The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.3 ภาคเรียนที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ฤทธิเดช สกุลซ้ง, 2022-11-06 06:07:06

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.3 ภาคเรียนที่ 2

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.3 ภาคเรียนที่ 2

เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดบั คุณภาพ ผลการประเมนิ

๙ - ๑๐ คะแนน ดีมาก ผา่ น

๗ - ๘ คะแนน ดี ผา่ น

๕ - ๖ คะแนน ปานกลาง ผ่าน

๓ - ๔ คะแนน พอใช้ ไมผ่ ่าน

๐ - ๒ คะแนน ปรับปรงุ ไมผ่ า่ น

เกณฑ์การประเมินกิจกรรม “ทำนองเสนาะ ไพเราะจับใจ”

รายละเอยี ดการประเมิน ระดับคะแนน

๒๑

ความถกู ต้องของท่วงทำนอง สามารถอ่านบทร้อยกรองได้ถูกตอ้ ง สามารถอ่านบทรอ้ ยกรองได้ แตย่ งั ไม่

ตามท่วงทำนองในการอา่ น รจู้ กั ถูกต้องตามทว่ งทำนองในการอา่ น

การใช้นำ้ เสยี งสงู - ต่ำ เปน็ ทำนอง เท่าท่ีควร หรอื อา่ นบทร้อยกรองโดย

ไมใ่ ชน้ ้ำเสยี งโทนเดียวกันตลอดทงั้ ใชน้ ้ำเสยี งโทนเดียวกนั ตลอดทง้ั บท

บท

การแบ่งจงั หวะและวรรคคำ สามารถอ่านบทร้อยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง สามารถอ่านบทร้อยกรองได้ แต่ยงั ไม่

ตามท่วงทำนองในการอ่าน แบ่ง ถูกต้องตามทว่ งทำนองในการอ่า

วรรคในการอา่ นถูกตอ้ งตาม แบ่งวรรคในการอา่ นไม่ถูกตอ้ งตาม

หลักการ และลีลาในการอ่าน หลกั การ

ทำนองเสนาะ

ความถกู ต้องของอา่ นคำ สามารถอ่านออกเสยี งคำได้ถกู ตอ้ ง สามารถอ่านออกเสยี งคำไดถ้ กู ตอ้ ง

ออกเสยี งพยัญชนะ และคำควบ ออกเสียงพยัญชนะ และคำควบกล้ำ

กลำ้ ร/ล/ว ได้ถูกต้องตามอักขรวิธี ร/ล/ว ไดถ้ กู ต้องตามอักขรวิธี และ

และออกเสียงคำได้ตรงตามเสยี ง ออกเสียงคำไดต้ รงตามเสยี ง

วรรณยุกตไ์ ด้ถูกต้องครบทกุ คำ วรรณยุกตไ์ ด้ แตม่ ีอา่ นผิดบ้าง 1 - 3

คำขึน้ ไป

ความถูกต้องของ สามารถเอื้อนเสยี งในตำแหนง่ ท่ี สามารถเอือ้ นเสยี งในตำแหน่งท่คี วร

การเออื้ นเสยี ง การสื่ออารมณ์ ควรเอ้อื นได้ถูกต้อง และส่ืออารมณ์ เอื้อนได้ แต่ยังไม่มกี ารสอ่ื อารมณ์ให้

ของบทร้อยกรองใหผ้ ฟู้ งั ทราบถึง ผฟู้ งั ทราบถงึ อารมณข์ องบท

อารมณ์ของบทร้อยกรองได้ ร้อยกรอง

ความถูกตอ้ งของการอ่าน สามารถอ่านรวบคำในตำแหนง่ คำท่ี สามารถอา่ นรวบคำในตำแหนง่ คำท่ี
รวบคำและไมฉ่ ีกคำ ตอ้ งอา่ นรวบได้ และไม่อา่ นฉกี คำ ต้องอ่านรวบได้ และอาจมกี ารอา่ น

หรอื ฉีกความ สามารถอา่ นแล้วส่อื ฉีกคำหรือฉกี ความ หรอื อ่านแล้วไม่
ความหมายให้ผู้ฟังเขา้ ใจได้อย่าง สามารถสื่อความหมายใหผ้ ฟู้ ังเขา้ ใจ
ชัดเจน

ไดอ้ ยา่ งชัดเจน เนือ่ งจากฉีกคำหรอื
ฉกี ความทำใหค้ วามหมายใน
บทนน้ั ๆ เปลีย่ นไปจากเดมิ

แผนการจัดการเรียนรู้

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 เร่อื ง การอ่านโคลงสี่สุภาพ

รหัสวิชา ท ๒๓๑๐2 ช่ือรายวิชา ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย
ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓
ภาคเรียนที่ 2 เวลา 1 ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท 1.๑ กระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิด เพื่อนำไปใช้ตดั สนิ ใจแกไ้ ขปัญหาในการ

ดำเนนิ ชวี ิตและมนี ิสัยรกั การอา่ น

ตัวช้ีวัด

ท 1.๑ ม. ๓/1 อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถกู ต้อง และเหมาะสม
กับเรอ่ื งทอ่ี า่ น

สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การอา่ นโคลงส่สี ภุ าพ คอื การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทโคลง ซึง่ โคลงสสี่ ภุ าพ เป็นโคลง

ชนิดหนง่ึ ท่กี วนี ยิ มแตง่ มากทีส่ ุด ด้วยเสนห่ ข์ องการบังคับวรรณยุกตเ์ อกโทในบทประพนั ธ์
ทำใหเ้ มื่ออ่านออกเสยี งทำให้มีความไพเราะ มีเอกลักษณ์เฉพาะตวั การอ่านโคลงส่สี ภุ าพน้นั มกี ารอ่านอยู่ 2
ประเภท คือ ทำนองปกติและทำนองเสนาะ

สาระการเรียนร้/ู เน้ือหาย่อย

ความรู้(K)
นักเรยี นมีความรู้ ความเข้าใจในหลกั การอ่านโคลงสีส่ ภุ าพ

ทักษะ/กระบวนการ (P)

นักเรยี นสามารถอา่ นโคลงสส่ี ภุ าพได้ถกู ต้องตามหลกั การ
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)

นกั เรียนสามารถนำความรูจ้ ากการเรียน เรอ่ื ง การอา่ นโคลงสส่ี ภุ าพ ไปเปน็ แนวทาง
ในการเรยี นระดับตอ่ ไปได้

จดุ เน้นสู่การพัฒนาคุณภาพผูเ้ รยี น
ทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ( 3R8C )

Reading (อา่ นออก)

(W) Riting (เขียนได)้

(A) Rithemetics (คิดเลขเป็น)

ทกั ษะดา้ นการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณและทกั ษะในการแกไ้ ขปญั หา (Critical Thinking and
Problem Solving)

ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)

ทกั ษะดา้ นความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural
Understanding)

ทกั ษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork
and Leadership)

ทกั ษะด้านการสอื่ สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันสือ่ (Communications, Information, and
Media Literacy)

ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร (Computing and ICT

Literacy)

ทักษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)

ทกั ษะการเปลี่ยนแปลง (Change)

การประเมินผลรวบยอด
ช้ินงานหรอื ภาระงาน
กิจกรรม “ทำนองเสนาะ ไพเราะจบั ใจ”

กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขั้นนำ
ครูกล่าวทักทายนกั เรยี น แล้วใหน้ ักเรียนดวู ิดโี อ “การอา่ นทำนองเสนาะ

โคลงสี่สุภาพ” จากนนั้ ครูใชค้ ำถาม “นักเรยี นเคยได้ยนิ การอา่ นทำนองเสนาะเช่นน้ีหรอื ไม่”

และใหน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ โตต้ อบกบั ครู (K)
ขน้ั สอน

๑. ครูแจกใบความรู้และให้ความรกู้ ับนักเรยี น เรือ่ ง การอ่านโคลงส่สี ภุ าพ จากน้ันครอู ธบิ าย
ความหมายของการอา่ นบทรอ้ ยกรอง หลักการอา่ นโคลงส่ีสุภาพ และครูยกตวั อยา่ งการอ่าน
โคลงสส่ี ุภาพใหน้ กั เรียนฟงั และดู เพื่อให้นักเรียนเข้าใจในการอ่านโคลงส่สี ภุ าพมากข้ึน (K)

๒. ครูใหน้ กั เรยี นทำกิจกรรม “ทำนองเสนาะ ไพเราะจบั ใจ” โดยใหน้ ักเรียนฝกึ อา่ น
โคลงสสี่ ุภาพท้ังทำนองปกตแิ ละทำนองเสนาะให้ถูกตอ้ งตามหลักการอ่าน (K, P)

๓. ครูใหน้ ักเรียนออกมาอ่านโคลงสส่ี ภุ าพทำนองปกติและทำนองเสนาะทีละคน จากน้ันครูและ
นักเรยี นร่วมกนั เสนอแนะรายละเอียดเพม่ิ เตมิ (P, A)

ข้นั สรุป

ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปกจิ กรรม“ทำนองเสนาะ ไพเราะจบั ใจ” เปน็ กิจกรรมท่ใี หน้ กั เรียนฝกึ
อา่ นโคลงสส่ี ภุ าพทง้ั ทำนองปกติและทำนองเสนาะให้ถูกต้องตามหลักการอา่ น

จากการทำกจิ กรรมนักเรียนสามารถปฏิบัติได้อยา่ งถูกต้อง สะท้อนผลได้ว่านกั เรยี นมคี วามร้คู วามเข้าใจในหลกั การ
อา่ นโคลงสส่ี ุภาพ สามารถอ่านโคลงส่ีสภุ าพได้ถูกต้องตามหลักการ และสามารถนำความรู้
ท่ไี ดจ้ ากการเรยี นเรื่อง การอ่านโคลงส่สี ภุ าพ ไปเปน็ แนวทางในการเรยี นระดบั ตอ่ ไป (K, P, A)

การวดั ผลประเมนิ ผล

วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมิน
กจิ กรรม “ทำนองเสนาะ ไพเราะจับ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
ประเมินกิจกรรม “ทำนองเสนาะ ไพเราะจบั ใจ” ร้อยละ ๕๐
ใจ” ใชว้ ธิ ีวดั ผลจากการทำกิจกรรมของ
นักเรียนแต่ละคน โดยมีประเดน็ ในการวัดผล

ไดแ้ ก่ ความถูกตอ้ งของการทว่ งทำนอง
การแบ่งจังหวะและวรรคคำ ความถกู ตอ้ งของ
อ่านคำ ความถกู ตอ้ งของการเออ้ื นเสียง
การส่ืออารมณ์ และความถูกตอ้ งของการอา่ น
รวบคำและไมฉ่ กี คำ (ประเดน็ ของแตล่ ะคน)
จากน้ันนำผลการประเมนิ มาเปน็ ข้อมูลในการ
ปรับปรุงและพัฒนานกั เรยี น และการจัดการ
เรียนการสอนของครใู นคร้ังต่อ ๆ ไป

สื่อการเรยี นรู้
๑. ใบความรู้ เรื่อง การอ่านโคลงสสี่ ภุ าพ
๒. วดี ิโอ “การอา่ นทำนองเสนาะ โคลงส่สี ุภาพ”

ข้อเสนอแนะของหวั หน้าสถานศกึ ษาหรอื ผ้ทู ่ไี ดร้ บั มอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รับรอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................

ลงชอื่ ................................................................
(...............................................................)

วันท.่ี ........../...................../...........

บนั ทึกผลหลงั การจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจดั การเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
๒. ปัญหาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแก้ไขปญั หา
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. ข้อเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชือ่ .................................................
(นายฤทธิเดช สกุลซ้ง)
วันที่............../......................./...............

ใบความรู้
เรอื่ ง การอา่ นโคลงสส่ี ภุ าพ

รอ้ ยกรอง คอื คำประพันธ์ที่แต่งโดยมกี ารบังคบั จำนวนคำ สัมผัส ฉันทลักษณ์ ตามแบบแผนของร้อย
กรองแต่ละประเภท ไดแ้ ก่ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย เป็นตน้

การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง คอื การอ่านออกเสยี งงานเขียนรอ้ ยกรองประเภทตา่ ง ๆ เพ่ือสอื่ เน้ือหา
และอารมณค์ วามรู้สึกทปี่ รากฏในบท ไปสู่ผูร้ บั สารดว้ ยทำนองท่ีแตกต่างกนั ซึง่ การอา่ นนน้ั โดดยทั่วไปจะมกี าร
อา่ นอยู่ 2 ทำนอง ไดแ้ ก่ ทำนองปกติและทำนองเสนาะ

การอา่ นทำนองเสนาะ คือ การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรองประเภทตา่ ง ๆ ตามทำนอง ลีลาและจังหวะ
ของประพันธน์ น้ั เพ่อื ใหผ้ อู้ ่าน ผู้ฟังเข้าใจถึงความงดงามของภาษา การอ่านทำนองเสนาะบทรอ้ ยกรองจะมคี วาม
แตกตา่ งการไปตามทำนอง ลีลา การทอดเสยี งและความสามารถของผ้อู ่าน

การอา่ นโคลงส่ีสภุ าพ คอื การอา่ นออกเสียงบทร้อยกรองประเภทโคลง ซง่ึ โคลงสส่ี ภุ าพ เปน็ โคลงชนดิ
หนึ่งทก่ี วนี ยิ มแตง่ มากทสี่ ดุ ดว้ ยเสนห่ ข์ องการบงั คับวรรณยุกตเ์ อกโทในบทประพันธ์
ทำให้เมอื่ อ่านออกเสียงทำใหม้ ีความไพเราะ มเี อกลักษณ์เฉพาะตัว การอา่ นโคลงสีส่ ภุ าพนั้น มีการอา่ นอยู่ 2
ประเภท คอื ทำนองปกตแิ ละทำนองเสนาะ

หลักการอา่ นโคลงสสี่ ภุ าพ

1. จะต้องรู้จักฉันทลกั ษณ์ หรือลกั ษณะบงั คบั ของรอ้ ยกรองประเภทนนั้ ซง่ึ โคลงสสี่ ภุ าพ
มีฉันทลกั ษณ์ดังน้ี

1.๑ คณะ
โคลงสส่ี ภุ าพบทหนึ่งมี ๔ บาท
- บาทที่ ๑, ๒, ๓ มบี าทละ ๒ วรรค และมีจำนวนคำเท่ากัน คอื วรรคหนา้ มี ๕ คำ ส่วนวรรค

หลังมี ๒ คำ
- บาทท่ี ๔ มี ๒ วรรค เช่นกนั แต่เพ่มิ จำนวนคำในวรรคหลังอกี ๒ คำ ฉะนนั้ วรรคหน้าของโคลง

บาทท่ี ๔ จึงมี ๕ คำ ส่วนวรรคหลังมี ๔ คำ
1.2 พยางคแ์ ละคำสรอ้ ย
จำนวนพยางค์และคำในแต่ละบท รวมแล้วมี ๓๐ คำ
คำสรอ้ ย คือ คำที่แตง่ ท้ายบาทของโคลงตามขอ้ บังคบั เพือ่ ทำใหไ้ ด้ใจความครบถว้ น ถา้ โคลง

บาทใดได้ความครบถ้วนแล้ว ก็ไมต่ อ้ งเติมคำสรอ้ ย
- ตำแหนง่ ท่กี ำหนดใหเ้ ตมิ คำสรอ้ ย คอื ท้ายบาทที่ ๑ และทา้ ยบาทที่ ๓ คำสร้อยตอ้ งมแี ห่งละ

๒ คำเสมอ คำแรกเปน็ คำสุภาพทีต่ อ้ งการเสริมความใหส้ มบูรณ์ สว่ นคำหลงั มกั ลงท้าย
ด้วยคำต่อไปน้ี

1. พอ่ ใชข้ ยายความเฉพาะบุคคล

2. แม่ ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล หรอื เปน็ คำรอ้ งเรยี ก
3. พี่ ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล อาจใชเ้ ปน็ สรรพนามบรุ ษุ ท่ี 1 หรือบรุ ุษที่ 2 กไ็ ด้

4. เลย ใชใ้ นความหมายเชิงปฏิเสธ
5. เทอญ มคี วามหมายเชิงขอให้มี หรือ ขอใหเ้ ปน็

6. นา มคี วามหมายว่าดงั นนั้ เช่นนั้น
7. นอ มีความหมายเช่นเดยี วกับคำอุทานวา่ หนอ หรือ น่นั เอง
8. บารนี สร้อยคำนน้ี ยิ มใช้มากในลิลิตพระลอ มคี วามหมายว่า ดังนี้ เช่นน้ี

9. รา มคี วามหมายว่า เถอะ เถดิ
10. ฤๅ มีความหมายเชิงถาม เหมอื นกบั คำวา่ หรือ

11. เนอ มคี วามหมายว่า ดังน้ัน เช่นน้นั
12. ฮา มีความหมายเขน่ เดยี วกบั คำสรอ้ ย นา
13. แล มคี วามหมายว่า อย่างนัน้ เป็นเช่นนนั้

14. กด็ ี มีความหมายทำนองเดยี วกับ ฉนั ใดกฉ็ ันน้นั
15. แฮ มีความหมายวา่ เป็นอยา่ งนั้นนนั่ เอง ทำนองเดียวกับคำสรอ้ ยแล

16. อา ไม่มีความหมายแน่ชัด แต่จะวางไว้หลังคำร้องเรียกให้ครบพยางค์ เช่น พ่ออา แม่อา พอ่ี า
หรอื เปน็ คำออกเสยี งพูดในเชงิ รำพงึ ดว้ ยวิตกกงั วล

17. เอย ใช้เมือ่ อยูห่ ลังคำร้องเรยี กเหมอื นคำวา่ เอ๋ยในคำประพนั ธ์อน่ื หรือวางไวใ้ หค้ ำครบตาม

บงั คับ
18. เฮย ใชเ้ น้นความเห็นคล้อยตามขอ้ ความทก่ี ล่าวหน้าสรอ้ ยคำนนั้ เฮย มาจาก

คำเขมรว่า "เหย" แปลวา่ "แล้ว"
นอกจากนีม้ คี ำสร้อยที่เรยี กวา่ "สรอ้ ยเจตนัง" คอื สร้อยทม่ี ีความหมาย หรือใช้ตามใจตน ซึ่งไม่ควรใช้

ในงานกวีนพิ นธ์ท่เี ป็นพธิ ีการ เชน่ “หายเห็นประเหลนชุ นอนเงอ่ื ง งงง่วง” โคลงนริ าศตามเสด็จทพั ลำน้ำน้อย เป็น

ต้น
1.๓ สมั ผัส คำเอกคำโท คำเปน็ คำตาย

- สัมผสั
. บทหนงึ่ มี ๔ บรรทดั วรรคหน้าของทุกบรรทัด มี ๕ พยางค์ วรรคหลงั ของบรรทดั ที่

๑ - ๓ มี ๒ พยางค์ บรรทดั ที่ ๔ มี ๔ พยางค์ สามารถทอ่ งจำนวนพยางคไ์ ด้ดงั น้ี

1. หา้ - สอง (สร้อย ๒ พยางค์ มักลงท้ายดว้ ย นา แฮ เฮย เพ่อื รับคำ ตอ่ คำ เช่ือมคำ)
2. หา้ - สอง

3. หา้ - สอง (สรอ้ ย ๒ พยางค์ มกั ลงท้ายด้วย นา แฮ เฮย เพอ่ื รับคำ ต่อคำ เชอ่ื มคำ)
4. ห้า - ส่ี (หากจะใหเ้ กิดความไพเราะในการอา่ นนยิ มลงเสียงจัตวา)
- คำเอกคำโท

กำหนดในตำแหนง่ ที่พมิ พด์ ้วยเคร่ืองหมายเอก โท ในแผนผัง รวมมคี ำเอก ๗ แห่ง
และคำโท ๔ แห่ง นอกนน้ั เป็นคำสุภาพธรรมดา ไม่จำเปน็ ต้องเปน็ เอกโทจะเปน็ เสียงวรรณยกุ ต์อะไรกไ็ ด้

* ในการแต่งโคลงสส่ี ภุ าพ บางครัง้ เมือ่ ไม่สามารถหาคำท่ีมีรูปวรรณยุกตเ์ อก

หรอื รปู วรรณยกุ ต์โทมาใช้ในทบ่ี งั คับวรรณยุกตต์ ามแผนผังได้ ผู้แตง่ จำเปน็ ต้องใชค้ ำเอกโทษหรือคำโทโทษ คอื นำ
คำท่ีต้องการใช้ไปเปล่ยี นให้เปน็ รูปวรรณยกุ ต์เอกหรอื โท แต่ถ้าไมจ่ ำเป็นอย่างย่ิงแลว้ ก็ไมค่ วรใช้ เพราะทำให้รูปคำ
เสียและความหมายอาจเปลี่ยนไป เชน่ ใช้คำวา่ ข้า แทนคำว่า ฆา่ เปน็ ตน้ อีกกรณหี นงึ่ คอื คำเอก คำโท ท่อี ยู่
ตดิ กนั บางครั้งอาจสลับท่กี นั ได้

- คำเปน็ คำตาย
คำตายใชแ้ ทนวรรณยุกต์เอกได้ทุกแห่งทบ่ี ังคบั คำเอกไม่วา่ คำตายน้ัน ๆ จะมเี สยี งวรรณยุกตใ์ ด อาจ

เป็นคำตายเสียงเอก เชน่ บาด จติ คำตายเสียงโท เชน่ วาด ภาพ หรอื คำตายเสียงตรี เช่น พบ รัก เป็นต้น
- สมั ผสั ระหวา่ งบท
ถ้าเขียนโคลงส่ีสุภาพ ความยาวเกินกว่า ๑ บท จะต้องมสี ัมผสั บทโดยคำสุดทา้ ยของบาท

ที่ ๔ บทต้น สัมผสั กับคำที่ ๑ , ๒ หรอื ๓ ของบาทท่ี ๑ ในบทตอ่ ไป ซึ่งสมั ผัสระหว่างบทน้ี มีชือ่ เรียกอีกอยา่ งว่า
“ร้อยโคลง”

2. ตอ้ งรู้จักทำนอง จังหวะ ลลี า และการวรรคคำ การจะอา่ นให้ไพเราะได้นน้ั ผู้อา่ นจะต้องเข้าใจ

ทำนองของบทประพนั ธ์ทอ่ี ่าน ซ่งึ โคลงสี่สุภาพมกี ารอา่ น คือ อ่านทอดเสยี งใหต้ รงตามจังหวะของแตล่ ะวรรค วรรค

หนา้ แต่ละบาทมี 2 จงั หวะ จงั หวะละ 2 คำ และ 3 คำวรรคหลังบาทที่ 1 และบาทท่ี 3 มี 1 จังหวะ เปน็ จงั หวะ

ถา้ มคี ำสรอ้ ยก็เพ่มิ อีก 1 จงั หวะ เปน็ จังหวะ 2 คำ วรรคหลังบาทที่ 2 มี 1 จังหวะ เปน็ จงั หวะ 2 คำ วรรคหลัง

บาทที่ 4 มี 2 จังหวะ จังหวะละ 2 คำ

ตัวอยา่ ง

เสียงลอื /เสียงเล่าอา้ ง อันใด/ พเ่ี อย

เสียงยอ่ ม/ยอยศใคร ทวั่ หลา้

สองเขือ/พห่ี ลับใหล ลมื ต่นื / ฤๅพ่ี

สองพ่ี/คิดเองอ้า อย่าได้/ถามเผอื

3. ตอ้ งรจู้ กั การเอ้ือนเสียง การอ่านทำนองเสนาะใหไ้ พเราะนั้น ผู้อา่ นจะตอ้ งมีการเอือ้ นเสยี ง เพ่อื เปน็ การ

ทอดจังหวะใหผ้ ฟู้ ังเกิดความรสู้ กึ ซาบซงึ้ และเห็นถงึ ความงดงามของภาษา ซง่ึ การอ่าน

โคลงสีส่ ภุ าพ มหี ลกั ในการเออ้ื นเสยี งดงั น้ี

3.1 คำท้ายวรรคท่ใี ช้คำเสียงจตั วา ต้องเออื้ นเสียงให้สงู เป็นพิเศษ ตามปกติ

โคลงสีส่ ุภาพทีแ่ ตง่ ถกู ตอ้ งและไพเราะ ใช้คำเสยี งจัตวาตรงคำทา้ ยของบาทท่ี 1 หรอื คำทา้ ยบท

3.2 เออ้ื นวรรคหลังบาทที่ 2 ให้เสียงตำ่ กวา่ ปกติ

3.3 ในกรณีท่มี ีคำคำมากพยางคเ์ กนิ แผนบงั คับต้องรวบเสียงคำนนั้ ๆ ใหส้ น้ั เขา้

ตัวอย่าง

00 / 000 00 (00)

00 / 000 00

00 / 000 00 (00)

00 / 000 00 / 00

เสยี งลือ/เสียงเล่าอ้าง อนั ใด/ พ่ีเอย

เสียงย่อม/ยอยศใคร ทว่ั หล้า

สองเขอื /พี่หลบั ใหล ลืมต่นื / ฤๅพ่ี

สองพ่ี/คิดเองอา้ อยา่ ได้/ถามเผอื

4. ตอ้ งรจู้ กั การอา่ นรวบคำ หรือพยางค์ทีเ่ กินจากทก่ี ำหนดไว้ในฉันทลักษณ์ โดยใหอ้ ่านเร็วขึน้ และเสยี งให้

เบาลงกว่าปกติจนกว่าจะถงึ คำหรือพยางคท์ ่ตี ้องการจึงลงเสียงหนัก

5. ตอ้ งรจู้ ักการอ่านคำ การอา่ นบทรอ้ ยกรองนนั้ ผอู้ ่านจะต้องอา่ นออกเสยี งใหถ้ ูกต้องตามอักขรวิธี ไมผ่ ิด

สระ ผิดพยัญชนะ หรอื วรรณยุกต์ เช่น ไก่ เป็น กา่ ย , ครู เป็น คู, ขอ่ น เปน็ ค้อน เป็นตน้ นอกจากนี้ ควรอา่ น

พยัญชนะ จ/ฉ/ช/ถ/ท/ธ/ศ/ษ/ส ให้ชัดเจนถูกตอ้ งตามอักขรวิธใี นภาษาไทย

โดยไมอ่ า่ นเปน็ เสียงเสยี ดแทรกมากเกินไปตามภาษาองั กฤษ และจะตอ้ งอา่ นออกเสยี งพยญั ชนะ ร/ล/ว คำควบ

กล้ำ ร/ล/ว ให้ชัดเจน เพราะหากออกเสยี งไมช่ ัดอาจทำใหผ้ ้ฟู ังเขา้ ใจความหมายคลาดเคลื่อน

และไม่ไพเราะ

6. รูจ้ กั การใส่อารมณ์ การอ่านบทร้อยกรองใหไ้ พเราะ จะต้องรจู้ กั การอ่านใสอ่ ารมณค์ วามร้สู ึกลงในบทที่

อ่าน ซง่ึ ผูอ้ ่านจะตอ้ งเข้าใจความหมายทแี่ ท้จริงที่บทประพนั ธ์น้นั ต้องการจะส่อื ไปยังผูร้ ับสาร เชน่ บทโกรธ ผูอ้ า่ นก็

ตอ้ งทำนำ้ เสยี งดดุ นั แขง็ กรา้ ว บทโศกเศร้า จะเป็นนำเสยี งที่แฝงไปดว้ ย

ความเสียใจ คร่ำครวญ เปน็ ต้น

7. พยายามไม่อ่านฉีกคำ การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองท่ีดีน้นั ผู้อ่านจะต้องใส่ใจตำแหน่ง

ของสัมผัส ไมอ่ า่ นฉกี คำหรือฉกี ความ เพราะหากอา่ นฉีกคำหรือฉีกขอ้ ความอ่านทำให้เนอื้ ความเสียไปหรือผู้ฟัง

เขา้ ใจความหมายคลาดเคล่อื นได้

แบบฝึกอา่ นโคลงสีส่ ุภาพ

เสียงลอื /เสียงเล่าอา้ ง อนั ใด/ พ่ีเอย
เสยี งยอ่ ม/ยอยศใคร ทวั่ หล้า

สองเขอื /พหี่ ลับใหล ลืมตืน่ / ฤๅพ่ี
สองพี่/คิดเองอ้า อยา่ ได้/ถามเผอื

ใบกจิ กรรม
“ทำนองเสนาะ ไพเราะจับใจ”

คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นฝกึ อา่ นทำนองเสนาะกลอนบทละคร จากบทท่คี รกู ำหนดให้

ลลิ ิตตะเลงพา่ ย

เบอ้ื งน้ันนฤนาถผู้ สยามินทร์

เบยื่ งพระมาลาผิน ห่อนพอ้ ง

ศัตราวธุ อรินทร์ ฤๅถกู องค์เอย

เพราะพระหัตถห์ ากป้อง ปัดดว้ ยขอทรง

บดั มงคลพา่ หไ์ ท้ ทวารตั ิ

แวง้ เหวีย่ งเบีย่ งเศียรสะบัด ตกใต้

อุกคลกุ พลุกเงยงดั คอคช เศกิ แฮ

เบนบา่ ยหงายแหงนให้ ท่วงท้อทีถอย

พลอยพลำ้ เพลียกถ้าท่าน ในรณ

บัดราชฟาดแสงพล พ่ายฟ้อน

พระเดชพระแสดงดล เผดจ็ คู่ เขญ็ แฮ

ถนดั พระองั สาขอ้ น ขาดดา้ วโดยขวา

อรุ ารานรา้ วแยก ยลสยบ

เอนพระองค์ลงทบ ท่าวดน้ิ

เหนือคอคชซอนซบ สงั เวช

วายชวิ าตม์สดุ สิ้น สฟู้ า้ เสวยสวรรค์

(ลลิ ิตตะเลงพ่าย : สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชติ ชิโนรส)

แบบประเมนิ กจิ กรรม “ทำนองเสนาะ ไพเราะจับใจ”
นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3

รายการประเมนิ

รวม สรุปผล
ชอ่ื -สกลุ ความ ูถก ้ตองของท่วงทำนอง
การแบ่ง ัจงหวะและวรรคคำ
ความ ูถก ้ตองของอ่านคำ
ความ ูถก ้ตองของการเอื้อนเ ีสยง

การ ืส่ออารม ์ณ
ความ ูถก ้ตองของการอ่านรวบ

คำและไ ่ม ีฉกคำ

๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผา่ น ไมผ่ า่ น

หมายเหตุ : เกณฑ์การทำใบงาน ตอ้ งไดค้ ะแนนรอ้ ยละ ๕๐ คือ ๕ คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเต็ม ๑๐ จงึ จะถือว่า
ผ่านเกณฑ์

เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดบั คุณภาพ ผลการประเมนิ

๙ - ๑๐ คะแนน ดมี าก ผา่ น
๗ - ๘ คะแนน ดี ผ่าน
๕ - ๖ คะแนน ผา่ น
๓ - ๔ คะแนน ปานกลาง ไมผ่ า่ น
๐ - ๒ คะแนน พอใช้ ไม่ผ่าน
ปรับปรงุ

เกณฑ์การประเมินกจิ กรรม “ทำนองเสนาะ ไพเราะจับใจ”

รายละเอยี ดการประเมิน ระดับคะแนน
ความถูกต้องของท่วงทำนอง
๒๑
การแบ่งจังหวะและวรรคคำ
สามารถอ่านบทรอ้ ยกรองได้ถูกตอ้ งตาม สามารถอ่านบทร้อยกรองได้ แต่ยังไม่
ความถูกตอ้ งของอา่ นคำ
ทว่ งทำนองในการอา่ น รูจ้ กั การใช้นำ้ เสยี ง ถกู ตอ้ งตามท่วงทำนองในการอ่าน
ความถูกตอ้ งของ
การเออื้ นเสยี ง การสอื่ อารมณ์ สงู - ตำ่ เป็นทำนอง ไม่ใชน้ ้ำเสยี งโทน เทา่ ที่ควร หรอื อ่านบทรอ้ ยกรองโดย
ความถูกตอ้ งของการอ่าน
รวบคำและไมฉ่ ีกคำ เดียวกันตลอดทงั้ บท ใช้น้ำเสยี งโทนเดยี วกันตลอดทงั้ บท

สามารถอา่ นบทร้อยกรองได้ถูกต้องตาม สามารถอ่านบทร้อยกรองได้ แตย่ ังไม่

ท่วงทำนองในการอ่าน แบง่ วรรคในการอา่ น ถกู ต้องตามท่วงทำนองในการอ่า

ถูกต้องตามหลกั การ และลลี าในการอา่ น แบ่งวรรคในการอา่ นไม่ถกู ตอ้ งตาม

ทำนองเสนาะ หลักการ

สามารถอา่ นออกเสยี งคำไดถ้ ูกต้อง ออก สามารถอา่ นออกเสียงคำได้ถกู ต้อง

เสียงพยัญชนะ และคำควบกล้ำ ร/ล/ว ได้ ออกเสียงพยัญชนะ และคำควบกล้ำ

ถกู ตอ้ งตามอักขรวิธี และออกเสยี งคำได้ตรง ร/ล/ว ได้ถูกต้องตามอกั ขรวิธี และ

ตามเสยี งวรรณยกุ ต์ได้ถูกต้องครบทกุ คำ ออกเสียงคำไดต้ รงตามเสียง

วรรณยกุ ต์ได้ แตม่ ีอ่านผดิ บ้าง 1 - 3

คำข้ึนไป

สามารถเอื้อนเสียงในตำแหน่งที่ควรเอ้อื นได้ สามารถเอ้อื นเสียงในตำแหน่งทคี่ วร

ถูกตอ้ ง และสอ่ื อารมณ์ของบทร้อยกรองให้ เอื้อนได้ แต่ยงั ไมม่ ีการสอ่ื อารมณ์ให้

ผูฟ้ ังทราบถงึ อารมณข์ องบทร้อยกรองได้ ผฟู้ งั ทราบถึงอารมณ์ของบท

ร้อยกรอง

สามารถอา่ นรวบคำในตำแหนง่ คำท่ีต้องอ่าน สามารถอา่ นรวบคำในตำแหน่งคำท่ี

รวบได้ และไมอ่ ่านฉกี คำหรอื ฉกี ความ ต้องอ่านรวบได้ และอาจมกี ารอ่าน

สามารถอ่านแล้วสือ่ ความหมายให้ผฟู้ ัง ฉกี คำหรือฉีกความ หรืออา่ นแล้วไม่

เขา้ ใจได้อย่างชัดเจน สามารถสื่อความหมายให้ผู้ฟงั เข้าใจ

ไดอ้ ย่างชดั เจน เน่ืองจากฉีกคำหรือ

ฉีกความทำให้ความหมายใน

บทนั้น ๆ เปลี่ยนไปจากเดมิ

แผนการจัดการเรียนรู้

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 เร่อื ง การเขียนจดหมายกิจธุระ

รหสั วชิ า ท ๒๓๑๐2 ชื่อรายวชิ า ภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย

ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ภาคเรียนที่ 2 เวลา 4 ชั่วโมง

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท 2.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสอื่ สาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเรื่องราวใน

รปู แบบต่าง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้า

อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ

ตัวช้วี ัด
ท 2.๑ ม. ๓/5. เขียนจดหมายกจิ ธุระ

สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
ชัว่ โมงท่ี ๑

จดหมายกิจธุระ คอื จดหมายทเ่ี ขยี นติดตอ่ สือ่ สารกนั ระหวา่ งบุคคล หนว่ ยงาน หรือองค์กรต่าง ๆ
เพ่ือแจ้งเรือ่ งการงานหรือเรือ่ งสว่ นตัว โดยตอ้ งไมเ่ กยี่ วข้องกบั ธุรกจิ การคา้ เช่น จดหมายลาป่วย จดหมายลากิจ
จดหมายขอความรว่ มมอื หรือขอความชว่ ยเหลอื (การขอความอนเุ คราะห์)

จากองค์กรหรือหน่วยงานตา่ ง ๆ เป็นตน้
ชัว่ โมงที่ ๒

หลักการเขยี นจดหมายกจิ ธุระ คอื แนวทางการเขียนจดหมายกิจธรุ ะในถกู ตอ้ งตามรปู แบบของการ
เขียน ทจ่ี ะตอ้ งมีสว่ นประกอบในการเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะอย่างครบถ้วน และสามารถเลือกใช้ภาษาใหถ้ ูกต้อง
เหมาะสมกับสถานการณ์

ชั่วโมงท่ี 3
การเขียนจดหมายขอความอนุเคราะห์ คอื การเขียนจดหมายเพือ่ ขอความอนุเคราะห์จากหนว่ ยงาน

หรือองค์กรคตา่ ง ๆ เพื่อใหก้ ารงานทจ่ี ะกระทำสำเร็จลลุ ่วงไปดว้ ยดี ซึง่ การเขียนประเภทน้จี ะต้องใช้ภาษาทเ่ี ปน็
แบบแผน มขี ้อความที่สน้ั กระชบั ครอบคลุม ชัดเจน และสือ่ สารให้ผอู้ ่านเขา้ ใจงา่ ย ตรงไปตรงมา

ชวั่ โมงท่ี 4

การเขียนจดหมายขอขอบคุณ คือ การเขยี นจดหมายเพ่ือขอขอบคุณหน่วยงานหรอื องค์กรต่าง ๆ ท่ี
ให้ความอนุเคราะหจ์ นกระทัง่ การงานสำเรจ็ ลลุ ว่ งไปดว้ ยดี เป็นการแสดงใหเ้ ห็นถึงความซาบซ้ึงในน้ำใจทหี่ นว่ ยงาน

หรือองคก์ ารไดใ้ หค้ วามอนเุ คราะห์ ซงึ่ การเขยี นประเภทน้จี ะตอ้ งใชภ้ าษาท่เี ปน็
แบบแผน มขี อ้ ความท่ีสนั้ กระชับ ครอบคลุม ชัดเจน และส่อื สารใหผ้ ้อู ่านเขา้ ใจงา่ ย ตรงไปตรงมา

สาระการเรยี นร/ู้ เนือ้ หายอ่ ย
ชวั่ โมงที่ ๑
ความรู้ (K)
นกั เรยี นมคี วามรู้ ความเข้าใจในส่วนประกอบของจดหมายกิจธุระ
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถบอกส่วนประกอบของจดหมายกิจธรุ ะได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรยี นสามารถนำความรจู้ ากการเรยี นเรื่อง จดหมายกิจธรุ ะ ไปเป็นแนวทาง

ในการเขยี นจดหมายกิจธรุ ะในการเรียนระดับต่อไปได้
ชัว่ โมงท่ี ๒
ความรู้ (K)
นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจในหลกั การเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ
ทักษะ/กระบวนการ (P)
นกั เรียนสามารถเขียนจดหมายกิจธุระได้ถูกตอ้ งตามหลกั การ
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นกั เรียนสามารถนำความรูจ้ ากการเรียนเรอื่ ง หลกั การเขยี นจดหมายกิจธรุ ะ ไปเปน็ แนวทางใน

การเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะอ่ืน ๆ ในการเรียนระดับตอ่ ไปได้
ชั่วโมงท่ี 3
ความรู้ (K)
นกั เรยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจในการเขยี นจดหมายขอความอนุเคราะห์
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นักเรียนสามารถเขยี นจดหมายขอความอนเุ คราะหไ์ ดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การ
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นกั เรยี นสามารถนำความรู้จากการเรยี นเรอ่ื ง การเขยี นจดหมายขอความอนเุ คราะห์ ไปเป็น

แนวทางในการเขยี นจดหมายขอความอนเุ คราะหเ์ ร่อื งอื่น ๆ ในการเรียนระดบั ตอ่ ไป และนำไปใชใ้ นการเขยี นขอ
ความอนุเคราะหจ์ ากหนว่ ยงานหรือองค์กรตา่ ง ๆ ในอนาคตได้

ชั่วโมงท่ี 4
ความรู้ (K)
นกั เรยี นมีความรู้ ความเข้าใจในการเขียนจดหมายขอขอบคุณ
ทักษะ/กระบวนการ (P)
นกั เรยี นสามารถเขยี นจดหมายขอขอบคุณไดถ้ กู ต้องตามหลักการ

คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นกั เรียนสามารถนำความร้จู ากการเรยี นเรอ่ื ง การเขยี นจดหมายขอขอบคุณ ไปเป็นแนวทางใน

การเขียนจดหมายขอบคณุ ในการเรียนระดบั ต่อไป และนำไปใชใ้ นการเขียนขอขอบคุณหน่วยงานหรอื องค์กรตา่ ง ๆ
ท่ีใหค้ วามอนุเคราะหใ์ นอนาคตได้

จุดเนน้ สูก่ ารพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียน
ทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ( 3R8C )

Reading (อ่านออก)

(W) Riting (เขียนได้)

(A) Rithemetics (คิดเลขเป็น)

ทกั ษะด้านการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและทกั ษะในการแกไ้ ขปญั หา
(Critical Thinking and Problem Solving)

ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)

ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural
Understanding)

ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork
and Leadership)

ทกั ษะด้านการส่ือสาร สารสนเทศและรเู้ ท่าทนั สื่อ (Communications, Information, and
Media Literacy)

ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร (Computing and ICT

Literacy)

ทกั ษะอาชีพ และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)

ทกั ษะการเปลยี่ นแปลง (Change)

การประเมินผลรวบยอด
ช้ินงานหรอื ภาระงาน
ชั่วโมงท่ี ๑

ใบงาน เรอ่ื ง สว่ นประกอบของจดหมายกจิ ธรุ ะ
ชั่วโมงท่ี ๒

ใบงาน เรอ่ื ง หลกั การเขยี นจดหมายกจิ ธุระ
ชว่ั โมงที่ 3

ใบงาน เรือ่ ง การเขียนจดหมายขอความอนุเคราะห์

ชั่วโมงท่ี 4
ใบงาน เร่อื ง การเขียนจดหมายขอขอบคุณ

กจิ กรรมการเรยี นรู้
ชวั่ โมงท่ี ๑
ขนั้ นำ
ครกู ล่าวทกั ทายนกั เรยี น แล้วครใู ช้คำถาม “นกั เรียนเคยเขียนจดหมายหรอื ไม่” จากนั้นให้

นักเรยี นแสดงความคิดเหน็ โต้ตอบกับครู (K)
ขั้นสอน
๑. ครูแจกใบความรู้และให้ความร้กู บั นกั เรยี น เรอ่ื ง การเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ

จากนนั้ ครูอธบิ ายความหมายของการเขยี นจดหมายกิจธุระและส่วนประกอบของจดหมายกจิ ธรุ ะ จากนน้ั ครู
ยกตวั อย่างการเขียนจดหมายกจิ ธุระ เพอื่ ให้นักเรยี นเขา้ ใจถงึ ความหมายและสว่ นประกอบของจดหมายกิจธรุ ะ
มากยง่ิ ข้นึ (K)

๒. ครใู หน้ กั เรียนทำใบงาน เรอื่ ง ส่วนประกอบของจดหมายกจิ ธุระ โดยใหน้ กั เรียนเตมิ
สว่ นประกอบของจดหมายกิจธุระลงในใบงานท่ีครแู จกใหใ้ ห้ถกู ตอ้ ง (P, K)

๓. ครูใหน้ ักเรยี นออกมานำเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น โดยเลือกจากสัญลกั ษณ์ท่ีครทู ำไว้ดา้ นหลังใบงาน
จำนวน 1 คน จากนั้นครูและนักเรียนรว่ มกนั เสนอแนะรายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ (P, A)

ขัน้ สรปุ
ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปใบงาน “ส่วนประกอบของจดหมายกจิ ธรุ ะ” เป็นใบงานทใ่ี ห้นักเรยี น

เตมิ สว่ นประกอบของจดหมายกิจธรุ ะลงในใบงานทค่ี รแู จกให้ให้ถกู ต้อง จากการทำใบงานนกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิ
ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง สะทอ้ นผลได้วา่ นกั เรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจในความหมาย
และสามารถเติมส่วนประกอบของจดหมายกิจธุระได้ และสามารถนำความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากการเรยี น
เร่อื ง การเขียนจดหมายกจิ ธุระ ไปเปน็ แนวทางในการเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะในการเรยี นระดับตอ่ ไปได้
(K, P, A)

ช่วั โมงท่ี ๒
ขั้นนำ
ครูกลา่ วทกั ทายนักเรยี น แลว้ ครูใช้คำถาม “นกั เรียนคดิ ว่าการเขยี นจดหมายกิจธรุ ะ ใช้ภาษา

เหมอื นท่ีนักเรยี นสนทนากบั เพือ่ นรว่ มช้นั หรือสนทนากบั ครหู รือไม่” จากนั้นให้นกั เรยี นแสดงความคิดเห็นโต้ตอบ
กับครู (K)

ขนั้ สอน
๑. ครแู จกใบความรู้และให้ความรกู้ ับนกั เรียน เรอื่ ง หลักการเขียนจดหมายกิจธรุ ะ จากนั้นครู

อธบิ ายความหมายของหลักการเขียนจดหมายกิจธรุ ะ หลกั การในการเขียนจดหมายกิจธุระ และครูยกตวั อย่างการ
เขยี นจดหมายกจิ ธุระตามหลกั การ เพ่อื ใหน้ ักเรยี นเข้าใจการเขยี นจดหมายกิจธุระ ท่ถี ูกตอ้ งตามหลักการมากย่งิ ขึ้น
(K)

๒. ครูให้นกั เรียนทำใบงาน เรอื่ ง หลกั การเขียนจดหมายกิจธุระ โดยใหน้ ักเรยี นเติมข้อความทขี่ าด
หายไปในใบงานที่ครูแจกใหใ้ ห้สมบรู ณแ์ ละถูกตอ้ งตามหลกั การ (P, K)

๓. ครูให้นักเรียนออกมานำเสนอหน้าช้ันเรยี น โดยเลือกจากการส่มุ รายช่ือ
จำนวน 1 คน จากนน้ั ครูและนักเรียนร่วมกนั เสนอแนะรายละเอียดเพิ่มเตมิ (P, A)

ขน้ั สรุป
ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ใบงาน “หลักการเขยี นจดหมายกจิ ธุระ” เป็นใบงานท่ีให้นักเรียนเตมิ

ข้อความท่ขี าดหายไปในใบงานที่ครูแจกให้ให้สมบูรณแ์ ละถกู ต้องตามหลกั การ จากการทำกจิ กรรมนกั เรยี น
สามารถปฏิบตั ิได้อยา่ งถูกตอ้ ง สะทอ้ นผลไดว้ ่านกั เรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจในหลกั การเขียนจดหมายกิจธุระ
สามารถเขยี นจดหมายกจิ ธุระได้ถูกต้องตามหลักการ และสามารถนำความรู้
จากการเรียน เรอื่ ง หลกั การเขยี นจดหมายกิจธุระ ไปเปน็ แนวทางในการเขยี นจดหมายกจิ ธุระอื่น ๆ
ในการเรียนระดบั ต่อไปได้ (K, P, A)

ชวั่ โมงที่ 3
ข้ันนำ
๑. ครูกลา่ วทักทายนกั เรียน แลว้ ครูใช้คำถาม “นักเรยี นร้จู ักหรอื เคยเห็นหนงั สอื

ขอความอนเุ คราะห์หรือไม่” จากน้ันใหน้ กั เรยี นแสดงความคิดเห็นโตต้ อบกับครู (K)
ขนั้ สอน
๑. ครูแจกใบความรู้และให้ความรกู้ บั นกั เรยี น เร่ือง การเขยี นจดหมายขอความอนเุ คราะห์

จากนั้นครอู ธบิ ายความหมายของการเขยี นจดหมายขอความอนเุ คราะห์ หลกั การการเขียนจดหมายขอความ
อนุเคราะห์ และครยู กตัวอย่างการเขยี นจดหมายขอความอนเุ คราะห์ เพื่อใหน้ ักเรียนเข้าใจการเขยี นจดหมายขอ
ความอนุเคราะหท์ ถ่ี กู ตอ้ งตามหลักการมากยง่ิ ข้ึน (K)

๒. ครใู หน้ กั เรียนทำใบงาน เรอ่ื ง การเขียนจดหมายขอความอนเุ คราะห์ โดยให้นักเรยี นเขียน
จดหมายขอความอนุเคราะหใ์ ช้สถานท่ีให้ถกู ต้องตามหลักการ (P, K)

๓. ครูให้นกั เรียนออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น โดยเลือกจากการสมุ่ สัญลักษณ์ดา้ นหลังใบงาน
จำนวน 1 คน จากน้ันครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั เสนอแนะรายละเอยี ดเพิ่มเติม (P, A)

ขัน้ สรปุ
ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปใบงาน “การเขียนจดหมายขอความอนุเคราะห์” เปน็ ใบงานที่ให้

นักเรยี นเขยี นจดหมายขอความอนุเคราะห์ใช้สถานท่ีใหถ้ กู ต้องตามหลักการ จากการทำกจิ กรรมนกั เรียนสามารถ
ปฏบิ ัตไิ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง สะท้อนผลได้ว่านักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจในหลกั การเขยี นจดหมายขอความอนุเคราะห์
สามารถเขยี นจดหมายขอความอนเุ คราะห์ได้ถกู ต้องตามหลกั การ
และสามารถนำความรู้จากการเรยี น เรื่อง การเขยี นจดหมายขอความอนเุ คราะห์ ไปเป็นแนวทาง
ในการเขยี นจดหมายขอความอนุเคราะหเ์ ร่อื งอ่ืน ๆ ในการเรียนระดับต่อไป และนำไปใช้ในการเขยี น
ขอความอนุเคราะหจ์ ากหน่วยงานหรอื องค์กรต่าง ๆ ในอนาคตได้ (K, P, A)

ช่ัวโมงท่ี 4
ขน้ั นำ
ครูกล่าวทักทายนักเรยี น แลว้ ครใู ช้คำถาม “หลังจากทนี่ ักเรยี นได้เขยี นจดหมายไปขอความ

อนเุ คราะหใ์ ชส้ ถานท่จี ากหนว่ ยงานตา่ ง ๆ แลว้ นักเรยี นคดิ วา่ จะตอ้ งเขยี นจดหมายขอบคุณหน่วยงานหรอื ไม่

อย่างไร” จากน้ันใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเห็นโต้ตอบกับครู (K)

ขั้นสอน

๑. ครแู จกใบความรู้และให้ความรกู้ ับนักเรยี น เรอ่ื ง การเขียนจดหมายขอขอบคุณจากนน้ั ครู
อธิบายความหมายของการเขยี นจดหมายขอขอบคุณ หลักการในการเขียน และครูยกตวั อยา่ งการเขยี นจดหมาย

ขอขอบคุณ เพ่ือให้นักเรยี นเข้าใจการเขยี นจดหมายขอขอบคุณที่ถูกตอ้ งตามหลักการมากยิง่ ขึ้น (K)
๒. ครใู หน้ ักเรยี นทำใบงาน เรือ่ ง การเขยี นจดหมายขอขอบคุณ โดยใหน้ กั เรยี นเขยี นจดหมาย

ขอขอบคุณหนว่ ยงานทใ่ี หค้ วามอนเุ คราะห์สถานท่ีทนี่ กั เรียนเขียนขอความอนุเคราะห์ไปในฉบับทีแ่ ล้วให้ถูกต้อง

ตามหลักการ (P, K)
๓. ครูใหน้ กั เรยี นออกมานำเสนอหน้าชนั้ เรยี น โดยเลอื กจากการสุม่ สญั ลกั ษณ์ด้านหลังใบงาน

จำนวน 1 คน จากน้นั ครูและนกั เรยี นร่วมกนั เสนอแนะรายละเอยี ดเพิม่ เติม (P, A)
ข้ันสรปุ
ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปใบงาน “การเขยี นจดหมายขอขอบคณุ ” เปน็ ใบงานที่ให้นกั เรียนเขยี น

จดหมายขอขอบคุณหน่วยงานทใ่ี ห้ความอนุเคราะหส์ ถานท่ีทีน่ ักเรยี นเขียนขอความอนุเคราะหไ์ ปในฉบบั ที่แล้วให้
ถกู ต้องตามหลกั การ จากการทำกิจกรรมนักเรียนสามารถปฏิบตั ิ

ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง สะทอ้ นผลได้ว่านกั เรียนมีความร้คู วามเขา้ ใจในหลกั การเขยี นจดหมายขอขอบคุณสามารถเขยี น
จดหมายขอขอบคุณไดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การ และสามารถนำความรู้จากการเรียน
เร่ือง การเขยี นจดหมายขอขอบคณุ ไปเปน็ แนวทางในการเขียนจดหมายขอบคณุ ในการเรยี นระดบั ตอ่ ไป และ

นำไปใชใ้ นการเขียนขอขอบคุณหน่วยงานหรอื องคก์ รต่าง ๆ ทีใ่ หว้ วามอนุเคราะห์ในอนาคตได้
(K, P, A)

การวดั ผลประเมินผล เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน
ชัว่ โมงท่ี 1
ใบงาน เรอ่ื ง ส่วนประกอบ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
วธิ ีการ ของจดหมาย รอ้ ยละ ๕๐

ตรวจใบงาน เรอื่ ง สว่ นประกอบของจดหมาย
กิจธรุ ะ ใช้วิธวี ดั ผลจากการทำใบงานของ
นักเรียนแตล่ ะคน โดยมีประเด็นในการวัดผล
คือ ความถกู ต้องของส่วนประกอบจดหมาย
กจิ ธรุ ะ (ประเด็นของแตล่ ะคน) จากน้ันนำผล
การประเมินมาเป็นขอ้ มลู ในการปรบั ปรุงและ

พฒั นานักเรยี น และการจดั การเรียนการสอน
ของครูในคร้งั ตอ่ ๆ ไป

ช่วั โมงท่ี ๒ เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมนิ

วิธีการ ใบงาน เรอื่ ง หลกั การเขียนจดหมาย ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ
กจิ ธรุ ะ ร้อยละ ๕๐
ตรวจใบงาน เรอ่ื ง หลกั การเขยี นจดหมาย
กจิ ธุระ ใช้วิธีวดั ผลจากการทำใบงานของ
นกั เรียนแตล่ ะคน โดยมปี ระเด็นในการวัดผล
ได้แก่ ความถูกต้องของสว่ นประกอบจดหมาย
กจิ ธุระ ความถกู ตอ้ งของภาษาทเ่ี ลอื กใช้
ความถกู ตอ้ งของการใชถ้ ้อยคำ ความถกู ต้อง
ของคำขน้ึ ต้น คำลงท้ายและเนอื้ ความที่มี
ความสอดคลอ้ งสมั พนั ธก์ นั และความสะอาด
เรียบรอ้ ยของจดหมาย (ประเดน็ ของแต่ละ
คน) จากนน้ั นำผลการประเมนิ มาเป็นขอ้ มลู
ในการปรบั ปรงุ และพัฒนานกั เรียน
และการจัดการเรยี นการสอนของครใู นคร้ัง
ต่อ ๆ ไป

ชวั่ โมงที่ 3 เกณฑ์การประเมิน

วิธีการ เคร่อื งมอื ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ
ร้อยละ ๕๐
ตรวจใบงาน เรอ่ื ง การเขยี นจดหมายขอความ ใบงาน เรือ่ ง การเขียนจดหมาย
อนุเคราะห์ ใช้วธิ วี ดั ผลจากการทำใบงานของ ขอความอนเุ คราะห์
นักเรยี นแตล่ ะคน โดยมีประเด็นในการวัดผล
ไดแ้ ก่ ความถูกต้องของสว่ นประกอบจดหมาย
กิจธุระ ความถกู ต้องของภาษาทเี่ ลอื กใช้
ความถูกต้องของการใช้ถอ้ ยคำ ความถกู ตอ้ ง
ของคำขึ้นต้น คำลงท้ายและเนื้อความทมี่ ี
ความสอดคล้องสัมพันธ์กัน และความสะอาด
เรยี บรอ้ ยของจดหมาย (ประเด็นของแต่ละ
คน) จากน้นั นำผลการประเมินมาเป็นข้อมูล

ในการปรบั ปรุงและพฒั นานักเรยี น และการ
จัดการเรียนการสอนของครูในครัง้ ต่อ ๆ ไป

ช่วั โมงที่ 4 เครือ่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
ใบงาน เรอ่ื ง การเขยี นจดหมาย ผา่ นเกณฑ์การประเมิน
วิธีการ ขอขอบคุณ ร้อยละ ๕๐

ตรวจใบงาน เร่อื ง การเขยี นจดหมาย
ขอขอบคุณ ใชว้ ิธวี ัดผลจากการทำใบงาน
ของนกั เรียนแตล่ ะคน โดยมีประเดน็ ในการ
วัดผล ไดแ้ ก่ ความถกู ต้องของสว่ นประกอบ
จดหมายกจิ ธรุ ะ ความถูกต้องของภาษา
ที่เลือกใช้ ความถกู ตอ้ งของการใช้ถ้อยคำ
ความถูกตอ้ งของคำขึ้นตน้ คำลงท้ายและ
เนอื้ ความทีม่ คี วามสอดคล้องสัมพนั ธก์ ัน
และความสะอาดเรียบรอ้ ยของจดหมาย
(ประเด็นของแต่ละคน) จากนน้ั นำผลการ
ประเมนิ มาเป็นขอ้ มลู ในการปรับปรุงและ
พัฒนานักเรยี น และการจดั การเรยี นการสอน
ของครูในครง้ั ตอ่ ๆ ไป

สือ่ การเรียนรู้
ชวั่ โมงที่ ๑

๑. ใบความรู้ เร่ือง การเขยี นจดหมายกิจธรุ ะ
๒. ใบงาน เรอ่ื ง ส่วนประกอบของจดหมายกิจธุระ

ช่ัวโมงท่ี 2
1.ใบความรู้ เรอื่ ง หลกั การเขียนจดหมายกิจธรุ ะ
2.ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง หลักการเขยี นจดหมายกิจธรุ ะ

ช่วั โมงท่ี 3
๑. ใบความรู้ เร่ือง การเขียนจดหมายขอความอนุเคราะห์

๒. ใบงาน เร่ือง การเขียนจดหมายขอความอนุเคราะห์
ชว่ั โมงที่ 4

๑. ใบความรู้ เรือ่ ง การเขยี นจดหมายขอขอบคุณ

๒. ใบงาน เรื่อง การเขียนจดหมายขอขอบคุณ

ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผูท้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รับรอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................

ลงชื่อ................................................................
(...............................................................)
วนั ที.่ ........../...................../...........

บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรียนรู้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
๒. ปัญหาและอุปสรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแก้ไขปญั หา
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
๔. ข้อเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
..

ลงช่ือ.................................................
(นายฤทธเิ ดช สกลุ ซ้ง)
วนั ท.่ี ............./......................./...............

ใบความรู้
เรือ่ ง การเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ

จดหมายกิจธุระ คอื จดหมายทีเ่ ขียนติดตอ่ สอื่ สารกนั ระหวา่ งบคุ คล หน่วยงาน หรอื องคก์ รต่าง ๆ เพือ่
แจ้งเรือ่ งการงานหรือเรอ่ื งสว่ นตัว โดยตอ้ งไมเ่ กี่ยวข้องกับธรุ กิจการคา้ เช่น จดหมายลาป่วย จดหมายลากจิ
จดหมายขอความรว่ มมอื หรอื ขอความช่วยเหลอื (การขอความอนุเคราะห)์
จากองคก์ รหรอื หนว่ ยงานตา่ ง ๆ เปน็ ต้น จดหมายกจิ ธุระแบง่ ตามลักษณะของการเขียนเปน็ ๒ ประเภทใหญ่ คือ
การเขยี นแบบเป็นทางการและการเขียนแบบไมเ่ ป็นทางการ

ส่วนประกอบของจดหมายกิจธุระ

ตวั อย่างจดหมายกิจธุระ (แบบทางการ)

.............( 2 ).............. .....................( 1 )...................
.............................................

…………..( 3 )....................

...( 4 )... ..................................................................

..( 5 ).... ...................................................................

…( 6 ) .............. ...........................................................

.......( 7 )..........................................................................................................
...............................................................................................................................................

........................................................................................................................................
.............( 8 )...........................................................................................

...............................................................................................................................................

…………….( 9 )............................

(....................... ( 10 ).............................)
.......................( 11 )........................

......................( 12 )..............................................
...........................................................................

๑) ส่วนประกอบตอนตน้ ได้แก่
• ท่อี ยขู่ องผเู้ ขียน หรอื หนว่ ยงานท่ีสงั กดั จะเขยี นดา้ นมมุ บนกระดาษทางขวา แสดงให้ผ้อู ่านเห็นท่ีอยู่

หรอื หน่วยงานของผู้เขยี น ( 1 )
• วนั เดือน ปที เ่ี ขียน เป็นการแสดงใหเ้ หน็ ถงึ วันท่ีเขยี นจดหมาย ( 3 )
• เลขท่ีหนังสอื (จะมีเฉพาะจดหมายแบบทางการ) จะอยมู่ มุ ดา้ นซา้ ย เอาไว่ใสเ่ ลขทห่ี นงั สอื ทอี่ อก

จากหน่วยราชการ ด้านหน้า / จะใสเ่ ลขฉบบั วา่ เปน็ ฉบบั ทเี่ ท่าไร ส่วนหลงั / จะใส่ปี พ.ศ ( 2 )
• เรื่อง คือ เรอื่ งท่จี ะเขยี น เพอื่ ให้ผูอ้ า่ นทราบว่าผู้เขยี นต้องการสอื่ สารเรื่องอะไร เชน่

ขอความอนเุ คราะหเ์ ชิญวิทยากร ขอขอบคุณ เป็นต้น ( 4 )
• คำขึ้นต้น เชน่ เรยี น…. ( 5 )
• สิ่งท่สี ง่ มาด้วย (ถา้ มี) คอื เอกสารที่แนบมาพรอ้ มจดหมาย เชน่ กำหนดการ ตารางงาน เป็นต้น ( 6

)

๒) สว่ นเนื้อความ ไดแ้ ก่
• ย่อหน้าเน้ือความ มักบอกสาเหตุของการเขียนจดหมาย ( 7 )
• ยอ่ หน้าคำจบเน้ือความ เป็นการเขียนเพอ่ื บอกหรอื วตั ถุประสงค์ของจดหมายอยา่ งชัดเจน ( 8 )

๓) ส่วนประกอบตอนท้าย ไดแ้ ก่
• คำลงท้าย เชน่ ขอแสดงความนับถือ ดว้ ยความเคารพอยา่ งสูง เป็นต้น ( 9 )
• ลายมอื ชือ่ ของผู้เขียนจดหมาย หรือผทู้ มี่ ีตำแหน่งสงู สดุ ในองค์กร ( 10 )
• ตำแหนง่ ของผเู้ ขยี นจดหมาย ( 11 )
• ข้อมลู เพมิ่ เตมิ /ขอ้ มูลการติดต่อ (ถ้ามี) ขอ้ มูลเพื่อให้ผูอ้ า่ นจดหมายสามารถตดิ ตอ่ ประสานงาน หรือ

ติดต่อกลบั ได้ ( 12 )

ใบความรู้
เรอ่ื ง หลักการเขยี นจดหมายกิจธรุ ะ

หลักการเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ คอื แนวทางการเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะในถูกตอ้ งตามรปู แบบของการเขยี น ที่

จะตอ้ งมสี ่วนประกอบในการเขยี นจดหมายกิจธุระอย่างครบถ้วน และสามารถเลือกใชภ้ าษาใหถ้ ูกต้อง เหมาะสม

กับสถานการณ์
หลกั การเขยี นจดหมายกจิ ธุระ มีดังนี้
1. เขียนให้ครบตามสว่ นประกอบของจดหมายกิจธุระ (เว้นแตส่ ิง่ ทแ่ี นบมาด้วยหรอื ขอ้ มูลการตดิ ต่อท่ี

มีหรอื ไม่ก็ได้)
2. ใช้ภาษาแบบแผน (ภาษาระดบั ทางการ) ในการเขียนจดหมาย ใช้ข้อความกะทัดรดั ครอบคลมุ

ชดั เจน และตรงไปตรงมา
3. ใช้ถอ้ ยคำหรอื เลอื กสรรคำมาใช้ไดอ้ ย่างเหมาะสมกับโอกาส สถานการณ์ และ

ความสัมพันธร์ ะหว่างบุคคล

4. คำข้นึ ตน้ คำลงท้าย และเนือ้ ความจะตอ้ งสอดคลอ้ งสมั พนั ธ์กนั เพ่ือใหผ้ ู้อ่านเข้าใจ
วัตถุประสงค์ท่เี ขยี น

5. จดหมายจะต้องสะอาด เรียบรอ้ ย ไม่มีคำที่เขยี นผดิ ไมม่ รี อยลบ

ข้อควรระวัง ไมค่ วรใชอ้ ักษรย่อในการเขียนจดหมายกิจธุระ

การใช้ถอ้ ยคำ
จดหมายท่ีตอ้ งใชถ้ อ้ ยคำในการเขยี นให้ถกู ต้องเหมาะสม กบั ประเภทของจดหมายและผูร้ บั จดหมายดว้ ย

หลกั การใช้ถ้อยคำสำหรบั การเขียนจดหมาย ซง่ึ การใชค้ ำขึ้นต้นและคำลงท้ายจดหมายส่วนตวั ให้เหมาะสมและ
ถูกต้องตามแบบแผน มีดงั นี้

1. การใช้คำขึ้นตน้ และคำลงท้ายจดหมายส่วนตวั การเขียนจดหมาย ส่วนตวั ไมม่ ขี ้อกำหนดเกีย่ วกบั
การใชค้ ำขึ้นต้นและคำลงทา้ ยที่ตายตวั เพียงแต่เลือกใชใ้ ห้เหมาะสมเท่านนั้ คำข้ึนตน้ และ
ลงทา้ ยสำหรับบคุ คลทวั่ ไป มีแนวทางสำหรบั เปน็ ตวั อย่างใหเ้ ลือกใชด้ ังน้ี

บคุ คลทต่ี ดิ ตอ่ คำขน้ึ ตน้ คำลงทา้ ย
กราบเทา้ …ที่เคารพอยา่ งสูง
ญาตผิ ูใ้ หญ่ เช่น พอ่ แม่ ปู่ ย่า ตา กราบเทา้ ด้วยความเคารพ
ยาย อย่างสงู หรือกราบมาด้วย
ความเคารพรกั อย่างย่ิง

ญาติลำดับรองลงมา เชน่ ลุง ป้า กราบ......ทีเ่ คารพ กราบมาด้วยความเคารพ
น้า อา กราบ.......ทีเ่ คารพอยา่ งสงู ดว้ ยความเคารพ
ดว้ ยความเคารพอยา่ งสูง
พีห่ รอื ญาติช้ันพี่ พ่.ี .....ที่รกั
ดว้ ยความรัก

ครู อาจารยห์ รือผู้บงั คบั บัญชา ถึง......ทร่ี กั หรือ รกั หรอื คิดถงึ
.......เพื่อนรัก หรือ หรือรักและคดิ ถงึ
..........น้องรัก
ดว้ ยความเคารพอย่างสงู
กราบเรียน…ทีเ่ คารพอย่าง
สูง ดว้ ยความเคารพ

ผูบ้ งั คบั บัญชาระดบั ใกล้ตัวผู้เขียน เรียน……..ทีเ่ คารพ

๒. คำขึ้นตน้ และคำลงทา้ ยหนังสอื ราชการ การใช้คำขึน้ ต้นและคำลงท้าย หนงั สอื ราชการ ต้องเปน็ ไป
ตามระเบยี บงานสารบรรณของทางราชการ

ผรู้ ับหนงั สือ คำข้นึ ต้น คำลงท้าย
ประธานองคมนตรี
นายกรฐั มนตรี กราบเรยี น ขอแสดงความนับถืออยา่ งยิ่ง
ประธานรฐั สภา
ประธานสภาผูแ้ ทนราษฎร เรียน ขอแสดงความนบั ถอื
ประธานวฒุ ิสภา นมสั การ ขอนมัสการดว้ ยความเคารพ
ประธานศาลฎีกา อย่างสงู
ศาลรฐั ธรรมนญู ขอนมสั การด้วยความเคารพ
ประธานศาลปกครองสงู สุด
ประธานกรรมการเลอื กต้ัง
ประธานกรรมการสทิ ธมิ นุษยชนแห่งชาติ
ประธานกรรมการปอ้ งกนั และปราบปราม
การทจุ ริตแหง่ ชาติ
ประธานกรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ
ผตู้ รวจการแผ่นดินของรัฐสภา
รฐั บรุ ษุ

ขา้ ราชการตำแหนง่ อื่นทุกตำแหน่งและ
บุคคลท่ัวไป

พระภิกษุสงฆช์ นั้ พระราชาคณะ
พระภกิ ษุสงฆ์ท่มี ิใช่พระราชาคณะ

❖ ตวั อย่างจดหมายกิจธรุ ะ

1. แบบไมเ่ ปน็ ทางการ



2. แบบทางการ

ใบความรู้
เรือ่ ง การเขียนจดหมายขอความอนเุ คราะห์

การเขยี นจดหมายขอความอนุเคราะห์ คือ การเขียนจดหมายเพื่อขอความอนุเคราะห์
จากหนว่ ยงานหรือองค์กรคตา่ ง ๆ เพ่อื ให้การงานทีจ่ ะกระทำสำเร็จลลุ ว่ งไปด้วยดี ซึ่งการเขียนประเภทนจี้ ะต้องใช้
ภาษาทเ่ี ป็นแบบแผน มีขอ้ ความท่ีสั้นกระชับ ครอบคลมุ ชดั เจน และสอื่ สารให้ผอู้ า่ นเขา้ ใจงา่ ย ตรงไปตรงมา

หลักการเขยี นจดหมายกจิ ธุระ มีดงั น้ี
1. เขียนให้ครบตามสว่ นประกอบของจดหมายกิจธุระ (เวน้ แต่สิ่งที่แนบมาด้วยหรือขอ้ มลู การติดต่อที่

มหี รือไม่กไ็ ด้)
2. ใชภ้ าษาแบบแผน (ภาษาระดับทางการ) ในการเขยี นจดหมาย ใช้ขอ้ ความกะทัดรัด ครอบคลุม

ชดั เจน และตรงไปตรงมา
3. ใช้ถ้อยคำหรอื เลือกสรรคำมาใช้ได้อย่างเหมาะสมกับโอกาส สถานการณ์ และ

ความสมั พนั ธร์ ะหว่างบุคคล
4. คำขนึ้ ต้น คำลงทา้ ย และเน้ือความจะตอ้ งสอดคล้องสมั พันธ์กนั เพือ่ ใหผ้ ู้อ่านเข้าใจ

วัตถปุ ระสงคท์ ่เี ขยี น
5. จดหมายจะตอ้ งสะอาด เรียบร้อย ไมม่ ีคำท่ีเขียนผดิ ไมม่ รี อยลบ

ขอ้ ควรระวัง ไมค่ วรใชอ้ ักษรย่อในการเขียนจดหมาย

ขั้นตอนการเขยี นจดหมายขอความอนุเคราะห์
๑. หัวจดหมาย เป็นสว่ นของช่อื องค์กรหรอื หน่วยงานทีเ่ ปน็ ต้นสงั กัดของผอู้ อกจดหมาย

จะบอกรายละเอยี ดถึงหนว่ ยงานที่รับผิดชอบและท่อี ยูห่ นว่ ยงาน ซง่ึ จะมีตราองคก์ รหรือตราหนว่ ยงานอยกู่ ลาง
หน้ากระดาษ ที่อย่จู ะอยทู่ างขวามือของกระดาษ

๒. ลำดับท่ขี องจดหมาย จะใช้คำว่า “ที่” ตามดว้ ย “เลขบอกลำดับทข่ี องจดหมาย” ตามด้วย ปี พ.ศ.
โดยจะมเี ครื่องหมาย “/” ทับคั่น เชน่ ท่ี ๕ / ๒๕๕๖ ลำดบั อยู่ทางด้านซา้ ยของจดหมาย ซึ่งตรงกบั ทอ่ี ย่ขู องผูอ้ อก
จดหมาย ในสว่ นลำดับทขี่ องจดหมายอาจมีตัวย่อของชือ่ องคก์ รได้ แตค่ ำยอ่ ของชอื่ องคก์ รต้องเป็นที่รู้จักและ
ยอมรับกันโดยทั่วไป เช่น ท่ี ศธ ๕ / ๒๕๕๖ “ศธ” เปน็ อักษรยอ่ ของ
“กระทรวงศึกษาธิการ” เป็นตน้

๓. วนั เดอื น ปี จะเขียนอยู่กลางหนา้ กระดาษตอ่ จากทอี่ ยขู่ องผู้ออกจดหมาย การเขียนวัน เดอื น ปี ไม่
ต้องเขียนคำว่า “วนั ท่ี” และ “ปี” ให้ระบแุ คว่ ัน เดอื น ปี เท่านัน้ เชน่ “๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖”

๔. เรอ่ื ง เปน็ การสรปุ สาระสำคัญของจดหมาย ควรเป็นประโยคสั้น กะทัดรดั และบอกวัตถปุ ระสงค์ท่ี
ออกจดหมาย เชน่ ขอความอนุเคราะห์…

๕. คำขน้ึ ต้น ใช้คำวา่ “เรยี น” ขึ้นต้นจดหมายทกุ คร้ัง จากนั้นตามดว้ ยช่อื และนามสกุล
หรอื อาจตามดว้ ยตำแหน่งของผรู้ ับจดหมาย เช่น “เรียน นายวรพพล คงเดช ” “เรยี นผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยม
วดั นายโรง”

๖. สงิ่ ทีส่ ง่ มาด้วย เป็นสิ่งท่ีผู้สง่ จดหมายส่งใหผ้ ู้รับพร้อมจดหมาย เช่น รายละเอยี ดโครงการ เอกสาร
ประกอบการประชุม หนังสอื (อาจจะมหี รือไม่มีกไ็ ด้)

๗. ขอ้ ความหรือเนอื้ หาของจดหมาย เปน็ เนื้อหาสาระหลักของจดหมาย มักมี ๒ ยอ่ หน้า หากเนอื้ หา
จดหมายมีความยาวอาจ มี ๓ ยอ่ หน้า ก็ได้

➢ หากมี ๒ ย่อหน้า
• ย่อหนา้ แรก บอกถึงสาเหตทุ ี่ตอ้ งเขียนจดหมาย หากเปน็ จดหมายฉบบั แรกตอ้ งข้นึ ตน้ คำว่า

“ดว้ ย” “เน่ืองด้วย” “เน่อื งจาก” เช่น ด้วยกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย โรงเรียนมธั ยมวัด
นายโรง จะจัดการแสดงผลงานโครงงานของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒……. หรือ เน่อื งดว้ ยห้องน้ำของโรงเรยี น

มัธยมวดั นายโรง มีสภาพชำรุดมาก ทำใหเ้ กิดกลนิ่ รบกวนและ นกั เรยี นไมไ่ ดร้ บั ความสะดวกในการใช…้ … แล้วตาม
ดว้ ยรายละเอียด จุดประสงค์ ความต้องการ

• หากเป็นกรณกี ารตอบจดหมาย หรอื สง่ จดหมายเพอื่ ติดตามเร่ือง จำเปน็ จะต้องเท้าความเรื่องท่ี
เคยตดิ ตอ่ ไว้ โดยใช้คำวา่ “ตามท่ี” ขึน้ ต้นเร่ืองท่ีเทา้ ความ และใช้คำว่า “นนั้ ” ลงท้าย เช่น ตามที่ท่านได้ส่ังซือ้
วารสารเมอื งโบราณฉบบั ย้อนหลัง ฉบับที่ ๓๑ และฉบบั ท่ี ๓๒ จำนวนฉบับละ ๑เล่ม ในราคาเลม่ ละ ๑๒๐ บาทนั้น

หรือตามทท่ี ่านไดข้ อความอนุเคราะห์ให้ทางชมรมพระพุทธศาสนา โรงเรยี นมธั ยมวดั นายโรง ส่งนกั เรียนไปเข้าร่วม
กิจกรรมวนั วิสาขบูชา ณ มณฑลพิธีทอ้ งสนามหลวง

ในวันท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ นนั้
• ยอ่ หน้าที่สอง บอกหรอื ย้ำวัตถุประสงคข์ องจดหมายอย่างชัดเจน โดยใช้คำขนึ้ ตน้ ว่า “จึงเรียน

มาเพอ่ื …… (บอกจุดประสงค์ )……. เช่น จึงเรยี นมาเพื่อทราบ, จึงเรยี นมาเพ่ือโปรดพิจารณา, จึงเรยี นมาเพ่อื ขอ

ความอนเุ คราะห…์ ….. ตัวอยา่ งเช่น จงึ เรยี นมาเพื่อขอความอนุเคราะห์ บรจิ าคหนงั สอื เพอ่ื เข้าร่วมโครงการ
ดงั กล่าว และขอขอบคณุ มา ณ โอกาสน้ี

➢ หากมี ๓ ยอ่ หน้า
– ยอ่ หนา้ แรก บอกถงึ สาเหตุท่ีต้องเขยี นจดหมาย หากเปน็ จดหมายฉบับแรกต้องขึน้ ต้นคำว่า

“ด้วย” “เนอ่ื งด้วย” “เนื่องจาก”
– ย่อหนา้ ทีส่ อง บอกจดุ ประสงคใ์ นการเขียนอย่างชัดเจนว่าตอ้ งการจะใหท้ ำอะไร

มกั ข้นึ ต้นดว้ ยช่อื ของหน่วยงานทอ่ี อกจดหมาย
– ย่อหนา้ ทสี่ าม ข้นึ ต้นดว้ ยคำวา่ “จึงเรยี นมาเพือ่ ….”

๘. คำลงท้าย ใช้คำว่า “ขอแสดงความนับถอื ” โดยให้เขยี นตรงกับวันท่ี

๙. ลายมือชอื่ เป็นลายมือชอ่ื จรงิ ของผลู้ งชอื่ หา้ มใชต้ รายาง
๑๐. ชอื่ เต็มของผ้เู ขยี นจดหมาย ชอ่ื เต็มและนามสกุลจะเขยี นใส่ไวใ้ นวงเลบ็ หรอื อาจจะพมิ พ์กไ็ ด้และ

จะตอ้ งมีคำนำหน้าช่ือเสมอ เช่น นายณเดช คูกมิ ยิ ะ, นางสาวอุรัสยา สเปอร์บันด์
๑๑. ตำแหนง่ ของผู้เขียนจดหมาย หากผูเ้ ขยี นจดหมายเป็นผมู้ ีตำแหน่งรบั ผิดชอบงาน

ของหนว่ ยงานทีอ่ อกจดหมาย จะต้องพิมพก์ ำกบั ต่อท้ายเสมอ แต่หากออกจดหมายในนามชมรมในสถานศึกษา

ต้องมีลายมือช่ืออาจารยท์ ี่ปรกึ ษาชมรมกำกับทา้ ยจดหมายด้วย

๑๒. หมายเลขโทรศัพทข์ องผู้เขยี นจดหมายหรอื หนว่ ยงานท่อี อก ในสว่ นนจ้ี ะอยู่ลำดับสดุ ทา้ ยของ
จดหมาย และพมิ พ์ชดิ ขอบจดหมายดา้ นซ้าย ควรระบุหมายเลขโทรศพั ท์ โทรสาร และท่ีอยไู่ ปรษณีย์อเิ ล็กทรอนกิ ส์
ด้วย

ตวั อย่างจดหมายขอความอนุเคราะห์

ใบความรู้
เรื่อง การเขยี นจดหมายขอขอบคุณ

การเขยี นจดหมายขอขอบคุณ คอื การเขยี นจดหมายเพือ่ ขอขอบคุณหนว่ ยงานหรือองคก์ ร
ต่าง ๆ ทใี่ ห้ความอนเุ คราะห์จนกระท่งั การงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เปน็ การแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความซาบซึ้งในน้ำใจที่
หน่วยงานหรอื องคก์ ารไดใ้ หค้ วามอนเุ คราะห์ ซง่ึ การเขียนประเภทนจี้ ะต้องใช้ภาษาที่เปน็
แบบแผน มขี อ้ ความที่สนั้ กระชับ ครอบคลุม ชัดเจน และสอ่ื สารให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา

หลกั การเขยี นจดหมายขอขอบคุณ มดี งั นี้
1. เขียนให้ครบตามสว่ นประกอบของจดหมายกจิ ธรุ ะ (เวน้ แตส่ ิง่ ทีแ่ นบมาด้วยหรอื ขอ้ มูลการตดิ ตอ่ ที่

มหี รอื ไม่กไ็ ด)้
2. ใช้ภาษาแบบแผน (ภาษาระดับทางการ) ในการเขียนจดหมาย ใช้ข้อความกะทัดรัด ครอบคลุม

ชดั เจน และตรงไปตรงมา
3. ใชถ้ ้อยคำหรอื เลือกสรรคำมาใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั โอกาส สถานการณ์ และ

ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คล
4. คำขน้ึ ตน้ คำลงทา้ ย และเนอ้ื ความจะตอ้ งสอดคลอ้ งสมั พนั ธ์กัน เพ่อื ใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจ

วตั ถปุ ระสงค์ท่เี ขียน
5. จดหมายจะตอ้ งสะอาด เรยี บร้อย ไมม่ คี ำท่ีเขยี นผิด ไม่มรี อยลบ

ขอ้ ควรระวัง ไมค่ วรใช้อกั ษรยอ่ ในการเขยี นจดหมาย

ขั้นตอนการเขยี นจดหมายขอขอบคณุ
๑. หัวจดหมาย เปน็ ส่วนของช่ือองค์กรหรอื หนว่ ยงานทเ่ี ป็นต้นสังกัดของผู้ออกจดหมาย

จะบอกรายละเอยี ดถึงหนว่ ยงานทร่ี ับผิดชอบและทอ่ี ยู่หนว่ ยงาน ซ่งึ จะมีตราองคก์ รหรือตราหนว่ ยงานอย่กู ลาง
หนา้ กระดาษ ท่ีอยู่จะอย่ทู างขวามอื ของกระดาษ

๒. ลำดับท่ีของจดหมาย จะใช้คำว่า “ที่” ตามดว้ ย “เลขบอกลำดบั ท่ีของจดหมาย” ตามดว้ ย ปี พ.ศ.
โดยจะมเี ครอื่ งหมาย “/” ทบั ค่นั เชน่ ท่ี ๕ / ๒๕๕๖ ลำดับอยู่ทางด้านซ้ายของจดหมาย ซงึ่ ตรงกับที่อยขู่ องผ้อู อก
จดหมาย ในส่วนลำดบั ที่ของจดหมายอาจมีตัวย่อของชื่อองค์กรได้ แตค่ ำย่อของช่อื องคก์ รตอ้ งเป็นท่ีร้จู กั และ
ยอมรบั กนั โดยทัว่ ไป เช่น ที่ ศธ ๕ / ๒๕๕๖ “ศธ” เป็นอกั ษรยอ่ ของ
“กระทรวงศึกษาธิการ” เป็นตน้ ซึ่งลำดับจดหมายฉบบั บนจี้ ะอยหู่ ลงั ฉบับขอความอนเุ คราะหเ์ สมอ

๓. วนั เดือน ปี จะเขียนอยกู่ ลางหนา้ กระดาษตอ่ จากทอี่ ย่ขู องผู้ออกจดหมาย การเขียนวัน เดอื น ปี ไม่
ตอ้ งเขียนคำว่า “วันท่ี” และ “ปี” ใหร้ ะบแุ คว่ นั เดือน ปี เท่านัน้ เชน่ “๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖”

๔. เรอ่ื ง จะเขียนว่า “ขอขอบคณุ ”
๕. คำขน้ึ ตน้ ใช้คำวา่ “เรยี น” ข้นึ ต้นจดหมายทุกคร้ัง จากนั้นตามดว้ ยชื่อ และนามสกลุ
หรอื อาจตามด้วยตำแหน่งของผรู้ ับจดหมาย โดยยึดตามฉบับขอความอนเุ คราะห์เสมอ เช่น “เรียน
นายวรพพล คงเดช ” “เรียนผ้อู ำนวยการโรงเรียนมธั ยมวัดนายโรง”

6. ข้อความหรือเน้อื หาของจดหมาย เปน็ เน้ือหาสาระหลกั ของจดหมาย มักมี ๒ ยอ่ หน้า
• ย่อหนา้ แรก เนื่องดว้ ยเปน็ กรณกี ารตอบจดหมาย หรือส่งจดหมายเพ่ือขอบคุณหนว่ ยงานทีใ่ ห้

ความอนเุ คราะห์ ให้ใช้คำวา่ “ตามที่” เชน่ ตามท่ีชมรมพฒั นาท้องถน่ิ โรงเรียนมธั ยมวัดนายโรง ได้จัด
.................... เมือ่ วนั ท่ี ...............................และไดข้ อความอนเุ คราะห.์ ...............

• ย่อหนา้ ท่สี อง ใหแ้ สดงความขอบคุณ โดยบอกช่ือหน่วยงานท่ีเขียนจดหมาย
เชน่ .......(ช่อื หน่วยงานทีเ่ ขยี นจดหมาย)......... ขอขอบคุณ.............................ของท่านเป็นอยา่ งยิ่งและหวังวา่
คงจะไดร้ ับความอนเุ คราะห์จากทา่ นเปน็ อยา่ งดี

7. คำลงท้าย ใช้คำวา่ “ขอแสดงความนับถอื ” โดยใหเ้ ขียนตรงกบั วนั ท่ี
8. ลายมือช่ือ เปน็ ลายมือชือ่ จริงของผลู้ งช่ือ ห้ามใช้ตรายาง
9. ช่ือเตม็ ของผ้เู ขียนจดหมาย ช่ือเต็มและนามสกุลจะเขียนใส่ไวใ้ นวงเลบ็ หรืออาจพมิ พ์ก็ได้และจะตอ้ ง
มคี ำนำหน้าช่อื เสมอ เช่น นายณเดช คกู ิมิยะ, นางสาวอรุ สั ยา สเปอรบ์ นั ด์
๑0. ตำแหนง่ ของผู้เขยี นจดหมาย หากผู้เขยี นจดหมายเปน็ ผู้มตี ำแหนง่ รับผิดชอบงาน
ของหน่วยงานทอี่ อกจดหมาย จะตอ้ งพิมพ์กำกบั ต่อทา้ ยเสมอ แต่หากออกจดหมายในนามชมรมในสถานศึกษา
ต้องมลี ายมือชอื่ อาจารยท์ ีป่ รึกษาชมรมกำกับทา้ ยจดหมายดว้ ย
๑1. หมายเลขโทรศพั ทข์ องผู้เขยี นจดหมายหรอื หนว่ ยงานทีอ่ อก ในสว่ นนจี้ ะอยลู่ ำดบั สดุ ท้ายของ
จดหมาย และพิมพช์ ิดขอบจดหมายดา้ นซา้ ย ควรระบหุ มายเลขโทรศพั ท์ โทรสาร และทอี่ ย่ไู ปรษณยี อ์ ิเล็กทรอนิกส์
ดว้ ย

ใบงาน
เร่ือง ส่วนประกอบของจดหมายกิจธรุ ะ

คำช้แี จง ใหน้ ักเรียนเตมิ ส่วนประกอบของจดหมายกจิ ธุระลงในใบงานทค่ี รูแจกใหใ้ ห้ถกู ต้อง

( 2 )...................................... ( 1 )...............................
.............................................

( 3 ).....…………......................

...( 4 )... ..................................................................

..( 5 ).... ...................................................................

…( 6 ) .............. ...........................................................

.......(7)......................................................................................................
...............................................................................................................................................
...................................................................................................... .............( 8
)...........................................................................................
...............................................................................................................................

( 9 )....................................................

( ( 10 )..............................................)

ใบงาน( 11 )........................................................
(...1...2....)................................................เ....ร.......ื่อ.......ง...............ห........ล........กั.........ก.....า...ร...เ..ขยี นจดหมายกิจธรุ ะ

ช่อื ............................................................................................ช้นั ....................เลขท่.ี ..................

คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นเติมขอ้ ความที่หายไปในใบงานให้สมบูรณ์และถกู ต้องตามหลักการ

ท่ี ๑๒/๒๕๖๔ ชมรมรักความเป็นไทย
โรงเรียนบ้านนาคอย ตำบลนางัว
อำเภอนาหว้า จงั หวดั นครพนม

๔๘๑๘๐

๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔

เรอื่ ง ขอความอนุเคราะห์ใช้สถานท่ีจดั กิจกรรม “วันภาษาไทย รว่ มใจอนรุ กั ษ์ภาษา”

เรียน ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นบ้านนาคู

ดว้ ยชมรมรักความเป็นไทย โรงเรียนบ้านนาคอย จะจดั กจิ กรรม“วนั ภาษาไทย ร่วมใจอนรุ กั ษภ์ าษา”เพื่อ
สง่ เสริมใหเ้ ยาวชนรจู้ ักใชภ้ าษาไทยใหถ้ ูกต้องตามอักขระ และเป็นการอนรุ กั ษ์การใช้ภาษาไทย จัดขึ้นในวนั ที่ ๑๒
ธนั วาคม ๒๕๖๔ ณ หอ้ งประชุมรว่ มใจ โรงเรียนบ้านนาคู ตำบลนาคู อำเภอนาหว้า จงั หวัดนครพนม

ในการน้ี ชมรมรกั ความเป็นไทย โรงเรยี นบา้ นนาคอย จึงขอความอนุเคราะห์ใชส้ ถานท่ีห้องประชมุ ร่วมใจ

โรงเรียนบา้ นนาคู เพื่อใชใ้ นการจัดกจิ กรรมดงั กล่าว หวงั เปน็ อยา่ งย่ิงว่าจะได้รับความอนเุ คราะห์จากท่านเปน็ อย่างดี

ขอแสดงความนับถือ
ณฐั ริกา

(นางสาวณฐั รกิ า บุษบา)
ประธานชมรมรักความเปน็ ไทย

ชมรมรักความเปน็ ไทย โรงเรียนบ้านนาคอย ใบงาน

โทรศพั ท์ ๐๘๑๒๓๕๖๗๖๗ เร่ือง การเขยี นจดหมายขอความอนุเคราะห์
อีเมล์ [email protected]

ช่อื .......ค...ำ..ช..้แี...จ..ง...ใ..ห..้น...กั..เ..ร..ีย..น...เ.ข..ีย..น...จ..ด...ห..ม...า..ย..ข..อ...ค..ว..า..ม...อ..น...เุ .ค..ร..า..ะ...ห..์ใชช้ัน้ส.ถ...า..น..ท...ใ่ี .ห...้ถ..กู...ตเล้อขงตทา.ี่ .ม...ห..ล...ัก..ก..า..ร...

ที่ ........./..................... .....................................................................................
.....................................................................................
.....................................................................................

.....…………....................................................

เรอ่ื ง ..................................................................

เรียน ...................................................................

ด้วย.............................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................
ในการน้ี .....................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................

............................................................

(..........................................................................)
............................................................................

...........................................................................
...........................................................................

ช่ือ.....................................................................................................................ชนั้ ....................เลขท่ี...................

ใบงาน
เรอื่ ง การเขยี นจดหมายขอขอบคุณ

คำชีแ้ จง ให้นกั เรียนเขยี นจดหมายขอขอบคุณให้ถกู ตอ้ งตามหลักการ

ท่ี ........./..................... .....................................................................................

.....................................................................................
.....................................................................................

.....…………....................................................

เร่อื ง ..................................................................

เรียน ...................................................................

ตามท.่ี ........................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................................

ชมรม .....................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................................

............................................................

(..........................................................................)
............................................................................

...........................................................................
...........................................................................

ช่อื .....................................................................................................................ช้นั ....................เลขที่...................

แบบประเมินใบงาน เรื่อง การเขยี นจดหมายกจิ ธุระ

นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3

รายช่ือ ความถูกตอ้ งของ รวม สรุปผล
สว่ นประกอบจดหมายกจิ ธุระ (5 คะแนน) ผ่าน ไมผ่ ่าน

5 43 2 1

หมายเหตุ : เกณฑ์การทำใบงาน ต้องได้คะแนนรอ้ ยละ ๕๐ คอื ๒.๕ คะแนนข้นึ ไป จากคะแนนเต็ม ๕ จึงจะถือวา่
ผ่านเกณฑ์

เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑ์การตัดสินระดบั คุณภาพ ผลการประเมิน

5 คะแนน ดมี าก ผา่ น
4 คะแนน ดี ผา่ น
2.5 - 3 คะแนน ผ่าน
2 คะแนน ปานกลาง ไมผ่ า่ น
1 คะแนน พอใช้ ไมผ่ ่าน
ปรับปรุง

แบบประเมนิ ใบงาน เรื่อง หลักการเขยี นจดหมายกิจธรุ ะ
นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3

รายการประเมิน

รวม สรปุ ผล
ชอ่ื -สกุล ความ ูถก ้ตองของส่วนประกอบ
จดหมาย ิกจ ุธระ

ความ ูถก ้ตองของภาษาที่เลือกใ ้ช
ความ ูถก ้ตองของการใ ้ช ้ถอยคำ

ความ ูถก ้ตองของคำ ้ึขน ้ตน
คำลง ้ทายและเ ื้นอความ ี่ท ีมความ

สอดคล้อง ัสมพัน ์ธ ักน
ความสะอาดเรียบ ้รอยของจดหมาย

๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผา่ น ไมผ่ ่าน

หมายเหตุ : เกณฑ์การทำใบงาน ต้องได้คะแนนรอ้ ยละ ๕๐ คือ ๕ คะแนนขนึ้ ไป จากคะแนนเต็ม ๑๐ จึงจะถอื วา่
ผ่านเกณฑ์

เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การตัดสินระดบั คุณภาพ ผลการประเมนิ

๙ - ๑๐ คะแนน ดมี าก ผ่าน
๗ - ๘ คะแนน ดี ผา่ น
๕ - ๖ คะแนน ผา่ น
๓ - ๔ คะแนน ปานกลาง ไม่ผา่ น
๐ - ๒ คะแนน พอใช้ ไมผ่ า่ น
ปรับปรงุ

แบบประเมินใบงาน เรือ่ ง การเขียนจดหมายขอความอนุเคราะห์
นักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3/4

รายการประเมนิ

ความ ูถก ้ตองของ ่สวนประกอบ
จดหมาย ิกจ ุธระ

ความ ูถก ้ตองของภาษาที่เ ืลอกใ ้ช
ความ ูถก ้ตองของการใ ้ช ้ถอยคำ

ความ ูถก ้ตองของคำ ้ึขน ้ตน
คำลง ้ทายและเนื้อความ ี่ทมีความสอดค ้ลอง

ัสม ัพน ์ธ ักน
ความสะอาดเ ีรยบ ้รอยของจดหมาย
ชอ่ื -สกุล รวม สรปุ ผล
๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผา่ น ไมผ่ ่าน

หมายเหตุ : เกณฑ์การทำใบงาน ตอ้ งได้คะแนนร้อยละ ๕๐ คือ ๕ คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเตม็ ๑๐ จงึ จะถอื ว่า
ผ่านเกณฑ์

เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑก์ ารตัดสินระดับคุณภาพ ผลการประเมนิ

๙ - ๑๐ คะแนน ดีมาก ผา่ น
๗ - ๘ คะแนน ดี ผา่ น
๕ - ๖ คะแนน ผา่ น
๓ - ๔ คะแนน ปานกลาง ไม่ผา่ น
๐ - ๒ คะแนน พอใช้ ไมผ่ า่ น
ปรบั ปรงุ

แบบประเมินใบงาน เรอื่ ง การเขียนจดหมายขอขอบคุณ
นักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3

รายการประเมนิ

รวม สรุปผล
ชอ่ื -สกุล ความ ูถก ้ตองของ ่สวนประกอบ
จดหมาย ิกจ ุธระ

ความ ูถก ้ตองของภาษาที่เลือกใ ้ช
ความ ูถก ้ตองของการใ ้ช ้ถอยคำ

ความ ูถก ้ตองของคำ ้ึขน ้ตน
คำลง ้ทายและเนื้อความ ี่ทมีความสอดค ้ลอง

ัสม ัพน ์ธ ักน
ความสะอาดเ ีรยบ ้รอยของจดหมาย

๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ่าน ไม่ผ่าน

หมายเหตุ : เกณฑ์การทำใบงาน ต้องได้คะแนนร้อยละ ๕๐ คือ ๕ คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเต็ม ๑๐ จงึ จะถอื วา่
ผ่านเกณฑ์

เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การตัดสินระดบั คุณภาพ ผลการประเมนิ

๙ - ๑๐ คะแนน ดมี าก ผ่าน
๗ - ๘ คะแนน ดี ผา่ น
๕ - ๖ คะแนน ผา่ น
๓ - ๔ คะแนน ปานกลาง ไม่ผา่ น
๐ - ๒ คะแนน พอใช้ ไมผ่ า่ น
ปรับปรงุ

รายละเอยี ดเกณฑก์ ารประเมนิ
ใบงาน เร่ือง สว่ นประกอบของจดหมายกิจธรุ ะ

รายละเอยี ดเกณฑ์ รายละเอียดการให้คะแนน

การประเมนิ 5 4 3 2 1

1. ความถูกตอ้ ง สามารถบอก สามารถบอก สามารถบอก สามารถบอก สามารถบอก
ส่วนประกอบ
ของส่วนประกอบ สว่ นประกอบ สว่ นประกอบ ส่วนประกอบ สว่ นประกอบ ของจดหมายได้
แต่ไมค่ รบ 7
จดหมายกิจธุระ ของจดหมาย ของจดหมาย ของจดหมายได้ ของจดหมายได้ สว่ นข้ึนไป

ไดค้ รบทกุ ได้ แตไ่ ม่ครบ แตไ่ ม่ครบ 3 - แต่ไม่ครบ 5 -

ส่วนประกอบ 1 - 2 สว่ น 4 สว่ น 6 ส่วน

รายละเอยี ดเกณฑ์การประเมนิ
ใบกิจกรรม เรอ่ื ง หลักการเขียนจดหมายกิจธุระ

รายละเอยี ดเกณฑ์การ รายละเอียดการให้คะแนน
ประเมนิ
21
1. ความถกู ตอ้ งของ
สว่ นประกอบจดหมายกิจธุระ สามารถเขียนสว่ นประกอบของ สามารถเขียนสว่ นประกอบของจดหมาย

2. ความถูกต้องของภาษาที่ จดหมายกิจธุระ (เว้นแตส่ ่ิงท่ีแนบ กิจธุระได้ แต่ไม่ครบทกุ สว่ นประกอบ
เลือกใช้
มาด้วยหรอื ข้อมูลการตดิ ต่อท่ีมี
3. ความถูกต้องของการใช้
ถอ้ ยคำ หรอื ไม่ก็ได)้ ครบทุกส่วนประกอบ

สามารถใช้ภาษาแบบแผน สามารถใช้ภาษาแบบแผน (ภาษาระดบั

(ภาษาระดับทางการ) ในการ ทางการ) ในการเขยี นจดหมาย แตอ่ าจจะ

เขยี นจดหมาย ใช้ขอ้ ความที่ มีภาษาระดับก่ึงทางการเขา้ มาปะปนบ้าง

กะทัดรดั ครอบคลมุ ชัดเจน เล็กนอ้ ย หรือไมใ่ ช้ข้อความไมส่ นั้ กะทัดรดั

และตรงไปตรงมา ครอบคลุม ชัดเจน และตรงไปตรงมา

สามารถเลอื กใช้ถอ้ ยคำหรอื สามารถเลือกใช้ถ้อยคำหรือเลอื กสรรคำ

เลือกสรรคำมาใช้ไดอ้ ยา่ ง มาใชไ้ ด้ แต่ยังไม่เหมาะสมกับโอกาส

เหมาะสมกบั โอกาส สถานการณ์ สถานการณ์ และความสัมพันธ์

และความสมั พนั ธร์ ะหว่างบคุ คล ระหว่างบคุ คลเท่าที่ควร

4. ความถกู ต้องของคำขึ้นตน้ สามารถใช้คำขึ้นตน้ คำลงทา้ ยได้ สามารถใช้คำขึ้นต้น คำลงท้ายได้ถูกต้อง

คำลงทา้ ยและเน้อื ความที่มี ถูกตอ้ ง และเนือ้ ความมีความ แตเ่ นอ้ื ความบางส่วนยงั ไม่สอดคลอ้ ง

ความสอดคลอ้ งสมั พนั ธก์ ัน สอดคลอ้ งสมั พนั ธ์กนั ทำให้ผอู้ ่าน สัมพันธก์ นั ทำใหผ้ ู้อา่ นเข้าใจวตั ถปุ ระสงค์

เข้าใจวัตถปุ ระสงคท์ เ่ี ขียนไดง้ ่าย ทเี่ ขยี นได้งา่ ย แตอ่ าจจะต้องตีความก่อน

ขึน้

5. ความสะอาดเรยี บร้อยของ สามารถเขียนจดหมายไดส้ ะอาด สามารถเขยี นจดหมายได้สะอาด

จดหมาย เรยี บรอ้ ย ไมม่ ีคำทีเ่ ขยี นผิด ไม่มี เรียบร้อย แต่มีคำทีเ่ ขียนผิด มีรอยลบ

รอยลบ เลก็ นอ้ ย

รายละเอียดเกณฑก์ ารประเมนิ
ใบกจิ กรรม เรอื่ ง การเขียนจดหมายขอความอนุเคราะห์

รายละเอยี ดเกณฑก์ าร รายละเอยี ดการให้คะแนน
ประเมิน
21
1. ความถูกตอ้ งของ
ส่วนประกอบจดหมายกิจธรุ ะ สามารถเขยี นส่วนประกอบของ สามารถเขียนส่วนประกอบของจดหมาย

2. ความถกู ตอ้ งของภาษาท่ี จดหมายกจิ ธุระ (เวน้ แต่สิ่งที่แนบ กจิ ธุระได้ แต่ไมค่ รบทุกส่วนประกอบ
เลือกใช้
มาด้วยหรือข้อมลู การติดตอ่ ท่ีมี
3. ความถกู ตอ้ งของการใช้
ถ้อยคำ หรือไม่ก็ได้) ครบทกุ สว่ นประกอบ

สามารถใช้ภาษาแบบแผน สามารถใช้ภาษาแบบแผน (ภาษาระดบั

(ภาษาระดับทางการ) ในการ ทางการ) ในการเขยี นจดหมาย แตอ่ าจจะ

เขยี นจดหมาย ใชข้ อ้ ความท่ี มภี าษาระดับกึ่งทางการเข้ามาปะปนบ้าง

กะทดั รัด ครอบคลมุ ชัดเจน เล็กนอ้ ย หรือไมใ่ ชข้ ้อความไมส่ ัน้ กะทดั รัด

และตรงไปตรงมา ครอบคลมุ ชดั เจน และตรงไปตรงมา

สามารถเลอื กใช้ถอ้ ยคำหรอื สามารถเลอื กใช้ถอ้ ยคำหรอื เลือกสรรคำ

เลือกสรรคำมาใช้ได้อย่าง มาใช้ได้ แตย่ งั ไม่เหมาะสมกับโอกาส

เหมาะสมกบั โอกาส สถานการณ์ สถานการณ์ และความสมั พันธ์

และความสัมพนั ธร์ ะหว่างบคุ คล ระหวา่ งบุคคลเท่าที่ควร

4. ความถูกตอ้ งของคำข้ึนตน้ สามารถใช้คำขน้ึ ตน้ คำลงทา้ ยได้ สามารถใช้คำข้นึ ต้น คำลงท้ายไดถ้ กู ตอ้ ง

คำลงท้ายและเน้ือความทม่ี ี ถกู ต้อง และเนอ้ื ความมีความ แตเ่ นือ้ ความบางสว่ นยังไม่สอดคลอ้ ง

ความสอดคล้องสัมพนั ธก์ ัน สอดคลอ้ งสมั พนั ธ์กนั ทำให้ผ้อู า่ น สมั พันธ์กนั ทำให้ผู้อ่านเข้าใจวตั ถุประสงค์

เข้าใจวัตถุประสงค์ทีเ่ ขยี นได้งา่ ย ที่เขยี นได้ง่าย แตอ่ าจจะตอ้ งตคี วามก่อน

ข้ึน

5. ความสะอาดเรยี บรอ้ ยของ สามารถเขียนจดหมายได้สะอาด สามารถเขยี นจดหมายได้สะอาด

จดหมาย เรียบร้อย ไมม่ คี ำทีเ่ ขยี นผิด ไม่มี เรียบรอ้ ย แต่มีคำท่เี ขยี นผิด มรี อยลบ

รอยลบ เล็กนอ้ ย

รายละเอียดเกณฑ์การประเมิน
ใบกจิ กรรม เรอื่ ง การเขยี นจดหมายขอขอบคณุ

รายละเอียดเกณฑ์การ รายละเอยี ดการให้คะแนน
ประเมิน
21
1. ความถกู ตอ้ งของ
ส่วนประกอบจดหมายกจิ ธรุ ะ สามารถเขยี นส่วนประกอบของ สามารถเขียนส่วนประกอบของจดหมาย

2. ความถกู ตอ้ งของภาษาที่ จดหมายกจิ ธุระ (เว้นแตส่ ง่ิ ท่ีแนบ กจิ ธุระได้ แตไ่ มค่ รบทุกส่วนประกอบ
เลอื กใช้
มาด้วยหรือข้อมูลการติดตอ่ ทม่ี ี
3. ความถูกต้องของการใช้
ถอ้ ยคำ หรือไม่กไ็ ด)้ ครบทุกสว่ นประกอบ

สามารถใชภ้ าษาแบบแผน สามารถใชภ้ าษาแบบแผน (ภาษาระดบั

(ภาษาระดบั ทางการ) ในการ ทางการ) ในการเขียนจดหมาย แต่อาจจะ

เขยี นจดหมาย ใช้ข้อความท่ี มีภาษาระดบั ก่ึงทางการเขา้ มาปะปนบ้าง

กะทัดรดั ครอบคลุม ชัดเจน เล็กน้อย หรอื ไม่ใชข้ ้อความไม่ส้ันกะทัดรดั

และตรงไปตรงมา ครอบคลุม ชัดเจน และตรงไปตรงมา

สามารถเลือกใช้ถ้อยคำหรือ สามารถเลือกใช้ถ้อยคำหรอื เลอื กสรรคำ

เลือกสรรคำมาใชไ้ ด้อยา่ ง มาใช้ได้ แตย่ ังไม่เหมาะสมกบั โอกาส

เหมาะสมกบั โอกาส สถานการณ์ สถานการณ์ และความสัมพันธ์

และความสัมพนั ธร์ ะหว่างบุคคล ระหวา่ งบุคคลเท่าท่คี วร

4. ความถกู ตอ้ งของคำข้นึ ต้น สามารถใช้คำขน้ึ ต้น คำลงทา้ ยได้ สามารถใช้คำข้นึ ต้น คำลงท้ายไดถ้ กู ตอ้ ง

คำลงท้ายและเนื้อความทม่ี ี ถูกต้อง และเนื้อความมคี วาม แตเ่ นอื้ ความบางส่วนยังไม่สอดคล้อง

ความสอดคลอ้ งสมั พันธก์ นั สอดคลอ้ งสัมพนั ธ์กนั ทำให้ผู้อ่าน สมั พนั ธก์ ัน ทำให้ผู้อ่านเข้าใจวัตถุประสงค์

เข้าใจวัตถุประสงค์ที่เขยี นไดง้ ่าย ทีเ่ ขียนไดง้ า่ ย แต่อาจจะต้องตคี วามก่อน

ขน้ึ

5. ความสะอาดเรยี บร้อยของ สามารถเขียนจดหมายไดส้ ะอาด สามารถเขียนจดหมายไดส้ ะอาด

จดหมาย เรยี บรอ้ ย ไม่มีคำที่เขียนผิด ไมม่ ี เรียบร้อย แตม่ ีคำทเี่ ขียนผิด มีรอยลบ

รอยลบ เลก็ นอ้ ย


Click to View FlipBook Version