร้าง และภูมิลำเนาผู้สร้างไว้ เช่น คัมภีร์ พฺรธมฺมปทเบื้องต้น ผูกที่ 5/2 ชื่อแม่ชีผู้แม่และแม่แจะผู้ลูก บ้านพุมเรียง แสดงว ่าคัมภีร์ผูกนี้สร้างขึ้นในส ่วนท้องถิ่น บ้านพุมเรียง และบางผูกบอกชื่อเจ้าของคัมภีร์ คือ คัมภีร์ พ ฺรสารลัง ฺคห จำนวน 15 ผูกว ่าเป็นของพระมหานบ บ้านดอน เป็นต้น สรุป คัมภีร์ใบลานวัดโพธาราม บ้านพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งที่ค้นพบคัมภีร์ใบลานมากที่สุด 7 ตู้พระไตรปิฎก มีการจัดทำทะเบียนเอกสารและศึกษา รายละเอ ียดไว้แล้ว โดยสำนักศ ิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีเป็นแหล ่งข้อมูลเอกสาร โบราณประเภทคัมภีร์ใบลานที ่สมบูรณ์แห ่งหนึ ่งของภาคใต้
44 คัมภีร์ใบลานที ่พบเป็นคัมภีร์ทางหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และที่พิเศษกว่าแหล่งคัมภีร์ใบลานอื่น ๆ คือ มีคัมภีร์ ใบลานที ่ไม ่ใช ่หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที ่บันทึกไว้ใน พระไตรปิฎก คือ คัมภีร์ไวยากรณ์ภาษาบาลี ซึ่งพบจำนวนมาก บางเรื่องมีต้นฉบับหลายฉบับ คัมภีร์เหล่านี้แต่งเป็นภาษาบาลี เกือบทั้งหมด มีที่แต่งเป็นภาษาไทยน้อยมาก คัมภีร์ไวยากรณ์ บาลีที่ผู้เขียนนำมาศึกษามีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากคัมภีร์ ใบลานอื ่น คือ ตัวเนื้อหาของคัมภีร์ใช้ตัวอักษรขอมบรรจง บันทึก แต ่มีตัวอักษรขอมหวัดบันทึกหรือเขียนแทรกไว้ทั้ง ด้านบน ด้านล่าง และระหว่างบรรทัดที่เรียกว่า “ตัวเกษียน” เพื่ออธิบายขยายความเนื้อหาอีกทีหนึ่ง จากการศึกษาพบว่า มีการเกษียนเพิ ่มในภายหลัง โดยใช้ปากกาเขียนแทรกไว้ ไม ่ได้จารด้วยเหล็กแหลมอย ่างการจารปกติ ในไม้ประกับ บางแผ ่นใช้อักษรขอมประดิษฐ์ที ่เรียกว ่า “อักษรขอมย ่อ” บันทึกด้วยปากกาเพื ่อแสดงว ่าเป็นข้อความที ่เน้นพิเศษ อย ่างการใช้อักษรมูลของภาษาเขมร เมื ่อนำคัมภีร์ใบลาน ที่เป็นไวยากรณ์บาลีอีก2วัด คือวัดสมุหนิมิตและวัดใหม่พุมเรียง มาเปรียบเทียบกับวัดโพธาราม จำนวนผูกและจำนวนฉบับ จะน้อยกว่ามาก เอกสารเหล่านี้หากมีการเก็บรวบรวมขึ้นแล้ว ทำการศึกษา คงจะทำให้การศึกษาด้านไวยากรณ์บาลี และหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามีการเปรียบเทียบ กับเอกสารฉบับภาษาไทย เพื ่อนำไปสู ่ข้อสรุปที ่สมบูรณ์ ของการศึกษาต่อไป
45 พระยาสี่เสาร เปรียบเทียบฉบับวัดเทียนดัด กับฉบับกรมศิลปากร นายดอกรัก พยัคศรี ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ที่มาของเรื่อง วรรณกรรมเรื่อง พระสี่เสาร์หรือพระสี่เสาร์กลอนสวดนี้ มีที ่มาจากชาดกนอกนิบาต คือ ปัญญาสชาดก โดยนำเนื้อเรื่อง จาก “สิโสรชาดก” มาแต่งเป็นวรรณกรรมกลอนสวด ชาดก ในปัญญาสชาดกถือว่ามีอิทธิพลในการสร้างสรรค์งานวรรณกรรม ร้อยกรองของไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เช่น เรื่องสมุทรโฆษ เรื่องพระรถเสน เรื่องพระสุธน เป็นต้น สำหรับเรื่องพระสี่เสาร์ นี้ หมื่นพรหมสมพัตสร (มี) กวีสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น กล ่าวถึงใน “นิราศเดือน” ซึ ่งสันนิษฐานว ่าแต ่งขึ้นในสมัย รัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ลักษณะเอกสาร พระยาสี่เสาร์ (เป็นชื่อที่ปรากฏในหน้าแรกของเอกสาร) ฉบับวัดเทียนดัด เป็นเอกสารตัวเขียนหนังสือสมุดไทยขาว
46 ของวัดเทียนดัด ตำบลบ้านใหม่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ได้สำรวจ ข้อมูล และทำสำเนาดิจิทัลจำนวน 79 ไฟล์ รหัสเอกสาร NPT008-005 พระยาสี ่เสาร์ และเผยแพร ่ผ ่านเว็บไซต์ ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย พระสี ่เสาร์กลอนสวด ฉบับกรมศิลปากรใช้ต้นฉบับ เป็นหนังสือสมุดไทย เก็บรักษาไว้ที ่กลุ ่มหนังสือตัวเขียน และจารึก หอสมุดแห ่งชาติ โดยการตรวจสอบชำระครั้งนี้ ใช้ต้นฉบับตัวเขียน2 สำรับ ได้แก่ สำรับที่ 1 เอกสารเลขที่ 562 หมวดวรรณคดี หมู่กลอนสวด เรื่องพระสี่เสาร์ และสำรับที่ 2 เอกสารเลขที่ 563 หมวดวรรณคดี หมู่กลอนสวด เรื่องพระสี่เสาร์ กรมศิลปากรได้เปรียบเทียบเนื้อหาทั้ง 2 สำรับแล้ว พบว ่ามีลักษณะใกล้เคียงกัน เอกสารสำรับที ่ 1 ไม ่มีบท นมัสการตอนต้น และเมื ่อพิจารณาสำนวนภาษาปรากฏว่า เอกสารสำรับที่ 1 นี้น่าจะมีความเก่ากว่าเอกสารสำรับที่ 2 แต่ถ้อยคำหลายแห่งหายไปไม่ครบตามฉันทลักษณ์ ต่างจาก เอกสารสำรับที่ 2 ที่มีถ้อยคำสมบูรณ์กว่า และสันนิษฐานว่า น ่าจะเป็นสำนวนที ่มีการแต ่งเพิ ่มเติมภายหลังโดยขยาย รายละเอียดบางส ่วนออกไปจากเดิมแต ่เค้าโครงเรื ่อง ไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นกรมศิลปากรจึงได้ใช้เอกสารสำรับที่ 2 เป็นหลักในการตรวจสอบ และได้ปรับอักขรวิธีบางส ่วน ให้ใกล้เคียงปัจจุบัน ง
47 เปรียบเทียบ พระยาสี่เสาร์ ฉบับวัดเทียนดัด มีลักษณะเป็นวรรณกรรม กลอนสวด เขียนด้วยกาพย์ยานี กาพย์สุรางคนางค์ และ กาพย์ฉบัง สลับกันไปตลอดทั้งเล ่ม จำนวน 860 บท แบ ่งเป็นสองส ่วน คือ ส ่วนบทนมัสการ 10 บท กล ่าวถึง คุณของมารดา และส่วนของเนื้อเรื่อง 850 บท ในขณะที่ฉบับ กรมศิลปากรมีทั้งหมด 864 บท ส ่วนบทนมัสการ 8 บท และส่วนเนื้อเรื่อง 856 บท ชื่อบทที่แสดงฉันทลักษณ์ประจำบท ในฉบับวัดเทียนดัด ได้แก ่ ยานี พิลาป ฉบัง สุรางคนางค์ ส่วนฉบับกรมศิลปากร ได้แก่ นมัสการ ยานี ยานีช้าลูกหลวง เยสันตรา พิลาป ฉบัง สุรางคนางค์ สุรางคนางค์พิลาป พระยาสี ่เสาร์ ฉบับวัดเทียนดัด กับพระสี ่เสาร์ ฉบับ กรมศิลปากรส่วนใหญ่มีความใกล้เคียงกัน ทั้งในด้านจำนวน บทประพันธ์ ชื ่อเมือง ชื ่อตัวละครต ่าง ๆ ภายในเรื ่อง แตกต่างกันในบทนมัสการของฉบับกรมศิลปากรเป็นบทไหว้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ เทพเทวดา คุณบิดามารดา ในขณะที่ฉบับวัดเทียนดัดบทนมัสการจะเน้น ไปที ่การกล ่าวถึงพระคุณมารดาตั้งแต ่อุ้มท้อง จะกินจะเดิน ก็เป็นห่วงลูกน้อยในครรภ์ ต้องคอยประคบประหงมจนคลอด ออกมาก็ป้อนน้ำป้อนนม แผ่นดินหรือท้องฟ้าก็มิอาจเปรียบได้ กับคุณของมารดา และบางช ่วงบางตอนก็มีสำนวนแตกต ่าง ด้วยเช ่นกัน ในส ่วนของเนื้อหา ฉบับวัดเทียนดัดมีความ สมบูรณ์น้อยกว่าฉบับกรมศิลปากรที่มีเนื้อหาครบถ้วนไม่ตกหล่น
48 ทั้งในส่วนของคำและบท เป็นเพราะว่าฉบับกรมศิลปากรชำระ จากต้นฉบับ 2 สำรับมาแล้ว ในด้านสำนวนภาษาฉบับกรมศิลปากรมีความไพเราะ สละสลวยกว่าฉบับวัดเทียนดัด มีการขยายความบรรยายฉาก เพิ ่มเติม นอกจากนี้ฉบับวัดเทียนดัดมีคำที ่ไม ่ส ่งสัมผัส กับวรรคถัดไปค ่อนข้างมาก และมีการใช้คำผิด ไม ่ตรงกับ บริบทรอบข้าง สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะการฟังผู้อ ่าน ต้นฉบับที่คลาดเคลื่อนไปของผู้คัดลอก พระยาสี่เสาร์ ฉบับวัดเทียนดัด มีบันทึกของผู้เขียนที่อยู่ ท้ายเรื่อง โดยผู้เขียนได้ระบุวันที่เขียนเสร็จไว้ว่าเป็นวันเสาร์ เดือนแปด ขึ้น 13 ค่ำ และได้ออกตัวว่าหากใครยืมไปอ ่าน ก็ขอให้รักษาให้ดีๆ อย่านอนอ่าน (สันนิษฐานว่าอาจจะพลาด ทำหนังสือฉีกขาดได้) เพราะกว่าจะเขียนได้จบก็ปวดหลังมาก ผู้เขียนสันนิษฐานว่าเป็นพระสงฆ์ เนื่องจากตอนท้ายบันทึกว่า หลวงพี ่อยากฉันหมากพลูบุหรี ่ ให้สีกาสาว ๆ เอามาถวาย พร้อมทั้งขออภัยประสกสีกาทั้งหลายที ่มานั ่งฟังเรื ่อง พระสี่เสาร์ เนื่องจากเป็นวรรณกรรมกลอนสวดจึงมักใช้เป็น เรื่องที่เทศน์ญาติโยมภายในวัด