The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.3 ภาคเรียนที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ฤทธิเดช สกุลซ้ง, 2022-11-05 09:30:54

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.3 ภาคเรียนที่ 1

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.3 ภาคเรียนที่ 1

คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นกั เรียนสามารถนำความรจู้ ากการเรียนไปเป็นแนวทางในการถอดคำประพนั ธ์

วรรณคดเี รื่องอืน่ ๆ ในอนาคตได้
ชัว่ โมงท่ี ๒
ความรู้ (K)
นกั เรยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในการสรุปเนอ้ื หาวรรณคดี
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นกั เรียนสามารถสรปุ เนือ้ หาจากวรรณคดเี ร่อื งพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนนี าง

ผเี สอ้ื ได้ถกู ต้องตามหลักการ
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนสามารถนำความรู้จากการเรยี นไปเป็นแนวทางในการเขียนสรปุ เน้ือหาจาก

วรรณคดีเรอ่ื งอืน่ ๆ ในการเรียนระดับตอ่ ไปได้
ชว่ั โมงที่ 3
ความรู้ (K)
นักเรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจในหลักการวิเคราะห์คุณค่าจากวรรณคดี
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์คุณค่าจากวรรณคดเี รอ่ื งพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนี

นางผีเสือ้ ได้ถูกต้อง
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรียนสามารถนำความรู้จากการเรยี นไปเป็นแนวทางในวิเคราะห์คุณคา่ ในวรรณคดี

เร่ืองอ่ืน ๆ ในการเรียนระดบั ตอ่ ไปได้

จดุ เน้นสูก่ ารพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน
ทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ( 3R8C )

Reading (อ่านออก)

(W) Riting (เขียนได)้

(A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ )

ทกั ษะด้านการคิดอย่างมวี ิจารณญาณและทักษะในการแก้ไขปัญหา (Critical
Thinking and Problem Solving)

ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)

ทักษะดา้ นความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural
Understanding)

ทักษะดา้ นความรว่ มมอื การทำงานเป็นทมี และภาวะผู้นำ (Collaboration,
Teamwork and Leadership)

ทกั ษะด้านการส่อื สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันสือ่ (Communications,
Information, and Media Literacy)

ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing
and ICT Literacy)

ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning)

ทักษะการเปลย่ี นแปลง (Change)

การประเมนิ ผลรวบยอด
ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน
ชัว่ โมงท่ี ๑
กิจกรรม ถอดถ้อยร้อยเรียง
ชว่ั โมงท่ี ๒
ใบงานเรือ่ ง สรปุ เน้อื หาจากวรรณคดีเรอื่ ง พระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณี

หนีนางผีเส้อื
ช่ัวโมงท่ี 3
ใบงานเร่อื ง วิเคราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดีเร่ือง พระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณี

หนนี างผีเสื้อ

กจิ กรรมการเรียนรู้
ช่วั โมงที่ ๑
ขนั้ นำ
ครกู ล่าวทักทายนกั เรยี น แล้วครูให้นักเรียนดแู ผน่ ภาพในมอื แล้วครใู ช้คำถาม

“นักเรียนคิดวา่ ตัวละครเรื่องนี้ คือใคร จากเรื่องอะไร” จากนน้ั ให้นักเรยี นแสดงความคิดเห็นโตต้ อบ
กับครู (K)

ขน้ั สอน
๑. ครแู จกใบความรู้และให้ความรกู้ บั นกั เรียน เร่อื ง การถอดคำประพันธ์ จากน้ันครู

อธิบายความหมายของการถอดคำประพันธ์ หลักการถอดคำประพันธ์ และครูยกตวั อยา่ งการถอดคำ
ประพันธใ์ หน้ กั เรียนดูเพื่อใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจหลักการถอดคำประพันธ์มากขึน้ (K)

๒. ครูให้แบง่ นกั เรยี นออกเปน็ 5 กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ทำกจิ กรรม “ถอดถ้อย รอ้ ย
เรียง” โดยให้นกั เรยี นถอดคำประพนั ธจ์ ากวรรณคดเี ร่อื ง พระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณหี นนี างผเี ส้อื
ทีค่ รกู ำหนดให้ถกู ตอ้ งตามหลกั การถอดคำประพนั ธ์ (K, P, A)

๓. ครใู ห้นกั เรียนออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนทุกกลุ่ม เพื่อเป็นการแลกเปล่ยี นเน้อื หา
ซ่ึงกนั และกนั จากนั้นครูและนักเรยี นรว่ มกนั เสนอแนะรายละเอียดเพิม่ เตมิ (P, A)

ขั้นสรปุ
ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปกจิ กรรม “ถอดถอ้ ย รอ้ ยเรียง” เป็นกิจกรรมที่ให้นกั เรียน

ถอดคำประพันธ์จากวรรณคดเี ร่ืองพระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณีหนีนางผเี สอื้ ให้ถูกต้องตามหลักการ
จากการทำกจิ กรรมนกั เรียนสามารถปฏบิ ัตไิ ด้อยา่ งถกู ต้อง สะท้อนผลไดว้ า่ นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจ
ในหลกั การถอดคำประพนั ธ์ สามารถถอดคำประพนั ธใ์ หถ้ ูกต้องตามหลกั การ และสามารถนำความรทู้ ่ีได้
จากการเรยี น เรอื่ ง การถอดคำประพนั ธ์ ไปเป็นแนวทางในการถอดคำประพันธ์จากวรรณคดเี รอ่ื งอนื่ ๆ
ในอนาคตได้ (K, P, A)

ชว่ั โมงที่ ๒
ขน้ั นำ
ครกู ล่าวทักทายนกั เรียน แลว้ ครูเปิดวิดีโอเพลง “คำม่นั สัญญา” แล้วครใู ช้คำถาม

“นกั เรียนเคยได้ยนิ เพลงนี้หรอื ไม”่ จากน้ันใหน้ ักเรียนแสดงความคิดเห็นโต้ตอบกับครู (K)
ขั้นสอน
๑. ครูแจกใบความรู้และให้ความร้กู บั นกั เรยี นเรอ่ื ง สรปุ เนอื้ หาวรรณคดี จากนน้ั ครู

อธิบายความหมายของการสรปุ เนอื้ หา หลกั การสรปุ เนอื้ หา และครยู กตวั อยา่ งการสรุปเน้ือหาวรรณคดี
เพ่อื ใหน้ ักเรยี นเข้าใจการสรปุ เนื้อหาทถี่ ูกต้องตามหลักการมากย่ิงขึน้ (K)

๒. ครใู หน้ กั เรียนทำใบงาน เร่อื ง สรุปเนอื้ หาจากวรรณคดเี รือ่ งพระอภยั มณี
ตอน พระอภยั มณีหนีนางผีเสือ้ โดยให้นักเรียนเขียนสรปุ เนอ้ื หาจากวรรณคดีเรือ่ ง พระอภัยมณี
ตอน พระอภัยมณีหนนี างผเี สื้อ ที่ครูพาถอดคำประพนั ธม์ าให้ถกู ต้องตามหลกั การ (K, P, A)

๓. ครใู หน้ ักเรียนออกมานำเสนอหน้าช้นั เรียน โดยเลือกจากการสุ่มจากสญั ลกั ษณ์
ด้านหลงั ใบงาน จำนวน 1 คน จากนนั้ ครแู ละนักเรียนร่วมกนั เสนอแนะรายละเอยี ดเพิ่มเติม (P, A)

ข้นั สรุป
ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปใบงาน สรุปเนือ้ หาจากวรรณคดีเรอื่ ง พระอภัยมณี

ตอน พระอภัยมณีหนีนางผเี สื้อ เป็นใบงานที่ให้นกั เรียนสรปุ เน้ือหาวรรณคดีให้ถกู ต้องตามหลกั การ
จากการทำกิจกรรมนกั เรยี นสามารถปฏบิ ัติได้อย่างถกู ตอ้ ง สะท้อนผลได้ว่านักเรียนมีความร้คู วามเข้าใจ
ในหลกั การสรุปเนอ้ื หาจากวรรณคดี สามารถสรปุ เนอื้ หาจากวรรณคดีได้ และสามารถนำความรู้จาก
การเรียน เรือ่ ง การสรปุ เนอ้ื หาจากวรรณคดีเรือ่ ง พระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณีหนนี างผีเสื้อสมุทร
เขยี นสรปุ เนื้อหาจากวรรณคดเี รอ่ื งอื่น ๆ ในการเรียนระดับตอ่ ไปได้ (K, P, A)

ช่วั โมงท่ี 3
ขน้ั นำ
ครูกล่าวทกั ทายนักเรยี น แลว้ ครูใช้คำถาม“นักเรียนคดิ วา่ วรรณคดี สะทอ้ นวิถีชีวติ และ

วฒั นธรรมของคนในสมยั ก่อนหรือไม่ อย่างไร” จากนั้นให้นักเรยี นแสดงความคดิ เห็นโตต้ อบกับครู (K)
ข้ันสอน
๑. ครแู จกใบความรู้ ให้ความรู้กบั นักเรียนเรือ่ ง วิเคราะห์คุณค่าจากวรรณคดี จากน้ัน

ครูอธิบายความหมายของวิเคราะหค์ ุณค่าจากวรรณคดี หลักการวิเคราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดี และครู
ยกตวั อย่างการวเิ คราะห์คุณค่าจากวรรณคดี เพอ่ื ให้นักเรยี นเข้าใจการวเิ คราะห์คุณค่า

จากวรรณคดีที่ถูกต้องตามหลกั การมากยิง่ ข้ึน (K)

๒. ครูให้นกั เรยี นทำใบงาน เรือ่ ง วิเคราะหค์ ุณค่าจากวรรณคดเี รื่อง พระอภยั มณี
ตอน พระอภยั มณีหนีนางผเี สอ้ื สมุทร โดยใหน้ กั เรียนวเิ คราะหค์ ณุ คา่ จากวรรณคดีเรอื่ ง พระอภยั มณี
ตอน พระอภัยมณหี นนี างผีเสอื สมุทรให้ถกู ต้อง (K, P, A)

๓. ครูให้นักเรียนออกมานำเสนอหน้าชั้นเรยี น โดยเลอื กจากการสุ่มสัญลักษณ์ดา้ นหลงั
ใบงาน จำนวน 1 คน จากนน้ั ครูและนักเรียนรว่ มกันเสนอแนะรายละเอยี ดเพ่มิ เติม (P, A)

ขั้นสรปุ
ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปใบงาน วเิ คราะหค์ ณุ ค่าจากวรรณคดีเรือ่ ง พระอภยั มณี

ตอน พระอภยั มณีหนนี างผเี สือ้ เปน็ ใบงานท่ีให้นักเรยี นวิเคราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดีให้ถกู ต้องตาม

หลักการ จากการทำกจิ กรรมนกั เรยี นสามารถปฏิบัติไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง สะท้อนผลไดว้ ่านักเรียนมีความรู้
ความเข้าใจในการวิเคราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดีเร่ือง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณหี นนี างผีเสอ้ื สมุทร

สามารถวิเคราะคุณค่าจากวรรณคดีได้ถูกต้องตามหลักการ และสามารถนำความรู้จากการเรียนเรอื่ ง
วเิ คราะห์คณุ คา่ จากวรรณคดี ไปเป็นแนวทางในวิเคราะห์คุณคา่ ในวรรณคดเี รื่องอ่ืน ๆ ในการเรียนระดับ
ต่อไปได้ (K, P, A)

การวัดผลประเมินผล เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
ชวั่ โมงที่ 1 กิจกรรมถอดถอ้ ย ร้อยเรยี ง ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ ๕๐
วิธกี าร

ประเมนิ กิจกรรมถอดถอ้ ย ร้อยเรยี ง ใช้วธิ ี
วดั ผลจากการทำกจิ กรรมของนกั เรยี นแตล่ ะ
คน โดยมีประเด็นในการวดั ผล ได้แก่ ถอด
ความได้ตรงกับความหมายเดมิ จบั ใจความได้
ถกู ตอ้ งวา่ ขอ้ ความนั้นกล่าวถงึ อะไร สามารถ
นำคำสามัญทีม่ ีความหมายตรงกันมาแทนได้
ใชส้ รรพนามบรุ ุษท่ี 1, 2 หรือ 3 ตามบท
ประพนั ธ์ และลำดับเนือ้ ความตามบทเดิม
(ประเดน็ ของแตล่ ะคน) จากน้นั นำผลการ
ประเมนิ มาเปน็ ข้อมูลในการปรบั ปรงุ และ
พฒั นานักเรียน และการจัดการเรียนการสอน
ของครใู นครงั้ ตอ่ ๆ ไป

ช่ัวโมงท่ี ๒ เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน

วิธีการ ใบงานเรอ่ื ง สรุปเน้ือหาจาก ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน
วรรณคดเี ร่ือง พระอภยั มณี รอ้ ยละ ๕๐
ประเมินใบงานเรอื่ ง สรปุ เนอื้ หาจากวรรณคดีเร่อื ง ตอน พระอภัยมณหี นีนางผเี สือ้
พระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณหี นนี างผีเสื้อ ใชว้ ิธี
วัดผลจากการทำใบงานของนักเรียนแตล่ ะคน โดยมี
ประเด็นในการวัดผล ได้แก่ จับใจความสำคญั ไดอ้ ย่าง
ถูกตอ้ ง สรุปเนอื้ หาไดต้ รงตามคำประพนั ธ์ เขยี นสรปุ
ด้วยภาษาท่ีสละสลวย ไพเราะและเป็นสำนวนภาษา
ของตนเอง ลำดบั เร่อื งราวได้อยา่ งถกู ต้อง และแทน
สรรพนามบุรษุ ที่ 1, 2 และ 3 ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง
(ประเดน็ ของแต่ละคน) จากน้นั นำผลการประเมินมา
เป็นขอ้ มูลในการปรบั ปรุงและพฒั นานกั เรียน และการ
จดั การเรียนการสอนของครูในครงั้ ต่อ ๆ ไป

ชัว่ โมงท่ี 3 เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน

วธิ กี าร ใบงานเรือ่ ง วเิ คราะห์คุณค่า ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน
จากวรรณคดีเร่ืองพระอภยั มณี รอ้ ยละ ๕๐
ประเมินใบงานเรอื่ ง วิเคราะหค์ ณุ ค่าจากวรรณคดี ตอน พระอภัยมณหี นนี างผเี ส้ือ
เร่อื งพระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณีหนีนางผเี สอ้ื
ใช้วิธีวดั ผลจากการทำใบงานของนกั เรียนแต่ละคน
โดยมปี ระเด็นในการวดั ผล ได้แก่ วิเคราะห์คณุ ค่าได้
ถกู ต้องตรงตามประเภท เขยี นวเิ คราะห์ดว้ ยภาษาที่
สละสลวย ลำดับการเขียนไดถ้ กู ต้อง วิเคราะหด์ ้วย
ความสมเหตุสมผล และผลงานสะอาดเรยี บร้อย
(ประเดน็ ของแตล่ ะคน) จากนน้ั นำผลการประเมินมา
เปน็ ขอ้ มูลในการปรับปรงุ และพฒั นานกั เรยี น
และการจัดการเรยี นการสอนของครูในครง้ั ตอ่ ๆ ไป

สอื่ การเรยี นรู้

ชว่ั โมงท่ี ๑
๑. ใบความรเู้ รอ่ื ง การถอดคำประพันธ์

๒. ใบงานเรือ่ ง ถอดถอ้ ย รอ้ ยเรียง
ชั่วโมงท่ี 2

1.ใบความร้เู ร่ือง สรปุ เน้อื หาวรรณคดี

2. ใบความรู้เร่ือง สรปุ เนือ้ หาจากวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณหี นี
นางผเี สื้อ

ชั่วโมงที่ 3
๑. ใบความรเู้ ร่ือง การวิเคราะห์คุณค่าจากวรรณคดี
๒. ใบงานเรื่อง วิเคราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดเี ร่อื งพระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณีหนี

นางผเี ส้ือ

ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรอื ผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รบั รอง)
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงช่ือ................................................................
(นายสนอง ศรีธรรมา)

วันท.่ี ........../...................../...........

บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๒. ปญั หาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแก้ไขปญั หา
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. ข้อเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชือ่ .................................................
(นายฤทธิเดช สกลุ ซง้ )

วันท.ี่ ............./......................./...............

ใบความรู้
เร่ือง การถอดคำประพันธ์

การถอดคำประพนั ธ์ คอื การเกบ็ ความจากคำประพนั ธ์มาเขียนใหม่เป็นภาษารอ้ ยแก้ว

ท่ีสละสลวย โดยตอ้ งคงเนอื้ ความเดมิ ไว้ ซง่ึ ก่อนทนี่ ักเรียนจะสรปุ เนอ้ื หาจากวรรณคดไี ดน้ ้ัน จำเปน็
จะตอ้ งถอดความจากรอ้ ยกรองเป็นร้อยแกว้ เสยี กอ่ น เพอื่ ใหส้ ะดวกตอ่ การสรุปเนื้อหาวรรณคดี

หลักการถอดคำประพนั ธ์

หลกั การถอดคำประพันธ์ ประกอบไปด้วย
1. อา่ นข้อความนนั้ ใหจ้ บ จบั ใจความให้ถูกตอ้ งวา่ ขอ้ ความน้ันกลา่ วถงึ อะไร
2. คำศพั ท์ต่าง ๆ ตอ้ งหาคำสามญั ท่มี คี วามหมายตรงกนั มาแทน
3. การถอดคำศัพทไ์ ม่ใชอ่ ธิบายความ จึงตอ้ งเขียนให้ตรงกบั ความหมายเดิม อยา่ เพิ่ม

ความหมายหรอื เรอ่ื งใหมใ่ ห้เกนิ จากตอนเรอื่ งเดิม
4. ต้องถอดความใหไ้ ด้ลักษณะเดิมของคำประพันธ์นั้น ๆ
5. หากไม่อาจหาคำใดท่มี ีความหมายดแี ละตรงกบั คำในบทเดิมกไ็ ด้ใชค้ ำในบทเดิม
6. ถา้ บทประพนั ธ์เป็นรอ้ ยแก้วท่ีมีประโยคซบั ซ้อนยืดยาวตอ้ งพยายามแยกประโยคนั้น

ออกเปน็ ประโยคง่าย ๆ
7. ถ้าในบทประพนั ธ์ใช้สรรพนามบุรษุ ที่ 1 2 หรอื 3 ในบทท่ีถูกถอดให้คงใช้สรรพนามเดิม
8. ควรลำดบั เน้อื ความตามบทเดิมอย่าสลบั ความเปน็ อยา่ งอน่ื

ตัวอยา่ ง แต่ดวงเนตรแดงดดู งั สุรยิ ฉ์ าย
ไม่คลาดเคล่ือนเหมือนองค์พระทรงเดช มีเขีย้ วคลา้ ยชนนมี ศี ักดา

ทรงกำลงั ดังพระยาคชาพลาย

ถอดคำประพนั ธ์ได้ดงั นี้
ไม่ผดิ เพีย้ น เหมือนพระอภยั มณี แตด่ วงตาดแู ดงเหมือนแสงของพระอาทิตย์ มีพละกำลงั อย่าง

พระยาช้าง มีเขี้ยวเหมอื นกับแม่ทม่ี ีอำนาจ

ใบความรู้
เร่ือง สรปุ เน้อื หาวรรณคดี

สรปุ เนือ้ หาวรรณคดี คือ การสรุปเร่อื งราวจากการฟังหรอื การอา่ น ผู้ฟังหรอื ผอู้ ่านจะตอ้ ง
จบั ใจความและสรปุ ใจความสำคญั ของเรอ่ื ง เพื่อท่จี ะเป็นพืน้ ฐานของการพูด หรือการเขียนสรุปความ
ตอ่ ไป โดยจะต้องจับประเด็นให้ไดว้ ่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมอื่ ไร อย่างไร

หลักการสรปุ เนือ้ หาวรรณคดี

๑. ตัง้ จดุ มุ่งหมายในการอ่านหรอื ฟังใหช้ ดั เจน ว่าอ่านหรอื ฟงั ไปทำไมและวรรณคดเี ร่อื งนน้ั
เป็นเรอ่ื งใด

๒. ในกรณที ่อี ่านควรเร่อื งราวอย่างครา่ ว ๆ พอเข้าใจ และเก็บใจความสำคัญของแตล่ ะย่อหนา้
ส่วนการฟังใหฟ้ งั อยา่ งตงั้ ใจและพยายามจินตนาการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง ซงึ่ ถ้าจะใหด้ คี วรมีการจด
บนั ทึกเหตกุ ารณ์ท่สี ำคญั ของเร่อื งไวด้ ้วย

๓. เมื่ออ่านจบใหต้ ้ังคำถามกับตนเองว่า เรื่องที่อา่ นมีใคร ทำอะไร ทีไ่ หน เมอ่ื ไหรแ่ ละอย่างไร
๔. นำส่งิ ท่ีไดม้ าเขียนหรือเลา่ สรุป โดยเรียบเรยี งใจความสำคญั ใหม่ดว้ ยสำนวนของตนเอง
เพอ่ื ให้เกิดความสละสลวย

➢ วิธกี ารสรุปเนื้อหาวรรณคดี
วธิ ีสรปุ เน้อื หาจากเรื่องที่อ่านข้นึ อยกู่ ับความชอบวา่ จะทำอย่างไร เชน่ ขดี เสน้ ใต้ หรือตี

เส้นลอ้ มกรอบข้อความสำคัญ การใช้สีตา่ ง ๆ แสดงความสำคญั มากน้อยของขอ้ ความ การทำบันทกึ ย่อก็
เป็นขบวนการส่วนหนึง่ ของการสรปุ เนอ้ื หาทีด่ แี ละไดผ้ ล แต่ผู้อา่ นควรสรปุ เร่อื งด้วยภาษาและสำนวน
ของตนเอง ไมค่ วรสรุปเรือ่ งด้วยการตดั เอาความสำคญั มาเรยี งตอ่ กัน เพราะวิธีน้ีอาจทำใหผ้ อู้ า่ นพลาด
สาระสำคัญบางตอนไป อันเปน็ เหตุให้การตีความผดิ พลาดคลาดเคล่ือนได้
ตวั อย่าง

นิทานเร่อื ง กระตา่ ยกบั เตา่
ณ ปา่ ใหญแ่ หง่ หน่งึ กระต่ายตวั หน่ึงมกั ชอบโออ้ วดว่าตนเป็นผทู้ ่ีว่ิงได้เรว็ ทีส่ ดุ อยู่มาวันหนึ่ง
กระต่ายเหน็ เตา่ กำลงั คลานต้วมเตีย้ มอย่างช้า ๆ กระต่ายจึงหวั เราะเยาะแลว้ พูดว่า “น่เี จ้าเตา่ ถ้าเจ้า
เดินช้าอย่างนี้ แลว้ เมอ่ื ไรจะกลับถึงบา้ นล่ะน่ี” เต่าจึงตอบกลับไปในทันทีว่า “ถึงขา้ จะเดินช้า แตข่ า้ ก็
กลบั ถงึ บ้านทุกวนั เรามาลองวิง่ แข่งกันมย้ั ล่ะ แล้วข้าจะเอาชนะเจ้าให้ดู” กระตา่ ยนั้นมั่นใจว่าเตา่ ไม่มี
ทางเอาชนะตนไดเ้ ปน็ แน่จึงรับคำท้า วนั รงุ่ ข้นึ สัตว์ตา่ ง ๆ ก็พร้อมใจพากนั มาดกู ารวง่ิ แขง่ ขันระหวา่ ง
กระต่ายกบั เต่า เมือ่ การแข่งขันไดเ้ ร่ิมข้นึ กระต่ายวิง่ อยา่ งสุดฝเี ท้าเพื่อไปให้ถงึ เสน้ ชัย สว่ นเต่ากพ็ ยายาม
คลานไปเร่อื ย ๆ ในขณะท่กี ระตา่ ยวิง่ ไปจนใกล้จะถงึ เส้นชยั แล้วก็คิดวา่ ถึงอย่างไรเสียตนก็ต้องเปน็ ผชู้ นะ
แนน่ อน กระต่ายจงึ นง่ั พักอย่ใู ต้ตน้ ไมแ้ ละเผลอหลับไป สว่ นเต่ากค็ ลานต้วมเต้ยี มจนมาถึงเสน้ ชยั
กระตา่ ยเมื่อต่นื ข้ึนมาก็มองซ้ายมองขวาแลว้ รีบว่ิงไปยังเส้นชัยดว้ ยความเรว็ แตก่ ็สายเกนิ ไปเสียแล้ว
เพราะสตั วป์ า่ ทั้งหลายกำลงั แสดงความยนิ ดกี ับเต่าที่เป็นผู้ชนะ

จากนทิ านข้างต้นสรปุ เนอื้ หาได้วา่

กระตา่ ยเหน็ เตา่ เดนิ ต้วมเตย้ี มจงึ หวั เราะเยาะ เต่าจึงท้ากระต่ายวิง่ แขง่ เมอื่ การแขง่ ขนั ได้
เรมิ่ ข้ึนกระตา่ ยวิง่ ไปจนใกลถ้ งึ เสน้ ชัยก็ชะลา่ ใจจึงพกั อยู่ใตต้ ้นไม้และเผลอหลบั เต่าท่ีค่อยคลานจึงเขา้
เสน้ ชัยและเปน็ ผู้ชนะ

ใบความรู้
เรื่อง การวิเคราะหค์ ุณค่าของวรรณคดี

การวเิ คราะหค์ ณุ ค่าจากวรรณคดี คอื การพจิ ารณา แยกแยะและประเมนิ ค่า โดยแสดง
ความคดิ เหน็ อภิปรายข้อเท็จจริงให้ผู้อนื่ ทราบว่าใครเป็นผแู้ ต่ง เปน็ เรือ่ งเก่ียวกบั อะไร มปี ระโยชน์
อย่างไร มปี ระโยชน์ตอ่ ใคร ผู้วเิ คราะหม์ ีความเหน็ อย่างไร เรือ่ งที่อา่ นมีคุณค่าดา้ นใด และแต่ละด้าน
สามารถนำไปประยุกต์ใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อชีวติ ประจำวนั อย่างไร

หลกั การวิเคราะหค์ ุณค่าจากวรรณคดี

การวเิ คราะหค์ ุณค่าของวรรณคดี แบง่ เปน็ 4 ประเภท ได้แก่
๑. คุณค่าด้านเนอ้ื หา การพจิ ารณาเนือ้ หาทใี่ หค้ ุณประโยชน์ ซงึ่ ผู้อา่ นควรอ่าน

อยา่ งมวี จิ ารณญาณ หาคุณค่าของวรรณคดอี ยา่ งมีหลักเกณฑ์ สำหรับแนวทางในการวเิ คราะห์คุณค่า
ดา้ นเนอ้ื หา มหี ลายประการ ดงั นี้

๑.๑ ควรพิจารณาว่าผู้แตง่ มจี ุดมงุ่ หมายอยา่ งไร เน้ือเร่ืองมีแนวคดิ ใหค้ ำสอน คติธรรม
ข้อเตอื นใจ หรือให้แนวทางในการดำเนินชีวติ อย่างไร

๑.๒ พิจารณาภาพสะทอ้ นของสงั คม วิถีชีวิตความเปน็ อยู่ วฒั นธรรม ขนบธรรมเนียม
ประเพณี ความเชื่อและคา่ นิยมตา่ ง ๆ ในสมยั ของผแู้ ตง่

๑.๓ พจิ ารณาคุณค่าในด้านความรทู้ ่ีจะช่วยเสริมสร้างสติปัญญาแก่ผูอ้ ่าน
๒. คุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์ คอื ความไพเราะของบทประพันธ์ คำว่า “วรรณศิลป์”
หมายถงึ ลักษณะดเี ด่นทางดา้ นวิธแี ต่ง การเลอื กใชถ้ อ้ ยคำ สำนวน ลีลา ประโยค และความเรยี งตา่ ง ๆ
ท่ีประณตี งดงาม หรือมีรสชาติเหมาะสมกับเน้อื เรื่องเป็นอย่างดี ทำให้คนอ่านได้รับผลในทางอารมณ์
ความร้สู ึก เช่น เกิดความสดชื่น เบิกบาน ขบขัน เพลดิ เพลนิ ขบคดิ เศรา้ โศก ปลกุ ใจ หรือเกดิ อารมณ์
ตามที่ผู้เขียนตอ้ งการสร้างให้เกดิ ข้ึนในตัวผูอ้ ่าน

2.1 การใช้ถอ้ ยคำ พิจารณาการเลอื กใช้คำที่สื่ออารมณ์ ความรู้สกึ ไดอ้ ย่างงดงาม
เหมาะสมกบั เนอ้ื เร่อื งและฐานะของตวั ละคร

2.2 การใช้โวหาร ภาพพจน์ พจิ ารณาถงึ สำนวนโวหาร หรือภาพพจนท์ ี่ทำใหเ้ กิด
ความรสู้ กึ คลอ้ ยตาม

2.3 การเล่นเสียง พจิ ารณาถงึ เสยี งของคำประพันธ์
2.4 ลีลาการประพันธ์ พจิ ารณาจากรสในวรรณคดี
๓. คณุ ค่าด้านสงั คม วรรณคดีและวรรณกรรมจะสะท้อนให้เหน็ สภาพของสงั คมและ
วรรณคดีทด่ี ีสามารถจรรโลงสงั คมได้อีกด้วย
4. ขอ้ คิดทีส่ ามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจำวนั ผู้อา่ นสามารถนำแนวคดิ
และประสบการณ์จากเรอื่ งท่ีอ่านไปประยกุ ตใ์ ชห้ รอื แก้ปญั หาในชวี ิตประจำวนั ได้

ใบกจิ กรรม
“ถอดถ้อย ร้อยเรียง”

คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นถอดคำประพนั ธ์จากวรรณคดีเรอ่ื ง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนนี างผเี สือ้

ที่ครูกำหนดให้ถูกต้องตามหลักการถอดคำประพันธ์

............................................................................................................................. ..........................................................
...................................................................................................................................................... .................................
.................................................................................................. .....................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
.......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
..................................................................................................................................................... ..................................
.......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
............................................................................................................................. ..........................................................

ถอดคำประพนั ธ์
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ช่อื .....................................................................................................................ชัน้ ....................เลขท.ี่ ..................

ใบงาน
สรปุ เนอ้ื หาจากวรรณคดีเรื่องพระอภยั มณี

ตอน พระอภยั มณหี นีนางผีเสือ้

คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นสรปุ เนื้อหาจากวรรณคดีเร่ืองพระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณีหนีนางผเี สอื้

............................................................................................................................. ..........................................................
.......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
................................................................................................................................................................. ......................
.......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ......................................................... .
............................................................................................................................. ..........................................................
.......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
................................................................................................................................................................ .......................
........................................................................................................... ............................................................................
............................................................................................................................. ....................................................... ...
............................................................................................................................. ..........................................................
.......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
.............................................................................................................................................................. .........................
.......................................................................................................... .............................................................................

ช่อื .....................................................................................................................ช้นั ....................เลขที.่ ..................

ใบงาน
เรอ่ื ง วิเคราะหค์ ณุ ค่าจากวรรณคดีเรอื่ งพระอภยั มณี

ตอน พระอภัยมณหี นีนางผีเส้ือ

คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นวิเคราะห์คณุ คา่ จากวรรณคดีเร่ือง พระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณีหนีนางผีเส้อื

ใหถ้ ูกตอ้ ง พรอ้ มทงั้ ยกตัวอย่างบทประพนั ธป์ ระกอบ
1. คณุ ค่าด้านเนอื้ หา

............................................................................................................................. .........................
.......................................................................................................... ............................................................
............................................................................................................................. .........................................
........................................................................................................................................................... ...........
........................................................................................................................ ..............................................
............................................................................................................................. .........................................

2. คุณค่าด้านวรรณศลิ ป์

............................................................................................................................................... .......
............................................................................................................................ ..........................................
............................................................................................................................. .........................................
......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
............................................................................................................................. .........................................

3. คุณค่าด้านสงั คม

......................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
............................................................................................................................. .........................................
......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
............................................................................................................................. .........................................

4. ขอ้ คิดทส่ี ามารถนำไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั

......................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
............................................................................................................................. .........................................
......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
............................................................................................................................. .......................................

ช่อื .....................................................................................................................ชน้ั ....................เลขท่ี...................

แบบประเมินกจิ กรรมถอดถอ้ ย ร้อยเรียง
นักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 3

รายการประเมิน

ชอ่ื -สกุล ๑. ถอดความไ ้ดตรง ักบความหมายเ ิดม รวม สรปุ ผล
๒. ัจบใจความไ ้ด ูถก ้ตองว่า ้ขอความ ้ันน
ก ่ลาว ึถงอะไร
๓. สามารถนำคำสา ัมญท่ี ีมความหมาย
ตรง ักนมาแทนไ ้ด
๔. ใ ้ชสรรพนาม ุบ ุรษท่ี 1 2 ห ืรอ 3
ตามบทประพัน ์ธ
๕. ลำ ัดบเ ้ืนอความตามบทเ ิดม

๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ่าน ไม่ผา่ น

นายกฤตยา ใยปางแก้ว
ด.ช.ณภทั ร วระโงน
ด.ช.ณฐั วุฒิ วดั แผน่ ลำ
ด.ช.วรี พงษ์ ใยปางแก้ว
ด.ช.นราเทพ ใบแสน
ด.ช.มติ รชัย กันยาตรี
ด.ช.พนู โชค ศรีชนั
ด.ช.บารมี ไมสวุ รรณ
ด.ญ.ลกั ษิกา เสาเคหา
ด.ญ.กชกร เพง็ ผล
ด.ญ.กัญญานี ใบอดุ ม
ด.ญ.กัญญาวรี ์ น้อยเวียง
ด.ญ.ขวัญฤดี ใบอดุ ม
ด.ญ.ชลธชิ า จูมไมเ้ มือง
ด.ญ.ฑิฆรรมภร สแี ดด
ด.ญ.ธนพร สายอรุ าช
ด.ญ.ปภาวรนิ ทร์ สายอรุ าช
ด.ญ.ปิยพร อังคะฮาด
ด.ญ.อรชั พร จมู ไมเ้ มือง
ด.ญ.ขวัญจริ า วรกนั
ด.ญ.ภัทรสุดา ใยปางแก้ว
ด.ญ.สาวณิ ี ใยปางแก้ว

หมายเหตุ : เกณฑ์การทำใบงาน ตอ้ งได้คะแนนรอ้ ยละ ๕๐ คอื ๕ คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเตม็ ๑๐
จึงจะถือวา่ ผ่านเกณฑ์

แบบประเมนิ ใบงาน สรปุ เนอ้ื หาจากวรรณคดเี ร่ืองพระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณีหนนี างผเี สอื้
นักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3

รายการประเมิน

ชอ่ื -สกุล ๑. ัจบใจความสำคัญไ ้ดอย่าง ูถก ้ตอง รวม สรุปผล
๒. ส ุรปเ ้ืนอหาไ ้ดตรงตามคำประพัน ์ธ
๓. เ ีขยนสรุป ้ดวยภาษาที่สละสลวย
ไพเราะ เ ็ปนสำนวนภาษาของตนเอง
๔. ลำ ัดบเ ืร่องราวไ ้ดอย่าง ูถก ้ตอง
๕. แทนสรรพนาม ุบ ุรษที่ 1, 2 และ 3
ไ ้ดอ ่ยาง ูถก ้ตอง

๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผา่ น ไม่ผา่ น

นายกฤตยา ใยปางแก้ว
ด.ช.ณภัทร วระโงน
ด.ช.ณัฐวฒุ ิ วดั แผน่ ลำ
ด.ช.วีรพงษ์ ใยปางแกว้
ด.ช.นราเทพ ใบแสน
ด.ช.มติ รชยั กันยาตรี
ด.ช.พนู โชค ศรีชัน
ด.ช.บารมี ไมสุวรรณ
ด.ญ.ลกั ษิกา เสาเคหา
ด.ญ.กชกร เพง็ ผล
ด.ญ.กัญญานี ใบอดุ ม
ด.ญ.กัญญาวรี ์ นอ้ ยเวียง
ด.ญ.ขวัญฤดี ใบอดุ ม
ด.ญ.ชลธชิ า จมู ไม้เมอื ง
ด.ญ.ฑิฆรรมภร สีแดด
ด.ญ.ธนพร สายอุราช
ด.ญ.ปภาวรินทร์ สายอุราช
ด.ญ.ปิยพร องั คะฮาด
ด.ญ.อรชั พร จูมไม้เมอื ง
ด.ญ.ขวัญจิรา วรกนั
ด.ญ.ภัทรสุดา ใยปางแก้ว
ด.ญ.สาวิณี ใยปางแก้ว

หมายเหตุ : เกณฑ์การทำใบงาน ต้องได้คะแนนร้อยละ ๕๐ คือ ๕ คะแนนข้นึ ไป จากคะแนนเต็ม ๑๐
จงึ จะถือว่าผา่ นเกณฑ์

แบบประเมินใบงาน วิเคราะห์คุณคา่ จากวรรณคดีเรอื่ งพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนนี างผีเส้ือ
นกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3

รายการประเมนิ

ชอ่ื -สกลุ ๑. วิเคราะห์คุณค่าไ ้ด ูถก ้ตองตรงตาม รวม สรุปผล
ประเภท
๒. เ ีขยนวิเคราะห์ ้ดวยภาษาที่
สละสลวย
๓. ลำ ัดบการเ ีขยนไ ้ด ูถก ้ตองไ ่ม ัสบสน
๔. วิเคราะห์ ้ดวยความสมเห ุตสมผล
๕. ผลงานสะอาดเรียบ ้รอย

๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผา่ น ไมผ่ า่ น

นายกฤตยา ใยปางแก้ว
ด.ช.ณภทั ร วระโงน
ด.ช.ณฐั วฒุ ิ วัดแผน่ ลำ
ด.ช.วีรพงษ์ ใยปางแก้ว
ด.ช.นราเทพ ใบแสน
ด.ช.มิตรชัย กนั ยาตรี
ด.ช.พูนโชค ศรีชัน
ด.ช.บารมี ไมสุวรรณ
ด.ญ.ลกั ษิกา เสาเคหา
ด.ญ.กชกร เพ็งผล
ด.ญ.กัญญานี ใบอดุ ม
ด.ญ.กัญญาวรี ์ น้อยเวยี ง
ด.ญ.ขวัญฤดี ใบอุดม
ด.ญ.ชลธชิ า จูมไม้เมือง
ด.ญ.ฑิฆรรมภร สีแดด
ด.ญ.ธนพร สายอุราช
ด.ญ.ปภาวรินทร์ สายอุราช
ด.ญ.ปิยพร องั คะฮาด
ด.ญ.อรัชพร จมู ไมเ้ มือง
ด.ญ.ขวัญจริ า วรกนั
ด.ญ.ภทั รสดุ า ใยปางแก้ว
ด.ญ.สาวณิ ี ใยปางแก้ว

หมายเหตุ : เกณฑ์การทำใบงาน ตอ้ งไดค้ ะแนนร้อยละ ๕๐ คือ ๕ คะแนนข้นึ ไป จากคะแนนเตม็ ๑๐
จึงจะถอื วา่ ผ่านเกณฑ์

เกณฑ์การประเมนิ เกณฑก์ ารตัดสินระดับคุณภาพ ผลการประเมนิ

๙ - ๑๐ คะแนน ดมี าก ผ่าน
๗ - ๘ คะแนน ดี ผา่ น
๕ - ๖ คะแนน ผ่าน
๓ - ๔ คะแนน ปานกลาง ไม่ผ่าน
๐ - ๒ คะแนน พอใช้ ไมผ่ ่าน
ปรบั ปรงุ

เกณฑก์ ารประเมินกจิ กรรม ถอดถ้อย รอ้ ยเรียง

รายละเอียดการประเมิน ระดบั คะแนน

๒๑

๑. ถอดความได้ตรงกับ สามารถถอดใจความได้ตรงกบั สามารถถอดใจความได้ตรงกับ

ความหมายเดิม ความหมายเดมิ ไมผ่ ดิ เพ้ยี นไปจาก ความหมายเดิม อาจจะมผี ดิ เพย้ี นไป

คำประพันธ์ จากคำประพันธ์บ้างเลก็ น้อย

๒. จบั ใจความไดถ้ ูกต้องวา่ สามารถจับใจความไดถ้ กู ต้อง สามารถจับใจความไดว้ ่าขอ้ ความนั้น

ข้อความน้นั กล่าวถงึ อะไร ว่าขอ้ ความนั้นกล่าวถึงอะไร มีใคร กล่าวถึงอะไร มีใคร ทำอะไร

ทำอะไร ที่ไหน อยา่ งไร มใี จความ ทีไ่ หน อยา่ งไร แตย่ งั มใี จความสำคัญ

สำคญั ครบถ้วน ไม่ครบถว้ น

๓. สามารถนำคำสามญั ท่มี ี สามารถนำคำสามญั ที่มีความหมาย สามารถนำคำสามัญท่ีมีความหมาย

ความหมายตรงกันมาแทนได้ ตรงกนั มาแทนได้ โดยท่ีความนนั้ ยัง ตรงกันมาแทนได้ แต่ความน้นั อาจ

มเี นอื้ ความตามเดมิ มเี นอื้ ความไม่ตรงตามเดิม

๔. ใชส้ รรพนามบุรษุ ที่ 1 2 สามารถใชส้ รรพนามบุรษุ ที่ 1 2 สามารถใชส้ รรพนามบรุ ษุ ที่ 1 2

หรอื 3 ตามบทประพันธ์ หรือ 3 ตามบทประพนั ธ์ได้ถกู ต้อง หรอื 3 ตามบทประพนั ธ์ได้ แต่

อาจจะมับสน และใชไ้ ม่ถกู บ้าง

เล็กนอ้ ย

๕. ลำดบั เน้อื ความตามบทเดมิ สามารถลำดบั เน้อื ความได้ตามบท สามารถลำดับเน้อื ความได้ตามบท

เดิม ไม่สบั สน วกไปวนมา เดมิ แตอ่ าจสับสน วกไปวนมาบา้ ง

เกณฑก์ ารประเมินใบงาน สรปุ เนอื้ หาจากวรรณคดเี รอ่ื งพระอภัยมณี

ตอน พระอภยั มณหี นนี างผเี สอื้

รายละเอียดการประเมนิ ระดบั คะแนน

๒๑

๑. จับใจความสำคัญไดอ้ ยา่ ง สามารถจับใจความสำคญั ไดอ้ ยา่ ง สามารถจับใจความสำคญั ได้ สรุปได้

ถกู ตอ้ ง ถูกตอ้ ง สรปุ ได้ว่าใคร ทำอะไร ท่ี วา่ ใคร ทำอะไร ท่ีไหน เม่อื ไหร่

ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร อยา่ งไร แตอ่ าจจะไม่ครบถว้ น

สมบูรณ์

๒. สรุปเนอื้ หาไดต้ รงตามคำ สามารถสรปุ เนอื้ หาได้ตรงตามคำ สามารถสรุปเน้ือหาไดต้ รงตามคำ

ประพันธ์ ประพนั ธ์ ไมผ่ ดิ เพ้ยี นไปจากเดิม ประพันธ์ อาจมีผดิ เพ้ียนไปจากเดิม

เล็กน้อย

๓. เขยี นสรปุ ด้วยภาษาที่ สามารถเขยี นสรปุ ดว้ ยภาษาท่ี สามารถเขียนสรปุ ด้วยภาษาท่ี

สละสลวย ไพเราะและเป็น สละสลวย ไพเราะและเป็นสำนวน สละสลวย แตอ่ าจเขยี นไม่เปน็

สำนวนภาษาของตนเอง ภาษาของตนเอง สำนวนภาษาของตนเอง

๔. ลำดับเรอื่ งราวไดอ้ ย่าง สามารถลำดบั เรือ่ งราวได้เปน็ อย่าง สามารถลำดับเรอื่ งราวไดเ้ ป็นอย่างดี

ถูกตอ้ ง ดี ถกู ต้องตรงตามเน้อื เร่อื ง ไม่ ถกู ตอ้ งตรงตามเนื้อเร่อื ง แต่อาจมี

สับสนวกไปวนมา สับสนวกไปวนมาบา้ ง

๕. แทนสรรพนามบรุ ษุ ที่ 1, 2 สามารถใชส้ รรพนามบุรุษที่ 1 2 สามารถใชส้ รรพนามบุรษุ ที่ 1 2

และ 3 ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง หรอื 3 ตามบทประพันธ์ได้ถกู ต้อง หรอื 3 ตามบทประพนั ธ์ได้ แต่

อาจจะมบั สน และใช้ไมถ่ ูกบา้ ง

เล็กนอ้ ย

เกณฑก์ ารประเมินใบงาน วเิ คราะห์คุณคา่ จากวรรณคดเี รือ่ งพระอภยั มณี

ตอน พระอภยั มณหี นีนางผเี สอื้

รายละเอยี ดการประเมนิ ระดบั คะแนน

๒๑

๑. วเิ คราะห์คณุ คา่ ได้ถูกต้อง สามารถวิเคราะห์คณุ คา่ ไดถ้ กู ต้อง สามารถถอดใจความไดต้ รงกับ

ตรงตามประเภท ตรงตามประเภท ความหมายเดิม อาจจะมีผดิ เพี้ยนไป

จากคำประพันธบ์ ้างเลก็ นอ้ ย

๒. เขยี นวิเคราะหด์ ้วยภาษาท่ี สามารถเขียนวเิ คราะหด์ ้วยภาษาท่ี สามารถเขยี นวเิ คราะห์ดว้ ยภาษาที่

สละสลวย สละสลวย ไพเราะ ใชค้ ำได้ สละสลวย แต่ยงั ไม่ไพเราะ และใชค้ ำ

เหมาะสมกับการวิเคราะห์ ไม่ค่อยเหมาะสมกับการวิเคราะห์

๓. ลำดับการเขยี นไดถ้ ูกตอ้ งไม่ สามารถลำดบั การเขยี นได้ถกู ต้อง สามารถลำดับการเขียนไดถ้ ูกต้อง แต่

สับสน ไม่สับสน วกไปวกมา อาจมีความสับสน วกไปวกมาบา้ ง

๔. วิเคราะห์ด้วยความ สามารถวิเคราะห์คณุ ค่าได้ สามารถวเิ คราะห์คุณคา่ ได้

สมเหตสุ มผล สมเหตุสมผล ไมเ่ กนิ ความเป็นจรงิ สมเหตุสมผล แต่อาจเกนิ ความเปน็

และสามารถให้เหตุและผลที่ จรงิ ไปบา้ ง สามารถให้เหตุและผลที่

น่าเชือ่ ถือได้ น่าเชื่อถอื

๕. ผลงานสะอาดเรียบร้อย ผลงานมคี วามสะอาดเรยี บร้อย ไม่ ผลงานมีความสะอาดเรยี บร้อย มี

มรี อยเปื้อน รอยเปือ้ นเลก็ น้อย

แผนการจดั การเรยี นรู้

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๒ เร่อื ง สรุปเนื้อหาและวเิ คราะห์คุณค่าจากบทละครพดู

เร่ืองเหน็ แก่ลกู

รหัสวชิ า ท ๒๓๑๐๑ ชื่อรายวิชา ภาษาไทย กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย

ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา 2 ชวั่ โมง

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อย่างเห็นคุณค่าและนำมาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ จริง

ตวั ชว้ี ัด
ท 5.๑ ม. ๓/๑. สรุปเนือ้ หาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ในระดับทีย่ ากยิง่ ข้นึ

ท 5.1 ม. 3/๒. วิเคราะหว์ ิถีไทยและคุณค่าจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อ่าน

สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ชว่ั โมงที่ ๑
สรปุ เนื้อหาวรรณคดี คือ การสรุปเร่อื งราวจากการฟังหรอื การอ่าน ผฟู้ งั หรือผอู้ า่ นจะต้อง

จบั ใจความและสรุปใจความสำคญั ของเรอื่ ง เพื่อทีจ่ ะเป็นพ้ืนฐานของการพูด หรือการเขยี นสรุปความ
ตอ่ ไป โดยจะตอ้ งจับประเดน็ ใหไ้ ด้ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมอื่ ไร อย่างไร

ช่วั โมงท่ี 2
การวเิ คราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดี คือ การพิจารณา แยกแยะและประเมนิ ค่า โดยแสดง

ความคดิ เหน็ อภปิ รายขอ้ เท็จจริงให้ผูอ้ นื่ ทราบว่าใครเปน็ ผ้แู ตง่ เป็นเรอ่ื งเก่ียวกับอะไร มปี ระโยชน์

อย่างไร มปี ระโยชน์ต่อใคร ผวู้ เิ คราะห์มีความเหน็ อย่างไร เรื่องทอ่ี า่ นมคี ุณค่าด้านใด และแต่ละดา้ น
สามารถนำไปประยกุ ต์ใหเ้ กดิ ประโยชน์ต่อชีวิตประจำวนั อยา่ งไร

สาระการเรียนร้/ู เนื้อหายอ่ ย
ชัว่ โมงท่ี 1

ความรู้ (K)
นกั เรยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจในการสรุปเน้อื หาวรรณคดี

ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถสรปุ เน้อื หาจากบทละครพูดเรือ่ งเหน็ แก่ลูกได้ถูกต้องตามหลกั การ

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)

นกั เรียนสามารถนำความรู้จากการเรียนไปเป็นแนวทางในการเขียนสรุปเนื้อหาจาก
วรรณคดีเรื่องอน่ื ๆ ในการเรียนระดับต่อไปได้

ชว่ั โมงที่ 2
ความรู้ (K)
นกั เรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจในหลกั การวเิ คราะห์คุณค่าจากวรรณคดี
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์คณุ คา่ จากบทละครพดู เรอื่ งเห็นแกล่ ูกไดถ้ ูกตอ้ ง
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
นกั เรียนสามารถนำความรู้จากการเรยี นไปเป็นแนวทางในวิเคราะหค์ ุณค่าในวรรณคดี

เรือ่ งอื่น ๆ ในการเรยี นระดับตอ่ ไปได้

จดุ เน้นสู่การพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี น
ทักษะในศตวรรษท่ี 21 ( 3R8C )

Reading (อา่ นออก)

(W) Riting (เขยี นได้)

(A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ )

ทกั ษะด้านการคิดอย่างมวี ิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปญั หา (Critical
Thinking and Problem Solving)

ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)

ทักษะดา้ นความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural
Understanding)

ทกั ษะด้านความรว่ มมอื การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ ำ (Collaboration,
Teamwork and Leadership)

ทักษะดา้ นการสือ่ สาร สารสนเทศและรเู้ ท่าทันส่ือ (Communications,
Information, and Media Literacy)

ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing
and ICT Literacy)

ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)

ทักษะการเปลี่ยนแปลง (Change)

การประเมินผลรวบยอด
ชนิ้ งานหรือภาระงาน
ช่วั โมงท่ี 1
ใบงาน เรื่อง สรปุ เนือ้ หาจากบทละครพดู เรือ่ งเหน็ แก่ลกู
ชั่วโมงที่ 2
ใบงาน เร่อื ง วิเคราะห์คุณคา่ จากบทละครพดู เรอ่ื งเห็นแกล่ กู

กจิ กรรมการเรยี นรู้
ช่ัวโมงที่ ๑
ขั้นนำ
ครกู ลา่ วทักทายนกั เรยี น แลว้ ใช้คำถามวา่ “นกั เรียนรจู้ กั บทละครพูดหรือไม”่ จากนน้ั

ให้นักเรยี นแสดงความคิดเหน็ โต้ตอบกบั ครู (K)
ขั้นสอน
๑. ครูแจกใบความรู้และให้ความรกู้ บั นักเรยี นเรอื่ ง สรุปเน้อื หาวรรณคดี จากน้นั ครู

อธิบายความหมายของการสรุปเนอ้ื หา หลกั การสรปุ เน้ือหา และครยู กตัวอยา่ งการสรุปเนื้อหา เพ่อื ให้
นกั เรยี นเข้าใจการสรุปเนอื้ หาที่ถูกตอ้ งตามหลกั การมากยง่ิ ขึน้ (K)

๒. ครูใหน้ ักเรียนทำใบงาน เร่อื ง สรุปเน้ือหาจากบทละครพดู เร่ืองเห็นแกล่ กู โดยให้
นักเรียนเขยี นสรุปเนือ้ หาจากบทละครพูดเร่ืองเหน็ แกล่ กู มาใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การ (K, P)

๓. ครใู ห้นักเรียนออกมานำเสนอหน้าชั้นเรยี น โดยเลือกจากการสุ่มจากสัญลกั ษณ์
ด้านหลงั ใบงาน จำนวน 1 คน จากน้ันครูและนกั เรยี นร่วมกนั เสนอแนะรายละเอียดเพ่ิมเติม (P, A)

ขั้นสรุป
ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปใบงาน “สรปุ เน้อื หาจากบทละครพดู เรื่องเห็นแก่ลกู ” เป็น

ใบงานท่ีให้นักเรียนสรุปเน้ือหาวรรณคดีให้ถูกตอ้ งตามหลกั การ จากการทำกิจกรรมนักเรียนสามารถ
ปฏิบัตไิ ดอ้ ยา่ งถูกต้อง สะทอ้ นผลได้ว่านักเรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจในหลักการสรปุ เน้อื หาจากวรรณคดี
สามารถสรปุ เนอื้ หาจากวรรณคดีไดถ้ กู ต้องตามหลักการ และสามารถนำความรู้จากการเรียนเรอ่ื ง
การสรปุ เนอื้ หาจากบทละครพดู เรอื่ งเห็นแก่ลูก ไปเป็นแนวทางในการเขียนสรุปเนือ้ หาจากวรรณคดี
เร่อื งอื่น ๆ ในการเรียนระดับต่อไปได้ (K, P, A)

ช่วั โมงท่ี 2
ข้นั นำ
ครกู ล่าวทกั ทายนกั เรียน และใหน้ ักเรยี นเล่นเกม Kahoot เพอื่ เช่อื มโยงเขา้ สู่บทเรียน

(K)
ขัน้ สอน
๑. ครแู จกใบความรู้ ให้ความรกู้ บั นกั เรียน เรอ่ื ง วเิ คราะห์คุณคา่ จากวรรณคดี จากนั้น

ครอู ธบิ ายความหมายของวเิ คราะหค์ ณุ คา่ จากวรรณคดี หลักการวเิ คราะห์คุณค่าจากวรรณคดี และครู
ยกตวั อยา่ งการวเิ คราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดี เพือ่ ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจการวเิ คราะห์คุณคา่ จากวรรณคดี
ทถี่ กู ตอ้ งตามหลกั การมากยิ่งข้นึ (K)

๒. ครใู หน้ กั เรยี นทำใบงาน เรื่อง วเิ คราะหค์ ุณคา่ จากบทละครพูดเรือ่ งเห็นแกล่ กู โดย
ใหน้ ักเรยี นวเิ คราะหค์ ณุ คา่ จากบทละครพดู เรื่องเห็นแก่ลูก และตอบคำถามใหถ้ ูกตอ้ ง (K, P)

๓. ครูให้นักเรียนออกมานำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น โดยเลือกจากการสุม่ สญั ลักษณ์ดา้ นหลงั
ใบงาน จำนวน 1 คน จากนนั้ ครแู ละนักเรยี นร่วมกันเสนอแนะรายละเอียดเพ่มิ เติม (P, A)

ขัน้ สรปุ
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปใบงาน วเิ คราะห์คุณค่าจากบทละครพดู เรื่องเหน็ แกล่ กู

เป็นใบงานที่ใหน้ กั เรยี นวิเคราะห์คุณคา่ จากวรรณคดีให้ถกู ต้องตามหลักการ จากการทำกิจกรรมนักเรียน
สามารถปฏิบัตไิ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง สะทอ้ นผลไดว้ ่านักเรียนมคี วามร้คู วามเข้าใจในการวิเคราะห์คุณค่าจาก
บทละครพูดเร่อื งเหน็ แก่ลูก สามารถวิเคราะคุณค่าจากวรรณคดไี ดถ้ ูกต้องตามหลกั การ และสามารถ
นำความรู้จากการเรยี นเรอื่ ง วิเคราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดี ไปเป็นแนวทางในวเิ คราะหค์ ุณค่าในวรรณคดี
เรอื่ งอืน่ ๆ ในการเรยี นระดบั ตอ่ ไปได้ (K, P, A)

การวัดผลประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
ชั่วโมงท่ี 1
ใบงานเร่ือง สรุปเนอ้ื หาจาก ผา่ นเกณฑ์การประเมิน
วิธีการ วรรณคดีเรือ่ ง พระอภัยมณี ร้อยละ ๕๐
ตอน พระอภัยมณหี นนี างผีเสอื้
ประเมนิ ใบงานเร่อื ง สรปุ เนือ้ หาจากบทละครพดู เร่อื ง
เหน็ แก่ลูก ใช้วธิ วี ดั ผลจากการทำใบงานของนักเรยี น
แตล่ ะคน โดยมปี ระเดน็ ในการวดั ผล ไดแ้ ก่ จับใจความ
สำคัญได้อย่างถูกตอ้ ง สรปุ เนื้อหาได้ตรงตามคำ
ประพนั ธ์ เขียนสรปุ ด้วยภาษาที่สละสลวย ไพเราะและ
เปน็ สำนวนภาษาของตนเอง ลำดบั เรอ่ื งราวได้อยา่ ง
ถูกตอ้ ง และแทนสรรพนามบุรุษท่ี 1, 2 และ 3 ได้
อยา่ งถกู ต้อง (ประเด็นของแตล่ ะคน) จากนัน้ นำผลการ
ประเมินมาเปน็ ขอ้ มูลในการปรับปรงุ และพฒั นา
นักเรยี น และการจัดการเรยี นการสอนของครูในครง้ั
ต่อ ๆ ไป

ช่วั โมงที่ 2 เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน

วธิ ีการ ใบงานเรือ่ ง วิเคราะห์คุณค่า ผา่ นเกณฑ์การประเมิน
จากวรรณคดีเรอื่ งพระอภัยมณี รอ้ ยละ ๕๐
ประเมินใบงานเรื่อง วเิ คราะห์คณุ ค่าจากบทละครพดู ตอน พระอภยั มณหี นีนางผเี ส้อื
เรือ่ งเห็นแก่ลกู ใชว้ ิธีวดั ผลจากการทำใบงาน
ของนกั เรยี นแต่ละคน โดยมีประเด็นในการวัดผล
ไดแ้ ก่ วเิ คราะห์คณุ คา่ ไดถ้ ูกตอ้ งตรงตามประเภท
เขยี นวิเคราะหด์ ว้ ยภาษาที่สละสลวย ลำดับการเขียน
ไดถ้ ูกต้อง วเิ คราะห์ด้วยความสมเหตุสมผล และ
ผลงานสะอาดเรยี บรอ้ ย (ประเดน็ ของแตล่ ะคน)
จากนั้นนำผลการประเมนิ มาเปน็ ข้อมลู ในการปรบั ปรงุ
และพฒั นานกั เรียน และการจัดการเรยี นการสอน
ของครใู นครัง้ ต่อ ๆ ไป

สอื่ การเรียนรู้
ชว่ั โมงที่ 1
1.ใบความรู้ เร่อื ง สรปุ เน้ือหาวรรณคดี
2. ใบงาน เร่ือง สรปุ เนือ้ หาจากบทละครพูดเรือ่ งเหน็ แกล่ ูก
3. หนงั สือเรียนภาษาไทยวรรณคดแี ละวรรณกรรม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3
ชัว่ โมงท่ี 2
๑. ใบความรู้ เร่ือง การวเิ คราะห์คณุ ค่าจากวรรณคดี
๒. ใบงาน เรอ่ื ง วเิ คราะห์คุณค่าจากบทละครพูดเรอื่ งเห็นแกล่ ูก
3. หนังสอื เรียนภาษาไทยวรรณคดีและวรรณกรรม ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3

ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้าสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รบั รอง)
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ................................................................
(นายสนอง ศรีธรรมา)

วนั ท.ี่ ........../...................../...........

บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๒. ปัญหาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแกไ้ ขปญั หา
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. ขอ้ เสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชอื่ .................................................
(นายฤทธเิ ดช สกุลซง้ )

วันท.ี่ ............./......................./...............

ใบความรู้
เรื่อง สรปุ เนอ้ื หาวรรณคดี

สรุปเนือ้ หาวรรณคดี คือ การสรปุ เรือ่ งราวจากการฟงั หรอื การอา่ น ผูฟ้ งั หรอื ผอู้ ่านจะตอ้ ง
จบั ใจความและสรุปใจความสำคัญของเรอื่ ง เพ่ือทีจ่ ะเปน็ พื้นฐานของการพูด หรือการเขียนสรปุ ความ
ตอ่ ไป โดยจะตอ้ งจบั ประเดน็ ใหไ้ ดว้ ่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เม่ือไร อย่างไร

หลักการสรปุ เน้อื หาวรรณคดี

๑. ตงั้ จดุ มุ่งหมายในการอ่านหรอื ฟังใหช้ ดั เจน ว่าอา่ นหรือฟังไปทำไมและวรรณคดเี รอื่ งนน้ั เป็น
เรือ่ งใด

๒. ในกรณที ีอ่ ่านควรเร่อื งราวอยา่ งครา่ ว ๆ พอเขา้ ใจ และเกบ็ ใจความสำคัญของแตล่ ะย่อหน้า
ส่วนการฟงั ให้ฟังอย่างตง้ั ใจและพยายามจินตนาการเหตุการณท์ ี่เกดิ ขึ้นในเรอ่ื ง ซึ่งถ้าจะให้ดีควรมีการจด
บนั ทึกเหตกุ ารณ์ทส่ี ำคญั ของเรือ่ งไวด้ ว้ ย

๓. เมื่ออา่ นจบใหต้ ้งั คำถามกับตนเองวา่ เรือ่ งท่อี ่านมใี คร ทำอะไร ทีไ่ หน เม่อื ไหรแ่ ละอย่างไร
๔. นำสิ่งท่ีได้มาเขยี นหรอื เล่าสรปุ โดยเรียบเรยี งใจความสำคัญใหม่ด้วยสำนวนของตนเอง
เพือ่ ใหเ้ กิดความสละสลวย

➢ วิธกี ารสรปุ เน้อื หาวรรณคดี
วิธสี รุปเนอ้ื หาจากเรือ่ งที่อา่ นข้ึนอยกู่ บั ความชอบว่าจะทำอยา่ งไร เชน่ ขดี เส้นใต้ หรือตี

เสน้ ล้อมกรอบขอ้ ความสำคญั การใชส้ ีต่าง ๆ แสดงความสำคญั มากน้อยของข้อความ การทำบันทกึ ยอ่ ก็
เปน็ ขบวนการส่วนหนงึ่ ของการสรปุ เนอ้ื หาท่ดี แี ละไดผ้ ล แต่ผู้อ่านควรสรปุ เร่อื งด้วยภาษาและสำนวน
ของตนเอง ไม่ควรสรุปเรอื่ งด้วยการตดั เอาความสำคญั มาเรยี งต่อกนั เพราะวิธีนี้อาจทำให้ผอู้ า่ นพลาด
สาระสำคัญบางตอนไป อนั เปน็ เหตุให้การตีความผดิ พลาดคลาดเคลื่อนได้

ตวั อยา่ งการสรปุ วรรณคดี
“แก้วหน้าม้า”

นางแก้วหนา้ ม้าเป็นธดิ าสามัญชนชาวเมืองมถิ ิลา เหตทุ ่นี างมีชือ่ เช่นนี้เพราะกอ่ นต้ังครรภ์
ผ้เู ป็นมารดาได้ฝันว่าเทวดานำแกว้ มาให้ พอให้กำเนิดบตุ รสาวเลยต้งั ช่อื วา่ “แก้ว” แตเ่ น่อื งจากใบหนา้
เหมอื นม้าชาวบ้านเรยี กวา่ “นางแกว้ หนา้ ม้า”

นางแกว้ นนั้ วัยไลเ่ ลี่ยกับพระปิ่นทอง พระโอรสเมืองมิถลิ า และมีญาณวิเศษสามารถลว่ งรู้ลม
ฝน จงึ เปน็ ทรี่ ักใคร่ของชาวบ้าน วนั หนึ่งพระปิ่นทองไดอ้ อกไปเลน่ ว่าวจุฬา ว่าวจุฬานัน้ กห็ ลดุ ลอยออก
จากมอื พระปนิ่ ทองปลิวไปตามแรงลม ทำให้พระปนิ่ ทองวง่ิ ตามวา่ วของตน จนกระทง่ั ว่าวนั้นลอยไปตก
ตรงหน้าแกว้ นางมา้ เม่อื เกบ็ ว่าวจฬุ าไดน้ างแก้วดีใจจะเกบ็ ไว้เล่นเอง เม่อื พระป่นิ ตามมาขอวา่ วคนื
นางแกว้ ขอสัญญากบั พระโอรสว่าตอ้ งมารบั นางเข้าวังไปเป็นมเหสี พระปนิ่ รบั ปากเพียงเพราะหวงั อยาก
ไดว้ า่ วคืน รออย่หู ลายวันไมเ่ ห็นพระปน่ิ ทองมารบั นางแกว้ จงึ เลา่ เร่ืองใหพ้ ่อกบั แม่ฟัง และขอใหไ้ ปทวง
สัญญา เม่ือพ่อแม่ไปทวงสญั ญากบั พระปน่ิ ทา้ วภวู ดลกร้วิ ตรสั ให้นำตัวไปประหาร แต่พระนางนนั ทาได้

ทัดทานพร้อมเรียกพระโอรสมาสอบถาม พระปิน่ ทองยอมรบั วา่ สญั ญาจะให้มาอย่กู ับสนุ ขั เมอื่ พระปิน่

ทองสญั ญาแล้ว พระนางนันทาส่งั ให้ไปรบั ตวั นางแกว้ มาอยูใ่ นวงั คร้ังไม่มวี อทองมารับสมกบั ตำแหน่ง
มเหสี นางแก้วก็ไมย่ อมไป จนในทสี่ ดุ นางแกว้ ไดน้ งั่ ในวอทองพรอ้ มกับแต่งตวั สวยพร้งิ พอมาถงึ วงั หลวง
ท้าวภวู ดลกับพระปิน่ ทองเห็นนางแก้วรปู รา่ งหนา้ ตานา่ เกลยี ด กริยามารยาทกระโดกกระเดกก็ทนไมไ่ ด้

คิดหาทางกำจัดนางแก้ว ส่วนพระนางนนั ทานึกเอ็นดู
นางแก้วเข้าวังมาไม่นาน ท้าวภวู ดลกับพระปนิ่ ทองก็คิดหาวถิ ที างกำจัดนางแกว้ โดยให้นาง

แก้วไปยกเขาพระสเุ มรมุ าไว้ในเมืองภายใน 7 วนั หากทำไม่สำเรจ็ จะตอ้ งได้รับโทษประหาร แต่ถา้ ทำได้
จะจัดพิธีอภิเษกสมรสกบั พระปิน่ ทอง นางแกว้ ออกไปตามป่า เส่ียงสัตยอ์ ธษิ ฐานกับเหลา่ ทวยเทพวา่ หาก
ตนเปน็ เนอ้ื คู่ของพระป่ินทอง ขอให้พบเขาพระสเุ มรุ เดินทางตอ่ ไปอกี สามวัน พบพระฤาษรี ีบเข้าไป

กราบและเล่าเร่อื งราวทง้ั หมด พระฤาษีมใี จเมตตาจงึ ช่วยถอดหน้าม้าออกให้ นางแกว้ จึงกลายเปน็ หญงิ
สาวท่งี ดงามโสภา แล้วเสกหนงั สอื เป็นเรือเหาะให้ลำหนึ่งพรอ้ มมอบอโี ต้วิเศษไว้เปน็ อาวธุ นางแกว้

จึงสามารถไปยกเขาพระสุเมรุมาถวายทา้ วภูวดลไดส้ ำเร็จ
ท้าวภวู ดลพยายามหาหนทางที่จะเลยี่ งคำสัญญาเลยมอบใหพ้ ระปิน่ ทองเดินทางไปอภิเษกกบั

เจ้าหญงิ ทัศมาลี ราชธิดาของท้าวพรหมทัต กอ่ นเดินทางไปพระปน่ิ ทองกล่าววา่ ถ้ากลับมานางยงั ไม่มลี กู

จะถกู ประหาร นางแก้วนง่ั เรือเหาะตามพระปนิ่ ทองไปแลว้ ถอดหนา้ ม้าออก ไปขออาศัยอยกู่ ับสองตา
ยายในปา่ เมอื่ พระป่นิ ทองผ่านมา นางแกว้ กไ็ ปอาบนำ้ ท่ีทา่ พระปิ่นทองเห็นเข้าเกิดหลงรกั และไปเกย้ี ว

พาราณสีจนได้นางแกว้ เป็นเมีย ต่อมานางแก้วตั้งครรภพ์ ระปิน่ ทองต้องการกลับกรุงมถิ ิลาและได้มอบ
แหวนให้นางแก้วเพ่อื ยืนยนั ว่าเดก็ ในท้องนางแกว้ เปน็ ลกู ของพระป่ินทองจรงิ

ขณะเดินทางกลบั กรุงมถิ ลิ า ระหวา่ งอยู่ในทะเลเรือสำเภาของพระปน่ิ ทองถูกมรสมุ พดั เข้าไป

ในถน่ิ ยกั ษ์ เม่ือนางแกว้ คลอดบตุ รชายชื่อวา่ “ปน่ิ แกว้ ” กค็ ิดจะพาลูกกลบั ไปหาพระปนิ่ ทอง โดยได้แวะ
ไปลาพระฤาษี พระฤาษบี อกนางแกว้ ว่า พระป่ินทองอยู่ในอันตราย นางแก้วฝากลกู ไวก้ บั พระฤาษแี ลว้

แปลงร่างเปน็ ผชู้ ายขนึ้ เรอื เหาะไปรบกับทา้ วพาลราช เจา้ เมืองยักษ์จนไดร้ ับชัยชนะ นางแกว้ ในรา่ งชาย
หนุม่ จึงเชญิ พระปิ่นทองใหค้ รองเมอื งยกั ษ์และตนขอเพยี งนางสร้อยสวุ รรณ ธิดายกั ษท์ ีอ่ ายุเพียง 15
พรรษา และนางจนั ทา ธดิ ายักษอ์ งค์เล็กวัย 14 พรรษาไปเป็นชายา นางแกว้ พาสองธดิ ายกั ษไ์ ปหา

พระฤาษแี ล้วเลา่ เรือ่ งราวให้ฟงั พร้อมถอดรูปให้ดู สองธิดายกั ษร์ ับปากว่าจะเกบ็ เรื่องน้เี ปน็ ความลบั
นางแกว้ จึงพาสองธดิ ายักษม์ ามอบให้พระปิน่ ทอง ต่อมาพระป่ินทองเดินทางกลบั เมอื งมถิ ลิ าพร้อมกบั

สองธิดายกั ษ์
นางแก้วไดพ้ าลกู กลบั มาเฝา้ พระป่ินทอง ทา้ วภูวดล พระนางนนั ทา นางสร้อยสุวรรณ และ

นางจันทา พร้อมกบั กราบทูลวา่ พระปิ่นแก้วเป็นพระโอรสของพระปิ่นทองกบั นางแกว้ พระปนิ่ ทองกบั

ท้าวภูวดลไม่เชื่อ นางแกว้ เลยมอบแหวนที่พระป่ินทองเคยมอบให้ในร่างนางมณีรัตนา นางสร้อยสุวรรณ
และนางจนั ทาชว่ ยกนั เลี้ยงดูพระป่นิ แก้ว แถมยกมือไหวน้ างแก้ว แต่ถงึ กระนนั้ พระปน่ิ ทองกส็ งสยั ว่าไปมี

ลกู กับนางแกว้ ได้ตั้งแตเ่ มือ่ ไร่
เจ้าหญงิ ทศั มาลคี ิดถึงพระป่นิ ทองก็เดนิ ทางมาหาพระป่ินทอง เมอื่ เดนิ ทางมาพบพระปนิ่ ทอง

แลว้ เกดิ การหึงหวงกับนางสร้อยสวุ รรณและนางจนั ทาสองธดิ ายักษ์ จนมเี รื่องทะเลาะววิ าท โดยนางแกว้

เข้าชว่ ยเหลือ นางทัศมาลเี ห็นว่าสู้ไมไ่ ดจ้ งึ หนีกลบั เมือง ตอ่ มาเจ้าหญงิ ทัศมาลีได้ให้กำเนดิ พระโอรส
ตัง้ ช่ือวา่ “เจ้าชายปิ่นศิลปไ์ ชย”

ท้าวกายมาต ผคู้ รองนครไกรจกั ร เปน็ ญาติของท้าวพาลราชซงึ่ ถูกแก้วสงั หารกเ็ กิดแคน้ ใจ
ยกทัพมาที่เมอื งมถิ ลิ า พระปนิ่ ทองไมช่ ำนาญการรบ นางสร้อยสวุ รรณและนางจันทาแนะวา่ ใหไ้ ปขอ
ความช่วยเหลอื จากนางแก้วหน้ามา้ พร้อมบอกใบ้ให้รู้ความจริง

พระปนิ่ ทองรบี ไปง้อขอคนื ดกี บั นางแกว้ นางแกว้ ยอมช่วยเพราะเหน็ แกพ่ ระนางนนั ทา
โดยแปลงรา่ งเปน็ ชายหนมุ่ ถอื อโี ตไ้ ปเฝ้าพระปิ่นทองโดยบอกว่าพแี่ ก้วใหม้ าช่วย นางแกว้ ไมส่ ามารถทำ
อะไรท้าวประกายมาตได้ เพราะทา้ วประกายมาตมฤี ทธ์ริ ักษาแผลได้ นางแก้วจึงขี่เรอื เหาะข้ามศีรษะ
ทา้ วประกายมาต ทำใหม้ นต์เส่อื ม จึงสามารถจัดการได้ พอชนะศกึ แก้วในรา่ งของชายหนุ่มขอลากลับ
ทนั ที พระปิ่นทองจึงม่ันใจวา่ ตอ้ งเปน็ นางแก้วแนน่ อน จงึ ตามไปหาท่ีห้องกล่าวงอ้ งอน นางแก้วหน้ามา้ ก็
ทำเปน็ เลน่ ตวั พระปิน่ ทองแกลง้ ทำทีเชือดคอตาย นางแก้วจงึ ยอมใจออ่ นถอดหน้ามา้ ออก เมอื่ ความ
ทราบถงึ ทา้ วภูวดลและนางนนั ทาก็ดพี ระทยั จงึ จดั พธิ อี ภิเษกสมรสใหน้ างแกว้ เปน็ มเหสีของปิน่ ทอง
อย่างเอิกเกริก พรอ้ มทั้งกับนางแก้วไดช้ ือ่ ใหมว่ า่ “นางมณรี ตั นา” นางแกว้ จึงใหค้ นไปรับพ่อกบั แม่มา
เลยี้ งดอู ย่างมคี วามสุขในวงั ต่อมาไม่นานนางแก้วกต็ ั้งครรภอ์ กี ครงั้ แล้วไดอ้ ยูร่ ่วมกันอย่างมีความสุข

จากวรรณคดีขา้ งตน้ สรุปเนือ้ หาไดว้ ่า
นางแก้วหน้ามา้ เกบ็ วา่ วของพระปนิ่ ทองได้ เม่อื พระปิน่ ทองมาเอาว่าวคนื นางแกว้ ขอให้

พระปน่ิ ทองรับตนไปเปน็ มเหสีก่อนจงึ จะมอบคืนให้ พระปิ่นทองจึงรบั ปากเพราะอยากไดว้ ่าวคืน
เมอ่ื นางแกว้ คนื ว่าให้พระปิ่นทอง พระปนิ่ ทองกไ้ มท่ ำตามสญั ญา นางแก้วจงึ ให้พอ่ แมไ่ ปทวงสัญญา
พระนางนันทาจงึ สง่ ทหารไปรับตวั นางแก้วเข้ามาที่วัง เมอื่ นางแกว้ เขา้ มาอยทู่ ่ีวังท้าวภวู ดลและพระปนิ่
ทองกอ็ อกอุบายกำจดั นางแกว้ โดยให้นางแกว้ ไปยกเขาพระสุเมรมาไวท้ เ่ี มืองภายใน 7 วนั วัน หากทำ
ไม่สำเรจ็ จะต้องได้รบั โทษประหาร แต่ถ้าทำได้จะจดั พิธีอภเิ ษกสมรสกบั พระปิ่นทอง นางแกว้ จงึ ออก
เดินทางไปพบพระฤาษี พระฤาษมี เี มตตาจึงถอดหนา้ ม้า พรอ้ มกับเสกหนงั สอื ให้กลายเปน็ เรอื เหาะ และ
มอบอีโตว้ เิ ศษให้เปน็ อาวุธ ทำให้นางแกว้ สามารถยกเขาพระสุเมรไปไว้ท่เี มืองมถิ ิลาได้ แตถ่ งึ กระนน้ั
ทา้ วภวู ดลก็ยังไมย่ อมรับในตวั นางแกว้ และออกอบุ ายให้พระป่ินทองเดนิ ทางไปอภิเษกกับเจ้าหญงิ
ทศั มาลี ก่อนออกเดินทางพระปิ่นทองจึงสั่งความนางแกว้ ว่าหากตนกลับมา นางแก้วยังต้ังครรภจ์ ะถูก
ประหาร นางแกว้ จงึ แอบนั่งเรือเหาะตามพระป่ินทองไป และไปปขออาศัยอยู่กบั ตายายทีก่ ระท่อมในปา่
เมอื่ พระปิ่นทองมาถงึ นางแกว้ ก็ถอดหน้ามา้ และไปอาบน้ำท่ีลำธาร พระป่นิ ทองเห็นจงึ ตกหลุมรักและได้
นางแก้วเป็นเมยี เม่ือนางแก้วต้งั ครรภ์ พระป่นิ ทองก็ถงึ เวลากลับเมืองจงึ มอบแหวนใหน้ างแกว้ เพื่อเป็น
การยืนยันวา่ เด็กในท้องเปน็ ลูกของตน ต่อมานางแก้วก็ประสูตพิ ระโอรสชื่อวา่ พระปน่ิ แกว้ นางแกว้ จงึ
พาลูกของตนมายงั เมอื งมถิ ลิ าและใช้แหวนเพ่อื นยนื ยนั วา่ พระป่ินแกว้ เป็นลูกของพระปน่ิ ทองจริง ๆ
หลงั จากนนั้ ทา้ วภูวดลและพระนางนันทาก็จัดพิธอี ภิเสกให้นางแก้วกบั พระปิ่นทอง ท้งั สองจงึ ครองคูก่ นั
อย่างมคี วามสุข

ใบความรู้
เรอ่ื ง การวิเคราะหค์ ุณค่าของวรรณคดี

การวเิ คราะหค์ ุณค่าจากวรรณคดี คอื การพจิ ารณา แยกแยะและประเมินค่า โดยแสดง
ความคิดเห็น อภิปรายข้อเทจ็ จริงให้ผู้อืน่ ทราบวา่ ใครเป็นผแู้ ตง่ เปน็ เร่อื งเกยี่ วกบั อะไร มปี ระโยชน์
อย่างไร มปี ระโยชน์ตอ่ ใคร ผวู้ เิ คราะหม์ คี วามเหน็ อย่างไร เร่ืองทีอ่ ่านมีคุณคา่ ด้านใด และแต่ละดา้ น
สามารถนำไปประยกุ ต์ให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ ชวี ติ ประจำวนั อยา่ งไร

หลักการวิเคราะห์คุณค่าจากวรรรคดี

การวิเคราะหค์ ณุ ค่าของวรรณคดี แบง่ เปน็ 4 ประเภท ไดแ้ ก่
๑. คุณคา่ ดา้ นเนอื้ หา การพิจารณาเนอ้ื หาทีใ่ หค้ ุณประโยชน์ ซึ่งผอู้ า่ นควรอา่ น

อย่างมีวจิ ารณญาณ หาคุณค่าของวรรณคดอี ย่างมีหลกั เกณฑ์ สำหรบั แนวทางในการวิเคราะหค์ ุณค่า
ด้านเนอ้ื หา มีหลายประการ ดงั น้ี

๑.๑ ควรพจิ ารณาวา่ ผูแ้ ตง่ มจี ดุ มุ่งหมายอย่างไร เนอื้ เรอื่ งมแี นวคิดให้คำสอน คติธรรม
ข้อเตือนใจ หรือใหแ้ นวทางในการดำเนินชวี ติ อย่างไร

๑.๒ พิจารณาภาพสะท้อนของสงั คม วถิ ีชีวติ ความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี ม
ประเพณี ความเชือ่ และคา่ นยิ มตา่ ง ๆ ในสมัยของผูแ้ ตง่

๑.๓ พิจารณาคุณค่าในด้านความรทู้ ่ีจะช่วยเสริมสรา้ งสติปัญญาแกผ่ อู้ ่าน
๒. คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์ คือ ความไพเราะของบทประพันธ์ คำว่า “วรรณศิลป์”
หมายถึง ลักษณะดีเด่นทางด้านวธิ แี ต่ง การเลอื กใชถ้ อ้ ยคำ สำนวน ลีลา ประโยค และความเรียงตา่ ง ๆ
ทป่ี ระณีต งดงาม หรอื มรี สชาติเหมาะสมกบั เนอ้ื เรื่องเป็นอยา่ งดี ทำให้คนอ่านได้รับผลในทางอารมณ์
ความรู้สกึ เช่น เกดิ ความสดชื่น เบิกบาน ขบขัน เพลดิ เพลิน ขบคดิ เศรา้ โศก ปลกุ ใจ หรือเกดิ อารมณ์
ตามทผ่ี ู้เขยี นต้องการสรา้ งใหเ้ กดิ ข้ึนในตัวผู้อา่ น

2.1 การใชถ้ ้อยคำ พจิ ารณาการเลือกใช้คำที่สื่ออารมณ์ ความรู้สึกได้อยา่ งงดงาม
เหมาะสมกบั เน้อื เรือ่ งและฐานะของตวั ละคร

2.2 การใชโ้ วหาร ภาพพจน์ พจิ ารณาถงึ สำนวนโวหาร หรือภาพพจน์ทท่ี ำใหเ้ กิด
ความรู้สกึ คลอ้ ยตาม

2.3 การเลน่ เสยี ง พจิ ารณาถึงเสยี งของคำประพันธ์
2.4 ลลี าการประพันธ์ พจิ ารณาจากรสในวรรณคดี
๓. คณุ ค่าด้านสงั คม วรรณคดีและวรรณกรรมจะสะทอ้ นใหเ้ ห็นสภาพของสังคมและ
วรรณคดที ่ดี ีสามารถจรรโลงสงั คมไดอ้ กี ดว้ ย
4. ข้อคิดทีส่ ามารถนำไปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจำวนั ผูอ้ ่านสามารถนำแนวคดิ และ
ประสบการณ์จากเรื่องท่อี ่านไปประยุกต์ใชห้ รอื แก้ปัญหาในชีวิตประจำวนั ได้

ใบงาน
สรปุ เนือ้ หาจากบทละครพูด

เรอ่ื งเหน็ แกล่ กู

คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นสรุปเนื้อหาจากบทละครพูดเรอื่ งเหน็ แกล่ กู

............................................................................................................................. ..........................................................
.......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
................................................................................................................................................................. ......................
.......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ......................................................... .
............................................................................................................................. ..........................................................
.......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
................................................................................................................................................................ .......................
........................................................................................................... ............................................................................
............................................................................................................................. ....................................................... ...
............................................................................................................................. ..........................................................
.......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
............................................................................................................................. ..........................................................
.............................................................................................................................................................. .........................
.......................................................................................................... .............................................................................

ช่อื .....................................................................................................................ช้นั ....................เลขท่.ี ..................

ใบงาน
เรื่อง วิเคราะห์คณุ คา่ จากบทละครพดู เร่อื งเห็นแกล่ ูก

คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนวเิ คราะหค์ ุณค่าจากบทละครพูดเรอื่ งเห็นแกล่ กู ใหถ้ ูกต้อง พรอ้ มทั้งยกตวั อย่างบท

ประพนั ธ์ประกอบ
1. คณุ ค่าดา้ นเนอ้ื หา

............................................................................................................................. .........................
.......................................................................................................... ............................................................
............................................................................................................................. .........................................
........................................................................................................................................................... ...........
........................................................................................................................ ..............................................
............................................................................................................................. .........................................

2. คุณค่าดา้ นวรรณศิลป์

............................................................................................................................................... .......
............................................................................................................................ ..........................................
............................................................................................................................. .........................................
......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
............................................................................................................................. .........................................

3. คุณคา่ ดา้ นสงั คม

......................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
............................................................................................................................. .........................................
......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
............................................................................................................................. .........................................

4. ข้อคิดท่สี ามารถนำไปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจำวัน

............................................................................................................................. .........................
.......................................................................................................... ............................................................
............................................................................................................................. .........................................
........................................................................................................................................................... ...........
........................................................................................................................ ..............................................
............................................................................................................................. .......................................

ช่อื .....................................................................................................................ชนั้ ....................เลขท่ี...................

แบบประเมินใบงาน สรุปเนอ้ื หาจากบทละครพูดเรื่องเห็นแก่ลกู
นักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3

รายการประเมนิ

ชอ่ื -สกลุ ๑. ัจบใจความสำคัญไ ้ดอย่าง ูถก ้ตอง รวม สรปุ ผล
๒. ส ุรปเ ้ืนอหาไ ้ดตรงตามคำประพัน ์ธ
๓. เ ีขยนสรุป ้ดวยภาษาที่สละสลวย
ไพเราะ เ ็ปนสำนวนภาษาของตนเอง
๔. ลำ ัดบเ ืร่องราวไ ้ดอย่าง ูถก ้ตอง
๕. แทนสรรพนาม ุบ ุรษที่ 1, 2 และ 3
ไ ้ดอ ่ยาง ูถก ้ตอง

๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผา่ น ไมผ่ า่ น

นายกฤตยา ใยปางแก้ว
ด.ช.ณภทั ร วระโงน
ด.ช.ณัฐวุฒิ วดั แผ่นลำ
ด.ช.วรี พงษ์ ใยปางแกว้
ด.ช.นราเทพ ใบแสน
ด.ช.มิตรชยั กนั ยาตรี
ด.ช.พูนโชค ศรีชัน
ด.ช.บารมี ไมสุวรรณ
ด.ญ.ลักษกิ า เสาเคหา
ด.ญ.กชกร เพง็ ผล
ด.ญ.กัญญานี ใบอดุ ม
ด.ญ.กัญญาวรี ์ น้อยเวียง
ด.ญ.ขวัญฤดี ใบอุดม
ด.ญ.ชลธชิ า จมู ไม้เมอื ง
ด.ญ.ฑิฆรรมภร สแี ดด
ด.ญ.ธนพร สายอรุ าช
ด.ญ.ปภาวรนิ ทร์ สายอุราช
ด.ญ.ปิยพร องั คะฮาด
ด.ญ.อรัชพร จูมไม้เมือง
ด.ญ.ขวัญจริ า วรกนั
ด.ญ.ภัทรสุดา ใยปางแก้ว
ด.ญ.สาวณิ ี ใยปางแก้ว

แบบประเมนิ ใบงาน วเิ คราะหค์ ุณคา่ จากบทละครพูดเร่อื งเห็นแกล่ ูก
นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3

รายการประเมิน

ชอ่ื -สกลุ ๑. วิเคราะห์คุณค่าไ ้ด ูถก ้ตองตรงตาม รวม สรุปผล
ประเภท
๒. เ ีขยนวิเคราะห์ ้ดวยภาษาที่
สละสลวย
๓. ลำ ัดบการเ ีขยนไ ้ด ูถก ้ตองไ ่ม ัสบสน
๔. วิเคราะห์ ้ดวยความสมเห ุตสมผล
๕. ผลงานสะอาดเรียบ ้รอย

๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผา่ น ไมผ่ า่ น

นายกฤตยา ใยปางแก้ว
ด.ช.ณภทั ร วระโงน
ด.ช.ณฐั วุฒิ วดั แผ่นลำ
ด.ช.วรี พงษ์ ใยปางแกว้
ด.ช.นราเทพ ใบแสน
ด.ช.มติ รชยั กันยาตรี
ด.ช.พนู โชค ศรชี ัน
ด.ช.บารมี ไมสวุ รรณ
ด.ญ.ลกั ษิกา เสาเคหา
ด.ญ.กชกร เพง็ ผล
ด.ญ.กัญญานี ใบอดุ ม
ด.ญ.กัญญาวรี ์ นอ้ ยเวียง
ด.ญ.ขวัญฤดี ใบอุดม
ด.ญ.ชลธชิ า จมู ไม้เมือง
ด.ญ.ฑฆิ รรมภร สแี ดด
ด.ญ.ธนพร สายอรุ าช
ด.ญ.ปภาวรินทร์ สายอรุ าช
ด.ญ.ปิยพร องั คะฮาด
ด.ญ.อรชั พร จูมไมเ้ มือง
ด.ญ.ขวัญจริ า วรกัน
ด.ญ.ภัทรสดุ า ใยปางแก้ว
ด.ญ.สาวิณี ใยปางแก้ว

เกณฑ์การประเมินใบงาน สรปุ เนอื้ หาจากบทละครพดู เร่ืองเหน็ แกล่ กู

รายละเอยี ดการประเมนิ ระดบั คะแนน

๑. จบั ใจความสำคัญไดอ้ ยา่ ง ๒๑
ถูกต้อง
สามารถจับใจความสำคัญไดอ้ ย่าง สามารถจับใจความสำคญั ได้ สรุปได้
๒. สรุปเน้ือหาได้ตรงตามคำ
ประพันธ์ ถูกตอ้ ง สรปุ ไดว้ า่ ใคร ทำอะไร ท่ี วา่ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เม่ือไหร่

๓. เขยี นสรปุ ด้วยภาษาท่ี ไหน เมือ่ ไหร่ อย่างไร อยา่ งไร แตอ่ าจจะไม่ครบถว้ น
สละสลวย ไพเราะและเป็น
สำนวนภาษาของตนเอง สมบรู ณ์
๔. ลำดับเรือ่ งราวไดอ้ ย่าง
ถกู ต้อง สามารถสรุปเนือ้ หาได้ตรงตามคำ สามารถสรุปเนื้อหาไดต้ รงตามคำ

๕. แทนสรรพนามบุรษุ ท่ี 1, 2 ประพันธ์ ไม่ผดิ เพีย้ นไปจากเดิม ประพันธ์ อาจมผี ดิ เพย้ี นไปจากเดมิ
และ 3 ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง
เล็กน้อย

สามารถเขียนสรปุ ด้วยภาษาท่ี สามารถเขยี นสรปุ ด้วยภาษาที่

สละสลวย ไพเราะและเป็นสำนวน สละสลวย แตอ่ าจเขียนไม่เป็น

ภาษาของตนเอง สำนวนภาษาของตนเอง

สามารถลำดบั เร่อื งราวได้เป็นอยา่ ง สามารถลำดับเรื่องราวไดเ้ ปน็ อยา่ งดี

ดี ถูกต้องตรงตามเน้ือเรือ่ ง ไม่ ถกู ต้องตรงตามเน้ือเร่อื ง แตอ่ าจมี

สบั สนวกไปวนมา สบั สนวกไปวนมาบ้าง

สามารถใช้สรรพนามบรุ ุษที่ 1 2 สามารถใชส้ รรพนามบรุ ุษท่ี 1 2

หรือ 3 ตามบทประพนั ธ์ได้ถกู ตอ้ ง หรือ 3 ตามบทประพันธ์ได้ แต่

อาจจะมบั สน และใช้ไม่ถกู บา้ ง

เลก็ น้อย

เกณฑก์ ารประเมินใบงาน วิเคราะหค์ ุณคา่ จากบทละครพูดเร่อื งเหน็ แกล่ กู

รายละเอยี ดการประเมนิ ระดบั คะแนน

๒๑

๑. วเิ คราะห์คณุ คา่ ได้ถูกตอ้ ง สามารถวเิ คราะหค์ ุณค่าไดถ้ กู ตอ้ ง สามารถถอดใจความไดต้ รงกับ

ตรงตามประเภท ตรงตามประเภท ความหมายเดมิ อาจจะมีผิดเพี้ยนไป

จากคำประพันธ์บ้างเลก็ นอ้ ย

๒. เขียนวเิ คราะหด์ ้วยภาษาท่ี สามารถเขยี นวเิ คราะห์ด้วยภาษาท่ี สามารถเขยี นวเิ คราะหด์ ว้ ยภาษาที่

สละสลวย สละสลวย ไพเราะ ใชค้ ำได้ สละสลวย แตย่ ังไม่ไพเราะ และใช้คำ

เหมาะสมกบั การวิเคราะห์ ไม่ค่อยเหมาะสมกบั การวิเคราะห์

๓. ลำดบั การเขียนไดถ้ ูกต้องไม่ สามารถลำดับการเขยี นได้ถูกตอ้ ง สามารถลำดบั การเขียนได้ถูกต้อง แต่

สบั สน ไมส่ บั สน วกไปวกมา อาจมคี วามสบั สน วกไปวกมาบ้าง

๔. วิเคราะหด์ ้วยความ สามารถวิเคราะห์คุณคา่ ได้ สามารถวเิ คราะหค์ ุณค่าได้

สมเหตสุ มผล สมเหตุสมผล ไมเ่ กินความเปน็ จริง สมเหตุสมผล แต่อาจเกินความเปน็

และสามารถให้เหตุและผลท่ี จริงไปบ้าง สามารถให้เหตแุ ละผลท่ี

นา่ เชอ่ื ถอื ได้ นา่ เช่อื ถือ

๕. ผลงานสะอาดเรยี บร้อย ผลงานมคี วามสะอาดเรียบรอ้ ย ไม่ ผลงานมีความสะอาดเรียบรอ้ ย มี

มรี อยเปื้อน รอยเปอ้ื นเล็กนอ้ ย


Click to View FlipBook Version