The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเรียนภาษาไทยรวมเล่ม ชั้น ป.๖

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nittaya Rueangsuwan, 2024-06-10 02:50:54

หนังสือเรียนภาษาไทยรวมเล่ม ชั้น ป.๖

หนังสือเรียนภาษาไทยรวมเล่ม ชั้น ป.๖

๖ ชั้นประถมศึกษาปีที่ หนันั นันั งสืสื สื อสื อเรีรี รี ยรี ยนรายวิวิ วิชวิา พื้พื้ พื้ น พื้ พื้ น พื้ ฐาน ภาษาไทย วรรณคดีดี ดี ลำดี ลำลำลำนำนำ นำนำ นำนำ รู้รู้รู้รู้รัรั รัรักกษ์ษ์ ษ์ษ์ ภภาาษษาาไไททยย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาชั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาชั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑


รู้รู้รู้รู้รัรั รัรักกษ์ษ์ ษ์ษ์ ภภาาษษาาไไททยย


หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ภาษาไทย ใครว่ายาก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เป็นหนังสือที่คณะผู้จัดทำ ดำ เนินการจัดทำ ขึ้น เพื่อใช้ในการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐานกลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทยตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ แนว การนำ เสนอเนื้อหาของหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย รู้รักษ์ ภาษาไทย ชั้น มัธยมศึกษาปีที่๖มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ศึกษาวรรณคดีที่กำ หนดไว้ในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องวรรณคดีสำ หรับจัดการเรียนการสอนภาษาไทยตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้น ฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ และเพื่อให้เข้าใจถึงคุณค่าของวรรณคดีด้านต่าง ๆ เช่น คุณค่าด้าน อารมณ์คุณค่าด้านวรรณศิลป์และคุณค่าที่สร้างสรรค์จากจินตนาการของกวี นอกจากนี้ยังส่ง เสริมและกระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล นำ ไปสู่ความรู้ ความ เข้าใจ ความรู้สึกนึกคิดและวิถีชีวิตของบรรพบุรุษ ชาบขึ้งในวรรณคดี วัฒนธรรมทางภาษาและ ความเป็นไทย โดยนำ เสนออย่างน่าสนใจและชวนติดตาม คณะผู้จัดทำ หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยอย่างมี ประสิทธิภาพ เป็นไปตามหลักการและบรรลุเป้าหมายของหลักสูตร หากมีข้อเสนอแนะเพื่อการ ปรับปรุงแก้ไข คณะผู้จัดทำ จะประปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และขอขอบคุณสมาชิกในกลุ่ม ทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำ หนังสือเรียนนี้ให้สำ เร็จลุล่วงด้วยดี ณ โอกาสนี้ คำ นำ ชลธิชา ผลสมหวังและคณะ กันยายน ๒๕๖๖


คำ นำ สารบัญ บทที่ ๑ สังข์ทอง บทที่ ๒ การเดินทางของพลายน้อย บทที่ ๓ อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี บทที่ ๔ บทเห่กล่อมพระบรรทม บทที่ ๕ รามเกียรติ์ ตอน ศึกไมยราบ บรรณานุกรม สารบับั บั ญ บั ญ ๑ ๑๔ ๒๒ ๓๖ ๔๗ ๕๒


บบททที่ที่ ที่ที่ ๑๑ สัสัสัสังงข์ข์ ข์ข์ททอองง


นิทานพื้นบ้าน เป็นนิทานประเภทหนึ่ง เป็นเรื่องราวที่เล่าสืบต่อ กันมาซึ่งอาจไม่มีบันทึกเป็นหลักฐาน มักเป็นเรื่องราวจากจินตนาการ แสดงความเชื่อของชาวบ้าน นิทานพื้นบ้านไทยนั้นมีทั้งนิทานไทยที่เล่า สู่กันฟังในหมู่บ้านท้องถิ่นต่าง ๆ และนิทานที่มาจากต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ความเป็นมาของนิทานพื้นบ้าน 1 ความสำ คัญของนิทานพื้นบ้าน นิทานพื้นบ้านมีบทบาทสำ คัญต่อการถ่ายทอดการเรียนรู้ เสริมสร้างบุคลิกภาพ มีพลังโน้มน้าวความคิด ทัศนคติ และพฤติกรรม ของแต่ละบุคคล รวมทั้งมีความสำ คัญต่อชีวิตมนุษย์และสังคมในหลาย ด้าน ดังนี้ 1. คุณค่าด้านอารมณ์มีจุดมุ่งหมายสำ คัญให้ความเพลิดเพลินแก่ผู้ฟัง 2. คุณค่าด้านการให้ข้อคิดและคติเตือนใจ ขัดเกลาคนให้มีค่านิยมของ สังคมตามที่วางไว้ 3. คุณค่าด้านสติปัญญา เป็นคลังความรู้มาหลายชั่วอายุคน มีคุณค่า ทำ ให้เกิดภูมิรู้ สติปัญญา สังข์ทอง


นิทานพื้นบ้าน เรื่อง สังข์ทอง เป็นนิทานที่ปรากฏทั้ง ในรูปแบบมุขปาฐะและลายลักษณ์อักษร อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่มี ความสนุกสนานและเป็นนิยม มีตัวละครที่เป็นรู้จักกันเป็นอย่าง ดี คือ เจ้าเงาะซึ่งคือพระสังข์กับนางรจนา เป็นนิทานที่คนไทย ในท้องถิ่นต่างๆ คุ้นเคยและชื่นชอบ ดังปรากฏแพร่หลายใน ท้องถิ่นต่างๆ หลากหลายสำ นวนนอกจากความนิยมนิทาน สังข์ทองในรูปแบบของวรรณกรรมแล้ว นิทานสังข์ทองยังมี ความสัมพันธ์และบทบาทในวิถีชีวิตไทยด้านต่างๆ เช่น ชื่อสถานที่ สำ นวนไทย เพลงพื้นบ้าน ปริศนาคำ ทาย ตำ รา พยากรณ์ชีวิต จิตรกรรม ตลอดจนศิลปะแขนงต่างๆ นิทานพื้นบ้าน เรื่อ รื่ ง สังข์ทอง 2 สังข์ทอง


ณ เมืองยศวิมลนคร อันมีท้าวยศวิมลเป็นเจ้าเมือง พระมเหสีจันเทวีได้คลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์ จึงถูก พระนางจันทา มเหสีรอง ใส่ร้ายว่าเป็นกาลีบ้านเมือง จนถูกขับออกจากเมืองไปอยู่กระท่อมตายายที่ชายป่า เรื่อ รื่ งย่อนิทาน เรื่อ รื่ ง สังข์ทอง 3 สังข์ทอง


จนกระทั่งพระสังข์ที่ซ่อนอยู่ในหอย ได้ออกมาพบแม่ สร้างความยินดีกับพระนางจันเทวีมากข่าวล่วงรู้ไปถึงนางจันทา จึงได้ส่งคนมาจับพระสังข์ไปถ่วงน้ำ แต่ท้าวภุชงค์พญานาคราช ช่วยเอาไว้ และส่งให้ไปอยู่กับนางพันธุรัตพระสังข์รู้ว่า นางพันธุรัตเป็นยักษ์จึงขโมยรูปเงาะ ไม้เท้า เกือกแก้ว เหาะหนี มาอยู่บนเขา นางพันธุรัตตามมาทันแต่ ไม่สามารถขึ้นไปหา พระสังข์ได้ จึงได้มอบมนต์มหาจินดา เรียกเนื้อเรียกปลาให้แก่ พระสังข์ก่อนที่นางพันธุรัตจะสิ้นใจตายที่เชิงเขา นั่นเอง 4 สังข์ทอง


พระสังข์เหาะมาจนถึงเมืองสามล ท้าวสามลและนาง มณฑากำ ลังจัดพิธีเลือกคู่ให้ธิดาทั้งเจ็ด แต่รจนาพระธิดาองค์ สุดท้อง ไม่ยอมเลือกใครเป็นคู่ ท้าวสามลจึงให้คนไปตามเจ้า เงาะมาให้เลือก รจนาเห็นรูปทองที่ซ่อนอยู่ในรูปเงาะจึงเสี่ยง มาลัยไปให้ สร้างความพิโรธให้ท้าวสามาลจึงถึงกับขับไล่รจนา ให้ไปอยู่กระท่อมปลายนากับเจ้าเงาะ 5 สังข์ทอง


ท้าวสามลหาทางแกล้งเจ้าเงาะ โดยการให้ไปหาเนื้อหา ปลาแข่งกับเขยทั้งหก เจ้าเงาะให้มนต์ที่นางพันธุรัตให้ไว้เรียก เนื้อ เรียกปลามารวมกันทำ ให้หกเขยหาปลาไม่ได้ จึงต้องยอม ตัดปลายหูและปลายจมูกแลกกับเนื้อและปลาท้าวสามลพิโรธ มากจนถึงกับคิดหาทางประหารเจ้าเงาะร้อนถึงพระอินทร์ ต้องหาทางช่วยโดยการลงมาท้าตีคลีชิงเมือง กับท้าวสามล ท้าวสามลส่งหกเขยไปสู้ก็สู้ไม่ได้ จึงต้องยอมให้เจ้าเงาะ ไปสู้แทน ุ6 สังข์ทอง


เจ้าเงาะถอดรูปเป็นพระสังข์และสู้กับพระอินทร์ จนชนะ ท้าวสามลจึงยอมรับพระสังข์กลับเข้าเมืองและจัดพิธี อภิเษกให้ พระอินทร์ไปเข้าฝันท้าวยศวิมล เพื่อบอกเรื่องราว ทั้งหมด ท้าวยศวิมลจึงออกตามหาพระนางจันเทวีจนพบ และได้เดินทาง ไปเมืองสามลนครเพื่อพบพระสังข์ 7 สังข์ทอง


โดยพระนางจันเทวีได้ปลอมเป็นแม่ครัวในวังและได้แกะ สลักเรื่องราวทั้งหมดบนชิ้นฟัก ให้พระสังข์เสวย ทำ ให้พระสังข์ รู้ว่าแม่ครัวคือพระมารดานั่นเอง พระสังข์และรจนาจึงได้เสด็จ ตามท้าวยศวิมลและพระนางจันเทวีกลับไปครองเมืองยศวิมล สืบไป 8 สังข์ทอง


นางเห็นรูปสุวรรณอยู่ชั้นใน ใครใครไม่เห็นรูปทรง รูปเงาะสวมไว้ให้คนหลง พระเป็นทองทั้งองค์อร่ามตา นักเรียนสงสัยไหมว่าพระสังข์มีรูปทองซ่อนอยู่ในร่างเงาะ มีรูปงามสีทอง ภายใต้ผิวดำ นั้น กวีต้องการสื่อความหมายว่า อย่างไร ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว มนุษย์มีความหลากหลาย บางคนมีผิวคล้ำ บางคนมีผิวขาว บางคนร่ำ รวย บางคน ยากจน แต่เรากำ หนดไม่ได้ว่าใครเป็นคนดีหรือไม่จากเปลือกนอกเหล่านี้ สาระสำ คัญ เรื่อ รื่ ง สังข์ทอง 9 สังข์ทอง


เมื่อนั้น พระสังข์ซ่อนอยู่ก็รู้สิ้น พระแม่ไปป่าเป็นอาจิณ ในจิตคิดถวิลทุกเวลา จะใคร่ออกช่วยพระแม่เจ้า สงสารผ่านเกล้าเป็นหนักหนา เหนื่อยยากลำ บากกายา กลับมาจนค่ำ แล้วร่ำ ไร ไม่ว่าลูกน้อยเป็นหอยปู อุ้มชูชมชิดพิสมัย พระคุณล้ำ ลบภพไตร จะออกให้เห็นตัวก็กลัวการ ไก่ป่าพาฝูงมากินข้าว ของพระแม่เจ้าอยู่ฉาวฉาน คุ้ยเขี่ยเรี่ยรายทั้งดินดาน พระมารดามาเห็นจะร่ำ ไร เยี่ยมลอดสอดดูทั้งซ้ายขวา จะเห็นใครไปมาก็หาไม่ ออกจากสังข์พลันทันใด ฉวยจับไม้ได้ไล่ตี กอบเก็บข้าวหกที่ตกดิน ผันผินลอยลับขยับหนี เหลียวดูผู้คนชนนี จะหนีเข้าสังข์กำ บังตน หุงข้าวหาปลาไว้ท่าแม่ ดูแลจัดแจงทุกแห่งหน ช่วยขับไก่ป่าประสาจน สาละวนเล่นพลางไม่ห่างดู บทอาขยาน สังข์ทอง ตอน กำ เนิดพระสังข์ 10 สังข์ทอง


อธิบายเพิ่ม เติมความรู้ 11 สังข์ทอง เกษมศานต์ (กะ-เสม-สาน) โปร่งอารมณ์ ชื่นชม ยินดี คลาไคล (คฺลา-ไคล) เดินไปเคลื่อนไป จังฑาล (จัง-ทาน) มาจากคำ ว่า จัณฑาล หมายถึง ต่ำ ช้า จุติ (จุ-ติ) เปลี่ยนสภาพจากกำ เนิดหนึ่งไปเป็นอีกกำ เนิดหนึ่ง จู่ลู่ ดูถูก โฉงเฉง เอะอะเอ็ดอึงเป็นทำ นองเกะกะเกเร ชลาลัย (ชน-ลา-ไล) แม่น้ำ คำ ศัพท์ ความหมาย


ลงมือคิด ลงมือทำ 12 สังข์ทอง ๑.ให้นั ห้ ก นั เรีย รี นสรุปความรู้แ รู้ ละข้อ ข้ คิดที่ได้ พร้อ ร้ มทั้งแสดง ความคิดเห็น ห็ จากเรื่อ รื่ ง สัง สั ข์อ ข์ ง และออกมาอภิปรายหน้า น้ ชั้น ชั้ เรีย รี น ๒. ศึก ศึ ษาค้นคว้านิท นิ านพื้น พื้ บ้า บ้ นจากบุคลากรในท้องถิ่น โดย ตั้งข้อ ข้ สัง สั เกต ประวัติ สถานที่ที่มีนิ มี ย นิ ายปรัม รั ปรา หรือ รื มีนิ มี ท นิ าน ประจำ ท้องถิ่น จัดทำ สมุด มุ นิท นิ านพื้นบ้า บ้ นและนำ มาเล่าในชั้น ชั้ เรีย รี น ๓. ช่ว ช่ ยกันเขีย ขี นบทสัง สั ข์ท ข์ อง แล้วนำ มาฝึก ฝึ ซ้อ ซ้ มและแสดง บทบาทสมมุติ มุ ติ


13 สังข์ทอง สังข์ทอง หรรษา พาสนุก สังข์ทอง การ์ตูนเต็มเรื่อ รื่ ง บทอาขยาน สังข์ทอง


การเดิดิ ดิดิ นทางของพลายน้น้ น้น้ อย บทที่ที่ ที่ที่ ที่ที่๒


การเดินทางของพลายน้อย 15 พระสุนทรโวหาร หรือ “สุนทร ภู่” เกิดเมื่อ มื่ วันที่ ๒๖ มิถุ มิ ถุ นายน พ.ศ. ๒๓๒๙ ในสมัยมัรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุง รัตนโกสินทร์ ในปีพ.ศ. ๒๓๖๓ สุนทรภู่เข้า ข้ รับ ราชการในสมัยมัพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ได้รับตำ แหน่ง “ขุน ขุ สุนทรโวหาร” “ขุน ขุ ช้างขุน ขุ แผน” แต่งด้วยกลอนเสภา กลอนเสภา เป็นคำ ประพันธ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งแต่งเพื่อ พื่ ใช้ขับขัเพราะใช้เป็น ป็ กลอนขับขัจึง กำ หนดคำ ไม่แม่น่นอน มุ่งมุ่ การขับขัเสภาเป็น ป็ สำ คัญ จึงใช้คำ ๗ คำ ถึง ๙ คำ การส่งสัมผัสผันอกเหมือ มื นกับกลอนสุภาพ แต่ไม่บัม่งบัคับ หรือห้ามเสียงสูง ต่ำ ตามจำ นวนคำ แต่ละวรรค อยู่ใยู่ นเกณฑ์ กลอน ๗-๙


การเดินทางของพลายน้อย เนื้อเรื่องตอนนี้เริ่มจาก นางวันทองมาอยู่กับขุนช้าง ส่วน ขุนแผนถูกจำ คุกอยู่ที่เมืองหลวง ขณะนั้นนางวันทอง มีครรภ์ เมื่อ ครบสิบเดือน จึงได้ให้กำ เนิดบุตรชาย นางให้ชื่อลูกว่า พลายงาม พลายงามยิ่งยิ่โตก็ยิ่งยิ่งาม หน้าตาละม้ายคล้ายพ่อ คือขุนแผน จน อายุได้เก้าขวบ ขุนช้างรู้ว่าไม่ใช่ลูกของตน จึงลวงไปทำ ร้าย และ เอาท่อนไม้ทับจะให้ตาย ขุนช้างทิ้งพลายงามไว้ในป่า แต่พราย ของขุนแผนช่วยไว้ได้ ดูครึ้มครึกพฤกษาป่าป่ สงัดงั จังหรีดร้องก้องเสียงเคียงเรไร ดุเหว่าร้องมองเมียมีงเสียงว่า อยู่นี่ยู่ นี่ แน่แม่จ๋ม่ จ๋าจงมารับ ไม่แม่กว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว ทั้งลองไนเรื่อยแร่แวแววับ แม่ยืม่นยืชะแง้แ ง้ ลดูเงี่ย งี่ หูตรับ วิ่งกระสับกระสนวนเวียนไป 16


การเดินทางของพลายน้อย พรายของขุนแผนมากระซิบบอกนางวันทองให้ทราบเรื่องที่ ขุนช้างจะฆ่าพลายงาม นางจึงรีบออกไปตามหาลูก ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไป เห็นคุ่มคุ่มพุ่มพุ่ ไม้ใม้ จจะขาด เจ้าไปไหนไม่มม่าหาแม่เม่ลย ฤาล้มตายควายขวิดงูพิงูษพิขบ ยิ่งยิ่เย็น ย็ ย่ำ ค่ำ คลุ้มชอุ่มมัวมั เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อน จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไน ทั้งเป็ด ป็ ผีปี่ผีปี่แปี่ก้วแว่วแว่วหวีด นางวันทองมองหาละล้าละลัง จะบนหมูสุมู สุราร่ำ ว่าครบ แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เ ง้ งย ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาท สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกา เห็นฝูงฝูนกกกบุตบุรยิ่งยิ่สุดเศร้า ชะนีโหวยโหยหวนรัญจวนใจ พอแว่วแว่วแจ้วเสียงสำ เนียงเรียก ตรงเซิงซุ้มคุ่มเคียงนางเมียมีงมอง ความดีใจไปกอดเอาลูกแก้ว เป็น ป็ ไรไม่ไม่ ปเรือนเที่ยวเชือนแช โอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เ ง้ งย พ่อพ่พลายงามทรามสวาทของแม่เม่อ๋ย ที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เม่ห็นตัว ไฉนศพสาบสูญพ่อพ่ทูนหัว ยิ่งยิ่เริ่มรัวเรียกร่ำ ระกำ ใจ จิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย เสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง เสียงจังหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์ ฤาผีบัผีงบัซ่อนเร้นไม่เม่ห็นเลย ขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย โอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อพ่แก้วตา ใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา สกุณานอนรังสะพรั่งไพร โอ้ลูกเราไม่รู้ม่รู้ว่าอยู่ไยู่ หน ยิ่งยิ่อาลัยแลหาน้ำ ตานอง นึกสำ เหนียกหลายหนขนสยอง เห็นลูกร้องไห้สะอื้นยืนยืเหลียวแล แม่มม่าแล้วอย่าย่กลัวทูนหัวแม่ แม่ตม่ามแต่ตะวันบ่าบ่ยเห็นหายไป 17


การเดินทางของพลายน้อย พลายงามร้องไห้เล่าให้แม่ฟังเรื่องที่ถูกขุนช้างทำ ร้าย นางจึง บอกความจริงแก่ลูกว่า บิดาที่แท้จริงคือขุนแผน ขณะนั้นถูกจำ คุก อยู่ที่กรุงศรีอยุธยา ย่าของพลายงามชื่อนางทองประศรี อยู่ที่ วัดเชิงหวายเมืองกาญจนบุรี เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ พลายงามคงอยู่ บ้านกับมารดาต่อไปไม่ได้ วันทองตัดสินใจนำ ลูกไปฝากไว้ที่วัด ก่อน อ้ายศัตรูรู้ความจะตามมา แล้วพากันดั้นดัดไปวัดเขา แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป เอาลูกอ่อนซ่อนไว้เสียในห้อง ท่านขรัวครูผู้เผู้ฒ่าฒ่ว่าเอาวะ แม่จม่ะพาเจ้าไปฝากขรัวนาคไว้ เห็นสมภารคลานเข้า ข้ ไปกราบไหว้ เจ้าคุณได้โปรดด้วยช่วยธุระ เผื่อ ผื่ พวกพ้อ พ้ งเขามาหาอย่าย่ ให้ปะ ไว้ธุระเถิดอย่าย่กลัวที่ผัวผัเลย 18


การเดินทางของพลายน้อย นางวันทองพาพลายงาม ไปฝากไว้กับสมภารชื่อขรัวนาค คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่พลายงามอยู่ห่างบ้าน ทั้งใจยังหวั่นหวาดกับ เรื่องร้าย ที่เกิดขึ้น ขึ้ พลายงามนอนไม่ใคร่หลับตลอดคืน แล้วสมภารท่านก็หลับระงับงัเงียงีบ เพราะแม่ลูม่ลูกผูกผูจิตคิดถึงกัน ดุเหว่าร้องซ้องเสียงสำ เนียงแจ้ว สะดุ้งในไหววับทั้งหลับตา ครั้นรู้สึกนึกได้ให้ละห้อย จนเคาะระฆังฆัหงั่งงั่เหง่งง่เสียงเครงครื้น ยิ่งยิ่เย็น ย็ เยียยีบเยือยืกใจเมื่อ มื่ ไก่ขันขั เฝ้า ฝ้ ใฝ่ฝัฝ่นฝัเฟือฟืนแลเห็นแม่มม่า ให้แว่วแว่วว่าวันทองร้องเรียกหา ร้องขานขาสุดเสียงแต่เที่ยงคืน เจ้าพลายน้อยนิ่งนอนถอนสะอื้น สมภารตื่นเตือนชีต้นสวมมนต์เกน วันรุ่งขึ้น ขึ้ นางวันทองจัดของไปรับลูกที่วัด แล้วพาไปส่งที่ท่า เกวียน ให้พลายงามเดินทางไปหาย่าทองประศรี ที่เมืองกาญจนบุรี เพราะลำ พังนางวันทองคง ไม่สามารถคุ้มคองลูกจากขุนช้างได้ สองแม่ลูกอำ ลากันอย่างเศร้าสร้อย 19


เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย แต่ครั้งนี้มีกมีรรมจะจำ จาก เที่ยวหาพ่อพ่ขอให้ปะเดชะบุญบุ แม่รัม่ รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ยู่ ว่ารัก จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน แม่วัม่ วันทองของลูกจงกลับบ้า บ้ น จะก้มหน้าลาไปมิไมิด้กลัว นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน พ่อพ่ ไปดีศรีสวัสดิ์กำ จัดภัย ลูกผู้ชผู้ ายลายมือมืนั้นคือยศ แล้วพาลูกออกมาข้า ข้ งท่าเกวียน ลูกก็แลดูแม่แม่ม่ดูม่ดูลูก สะอื้นร่ำ อำ ลาด้วยอาลัย เหลียวหลังยังยัเห็นแม่แม่ลเขม้น ม้ แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์ ชำ เลืองแลดูหน้าน้ำ ตาไหล ลูกเติบใหญ่คญ่งจะมาหาแม่คุม่คุณ ต้องพลัดพรากแม่ไม่ ปเพราะไอ้ขุนขุ ไม่ลืม่ ลืมคุณมารดาจะมาเยือยืน คนอื่นสักหมื่น มื่ แสนไม่แม่ม้น ม้ เหมือมืน จะจากเรือนร้างแม่ไม่ ปแต่ตัว เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูม่ทูนหัว แม่อม่ย่าย่มัวมัหมองนักจงหักใจ อำ นวยพรพลายน้อยละห้อยไห้ จนเติบใหญ่ยิ่ญ่งยิ่ยวดได้บวชเรียน เจ้าจงอตส่าห์ทำ สม่ำ เสมียมีน จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ ต่างพันพัผูกผูเพียพีงว่าเลือดตาไหล แล้วแข็ง ข็ใจจากนางตามทางมา แม่ก็ม่ ก็ เห็นลูกน้อยละห้อยหา โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนยืตะลึง การเดินทางของพลายน้อย พลายงามเดินทางตามลำ พัง แวะพักค้างคืนที่วัดต่างๆ ระหว่างทาง จนมาถึงเมืองกาญจนบุรี ได้ขึ้น ขึ้ไป ปีนต้นมะยมเล่น โดยมิได้รู้ว่ามาถึงบ้านย่าแล้ว นางทองประศรีออกมาไล่ทุบตี จน เมื่อไต่ถามกันจึงรู้ว่าเป็นหลาน นางทำ พิธีสมโภชรับขวัญ แล้วพา ไปหาขุนแผนที่กรุงศรีอยุธยา 20


การเดินทางของพลายน้อย พลายงามเล่าเรื่องขุนช้างให้พ่อฟัง ขุนแผนโกรธมาก จะไปฆ่า ขุนช้าง แต่นางทองประศรีห้ามไว้ และเตือนสติต่างๆ นานา ขุนแผน จึงค่อยสงบลง และฝากฝังลูกไว้กับย่า ให้ตั้งใจเรียนเขียนอ่าน ลูกเห็นแต่แม่คุม่คุณค่อยอุ่นใจ อันตำ รับตำ ราสารพัดพั ถ้าลืมหลงตรงไหนไขออกดู แล้วลูบหลังสั่งความพลายงามน้อย รู้สิ่งไรไม่สู้ม่ สู้ รู้วิชา ช่วยสอนให้พลายงามเรียนความรู้ ลูกเก็บจัดแจงไว้ที่ในตู้ ทั้งของครูของพ่อพ่ต่อกันมา เจ้าจงค่อยร่ำ เรียนเขียขีนคาถา ไปเบื้อ บื้ งหน้าเติบใหญ่จญ่ะให้คุณ นางทองประศรีจึงพาพลายงามกลับ พลายงามอาศัยอยู่กับ นางทองประศรีที่กาญจนบุรี ได้ร่ำ เรียนหนังสือ และคาถาอาคมจน แตกฉานไม่ด้อยกว่าขุนแผน อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อย ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินยิดี ปัถปัมังมัตั้งตัวนะปัดปัตลอด หัวใจกริดอิทธิเจเสน่ห์กล เข้า ข้ ในห้องลองวิชาประสาเด็ก มหาทะมื่น มื่ ยืนยืยงคงกระพันพั แล้วทำ ตัวหัวใจอิติปิโปิส สะกดคนมนต์จังงังงักำ บังบักาย ทั้งเรียนธรรมกรรมฐานนิพพานสูตร ผูกผูพยนต์หุ่นหญ้า ญ้ เข้า ข้ ราวี ค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี เรียนคัมภีร์พุทพุธเพทพระเวทมนต์ แล้วถอนถอดถูกต้องเป็น ป็ ล่องหน แล้วเล่ามนต์เสกขมิ้นมิ้กินน้ำ มันมั แทงจนเหล็กแหลมลู่ยู่ขยู่ ยั้นยั้ ทั้งเลขยันยัต์ลากเหมือมืนไม่เม่คลื่อนคลาย สะเดาะโซ่ตรวนได้ดังใจหมาย เมฆฉายสูรย์จั ย์ จันทร์ขยันยัดี ร้องเรียกภูตพรายปราบกำ ราบผี ทองประศรีสอนหลานชำ นาญมา จนเมื่อพลายงามอายุได้สิบสามปี นางทองประศรีจึงได้จัดพิธีโกน จุกตามประเพณี 21


การเดินทางของพลายน้อย ถึงวันดีนิมนต์ขรัวเกิดเฒ่าฒ่ พอพิณพิพาทย์ค ย์ าดตระสะธุการ นั่งสวดมนต์จนจบพอพลบค่ำ อยู่วัยู่ วัดเขาชนไก่ใกล้กับบ้า บ้ น ท่านสมภารพาสงฆ์สิฆ์ สิบองค์มา ก็ซัดน้ำ มนต์สาดเสียงฉาดฉ่า วันรุ่งขึ้น ขึ้ พลายงามก็เดินทางเข้ามากรุงศรีอยุธยา เมื่อขุนแผน ได้พบพลายงามก็ดีใจ ซักไซ้ไต่ถามดูก็ทราบว่า มารดาตนสั่งสอน พลายงามมาอย่างดี จึงนำ ไปฝากฝังกับจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชให้ ช่วยพาไปถวายตัว จมื่นศรีพิจารณา พลายงามเห็นเป็นเด็กฉลาด จึงรับไว้ในบ้านเหมือนเป็นนักเรียนประจำ แนะนำ สั่งสอนให้ศึกษา หาความรู้เพิ่มพิ่เติมไว้อีก ในระหว่างที่พักอยู่ที่บ้าน ครานั้นจมื่น มื่ ศรีเสาวรักษ์ร ษ์ าช จะเป็น ป็ ข้า ข้ จอมนรินทร์ปิ่นปิ่นคร พระกำ หนดกฎหมายมีหมีลายเล่ม กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการ แล้วให้รู้สุภาษิตษิบัณบัฑิตพระร่วง ราชาศัพท์รับสั่งให้บังบัควร ที่ไม่สู่ม่ สู่รู้อะไรผู้ใผู้หญ่เญ่ด็ก เสียตระกูลสูญลับอัประมาณ นี่ตัวเจ้าเหล่ากอทั้งพ่อพ่แม่ แล้วจัดแจงห้องหับให้หลับนอน เรียกพลายงามทรามสวาดิมาสั่งสอน อย่าย่นั่งนอนเปล่าเปล่าไม่เม่ข้า ข้ การ เก็บไว้เต็มตู้ใหญ่ไญ่ขออกอ่าน มณเฑียรบาลพระบัญบัญัติญั ติตัดสำ นวน ตามกระทรวงผิดผิชอบคิดสอบสวน รู้จงถ้วนถี่ไว้จึงได้การ มหาดเล็กสามต่อพ่อพ่ลูกหลาน เพราะเกียจคร้านคร่ำ คร่าเหมือมืนพร้า มอญ อย่าย่เชือนแชอุตส่าห์จำ เอาคำ สอน ไม่อม่าวรณ์เธอช่วยเลี้ยงเป็น ป็ เที่ยงธรรม นอกจากจะสอนวิชาความรู้แล้ว จมื่นศรียังให้พลายงามตาม หลังเข้าวัง เพื่อศึกษาแนวทางและวิธี ปฏิบัติตนด้วย 22


การเดินทางของพลายน้อย ............... เธอเข้า ข้ เฝ้า ฝ้ เจ้าก็นั่งบังบัไม้ดั ม้ ดั ค่อยรู้ก่อนผิดผิชอบรอบคอบไป ครั้นอยู่บ้ยู่ า บ้ นอ่านคำ พระธรรมศาสตร์ ทุกคืนวันตามหลังเข้า ข้ วังใน คอยฟังฟัตรัสตรึกตราอัชฌาสัย ด้วยมิไมิด้คบเพื่อ พื่ นเที่ยวเชือนแช ตำ รับราชสงครามตามกระแส เมื่อจมื่นศรีฯ เห็นว่า พลายงามมีวิชาความรู้ครบถ้วนจบ หลักสูตร กิริยามารยาทเป็นที่พอใจ สมควร เข้ารับราชการได้ ก็พา พลายงามถวายตัวต่อพระมหากษัตริย์ ฝ่าฝ่ยจมื่น มื่ ศรีเสาวรักษ์ร ษ์ าช ขอเดชะพระกรุณาฝ่าฝ่ละออง บุตบุรขุนขุแผนแสนสท้านหลานทองประศรี จะขอรองมุลิมุลิกาพยายาม ครานั้นสมเด็จพระพันพัวษา จะออกโอษฐ์โปรดขุนขุแผนแสนสะท้าน ให้เคลิ้มพระองค์ทรงกลอนละครนอก ลืมประภาษราชกิจที่คิดไว้ อภิวาทบาทมูลมูทูลฉลอง ดอกไม้ธู ม้ธูปเทียนทองของพลายงาม ความรู้มีเมีรียบราบไม่หม่ยาบหยาม พลางกราบสามทีสดับตรับโองการ เหลือบเห็นหน้าพลายงามความสงสาร แต่กรรมนั้นบันบัดาลดลพระทัย นึกไม่อม่อกเวียนวงให้หลงใหล กลับเข้า ข้ ในแท่นที่ศรีไสยา ด้วยผลกรรมดลพระทัยสมเด็จพระพันวษา พลายงามจึงยังไม่ ได้เข้ารับราชการในครั้งนี้ 23


การเดินทางของพลายน้อย การเขียนแผนภาพโครงเรื่อง เป็นการเขียนเพื่อแสดงให้เห็น โครงเรื่องโดยรวมทั้งเรื่อง ทำ ให้จับใจความของเรื่องที่อ่านได้ดียิ่งขึ้น การเขียนแผนภาพโครงเรื่อง ต้องอาศัยการตั้งคาถาม และ ตอบคำ ถามจากเรื่องที่อ่านว่าตัวละครในเรื่องมีใครบ้าง สถานที่เกิด อยู่ที่ไหน มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ขึ้ และผลของเหตุการณ์นั้นคืออะไร แล้วจึงเขียนเป็นแผนภาพโครงเรื่อง โดยลำ ดับเหตุการณ์ ดังนี้ ๑. ชื่อเรื่อง ๒. ตัวละครในเรื่อง ๓. สถานที่ ๔. เหตุการณ์ ๕. ผลของเหตุการณ์ ๖. ข้อ ข้ คิด 24


การเดินทางของพลายน้อย ๑. กําหนดชื่อเรื่อง หรือ ความคิดรวบยอด ๒. หาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชื่อเรื่อง สาระ สําคัญและจดบันทึกเป็นกลุ่มคำ สั้น ๆ ๓. นําคําที่จดบันทึกไว้มาตั้งชื่อเป็นหัวข้อ ย่อยและเรียงลําดับตามความสําคัญ ๔. เลือกรูปแบบแผนภาพความคิด ให้ เหมาะสมกับการนําไปใช้ ๑. ทําให้รู้จักรวบรวมความรู้ที่ได้จากการ อ่าน ๒. จดจําได้ง่าย และแม่นยำ ยิ่งยิ่ขึ้น ขึ้ ๓. ใช้จัดขอบเขตความรู้ ความคิด ๔. เพื่อกําหนดทิศทางของเรื่องที่จะเขียน ๕. ทําให้งานเขียนมีประเด็นที่ชัดเจน ได้ใจ ความสมบูรณ์ครบถ้วน 25


การเดินทางของพลายน้อย 26


การเดินทางของพลายน้อย 27


อย่ย่ ย่ า ย่ าชิชิ ชิ งชิ งสุสุสุ ก สุ กก่ก่ ก่ อ ก่ อนห่ห่ ห่ า ห่ ามไม่ม่ ม่ ง ม่ งามดีดี ดีดี บทที่ ๓ อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี


อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี สุภาษิตสอนหญิง ญิ ผู้ใดเกิดเป็น ป็ สตรีอั รีอันมีศักดิ์ บำ รุงรักรักายไว้ใว้ ห้เ ห้ป็น ป็ ผล สงวนงามตามระบอบให้ช ห้ อบกล จึง จึ พ้นภัยพาลการนินทา เป็น ป็ สาวแส้แร่ร ร่ วยสวยสะอาด ก็หมายมาดเหมือนมณีอันมีค่า แม้นแตกร้า ร้ วรานร่อ ร่ ยถอยราคา จะพลอยพาหอมหายจากกายนาง จะนุ่งห่ม ห่ ดูพอสมศักดิ์สงวน ให้สห้ มควรรับรัพักตร์ต ร์ ามศักดิ์ศรี จะผัดหน้าทาแป้ง ป้ แต่งอินทรีย์ รีย์ ดูฉวีผิ วี ผิ วเนื้ออย่า ย่ เหลือเกิน 29


จงรักรันวลสงวนงามห้า ห้ มใจไว้ อย่าย่หลงใหลจำ คำ ที่ร่ำ สอน คิดถึงหน้าบิด บิ าแลมารดร อย่าย่รีบ รี ร้อ ร้ นเร็ว ร็ นักมักไม่ดี เมื่อสุกงอมหอมหวนจึง จึ ควรหล่น อยู่กัยู่ กับต้นอย่าย่ ให้พ ห้ รากไปจากที่ อย่าย่ชิง ชิสุกก่อนห่าห่มไม่งามดี เมื่อบุญมีคงจะมาอย่าย่ ปรารมภ์ อย่าย่คิดเลยคู่เชยคงหาได้ อุตส่าห์ทำ ห์ ทำลำ ไพ่เก็บประสม อย่าย่เกียจคร้า ร้ นการสตรีจ รี งนิยม จะอุดมสินทรัพรัย์ไย์ ม่อับจน ถ้าแม้นทำ สิ่งใดให้ต ห้ ลอด อย่าย่ทิ้งทอดเที่ยวไปไม่เป็น ป็ ผล เขม้นขะมักรักรังานการของตน อย่าย่ซุกซนคบเพื่อนไพล่เชือ ชื นแช เมื่อเหนื่อยอ่อนนอนหลับอยู่กัยู่ กับบ้า บ้ น อย่าย่เที่ยวพล่านพูดผลอประจ๋อ จ๋ ประแจ๋ อะไรฉาวกราวเกรีย รี วอย่าย่เหลียวแล ฟังให้แ ห้ น่เนื้อความค่อยถามกัน อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี แม้นลูกดีก็จะมีศรีสรี ง่า ญาติวงศ์พงศาก็ผ่องใส ถึงเพื่อนบ้า บ้ นฐานถิ่นที่ใกล้ไกล ก็มีใจสรรเสริญ ริ เจริญ ริ พร 30


อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี ระวังวัดูเรือ รื นเหย้า ย้ แลข้า ข้ วของ จะบกพร่อ ร่ งอะไรที่ไหนนั่น เห็น ห็ไม่มีแล้วอย่า ย่ อ้างว่า ว่ ช่า ช่ งมัน จงผ่อนผันเก็บเล็มให้เ ห้ ต็มลง มีสลึงพึงประจบให้ค ห้ รบบาท อย่า ย่ ให้ข ห้ าดสิ่งของต้องประสงค์ จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง อย่า ย่ จ่า จ่ ยลงให้ม ห้ ากจะยากนาน ไม่ควรซื้อ ซื้ ก็อย่า ย่ ไปพิไรซื้อ ซื้ ให้เ ห้ป็น ป็ มื้อเป็น ป็ คราวทั้งคาวหวาน เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล จงเลี้ยงท่านอย่า ย่ ให้อ ห้ ดระทดใจ ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ ได้การุณเลี้ยงรักรัษามาจนใหญ่ อุ้มอุทรป้อ ป้ นข้า ข้ วเป็น ป็ เท่าไหร่ หมายจะได้พึ่งพาธิด ธิ าดวง ถ้าเราดีมีจิต จิ คิดอุปถัมภ์ กุศลล้ำ เลิศเท่าภูเขาหลวง จะปรากฏยศยิ่ง ยิ่สิ่งทั้งปวง กว่า ว่ จะล่วงลุถึงซึ่ง ซึ่ พิมาน เทพไทในห้อ ห้ งสิบหกชั้นชั้จะชวนกันสรรเสริญ ริ เจริญ ริ สาร ว่า ว่ สตรีนี้ รี นี้ เป็น ป็ ยอดยุพ ยุ าพาล ได้เลี้ยงท่านชนกชนนี 31


อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี จะพูดจาปราศรัยรักับใครนั้น อย่าย่ตะคั้นตะคอกให้เ ห้ คืองหู ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้น ขึ้ มึงกู คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ แม้นจะเรีย รี นวิช วิ าทางค้าขาย อย่าย่ ปากร้า ร้ ยพูดจาอัชฌาสัย จึง จึ ซื้อ ซื้ ง่ายขายดีมีกำ ไร ด้วยเขาไม่เคืองจิต จิ ระอิดระอา เป็น ป็ มนุษย์สุย์ สุ ดนิยมเพียงลมปาก จะได้ยากโหยหิว หิ เพราะชิว ชิ หา แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา จะพูดจาจงพิเคราะห์ให์ ห้เ ห้ หมาะความ ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ ได้การุณเลี้ยงรักรัษามาจนใหญ่ อุ้มอุทรป้อป้นข้าข้วเป็นป็เท่าไหร่ หมายจะได้พึ่งพาธิดธิาดวง 32


อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี รู้เพิ่ม เสริมความรู้ ๑. สุภาษิตสอนหญิง ญิ นี้ สมเด็จพระเจ้า จ้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำ รงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า ว่ เป็น ป็ บท ประพันธ์ข ธ์ องสุนทรภู่ ที่แต่งขึ้น ขึ้ ในช่ว ช่ งสมัยรัชรักาลที่ ๓-๔ แห่ง ห่ กรุงรัตรันโกสินทร์ นอกจากนี้ยังยัมีผู้สันนิษฐานแตกต่างกันไป ว่า ว่ ผู้แต่งอาจไม่ใช่สุช่ สุ นทรภู่ก็ได้ เพราะมีกวีที่ วีที่นามว่า ว่ “ภู่” หลายคน จึง จึไม่อาจสรุปได้แน่ชัดชัว่า ว่ เป็น ป็ ผลงานของใครกันแน่ 33


อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี รู้เพิ่ม เสริมความรู้ ๒. สุภาษิตสอนหญิง ญิ เป็น ป็ วรรณคดีประเภทคำ สอน ที่แสดงวัตวัถุประสงค์ไว้ใว้ นเนื้อหาอย่า ย่ งชัดชัเจนว่า ว่ ต้องการให้ เป็น ป็ เครื่อ รื่ งเตือนสติสอนใจสตรี มีเนื้อหาสอนหญิง ญิ ทุกวัยวั และมีสาระครอบคลุมแทบทุกเรื่อ รื่ ง ทั้งทางกาย วาจา ใจ และการครองตนให้เ ห้ หมาะสมตามค่านิยมที่ดี การปฏิบัติบั ติ ตน ต่อบิด บิ า มารดา สามีและบุคคลทั่วไป ๓. คำ สอนต่าง ๆ ใน สุภาษิตสอนหญิง ญิ ยังยัคงทันสมัย สอดคล้องกับค่านิยมและ ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย อยู่หยู่ ลายประการ นักเรีย รี นควรอ่านและ นำ มาเป็น ป็ แนวททางปฏิบัติบั ติ ตน เพื่อชีวิ ชี ต วิ ที่ดี มีความสุขและอยู่อยู่ ย่า ย่ งมีศักดิ์ศรี เสริมความรู้เรื่องสุภาษิตสอนหญิง 34


อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี กิจกรรม ๑. จงตอบคำ ถามต่อไปนี้ ๑.๑ จาก สุภาษิตสอนหญิง ในบทนี้ ผู้ใดคือคนแต่ง ๑.๒ สุภาษิตสอนหญิง ในบทนี้สอนเรื่องใดบ้าง ๒. จากการศึกษาในหนังสือเรียน และสื่อการเรียนที่แนบไว้ข้างต้น ให้นักเรียนเลือกคำ สอนจาก สุภาษิตสอนหญิง มา ๑ คำ สอน แล้ว อธิบายว่าคำ สอนนั้น ต้องการสอนเรื่องใด และนักเรียนสามารถนำ ไปปรับใช้ในชีวิตประจำ วันอย่างไรบ้าง 35


บทเห่ห่ ห่ ก ห่ กล่ล่ ล่ อ ล่ อมพระบรรทม ๔ เห่จับระบำ


เห่เรื่องจับระบำ สุนทรภู่นำ เนื้อความจากตำ นานเกี่ยวกับเทพเจ้าและความเชื่อเรื่อง การเกิดฟ้าแลบฟ้าร้องในฤดูฝนมาแต่งแบ่งเป็น ๓ ตอน ดังนี้ ตอนที่๑ กล่าวถึงฤดูฝนเหล่าเทวดานางฟ้าพากันเหาะมาร่ายรำ ด้วย ลีลาอันงดงามเข้ากับดนตรีต่างหยอกล้อกันด้วยอารมณ์สนุกสนาน ตอนที่๒ กล่าวถึงนางเมขลาผู้เป็นเทพธิดารักษาสมุทรถือแก้วมณี เหาะมาร่ายรำ ร่วมกับเหล่าเทวดานางฟ้าอย่างสนุกเพลิดเพลิน ตอนที่๓ กล่าวถึงรามสูรยักษ์เกเรผู้มีฤทธิ์เดชปรากฎตัวขึ้นที่ใด เทวดานางฟ้าที่ชุมนุมกันอยู่ก็จะพากันตกใจกลัวเตลิดหนี กระจัดกระจายไป 37


นางเมขลา เป็นธิดาพญามังกรเจ้าแห่งสมุทร นางเป็นผู้มี อารมณ์เบิกบาน ชอบเที่ยวเล่น เมื่อโตเป็นสาวรุ่นพญามังกรนำ ไป ถวายพระอินทร์พร้อมด้วยดวงแก้วมณีพระอินทร์ตั้งให้เป็นนางสนม วันหนึ่งนางเมขลาขโมยแก้วมณีแล้วเหาะออกจากวิมานไปเที่ยวเล่น ร่ายรำ อยู่ระหว่างก้อนเมฆอย่างเป็นสุข พระอินทร์พยายามติดตาม พานางกลับมาหลายครั้งแต่ไม่สำ เร็จ จึงให้นางเป็นเทพธิดาทำ หน้าที่ ตรวจตราดูแลมหาสมุทร คอยช่วยเหลือคนดีที่ประสบภัยจากเรืออับ ปางไมให้จมน้ำ ตาย 38


เป็นยักษ์มีฤทธิ์มาก กายสีเขียว มีขวานเพชรเป็นอาวุธมี ความห้าวหาญมาก เคยประลองฤทธิ์กับพระรามแต่สู้ไม่ได้ รามสูร เป็นเพื่อนรักกับราหู จึงพยายามจะช่วยราหูให้มีร่างเต็มตัวเหมือน เดิมเนื่องจากราหูถูกพระนารายณ์ขว้างจักรไปตัดตัวขาด เพราะ ขโมยดื่มน้ำ อมฤตหากรามสูรจับนางเมขลากลับไปถวาพระอินทร์ ได้ ก็จะขอให้พระอินทร์ประทานพรช่วยราหู แต่บางแห่งก็ว่า รามสูรต้องการแก้วมณีเอง 39


รามสูรพยายามจะจับนางเมขลาด้วยการขว้างขวานใส่ แต่ ด้วยอำ นาจของแก้วมณีทำ ให้รามสูรขว้างขวานพลาดทุกครั้ง เมขลาหลบไปก็ยั่วรามสูรไปด้วยการโยนแก้วมณีเป็นประกาย วูบวาบ จึงเป็นความเชื่อว่าการที่ฟ้าแลบฟ้าร้อง และฟ้าผ่า เกิด จากการที่เมขลากับรามสูรสู้กันนั่นเอง 40


มาจากตำ นานการเกิดฟ้าแลบฟ้าร้องเป็นเรื่องของนาง เมขลาผู้เป็นเทพธิดารักษามหาสมุทรถือแก้วมณีร่ายรำ กับ เหล่าเทวดาและนางฟ้าอย่างสนุกสนาน ยักษ์รามสูรผู้มีฤทธิ์และมีขวานเป็นอาวุธผ่านมา ปรารถนาจะได้ดวงแก้ววิเศษจึงพยายามไล่แย่งชิงนางเมขลา ชูแก้วมณีหลอกล่อรามสูรทำ ให้เกิดแสงแปลบปลาบ 41


เป็นที่มาของฟ้าแลบฝ่ายรามสูรโกรธจึงขว้าง ขวานใส่นางเกิดเสียงกึกก้องเป็นที่มาของเสียง ฟ้าร้องแต่ด้วยอำ นาจของดวงแก้วที่คุ้มครอง บันดาลให้ขวานพลาดเป้าหมายไปทุกครั้ง 42


เห่เอยนางเอก มณีเมขลา ลอยเร่ในเมฆา ถือจินดาดังดวงดาว โยนเล่นเห็นแก้ว สว่างแวววามวาว ลอยฟ้าเวหาหาว รูปราวกับกินรี 43


คำ เชื่อม คำ เชื่อม คือ คำ ที่ใช้เชื่อมคำ วลี ประโยค ข้อความเข้าด้วยกัน เช่น กับ และ ให้ ว่า ที่ จน ซึ่ง เพราะ แต่ หรือ ฯลฯ ๑) พ่อกับแม่เป็นคณะกรรมการการจัดงานวันครอบครัวสุขสันต์ กับ เชื่อมคำ นาม พ่อ กับคำ นาม แม่ ๒) ผมและน้องพาคุณย่าไปปะรำ พิธี และ เชื่อมคำ สรรพนาม ผม กับคำ นาม น้อง ๓) ผมชอบให้น้องกินผัก ให้ เป็นคำ เชื่อมอนุประโยค "ให้น้องกินผัก" ซึ่งทำ หน้าที่เป็นกรรมของประโยค 44


คำ อุทาน คำ อุทาน คำ ที่เปล่งเสียงออกมาเพื่อแสดงอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ ของผู้พูด เช่น ตกใจ ดีใจ เสียใจ ท้อใจ แปลกใจ โล่งใจ สงสาร ชื่นชม ฯลฯ เรียกว่า คำ อุทาน คำ อุทานมักอยู่หน้าประโยคและมี เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) อยู่หลังคำ อุทานนนั้น เช่น ว้าย! ช่วยด้วย เฮ้อ! สอบกี่ครั้งก็ได้คะแนนเท่าเดิม เอ๊ะ! ไม่ตาย อ๋อ! ฝันไป โอ้โฮ! นางสงกรานต์งามจริงๆ ไชโย! ได้ขึ้นชมบ้านไทยแล้ว อะไรกันนักกันหนานี่! 45


Click to View FlipBook Version