ขว้ั โลก
ทวีปแอนตารก์ ตกิ า
แอนตาร์กตกิ า เปน็ ทวปี ทอี่ ยใู่ ตส้ ดุ ของโลก ตั้งอยู่ในภูมิภาคแอนตาร์กติกในซีกโลกใต้และเป็นที่ต้ังข้ัว
โลกใต้ทางภูมศิ าสตร์ เกอื บทั้งหมดอย่ใู นวงกลมแอนตาร์กติกและล้อมรอบด้วยมหาสมุทรใต้ มีพ้ืนที่ประมาณ 14
ล้านตารางกโิ ลเมตร เป็นทวีปที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก ใหญ่กว่าทวีปออสเตรเลียถึง 2 เท่า พื้นท่ี 98% ของ
ทวปี ปกคลุมดว้ ยน้าแข็งหนาเฉลี่ย 1.9 กโิ ลเมตรซึง่ ครอบคลมุ พืน้ ทีท่ ั้งหมดเว้นแต่ส่วนเหนอื สุดของคาบสมุทรแอน
ตาร์กติกา สิ่งที่นา่ สนใจกค็ อื จากการคน้ คว้าวจิ ยั ของสถานีวิจยั เกรทวอลบรเิ วณข้วั โลกใต้ ซงึ่ อยู่ใกล้กับประเทศชิลี
มกี ารค้นพบฟอสซิลพืชและสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังอีกด้วย ซง่ึ คาดวา่ จะมีอายุไม่ต่้ากว่าล้านปี(พบฟอสซิลของสัตว์
แปลกๆสมยั 500 ล้านปที ีแ่ ล้ว)
ภมู ิอากาศ
โดยค่าเฉลย่ี แลว้ แอนตาร์กตกิ าเป็นทวปี ทห่ี นาวทส่ี ุด แหง้ แลง้ ท่สี ุด ลมแรงทีส่ ุดและมีความสงู โดยเฉลี่ยมากท่ีสุด แอนตาร์กติกาเป็น
ทะเลทรายทมี่ หี ยาดน้าฟา้ เฉลย่ี 200 มิลลเิ มตรต่อปีตามแนวชายฝ่ังและพืน้ ที่ภายในในช่วงไตรมาสท่ีสามซ่ึงเป็นช่วงท่ีหนาวสุดของ
ปจี ะมอี ุณหภูมเิ ฉล่ยี -63 °C แต่ (ทส่ี ถานวี อสตอค ของรสั เซยี ) อณุ หภมู ิท่วี ดั ได้เคยต้่าถงึ -89.2 °C (และเคยวัดไดถ้ งึ -94.7 °C โดยเป็น
การวัดจากดาวเทียมในอวกาศ บางสถานท่ีมีคนราว 1,000 ถึง 5,000 คนอาศัยในสถานีวิจัยท่ีกระจายอยู่ทั่วท้ังทวีปตลอดท้ังปี
สิง่ มชี ีวติ ในแอนตาร์กติกาจะเปน็ พวกสาหร่าย, แบคทเี รีย, เหด็ รา, พชื , โพรทิสต์และสัตว์บางชนิดเช่น ตัวเห็บ, ตัวไร, หนอนตัวกลม,
เพนกวิน, สัตวต์ ีนครบี และหมีน้าสว่ นพชื ก็จะเปน็ พวกทนั ดรา
ภูมิประเทศ
แอนตาร์กติกาเป็นทวีปท่ีอยู่ทางทิศใต้สุดของโลก โดยต้ังอยู่ใน
เขตแอนตาร์กติกเซอร์เคิลรอบขั้วโลกใต้ ล้อมโดยมหาสมุทรใต้ มีพ้ืนท่ี
มากกว่า 14 ลา้ นตารางกิโลเมตร เป็นทวีปที่ใหญ่เป็นอันดับท่ี 5 ของโลก มี
ชายฝ่งั ยาว 17,968 กโิ ลเมตร
ประมาณรอ้ ยละ 98 ของแอนตาร์กตกิ าถกู ปกคลมุ ดว้ ยพืดนา้ แข็ง
แอนตารก์ ติกา พดื นา้ แข็งหนาเฉลย่ี 1.6 กิโลเมตร ทวีปนี้มีน้าแข็งถึงราวร้อย
ละ 90 ของนา้ แข็งทง้ั หมดบนโลก ท้าให้มีน้าจืดประมาณร้อยละ 70 ของโลก
ถา้ นา้ แขง็ ท้ังหมดละลายแลว้ ระดบั นา้ ทะเลจะสงู ข้ึนประมาณ 61 เมตร
จดุ ท่ีสูงทส่ี ุดของทวปี คอื ยอดเขาวนิ สันแมสซิฟ มีความสูง 4,892 เมตร ต้ังอยู่ในเทือกเขาเอลส์เวิร์ท ถึงแม้ว่าแอนตาร์
กตกิ าจะมภี เู ขาไฟจ้านวนมาก แต่มีเพียงแหง่ เดียวท่ที ราบแน่ชัดว่ายงั คงคุกรุ่นอยู่คือภูเขาไฟเอเรบัสบนเกาะรอสส์ ในปีพ.ศ. 2547
นกั สา้ รวจชาวอเมริกันและแคนาดาค้นพบภเู ขาไฟใต้น้าในคาบสมุทรแอนตาร์กติก โดยหลักฐานแสดงให้เห็นว่าภูเขาไฟน้ีอาจยังคุ
กรนุ่ อยู่เชน่ กัน
อาณาเขตแอนตาร์กตกิ า
ปีท่ีเรม่ิ ประเทศ ดนิ แดน ชือ่ ในภาษา ขอบเขตการอา้ ง แผนท่ี
อา้ ง ทอ้ งถน่ิ สิทธ์ิ
สิทธิ์
2483 ชิลี ชเิ ลียน Territorio 53°00′ตะวันตกถึง
Chileno 90°00′ตะวนั ตก
แอนตาร์กติกเทร์รทิ อรี Antártico
2472 นอรเ์ วย์ เกาะปเี ตอรท์ ่ี 1 Peter I Øy 68°50′S 90°35′W
2482 นอรเ์ วย์ ควีนมอดแลนด์ Dronning 44°38'ตะวันออกถงึ
Maud Land 20°00′ตะวนั ตก
2466 นิวซแี ลน รอสสด์ ีเพนเดนซี Ross 150°00′ ตะวันตกถึง
ด์ Dependency 160°00′ ตะวนั ออก
2382 ฝรั่งเศส อาเดลแี ลนด์ Terre Adélie 142°02'ตะวันออก
ถึง 136°11'
ตะวันออก
2451 สหราช อาณานคิ มหมู่เกาะฟอล์ก Falkland 20°00′W to
อาณาจกั ร แลนด์ (2451-2505) Islands 80°00′W รวมทั้ง
Dependencies พื้นทซ่ี ้อนทับ:
บริติชแอนตาร์กตกิ 53°00′W
เทร์ริทอรี (2505-) ถึง
25°00′W
British อ้างสทิ ธิ์โดย
Antarctic อาร์เจนตินา
Territory (2486)
74°00′W
ถึง
53°00′W
อา้ งสิทธ์โิ ดย
ชลิ ี (2483)
และ
อาร์เจนตินา
(2486)
80°00′W
ถงึ
74°00′W
อ้างสทิ ธิโ์ ดย
ชลิ ี (2483)
2476 ออสเตรเ ออสเตรเลียน Australian 160°00′ตะวนั ออก
ลยี แอนตาร์กติกเทร์ริทอรี Antarctic ถงึ 142°02'
Territory ตะวนั ออก และ
2486 อาร์เจนติ อารเ์ จนไทน์ 136°11'ตะวันออก
นา แอนตาร์กตกิ า Antártida ถึง 44°38'ตะวนั ออก
Argentina 25°00′ตะวันตกถงึ
(ไมม่ )ี ดนิ แดนท่ไี มถ่ กู อ้างสทิ ธ์ิ 74°00′ตะวนั ตก
(มารีเบริ ด์ แลนด์)
Marie Byrd Land 90°00′ตะวนั ตกถึง
150°00′ตะวันตก
(ยกเว้น เกาะปเี ตอร์ที่
1)
พื้นท่ี 14,107,637 ตร.กม. (อนั ดับที่ 5) โดย 280,000 ตร.กม. ปราศจากน้าแข็ง
ประชากร ≈135 คน (ถาวร)≈5,000 (ช่ัวคราว)(อันดับท่ี 7)
คาเรียกผอู้ าศยั ชาวแอนตาร์กติกา (Antarctican)
การปกครอง
ทวปี แอนตารก์ ตกิ าเปน็ ดนิ แดนใต้การปกครองร่วมโดยพฤตินัยตามกฎหมายระหวา่ งประเทศและอยู่ภายใต้การควบคุม
ของระบบสนธิสญั ญาแอนตาร์กตกิ ท่ลี งนามครั้งแรกโดย 12 ประเทศใน พ.ศ. 2502 และตามด้วยการลงนามอีกเพ่ิม 38 ประเทศ
ระบบสนธิสัญญานี้ห้ามมิให้มีการท้าเหมืองแร่ กิจกรรมทางทหาร ทดลองระเบิดนิวเคลียร์และการก้าจัดกากนิวเคลียร์ แต่จะ
สนับสนุนการวิจยั ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละปกปอ้ งชัน้ โอโซนของทวีป ท้าให้มีการทดลองอย่างต่อเน่ืองโดยนักวิทยาศาสตร์ 4,000 คน
จากหลายประเทศบนทวปี น้ี
อารก์ ตกิ
อารก์ ตกิ เป็นพน้ื ท่ใี นบริเวณขวั้ โลกเหนือ ซึ่งบรเิ วณของอาร์กติกนี้ประกอบไปด้วยพื้นท่ีบางส่วนของประเทศต่าง ๆ เช่น
แคนาดา, กรีนแลนด์ (ดินแดนของ เดนมาร์ก), รัสเซีย, สหรัฐ ( รัฐอะแลสกา), ไอซ์แลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน และ ฟินแลนด์
รวมถึงบริเวณของมหาสมุทรอาร์กติกด้วย
บริเวณพน้ื ทส่ี ่วนใหญข่ องอาร์กตกิ จะเปน็ พนื้ ทก่ี วา้ ง มหาสมทุ รปกคลุมไปดว้ ยน้าแข็ง พ้ืนที่รอบ ๆ ปราศจากพืชพันธุ์และ
ผืนดนิ ก็ปกคลุมไปดว้ ยน้าแข็งเชน่ เดียวกนั แตก่ ลบั อุดมไปด้วยสิ่งมชี ีวิตตา่ ง ๆ ทั้งทีอ่ าศัยอยู่ในน้าแข็ง, ปลา ,สัตว์เล้ียงลูกด้วยนม, นก
และรวมถงึ มนษุ ยด์ ว้ ย
ตามธรรมชาตขิ องบรเิ วณอารก์ ติกจะเปน็ ทที่ แ่ี ตกต่างจากท่อี ่ืนอย่างเหน็ ได้ชัด ผู้คนที่อาศัยอยู่ในอาร์กติกจะมีการปรับตัว
และใชช้ วี ติ อย่ทู า่ มกลางความหนาวเหนบ็ และธรรมชาติอันโหดร้าย อาร์กตกิ จะมคี วามอ่อนไหวได้ง่ายมากจากการเปล่ียนแปลงต่าง
ๆ ท่เี กิดข้ึนบนโลกของเรา เช่น อุณหภูมิบนโลกท่ีเปลี่ยนแปลงไป ความอ่อนไหวได้ง่ายน้ีท้าให้อาร์กติกนี้ถูกมองเสมือนเป็นระบบ
เตอื นภัยลว่ งหน้าใหแ้ กโ่ ลกของเรา
อาณาเขต
รัฐอะแลสกา (สหรัฐ)
หมู่เกาะอะลูเชียน (สหรฐั )
Arkhangelsk Oblast (รัสเซีย)
Bear Island (นอรเ์ วย์)
กลุ่มเกาะอารก์ ตกิ แคนาดา
Chukotka Autonomous Okrug (รัสเซยี )
หม่เู กาะไดออมดี (รัสเซีย/สหรัฐ)
เทศมณฑลฟินน์มารก์ (นอร์เวย์)
ฟรานซโ์ จเซฟแลนด์ (รสั เซยี )
กรนี แลนด์ (เดนมารก์ )
ไอซ์แลนด์ (majority of island south of Arctic Circle)
ยานไมเอน (นอร์เวย์)
ดนิ แดนครัสโนยาสค์ (majority of territory south of the Arctic Circle) (รัสเซีย)
Labrador, (part of รฐั นิวฟนั ด์แลนด์และแลบราดอร์, แคนาดา)
Murmansk Oblast (รสั เซีย)
Nenets Autonomous Okrug (รสั เซีย)
หมู่เกาะนิวไซบเี รีย (รสั เซีย)
นอรท์ เวสตเ์ ทร์ริทอรสี ์ (แคนาดา)
โนวายาเซมลยา (รัสเซีย)
Nunavik (northern รฐั ควเิ บก, แคนาดา)
นนู าวตุ (แคนาดา)
Russian Arctic islands
Sápmi (นอร์เวย์, สวเี ดน, ฟินแลนด์, รสั เซีย)
สาธารณรัฐซาฮา (Yakutia) (most of the Republic south of the Arctic Circle) (รสั เซยี )
เซเวียรน์ ายาเซมเลยี (รสั เซีย)
ไซบีเรีย (รสั เซยี )
สฟาลบาร์ (นอร์เวย์)
Yamalo-Nenets Autonomous Okrug (รสั เซีย)
ยูคอน (แคนาดา)
Wrangel Island (รสั เซีย)
มหาสมุทรอารก์ ติก นา่ นน้าอาร์กตกิ
Baffin Bay
ทะเลโบฟอร์ต นางสาวจริ าวรรณ วงศ์จันทร์มณี
ทะเลแบเรน็ ตส์ 6340410779
ทะเลเบริง
ชอ่ งแคบเบรงิ
ทะเลชกุ ชี
Davis Strait
ชอ่ งแคบเดนมารก์
ทะเลไซบีเรียตะวนั ออก
ทะเลกรนี แลนด์
อ่าวฮดั สัน
ทะเลคารา
ทะเลลัปเตฟ
Nares Strait
ทะเลนอรว์ ีเจยี น
สตั วบ์ ก
เออรม์ ิน
เออร์มนิ หรือ สโทธ หรือ เพียงพอนหางสั้น เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมกินเนื้อขนาดเล็กจ้าพวกวีเซล หรือเพียงพอน
เออร์มิน เป็นสัตว์ที่มถี ่นิ ก้าเนดิ ดัง้ เดิมอยทู่ ที่ วปี ยโุ รป, ยูเรเชยี และอเมรกิ าเหนอื เปน็ สตั ว์นักลา่ ทีห่ ากินสตั ว์ขนาดเล็กต่างๆ ไม่เลือก
เป็นอาหาร เป็นสตั วท์ ่ถี ูกล่าเพอื่ นา้ หนงั และขนทา้ เป็นเสอื้ ขนสตั ว์ สีขนของเออรม์ ินจะเปลี่ยนไปเป็นสีขาวล้วนในช่วงฤดูหนาว สีขน
โดยปกตจิ ะเปน็ สีนา้ ตาลท่ีสว่ นหลงั บรเิ วณทอ้ งซีดจางกว่า หางเป็นพุ่มพวงปลายหางแหลมเป็นสีด้า สามารถแบ่งออกได้เป็นชนิด
ย่อยท้ังส้ิน 37 ชนิด ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียมาก พฤติกรรมในธรรมชาติ ตัวเมียจะผสมพันธ์ุระหว่างเดือนกันยายนและ
พฤศจกิ ายนและมีระยะเวลาการต้ังท้องนาน 8-11 เดือน ออกลูกเพียงปีละครั้ง ครั้งหนึ่งประมาณ 6-13 ตัว มีพฤติกรรมอาศัยอยู่
อยา่ งกระจัดกระจาย สามารถพบเห็นไดต้ ามหาดทรายจนถึงบนชนบททอี่ ยู่สงู โดยสามารถพบไดใ้ นทุกความสงู จากระดบั น้าทะเล
เออร์มินชอบที่จะอยู่ในป่าทีเ่ ปน็ ถ่นิ กา้ เนิดด้ังเดิม, ป่าละเมาะ, เนินทราย และพุ่มหญ้า จัดเป็นสัตว์ท่ีมีความว่องไวมาก
และจากการทเี่ ปน็ สตั ว์ทก่ี ินอาหารไม่เลือก จงึ สรา้ งความเสียหายใหญ่หลวงให้แก่นก และสัตว์อื่น ๆ เพราะสามารถล่านกตลอดจน
ไขก่ นิ เปน็ อาหารได้ และจัดเป็นสัตวร์ ังควานอกี ชนดิ หน่ึง
เลมมิง
เป็นสัตวฟ์ นั แทะชนดิ หนึง่ อาศัยอยู่บรเิ วณใกล้แถบอารก์ ติก ลกั ษณะคล้ายกระรอก กับหนผู สมๆ กัน
พฤตกิ รรมของตวั เลมม่งิ เลมมงิ่ เปน็ สัตวส์ งั คม มักอพยพไปเป็นฝูงๆ โดยแตล่ ะตัวจะเดนิ ตามก้นตัวหนา้ (ถ้าม)ี
ท้าให้เลมมิ่งสามารถอพยพเป็นฝูงๆ ได้ แต่ทว่าวิธีการน้ีก็มีข้อเสีย เน่ืองจากหากตัวเลมม่ิงตัวหน้ากระโดดเหวตกทะเล เลมม่ิงตัว
ถัดไปจะกระโดดเหวฆ่าตัวตายตามกันเป็นหมู่ นับวา่ เปน็ พฤตกิ รรมทปี่ ระหลาด ไมใ่ ช่ตวั เลมม่ิง
อย่างเดยี วที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตวั เลมม่งิ กลับถกู น้ามาใชค้ วามหมายว่า (การกระท้าตามความคิดของคนหมู่มาก
จนทา้ ใหเ้ กิดความล้มเหลว) มกั เกย่ี วขอ้ งกบั เร่ืองเศรษฐกจิ
สตั ว์ปีก
นกเคา้ แมวหมิ ะ
นกเค้าแมวหมิ ะ หรือ นกเค้าหิมะ (Snowy owl) นกลา่ เหยื่อชนิดหนึ่ง ในวงศ์นกเค้าแมว (Strigidae) นกเค้าแมวหิมะ
จดั เปน็ นกเค้าแมวทีม่ ีขนาดใหญ่ มีลักษณะเดน่ คอื ขนตามล้าตัวเป็นสีขาวล้วนสะอาด มีหัวกลมสีเหลือง ดวงตากลมโตสีด้า, สีฟ้า
หรอื สีเหลือง เท้ามขี นมาก ขนตามลา้ ตวั โดดเด่นด้วยสขี าวแตม้ ดว้ ยบางสว่ นสดี ้าเปน็ แถบแนวนอนหรือลายจุด นกตัวเมียและนกวัย
ที่ยังไม่โตเต็มที่จะมีจุดด้าข้ึนตามล้าตัวมากกว่า ในขณะที่ตัวผู้เป็นสีขาวเกือบท้ังหมด และสีขนอาจเปลี่ยนไปตามฤดูกาลเพี ยง
เล็กน้อย ตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ มีขนาดความยาวล้าตัวประมาณ 51–68.5 เซนติเมตร ในขณะท่ีตัวเมียประมาณ 66
เซนตเิ มตร ความยาวปกี ประมาณ 137–164 เซนตเิ มตร เมือ่ กางออก 137–164 เซนติเมตร น้าหนักประมาณ 1,134–2,000 กรัม
ตัวเมียประมาณ 1,707 กรมั ตัวผปู้ ระมาณ 1,612 กรมั จัดเป็นนกเค้าแมวทม่ี ีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลก
นกเคา้ แมวหมิ ะ พบกระจายพันธุ์ในแถบซีกโลกทางตอนเหนือ เช่น เขตทุนดราทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ
และยุโรปตอนเหนือบริเวณใกล้กับขั้วโลกเหนือ, วงกลมอาร์กติก หรือสแกนดิเนเวีย หากินช่วงกลางวันตั้งแต่เช้าถึงค้่า มีความ
แขง็ แรงและม่ันคงบินมปี ระสิทธภิ าพและรวดเร็ว บินส้ันๆ ใกล้พื้นดิน นกเค้าแมวหิมะมีความก้าวร้าวเมื่อท้ารังวางไข่ นกเค้าแมว
หิมะทา้ รังบนพนื้ ดินทีเ่ ป็นท่งุ หญา้ ในช่วงฤดรู ้อนของเขตอาร์กตกิ วางไข่ครัง้ ละ 6–8 หรือ 10 ฟอง โดยไข่ฟองแรกจะฟักเป็นตัวก่อน
ฟองสุดท้ายประมาณ 2 สัปดาห์ ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะช่วยกันดูแลไข่และลูกนก พ่อแม่นกจะฉีกเหยื่อเป็นช้ินๆ ก่อนจะป้อนให้
จนกว่าลูกนกจะโตพอแล้วจึงจะกลืนกินทั้งตัว จนกระทั่งลูกนกอายุได้ 6 สัปดาห์จึงพอจะช่วยเหลือตัวเองได้ นกเค้าแมวหิมะมี
พฤติกรรมการเลย้ี งลูกนกต่างจากนกล่าเหย่อื ชนดิ อ่ืนๆ ตรงทจ่ี ะดแู ลลูกนกตวั ทีอ่ ่อนแอท่สี ุดดว้ ยโดยไม่ทอดท้ิง เม่ือลูกนกค่อย ๆ โต
ขึ้น จะมขี นสเี ทาขน้ึ ปกคลุมลา้ ตวั และพ่อแม่นกจะทิ้งลูกนกให้อยู่ตามล้าพังมากข้ึน ลูกนกเค้าแมวหิมะจะเริ่มหัดบินก่อนท่ีจะเข้าสู่
ฤดหู นาว
พฤติกรรมในการล่าเหยอ่ื ดว้ ยการเฝ้ารอ หรือกระทัง่ ตดิ ตามเหยอื่ ส่วนใหญ่มกั ล่าเหยือ่ ในเวลากลางวนั เหย่ือมีทั้งถูกจับ
บนพนื้ และในอากาศ เหย่อื ขนาดเล็กจะถูกกลืนทง้ั หมด เหยอ่ื ขนาดใหญ่จะถกู ฉกี เป็นชนิ้ ใหญ่ กินอาหารจ้าพวกสัตว์เล้ียงลูกด้วยนม
หรอื สัตวเ์ ลือดอุน่ ขนาดเลก็
นกพฟั ฟินฮอนด์
นกพัฟฟนิ (Puffin) เปน็ สัตว์ท่มี คี วามหลากหลายสายพันธ์มุ ากชนิดหนึ่ง แต่ละสายพนั ธตุ์ า่ งกม็ ีเอกลักษณ์ของตัวเองไม่
วา่ จะเป็นลักษณะทางกายภาพ นิสยั บางตัวถือวา่ มปี ระวัติศาสตรข์ องมนั ดว้ ย นกตวั น้ีหากนบั
ตามสายพนั ธุจ์ ะเรียกวา่ เปน็ นกทะเลอีกรูปแบบหน่ึง จุดเด่นของเค้าอยู่ท่ีจะงอยปากสีส้มสดใสมาก หัวของนกตัวนี้จะมีแถบสีขาว
ตรงกลางศีรษะจะเป็นสีด้า ส่วนขน ปีกท่ีเหลือจะเป็นสีด้าสนิท ตรงกลางล้าตัว ลากจากคอถึงท้องจะเป็นสีขาวล้วน เท้าจะเป็น
พงั ผืดคล้ายกบั เท้าเป็ด เปน็ นกอีกชนดิ หน่งึ ท่เี ปน็ สัตว์สา้ คัญของระบบนเิ วศริมทะเล ริมฝง่ั ริมหนา้ ผาพฤติกรรมที่ไม่เหมือนนกทะเล
ตวั อ่นื
นกพฟั ฟนิ พฤติกรรมทนี่ ่าสนใจก็คอื เวลาอยู่ในฝงู จะสง่ เสยี งรอ้ งเรียกเพอื่ สืบพนั ธ์ุและตดิ ต่อกันในฝงู
แตม่ นั จะอยใู่ นทะเลเป็นหลักแตม่ ันกลับไมร่ อ้ งในทะเลสกั เท่าไร อีกอย่างนกพัฟฟินเวลาบินเพื่อหาเหยื่อในทะเล นกตัวน้ีจะบินอยู่
ในระดับ 10 เมตรเหนือนา้ ทะเลถอื วา่ เปน็ สัตว์ทบ่ี นิ สงู ทเี ดยี ว
ชนดิ ของนกพฟั ฟนิ นกพฟั ฟินนนั้ เป็นสัตว์ที่มีความแตกต่างกันไปแตไ่ มค่ ่อยต่างมากนกั แบง่ ออก
ได้เปน็ 3 กลมุ่
นกพัฟฟนิ จากแอตแลนตกิ กลุ่มนจี้ ะพบไดจ้ ากพน้ื ท่ีแอตแลนตกิ เหนอื จากทางฝ่ังยุโรปตั้งแต่ใต้ไปถึงเหนือฝร่ังเศส, เกาะ
องั กฤษ, ไอซแ์ ลนด์, กรีนแลนด์, นอร์เวย์ กลุ่มน้ีมีนิสัยการอพยพหนีหนาวไปทางโมร็อกโก จนถึงนิวยอร์ก อเมริกาโน่น
เลย จุดเด่นทางกายภาพของนกชนิดนี้อยู่ท่ีจะงอยปาก ด้านปลายแหลมจะเป็นสีส้ม แล้วไล่ระดับสีเข้ามาหาตัวจน
กลายเป็นสีเหลืองอ่อนตรงกลางริมฝีปากทั้งบนและล่างจะเป็นแทบสีด้าหรือสีน้าตาล ส่วนล้าตัว ปีก ขน ขา เท้า
เหมอื นกนั
นกพัฟฟนิ ฮอรน์ ตวั น้ีถนิ่ อาศัยอยู่ท่ีไซบีเรีย, อลาสก้า ตัวน้ีจะอยู่ในอากาศเย็นแต่หากเป็นช่วงฤดูหนาวจะหลบหนาวไป
ทางแคลิฟอร์เนีย จุดเด่นของเค้าเป็นจะงอยปากตรงปลายแหลมจะเป็นสีส้มแล้วกลางปากจนถึงปลายจะเป็นสีเหลือง
ออ่ น บางตวั ขนทหี่ น้าท้องจะเปน็ สดี า้ (ปกตจิ ะเปน็ สีขาว)
นกพัฟฟนิ ทฟั กลมุ่ นี้บันทกึ วา่ ถิ่นทอ่ี ยใู่ นเขตบริติชโคลัมเบีย ยาวไปถึงเกาะ Aleutian ตัวนี้ชอบหลบหนาวไปทางใต้ของ
Honshu จนถึงแคลิฟอรเ์ นีย เลยกม็ ี จดุ เด่นของนกตวั นจ้ี ะแตกตา่ งจากสองกลุ่มแรกแบบเห็นได้ชัดเย อย่างแรก จะงอย
ปากจะเป็นสสี ้มเขม้ ไลร่ ะดบั จนกลายเป็นสแี ดงเลือดหมูจนถงึ สดี า้ ก็มใี นบางตัว สองแนวขนบนศีรษะสองกลุ่มแรกจะเป็น
วงกลม แต่ตวั น้ีจะไล่ระดับคลา้ ยกับใส่หน้ากาก สามดวงตาจะเป็นวงกลมแล้วมีหางตาอย่างเดียว สุดท้ายกลุ่มนี้จะมีขน
เหนอื ดวงตา (ค้วิ ) ยาวจนออกไปถงึ ด้านหลงั ศีรษะอีกด้วย สว่ นสีขนตง้ั แต่ลา้ ตัวจนถงึ ปีกจะเปน็ สีด้าลว้ น
สัตว์น้า
วาฬเบลูกา
วาฬเบลูกา้ เป็นสตั วเ์ ลย้ี งลูกดว้ ยนมขนาดใหญ่ในตระกลู นาร์วาสย่อย วาฬเบลูก้า เป็นปลาวาฬที่มีฟัน วาฬเบลูก้า เป็น
วาฬขนาดเลก็ มีความยาว ประมาณ 20 ฟุต มีหน้าผากกลมและไม่มีครีบหลัง เพื่อลดการสูญเสียความร้อนและช่วยมันให้สามารถ
วา่ ยน้าใต้แผน่ นา้ แขง็ ได้ มีลักษณะที่คล้ายกับโลมาหัวบาตร แต่สามารถแยกแยะได้ง่ายด้วยสีและรูปร่างท่ีเป็นเอกลักษณ์ โดยวาฬ
เบลกู า้ แรกเกิดจะมสี ีตวั เปน็ สีเทาหรอื สีน้าตาลและค่อยๆจางลงเป็นสีขาวเม่ืออายุราว 5 ปี วาฬเบลูก้า เป็นสัตว์เล้ียงลูกด้วยนม มี
สว่ นหัวตรง หนา้ ผาก ท่ีมีขนาดเล็กไม่มี จะงอยปาก กระดูกสันหลังส่วนคอเป็นแบบเคลื่อนที่ได้ซ่ึงแตกต่างจากปลาวาฬอ่ืนๆ ส่วน
ใหญด่ งั นั้นสตั วจ์ งึ สามารถหันหัวไปในทศิ ทางต่างๆได้ วาฬเบลกู ้า มีขนาดใหญ่ ขนาดตวั ของ วาฬเบลกู ้า เพศผู้ยาวถึง 6 เมตร เพศ
เมยี 5 เมตร น้าหนกั ตวั อย่รู ะหวา่ ง 1.5-2 ตัน
ทอี่ ย่อู าศัย วาฬชนดิ นี้พบไดท้ ว่ั ไปแถบชายฝ่ังมหาสมุทรอารก์ ติก เกาะกรีนแลนด์ แคนาดา รัสเซีย แม้ว่าพวกมันจะมีการ
เคลอื่ นยา้ ยบา้ งซงึ่ อาจจะพบไดใ้ นน่านน้าแถบ subarctic (แถบอาร์กตกิ ) วาฬเบลกู ้า
เปน็ สัตวส์ งั คมจะอาศัยอยดู่ ว้ ยกนั ในกลมุ่ เลก็ ๆ ทเ่ี รยี กว่าพ็อด บางครงั้ วาฬเบลกู า้ อาจร่วมมือกนั ล่าสตั ว์
เพ่อื ประหยัดพลงั งาน วาฬเบลกู า้ มีความสามารถในการใชเ้ สยี งส่อื สารกันรวมถึงสามารถเลยี นแบบเสียงอน่ื ๆ
ได้หลากหลายเสียงจน วาฬเบลูก้า ได้รับสมญาว่า นกขมิน้ ของพ้นื ทีเ่ ปดิ โล่ง
อาหารทีก่ นิ บ่อยคือ ปลา อาหารไม่ได้เกดิ จากการจบั ซาก แตโ่ ดยการดดู ซึมพร้อมกับน้า โดยเฉล่ียแล้วผู้ใหญ่กินปลามาก
ถงึ 15 กโิ ลกรัมต่อวนั กินกุ้งและแพลงก์ตอน
การสบื พนั ธ์ุ การตั้งครรภก์ ินเวลา 15 เดือน การออกบุตรส่วนใหญ่มักเกิดข้ึนในช่วงต้นฤดูร้อนเม่ือน้าแข็งในทะเลแตก
โดยปกติลกู หน่งึ ตัว และการเกดิ ฝาแฝดหายากมาก ลูกน้อยจะกินนมแม่ได้นานกว่าสองปี ตลอดเวลาน้ีแม่และลูกน้อยแทบจะแยก
จากกันไมไ่ ด้ วงจรการสบื พนั ธ์ุของการตั้งครรภแ์ ละการให้นมบตุ รโดยสมบรู ณใ์ ช้เวลา 3 ปีขน้ึ ไป
สถานการณ์สูญพันธุ์วาฬเบลูก้า แม้จะถูกคุกคามบ้างแต่ยังมีอยู่เป็นจ้านวนมากในธรรมชาติประมาณ 145,000 ตัว
จ้านวนที่ลดลงน้นั เกิดจากการคุกคามตา่ ง ๆ เช่น
– การสะสมของสารเคมีและโลหะหนักท่ีถกู ปล่อยลงสู่สิ่งแวดล้อมกระทบต่อ วาฬเบลูกา้ โดยตรงและโดยอ้อม
– การถูกลา่ จาก หมขี ้ัวโลก วาฬเพชฌฆาต และการล่าของมนษุ ย์
– การเปลีย่ นแปลงภมู ิอากาศและสิ่งแวดลอ้ ม
– กิจกรรมทางทะเลของมนษุ ยท์ ่ีรบกวน เช่นการประมง การเดนิ เรือ การค้นหาทรัพยากรทางทะเล นัน่ เอง
วอลรัส
วอลรัส (walrus) เปน็ สัตวเ์ ล้ียงลูกด้วยนม อาศัยอยแู่ ถบขัว้ โลกเหนือและมหาสมทุ รแปซิฟิก รูปร่างคล้ายสงิ โตทะเลแต่
ตวั ใหญ่กวา่ มาก ผิววอลรสหนาถงึ 4 เซนติเมตร ถกู ปกคลุมดว้ ยขนสีน้าตาลและชมพยู ่น สามารถเปลย่ี นสไี ดต้ ามสภาพอากาศ เมือ่
อากาศอบอ่นุ จะมสี ีชมพู แดง ถ้าช่วงอากาศหนาวจะเปลย่ี นเป็นสีขาว มีเขย้ี วยาวประมาณ 1 เมตร เพื่อดงึ ดดู เพศตรงขา้ ม ใชห้ า
อาหาร การขดุ กุ้ง ขดุ หอยเจาะพ้ืนทะเลน้าแข็ง และใช้ป้องกนั ตัวเอง มนี า้ หนกั ประมาณ 800-1,700 กโิ ลกรัม ด้านา้ ได้ลกึ ถึง 90
เมตร มอี ายุราว 20-30 ปี
วอลรัสเป็นสตั วส์ งั คมชอบอยู่รวมตวั กนั เป็นฝูง อาหารโปรดคอื หอยต่างๆ แตงกวาทะเล ที่พบใกลพ้ ้ืนมหาสมุทร ฤดู
ผสมพนั ธ์ุอยใู่ นระหว่างเดอื นธันวาคมถงึ มีนาคม ตวั เมียจะตง้ั ครรภ์ 15-16 เดือน มีบทบาทสา้ คัญต่อชนพน้ื เมืองอยา่ งย่ิงโดยพวกเขา
จะล่าเพอื่ เอาเน้อื ไขมัน และกระดกู ไปใช้ท้าอาหารและเคร่อื งประดับ โดยเฉพาะในชว่ งต้นศตวรรษท่ี 19-20 วอลรสั ไดร้ บั การนิยม
เปน็ อยา่ งมากทา้ ให้พวกมันถูกสังหารจนลดจ้านวนลงอย่างรวดเรว็ ปัจจุบนั ประชากรวอลรสั กลบั มามีจ้านวนเพิม่ มากขึน้ เนื่องจากมี
กฎหมายควบคุมการล่า
นางสาวพุชนาฏ ญาณปัญญา
6340410782
ประเทศ
รัสเซีย
รสั เซีย หรอื สหพนั ธรัฐรัสเซีย เปน็ ประเทศในยูเรเชียเหนอื และเป็นประเทศใหญ่ท่ีสุดในโลก กว่า 10,000,000 ตาราง
กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ทส่ี ามารถอยอู่ าศัยของโลกถงึ หนง่ึ ในแปด รัสเซยี ยังเปน็ ชาตมิ ีประชากรมากท่ีสุดอันดับท่ี 9 ของโลก โดย
มีประชากร 143 ล้านคน รัสเซยี ปกครองด้วยระบอบสหพันธ์สาธารณรัฐก่ึงประธานาธิบดี ประกอบด้วย 83 เขตการปกครอง ไล่
จากตะวันตกเฉียงเหนือถึงตะวนั ออกเฉยี งใต้ รสั เซยี มพี รมแดนตดิ กบั นอร์เวย์ ฟินแลนด์ เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย และโปแลนด์
(ทง้ั สองผา่ นแคว้นคาลินินกราด) เบลารุส ยเู ครน จอร์เจยี อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน จีน มองโกเลียและเกาหลีเหนือ นอกจากน้ี
ยังมพี รมแดนทางทะเลตดิ กับญี่ปุ่นโดยทะเลโอฮอตสค์ และสหรฐั อเมรกิ าโดยชอ่ งแคบแบริง อาณา
เขตของรัสเซยี กนิ เอเชยี เหนือทั้งหมดและ 40% ของยุโรป แผข่ ้ามเกา้ เขตเวลาและมีสิ่งแวดล้อม
และธรณีสัณฐานหลากหลาย รัสเซียมีปริมาณทรัพยากรแร่ธาตุและพลังงานสารองใหญ่ท่ีสุด
ของโลก[16] และเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติอันดับหน่ึงของโลกเช่นเดียวกับผู้ผลิตน้ามันอันดับ
หนึ่งทั่วโลกรัสเ ซียมีป่าไม้สารองใหญ่ท่ีสุดในโ ลกและทะเลสาบในรัสเซียบร ร จุน้าจืดประมาณ
หนงึ่ ในสี่ของโลก
รัสเซียมชี ายฝงั่ ท่ยี าวถึง 37,000 กิโลเมตร ตามแนวมหาสมุทรอารก์ ตกิ มหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลบอลติก ทะเลอะซอฟ
ทะเลดา และทะเลแคสเปียน[38] นอกจากน้ัน รัสเซียยังมีทางออกสู่ทะเลแบเร็นตส์ ทะเลขาว ทะเลคารา ทะเลลัปเตฟ ทะเลไซ
บเี รียตะวนั ออก ทะเลชุกชี ทะเลเบริง ทะเลโอคอ็ ตสค์ และทะเลญีป่ ุน่ เกาะและหมู่เกาะทีส่ าคญั ไดแ้ ก่ หมู่เกาะโนวายาเซมเลีย หมู่
เกาะฟรสั ซ์โยเซฟแลนด์ หม่เู กาะเซเวอรน์ ายาเซมเลีย หมเู่ กาะนวิ ไซบีเรยี เกาะแวรงเกล เกาะคูริล และเกาะซาคาลิน เกาะดีโอมีด
(ซงึ่ เกาะหนง่ึ ปกครองโดยรสั เซยี ส่วนอีกเกาะปกครองโดยสหรัฐอเมรกิ า) อยหู่ ่างกันเพียง 3 กโิ ลเมตร และเกาะคุนาชิร์ก็อยู่ห่างจาก
ฮกไกโดเพียงประมาณ 20 กิโลเมตร
นอรเ์ วย์
นอร์เวย์ มีช่ือทางการว่า ราชอาณาจักรนอร์เวย์ (อังกฤษ: Kingdom of Norway; บูกโมล: Kongeriket Norge;
นีน็อชก:์ Kongeriket Noreg) เปน็ ประเทศในกลุม่ นอรด์ ิก ตง้ั อย่ใู นยโุ รปเหนือ ส่วนตะวันตกของคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย มีอาณา
เขตจรดประเทศสวเี ดน ฟนิ แลนด์ และรัสเซีย และมอี าณาเขตทางทะเลจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ใกล้กับประเทศเดนมาร์กและส
หราชอาณาจักร นอรเ์ วย์เปน็ ประเทศท่ีมีชายฝ่ังยาวและเป็นท่ีตั้งของฟยอร์ดที่มีช่ือเสียง นอร์เวย์มีพื้นท่ีทั้งหมด 385,207 ตาราง
กิโลเมตร (148,729 ตารางไมล)์ มีเมืองหลวงคือกรุงออสโล และมีประชากรราว 5,385,300 คน (ค.ศ. 2020) ประชากรส่วนใหญ่
เป็นชาวนอร์ดิก โดยอัตราการย้ายถิน่ ฐานมสี ดั สว่ นมากกวา่ คร่ึงหนง่ึ ของอตั ราการเตบิ โตของประชากร
ดินแดนหม่เู กาะท่ีอยู่ใกลเ้ คียง ได้แก่ สฟาลบาร์และยานไมเอน ต่างก็อยู่ภายใต้อานาจอธิปไตยของนอร์เวย์และถือว่า
เป็นสว่ นหนึง่ ของราชอาณาจกั ร ในขณะท่ีเกาะบูแวในมหาสมทุ รแอตแลนติกใต้ และเกาะปีเตอร์ที่ 1 ในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้นั้น มี
ฐานะเป็นอาณานิคมของนอร์เวย์เท่านั้น ไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักร นอกจากนี้ นอร์เวย์ยังอ้างสิทธ์ิเหนือดินแดนค
วีนม็อดแลนด์ในทวปี แอนตาร์กติกา ซึ่งเป็นท่ีตง้ั ของสถานีวิจยั อีกดว้ ย
นอร์เวยค์ รอบคลุมพ้ืนท่ีทางตะวันตกของสแกนดิเนเวียในยุโรปเหนือ มีพรมแดนส่วนที่ติดต่อกับ
สวีเดนและฟินแลนด์ยาว 2,542 กิโลเมตร และพรมแดนสั้นๆติดต่อกับรัสเซียทางทิศ
ตะวันออก ทางทิศตะวันตกและใต้ติดต่อกับทะเลนอร์วีเจียน ทะเลเหนือ และสแกเกอแรก
ทางทศิ เหนอื ติดตอ่ กบั ทะเลแบเรนตส์ ภูมอิ ากาศ และสภาพแวดล้อม
ภมู ปิ ระเทศ : ภเู ขาน้าแข็งปกคลุมมากกว่าครึ่งประเทศ โดยเฉพาะพื้นท่ีสูงและภูเขาสูงจะมี
น้าแข็งปกคลุมตลอดทัง้ ปี พืน้ ทห่ี ลายแห่งมีภูเขาสลับซับซ้อน มีช่องเขาแคบ ๆ สลับที่ราบหลาย
แห่ง ชายฝั่งทะเลสว่ นใหญ่เปน็ ฟยอร์ดที่มนี ้าลกึ แต่นง่ิ เหมาะในการสร้างทา่ เรอื
ภมู ิอากาศ : ปกคลุมไปด้วยน้าแข็ง พ้ืนที่ส่วนใหญ่เป็นทร่ี าบสงู และภูเขาสูงแยกกันโดย หุบเขาที่ อดุ มสมบูรณ์ มที ีร่ าบขนาดเลก็
กระจายอยทู่ ่ัวไป ตามชายฝง่ั มีธารนา้ แข็ง (Fjords) จานวนมาก มที ี่ทุ่งหญา้ ทุนดราท่ีไม่มตี ้นไม้ทางทศิ เหนือ บริเวณชายฝั่งอากาศ
เย็นสบาย ดว้ ยอิทธิพลของกระแสน้าอุน่ แอตแลนตกิ เหนอื (North Atlantic Current)
สวเี ดน
สวีเดน หรือชือ่ ทางการคือ ราชอาณาจักรสวีเดน (อังกฤษ: Kingdom of Sweden; สวีเดน: Konungariket Sverige)
เป็นประเทศกลุ่มนอร์ดิกต้ังอยู่บนคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ในยุโรปเหนือ เขตแดนทางตะวันตกจรดประเทศนอร์เวย์ ทาง
ตะวนั ออกเฉียงเหนอื จรดประเทศฟินแลนด์ และช่องแคบสแกเกอร์แรก (Skagerrak) ทางตะวันตกเฉียงใต้จรดช่องแคบแคทีแกต
(Kattegat) และทางตะวนั ออกจรดทะเลบอลติก และอ่าวบอทเนีย มีกรุงสต็อกโฮล์มเป็นเมืองหลวง ประเทศสวีเดนมีประชากรที่
เบาบาง เวน้ แตใ่ นเขตเมอื งใหญ่ พนื้ ท่ีสว่ นใหญข่ องประเทศประกอบดว้ ยปา่ ไม้ และภูเขาสูง สวีเดนมีประชากร 10.4 ล้านคน และ
ความหนาแน่นของประชากร 25 คนตอ่ ตารางกิโลเมตร โดยกว่า 87% ของประชากรอาศัยอยู่ในเขตเมืองซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 1.5%
ของพ้ืนท่ีท้งั หมด โดยประชากรอาศัยอยู่หนาแนน่ ท่สี ุดในภาคกลางและภาคใตข้ องประเทศ
สวีเดนเป็นหนึ่งในประเทศท่ีอยู่เหนือสุดของโลก มีขนาดพ้ืนที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย
สวีเดนมขี นาดใหญ่เปน็ อนั ดบั ที่ 4 ในทวปี ยุโรป มพี ้นื ที่ 450,000 ตารางกิโลเมตร (ความกว้าง 500
กโิ ลเมตร และความยาว 1,600 กิโลเมตร) สวีเดนมีชายฝงั่ ทคี่ ่อนข้างยาว จรดทะเลบอลติกและอ่าว
บอทเนีย ทางตะวนั ตกมีเทือกเขาสแกนดิเนเวีย ทอดตามแนวพรมแดนกับประเทศนอรเ์ วย์
สภาพภูมอิ ากาศของสวีเดนแตกต่างกนั ไปตามสถานทีต่ ้ัง แตส่ ว่ นใหญ่จะมีอากาศอบอุ่นทาง
ตอนใต้และตอนเหนือใต้ข้ัวโลกเหนือ ทางตอนใต้ฤดูร้อนอากาศเย็นสบายและมีเมฆเป็นบางส่วนในขณะท่ีฤดูหนาวอากาศหนาว
และมักมีเมฆมาก เน่ืองจากทางตอนเหนือของสวีเดนอยู่ภายในอาร์กติกเซอร์เคิล จึงมีฤดูหนาวที่ยาวนานและหนาวเย็นมาก
นอกจากน้ีเนื่องจากละติจูดทางเหนือของสวีเดนส่วนใหญ่จึงมืดเป็นเวลานานในช่วงฤดูหน าวและมีแสงสว่างในฤดูร้อนนานกว่า
หลายชว่ั โมงในประเทศทางใต้ กรุงสตอกโฮล์มเมืองหลวงของสวีเดนมีอากาศค่อนข้างเย็นเน่ืองจากอยู่บนชายฝ่ังทางตอนใต้ของ
ประเทศ อณุ หภมู สิ ูงโดยเฉลีย่ ในเดอื นกรกฎาคมในสตอกโฮลม์ คอื 71.4 องศา (22˚C) และอุณหภมู ติ ่าสุดโดยเฉล่ียในเดือนมกราคม
คือ 23 องศา (-5˚C)
ฟนิ แลนด์
ฟนิ แลนด์ มชี ื่อเรยี กอยา่ งเปน็ ทางการว่า สาธารณรัฐฟินแลนด์ (ฟินแลนด์: Suomen tasavalta; สวีเดน: Republiken
Finland) เปน็ ประเทศในกลมุ่ นอรด์ กิ ตั้งอยู่ทางตะวนั ออกเฉียงเหนอื ของทวปี ยุโรป เขตแดนด้านตะวนั ตกเฉียงใต้จรดทะเลบอลติก
ทางด้านใตจ้ รดอา่ วฟินแลนด์ ทางตะวนั ตกจรดอ่าวบอทเนยี ประเทศฟนิ แลนด์มชี ายแดนตดิ กบั ประเทศสวเี ดน นอรเ์ วย์ และรัสเซีย
สาหรบั หมเู่ กาะโอลนั ดท์ ี่อยู่หา่ งจากชายฝัง่ ตะวนั ตกเฉียงใต้นนั้ อย่ภู ายใต้การปกครองของฟินแลนด์ แตเ่ ปน็ เขตปกครองตนเอง เคย
ถกู รสั เซยี ยดึ ครองและเป็นดนิ แดนสว่ นหนง่ึ ของรัสเซีย เมืองหลวงและเมืองท่ใี หญ่ที่สดุ คอื เฮลซิงกิ เมืองสาคัญอื่น ๆ ได้แก่ เอสโป
วันตา ตัมเปเร โอวลุ และตุรกุ
ภมู ิประเทศ
ฟนิ แลนดเ์ ปน็ ประเทศที่มีทะเลสาบและเกาะเป็นจานวนมาก โดยมีทะเลสาบ
ถึง 187,888 แหง่ (ทม่ี เี นอ้ื ทม่ี ากกว่า 500 ตารางเมตร) และมีเกาะถึง 179,584 เกาะ โดย
ทะเลสาบไซมา ซึ่งเป็นทะเลสาบท่ีใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดเป็น
อันดับห้าของยโุ รป ภูมิประเทศท่ัวไปของฟินแลนด์มีลักษณะเป็นท่ีราบ ไม่มีภูเขามากนัก
จดุ สูงสุดของประเทศอยทู่ ีภ่ ูเขาฮลั ติ ซงึ่ ตง้ั อยู่ทางตอนเหนือของเขตแลปแลนด์ โดยมีความ
สูง 1,328 เมตร นอกจากทะเลสาบแล้ว พ้ืนที่ส่วนใหญ่ของฟินแลนด์ปกคลุมด้วยป่าสน
และมพี ื้นท่ีเพาะปลูกไมม่ ากนัก ฟินแลนดม์ เี กาะทมี่ ีขนาดคอ่ นขา้ งใหญ่อยูท่ างตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ บริเวณหมู่เกาะโอลันด์
และตลอดแนวชายฝัง่ ทางใต้ในอ่าวฟินแลนด์ ฟินแลนด์เป็นหน่ึงในไม่กี่ประเทศของโลกที่ยังคงมีขนาดใหญ่ขึ้น จากการยกตัวของ
แผน่ ดินทม่ี ผี ลมาตัง้ แต่ยคุ นา้ แข็งคร้ังสดุ ทา้ ย
ภมู ิอากาศ
ภูมิอากาศทางตอนใต้ของฟินแลนด์เป็นแบบเขตอบอุ่น ทางตอนเหนือ โดยเฉพาะ ในเขตจังหวัดแลปแลนด์ มี
ภมู ิอากาศแบบปา่ สนหรอื กึ่งอารก์ ติก ซึง่ โดยท่ัวไปจะหนาวเย็น มีฤดูหนาวท่ีรุนแรงในบางคร้ัง และมีฤดูร้อนที่ค่อนข้างอบอุ่นโดย
เปรียบเทยี บ ฟินแลนด์ได้รบั อทิ ธพิ ลจากกระแสน้าอ่นุ กลั ฟ์สตรีมเพราะอยู่ใกล้มหาสมุทรแอตแลนติก ทาให้มีภูมิอากาศท่ีค่อนข้าง
อบอุ่นเมื่อเปรยี บเทียบกับละติจดู ท่อี ยู่สูงมาก
แคนาดา
แคนาดา เป็นประเทศในทวีปอเมรกิ าเหนือ ติดกบั สหรัฐ เปน็ ประเทศท่ีมีท่ตี ัง้ อยทู่ างเหนือมากที่สุดของโลกและมีขนาด
ใหญ่เปน็ อันดบั สองของโลก ปัจจบุ นั แคนาดาใช้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยถือ
สมเดจ็ พระราชนิ นี าถเอลิซาเบธที่ 2เปน็ พระมหากษัตรยิ ์ (หมายเหตุ : พระองค์เดียวกับพระมหากษัตริย์สหราชอาณาจักร แต่โดย
รฐั ธรรมนูญแล้วถอื วา่ เป็นคนละตาแหนง่ )
ภมู ศิ าสตร์
ท่ีตั้ง ทิศเหนือจรดมหาสมุทรอาร์กติก ทิศใต้จรดสหรัฐอเมริกา ทิศตะวันออก
จรดมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศตะวันตกจรดมหาสมุทรแปซิฟิกและรัฐอะแลสกาของ
สหรัฐอเมรกิ า
กรีนแลนด์ (เดนมารค์ )
กรีนแลนด์ (กรนี แลนด:์ Kalaallit Nunaat; เดนมาร์ก: Grønland เกฺรินลนั ดฺ ) เปน็ ดนิ แดนทางเหนือสุดของโลก ตั้งอยู่
ในมหาสมุทรอาร์กติกและเป็นเกาะท่ีใหญ่ที่สุดในโลก มีพ้ืนที่ประมาณ 2,175,900 ตารางกิโลเมตร มีฐานะเป็นดินแดนปกครอง
ตนเองของประเทศเดนมาร์ก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 ในสมัยช่วงศตวรรษท่ี 10 - 11 ได้มีพวกไวกิงจากแถบสแกนดิเนเวียอพยพ
ถิน่ อาศัย จนกลายเป็นเมืองข้ึนของเดนมาร์ก ต่อมา กรีนแลนด์ได้รับสิทธิปกครองตนเองจากเดนมาร์กเมื่อปี 1979โดยมีอานาจ
ปกครองตนเองในทุกทุกดา้ นยกเว้นด้านการตา่ งประเทศและการทหารเชน่ เดยี วกับหมูเ่ กาะแฟโร
ภูมิศาสตร์
กรีนแลนด์เป็นเกาะท่ีใหญ่ท่ีสุดในโลกและต้ังอยู่ทางทิศเหนือบริเวณท่ีแอตแลนติกพบกับ
มหาสมุทรอารต์ ิค ซึ่งปัจจบุ นั กลายเป็นนา้ แขง็ ไปหมดแล้ว และมที ะเลล้อมรอบเกาะอยู่ ดังน้ันชายฝ่ังจะ
มอี ุณหภูมิต่าอยู่ตลอดเวลา และด้วยสภาพที่ตั้งจึงทาให้ภูมิอากาศของกรีนแลนด์เป็นภูมิอากาศหนาว
เย็นแบบอาร์คติก
แผน่ น้าแขง็ มอี าณาเขตกวา้ งปกคลุ ุมถงึ 1,833,900 ตารางกิโลเมตร เท่ากบั พนื้ ที่ท้ังหมด 85
เปอร์เซ็นของพื้นทท่ี ้ังหมดของกรีนแลนด์และขยายไปถึง 2,500 กิโลเมตร จากทางเหนือจรดทางใต้ และกว้าง
กว่า 1,000 กิโลเมตรจากทางตะวันออกไปทางตะวันตก ทางตอนกลางของเกาะ มีแผ่นน้าแข็งที่มีความหนามากกว่า 3 กิโลเมตร
และ ถอื ได้ว่าเปน็ 10 เปอร์เซน็ ของพื้นทที่ ้ังหมด
อะแลสกา(สหรฐั อเมรกิ า)
อะแลสกา รวมเขา้ เป็นหนง่ึ เดียวกับสหรัฐอเมริกา นับเป็นรัฐที่ 49 มีจานวนประชากร 626,932 คน (ค.ศ. 2000) ชื่อ
อะแลสกา นั้นนา่ จะเพี้ยนมาจากคาในภาษาอะลิวต์ซ่ึงเปน็ ภาษาท้องถ่ิน แปลว่า "ดินแดนท่ีไมใ่ ชเ่ กาะ"
ภมู ปิ ระเทศ
รัฐอะแลสกามีพ้ืนทีท่ างตะวนั ออกตดิ ต่อกบั ดนิ แดนยูคอนเทร์ริทอรีและรัฐบริติช
โคลมั เบยี ของแคนาดา ทางใต้ติดต่อกบั อา่ วอะแลสกาและมหาสมทุ รแปซฟิ ิก ทางตะวันตกติด
กับทะเลเบริง ช่องแคบเบริง และทะเลชุคชี ส่วนทางเหนือติดกับทะเลโบฟอร์ตและ
มหาสมทุ รอาร์กติก อะแลสกาเปน็ รฐั ทม่ี ีพนื้ ท่กี วา้ งใหญ่ท่สี ดุ ในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่มีเขตแดน
ตดิ กับอเมริกาแผน่ ดนิ ใหญ่โดยส้ินเชิงอะแลสกามีภูเขาไฟอยู่ 41 ลูก ท่ีอันตรายท่ีสุดคือภูเขา
ออกสั ติน
เมอื ง
มรู ม์ ันสค์
เปน็ เมอื งท่าของประเทศรสั เซยี เป็นเมอื งการปกครองหลกั ของแควน้ มรู ์มันสค์ โดยต้งั อยู่บนเนินเขาทั้งสองแห่งและริม
ฝง่ั ของอา่ วเว้าแหว่งหรอื อ่าวฟยอรด์ Kola Bay ปากทางเข้าของปากแมน่ า้ สู่ทะเลแบเร็นตส์ ส่วนใหญอ่ ยบู่ นฝ่งั ตะวันออกของปาก
ทางเขา้ อยทู่ างตอนเหนอื ของคาบสมทุ ร Kola ซึ่งพรมแดนรัสเซียเองกต็ ิดกับนอร์เวย์ ฟินแลนด์ เอสโตเนยี ลัตเวยี ลทิ ัวรเ์ นยี และ
โปแลนด์ ซึ่งเมอื งมูรม์ ันสค์ กเ็ ปน็ เมืองท่าปกครองตนเองก่ึงอิสระของประเทศรสั เซียนนั่ เอง ท่ีต้ังของเมือง มรู ม์ ันสค์นอี้ ยู่ทาง
ตะวนั ตกเฉียงเหนือสดุ ของรสั เซยี อยูร่ ะหว่างเนินเขาบนฝง่ั ของอ่าว Kola และที่สาคัญไปกวา่ น้ัน จากตัวเมอื งมรู ม์ นั สคห์ ่างจาก
ชายแดนประเทศนอรเ์ วย์ เพียงแค่ 208 กโิ ลเมตร และห่างจากชายแดนประเทศฟนิ แลนดเ์ พยี งแค่ 231 กโิ ลเมตร นน่ั หมายความ
วา่ เวลาผคู้ นจะไปดแู สงเหนือกไ็ ม่พ้นไปประเทศเหลา่ น้ี ไอซแ์ ลนด์, สวีเดน, ฟินแลนด์, เดนมารก์ น่ันหมายความว่า เมืองมรู ม์ ันส์ค์
กเ็ ป็นอีกเมืองหนึ่งที่สามารถดแู สงเหนือได้เหมอื นประเทศฟินแลนด้์นั่นเอง
ทรุมเซอ
ทรุมเซอ เปน็ เมืองและเทศบาลในเทศมณฑลทรุมส์ ประเทศนอร์เวย์ เปน็ เมืองท่าทางทะเลบนเกาะขนาดเลก็ ระหว่างเกาะควาเลอ
ยากบั ผืนแผ่นดินใหญ่ เป็นเมอื งทีม่ ีบ้านเก่าทาจากไมจ้ านวนมากท่ีสุดในนอรเ์ วยเ์ หนือ บา้ นเก่าที่สดุ สร้างตงั้ แต่ปี ค.ศ. 1789 มี
อาสนวิหารอาร์กตกิ (Arctic Cathedral) วหิ ารสมัยใหมท่ ส่ี ร้างในปี ค.ศ. 1965 ที่เปน็ จุดสังเกตท่ีมชี ื่อเสยี งทส่ี ดุ ของเมือง
ทรมุ เซอต้งั อยู่ในนอร์เวยเ์ หนือ เทศบาลนี้มขี นาด 2,521 ตารางกโิ ลเมตร (973 ตารางไมล์) อยู่ในอันดับ 2 จากท้งั หมด 356
เทศบาล ซง่ึ มปี ระชากร 76,974 คน ทรุมเซอเป็นเทศบาลท่ีมปี ระชากรมากเป็นอันดับ 12 ของประเทศนอร์เวย์ โดยมีความ
หนาแน่นประชากรท่ี 31.1 ประชากรตอ่ ตารางกิโลเมตร (81 ประชากรตอ่ ตารางไมล์) และในชว่ ง 10 ปที ผ่ี ่านมา มปี ระชากร
เพิ่มขึ้นรอ้ ยละ 14.4[2][3]
ลองเยยี ร์เบียน
ลองเยยี ร์เบียนเป็นชมุ ชนขนาดใหญ่และศูนย์กลางการบรหิ ารของสฟาลบาร์ ซ่งึ เป็นดินแดนของประเทศนอร์เวย์ ห่าง
จากเมอื งออสโลประมาณ 3 ชัว่ โมงโดยเครอ่ื งบิน และประมาณ 1,046 กิโลเมตรจากขั้วโลกเหนือ
เมืองนีม้ ปี ระชากรประมาณ 2,100 คนภายหลังจากทถี่ ูกค้นพบโดยนักสารวจชาวดัตช์ Willem Barents เมอ่ื ปี 1596
สฟาลบาร์กก็ ลายเป็นฐานล่าสตั วร์ วมถึงปลาตัวใหญท่ ี่อาศัยอย่ใู นหมู่เกาะแห่งน้ีบริษทั สัญชาตอิ ังกฤษ เดนิช ดตั ช์ และฝรง่ั เศสต่าง
พยายามต่อสู้เพื่อแยง่ ชงิ พ้ืนทลี่ ่าสัตว์ เน่ืองจากอดุ มไปด้วยวอลรสั และวาฬหัวคันศร ซ่ึงมีการคาดการณ์ว่าชาวดัตชส์ ังหารวาฬไป
แลว้ ไปกว่า 60,000 ตัว ในช่วงการเปลี่ยนเขา้ สศู่ ตวรรษท่ี 20 ลองเยียรเ์ บยี นได้รับการก่อตั้งข้ึนในฐานะเมืองขดุ ถา่ นหินลองเยียร์
เบียนไดก้ ลายเป็นจดุ หมายปลายทางสาหรบั นักทอ่ งเทีย่ วทีช่ อบผจญภัย และเดนิ ทางมาเพ่อื สารวจถา้ นา้ แขง็
นางสาวจิราวรรณ วงศ์จันทร์มณี
6340410779
ชนเผ่า
1. ชนเผา่ อินูอติ หรอื ชาวอนิ กุ (Inuit or Inukk)
เป็นกลุ่มชนพ้ืนเมืองด้ังเดิมท่ีกระจายตัวอาศัยอยู่บริเวณแถบอาร์คติคหรือดินแดนขั้วโลกเหนืออันหนาว
เหน็บ โดยชาวอินูอติ แต่ละกลุม่ กระจายตวั อาศยั อยูต่ ามพ้นื ท่ยี าวถงึ 12,000 ไมลต์ ้งั แตไ่ ซบีเรยี ยาวลงมาจนถึงชายฝ่ังอลาสก้า
ของทวีปอเมรกิ าเหนือ ขา้ มไปแคนาดาจนและไปจนถึงกรนี แลนด์ ถือได้ว่าชาวอินูอิตจึงเป็นชนเผ่าหนึ่งท่ีกระจายตัวอยู่อาศัย
มากทีส่ ดุ ในโลกโดยมีประชากรเพยี งแค่ 60,000 คนเท่าน้ัน ประชากรอินูอิตส่วนใหญ่ประมาณ 25,000 – 30,000 คน โดย
สว่ นใหญอ่ าศัยอยู่ในอลาสกา้ และส่วนทีเ่ หลืออพยพไปต้งั รกรากและสร้างวัฒนธรรมในประเทศแคนนาดา กรีนแลนด์และไซบี
เรยี
ตน้ กาเนดิ ชาวอินอู ติ (Inuit)
หลายคนเมือ่ ได้ยินวา่ ชาวอนิ ูอติ น้นั อาศยั อยใู่ นแถบอารค์ ตคิ กม็ กั จะคดิ ไปว่าชาวอินูอิตต้องมีถิ่นกาเนินมาจากทวีป
อเมริกาสักประเทศแนน่ อน แต่หาร้ไู มว่ า่ จากการเปรียบเทยี บทง้ั ทางดา้ นวัฒนธรรมและรากฐานภาษาแล้วชาวอินูอิตแต่โบราณ
น้ันสืบเชื้อสายมาจากชาวมองโกลอยด์ในแถบเอเชียตะวันออกและได้อพยพเข้ามาในทวีปอเมริกาเหนือ ภายหลังจากการ
อพยพคร้งั นนั้ กลมุ่ ชนพ้ืนเมืองอ่ืนๆ จึงไดอ้ พยพตามเขา้ มา
2. ชนเผ่าชามิ
ตามเนือ้ ผ้าซาได้ดาเนินการความหลากหลายของวิถชี ีวิตรวมทงั้ ประมงชายฝั่ง, ขนดักและต้อนแกะ วิธีการทามาหา
กนิ ท่ีร้จู ักกนั ดที สี่ ุดคอื การเลยี้ งกวางเรนเดยี รก์ ง่ึ เรร่ อ่ น ปัจจบุ ันประมาณ 10% ของ Sámi เช่ือมโยงกับการต้อนกวางเรนเดียร์
โดยจดั หาเนือ้ สัตว์ ขนสัตว์ และการขนสง่ ชาวซามี 2,800 คนมสี ว่ นรว่ มอย่างแขง็ ขนั ในการต้อนกวางเรนเดียร์แบบเต็มเวลาใน
นอรเ์ วย์ [11]ด้วยเหตุผลดัง้ เดิม สง่ิ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม และการเมอื ง การเล้ียงกวางเรนเดียร์ถูกสงวนไว้สาหรับชาวซามีเท่าน้ัน
ในบางภมู ภิ าคของประเทศนอร์ดกิ
นริ กุ ตศิ าสตร์ ซามิ
ตามเนื้อผา้ ซาไดด้ าเนนิ การความหลากหลายของวถิ ีชวี ิตรวมทง้ั ประมงชายฝง่ั , ขนดกั และต้อนแกะ วิธีการทามาหา
กนิ ทีร่ จู้ ักกนั ดที ี่สุดคอื การเล้ียงกวางเรนเดยี ร์กงึ่ เร่รอ่ น ปจั จบุ ันประมาณ 10% ของ Sámi เช่ือมโยงกับการต้อนกวางเรนเดียร์
โดยจดั หาเนือ้ สตั ว์ ขนสัตว์ และการขนส่ง ชาวซามี 2,800 คนมสี ว่ นรว่ มอย่างแข็งขันในการตอ้ นกวางเรนเดียร์แบบเต็มเวลาใน
นอร์เวย์ [11]ด้วยเหตุผลด้ังเดมิ สิง่ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม และการเมือง การเลีย้ งกวางเรนเดียร์ถูกสงวนไว้สาหรับชาวซามีเท่านั้น
ในบางภูมภิ าคของประเทศนอร์ดิก
3. ชนเผา่ เน เนส
Nenets เป็นหน่ึงในชนพื้นเมือง Samoyed ที่มีจานวนน้อยที่สุดในรัสเซียตอนเหนือ ในช่วงสหัสวรรษแรก พวก
เขาอพยพไปยงั ทีอ่ ยู่อาศยั สมยั ใหมจ่ ากดินแดนทางใต้ของไซบีเรีย Nenets อาศัยอยู่ท่ีไหนวันนี้? ประเภทมานุษยวิทยา กลุ่ม
ชาติพันธ์แุ ละชาติพนั ธุ์
ลักษณะเฉพาะของประชาชน
ชื่ออ่ืนๆ ได้แก่ Nenets, Khasova, Samoyeds, Yuraki Nenets เป็นประชากรพ้ืนเมืองทางตอนเหนือของ
ตอนกลางและ ไซบีเรียตะวันตกและยุโรปเหนือ คนในรัสเซียภาษา Nenets อยู่ในกลุ่ม Samoyedic ของตระกูล Uralic มี
สองภาษา: ทนุ ดรา (แบ่งออกเป็นภาษาตะวันออกและตะวันตก คุณสมบัติที่โดดเด่น ซ่ึงไม่รบกวนความเข้าใจซ่ึงกันและกัน
ผแู้ ทนส่วนใหญ่ของคนเหลา่ นพี้ ดู ภาษาถิ่นทนุ ดรา);ป่า (มันแตกต่างอย่างมากจากองค์ประกอบการออกเสียงของทุนดราซ่ึงทา
ให้เข้าใจผู้พูดได้ยาก ภาษาถ่ินของป่าพูดโดยคนประมาณสองพันคนที่อาศัยอยู่ในเขตไทกาของต้นน้าลาธารตอนบนและ
ตอนกลางของแมน่ า้ Pur ซงึ่ เป็นสาขาของ ออบกลางและต้นนา้ นาดิม)
4. ชาวชกุ ชี
Chukchi ส่วนใหญอ่ าศัยอยใู่ นChukotka Autonomous Okrugแต่บางแห่งก็อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐ Sakhaที่อยู่
ใกล้เคียงทางทิศตะวันตกMagadan Oblastทางตะวันตกเฉียงใต้และ Koryak Autonomous Okrug ทางทิศใต้ บางชียัง
อาศัยอยู่ในส่วนอ่นื ๆ ของรัสเซียเช่นเดียวกบั ในยโุ รปและอเมริกาเหนอื จานวน Chukchi ในโลกเลก็ นอ้ ยเกนิ 16,000
ตามเนื้อผา้ Chukchi แบ่งออกเป็นMaritime Chukchiซ่งึ ตง้ั รกรากอยูบ่ นชายฝ่งั และสว่ นใหญ่อาศัยอยู่จากการล่า
สัตว์เลย้ี งลกู ดว้ ยนมในทะเลและReindeer Chukchiซ่งึ อาศัยอยเู่ ปน็ ชนเผ่าเร่รอ่ นในเขตทุนดราภายในประเทศโดยอพยพตาม
ฤดูกาลพรอ้ มกับฝูงกวางเรนเดียร์ ชอื่ ภาษารัสเซยี " ชุกชี " มาจากคาว่าชุกชี เชาชู ("กวางเรนเดียร์ที่อุดมสมบูรณ์") ซึ่ง " ชุกชี
กวางเรนเดียร"์ ใช้เพือ่ แยกความแตกต่างจาก ' ชกุ ชที างทะเล' ท่ีเรยี กวา่ อันคัลลตี ("ชาวทะเล") ชื่อของพวกเขาสาหรับสมาชิก
ของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์ Chukchi โดยรวมคือLuoravetlan (ตวั อักษร 'ของแท้')
กิจกรรมนักทอ่ งเท่ียว
1. ลากเลอื่ นหมิ ะโดยกวางเลนเดยี ร์
เรามักพบกวางเรนเดยี ร์ (reindeer) ในประเทศที่เรยี งรายรอบมหาสมุทรอาร์กติก เช่น นอรเ์ วย์ แคนาดา ไซบเี รยี
สวเี ดน ฟินแลนด์ กรีนแลนด์ และอะแลสกา เพราะภมู ิประเทศแถบนี้หรอื ทเ่ี รยี กว่า tundra นน้ั เม่ือถงึ หน้าหนาวที่มหี มิ ะตก
นาน 9 เดอื นใน 1 ปี นา้ ในทะเลสาบ และแมน่ ้าจะกลายเปน็ นา้ แข็ง และการมีฤดรู ้อนท่นี านประมาณ 2-3 เดอื นซึ่งสน้ั มาก ทา
ให้ต้นไม้ขนาดใหญไ่ ม่ขนึ้ จะมีก็แต่ตน้ ไมข้ นาดเล็ก และหญา้ มอสเท่านน้ั ท่ีข้ึนได้ และเม่ือถงึ หน้ารอ้ นทห่ี ิมะละลาย ดอกไมจ้ ะ
เร่ิมบาน แมลงจะออกบิน ดวงอาทิตย์จะขึ้นสูงๆ ทุกวัน กลางวันจะนานขนึ้ ๆ จนในท่สี ุด ดวงอาทติ ย์ก็จะยังปรากฏแม้เป็นเวลา
เท่ียงคนื แลว้ ฤดหู นาวก็หวนกลับมาอีก นน่ั คือกลางวนั จะสนั้ ลงๆ จนในทสี่ ุดก็ไม่มีกลางวนั เลย
นค่ี ือสภาพของภูมิประเทศทีก่ วางเรนเดียร์อาศัยอยู่ แต่กวางชนดิ น้ีกไ็ มช่ อบอยูต่ ดิ ท่ี เพราะเมอ่ื ถึงหน้าหนาว ฝงู
กวางจะพากันอพยพลงใต้ เวลากวางอพยพย้ายถ่ิน มันจะเดินเป็นขบวนอยา่ งร้จู ุดหมาย โดยให้ตวั เมยี เดนิ นาไปกอ่ น แลว้ อกี
2-3 ตัวตอ่ มา ตวั ผู้ก็จะเดินตาม และขณะอพยพศตั รูของมนั ซึง่ ไดแ้ ก่ สนุ ัขป่าก็อาจเฝ้าดอู ยใู่ กลข้ บวน เพอ่ื จับกนิ กวางตัวที่
ออ่ นแอ หรอื ตวั ที่พลดั ฝงู หรือตัวทีเ่ ดนิ ไมท่ นั เพื่อน อนึ่งเวลาอพยพเหล่ากวางจะทยอยเดินตามกันอยา่ งตอ่ เนื่อง คอื ไม่หยุดเดิน
แมเ้ หน็ รถไฟกาลังมา ดังน้นั รถไฟก็จะหยดุ ใหฝ้ ูงกวางข้ามทางรถไฟจนหมด เพราะถ้ารถไฟไม่หยดุ ฝงู กวางกจ็ ะเดินพงุ่ ชนรถไฟ
เร่อื ยๆ เมือ่ ฝูงกวางเดนิ ทางถงึ จดุ หมายปลายทาง ซง่ึ เปน็ สถานทท่ี ี่อากาศอบอุ่น และมีอาหารอุดมสมบูรณ์ มันจะเริ่มผสมพนั ธุ์
เพ่อื ใหล้ กู กวางเกิดทันฤดใู บไมผ้ ลิ
กวางเรนเดยี ร์มลี าตัวสงู ประมาณ 1 เมตร สว่ นกวาง caribou ซง่ึ เปน็ กวางเรนเดยี ร์อกี พันธ์หุ น่ึงท่ีเลี้ยงกันมากใน
อเมริกาเหนือนั้น มีลาตวั ที่สูงกว่าคือ ประมาณ 1.3 เมตร ถึงแมจ้ ะสูงต่างกัน แต่กวางเรนเดยี รท์ กุ ตัวก็มคี อหนา ลาตัวยาว เทา้
มี 2 กบี เหมือนเท้าวัว ฉะน้ันเวลายนื บนหมิ ะ กีบทัง้ สองจะแยกออกเพอ่ื รบั น้าหนักตัวไม่ให้จมลงในหมิ ะ และกวางมักใช้กีบที่
คมน้ีค้ยุ เขี่ยหาอาหารทฝ่ี งั อยใู่ ตห้ มิ ะกิน ตามปกติกวางจะอ้วนทว้ นสมบูรณใ์ นหน้าร้อน ซ่ึงเป็นเวลาท่ีมันมีอาหารอุดมสมบรู ณ์
และเม่ือถงึ หน้าหนาวซ่ึงเปน็ เวลาที่อาหารขาดแคลน กวางจะผอม
กวางเรนเดยี รช์ อบใช้ชวี ติ เป็นฝูง การยนื เป็นกลุ่มนอกจากจะทาให้รา่ งกายของมนั อบอุ่น เวลาพายหุ ิมะพัดแลว้ ยงั
ชว่ ยใหส้ ุนขั ป่าไม่กลา้ เข้ามาลอบฆ่ามนั ด้วย เพราะถา้ กวางตัวใดพลัดหลงฝงู กวางตวั น้ันก็มสี ิทธถิ ูกสุนัขป่าฆ่าทันที เพราะสุนัข
ป่าจะวง่ิ ไล่ลา่ มันอย่างไมเ่ หนด็ เหนื่อย จนกวางที่พลดั หลงฝูงน้นั หมดแรง และยอมให้สุนขั ปา่ กัดมันในท่ีสดุ
กวางเรนเดียรต์ ามปกตเิ ปลยี่ นสีขน เช่น ในหน้าร้อนขนท่ีขน้ึ ดกตามตัวจะมีสีนา้ ตาล ขนคอจะมสี ขี าว และขนท้องก็
ขาว แต่เมื่อถึงหน้าหนาว ขนตวั จะเปล่ียนเป็นสเี ทา เพ่ือใหเ้ ขา้ กบั สีของหิมะท่ีกาลังจะตก และชาวเอสกโิ มและชาวแลปปม์ ักใช้
ขนกวางทอเป็นเสื้อกันหนาวเปน็ ผา้ หม่ เพราะไดพ้ บว่าขนให้ความอบอุ่น ส่วนหนังกวางนน้ั นยิ มใช้ทาเตน็ ทท์ มี่ ีลักษณะเหมือน
กระโจมอินเดยี นแดง ทั้งนเี้ พราะหนงั กวางสามารถทนพายุหิมะทพ่ี ัดไมร่ ุนแรงนักได้ นอกจากน้ีนมกวางก็ยงั สามารถใชเ้ ป็น
เคร่ืองด่ืมได้ดว้ ย
ชาวแลปป์ชอบเลีย้ งกวางเรนเดยี รเ์ ปน็ สัตวเ์ ลยี้ ง เหมือนกับทช่ี าวอินเดยี นยิ มเลี้ยงวัว และชาวยุโรปนยิ มเล้ียงแกะ
และมักมปี ระเพณีเช่ือกันว่า จานวนกวางคือดัชนีชบี้ อกฐานะของเจ้าของ เชน่ ถ้าใครมีกวางน้อยกว่า 25 ตัว คนคนนั้นยากจน
เขาจงึ อาจต้องนากวางท่ีตนมไี ปฝากเล้ยี งกบั คนอืน่ ท่ีรา่ รวยกว่า แล้วรบั จ้างเป็นผู้ดูแลกวางท้ังฝูงให้ และเพอื่ ให้รู้ว่ากวางตัวใด
เป็นของตน เจ้าของกวางมักใช้วธิ ีทาเครือ่ งหมายแสดงความเปน็ เจ้าของทหี่ ูกวางตัวนั้นๆ
หน้าทห่ี ลักหนงึ่ ของกวางเรนเดยี รค์ อื ลากเลื่อน เพราะกวางชนดิ นแี้ ขง็ แรงและชินกับสภาพอากาศ ดังน้ัน หากเป็น
การเดนิ ทางระยะสนั้ ความเร็วในการเดินทางอาจสูงถึง 40 กโิ ลเมตร/ชว่ั โมง แต่ถา้ เปน็ การเดนิ ทางไกล กวางอาจเดนิ ได้ไกล
160 กิโลเมตรในหนงึ่ วนั
กวางเรนเดยี ร์เป็นสัตว์ท่ีไมช่ อบตอ่ สู้กับสตั ว์อืน่ แตช่ อบต่อสกู้ ันเอง เวลาแยง่ ตัวเมยี กวางตวั ผูท้ ี่มีเขาสวยจะขวิดจะ
ชนกัน จนตัวหนึง่ ชนะแล้วมนั ก็จะสรา้ งฮาเรม็ สว่ นตัวซึง่ มตี ัวเมียหลายตวั เป็นสมาชิก แต่ถา้ การต่อสู้ไมย่ ตุ ิ มันก็จะสู้กนั ไป
เรื่อยๆ โดยไม่หยุดกนิ อาหาร จนบางคร้งั เขากวางพันกันอยา่ งแยกจากกันไมไ่ ด้ หากเหตุการณ์ทว่ี ่านบ้ี งั เกิด กวางก็จะอด
อาหารตายท้งั คู่
2. สโนว์โมบิลยังเป็นที่รู้จักในฐานะมอเตอร์เลื่อน , เล่ือนมอเตอร์ , skimobile , สกู๊ตเตอร์หิมะ , Ski-Dooหรือ
snowmachine ,
เป็นรถท่มี ีเคร่ืองยนตท์ อ่ี อกแบบมาสาหรับการเดนิ ทางในช่วงฤดูหนาวและการพักผ่อนหย่อนใจในหิมะ ได้รับการ
ออกแบบมาเพื่อใช้งานบนหมิ ะและน้าแข็งและไม่จาเป็นต้องใช้ถนนหรือทางเดิน แต่ส่วนใหญ่ขับเคลื่อนบนพื้นท่ีเปิดโล่งหรือ
เสน้ ทาง สโนว์โมบิลเปน็ กีฬาที่หลายคนถือเป็นงานอดเิ รกอยา่ งจรงิ จัง
ทัวร์สโนวโ์ มบลิ ท่ี อทุ ยานแหง่ ชาติเยลโลว์ส
รถสโนว์โมบลิ รนุ่ เกา่ สามารถรองรับคนได้สองคน อย่างไรกต็ ามสโนว์โมบิลส่วนใหญ่ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1990 ได้รับการ
ออกแบบมาเพอ่ื รองรับคนเพียงคนเดยี ว เจ็ตสกสี โนว์โมบิลทส่ี ร้างขน้ึ ดว้ ยความสามารถในการรองรบั คนสองคนเรียกว่าสโนว์โม
บิล "2 ช้ัน" หรือ "ทัวรร์ ิ่ง" และมีสว่ นแบ่งการตลาดเพยี งเล็กนอ้ ย รถสโนว์โมบลิ ไม่มีเปลือกหุ้มใด ๆ ยกเว้นกระจกหน้ารถและ
โดยปกติเคร่อื งยนต์ของพวกเขาจะขับรถต่อเนอ่ื งทด่ี า้ นหลัง สกที ี่ด้านหนา้ ใหก้ ารควบคมุ ทิศทาง
เจ็ตสกีหิมะในช่วงต้นใช้แทร็คยางท่ีเรียบง่าย แต่แทร็คที่วิ่งบนหิมะที่ทันสมัยมักจะทาจากเคฟล่าร์ คอมโพสิต
ก่อสร้าง เดิมทีรถสโนว์โมบิลขับเคล่ือนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในเบนซินสองจังหวะ และต้ังแต่กลางทศวรรษที่
2000 เครื่องยนต์ส่ีจงั หวะกเ็ ขา้ สูต่ ลาดเช่นกัน
นายอฏิ วชั ร เทพเสถียร
6340410778
สตั วใ์ นทวีปแอนตารก์ ติกา
แพนกวินจักพรรดิ
เพนกวนิ จกั รพรรดิ (อังกฤษ: Emperor Penguin) เป็นเพนกวินทม่ี ขี นาดใหญ่ทสี่ ดุ ในบรรดาสปีชีส์ต่างๆ ท่ีมีถิ่นฐานอยู่
ในทวีปแอนตาร์กติกา ตัวผู้และตัวเมียมีสีขนและขนาดใกล้เคียงกัน สูงราว 122 ซm (48 in) และหนักระหว่าง 22–37 กิโลกรัม
(48–82 ปอนด์) ขนด้านหลงั สีดาตัดกนั กับขนด้านหนา้ ตรงบรเิ วณทอ้ งท่มี สี ีขาว อกตอนบนสีเหลืองอ่อนและค่อยๆ ไล่ลงมาจนเป็น
สีขาว และบริเวณหูเป็นสีเหลืองจัด เพนกวินจักรพรรดิก็เป็นเช่นเดียวกันกับเพนกวินชนิดอ่ืนท่ีเป็นนกท่ีบินไม่ได้ แต่มีรูปร่างท่ี
เพรยี วและปกี ทล่ี ูต่ ามตวั แต่แข็งแบนเหมอื นครีบท่เี หมาะกบั การเปน็ สัตวน์ ้ามากกวา่ ที่จะเป็นนก
อาหารทีบ่ รโิ ภคส่วนใหญเ่ ป็นปลา และรวมท้ังสตั ว์ประเภทกุ้ง-กั้ง-ปู (crustacean) เชน่ ตัวเคย และ สตั วป์ ระเภทเซฟา
โลพอดเช่นปลาหมึก เมื่อดาน้าหาอาหารเพนกวินจักรพรรดิสามารถอยู่ใต้น้าได้นานถึง 18 นาที และสามารถดาน้าได้ลึกถึง 535
เมตรเนอ่ื งจากลักษณะหลายอย่างท่ีช่วยในการอยู่ใต้น้าได้นานเช่นโครงสร้างของฮีโมโกลบินที่ทาให้มีชีวิตอยู่ได้ในบรรยากาศท่ีมี
ระดับออกซิเจนต่า โครงกระดูกท่ีแน่นท่ีช่วยต้านความกดดันสูง (barotrauma) และความสามารถในการลดการเผาผลาญของ
ร่างกาย (กระบวนการสรา้ งและสลาย) และการปดิ การทางานอวยั วะท่ีไมจ่ าเป็นได้
เพนกวนิ จกั รพรรดมิ ีชอื่ เสียงเป็นท่ีรู้จักกันดีจากการเดินทางราว 50 ถึง 120 กิโลเมตรจากฝ่ังทะเลไปยังบริเวณที่ทา
การผสมพันธท์ุ ุกปีเพ่อื ท่ีจะไปหาคู่ ผสมพันธ์ุ กกและฟักไข่ และเลยี้ งลูกนกที่เกดิ ใหม่ และเปน็ เพนกวินชนิดเดียวท่ีผสมพันธุ์ระหว่าง
ฤดูหนาวแบบอาร์กตกิ แหล่งผสมพนั ธุ์อาจจะเป็นบริเวณกว้างใหญ่ท่ีมีเพนกวินอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นพันๆตัว ตัวเมียจะออกไข่ฟอง
เดยี วท้ิงไว้ใหต้ ัวผยู้ ืนกกระหวา่ งขาเปน็ เวลาสองเดือนขณะทตี่ วั เองเดนิ กลับไปทะเลเพื่อไปหาอาหารให้ตัวเองและนากลับมาให้ลูกท่ี
เกดิ ใหม่ เม่อื กลบั มาทงั้ พ่อและแมก่ ็จะสลับกันเลี้ยงลกู อายุเฉลย่ี ของเพนกวนิ จักรพรรดิราว 20 ปแี ละบางตวั อาจจะถงึ 50 ปกี ็ได้
วาฬสีนา้ เงิน
วาฬสีน้าเงิน เป็นวาฬบาลีน (Balaenopteridae) และถือเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก วาฬสีน้าเงินท่ีตัวขนาด
กลาง ๆ จะยาวประมาณ 30 กว่าเมตร แต่ถ้าขนาดเล็กจะมีความยาวน้อยกว่า 30 เมตร (วาฬสีน้าเงินแคระ หรือ B. m.
brevicauda) แตท่ ี่ใหญท่ ส่ี ุดเท่าทีเ่ คยคน้ พบมีความยาว 56 เมตร โดยวัดความยาวของช้างในปัจจุบันท่ีนาความยาวของช้างมาต่อ
กนั จานวนแปดเชือก(ช้างบางสายพันธุ์ในปจั จุบันสามารถยาวไดถ้ ึง 7.4เ มตรหรือ 7.5 เมตร) น้าหนักเมื่อโตเต็มที่ ประมาณ 100–
200 ตัน เฉพาะลิน้ กม็ ีนา้ หนักเกอื บเท่าชา้ งหนึง่ ตัว หวั ใจมีขนาดเท่ารถยนต์คนั หนง่ึ และเส้นเลือดบางเส้นกว้างขนาดท่ีมนุษย์พอจะ
ลงไปวา่ ยน้าได้ และครีบหางกม็ ขี นาดกว้างกวา่ ปกี ของเคร่ืองบินโดยสารขนาดเล็ก จัดเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเท่าที่เคยมี
มา มีขนาดใหญ่กวา่ ไดโนเสาร์ชนิดท่ใี หญท่ ี่สุดในโลก
อาศยั อยู่ในมหาสมทุ รแปซฟิ กิ ตอนใต้, แอตแลนตกิ และมหาสมทุ รอนิ เดีย รวมถึงในมหาสมุทรแอนตาร์กตกิ ด้วย และแม้
จะมีขนาดรา่ งกายใหญ่โต แตว่ าฬสนี ้าเงินก็มีรูปร่างเพรียวยาวเหมาะแก่การว่ายน้า จึงสามารถว่ายน้าได้เร็วถึง 20 นอตต่อช่ัวโมง
ลูกวาฬจะกนิ เฉพาะนมแม่ทมี่ ไี ขมันสูงถึงรอ้ ยละ 40 มนี ้าหนกั ตัวเพิ่มขึน้ ชว่ั โมงละ 4 กโิ ลกรัม
กินเคยและแพลงกต์ อนเป็นอาหาร แตก่ อ็ าจจะกินสตั วน์ ้าขนาดเล็กเช่น ปลาขนาดเล็กเข้าไปด้วย สามารถดาน้าลงไป
หาอาหารได้ลึกถึง 150 เมตร และปกติจะดาน้านาน 30 นาที แต่มีบันทึกสูงสุดว่าดาได้นานถึง 50 นาที และพ่นน้าได้สูงถึง 10
เมตร ท้ังน้ี วาฬสีน้าเงินที่โตเต็มวัยเคยกินวันหน่ึงได้มากถึง 4 ตัน วาฬสีน้าเงินถูกล่าอย่างหนักเพื่อต้องการไขมันและน้ามัน
โดยเฉพาะในช่วง 70 ปีแรกของศตวรรษที่ 20 คาดวา่ มวี าฬสีน้าเงินราวเกิน 500,000 ตัวถูกฆ่าตาย ประชากรวาฬรอบเกาะเซาท์
จอร์เจียในมหาสมทุ รแอตแลนติกตอนใตถ้ กู ฆ่าแบบลา้ งบาง รวมทัง้ พวกทเ่ี คยหากินอยนู่ อกชายฝั่งญี่ปุ่นด้วย ประชากรวาฬสีน้าเงิน
บางกล่มุ ลดจานวนลงถงึ ร้อยละ 98 จนเข้าสู่สภาพของการเป็นสง่ิ มชี ีวิตใกล้สูญพันธุ์ กระท่ังถึงช่วงกลางทศวรรษ 1950 จึงได้มีการ
อนุรักษ์ขนึ้ มาอยา่ งจริงจงั
นอกจากนแ้ี ล้ว วาฬสนี า้ เงินยังเป็นสัตว์ที่ส่งเสียงร้องได้กว้างไกลที่สุดในโลกอีกด้วย โดยสามารถส่งได้ได้ดังถึง 1,500
กโิ ลเมตร ในลักษณะของคลืน่ เสียงทีม่ ีความหลากหลาย ซงึ่ เช่อื กันว่าไมไ่ ด้เป็นไปในการส่ือสารเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังใช้การนา
ทางอีกด้วยปัจจบุ ัน มปี รมิ าณวาฬสีน้าเงินในซีกโลกใต้อยู่ประมาณ 1,500 ตัว (น้อยมาก) อีกทั้งมีหลักฐานว่ามีจานวนเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 2 เปอรเ์ ซ็นต์ต่อปี แต่ยังไม่มีการประมาณจานวนวาฬชนดิ นท้ี ี่ดีพอในบริเวณอ่นื ของโลก
แมวน้าชา้ ง
แมวน้าช้าง บ้างกเ็ รยี กวา่ ชา้ งนา้ เป็นสตั วเ์ ลย้ี งลูกด้วยนมในวงศ์แมวน้า สกุล Mirounga ขนาดใหญ่เท่าวอลรัสแต่ไม่มี
เขยี้ ว และจมูกไมย่ ้อยเหมือนพะยนู มสี องสปชี ีส์คือ แมวน้าชา้ งซกี โลกใต้ แมวนา้ ช้างซกี โลกเหนือ
แมวน้าช้าง เป็นสตั ว์ตระกลู แมวนา้ ที่ใหญ่ทีส่ ุดในโลก และเปน็ สัตวเ์ ลยี้ งลูกดว้ ยนา้ นมในมหาสมุทรขนาดใหญ่เป็นอันดับ
2 รองจากวาฬแมวน้าชา้ งเพศผูโ้ ตเต็มวยั จะมีขนาดลาตัวยาวได้ถึง 4 เมตร และหนกั กว่า 2,000 กโิ ลกรมั ส่วนเพศเมียจะตัวเล็กกว่า
มาก มขี นาดลาตวั ยาวสูงสุด 3 เมตร และนา้ หนักตวั สูงสุดราว 590 กโิ ลกรมั
วถิ ีการหาอาหารของแมวน้าชา้ งเพศผ้จู ะหากินตามแหล่งนา้ ชายฝ่ัง และพึ่งพาอาหารด้วยการดาลงไปในน้าลึกเพ่ือให้
เพยี งพอตอ่ ขนาดตวั ของพวกมัน เช่นเดียวกับวาฬท่ีตอ้ งวา่ ยลงไปในทะเลลึกเพื่อลา่ ปลาหมึกยกั ษ์เป็นอาหาร
พฤตกิ รรมการกินของแมวน้าช้าง northern elephant seal โดยเฉพาะแมวน้าชา้ งเพศเมีย ในชว่ งระยะ 2 เดือนท่ี
มันตอ้ งอพยพทางตะวันออกเฉียงเหนอื ของมหาสมทุ รแปซิฟกิ จากท่ีพวกมันตอ้ งใช้เวลาวันละ 20-24 ชั่วโมง ดาน้าลึกลงไปใต้ทะเล
แบบไมห่ ยุดพัก แมวน้าช้างจะกินอาหารมากถึง 1,000-2,000 คร้ังต่อวัน เพ่ือสะสมไขมันที่จาเป็นต่อการเดินทาง การผสมพันธ์ุ
และใหค้ วามอบอุ่นแก่รา่ งกายระหวา่ งเส้นทางใตท้ ะเลลึกอันหนาวเหนบ็
กริลลแ์ อนตารก์ ติก
ก้งุ กรลิ ล(์ Krill ) เป็นที่มีลกั ษณะคล้ายกุง้ แต่มีขนาดเล็กไม่มกี รี ตวั มีสีแดงใส ว่าไปแล้วถา้ เปรียบกับบ้านเรา ถ้าดูแบบ
เผินๆก็ดูหน้าตาคล้ายๆตัวเคยที่เรานามาทากะปิ กุ้งกริลล์( Krill )และตัวเคยเป็นสัตว์ในตระกูลเดียวกันแต่ต่างกันที่อยู่คนละ
Suborder กงุ้ กริลล์( Krill )อยู่ใน Suborder Euphausiacea ในขณะที่ตัวเคยอยู่ใน Suborder Mysidacea กุ้งกริลล์( Krill )
นบั วา่ เปน็ แหลง่ โปรตีนที่สาคญั ชนิดหนึ่งของสัตวน์ ้าในมหาสมทุ รเลยทีเดียว คาว่ากุ้งกริลล์( Krill ) น้ันมีรากศัพท์มาจากภาษาของ
ชาวนอเวย์ซ่ึงมีความหมายว่า ปลาขนาดเล็กและแพลงตอยสัตว์ แต่โดยปกติแล้วจะมีความหมายว่า สัตว์ขนาดเล็กท่ีมีลักษณะ
หนา้ ตาคล้ายกงุ้ Phosphorescent crustacean โดยเฉพาะพวกทอี่ ยู่ใน genus Euphausia ( order : Euphausiacea) โดยท่ี
จะมสี ายพนั ธ์ุใหญๆ่ อยู่ 2 สายพนั ธไ์ุ ดแ้ ก่
1.) Euphausia superba
2.) Euphausia pacifica
กุ้งกรลิ ล์( Krill )ท่เี รามักกจะคุน้ เคยกนั ท่ัวไปทเ่ี ราเรียกว่า Antarctic Krill นนั้ จะประกอปไปด้วยกุ้งกริลล์( Krill )ต่าง
species กันถงึ 85 species แต่กวา่ 35%ของspeciesเหล่านจ้ี ะจัดอยู่ใน Family ของ Euphausiidae และตัวที่มักจะกล่าวถึงกัน
สว่ นมากจะไดแ้ ก่ Euphausia Superba ซ่ึงจะเป็นสายพันธุ์ที่พบในเขตน้าเย็นบริเวนข้ัวโลกใต้ โดยจะยังสามารถพบได้ในเขต
น่านน้าระหว่างเส้น รุ้งที่ 50 องศาใตข้ องทวีปอเมริกาใตแ้ ละทวบี แอฟริกา
ในธรรมชาตนิ น้ั เราสามารถพบกงุ้ กรลิ ล(์ Krill ) Euphausia Superba ทม่ี ีขนาดตัง้ แต่ 1.5 ถึง 6.0 เซนติเมตร โดยที่
ตัวเต็มวัยนนั้ จะมีนา้ หนักต้ังแต่ 1.0 ถึง 1.5 กรมั Euphausia Superba มักจะอาศัยอยู่ในบริเวณผิวน้าแต่ไม่ลึกไปกว่า 100 เมตร
อาหารของ Euphausia Superba สว่ นมากจะไดแ้ กแ่ พลงตอนพชื และสัตว์ ที่ลอยอยใู่ นนา้ ทะเลในฤดหู นาวนั้นอาหารของกุ้งกริลล์
( Krill) จะไดแ้ กส่ าหรา่ ย เซลเดยี วที่เกาะตดิ อยบู่ นผิวนา้ แข็งท่ีจมอยใู่ ต้ผวิ นา้
วาฬเพชรฆาต
วาฬเพชฌฆาต (องั กฤษ: killer whale) หรือ วาฬออร์กา (orca) เป็นสปีชีส์ที่ใหญ่ทส่ี ุดในในวงศโ์ ลมามหาสมทุ ร
(Delphinidae) ในอันดบั Artiodactyla สามารถพบเห็นไดใ้ นมหาสมทุ รท่วั โลก ต้ังแตแ่ ถบอารก์ ติกและแอนตารก์ ตกิ า จนถงึ ทะเล
ในแถบเขตรอ้ น จนอาจเรยี กได้วา่ เปน็ สตั ว์เล้ียงลูกดว้ ยนมท่สี ามารถพบเหน็ ได้ท่วั โลกมากทีส่ ุดนอกเหนือจากมนุษย์
วาฬเพชฌฆาต เป็นสปชี สี ์เดียวในสกลุ Orcinus ทยี่ ังมีชีวิตอยใู่ นปัจจุบนั เป็นหนงึ่ ในสตั วห์ ลายชนิดท่ีไดร้ บั การบรรยาย
ระบจุ าแนกโดย คาโรลัส ลนิ เนยี ส ในผลงานหนงั สือระบบธรรมชาติ (Systema Naturae) ฉบับพิมพค์ รงั้ ที่ 10 ปี ค.ศ. 1758 คอน
ราด แกซสเ์ นอร์ เป็นผูแ้ รกที่เขียนบรรยายลักษณะของวาฬเพชฌฆาตตามหลักวิทยาศาสตร์ใน "Fish book" งานของเขาในปี ค.ศ.
1558 บนพนื้ ฐานของซากวาฬเกยฝงั่ ท่ดี ึงดูดความสนใจของคนท้องถิ่นจานวนมากในอ่าวไกรฟซ์วัลด์
วาฬเพชฌฆาตเปน็ 1 ใน 35 สปีชีส่ ข์ องวงศ์โลมามหาสมทุ รซ่งึ ปรากฏตัวครง้ั แรกประมาณ 11 ล้านปมี าแลว้ เชอื้ สายวาฬ
เพชฌฆาตอาจแตกแยกออกมาภายหลังจากน้ันไม่นาน แม้วา่ ทางสัณฐานวิทยาวาฬเพชฌฆาตมีลักษณะคลา้ ยคลึงกบั วาฬเพชฌฆาต
เล็ก, วาฬเพชฌฆาตดา และวาฬนาร่อง แตจ่ ากการศึกษาอันดับยนี ไซโทโครม บีโดยรชิ าร์ด รดี ัก แสดงว่ามันเป็นญาตใิ กล้ชิดกบั
สกุลโลมาหัวบาตร (Orcaella)
สายพนั ธทุ์ ัว่ ไป (Resident) ส่วนใหญ่อาศัยอยมู่ ากในแถบชายฝ่ัง บริเวณตะวันออกเฉียงเหนอื ของมหาสมทุ รแปซฟิ ิก
ส่วนมากจะลา่ ปลาเป็นหลัก บางครั้งก็ลา่ หมึกบา้ ง อยู่รวมกนั เปน็ กลุ่มอยา่ งเหนยี วแน่นและซับซอ้ น เป็นรูปแบบทางสงั คมที่มีตัว
เมียเปน็ จ่าฝูง เรียกวา่ "Matriarch" ตวั เมียของสายพนั ธุ์นมี้ ีครีบดา้ นข้างโค้งมน พบเห็นได้บ่อยครั้งแถบบรติ ชิ โคลมั เบีย และตอนใต้
ของอะแลสกา นักวทิ ยาศาสตร์ไดท้ าการศึกษาอย่างตอ่ เนอื่ ง เกีย่ วกับสตั วเ์ ลีย้ งลกู ด้วยนมท่ีอาศยั อยใู่ นทะเล นักวิจยั สามารถระบุ
วาฬเพชฌฆาตกว่า 300 ตัวได้ ในช่วง 30 ปี และไดต้ ั้งชอื่ ใหเ้ ข้ากับกล่มุ ทมี่ ันอาศัย พรอ้ มทง้ั มอบหมายเลขใหด้ ้วย
การล่าอาหารวาฬเพชฌฆาตจัดเป็นนักลา่ อันดับต้น ๆ มนั กินอาหารราว 227 กโิ ลกรมั /วัน และมันไม่เคยนอนหลบั แตจ่ ะ
ใช้วิธีวา่ ยนา้ ช้า ๆ แทน ไมอ่ ย่างน้ันมันจะจมน้าตาย วาฬเพชฌฆาตท่ีมีอายุมากกว่าจะสอนวิธีการล่าเหยื่อใหแ้ ก่วาฬเพฌฆาตท่ีอายุ
นอ้ ยกวา่
แมวนา้ เสือดาว
แมวน้าเสือดาว ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์นักล่าอย่างแท้จริง เป็นสัตว์ท่ีอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ล่าสัตว์อ่ืนเป็นอาหารได้
อยา่ งหลากหลาย ดว้ ยมีสว่ นหวั ท่ียาว มีฟนั ที่แหลมคม โดยเฉพาะฟันหน้าทยี่ าวถึง 2.5 เซนติเมตร (1 น้ิว[2]) และกรามที่สบกันได้
อย่างสนิท ขากรรไกรสามารถเปดิ กวา้ งได้ 16 องศา จึงสามารถทาให้งับเหยื่อได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังมีประสาทดมกล่ินท่ีดีเยี่ยม
อกี ดว้ ย แมวนา้ เสือดาวจัดเป็นแมวน้าท่ใี หญเ่ ป็นอันดับ 2 ของโลก รองมาจากแมวน้าช้างใต้ มีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ที่เป็นสีน้าตาล
เข้มบริเวณหลังและสีน้าตาลออ่ นท่ชี ว่ งท้อง ใตค้ อเป็นสขี าว มจี ดุ สเี ขม้ กลม ๆ กระจายไปท่ัวแลดคู ลา้ ยลายของเสือดาว อันเป็นที่มา
ของช่อื ตวั เมยี โดยทัว่ ไปมีขนาดใหญ่กวา่ ตวั ผ[ู้ 3] มขี นาดโดยเฉลย่ี 2.4–3.5 เมตร (8.4–11.7 ฟุต) และน้าหนักต้ังแต่ 200 ถึง 600
กิโลกรมั (440 ถงึ 1,320 ปอนด์)
แมวน้าเสือดาวตัวเมียเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 2–6 ปี ตัวผู้ 3–7 ปี มีฤดูผสมพันธ์ุในช่วงฤดูร้อน โดยจะมา
รวมกลุม่ กันเป็นกลมุ่ เลก็ ๆ ทัง้ สองเพศจะสง่ เสียงร้องเรยี กกนั ไปมา มรี ะยะตั้งท้องนาน 9 เดือน ออกลูกคร้ังละ 1 ตัว โดยแมวน้าท่ี
ท้องแก่จะขุดโพรงในน้าแข็งและเก็บอาหารไว้ในนั้น เพ่ือใช้เป็นที่พานักเม่ือคลอด ลูกแมวน้าเม่ือแรกเกิดมีน้าหนักประมาณ 40
กิโลกรัม โดยที่แม่ดูแลอย่างใกล้ชิด ลูกแมวน้าสามารถท่ีจะลงน้าว่ายได้และเปลี่ยนสีขนเม่ืออายุได้ 1 เดือน ซึ่งยังเป็นช่วงที่แม่
แมวนา้ ยังดูแลอยู่
พฤตกิ รรม
มอี ปุ นสิ ยั ดรุ ้าย ลา่ สตั ว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะสัตว์เล้ยี งลูกดว้ ยนมหรือสัตวเ์ ลือดอุ่นกินเป็นอาหาร เป็นสัตว์ที่อยู่ตามลาพังเพียงตัวเดียว
โดยล่านกเพนกวิน และแมวน้าชนิดอื่นเป็นอาหาร ในตัวที่ยังเล็กจะกินเคยหรือปลาเป็นอาหาร โดยออกล่าด้วยวิธีการสะกดรอย
ตามเหยื่อไปตามพืน้ น้าแข็งและมดุ ตามลงไปในนา้ อกี ท้งั ยงั เคล่ือนไหวได้อยา่ งรวดเร็วบนบกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม แมวน้าเสือดาว
จะไม่สามารถดานา้ ลกึ เหมอื นกับแมวนา้ ชนดิ อ่ืน ๆ
นกอัลบาทรอส
นกอลั บาทรอส (องั กฤษ: Albatrosses) เปน็ นกทะเลขนาดใหญ่ จัดอยู่ในวงศ์ Diomedeidae กระจายพันธุ์อยู่เป็นฝูง
ตามชายฝง่ั ทะเลและเกาะแก่งต่าง ๆ ในเขตร้อน และเขตอบอุน่ ทว่ั โลก
นกอัลบาทรอสจัดว่าเป็นนกที่บินได้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อกางปีกออก โดยอาจกว้างได้ถึง 3.5 เมตร ในกลุ่ม
นกอลั บาทรอสใหญ่ แมแ้ ตข่ นาดเล็กที่สดุ ก็ยงั กว้างได้ถึง 2 เมตร นกอัลบาทรอสจะบินอยู่ตลอดเวลา โดยสามารถบินได้ไกลถึงวัน
ละ 1,000 กโิ ลเมตร เพยี งเพ่ือหาอาหารกลับมาเล้ียงลูกเท่าน้ัน แต่เม่ือนกอัลบาทรอสอยู่บนพื้นดินแล้วกลับมีพฤติกรรมที่งุ่มง่าม
เน่ืองจากไม่ถนัดในการเดนิ เพราะมฝี า่ ตีนทีแ่ ผ่แบนเป็นพงั ผดื เหมอื นตีนเป็ด
นกอัลบาทรอสสามารถมชี วี ติ อยูไ่ ดน้ านถงึ 60 ปแี ต่ขยายพันธุ์ช้ามากจนเส่ียงต่อการสูญพันธ์ภายในศตวรรษหน้า ภัย
คุกคามสาคัญของมันคือการทาประมงเบ็ดราวในแต่ละปี มีนกอัลบาทรอสกว่า 100,000 ตัวที่ตายเพราะติดสายเบ็ดที่วางไว้เป็น
ล้านๆ เพอ่ื จับปลาทนู ่า
หมกึ มหึมา
หมกึ มหึมา หรอื หมกึ โคลอสซัล เชอื่ ว่าเป็นหมึกสปชี ีส์ท่ีขนาดใหญท่ ่สี ดุ และเป็นสปชี ีส์เดยี วในสกุล
Mesonychoteuthis ประเมนิ จากตวั อยา่ งทข่ี นาดเล็กกว่าและยงั ไม่โตเต็มวัย คาดวา่ ขนาดตัวเตม็ วัยใหญท่ ส่ี ดุ อาจถึง 14 เมตร จึง
เปน็ สัตวไ์ ม่มกี ระดูกสันหลังขนาดใหญ่ที่สุดดว้ ยหนวดไม่เหมือนหมึกชนิดอื่นทม่ี ีปุ่มดดู ยาวเป็นแถวหรือมีฟันซี่เล็ก แตม่ ีท้ังปมุ่ ดูดและ
ตะขอท่แี หลมคม ลาตัวกว้างกว่า หนากว่า และหนักกว่าหมกึ ชนิดอ่ืน เช่ือว่ามีแมนเทิลที่ยาวกว่าหมึกชนดิ อื่น แตม่ ีหนวดส้ันกว่า
เมอ่ื เทียบตามสดั ส่วนจะงอยปากใหญท่ ่ีสุดในบรรดาหมึกที่รูจ้ กั กนั มีขนาดและความแขง็ แรงมากกว่าในหมึกสกุล Architeuthis
และเชือ่ ว่า มีดวงตาท่ใี หญ่ทีส่ ุดในอาณาจักรสตั ว์
ถ่ินอาศยั มบี รเิ วณหลายพันกโิ ลเมตร ต้งั แตท่ วีปแอนตารก์ ติก ข้ึนไปทางใตข้ องทวปี อเมริกาใต้, ทางใต้ของทวีปแอฟริกา
และทางใตข้ องนวิ ซแี ลนด์ กลา่ วคอื มถี ิ่นอาศัยในมหาสมุทรทางตอนใต้ของโลกที่ล้อมรอบข้วั โลกใตเ้ ปน็ วงกลม
วงจรชีวิตของหมกึ ชนิดนี้เป็นท่รี ูจ้ ักนอ้ ยมาก เช่ือว่าลา่ เหย่อื เช่น หนอนทะเลและหมึกชนดิ อ่นื ในทะเลลึก โดยใช้แสง
เรอื งจากตัวเอง อาจกินปลาขนาดเล็ก
แมวน้ากินปู
ตัวผู้ใหญ่กวา่ ตัวเมีย โดยมีคอเป็นสันใหญ่ สขี นล้าตวั ของตวั ผู้เป็นสีเทา-ดา้ และมสี นี า้ ตาลแซม นา้ หนักราว 247
กโิ ลกรมั ความยาว 2.15 เมตร ตวั เมียมีสีล้าตวั เปน็ สนี า้ ตาล-เทา น้าหนกั ราว 57 กโิ ลกรัม และมีความยาว 1.56 เมตร
ถนิ่ อาศยั , อาหาร
ออกจบั ปลาในทะเลใกล้เกาะเล็ก ๆ และขึ้นฝงั่ บนเกาะบริเวณชายหาดทเ่ี ปน็ โขดหนิ ทีม่ ีการขึ้นลงของนา้ ทะเลใน
เขตแอฟรกิ าใต้ กนิ ปลาเป็นอาหารหลักรวมทง้ั ปลาหมึกและหอย
พฤตกิ รรม, การสืบพันธ์ุ
แมวน้าเคปเฟอรซ์ ีลเป็นสตั ว์สังคม อย่รู วมกนั เปน็ ฝงู ใหญ่ ชอบลา่ เหยอ่ื และหากินตามผวิ น้าหรอื นา้ ตน้ื ๆ หากิน
ปลาตามเรือของชาวประมง ในช่วงกลางเดือนตลุ าคม ตวั ผจู้ ะไปยังพนื้ ที่ผสมพันธ์ุซึ่งเป็นชายหาดท่เี ป็นโขดหินและประกาศ
อาณาเขต อีกหลายสัปดาห์ตอ่ มาตวั เมียจะตามเข้ามาเพ่ือออกลูกจ้านวน 1 ตัว ซึ่งจะมตี ัวเมยี หลายตวั เข้ามาในอาณาเขต ตัว
ผู้ท่คี รองอาณาเขตจะไล่ตวั ผ้ตู ัวอ่นื ออกนอกอาณาเขตหากลา้ เข้ามา จนกว่ามนั จะไดผ้ สมพันธ์ุกบั ตวั เมยี ทุกตัว ตัวเมียจะเปน็
สัดหลงั การออกลกู 5 - 6 วัน และมรี ะยะการต้ังท้องนานประมาณ 1 ปี
แพนกวินอะเดลี
เพนกวินอาเดลี เปน็ นกประเภทเพนกวนิ ชนดิ หน่ึงโดยทชี่ ื่อ "อาเดล"ี นั้นมาจากช่ือภรรยาของฌูล ดูว์มง ดรู ว์ ีล (Jules
Dumont d'Urville) นกั สารวจข้ัวโลกใตช้ าวฝรง่ั เศส เพนกวินอาเดลีเปน็ เพนกวินขนาดกลาง มีความสูงประมาณ 46-75
เซนติเมตร น้าหนักประมาณ 3.6-6 กโิ ลกรมั มีลักษณะเด่นคือ รอบดวงตามีวงกลมสขี าวคล้ายวงแหวน และมขี นหางทีย่ าวกว่า
เพนกวินชนิดอนื่ ๆ
เพนกวินอาเดลี เป็นเพนกวินทีพ่ บได้ท่วั ไปในซีกโลกทางใต้ เช่น ขัว้ โลกใต้, มหาสมุทรใต้ หรือทวีปแอนตาร์กติกา โดย
อาศัยอยรู่ ่วมกับเพนกวนิ จักรพรรดิ เพนกวินอาเดลขี ยายพันธุ์ในชว่ งฤดูใบไม้ร่วงของซีกโลกทางใต้ ลูกเพนกวนิ จะกาเนดิ มาในช่วงน้ี
และจะต้องเรง่ ใหโ้ ตทันก่อนท่ีจะถึงฤดูหนาว ท่ีทั้งทวปี จะปกคลุมไปด้วยนา้ แข็ง ซ่งึ เป็นการยากมากที่จะหาอาหาร พ่อแม่นกจะเร่ง
ออกทะเลไปหาอาหาร ซึ่งไดแ้ ก่ ปลาและหมึก เก็บไว้เปน็ ของเหลวในท้อง เพือ่ กลบั มาป้อนเป็นอาหารให้แก่ลูกนก เพนกวนิ อาเดลี
มีไขไ่ ด้คร้ังละ 2 ฟอง โดยจะฟกั ไขแ่ ละทารงั บนพืน้ ที่ไมม่ ีน้าแข็งปกคลมุ โดยพ่อนกจะเปน็ ฝ่ายกกไข่ ในช่วงทีเ่ ร่งให้ลูกเติบโต บางที
พอ่ แมน่ กอาจต้องไป-กลบั ทะเลวันละหลาย ๆ เท่ยี ว และบางคร้งั อาจใช้เวลาออกหาอาหารนานหลายวัน ซงึ่ พ่อแม่นกจะเลี้ยงลูกได้
ดีท่สี ดุ แคเ่ พยี งตัวเดยี วเทา่ น้ัน
เพนกวินอาเดลีอาศยั อยู่รวมเป็นฝูงขนาดใหญ่แบบนิคมซึง่ มจี านวนสมาชิกไดถ้ ึงหลักแสนตัว เมือ่ ถงึ ฤดูหนาวทน่ี ้าแข็ง
จะปกคลมุ ทัง้ ทวปี แอนตาร์กตกิ า เพนกวินอาเดลจี ะอพยพยา้ ยถนิ่ อาศยั ไปยังพื้นทที่ ี่มีอุณหภมู ิอ่นุ กว่า บางครงั้ ใช้วธิ ีการเดนิ ทางด้วย
การอาศยั บนก้อนนา้ แข็งขนาดใหญล่ อยไปในท้องทะเลเป็นระยะเวลาหลายวัน นอกจากนแี้ ล้วเพนกวินอาเดลีถือได้ว่าเปน็ เพนกวิน
ชนดิ เดียวที่มีอุปนิสัยดุ โดยจะตอ่ สู้กับศัตรผู ู้รกุ ราน เชน่ นกทะเลชนิดตา่ ง ๆ เพ่อื ป้องกันตวั หรือลกู ๆ
เพนกวนิ อาเดลไี ด้ถูกบนั ทึกโดยจอรจ์ เมอร์รีย์ เลวกิ นักสารวจชาวอังกฤษที่ไดเ้ ดนิ ทางไปสารวจขว้ั โลกใตใ้ นปี ค.ศ.
1910 ท่ศี ึกษาถึงพฤตกิ รรมของเพนกวินบริเวณอาเดลแี ลนด์ วา่ มีพฤตกิ รรมทางเพศทแี่ ปลกประหลาด โดยมกี ารผสมพันธ์ุกันเองใน
หมนู่ กเพศผู้ คล้ายกบั พฤติกรรมรกั ร่วมเพศของมนุษย์ รวมถงึ นกเพศผ้มู กี ารผสมพันธุ์กบั ซากนกตวั เมียทต่ี ายไปนานหลายปีแล้ว
ดว้ ย ซ่งึ รายงานนเี้ พงิ่ ไดร้ ับการเผยเปิดเมอ่ื เดอื นมิถนุ ายน ค.ศ. 2012
ปลาค็อตแอนตาร์กตกิ
ปลาค็อดน้าแข็ง (อังกฤษ: Nototheniidae หรือ nothothens หรือ cod icefishes) เป็นปลาน้าเค็มในตระกูลโน
โทเธนไนเดประเภทปลากระดูกแข็งท่ีมีประมาณ 50 สปีชีส์และ 13 genera ที่มักจะจัดอยู่ในอันดับปลากะพงกับปลาในเครือ
เดยี วกัน แต่สายพนั ธ์แุ ละปลาทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั สายอันดับปลากะพงจริงๆ ยงั ไม่ได้รับการศกึ ษาทแ่ี นน่ อน
ปลาค็อดน้าแข็งพบในมหาสมุทรตอนใต้และในบริเวณนอกฝั่งทวีปแอนตาร์กติกา ปลาค็อดน้าแข็งอาศัยอยู่ตามพ้ืน
ทะเลและช่องคอลมั น์น้า แมว้ ่าจะไมม่ ีถงุ ลมแตป่ ลาค็อดนา้ แขง็ ก็ปรบั ตวั ให้ดารงชวี ิตอยใู่ ด้ในสถาวะน้าลึกโดยการเพ่ิม fatty tissue
และลดแร่ธาติในกระดูกซ่ึงเป็นผลทาให้ความหนาแน่นของร่างกายเป็นกลาง และเช่ือกันว่าปลาค็อดใช้ม้ามใน การกาจัดเกล็ด
นา้ แขง็ จากกระแสเลอื ด เมื่อน้าในมหาสมทุ รแอนตาร์กตกิ อยใู่ นระดบั ราวระหว่าง –1 ถึง 4 องศาเซลเซียส สปีชีส์ส่วนใหญ่มีโปรตีน
ตา้ นความแขง็ ตวั เป็นน้าแข็งในกระแสเลอื ดและของเหลวอ่ืน ๆ ภายในรา่ งกาย
นายพฒั นพงษ์ ศรชนะ
6340410787
เทือกเขาเอลสเ์ วิร์ท
เทอื กเขาแอลสเ์ ป็นสงู สดุ เทือกเขาในทวีปแอนตาร์กตกิ ากลายเป็น 350 กโิ ลเมตร (217 ไมล์) และ 48 กม. (30
ไมล์) หว่ งโซก่ ว้างของภเู ขาในทศิ ตะวนั ตกเฉยี งเหนือกับการกาหนดค่าทางทศิ ใต้บนขอบตะวันตกของ Ronne หิ้งนา้ แข็งในมา
รเี บิร์ดแลนด์ ธารนา้ แขง็ มินนโิ ซตาแบง่ ออกเปน็ สองส่วนเพื่อสร้างเทือกเขา Sentinel ทางทศิ เหนือและเทือกเขามรดกทางทิศ
ใต้ อดีตน้ันสงู กว่าและงดงามยง่ิ กว่าดว้ ยMount Vinson (4,892 เมตร (16,050 ฟุต) ซึ่งเป็นจุดท่สี ูงท่สี ุดในทวีปภูเขาทีต่ ง้ั อยู่
ภายในการเรยี กร้องดนิ แดนข้วั โลกใต้ของชิลีแต่ดา้ นนอกของอาร์เจนตนิ าและองั กฤษคน
ภูเขาทถี่ ูกคน้ พบท่ี 23 พฤศจิกายน 1935 โดยแอลส์ลินคอลน์ ในหลักสตู รของการบนิ ทรานส์แอนตารก์ ติกจากเกาะ
ดันดีกบั หง้ิ น้าแขง็ รอสส์ เขาให้ช่อื ที่ส่ือความหมายแกพ่ วกเขาว่า Sentinel Range
ภูเขาเหล่านท้ี าแผนทีโ่ ดยละเอียดโดยการสารวจทางธรณวี ทิ ยาของสหรฐั อเมรกิ าจากการสารวจภาคพ้ืนดินและ
ภาพถ่ายทางอากาศของกองทพั เรือสหรฐั ฯ ในปี 1958–66 เมือ่ เห็นไดช้ ัดว่าภูเขาประกอบด้วยเทือกเขาท่แี ตกต่างกันสองช่วง
US-ACAN ได้จากัดการใชเ้ ทือกเขา Sentinel ให้กับเทือกเขาทางตอนเหนือที่สูง และให้ชื่อ Heritage Range แกท่ างใต้
คณะกรรมการได้เสนอชอ่ื ผ้คู ้นพบภูเขาท้งั กลุ่มน้ี
เทือกเขาทรานสแ์ อนตารก์ ติก
เทือกเขาทรานส์แอนตาร์กติก (อังกฤษ: Transantarctic Mountains) เป็นเทือกเขาหินตะกอนในทวีปแอนตาร์
กติกซง่ึ ทอดตวั ยาวตัง้ แต่แหลมอาแดร์ทางเหนือของวิกตอเรียแลนด์ไปจนถึงโคตส์แลนด์ การวางตัวของเทือกเขาได้แบ่งทวีป
แอนตาร์กติกเป็น 2 ฝ่ังคือฝ่ังตะวันออกและฝ่ังตะวันตกเทือกเขาน้ียังรวมกลุ่มภูเขาและเทือกเล็ก ๆ ท่ีแยกตัวห่างจากกัน
จานวนหนง่ึ พ.ศ. 2384 เซอรเ์ จมส์ คลาร์ก รอสส์เป็นคนแรกท่ีพบเทอื กเขานี้ เพ่ือเป็นเกียรติแก่เขาจึงนาช่ือท้ายของเขาไปตั้ง
ชอื่ ใหก้ ับหิง้ น้าแข็งรอสส์ นักสารวจแห่งชาติอังกฤษได้ข้ามผ่านเทือกเขานี้เป็นคร้ังแรกระหว่างการสารวจแอนตาร์กติก พ.ศ.
2444-2447
เทอื กเขานีท้ อดตัวจากด้านหน่ึงไปอีกด้านหน่ึงของทวีปคือระหว่างทะเลรอสส์กับทะเลเวิดเดิลจึงตั้งช่ือเทือกเขาน้ี
ตามลกั ษณะการทอดตัวของมัน ความยาวของเทือกเขาน้ีคือประมาณ 3,500 กม. ทาให้มันเป็นหน่ึงในเทือกเขาท่ียาวที่สุดใน
โลก แอนตาร์กแทนดีสที่ทอดตัวตัง้ แต่เทือกเขาไวท์มอร์และเทอื กเขาเอลส์เวริ ์ทจนถึงคาบสมุทรแอนตาร์กติกมีความยาวพอ ๆ
กับความยาวทรานส์แอนตารก์ ติกช่วงแหลมอาแดร์ถงึ เทือกเขาควีนม็อด เทือกเขาทรานส์แอนตาร์กติกมีคว้ามกว้าง 100-300
กม. ทาให้กลายเปน็ เส้นแบ่งระหว่างแอนตาร์กติกาตะวันออกกับแอนตาร์กติกาตะวันตกพืดน้าแข็งแอนตาร์กติกตะวันออกมี
อาณาเขตต้งั แต่เทือกเขานี้และฝ่ังตะวันออกท้ังหมด ส่วนฝั่งตะวันตกเทือกเขาน้ีติดกับทะเลรอสส์[1]ในวิกตอเรียแลนด์ต้ังแต่
แหลมอาแดร์ถึงอ่าวแม็คเมอร์โด หิ้งน้าแข็งรอสส์ในอ่าวแม็คเมอร์โดถึงธารน้าแข็งสกอตและพื้นท่ีพืดน้าแข็งแอนตาร์กติก
ตะวันตกท้ังหมด
ภูเขาไฟเอเรบสั
ภูเขาไฟเอเรบัสเป็นภูเขาไฟทีม่ กี ิจกรรมทางภเู ขาไฟมากท่ีสุดในแอนตาร์กติกาและยังเป็นจุดปะทุของจุดร้อนเอเร
บัสในปัจจุบัน ยอดปล่องภูเขาไฟมีทะเลสาบหินโฟโนไลต์หลอมเหลวซ่ึงเป็นหนึ่งในห้าของทะเลสาบลาวาท่ีอยู่ถาวรบนโลก
เอเรบสั เปน็ ภูเขาไฟท่ีประทแุ บบสตรอมโบเลียนตามทะเลสาบลาวาหรอื ตามรอยแตกท้งั หมดของปลอ่ งภเู ขาไฟ[6][7]ภูเขาไฟลูกนี้
มคี วามโดดเด่นทางวิทยาศาสตร์เนื่องจากกิจกรรมการปะทุต่อเน่ืองอยู่ในระดับต่าและผิดปกติทาให้ช่วยให้ศึกษาการประทุ
แบบสตรอมโบเลียนได้อยา่ งใกล้ชดิ ภเู ขาลกู น้ีมีลักษณะเฉพาะรว่ มกบั ภเู ขาไฟบนโลกเพียงไม่ก่ีแห่ง เช่นภูเขาไฟสตรอมโบลีใน
ประเทศอิตาลี การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของภูเขาไฟลูกนี้ค่อนข้างสะดวกเน่ืองจากอยู่ห่างจากที่ตั้งของ ฐานสกอตของ
นิวซีแลนดแ์ ละสถานแี ม็คเมอรโ์ ดของสหรัฐเพียง 35 กม.
ภูเขาไฟเอเรบัสจัดเปน็ กรวยภูเขาไฟสลับช้นั โดยคร่ึงล่างเป็นรูปโลด่ า้ นบนเปน็ กรวยภูเขาไฟสลับชั้น ส่วนประกอบท่ี
ปะทอุ อกมาจากเอเรบสั จะเปน็ พวกผลึกดอก อะนอรโ์ ทเคลส เทไฟร์ทและหินโฟโนไลต์ซึ่งเป็นส่วนประกอบของลาวาในภูเขา
ไฟ สว่ นประกอบของการระเบดิ ทีเ่ กา่ แกท่ ่สี ดุ มีสว่ นประกอบไม่ต่างกันแต่จะมีหินบาซาไนต์หลอมเหลวที่หนืดซ่ึงเป็นส่วนที่ทา
ใหเ้ ป็นรปู โล่บริเวณตีนเขา หินบาซาไนตแ์ ละหินโฟโนไลต์หลอมเหลวจานวนเล็กน้อยทาให้เกิดสันเขาแฟรงและสถานท่ีอ่ืน ๆ
รอบภเู ขาไฟเอเรบสั ภูเขาไฟเอเรบสั เปน็ ภูเขาไฟทปี่ ะทโุ ฟโนไลตเ์ พยี งแหง่ เดียวในโลกในปัจจุบัน
สถานีวิจัยวอสตอค
สถานวี ิจยั วอสตอคตั้งอยทู่ ีพ่ กิ ัดภมู ิศาสตร์ 78°27′51.92″S106°50′14.38″Eพิกดั ภมู ศิ าสตร์:
78°27′51.92″S 106°50′14.38″E อยหู่ ่างจากขว้ั โลกใต้ราว 1,300 กิโลเมตร บนใจกลางแผน่ นา้ แขง็ แอนตารก์ ตกิ ตะวนั ออก
ภายในพืน้ ที่ออสเตรเลียนแอนตารก์ ตกิ เทร์รทิ อรี แตเ่ น่ืองจากออสเตรเลยี เปน็ ประเทศผู้ลงนามในระบบสนธสิ ัญญาแอนตาร์
กตกิ ทาให้ออสเตรเลยี ไมไ่ ดใ้ ช้สทิ ธค์ิ วามเปน็ อธปิ ไตยเหนือพื้นทด่ี ังกล่าว
สถานีวอสตอคต้งั อยู่ใกล้กับบรเิ วณท่เี หมาะสาหรบั การสังเกตการเปลี่ยนแปลงทรงกลมสนามแมเ่ หลก็ โลก
การศึกษาอ่นื ๆ เกี่ยวข้องกับธรณีฟิสิกส์ การแพทย์ วชิ าการแผร่ ังสแี ละภูมอิ ากาศวทิ ยา
สถานีดังกล่าวต้งั อยู่ 3,488 เมตรเหนอื ระดับน้าทะเลและเปน็ สถานวี ิจัยท่ีตั้งอยหู่ ่างไกลท่ีสดุ บนทวีปแอนตาร์
กตกิ า สถานดี ังกล่าวได้รับเสบยี งจากสถานีมีร์นืย ซึ่งตงั้ อยู่บนชายฝ่ังของทวีป[3] สถานดี ังกล่าวมีนกั วิทยาศาสตรแ์ ละวศิ วกร
ทางานอยู่ 25 คนในฤดรู อ้ น แต่ในช่วงฤดูหนาว จานวนผู้ท่ีทางานลดเหลอื 13 คน
สถานีวิจยั ข่วั โลกใต้ อาสันต์เซน-สกอตต์
Amundsen-Scott ข้ัวโลกใตส้ ถานีเป็นสถานวี ิจัยสหรัฐอเมริกาทางวิทยาศาสตร์ท่ีข้ัวโลกใต้ของโลก มันเป็นจุดใต้
ภายใต้เขตอานาจ (ไม่อธิปไตย ) ของสหรัฐอเมริกา สถานีท่ีต้ังอยู่บนที่สูงท่ีราบสูงของทวีปแอนตาร์กติกาท่ี 2,835 เมตร
(9,301 ฟตุ ) เหนอื ระดบั นา้ ทะเล บรหิ ารงานโดยแผนกโครงการข้วั โลกของมูลนิธวิ ทิ ยาศาสตรแ์ ห่งชาติโดยเฉพาะโครงการแอน
ตาร์กติกของสหรัฐอเมริกา (USAP) ตั้งช่ือเพื่อเป็นเกียรติแก่ชาวนอร์เวย์โรอัลด์ อมุนด์เซ่นและโรเบิร์ต เอฟ. สก็อตต์ชาว
อังกฤษทีน่ าทมี แยกกนั ทีเ่ ร่งรบี ขนึ้ เป็นคนแรกในช่วงตน้ ทศวรรษ 1900
สถานี Amundsen–Scott ดง้ั เดมิ สรา้ งโดยNavy Seabeesสาหรับรฐั บาลสหพนั ธรัฐของสหรัฐอเมรกิ าในช่วงเดือน
พฤศจกิ ายนปี 1956 โดยเปน็ ส่วนหนง่ึ ของความมุ่งมัน่ ในการบรรลุเปา้ หมายทางวทิ ยาศาสตร์ของปีธรณฟี ิสกิ ส์สากลซ่ึงเป็น
ความพยายามที่กินเวลาตัง้ แตม่ กราคม 2500 ถงึ มิถุนายน 2501 เพ่อื ศึกษา เหนือส่งิ อ่ืนใดธรณีฟิสิกส์ของบริเวณข้ัวโลกของ
โลก .
ก่อนเดอื นพฤศจิกายน พ.ศ. 2499 ไมม่ โี ครงสร้างถาวรทีเ่ สา และแทบไม่มีมนุษย์อย่ภู ายในทวปี แอนตาร์กตกิ า
สถานีวทิ ยาศาสตรไ์ ม่ก่ีแห่งในแอนตาร์กติกาอยู่ใกลช้ ายฝั่ง สถานีนี้ถูกยึดครองอยา่ งตอ่ เนื่องตั้งแตส่ รา้ งและสรา้ งใหม่ ขยาย
และอัปเกรดหลายครง้ั
ทะเลเวดเดลล์
ทะเลเวดเดลล์ซึ่งเป็นแนวชายฝง่ั แอนตารก์ ตกิ ท่ีฝังลึกอย่ใู ต้สุดของมหาสมทุ รแอตแลนตกิ . โดยมีศูนย์กลางอยทู่ ี่
73 ° S, 45 ° W ทะเลเวดเดลลม์ ีอาณาเขตทางทศิ ตะวันตกตดิ กับคาบสมุทรแอนตาร์กติกทางตะวันตกแอนตารก์ ติกาทางทศิ
ตะวนั ออกติดกบั Coats Land of East Antarctica และทางตอนใต้สุดขั้วโดยแนวกนั้ ดา้ นหน้าของชัน้ วางนา้ แข็ง Filchner
และ Ronne มพี ืน้ ที่ประมาณ 1,080,000 ตารางไมล์ (2,800,000 ตารางกิโลเมตร)
ทะเลเวดเดลลม์ ักจะมีอากาศเยน็ จดั โดยทั่วไปแล้วฝูงจะขยายไปทางเหนือถงึ ประมาณ 60 ° S ในภาคตะวันตก
และภาคกลางในช่วงต้นฤดูร้อนซง่ึ เป็นปัจจัยท่ขี ดั ขวางการสารวจเรอื ในช่วงต้นอย่างรนุ แรง เมอ่ื วันที่ 23 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.
2363 กองพลอังกฤษ“ วิลเลยี มส”์ ซ่ึงเป็นหน่งึ ในความพยายามคร้ังแรกในการรกุ ถูกหยุดโดยน้าแข็งนอกชายฝั่งทาง
ตะวันออกเฉยี งเหนือของเกรแฮมแลนด์ ในปีเดยี วกันหอ่ นา้ แขง็ หยุดเรอื รัสเซยี “Vostok” ตอนใตข้ องหมู่เกาะเซาท์แซนด์วิช
เม่ือวันที่ 20 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2366 นักสารวจและผปู้ ิดผนึกชาวอังกฤษJames Weddellบนเรอื สาเภา“ Jane” พบเส้นทางที่
เปดิ ผดิ ปกตทิ างตะวันออกเฉียงใต้จากหมเู่ กาะ South Orkneyและไปถงึ ตาแหนง่ ทางใต้ที่ไกลทีส่ ดุ ที่ 74 ° 15 ′S, 34 ° 17′ W.
ช่อื ที่ Weddell มอบให้George IV Sea, ถกู ทิง้ ร้างเม่อื ในปี 1900 มีการเสนอใหต้ ้งั ช่ือทะเลตามผูค้ ้นพบ
นายธนาวฒุ ิ กนกมนเทียร
6340410786
เหตุการณท์ ่เี กิดขนึ้
โรอัลด์ อะมนุ ดเ์ ซน
โรอลั ด์ อะมนุ ด์เซน (Roald Amundsen) (16 กรกฎาคม ค.ศ. 1872 - 18 มิถุนายน ค.ศ. 1928) เป็นนักสารวจชาว
นอรเ์ วย์ และเปน็ มนุษย์คนแรกที่ไปถึงขั้วโลกใต้ ในวันท่ี 14 ธันวาคม ค.ศ. 1911 ข้ัวโลกใต้ทางภูมิศาสตร์ ( Geographic South
Pole) เป็นหนึ่งในสองจุดท่ีแกนหมุนของโลกต้ังฉากกับพื้นผิวโลก (อีกจุดหน่ึงคือ ข้ัวโลกเหนือทางภูมิศาสตร์) อยู่ท่ีละติจูด 90
องศาใต้ บนแผน่ ดนิ ของทวปี แอนตาร์กติกา
มนษุ ย์คนแรกที่สามารถไปถึงข้ัวโลกใต้ทางภูมิศาตร์ได้ คือ นักสารวจชาวนอร์เวย์ ช่ือ โรอัลด์ อะมุนด์เซน (Roald Amundsen)
เมอ่ื วันที่ 14 ธนั วาคม ค.ศ. 1911
ในปี 1903 Roald Amundsen และลูกเรือของเขาบนเรือสลุบ Gjøa เริ่มภารกิจแล่นเรือผ่าน Northwest Passage
และรอบชายฝั่งทางตอนเหนือของแคนาดา พวกเขามาถึง Cape Colborne (ในปัจจุบัน นูนาวุธ ) ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1905
เกดิ ฤดูหนาวท่ีเกาะเฮอรเ์ ชลใน ยูคอน และมาถงึ โนเมะ อลาสกา้ ในเดอื นสงิ หาคม พ.ศ. 2449 เพ่ือเป็นการต้อนรับวีรบรุ ษุ
ในปี ค.ศ. 1928 Roald Amundsen เสยี ชวี ิตด้วยการบินเพื่อช่วยวิศวกรการบินชาวอิตาลี Umberto Nobile ซ่ึงเขา
ได้ร่วมบินบนขั้วโลกเหนือในปี 1926 จากอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่ทะเลใกล้ Spitsbergen นอร์เวย์ . เครื่องบินท่ีบรรทุก
Amundsen กาลงั ค้นหาผ้รู อดชวี ิตจากการชนของ Nobile ก็ชนกนั และไม่พบซากของ Amundsen