ตั้งแต่ 1-100 คนข้ึนไป ใช้อินเทอร์เน็ตในการสืบค้นข้อมูลได้ ผู้สอน ผู้สอนควรมีความรู้และทักษะไอซีทีใน
ระดับสงู รวมถงึ ความเข้าใจในการพฒั นาการของการใชส้ ่อื เทคโนโลยีในการเรียนการสอน
โดยมจี ุดมุ่งหมายดังน้ี
1. สมรรถนะด้านไอซีทีจะช่วยให้ผู้สอนมีความรู้อย่างกว้างขวาง มีวิสัยทัศน์ก้าวไกลเพ่ือสามารถเป็นผู้
แนะนาํ แกผ้เู รียนได้
2. คอมพิวเตอร์จะเป็นเครื่องมือหลักสําคัญสําหรับผู้สอนเพื่อเข้าถึงทรัพยากรการเรียนการเตรียม
แผนการสอน ให้การบา้ น และติดต่อสื่อสารกบั ผู้ปกครองนักเรยี น ผสู้ อนคนอื่นๆและผู้บริหาร
3. ผู้สอนควรไดร้ ับการอบรมในการใช้ไอซีทแี ละสามารถบูรณาการไอซที ใี นกิจกรรมการเรียนการสอนได้
เพือ่ สง่ เสริมทกั ษะการคดิ อย่างวเิ คราะห์และสรา้ งสรรค์ 4. ผู้สอนควรติดตามพัฒนาการและความก้าวหน้าของ
ไอซีทีเพื่อนํามาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการเรียนการสอนได้ 5. ครูไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ใช้คอมพิวเตอร์เป็น
และไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 50 สามารถใช้อินเทอรเ์ นต็ ได้ และต้องมีวชิ าสอนดว้ ยการบรู ณาการไอซที ี
หลักการออกแบบสอ่ื เพือ่ การเรยี นรู้
หลักการออกแบบสอื่ เพอื่ การเรยี นรู้ประกอบด้วย 9 ขน้ั ตอน ดังนี้
1. เรา้ ความสนใจ (Gain Attention)
สอื่ การเรียนรู้ ต้องมีลักษณะทีเ่ รา้ ความสนใจและดึงดดู ความสนใจของผู้เรียน เพ่ือเป็นการกระตุ้นและ
เกดิ แรงจูงใจให้ผู้เรียนมีความต้องการที่จะเรียน ผู้ออกแบบจึงต้องกําหนดสิ่งที่จะดึงดูดความสนใจ เพ่ือให้เกิด
พฤติกรรมและเปูาหมายตามทีต่ อ้ งการ ส่วนใหญ่จะเริ่มด้วยหน้านําเร่ือง ซึ่งควรมีรูปภาพ ภาพเคล่ือนไหวหรือ
สีสันตา่ ง ๆ เพอ่ื ให้นา่ สนใจ ซ่ึงกต็ อ้ งเกีย่ วข้องกบั บทเรยี นด้วย คือการแสดงชื่อของบทเรียน ชื่อผู้สร้างบทเรียน
การแนะนําเรอื่ งหรอื การแนะนําเน้อื หาของบทเรียน ส่ิงทีต่ ้องพิจารณาเพอ่ื เรา้ ความสนใจของผู้เรยี น
2. บอกวตั ถปุ ระสงค์ (Specify Objectives)
การบอกวัตถุประสงค์แก่ผู้เรียน เพื่อเป็นการให้ผู้เรียนได้ทราบถึงเปูาหมายในการเรียนหรือสิ่งท่ีผู้เรียน
สามารถทําได้หลังจากท่ีเรียนจบบทเรียน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นจุดประสงค์กว้าง ๆ จนถึงจุดประสงค์เชิง
พฤติกรรม การบอกจุดประสงค์จะทําให้ผู้เรียนทําความเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น ส่ิงที่ต้องพิจารณาในการบอก
วัตถปุ ระสงค์ มีดงั นี้
1.ใชค้ าํ สนั้ ๆ และเขา้ ใจได้งา่ ย
2.หลีกเล่ียงคาํ ที่ยังไม่เป็นท่รี จู้ ักและเป็นที่เขา้ ใจ โดยท่วั ไป
3.ไม่ควรกาํ หนดวัตถุประสงค์หลายข้อเกนิ ไปในเน้ือหาแตล่ ะสว่ น
4.ผูเ้ รยี นควรมโี อกาสทีจ่ ะทราบว่าหลังจบบทเรียนเขาสามารถนําไปใช้ทาํ อะไรได้บ้าง
5.หากบทเรยี นน้นั ยงั มีบทเรียนย่อย ๆ ควรบอกจดุ ประสงค์กว้าง ๆ และบอกจุดประสงค์เฉพาะส่วนของ
บทเรียนยอ่ ย
3. ทวนความรูเ้ ดมิ (Activate Prior Knowledge)
ลักษณะของการทวนความรู้เดิมของผู้เรียน เป็นการทบทวนหรือการเชื่อมโยงระหว่างความรู้เดิม เพ่ือ
เชื่อมกับความรู้ใหม่ ซ่ึงผู้เรียนจะมีพื้นฐานความรู้ที่แตกต่างกันออกไป การรับรู้ส่ิงใหม่ ก็ควรจะมีการประเมิน
ความรู้เดิม คือการทดสอบก่อนการเรียน และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการระลึกความรู้เดิมเพื่อ
เตรียมพร้อมในการเชอ่ื มโยงกบั ความร้ใู หม่ ซ่งึ การทดสอบจะทําให้ผู้เรียนได้รู้ตัวเองและกลับไปทบทวนในส่ิงท่ี
เก่ียวข้อง สําหรับคนท่ีรู้ในเนื้อหาบทเรียนดีแล้วอาจข้ามบทเรียนไปยังเน้ือหาอื่นๆ ต่อไป การจะทํา
แบบทดสอบก่อนเรียนหรือไม่ก็ข้ึนอยู่กับการพิจารณาของบทเรียนเพื่อให้เกิดความเหมาะสม ส่ิงที่จะต้อง
พิจารณาในการทบทวนความร้เู ดมิ มีดังนี้
1. ไม่ควรคาดเดาเอาว่าผู้เรยี นมีความรูพ้ น้ื ฐานกอ่ นแลว้ จึงมาศกึ ษาเนื้อหาใหม่ ควรมีการทดสอบหรือให้
ความร้เู พ่ือเปน็ การทบทวนให้พร้อมทจ่ี ะรบั ความร้ใู หม่
2. การทดสอบหรือทบทวนควรใหก้ ระชับและตรงตามวตั ถุประสงค์
3. ควรเปิดโอกาสให้ผเู้ รยี นออกจากแบบทดสอบหรือเนอ้ื หาใหมเ่ พอ่ื ไปทบทวนไดต้ ลอดเวลา
4. หากไม่มีการทดสอบ ควรมีการกระตุ้นให้ผูเ้ รียนกลับไปทบทวนหรือศกึ ษาในสิ่งท่ีเก่ยี วข้อง
4. การเสนอเนือ้ หา (Present New Information)
การเสนอเนือ้ หาใหม่เป็นการนําเสนอเน้ือหาโดยใช้ตัวกระตุ้นที่เหมาะสม เป็นสิ่งสําคัญสําหรับการเรียน
การสอนเพื่อให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รูปแบบการนําเสนอมีหลายลักษณะ ได้แก่ การใช้
ข้อความ ภาพน่ิง กราฟ ตารางข้อมูล กราฟิก ตลอดจนภาพเคลื่อนไหว ซ่ึงเป็นการใช้สื่อหลายรูปแบบท่ี
เรยี กว่าสือ่ ประสม เปน็ การเร้าความสนใจของผเู้ รยี น สิง่ ท่จี ะต้องพิจารณาในการนาํ เสนอเนอื้ หาใหม่ มีดงั น้ี
1. ใช้ภาพน่ิงประกอบการเสนอเนอื้ หา โดยเฉพาะส่วนเนื้อหาทส่ี าํ คัญ
2. พยายามใช้ภาพเคล่ือนไหวในเน้ือหาที่ยาก และที่มีการเปล่ียนแปลงตามลําดับใช้แผนภูมิ แผนภาพ แผน
สถติ ิ สญั ลกั ษณ์หรือภาพเปรียบเทียบประกอบเนอ้ื หา
3. ในเน้ือหาท่ียากและซับซ้อนให้เน้นข้อความเป็นสําคัญ ซ่ึงอาจเป็นการตีกรอบ ขีดเส้นใต้ การกระพริบ การ
ทําสีใหเ้ ดน่
4. ไมค่ วรใชก้ ราฟกิ ทเ่ี ขา้ ใจยากหรือไม่เกีย่ วกับเนื้อหา
5. จดั รปู แบบของคาํ ข้อความให้นา่ อ่าน เน้ือหาทยี่ าวให้จดั กล่มุ แบง่ ตอน
5. ชแี้ นวทางการเรียนรู้ (Guide Learning)
การชี้แนวทางการเรียนรู้ เป็นการใช้ในช้ันเรียนตามปกติ ซึ่งผู้สอนจะยกตัวอย่างหรือตั้งคําถามชี้แนะ
แบบกว้าง ๆ ให้แคบลง เพื่อให้ผู้เรียนวิเคราะห์เพ่ือค้นหาคําตอบ สําหรับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนควร
ต้องใช้การสร้างสรรค์เทคนิคเพ่ือกระตุ้นให้ผู้เรียนค้นหาคําตอบด้วยตนเอง การจัดกิจกรรมที่เหมาะสม เพื่อ
เป็นตัวชี้แนวทาง ส่งิ ท่ีจะต้องพิจารณาในการชแ้ี นวทางการเรยี นรู้ มีดงั น้ี
1. แสดงให้ผู้เรียนได้เหน็ ถึงความสัมพันธ์ของเนื้อหาและช่วยให้เห็นส่ิงย่อยนั้นมีความสัมพันธ์กับสิ่งใหม่
อยา่ งไร
2. แสดงให้เหน็ ถงึ ความสมั พันธข์ องสงิ่ ใหมก่ ับส่งิ ทผ่ี ูเ้ รยี นมีความรู้หรือประสบการณ์มาแล้ว
3. พยายามให้ตวั อยา่ งทแี่ ตกต่างกนั ออกไป เพือ่ ชว่ ยอธบิ ายความคดิ ใหม่ให้ชดั เจนข้ึน
4. การเสนอเนื้อหาท่ียาก ควรให้เห็นตัวอย่างท่ีเป็นรูปธรรมไปสู่นามธรรม ถ้าเน้ือหาไม่ยาก ให้เสนอ
ตัวอยา่ งจากนามธรรมไปสู่รปู ธรรม
5. กระตนุ้ ให้ผ้เู รียนคดิ ถึงความรู้และประสบการณ์เดิม
6. กระต้นุ การตอบสนอง (Elicit Responses)
การกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองจากผู้เรียน เม่ือผู้เรียนได้รับการช้ีแนวทางการเรียนรู้แล้ว ต้องมีการ
กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองโดยกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทําให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการคิดและ ปฏิบัติเชิงโต้ตอบ
เพ่ือให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ในการเรียน การกระตุ้นต้องจัดกิจกรรมให้เหมาะสม สิ่งที่ต้องพิจารณาในการ
กระตุ้นการตอบสนอง มดี ังนี้
1. พยายามใหผ้ เู้ รียนไดต้ อบสนองดว้ ยวิธใี ดวธิ หี นึ่งตลอดการเรียน
2. ควรให้ผู้เรยี นได้มโี อกาสพิมพ์คําตอบหรือขอ้ ความเพื่อเร้าความสนใจ แต่ก็ไม่ควรจะยาวเกนิ ไป
3. ถามคําถามเปน็ ช่วง ๆ ตามความเหมาะสมของเน้อื หา เพ่ือเร้าความคดิ และจินตนาการของผเู้ รยี น
4. หลีกเลี่ยงการตอบสนองซ้ํา ๆ หลายคร้ังเม่ือทําผิด ควรมกี ารเปล่ยี นกจิ กรรมอยา่ งอนื่ ต่อไป
5. ควรแสดงการตอบสนองของผเู้ รียนบนเฟรมเดยี วกันกบั คําถาม รวมทง้ั การแสดงคําตอบ
7. ให้ขอ้ มลู ย้อนกลบั (Provide Feedback)
หลังจากที่ผู้เรียนได้รับการทดสอบความเข้าใจของตนในเนื้อหารวมทั้งการกระตุ้นการต อบสนองแล้ว
จําเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องให้ข้อมูลย้อนกลับหรือการให้ผลกลับไปยังผู้เรียนเก่ียวกับความถูกต้อง การให้ผล
ย้อนกลับถือเป็นการเสริมแรงอย่างหนึ่ง การให้ข้อมูลย้อนกลับสามารถแบ่งขั้นตอนได้เป็น 4 ประเภทตาม
ลกั ษณะทีป่ รากฏไดด้ งั น้ี
1. แบบไม่เคลื่อนไหว หมายถึง การเสริมแรงด้วยการแสดงคํา หรือข้อความ บอกความ ถูก หรือผิด
และรวมถึงการเฉลย
2. แบบเคล่ือนไหว หมายถึงการเสริมแรงด้วยการแสดงกราฟิก เช่น ภาพหน้ายิ้ม หน้าเสียใจ หรือมี
ขอ้ ความประกอบให้ชดั เจน
3. แบบโต้ตอบ หมายถึง การเสริมแรงด้วยการให้ผู้เรียนได้มีกิจกรรมเชิงโต้ตอบกับบทเรียน เป็น
กิจกรรมทีจ่ ัดเสริมหรือเพ่ือเกดิ การกระตุ้นแกผ่ ู้เรียน เช่น เกมส์
4. แบบทําเครื่องหมาย หมายถึง การทําเคร่ืองหมายบนคําตอบของผู้เรียนเม่ือมีการตอบคําถาม ซึ่งอยู่
ในรูปของวงกลม ขดี เส้นใต้ หรือใชส้ ที ่แี ตกตา่ ง
8. ทดสอบความรู้ (Access Performance)
การทดสอบความรู้หลังเรียน เพื่อเป็นการประเมินผลว่าผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ได้ตามเปูาหมาย
หรือไม่อย่างไร การทดสอบอาจทําหลังจากผู้เรียนได้เรียนจบวัตถุประสงค์หน่ึง หรือหลังจากเรียนจบทั้ง
บทเรียนก็ได้ กําหนดเกณฑ์ในการผ่านให้ผู้เรียนได้ทราบ ผลจากการทดสอบจะทําให้ทราบว่าผู้เรียน ควรจะ
เรียนเนื้อหาบทเรียนใหม่หรือว่าควรต้องกลับไปทบทวน ส่ิงที่ต้องพิจารณาในการออกแบบทดสอบหลัง
บทเรียน มดี ังน้ี
1. ตอ้ งแนใ่ จวา่ ส่งิ ทีต่ ้องการวัดนนั้ ตรงกบั วตั ถุประสงค์
2. ขอ้ ทดสอบ คําตอบและ Feedback อยูใ่ นเฟรมเดียวกัน
3. หลกี เล่ียงการใหพ้ ิมพค์ ําตอบทีย่ าวเกินไป
4. ให้ผู้เรียนตอบครั้งเดยี วในแต่ละคําถาม
5. อธบิ ายใหผ้ ้เู รยี นทราบว่าควรจะตอบดว้ ยวิธใี ด
6. ควรมรี ปู ภาพประกอบดว้ ย นอกจากขอ้ ความ
7. คํานึงถึงความแม่นยําและความน่าเช่ือถือของแบบทดสอบดว้ ย
9. การจําและนําไปใช้ (Promote Retention and Transfer)
ส่งิ สดุ ท้ายสาํ หรับการสอน การจําและนําไปใช้ ส่ิงสําคัญท่ีจะช่วยให้ผู้เรียนมีความคงทนในการจําข้อมูล
ความรู้ ต้องทําให้ผู้เรียนตระหนักว่าข้อมูลความรู้ใหม่ท่ีได้เรียนรู้ไปนั้นมีความสัมพันธ์กับความรู้เดิม หรือ
ประสบการณ์เดิม โดยการจัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้ เพื่อการเชื่อมโยงข้อมูล
ความรเู้ ดิมกับความร้ใู หม่ รวมทั้งการนาํ ไปใช้กบั สถานการณ์ ส่ิงทค่ี วรพิจารณาในการจาํ และนาํ ไปใช้ มีดงั นี้
1. ทบทวนแนวคิดทส่ี าํ คัญและเนือ้ หาทเี่ ปน็ การสรปุ
2. สรุปใหผ้ เู้ รียนได้ทราบวา่ ความรู้ใหม่มีความสัมพันธ์กบั ความรูเ้ ดมิ หรือประสบการณท์ ผ่ี า่ นมาอยา่ งไร
3. เสนอแนะเน้ือหาทีเ่ ป็นความรู้ใหมซ่ ึ่งจะนําไปใชป้ ระโยชน์ได้
4. บอกแหลง่ ข้อมลู ทเี่ ป็นประโยชน์ในการศึกษาใหก้ บั ผูเ้ รียน
การวิเคราะห์ปัญหาการจัดการเรียนร้ทู ่ีเกดิ จากการใชน้ วตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศ
3.1 ความหมาย ปญั หา
ปัญหา หมายถึง ประเด็นท่ีเป็นอุปสรรค ความยากลําบาก ความต้านทาน หรือความท้าทาย หรือเป็น
สถานการณ์ใดๆ ท่ีต้องมีการแก้ปัญหา ซ่ึงการแก้ปัญหาจะรับรู้ได้จากผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาหรือผลงานท่ี
นําไปสู่วัตถุประสงค์หรือเปูาหมาย ประเด็นปัญหาแสดงถึงทางออกที่ต้องการ ควบคู่กับความบกพร่อง ข้อ
สงสยั หรือความไมส่ อดคล้องท่ีปรากฏขน้ึ ซง่ึ ขดั ขวางมิให้ผลลัพธ์ประสบผลสาํ เร็จ
3.2 วิธกี ารหรือกระบวนการวิเคราะห์ปัญหา
วิธีการแก้ปัญหา ได้แก่ วิธีการลองผิดลองถูก การใช้เหตุผล การใช้วิธีขจัด และอีกมากมาย แต่อย่างไรก็
ตาม วิธกี ารเหลา่ นน้ั ล้วนมีขนั้ ตอนท่ีคล้ายคลึงกัน คือมีลําดับข้ันตอนท้ังส้ิน 4 ข้ันตอน ซ่ึง เป็นเสมือนขั้นบันได
(stair) ทีท่ าํ ใหม้ นุษยส์ ามารถประสบความสําเรจ็ ในการแกป้ ัญหาต่างๆ ได้ กระบวนการทัง้ 4 ขน้ั ตอน มีดงั น้ี
1.การวเิ คราะหแ์ ละกําหนดรายละเอยี ดของปัญหา
2.การเลอื กเครือ่ งมือและออกแบบขน้ั ตอนวธิ ี
3.การดาํ เนนิ การแก้ปัญหา
4.การตรวจสอบและปรบั ปรุง
3.3 เหตุผล ท่ี ครูต้องมีความรู้ ความเข้าใจ เก่ียวกับ ปัญหาการจัดการเรียนรู้ท่ีเกิดจากการใช้นวัตกรรมและ
เทคโนโลยสี ารสนเทศ
1.ทราบปัญหาท่แี ทจ้ รงิ
2.การดําเนินงานในขนั้ ต่อไปจะไมเ่ กิดความสูญเปลา่
3.แก้ปญั หาการเรยี นการสอนและพฒั นาการเรียนการสอนไดต้ รงจุด
4.ตรงตามเปาู หมายทีค่ วรจะเป็น
5.ครูผสู้ อนสามารถตรวจสอบความกา้ วหน้าในการแกป้ ัญหาหรอื พัฒนางานได้อยา่ งต่อเน่ืองเปน็ ระบบ
3.4 ปญั หา และสาเหตุ การจัดการเรยี นร้ทู ีเ่ กดิ จากการใชน้ วตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศ
1.ปัญหาด้านบุคลากร บุคลากรขาดความรู้ความเข้าใจในการผลิตสื่อประกอบการจัดกิจกรรม บุคลากรขาด
ประสบการณ์ในการใชส้ อื่ นวตั กรรมทางการศกึ ษา ไม่เขา้ ใจและรู้จักวธิ ีการใช้นวตั กรรมที่ทางโรงเรียนจัดทําข้ึน
ขาดความชํานาญในการใช้นวัตกรรม ขาดสื่อประกอบการเรียน บุคลากรส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการใช้
นวัตกรรม แตข่ าดความต่อเนือ่ ง
2.ปัญหาด้านวัสดุ อุปกรณ์ และงบประมาณ เก่ียวกับนวัตกรรม คือ ขาดงบประมาณในการพัฒนานวัตกรรม
ขาดวัสดุอุปกรณแ์ ละงบประมาณท่จี ะพัฒนาสอื่ นวัตกรรม การจดั หา การใช้ รักษาและขาดงบจัดหาสอื่ ทันสมัย
3.ปัญหาดา้ นสภาพแวดลอ้ ม และสถานทก่ี ารใชน้ วัตกรรม สภาพแวดล้อมโดยทว่ั ไปยังไมเ่ หมาะสมกับการใช้สื่อ
เน่ืองจากความยุ่งยากและไม่คล่องตัว มีสถานท่ีไม่เป็นสัดส่วน ไม่มีห้องท่ีใช้เพ่ือเก็บรักษาสื่อ นวัตกรรมเป็น
การเฉพาะ ทําให้การดแู ลทําได้ยากและขาดการพฒั นาท่ีต่อเนอ่ื ง
4.ปญั หาด้านสภาพการเรยี นการสอน เดก็ มคี วามแตกต่างกันด้านสติปญั ญา และด้านร่างกาย ปัญหาครอบครัว
แตกแยก เด็กอาศัยอยู่กับญาติ มีเน้ือหาวิชาท่ีมากและสาระการเรียนการสอนแต่ละครั้งไม่ต่อเน่ือง นักเรียน
บางคนไม่สบายใจในกิจกรรม และทําไม่จริงจังจึงมีผลต่อการจัดกิจกรรม นักเรียนต้องเข้าคิวรอนานกับ
นวัตกรรมบางชนิด และสภาพการเรียนการสอน ครูยังยึดวิธีการสอนแบบเดิม คือ บรรยายหน้าช้ันเรียน แต่
ส่วนใหญ่มีแนวโน้มในการพัฒนาท่ีดีขึ้น ครูยังไม่มีการนําสื่อนวัตกรรมมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนอย่าง
ต่อเน่อื ง
5.ปัญหาด้านการวัดผลและประเมินผล คือ บุคลากรขาดความรู้ในการท่ีจะนําส่ือนวัตกรรมมาใช้ในการวัดผล
และประเมินผล นักเรียนที่ไม่ค่อยสนใจหรือไม่ชอบกิจกรรมก็จะมีผลต่อการจัดผลประเมินผล ขาดนวัตกรรม
สื่อคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต การวัดประเมนิ ผล ครูส่วนใหญ่ยังใชว้ ธิ ีการทาํ แบบทดสอบแบบปรนัย
3.5.สาเหตุ ของการเกิดปัญหาการจัดการเรียนรู้ท่ีเกิดจากการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่ละ
ดา้ น โดยใชเ้ ครอื่ งมอื
3.5.1 ผูบ้ ริหาร ครู และนกั เรยี น
ผู้บริหาร ครู ขาดความรู้ความเข้าใจในการผลิตส่ือประกอบการจัดกิจกรรม ครูขาดประสบการณ์ในการใช้
ส่ือนวัตกรรมทางการศึกษา ไม่เข้าใจและรู้จักวิธีการใช้นวัตกรรมท่ีทางโรงเรียนจัดทําข้ึน ขาดความชํานาญใน
การใช้นวัตกรรม ขาดสอื่ ประกอบการเรียน บคุ ลากรส่วนใหญใ่ ห้ความรว่ มมือในการใช้นวัตกรรม แต่ขาดความ
ตอ่ เนื่อง นักเรียนไมใ่ หค้ วามสนในในการใช้ส่อื หรือใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศในทางทไ่ี มถ่ กู ต้อง
3.5.2 เครื่องมอื และอุปกรณ์
ขาดงบประมาณในจดั หาเครอ่ื งมือ และอุปกรณ์ บางอย่างมีอายุการใช้งานไม่นาน และไม่คงทน บางอย่าง
ก็ไมท่ นั สมัยตอ้ งมีการพฒั นาส่ือไปเรื่อยๆ สือ่ บางชนดิ ก็ไมส่ ะดวกในการขนยา้ ย
3.5.3 วัสดุ
ไมส่ ามารถใชไ้ ดท้ ุกสถานท่ีและโอกาสเพราะบางแห่งไม่มีเครื่องมือที่จะสนับสนนุ การใชส้ อ่ื ได้
3.5.4 วิธกี าร/กิจกรรม
ครูยังยึดติดกับการจัดการเรียนการสอนแบบเดิมๆ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ไม่ดึงดูดความสนใจของ
ผเู้ รยี น
3.5.5 สภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปยังไม่เหมาะสมกับการใช้สื่อ เนื่องจากความยุ่งยากและไม่คล่องตัว มีสถานที่ไม่
เป็นสัดส่วน ไม่มีห้องที่ใช้เพื่อเก็บรักษาสื่อ นวัตกรรมเป็นการเฉพาะ ทําให้การดูแลทําได้ยากและขาดการ
พัฒนาที่ต่อเนอ่ื ง
3.6. จากข้อ 3.5 เสนอแนวทางการแก้ปัญหาการจัดการเรียนรู้ที่เกิดจากการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี
สารสนเทศ แตล่ ะดา้ น
3.6.1 ผู้บริหาร ครู และนักเรียน สร้างความตระหนัก ความรับผิดชอบในส่วนท่ียังบกพร่องทางนวัตกรรม
ของบุคลากร ส่งเสริมให้เข้าร่วมการอบรมสัมมนา ส่งเสริมให้เกิดการศึกษาด้วยตนเอง เพื่อให้ความรู้และ
ประสบการณ์ในการใช้สอ่ื นวตั กรรมทางการศึกษาทีม่ ากขนึ้
3.6.2 เคร่ืองมือ และอุปกรณ์ เพิ่มงบประมาณให้เพียงพอ ให้หน่วยงานที่มีส่วนเก่ียวข้องจัดหางบประมาณ
สนับสนุน สํานักงานเขตพ้ืนท่ีต้องช่วยดูแลและให้ความช่วยเหลือจัดสรรงบประมาณได้ เพื่อใช้ในการพัฒนา
นวัตกรรมให้มีคณุ ภาพดียิ่งขึน้ และระดมทรพั ยากรที่มีในท้องถ่นิ มาชว่ ยสนับสนนุ
3.6.3 วสั ดุ เพิ่มงบประมาณให้เพยี งพอ ใหห้ นว่ ยงานทีม่ สี ่วนเกย่ี วขอ้ งจดั หางบประมาณสนับสนุน สํานักงาน
เขตพนื้ ทีต่ ้องช่วยดูแลและให้ความช่วยเหลือจัดสรรงบประมาณได้ เพ่ือใช้ในการพัฒนานวัตกรรมให้มีคุณภาพ
ดยี ิ่งขนึ้ และระดมทรัพยากรที่มีในทอ้ งถิน่ มาชว่ ยสนบั สนุน
3.6.4 วธิ กี ารจดั กิจกรรม ครคู วรยึดหลกั การจัดการเรยี นรู้แบบนกั เรยี นเป็นสาํ คัญจดั กิจกรรมการเรียนการสอน
ให้ดึงดดู ความสนใจของนักเรยี น ใหน้ ักเรยี นลงมอื ปฏบิ ัตดิ ว้ ยตนเอง
3.6.5 สภาพแวดล้อม ใช้สื่อนวัตกรรมตามความเหมาะสมของเนื้อหาวิชาตามความยากง่ายของเนื้อหา จัดทํา
หอ้ งส่อื เคล่อื นท่ี แบ่งส่อื ไปตามห้องให้ครูรับผดิ ชอบ ควรจดั หาห้องเพื่อการน้เี ปน็ การเฉพาะ
3.7 วเิ คราะห์ปญั หา ในชั้นเรยี น โดยเลอื กใช้เคร่ืองมือทเ่ี รียนไปแล้ว
สาเหตุจากครูสอนโดยใช้สื่อท่ีล้าสมัย เช่นหนังสือ สมุด หรือการจดบรรยาย ทําให้ไม่น่าสนใจ วิธีการแก้ไขคือ
การใช้เทคโนโลยที ท่ี นั สมัยในการเรยี นการสอน เชน่ kahoot, prezi, google classroom เปน็ ต้น
ข้อสอบรายวิชานวตั กรรมและเทคโนโลยี
1.องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพวิ เตอร์
ก. ฮารด์ แวร์ ซอฟต์แวร์ เครือข่าย กระบวนการ และ บุคคล
ข. ซุปเปอร์คอมพวิ เตอร์ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ มนิ ิคอมพวิ เตอร์ และ ไมโครคอมพิวเตอร์
ค. ขอ้ มลู สารสนเทศ อนิ เตอรเ์ น็ต
ง. ไม่มีขอ้ ถูก
2. ระบบมาตรฐานในการรับสง่ ข้อมลู ทเ่ี ปน็ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทมี่ ขี นาดใหญ่หรอื
อนิ เตอร์เนต็ เรียกวา่ อะไร
ก.อคิ อมเมชิ
ข.อนิ ทราเน็ต
ค.ปติ ิคอล
ง.โปรโตคอล
3. ไมโครคอมพวิ เตอรเ์ ป็นสว่ นประกอบของคอมพิวเตอร์ มี 2 ประเภทได้แก่
ก.แบบติดตง้ั ใช้งานอยู่กับทีบ่ นโต๊ะทํางานและแบบเคลอื่ นยา้ ยได้
ข.แบบพกพาและแบบตงั้ โตะ๊
ค.มินคิ อมพวิ เตอร์และไมโครคอมพิวเตอร์
ง.แบบพกพาและแบบมินิ
4. เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ทกุ เคร่ืองท่ีเชอ่ื มตอ่ เข้ากบั เครือข่ายอนิ เทอร์เน็ตจะตอ้ งมีหมายเลขประจํา
เคร่อื ง ท่ีเรียกว่า
ก. Protocol
ข. AP Address
ค. IP Address
ง. Microcomputer
5. www. ย่อมาจากคาํ ใด
ก. Web Word Wide
ข. World Wide Web
ค. Web Wide Word
ง. ถกู ทกุ ข้อ
6.ข้อความทีม่ ีความสามารถ มากกวา่ ข้อความปกตนิ ั่นเอง จงึ มลี ักษณะคลา้ ยกับว่าผูอ้ า่ นเอกสาร
เวบ็ สามารถโต้ตอบกบั เอกสารน้ันๆ ดว้ ยตนเอง ตลอดเวลาทม่ี กี ารใช้งาน
ก. HyperText
ข. WebPage
ค. message
ง. www.
7. สื่อในการเรียนการสอน่ีดี ยกเวน้ ข้อใด
ก. ส่อื ทีม่ เี นือ้ หาถูกต้อง ทันสมัย นา่ สนใจ และเปน็ ส่ือทีจ่ ะให้ผลต่อการเรียนการสอนมาก
ที่สุด
ข.เป็นสอ่ื ท่ีเหมาะสมกับวยั ระดบั ชนั้ ความรู้ และประสบการณข์ องผู้เรียน
ค.มรี าคามาคาแพง หรือสั่งทํากค็ วรคมุ้ กับเวลาและการลงทุน
ง.ตอ้ งเป็นสื่อที่มีคุณภาพเทคนิคการผลติ ทดี่ ี มีความชัดเจนและเป็นจริง
8. ขั้นตอนในการทําการเรียนการสอน มกี ีข่ ั้นตอน
ก. 2
ข. 3
ค. 4
ง. 5
9. สอ่ื การเรียนการสอนสมยั ใหม่มากมาย ยกเว้น
ก. ส่ือ AI
ข. E-Learning
ค. บรรยาย
ง. กระดานอจั ฉริยะ
10. E-book คอื อะไร
ก. หนังสอื
ข. หนังสอื อเิ ลค็ ทรอนิกส์
ค. หนังสอื ดิจติ อล
ง. ถูกทุกขอ้
บรรณานกุ รม
https://elearning.sesaoskt.go.th/course/view.php?id=14
http://school.obec.go.th/sup_br3/t_1.htm
สคุ นธ์ สนิ ธพานนท์. (2552). นวัตกรรมการเรยี นการสอน เพ่ือพัฒนาคุณภาพของเยาวชน.
กรงุ เทพ : เทคนคิ พริน้ ตงิ้
เกรกิ ท่วมกลาง. (2549). การพัฒนาสอ่ื /นวตั กรรมทางการศึกษาเพ่ือเล่ือนวทิ ยฐานะ.
กรงุ เทพ :สถาพรบคุ๊ ส์
นวัตกรรมเทคโนโลยีทางการศึกษา. [ออนไลน์] เขา้ ถึงไดจ้ าก https://sites.google.com/site/
nwatkrrmkarsuksa/home/khna-phu-cad-tha (สืบค้นวันที่ 11 พฤษภาคม 2558)
นวัตกรรมการศึกษา. [ออนไลน์] เข้าถึงไดจ้ าก http://sukanya-
neang.blogspot.com/2012/03/blog-post.html (สืบค้นวันท่ี 11 พฤษภาคม 2558)
ความหมายของ นวตั กรรมการศกึ ษาและเทคโนโลยที างการศกึ ษา. [ออนไลน]์ เข้าถึงได้จาก
http://info.muslimthaipost.com/main/index.php?
page=sub&category=31&id=17734 (สบื คน้ วันท่ี 11 พฤษภาคม 2558)
สอื่ /นวตั กรรมทางการศึกษา. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก
https://blog.eduzones.com/madamread/102978 (สบื คน้ วันท่ี 11 พฤษภาคม 2558)
นวตั กรรมทางการศกึ ษาที่สาํ คญั ของไทยในปัจจุบนั . [ออนไลน]์ เข้าถงึ ได้จาก
http://www.oknation.net/blog/Apinya0936/2013/12/24/entry-3 (สืบคน้ วนั ท่ี 11
พฤษภาคม 2558)
การนํานวตั กรรมและเทคโนโลยีมาใชส้ ถานศึกษา. [ออนไลน์] เข้าถงึ ไดจ้ าก http://suksandee.
blogspot.com/2013/01/blog-post.html (สืบคน้ วันที่ 11 พฤษภาคม 2558)
ความหมายนวัตกรรม. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก http://salc.trang.psu.ac.th/index.php/14-2013-06-06-
06-30-05/2013-06-06-06-29-39/37-2013-06-06-06-43-27 (สบื ค้นวนั ท่ี 11
พฤษภาคม 2558)
แนวความคิดที่ก่อให้เกิดนวตั กรรมการศึกษา. [ออนไลน]์ เข้าถึงได้จาก
http://www.wachum.com/eBook/811201/doc3-2.html (สืบคน้ วันที่ 11 พฤษภาคม 2558)
แนวคิด ทฤษฎี ความหมาย ความสําคัญของนวตั กรรม เทคโนโลยีและสารสนเทศการศึกษา.
[ออนไลน์] เข้าถงึ ไดจ้ าก http://pc1554144053.blogspot.com/ (สบื คน้ วันท่ี 11
พฤษภาคม 2558)
ใช้ iPad เพ่อื การศึกษา ความรอู้ ยทู่ ่ีเนอ้ื หาและส่งิ แวดลอ้ ม. [ออนไลน์] เขา้ ถึงได้จาก
http://www.amphur.in.th/ipad-in-education (สืบค้นวนั ท่ี 11 พฤษภาคม 2558)
"STEM" นวตั กรรมการจดั การการศึกษา [ออนไลน์] เข้าถึงไดจ้ าก http://www.ipst.ac.th
/web/index.php/news-and-announcements/training-seminar/item/952-stem (สบื ค้นวันท่ี
11 พฤษภาคม 2558)
“ทวกิ (Twig)” นวตั กรรมสือ่ การเรยี นการสอนออนไลน์ สูว่ ิถีการเรียนรู้แห่งศตวรรษท่ี 21.
[ออนไลน์] เขา้ ถึงได้จาก http://www.vcharkarn.com/varticle/501186 (สบื ค้นวันท่ี 11
พฤษภาคม 2558)
STEM Education สะเต็มศึกษา นวัตกรรมการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [ออนไลน]์ เข้า
ถงึ ไดจ้ ากhttp://www.krusmart.com/stem-education-innovation-thailand/ (สืบค้นวนั ที่ 11
พฤษภาคม 2558)
MOOCs. [ออนไลน]์ เขา้ ถงึ ไดจ้ ากhttp://www.tkpark.or.th/tha/articles_detail/196/MOOCs (สบื คน้
วนั ที่ 11 พฤษภาคม 2558)
Google Apps For Education เครอ่ื งมอื ใหม่ในการศีกษาไทย. [ออนไลน]์ เข้าถงึ ได้จาก
http://www.krusmart.com/stem-education-innovation-thailand/ (สืบค้นวนั ท่ี 11
พฤษภาคม 2558)