The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by supiwan.en, 2023-05-28 01:43:14

แผนการจัดการเรียนรู้บทที่ 3

แผนบทที่ 3

แผนจัดการเรียนรู้ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 Mix and Mash วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน (อ31101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ผู้สอน นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา จำนวน 1 ชั่วโมง วันที่สอน............................................. ********************************************************************************************************* 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ต 1.2 ม. 4-6/2 เลือกและใช้คำขอร้องให้คำแนะนำ คำชี้แจง คำอธิบายอย่างคล่องแคล่ว ต 1.2 ม. 4-6/4 พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลบรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม ต 1.2 ม. 4-6/5 พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อย่างมีเหตุผล 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ อ่านเรื่อง What types of music do you like? แล้วจับใจความ แสดงความคิดเห็นโดยใช้โครงสร้างภาษา ที่กำหนดให้ ได้ถูกต้องเหมาะสมกับระดับชั้น 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) อ่านเรื่อง What types of music do you like? แล้วจับใจความ แสดงความคิดเห็นได้ ทำให้นักเรียนได้รับ ความรู้ ความเข้าใจ คำศัพท์ โครงสร้างภาษาอังกฤษ ได้ฝึกภาษาทั้งการอ่าน การฟัง และการพูด พร้อม ทั้งเสริมสร้างให้มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เป็นการพัฒนาศักยภาพในการสื่อสารของผู้เรียน ให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ 4. สาระการเรียนรู้ (Learning Contents) 4.1 ด้านความรู้ (Knowledge) Vocabulary: audio, cool, DJ, to edit, fan, to include, to mix, opinion, to perform, to record, recording, song, traditional, video Function: Describing people Culture: Music style 4.2 ด้านทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ฝึกทักษะการฟังอ่าน และพูด - ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ (Analytical, Critical)


4.3 ด้านเจตคติ (Attitude) - เห็นคุณค่าของการรู้ภาษาอังกฤษ - มีความมั่นใจในการพูดแสดงความคิดเห็น 5. กิจกรรมการเรียนรู้( Reading ) 5.1 Lead-in 1. ให้นักเรียนดูภาพในหน้า 92-93 แล้วตอบคำถาม - Have you ever seen the picture? (yes/no) - What do you think it looks like? 2. ครูอาจใช้คำถามเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนพยายามคิดหาคำตอบ เช่น - Where do you think it is? (on the sea) - Can you see the eyes at the top of the picture? (yes) - Do you think it’s an animal or a wave? (an animal/a wave) 3. ให้นักเรียนอ่านชื่อหน่วย Mix and Mash แล้วดูภาพประกอบ แล้วตอบคำถาม - What do you think this unit is about? (about mixing different things together) 5.2 Pre-reading 1. ให้นักเรียนอ่านข้อความ “Different is okay.” ของ Josh Ponte แล้วตอบคำถาม - Do you think the writer is positive or negative to different things? (positive) 2. ให้นักเรียนช่วยกันพิจารณารูปภาพหน้า 92 อีกครั้งแล้วตอบคำถาม - What are the different parts of this image? (a wave and cookies) - Do you know Cookie Monster? 3. ถ้ามีนักเรียนคนใดคนหนึ่งบอกว่ารู้จัก ให้นักเรียนคนนั้นช่วยอธิบายให้เพื่อนรู้ว่า Cookie Monster เป็นตัวละครตัวหนึ่งในรายการทีวี Sesame Street ถ้าไม่มีนักเรียนคนใดรู้จัก ครูอาจมอบหมายให้นักเรียนค้นหาจาก http://muppet.wikia.com/wiki/Cookie_Monster แล้วนำข้อมูลมาเล่าให้เพื่อนฟัง 4. เพื่อให้นักเรียนเข้าใจความหมายของคำว่า Mix and Mash และ Mash-up ครูให้นักเรียนช่วยกันนึกถึง ตัวละครในวรรณคดีไทยที่มีลักษณะ Mash-up ว่ามีอะไรบ้าง เช่น มัจฉานุ กินนร กินนรีพระพิฆเนศวร ฯลฯ 5. Activity ครูให้นักเรียนดูภาพ ในหนังสือเรียนหน้า 94 และ 95 แล้วตอบคำถาม - What are they? (singles/musicians/actors) - Do you know this music band? (yes/no) - What types of music do you like? Raise your hands when I name it! ครูเอ่ยชื่อดนตรีชนิดต่าง ๆ Rock?, Pop?, Jazz?, Hip-Hop?, Latin?, Electric? Etc. 6. ให้นักเรียนดูภาพอีกครั้ง อ่านชื่อวงดนตรีและคำบรรยายด้านบนภาพ WagakkiBand with traditional and modern instruments จากนั้นให้นักเรียนจับคู่ช่วยกันดูว่ามีเครื่องดนตรีชิ้นใดที่นักเรียนรู้จัก และ ให้สังเกตเครื่องแต่งกายของนักดนตรี แล้วตอบคำถาม


- What do you think their nationality is? (Japanese) - Do you like the way they dress up? 5.3 While-reading 1. นักเรียนอ่านคำถาม 3 ข้อต่อไปนี้ เพื่อหาคำตอบที่ต้องการจากการฟัง - What does a DJ do to create a mash-up? - What band mixed the band of traditional Japanese instrument with rock music? - What does Gokh-Bi system band mix rock with? 2. นักเรียนฟัง Audio CD TR: 74 แล้วอ่านออกเสียงตาม เมื่ออ่านจบให้นักเรียนตอบคำถามข้างบน แล้ว เปรียบเทียบคำตอบกับเพื่อน 3. นักเรียนฟัง Audio CD TR: 74 อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบคำตอบก่อนครูเฉลยคำตอบจากเนื้อเรื่อง 5.4 Post-reading 1. นักเรียนเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ใน Activity โดยการฟัง Audio CD TR: 75 และพูดตาม 2. นักเรียนทำงานคู่ Activity พูดแสดงความคิดเห็นกับคู่ของตนในประเด็น - Why do you think some musicians mix modern and traditional music? - Do you think it’s a good idea to do this? Why or why not? 3. ขณะนักเรียนทำกิจกรรมนี้ ครูเดินดูและกระตุ้นให้นักเรียนพยายามพูดแสดงความคิดเห็น ครูอาจเลือก นักเรียนที่กล้าแสดงออกให้พูดโต้ตอบประเด็นเหล่านั้นกับครูก่อนเพื่อเป็นแนวทางตัวอย่างให้นักเรียนคู่อื่น และคอย ช่วยเหลือเรื่องคำศัพท์ สำนวนที่นักเรียนต้องการใช้ในการพูดได้ด้วย 4. นักเรียนบันทึกการเรียนรู้ในแบบบันทึกการเรียนรู้ 6. การวัดและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัดผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน - การทำงานคู่/กลุ่ม - สังเกตการทำกิจกรรมจับคู่/ กลุ่ม - ตาราง Rubric - Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4 - Reading - ตอบคำถาม - คำถาม 4 ข้อ - ตอบถูกทุกข้อ / ฟังหลายครั้ง - Speaking - สังเกตการทำกิจกรรมจับคู่ - ตาราง Rubric - Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4 - บันทึกการเรียนรู้ - สะท้อนความคิดและ การเรียนรู้ (Monitoring) - แบบบันทึกการเรียนรู้ - ขึ้นอยู่กับผู้เรียน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 หนังสือแบบเรียน Impact 1 Unit 6 หน้า 92-95 7.2 Audio CD Track 74-75 7.2 ใบงานที่ 1 Worksheet 1.6.1 จาก Teacher’s Resource CD-ROM


8. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 8.1 .ด้านความรู้ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.2 ด้านทักษะ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.4 ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ลงชื่อ ...............................................ครูผู้สอน (นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา)


Student Book Audio Script TR: 74 Listen and Read See Student Book pp. 94-95 TR: 75 Learn new words. Audio cool DJ edit fan include mix opinion perform record recording song traditional video If you can’t hear, check your audio equipment. Mash-ups can create sounds that are unusual, but really cool. People like to dance to the music that DJs play. Musicians edit their music to make it sounds better. Popular bands have thousands of fans. Rock bands always include a guitar player. Some bands like to mix differrenct styles of rock music. People have different opinion of rock music. It’s exciting to watch bands perform on stage. Some bands record the music at their concerts. It can take a long time to make a recording of one song. Musicians make songs by creating music and writing words. A culture’s traditional instruments make its music unique. Many people watch music vides on the Internet.


ใบงานที่ 1 Worksheet 1.6.1


แผนจัดการเรียนรู้ที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 Mix and Mash วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน (อ31101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ผู้สอน นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา จำนวน 1 ชั่วโมง วันที่สอน............................................. ********************************************************************************************************* 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ต 2.2 ม. 4-6/1 อธิบาย /เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวนคำพังเพย สุภาษิตและบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ อธิบาย /เปรียบเทียบสำนวนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทยแล้วนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับ ระดับชั้น 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) การอธิบาย/เปรียบเทียบสำนวนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทยแล้วนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง ทำให้นักเรียน ได้รับความรู้ ความเข้าใจ คำศัพท์ โครงสร้างภาษาอังกฤษ ได้ฝึกภาษาทั้งการอ่าน การฟัง และการพูด พร้อมทั้ง เสริมสร้างให้มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เป็นการพัฒนาศักยภาพในการสื่อสารของผู้เรียน ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ 4. สาระการเรียนรู้ (Learning Contents) 4.1 ด้านความรู้ (Knowledge) Vocabulary: cool, edit. Include, opinion, perform, record, recording, traditional Function: Describing people Culture: Music style 4.2 ด้านทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ฝึกทักษะการเดาความหมายของคำศัพท์จากบริบท 4.3 ด้านเจตคติ (Attitude) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังและเพียงพอ 5. กิจกรรมการเรียนรู้ 5.1 Warm Up 1. นักเรียนดูภาพ และอ่านคำบรรยายใต้ภาพ Activity ในหนังสือเรียนหน้า 96 (Josh Ponte filming Gabonese musicians) แล้วตอบคำถาม


- Which man in the picture is Josh Ponte, on the left or on the right? 2. นักเรียนบางคนอาจตอบ on the left หรือบางคนอาจตอบ on the right ครูปล่อยคำตอบไว้ก่อน โดยยังไม่เฉลยแล้วใช้คำสั่ง Let’s read a little about Josh Ponte. 5.2 Presentation 1. นักเรียนจะสามารถอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ Josh Ponte ได้เข้าใจนั้นนักเรียนจะต้องเข้าใจความหมาย ของคำศัพท์ที่กำหนดมาให้ก่อน แล้วนำไปเติมช่องว่างให้นักเรียนศึกษาคำศัพท์ที่ให้ไว้ในกรอบ 8 คำ ด้านล่างนี้แล้ว วงกลมคำศัพท์ที่นักเรียนไม่รู้ความหมาย 2. ครูให้นักเรียนจับคู่กับเพื่อน เปรียบเทียบคำศัพท์ว่ามีกี่คำที่นักเรียนไม่รู้ความหมาย แล้วแลกเปลี่ยน ความรู้คำศัพท์ที่รู้ต่างกัน ครูเดินสังเกตและบันทึกการประเมินในแบบสังเกต ตาราง Rubric ใช้ Rating Scale ตามเกณฑ์1, 2, 3, 4 3. ครูสุ่มเรียกนักเรียนแต่ละคู่ออกมาบอกคำศัพท์ที่รู้ความหมาย ส่วนคำที่นักเรียนยังไม่รู้ความหมาย ครูเขียนขึ้นกระดานและให้นักเรียนช่วยกันดูว่าเป็นคำชนิดใด Noun Pronoun Verb Adverb Adjective Preposition Conjunction Interjection cool edit opinion include perform record recording traditional 4. ครูแจกใบงานที่ 1 (อยู่หลังหัวข้อกิจกรรมเสนอแนะ) ที่ได้จัดทำขึ้นโดยประยุกต์จากเนื้อหาของเรื่อง ใน Activity ที่จะให้นักเรียนอ่านและเติมคำศัพท์ที่กำหนดให้ให้นักเรียนช่วยกันเรียนรู้โดยใช้ chart วิเคราะห์ ประโยคใน Worksheet เพื่อการเลือกคำมาเติมในบริบทให้ถูกต้องตามไวยากรณ์ครูอาจใช้คำถามต่อไปนี้เพื่อถามนำ ในการวิเคราะห์คำศัพท์ - What word from the box best fits the context of this sentence? - What is the subject of the first sentence? - What is the verb of the first sentence? What did Josh Ponte do? - Where did he go? - Do you know why he went there? 5. ให้นักเรียนอ่านออกเสียงประโยคแรกของเนื้อเรื่องพร้อมกัน จากนั้นครูวิเคราะห์ประโยคแรก เป็นตัวอย่าง


Teacher: It might be “edit” but do you think you would edit in a studio after a film has been made. Include and perform don’t make sense. I’m pretty sure you can record a film, just like you can record music. Read the sentence with the word “record” and see if it makes sense. 6. ครูอธิบายการวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า ประโยคแรก ประธานของประโยคแรกคือ Film maker and music producer Josh Ponte กริยาคือ traveled ไม่ต้องมีกรรม ส่วนที่เหลือเป็นส่วนขยายบอกสถานที่คือ to communities in Gabon ส่วนขยายบอกจุดประสงค์คือ to _____music for a film เพราะขึ้นต้นด้วย to ต้องตาม ด้วย verb ในรูป infinitive ดังนั้น คำที่พิจารณาเลือก คือ edit, include, perform, หรือ record ในบริบทนี้ สังเกต key words คำว่า Film maker and music producer เดินทางมาที่ communities in Gabon เพื่อบันทึกดนตรี ประกอบภาพยนตร์ จึงเลือก record 7. ครูให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคที่ 2 ของเนื้อเรื่องพร้อมกัน เช่น Students: ประโยคที่ 2 ประธานของประโยคคือ He กริยาคือ focused กรรมคือ music and dance ซึ่งมีคำคุณศัพท์ขยาย ได้แก่ คำว่า _________ และ Gabonese ดังนั้น จึงพิจารณาเลือก cool และ traditional สังเกต key words คำว่า Gabonese หมายถึงภาษา Gabon จึงเลือก traditional แปลว่า ดั้งเดิม ประกอบ Gabonese เพื่อขยาย music and dance 5.3 Practice 1. นักเรียนจับคู่กับเพื่อน ช่วยกันวิเคราะห์และเติมคำใน Activity ให้ครบ โดยใช้เวลา 10 นาที ครูเดินสังเกตและให้ความช่วยเหลือแก่นักเรียนตามความเหมาะสม 2. ครูและนักเรียนช่วยกันเฉลยคำศัพท์และความหมาย โดยสุ่มเรียกนักเรียนแต่ละคู่ให้ตอบและอธิบายวิธี วิเคราะห์เลือกคำที่เติม ครูชมเชยและให้กำลังใจแก่นักเรียนที่วิเคราะห์และตอบได้ถูกต้อง ตาม chart ในใบงานที่ 1 (ตัวอักษรสีแดง) ครูต้องแน่ใจว่านักเรียนเข้าใจว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนรูปแบบของคำบางคำเพื่อให้เหมาะสมและถูกต้อง ตามหลักไวยากรณ์เช่น perform เปลี่ยนรูปเป็น performing ในคำตอบที่ 6 3. ให้นักเรียนอ่านออกเสียงและทำความเข้าใจเรื่องทั้งเรื่องใน Activity อีกครั้ง 5. นักเรียนทำ Activity หน้า 96 โดยฟัง Audio CD TR: 76 และ TR: 77 6. ครูแนะให้นักเรียนพยายามฟังและเขียนคำตอบด้วยตนเอง หากรอบแรกยังไม่ได้จึงเปิดให้ฟังอีก ขณะที่ นักเรียนฟัง ครูเดินสังเกต เมื่อฟังจบรอบแรกครูสำรวจว่านักเรียนจับคู่ความหมายของคำศัพท์ได้ครบทั้ง 4 คำหรือยัง หากมีนักเรียนทำได้บางข้อแล้ว ครูถามว่านักเรียนตัดสินใจเลือกคำตอบจากการได้ยินคำสำคัญ (key words) คำใดบ้างในแต่ละข้อ ครูเปิดให้ฟังอีก รอบที่สองนี้ให้นักเรียนฟังแล้วให้สังเกตคำสำคัญที่ช่วยให้แน่ใจว่าเลือกจับคู่ คำศัพท์และความหมายได้ถูกต้อง ถ้ายังมีนักเรียนบางคนขอฟังอีกรอบ ครูลองถามว่านักเรียนยังไม่ได้ข้อใด แล้วขอให้ นักเรียนที่ทำข้อนั้นได้แล้วช่วยบอกใบ้ด้วยคำสำคัญที่ตนฟังได้ เพื่อช่วยเพื่อนให้ตั้งใจฟังคำสำคัญนั้น หากนักเรียนได้ คำตอบครบทุกคนตั้งแต่รอบแรก การฟังรอบสองก็เป็นการเฉลยคำตอบ โดยหลังการฟังรอบสองครูสุ่มเรียกนักเรียน ตอบคำตอบของตนเองและบอกคำสำคัญที่ช่วยให้มั่นใจในคำตอบ จนได้คำตอบครบทุกข้อ ให้นักเรียนประเมินตนเอง


ว่าใช้เวลาในการฟังครั้งนี้กี่รอบ ยุทธวิธีในการฟังโดยจับคำสำคัญช่วยนักเรียนให้พบคำตอบได้ดีขึ้นอย่างไร และคอย ประเมินตนเองในการฟังครั้งต่อ ๆ ไปว่าทักษะการฟังดีขึ้นหรือไม่ Vocabulary Strategy: Multiple-meaning word 7. ครูและนักเรียนช่วยกันหาความหมายอื่น ๆ ของคำว่า hit โดยให้นักเรียนทุกคนอ่านออกเสียงคำจำกัด ความของคำว่า hit พร้อมกัน แล้วถามว่านักเรียนคนใดรู้ความหมายอื่น ๆ ของคำว่า hit - Does anyone know another meaning of “hit”? 8. เมื่อมีนักเรียนตอบ ให้นักเรียนทำท่าทางประกอบไปพร้อมกับการตอบ Teacher: The word “hit”, along with many other English words, is a multiple-meaning word. Can you think of other words that have more than one meaning? 9. ครูเขียน 2 ประโยคนี้บนกระดานและให้นักเรียนอ่านออกเสียง The directions say to mix water and flour in a bowl. DJs mix recordings to create new music. 10. นักเรียนอ่านออกเสียงประโยคทั้งสองให้นักเรียนหาความหมายของคำว่า mix ใน dictionary แล้วให้ นักเรียน 2 คน เขียนความหมายที่ถูกต้องของแต่ละประโยคบนกระดาน The directions say to mix water and flour in a bowl. Mix = combine or put together to form one substance or mass. DJs mix recordings to create new music. mix = produce (a piece of continuous music, typically dance music) by cobmining a number of separate recordings. 11. ครูย้ำให้นักเรียนเข้าใจ เช่น When you look up a word, you must read through all of the definitions to find the meaning that fits with the context of what you’re reading. 5.4 Production 1. นักเรียนจับกลุ่ม ๆ ละ 4-6 คน เลือกทำกิจกรรม 1-3 ใน Activity ในหนังสือเรียนหน้า 96 ครูให้ รายละเอียดเพิ่มเติมในการทำแต่ละกิจกรรม ดังนี้ - In Activity 1, write down your interview questions and make sure you ask each classmate the same ones. Remember to take notes on your classmates’ responses so you can report them to the class. - In Activity 2, you can research WagakkiBand, Gokh-Bi System, or Bajofondo. - In Activity 3, you can look up English words for Thai traditional musical instruments in a dictionary.


2. ครูเดินสังเกตขณะนักเรียนทำกิจกรรม และบันทึกการประเมินในแบบสังเกต ตาราง Rubric ใช้ Rating Scale ตามเกณฑ์1, 2, 3, 4 หลังจากที่นักเรียนทำกิจกรรมแล้ว ครูสุ่มนักเรียน 3 กลุ่ม นำเสนอผลงานกลุ่ม Activity 1-3 5.5 Wrap-up 1. ให้นักเรียนสรุปผลการเรียนรู้และการต่อยอดการเรียนรู้ ในแบบบันทึกการเรียนรู้ 2. นักเรียนแต่ละคน บันทึกการเรียนรู้ของตนลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ 6. การวัดและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัดผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน - การทำงานคู่/กลุ่ม - สังเกตการทำกิจกรรม จับคู่/กลุ่ม - ตาราง Rubric - Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4 - Listening - ตอบคำถาม - คำถาม 4 ข้อ - ตอบถูกทุกข้อ / ฟังหลายครั้ง - การนำเสนองานกลุ่ม - นำเสนองานกลุ่ม - ตาราง Rubric - Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4 - การเรียนรู้ - สะท้อนความคิดและ การเรียนรู้ (Monitoring) - แบบบันทึกกาเรียนรู้ - ขึ้นอยู่กับผู้เรียน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 หนังสือเรียน Impact 1 Unit 6 หน้า 96 7.2 Mp3 Audio Script TR: 76-77 7.3 ใบงานที่ 1 - 2 และ Worksheet 1.6.2 จาก Teacher’s Resource CD-ROM กิจกรรมเสนอแนะ 1) นักเรียนจับคู่เขียน sales pitch (a talk or a way of talking that is intended to persuadeyou to buy something:I didn't want to listen to his sales pitch.=รูปแบบการนำเสนอธุรกิจอย่างกระชับที่สุดให้ ผู้ฟังหรือผู้อ่านรู้เรื่องได้อย่างรวดเร็ว) เพื่อชักชวนให้ Josh Ponte บันทึกเสียงวงดนตรีของตน - Your band does mash-ups of traditional and modern music. Tell josh that you want to preserve traditional music. What will you say to convince him? - นักเรียนแบ่งปัน sales pitch ของตนให้เพื่อน ๆ อ่านหรือฟัง 2) นักเรียนทำ ใบงานที่ 2 Worksheet 1.6.2 ฝึกใช้คำศัพท์ที่จะใช้เขียนและอภิปรายเกี่ยวกับ musical mashups Student Book Audio Script TR: 76 Bands all over the world combines musical styles. The Agentine band Bajofondo id famous for mixing electronic music with traditional Agentine tango music.


This creates a new style called electrotango. Bajofondo’s electrotango style has produced many hits. Many of their fans download their music and go to their concerts. In fact, their first concert in Bueni=os Aires attracted 200,000 fans! TR: 76 Learn new words. Combine download electronic hit Mash-up musicians combine sounds from different songs. It’s easy to download music on a computer. A loot of people today like the sound of electronic music. The band’s first song was ahit.


8. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 8.1 .ด้านความรู้ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.2 ด้านทักษะ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.4 ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข .......................................................................................................... ............................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ลงชื่อ ...............................................ครูผู้สอน (นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา)


ใบงานที่ 1 SENTENCE ANALYSIS CHART Adv. Subject Predicate* S V VP** Adv./Adv. phrase/Adv.clause Film maker and music producer Josh Ponte traveled to communities in Gabon to record music for a film. He focused on traditional Gabonese music and dance. The journey was difficult for Josh. He said, “It was nuts.” Josh had that opinion because on the trip he and his crew had excellent equipment but no water and little food. In the end Josh made more than 100 hours of recordings. These included music, interviews, and people performing traditional dances. Josh then edited the videos to create a very cool movie calledGobon: The Last Dance. Josh said, “I hope to show where Goban is today, in a changing world, with this astonishing music at its heart.”


ใบงานที่ 2 Worksheet 1.6.2


Answer Key: Activity page 96 1) record = copy (บันทึกเทป) 2) traditional = folk (แบบดั้งเดิม) 3) opinion = idea (ความคิดเห็น) 4) recording= music, sound, or images that have been stored on a disc, computer file, ortape (เทป/ไฟล์บันทึกเสียงหรือภาพ) 5) included = consist (ประกอบด้วย) 6) performing= presenting, entertaining (การแสดง) 7) edit = compose (เรียบเรียง) 8) cool = great, exceptional (เจ๋ง) Answer Key:Activity page 96 to combine hit to download electronic 1. put two or more things together 2. something successful (such as a song or a movie) 3. put something onto a computer 4. using electricity to produce something


แผนจัดการเรียนรู้ที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 Mix and Mash วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน (อ31101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ผู้สอน นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา จำนวน 1 ชั่วโมง วันที่สอน............................................. ********************************************************************************************************* 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ต 1.2 ม. 4-6/4 พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลบรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่อง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ พูดเพื่อให้ข้อมูลอธิบาย ประเด็นที่ฟังและอ่านโดยใช้โครงสร้างภาษาที่กำหนดให้ได้ถูกต้องเหมาะสมกับ ระดับชั้น 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) พูดเพื่อให้ข้อมูลอธิบาย ประเด็นที่ฟังและอ่านโดยใช้โครงสร้างภาษาที่กำหนดให้ ได้ถูกต้องเหมาะสมกับ ระดับชั้นทำให้นักเรียนได้รับความรู้ ความเข้าใจ คำศัพท์ โครงสร้างภาษาอังกฤษ ได้ฝึกภาษาทั้งการอ่าน การฟัง และ การพูด การคิดสร้างสรรค์พร้อมทั้งเสริมสร้างให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เป็นการพัฒนาศักยภาพในการสื่อสาร ของผู้เรียนให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ 4. สาระการเรียนรู้ (Learning Contents) 4.1 ด้านความรู้ (Knowledge) Vocabulary: fiction, clarify, clarifying Pronunciation: Pegasus /ˈpɛɡəsəs/, Griffin /ˈɡrɪfɪn/, Centaur/ˈsɛntɔː/ Function: Clarifyinga point: I mean … , In other words, … , That is … Culture: Mash up two things 4.2 ด้านทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ฝึกทักษะการฟัง และการพูด - ฝึกทักษะการคิดสร้างสรรค์ 4.3 ด้านเจตคติ (Attitude) - มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์


5. กิจกรรมการเรียนรู้ 5.1 Warm Up 1. ครูถามนำเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนรู้หาความหมายและ concept ของ Clarifying a point - Do you like fiction? - What does fiction mean? - Did you ever use a new word when talking to a friend and have him look at you funny, like he didn’t understand what you said? - What would you do to make your friend understand? 2. ครูช่วยชี้แนะแนวทางจนนักเรียนสามารถบอกว่าอาจใช้คำง่าย ๆ (simple words) เพื่ออธิบายให้เพื่อน เข้าใจ 5.2 Pre-speaking 1. ครูอธิบายเพื่อให้นักเรียนรู้ยุทธวิธีในการพูดอธิบายความให้ชัดเจนขึ้นโดยใช้การอธิบายเป็น ภาษาอังกฤษ และอาจให้คำอธิบายเป็นภาษาไทยได้หากนักเรียนยังไม่เข้าใจ -When you say something in a simpler or clearer way, it’s called clarifying. 2. ครูเขียนคำว่า clarifying บนกระดาน แล้วให้นักเรียนออกเสียงตาม - It’s a form of the verb to clarify, or “to make clear.” - Do you know what the noun form of to clarify is? (Clarification) 3. ให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 97 อ่านออกเสียงหัวข้อ “Speaking strategy” 4. ครูเรียกนักเรียน 3 คน ให้ยืนขึ้น และให้แต่ละคนอ่าน clarifying point คนละประโยคเช่น - I really like fiction. I mean, I love to read made-up stories. 5. ครูเปิด Audio CD TR: 78 ให้นักเรียนฟังแล้วครูเขียนวลีเหล่านี้ขึ้นกระดาน I mean … In other words, … That is … 6. ครูอธิบายว่าวลีเหล่านี้เป็นสัญญาณว่าเรากำลังจะพูดซ้ำสิ่งที่ได้พูดไปด้วยคำอธิบายที่ง่ายกว่า - What is fiction? (Made-up stories) - What is non-fiction? (the writing that tells facts or real events) - What’s a myth? (an actual story that was originally told to explain a belief or natural event) 7. ให้นักเรียนดูภาพรูปปั้นทั้ง 3 ภาพ ใน Activity ในหนังสือเรียนหน้า 97 ครูอ่านออกเสียงคำ Pegasus/ˈpɛɡəsəs/, Griffin/ˈɡrɪfɪn/, Centaur/ˈsɛntɔː/ ให้นักเรียนฟัง จากนั้นครูใช้คำสั่ง - Now listen to a conversation about these creatures from Greek myths. - How do speakers clarify their points? Write the phrases you hear. 8. ครูชี้ให้นักเรียนดูวลีI mean..., In other words, ... และThat is... ที่เขียนไว้บนกระดาน


- Listen for these phrases. Write them down when you hear them. 9. ครูเปิดแถบบันทึกเสียง TR: 79 ให้นักเรียนฟัง แล้วช่วยกันเฉลย 10. ครูแจก ใบงานที่ 1 Worksheet 1.6.3 ในแบบฝึกหัดที่ 1 ให้นักเรียนจับคู่ผลัดกันพูด และอธิบายโดย ใช้วลีI mean..., In other words,..., That is...แล้วช่วยกันเรียงอักษรคำศัพท์ 5 คำในแบบฝึกหัดที่ 2 (Worksheet 1.6.3 รวมเฉลยอยู่หลังกิจกรรมเสนอแนะ) 5.3 While-speaking 1. ครูอธิบายเพื่อให้นักเรียนทำ Activity ในหนังสือเรียนหน้า 97 - Here’s another conversation. Read each person’s words first. Then use the clarifying phrases we’ve heard and talked about to fill in the blanks. 2. นักเรียนจับคู่อ่านทำความเข้าใจ และเติมบทสนทนาในแต่ละช่องว่างนักเรียนจะเลือกเติม I mean..., In other words,... หรือ That is... วลีใดก็ได้ แล้วผลัดกันพูดเป็น Luisa และ Rob ครูเดินบันทึกในแบบสังเกตการ ทำกิจกรรมคู่และให้ความช่วยเหลือแก่นักเรียน 3. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 คู่ ยืนขึ้นพูดบทสนทนา จากนั้นเพื่อให้นักเรียนมีโอกาสได้ฝึกพูดหลาย ๆ ครั้ง ให้ นักเรียนออกมายืนตั้งแถวบริเวณที่ว่างหน้าห้องหรือหลังห้อง แต่ละคู่หันหน้าเข้าหากัน เมื่อครูให้สัญญาณ นักเรียนเริ่ม สนทนากับคู่ของตน จากนั้นครูให้สัญญาณเปลี่ยนคู่นักเรียนขยับเปลี่ยนไปพูดคู่กับเพื่อนที่อยู่ถัดไป จนกว่าครูให้ สัญญาณหยุด 5.4 Post-speaking 1. แบ่งนักเรียนกลุ่ม ๆ ละ 4-6 คนทำ Activity ในหนังสือเรียนหน้า 97 ครูแจก Unit 6 Cutouts กลุ่มละ 1 แผ่นพร้อม กรรไกรให้ตัดแยกการ์ด 12 ใบครูอธิบายคำชี้แจงและอธิบายวิธีเล่นเกมนี้ ดังนี้ คว่ำการ์ด ทั้ง 12 ใบ แต่ละคนเลือกการ์ดคนละ 2 ใบ แล้ว mash-up จากภาพทั้งสองให้นักเรียนอ่าน speech balloon mashup, clarify it, and then draw it. 2. นักเรียนจับคู่ทำ Activity ในหนังสือเรียนหน้า 97 เลือกหนังสือหรือภาพยนตร์ที่ชอบ แล้วสร้าง mash-up กับอีกเรื่อง เล่าเรื่องใหม่ให้เพื่อนคู่อื่นฟังและขยายให้เพื่อนเข้าใจ 3. นักเรียนบันทึกการเรียนรู้ในแบบบันทึกการเรียนรู้ 6. การวัดและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัดผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน - การทำงานคู่/กลุ่ม - สังเกตการทำกิจกรรม จับคู่ - แบบบันทึกการ สังเกต - Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4 - Listening - ฝึกทักษะการฟัง - แบบฝึก - Listening Rubric - Speaking - ฝึกทักษะการพูด - ใบงาน - Speaking Rubric - บันทึกการเรียนรู้ - สะท้อนความคิดและ การเรียนรู้(Monitoring) - แบบบันทึกการ เรียนรู้ - นักเรียนประเมินตนเอง


7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 หนังสือเรียน Impact 1 Student’s Book Unit 6 หน้า 97 7.2 Audio Script TR: 78 และ 79 7.3 ใบงานที่ 1-2, Worksheet 1.6.3 จาก Teacher’s Resource CD-ROM


8. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 8.1 .ด้านความรู้ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.2 ด้านทักษะ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.4 ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข .................................................................................................................... ..................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ลงชื่อ ...............................................ครูผู้สอน (นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา)


Student Book Audio Script TR: 78 Speaking Stratergy See student Book p. 97 TR: 79 S1: Hey, Sandra. Look at this book on Greek mythology I’m reading. The pictures of the ancient creatures are amazing! They’re hybrid of two animals! That is, they have parts of two different animals. S2: That’s right. Look at Pegasus. It’s a horse/bird hybrid. In other words, it has ahorse’s body and bird’s wings! S1: Yes. And look at the griffin. It’s really crazy, I mean, it has abody of the lion and the head, wings and claws of an eagle. I wish I were as unusual as a griffin! S2: What do you mean? S1: I mean I want ot mix with something that will make me unique. S2: You should become a centaur. In other words, you could be half person, half horse. That would definitely make you unique, don’t you think? S1: Yeah—and I think having four legs would definitely help me in my next race.


ใบงานที่ 1 Worksheet 1.6.3


ใบงานที่ 2


แผนจัดการเรียนรู้ที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 Mix and Mash วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน (อ31101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ผู้สอน นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา จำนวน 1 ชั่วโมง วันที่สอน............................................. ********************************************************************************************************* 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ต 2.2 ม. 4-6/1 อธิบาย /เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวนคำพังเพย สุภาษิตและบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ เปรียบเทียบโดยใช้โครงสร้างประโยคของที่กำหนดให้ ได้ถูกต้องเหมาะสมกับระดับชั้น 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) การเปรียบเทียบโดยใช้โครงสร้างประโยคที่กำหนดให้ ได้ถูกต้องเหมาะสมกับระดับชั้นทำให้นักเรียนได้รับ ความรู้ ความเข้าใจ คำศัพท์ โครงสร้างภาษาอังกฤษ ได้ฝึกภาษาทั้งการอ่าน การฟัง การพูด และการเขียน พร้อม ทั้งเสริมสร้างให้มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เป็นการพัฒนาศักยภาพในการสื่อสารของผู้เรียน ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ 4. สาระการเรียนรู้ (Learning Contents) 4.1 ด้านความรู้ (Knowledge) Vocabulary: traditional, talented, funny, beautiful, deep Function: Comparing things 4.2 ด้านทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ฝึกทักษะการใช้โครงสร้างการเปรียบเทียบสองสิ่ง การอ่าน การฟัง การเขียน และการพูด - ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ 4.3 ด้านเจตคติ (Attitude) - มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร 5. กิจกรรมการเรียนรู้ 5.1 Lead-in 1. ครูเขียน 2 ประโยคนี้บนกระดาน แล้วชี้ให้นักเรียนดูคำที่ขีดเส้นใต้ - The old musician performed traditional songs. He was talented and funny, with beautiful, deep voice.


ครูถามนักเรียนว่า ให้นักเรียนตอบ - What are the underlined words? (Adjectives) 2. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า Adjective หมายความว่าอย่างไร พร้อมทั้งอธิบายคำที่ขีดเส้นใต้ บนกระดานด้วย - You know that adjectives are words we use to describe things. They modify, or tell more about nouns and pronouns. - The adjectives in these sentences tell what kind of songs the musician played (traditional). They describe some of his characteristics (old, talented, funny), and they appeal to our sense of hearing (beautiful, deep). With these words, you can almost see and hear the musician in your mind. หากนักเรียนไม่เข้าใจภาษาอังกฤษที่ครูอธิบาย ครูควรเสริมคำอธิบายภาษาไทยร่วมด้วย 5.2 Presentation 1. ครูตัดกระดาษเป็นรูปวงกลมวงใหญ่สีแดง 1 แผ่น และอีกแผ่นเป็นรูปวงกลมวงสีฟ้าให้มีขนาดใหญ่กว่า ครูชูวงกลมแผ่นสีแดงและสีฟ้าให้นักเรียนดูและพูดว่า - The red circle is big. - What would you say to compare the sizes of the two circles? (The blue circle is bigger than the red circle.) 2. ครูเขียนประโยคต่อไปนี้บนกระดาน The red circle is big. The blue circle is bigger than the red circle. The musician played a fast song. Then he played a faster song. Michael Jordan was a talented player. Is Stephen Curry more talented? 3. ครูเรียกนักเรียน 3 คน ให้แต่ละคนอ่านประโยคแต่ละคู่ แล้วถามนักเรียนว่าประโยคคู่นั้นเปรียบเทียบ อะไร - What’s being compared? (circles, songs, people/basketball players). 4. ครูชี้ให้นักเรียนดู adjectives ในประโยคทางด้านขวา - These are all ways we can compare two things with adjectives because we’re comparing. These are called comparative forms. 5. ให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 98 อ่านหัวข้อ Grammar และประโยคที่อยู่ในกรอบสีเหลืองครูบอก นักเรียนว่าประโยคเหล่านี้เกี่ยวกับกีฬา ให้นักเรียนดูหนังสือตามในขณะที่ฟัง - These sentences are about sports. - Follow along in your books as we listen.


6. ครูเปิด Audio CD TR: 80 ให้นักเรียนฟัง แล้วให้นักเรียนอ่านประโยคแต่ละคู่แล้วถามว่าประโยคแต่ละ คู่ใช้รูปการเปรียบเทียบขั้นไหน แล้วครูให้นักเรียนสังเกตเครื่องหมาย / ในประโยคที่ 5 ว่าเป็นการใช้ adjectives ใน รูปการเปรียบเทียบขั้นกว่า ของ simple ได้ทั้ง simpler หรือ more simple than ซึ่งถูกต้องทั้งสองรูป - Let’s talk about the different forms of comparative adjectives. - We use different forms depending on how the adjective is spelled and how many syllables it has. 7. ให้นักเรียนช่วยกันสรุปหลักการเปลี่ยน Adjectives ขั้นกว่าโดยพูดประโยคอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ ช้า ๆ ดังนี้ - Look at hard/harder. You add –er to the end of many one-syllable adjectives to form the comparative. - Look at noise/noisier. When a two-syllable adjectives end in a consonant(s) and y, you change the y to I and add –er to from the comparative. However, you can aslo use the words more or less with two-syllable adjectives ending in y, as well as with other two-syllable adjectives, such as simple. - Look at difficult. Pronounce the three syllables to yourself. This is an easy rule to remember! When an adjective has three or more syllables, you always use the words more or less to form the comparative. 5.3 Practice 1. นักเรียนดูภาพ และอ่านคำบรรยายใต้ภาพ (Bossaball is played on a blow-up court with trampolines.) ในหนังสือเรียนหน้า 98 แล้วให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ - What is the man in the picture doing? (playing bossaball) - Do you know how to play bossaball? (No/Yes) - Do you think bossaballis a kind of mash-up? (No/Yes) จากนั้นครูอธิบายคร่าว ๆ ว่า bossaball คืออะไร ก่อนให้นักเรียนเริ่มฟัง Audio CD - Bossaball is a combination of several things, including music. - Before we hear about bossaball, let’s do a review. 2. ครูเขียนข้อความต่อไปนี้บนกระดาน แล้วเรียกนักเรียนมาแทนที่วลีที่ขีดเส้นใต้ด้วยการเปรียบเทียบ แบบต่าง ๆ To show difference, use more … than, less … than or (hard)-erthan. To show equality, use as … as. Bossaball is more fun than soccer. Bossaball players are as active as soccer players. 11


3. นักเรียนอ่านคำชี้แจง Activity ในหนังสือเรียนหน้า 98 จากนั้นให้นักเรียนฟัง Audio CD แล้ว ทำเครื่องหมาย ในช่อง หน้าคำ Adjective ที่ได้ยิน แล้วเขียนรูป Adjective ขั้นกว่าหรือขั้นเท่ากับของคำนั้น ครูเปิด Audio CD TR: 81 Answer Key:Activity Page98 fast_____________________ unusual more unusualthan easy easier exciting__________________ active more active hard harder cool_____________________ enjoyable more enjoyable fun as fun as good better 4. ครูบอกนักเรียนว่านักเรียนจะได้อ่านเกี่ยวกับ mash-up sport อีกแบบ - Now you’ll read about another mash-up sport called mash-up sportmash-up sportmash-up sportkronum. 5. ครูให้นักเรียนอ่านคำชี้แจงของ Activity ในหนังสือเรียนหน้า 98 ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สัญลักษณ์=/ หมายถึง เท่ากัน +/ หมายถึง มากกว่าและ -/ หมายถึง น้อยกว่า - The word is the adjective you’ll use. A plus sign means you use the word more or an –er form, and a minus sign means you use the word less. จากนั้นครูถามนักเรียนว่า - What do you think the equals sign after the second blank in item 1 means? (equally, use as unusual as) 6. นักเรียนทำ Activity ในหนังสือเรียนหน้า 98 แล้วจับคู่แลกเปลี่ยนกันดูคำตอบ ครูเดินสังเกต ให้ความช่วยเหลือ และบันทึกในแบบสังเกตการทำงาน นักเรียนและครูช่วยกันเฉลย 7. ครูสุ่มเรียกนักเรียนแต่ละคู่ตอบ แล้วนักเรียนและครูช่วยกันเฉลยคำตอบ Answer Key: Activity Page98 1. newer than, as unusual as 2. more difficult 3. smaller than 4. less popular than 8. นักเรียนจับคู่อ่านคำชี้แจงใน Activity ในหนังสือเรียนหน้า 98 นักเรียนแต่ละคน list ประเภท กีฬาที่ตนชื่นชอบ แล้วจับคู่ผลัดกันเปรียบเทียบ โดยดูประโยคตัวอย่าง Soccer is more exciting than baseball. ใน bubble ครูย้ำให้นักเรียนช่วยเหลือกันอย่างสุภาพ ครูเดินสังเกตการทำงานและให้ความช่วยเหลือ 11 12 12 12 13


5.4 Production 1. นักเรียนดูภาพใน Activity ในหนังสือเรียนหน้า 99 ครูถาม - What’s the girl tossing? (a flying disc/a disc/a Frisbee) 2. นักเรียนอ่านข้อความเหนือภาพ ในหนังสือเรียนหน้า 99 เกี่ยวกับ Disc golf จากนั้นใช้คำสั่ง - Let’s listen and learn some new words. เพื่อให้นักเรียนฟัง Audio CD จากนั้นครูเริ่มเปิด Audio CD TR: 82 และ TR: 83 ให้นักเรียนออก เสียงตาม 3. นักเรียนจับคู่อ่านคำชี้แจง Activity ในหนังสือเรียนหน้า 99 ครูถามนำเพื่อให้นักเรียนตอบ หาก นักเรียนตอบถูก ครูอธิบายความเพิ่มเติมแก่นักเรียน ก่อนให้นักลงมือปฏิบัติกิจกรรม - What’s a hybrid sport? (a combination/mix/mash-up of two or more sports) - That’s correct, but hybrid can also be used to describe combinations of other things. There are hybrid plants and hybrid cows, for example. - Use your understanding of the new words to make correct sentences. 4. ครูสุ่มเรียกนักเรียนแต่ละคู่อ่านประโยคสมบูรณ์ที่เลือกคำที่ถูกต้องแล้วครูช่วยแก้ไขหากนักเรียนยังทำ ไม่ถูกต้อง Answer Key:Activity Page 99 1. created 2. hybrid 3. version 4. love 5. hate 5.5 Wrap-up 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-6 คน อ่านคำชี้แจง Activity ในหนังสือเรียนหน้า 99 นักเรียนแต่ละ กลุ่มช่วยกัน list ประเภท Hybrid sports ครูบอกนักเรียนว่า Tell what you think about it. Use comparatives. ครูเดินดูในขณะนักเรียนทำกิจกรรมและให้ความช่วยเหลือเมื่อนักเรียนทำเสร็จแล้ว ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนองาน กลุ่ม 2. ครูอาจเปิดคลิปวิดีโอจาก youtube เกี่ยวกับวิธีเล่น bossaball หากในห้องเรียนสามารถ ใช้อินเตอร์เน็ตได้ หรือครูสามารถดาวน์โหลดคลิปวิดีโอมาได้จาก 2 links ที่แนะนำมาให้พิจารณาเลือก ได้แก่ 1) https://www.youtube.com/watch?v=Q9XiRzJPzmw ความยาวคลิปนี้ 3.46 นาที มีเสียง ภาษาอังกฤษบรรยายวิธีเล่น bossaball 2) https://www.youtube.com/watch?v=4bF86FsaweY ความยาวคลิปนี้ 8.25 นาที มีข้อความ ปรากฏมาเป็นระยะอธิบายวิธีเล่น bossaball วิธีนำเสนอสนุก มีอารมณ์ขัน มีดนตรีประกอบ (ครูอาจเลือกเปิดคลิป ตามเวลาที่มี โดยไม่ต้องดูจนจบก็ได้) 3. นักเรียนแต่ละคน บันทึกการเรียนรู้ของตนลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ 14 15 16


6. การวัดและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัดผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน - การทำงานคู่/กลุ่ม - สังเกตการทำกิจกรรม จับคู่/กลุ่ม - ตาราง Rubric - Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4 - การฝึกกิจกรรม - ตอบคำถาม - แบบฝึกกิจกรรม - ตอบถูกทุกข้อ / ฟังหลายครั้ง - Speaking - สนทนาคู่ - ตาราง Rubric - Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4 - การเรียนรู้ - สะท้อนความคิดและ การเรียนรู้ (Monitoring) - แบบบันทึก การเรียนรู้ - ขึ้นอยู่กับผู้เรียน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 หนังสือเรียน Impact 1 Student’s Book Unit 6 หน้า 98-99 7.2 Audio CD TR: 80-83


8. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 8.1 .ด้านความรู้ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.2 ด้านทักษะ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.4 ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ลงชื่อ ...............................................ครูผู้สอน (นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา)


แผนจัดการเรียนรู้ที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 Mix and Mash วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน (อ31101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ผู้สอน นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา จำนวน 1 ชั่วโมง วันที่สอน............................................. ********************************************************************************************************* 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ต 1.1 ม. 4-6/4 จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความสรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการฟังและ อ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดีพร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ อ่านบทความเรื่อง A Feast for the Eyes จับใจความ อภิปรายแสดงความคิดเห็นได้ โดยใช้โครงสร้างภาษาที่ กำหนดให้ ได้ถูกต้องเหมาะสมกับระดับชั้น 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) การอ่านบทความเรื่อง A Feast for the Eyes จับใจความ อภิปรายแสดงความคิดเห็นได้ ทำให้นักเรียนได้รับ ความรู้ ความเข้าใจ คำศัพท์ เกี่ยวกับศิลปะ การใช้โครงสร้างภาษาอังกฤษ ได้ฝึกทักษะภาษาทั้งการอ่าน การฟัง การ พูด การเขียน และทักษะการคิดสร้างสรรค์ พร้อมทั้งเสริมสร้างให้มีมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เป็นการพัฒนาศักยภาพ ในการสื่อสารของผู้เรียนให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ 4. สาระการเรียนรู้ (Learning Contents) 4.1 ด้านความรู้ (Knowledge) Vocabulary: to imagine, to imitate, modern, original, weird Function: Describingthings Culture: Using food to create art 4.2 ด้านทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ฝึกทักษะการอ่าน การฟัง การเขียน และการพูด - ฝึกทักษะการคิดสร้างสรรค์ 4.3 ด้านเจตคติ (Attitude) - มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์


5. กิจกรรมการเรียนรู้ 5.1 Lead-in 1. ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยถามคำถามเพื่อให้นักเรียนแบ่งปันสิ่งที่นักเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะและอาหาร - Has anyone ever seen pictures or other objects made with food? - Let’s think about uncooked food and foods with different shapes and colors? 2. ครูเขียน chart ขึ้นกระดาน ให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างในแต่ละหมวด เช่น Food Color Shape tomatoes red round banana yellow long and curved broccoli green treelike 3. ครูนำภาพอาหารหรือของจริง ชูให้นักเรียนดู แล้วให้บอกว่ามีลักษณะคล้ายอะไรเช่น ครูชู broccoli และขึ้นฉ่าย broccoli celery - What does a stalk of broccoli or celery look like? (tree, bush) potato red bean - A potato or a red bean? (rock=หิน, pebble=กรวด) 4. นักเรียนช่วยกันเติมลักษณะต่าง ๆ ตามหมวดหมู่ ลงใน chart บนกระดาน แล้วให้นักเรียนวาดรูปที่ใช้ อาหารมาประกอบเป็นภาพ 5.2 Pre-reading


1. นักเรียนดูภาพหน้าในหนังสือเรียนหน้า 100-101 ให้นักเรียนอ่านหัวข้อ A Feast for the Eyes และ หัวข้อย่อย Using food to create art จากนั้นให้นักเรียนระบุชื่ออาหารประเภทต่าง ๆ ที่เห็นในภาพและถาม นักเรียนว่าเรื่องที่นักเรียนกำลังจะอ่านนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร - Look at the picture and read the caption. What foods do you see? - What do you think the reading will be about? (picture made with food) 2. ครูให้นักเรียนอ่านคำสั่ง Activity ในหนังสือเรียนหน้า 100 - Look at the picture. It is pretty unusual, isn’t it? - What’s the most unusual piece of art you’ve ever seen? 3. นักเรียนจับคู่อภิปรายตามคำถามที่ให้ไว้ใน Activity 4. ครูช่วยตั้งคำถามต่อไปนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นความสนใจในการอภิปรายของนักเรียน - Was it a painting, photograph, or sculpture? A tattoo, maybe? - Is it in your home or in a museum? Did you see it in a book or on a TV program? - Tell your partner what you liked or didn’t like about it. 5. ขณะที่นักเรียนอภิปราย ครูเดินสังเกตการณ์ทำงาน บันทึกลงในแบบสังเกต และให้ความช่วยเหลือ 6. นักเรียนอ่านคำสั่ง Activity ในหนังสือเรียนหน้า 100 แล้วครูให้นักเรียนอ่านคำศัพท์ในกรอบ to imagine to imitate modern original weird /ɪˈmædʒ.ɪn/ /ˈɪm.ɪ.teɪt/ UK /ˈɪm.ə.teɪt/ US /ˈmɒd.ən/ UK /ˈmɑː.dɚn/US /əˈrɪdʒ.ən.əl/ /wɪəd/ UK /wɪrd/ US 7. ครูอธิบายการเดาความหมายของคำศัพท์จากบริบท - One way to figure out the meaning of an unfamiliar word is to look at the words around it. They might be clues to the word’s meaning. - Do you know what’s this strategy called? (using context clues) - Let’s do this first word together. 8. จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันค้นหาคำ ในเนื้อเรื่องหน้า 100-101 ซึ่งปรากฏอยู่ในประโยครองสุดท้าย ของ ย่อหน้าสุดท้าย ครูอาจค่อย ๆ บอกใบ้ทีละเล็กน้อยเพื่อให้นักเรียนสามารถบอกความหมายและเข้าใจวิธีการหา context Clue - Looking around the word imagine, we see it’s a part of a question asking what the emperor’s face looked like. In the sentences before this one, there’s a description of a painting of the face made with fruits and vegetables. But there’s no photo of the painting, so what we can do is only just picture of something in our mind. 9. ให้นักเรียนช่วยกันหาความหมายของคำศัพท์ที่เหลืออีก 4 คำ โดยใช้context clues ต่อจากนั้นครู ให้นักเรียนฝึกเทคนิคการเดาความหมายของคำศัพท์จากบริบทใหม่ จากการฟังเพิ่มเติม 10. ครูเปิด Audio CD TR: 84 ให้นักเรียนฟัง 1 รอบ ในการฟังรอบที่ 2 ครูหยุดเล่น Audio เป็นระยะ ๆ ให้จบแต่ละประโยค โดยการหยุดตามลำดับ ดังนี้ 17 18


วินาทีที่ คำศัพท์ ประโยคตัวอย่าง 00:07-00:14 imagine Artists imagine their work before they create it. 00:18-00:24 imitate Art often imitates things in nature. 00:28-00:36 modern Some people like modern art than ancient art. 00:41-00:48 original Artists make original art from many kinds of materials. 00:53-00:59 weird Some people think that using food for art is weird. 11. ครูหยุดเทปที่วินาทีที่ 14 ตั้งคำถามเพื่อช่วยดึงความรู้ความสามารถของนักเรียนจากการฟัง - What’s the first word you hear? (imagine) - What’s the example sentence? (Artists imagine their work before they create it.) 12. ครูเขียนประโยคที่นักเรียนช่วยกันตอบบนกระดาน Artists imagine their work before they create it. และถามเพื่อเป็นการดึงเอาคำตอบ (Elicitation) จากนักเรียนออกมา - What’s does imagine mean? (to form a mental picture of something in your mind) - Which words help you to guess the meaning of imagine? (before they create it) - What do we call the words around the unknown word “imagine”? (context) - What do we call the words that help us guess the meaning of the unknown word? (clues) 13. นักเรียนและครูช่วยกันเฉลยความหมายของคำศัพท์อีก 4 คำ โดยครูคอยเปิดและหยุดเทปให้ฟังและ เฉลยทีละคำ Answer Key: Activity Page 100 1. imagine = to form a mental picture of something in your mind 2. imitate = to be or appear like 3. modern = relating to present and recent time; not ancient 4. original = first or earliest 5. weird = strange or unusual 14. ครูอธิบาย Vocabulary Strategy ให้นักเรียนทราบว่า ยุทธวิธีในการเดาความหมายของคำศัพท์จาก บริบทมีหลายแบบดังนี้ Vocabulary Strategy: Context Clues - Context clues can take the form of definitions, which might be a synonym or an appositive; examples; restatements; and antonyms. 18


- Disc golf is not the definition of hybrid sport, but it is an example of one. It represents the idea of what ahybrid (=of mixed character; composed of different elements) sport is. - What example can you find in the reading that might represent the idea of weird? 15. ครูเขียนประโยคที่มีคำว่า weird ในหนังสือเรียนหน้า 101 ขึ้นกระดาน - It might seem a little weird to create art out of food. จากนั้นอธิบายความหมายของคำว่า weird โดยการตีความในประโยคนี้ ว่าความหมายที่เป็นไปได้คือ “strange” หรือ “unusual.” - These words say that creating art out of food seems weird. Knowing that making a painting with food is not the usual way to create art, helps you understand that weird probably means “strange” or “unusual.” 5.3 While-reading 1. ครูให้นักเรียนดูคำสั่งใน Activity ในหนังสือเรียนหน้า 100 - Now we’re going to listen to A Feast for the Eyes. As you read the descriptions of the art work, visualize the two pictures. In other words, try to see them in your mind. 2. ครูเปิด Audio CD TR: 85 ขณะฟังให้นักเรียนอ่านเรื่อง A Feast for the Eyes ตามไปด้วยครูถาม คำถามเกริ่นนำเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนมีเป้าหมายในการอ่าน - What was the most interesting or surprising thing you read? - Do you think creating art with food is a good way to get children more interested in eating fruits and vegetables? 3. หลังจากนักเรียนฟังจบรอบแรก ครูเปิด CD TR: 85 อีกครั้ง ก่อนเปิดให้นักเรียนอ่านคำถาม ใน Activity ก่อน 1 รอบ ครั้งนี้ครูให้นักเรียนอ่านเรื่องในใจ 4. หลังจากที่อ่านจบ ครูให้นักเรียนจับคู่ตอบคำถามใน Activity ครูเดินดูการทำกิจกรรมคู่และบันทึก ในแบบสังเกตแล้วครูสุ่มเรียกนักเรียนแต่ละคู่ตอบคำถาม หากมีนักเรียนไม่เห็นด้วยกับคำตอบของเพื่อน นักเรียนและ ครูช่วยกันเฉลยคำตอบ โดยให้นักเรียนหาข้อมูลจากเนื้อเรื่องที่อ่านมาสนับสนุนคำตอบ Answer Key Activity page 100 1. A landscape made out of food. 2. He combined different foods to look like a landscape of islands. Then he photographed it. 3. To get children excited about eating healthy foods. 4. Roman Emperor Rudolph II. 5. He named it after the Roman god of fruit. 19 20 20 20


5.4 Post-reading 1. นักเรียนอ่านคำสั่งใน Activity ในหนังสือเรียนหน้า 101 ให้นักเรียนจับคู่เลือกวาดภาพภูมิทัศน์ โดยนำอาหารประเภทต่าง ๆ มาผสมผสานเป็นภาพ Carts and Balloons จากการอ่านเนื้อเรื่องย่อหน้าแรก หน้า 100-101 บรรทัดที่ 8 จนจบย่อหน้า หรือวาดภาพเหมือนใบหน้าของจักรพรรดิโรมันชื่อ Rudolf II โดยนำผลไม้ ผัก และดอกไม้มาผสมผสานเป็นภาพ Vertumnus จากการอ่านเนื้อเรื่องย่อหน้าหลัง บรรทัดที่ 5 จนจบย่อหน้า แต่ละคู่ อ่านข้อความในย่อหน้าเดียวกันและต่างคนต่างวาดภาพเดียวกัน เสร็จแล้วเปรียบเทียบว่าเหมือนกันหรือต่างกัน อย่างไรและอภิปราย ครูอาจเตรียมสีหรือในคาบที่แล้วครูขอให้นักเรียนเตรียมมาล่วงหน้าเพื่อใช้ในคาบนี้ - What did you draw the same? What’s most different about your vision? 2. ครูให้นักเรียนค้นคว้าภาพทั้งสองจากอินเตอร์เน็ต หรือครูเตรียมภาพมาให้ดู ดังนี้ Carts and Balloons by Carl Warner Vertumnus by Giuseppe Arcimboldo 3. ครูให้แบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-6 คน นักเรียนอ่านคำสั่งใน Activity ในหนังสือเรียนหน้า 101 อภิปราย ตามข้อคำถามทั้ง 4 ข้อ ให้นักเรียนแต่งตั้งเลขานุการของกลุ่มดำเนินการให้การอภิปรายดำเนินไปจนจบและจดโน้ต ในประเด็นหรือความคิดที่สำคัญ ๆ ครูเน้นให้นักเรียนอธิบายความให้เพื่อนเข้าใจ - Anyone can ask speakers to clarify their points if you don’t understand something. 4. ครูเดินดูการทำกิจกรรมกลุ่ม บันทึกในแบบสังเกตและให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม 5. เมื่อนักเรียนอภิปรายเสร็จ ครูสุ่มเรียกแต่ละกลุ่มแบ่งปันความคิดจากการอภิปราย กลุ่มละ 1 ข้อ 5.5 Wrap-up 1. ครูให้นักเรียนทบทวนคำศัพท์ใหม่ ได้แก่ to imagine, to imitate, modern, original, และ weird แล้วถามคำถาม - Raise your hand to respond to a question, I’ll call on you. Then stand and give your answer. 1) Imagine a new kind of mash-up. What would it be? 2) Of all the different kinds of mash-up and artwork we’ve learned about so far, which one would you most like to imitate? Why? 3) What’s the most modern or original idea you’ve learned about in the unit so far? Explain. 21 22


ครูฟังและยอมรับทุกคำตอบของนักเรียนเพราะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของนักเรียน ไม่มีคำตอบที่ถูก หรือผิด 2. นักเรียนแต่ละคน บันทึกการเรียนรู้ของตนลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ 6. การวัดและประเมินผล สิ่งที่ต้องการ วัดผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน - การทำงานคู่/ กลุ่ม - สังเกตการทำกิจกรรม จับคู่/กลุ่ม - ตาราง Rubric - Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4 - Reading - ตอบคำถาม - คำถาม 5 ข้อ - ตอบถูกทุกข้อ / ฟังหลายครั้ง - บันทึกการเรียนรู้ - สะท้อนความคิดและ การเรียนรู้(Monitoring) - แบบบันทึกการเรียนรู้ - ขึ้นอยู่กับผู้เรียน 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 หนังสือเรียน Impact 1 Unit 6 หน้า 100-101 7.2 แบบฝึกหัด Impact 1 Unit 6 หน้า 60-61 7.3 ใบงานที่ 1 Worksheet 1.6.4 จาก Teacher’s Resource CD-ROM 7.2 Audio CD TR: 84-85


8. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 8.1 .ด้านความรู้ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.2 ด้านทักษะ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.4 ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข .................................................................................................................... ..................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ .............................................................................................................................. ........................................................... ลงชื่อ ...............................................ครูผู้สอน (นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา)


ใบงานที่ 1 Worksheet 1.6.4


แผนจัดการเรียนรู้ที่ 6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 Mix and Mash วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน (อ31101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ผู้สอน นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา จำนวน 1 ชั่วโมง วันที่สอน............................................. ********************************************************************************************************* 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ต 1.1 ม. 4-6/4 จับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความสรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการฟังและ อ่านเรื่องที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดีพร้อมทั้งให้เหตุผลและยกตัวอย่างประกอบ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ ฟังและดู video เรื่องเกี่ยวกับ Mash-up แล้วจับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความและแสดงความคิดเห็น 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) การฟังและดู video เรื่องเกี่ยวกับ Mash-up แล้วจับใจความสำคัญ วิเคราะห์ความและแสดงความคิดเห็นทำ ให้นักเรียนได้รับความรู้ ความเข้าใจ คำศัพท์ โครงสร้างภาษาอังกฤษ ได้ฝึกภาษาทั้งการฟัง การพูด และการเขียน พร้อมทั้งเสริมสร้างให้มีความคิดสร้างสรรค์เป็นการพัฒนาศักยภาพในการสื่อสารของผู้เรียนให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ 4. สาระการเรียนรู้ (Learning Contents) 4.1 ด้านความรู้ (Knowledge) Vocabulary: dubstep, fusion, Great Sphinx of Giza 4.2 ด้านทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ฝึกทักษะการฟัง การพูดและการเขียน - ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดสร้างสรรค์ 4.3 ด้านเจตคติ (Attitude) - มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 5. กิจกรรมการเรียนรู้ 5.1 Lead-in 1. ครูนำนักเรียนเข้าสู่บทเรียนด้วยการถามคำถาม - How do DJs create mash-ups? (They mix sounds from different songs to make a new recording.)


2. จากนั้นครูให้นักเรียนดูรูปในหนังสือเรียนหน้า 102-103 แล้วบรรยายเกริ่นนำ พร้อมกับถามคำถาม ให้นักเรียนมุ่งความสนในไปที่รูปภาพและคิดตาม - This DJ is mixing. - Can anyone name the equipment in the photo? - Look at the headphones the DJ is wearing, the turntable and record, and the mixer. - Does anyone know what the DJ is doing with his right hand on the turntable? (scratching) -Scratching means moving a record back and forth on a turntable to produce a scratchy kind of sound. หากนักเรียนคนใดมีความสนใจเป็นพิเศษ ครูอาจแนะนำเพิ่มเติมให้นักเรียนสามารถค้นหาและฟัง ตัวอย่างของ scratching sound affect ทาง online ได้ 5.2 Pre-watching 1. นักเรียนจับคู่ อ่านคำถามใน Activity ในหนังสือเรียนหน้า 102 อภิปรายคำถาม 2 ข้อ ครูเดิน สังเกตและบันทึกในแบบสังเกตการทำกิจกรรมคู่ และให้ความช่วยเหลือ 2. ครูสุ่มนักเรียนแต่ละคู่ผลัดกันรายงานข้อมูลเกี่ยวกับชื่อเพลงที่คู่ของตนชื่นชอบ เมื่อนำมาสร้างสรรค์ ผสมผสานกันแล้วตั้งชื่อเพลงว่าอะไร 3. ครูให้นักเรียนอ่านคำถามใน Activity ในหนังสือเรียนหน้า 102 - What’s in a Mash-Up? 4. นักเรียนจับคู่ เขียนคำตอบ ครูเดินสังเกตและบันทึกในแบบสังเกตการทำกิจกรรมคู่ และให้ความ ช่วยเหลือ 5. ครูให้แต่ละคู่อ่านคำตอบของตนเอง และให้นักเรียนช่วยกันลงความเห็นร่วมกันว่าคำตอบใดดีที่สุด 5.3 While-watching 1. ครูอธิบายคำสั่งใน Activity หน้า 102 ให้นักเรียนอ่านและบอกความหมายของคำในกรอบ ครูช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับคำที่นักเรียนออกเสียงไม่ถูกและไม่รู้ความหมาย animal art book fashion food music mythical sport - This video is about different kinds of mash-ups. Circle each kind you hear about. Now let’s watch. 5.4 Post-watching 1. ครูเปิด Video scene 6.1 แล้วบอกให้นักเรียนวงคำในกรอบที่ได้ยินและพูดถึงใน Video 2. หากนักเรียนมีปัญหาในการติดตามหรือไม่เข้าใจเรื่องราวใน Video ครูหยุด Video แล้วให้นักเรียนถาม คำถาม ครูพยายามเปิด Video อีก และให้นักเรียนบรรยายและแสดงความคิดเห็นในสิ่งที่เห็น 23 24 25


3. นักเรียนจับคู่อ่านคำสั่งและตอบคำถาม6 ข้อใน Activity ในหนังสือเรียนหน้า 102 ครูสุ่มให้ แต่ละคู่อ่านคำตอบของตน 1 ข้อ หากมีนักเรียนไม่เห็นด้วยกับคำตอบครูเปิด Video ให้นักเรียนดูอีก 4. นักเรียนจับคู่อ่านคำสั่งและอภิปรายตอบคำถาม 3 ข้อ ใน Activity ในหนังสือเรียนหน้า 103 - You were probably already familiar with some kinds of mash-ups, even though you may not have known that’s what they’re called. But what mash-ups really surprised you? 5. ครูเดินสังเกตการทำงานคู่ ให้ความช่วยเหลือและบันทึกในแบบบันทึกการสังเกต 6. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-6 คน อ่านคำสั่งและอภิปรายตอบคำถาม 3 ข้อ ใน Activity ในหนังสือ เรียนหน้า 103 แต่ละกลุ่มแต่งตั้งประธาน ดำเนินการอภิปรายและเลขานุการ บันทึกสรุปผลการอภิปรายแล้วนำเสนอ หน้าชั้นเรียน - We’ve talked a little about what mash-ups you might like to create, but the video has probably given you some new ideas. 7. ครูเดินสังเกตการอภิปรายกลุ่ม ให้ความช่วยเหลือและบันทึกในแบบบันทึกการสังเกต 8. ครูอธิบายคำชี้แจงการเลือกทำงานเดี่ยว การทำงานคู่ และการทำงานกลุ่ม ใน Activity ในหนังสือ เรียนหน้า 103 - If you’re interested in Greek myths and have a good imagination, option 1 is for you! Use lots of adjectives to describe your life, and use comparatives to show what’s easier and harder for you than for other people. 9. ครูย้ำให้นักเรียนระลึกว่าโฆษณาหมายถึงการทำให้คนบางคนต้องการพยายามหรือต้องการซื้อบางสิ่ง - How will your ad get people’s attention? Think about using photos, drawings, or other graphics in your ad in option 2. - The third option might be good for you who are interested in research and ancient history. You’ll need to find out such information as when the Sphinx was built, who built it, what materials were used, what its purpose was, how big it is, what it looked like when it was first built, and how it has changed over the centuries. 10. สำหรับกิจกรรมนี้ ครูกำหนดเวลาให้นักเรียนนำเสนอหรือจัดบอร์ดหน้าชั้นเรียนแล้วให้นักเรียน ช่วยกันประเมินผลงานของเพื่อน ๆ 5.5 Wrap-up - นักเรียนแต่ละคน บันทึกการเรียนรู้ของตนลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ 26 27 28 29


6. การวัดและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัดผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน - การทำงานคู่/ กลุ่ม - สังเกตการทำกิจกรรมจับคู่/ กลุ่ม - แบบบันทึกการสังเกต - Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4 - Speaking - ฝึกทักษะการพูด - แบบฝึก - Speaking Rubric - Writing - ฝึกทักษะการเขียน - แบบฝึก - Writing Rubric - บันทึกการเรียนรู้ - สะท้อนความคิดและ การเรียนรู้(Monitoring) - แบบบันทึกการเรียนรู้ - นักเรียนประเมินตนเอง 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 หนังสือเรียน Impact 1 Unit 6 หน้า 102-103 7.2 Classroom DVD


8. บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ 8.1 .ด้านความรู้ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.2 ด้านทักษะ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จำนวนนักเรียนทั้งหมด....................คน ผ่านเกณฑ์....................คน ไม่ผ่านเกณฑ์....................คน 8.4 ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ลงชื่อ ...............................................ครูผู้สอน (นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา)


แผนจัดการเรียนรู้ที่ 7 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 Mix and Mash วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน (อ31101) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ผู้สอน นางสาวสุพิวรรณ เนืองสา จำนวน 1 ชั่วโมง วันที่สอน............................................. ********************************************************************************************************* 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ต 2.2 ม. 4-6/1 อธิบาย /เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สำนวนคำพังเพย สุภาษิตและบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ อธิบายความแตกต่างระหว่างในการใช้คำนามนับได้และนับไม่ได้ แล้วนำไปสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะกับ ระดับชั้น 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด (Learning Concept) การอธิบายความแตกต่างระหว่างการใช้คำนามนับได้และนับไม่ได้ แล้วนำไปสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม กับระดับชั้น ทำให้นักเรียนได้รับความรู้ ความเข้าใจ คำศัพท์ โครงสร้างภาษาอังกฤษ ได้ฝึกภาษาทั้งการอ่าน การฟัง การพูด และการเขียน พร้อมทั้งเสริมสร้างให้มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เป็นการพัฒนา ศักยภาพในการสื่อสารของผู้เรียนให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ 4. สาระการเรียนรู้ (Learning Contents) 4.1 ด้านความรู้ (Knowledge) Vocabulary: barbecue, cucumber, kimchi, mango, nachos, salsa, sweet, taco, tortilla Grammar: Count and noncount nouns Function: Talking about amounts 4.2 ด้านทักษะกระบวนการ (Process/Skill) - ฝึกทักษะการอ่าน การฟัง การพูดและการเขียน - ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ 4.3 ด้านเจตคติ (Attitude) - มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร


5. กิจกรรมการเรียนรู้ 5.1 Lead-in 1. ครูให้การทบทวนกับนักเรียนถึงคำที่ใช้เกี่ยวกับการผสมผสานอาหารซึ่งกล่าวไว้ใน - We’re going to read about food mash-ups. - Does anyone remember another term for food mash-ups from the video?.................... - When you combine different kinds of food -- for example, when you cook -- you have to think about amounts: a cup of rice, a teaspoon of salt, some cheese, a little sauce. 5.2 Presentation 1. ครูอธิบายเกี่ยวกับประเภทของคำนามในภาษาอังกฤษ - Nouns are naming words. Book, class, hunger, taco, and sauce are all nouns, but they all fall into different categories. The two categories are count and noncount nouns. - Instead of saying a number, what could you say if you only wanted a small amount of sauce? (I’ll have some sauce.) - Taco is a count noun, and sauce is a noncount noun. 2. ครูเขียนคำนามบางคำบนกระดาน เช่น book, apple, shirt, fun, food, rice แล้วให้นักเรียน เสนอแนะคำนามอื่น ๆ เพิ่มเติม - You can’t use a, an or numbers before noncount nouns. 3. ให้นักเรียนเปิดหนังสือหน้า 104 แล้วอ่านหัวข้อไวยากรณ์ - Count and noncount nouns: Talking about amounts 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า count and noncount nouns บางครั้งเรียกว่า countable and uncountable nouns - As I play the track, notice the phrases for amounts that you use with count and noncount nouns. 5. ครูเปิด Audio CD TR: 86 หลังจากฟังแล้วนักเรียนและครูช่วยกันสรุปว่า - We use a few and many with count nouns and a little and much with noncount nouns: Talking about amounts - What words can you use with both count and noncount nouns? (some, a lot of) 6. ครูเขียน Chart ข้างล่างนี้บนกระดานให้นักเรียนไว้ดูตลอดบทเรียนนี้ With count nouns, use: With noncount nouns, use: - a few - a little - many / too many / how many? - much / too much / how much? - numbers - a couple of


7. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า noncount เป็นคำนามนับไม่ได้ บอกลักษณนามได้โดยใช้การชั่ง ตวง วัด เช่น วิธี ลักษณนาม คำนามนับไม่ได้ การชั่ง a kilo of / a pound of rice, sugar การตวง a pack of rice, sugar a cup of / a can of coffee a glass of / a bottle of milk a plate of rice a spoonful of salt การวัด a meter of cloth อื่นๆ a piece of / a slice of / a loaf of bread 8. ครูยกประโยคตัวอย่าง - My brother ate three slices of bread. - This recipe calls for two cups of sugar. 5.3 Practice 1. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 104 ให้อ่านคำใต้ภาพ KoMex food แล้วถามคำถามนักเรียน - Has anyone ever had KoMex food? Who can guess what it’s a fusion of? (Korean and Mexican food) 2. นักเรียนจับคู่ทำ Activity ในหนังสือเรียนหน้า 104 เลือกคำบอกปริมาณของคำนามนับไม่ได้เติม ในช่องว่างให้ถูกต้อง - Look at the examples on page 104 or on the board if you need help. 3. ครูสุ่มให้นักเรียนตอบ เป็นการช่วยกันเฉลย 5.4 Production 1. ครูอธิบายคำสั่งใน Activity ในหนังสือเรียนหน้า 104 ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-6 คน ครูแจก Unit 6 Cutouts ในหนังสือเรียนหน้า 167 ให้กลุ่มละ 1 แผ่น พร้อมกรรไกรหรือครูบอกล่วงหน้าให้นักเรียนเตรียม กรรไกรมาด้วย 2. แต่ละกลุ่มตัดและพับเป็นลูกเต๋า 2 ลูก มีชื่อประเทศ และชื่ออาหาร ครูอธิบายวิธีเล่นโดยการสาธิตให้ นักเรียนในกลุ่มผลัดกันโยนลูกเต๋าทั้งสอง แล้วเพื่อนในกลุ่มถาม และนักเรียนคนที่โยนลูกเต๋าตอบโดยแต่งประโยคเติม คำบอกปริมาณของคำนามนับไม่ได้ที่ตนโยนได้พร้อมประเทศ ดูประโยคตัวอย่างใน Activity หน้า 104 เช่น A: How much rice do you think people eat? B: I think they eat a lot of rice. 30 31 31


5.5 Wrap-up นักเรียนแต่ละคน บันทึกการเรียนรู้ของตนลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ 6. การวัดและประเมินผล สิ่งที่ต้องการ วัดผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน - การทำงานคู่/ กลุ่ม - สังเกตการทำกิจกรรม จับคู่/กลุ่ม - แบบบันทึกการสังเกต - Rating Scale ตามเกณฑ์ 1 2 3 4 - Speaking - ฝึกทักษะการพูด - ใบงาน - Speaking Rubric - บันทึกการ เรียนรู้ - สะท้อนความคิดและ การเรียนรู้(Monitoring) - แบบบันทึกการเรียนรู้ - นักเรียนประเมินตนเอง 7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 7.1 หนังสือเรียน Impact 1 Unit 6 หน้า 104 7.2 Audio CD TR: 86


Click to View FlipBook Version